Chapter : 09 : ทาสแค้น
{พี่หมอ}
*ขอลงแบบคะหยักคะหย่อนตามความสามารถในการปั่นของคนเขียน TT วิธีเช็กว่าลงครบแล้วหรือยังให้ดูที่หน้าสารบัญ หัวข้อ หรือในตอน ถ้าลงครบ พวกตัวเลขบอก % จะหายไปค่ะ ^3^ **
...............................
ผมสะลืมสะลือลืมตาตื่น รู้สึกปวดหัวจี๊ดจนต้องกุมมันไว้ ขยับชันตัวลุกนั่ง นวดเบา ๆ ให้คลายปวด ก่อนชะงักมองสิ่งผิดปกติที่อยู่ตรงหน้า ผมขมวดคิ้ว มองเลือดแห้งเกรอะกรังเป็นริ้ว ๆ บนผ้าห่ม
เลือด?...
มาจากไหน...
ผมละมือจากขมับ มองหาที่มา เบิกตากว้างไปกับสิ่งที่เห็น
บนเตียงขาวตอนนี้ มีร่างที่ไม่ได้สติของน้ำฝนนอนอยู่ ท่อนบนเปลือยเปล่า ท่อนล่างจมหายไปกับผ้าห่มผืนเดียวกัน เลือดแห้งเต็มไปทั่วทุกพื้นที่ ทั้งบนที่นอน ผ้าห่มและเนื้อตัวของคนหลับ โดยเฉพาะที่แขน ใบหน้านั้นซีดมาก เดาได้เลยว่าร่างกายสูญเสียเลือดไปขนาดไหน
นี่มันเกิดอะไรขึ้น!
ผมจำได้แค่ว่าเมื่อคืนผมลงมานั่งดื่มไวท์ที่เพื่อนซื้อมาฝากจากนอก จริง ๆ ไวท์นั้นก็ไม่ได้แรงมาก แต่ทำไมผมจำอะไรไม่ได้แบบนี้ ผมรีบคว้าข้อมือของคนไม่ได้สติมาตรวจชีพจร มันเต้นแผ่วมาก ถ้าไม่รีบรักษามีหวังแย่แน่ ๆ ผมรีบตวัดรื้อผ้าห่มออกเพื่อสำรวจส่วนอื่น ๆ ต่อ
ผมแทบเข่าอ่อน เพราะท่อนล่างของคนไม่ได้สตินั้น เต็มไปด้วยคราบเลือด
นี่มันเกิดอะไรขึ้น!
ผมถามตัวเองอีกครั้ง มองสำรวจไปรอบห้องจนเห็นถุงยางอานามัยวางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง บางชิ้นถูกฉีกใช้งานแล้ว ผมรีบถลาไปดูที่ถังขยะ หลักฐานนอนนิ่งอยู่ในนั้น
นี่มันเกิดอะไรขึ้น…
ผมถามตัวเองเป็นรอบที่สาม พยายามทบทวนความทรงจำ แล้วภาพบางอย่างก็ฉายเข้ามา ภาพที่ผมข่มขืนผู้ชาย
และผู้ชายคนนั้นก็เป็นคนคนเดียวกับคู่ขาของน้องชายด้วย ผมอ้าปากค้างไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น หัวใจหล่นวูบไปอยู่แทบเท้า หลากหลายความรู้สึกผสมปนเป ทั้งตกใจ ทั้งแปลกใจแล้วก็หวาดกลัว
แต่ความเป็นหมอของผมยังอยู่ ผมรีบถลาไปหาเสื้อผ้ามาใส่ คว้ามือถือมากดโทรออก ในระหว่างรอสายก็หันไปหยิบกระเป๋าเงินมายัดใส่กระเป๋ากางเกง คว้ากุญแจรถมาถือ ปลายทางรับสาย
“นนท์ มาเปิดคลีนิกหน่อย ตอนนี้ ด่วนเลย!”
ผมโทรบอกเพื่อนสนิท มันไม่เอ่ยปากถามอะไร คงเดาได้จากน้ำเสียงร้อนรนของผม ผมกลับไปที่เตียง ตวัดผ้าห่มห่อตัวร่างน้อยไว้ โฉบอุ้มไว้ในอ้อมแขนวิ่งลิ่ว ๆ ออกจากห้องไปที่รถ
ผมวางคนไม่ได้สติไว้บนเบาะข้าง ๆ รัดเข็มขัด ปรับเบาะจนเอนราบ วิ่งไปยังฝั่งคนขับ สตาร์ทเครื่องด้วยมืออันสั่นเทา ขับออกจากบ้านมา
ผมขับรถด้วยจิตใจลุ้นระทึกตอนนี้ผมเข้าใกล้คำว่าฆาตกรเข้าไปทุกทีแล้ว
ผมจอดรถไม่ห่างจากคลีนิกเพื่อน มันยืนรออยู่แล้ว ผมอุ้มคนเจ็บลงจากรถ ตรงดิ่งเข้าประตูที่เปิดอ้าไว้รอ แล้วผมกับเพื่อนก็ช่วยกันกอบกู้ชีวิตคนไข้อย่างด่วนที่สุด
…
…
ผมเดินหมดแรงออกมานอกห้องตรวจ ทิ้งตัวลงนั่งบนม้านั่งยาวของคนไข้สำหรับรอตรวจ พิงหัวกับกำแพงด้านหลัง
“ใคร”
มันยื่นน้ำเปล่ามาให้ขวดหนึ่ง ผมไม่ตอบ รับน้ำขวดนั้นมาอังหลังคอเบา ๆ
“งั้นขอถามหน่อยได้ไหม สภาพแบบนั้นคือโดนข่มขืนมา รู้ไหม ใครเป็นคนทำ”
มันถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผมดึงหัวกลับไปมองหน้ามันช้า ๆ มันทำหน้าตะลึง
“นี่ อย่าบอกนะว่า…”
ผมไม่ตอบ เอนหัวพิงกำแพงต่อ คิดอยู่ว่าจะทำไงต่อไปดี
“ขอเวลาอยู่คนเดียวก่อนนะ”
ผมร้องขอ มันไม่เซ้าซี้ถามอะไรต่อ ตบไหล่ผมเบา ๆ มันเป็นเพื่อนสนิทที่กินเรียนมาด้วยกัน เลวดียังไงมันรู้สันดานผมหมด
ผ่านไปชั่วโมงหนึ่ง ผมเดินไปหาคนที่ผมทำร้ายไปเมื่อคืน คนบนเตียงนอนหลับตาพริ้ม ใบหน้าดูมีสีสันขึ้นมาหน่อยแต่ก็ยังดูซีดอยู่ดี
ยอมรับว่ารู้สึกผิดเอามาก ๆ ผมไม่รู้ว่าผมทำเรื่องแบบนั้นไปได้ยังไง กับคนประเภทที่ผมไม่ชอบ แถมยังเป็นคู่ขาของคนที่ผมเกลียดเข้าไส้อีกต่างหาก
ผมนั่งนิ่งบนเก้าอี้แพทย์ข้างเตียงคนไข้ วางศอกค้ำต้นขากุมมือชนหน้าผาก หลากหลายความรู้สึกวิ่งชนผม ผมชอบฟ้า แต่ทำไมผมถึงมาทำเรื่องแบบนี้กับน้องชายฟ้าได้ แถมยังเป็นคู่ขาหรืออาจเป็นแฟนของน้องชายตัวเองอีกต่างหาก
ผมทำไปได้ยังไง
ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังมาจากคนหลับ ผมค่อย ๆ เงยหน้ามอง คนยังไม่ได้สติขยับตัวนิดหนึ่ง ได้ยินเสียงงึมงำออกมาจากปากซีด ๆ นั้น
คงละเมอ
อันแรก ๆ ได้ยินไม่ชัด แต่คำหลังนี่ชัดมาก
“ไผ่…”
แค่ได้ยินชื่อนี้ เส้นเลือดตรงขมับผมก็กระตุกแล้ว
“ไผ่…”
มันครางเรียกอีกครั้ง ผมดันตัวลุกขึ้นยืน
หึ คงรักกันมากสินะ ถึงได้เรียกหามันแม้กระทั่งตอนไม่ได้สติแบบนี้ ผมก้มหน้ามองคนที่ยังคงครางเรียกชื่อของคนที่ผมเกลียดอยู่ไม่หยุด มองให้ลึกว่าที่ผมทำเรื่องเมื่อคืนไปเพราะอะไร
“ไผ่…มึง”
มันละเมออีกครั้ง
ให้เดาถ้อยคำที่ขาดหายไปไหม…
ผมยิ้มเยาะ ไม่เข้าใจความรักของเกย์เท่าไหร่ แต่ไม่เคยเห็นเกย์คู่ไหนมีความรักที่ยั่งยืนสักคู่ คบกันเพราะเซ็กส์ซะส่วนใหญ่ (ก็สันดานผู้ชายนี่)
ผมก้มมองคนที่ยังส่งเสียงงึมงำในลำคอไม่หยุด ยิ้มเยาะเล็กน้อย ผมไม่ชอบเล่นเกม แต่ถ้าไผ่ยังไม่หยุด ผมนี่แหละ จะเป็นฝ่ายทำให้มันหยุดหรือล่าถอยไปเอง
บ้านบรรพบุรุษงั้นเหรอ
เกลียดฉันมากนักเหรอ
กลัวฉันแย่งของของนายมากงั้นเหรอ
งั้นฉันจะทำในสิ่งที่นายกลัว แย่งทุกอย่างมาจากนาย ทั้งพ่อแม่ บ้านหรือแม้แต่...
คู่ขาของนาย
..............................................ต่อ...................................................
ผมยิ้มนิด ๆ มองน้องชายที่ยังคงโกลาหลกับการตามหาเพื่อนที่หายตัวไป ผมบอกไม่ให้นนท์มันบอกใครเรื่องคนไข้ฉุกเฉิน มันยังไม่ฟื้น คงเพราะเสียเลือดไปมาก แต่ไม่มีผลกระทบกับสมองหรอก หรือถ้ามีก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพราะไงผมก็รักษาได้ ผมแอบใส่ยานอนหลับอ่อน ๆ ให้มันกินด้วย จะได้ไม่ฟื้นขึ้นมาเร็ว ๆ นี้ ผมยิ้มนิด ๆ นั่งจิบกาแฟฟังเสียงไผ่ที่กำลังหัวเสียไล่ล่าถามหาคนหายผ่านมือถือ
มันคงเคืองน่าดู เพราะอยู่ ๆ คู่ขาก็หายไปจากบ้าน หายไปแบบไร้ร่องลอยด้วย
“โธ่เว้ย! ไปไหนวะ”
มันสบถอย่างหัวเสีย ผมยังนั่งนิ่งทำเป็นไม่ได้ยิน จนกาแฟหมดแก้วถึงได้เดินเข้าครัวไปหวังเติม มันหันมามอง พอเห็นหน้าผมก็ทำเสียงจิ๊จ๊ะ เดินตึง ๆ ขึ้นห้องไป
ผมยิ้มนิด ๆ เข้าใจเลยว่ามันมีความสุขขนาดไหนที่ได้แกล้งให้ผมหัวเสียแล้วเดินขึ้นห้องไปแบบนั้น
…
…
วันนี้ได้ฤกษ์คนไข้พิเศษผมต้องฟื้นแล้ว ให้นอนนานเกินกว่านี้คงไม่ดี แค่นี้แผลก็น่าจะทุเลาแล้ว ผมแลกเวรกับเพื่อนที่โรงพยาบาล พอเรียบร้อยก็ขับรถตรงไปคลินิกเพื่อนทันที มันเปิดคลินิกแล้ว คนเต็มไปหมด มันอยู่ในห้องตรวจ ผมไม่ได้เข้าไปทัก แต่เดินตรงไปยังห้องคนไข้พิเศษทันที ค่าใช้จ่ายเพื่อนผมมันไม่เอาสักบาท คนไข้ผมนอนนิ่งอยู่บนเตียง ผมมองนาฬิกา กะเวลาไว้แล้วว่าน่าจะฟื้นประมาณนี้
เวลาผ่านไปไม่เกินสิบนาที เปลือกตาที่ปิดสนิทเริ่มขยับเคลื่อนที่ช้า ๆ
บอกตามตรงว่าตอนนั้นผมเมา ผมจำอะไรไม่ค่อยได้ ผมไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าผมทำกับมันไปได้ยังไง ทั้ง ๆ ที่ผมรู้สึกขยะแขยงขนาดนี้ คนตรงหน้าอยู่ในชุดคนไข้ ใบหน้าดูซูบซีดไม่ได้มีเสน่ห์จนผมต้องจับปล้ำ
อารมณ์ที่กระตุ้นผมได้ดีขนาดนั้นคงจะมีแค่อย่างเดียว
ความเกลียด
เกลียดมากจึงทำได้
เปลือกตาคู่เดิมค่อย ๆ ปรือเปิดขึ้นช้า ๆ ผมมองทุกการเคลื่อนไหว ภาพที่มันเห็นคงกำลังเบลออยู่ ผมเคลื่อนที่ไปอยู่เหนือหน้ามัน ค้ำสองมือไว้สองข้างเอว หวังให้ภาพแรกที่มันเห็น คือคนที่ทำร้ายย่ำยีมัน
ให้มันเห็นชัด ๆ เจ็บปวดเยอะ ๆ เพราะยิ่งมันเจ็บปวดมากเท่าไหร่ คนที่ยิ่งวุ่นวายคือไผ่แฟนมันมากเท่านั้น
เป็นไปตามคาด
ดวงตาที่ปรือเปิดครึ่งไม่เปิดครึ่งเมื่อกี้ขยายเบิกกว้าง ปฏิกิริยาอัตโนมัติคือรีบกระถดถอยและยกมือขึ้นมาผลักอกผม ผมรีบคว้าจับแขนมันไว้ทันที บีบเบา ๆ ตรงแผล
ผมรู้ว่ามันเจ็บ และหน้าที่ของผมคือรักษา แต่รู้อะไรไหม ผมว่าผมคงเป็นโรคจิต ที่พอเห็นมันแสดงสีหน้าเจ็บปวด กลับทำให้ผมรู้สึกดีพิลึก พอมันเจ็บ เหมือน ๆ ผมได้ทำให้ไผ่มันเจ็บตามไปด้วย
ผมไม่กลัวมันเอาไปฟ้อง ยิ่งฟ้องยิ่งดี ไผ่จะได้เดือด ผมบอกแล้ว ว่าถ้ามันถึงจุดสิ้นสุด ผมก็สู้เหมือนกัน
“อย่า...”
เสียงห้ามมันแหบแห้ง แววตาเต็มไปด้วยความตระหนก
“ดีขึ้นรึยัง”
ผมถามเสียงเย็น ปากถามแต่มือบีบแผลแรง มันอ้าปากค้าง ได้ยินเสียงครางเจ็บในลำคอ พยายามยื่นมืออีกข้างที่มีเข็มพ่วงสายน้ำเกลือมาแกะ
“ดูแล้วน่าจะดีขึ้นนะ ข้างบนอาจเจ็บนิดหน่อย แต่ข้างล่างคงไม่หรอกมั้ง ออกจะคุ้นเคย”
มันทำหน้าตื่นส่ายหัวพรืด ยิ่งทำท่าหวาดกลัวผมยิ่งชอบ บีบแผลมันแรงขึ้น ก่อนเลื่อนมือไปด้านหลัง ผ่านผ้าห่ม ผ่านกางเกงตัวบางเข้าไปสำรวจบางสิ่งที่ผมเคยล่วงล้ำมาแล้ว
จำไม่ได้ว่าผมรู้สึกดีหรือไม่ดี
วิธีที่ดีที่สุดตอนนี้ก็คือ…ทดลองอีกครั้ง
“อย่า พี่หมอ ปล่อยผมไป”
“ทำไมละครับ ให้หมอสำรวจร่างกายก่อนสิ”
พูดจบผมก็ทะลวงนิ้วสามนิ้วเข้าไปภายในพร้อมกันทันที มันร้องจนเสียงหลง ผมรีบละมือจากแผลมาปิดปากมันทันที ผมล็อกห้องแล้ว แต่ที่นี่ไม่ได้เก็บเสียงมาก มันใช้มือข้างที่เจ็บตีไหล่ผมแรง ๆ อีกข้างคงไม่ถนัดเพราะมีสายน้ำเกลือติดอยู่ ยิ่งดิ้นเข็มยิ่งจิ้มเนื้อมันจนเลือดไหล เลือดบางส่วนไหลย้อนขึ้นไปย้อมน้ำเกลือใส ๆ ให้เป็นสีแดง
ดีไม่ดี ผมอาจต้องให้เลือดมันอีกถุงนะเนี่ย
ผมล้วงนิ้วเข้าไปสำรวจลึกขึ้น มันหยุดทุบผมเปลี่ยนเป็นกำเสื้อผมแน่นทันที
หึ ผมเพิ่งรู้ว่าเล่นกับร่างกายผู้ชายมันก็สนุกไม่น้อย กับผู้หญิงผมไม่เคยมาก่อน ส่วนมากจะเดทแบบอ่อนโยน มีพวกร้อนแรงบ้างเป็นบางที แต่ไม่เคยทำให้ผู้หญิงคนไหนได้รับความเจ็บปวดมาก่อน
กับผู้หญิงผมจะอ่อนโยนมาก แต่กับผู้ชายคงไม่ ยิ่งผู้ชายร่าน ๆ ยิ่งไม่จำเป็นต้องไปอ่อนโยนด้วยเลย
น้ำตามันไหลพรากลงมาอาบแก้ม
คิดว่าผมจะเห็นใจเหรอ
เปล่า ผมกลับยิ่งรู้สึกใจเต้น ทะลวงนิ้วเข้าไปลึกขึ้น สะกิดจุดกระสันของมันจนมันผวา
เอาน่า…
ให้รางวัลมันหน่อย มันครางออกมาเบา ๆ ผ่านมือผมที่ปิดปากมันไว้ เลือดไหลจากมือทั้งสองข้าง ผมรีบดึงสายน้ำเกลือออกจากมือมันไม่กลัวมันเจ็บ มันสะดุ้งครางเสียงหลงยิ่งกว่าเดิม
ผมเคลื่อนนิ้วหวังแค่สำรวจ แต่เสียงร้องเจ็บปวดผสมเสียงครางของมันก็ทำเอาผมแอบร้อนขึ้นมาหน่อย ๆ บางความรู้สึกไหลเข้ามาในความทรงจำ
ผมไม่ได้ทำเพื่อความใคร่ แต่ผมทำเพื่อให้ได้แก้แค้นเท่านั้น
ผมเลิกผ้าห่มออกจากตัวมัน ถลกกางเกงลง มันพยายามดิ้นรน แต่ผมใช้ตัวใหญ่ ๆ ของผมทับมันไว้ ล้วงหยิบคอนด้อมออกมาจากกระเป๋าเงิน ฉีกเบา ๆ คลี่ปลดซิบ นำบางส่วนที่ไม่น่าเชื่อว่าจะตื่นตัวขึ้นมาสวมใส่ ลำบากนิดหน่อย เพราะอีกคนยังดิ้นอยู่ แต่ไม่มาก เพราะผมกดปิดปากแผลมันอยู่
เรื่องใส่คอนด้อมมือเดียวผมชำนาญซะแล้ว ไม่ให้มันได้ดิ้นรนนานผมก็จับขามันแหวกออกกว้าง แล้วเคลื่อนร่างหาจุดกึ่งกลางของร่างกาย เสือกไสน้องตัวเองเข้าไปทันที มันทำท่าจะร้อง แต่ผมอุดปากมันไว้ อุดแน่นไม่กลัวมันเจ็บ มันครางอู้อี้ น้ำตาไหลริน แต่ผมไม่สนใจน้ำตานั้น กระแทกร่างเข้าไปแรง ๆ
แน่นอนไม่ได้ต้องการให้มันมีความสุข แต่ต้องการให้มันเจ็บปวด แต่ผลพลอยได้นั้นผมกลับรู้สึกดีกับแรงกระแทกกระทั้นที่ผมเป็นคนดำเนินเอง ผมเคยทำรุนแรงกับผู้หญิงมาบ้าง(ตามเสียงเรียกร้องของแต่ละคน) แต่ไม่เคยรุนแรงในลักษณะที่ได้ปลดปล่อยสัตว์ร้ายในมุมมืดของตัวเองแบบนี้มาก่อน อย่างน้อยต่อหน้าผู้หญิงผมก็ยังอยากรักษาหน้าตา เพราะลับหลังไม่รู้ว่าพวกเขาจะเอาผมไปพูดยังไงกันบ้าง
แต่กับคนนี้ไม่
มันหยุดดิ้นแล้ว ขยับขาออกกว้างหวังผ่อนคลาย แหงนหน้ารับร่างของผมเป็นจังหวะ ผมก้มมองด้านล่าง เห็นเลือดมันไหลซึม แต่ผมก็ยังรู้สึกเฉย ๆ ผมคงรุนแรงมากไป แต่ใครจะมาหยุดผมได้
ผมกลายร่างเป็นปีศาจเต็มที่ไหวร่างกายรุนแรงยิ่งกว่าเดิม มันหลับตาลง ปลดปล่อยเพียงน้ำตาให้ไหลริน ไม่นานผมก็ปลดปล่อย หอบแฮกมองคนที่หายใจขาดห้วง
ผมลุกออกจากที่นอน ถอดถุงยางทิ้งลงถังขยะ แต่งตัวเรียบร้อยในขณะคนที่ผมทำร้ายยังคงนอนนิ่งเลือดย้อมไปทั่วทั้งเตียง
ผมต้องทำแผลให้คนไข้อีกรอบแล้วล่ะ
TBC...
ลุกขึ้นมาเซิ้ง มีคนตามอ่านด้วยแหละตัววววว ดีจายยยยย
สัญญาว่าจะมาเมื่อวาน แต่เลท รีบมาลงให้อ่านกันวันนี้ มาในสภาพตาปรือ ง่วงนอนสุด ๆ (ต้องนอนตอนสี่ทุ่ม)
ผิดพลาดตรงไหน ติติงได้นะคะ
เข้านอนนนนนน