พักกลางวันเป็นช่วงที่หล่ออย่างผมไม่ค่อยอยากออกไปไหนสักเท่าไหร่ เพราะเดินไปไหนก็มีแต่คนจ้อง อย่างว่าแหละครับเกิดมาฮอตตามวิถีเซเลบ อาจจะเหนื่อยหน่อยแต่ไม่นานคงทำใจได้ ชีวิตหลังจากนี้ก็ถือว่าโอเคเลย ไม่ต้องมีไอ้ก๊อบเพื่อนร่วมสายมาเดินตามหลังต้อยๆ เพราะมันเรียนอยู่ภาคเคมี ส่วนผมก็เฮไหนเฮกันไปกับพวกเครื่องกล
“ไอ้ธีมนั่งนี่มึง ว่างพอดีหนึ่งโต๊ะถ้วน” เพื่อนผมกวักมือเรียกยกใหญ่ หลังจากเรากำลังตระเวนหาที่นั่งในโรงอาหารคณะวิศวะทั้งสภาพลิ้นห้อย
แค่เด็กวิศวะเองมันไม่เยอะหรอกครับ จะมีก็แต่เด็กจากต่างคณะนั่นแหละที่ชอบมาหาของกินพ่วงแจกเบอร์โทรไปด้วย ผมนี่หวานเลยสิครับ จ้องไว้คนสองคน เดี๋ยวว่างจากการกินข้าวเมื่อไหร่คงจะแวะไปขอเบอร์มาประดับมือถือตามระเบียบ
คิดแล้วก็ฮึกเหิม รีบโยนกระเป๋าจองโต๊ะก่อนจะแล่นไปต่อคิวซื้อข้าวแดก กลับมาอีกทีก็สนทนาฮาเฮตามประสาหนุ่มฮอตเครื่องกลทั่วไป ไขควงเบอร์สองใช้ดีจึงบอกต่ออะไรประเภทนั้น ถุย!
“ฮื้ออออออออออ” เสียงร้องอื้ออึงของคนในโรงอาหารดังขึ้น พวกผมเลยต้องหันหลังตามเสียงหึ่งๆ ไป เพราะไม่แน่อาจเจอดาราคนดังสักคน แต่ผิดครับ นอกจากไม่ใช่ดาราแล้วมันยังเป็นบุคคลธรรมดาเหมือนเราๆ นั่นแหละ แค่มีรูปเป็นทรัพย์พอให้ยกระดับขึ้นมานิดหน่อย
“ไอ้พี่วอร์มกับแก๊งมันนี่หว่า” เพื่อนในกลุ่มผมโพล่งขึ้น
“แม่งกูนึกว่าพวกวิศวะจะเป็นคณะเดียวที่เท่ แต่พอพวกสิงห์ถล่มโรงอาหารเราถึงถิ่น กูว่างานนี้ต้องมีใส่กันสักตั้ง”
“มึงจะเอาห่าอะไรกับพวกมัน ยิ่งปีสามไม่ต้องพูดถึง ไอ้พี่วอร์มฟาดเรียบหมด”
ผมไม่มีความเห็นในเรื่องนี้ครับ นอกจากมองตามร่างสูงและเพื่อนของมันอีกสามคนเดินอ้อล้อไปตามทางเดิน สังเกตได้ว่าแต่ละโต๊ะพยายามขยับตูดกันแทบบิดเพื่อให้เหลือที่ว่างสำหรับมัน
“ดีน้อง” เพื่อนผมสะกิดแขนยกใหญ่ ทันทีที่ไอ้รุ่นพี่หัว (ดำ) ยืนประชิดตัว
เฮ้ย!! มันย้อมผมดำแล้ว นั่นยิ่งทำให้เจ้าตัวดูดีกว่าเดิมอีก
“อะ...อะไร”
“ขอนั่งด้วยคนดิ โต๊ะเต็ม เห็นว่างพอให้พวกพี่นั่งพอดี”
“ทำไมพี่ไม่ไปกินที่คณะตัวเอง”
“ก็อยากมากินที่นี่ ผิดกฎหมายด้วยเหรอ”
“เออๆ” ผมบอกเสียงฮึดฮัด ไถลตัวไปด้านข้างพร้อมกับเพื่อนๆ จนเหลือที่นั่งสำหรับสี่คนพอดิบพอดี
“ทำไมย้อมผมดำอ่ะ” โพล่งถามคนฝั่งตรงข้ามอย่างสงสัย ทั้งที่เมื่อวานยังหัวอีกสีอยู่เลย
“ก็ใครบางคนบอกหัวขาวแล้วแก่”
“ใครวะ”
“น้องไง”
“...!!”
“น้องบอกไม่ชอบคนแก่ นี่เด็กแล้ว ชอบยัง”
อึ้ง...ไม่ใช่แค่ผม แต่เพื่อนอีกสองสามตัวก็โคตรเงิบกับประโยคก่อนหน้า นี่พูดจริง พูดเล่น หรือเป็นมุกวะสัด แต่ด้วยความที่เกลียดประโยคถูกรุกไล่มาตั้งแต่เด็ก ประกอบกับเพื่อนๆ ก็จ้องจับผิดอยู่ ผมเลยต้องเรียกความเชื่อมั่นให้กับตัวเองด้วยการข่มพี่มันซะ
“มึงกวนตีนป่ะเนี่ย” ไม่ได้ตั้งใจหยาบ แต่โคตรอยากเอาชนะเลย
“พูดไม่เพราะ” ไอ้พี่วอร์มเอ่ยปราม พลางเอื้อมมือมาจับมือกูเฉย
“กูก็พูดธรรมดาตามประสาวิศวะป่ะ”
“ธีม...”
“เป็นเหี้ยอะไรเนี่ย”
“ธีมพูดเพราะๆ”
“ทำไมกูต้องพูดเพราะด้วยวะ”
กรอด! พูดไม่เพราะแล้วมาหักนิ้วกูเนี่ยนะ! แม่งน่าจะรู้แต่แรกแล้วว่าทำไมมึงถึงจับมือกูไอ้เหี้ย แล้วยิ่งสายตามันยิ่งย้ำชัดเป็นนัยๆ ว่าถ้าขืนพูดมึงกูกับมันอีกคำ ง่อยแดกนิ้วกูแน่ๆ ฮึก!
“หายกวนตีนยัง” มีถามย้ำ
“คะ...ครับ TOT”
“แล้วนี่ตอนเย็นต้องไปซ้อมดาวเดือนใช่มั้ย”
“ครับ มีการแสดงสำหรับเฟรชชี่ไนท์ พี่จะไปดูหรือเปล่า...ครับ” ทำไมผมถึงอยากร้องไห้ แต่ไอ้เพื่อนเหี้ยนี่หัวเราะกันคิกคักเชียว ไม่โดนหักนิ้วบ้างให้มันรู้ไป
“ไม่ ก็บอกขี้เกียจ”
“ครับ”
“หลังจากนั้นไปไหนต่อ” พูดพลางกัดฟันแน่นเลย จ้องจิกราวกับว่าถ้าผมไม่ยอมตอบ มันจะหักคอผมโยนให้เหี้ยในสระแดก
“ว่าจะออกไปเที่ยวกับเพื่อนคืนนี้”
“เพื่อนที่ไหน”
“พวกนี้” รีบชี้ไปยังกลุ่มก้อนวิศวะเครื่องกลซึ่งกำลังส่งยิ้มแหยให้กับรุ่นพี่ที่ทำตัวเป็นร่างอวตารของพ่อกูอยู่
“ที่ไหน เมื่อไหร่”
“ร้านเหล้าข้างมอ ตะ...ตอนสามทุ่มครับ”
“ร้านอะไร”
“L ก ฮ”
“กลับกี่โมง”
“นะ...น่าจะประมาณเที่ยงคืน ดะ...เดี๋ยวทหารลงครับ”
“โอเค...”
“โอเคคือ...”
“สามทุ่มเดี๋ยวไปด้วย เฮ้ยมึง! สั่งข้าวกัน”
จากนั้นแม่งก็ลุกออกจากโต๊ะ แล่นไปหาข้าวแดกหน้าตาเฉย ไอ้สาดดดดดดดดดดดด ทีมันยังพูดมึงกูได้เลย ทำเป็นห้ามคนอื่นพูด แล้วมันเป็นใครวะถึงได้ตามจิกตามเช็ดกูขนาดนี้ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวเหี้ยอะไรกันเลย!!
“ไอ้ธีม เดี๋ยวนี้มึงหลงคารมสิงห์แล้วเหรอ”
“หลงพ่องดิ”
“แล้วทำไมมึงหงอขนาดนี้วะ กลัวพ่อเหรอสาด ฮ่าๆ”
ศพแรกก่อนไอ้พี่วอร์มเห็นจะเป็นพวกแม่งเนี่ยแหละ ล้อกูมากเดี๋ยวหักนิ้วโชว์เหมือนเมื่อกี้เลยหนิ อูยยยยย...เจ็บสัด
“ไม่สบายป่ะเนี่ย” ผมกับไอ้พี่วอร์มกำลังเดินไปห้องซ้อมกิจกรรมดาวเดือนด้วยกัน ไม่รู้ผีอะไรเข้าสิงถึงมีใจโผล่ไปทักทายคนในกองประกวด หลังจากอ้างขี้เกียจมานาน
“นิดหน่อย”
“สงสัยเมื่อวานไม่ได้อ่อยคนนั้นคนนี้สินะ”
“ทำเป็นรู้ดี”
“อยากกินอะไรป่ะ”
“ไม่ต้องมาทำดีด้วย ผมไม่เคลิ้มหรอก”
“ไม่กินจริงอ่ะ”
“อืม ไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นขนมปัง แซนด์วิช เลย์ น้ำส้ม โคล่า เฟรนช์ฟรายส์ ไม่อยากกินอะไรเลย”
“เชื่อ เชื่อทุกอย่างจริงๆ”
ผมได้แต่เบะปากใส่อีกฝ่าย ถามว่าเมื่อคืนผมกับเดอะแก๊งเครื่องกลเป็นยังไงในร้านเหล้าน่ะเหรอ ต้องบอกว่าหล่อไม่ได้ทำเหี้ยอะไรเลยแม้กระทั่งเต๊าะสาว เพราะพ่อหัวดำได้ถ่อมาคุมตั้งแต่สามทุ่ม ที่สำคัญมันยังมีหน้าสั่งกูกลับตอนห้าทุ่มเป๊ะอีกต่างหาก แล้วมีเหรอคนอย่างไอ้ธีมโซฮอตจะยอม
เออ กูยอม...
ยอมง่ายๆ โดยไม่สามารถอธิบายได้เลยว่าทำไมถึงได้กลัวมันจนหรรมหด
“หูยยยยยย พี่วอร์มก็มา”
“วอร์ม คิดถึง” ฮ่อลลลลลลลลล รุ่นพี่ปีสามคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายเป็นคนแรก เท่าที่ระลึกชาติได้และสมองยังทำงานได้ปกติอยู่ รุ่นพี่คนนี้มีดีกรีเป็นถึงดาวมหา’ลัยเลยนี่หว่า
และที่สำคัญ...
เคยเป็นแฟนเก่าพี่วอร์มด้วย
“มาด้วยเหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยออกมา ผมเลยปลีกวิเวกมาเล่นโทรศัพท์รอรุ่นพี่ออกคำสั่งให้ทำอะไรต่อมิอะไรเท่านั้น
“มาสิ แต่วอร์มเล่นไม่โผล่มาเลย”
“ก็มานี่แล้ว”
“รุ่นน้องรัฐศาสตร์น่ารักทุกปีเลยเนาะ”
“น่ารักทุกคณะแหละ”
“พี่วอร์ม เพื่อนขอถ่ายรูปเซลฟี่หน่อยค่ะ” ปีหนึ่งคณะพยาบาลขึ้น เห็นไอ้หัวดำมันพยักหน้าและส่งยิ้มแพรวพราว พวกดาวเดือนปีหนึ่งเลยวิ่งหน้าตั้งมาขอถ่ายรูปกับมันเต็มไปหมด แหม...ยิ้มร่าเริงเชียว จะมีก็แต่แฟนเก่าเขาล่ะมั้งที่ปลีกวิเวกไปหาของอร่อยกิน แหงล่ะ ได้ข่าวว่าคบกับคนใหม่ไปแล้วพี่วอร์มมันจะไปสำคัญอะไร
“ธีมถ่ายรูปกัน” ใครคนหนึ่งโพล่งขึ้น
“ขอบายละกัน ให้ช่วยอะไรมั้ย นี่ถ่ายภาพสวยมากนะ” แน่ะ! มีอวดตัวเองเล็กน้อย
“งั้นมาถ่ายรูปหมู่ให้เราหน่อย”
“โอเค...”
ผมรีบลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ปราดไปรับโทรศัพท์เครื่องหรูเพื่อกดถ่ายรูปจนนิ้วแทบล็อก คืองานการไม่ต้องถามหาครับเพื่อนพ้อง เรื่องถ่ายรูปต้องมาก่อนเสมอ กว่าจะแยกย้ายมาทำกิจกรรมก็ปาไปเกือบครึ่งชั่วโมง โดยที่สารร่างของไอ้พี่วอร์ม...หายไป
ระหว่างรอเพื่อนๆ คณะอื่นเขาโชว์พลังการแสดงของตัวเองอยู่ ผมก็ได้แต่นั่งนิ่งสูดขี้มูกเข้าปอดฆ่าเวลาไป บอกตามตรงหวัดแดกครับ สงสัยขยันกินแต่อะไรเย็นจัดจนทำพิษ
“น้องๆ พักก่อน พี่ซื้อขนมมาฝาก”
“พี่วอร์มมมมมมมม ฮื้อ ใจดีอ่ะ” โห...ผมก็นึกว่าหายไปไหนตั้งนาน ที่แท้แม่งหนีไปเอาใจรุ่นน้องนี่เอง
“อ่ะ” แต่มีแวบหนึ่งนะครับ ที่ผมเห็นไอ้รุ่นพี่หัวดำยื่นมาการองให้อดีตแฟนเก่า
ถ่านไฟเก่ามันคุสินะ หึ!
เออ แล้วนี่กูเป็นอะไรวะ เป็นตัวอิจฉาในละครเหรอ
“ไง หน้าแดง” จากนั้นคนตัวสูงก็เดินเข้ามาประชิด ทิ้งตัวนั่งขัดสมาธิใกล้ๆ กับผม ขณะที่คนอื่นกำลังแร้งทึ้งยื้อแย่งของอร่อยกันอยู่
“หวัดแดก” ผมตอบ
“ดูก็รู้ อ่ะ” เขายื่นของในถุงพลาสติกให้
“อะไร”
“ขนมปัง แซนด์วิช เลย์ น้ำส้ม โคล่า เฟรนช์ฟรายส์ ซื้อมาให้เลือกกิน แต่โคล่าเก็บไว้ก่อนนะ ถึงจะหยิบกระป๋องที่ไม่เย็นมาก็ยังกินไม่ได้ อ้อ มียาลดน้ำมูกด้วย อย่าลืม”
“ใจดีกับทุกคนเลยสินะพี่น่ะ”
“อืม พูดถูก”
“...”
“ใจดีกับทุกคนนั่นแหละ แต่ใส่ใจเฉพาะบางคน”
“ไปใส่ใจคนอื่นเถอะ ผมดูแลตัวเองได้”
“ดูแลตัวเองได้แล้วคนอื่นจะดูแลบ้างไม่ได้เหรอ”
“เป็นเหี้ยอะไรเนี่ย”
“ธีม...พูดไม่เพราะ” วินาทีนี้ขนแขนลุกซู่ อย่านะมึง อย่าหักนิ้วกู กูแค่ลืมตัวเฉ๊ยเฉย...
“ปะ...เปล่า ไม่ได้ตั้งใจพูด”
“หลอนนิ้วสินะ”
“เออ!”
“ถามหน่อย ถ้าสมมติน้องมีแฟนที่ฮอตมากๆ เดินไปไหนมาไหนด้วยกันก็มีแต่คนเข้ามาทักแฟนน้อง น้องจะโกรธมั้ย”
“ถามอะไรแปลกๆ วะพี่ แดกยาผิดแขนงหรือเปล่าเนี่ย”
“ถามก็ตอบสิ”
“โกรธทำเชี่ยไร ไร้สาระ รู้ว่าฮอต แต่ผมก็ฮอตนะพี่ คนอื่นมาทักก็ไม่เห็นแปลก เข้าใจว่าแฟนคลับเยอะ”
“ถ้ามีคนมาขอถ่ายรูปแฟน”
“เอากล้องมาเดี๋ยวถ่ายให้เลย”
“ถ้าแฟนพูดเพราะกับคนอื่น”
“ตามสบาย อย่าหยาบคายใส่ผมก็พอ”
“ไม่พูดเพราะอย่างเดียว ซื้อขนมให้ด้วย”
“แบ่งมาให้ผมบ้าง ก็อยากกิน”
“ไม่งอแงใส่เหรอ”
“งอแงทำไม ไร้สาระ”
“ถ้าแฟนน้องคุยเรื่องบอล”
“ก็คุยเรื่องบอล”
“ถ้าแฟนน้องคุยแต่เรื่องของตัวเอง”
“ก็ฟังแฟนคุย”
“แฟนทำแต่กิจกรรม”
“ไปทำกิจกรรมกับแฟน”
“แฟนบอกขอความเป็นส่วนตัว”
“ตามสบาย นอนรออยู่ที่ห้อง นี่ก็อยากส่วนตัวเหมือนกัน”
“แล้วถ้า...แฟนไม่มีตังค์ล่ะ”
“ให้แฟนคลับมันเลี้ยง” คำตอบนี้โคตรง่ายเลยเหอะ
“กวนตีน”
ผมเบะปากใส่ มองดูจมูกโด่งๆ ของอีกฝ่ายซึ่งอยู่ใกล้หน้าแค่ไม่กี่เซน
“น้องรู้ป่ะ เหตุผลพวกนี้มันทำให้พี่ต้องเลิกกับแฟน”
“...!!”
“แต่น้องกลับไม่เหมือนใคร พี่ไม่แปลกใจเลยว่าทำไม...”
“...”
“พี่ถึงโคตรชอบน้องเลย”
ความทรหดของสุดหล่อชื่อธีมเดือนวิศวะไม่สามารถบรรยายออกมาให้เข้าใจได้ คือนอกจากเรียนแล้วยังต้องมาทำกิจกรรมตามประสาคนบริหารเวลาเก่ง และแล้ววันนี้ก็มาถึง...
วันสุดท้ายของการเก็บตัวดาวเดือน หลังจากกรำงานหนักมาเกือบห้าสัปดาห์ รอคอยอีกสองวันสุดท้ายในคืนเฟรชชี่ไนท์ทุกอย่างก็จะเสร็จสมบูรณ์ตามระเบียบ ก่อนจะถึงวันนั้นเราเลยจัดกิจกรรมเลี้ยงส่งแบบน่ารักตามประสาคนหล่อคนสวย
นั่นคือการมอบพวงมาลัยดอกไม้คล้องคอให้กับรุ่นน้อง โดยรุ่นพี่ดาวเดือนปีสองถึงปีสี่จะทำพวงมาลัยติดป้ายชื่อตัวเองมาคนละสิบยี่สิบพวงเพื่อมอบให้กับรุ่นน้องที่ตัวเองรักยิ่งชีพ ซึ่งคนหนึ่งอาจจะคล้องพวงมาลัยให้ทุกคนก็ได้ ยิ่งคนอย่างผมด้วยแล้ว งานนี้คงได้เยอะจนนับแทบไม่หวาดไม่ไหว
พอแถวขยับรุ่นพี่ก็เริ่มคล้องพวงมาลัยให้กับรุ่นน้องไปเรื่อยๆ แต่แปลกครับ ทุกก้าวที่ผมเดินผ่านหน้ารุ่นพี่ไป ไม่มีใครคล้องพวงมาลัยให้ผมเลย T_T
แล้วดูไอ้เพื่อนคณะนิตินั่นดิ ล่อไปแล้ว 5-6 พวง ขณะที่หล่อยังคงเดินเปล่าเปลี่ยวใจสบายหนังศีรษะและลำคออยู่เลย ฮึก...หรือเขาจะไม่ชอบกูทั้งกองประกวดวะ
ยิ่งเดินไปจนเกือบสุดแถว ใจก็ยิ่งเต้นระส่ำ ภาวนาในใจ...ไม่มีจริงๆ เหรอ
ให้กันสักพวงจะรักไปจนตายเลยอ่ะ
“ธีม...”
ผมเงยหน้ามองเจ้าของเสียง คนสุดท้ายที่ยืนอยู่ในแถว
เจ้าตัวไม่พูดอะไรนอกจากคล้องมาลัยพวงสุดท้ายไว้ที่คอของผม เชื่อป่ะไอ้พวงมาลัยดอกไม้อันนี้มีแต่ชื่อพี่มันติดเต็มไปหมดเลย คือของคนอื่นหยิบออกมาอ่านต้องมี กิ๊ฟ แมน บูม ชื่ออะไรก็ว่ากันไป แต่ของหล่อมีชื่อเดียวเลยครับ วอร์ม วอร์ม วอร์ม และก็วอร์ม
“วี้ดวิ่วววววววววววววว”
“น้องรู้ป่ะ วอร์มเค้าขอให้น้องคนเดียวเลยนะ กั๊กว่ะ”
“อะไรยังไงเล่าด่วน”
“โหดร้ายยยยยยยย บาดตาบาดใจ”
ผมไม่รู้จะทำยังไงนอกจากเดินก้มหน้าหนี พี่มันเลยเดินตามมาติดๆ
“แล้วทำไมต้องมากอดคอด้วยล่ะเฮ้ย”
“เขินเหรอ”
“จะจีบผมก็ไปฝึกสกิลมาใหม่นะ”
“ไม่ฝึกแล้ว จีบติดแล้วเนี่ย”
ไอ้พี่วอร์มไม่ได้พูดอะไรอีกหลังจากนั้น นอกจากหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาพาดหัวเราทั้งคู่เอาไว้ ก่อนแม่งจะถือวิสาสะจูบผมแบบเนียนๆ แล้วรีบดึงเสื้อคลุมออกเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไอ้แสรดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
“หน้าแดงขนาดนี้ จีบคนมาเยอะจริงเหรอวะ”
“จริง”
“ไม่โกหกดิ”
“เออ”
“เออคืออะไร”
“ไม่เคย”
“...”
“ไม่เคยจีบใครติดเลย เคยแต่คิดอย่างเดียว”
“ฮ่าๆ ไม่เคยจริงดิ”
“อืม เลิกล้อได้ป่ะ”
“เด็กน้อย”
“โอ๊ย เลิกล้อเหอะ เดี๋ยวต่อยคว่ำแม่งเลย”
“เฮ้ย คู่นั้นน่ะเลิกเถียงกันได้แล้ว เมื่อกี้เห็นนะครับทำอะไรใต้ผ้าคลุม อุ๊บร๊ะ” โอ๊ยยยยยย กูเกลียดกองประกวดมอกูฉิบหาย ชงอยู่ได้ ร้อนหน้าจะตายแล้วเนี่ยยยยยยยยยยยยยย
คืนเฟรชชี่ไนท์เต็มไปด้วยความสนุกสนานครึกครื้น แถมแสงสียังอลังการงานสร้างปะปนไปพร้อมกับความตื่นเต้นในอก ผมออกไปทำการแสดงละครเวทีในท้องเรื่องแอนนาเบลกับสโนไวท์ที่หายไปอะไรไม่รู้ เป็นพระเอกที่ต้องเข้าบทกับนางเอกได้พลิ้วไหวดุจสายลมถึงขนาดได้ยินเสียงหัวเราะของเพื่อนปีหนึ่งส่งมาให้เป็นกำลังใจ
สรุปหล่อเล่นบทคอมเมดี้ครับ โปรดเข้าใจ
หลังจากนั้นก็หนีมาพักกายและหัวใจอยู่ด้านล่างเวที เพราะตอนนี้กำลังมีการแสดงของดาวเดือนมหา’ลัยตั้งแต่ปีสองถึงปีสี่อยู่ รู้สึกจะเป็นท้องเรื่องข้าบดินทร์นะครับ เพราะไอ้คุณพี่วอร์มมันล่อชุดไทยสมัย ร.4 แบบจัดเต็มทั้งเสื้อผ้าหน้าผม แถมพี่ดาวแฟนเก่าก็สวยสง่าน่าหลงใหล
ถามว่าอิจฉามั้ยก็มีนิดหน่อย แต่ถ้าถามว่าหึงหรือเปล่า ไม่ครับ พี่มันบอกจบกันด้วยดีเมื่อหลายเดือนก่อนแล้วอย่าเก็บมาคิดให้ปวดหัว ผมก็เออออไปตามมันล่ะครับ กระชากความเจ้าชู้ของผมหายไปไม่พอ ยังมาปล่อยให้ชะเง้อมองมันข้างเวทีเหมือนเห็บอีกต่างหาก
“หมดดวงใจของฉัน พลีให้เธอคนเดียวเท่านั้น แม้ต้องตายจากกัน รักยังคงอยู่กับเธอเรื่อยไป...”
ครั้นเพลงประกอบละครขึ้นโดยไอ้พี่วอร์มเป็นคนร้องทุกอย่างก็เริ่มเงียบลง ตาของผมเริ่มฝ้าฟางจากแสงไฟที่ถูกหรี่ลงจนเหมือนจะมืด แต่ถึงอย่างนั้นฝ่ามือของใครคนหนึ่งก็ฉุดรั้งให้ผมเดินตามขึ้นไปบนเวทีอย่างง่ายดาย
“ต่อให้ดาวหมดแสง หรือฟ้าดินมันจะสลาย...”
พรึ่บ!!
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
ไฟบนเวทีส่องสว่างอีกครั้ง ผมหันซ้ายหันขวาไม่เห็นใครนอกจากไอ้พี่วอร์มที่ถือกุหลาบเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็ถือไมค์ร้องเพลงอย่างตั้งอกตั้งใจ
“รักที่มีต่อเธอนั้นยังอยู่ อยู่เป็นรักของเธอตลอดไป”
“อร๊ายยยยยยยยยยยยยย วอร์มธีม วอร์มธีม วอร์มธีม” เสียงกรีดร้องนั้นอื้ออึงไปทั่วบริเวณจนผมหน้ามืดเหมือนจะหงายหลังซะให้ได้ กระทั่งพิธีกรแทรกเสียงกรี๊ดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
“โฮ้ยยยยยยย สุดยอดมากจริงๆ กับการแสดงของรุ่นพี่เดือนมหา’ลัยและรุ่นน้องเดือนวิศวะ ขอเสียงปรบมือหน่อยค่ะ”
“กรี๊ดดดดดดดดด วี้ดวิ่ว!!”
“ต้องถามก่อนว่าตอนหลังนี่เป็นการแสดงด้วยใช่มั้ยคะ” ไอ้พี่วอร์มมองหน้าผม ก่อนยกไมค์ขึ้นมาจ่อปาก
“ครับ เป็นการแสดง”
“...”
“แต่ความรู้สึกน่ะของจริงครับ”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด >///<”
อย่าถามหาชีวิตหล่อครับ แค่ข้างล่างก็ดิ้นกันแทบตาย กูจะเหลืออะไรนอกจากล้มทั้งยืน หูดับตับไหม้ไปหมด
“งั้นวอร์มมีอะไรจะบอกน้องมั้ย”
“ที่จะบอกก็คือ...”
“...”
“เด็กวิศวะครับ เป็นแฟนกันนะครับ” พูดพลางยื่นดอกกุหลาบมาให้
“อ๊ายยยยยยยยยย อ๊าย อ๊าย แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยย”
อึ้ง ผมอึ้งอยู่ครับโปรดเข้าใจ
ต้องรอคอยให้เสียงตะโกนกรีดร้องอย่างหนักเงียบสงบลงไป ก่อนจะยื่นมือไปหยิบดอกกุหลาบในมือของอีกฝ่าย พร้อมกับก้มหน้างุดทันที
“น้องธีมมีอะไรบอกมั้ยคะ”
“ตะ...ต้องพูดด้วยเหรอครับ”
“ขอนิดหน่อยก็ได้ค่ะ”
“ก็ไม่มีอะไรมากครับ แค่อยากจะบอกว่า...”
“...”
“ดูแลด้วยนะครับพี่รัฐศาสตร์”
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
END