มาต่อให้อีกตอนครับ
ไม่ต้องลุ้นกันแล้ว มีคนทายถูกด้วย
สั้นๆ นะครับ
โทษที..ทำไงได้กูรักมึงไปแล้ว
ตอนที่ 8 ก็เพราะว่ากูรักมึงไง
“ไม่จริงๆๆๆ ทำไมๆๆๆๆ” ผมร้องออกมาดังลั่น ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่มันเกิดขึ้นกับผม
“ไอ้ตุลย์ๆๆๆๆ มึงเป็นไร” ไม่ต้องมาแตะต้องตัวกู
“เฮ้ย มึงเป็นไร” มึงยังจะถามอีกหรอ
“ไอ้ตุลย์ๆๆๆๆ” มันเรียกเสียงดังพร้อมเขย่าตัวผมอย่างแรง
“ตื่นไอ้ตุลย์” อ้าวกูหลับหรอ เฮ้ยย!! กูแค่ฝันไปหรอ ผมลืมตาขึ้นอย่างดีใจมาก
“เฮ้ยย!! ห้องใครว่ะเนี้ยะ”
“ห้องกูเอง” ไอ้กร่างตอบผม
“ไอ้นี่ประสาท เดี๋ยวร้องไห้ เดี๋ยวโวยวาย แล้วนี่ตื่นมายิ้มอีก”
“แล้วจะทำไม กูก็แค่ฝัน มึงจะทำไม”
“กูไม่ทำไมหรอก กูทำไปแล้วตางหาก”
“ทำเชี่ยไรมึง” กูขี้เกียจพูดกับมึงแระไปอาบน้ำดีกว่า เดี๋ยวมีเรียนบ่าย ตอนนี้สิบเอ็ดโมง ขณะที่ผมลุกนั้นแหละครับ แทบทรุด ภาพในความฝันแล่นเข้ามาในสมองผมทันที ผมสำรวจร่างกายผม แทบทรุดอย่างหนัก เพราะมันเหมือนในฝัน ต่างกันตรงที่นี่มีผมกับไอ้กร่างแค่สองคน ผมหันไปมองหน้ามันเป็นเชิงคำถาม ไม่พูดอะไร น้ำตาผมเออมาคลอที่หน่วยตา
“กูทำไปแล้วไง” ไอ้สัสส มึงตอบแบบหน้าตาเฉย เลวมากไอ้กร่าง
“ไอ้สัสส กูผู้ชายมึงก็ผู้ชาย หรือมึงเป็น..” ผมยังไม่ทันพูดจบมันก็สวนขึ้นมา
“ก็มึงมันเสือกน่ารักเองนี่หว่า” อ้าวนี่มึงชมกูว่างั้น
“ไอ้โชว์ มึงทำงี้ทำไมวะ” ผมถามเสียงเรียบ ผมพยายามไม่ใช้อารมณ์ แล้วถามเหตุผล
“เรื่องของกู”
“ไอ้สัสส มึงทำไมพูดงี้วะ” ผมไม่ไหวครับกับคนๆ นี้ ผมเกลียดมัน มันไม่ตอบนั่งหน้าเฉย ผมพยายามทนลุกหยิบเอาเสื้อผ้ามาใส่ อย่างทุลักทุเล ผมต้องไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด แล้วผมก็พูดกับมันก่อนออกมา
“ไอ้โชว์มึงรู้ตัวมั้ยว่ามึงมันโคตรเลว กูเกลียดมึง อ่อ แล้วกูจะจำไว้ว่ากูไม่เคยรู้จักคนเชี่ยๆ อย่างมึง”
พูดแค่นั้นผมก็เปิดประตูห้อง ปีนข้ามรั้วกับห้องผม เจ็บชะมัด แต่เจ็บใจยิ่งกว่า คุณลองนึกดูนะถ้าคุณเป็นผู้ชายแล้วมาโดนข่มขืนคุณจะรู้สึกยังไง มันเจ็บยิ่งกว่าโดนมีดมาแทง มันเจ็บตรงนี้ เจ็บที่ใจ ผมทนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ไม่ๆ ผมต้องไม่อ่อนแอ ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวอย่างทุลักทุเล อาบน้ำแต่งตัวเสร็จประมาณเที่ยงเรียนบ่ายโมงครึ่ง โทรหาโป้งให้มารับดีกว่า ไม่อยากนั่งรถเมล์ครับ เดี๋ยวมันสะเทือน
“โป้ง อยู่ไหนวะ” ผมถามหลังจากมันรับ
“มีไรป่าวตุลย์ กูกำลังจะออกจากหอไปหาข้าวกิน”
“มารับกูหน่อยดิ”
“เออได้ แต่เป็นไรป่าวเนี้ยะเสียงแปลกๆ” ไอ้นี้มันพูดเหมือนรู้ แต่มันก็ไม่ได้ถามอะไร
“ไม่มีไร แค่จะให้รับไปส่งมอหน่อย”
“เออ เดี๋ยว 15 นาทีไปถึง” 15 นาทีมันก็มาถึง ผมรออยู่ข้างล่างแล้ว
“ไหนบอกมึงไม่เป็นไร ทำไมหน้าซีดๆ ไม่สบายป่าวเนี้ยะ” มันพูดพร้อมเอามือมาแตะหน้าผากผม
“ไม่เป็นไรจริงๆ”
“ไม่เป็นไรบ้านมึงดิ ตัวร้อนยังกะไฟ” ผมได้ยินแค่นั้น สติผมก็เลือนลับมลายหายไป ผมตื่นขึ้นมาอีกทีรู้สึกคอแห้ง
“ขอน้ำหน่อย” ผมบอกโป้งเสียงแหบๆ เห็นนั่งหลับอยู่ข้างเตียง
“เอ้าฟื้นแล้วหรอ อะๆน้ำ”มันรียเทน้ำให้ผม
“กูอยู่โรงบาลหรอ กี่โมงแล้ววะ” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใช่ สายน้ำเกลือปักแขนผมอยู่เนี้ยะ
“5 โมงเย็นแล้ว หิวมั้ย กินข้าวจะได้กินยา” อ้าว 5 โมงแล้วหรอ ผมขาดเรียนครับ ต้องโทรไปบอกเพื่อนก่อน ผมโทรไปบอกพวกไอ้พจน์ ข้าว คิว มันบอกจะมาเยี่ยม แต่ผมบอกไม่ต้องมา ไม่อยากให้ลำบาก ก็เลยฝากลาอาจารย์ถึงพรุ่งนี้ เพราเมื่อกี้ถามไอ้โป้งแล้วว่าได้ออกกี่โมง มันบอกพรุ่งนี้บ่ายๆ ผมกินข้าวกินยาเสร็จ พยาบาลก็มาเอาสายน้ำเกลือที่หมดออก แล้วโป้งก็ถามผม
“ตุลย์มึงไปทำไรมา”
“ป่าว”
“ป่าวเชี่ยไร แล้วรอยจ้ำๆ บนตัวมึงอะ แล้วยังแผลตรงนั้นอีก ใครทำอะไรมึงบอกกูมา” หมอคงตรวจแล้วบอกมัน
“ไม่มีใครทำไรกูหรอกหน่า”
“ตุลย์มึงไมต้องโกหกกูได้มั้ย กูไม่ใช่เพื่อนมึงใช่ไหม ไหนมึงเคยสัญญากับกูว่ากูกับมึงคือเพื่อนแท้กันไง” ผมอึ้งครับ ผมโกหกมัน กูก็แค่ไม่อยากให้มึงไม่สบายใจเพราะกู
“กูขอโทษ กูยังไม่อยากเล่า ขอเวลากูอีกนิดนะ แล้วกูจะเล่าให้มึงฟังทุกอย่างเอง”
“ตุลย์ มึงเจ็บมากมั้ย” มันถามผมอย่างห่วงใย เพราะผมมองตามันก็รู้
“ไม่หรอก กูทนได้”
“ถ้าเป็นไปได้ เพื่อนคนนี้ขอเจ็บแทนมึง” ซึ้งๆครับ น้ำตาแทบไหล
“ขอบใจมึงมากนะเว้ย มึงคือเพื่อนที่กูรักมากที่สุดเลยนะ” ผมคุยกับมันได้สักพักผมก็หลับไปอีก ผมไม่ได้โทรบอกแม่ครับ ไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจ ผมตื่นมาอีกที ก็เช้าวันใหม่แล้วครับ หมอเข้ามาตรวจ บอกบ่ายๆก็ออกได้เลย แล้วก็ไปจ่ายเงินที่ช่องจ่ายด้วย
“เฮ้ยโป้งค่ารักษาเท่าไหร่ว่ะ”
“ไม่เป็นไรกูจัดการเอง”
“ไม่ได้ กูป่วยกูก็ต้องจ่าย”
"ไม่เป็นไรกูออกให้ก่อน”
“แต่กูพอมี”
“เดี๋ยวกูจ่ายให้”
“โป้ง กูไม่เข้าใจเลย ทำไมมึงต้องมาช่วยเหลือกูตลอด กูรู้บ้านมึงรวยแต่กูก็ไม่อยากรบกวนมึง”
“ก็เพราะว่ากูรักมึงไง”
************************************
โปรดติดตามตอนต่อไป