SP:หมอจะทำอะไร
“ทำอะไร” แม้หมอจะรู้ว่าผู้ชายคนข้างหน้ากำลังสาละวนกับการทำกับข้าวยามเช้าเหมือนทุกๆ วัน แต่เขาก็ยังถาม ถามเหมือนเช่นทุกๆ วันราวกับเป็นคำถามติดปาก
“ไข่ตุ๋นครับ”
“อืม” โจ้พยักหน้ารับก่อนจะนั่งยองๆ ลงไปลูบหัวไอ้หมาสองตัวที่กำลังเลียหน้าแข้งตัวเองอยู่อย่างหิวโหย นี่พ่อมันคงลืมให้ข้าวอีกแล้ว
“หมากินข้าวยัง” หมอไม่ได้ถามคน แต่มันถามไอ้เบ็กที่ดูเหมือนจะร่าเริงผิดปกติ
“โฮ่ง” และก็ตอบคำถามเจ้าของเหมือนฟังรู้เรื่อง
“พายดูไอ้เบ็กมันตอบสิ” ครั้งนี้หมอก็ยังไม่ได้พูดกับคน แต่พูดกับหมาตัวสีน้ำตาลอีกตัวที่ดูร่าเริงไม่ต่างกัน
“โฮ่ง”
ในครัวที่ไม่ได้กว้างนักดูวุ่นวายไม่น้อยเมื่อทั้งคนและหมากองรวมกันอยู่ในนั้น
พายที่เป็นคนหันมองแม่หมาและลูกหมาที่เข้ามาเกะกะเวลาทำครัว
“เมื่อเช้าผมพาออกไปวิ่ง เลยซื้อตับไก่ย่างรถเข็นให้กิน”
โจ้พยักหน้ารับ เพราะแบบนั้นเองหมาตัวใหญ่ทั้งสองเลยดูคึกคักเป็นพิเศษ ปกติหมอมักจะห้ามหมากินนั่นกินนี่เพราะอยากให้พวกมันกินแต่ของมีประโยชน์ โดยบางทีก็ลืมว่าหมาก็อยากกินอะไรอร่อยๆ บ้าง เหมือนอย่างตัวหมอเองที่ซื้อไอศกรีมมาไว้เต็มช่องแช่แข็ง ถ้าช่วงไหนพายไม่อยู่ก็ตักกินแทนข้าวเป็นว่าเล่น
“อ้อนพ่อมึงจนได้” คนพูดจะพูดแบบไม่ได้คิดอะไรแต่คนที่กำลังยกถ้วยไข่ตุ๋นออกจากไมโครเวฟกลับอมยิ้มอย่างชอบใจ
“ก็แม่มันดุ” พอบอกออกไป คนที่กำลังนั่งเล่นกับหมาอยู่ก็ตวัดหางตาขึ้นมามองอย่างไม่พอใจ
“ครับๆ ไม่แกล้งครับ” พายตอบรับพลางกลั้วหัวเราะ เขารีบชูมือสองข้างขึ้นเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจ
พายรู้ว่าหมอไม่ได้โกรธหรอก...หมอก็แค่เขิน
.
.
.
“ทำอะไร” หมอเห็นตั้งแต่แรกว่าใครอีกคนสวมเฮดโฟนอันใหญ่แล้วนั่งหลับตาอยู่บนเก้าอี้นุ่มสำหรับทำงาน ด้านหน้าเป็นหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เปิดไว้ โจ้เดินมาหยุดที่ตรงหน้าของอีกคน มองไปรอบๆ ห้องสีทึบ
“ฟังเพลงเหรอ...” ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วแต่ก็ยังถาม
หมอมองคนที่นอนหลับตาแต่ขมวดคิ้วแน่น เขาถอนหายใจเมื่อเห็นว่าพายหลับไปแบบนี้อีกแล้ว
จากเปลือกนอกของพายใครๆ ก็มองว่ามันเป็นคนร่าเริงหรือมนุษยสัมพันธ์ดี แต่หมอเห็นตั้งแต่แรกแล้วว่าใครคนนี้ยิ้มกว้างแต่กลับดูว่างเปล่า พายเป็นผู้ชายขี้เหงาคนหนึ่ง
เมื่อเห็นอีกคนไม่มีวี่แววจะลืมตาขึ้น หมอก็จัดการวางมือลงบนใบหน้าคมคาย ในตอนแรกคิดจะนวดหัวคิ้วให้เบาๆ แต่หมอกลับเลือกที่จะบีบจมูกโด่งๆ นั่นแทน
“ทำร้ายกันทำไมครับ” พายว่าพร้อมกับปัดมือหมอออก
“ก็นี่เวลาทำงาน มาแอบหลับแบบนี้ได้ไง”
วันนี้เป็นวันอังคาร ซึ่งเป็นวันที่หมอโจ้หยุด เขาทำงานประจำสี่วันต่อสัปดาห์ในโรงพยาบาลของที่บ้าน ส่วนอีกวันไปทำงานเป็นแพทย์อาสาที่โรงพยาบาลชุมชนแถบชานเมืองที่ขาดแคลนแพทย์
หมอมักใช้เวลาหยุดสองวันอยู่กับหมา ต่างจากพายที่ทำงานทุกวัน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลกพายก็ต้องทำงาน นอกจากจะเป็นศิลปินแบบที่คนอื่นเห็นแล้วพายยังทำเพลงและทำงานเบื้องหลังให้กับศิลปินป๊อปบางกลุ่มที่กำลังมีชื่อเสียง
“อู้แบบนี้ได้ไง เวลาเป็นเงินเป็นทอง” หมอบ่น
คำนิยามของพ่อบ้านใจกล้านี่ไม่ได้ไกลจากตัวคนตัวใหญ่เลยแม้แต่น้อยเพราะนอกจากจะต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเองแล้ว ยังต้องรับผิดชอบชีวิตหมอและหมาอีกสองตัวถ้วน พร้อมกันนั้นภาระในบ้านสองหลังทั้งหมดที่ถูกทุบรวมก็กลายเป็นของคุณพ.ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“บ่นจังเลย บ่นตลอด” แม้จะพูดแบบนั้นเจ้าตัวกลับยิ้มกว้าง ยิ้มทั้งตาและปากจนน่าหมั่นไส้
หลายคนคิดว่าหมอไม่แฟร์เรื่องค่าใช้จ่ายในบ้าน หรือแม้แต่เรื่องเงิน แต่รูปแบบของความรักก็มีมากมายจนนับไม่ถ้วน
โจ้ก็แค่กลัวคุณพ.ใช้ไม่หมดเลยช่วยใช้ก็เท่านั้นเอง…
“หมออย่าลืมจ่ายค่าอินเทอร์เน็ตอีกนะ”
โจ้พยักหน้ารับ ตั้งแต่มีพายความรับผิดชอบของหมอแทบจะไม่มีเหลือ และตั้งแต่พายมีคุณหมอเงินตัวเองก็แทบจะไม่เคยได้จับเลยแม้แต่แดงเดียว
เรื่องมีอยู่ว่าปกติแล้วจิงโจ้ผู้ไม่เคยหยิบจับอะไรเป็นชิ้นเป็นอันยกเว้นงานของตัวเองลืมจ่ายค่าอินเทอร์เน็ตจนเขาตัดสัญญาณทิ้งไปทำให้พายเดือดร้อนส่งงานไม่ทันเดตไลน์
เหตุผลก็แค่เพราะหมอลืม…
“เออน่า” หมอปัดมือไปมาก่อนจะนั่งลงข้างๆ คนตัวใหญ่
“อยากเปลี่ยนรถว่ะ อยากขับคันใหญ่ๆ บ้าง”
พายเลิกคิ้วมองหมอที่อยู่ดีๆ ก็วกเข้าเรื่องรถ หมอพูดถึงมินิคูเปอร์ของตัวเองที่ซื้อต่อจากพ่อตั้งแต่สมัยเรียนปีหนึ่ง จนป่านนี้ก็เกือบสิบสองปีแล้ว
โจ้เคยคิดว่าถ้าทำงานมีเงินของตัวเองแล้วและไม่มีภาระอะไรจะซื้อซูเปอร์คาร์คันหรูมาไว้สักคัน เหตุผลก็เพียงเพื่อเอาไว้ขับไปอวดพ่อตัวเอง
“ใช้ของผมก็ได้”
หมอหรี่ตามองคนที่นั่งอยู่ ไอ้เรื่องใช้รถไอ้พายนั่นเขาทำเป็นประจำจนกลายเป็นรถตัวเองแล้ว ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าโจ้ชอบรถหรูมาตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อ เพราะฉะนั้นที่หมอต้องการบอกคือ
“อยากได้รถใหม่”
คุณพ.พยายามกลั้นขำแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะในที่สุดก็รู้สาเหตุที่หมอตั้งใจเดินมาหาถึงที่ห้องทำงาน ทั้งๆ ที่ร้อยวันพันปีไม่เคยโผล่มา
“ถึงขายของหมอไปเหลือคันเดียวที่มีก็พอ แค่นี้ก็แทบไม่ได้ใช้แล้ว”
โจ้ขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์
“พายยยยยย” ไม่บ่อยนักที่หมอจะเรียกอีกคนด้วยเสียงแบบนี้
“อ๋อ ที่เดินมาหาผมนี่เพราะอยากได้รถ” พายแหย่
“พายยยยยย”
“ผมทำงานดีกว่า”
หมอมองไอ้คนลีลาก่อนจะแกล้งบีบจมูกอีกรอบ
“รถคันเดิมมันเก่าแล้ว อยากได้ใหม่คันใหญ่จะได้ใส่หมาไปเที่ยวด้วยกัน คันของมึงมันแคบ” ว่าแล้วก็ก้มลงจูบปากที่เผยอน้อยๆ เพราะต้องการอากาศ หมอไม่ยอมเอามือที่บีบจมูกอีกคนออก
คุณพ.ใช้มือข้างที่ไม่ถนัดดันใบหน้าของหมอออก อีกข้างรวบตัวคนที่เดินบุกเข้าห้องทำงานเอาไว้ชิดตัว
“แค่ไม่ให้ซื้อรถนี่กะจะฆ่ากันเลยเหรอ”
“มึงกลับไปทำงานเมื่อไหร่ กูจะรูดบัตรสีดำให้เกลี้ยงเลย” หมอกำลังพาล…
บัตรเครดิตของพายหมอก็ยึดไปไว้คนเดียว แต่เดิมใช้เพื่อรูดซื้อหนังสือหรือของเล็กๆ น้อยๆ ในอินเทอร์เน็ตที่หาตามร้านปกติไม่ได้ โดยปีนึงยอดไม่เคยถึงสองหมื่น แต่ดูจากความโมโหคราวนี้ไอ้พายคงต้องจ่ายเละ
“พาลไปเรื่อยเลยหมอ” คนโดนขู่ก็พูดกลั้วหัวเราะ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หมอพูดเรื่องซื้อรถคันใหม่ น่าจะเป็นครั้งที่สิบได้แล้ว…
“ปล่อยกูเลย" หมอบอกคนที่กำลังคว้าเอวตัวเองไว้
อีกคนหัวเราะร่วน ความจริงพายก็เห็นด้วยกับการซื้อรถคันใหม่ แต่ที่ยังเล่นตัวอยู่แบบนี้เพราะมันชอบเวลาที่หมอเดินหน้านิ่งๆ เข้ามาอ้อนมากกว่า
.
.
.
“ทำอะไรครับ” พายนั่งและเอนตัวลงบนเตียงกว้าง เขาถามคนข้างกันที่กำลังนั่งพิงหัวเตียงเพ่งแทบเล็ตอยู่
“เล่นเกม” โจ้ตอบโดยไม่หันมามองแม้แต่น้อยเพราะกำลังตั้งอกตั้งใจเทียบรถไฟเข้าชานชาลา
“ผมเห็นหมอเล่นมาตั้งแต่เช้าแล้วนะ”
สำหรับคนอื่นหมอโจ้อาจจะดูเป็นผู้ใหญ่ เงียบขรึม แต่ใครจะรู้ว่าอีกมุมของหมอก็น่าสนใจไม่แพ้กัน นอกจากโจ้จะเป็นมนุษย์ที่กินข้าวได้ซ้ำๆ กันได้เป็นเดือน นอนได้ติดต่อกันเกิน12 ชั่วโมงแล้ว หากหมอสนใจอะไรสักอย่างก็จะทำสิ่งนั้นอยู่ซ้ำๆ เป็นเวลานาน เช่นการเล่นเกมหรือการฟังเพลงเดิมๆ ซ้ำๆ
“สายตาเสียหมดแล้ว”
“อือ” ต่อให้พายพูดอะไรพี่แกก็ไม่สนใจ เรียกได้ว่าดื้อเงียบเข้าข่ายลูกคนเล็ก
“ไปอาบน้ำได้แล้ว”
“อือ”
“หมอฟังผมอยู่รึเปล่า”
“อือ”
พายมันเขี้ยวคนติดเกม ถึงได้เอาหน้าตัวเองแทรกเข้าไประหว่างหน้าหมอและแทบเล็ตแทนการบอกด้วยเสียงอย่างเคย
“ไอ้พาย! ” และแล้วก็โดนสายตาอำมหิต เมื่อรถไฟในเกมที่พึ่งออกจากชานชาลาแหกโค้งและคว่ำไปทั้งคัน นับความเสียหายหลายล้านและคนก็ล้มตายเป็นเบือ
“มึงมันฆาตกร” โจ้ว่าเมื่อหน้าจอแสดงคำว่า game over
ส่วนคุณพ.ได้แต่หัวเราะ ก่อนจะเบี่ยงตัวลงไปนอนข้างกัน พายมองหน้าดุๆ ของอีกคน ใครจะคิดว่าคนข้างบ้านตัวขาวๆ หน้าโหดๆ ในตอนนั้นจะมานอนอยู่ข้างๆ กันแบบนี้
“อะไร” หมอถามเมื่ออีกคนเอาแต่มองหน้ากัน
แม้จะดูเหมือนหมอแข็งกระด้าง แต่หมอมันก็จำได้ว่าถ้าห้องไม่มืดสนิทผู้ชายตัวใหญ่ที่นอนอยู่ตรงนั้นจะนอนไม่หลับ หมอเลือกที่จะปิดหน้าจอสว่างจ้าและปิดโคมบนหัวเตียงให้อีกคน ก่อนจะลุกขึ้น
“ฝันดีไอ้ลูกหมา เดี๋ยวพี่ไปอาบน้ำก่อน”
นั่นอาจจะเป็นประโยคที่ประหลาดสำหรับคู่รักบางคู่ แต่ถือว่าเป็นเรื่องปกติของคนคู่นี้
.
.
.
“ทำอะไร”
“เล่นเกม” โจ้เงยหน้าตอบคนที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น หลังจากขลุกอยู่ในห้องทำงานทั้งวัน ในตอนที่พายกำลังตั้งใจทำงาน หมอก็ทำตัวแฟร์ๆ โดยการเล่นเกมทั้งวันเหมือนกัน
โจ้เหลือบมองคนที่เดินวนไปมา เหมือนจะทำอะไรสักอย่าง หมอรู้เพิ่มมาอีกอย่างว่าพายเป็นพวกชอบสกินชิฟ ชอบแตะเนื้อต้องตัว ชอบเข้ามานัวเนียเหมือนหมาที่บางทีขอให้นอนแล้วเอาหางแตะไว้ก็พอ เรียกได้ว่าเป็นลักษณะอย่างนึงของคนขาดความอบอุ่นที่เห็นได้ชัด
หมอแอบมองอีกคนอยู่นานก่อนจะละสายตาออกจากเกมบนทีวีจอใหญ่และขยับตัวขึ้นมานั่งบนโซฟาแทน
“ไม่เล่นแล้วเหรอครับ” อีกคนถามก่อนจะนั่งลงข้างๆ กัน
“อือ เมื่อยแล้ว” หมอบอกพร้อมกับบิดขี้เกียจแล้วแกล้งเอนตัวลงไปพิงอีกคน แค่นั้นก็เห็นแล้วว่าใบหน้าหล่อเหลาอมยิ้มอย่างมีความสุข
หมอแอบคิดว่าความสุขของพายนี่ง่ายดีจัง...
“หมอ” พายเรียกเมื่ออีกคนเอนตัวลงหนุนตักท่าทางสบาย เขามองเสี้ยวหน้าของหมอแล้วนึกได้อีกครั้งว่าแปลก แปลกที่หมอยอมให้เข้าใกล้กันขนาดนี้
แม้จะเป็นแบบนี้นานแล้วแต่ก็ทำใจให้ชินไม่ได้สักที
“ขอมือหน่อย”
พายขมวดคิ้วอยู่หน่อยก่อนจะยื่นมือใหญ่ให้หมอ โจ้จับมือนั้นมาวางไว้ที่แก้มตัวเองทำให้อีกคนดูลุกลี้ลุกลนอย่างชัดเจน
โจ้รู้ดีว่าบางทีคุณพ. มักจะชอบเว้นระยะไว้ เหมือนไม่มั่นใจหรือกลัวความไม่แน่นอนอะไรสักอย่าง เขาเดาว่าคงเป็นบาดแผลทางใจหรือความไม่คุ้นชิน ถึงแม้พายจะชอบวิ่งตามหมอแค่ไหน
แต่ยามที่หมอหยุดและวิ่งเข้าหาพายกลับถอยหลังหนีเสียอย่างนั้น
“ขอมือได้ด้วย เห่าสิ” หมอว่าพลางเกาใต้คางไอ้หมาตัวใหญ่ไปด้วย
“ผมไม่ใช่หมา”
คนที่เสมือนหมาตัวใหญ่ที่สุดในบ้านบอกก่อนจะดึงมือตัวเองออกจากแก้มอุ่นๆ ของอีกคน
“เล่นตัวนะไอ้หมา”
พายหมุ่นคิ้วอีกรอบพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่
“หมอมีความสุขใช่ไหม” พายถาม เขาคิดมาตั้งแต่แรกว่าหมอจะเลือกใครก็ได้ที่ไม่ใช่เขา เลยลองถามดู
“โฮ่งก่อนเร็ว” โจ้ไม่สนใจคำถามไร้สาระ เหนือสิ่งอื่นใดพายคือคนที่หมออยู่ด้วยแล้วสามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างที่สุด ขี้เกียจและเอาแต่ใจได้อย่างที่สุด เขาไม่เคยรู้สึกฝืนตัวเองเลยที่ได้อยู่กับพาย
“หมอไม่ได้ฝืนอยู่ใช่ไหม”
“ถ้าฝืนจะมานอนอยู่แบบนี้เหรอ” เขาบอกพร้อมกับบิดขี้เกียจ
“ก็จริงนะ ไม่งั้นหมอคงไล่กระทืบแล้ว”
“ก็ไม่ได้เถื่อนขนาดนั้นนะ” หมอตวัดตามองอีกคน ยื่นมอขึ้นมาลูบผมนิ่มๆ ของคนตัวใหญ่
โจ้ว่าช่วงนี้เขาอยู่กับหมามากไปหน่อย เลยติดมาใช้กับพ่อหมา
“อืม ดีจัง”
“โฮ่งสิวะ สอนไม่จำเลยไอ้หมา”
บางทีหมอคงเห็นว่าพายเป็นหมา...ถึงได้ยอมอยู่ข้างๆ กันแบบนี้
“โฮ่ง” คนตัวใหญ่ก็ยอมแพ้การตื้อของคนที่นอนบิดขี้เกียจอยู่ตรงขา
นอกจากจะเป็นคนใช้ คนรับภาระค่าใช้จ่าย เป็นพ่อบ้านทำอาหาร วันนี้พายได้เลื่อนขั้นเป็นหมาของหมอแล้วด้วย
โจ้ที่แกล้งเด็กได้จนพอใจดันตัวขึ้นมาจูบที่ข้างแก้มของหมาตัวใหม่ของบ้านอย่างเอาใจ
“รางวัลนะเจ้าหมา”
พายลอบถอนหายใจเงียบๆ อีกรอบ...ให้เป็นหมาก็ยอมแล้วคราวนี้
.
.
.
“หมอ ทำอะไร”
“รอหมา” ถึงจะบอกออกมาแบบนั้น หมาที่ว่าก็นอนหมดแล้ว ยกเว้นแต่พ่อหมาที่วันนี้เพิ่งจะกลับมาถึงบ้าน
ย้อนไปเมื่อหลายชั่วโมงที่แล้ว
“พายอยู่ไหน ทำไมยังไม่กลับ”
“ผมยังอยู่ข้างนอก หมอนอนไปก่อนได้เลยครับ” นั่นเหมือนประโยคพูดคุยของคนปกติ แต่จากบริบทที่หมอโทรจิกและพายบ่ายเบี่ยงก็พอรู้ว่าพวกเขากำลังทะเลาะกัน
ฟ้านั่งมองเพื่อนสนิทอย่างไอ้พายที่ดูจะเป็นคนดีมาได้สองถึงสามปีกำลังอัดบุหรี่เข้าปอดอย่างกับเครียดจัด
“มึงเป็นอะไร”
“...”
ในเมื่อไม่ได้คำตอบ ฟ้าเพื่อนรักก็เดาสาเหตุที่น่าจะเป็นไปได้ขึ้นมา
“ทะเลาะกับเมีย? ”
คนถูกถามเซ็งจนกว่าจะโต้แย้งอะไร ก็เลยทำแค่พยักหน้าตอบกลับ
ฟ้าแอบแปลกใจ เพราะไม่เคยได้ยินว่าพายจะกล้างอนอะไรคุณหมอเขา ถ้าเวลาส่วนตัวพายก็จะเอาแต่ขลุกอยู่แต่ที่บ้านกับคุณหมอ ไม่ใช่ออกมาดื่มแบบนี้ ฟ้าที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรเลยก็จนปัญญาที่จะช่วยเหลือ แต่ก็ยังอยากจะรู้ความเป็นไปของเพื่อน
“มีอะไรกันวะ”
พายมองหน้าเพื่อนอยู่หน่อยก่อนจะตัดสินใจเล่า เพราะมันอึดอัด
“กูหึง”
ฟ้ามองอย่างไม่ค่อยจะเชื่อสายตา แต่ก็พยายามถามต่อโดยไม่นอกเรื่อง
“หึงอะไรวะ”
คนที่ดูหงุดหงิดตั้งแต่มาถึงบ้านเพื่อนเอนตัวลงบนโซฟาก่อนเริ่มเล่า
“วันนี้กูไปรับเขาถึงที่ทำงาน เห็นคาตาเลยว่ามีพยาบาลเอาของขวัญมาให้”
“หือ? ”
“ของขวัญวันอะไรรู้ไหม ของขวัญวันเกิดหมากู”
“จีบผ่านหมา? ”
“เออ”
ฟ้าเกือบจะหลุดขำคนขี้หึง
“แล้วมึงไปโกรธแฟนมึงทำไม” พอฟ้าถามออกไปแบบนั้นอีกคนก็อึกอัก
“โกรธที่หมอไม่ปฏิเสธให้ชัดเจน หรือยังไงวะ เขาให้ท่าผู้หญิงคนนั้น”
เอเดนน้องของพี่ฟ้ากำลังนั่งอ่านการ์ตูนอยู่ เหลือบตามองพี่ฟ้าที่รักด้วยสายตารู้ทัน ที่ถามนั่นคงอยากแกล้งพี่พายมากกว่าอยากช่วย
“เปล่า เขาบอกไปแล้วว่าไม่เอาตั้งแต่แรก แต่รับมาเพราะเกรงใจ”
“แล้วยังไงวะ”
“กูหงุดหงิดตัวเอง คือแค่นี้กูแม่งก็หึง”
ฟ้าหลุดหัวเราะกับท่าทางร้อนใจของเพื่อนก่อนจะถาม “หงุดหงิดหรือกลัว”
เพียงแค่นั้นคุณคาสโนวาพ.ก็หุบปากฉับ เพื่อนเลยได้ทีเตือน
“ถ้ามึงไม่รีบกลับแล้วเขาโกรธมึงกลับ มึงจะยิ่งหงุดหงิดกว่านี้อีก ไปคุยกับเขาตรงๆ ไป”
คุยอะไรกันไม่นานนักพายก็กลับบ้านทิ้ง ให้เอเดนกับพี่ฟ้านั่งนินทาอดีตคาสโนว่าต่อ
กลับมาที่ปัจจุบัน
พายกำลังยืนมองคนที่นั่งรอตัวเองอยู่ที่โซฟาคนเดียวแม้ตอนนี้จะเกือบตีสอง และพรุ่งนี้หมอมีเข้าเวรตอนเช้า
“มีอะไรพาย”
หมอมักจะซื่อตรงแบบนี้อยู่เสมอ หมอเลือกที่จะไม่อ้อมค้อมเมื่อได้กลิ่นบุหรี่ที่ไม่ได้กลิ่นมานาน ทั้งเมื่อเย็นพายดูท่าทางฉุนเฉียวต่างจากเดิม
“ไม่มีอะไรครับ”
จะว่าไปแล้วท่าทางเงียบเชียบน่ากลัวแบบนี้ของอีกคนโจ้ก็พึ่งเคยเห็น เขาสูดหายใจเข้าให้เต็มปอดก่อนจะบอก
“กูทำอะไรผิดก็บอกกันตรงๆ นะ ก็รู้ว่าคงไม่ชอบใจในตัวกูหลายๆ อย่าง แต่อย่าเงียบไปแบบนี้ กูก็ไม่รู้ต้องทำตัวยังไง” หมอรู้ตัวดีว่าเขาเอาแต่ใจ ทั้งนิสัยเสียอยู่มาก เขาแอบคิดว่าที่พายเป็นแบบวันนี้อาจจะเป็นเพราะเริ่มเอือมระอากับพฤติกรรมหลายๆ อย่างของหมอก็ได้
โจ้คิดเอาเองว่าพายอยู่ด้วยแล้วสบายใจเลยเผลอทำตัวตามใจตัวเองมากไปหน่อย แต่บางทีลืมไปว่าเขาก็คงมีลิมิตอยู่เหมือนกัน ทั้งตั้งแต่คบกันมายังไม่เคยเห็นพายโกรธแบบนี้เลย หมอสูดหายใจเข้าอีกรอบก่อนจะบอกไปทั้งๆ ที่ตาเริ่มแดง
“ขอโทษนะ”
พายที่ตอนแรกหงุดหงิดตัวเองอยู่แล้ว ตอนนี้กลับรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิมอีก
“หมอขอโทษเรื่องอะไร”
คนที่ดูง่วงมากแล้วยิ้มก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่รู้หรอก ก็มึงไม่บอกนี่” ใบหน้าเรียบตึงอย่างเคยมีแววหม่นหมองบ่งบอกได้ว่าคงกำลังรู้สึกแย่
“ข้าวอยู่ในครัวนะ เวฟได้เลยถ้าหิว”
ก่อนที่พายจะได้พูดอะไรต่อหมอก็หันไปต้อนหมาที่วิ่งลงมาจากชั้นบน
“ลงมาทำไม ขึ้นไปนอน” เขาอุ้มไอ้พายที่ดูเหมือนจะไม่ยอมกลับขึ้นไปข้างบนขึ้นไปด้วยกัน
พายถอนหายใจเฮือกกับความงี่เง่าของตัวเองพร้อมกับเดินเข้าไปในครัวเพื่อหาน้ำดื่ม เขาเหลือบไปเห็นข้าวผัดที่ถูกวางไว้พร้อมกับไข่เจียวหน้าตาประหลาดตรงโต๊ะกินข้าว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหมอทำเองเพราะคงไม่มีร้านที่ไหนทำได้หน้าตาแบบนี้แน่นอน
คุณพ. ดื่มน้ำแล้วถอนหายใจอีกรอบ เขาไม่ได้รู้สึกหิวแต่แกะพลาสติกที่จานข้าวผัดออกและเอาไปอุ่น ถึงจะใกล้ตีสามแล้วก็ตั้งใจว่าต้องกินข้าวให้หมด
.
.
.
“หือ...” หมอสะดุ้งเมื่อพายสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มแล้วดึงตัวอีกคนมากอดไว้
“ผมขอโทษ”
โจ้ไม่ได้หลับสนิทหันหน้ามาหา ซุกหน้าเข้ากับอกเย็นๆ ของอีกคน คงเพราะพายเพิ่งอาบน้ำเสร็จกลิ่นบุหรี่นั่นเลยหายไปแล้ว
“โกรธอะไร” หมอที่ปกติหวงตัวอย่างกับอะไรดีวาดมือกอดเอวสอบของอีกคน
“ไม่ได้โกรธ ผมหึงพี่พยาบาลคนนั้น” พายว่ากลั้วหัวเราะ พอหัวเริ่มเย็นขึ้นมาแล้วก็ขำตัวเองเหมือนกัน
“มีแค่นั้นจริงๆ เพรอ ไม่ได้โกรธอะไรเหรอ” อีกคนถามเสียงอู้อี้
“ก็เห็นเขาหน้าตาท่าทางเขาคล้ายๆ หมอเนย กลัวหมอหันไปชอบ โอ้ยยยยย!” ยังพูดไม่จบดีไอ้พายก็ถูกบิดสีข้างไปพร้อมๆ กับถูกกัดที่หน้าอก
“หมอออออ”
“มึงสิชอบ! ” โจ้ลุกขึ้นตะโกน ก็เผลอคิดไปเยอะแยะว่าโดนโกรธเรื่องอะไร! นี่ยังน้อยไปนะ ถ้าโจ้ลุกขึ้นมาเตะไอ้พายได้เขาคงทำไปแล้ว!
.
.
.