Passion 14
[/b][/size][/color]
อายจนอยากมุดน้ำหนี
ประโยคนี้คงอธิบายความรู้สึกของวาเลนไทน์ในตอนนี้ได้ดีที่สุดเมื่อวงแขนแข็งแรงกอดประคองเอวบางเดินขัดๆไปที่กระท่อมแล้วเจอกับสายตาสองคู่ของคนที่นั่งเล่นบนแคร่กับอีกคนที่กำลังเอกเขนกรออยู่ที่เปล รอยแดงที่คอร่างโปร่งยังน่าอับอายไม่เท่าร่องรอยบนกายหนา คุณภีมสวมเสื้อกล้ามเพราะอย่างนั้นทั้งรอยเล็บยาวเป็นทาง รอยคิสมาร์กบนแผงอกล่ำ ไม่ต้องพูดถึงว่าจะเปิดเผยแก่สายตาสักแค่ไหน วาเลนไทน์หน้าร้อนฉ่าจนแทบลุกพรึบกับสายตาลูกน้องคุณภีมที่มองแบบรู้กัน ร่างโปร่งก้มหน้าหลบสายตาล้อเลียนขยับไปนั่งด้านในแคร่ขณะที่อันวาดเริ่มคดข้าวในหม้อแจกจ่าย
วาเลนไทน์ก้มหน้าลุ้นตุ้มๆต่อมๆว่าฝีมือที่ถ่ายทอดมาจากย่ารสชาติจะพอเป็นสับปะรดสำหรับสามหนุ่มไหม ดวงตาคู่สวยเหลือบมองเห็นทั้งสามตักข้าวเข้าปากแล้วเงียบกริบมองหน้ากัน
“พอจะกินได้ไหมครับ หรือว่าต้องเททิ้ง” วาเลนไทน์กระพริบตาปริบๆเอ่ยถาม
“มีเมียทำได้แบบนี้หลงจนโงหัวไม่ขึ้น”
อันวาดเอ่ยเรียบๆขณะตักแกงส้มปลากระบอกยอดมะขามอ่อนเข้าปาก คำตอบที่หลุดออก
จากปากทำเอาวาเลนไทน์ก้มหน้าก้มตากินอย่างเดียวไม่กล้าเอ่ยถามอะไรต่อ แต่ดูเหมือนตัวปัญหาจะยังหาเรื่องมาให้ไม่จบ
“แกะปลาให้หน่อย”
ภีมพริษฐ์เอ่ย วาเลนไทน์เงยหน้าขึ้นมองจึงได้เห็นสายตาที่จ้องเขม็งของคนข้างกาย แก้มขาวร้อนวาบ หัวใจกระตุก เมื่อเหลือบมองคนอื่นๆที่ทำหูทวนลมกินเหมือนไม่ได้ยินเสียงอะไร วาเลนไทน์ค่อยๆเลาะหนังส่วนที่พอกเกลือออกเผยเนื้อปลาแน่นๆหอมฉุยก่อนจะตักไปวางในจานของคนที่ทำตัวง่อยชั่วขณะ หากไม่ทันจะชักมือกลับ มือหนากลับจับหมับข้อมือบางกว่ายกขึ้นป้อนปลาเข้าปากด้วยสายตาที่จ้องกันไม่วางตา
วาเลนไทน์อ้าปากค้าง หัวใจเต้นรัว รีบชักมือกลับอย่างไว ใบหน้าแดงก่ำก้มหลบสายตาวูบ หัวใจเต้นกระหน่ำรุนแรงกับสายตาที่เหมือนจะดูดกลืนเขาเข้าไปทั้งร่าง
“อร่อยดี”
เขาบอก แต่จะด้วยสายตาแบบไหนวาเลนไทน์ไม่อาจรู้ได้ด้วยก้มหน้างุดตลอด ซึ่งหากใบหน้าเรียวเงยมองสักนิดจะเห็นแววตาแพรวพราวร้อยเล่ห์อย่างสัตว์นักล่าที่จะหยอกเหยื่อให้ตายก่อนลงมือกิน เหมือนอย่างที่ภีมพริษฐ์จงใจหลอกล่อให้วาเลนไทน์ตายใจก่อนจะกระชากหัวใจที่แปรเปลี่ยนจากพริมรตามาเหยียบขยี้จมดินอย่างสาแก่ใจ กว่าจะรู้ตัวว่าถูกหลอกให้หลงในห้วงเสน่หา วาเลนไทน์ก็ตาเหลือกจมเขี้ยวนักล่าเสียแล้ว
เสียทั้งตัว เสียทั้งใจ ให้เขาเหยียบย่ำเล่น!
วาเลนไทน์อึกอักกับสายตาที่ส่งผ่านมาแม้ไม่เงยหน้า เขาเป็นผู้ชายแท้ๆเจอแบบนี้ย่อมกระอักกระอ่วนไม่น้อย ไม่เข้าใจว่าภีมพริษฐ์ไม่นึกอายลูกน้องที่นั่งกินร่วมวงทนโท่นี่บ้างหรือไร แรงสะกิดยิกๆที่แขน วาเลนไทน์หันไปมองที่คนบุ้ยหน้าไปที่ปลา คิ้วเรียวขมวด ท่าทีลำบากใจ
“ถ้าไม่ป้อน ฉันจะกินนายแทนปลา” เสียงขู่กระซิบบอก ร่างโปร่งอึกอัก ก่อนที่เขาจะยื่นหน้ามากระซิบอีก
“ใช้มือนายแกะป้อนฉันหน่อยสิ หวานทั้งตัวอยู่แล้วไม่ใช่หรือ อยากรู้นายกับเนื้อปลา อย่างไหนจะหวานกว่า”
เขาป้อหยอดพร้อมหอมฟอด ตั้งท่าคอย วาเลนไทน์นิ่งค้าง แก้มร้อนฉ่า ใบหน้าแดงก่ำก้มงุดค่อยยื่นมือไปแกะเนื้อปลาสั่นๆพอๆกับจังหวะหัวใจที่เต้นถี่กระหน่ำ ส่งป้อนเข้าปากแบบไม่มองหน้าให้มันหมดเรื่องหมดราวไป หวิดเนื้อปลาจะร่วงหลุดมือ
ภีมพริษฐ์ขันกับท่าทีนั้น ฟันคมงับเบาๆที่ปลายนิ้วขณะปลายลิ้นแตะพอให้สะท้าน วาเลนไทน์เงยหน้าสบตา ความร้อนระอุแผ่ซ่านทั่วใบหน้าจนไม่อาจทานทน
“ผะ ผมอิ่มแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ”
ร่างบางรีบผุดลุกจากแคร่เดินกระโผลกกระเผลกจากไปดึงสติตัวเอง วาเลนไทน์ต้องการพาตัวเองหนีไปให้พ้นจากสายตาที่จดจ้องเหมือนจะกลืนกินนี่เสียเพื่อให้หัวใจเต้นช้าลง
“ทำไมอยู่ๆ ท่าทีคุณถึงเปลี่ยนไปแบบนี้ได้ เกลียดผมมากไม่ใช่หรือ แล้วทำไม”
วาเลนไทน์แตะประโลมหน้าอกด้านซ้ายให้เต้นช้าลง เริ่มตระหนักถึงความหวาดกลัวในหัวใจตัวเองต่อท่าทีของเขา กลิ่นกายกรุ่นร้อนเร่าดั่งเพลิงฟอนหลอกล่อแมลงเม่า ฉุดดึงให้หลงใหล ตราบใดที่ความจริงยังไม่ปรากฏ ร่างบางไม่อาจเชื่อถือในท่าทีของเขาได้เลย
ภีมพริษฐ์ตวัดปลายลิ้นแลบเลียริมฝีปากเบาๆขณะมองคนที่ฝืนเดินกระเผลกๆจากไปอย่างเร่งรีบเหมือนควายหายทั้งที่เจ็บตัว ความใกล้ชิดเมื่อครู่ทำให้เสือร้ายรับรู้ได้ถึงจังหวะหัวใจของอีกคน
น้ำหยดลงหินทุกวัน หินยังกร่อน
แล้วน้ำผึ้งเจือพิษที่หยดลงบนหัวใจอ่อนๆทุกวัน มันจะทานทนอย่างไรไหว
ทั้งเสน่หาบทรักช่ำชองที่ปรนเปรอให้นั่นอีก ร่างกายที่ถูกเขาระเริงจนแปดเปื้อนคามือพร้อมเสียงกรีดหวาน
ร้ายกว่าการจ้วงกระหน่ำแทงซึ่งๆหน้า คือ สีหน้ายิ้มแย้มทว่าซ่อนคมมีดไว้เชือดกันข้างหลัง
คนไม่เคยเห็นว่าร้าย ใช่จะร้ายไม่เป็น
อย่า...
ให้คนอย่างเขาต้องแสดงด้านมืด
คนกระเหี้ยนกระหือรือความเลวทราม
ไม่คิดจะยั้งมือ!
ร่างโปร่งปลีกตัวออกมาจากสถานการณ์น่าอึดอัด หันรีหันขวางว่าจะหลบไปที่ไหนดี เมื่อกี้วาเลนไทน์เพิ่งกินข้าวไปได้ไม่กี่คำก็โดนต้อนจนมุมให้อับอายเล่นๆ ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากัน ความรู้สึกตรงปลายนิ้วที่ถูกงับมันยังรบกวน...กับท่าทีที่แปลกไป เหมือนหยอกให้ชะล่าใจก่อนตะปบเลือดพุ่งกระฉูดด้วยกรงเล็บแข็งแกร่ง
“ไปนั่งกินในเปลไหม”
เสียงร้องถามของร่างที่เดินตามมาพร้อมชี้ไปยังเปลญวนที่ผูกลอยอยู่เหนือลำธารระหว่างต้นไม้ใหญ่สองต้นริมน้ำที่ทอดเอนลง น้ำบริเวณนั้นมีก้อนหินเรียงรายซ้อนกันจนตื้นเขินขึ้นมา ภีมพริษฐ์ยื่นข้าวห่อใบตองให้ ข้างในมีข้าวเปล่ากับเนื้อปลาย่างแกะก้างออกแล้ว ส่วนตัวของร่างหนาถือแกงที่ใส่ในกระบอกไม้ไผ่ตัดสั้นทำเป็นถ้วยชั่วคราวกับกระบอกไม้ไผ่ใส่น้ำดื่ม ไม่รอให้อีกฝ่ายได้ตอบ ภีมพริษฐ์ก็เดินดุ่มลงไปก่อน วาเลนไทน์ส่ายหน้ากับคนเผด็จการเอาแต่ใจก่อนจะเดินตามลงไป
นั่งกินข้าวบนเปลแบบแช่เท้าในน้ำเย็นฉ่ำท่ามกลางเสียงน้ำตกไหลซู่ๆทำให้วาเลนไทน์รู้สึกดีไม่น้อย ร่างบางเปิบข้าวเข้าปากนั่งมองน้ำตก แมกไม้ร่มรื่น แมลงปอผีเสื้อบินว่อนอย่างเพลิดเพลิน ก่อนจะรู้สึกว่ามีอะไรสะกิดแขน วาเลนไทน์หันไปมองคนหน้าบูดข้างกาย เหมือนเพิ่งนึกได้จึงเลื่อนห่อข้าวในมือให้เขา
“ฉันไม่ชอบกินข้าวแล้วมือเปื้อน บอกไปแล้วนี่”
เขาบอกอย่างคนเอาแต่ใจพร้อมจ้องหน้ากดดัน วาเลนไทน์ถอนใจเฮือกกับคนตัวใหญ่ใจงอแง
“รู้ไหมครับว่าบางทีคุณก็ทำตัวเหมือนเด็กอย่างไม่น่าเป็นไปได้กับมาดผู้บริหารบริษัทใหญ่”
ร่างบางเอ่ยขณะป้อนข้าวให้เขา ที่ยอมไม่ใช่อะไรหรอก วาเลนไทน์อยากตัดปัญหา ไม่อยากมีเรื่องกับเขาเพราะอย่างไรเสียก็สู้ไม่ได้ เผลอๆคนโมโหหิวจะพาลพาโลฟาดงวงฟาดงาลงกับข้าวกับปลา จะพาลไม่ได้กินกันหมด สู้ป้อนๆให้จบไป วาเลนไทน์เคยป้อนข้าวให้หลาน เจ้าตัวเล็กจ้ำม่ำยิ้มง่ายไม่โยเยเหมือนคนตัวยักษ์หน้าบูดบู้บี้แถวนี้ คิดแล้วก็หลุดยิ้มด้วยความเอ็นดู
“ยิ้มอะไร”
เสียงเข้มเอ่ยถามพร้อมงับนิ้วเรียวไว้เป็นตัวประกันไม่ยอมปล่อยหากไม่ได้ยินคำตอบ วาเลนไทน์ส่ายหน้ากับความเกเรของเขาก่อนตอบ
“รู้ไหม ผมเคยป้อนข้าวหลาน แกยังไม่งอแงเท่าคุณ แถมยังแย่งช้อนจะกินเองด้วยซ้ำ ปล่อยมือผมแล้วเคี้ยวข้าวได้แล้วครับคุณภีมพริษฐ์ อมข้าวฟันจะผุเอานะ”
วาเลนไทน์สัพยอก แสร้งก้มตักแกงป้อนให้เขาซ่อนอาการกลั้นยิ้มสุดชีวิต ร่างบางป้อนคนอยากกินแต่กลัวมือเปื้อนสลับกับกินเองจนข้าวหมด ทุกอย่างเป็นวัสดุธรรมชาติจึงปล่อยลงน้ำได้อย่างไม่ต้องกังวล วาเลนไทน์ลุกไปล้างมือแล้วจึงเดินมานั่งข้างเขา
“ผลไม้ครับคุณภีม”
เกลี้ยงนำขนุนสุกแกะเม็ดแล้วห่อในใบตองกับกล้วยน้ำว้าสุกลูกโตมาส่งให้ มือหนารับไว้ก่อนจะหันมาใช้สายตากดดัน
“โอเค ผมเข้าใจแล้ว”
วาเลนไทน์หยิบชิ้นขนุนสุกส่งเข้าปากคุณชายสะอาด แวบหนึ่งร่างโปร่งเห็นแววพึงใจในสายตาคู่นั้น บรรยากาศผ่อนคลายลงเพราะคนตัวใหญ่ไม่ได้แผลงฤทธิ์อะไร ต่างฝ่ายต่างกินเงียบๆ มือบางปอกกล้วยป้อนเขา คุณภีมพริษฐ์ดูไม่ใช่คนเรื่องมากเรื่องเมนูอาหาร และดูท่าจะชอบทานผลไม้
“ปกติพี่เกลี้ยง กับพี่อันวาดต้องป้อนคุณแบบนี้หรือเปล่าครับ”
วาเลนไทน์โพล่งถามตรงๆยังผลให้คนกำลังจะกลืนกล้วยสำลักในทันที
แค่กๆ แค่กๆ
วาเลนไทน์รีบลูบหลังหาน้ำให้เขาดื่ม
“ถามอะไรน่าเกลียด ขนลุก” เขาทำท่าขนลุกขนชัน
“อ้าว ก็ผมก็ผู้ชาย คุณยังให้ผมทำอะไรแบบนี้ให้ บรรยากาศสีม่วงแปลกๆแบบนี้คุณไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือ”
“นายเป็นเมียฉัน นอกจากนายแล้ว ฉันก็ไม่คิดจะมีอะไรกับผู้ชายคนไหนอีก”
เขาหลุดตวาดเสียงขุ่น ไม่ทันฉุกคิดคำพูดตัวเอง วาเลนไทน์หยุดคำถามลงด้วยความรู้สึกแปลกๆ
...นอกจากคุณ ผมก็ไม่คิดจะให้ใครรุกล้ำเอกราชผมได้เหมือนกันเหอะ...
“อ๊ะ รางจืดนี่”
วาเลนไทน์ลุยน้ำจ๋อมแจ๋มเดินไปยังไม้เถาดอกสีม่วง มือเรียวสาวเอามาเถายาว สายตาเหลือบไปเห็นเมล็ดต้อยติ่งแก่สีดำ สมองใสนึกอะไรแผลงๆออกจึงเก็บติดมือมา ภีมพริษฐ์มองอีกฝ่ายด้วยความฉงน วาเลนไทน์สาวเครืออะไรยาวๆดอกสีม่วงเดินยิ้มแฉ่งมาทิ้งตัวนั่งข้างๆ
“นี่คือ รางจืด ฝักมันแหลมๆนี่ ตอนเด็กๆผมเคยเอาไม้มาเสียบทำเป็นนกหัวขวานตีหัวกัน เจ็บเอาเรื่อง”
วาเลนไทน์ทำปากยู่ประกอบ
“แต่ที่เด็ดต้องนี่เลย น้ำหวานตรงขั้วดอกนี่” วาเลนไทน์เด็ดดอกรางจืดออกแล้วดูดน้ำหวานตรงขั้วดอก
“ตอนเด็กช่วงปิดเทอมไปเที่ยวบ้านย่า ผมกับริสาชอบแปลงร่างเป็นผึ้งมุดพุ่มดอกเข็มดูดน้ำหวาน บางทีมุดจนเจอผึ้งกับแตนต่อยเอาก็มีนะ ฮ่าๆ แต่รางจืดนี่ชอบเป็นพิเศษเพราะมีนกหัวขวานให้เล่นด้วย ลองไหมฮะ”
วาเลนไทน์เด็ดดอกรางจืดออกแล้วส่งให้เขาลองดู ภีมพริษฐ์ลังเลนิดหน่อย ก่อนจะก้มลงดูดน้ำหวานจากขั้วดอกรางจืดในมือบาง เขานิ่งไปนิดเมื่อได้ลองทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน
“หวานดีใช่ไหม”
วาเลนไทน์ยิ้มให้ พร้อมเด็ดอีกหลายดอกส่งให้สลับกับดูดกินเอง ภีมพริษฐ์มองคนที่มีความสุขได้กับสิ่งเล็กๆน้อยๆด้วยความรู้สึกประหลาด ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนเข้าใกล้ปากอิ่ม
“ฉันอยากชิมรสชาติที่หวานกว่านี้”
พูดจบพร้อมฉกจูบคนกำลังเผลอ วาเลนไทน์ไม่ทันตั้งตัวก็ถูกอีกฝ่ายรุกล้ำได้ง่าย มือเรียวจับต้นแขนล่ำแน่นเมื่อถูกรุกราน
“อืม อื้อ ฮ่า...”
วาเลนไทน์หอบหายใจหลังคนปล้นจูบถอนริมฝีปากออกไปแบบหน้ามึนๆ ผ่านมาหลายครั้งแต่ร่างบางก็ไม่ชินเสียที
“อะ อันนี้ยิ่งเด็ด อมไว้สักแปบ รับรอง อื้อหือ”
วาเลนไทน์ยื่นเมล็ดต้อยติ่งให้ ตั้งท่าเตรียมวิ่งในใจ ภีมพริษฐ์รับไปใส่ปากอมแบบไม่คิดอะไร ก่อนจะ...
“วาเลนไทน์!”
เขาผุดลุกวิ่งจ้ำตามร่างบางที่ติดสปีดวิ่งลิ่วๆหนีอย่างนกรู้เมื่อเมล็ดต้อยติ่งแตกโพล๊ะในปากเขา ร่างบางวิ่งไปสลับกับหัวเราะไป
“ก็คุณชอบทำหน้ามึนจูบผมนี่นา ผมก็ต้องเอาคืนบ้าง ฮ่าๆ”
วาเลนไทน์หัวเราะก๊ากให้คนที่ทำหน้าพะอืดพะอมถ่มเมล็ดต้อยติ่งออกจากปาก ร่างโปร่งหันมาวิดน้ำใส่คนที่วิ่งไล่กวดมาติดๆ
“นายนี่มัน ฉันไม่ตลกด้วยเลยนะ!”
“อะไรเล่า ทีคุณยังจับผมลงไปเซย์ฮัลโลกับพี่เข้ทั้งที่ผมกลัวแทบตายเหอะ”
วาเลนไทน์เชิดหน้าค้อนแบบเคืองๆ ภีมพริษฐ์มองคนทำหน้างอไม่พอใจใส่เขา
“นี่นายงอนฉัน?”
ร่างสูงเลิกคิ้วถาม ปกติลูกน้องเขาแต่ละคนไม่เคยมีใครมีโหมดแบบนี้ ทั้งเกลียดทั้งอันวาด วาเลนไทน์ได้ยินถึงกับหันขวับ
“บ้าสิ ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะ” วาเลนไทน์หน้าบูด
“แต่ที่ทำอยู่นี่ มันอาการเมียงอนผัวชัดๆ ฉันเคยเห็นน้องพิ้งค์ทำแบบนี้เวลาเคืองไบรอัน”
เขาย่างเท้าเข้าประชิดตัว ยื่นใบหน้าเข้าไปจนจมูกแทบชิด พลางพูดใกล้ปากอิ่มด้วยสายตาพราว วาเลนไทน์อ้าปากพะงาบเถียงไม่ออก
“คุณตาไม่ดี ต้องล้างตา นี่แน่ะ”
วาเลนไทน์ถอยหลังวิดน้ำใส่ ร่างหนาไม่ยอมให้ถูกเล่นงานฝ่ายเดียวเพราะเขาเองก็ซัดน้ำกลับ
เสียงหัวเราะร่วนดังขึ้นจากลำธาร ร่างสองร่างเปียกมะล่อกมะแล่กแต่ยังซัดน้ำใส่กันไม่หยุด ลูกน้องสองคนของภีมพริษฐ์ชะโงกหน้าดูที่ลำธาร
“มีเมียเด็กนี่ คุณภีมกระชุ่มกระชวยแฮะ” เกลี้ยงว่า
“น่ากลัวล่ะสิไม่ว่า แบบนี้คุณภีมจะแพ้ทางให้ศัตรูเข้าสักวัน”
อันวาดเอ่ยเสียงเรียบจากที่มองด้วยสายตาคนภายนอก
“ปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว” เสียงเข้มพึมพำกับตัวเอง
วาเลนไทน์ไม่รู้ตัวเองหลับไปนานเท่าไหร่ หลังจากเล่นกันจนเปียกชุ่มต่างฝ่ายต่างผลัดเสื้อผ้าแล้วร่างสูงก็ผละไปช่วยลูกน้องต่อ ส่วนวาเลนไทน์ก็เดินมางีบที่เปล ร่างบางลืมตาตื่นอ้าปากหาวหวอดพลางบิดขี้เกียจคลายปวดเมื่อย ตั้งแต่หักโหมทำงานส่งก่อนสอบชนิดอดตาหลับขับตานอน จนอ่านหนังสือสอบแบบแทบรากเลือด แล้วก็ถูกลากมาปลุกปล้ำที่นี่ต่อ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่ท่ามกลางธรรมชาติ ร่างโปร่งบิดตัวกวาดสายตามองรอบๆ ก่อนจะอ้าปากค้าง...
ธารน้ำตกไหลซู่ซ่ากระแทกตัวลงเบื้องล่าง แสงแดดสาดส่องทำมุมตกกระทบเกิดเป็นรุ้งกินน้ำเล็กๆพาดผ่านข้างน้ำตก แต่นั่นยังไม่ตื่นตาตื่นใจเท่ากับกวางที่กำลังดื่มน้ำริมน้ำตกใกล้ๆกับรุ้งกินน้ำ และนกยูงกำลังแพนหางรำแพนอีกฟาก ไม่นับนกสวยๆอีกหลายตัวที่บินวนจิกกินลูกไม้ วาเลนไทน์ตื่นตากับภาพธรรมชาติตรงหน้า
“สวยใช่ไหม ถ้ากระท่อมสร้างเสร็จ ระเบียงที่ยื่นเข้าหาน้ำจะมองเห็นน้ำตกชัดเลยล่ะ อ้อ กวางกับนกยูงนี่ไม่ผิดกฎหมายนะ นกยูงสายพันธุ์อินเดียกับกวางเลี้ยงน่ะ พามาตั้งแต่เล็กๆแล้วปล่อยให้หากินเองในป่าจนคุ้นเคย”
เกลี้ยงบอกยิ้มๆกับคนที่เห็นบรรยากาศสวยงามของที่นี่ครั้งแรก
“คุณลองนึกภาพ ตื่นเช้ามีเสียงนกเขาขันปลุก ออกไปวิ่งออกกำลังกายรอบชายหาด สูดอากาศรับไอเย็นๆรอดูพระอาทิตย์ขึ้น เดินดูปูลม ดูอุหมัง ย่ำเท้าบนทรายนุ่มๆให้คลื่นซัดสาด สายๆร้อนหน่อยก็มาอาบน้ำที่น้ำตก นอนเปลรับลมเย็นๆ ดมกลิ่นหอมๆของดอกไม้ ดูพวกกวางมาดื่มน้ำริมลำธาร ตกดึกนอนดูดาวสวยๆเกลื่อนฟ้าที่สระว่ายน้ำ หรือดูหิ่งห้อยที่นี่”
เกลี้ยงหยุดมองคนที่ทำหน้าเคลิ้มตามในสิ่งที่เขาพูด คนตรงหน้าดูจะหลงใหลกับธรรมชาติตรงหน้าไม่น้อย
“หรือวันไหนอยากดำดูปะการังน้ำตื้น ดูหอยเม่นก็ทำได้ แต่อ้อ คุณภีมห้ามให้อาหารพวกปลานะครับ ให้ดูได้อย่างเดียว ปลาจะติดเป็นนิสัย เสียสมดุลระบบนิเวศน์”
“ดำดูปะการังน้ำตื้น จริงสิ มาทะเลทั้งทีต้องดำดูปะการังกับเล่นน้ำให้ฉ่ำปอด” วาเลนไทน์เสียงใส
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า คุณลืมไปแล้วหรือว่าคุณถูกฉุดมา ไม่ได้มาเที่ยว”
เกลี้ยงอดขันกับท่าทีอีกฝ่ายไม่ได้
“น่าเสียดายที่ว่าที่เจ้าสาวกลับมองไม่เห็นหัวใจที่คุณภีมจะมอบให้ คุณพริมไม่น่ามีคนอื่น อยากบอกว่าไข่มุกที่นี่เป็นมุกธรรมชาติ น้ำงามมาก”
วาเลนไทน์นิ่งไปกับสิ่งที่เกลี้ยงพูด ในเมื่อมาถึงขั้นนี้เขาถูกลากมาเกี่ยวด้วยเต็มๆ เขาจะต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ต้องหาทางติดต่อกับพริมรตา
“ผมไม่ขอให้ใครเชื่อ ในเมื่อหลักฐานมันบังเอิญมัดตัวผมขนาดนั้น แต่ขอโอกาสให้ผมได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองได้ไหม ผมจะติดต่อแล้วพาพริมมายืนยันต่อหน้าทุกๆคน ได้โปรดให้โอกาสผมหน่อย” วาเลนไทน์ร้องขอ
“คุณต้องบอกคุณภีมครับ อย่างที่บอก ผมทำได้แค่ห้ามตอนคุณภีมฟิวส์ขาดไม่ให้พลั้งมือทำอะไรคุณรุนแรง แต่เรื่องอื่นนอกเหนือนี้ผมคงยุ่มย่ามอะไรไม่ได้” เกลี้ยงบอกก่อนจะเดินจากไป
“พี่เกลี้ยงบอกว่า คุณจะคุยกับผมหรือครับ”
วาเลนไทน์ถามคนที่นอนคว่ำหน้ายาวเหยียด มือกดโทรศัพท์เล่นบนเบาะริมสระ ข้างๆมีเทียนหอมในกะลามะพร้าวจุดให้กลิ่นหอมอ่อนๆช่วยผ่อนคลาย กับรังผึ้งไม่ใหญ่นักมีน้ำหวานเยิ้ม
“อืม”
เขาครางรับในลำคอพลางวางโทรศัพท์ลง สายตาคมเหลือบขึ้นมองขาขาวที่โผล่พ้นชายเสื้อเชิ้ต วาเลนไทน์เป็นพวกขนน้อย ขนตามตัวบางมากจนแทบมองไม่เห็น ยิ่งเขาอนุญาตแกมบังคับให้ร่างโปร่งใส่ได้แค่เสื้อเชิ้ตตัวโคร่งกับชั้นใน หรือไม่ก็เสื้อกล้ามหลวมๆหลุดบ่ากับชั้นใน จุดประสงค์คือตั้งใจกลั่นแกล้งให้อับอาย กลับกลายเป็นเขาที่ได้เห็นผิวขาวเนียนล่อตาล่อใจก่อนนอนทุกคืน ยิ่งช่วงนี้เจอแดดแรงๆที่เกาะ ผิวขาวโดนแดดจนคล้ำขึ้นทำให้ดูเซ็กซี่เย้ายวนไม่น้อย
วาเลนไทน์พยายามจะดึงชายเสื้อลงคลุมขาอีกหน่อยเมื่อเจอสายตาที่เมียงมองแถวต้นขา ปกติผู้ชายด้วยกันก็ไม่นึกกระดากอะไร แต่กับเขา...คนที่เลยเถิดกันไปถึงไหนต่อไหน วาเลนไทน์ไม่อาจทานทนสายตาคมได้สักที
“คุณภีมมีอะไรหรือครับ ผมเองก็อยากจะคุยกับคุณเหมือนกัน”
“ฉันเมื่อย นวดให้หน่อย นวดไปคุยธุระนายไปด้วยก็ได้”
เขาบอกเสียงเรียบ วาเลนไทน์ทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ มือเรียวบีบนวดไปตามกล้ามเนื้อขึ้นลอนสวยของเขา ลงน้ำหนักมือหนักเบาตามที่เคยนวดให้ปู่ให้ลุงนั่นแหละ
“ผมอยากโทรหาที่บ้านบ้าง หายมาหลายวันแล้ว ถึงผมจะชอบเที่ยวบ่อยๆ แต่ก็จะติดต่อพวกเขาตลอด ทั้งไลน์ ทั้งเฟสบุ๊คอีก ปกติผมจะลงรูปที่ที่ผมไปตลอด”
“พรุ่งนี้แล้วกัน” เขาตอบสั้นๆ พลิกตัวพลางยันกายขึ้นนั่ง
“กินน้ำผึ้งป่าด้วยกัน ทำให้หลับสบาย พี่เกลี้ยงได้มาเมื่อตอนบ่าย”
เขาบอกพลางยื่นรังผึ้งที่วางพาดในชามแก้วให้ กลิ่นหอมหวานตามธรรมชาติแท้ๆเชิญชวนให้ลิ้มลอง จำได้ว่าตอนเด็กๆริสาฉี่รดที่นอนไม่หายเสียที ลุงเลยเอาน้ำผึ้งป่ามาให้ดื่มก่อนนอนทุกวัน ยกมาทั้งรังเก็บไว้ในตู้กับข้าวผึ้งตอมหน้าตู้หึ่งๆ วาเลนไทน์เลยได้อานิสงส์ได้ดื่มน้ำผึ้งเดือนห้าแท้ๆไปด้วย
“ยกดื่มจากรวงนั่นแหละ หวานดี”
เขาบอกเมื่อเห็นท่าทีเก้กัง วาเลนไทน์จรดริมฝีปากลงชิมรสชาติหอมหวานโดยมีสายตาคมมองกลีบปากสีธรรมชาติเจือน้ำผึ้งด้วยความรู้สึกร้อนวูบวาบ วาเลนไทน์ตวัดลิ้นเลียคราบน้ำผึ้งที่ติดริมฝีปากขณะวางรังผึ้งลง ดวงตาคู่สวยสบกับสายคมกล้าที่ขยับเข้าใกล้
“ให้ฉันชิมรสชาติน้ำผึ้งป่าแท้ๆหน่อย จะหวานแค่ไหน”
มือหนาเชยคางมนขึ้นรับจูบลึกล้ำ กวาดต้อนช้าๆอ่อนหวานคล้ายทะนุถนอมก่อนจะเพิ่มจังหวะหนักหน่วงขึ้นตามแรงอารมณ์
ร่างหนาถอนจูบออกเมื่อตักตวงจนพอใจพลางเอ่ย
“ฉันมีข้อแม้เกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์ของนายข้อหนึ่ง”
เขาเอ่ยกับกลีบปากฉ่ำเย้ายวน ดวงตาปรือปรอยปรือขึ้นสบตาอย่างฉงน
“อะไรหรือครับ”
“หนึ่งตัวเลขต่อหนึ่งรอบ เบอร์โทรที่นายจะโทรไปมีกี่มีตัวเลข นายก็ต้องปรนเปรอให้ฉันจำนวนเท่านั้น นั่นล่ะ ข้อตกลงสำหรับคืนนี้"
.
.
.
.
พลบค่ำ หลังกินข้าวเย็นเสร็จ ขณะที่เกลี้ยงไปเรียกวาเลนไทน์มานวด
“คุณภีมครับ ผมขอคุยอะไรด้วยได้ไหมครับ”
“มีอะไรหรือ” ภีมพริษฐ์เห็นอีกฝ่ายหน้าเคร่งเครียดจนอดสงสัยไม่ได้
“เรื่องคุณวาเลนไทน์ คุณภีมหยุดมือแค่นี้ได้ไหมครับ ที่เหลือผมจะลงมือแทนให้ ผมอดเป็นห่วงคุณไม่ได้จริงๆ”
“นี่นายคิดว่าคนอย่างฉันจะเพลี่ยงพล้ำให้เด็กที่กลัวฉันจนหัวหดคนนั้นน่ะหรือ ตลกน่าอันวาด นี่ไม่ใช่ในละครนะ”
“แต่ผมไม่อยากให้คุณประมาท คุณวาเลนไทน์ไม่เหมือนคนอื่นๆของคุณ”
“มันก็แหงล่ะ ฉันนอนแต่กับผู้หญิง ไม่ได้มีรสนิยมอะไรแบบนั้น นี่เพราะแค้นหรอกถึงได้ลากมาย่ำยีเล่นระบายอารมณ์ ไม่ต้องกลัวว่าจะท้องด้วย”
“แต่ความแค้นเหมือนไฟที่เผาไหม้ทุกอย่างรอบตัวให้พินาศโดยไม่เลือกว่าใคร คุณเองก็กำลังกระโจนลงเล่นกับไฟ ผมกลัวว่าไฟมันจะลวกคุณเข้าสักวัน โปรดอย่าลืมว่า คนที่เริ่มจุดไฟมีโอกาสเป็นคนแรกที่จะถูกเปลวไฟเผาไหม้ ได้โปรดยื่นไฟนั้นให้ผมเสี่ยงถูกลวกแทนเถอะครับ”
สายตาคมสบตากับผู้เป็นเจ้านายความแน่วแน่แสดงเจตจำนง เขายินดีเดิมพันด้วยการกระโจนลงเล่นกับไฟแทนนาย
Tinybell : พริมเงียบไปเลย คิดถึงนะครับ
Tinybell : ผมรอข้อความจากคุณทั้งวัน พริมเป็นอะไรไปครับ