- 4 - ผ่านไปเร็วเหมือนโกหก ในที่สุดก็ถึงเวลาล้างอาถรรพ์เสียแล้ว หลังตื่นมาตอนเช้า
พระลักษมณ์แน่ใจว่าตนนอนร่วมกับใครอีกคน แต่พอลืมตากลับไม่มีเงาคนๆนั้นเลยแม้แต่น้อย
อะไรก็ไม่หงุดหงิดเท่าสี่วันที่ผ่านมา ทุกมื้อต้องเสนอหน้านั่งทานข้าวเป็นเพื่อน หรือไม่ก็อยู่ใกล้ๆ
ไม่อ่านหนังสือก็ดูทีวี พูดคุยด้วยบ้างไม่มากก็น้อย แต่ไหงวันนี้ไม่เห็นหัว อาหารที่ว่าอร่อยนักหนากลับจืดชืด
ไร้รสชาติขึ้นมาทันทีเมื่อต้องทานคนเดียว ข้าวแทบจะไม่พร่องจนธรรมตรัยยังสังเกตุเห็น พระลักษมณ์แทบไม่แตะ
อาหารเลยด้วยซ้ำ แต่ธรรมตรัยก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร
หลังมื้อค่ำไม่เกินชั่วโมงธรรมตรัยกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง พร้อมกับเสื้อคลุมผ้าฝ้ายคล้ายยูกาตะญี่ปุ่น
สีขาวล้วนไม่มีลวดลาย ก่อนเอ่ยปากบอกพระลักษมณ์อาบน้ำชำระร่างกายอีกรอบ แล้วให้สวมเสื้อคลุมเพียงตัวเดียว
กางเกงในยังห้ามใส่อีกตะหาก ให้เวลาสิบนาทีจะมาพาไปห้องทำพิธีกรรม
ใจที่หดหู่ไม่มีชีวิตชีวากลับตื่นเต้นขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล คงเพราะจะได้ออกจากห้องซึ่งอยู่มาห้าวัน
ไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวัน หรือเพราะจะโดนเปิดซิงกันแน่ ในหัวพระลักษมณ์สับสนเกินหาคำตอบให้ตนเอง อาจเพราะรู้
จะได้เจอใครบางคนที่หายหัวไม่เห็นเงามาทั้งวัน เลยตื่นเต้นก็เป็นได้
ใจไม่อยากยอมรับความรู้สึกที่คืบคลานเข้ามาช้าๆ พระลักษมณ์จึงไม่ต้องการค้นหาคำตอบ
แต่กลับทำตามธรรมตรัยบอกทุกอย่าง อาบน้ำขัดสีฉวีวรรณ ไม่ลืมถ่ายหนักล้างไส้ซะดิบดี แม้ไม่มีประสบการณ์มาก่อน
แต่ทฤษฎีพระลักษมณ์รู้ดีเลยว่า ต้องเตรียมความพร้อมยังไงบ้าง
ที่ทำไปไม่ใช่ต้องการให้เค้าทะลวงตูด หากไม่มีทางเลือกต้องโดนเปิดซิงแล้วละก็
ไม่อยากอายตัวเองเพราะดันขี้แตกระหว่างพิธี คงดูทุเรศสุดๆ จำเป็นจริงๆยอมเสียศักดิ์ศรีไปก็ได้มันกินไม่ได้สักหน่อย
ไม่มีทางเลือกก็ต้องรักษาชีวิตไว้ก่อน แต่ต่อให้เสียเกียรติแต่จะไม่ยอมเสียหน้าให้เขาว่าไอ้ขี้แตกเพราะโดนตุ๋ยตูดเป็นอันขาด
ข่าวนี้แพร่ไปเมื่อไหร่ได้ตายทั้งเป็นเลยทีนี้ สำคัญที่สุดจะไม่ยอมให้ปาจาหัวเราะเยาะใส่เด็ดขาด เรื่องนี้พระลักษมณ์ยอม
ให้เกิดขึ้นไม่ได้ วิธีคิดข้อแก้ต่างให้กับการกระทำของตนเอง อย่างน้อยก็ทำให้สบายใจขึ้นมาก
ธรรมตรัยกลับมาตามเวลาเป๊ะ พระลักษมณ์พร้อมอยู่แล้วในชุดคลุมยูกาตะสีขาวขับผิวสว่างจ้า
ยิ่งขึ้นไปอีก หน้าหล่อใสเหมือนมีออร่ากระจายอยู่รอบกาย ธรรมตรัยตะลึงไปชั่ววูบเมื่อเห็นพระลักษมณ์เข้าทีแรก
ไม่คิดว่าถึงเวลายังกะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ร่วมรับรู้ ถึงเปล่งรัศมีฉายแสงในตัวพระลักษมณ์ตามตำราเขียนไว้
ไม่ผิด รัศมีตอง 7 พลังแห่งองค์นารายณ์ ชื่อพระลักษมณ์มาจากตำนานรามเกียรติ์ ไม่แปลกใจทำไมพระลักษมณ์ถึงถูกส่ง
ให้มาล้างอาถรรพ์มนต์มาร ภัยพิบัติมหันต์เมื่อผนึกมนต์ต้องห้ามถูกนำมาใช้โดยพรานธรรมรัตน์ปู่ทวดของตนในอดีต
เจ้าของหัวใจมารต้นแบบที่ตนได้รักษาไว้อย่างดี
กฎแห่งเทพและกฎแห่งมาร มนต์ตราอาถรรพ์ถึงเวลาชะล้างแล้วสินะ ฟ้าถึงได้ส่งบุคคลตรงหน้า
มาคู่ปาจาในวันนี้ เห็นกับตาต้องยอมรับว่าไม่ผิดตัวแล้วแน่นอนตามตำราบอกทุกอย่าง นรลักษณ์รัศมีเปล่งประกายจ้าขนาดนี้
สัมผัสได้ทั้งตาเนื้อและจิตนิ่ง ธรรมตรัยบอกกับตัวเองในใจ พาลหัวใจพองโตคับอก แม้จะเคยรู้สึกไม่ชอบ
หน้าพระลักษมณ์มาก่อน
ณ วันนี้กลับต้องขอบคุณจากใจจริง พระลักษมณ์คือผู้ที่สามารถล้างอาถรรพ์มนต์มารให้กายันต์
นั่นหมายถึงความรักของตนกับกายันต์ก็สมหวังเหมือนกัน ไม่ต้องกลัวตกเป็นทายาทมนต์มารอีกต่อไป ก่อนพาพระลักษมณ์
ไปยังห้องพิธีกรรม ธรรมตรัยจึงพูดขึ้นว่า
“ในฐานะตัวแทนผู้บริสุทธิ์ทั้งหลาย และวิญญาณมากมายที่ล้มตายจากมนต์อสูรในขุมนรกอเวจี
ผมขอบคุณแทนทุกคนที่คุณเสียสละปลดปล่อยวิญญาณเหล่านั้น กุศลที่คุณทำไปในครั้งนี้ ยิ่งใหญ่กว่าผลบุญใดๆเสียอีก
บารมีทานจะส่งผลให้คุณประสพสิ่งเสมอใจตลอดกาลนาน” ธรรมตรัยพูดจากความรู้สึกแก่นแท้ แววตาเหยี่ยวที่เย็นชา
อ่อนโยนจนน่าทึ่ง ที่สำคัญใบหน้าสวยฉายเสน่ห์จนพระลักษมณ์ตะลึงไปเหมือนกัน ก่อนหลุดปากถามออกไปว่า
“เกี่ยวอะไรกับปลดปล่อยวิญญาณด้วย ผมไม่เข้าใจ” “คุณคงไม่รู้สินะ ทุกชีวิตที่มารในอดีตและปัจจุบันได้เข่นฆ่าไม่สามารถไปผุดไปเกิดได้เลย วิญญาณตกเป็นทาสบริวารเพื่อเสริมพลังให้จิตมารรุ่นต่อไปไม่จบไม่สิ้น จนกว่าจะล้างอาถรรพ์ทำลายมารร้ายให้สิ้นซาก
เมื่อนั้นดวงวิญญาณจึงจะได้รับอิสระสามารถไปผุดไปเกิดเวียนว่ายตามวัฎสงสารต่อไป ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอีก”
ธรรมตรัยอธิบายจบ พระลักษมณ์รู้สึกขนลุกวูบโดยไม่ทราบสาเหตุ จากนั้นเลขาเย็นชา
ก็ก้าวนำออกประตูเดินตามทางลาดที่ลดหลั่นระดับเป็นทางยาว วกวนคดเคี้ยวชวนงงดีแท้ พระลักษมณ์อดคิดในใจไม่ได้
ดีที่ไม่ตีหัวปาจาสลบแล้วหนีออกมาเอง ขืนออกมางมโข่งกับเส้นทางแบบนี้ได้หลงทางตายกันไปข้าง
ธรรมรัตน์พาพระลักษมณ์เดินไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามขั้นบันไดซึ่งเดินได้ทีละคน
พระลักษมณ์ทึ่งปนอึ้งกับสถาปัตย์กรรมซุกซ่อนนี้ อยากยกนิ้วโป้งให้กับคนออกแบบชะมัด สามารถซ่อนทางลับภายใต้
เรือนไทยหลังใหญ่โดยที่คนภายนอกไม่รู้เลยว่ามีสิ่งนี้อยู่แม้แต่น้อย
เดินจนหอบ ธรรมตรัยก็พามาหยุดหน้าประตูไม้สักบานใหญ่ ก่อนจะผลักเปิดเข้าไปเงียบๆ
พระลักษมณ์รู้สึกทึ่งมากหากสถานที่นี้คือห้องประกอบพิธีที่ว่าละก็ คงถูกเตรียมไว้ล่วงหน้ามานานแล้วจริงๆ เพราะมันอยู่
สูงสุดของบ้านเลยก็ว่าได้ น่าจะเป็นจั่วหลังคาทรงไทยอันใดอันหนึ่ง ที่น่าแปลกคือหลังคากลับเปิดโล่งมองเห็นพระจันทร์
ลอยเด่นเป็นสง่าอยู่กลางกระหม่อมเลยเชียว แสงนวลตากลมโตเหมือนกับมือจะเอื้อมได้ถึง
ช่างสวยเสียจริง
‘พระจันทร์วันเพ็ญ’ สายตามาสะดุดกลางห้อง ซึ่งมีอ่างจากุซซี่สีขาวฝังอยู่กว้างพอกับสระขนาดย่อมเลยก็ว่าได้
น้ำในอ่างโรยกลีบดอกไม้หลายชนิดส่งกลิ่นหอมประหนึ่งสระอโนดาตในนิทานพื้นบ้านซะงั้น
ห้องนี้ไม่มีไฟฟ้าสักดวงด้วยซ้ำ ใช้เทียนหอมจุดรอบอ่างแทนก็สามารถมองเห็นทุกอย่างชัดเจน
ก่อนจะทันเห็นเจ้าของร่างสูงใหญ่ปานรูปสลักสวมเสื้อคลุมแบบเดียวกับพระลักษมณ์ต่างที่เป็นสีดำสนิทยืนหันหลัง
แหงนมองจันทร์เพ็ญนิ่งๆ ทำไมก่อนหน้าถึงมองไม่เห็น เหมือนเจ้าของร่างยืนอยู่ตรงนี้ตลอดเวลา แต่ตนเชื่อว่า
มองไม่เห็นจริงๆ แปลกดีพิลึก
ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา รอเจ้าภาพคนเดียว ใช้เวลาชั่วอึดใจปาจาค่อยหันหน้ามาช้าๆ
พระลักษมณ์ตะลึงค้างใบหน้าได้รูปหล่ออย่างร้ายกาจ หล่อจนเรียกได้ว่าใจสั่นเลยทีเดียว เหมือนมีพลังดึงดูด
ไม่สามารถละสายตาเบือนหนีได้ เดิมก็ยอมรับว่าปาจาหล่ออยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งสง่างามเกินบรรยาย
ใบหน้าคมเข้มปานรูปสลัก จมูกโด่งเป็นสัน ตาคมวาวที่จ้องตอบพระลักษมณ์นิ่งสงบ ปากหนาสีสด
พระลักษมณ์รู้จักดียิ่งกว่าใคร หน้าอกที่โผล่พ้นคอเสื้อเห็นไรขนขึ้นแพร รูปร่างสูงใหญ่ข่มพระลักษมณ์ให้เหลือตัวกระจ้อยร่อย
ดวงตาคมตรึงพระลักษมณ์จนไม่สามารถเบือนหน้าหลบ ก่อนซาตานรูปงามจะยกมือให้สัญญาณธรรมตรัยออกจากห้อง
อย่างเงียบกริบ แถมปิดประตูล๊อคเรียบร้อย
บัดนี้ในห้องซึ่งมีเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น เหลือเพียงพระลักษมณ์กับปาจาลำพังสองคน ก่อนที่ฝ่ายหลัง
จะก้าวอย่างมั่นคงมาหยุดยืนตรงหน้าพระลักษมณ์ มือหนาคว้าจับมือเรียวของพระลักษมณ์ จูงตรงไปยังอ่างกลางห้อง
โดยยังไม่พูดไม่จา พระลักษมณ์ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน เดินตามเค้ามาซะดิบดีไม่มีขัดขืน เหมือนมีพลังบางอย่าง
ผลักดันให้คล้อยตามอย่างง่ายดาย ไม่มีความรู้สึกอยากดิ้นรนขืนมือหนีแม้แต่น้อย ทั้งที่สติรับรู้ครบถ้วนดีทุกอย่าง
แต่ใจกลับนิ่งสงบจนไม่อยากเชื่อ..ถ้าหากนี่คือความเร้นลับแห่งไสยศาสตร์ ถือว่าพระลักษมณ์ได้สัมผัสด้วยตนเองแล้วเช่นกัน
ประสบการณ์สำหรับชายหนุ่มที่เติบโตมากับเทคโนโลยี ถือเป็นครั้งแรกที่ควรค่าแห่งการเรียนรู้และจดจำ โดยที่เจ้าตัว
ไม่รู้เลยว่าต้องใช้หัวใจทั้งดวงพลีให้กับเหตุการณ์นี้อย่างไม่มีวันไถ่ถอนคืนได้อีกแล้ว.....????????????
NC จะมาต่อให้ ถ้าคนอ่านบวกเป็ดให้เรื่องนี้ทะลุเป้าบ้างไรบ้าง
ทำไมคนเขียนถึงร้องขอ อยากบอกว่าเรื่องนี้เขียนยากมากกกกกกก
เป็นอะไรที่สูญเสียพลังสมองยิ่งนัก เขียนได้แต่ละบรรทัดแก้แล้วแก้อีก
เครียดแล้วเครียดอีก
ไม่ลื่นไหลอย่างที่ควรจะเป็น ขึ้นอยู่กับคนอ่านแล้วเหอะ
ที่จะเติมพลังชาร์ตแบ็ทให้คนเขียน สารภาพว่าเป็นเรื่องที่ดูดพลังสมองไปเยอะโคด
งั้นคงไม่มากไม่มาย ที่ร้องขอท่านนักอ่านที่น่ารักทั้งหลาย กดเป็ดให้หน่อย ใช่ท่านจะลำบากสักกะหน่อย
แค่คลิ๊กเม้าท์กดให้คนเขียนสิ้นเปลืองพลังงานแค่นิ้วกด ท่านอ่านแป๊ปเดี๋ยวก็ได้รับความสำราญ
แต่ข้าพเจ้าใช้เวลาเป็นอาทิตย์กว่าจะคลอดออกมาได้แต่ละตอน สัญญาว่าข้าพเจ้าคนเขียน จะมาต่อให้อย่างเร็วรี่
งานประจำก็ทำแต่ใจก็คิดถึงพวกท่านเสมอจนกังวลลงตับ กลัวจะรอนานกันเกินไป เพราะมีพวกท่าน
ข้าพเจ้าจึงทั้งเค้นทั้งรีดให้คลอดออกมาจนได้
กราบวิงวอนพวกท่านบ้าง
เติมพลังให้ข้าน้อยด้วยประการละฉะนี้แล
Luk.
ปล. ถ้าเป็ดเปลี่ยนเป็นเงินได้ คงลำบากใจพวกท่านที่จะต้องให้
แต่เพราะเป็ดเป็นรางวัลที่ทำให้ข้าพเจ้ามีพาวเวอร์ นั่นหละคือเหตุและผลของมัน