ตอนพิเศษ FIFTY SHADES OF CLOUD
วันนี้จงรักที่ไม่มีงานใน I Promise Tower ดังนั้นเจ้าตัวจึงมีโอกาสได้เฝ้าร้านบ้าง หลังจากก่อนหน้านี้ไม่ได้เข้ามาอยู่ที่ร้านหอมไกลเลยสักวัน เพราะช่วงที่ผ่านมาเหล่าบรรดาคู่รักต่างก็จูงมือเข้าประตูวิวาห์กันเป็นว่าเล่น ดังนั้นงานที่จงรักได้รับมอบหมายจากพี่ไอก็มากตามไปด้วย จงรักจึงจำเป็นต้องให้พี่มิ้นลูกจ้างคนสนิทรับหน้าที่ดูแลร้านแทนไปพลางๆ แต่หากวันไหนมีปัญหาหรือมีสต๊อกเข้ามามากๆ จงรักก็จะแวะมาช่วยด้วยเหมือนกัน
ผ่านช่วงเช้าไปจนถึงช่วงบ่าย ร้านดอกไม้ก็เริ่มเงียบเหงา สาวๆพนักงานจึงพากันลากเก้าอี้มาล้อมวงกับจงรัก แล้วเริ่มคุยเล่นกันอย่างสนุกสนาน โดยหัวข้อสนทนาในตอนนี้เป็นเรื่องหนัง สองสาวเล่าให้ฟังว่ามีหนังเรื่องหนึ่งที่เพิ่งเข้าโรงได้ไม่นาน และพวกเธอก็พาคนรักไปดูด้วยกันมา ก่อนจะกรี๊ดกร๊าดพร้อมกับรีวิวว่ามันดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้
จงรักก็ไม่ได้ตั้งใจฟังรายละเอียดเท่าไหร่ เพราะเนื่องจากต้องตรวจดูบัญชีและเช็คออเดอร์ดอกไม้ล๊อตใหม่ แต่ก็พอจะสรุปได้คร่าวๆจากที่ฟังว่าหนังเรื่องนี้เหมาะแก่การพาแฟนไปดูอย่างยิ่ง แต่อันที่จริงจงรักไม่ใช่พวกชอบดูหนังรักหรือหนังโรแมนติกนัก ทั้งเขาและพี่เมฆเป็นพวกเสพหนังประเภทแอคชั่น ฆาตกรรม สืบสวนสอบสวน และแฟนตาซีมากกว่า
แต่พอพี่มิ้นกับพี่ขิงเริ่มหันมาชักชวนบวกกับโน้มน้าวให้จงรักพาพี่เมฆไปดูบ้าง จงรักจึงเริ่มลังเล เพราะพี่ๆทั้งสองคนบอกว่า ถ้าดูแล้วอาจจะช่วยทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่กระชับแนบแน่นยิ่งขึ้น แม้สาวๆจะไม่ได้อธิบายว่าแนบแน่นในกรณีไหน แต่พอคิดๆว่าไม่ได้ไปดูหนังในโรงด้วยกันกับพี่เมฆมานานแค่ไหนแล้วนะ จงรักจึงตัดสินใจแอบโทรไปชวนคนรักของเขาทันที
‘ว่าไงรัก โทรหาพี่มีอะไรหรือเปล่า’
“พี่เมฆยุ่งอยู่หรือเปล่าครับ” แม้ว่าจะคบกันมาได้สักพัก แต่จงรักก็มักจะถามเมฆาด้วยความเกรงใจเช่นนี้เสมอ ยามที่โทรไปหาในเวลางาน
‘ก็ไม่ค่อยยุ่งเท่าไหร่ เดี๋ยวสี่โมงก็ออกจากออฟฟิศแล้ว มีอะไรเหรอ’
“คือ…รักจะชวนไปดูหนังน่ะครับ”
‘นึกยังไงถึงชวน’ ปลายสายถามด้วยความประหลาดใจ
“ก็ไม่มีอะไรครับ แค่อยากไปดูเฉยๆ อีกอย่างเห็นว่าเป็นหนังใหม่เพิ่งเข้าด้วย พี่มิ้นกับพี่ขิงเขาบอกว่าสนุก” เว้นช่วงไปนิด จงรักก็ทำใจกล้าส่งเสียงอ้อนไปเบาๆ “นะครับ เราไม่ได้ดูหนังโรงด้วยกันนานแล้ว”
‘วันนี้ที่ร้านไม่ยุ่งใช่ไหม’ เมฆาถามเพื่อความแน่ใจ เพราะบางครั้งก็จะมีคนโทรตามให้ไปช่วยจัดการงานบ้างตอนที่ออกไปไหนมาไหนด้วยกัน
“วันนี้ไม่มีอะไรแล้วครับ ผมเคลียร์หมดแล้ว”
‘งั้นก็ได้ เดี๋ยวพี่ไปรับ’
“ครับ ผมจะรอนะ” คนชวนยิ้มออกมาจนเต็มแก้ม จากนั้นจึงเก็บโทรศัพท์แล้วเดินดูความเรียบร้อยก่อนปิดร้าน
เมฆามาก่อนเวลานัดนิดหน่อย เขาจึงนั่งรอน้องอยู่ที่ประจำบนโซฟารับแขกของร้าน สองสาวมิ้นและขิงต่างก็ยิ้มอย่างมีเลศนัยประสมความเขินอายให้กัน ยามเมื่อรู้ว่าจงรักชวนเมฆาไปดูหนังที่พวกเธอแนะนำ ซ้ำก่อนจะแยกกันที่หน้าร้าน พวกเธอยังอวยพรให้พวกเขาดูหนังให้สนุกอีกด้วย
เมื่อขึ้นมาบนรถ เมฆาก็ถามทันทีว่าหนังที่จะไปดูคือเรื่องอะไร และเมื่อได้ยินน้องทวนชื่อหนังให้ฟังซ้ำสอง เขาก็ต้องแอบลอบถอนหายใจออกมา
“แล้วรักรู้หรือเปล่าว่าเป็นหนังเกี่ยวกับอะไร หรือรู้แค่เป็นหนังรัก”
“ก็…ครับ” จงรักรับคำอ้อมแอ้ม ก่อนจะว่าต่อ “พอดีผมไม่ค่อยได้ตั้งใจฟังตอนพี่ๆเขาคุยรายละเอียด แต่รับรองว่าสนุกครับ พี่เมฆาอาจจะชอบก็ได้”
“รู้ได้ยังไง” คนหน้าดุถาม
“ก็พวกพี่ๆเขาบอกว่าพาสามีไปดูมาด้วย พวกเขาก็ว่าสนุกดี ผมเลยคิดว่าผู้ชายก็น่าจะดูได้ไม่น่าเบื่อนะ” แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือจงรักแค่อยากจะใช้เวลาที่อยู่ด้วยกันทำกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์ซึ่งต่างออกไปจากเดิมบ้าง ยิ่งช่วงที่ผ่านมาพวกเขาเองก็งานหนักทั้งคู่ ก็เลยไม่ค่อยมีเวลาได้ไปไหนมาไหนด้วยกัน
“เอาเถอะ ลองไปดู หนังจบจะได้กินข้าวนอกบ้านเสียเลย เราจะได้พักทำกับข้าวสักวัน”
“ครับ” จงรักยิ้มกว้างให้คนหน้าดุแต่ใจดี แล้วคิดในใจว่าพี่เมฆของเขานั้นน่ารักที่สุด
เมฆาเห็นน้องยิ้มดูมีความสุขจึงไม่คิดทักท้วงอะไร แม้ว่าจะรู้สึกอ่อนใจที่คนน่ารักซื่อเสียจนไม่รู้ตัวว่าถูกหลอกให้มาดูหนังประเภทไหน ก็เอาเถอะ ถึงจะไม่ใช่แบบที่ชอบดูด้วยกันเท่าไหร่ แต่ถือว่าเปิดโลกทัศน์ให้เจ้าตัวไปเสียเลยก็แล้วกัน
เมื่อถึงที่หมาย จงรักก็ตรงดิ่งไปซื้อตั๋วหนัง ส่วนเมฆานั้นเป็นคนเดินไปซื้อน้ำกับป๊อปคอร์นมาให้ หน้าที่นี้ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่ที่มาด้วยกันครั้งแรกๆ เพราะคิดว่าต่างคนต่างทำจะได้ไม่เสียเวลา พอได้ตั๋วกับขนมขบเคี้ยวเรียบร้อย จงรักกับเมฆาก็พลัดกันไปเข้าห้องน้ำ
ในระหว่างที่เมฆาเดินกลับมา ก็เห็นไกลๆว่าน้องทำคิ้วขมวดเล็กๆ พร้อมกับมองตั๋วในมือ เขาจึงเดินมานั่งข้างๆแล้วถามด้วยความสงสัย
“เป็นอะไร”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่คิดถึงเมื่อกี้ตอนไปซื้อตั๋ว”
“ทำไมเหรอ”
“ก็พนักงานเขาบอกว่าหนังที่เราจะดู เรทมันตั้งยี่สิบแหนะ”
“แล้วเรามีปัญหาอะไรล่ะ อายุไม่ถึงหรือไง” เมฆาอดไม่ได้ที่จะสัพยอก
“ไม่ใช่ครับ รักแค่สงสัย”
“สงสัยอะไร ไหนบอกพี่ซิ”
“สงสัยว่าหนังรักอะไร ทำไมเรทมันถึงแรงจัง”
“เอาเถอะ เดี๋ยวไปดูก็รู้เอง” เมฆาบอกปัดไม่ให้เจ้าตัวกังวล ก่อนจะหยิบป๊อปคอร์นป้อนเข้าปากน้องหนึ่งชิ้น เพียงเท่านั้นจงรักก็ยิ้มออกมาแล้วเลิกสงสัยเรื่องเรทหนังอีก
เมื่อถึงเวลาหนังฉาย พนักงานฉีกตั๋วก็เรียกให้ลูกค้าเข้าโรงหนัง จงรักกับเมฆาจึงเดินเข้าไปหาที่นั่งให้ตัวเองก่อนจะนั่งคุยกันเล็กน้อย จนกระทั่งหนังเริ่มฉายจึงหันไปสนใจหนังแทน
ตัวหนังดำเนินไปเรื่อยๆไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นนักในทีแรก ซ้ำบางฉากให้ความรู้สึกหม่นอย่างน่าประหลาด ตัวเอกก็หล่อสวยดูเรื่อยๆดี จนกระทั่งเนื้อเรื่องเริ่มดำเนินไปถึงที่พระเอกเผยให้นางเอกเห็นว่าตัวเองเป็นพวกชอบความรุนแรง หลังจากนั้นจงรักก็เริ่มอึดอัดใจที่จะดูต่อ
ความจริงไม่ใช่ว่าเขาดูหนังประเภทนั้นไม่ได้ เพียงแต่เขาไม่เคยคิดเลยสักครั้งที่จะดูอะไรแบบนี้พร้อมกับคนรัก โดยเนื้อเรื่องก็ถือว่าพอจะมีที่มาที่ไปและเข้าใจได้อยู่ แต่ฉากอย่างว่าที่ฉายชัดบนหน้าจอกลับทำให้จงรักนั่งไม่ติด เพราะมันทำให้รู้สึกเขินและกระอักกระอ่วนเป็นที่สุด ในอุ้งมือที่ถูกพี่เมฆกุมไว้ชุ่มชื้นไปด้วยเหงื่อ ยามหันไปมองเสี้ยวหน้าดุคมนั่งดูฉากอย่างนั้นอย่างไม่อนาทรร้อนใจ แล้วยังหันมายิ้มน้อยๆให้เขา จงรักก็ยิ่งรู้สึกอดรนทนไม่ไหว
นี่เขารบเร้าพาพี่เมฆมาดูหนังอะไรกันจวบจนหนึ่งชั่วโมงครึ่งในโรงหนังสิ้นสุดลง จงรักจึงรีบจูงมือคนรักออกมาจากโรงทันทีโดยไม่หวังอยากดูภาคต่อ แม้ความจริงหนังไม่ได้เลวร้าย แต่เขาเองที่รู้สึกประดักประเดิดเขินอายจนเข้าหน้าคนรักไม่ติด
เมฆาแอบยิ้มขำกับท่าทางเก้ๆกังๆของคนรัก เห็นแล้วก็อยากจะแกล้งให้ได้อายมากขึ้นไปอีก เพราะแก้มขาวๆของเจ้าตัวมันน่าฟัดน้อยเสียที่ไหนยามขึ้นสีแดงก่ำ ดังนั้นเมื่อเข้ามานั่งในร้านอาหารและสั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว เมฆาจึงแสร้งถามบางอย่างออกมา
“เป็นไง หนังสนุกไหม”
“ก็…สนุกดีครับ แต่…”
“แต่?” เห็นน้องอ้ำอึ้ง เมฆาจึงช่วยกระตุ้นถาม
“ฉากเรทมันเยอะไปหน่อย” จงรักว่าเสียงเบา
“อืม พี่ว่าก็ไม่เยอะขนาดนั้นหรอกนะ ตอนเห็นของในห้องของเกรย์ พี่คิดว่าเขาจะทำอะไรแอนนามากกว่านี้เสียอีก”
“แค่นั้นก็น่าสงสารแล้วครับ โดนฟาดด้วย” คนตัวเล็กว่าพลางทำหน้าแหย
“อ้าว นี่เราไม่ได้ชอบหรอกเหรอ พี่เห็นใครๆเขาก็ชอบพระเอกกันทั้งนั้น”
“ไม่ล่ะครับ ดูแล้วเจ็บแทนนางเอกเลย” ยิ่งตอนโดนเข็มขัดฟาดนะ เห็นแล้วจงรักก็อดไม่ได้ที่จะย่นคอเบ้หน้าราวกับรู้สึกเจ็บไปด้วยกับตัวละคร
“แล้วถ้าเกิดพี่เป็นแบบเกรย์ขึ้นมาล่ะ รักจะทำยังไง”
“พี่เมฆอย่าล้อเล่นแบบนี้สิครับ” เจ้าตัวเอ่ยออกมาด้วยเสียงเบายิ่งกว่าประโยคไหนๆ ซ้ำยังติดจะตัวสั่นน้อยๆด้วย
“หึๆ” เมฆาหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะเลิกพูดถึงอีก แม้ว่าการแกล้งน้องนิดๆหน่อยจะสร้างความบันเทิงให้เขาได้มากกว่าที่คิด แต่พอเห็นเจ้าตัวหน้าซีดดูเหมือนว่าจะกลัวขึ้นมาจริงๆก็เกิดสงสารและแกล้งไม่ลงอีก
แต่เมฆากลับไม่รู้ตัวเลยว่า ไอ้ท่าทางยามมุมปากกดยิ้มแล้วหัวเราะในลำคอเบาๆแบบนั้น มันทำให้ดูโรคจิตมากแค่ไหน ยิ่งผนวกกับดวงตาคมดุเป็นประกายยามถูกใจที่ได้แกล้ง ยิ่งช่วยขับให้เจ้าตัวดูน่ากลัวยิ่งขึ้น พอเห็นภาพแบบนั้นจงรักจึงต้องรีบก้มหน้าลง อดไม่ได้ที่จะเผลอคิดในใจว่า
หรือพี่เมฆจะแอบมีด้านนั้นซ่อนอยู่เหมือนกันนะ หลังจากทานข้าวจนอิ่มเรียบร้อย ทั้งคู่ก็ไปซื้อของใช้อีกนิดหน่อยแล้วตรงกลับบ้านทันที กว่าจะมาถึงที่บ้านก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืนแล้ว จงรักได้สิทธิ์อาบน้ำก่อน ดังนั้นเจ้าตัวจึงรีบอาบ เพื่อที่พี่เมฆจะได้ไม่คอยนาน
ตอนที่ออกมาจากห้องน้ำคนตัวเล็กสวมผ้าขนหูผืนเดียวเดินไปค้นหาชุดนอนที่ตู้สิ้นชัก แต่ในขณะที่กำลังจะเปิดเลือกชุดนอน สายตาก็เหลือบไปเห็นตู้ลิ้นชักในส่วนของพี่เมฆที่ตั้งอยู่ข้างๆกัน ในหัวคิดไพล่ไปถึงเรื่องที่เพ้อเจ้อเอาไว้ตอนทานมื้อค่ำ จากนั้นเจ้าตัวก็หยุดคิดไม่ได้ ซ้ำยังสงสัยอะไรไปไกลสุดกู่อีกด้วย
ตาคู่โตเหลือบมองเห็นคนรักร่างสูงยังไม่เข้าห้องน้ำ เพราะกำลังสารวนกับการถอดเสื้อ จงรักจึงแสร้งทำทีเป็นก้มลงจัดผ้าในชั้นของตัวเองเงียบๆ เขาอยากรอโอกาสให้พี่เมฆเข้าห้องน้ำไปก่อน ค่อยลองเปิดค้นในลิ้นชักฝั่งนั้นดูว่ามี ’อุปกรณ์แปลกๆ’ ซ่อนอยู่บ้างหรือเปล่า ขณะที่กำลังเรียบเรียงแผนการอยู่ในหัว อยู่ๆมือหนาก็ยื่นเข็มขัดหนังสีดำเส้นหนึ่งมาตรงหน้า
“เอ้ย!” จงรักร้องออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ ก่อนผงะล้มหงายหลังเล็กน้อย ดีที่เมฆาคว้าแขนได้ทันเจ้าตัวจึงไม่ทิ้งตัวจนก้นจ้ำเบ้า
“เป็นอะไร” เสียงทุ้มถามด้วยความเป็นห่วง แต่เพราะจงรักไม่ได้มองหน้า จึงไม่เห็นรอยยิ้มเล็กๆที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเมฆา
“เปล่าครับ พอดีมัวคิดอะไรเพลินๆ”
“อย่ามัวใจลอยสิ รีบแต่งตัว”
ก่อนที่จะไม่ได้แต่ง นั่นเมฆาแค่คิดจะแกล้งพูดเย้า แต่ก็ไม่ได้พูดออกไปเพราะเห็นน้องหน้าซีดๆ
“ฝากเอาเก็บในลิ้นชักให้พี่หน่อย”
“ครับ” จงรักรับเข็มขัดหนังเส้นนั้นมาถือไว้ในมือ แล้วยืนนิ่งรอจนได้ยินเสียงปิดประตูห้องน้ำ เจ้าตัวจึงเริ่มลงมือ
ลิ้นชักทั้งหกชั้นของเมฆาถูกเปิดและรื้อดูจนถึงซอกด้านในสุด ทั้งที่ความจริงจงรักก็รู้อยู่แล้วว่ามันไม่ได้มีอะไร แต่ด้วยความวิตกจริตคิดเพ้อเจ้อจึงทำให้เจ้าตัวต้องมาทำอะไรไร้สาระพวกนี้ ผ่านไปพักใหญ่ เมื่อตรวจดูจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีอะไรจริงๆ คนตัวเล็กจึงได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“เฮ้อ~ ไม่มีจริงๆด้วย”
“ไม่มีอะไรเหรอ” เสียงทุ้มต่ำกระซิบบอกใกล้ๆ จนรู้สึกได้ถึงไอร้อนจากลมหายใจที่เป่ารดใบหู ก่อนจะตามมาด้วยสัมผัสเย็นๆหยุ่นๆที่พรมจูบบนลาดไหล่เปลือยเปล่า
“พี่เมฆ…อ…ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ” จงรักถามเสียงเบา
“ก็ออกมาทันกับที่เรายังไม่ได้แต่งตัวนั่นแหละ” เมฆาว่าก่อนจะใช้อุ้งมือใหญ่จับเข้าที่รอบเอวแล้วดึงน้องเข้ามากอดจนหลังชิดอก หยดน้ำจากตัวเมฆาต้องผิวเนื้อของจงรักจนคนตัวเล็กรู้สึกขนลุกซู่ หลังจากที่เงียบไปพักหนึ่ง เสียงทุ้มต่ำก็พูดต่อ “พี่น่ะ ไม่ต้องใช้หรอกของพวกนั้น เพราะแค่ที่เคยทำอยู่ก็มีความสุขมากแล้ว แถมไม่ทำให้รักเจ็บด้วย จริงไหมครับ”
“จะ…จริงครับ” ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ หากไม่ตอบก็คงไม่ได้ จงรักจึงได้แต่รับคำด้วยเสียงที่เบาที่สุด
“เสียงไม่ดังเลย สงสัยต้องพิสูจน์ให้เห็นกับตาเสียแล้วล่ะว่าจริงไหม”
“เดี๋ยวครับ เดี๋ยวๆ พี่….พี่เมฆ!!” ดูเหมือนคราวนี้คำอุทธรณ์ของจงรักจะส่งไปไม่ถึง เพราะคนหน้าดุได้กระตุกผ้าเช็ดตัวที่คาดเอวอยู่ของจงรักหลุดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ท้ายที่สุดจงรักก็ไม่รู้เลยว่าเพราะอาการหวาดระแวงแบบตลกๆของตัวเอง มันทำให้พี่เมฆรู้สึกหมั่นเขี้ยวจนอยากจับฟัดมากแค่ไหน แต่ขณะที่กำลังจะถูกงาบในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า จู่ๆมีอย่างหนึ่งที่จงรักได้รู้ นั่นคือ ไอ้หนังเรื่องนี้มันทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับพี่เมฆแนบแน่นขึ้นจริงๆ แนบแน่นจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด เพราะกว่าพี่เมฆจะยอมให้เขาได้นอนก็เกือบจะรุ่งสางแล้ว
<><><><><><><><><><><><><><>
หลังจากที่จบไปได้สักพัก ในที่สุดก็ได้มีโอกาสคลอดตอนพิเศษมาให้อ่านกันเสียที
ตอนนี้ความจริงเพิ่งเขียนสดๆร้อนๆเพราะได้ไอเดียมาจากเพื่อนนักเขียนด้วยกัน
พอดีเราคุยกันถึงเรื่องการเขียนฉากเรทในนิยาย ซึ่งฝนก็ออกตัวว่าฝนเขียนไม่เก่งเลย ไม่ถนัดอย่างยิ่ง
แล้วบังเอิญเพื่อนก็บอกขึ้นมาว่าอยากอ่านฟิฟตี้เชดส์ออฟเมฆเนอะ
ไอ้เราที่เพิ่งได้ดูหนังเรื่องนี้ไปไม่นาน ก็เลยเกิดอยากเขียนขึ้นมา
แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะเข้าฉายในโรงนานหลายเดือนแล้ว
แต่ก็ช่วยติ๊ต่างว่าสองคนนี้ไปดูด้วยกันมาก็แล้วกันนะคะ 55555
ตอนนี้อาจจะไม่ยาวจุใจ เหมือนตอนปรกติธรรมดาทั่วไป
แต่อย่าเพิ่งเสียใจ เพราะเดี๋ยววันครบรอบหนึ่งปีโปรดจงรัก ฝนก็จะเขียนตอนพิเศษมาลงอีก
คราวนี้จะเขียนยาวๆเท่าตอนปรกติเลย
เอาเป็นว่าสำหรับฟิฟตี้เชดส์เวอร์ชั่นนี้ หากชอบไม่ชอบยังไงก็บอกกันได้น้า
คิดถึงคนอ่านเรื่องโปรดจงรักเสมอเลยค่ะ
ปล. บางคนอาจยังไม่รู้ว่าฝนแต่งนิยายอีกเรื่องหนึ่งไว้
ยังไงถ้าก็ฝากติดตามผลงานด้วยน้า
ชื่อเรื่อง คีตมาลาค่ะ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46939.0