ฉาวครั้งที่ ๕
“พรีเซ็นเตอร์หมวกกันน็อคเหรอ"ผมหันไปมองหน้าผู้จัดการส่วนตัวเป็นครั้งแรก เมื่อได้ยินอีกฝ่ายบอกว่ารับงานนี้ไว้ให้ผมแล้ว
“อย่างน้อยน่าจะเรียกกระแสดีๆกลับมาได้บ้าง เดี๋ยวพี่จะติดต่อพี่โบว์ช่วยกระพือข่าวอีกทาง"
“เหอะ..."ผมพ่นลมหายใจออกมา พี่มิวหันกลับมามองผมด้วยสีหน้าลำบากใจ
“เข้าไปคุยกับเฮียเปรมรึยัง นี่ก็นานแล้วนะตั้งแต่เกิดเรื่อง"ผมยักไหล่ทำเหมือนว่าไม่แคร์ ผมยังไม่อยากเข้าไปตอนนี้ ให้เฮียเปรมเป็นเดือดเป็นร้อนอยู่แบบนี้ก็สนุกดี
“แล้วก็...ถ้าคิดจะไปคุยพาเด็กคนนั้นมาด้วย"
“ทำไมผมต้องพาเมฆมาด้วย ....อีกอย่างเขาก็ไม่ได้อยากมา"พี่มิวมองหน้าผมเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง
“เรื่องทั้งหมด พี่รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง อย่าไปดึงคนที่ไม่เกี่ยวข้องมาเลยนะคิน เรื่องมันจะยิ่งบานปลาย พี่รู้จักกับนักข่าวหลายคนก็จริง แต่นักข่าวแค่ไม่กี่คนก็ช่วยคินไม่ได้นะ ถ้าคินยังไม่ห่วงภาพลักษณ์ตัวเองแบบนี้ รู้รึเปล่าตั้งแต่เกดเรื่องพี่ต้องวิ่งรอกหานักข่าวคนนู้นที คนนี้ที ช่วยทำตัวให้สมกับอายุเถอะนะ"ผมยิ้มเมื่อได้ฟังอีกฝ่ายพูด
“พี่คงเหนื่อยแย่เลยนะครับ เริ่มจะรู้สึกผิดแล้วนะเนี่ย”แต่สีหน้าผมตอนนี้ตรงข้ามกับคำพูดสุด ๆ พี่มิวถอนหายใจเหมือนเหนื่อยหน่ายใจที่จะพูดกับผม
“พี่อยากให้คินเคลียร์ตัวเอง ตอนนี้พี่ไม่รู้จะตอบนักข่าวคนอื่นเรื่องเด็กคนนั้นว่ายังไง พี่ไม่เชื่อหรอกนะ ว่าคบกันจริง”
“ก็แล้วแต่พี่เถอะ เรื่องของผม ผมจัดการเองได้”
“คิดจะทำอะไรอีกล่ะ ขอร้องนะ อย่าสร้างเรื่องอีกเลย พี่เหนื่อย”
“เอาเถอะ นอกจากเป็นพรีเซ็นเตอร์หมวกกันน็อคแล้ว วันนี้ผมมีตารางงานอะไรอีกมั้ย"ผมเปลี่ยนเรื่องมาถามเรื่องงานเห็นแวบๆ เหมือนวันนี้ผมต้องไปอัดรายการอะไรสักอย่าง …
“ต้องไปอัดรายการ เจาะลึกดารา"หือ ...เจาะลึกดารา นี่มันรายการขุดคุ้ยประวัติชัดๆ แถมไอ้พิธีกรเจสันนั่น ก็ถามเซ้าซี้น่ารำคาญ สงสัยจังเลยนะว่าจะไปขุดเรื่องไหนมาเล่นงานผมบ้าง ชักจะตื่นเต้นแล้วสิ
“คินโอเคใช่ไหม พี่ก็ไม่อยากให้ไปนักหรอก ใครจะอยากให้เด็กในสังกัดเอาคอไปไว้บนเขียง บางครั้งเส้นพี่ก็ไม่ใหญ่พอจะช่วยคินได้ทุกเรื่องหรอกนะ แถมทางช่องโทรทัศน์นั่นก็คอยกดดันค่ายเราอยู่ พี่เลยจำเป็นต้องรับงานนี้”
“โอเคครับ ผมไม่มีปัญหาอะไร ผมขอดูคิวงานหน่อย”มีอัดรายการบ่ายนี้ ส่วนพรุ่งนี้ก็คิวงานพรีเซ็นเตอร์หมวกกันน็อค ถ่ายครึ่งวัน
รถตู้มุ่งหน้าเข้าสู่สถานีโทรทัศน์ช่อง NNC ช่องยอดฮิตสำหรับพวกที่ชื่นชอบการเมาท์ดารา มีกลุ่มแฟนคลับอออยู่หน้าสถานี และกลุ่มนักข่าวกลุ่มเล็กๆ เมื่อรถตู้ของผมจอด เหล่าแฟนคลับก็พยายามจะกรูเข้ามาแต่การ์ดตัวโตก็คอยกันไว้อยู่ เห็นยัยแป้งแฟนตัวแม่ของผมแว๊บๆด้วย
“พร้อมนะ”พี่มิวส่งสัญญาณให้ผม ที่เตรียมตัวจะลงจากรถ ประตูเปิดออกแสงแฟรชวิบวับสาดใส่หน้า การ์ดช่วยกันผมกับ พี่มิวผจก.ไว้
“ให้ภาคินเข้าไปก่อนน้า อัดรายการเสร็จเดี๋ยวค่อยเจอกันค่ะ รบกวนน้องๆถอยออกไปก่อนค่ะ”ได้ยินเสียงพี่มิวตะโกน แฟนคลับบางส่วนถอยออกไป บางคนพยายามจะเข้าใกล้ผม โดนเล็บข่วนมืออีก แต่ก็ต้องปั้นหน้ายิ้ม กว่าจะเข้ามาได้ไส้แทบบิดเป็นเลขแปด
“เข้ามารอที่ห้องแต่งตัวเลยค่ะ”มีพีอาร์หน้าเด็ก ๆเดินนำผมไปที่ห้องที่มีชื่อผมแปะอยู่ เข้าไปก็เจอพี่แต้วช่างแต่งหน้าประจำของผมรออยู่ด้านในแล้ว
“หวัดดีครับพี่แต้ว วันนี้ก็สวยเหมือนเดิมเลยนะครับ”ยกมือไหว้ทักทายพร้อมกับพูดแซวตามปกติ
“หวัดดีจ้า เห็นคินพูดแบบนี้มาหลายปีล่ะ ไม่เห็นจะมีใครมาสนใจพี่เลย”พี่แต้วสาวประเภทสองที่ผมมองว่าสวยกว่าผู้หญิงบางคนซะอีก พี่เอ๋สไตลิสต์ร่างท้วมเอาชุดเข้ามาให้
“ใครว่าคินไม่ดัง เห็นไหมกระแสยังดีอยู่เลย”พี่เอ๋หันไปเมาท์กับพี่แต้ว ส่วนหนึ่งที่ยังมีนักข่าวาทำข่าวผมก็เพราะผจก.ด้วยส่วนหนึ่งที่พยายามจะโปรโมทผมตลอดเวลา
“อัดรายการเสร็จคินอยู่เจอกับแฟนคลับก่อนนะ พี่โพสต์บอกไว้แล้ว”พี่มิวส่งเสียงมาจากมุมห้อง สายตาจัดจ่ออยู่ที่แท็ปแล็ต อัพเดทข่าวของผมให้แฟนๆรู้
ระหว่างที่รออัดรายการผมก็เหลือบไปเห็นนิตยสารฉบับหนึ่งที่พี่เอ๋กำลังอ่านอยู่ บนหน้าปกมีรูปผมกับไอ้เมฆ ถ่ายคู่กันแล้วก็ดูดีใช้ได้เลยนะ ดูๆไปก็เหมือนคู่รักสุขสันต์ดีนะ ผมยกยิ้มเมื่อจ้องมองรอยยิ้มของอีกคนที่ทำให้ผมสนใจตั้งแต่ได้เห็นครั้งแรก ...นี่ผมสนใจมันมากไปรึเปล่าเนี่ย ผมมองโทรศัพท์ที่นอนเงียบกริบอยู่บนโต๊ะ ตั้งแต่คุยกันคราวก่อนผมก็ไม่ได้ติดต่อไปเลย ลองโทรไปดีไหม แต่ก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะเรียนอยู่ รบกวนเปล่าๆ ผมวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิม
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป...ผมก็ยังไม่ได้อัด ไอ้พิธีกรยังไม่โผล่หัวมาเลย ผมเคาะนิ้วลงกับโต๊ะอย่างหงุดหงิด ไม่ชอบรออะไรนานๆเลย ให้ตายสิ ผมเหยียดเท้ากระแทกเก้าอี้อีกตัวเพื่อระบายอารมณ์
“ภาคินใจเย็นๆก่อนนะ ดื่มน้ำแก้หงุดหงิดก่อน"พี่แต้ววางแก้วน้ำเย็นๆลงตรงหน้าผม
“กระเพาะผมจะเต็มเพราะกินน้ำรอเนี่ยแหละ ถ้าอีกยี่สิบนาทียังไม่มา ผมไม่อัดแล้วนะ ถือว่าไม่ไว้หน้าผม ถึงตอนนี้ผมจะแย่ยังไงก็ไม่มีสิทธิมาปล่อยให้รอเป็นชาติแบบนี้"พี่แต้วหมดปัญญาจะทำให้ผมใจเย็น พี่มิวออกไปคุยกับ PDด้านนอก ก่อนจะกลับเข้ามาด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“ทางนั้นบอกให้รออีกหน่อย เจสันกำลังมา บอกว่ารถติด"เหอะ รถติด หมดมุกจะใช้แล้วรึไง สรุปว่าผมรออัดรายการตั้งหนึ่งชั่วโมงกับอีกสิบนาที พิธีกรปากหมา เอ๊ย ปากกรรไกรก็เอาแต่ขอโทษขอโพยด้วยท่าทางสำนึกผิด เสแสร้งจริงๆ ผมรู้หริกว่าลับหลังไอ้หมอนี่มันปากปีจอขนาดไหน
“ใจเย็นๆไว้นะ อย่าพูดอะไรไม่คิด "พี่มิวกระซิบเบาๆ ผมแค่นยิ้มให้ ไม่รู้สินะ ตอนนี้ผมกำลังเดือด ไอ้เรื่องโดนด่าว่าไร้สัมมาคาราวะเนี่ย โดนประจำ ไม่มีอะไรต้องห่วงหรอก
เจสันพิธีกรลูกครึ่งเปิดรายการพล่ามถึงสปอร์นเซอร์สนับสนุนนานหลายนาที จนผมแอบทำหน้าเซ็ง ช็อตนี้อาจจะถูกเอาไปออกอากาศก็ได้ ผมจะได้ดูแย่เข้าไปอีก งานหลักของรายการนี้อยู่แล้ว
“วันนี้เราอยู่กับนักร้องดัง ‘ภาคิน'นั่นเองครับ แน่นอนว่าความดังของเขาเป็นที่โจษจันกันไปทั่ว หลายๆคนคงรู้ใช่ไหมครับว่าเพราะอะไร คุณคิดว่าไงครับกับเรื่องดังกล่าว"พิธีกรหน้าหนา(เพราะเมคอัพ)หันมาถามผม รอยยิ้มจอมปลอมประดับอยู่บนหน้า
“ครับ MV ล่าสุดผมได้ คิม มียองมาแสดงเป็นนางเอก ผมรู้สึกดีใจมากเลยครับ แถมเพลงนี้ก็ติดชาร์ตอันดับหนึ่งอย่างรวดเร็วเลยครับทั้งๆที่ปล่อยไปเพียงอาทิตย์เดียวเท่านั้น อัลบั้มนี้ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของผมเลยล่ะครับ น่าภูมิใจจริงๆ"ผมจงใจพูดถึงผลงานเมื่อกลางปีที่ดังเป็นพลุแตกก่อนที่ข่าวฉาวเรื่องผมจะเกิด ผมส่งยิ้มให้กล้อง เจสันอ้าปากค้างไปนิดนึงก่อนจะเปลี่ยนเป็นการหัวเราะแทน
“นั่นสินะครับ เป็นผลงานที่ตื่นตาตื่นใจมาก แต่หลังจากนั้นชีวิตคุณก็เหมือนมีพายุเข้าเลยใช่ไหมครับ"แล้วก็วกกลับมาเข้าประเด็นที่ต้องการจะเล่นงานผม
“ครับ ก็ถือเป็นสีสันของชีวิต ผมเชื่อว่าหลายๆคนคงเคยเจอกับพายุลูกใหญ่แต่ก็ผ่านพ้นมาได้ ผมเองก็เป็นแบบนั้นครับ"แต่ผมเป็นคนก่อพายุเองต่างหาก พิธีกรพยักหน้า ก่อนจะก้มดูสคริปคำถาม ผมก็อ่านมาแล้วเหมือนกัน แต่รายการนี้มักจะถามนอกเรื่องอยู่สักหน่อย
“ตอนนี้หลายคนกำลังจับตามองเรื่องความสัมพันธ์ของคุณระหว่าง เอ่อ เมฆ...ที่เป็นข่าวครึกโครมในช่วงนี้ พวกคุณคบกันจริงๆใช่ไหม"พิธีกรเน้นคำว่าจริงๆเป็นพิเศษ ผมยิ้มระหว่างนั้นหัวสมองกำลังประมวลหาคำตอบที่ดีที่สุด
“ตอนนี้ต้องเรียกว่าอยู่ในขั้นตอนคบหาดูใจกันดีกว่าครับ"...ขอโทษอีกทีนะเมฆ
“ตอนแถลงข่าว คุณบอกว่าเป็นแฟนกันนี่ครับ..."
“ผมสบายใจกว่าครับที่เรียกเขาแบบนั้น"ผมปั้นหน้านิ่ง ดูเหมือนไม่ทุกข์ร้อนอะไร แต่ในใจร้อนรนอยู่ไม่น้อย ขออย่ายิงคำถามลึกไปกว่านี้เลย
จากนั้นคำถามซ้ำซากที่ผมเคยโดนถามไปแล้วก็ถูกหยิบยกมาตอบอีกครั้ง จนผมแอบรำคาญกว่าจะอัดเสร็จก็กินเวลาหลายชั่วโมง ผมเชื่อว่าคำพูดที่ดูมีสาระของผมคงโดนตัดออกแน่นอน
“ขอบคุณมากครับที่ยอมมารายการของเรา ตอนแรกผมคิดว่าคุณจะปฏิเสธซะอีก ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้รอนาน "พิธีกรเข้ามาคุยกับผมระหว่างที่ผมกำลังเดินเข้าห้องแต่งตัว
“ไม่เป็นไรหรอกครับ แต่อย่าทำแบบนี้บ่อยๆนะครับเดี๋ยวติดเป็นนิสัยจะแก้ไม่หาย วันนี้ผมสนุกมาก ได้อะไรจากรายการนี้เยอะเลย หวังว่าEp ของผมจะได้เรตติ้งสูงนะครับ"ผมยิ้มตบท้ายก่อนจะเข้าห้องแต่งตัว
“เฮ้อ...ผมหิวข้าวอ่ะพี่แต้ว รายการนี้ไม่มีของว่างให้แขกรับเชิญเลยเหรอนอกจากน้ำเปล่ากันคอแห้ง"ผมนั่งพิงเก้าอี้ด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย
“พี่มีขนมปังค่ะ รองท้องไปก่อนนะคะ เจอแฟนคลับเสร็จแล้วค่อยไปหาอะไรทานกัน"พี่แต้วยื่นขนมปังไส้ช็อคโกแล็ตมาให้ ผมเปลี่ยนชุด ลงไปด้านล่างผจก.กำลังคุยกับเหล่าแฟนคลับอยู่ พอเห็นผมโผล่มาเสียงกรี๊ดก็ดังมาระลอกใหญ่
“พี่คินนนนนน ถ่ายรูปกับหนูหน่อยค่าา"
“ก่ดรากวฟบไยพาทดวด%$##%%+$<($%"อีกมากมายที่ผมจับใจความไม่ได้ ผมก็พยายามถ่ายรูปกับทุกคนอย่างทั่วถึงแต่ก็ค่อนข้างลำบาก
“พี่คินเซ็นนี่ให้หนูด้วย"
...หมวกกันน็อคผมหัวเราะแห้งๆก่อนจะเซ็นชื่อลงไป เชื่อเลยว่าถ้าป้ายไวนิลนั่นเสร็จเมื่อไหร่ คงมีเรื่องฮาๆกว่านี้อีกแน่
“ฝากให้พี่เมฆด้วยค่ะ"ของบางอย่างถูกยัดใส่อ้อมแขนของผม มีแฟนคลับเมฆด้วยเหรอ
"คินได้เวลากลับแล้ว"ผจก.สาวกระซิบ ผมโบกมือลาเหล่าแฟนคลับ รู้สึกดีขึ้นเยอะหลังจากที่หงุดหงิดมาจากรายการบ้าๆนั่น
“พี่ไปก่อนนะ ขอบคุณทุกคนมากครับ"การ์ดมากันตัวผมออกไป ผมหันไปส่งยิ้มให้ครั้งสุดท้าย มีของหลายอย่างที่ฝากมากับผจก.ส่วนใหญ่เป็นจดหมาย ดอกไม้ ผมนั่งแกะของฝากที่แฟนคลับฝากมาให้เมฆ ขอดูหน่อยนะว่าคืออะไร
....ตุ๊กตาแมวเหมียวที่อยู่ในท่านั่ง ดูเหมือนจะสั่งทำเองเพราะตรงหน้าอกสกรีนหน้าเมฆไว้ด้วย ผมบีบหน้าแบนๆของเจ้าตุ๊กตานั่นสองสามที แมว....เมฆ...จะว่าไปมันก็เหมือนแมวเลยนะ อืม...น่ารักดี ขอเก็บไว้เองล่ะกัน
ถ้าไอ้เมฆเป็นแมว...แล้วผมจะเหมาะเป็นตัวอะไรดีล่ะ
................
“ยิ้มกว้างๆ หน่อยครับ ดีมาก...ชูนิ้วโป้งด้วยครับ แบบว่าสุดยอดอะไรแบบนี้ นั่นแหละครับ"
ผมกำลังทำตามที่ช่างภาพบอกรู้สึกเหมือนคนบ้าชอบกล พี่แต้วกับพี่เอ๋ยืนหัวเราะอยู่ที่มุมห้อง ผมพยายามคิดว่า หมวกกันน็อคนี่นะ เจ๋งสุดๆ...ภาพจะได้ออกมาสมจริงและดูจริงใจ?....แต่มันก็ยากเอาเรื่องเลย
“เสร็จแล้วครับ ถ่ายไวกว่าที่ผมคิดอีกนะครับเนี่ย ผมเชื่อว่ายอดขายของเราต้องเพิ่มขึ้นแน่นอน เปอร์เซ็นต์ของการสวมหมวกจะต้องเพิ่มขึ้นแน่ ๆผมมั่นใจแบบนั้นครับ"ช่างภาพดูพออกพอใจ ผมถอดหมวกกันน็อคออก ร้อนด้วย ทีมงานเข้ามาซับเหงื่อให้ ผมได้ลองหมวกกันน็อคหลายแบบ แบบที่ปิดหน้าผมมิด (ผมจะแต่งหน้า เซ็ตผมทำไม )และแบบครึ่งใบ ช่างภาพเลือกรูปที่ผมยิ้มเห็นฟันครบทุกซี่มาใช้ ให้เหตุผลว่าผมดูมีความสุขที่ได้ใส่หมวกกันน็อค อืม...ว่ายังไงก็ตามนั้นแหละนะ
ครืดดด~
JJ
ผมมองสายเข้าจากเพื่อนร่วมวงการ รุ่นน้องค่ายเดียวกันที่ค่ายพยายามดันอยู่ด้วยการไปร่วมงานกับบอยแบนด์เกาหลี ก็ไม่รู้ว่าดันครั้งนี้จะได้ผลรึเปล่า เพราะผมก็เห็นว่าแป้กมาหลายรอบ
“ว่าไง"
[พี่คิน ผมเพิ่งเห็นข่าวของพี่ พี่ไม่เป็นไรแน่นะ]น้ำเสียงมันดูตกใจและตื่นๆ
“ฉันไม่เป็นไรหรอก แล้วนี่กลับจากเกาหลีแล้วเหรอ"
[ครับ กำลังไปที่ค่าย ไว้เราออกไปหาอะไรกินด้วยกันนะครับ ไม่ได้เจอพี่ตั้งนานมีเรื่องจะถามตั้งเยอะเลย] เดาว่าเรื่องข่าวของผมแน่นอน
“ก็ได้ ตามนั้นล่ะกัน"
[ครับ ผมวางก่อนนะนักข่าวมา] มีเสียงดังกุกกักก่อนที่สายจะถูกตัดไป ...ผมไม่ได้อคติอะไรกับรุ่นน้องแต่ถ้าในวงการผมจะไมา
ไว้ใจใครง่ายๆ
==========================
“งานเข้าแล้วว่ะแมวเอ้ย"ไอ้บอร์ทวิ่งหน้าตั้งมาหาผมที่กำลังจะตักข้าวมื้อเที่ยงเข้าปาก ไอ้เชษเองที่กำลังดูดเส้นเล็กเข้าปากไอค่อกแค่ก แถมไอ้บอร์ทก็ทำเสียงดังไม่อายใครอีก
“อะไรของมึงวะ"ผมมองเพื่อนที่ยืนหอบแฮ่กๆ ในมือถือหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง คงมีข่าวอะไรอีกล่ะสิ ไอ้เชษหยิบทิชชูมาเช็ดปากก่อนจะปาใส่ไอ้ตัวต้นเหตุที่ทำให้สำลัก
“ถ้าเป็นเรื่องไร้สาระนะมึง หัวทิ่มแน่ๆ"ไอ้เชษเตรียมเงื้อมือ
“ไม่ไร้สาระเว้ย เกี่ยวกับมึงเลยเเมว ดูซะ!"มันวางหนังสือพิมพ์ลงตรงหน้าผม ผมกวาดสายตามองรูปประกอบที่เด่นสะดุดตา ในรูปเป็นภาคินที่นั่งกินข้าวกับชายหนุ่มหน้าใสท่าทางดูสนิทกัน
ลือหึ่ง ภาคินนอกใจแฟนหนุ่มนอกวงการ แอบคบกับนักร้องรุ่นน้องในค่าย พากันเข้าโรงแรมกลางวันแสกๆพาดหัวข่าวไร้สาระทำให้ผมย่นหน้า ก็แค่กินข้าวด้วยกันไม่ใช่เหรอ ไม่เห็นต้องเอามาเป็นประเด็นเลย
“แล้วไง"ผมถามกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ไอ้เชษคว้าหนังสือพิมพ์มาฟาดหัวไอ้บอร์ทหนึ่งที
“ก็แค่ข่าวไร้สาระ"ไอ้เชษส่ายหัวไปมา
“แต่มันเคยมีข่าวลือมาก่อนนะเว้ยว่าภาคินแอบคบกับรุ่นน้องในค่าย"ไอ้บอร์ทชี้ไปที่คอลัมวิจารณ์เล็กๆ
“เฮ้อ...เพิ่งจะมีกระแสดีๆแท้ๆ ดันมีกระแสแย่ๆมากลบอีกแล้วว่ะ ดวงมันซวยจริงๆนะไอ้ภาคินเนี่ย"ผมได้แต่ฟังไอ้เชษพูด นั่นสิ ส่วนตัวผมก็ไม่ได้เชื่อข่าวไร้สาระนี่หรอก นักข่าวแค่อยากเล่นงานมันเท่านั้นแหละ แต่...หรือว่ามันต้องการจะสร้างข่าวเสียๆซะเอง
“เป็นคนดังนี่แม่งน่าสงสารนะกูว่า"ไอ้เชษยังพร่ำไม่หยุด
“เออ แล้วเมื่อเช้าทำไมมาเรียนว่ะ เขาเก็บคะแนนแบบฝึกหัดนะเว้ย"ผมหันไปถามไอ้บอร์ทที่ดูจะสนใจข่าวซุบซิบน่าดู
“ก็ไอ้เชี่ยเจนอ่ะดิ เมื่อคืนก็นัดเที่ยวกับมันที่บลู มันแม่งเมาแล้วก็อาละวาด ไม่รู้หงุดหงิดอะไรมา สาวๆเข้าหามันตรึมแต่มันไม่สนใจเลยนะเว้ย ท่าทางอย่างกับคนอกหัก กูเลยต้องลากมันมานอนที่ห้องกว่าจะได้นอนก็เช้าแล้วกูเลยตื่นไม่ทัน"ไอ้บอร์ทลูบผมอย่างหัวเสีย
“บ้าไปแล้ว อย่างไอ้เจนเนี่ยนะจะอกหัก"ผมแย้ง หรือว่าทะเลาะ มีเรื่องกับไอ้ปอย
“เออ กูว่ามันแปลกๆแล้วนะ เฮียจอร์นก็โทรมาให้จับตาดูไอ้เจนให้หน่อย ทำอย่างกับกูตัวติดกับมันอย่างนั้นแหละ ทำไมเฮียเขาไม่โทรหาไอ้ปอยวะ เรียนคณะเดียวกันแท้ๆ "ไอ้เชษบ่นอย่างไม่เข้าใจ สงสัยผมคงต้องไปคุยกับไอ้เจนจริงๆจังๆแล้วมั้ง ส่วนไอ้ปอยค่อยไปดูท่าทีมัน ผมเหลือบมองข่าวของภาคิน อดรู้สึกแปลกๆไม่ได้เหมือนกัน ...แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ก็ไม่เห็นเกี่ยวกับผมเพราะยังไงจริงๆแล้วผมก็ไม่ใช่แฟนมันสักหน่อย
หลังเลิกเรียนผมกะจะไปหอสมุดหาหนังสืออ่านคลายเครียดดีกว่า ระหว่างที่มาหอสมุดผมก็รู้สึกว่ามีคนตามผมมา ...ตามผมมาทำไมเนี่ย ผมมองกระจกรถตู้ขับเข้ามาใกล้มากขึ้น จะบิดหนีก็ไม่ทันแล้ว ผมจอดรถข้างทาง มีผู้หญิงคนนึงลงมาจากรถ
“น้องเมฆใช่ไหมคะ พี่ขอคุยด้วยหน่อยค่ะ ไม่นานหรอก"พี่ผู้หญิงเข้ามาใกล้ มีผู้ชายอีกคนลงมาด้วย แต่มีกล้องติดมือมาอีก อะไรล่ะเนี่ย
“คุยอะไรครับ ผมมีธุระ"
“แค่ถามความคิดเห็นเรื่องข่าวของภาคินเฉยๆค่ะ คือ--"ผมไม่รอช้าบิดรถหนีทันที ไม่เหลียวหลังไปมองเลยแม้แต่น้อยบ
“เดี๋ยวสิคะ --"บ๊าย บาย หวังว่าคงไม่ตามมานะ ผมขี่หลบมายังทางหลังมอ.เส้นทางนี้เปลี่ยวหน่อย ไม่ค่อยมีคนใช้แล้ว แต่คงปลอดภัยกว่าแน่ๆในตอนนี้ ผมหยิบโทรศัพท์ที่สั่นอยู่ในกระเป๋าออกมา
“ว่าไงครับแม่"โทรมามีอะไรรึเปล่า ผมสังหรณ์ใจแปลกๆ
[อย่าเพิ่งกลับบ้านนะลูก ไปค้างบ้านเพื่อนก่อนนะ ดูเหมือนจะมีคนแปลกหน้ามาป้วนเปี้ยนอยู่หน้าบ้านเรา]นั่นไง
“ครับ "ผมถอนหายใจ ภาคินสร้างเรื่องอีกแล้ว ไปค้างกับไอ้เจนก่อนก็แล้วกันยังไงก็ต้องคุยกับมันเรื่องไอ้ปอย
ครืดดดด~
ภาคินพอนึกถึงก็โทรมาเลย ผมย่นหน้าใส่ชื่อที่ปรากฏอยู่บนจอโทรศัพท์ก่อนจะกดรับ
“มีอะไร"ผมพูดเสียงห้วน
[อยู่ไหน ...ฉันอยากคุยกับนาย]
“คุยอะไรอีกล่ะ นายนี่นึกอยากให้ฉันไปหาก็โทรมาเหรอไง ถ้าจะคุยก็คุยตอนนี้นี่แหละ"
[นี่...อยู่ที่ไหนล่ะ เดี๋ยวฉันไปหานายเองก็ได้]ผมถอนหายใจ อยู่ๆเมื่อกี้ก็ฉุนขึ้นมา
“อยู่...ตรงซอยข้างมอ."ผมบอกรายละเอียดให้มันไปว่าอยู่ตรงไหน รออยู่พักใหญ่มันก็มา แต่รถมันเข้ามาในซอยไม่ได้ ผมก็เลยต้องไปหามันแทน ทันทีที่ขึ้นมานั่งบนรถมันก็ออกรถทันที อ้าวเฮ้ย รถผมล่ะ
“เฮ้ย จะพาไปไหน ทำไมไม่คุยตรงนี้"ผมทำหน้าบึ้ง ภาคินหันมามองผม ้วตบไฟเลี้ยวจอดข้างทาง
“เรื่องข่าวนั่น...ทำให้นายโดนลากไปเอี้ยวอีกแล้ว ขอโทษด้วยนะ"ไอ้ภาคินถอนหายใจ เอนพิงเบาะรถหันหน้ามามองผม ที่ยังไม่ยอมมองหน้ามัน
“ช่างเถอะ เริ่มจะชินแล้ว"
“แต่ข่าวนั่นไม่จริงนะ ไอ้เจก็แค่รุ่นน้อง เหอะ ไม่รู้เขียนข่าวกันมาได้ไง"ไอ้ภาคินบ่นด้วยน้ำเสียงเคืองๆ นั่นสิ ผมก็ไม่เชื่อเรื่องข่าวนี่ แต่กลับรู้สึกโกรธมันซะงั้น ถ้ามันไม่ไปก็คงไม่เป็นข่าวหรอก ...เฮ้อ ผมว่าผมมีปัญหาแล้วล่ะ จะไปโกรธมันด้วยเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องสักหน่อย
“ตั้งใจสร้างเรื่องเองรึเปล่า เห็นอยากดับนักนี่"ผมเหลือบมองหน้าภาคิน มันขมวดคิ้วมองผม
“อย่าบอกนะว่า...นายคิดว่าฉันสร้างข่าวขึ้นมาเองน่ะ"ภาคินยกยิ้ม ผมหันไปมอง ยิ้มอะไรอีก
“แค่สมมุติเฉยๆ "
“สงสัยเป็นคราวซวยของฉันล่ะมั้ง พอถึงช่วงขาลงก็เลยโดนหนัก ตัวฉันเองก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรกับข่าวบ้าบอพวกนี้หรอกนะ แต่ฉันห่วงนายต่างหาก...นายไม่เป็นไรนะ"ภาคินเอื้อมมาลูบหัวผม
“ฉันไม่เป็นไรหรอกน่า แล้วก็ อย่ามาลูบหัวจะได้ไหม"ผมปัดมืออีกคนออก พยายามปกปิดท่าทางแปลก ๆของตัวเอง
“อ่า โทษที ไม่รู้นี่ ว่าไม่ชอบ"ภาคินชักมือกลับ ภายในรถเงียบกริบ
“แมว..."
“อะไร"ผมหันไปมอง ทำไมมันรู้ฉายาผมล่ะ เพราะนอกจากในกลุ่มเพื่อนเเล้วก็ไม่มีใครเรียกผมแบบนี้
“ฉันว่าดูๆไปนายก็เหมือนแมวนะ แมวที่กำลังขู่ แฮ่..."มันทำเสียงขู่ประหลาดๆ
“ไม่เห็นจะเหมือน แล้วนั่นมันเสียงหมาขู่ไม่ใช่แมว"ผมหลุดยิ้มออกมา คนบ้าอะไรแยกไม่ออกอันไหนแมวขู่ อันไหนหมาขู่
“ไหนทำเสียงแมวขู่ให้ดูหน่อยสิ"ผมถลึงตาใส่ภาคินที่หัวเราะหึ ๆ ชอบใจ
“นายมาค้างที่คอนโดฉันก็ได้นะ..."ผมหันไปมองอีกคนทันที ไปค้างคอนโดภาคิน ...ผมก็ไม่ได้กลัวอะไรหรอกนะ แต่จะให้ผมไปค้างกับคนที่รู้จักได้ไม่นานมันก็ยังไงอยู่ ผมเป็นเด็กดีนะเฮ้ย
“ห้ะ ไม่เป็นไร ฉันไปค้างที่คอนโดเพื่อนสะดวกกว่า"
“ทำไม กลัวเหรอ ถ้าฉันจะกินนายล่ะก็...ดิ้นหนีให้ตายนายก็ไม่หลุดหรอก เพราะฉันจะตะครุบนายแน่นๆเลยล่ะ"ภาคินเอื้อมมือมาขยุ้มแขนผม ผมหยิกข้อมือมัน
"โอ๊ย ทำร้ายร่างกายซุปตาร์ เดี๋ยวเรียกค่าเสียหายนะ"อีกฝ่ายยิ้มทะเล้น ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นโหมดจริงจัง
"เมฆ ฉันมีเรื่องอยากจะถามนายน่ะ"
"ว่ามาสิ"ผมรอฟัง
"คือ พรุ่งนี้ฉันนัดนักข่าวมาตอบเรื่องข่าวบ้าๆนี่ แน่นอนว่าอาจจะต้องโยงไปถึงเรื่องนาย นายโอเคไหมที่จะต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับฉัน ทั้งๆที่ความจริงแล้วเราก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน"ผมนั่งมองมือตัวเอง อันที่จริงผมก็หงุดหงิดอยู่บ้างที่กลับบ้านไม่ได้ หงุดหงิดที่ต้องคอยหนีนักข่าว แต่จริงๆ แล้วผมก็ยังอยากเจอมันอยู่
"ภาคิน..."
"หืม?"เจ้าของชื่อหันมามอง รอฟังว่าผมจะพูดอะไร
"นายถามฉันใหม่สิ"
"อะไรนะ"มันดูงงๆ ผมเม้มริมฝีปากแน่น
"ก็ไอ้วันนั้นน่ะ ที่ร้านข่าวมันไก่ที่นายถามน่ะ ถามใหม่สิ"ผมกลั้นใจพูดไป ถ้ามันไม่ได้อยากพูดแบบนั้นเเล้วผมคงหน้าแตกยับเยิน จนเก็บเศษหน้ามาแปะคืนเหมือนเดิมไม่ได้แน่ ภาคินทำหน้าเหมือน 'อ้อ...'แล้วก็ยิ้ม
"นายจะตอบเหรอ"
"ก็เออสิ จะถามหรือไม่ถาม ฉัน...จะไปแล้วนะ"รู้สึกว่าบรรยากาศในรถมันเริ่มจะร้อนอบอ้าวขึ้นทุกที
"...เมฆ....เรื่องวันนั้นเรามาเริ่มกันใหม่กันเถอะ"เสียงของภาคินตอนที่พูดประโยคนี้ดูจะนุ่มลึกเป็นพิเศษ หรือว่าผมเพี้ยนไปแล้ว ที่รู้สึกแบบนั้น แต่จริง ๆนะ ....ผมไม่กล้ามองหน้ามันเลย ไม่รู้ว่าตอนนี้ภาคินจะทำสีหน้าแบบไหน
"ก็ได้ ฉันตกลง"อย่างน้อยผมก็ไม่ชอบอะไรที่มันค้างคา ผมจะได้ไม่ต้องมาประสาทอยู่คนเดียว
"มีอีกคำถามหนึ่ง นายต้องตอบฉันใหม่"
"อืม..."
"วันนี้นายมาค้างที่คอนโดฉันก็ได้นะ"ภาคินจ้องหน้าผมอย่างคาดหวัง จนผมต้องเบนสายตาไปอีกทาง ไอ้หมอนี่คิดอะไรอยู่เนี่ย สายตาที่มันมองผมเหมือนวันนั้นเลย...แย่อ่ะ แล้วเด็กดีอย่างผมจะตอบว่ายังไงดีล่ะ
---------------------------------- TBC.
วันนี้มาอัพเร็วเนื่องจากเป็นวันดีค่ะ
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ กอดทุกคน
เจอกันตอนหน้าน้า