ตอน 30 จบแล้วนะ
ท่ามกลางคนมากมายที่มาร่วมยินดีกับเหล่าบัณฑิตจบใหม่ ป๊าบ่นกับผมว่าวันเวลาช่างผ่านไปเร็ว หลังจากที่ผมออกมาจากหอประชุมของมหาลัยในช่วงเย็นของวันนี้ ป๊ายิ้มอย่างดีใจในวันสำคัญของผม รอยยิ้มที่มองมาด้วยความภูมิใจทำให้ผมยิ้มตาม ป๊ายิ้มให้ผมอีกครั้งแล้วตบลงที่ไหล่ผมเบาๆ
“ป๊าภูมิใจในตัวลื๊อมากๆ นะ”
“ครับป๊า” ผมยังจำภาพที่ป๊าแอบเดินไปร้องไห้คนเดียว หลังจากที่เราสองคนกอดกันได้เป็นอย่างดี
“พี่จิงกินนี่สิคะ”
“เอ่อ” ผมหลุดจากภวังค์ที่นึกย้อนกลับไปเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ผมยิ้มให้หลินเบาๆ แล้วเอ่ยขอบคุณหลินที่นั่งอยู่ข้างผม ”ขอบคุณครับ”
“กินเยอะๆ หน่อยสิ อาจิง นี่วันสำคัญของลื้อนะ”
“ครับม๊า”
ผมตอบรับม๊าแล้วหันไปมองป๊าที่ส่งยิ้มให้ผมเบาๆ หลังจากสิ้นสุดพิธีรับปริญญาในวันนี้ ครอบครัวผมที่ประกอบไปด้วย ป๊า ม๊า ผมและจินก็มาทานข้าวฉลองกันที่บ้าน ในตอนแรกม๊าจะไปร้านอาหารของเพื่อนม๊าแต่เพราะผมเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เลยขอมาฉลองที่บ้านม๊าแทน
“ยินดีด้วยอีกครั้งนะคะพี่จิง” หลินพูดแล้วยื่นกล่องของขวัญขนาดเล็กมาให้ผม ผมรับมาและยิ้มรับด้วยความจริงใจ
“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มให้หลินอีกครั้งและหันไปสบตากับคุณแม่ของหลิน ก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณแม่ของหลิน ถึงแม้ว่าการแต่งงานของเราจะไม่เกิดขึ้นแล้วแต่ความสัมพันธ์ดีๆ ของเรายังคงอยู่เพราะหลินก็เป็นเหมือนน้องสาวแท้ๆของผม
“ไว้หลินกลับบ้านไปแล้วค่อยเปิดนะ”
“ได้ครับ” ผมวางมือลงบนศรีษะเล็กแล้วลูบไปมา หลินยิ้มแล้วหันไปตักอาหารให้ผมอีกครั้ง
“กินเยอะๆ นะคะ พี่จิง” หลังจากหลินขอร้องคุณแม่ให้ยกเลิกการแต่งงานและสารภาพไปว่าตัวเองมีคนที่รักอยู่แล้ว ผมก็กลายเป็นเป็นพี่ชายที่ดีของหลินอย่างแท้จริง เราไม่ต้องโกหกใครอีก โชคดีที่คุณแม่ของหลินยอมรับและเข้าใจ ที่สำคัญคือม๊าก็ยอมรับและเข้าใจผมเหมือนกัน
“หลินด้วย กินเยอะๆ หน่อย ดูสิตัวเล็กจนจะปลิวแล้ว”
“ไม่ขนาดสักหน่อยพี่จิง”
ท่ามกลางสายตาของครอบครัวผมและแม่ของหลิน เต็มไปด้วยความเสียดายที่เราไม่ได้ลงเอยกันด้วยการแต่งงาน แต่สำหรับผมและหลินนั้น ที่เราเป็นแบบนี้ มันดีมาก ดีที่สุดแล้ว ที่สำคัญคือผมรู้สึกกับหลินมากกว่านี้ไม่ได้ หลินก็เช่นกัน เพราะพวกเราต่างมีคนที่รักอยู่แล้ว แล้วใครคนนั้นของผม ก็คือคนใจร้าย คนที่ไม่ยอมทำตามสัญญา คนที่ทิ้งผมไว้ตรงนี้ ทิ้งผมอย่างง่ายดาย
“วันจิงรับปริญญา พี่นนต้องมานะ”
“ได้ครับ”
“สัญญาสิ”
"สัญญาครับ”
คนผิดสัญญา...ผมเผลอกำช้อนในมือแน่น จินคงสังเกตเห็นอาการที่ผิดปกติของผม เขาจึงวางมือลงบนมือของผม ก่อนจะดึงให้ผมลุกขึ้นยืนตามแรงดึงของเขา
“เอ่อ ขอตัวพี่ชายผมสักพักนะครับ”
“อ่อ สงสัยคงจะไปคุยกันตามภาษาพี่น้องใช่ไหมคะ” เป็นหลินที่พูดทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัดในห้องทานข้าว
“ครับ”
“อ่อ พี่น้องบ้านนี้รักกันดีจริงๆ”
“หลินเห็นด้วยค่ะ ฮ่าๆ”
“ขะ ขอตัวครับ” ผมพูดแล้วโค้งให้ทุกคนแล้วเดินตามแรงดึงของจินไปอย่างว่าง่าย
ผมยื้อแขนตัวเองออกจากมือที่กุมแขนของผมเอาไว้ทันที หลังจากที่เราเดินออกมาจากห้องกินข้าว จินเดินนำพาผมเดินมาบริเวณทางเดินหน้าบ้าน ในตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้ว ดังนั้นบริเวณรอบบ้านจึงมืดและเงียบสงัด ยังดีที่มีแสงไฟจากโคมไฟริมทางเดิน ทำให้ยังพอมองเห็นใบหน้าของน้องชายตัวแสบของผมได้ ผมถอนหายใจและพยายามหลบเลี่ยงสายตาที่จ้องมองมาเหมือนจะเค้นหาคำตอบของเขา
“พี่จิง...”
“มีอะไรก็รีบพูดมา พี่ยังกินไม่อิ่มเลย”
“คืนนั้น ผมไม่ได้ตั้งใจ แต่ผมได้ยินหมดแล้ว” ผมลอบกลืนน้ำลายและเงยหน้าสบตากับน้องชายที่สูงกว่าตัวเอง “วันนี้ที่พี่เป็นแบบนี้...เพราะเขาใช่ไหม”
“เหอะ อะไรกัน พี่ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”
“หึ เป็นอยู่นี่ไง ไอ้อาการพยายามยิ้ม พยายามหัวเราะทั้งที่กลั้นน้ำตาจนตาแดงขนาดนี้”
“ปะ เปล่า” เหมือนมีมีดมาแทงกลางใจดำของผม ความร้อนเห่อร้อนขึ้นดวงตาและจมูกจนผมหนักขึ้นกว่าเดิม “ไม่ได้รอสักหน่อย”
“เฮ้อ”
ฟึ่บ
“จิน ฮือ” เป็นเพราะอ้อมกอดของน้องชายที่ตัวใหญ่กว่าที่กอดผมไว้ น้ำตาที่ผมกลั้นมาก็ไหลทะลักลงมาทันที
“ร้องออกมาเถอะ อย่าฝืนตัวเองอีกเลย”
“จิน ฮือ เขาไม่กลับมาแล้ว ฮึก พี่นนเขาไม่กลับมาหาพี่แล้ว”
“...”
“เขาลืมพี่ไปแล้ว ฮือ เขาไม่รักพี่แล้ว”
“...”
“พี่จะทำยังไง ทำยังไงดี ฮึก พี่จะอยู่ต่อยังไง” ผมร้องไห้กอดคนตรงข้างหน้าไว้ สะอื้นไห้จนเหมือนจะขาดใจและทรุดตัวลงนั่งกับพื้น “พี่ต้องทำยังไงต่อ ฮือ”
“พี่จิง...” จินไม่ได้ดึงผมให้ลุกขึ้นยืน แต่เขากับนั่งยองลงตรงหน้าผมและมอบรอยยิ้มอ่อนโยนให้เหมือนที่เคยทำตลอดมา “ถ้าเป็นจิน ผมจะตามหาเขา หาจนกว่าจะเจอและบอกให้รู้ว่าผมรักเขาแค่ไหน”
“ฮึก...”
“ไปสิ” ผมมองใบหน้าที่กำลังยิ้มให้ผมอย่างสับสน ตามหางั้นเหรอ ผม...ผมตามหาเขามาตลอด แต่... “เป็นผมจะรีบเอาดอกไม้ในรถช่อนั้น ไปให้เขานะครับ”
“จิน...” อะไรบางอย่างสั่งให้ผมลุกขึ้น แล้ววิ่งไปหยิบดอกไม้ช่อนั้นในรถตามที่จินบอก แล้ววิ่งออกไปจากบ้านหลังนี้ ตามหา...ผมมันโง่ที่หยุดตามหาเขา “ขอบใจนะ”
.
.
.
“อ๋อ อานนทกรน่ะเหรอ เขากลับมาเมื่อเช้าแป๊บนึงน่ะ มาทำเรื่องย้ายออก” เหมือนหัวใจผมหยุดเต้น “ทำเรื่องเสร็จก็ออกไปตั้งแต่เช้าแล้วล่ะ”
“...” ผมทำได้แค่ยืนหอบหายใจ ถือช่อดอกไม้อยู่แบบนี้
“เขาคงไม่กลับมาแล้วล่ะ ว่าแต่เจ๊หงส์เป็นไงบ้างพักนี้ไม่มาเยี่ยมอั๊วที่หอเลย”
“ผม..ผม..” เหมือนสมองของผมได้หยุดทำงานไปแล้ว ผมช็อคแล้ววิ่งออกมาโดยที่ไม่ได้ตอบคำถามของเจ๊ที่เฝ้าหอ ใจผมมันร้อนรนไปหมด หลังจากได้ฟังคำที่เจ๊บอก ผมควรจะทำยังไง ผมจะไปตามหาเขาได้ที่ไหนอีก
“โธ่เว้ย!” ผมสบถออกมาแล้วนั่งลงที่ม้านั่งหน้าหอที่ผมคุ้นเคย ผมหมดแรงที่จะก้าวต่อไปแล้ว เรื่องทั้งหมดนี่เหมือนมีแค่ผมคนเดียวที่วิ่งตามเขา เหมือนมีแค่ผมที่ทนทุกข์ทรมานแบบนี้ ผมมองช่อดอกไม้ในมือด้วยใจที่เจ็บปวดหรือก่อนหน้านี้จะมีแค่ผมที่ฝันไป มีแค่ผมที่รักเขา ผมเหยียดยิ้มให้ตัวเองแล้วเดินกลับไปทางเดิน ทางเดินที่ผมวิ่งมา
หนึ่ง
สอง
สาม
ผมเดินนับเสาไฟฟ้าไปด้วยใจที่ว่างเปล่า ในมือถือช่อดอกไม้ที่เริ่มเฉาลง เนื่องจากผมทั้งถือ ทั้งกอดมันไว้ในอ้อมแขนในตอนที่ผมวิ่งไปที่หอนั้น ผมหยุดยืนอยู่ที่เดินใต้เสาไฟฟ้าต้นที่สาม แล้วนั่งลงที่เดิมที่เคยนั่ง วางดอกไม้ไว้ข้างกาย ก่อนจะงอเข่าเข้ามากอดไว้เหมือนในคืนนั้น ที่เราพบกัน
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานไหน สุดท้ายคนที่ผมรอมาตลอดก็ไม่มา เขาคงไม่กลับมาอีกแล้ว น้ำตาบนใบหน้าผมก็ได้แห้งเหือดไปแล้ว ราวกลับว่ามันจะไม่ไหลออกมาอีก นั่นยิ่งทำให้ความเจ็บปวดในใจผมยิ่งทวีคูณขึ้นมาเพราะได้รู้ว่าความหวังสุดท้ายของผมที่จะได้เจอเขา มันไม่มีอีกแล้ว
ผมลุกขึ้นยืน เหม่อมองช่อดอกไม้ที่วางอยู่ข้างเสาไฟฟ้า ช่อดอกกุหลาบสีขาวที่บรรจงห่อด้วยกระดาษสีขาว เหมือนเป็นตัวแทนบอกความรักที่แสนบริสุทธิ์ของผม ผมยิ้มเยาะกับตัวเอง เมื่ออ่านการ์ดใบเล็กที่เสียบอยู่ด้านข้าง
‘จิงเรียนจบแล้วนะ ขอบคุณที่กลับมาหาจิง’
“หึ กลับมาอะไรกัน ฮึก”
และแล้วน้ำตาผมไหลลงมาอีกครั้ง ผมหลับตาแน่น ข่มความรู้สึกขมปร่าที่ซัดเข้ามาในอก เงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดมิด หัวเราะกับตัวเองอีกครั้งที่ร้องไห้ออกมาจนได้ ผมเดินล่องลอยไปเรื่อยๆ ตามขาของตัวเองจะนำพาไป ไม่รู้ว่าจุดหมายที่ผมกำลังจะเดินไป มันจะทำให้ผมลืมความรู้สึกเจ็บปวดครั้งนี้ได้รึเปล่า
.
.
.
ลมในตอนกลางคืนมันช่างเย็นจนผม รู้สึกหนาวไปทั้งใจ ในครั้งนี้ผมกลับมาเคว้งคว้างอีกครั้ง กลับมาที่เดิมที่เคยคิดจะจบชีวิตตัวเอง แต่ในรอบนี้ผมไม่ได้จะมาทำแบบนั้นอีกแล้ว ผมเข้าใจและรู้ซึ้งในสิ่งที่พี่นนบอก มีชีวิต ผมเข้าใจแล้ว
แต่ความเจ็บปวดระหว่างที่มีชีวิตพี่นนไม่เห็นเคยบอกให้ผมเข้าใจมันเลย ผมสะอื้นร้องไห้ตัวโยนอีกรอบ มันเจ็บ เจ็บไปท้งใจเมื่อนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมด คนที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้ ทำให้ผมมีชีวิตอีกครั้ง ทำให้ผมรัก กลับเป็นคนเดียวกับที่ทำให้ผมเจ็บแบบนี้
“พี่นน...” ผมพูดออกมาเบาๆ หลังจากที่ปีนขึ้นมานั่งบนราวสะพานไม้เก่าๆ ที่เดิมที่ผมกับพี่นนพบกันครั้ง “...ไม่รักกันแล้วหรือ”
ผมร้องไห้แล้วมองแหวนที่อยู่บนมือตัวเอง ลูบเบาๆ กลัวว่ามันจะแตกสลายไปอีกอย่าง เพราะวันนี้ใจของผมได้แตกสลายไปแล้ว ผมรอคอยวันนี้มาตลอดเกือบครึ่งปี ผมอยู่ได้ด้วยความหวังว่าเราจะกลับมาเจอกัน เราจะได้อยู่ด้วยกัน แต่วันนี้ผมก็ได้รู้แล้วว่ามันจะไม่มีวันนั้น
พี่นนไม่มาตามสัญญาที่ให้ไว้จริงๆ และพี่นนไม่ได้ตามหาผม ทั้งที่เขากลับมาแต่เขากลับไม่มาหาผม การโดนปฏิเสธความรักมันเจ็บปวดอย่างนี้นี่เอง ผมหลับตาลงปาดน้ำตาออกจากใบหน้าและให้ลมเย็นๆ พัดผ่านไป ภาวนาให้น้ำตาที่ไหลลมาอีกครั้งแห้งเหือดไปเร็วๆ บางทีผมอาจจะต้องตัดใจจากเรื่องของเราจริงๆ
บางทีผมควรจะทิ้งแหวนวงนี้ไปซะ แล้วเริ่มต้นใหม่ทุกอย่าง คิดว่าเรื่องทั้งหมดเป็นแค่ฝัน เป็นแค่อดีตที่ผมไม่อยากนึกถึง ผมกำมือข้างที่มีแหวนไว้แน่น
ทำไม่ได้...ผมทำไม่ได้
ผมรักเขา ผมอยากมีเขาในชีวิต
ผมลืมตาขึ้น สูดหายใจเข้าลึกๆ ในเมื่อเขาไม่มาหาผม ผมก็จะไปหาเขาเอง ผมจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แบบนี้อีกแล้ว เพราะในตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมรักพี่นนมากจริงๆและผมก็อยากมีพี่นนในชีวิต แต่ถ้าพี่นนหมดรักผมจริงๆ อย่างน้อยในตอนนี้ผมก็ทำเต็มที่แล้ว อย่างน้อยผมก็จะได้คุยกับเขาเป็นครั้งสุดท้าย ผมจะไม่ยอมให้เรื่องของเราจบไปเงียบๆ แบบนี้แน่
แกร่ก
แต่ในจังหวะที่ผมกำลังปีนกลับ เสียงไม้ลั่นจากราวสะพานก็ทำให้ผมชะงักไป ผมขยับตัวอีกครั้งและนั่นก็ทำให้ใจผมหล่นวูบ ราวสะพานไม้ที่ผมกำลังนั่งอยู่ดังลั่นอีกหนึ่งครั้งและโยกไปมา ผมจับราวไว้แน่น ตัวผมส่ายไปมา ผมทำได้แค่หลับตาปี๋อย่างจำยอม ในตอนที่ราวสะพานเอียงไปด้านหน้า ผมกำลังจะตกลงไปในแม่น้ำด้านล่างอย่างแน่นอน
แต่ผมว่ายน้ำไม่เป็น...ผมยังไม่อยากตาย
“ช่วย!..”
“จิง!”
“พี่นน!” ผมเบิกตากว้างหันไปมองตามเสียงเรียกที่ผมคุ้นเคย
“จิง!” เสียงของเขาที่ผมอยากได้ยินมาตลอด ยังไม่ทันได้สบตาสะพานไม้ก็หักลงไปยังด้านล่าง ตัวผมลอยคว้างไปตามอากาศ
ฟรึ่บ
แขนของผมโดนกระชากไว้จนเกิดเสียงดัง ตัวผมห้อยลงมาจากสะพาน แขนผมโดนดึงไว้อย่างแรงจนรู้สึกเจ็บ ผมเงยหน้าสบตากับคนที่ผมคิดถึงตลอดมา เป็นพี่นน เป็นเขาจริงๆ ทันทีที่ผมสบตากับเขา ใจผมก็เต้นแรงจนเจ็บไปหมด ในตอนนี้แววตาของพี่นนฉายแววกังวลจนเห็นได้ชัด
“จับแขนพี่ไว้ พี่จะดึงจินขึ้น ส่งแขนอีกข้างมา”
“ฮึบ” แขนสองข้างผมโดนเขาจับไว้แน่น ในตอนนี้แขนของเราทั้งคู่สั่นไปหมด พี่นนออกแรงดึงอีกครั้งและในตอนที่ผมตัวผมลอยขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ตัวพี่นนกลับสวนทางกับผมที่โน้มตัวลงมาใกล้ผมเรื่อยๆ
“ไม่เป็นไรนะ” รอยยิ้มที่ส่งมาปลอบใจผม ทำให้ผมรู้ว่าเขาจะทำอะไรเพราะน้ำหนักผู้ชายด้วยกัน พี่นนคงดึงผมขึ้นไปไม่ไหว เหลือทางสุดท้ายที่ทำได้คือ... “จิงต้องไม่เป็นไร เชื่อพี่นะ”
“ไม่! อย่านะ ไม่เอาแบบนี้” ผมร้องไห้อีกครั้งเพราะรอยยิ้มของเขา “พี่นน...”
ฟรึ่บ
หลังจากแรงดึงอย่างแรง ทำให้ตัวผมลอยขึ้นไปจนสามารถคว้าขอบสะพานไว้ได้ ต่างจากพี่นนที่ใช้น้ำหนักตัวเองเพื่อดึงผมขึ้นไปและพุ่งลงด้านล่างแทนผม ในเสี้ยววินาทีที่เราสวนทางกัน ทำให้รู้ว่าที่ผ่านมาพี่นนไม่เปลี่ยนไปเลยเพราะแววตาของพี่นนที่ใช้มองผมนั้นไม่ต่างอะไรจากเมื่อก่อนเลยและนั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมได้เห็น ก่อนที่ร่างของเขาจะดิ่งลงแม่น้ำด้านล่าง
“ไม่! พี่นน”
ตู้ม!
“พี่นน!!!”
**********************************
TBC