นิทานพระจันทร์และคนตัดฟืน
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว บนท้องฟ้าอันเงียบสงบ ดาวดวงน้อยส่องประกายระยิบระยับดุจอัญมณี พระจันทร์กลมโตถูกเงามืดบดบัง พระจันทร์ถูกแขวนไว้ท่ามกลางมวลหมู่ดาว บางคืน เขาก็มีดวงดาวเป็นเพื่อน บางคืน ก็เหน็บหนาว เปลี่ยวเหงา
พระจันทร์จำไม่ได้แล้วว่าตนเองส่องแสงนวลเนียนให้แก่พื้นโลกนานเท่าใดแล้ว นาน.... มากพอจะที่จะทำให้รู้จักกับความเหงาอันเย็นเยือก พาลให้ร่างกายแข็งกระด้าง ดวงใจเย็นชา
พระจันทร์มองเห็นทุกสิ่งบนพื้นโลก เขาเห็นมหาสมุทร เขาสาดแสงอ่อนโยนเพื่อขับกล่อมลูกนกไนติงเกลตัวน้อยให้หลับใหล ส่งรอยยิ้มแย้มกับลูกปลาวาฬตัวน้อย ขมวดคิ้วกับครอบครัวหมาป่าที่พาลูกน้อยออกล่าเหยื่อ
พระจันทร์เห็นมามากมาย....
ทั้งบทเพลงรักของเด็กหนุ่มที่มอบให้เด็กสาวริมหน้าต่าง เสียงไวโอลินหวานซึ้งแต่เจ็บปวดจากชายชรา พระเพลิงกาฬเผาไหม้สิ่งก่อสร้างงดงาม มนุษย์เข่นฆ่ากันเอง ชายมีเคราผู้โด่งดังถูกตรึงกางเขน
ทุกสิ่งทุกอย่าง... พระจันทร์มองเห็น แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ ได้แต่เก็บงำความหนาวเหน็บไว้เพียงลำพัง ขณะฟังเสียงกระซิบกระซาบของหมู่ดาว
ไม่นานนัก... พระจันทร์ก็เลิกจ้องมองโลก เขาใช้เวลาที่โผล่พ้นขอบฟ้า สลับกับพี่สาวของเขา - พระอาทิตย์ในการงีบหลับ เลิกสนใจเสียงดนตรี ลำนำเล่าขานถึงผู้กล้าในแดนไกล เสียงกระซิบบอกข่าวของสายลมและใบไม้ ไม่ใยดีต่อกลิ่นหอมหวานของบุปผายามราตรี
"จันทร์เอย..." เสียงกระซิบแหบห้าว ทุ้มสนิท ปลุกให้พระจันทร์ตื่นจากภวังค์ เขาลุกขึ้นยืน พาร่างบอบบางไปยังริมหน้าต่าง นึกสงสัยเหลือเกินว่า... กี่ร้อย...กี่พันปีแล้วนะ... ที่มนุษย์ไม่ได้คุยกับพระจันทร์อีก
พระจันทร์มองเห็นชายผู้หนึ่ง สวมชุดลายพรางสีเขียวแก่ ซึ่งมองไม่เห็นในความมืด ใบหน้าชายผู้นั้นรกรุงรังด้วยหนวดเคราและเรือนผมสีดำสนิท ใบหน้าซูบตอบ ร่างกายที่ดูก็รู้ว่าครั้งหนึ่งเคยแข็งแกร่งกลับผอมผ่ายจนน่ากลัว แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของพระจันทร์กลับเป็นดวงตาสีดำขลับที่ส่องประกายมีชีวิตชีวา พระจันทร์เอียงคอมอง
"บอกทางออกจากป่าให้แก่ข้าที...." เสียงของเขาแหบห้าว ระโหย พระจันทร์ยิ้มเยาะในใจ ความเปลี่ยวเหงาทำให้หัวใจกระด้างชา
ถ้าหากไม่หลงป่าเช่นนี้... คงไม่มีใครอยากคุยกับพระจันทร์นักหรอกพระจันทร์เบือนหน้าหนี ขอบตาร้อนผ่าว... เมื่อใดกันหนอที่พระจันทร์หมดความสำคัญจากมนุษย์
เมื่อใดกันหนอที่ผู้คนเล่าขานนิทานของพระจันทร์แล้วกลายเป็นเรื่องตลก
เมื่อใดกันหนอที่พระจันทร์กลายเป็นเพียงแค่ลูกกลมๆ ลอยเท้งเต้งในอวกาศ ไร้ค่า
"จันทร์เอย..." มนุษย์ผู้นั้นยังคงพร่ำเรียกด้วยเสียงกังวาล ก่อนร่างนั้นจะทรุดลงกับพื้น พระจันทร์รู้ว่าหากเขาไม่ตื่นขึ้นมา คงไม่พ้นเป็นอาหารสิงสาราสัตว์แน่ๆ
ร่างบอบบางแตะริมฝีปากอย่างลังเลใจ ก่อนจะตัดสินใจอะไรบางอย่าง
...อะไรบางอย่างที่เปลี่ยนพระจันทร์...
เขาเปิดประตูปราสาท ข้ารับใช้ในร่างกระต่ายน้อยรีบกุลีกุจอมารับใช้ พระจันทร์โบกมือเสีย แล้วชี้ไปยังร่างชายผู้นั้น
"เอาเขาขึ้นมา"
กระต่ายพ่อบ้านสวมแว่นตาถามอย่างสงสัย "แต่นายท่านพระจันทร์ขอรับ นั่นเป็นมนุษย์"
"รู้แล้ว" พระจันทร์ตอบอย่างรำคาญ "ข้าแค่หาอะไรเล่นแก้เบื่อ เหมือนที่พระอาทิตย์แกล้งฉายแสงร้อนๆ ให้โลกไง"
"ขอรับๆ" กระต่ายพ่อบ้านรีบผงกหัว ก่อนจะเกณฑ์บรรดากระต่ายน้อยให้ลงไปรับมนุษย์ผู้นั้น
เสียง... ไม่เหมือนเสียงมนุษย์....
...ไพเราะ.... ดุจราวดนตรี....
สัมผัสเย็นๆ แนบใบหน้า ก่อนของเหลวบางอย่างจะรินรดจรดริมฝีปากอย่างอ่อนโยน
ดวงตาคู่ดำขลับค่อยๆ ลืมตาขึ้น กลิ่นหอมหวานแปลกประหลาดกำจายเร่งเร้า
"อา... ที่นี่...." เสียงแหบทุ้มค่อยดีขึ้น ร่างบางยิ้มอย่างพึงพอใจ
"พระจันทร์ไงล่ะ" เสียงนั้น... หวาน... ไพเราะ... สูงต่ำเป็นท่วงทำนอง
"พระจันทร์ ?" เขายังคงไม่ได้สติ มองภาพตรงหน้าอย่างมึนงง
ดวงตาคู่ดุ สีดำนั้นกระพริบสองสามครั้ง ก่อนอุทานออกมา "นี่ต้องฝันแน่ๆ"
"ฝันสิ" พระจันทร์ยิ้ม นึกตลกกับอาการเบลอๆ ของมนุษย์ "พอพระอาทิตย์ขึ้น... เจ้าก็ตื่นแล้วล่ะ"
ภาพตรงหน้าเขา... คือคนผู้หนึ่ง... ที่ไม่อาจบ่งบอกได้ว่าเพศใด ดวงตาเรียวดุจหงส์ ตวัดปลายขึ้นสีเงิน เรือนผมนุ่มพลิ้วสีเดียวกับนัยน์ตายาวเลยบั้นเอวถูกมัดรวบไว้ลวกๆ ที่กลางศีรษะ ผิวกายขาวสดใส เรืองรองราวกับแสงจันทร์ ใบหน้าหวาน ริมฝีปากอิ่มเต็มสีระเรื่อ
"นางฟ้า.... ?"
พระจันทร์อดหัวเราะไม่ได้ นี่เห็นเขาเป็นตัวอะไรไปเสียแล้ว
"ไม่ใช่ ข้าคือพระจันทร์" พระจันทร์แก้ เสียงหัวเราะสดใสกังวาล ไพเราะยิ่งกว่าเสียงดนตรีใดๆ บนโลก มือเรียวขาวสะอาดแตะแก้มชายหนุ่มเชื่องช้า
"มนุษย์อย่างพวกเจ้านี่แปลกจริง มีขนอยู่ที่หน้าด้วย ?" เสียงนั้นปนความพิศวง ชายหนุ่มลืมตัว จับมือเรียวขาวอย่างเคลิบเคลิ้ม
"คุณไม่เคยเห็นหนวดเหรอ ? แล้วเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ?"
นางฟ้าตรงหน้ากลับเอียงคออย่างสงสัย มือเรียวเท้าคางท่าทางคิด "พระจันทร์ต้องมีเพศด้วยหรือ ? ข้าไม่เข้าใจเลย"
"ช่างเถอะ... สวยแบบนี้ก็ดีแล้ว" ชายหนุ่มไม่สนใจอะไรอีก ในเมื่อนี่เป็นฝัน... เขาก็ขอทำให้เต็มที่สมกับที่เป็นฝัน
"ขอจับแก้มหน่อยได้ไหม ?"
พระจันทร์ขมวดคิ้วมุ่น ไม่มีใครบังอาจขออะไรเช่นนี้มาก่อน หากแต่... อะไรบางอย่างในตัวพระจันทร์กลับยอมนั่งลงใกล้ๆ สัมผัสกลิ่นอายดินและชายชาตรีของมนุษย์
"ได้... แต่เบาๆ นะ" พระจันทร์เห็นมนุษย์มักทำอะไรรุนแรง ได้แต่หลับตาแน่นอย่างหวาดกลัว หากแต่มนุษย์ตรงหน้ากลับค่อยๆ แตะต้องใบหน้างดงามราวภาพวาดอย่างแผ่วเบา อ่อนโยนเฉกเช่นเดียวกับแมลงปอแตะผิวน้ำ
สัมผัสอุ่นร้อนของมนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่โลมไล้ใบหน้าเนียน สัมผัสแก้ม คาง จมูก หน้าผากและริมฝีปากแผ่วเบา ชายหนุ่มพึมพำ
"สวยจังเลย...."
พระจันทร์กระตุกยิ้ม... มีใครบ้างเล่าจะไม่ชมชอบคำชม มือเรียวจับมือใหญ่อบอุ่น ซุกไซ้ใบหน้าคลอเคลียกับฝ่ามือกร้าน
"ข้างามจริงรึ ?"
ชายหนุ่มพยักหน้า จ้องมองใบหน้าหวานอย่างเคลิบเคลิ้ม "สวยมากๆ"
พระจันทร์ไม่ตอบ ความอบอุ่นจากผิวกายมนุษย์ อุ่นวาบไปถึงหัวใจ เป็นความรู้สึกแปลกใหม่ มันลามเลียกลืนกินเนื้อที่ภายใน แผ่ซ่านดับละไอหนาวเหน็บไปจนหมดสิ้น
"ทำไมคุณดูเหงาๆ ?"
พระจันทร์ได้เพียงแต่ยิ้มบางกับคำถามนั้น เหงารึ... นั่นเป็นคำที่ตรงใจพระจันทร์มากที่สุด... กี่ร้อย... กี่ล้านปีที่ต้องอยู่โดดเดี่ยว...
"ข้าเหงา... เพราะข้าอยู่คนเดียว"
"แล้วทำไมถึงอยู่คนเดียว ? พ่อแม่ ญาติพี่น้องล่ะ ?" ชายหนุ่มถาม ใบหน้าหวานเงยขึ้นสบ ดวงตาร้าวรานคู่นั้นทำให้ชายหนุ่มเจ็บปวดหัวใจไปด้วย
"ข้าไม่มีดอก... มีเพียงแต่พี่สาว... ที่นานๆ จะพบกันสักครั้งหนึ่ง" หยาดน้ำเม็ดงามรื้นขึ้นบนดวงตาหงส์ ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะเกลี่ยให้น้ำตาเม็ดนั้นออกจากใบหน้า
ทั้งงดงาม... และเศร้าโศก
"อย่าร้องไห้เลย... คนสวย... ไม่ร้องนะ"
พระจันทร์แนบใบหน้ากับฝ่ามือหนา ปล่อยให้น้ำตาไหลริน "ข้าเหงาเหลือเกิน... เจ้าจะอยู่เป็นเพื่อนข้าได้หรือไม่ ?"
"ได้สิ ยังไงนี่ก็เป็นความฝันอยู่แล้ว คุณชื่ออะไรล่ะ ?"
"พระจันทร์"
คิ้วเข้มขมวดน้อยๆ "ชื่อเพราะจัง... สมตัวจริงๆ พระจันทร์"
"แล้วข้าจะเรียกเจ้าว่าอะไรดี ? มนุษย์"
ชายหนุ่มนิ่งคิด... ไม่อยากได้รับการเรียกว่ามนุษย์... เพราะนั่นอาจเป็นมนุษย์คนใดก็ได้... หากชื่อจริงของเขา... ก็โด่งดังในแง่ลบเสียจนคนงามตรงหน้าอาจตกใจหนีไปได้
"เรียกผมว่าคนตัดฟืน"
พระจันทร์พยักหน้ารับ ใบหน้างามค่อยมีแววรื่นเริง "เช่นนั้น... คนตัดฟืน เจ้าสัญญากับข้าแล้ว... จงอย่าได้ผิดสัญญา บัดนี้พระอาทิตย์ใกล้เข้ามาแล้ว ข้าจะส่งเจ้ากลับไป... แล้วคืนพรุ่งนี้... เราจะพบกันใหม่"
คนตัดฟืนไม่เข้าใจที่คนงามพูดนัก แต่ท่าทางจริงจังนั้นก็ทำให้เขารับปาก
"ผมไม่ผิดสัญญาแน่ๆ"
"เอาล่ะ เจ้าไปเถอะ" พระจันทร์ลุกขึ้นก่อนเรียกกระต่ายรับใช้ออกมา ชายหนุ่มมองกระต่ายตัวน้อยพยายามลากจูงเขาอย่างเอ็นดู ก่อนจะชะงัก
"พระจันทร์!"
"มีอะไรรึ ?" ใบหน้างามหันกลับมา ดวงตาแวววาวด้วยรื้นหยดน้ำตา ชายหนุ่มไม่อาจหักห้ามใจได้อีก เขาสะบัดกระต่ายตัวน้อยทิ้ง ก้าวยาวๆ ไปหาร่างโปร่งบาง รวบเอวบอบบางเข้าหาตัว และมอบจุมพิตแสนอุกอาจที่ริมฝีปากอิ่ม
"อ๊ะ!" พระจันทร์อุทาน ไม่มีใครเคยทำเช่นนี้มาก่อน ริมฝีปากร้อนผ่าวทาบทับ หอมหวานจนร่างบางสั่นสะท้าน
"คืนพรุ่งนี้เจอกันนะ พระจันทร์..."
ปรปันถ์ตื่นขึ้นมาพร้อมกับแสงแดดแรงกล้า ชายหนุ่มลุกขึ้นอย่างงงงวย แดดร้อนแยงตาจนแสบร้อน ร่างสูงใหญ่ยันตัวขึ้นอย่างลำบาก
...แปลก...มือที่สกปรกด้วยเศษดิน บัดนี้สะอาดสะอ้าน เขาลูบใบหน้า... หนวดเครายังอยู่ แต่กลับสะอาด เขายกมือขึ้นดม... กลิ่นหอม... หอมที่ไม่ใช่มาจากน้ำหอมหรือดอกไม้ แต่หอมเย็น ละมุนราวกับแสงจันทร์...
"พระจันทร์" เขาพึมพำ ไม่แน่ใจนักว่าสิ่งที่พบเจอเมื่อคืนคือความฝันหรือความจริง
...คนงามเช่นนั้นมีจริงด้วยหรือ ?ชายหนุ่มสะบัดศีรษะ ตั้งสติแล้วจึงเดินตามทางรอยเท้าสัตว์ กลิ่นดินและหญ้าที่คุ้นเคยทำให้เขากลับเป็นตัวของตัวเอง ไม่นานนัก หูก็ได้ยินเสียงน้ำไหล ด้วยประสบการณ์เขาตามเสียงนั้นไปทันที...
เดินราวค่อนวันตามแม่น้ำมา เขาพบเจอรอยเท้ามนุษย์และรอยมีดฟันเป็นระยะๆ ค่อยมั่นใจมากขึ้นว่าใกล้กับพรรคพวกแล้ว
ดึกคืนนั้น ปรปันถ์ยังคงย่ำตามรอยมีดและแล้วเขาพบกับค่ายที่พัก
เด็กหนุ่มหน้าตาตลกยืนถือถ้วยข้าวอยู่ เด็กหนุ่มร้องลั่น บอกพรรคพวกในค่าย ไม่นานนัก ชายฉกรรจ์จำนวนมากก็ออกมาต้อนรับเขา
"พี่ปัน! โฮ้ยย นึกว่าโดนตำรวจซิวไปละ"
"หุบตูดเลยไอ้เผือก!"
เสียงของลูกน้องดังล้งเล้งทำให้ปรปันถ์เหน็ดเหนื่อยขึ้นมาทันตา เขาทรุดลงแล้วสั่งให้ลูกน้องหาข้าวให้กิน ก่อนจะไปอาบน้ำ ล้างหน้าล้างตาแล้วหาที่นอน
"พี่ๆ รอดมาได้ไงอะ ถามจริง" หนึ่งในลูกน้องจัดที่นอนให้ลูกพี่ถามอย่างสอดรู้
ใช่ว่าปรปันถ์จะไม่เคยถามตัวเอง ตลอดทางมานี้เขาก็สงสัยมาตลอด เลยได้แต่ตอบลูกน้องมึนๆ ว่า "กูเจอนางฟ้าล่ะ"
"ชิบหายล่ะพี่! อีตานีรึเปล่า!?" ไอ้ลูกน้องโวยวาย ปรปันถ์โบกมืออย่างรำคาญ... ตานีหรือจะงดงามสู้นางฟ้าของเขาได้... แค่คิดก็อยากล้มตัวลงนอนแล้ว จะได้พบกับคนงามเสียที
"เออ แล้วของล่ะ ?"
"อีกังมันเอาเข้าไทยไปแล้ว"
"รอดตำรวจไหมวะ ?"
"รอดสิพี่ พวกฉันส่งถึงมือไอ้หวายเลย"
"ถ้าถึงมือไอ้หวายแล้วกูค่อยเบาใจ" ปรปันถ์ถอนหายใจ อาชีพไม่สุจริตมันชวนระแวงทุกฝีก้าว...
ชายหนุ่มล้มตัวลงนอนบนเสื่อ หลับไปอย่างรวดเร็ว
"คนตัดฟืนของข้า... ตื่นสิ" เสียงหวานกระซิบใกล้ใบหู ช่างไพเราะจับใจ
"อืมม..."
"ไหนเจ้าสัญญาจะเป็นเพื่อนข้า ? คนโกหก..." เสียงนั้นตัดพ้อ คนฟังจึงค่อยลืมตา
ใบหน้างามหมดจด บัดนี้ดูเศร้าสร้อยเหลือเกิน... เรือนผมนุ่มสลวยถูกเกล้าเป็นมวยอย่างประณีต ปักปิ่นหยกสูงค่า แกะสลักลวดลายอ่อนช้อย
"คนสวย... ผมตื่นแล้วครับ อย่างอนเลยนะ" ปรปันถ์หยอดคำหวาน กุมมือเรียวขาวผ่องมาจุมพิต
ใบหน้าพระจันทร์ขึ้นสีระเรื่อชวนมอง สะบัดหน้าหนี ปรปันถ์จึงหัวเราะค่อยๆ
"อย่างอนเลยนะครับคนดี" ชีวิตนี้ปรปันถ์หาดีไม่... ผู้หญิง เหล้า ยา ของเถื่อน ฆ่า ทำร้าย ข่มขืน ทำมาหมดแล้วทุกอย่าง ไอ้ครับๆ เกิดมาไม่เคยพูด หากแต่กับคนตรงหน้า... พระจันทร์ดวงน้อยที่งดงาม บริสุทธิ์แล้ว เขาไม่กล้าขึ้นเสียง ไม่กล้าแม้แต่จะมีมึงกู
"ทีนี้ก็ตื่นเร็วๆ สิ" คำสั่งช่างน่ารัก ริมฝีปากอิ่มน่าจุมพิตเชิดรั้นอย่างแง่งอน ปรปันถ์อดใจไม่ไหวรวบเอวบางมานั่งตัก
"เอ๊ะ! เจ้าจะทำอย่างนี้ได้อย่างไรกัน!" พระจันทร์โวยวาย แต่ก็ต้องแพ้พ่ายให้กับแรงมหาศาลของชายหนุ่ม
"ดีจริง" เขายิ้มกับอาการดิ้นเร่าบนตัก ลูบเรือนผมอย่างอ่อนโยน
"ดีอะไรกัน! ปล่อยข้านะ!"
"ดีสิ ดีมากๆ เลย คนสวยครับ เมื่อวานคนสวยนิ่งอย่างกับตุ๊กตาเลยรู้ไหม ?" เขาถือวิสาสะจุมพิตแผ่วเบาบนเรือนผมสีเงินนุ่ม "วันนี้พระจันทร์ยิ้มได้ งอนได้ ผมดีใจมากเลย"
พระจันทร์ชะงักกับถ้อยคำอ่อนโยน... นั่นสินะ... ความเหน็บหนาวในใจจางหายไม่เหลือร่องรอยแล้ว เหลือไว้แต่เพียงความอบอุ่น
อ้อมกอดนั้นช่างแข็งแรง อบอุ่นโอบล้อมร่างพระจันทร์ไว้ เขาไม่ได้กอดรุนแรงจาบจ้วง หากแต่กอดหลวมๆ ให้พอคลายได้ พระจันทร์จึงรู้สึกวางใจ แนบใบหน้าน้อยกับแผ่นอกกว้าง แข็งแรง ฟังเสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะอย่างเพลิดเพลิน
"มนุษย์นี่ดีเหลือเกิน... อุ่นด้วย... หัวใจเต้นด้วย"
ชายหนุ่มเอนกายพิงขอบตั่งไม้ ไม่ปรารถนาไปที่ไหนอีกเลยในโลกหล้า เขากระชับอ้อมกอด ลูบไล้เรือนผมยาวสลวยเชื่องช้า "มนุษย์ทุกคนก็ใจเต้นกันทั้งนั้น"
"ฮืมม จริงเหรอ ?" พระจันทร์ถามอย่างสนใจ ท่าทางราวกับเด็กน้อยได้ที่พักพิง "งั้นเล่าเรื่องของเจ้าให้ข้าฟังหน่อยสิ"
ปรปันถ์ขมวดคิ้ว ชีวิตเขาไม่มีอะไรดีจนน่าเล่า เขาจึงเสหัวเราะแทน "ไม่ดีมั้ง พระจันทร์เล่าเรื่องพระจันทร์ดีกว่า"
"ชีวิตข้าไม่มีอะไรหรอก... ไม่มีอะไรเลยก่อนที่เจ้าจะมา... เล่าชีวิตเจ้ามาเถอะ นะๆ" เสียงหวานอ้อนวอน ไม่มีมนุษย์คนใดต้านทานใด ปรปันถ์ก็เช่นกัน เขากระแอม ก่อนตัดสินใจแต่งเรื่องสวยงามมาหลายเรื่อง
...เรื่องที่ไม่ใช่ชีวิตเขา