คนนี้แหละใช่เลย 10หลังจากกลับมาจากสวนสนแล้ว เจมินี่ก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ขลุกอยู่ที่บ้านสวนจนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นลูกชายอีกคนของคุณลำดวนเสียแล้ว จนกระทั่งเย็นวันหนึ่งเจมินี่ก็เดินหน้าเครียดมาหาทุกคนที่รวมตัวกันอยู่ตรงชานบ้าน
“ผมคงต้องกลับแล้ว อลิซถูกรถชนตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล”
“ตายจริงแล้วหนูอลิซเป็นอะไรมากหรือเปล่าจ๊ะ” คุณลำดวนอุทาน ถามด้วยสีหน้ากังวล
เจมินี่ตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ผมไม่แน่ใจครับ แต่ทางนั้นบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แต่ผมอยากกลับไปดูอยู่ดี” ใบหน้าหล่อเหลาดูเคร่งเครียดผิดปกติ
ก๋วยจั๊บจึงเอ่ยปลอบใจ “คงไม่เป็นอะไรมากหรอก ถ้าเป็นมากเค้าก็ต้องบอกนายแล้วสิ”
เจมินี่ส่ายหน้า “ไม่ได้กังวลเรื่องนั้น แต่กำลังกังวลเรื่องงาน ตอนนี้ผู้ช่วยของอลิซลาคลอด ยัยนั่นเลยต้องจัดการตารางงานของฉันเอง ที่สำคัญคืออลิซเป็นคนมีความรับผิดชอบสูงมากและก็ดื้อมากด้วย กลัวเธอจะไม่ยอมพักผ่อนอยู่เฉยๆน่ะสิ เพราะต้องคอยมากังวลเรื่องฉัน”
“โธ่ ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอกจ๊ะ ก๋วยจั๊บลูกเองก็ว่างๆอยู่ไม่ใช่หรือ ก็ไปช่วยงานพ่อเจ็มเค้าเสียเลยสิ”
ผู้ถูกพาดพิงถึงกับสะดุ้งน้อยๆ เอ่ยปฏิเสธเสียงดัง “ไม่เอาแม่ จั๊บยังเรียนอยู่นะ แล้วยังต้องหางานทำด้วย จั๊บไปไม่ได้หรอก”
“ก็ไหนว่าโปรเจค์ก็เสร็จแล้วไม่ใช่หรือไงล่ะพี่ ไปช่วยพี่เจ็มเค้าหน่อยสิ ถือว่าเป็นการฝึกงานไปในตัวน้า” เกี๊ยวลากเสียงยาวพลางหลิ่วตาเล็กน้อยให้เจมินี่
“พี่เป็นห่วงแกด้วย ถ้าไปแล้วใครจะดูแล” ชายหนุ่มเถียง เขาได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดที่สวนสนแล้วเป็นห่วงมาก
เกี๊ยวส่ายหน้าเอ่ยขึ้นอย่างระอา “พี่จั๊บผมน่ะ ดูแลตัวเองได้น่า ไม่ต้องห่วง พี่ไปแป๊บเดียวพอพี่อลิซหายเดี๋ยวก็ได้กลับมาแล้ว”
“ที่ต้องไปมันอเมริกานะโว๊ย ไม่ใช่เชียงใหม่ แกพูดซะยังกับว่ามันใกล้ๆอย่างนั้นแหละ” ก๋วยจั๊บโวยวาย ก่อนจะหันหน้าไปมองนายแบบหนุ่มซึ่งมีเพียงรอยยิ้มบางๆฉาบอยู่บนหน้า ทำให้ชายหนุ่มพูดตะกุกตะกัก “มะ..ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากช่วยนายนะ แต่ว่า............” ก๋วยจั๊บอ้ำอึ้ง สุดท้ายชายหนุ่มก็ครางออกมาด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง “ โธ่...อย่ามายิ้มแบบนั้นสิ”
ต้องมีใครแอบบอกหมอนี่แน่ๆ... ว่าเขาเป็นคนใจอ่อน
กับรอยยิ้มแบบนี้........
.
.
.
.
ด้วยเหตุนี้อีกสองวันถัดมาชายหนุ่มจึงมายืนหันรีหันขวางอยู่ในห้องชุดขนาดใหญ่ของเจมินี่หลังจากที่ไปเยี่ยมอลิซที่โรงพยาบาลแล้ว
โชคดีที่หญิงสาวไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส มีเพียงบางแผลถลอกเล็กๆน้อยตามตัว แต่ขาซ้ายที่เดาะก็ทำให้เธอต้องนอนโรงพยาบาลไปอีกหลายอาทิตย์
อลิซมีท่าทางดีใจมากเมื่อรู้ว่าเขาจะมาช่วยทำงานแทนสักระยะ นั่นทำให้ก๋วยจั๊บรู้สึกยินดีอยู่ลึกๆ ที่ได้ช่วยเหลือหญิงสาว
“นายนอนห้องนั้นแล้วกันนะ” เจมินี่ชี้มือไปทางห้องนอนเล็กที่ไว้สำหรับรับรองแขกซึ่งอยู่ตรงข้ามกับห้องนอนของเขา
เมื่อเปิดประตูเข้าไปก๋วยจั๊บถึงกับยืนมองด้วยความทึ่ง เพราะถึงแม้จะบอกว่าเป็นห้องนอนเล็กแต่ขนาดของห้องก็กว้างพอสมควรแถมมีห้องน้ำในตัวอีกต่างหาก ภายในห้องตกแต่งด้วยโทนสีขาวล้วนไม่ว่าจะเป็นวอลเปเปอร์ เฟอร์นิเจอร์ ผ้าปูเตียง แม้แต่พรมในห้องก็ยังเป็นสีขาว ก๋วยจั๊บหันกลับมาถาม
“นี่ห้องของคุณอลิซเหรอ สวยจัง”
“เปล่า เป็นห้องรับรองแขก อลิซไม่ได้พักกับฉัน นายชอบไหม” ท้ายประโยคหันกลับมาถาม
ก๋วยจั๊บพยักหน้า ตอบอย่างที่ใจคิด “ชอบสิ”
“ฉันดีใจที่นายชอบ ว่าแต่เอาเสื้อผ้าไปเก็บเสียสิ ถ้ามีอะไรก็ถามชั้นได้ ชั้นอยู่ข้างนอกนะ” พูดจบชายหนุ่มจึงเดินออกไป
ก๋วยจั๊บเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าซึ่งเป็นแบบติดผนัง แล้วผลักประตูที่เป็นแบบเลื่อนไปจนสุด ภายในตู้เสื้อผ้าที่กว้างขวางกลับมีเสื้อโค้ทสีขาวแขวนอยู่เพียงตัวเดียวเท่านั้น ก๋วยจั๊บมองเสื้อโค้ทอย่างสงสัย จะว่าเป็นโค้ทของหมอนั่นก็ไม่น่าจะใช่ เพราะดูไซส์แล้วเหมือนจะเล็กกว่าเบอร์นึง ชายหนุ่มสลัดความสงสัยทิ้งไปตั้งใจว่าเดี๋ยวค่อยไปถามชายหนุ่มเจ้าของห้องเอาก็ได้
เมื่อจัดเก็บเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ก๋วยจั๊บจึงเดินออกมาจากห้องไม่ลืมหยิบออร์แกไนเซอร์ของอลิซติดมือมาด้วย เพื่อจะได้เช็คว่าเจมินี่มีงานเข้าเท่าไหร่เพื่อจะได้จัดตารางได้ถูก พอดีกับที่เจมินี่เดินมาหา
“ฉันจะมาเรียกนายอยู่พอดี นายคงหิวแล้วล่ะสิ วันนี้ชั้นโชว์ฝีมือเองเลยนะ”
“นายทำอาหารได้ด้วยเหรอ” ก๋วยจั๊บมองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ
เจมินี่ยักไหล่ “ก็นิดหน่อย อยู่คนเดียวมันก็ต้องฝึกกันบ้าง”
“จะกินได้แน่เร้ออออออออ” น้ำเสียงล้อๆของคนตัวเล็กทำให้เจมินี่ยิ้มกว้าง
เมื่อเดินไปถึงห้องครัว ก๋วยจั๊บชะโงกมองสปาเกตตี้จานร้อน ที่ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายแล้วก็ต้องอุทานออกมา “โห หน้าตาใช้ได้ แต่ยังต้องทดสอบรสชาดอีกอย่างหนึ่ง” ก๋วยจั๊บทรุดตัวลงนั่ง เจมินี่อ้อมไปนั่งฝั่งตรงข้ามมองอีกฝ่ายใช้ส้อมม้วนเส้นสปาเกตตี้เข้าปาก “อืม อร่อย!!”
เจมินี่มองอีกฝ่ายอย่างเอ็นดู ก่อนจะเริ่มลงมือบ้าง
ในระหว่างที่กินนั้น เจมินี่ก็อธิบายรายละเอียดต่างๆของงานในจุดที่ก๋วยจั๊บสงสัย
“โอ้โห นี่นายทำงานหนักขนาดนี้เลยเหรอ” ชายหนุ่มถามหลังจากที่เห็นตารางงานทั้งหมดของเจมินี่ทั้งงานถ่ายแบบ โชว์ตัว ฝึกซ้อม บางวันก็เดินแบบอยู่สองสามที่
“มันจำเป็น แต่งานเยอะ ก็น่าดีใจอยู่”
“ไม่ได้นะ” ก๋วยจั๊บค้าน “ยังไงนายก็ต้องดูแลสุขภาพบ้าง จะบอกไว้ก่อนนะถ้าให้ชั้นเป็นผู้จัดการส่วนตัวละก็ นายจะต้องเชื่อฟังชั้น และอะไรที่หนักเกินไป ชั้นไม่ยอมหรอก”
เจมินี่ยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นมากทีเดียว จนก๋วยจั๊บรู้สึกเขิน ชายหนุ่มก้มลงมองจานแล้วก็เอ่ยถามเมื่อนึกขึ้นได้
“เออ ฉันเจอเสื้อโค้ทสีขาวอยู่ในตู้เสื้อผ้า ของนายหรือเปล่า"
รอยยิ้มของเจมินี่จางหายไป ชายหนุ่มเสมองไปทางอื่น “เปล่า ของเพื่อนเก่าของฉัน เขาลืมไว้”
“อ้าว แล้วเขาไปไหนล่ะ”
“เขาจะไม่กลับมาอีกแล้ว เสื้อตัวนั้นเขาลืมไว้ ยังไม่ได้เก็บ”
ก๋วยจั๊บหรี่ตามองอีกฝ่าย แล้วเอ่ยช้าๆ “ไม่ใช่หรอกมั๊ง ฉันว่านายรอให้เขากลับมาอยู่หรือเปล่า เจมินี่”
นายแบบหนุ่มหันกลับมาสบดวงตาคู่สวยแล้วถอนหายใจ ใจหนึ่งก็ไม่อยากพูดถึงเรื่องในอดีต แต่ถ้าไม่พูดก็กลัวว่าคนตรงหน้าจะเข้าใจผิด
“เรียกว่าเจ็มก็ได้ จริงอยู่เมื่อก่อนฉันรอให้เขากลับมา แต่ตอนนี้ไม่ใช่”
“นายไม่ต้องอธิบายก็ได้ เพราะยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับฉัน” ก๋วยจั๊บพูดตรงๆ ในเมื่อเป็นอดีตที่อีกฝ่ายไม่อยากจะพูดถึง เขาเองก็ไม่ได้อยากรู้สักเท่าไหร่
ก๋วยจั๊บลุกขึ้นเอื้อมมือจะเอาจานไปเก็บแต่เจมินี่แตะมือชายหนุ่มเบาๆ
“ฉันเก็บเองดีกว่า”
“ไม่ได้หรอก นายทำให้ฉันกินยังต้องมาเก็บให้อีกเหรอ ไม่ดีหรอก” ก๋วยจั๊บค้าน
เจมินี่ยิ้มน้อยๆ “ใครว่าล่ะ คราวนี้ฉันจะเก็บให้นายดู ส่วนคราวหน้านายต้องเป็นคนเก็บทุกอย่าง ทำกับข้าว ซักผ้า รีดผ้า แบบนี้ดีไหม”
“โห นี่เอามาช่วยงานหรือเอามาเป็นคนใช้เนี่ย” คนตัวเล็กโวยแบบไม่เอาจริงเอาจังนัก เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายแค่พูดเล่น หรือถึงจะพูดจริง ก็ไม่ทำซะอย่างใครจะทำไม
หลังจากเก็บทุกอย่างเรียบร้อย ซึ่งก็ไม่มีอะไรมากเพราะเจมินี่มีเครื่องล้างจานอัตโนมัติ ทั้งสองต่างก็แยกย้ายกลับห้อง โดยก่อนจะเข้าห้อง เจมินี่หันมาย้ำอีกฝ่ายกันลืม
“พรุ่งนี้ 9.00 โมงนะจั๊บ”
“รู้แล้วน่า ฉันไม่ลืมหรอก ย้ำจริงเชียว นี่มันหน้าที่ฉันนะไม่ใช่นาย” ก๋วยจั๊บหน้าบึ้งนิดๆ ย้ำอะไรตั้งหลายรอบ
“ฉันรู้ว่านายไม่ลืม แต่กลัวนายไม่ตื่น” เจมินี่พูดปนหัวเราะ เพราะเคยเห็นฤทธิ์กันมาก่อนหน้านี้ “เอาล่ะ good night” นายแบบหนุ่มตัดบทก่อนจะแยกตัวเข้าห้องไป
ก๋วยจั๊บจึงเข้าห้องของตัวเองบ้าง พออาบน้ำทำธุระเสร็จเรียบร้อย จึงมานั่งเล่นอยู่กลางเตียง มองนาฬิกาที่หัวเตียงเป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว ก๋วยจั๊บจึงหยิบโทรศัพท์โทรกลับไปบ้าน
“สวัสดีครับ”
เสียงสดใสของน้องชายเรียกรอยยิ้มได้เป็นอย่างดี ก๋วยจั๊บกรอกเสียงลงไป “พี่เอง เกี๊ยว”
“อ้าวพี่จั๊บเหรอ เป็นไงบ้าง”
“ก็ดี กำลังจะนอนเลยโทรมาก่อน”
“หืม แล้วนอนกับพี่เจ็มหรือเปล่า”
ก๋วยจั๊บขมวดคิ้ว “เปล่านอนอีกห้อง ถามทำไม”
“อ้าว ก็พี่น่ะ ถ้าแปลกที่จะนอนไม่หลับไม่ใช่เหรอ พนันกันได้เลย คืนนี้นอนไม่หลับแหงๆ”
“ไม่หรอกน่า เดี๋ยวหลับตามันก็หลับเองแหละ” ชายหนุ่มปฏิเสธ ยังไม่ทันพูดอะไรต่อ เกี๊ยวก็พูดด้วยเสียงรีบร้อน
“ตายล่ะ ผมต้องไปก่อนแล้ว พี่ถ้านอนไม่หลับก็บุกเข้าห้องพี่เจ็มไปเลยนะ ไม่งั้นนอนตาค้างทั้งคืนไม่รู้นะเออ ไปล่ะ”
โทรศัพท์ตัดไปแล้วแต่ก๋วยจั๊บยังนั่งเอ๋ออยู่บนเตียง แล้วคืนนี้จะทำยังไงดีล่ะ จะให้ไปเคาะประตูบอกว่า ขอนอนด้วยได้ไหมนะเหรอ อึ๋ยยยย ขนลุก ชายหนุ่มสั่นหัวแล้วมุดตัวเข้าใต้ผ้าห่มทันที
.
.
.
ติ๊ก.
ติ๊ก..
ติ๊ก...
“โว๊ยยยยยยยย นาฬิกาบ้านี่เดินเสียงดังจริงๆ นอนไม่หลับแล้ววว” ก๋วยจั๊บผุดลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วด้วยใบหน้าบูดบึ้ง แทบอยากจะเขวี้ยงนาฬิกาให้มันรู้แล้วรู้รอดไป หันไปดูเวลาอีกสิบนาทีจะห้าทุ่มแล้ว ยังไม่ได้นอนสักกะแอะ แล้วจะทำยังไงดี ถ้าไม่ได้นอนพรุ่งนี้เช้าต้องตื่นไม่ไหวแน่ๆ ชายหนุ่มนึกถึงคำแนะนำของน้องชายแล้วเริ่มปลงตก “เอาวะ ไม่มีทางเลือกแล้วเรา”
ก๋วยจั๊บลากผ้าห่มกับหมอนเดินออกไปจากห้อง ไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องของเจมินี่ มือเรียวยกขึ้นเคาะประตูเบาๆ รออึดใจเดียวเท่านั้นเจมินี่ก็เปิดประตูออกมา ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆดูไม่มีท่าทีงัวเงีย เหมือนคนถูกปลุก
“มีอะไรเหรอจั๊บ”
“เอ่อ ..คือ ฉันแค่มาดูเท่านั้นเอง ว่านายหลับหรือยัง เท่านี้แหละ” พูดจบก็ผละออกไปเตรียมจะกลับห้อง ไม่ไหวจริงๆนั่นแหละกลับไปนั่งอยู่ที่ห้องคงดีกว่าแต่คนตัวใหญ่กลับฉุดแขนไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวสิ นอนไม่หลับไม่ใช่เหรอ มา...มานอนด้วยกัน” พูดจบก็ดึงแขนคนตัวเล็กเบาๆให้เข้ามาในห้อง
ก๋วยจั๊บมองอีกฝ่ายอย่างกังขา ใบหน้าขาวนวลซับสีขึ้นเล็กน้อย “รู้ได้ไง ว่าฉันนอนไม่หลับ”
“ถ้าแค่มาดูว่าหลับหรือยังคงไม่ต้องหอบหมอนกับผ้าห่มมาด้วยหรอก อีกอย่างเกี๊ยวก็โทรมาบอกว่าให้เตรียมเปิดประตูรอไว้ได้เลยว่านายต้องมาแน่ๆ” เจมินี่อธิบาย
ก๋วยจั๊บมองรอบๆห้องอย่างสนใจ ภายในห้องตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์โทนสีดำสนิท แม้แต่ผ้าปูเตียงก็ยังเป็นซาตินสีดำ ยกเว้นผนังห้องและพรมที่เป็นสีขาวเท่านั้น
“โอ้โห นี่นายนอนคนเดียวต้องใช้เตียงขนาดคิงไซส์เลยเหรอ” คนตัวเล็กถามอย่างแปลกใจ
“ความชอบส่วนตัว” เจมินี่ยักไหล่
ก๋วยจั๊บจึงหันมาบอกว่า “ฟังนะ ฉันแค่แปลกที่ วันพรุ่งนี้ก็จะหาย เพราะฉะนั้นฉันจะมานอนกับนายแค่คืนนี้เท่านั้น” พูดจบเจ้าตัวก็เดินตรงไปที่ข้างเตียงด้วยหมายจะนอนตรงนั้น แต่นายแบบหนุ่มดึงไว้เสียก่อน
“นอนด้วยกันนี่แหละ เตียงออกกว้างจะลงไปนอนกับพื้นทำไม”
เห็นท่าทางอิดออดของก๋วยจั๊บแล้วเจมินี่จึงพูดตัดบท “นอนเถอะ นี่ก็ดึกแล้ว พรุ่งนี้จะได้ตื่นเช้า” พูดจบเจ้าตัวก็ดับไฟเหลือเพียงแสงไฟสีเหลืองนวลจากโคมข้างเตียงแล้วก้าวยาวๆมานอน
ก๋วยจั๊บเมื่อเห็นอีกฝ่ายตั้งท่าจะนอนจึงไม่เถียงอะไรล้มตัวนอนตามไปอีกคน สักพักคนแปลกที่ก็หลับไปอย่างสบายใจ
เจมินี่เห็นอีกฝ่ายหลับสนิทแล้วจึงเอื้อมมือไปปิดโคมไฟ เมื่อสายตาเริ่มชินกับความมืด ใบหน้าขาวนวลเลือนลางนั้นก็กระเถิบเข้ามาใกล้ ลมหายใจอุ่นๆรินรดอยู่ตรงซอกคอ กลิ่นแชมพูอ่อนๆเร้าอารมณ์ให้ปั่นป่วน นายแบบหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลิกตัวนอนตะแคงโอบร่างเล็กไว้ในอ้อมแขนก่อนจะข่มใจให้หลับลง
.
.
.
.
เช้าวันรุ่งขึ้น เจมินี่พาก๋วยจั๊บไปยังสตูดิโอที่ถ่ายแบบ ชายหนุ่มใช้เวลาครึ่งวันเช้าที่นั่น ส่วนตอนบ่ายย้ายไปที่สตูดิโออีกแห่ง เมื่อไปถึงเจมินี่ให้ก๋วยจั๊บนั่งรอที่โต๊ะ ทันใดนั้นก็มีชายร่างใหญ่ผิวดำ ตัวล่ำบึ้กโผเข้ากอดเจมินี่เต็มแรง
“ดีใจที่ได้เจอเธอนะเจ็ม พอฉันรู้ว่านายแบบเป็นเธอก็รีบรับงานนี้ไว้เลยนะเนี่ย ไหนดูสิ โอ้โหหล่อขึ้นเป็นกอง ไหนๆ พาหนุ่มน้อยน่ารักคนนี้มาจากไหนกันหึ” ชายหนุ่มที่ท่าทางเหมือนหญิงสาวมากกว่าหันขวับมาที่ก๋วยจั๊บจนชายหนุ่มสะดุ้งโหยง
เจมินี่หัวเราะเบาๆ “ผมก็ดีใจนะซิสซี่ จั๊บนี่ซิสซี่เพื่อนผมเอง ซิสซี่นี่ก๋วยจั๊บเป็นเพื่อนผมมาจากเมืองไทย” เจมินี่แนะนำทั้งสองให้รู้จักกัน พอก๋วยจั๊บลุกขึ้นยืนซิสซี่ก็โผมากอดชายหนุ่ม
“โอ ยินดีที่ได้รู้จักนะจ๊ะ ไม่น่าเชื่อว่าเด็กนิสัยเสียอย่างนายคนนี้จะมีเพื่อนน่ารักๆแบบเธอได้”
“ผมก็ยินดีที่ได้รู้จักคุณฮะ”
ก๋วยจั๊บยิ้มให้ ซิสซี่ปล่อยแขนลง ผลักเจมินี่เบาๆ “ว่าแต่ได้เวลาแต่งตัวแล้วนะจ๊ะ รีบไปเร็วๆเข้า”
ซิสซี่หันกลับมาบอกก๋วยจั๊บ “เดี่ยวพอฉันแต่งหน้าตานี่เสร็จจะมานั่งคุยเป็นเพื่อนนะจ๊ะ”
ก๋วยจั๊บหัวเราะเบาๆ
ขณะที่นั่งรออยู่จึงกวาดสายตามองโดยรอบ สตูดิโอนี้ใหญ่มากแต่โดนแบ่งออกเป็นสองฟาก โดยอีกฟากหนึ่งถูกเซ็ตฉากเป็นสีขาวทั้งหมด ตรงกลางมีอ่างอาบน้ำจากุสชี่สีขาวสะอาดวางประกอบอยู่ ฝรั่งตัวโตยืนพูดรัวเร็วใส่ลูกน้องอีกสองสามคน ดูๆแล้วทำไมฟากนู้นถึงดูวุ่นวายเหลือเกิน เด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินถือถาดใส่แก้วห้าหกใบเดินผ่านก๋วยจั๊บไป แล้วก็มีเสียงร้องพร้อมกับเสียงของหล่นดังขึ้น เมื่อก๋วยจั๊บหันไปก็เห็นเด็กหนุ่มคนนั้นนั่งอยู่กับพื้น แก้วห้าหกใบตกลงมาหมด
ชายหนุ่มรีบวิ่งไปหา ถามด้วยความเป็นห่วง “เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
เด็กหนุ่มส่ายหน้าพยายามจะลุกขึ้น แต่ก็ทรุดฮวบลงอีก ก๋วยจั๊บจึงพยุงเด็กหนุ่มให้ไปนั่งบนเก้าอี้ ผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามา
“ซุ่มซ่ามอีกแล้วสิริค แค่งานง่ายๆแค่นี้ก็ทำไม่ได้เหรอฮะ รีบๆลุกเร็วๆเข้า เอาน้ำไปให้ลอเรนซ์ด้วยนะ อ้ออย่าลืมนะ น้ำแร่นะ ห้ามเอาน้ำธรรมดาเด็ดขาด”
“ขอโทษฮะเอ็มม่า ผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
เด็กหนุ่มชื่อริคยิ้มแหยๆ ก่อนจะพยายามลุกขึ้น ก๋วยจั๊บเห็นดังนั้นจึงบอกว่า “เขาขาเจ็บ คุณยังจะให้เขาทำอีกเหรอ”
“ดูก็ไม่ได้เจ็บมากมายนี่ ถ้าทำงานไม่ได้ เธอก็ไม่ได้ค่าจ้างของวันนี้หรอกนะ ริค”
ริคหน้าซีดเผือด เห็นสีหน้าและแววตาของเด็กหนุ่มแล้วทำให้ก๋วยจั๊บทนไม่ไหว
“ผมจะทำแทนเขาเอง ไม่มีปัญหาใช่ไหม”
เอ็มม่ายักไหล่ “ตามใจ ถ้าเธอจะทำ งานแรกเอาน้ำไปให้ลอเรนซ์ก่อนแล้วกัน” หญิงสาวพูดจบก็เดินไปอีกทาง
เด็กหนุ่มหันมากล่าวขอบคุณก๋วยจั๊บ “ขอบคุณนะครับ แต่ผมทำเองดีกว่า”
“เห็นๆอยู่ว่าเธอขาเจ็บ จะไปทำได้ยังไง บอกฉันแค่นั้นแหละว่าต้องทำอะไรบ้าง ฉันจะทำให้”
“ผมเกรงใจคุณครับ คือส่วนใหญ่นายแบบมักจะเอาแต่ใจตัวเอง โดยเฉพาะนายแบบบางคน ผมไม่อยากให้คุณรู้สึกไม่ดีน่ะครับ” ริคอธิบาย
ก๋วยจั๊บส่ายหน้าเด็กหนุ่มจึงชี้ให้เห็นบริเวณที่เก็บแก้วและน้ำ ก๋วยจั๊บเดินถือถาดน้ำไปให้ชายหนุ่มที่นั่งรออยู่ ชายหนุ่มวางแก้วอย่างแผ่วเบา เอ่ยเสียงสุภาพ “น้ำครับ”
ลอเรนซ์เงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างเหยียดๆ ก๋วยจั๊บมองหน้าของนายแบบหนุ่มแล้วก็ต้องยอมรับว่าผู้ชายคนนี้ดูดีจริงๆ แบบที่เรียกว่ามีเซ็กส์แอพพีล ประมาณนั้น ดวงตายาวรีสีฟ้า จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากอิ่มสีชมพู ผมสีบลอนด์ยาวประบ่า ยิ่งยามที่อยู่ในชุดคลุมอาบน้ำสีขาว ชายหนุ่มดูมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด
ก๋วยจั๊บหันหลังกลับเตรียมจะเดินจากไป
“เพล้ง!!!”
เสียงแก้วแตกกระทบพื้นดังก้องไปทั่วสตูดิโอ
เอ็มม่าวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา “ตายแล้ว เกิดอะไรขึ้นเนี่ย บาดเจ็บหรือเปล่าคะ ลอเรนซ์”
ลอเรนซ์ส่ายหน้าช้าๆ เอ็มม่าหันมาดุก๋วยจั๊บ
“เธอนี่แย่จริงๆเลยนะ ทำไมถึงซุ่มซ่ามอย่างนี้ ดีนะที่ลอเรนซ์ไม่บาดเจ็บ ขอโทษเสียสิ”
“ผมไม่ขอโทษหรอก” ก๋วยจั๊บเอ่ยเสียงเรียบ “ผมไม่ได้ทำผิดอะไร ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าไอ้แก้วที่อยู่กลางโต๊ะน่ะมันจะมาร่วงอยู่ที่พื้นได้ยังไง”
“เธอจะบอกว่าฉันเป็นคนทำ อย่างนั้นสิ” ลอเรนซ์เอ่ยขึ้น ดวงตาคมปลาบจับจ้องอยู่ที่หน้าชายหนุ่ม
ก๋วยจั๊บมองตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน “ใครทำก็รู้อยู่หรอกครับ”
ลอเรนซ์ลุกขึ้นเดินไปยืนใกล้ๆก๋วยจั๊บ เอ็มม่ามองตามอย่างไม่สบายใจ แต่แล้วก็ถอนหายใจเมื่อลอเรนซ์พูดขึ้นลอยๆ “ช่างเถอะ ไปซะสิ ไม่มีอะไรแล้ว”
ก๋วยจั๊บหันหลังจะเดินออกไป แต่แล้วก็ใจหายวูบ เมื่อสะดุดอะไรบางอย่างทำให้เสียหลักจะล้ม