ตอนที่ 23 ช่วงเวลาของการตัดสินใจ
เช้าวันใหม่ ดลตื่นนอนขึ้นมาจากการสัมผัสของผู้เป็นแม่ เมื่อดลลืมตาขึ้นก็พบว่า
แม่นั่งอยุ่ข้างๆและมือลูบหัวของดลอยู่ มันช่างเป็นสัมผัสที่อบอุ่นเสมอ ดลลุกขึ้นกอด
แม่เอาไว้
" เป็นงัยบ้างดล " แม่ถามด้วยความเป็นห่วง
" ก็รู้สึกมึนๆหัวอะครับ ปวดตาด้วย "
" นี่แสดงว่าเมื่อคืนร้องไห้หนักเลยใช่ไหมเนี่ย เจ้าลูกชายขี้แย"
" ครับแม่ "
" แล้ววันนี้ดลจะไปมหาลัยไหม แต่แม่อยากให้ดลไปนะลูก แม่ไม่อยากให้ดลหนี
ปัญหา แม่อยากให้ดลรู้จักเผชิญน่ากับมันให้ได้ "
" แม่ครับ " ดลมองตาของผู้เป็นแม่ เริ่มจะมีน้ำตาอีกครั้ง
" ดลต้องเข็มแข็งนะจ๊ะ ในเมื่อดลเข้มแข็งมาได้ตั้ง 2 ปีแล้ว ชีวิตของเราไม่ได้ดั่งใจ
ไปทุกอย่าง ดังนั้นเราต้องทำใจความรับกับความเป็นจริงให้ได้ รู้ไหมเจ้าลูกชายของ
แม่ "
" ครับแม่ ดลจะทำใจให้ได้ครับ"
" อ๋อ แล้ว ดลอย่าไปโกรธอ้อนเลยนะลูก "
" แม่รู้เรื่องแล้วหรอครับ "
" ช่ายจ๊ะ เมื่อคืนอ้อนมาหาลูกที่บ้านจ๊ะ บอกว่าโทรมาหาลูกแต่ลูกไม่รับ เลยเป็นห่วง
ก็เลยตามมาดูที่บ้าน แต่ลูกหลับไปแล้ว แม่เลยถามอ้อนว่าเกิดอะไรขึ้น "
" ครับ "
" ที่อ้อนทำลงไปก้เพราะหวังดีกับลูกนะจ๊ะ "
" ครับแม่ ดลเข้าใจครับว่าอ้อนหวังดี อ้อนเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของดล อ้อนก็คงอยาก
ให้ดลมีความสุข แต่ว่า ..."
" แม่รู้จ๊ะ ว่าทุกอย่างมันไม่ใช่แค่คนภายนอกเข้ามาช่วยแล้วทุกอย่างจะดีขึ้นไปหมด
มันต้องขึ้นอยู่กับคนสองคนนั้นด้วย แล้วดลละจ๊ะ อยากให้มันออกมาเป็นแบบไหน "
" ดลไม่กล้าคิดอะไรมากหรอกครับ เพราะรู้ว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ "
" จ๊ะ แม่ก็เห็นด้วยที่ดลไม่ตั้งความหวัง เพราะถ้าหวังมากก็อาจจะเจ็บมาก แต่มันก็เป็น
เรื่องของอนาคต ขอเพียงแต่ดลอย่าหนีปัญหา ต้องเผชิญกับมันให้ได้นะจ๊ะ "
" ครับแม่ " ดลเข้าไปกอดผู้เป็นแม่อีกครั้ง คำพูดปลอบโยนเพียงไม่กี่คำ แต่มันทำให้
ดลกลับมามีพลังพอที่จะลุกขึ้นเดินได้อีกครั้ง
" งั้นรีบไปอาบน้ำแต่งตัวนะ เดี๋ยวจะไปสาย " แล้วแม่ก็ออกไปจากห้องของดลเพื่อให้
ดลได้จัดการทำภาระกิจส่วนตัวต่างๆ เมื่อดลแต่งตัวเสร็จ ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก็พบ
ว่า มีสายไม่ได้รับถึง 30 สาย เป็นสายของอ้อน 15 สาย สายของพี่พัด 5 สาย สาย
ของเก่ง 2 สาย แล้วสายของเบอร์แปลกๆที่ไม่มีใน memory อีก 8 สาย ในตอนแรก
ดลกะจะโทรหาอ้อน แต่เมื่อดูเวลาแล้ว หากดลไม่ร๊บออกจากบ้านละก้ ไปเรียนคาบ
แรกไม่ทันแน่ๆ ดลจึงตัดสินใจว่าจะโทรหาอ้อนหลังจากที่ถึงมหาลัยแล้ว
ดลมาถึงมหาลัยแล้ว แต่ตอนนี้เป้นเวลาที่คาบเรียนเริ่มไปแล้ว 20 นาที ดลจึงรีบ
วิ่งขึ้นไปยังตึกเรียน เมื่อมาถึงห้อง ทุกสายตาก้จ้องมาที่ประตู ซึ่งจะว่าไปมันก็เป็นเรื่อง
แปลกที่พอเวลาใครมาที่หลังจากที่อาจารย์เข้าสอน คนๆนั้นก็จะถูกสายตาของคนทั้ง
ห้องมองมายังที่ตน โดยไม่ได้นัดหมาย ดลเองเมื่อเห็นว่าเป็นแบบนั้นก็ค่อยๆเดินเสียง
ให้เบาที่สุด ไปนั่งกับกลุ่มของตน โดยที่มีสายตาของป่านมองดลอยู่ตลอดเวลา
ตำแหน่งที่นั่งของดลกับป่านอยู่ไม่ไกลกันมากนัก
" เฮ้ยดล ไม่สบายหรือป่าว ทำไมดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลย " ปุกถามอย่างห่วงใย
" อะอืมๆ เรารู้สึกปวดหัวนิดหน่อยอะ ขอบใจนะที่เป็นห่วง " ดลต้องแก้ตัวไป เพราะ
ไม่อยากจะให้เพื่อนสงสัยไปมากกว่านี้ว่าดลไปทำอะไรมา
" แล้วตอนนี้ดีขึ้นยังอะ "
" ก็กินยามาแล้ว ก็รู้สึกดีขึ้นแล้วละ "
" อืมๆ " จากนั้นปุกก็หันไปเรียนต่อ
ดลนั่งเรียนไปได้สักพัก ก็มีก้อนกระดาษก้อนหนึ่งปามาโดนหัวของดล ดลจึงก้มลง
มองกระดาษที่ล่วงลงต้องหน้า แล้วหันไปมองต้นต่อที่เป้นคนโยนก้อนกระดาษนั้นมา
ก็พบวว่าป่านบอกใบ้ให้หยิบก้อนกระดาษนั้นขึ้นมาอ่าน กระดาษก้อนนั้น มีข้อความที่
ป่านเขียนมา
ไอ้ตัวเล็กทำไมวันนี้มาสาย แล้วตาไปทำอะไรมา เมื่อคืนร้องไห้ เพราะโดนแม่ตีมา
หรืองัย 555
*-* อะนะ ตกลงถามเพราะเป็นห่วง หรืออยากจะช้ำเติมเนี่ย
อ้าว ก็ต้องถามเพราะเป็นห่วงดิ ไอ้นี่มองเราเป็นคนงัยวะเนี่ย
*-* อ้าวก็ใครจะรู้ละ ว่าคราวนี้จะมาดี ไม่ได้มาแกล้งเหมือนทุกครั้งอะ
ดลกับป่าน ปากระดาษกันไปมา จนอาจารย์ที่สอนเห็นแล้วเริ่มเตือน
" นักศึกษาคะ ที่นี่เป็นที่เรียนนะครับ ไม่ใช่ให้มาปากระดาษใส่กัน ทำเหมือนเดิม
ตอนอยู่มัธยมนะคะ " ดลหน้าจ๋อยลงทันทีที่โดนอาจารย์ดุ แต่ป่านกับไม่ยอมเลิกยังคง
ปากระดาษกับมาหาดล ดลเปิดอ่าน และทำท่าใบ้ว่าไม่ต้องส่งมาแล้ว เดี๋ยวอาจารย์ดุ
แล้วหันไปเรียนต่อ แต่ป่านกลับไม่ยอมฟัง ยังปากระดาษมาอีก ดลก็ไม่ตอบกับ ป่านก็
ปามาอีก จนอาจารย์หมดความอดทน
" นักศึกษที่นั่งอยู่แถวที่ 6 หน้าตี๋ๆคนนั้น กับ นักศึกษาที่นั่งอยู่แถวที่ 5 ตัวเล็กๆ เชิญ
พวกคุณออกไปนอกห้องเถอะคะ ถ้าไม่อยากจะเรียนก็เชิญออกไป อย่ามารบกวนการ
เรียนของเพื่อนๆ ฉันเตือนพวกคุณแล้วนะ เชิญคะ " อาจารย์ไล่ดลกับป่านออกจาก
ห้องด้วยคำพูดที่ดูจะสุภาพแต่หารู้ไม่ว่าจริงๆแล้วมันเป็นคำด่าดีๆนี่เอง ดลกับป่านจึง
ค่อยๆลุกจากที่นั่งแล้วเดินออกมาจากห้องโดยมีสายตาเพื่อนๆทุกคนในห้องกำลังมอง
ตามไปด้วย ปุกกระซิบบอกดลเบาๆว่า ให้ไปรอข้างล่างก่อนนะ เลิกเรียนแล้วจะได้ไป
กินข้าวด้วยกัน ดลก้ได้แต่พยักหน้ารับรู้
เมื่อดลกับป่านออกห่างจากห้องเรียนมาได้ระยะหนึ่ง ดลก็เริ่มโวยใส่ป่านที่ทำให้ต้อง
โดนอาจารย์ไล่ออกจาห้อง
" นายเล่นไรเนี่ยดูดิ โดนอาจารย์ไล่ออกจากห้องเลยเนี่ย " ดลพูดด้วยอารมณ์ที่
โมโห
" 5555 ไม่ดีหรอจะได้ไม่ต้องเรียนงัย วันนี้เราก็รู้สึกขีเกียจอยู่พอดี " ป่านตอบด้วย
น่าตายิ้มแย้ม ทำอย่างกับเป็นเรื่องดีที่อาจารย์ไล่ออกนอกห้อง
" งั้นทำไมนายไม่ออกมาคนเดียวละ มาทำให้ฉันต้องโดยไล่ออกมาด้วยทำไมเนี่ย "
" อ้าวได้งัยอะ โดนคนเดียวก้แย่ดิ แนต้องเอานายออกมาด้วย ไม่งั้นฉันจะแกล้งใคร
ละ "
" นายนี่มันจริงๆเลยนะ " ดลพูดจบก้รีบเดินไปนั่งรอเพื่อนอยู่ที่ใต้ตึกเรียน แต่ก็โดน
ป่านฉุดไว้
" ใครบอกให้นายนั่งตรงนี้ไอ้ตัวเล็ก "
" เฮ้ยแล้วนายจะพาฉันไปไหนเนี่ย "
" ตามมาเงียบๆเหอะน่า พูดมากจริงเดี๋ยวก็เบิร์ดกระโหลกเลย " ป่านล็อกคอดลแล้ว
พาเดินออกไปจากตึกเรียน ดลเองรู้ดีว่าขัดไปก็คงสู้แรงของป่านไม่ได้ ก็เลยต้อง
ปล่อยเลยตามเลย เพราะอย่างน้อยป่านก็คงไม่พาดลไปฆ่าแน่นอน( หรือป่าว)
ป่านพาดลมายังร้านนมที่เคยมากิน เมื่อดลเดินเข้ามาในร้านก็เจอคนที่ทำให้หัวใจ
ของดลต้องอยู่ไม่เป็นสุข อั้มนั่งอยู่ในร้านนั้นอยู่แล้ว แต่มีสิ่งหนึ่งที่แปลกไป อั้มในบุ
คคลิกของผุ้ชายที่มั่นใจในตัวเอง ดูสดใส มาดแมนแต่วันนี้ อั้มกับนั่งเหม่อลอย
มองออกไปนอกร้าน จนไม่ทันสังเกตว่าใครจะเข้าหรือออกในร้านนั้นบ้าง ป่านพาดล
มานั่งอยู่ในที่ๆอีกฝากของร้าน แต่มันก็ยังทำให้เห็นอั้มได้ชัดเจนอยู่ดี เพราะร้านนมนี้
ไม่ใช่ร้านใหญ่โตอะไรมาก พื้นที่ในร้านจึงสามารถมองเห็นได้ทั่วร้านไม่ว่าจะนั่งตรงจุด
ไหนก็ตาม
" ป่าน นายพาฉันมาร้านนี้ทำไมอะ "
" อ้าวไอ้ตัวเล็ก ทำไมถามคำถามฉลาดๆแบบนั้นวะ มาร้านนมก็ต้องมากินนมดิ จะมา
ร้องคาราโอเกะหรืองัย " ป่านตอบกวนๆ
" อะนะ นี่นายจะไม่กวนประสาทฉันสัก 2 วินาทีจะได้ไหมเนี่ย "
" ไม่ได้ 555 " ป่านพูดจบก็เดินไปสั่งนมมากิน ปล่อยให้ดลนั่งน่าบูดอยู่คนเดียว
ในขณะที่ดลนั่งรอป่านอยู่นั้น ดลก็หันไปมองอั้ม ภาพของอั้มที่กำลังดูเหนื่อยล้า
เหม่อลอยเหมือนคนที่กำลังเศร้ากับเรื่องอะไรบางอย่าง มันทำให้ใจของดลรู้สึก
อ่อนแอตามไปด้วย ใจนึงดลอยากจะคิดว่า อาจเป้นเพราะเรื่องของเมื่อวาน แต่อีกใจ
นึง ดลก็คิดว่าอั้มอาจจะไม่ได้คิดอะไรเลยเกี่ยวกับดลก็ได้ ดลจะยังมีค่าพอให้อั้มต้อง
มานั่งเศร้าใจแบบนี้อีกหรอ แต่แล้วอั้มก็หันมาทางดล ทำให้ทั้งสองคนสบตากันพอดี
สายตาของอั้มไม่ต่างไปจากในร้านเมื่อเย็นวาน มันเป็นสายตาของอั้มคนเดิมเมื่อ 3 ปี
ที่แล้ว ดลคิดถึงสายตาคู่นั้นเหลือเกิน อั้มเองก็เห็นสายตาของดล คนที่ตัวเองเคยรัก
และทนุถนอมมาก่อน คนที่คอยรักและเอาใจใส่ อั้มเองก็คิดถึงสายตาคู่นั้นไม่ต่างไป
จากที่ดลคิดถึง แต่ถึงแม้สายตาของคนทั้งสอง จะสื่ออกมาว่ายังต้องการกันแค่ไหน
แต่ด้วยความเข้าใจผิดและความไม่มั่นใจที่สะสมมาตั้งแต่เลิกรากันครั้งนั้น มันเหมือน
เป็นบ่วงที่ยึดร่างของทั้งสองคนไว้ ไม่ให้ลุกขึ้นเดินไปหาหัวใจของตนเอง
" อะ ไอ้ตัวเล็ก นมสดกับขนมปัง กินซะ จะได้โตเร็วๆ " ป่านวางแก้วนมสดกับขนมปัง
ปิงต่อหน้าของดล ดลจึงได้ตื่นจากพะวังและหันกับมาสนใจป่าน
" นายซื้อให้ฉันหรอ " ดลดูจะแปลกๆใจว่าป่านมาดีแบบนี้ที่แท้จะมาไม้ไหนกันแน่
" ใครบอก ฉันอะไปซื้อ แต่นายอะต้องเป็นคนจ่ายทั้งหมด "
" อ้าวไมเป็นงั้นอะ ก็จ่ายเฉพาะของใครของมันดิ ทำไมฉันต้องจ่ายในส่วนของนาย
ด้วยละ "
" อ้าวก็นายเคยติดหนี้ฉันไว้อะ จำไม่ได้หรอ"
" เฮ้ย ฉันไปติดหนี้นายตอนไหน ฉันไปยืมตังค์นายต่อไหนอะ "
" ป่าวหรอก นายไม่ได้ยืมตังค์ฉัน แต่นายอะติดหนีบุญคุณฉันไว้จำไม่ได้หรอ ที่ฉันทำ
ให้นายสบายใจงัย "
ดลทำท่าคิดนิดนึงก่อนจะคิดออก " อ๋อ โหยๆ ทวงบุญคุญกันแบบนี้เลยหรอ " ป่าน
ไม่ตอบแต่ยักคิ้วให้ดลและกินขนมปังต่อ
เมื่อศึกย่อยๆของดลกับป่านจบลง ดลก็หันไปมองอั้มอีกครั้ง อั้มยังคงมองมาที่ดลอยู่
เช่นเคย แต่สายตานั้นแปลงเปลี่ยนเป็นแววตาที่แสดงความเจ็บปวด มันทำให้ดลรู้สึก
เจ็บแปลบเข้าไปในใจ และอั้มก็ลงขึ้นเดินออกนอกร้านไป หัวใจของดลร่ำร้องให้ตาม
อั้มออกไป อั้มอาจจะเสียใจก็ได้ที่เห็นแบบนี้หรืออั้มอาจจะเข้าใจผิด แต่ในอีกเสียวนึง
ของหัวใจของดล ก็สั่งห้ามเอาไว้ไม่ให้คิดเข้าข้างตัวเองว่าอั้มยังสนใจในตัวดลอยู่ ดล
มีสีหน้าเศร้าลง มันรู้สึกสับสนไปหมด
" ไอ้ตัวเล็ก นายว่าฉันควรจะซิ่วไปเรียนคณะในพวกสายศิลปะดีไหม " อยู่ดีๆป่านก็
พูดจาดูเป็นการเป็นงานขึ้นมา
" อืม ฉันว่าก้ดีนะ นายวาดรูปเก่งมากเลย " ดลก้เห็นด้วย
" อืม ตอนแรกที่ฉันเอ็นติดที่นี่ ฉันก็ว่าจะเรียนๆไปก่อนงั้นๆอะ แล้วค่อยเอ็นใหม่ปี
หน้า แต่ตอนนี้ฉันว่าฉันไม่อยากซิ่วแล้วละ "
" อ้าวทำไมละ รู้สึกชอบคณะนี้แล้วหรอ"
" ไม่ใช่หรอก แต่เพราะว่า ถ้าฉันซิ่วไปเรียนที่อื่น ฉันก็ไม่รู้ว่าจะมีความสุขและอยาก
จะมามหาลัยทุกวันเหมือนอย่างที่เป็นตอนนี้ไหม เพราะถ้าไม่มีนาย ฉันก็คงเหงาแย่
เลย " ป่านพูดแต่สายตากลับมองออกไปข้างนอก คำพูดเหล่านั้นทำให้ดลยิ่งไม่เข้าใจ
มากขึ้น ว่าจริงๆแล้วป่านต้องการจะสื่ออะไรกับดลกันแน่....