ตอนที่ 4
กล้าหาญ
[ฮัล...ฮัลโหล]
‘...’
[ใครวะ ทิมหรือนุก]
‘...’
[สาด ใครวะเนี่ย]
‘กู’
[กูไหน]
‘กูเนี่ย กู’
[กูไหนล่ะ]
‘อย่ากวนตีนได้ป่ะไอ้ท่าน’
[ขอกวนหน่อยเหอะ เพราะอยู่ดีๆ กูก็มีเบอร์มึงเฉยเลย ฮ่าๆๆ มีความสุขว่ะ]
‘ไม่สบายเหรอวะ’
[เป็นห่วงถึงขนาดที่ว่าตามหาเบอร์กูแล้วก็โทรเข้าเบอร์กูเลยเหรอ]
‘พูดแบบนี้แปลว่ามึงป่วยการเมืองชัวร์ๆ’
[กูป่วยจริงๆ]
‘เสียงมึงก็บอกอยู่...’
[ขอลาพักจากการจีบมึงวันหนึ่งได้ป่ะ]
‘เรื่องแบบนี้มีขอกันด้วยเหรอ’
[ก็ถ้ามึงไม่คิดถึง เอ๊ย นึกถึงกู...มึงคงไม่ตามหาเบอร์กูหรอกใช่ป่ะ]
‘...’
[ได้มาจากใครวะ]
‘ทักไปหาทิมอ่ะ แป๊บเดียว แม่งก็ให้มาเลย โคตรง่าย’
[เพราะเป็นมึงไงมันถึงให้]
‘...’
[มันรู้ว่ากูชอบ]
‘อะแฮ่ม หายไวๆ นะ’
[งั้นกูเม็มนะ]
‘มึงเม็มอยู่แล้วล่ะ’
[ไม่เม็มดีกว่า กูจำเอา]
‘อ้าว’
[ไว้เจอกัน]
‘ให้หนึ่งวัน’
[หา]
‘กูให้มึงพักแค่หนึ่งวัน’ [กล้า เดี๋ยว...]
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด
ใต้ถุนคณะเศรษฐศาสตร์
ผมจ้องนมเปรี้ยวรสผลไม้รวมสองกล่องที่ผมซื้อมาคู่กันอย่างเอาเป็นเอาตาย
ถ้าหากมันมีนมเปรี้ยวรสผลไม้รวมสองกล่องอยู่คู่กันแล้วผมจะได้อยู่กับไอ้นายท่าน ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ หรือเวลายาวๆ ผมก็ยอมทั้งนั้น
แต่ทว่าตอนนี้...ขอทำหน้าที่สวัสฯ ก่อน
ไอ้เชี่ยตงเล่นใหญ่ ทำการซื้อน้ำเป็นแพ็คชนิดที่ว่าเหมาแทบจะหมดโรงงาน ผมกับเพื่อนสวัสฯ คนอื่นๆ ต้องพากันไปขนจากหลังรถกระบะเพื่อมาเก็บไว้ที่ห้องเก็บของของคณะ บอกเลยว่าเอ้นั้นบ่นแล้วบ่นอีกหาว่าไอ้ตงมันเอางบสวัสฯ ไปผลาญ ตงผู้เก็บกดกับการไปซื้อน้ำบ่อยๆ มานานก็ได้สวนควีนออฟอีโคโนมิกกลับไปว่า
‘มึงไปด่าปีหนึ่งก่อนว่าจะแดกน้ำอะไรนักหนา แม่งแดกเหมือนคิดว่าตัวเองเป็นต้นไม้อ่ะ’ ส่วนคดีของไอ้อมรก็ได้ตกไปเป็นที่เรียบร้อย เนื่องจากเมื่อวานมันกลับมาถึงปุ๊บ มันก็โดนเชี่ยเอ้เรียกใช้งานปั๊บ แถมยังเป็นงานหนักแบบกรรมกรแบกหาม จนทำให้มันลืมไปเลยว่าผมโกหกมันเรื่องมีน้องแดกแอมโมเนียลงท้อง
ใครมันจะไปทำแบบนั้น...นี่ปีหนึ่ง ไม่ใช่อนุบาลสอง
“ห้ามใครแตะนมเปรี้ยวกูนะเว้ย” ผมที่ขนน้ำอยู่บอกกับเพื่อนที่ทั้งมาใหม่และก็เพื่อนที่อยู่มาก่อนแล้ว “ห้ามเด็ดขาด”
“มึงย้ำเป็นรอบที่ล้านแล้ว” เอ้ทำสีหน้าเบื่อ “ใครให้มาวะ นางงามจักรวาลหรือไง”
“ไม่ใช่จ้า ถ้านางงามจักรวาลให้ก็คือกูเองจ้า กูนี่แหละนางงามจักรวาลเอง กิ๊วๆ” เชี่ยอมรแหกปากร้องมาแต่ไกลโพ้น
“กูซื้อมาเอง” ผมงอนมันนิดหน่อยเรื่องที่มันหวังบีบไข่นายท่านก็เลยพูดจาขัดมัน
“แล้วจะหวงทำไมวะ” อมรกระทืบเท้าไปมา “กูไม่เข้าใจอ่ะ เมื่อวานมันก็ลงทุนไปตามกูถึงนิเทศฯ เพราะนมเปรี้ยวกล่องเดียว งงเว่อร์ มีใครงงเหมือนกูป่ะ!”
ไม่มีใครเข้าใจผมสักคนเดียว ไม่เป็นไร ผมเข้าใจตัวเองก็ได้ อยากจะขอลองดูสักหน่อยว่ามันจะใช่อย่างที่ผมคิดมั้ย การที่นมเปรี้ยวรสผลไม้รวมมาอยู่ด้วยกันสองกล่องนี่ผมจะได้มีโมเมนต์ร่วมกันกับไอ้นายท่านหรือเปล่า
ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนสายของวันนี้...ผมยังไม่เห็นแม้แต่เงาของไอ้นายท่าน
สัดเอ๊ย...นี่ผมคงคิดมากและก็งมงายไปเอง
ตั้งสติหน่อยกล้าหาญเอ๋ย นี่นมเปรี้ยวนะเว้ยไม่ใช่ยันต์เรียกไอ้เหี้ยท่าน
ตอนนี้น้องๆ ปีหนึ่งกำลังไปเดินเที่ยวมหา’ลัยกับพี่ๆ ปีสามกับปีสี่อยู่ครับ เป็นการเดินเที่ยวแบบไม่ไฟต์บังคับ ใครอยากมาก็มา ใครอยากนอนอยู่หอก็อยู่ไป แต่ตอนเที่ยงต้องมารวมตัวกันที่นี่เพราะว่าสวัสดิการได้ทำการซื้ออาหารกลางวันให้สำหรับวันนี้เป็นที่เรียบร้อย คณะผมก็ชิลๆ แบบนี้แหละครับ ส่วนใหญ่ก็เน้นให้น้องๆ ปรับตัวเข้ากับเมืองมหา’ลัยของพวกเราให้ได้ ได้รู้จักรุ่นพี่บ้าง และก็ให้ความสำคัญกับเพื่อนฝูงแบบไปไหนก็ไปด้วยกัน
วันนี้ย่างเข้าสู่วันที่สี่ของการจัดกิจกรรมรับน้องแล้ว แทนที่น้องจะเบื่อ พากันเทกิจกรรมนี้กันหมด แต่แปลกที่น้องมากันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง เรียกได้ว่าแทบจะเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์
เครดิตนี้ต้องยกให้ฝ่ายสวัสดิการครับ ถ้าหน้าไม่หล่อน้องคงไม่มาหรอก...
“ถุย” ไอ้เซียนพูดขึ้นมาตอนที่ผมคิดอยู่พอดี อะไรจะพอเหมาะพอเจาะมากมายขนาดนั้น “มึงมาช่วยเพราะอยากจีบไอ้เหี้ยกล้าใช่ป่ะ กูรู้หรอกน่า”
พอมีชื่อตัวเองอยู่ในบทสนทนาผมก็ต้องหันไปมองโดยอัตโนมัติ ตอนนี้เซียนกำลังพูดอยู่กับเชน คนที่ห้อยป้ายชื่อเป็นพี่ปีสองของคณะวิศวะแต่เสือกมาเดินเล่นอยู่ใต้ถุนเสดสาด
อะไรของมึงนี่
“มันอยู่โน่น” เซียนชี้มาหาผมพอดี
ผมที่กำลังขนน้ำลงรถเข็นถึงกับสะดุ้ง ไอ้เชนเดินยิ้มมาแต่ไกล จากนั้นมันก็เริ่มลงมือที่จะช่วยผมโดยที่ไม่ยอมถามสุขภาพใครก่อน
ไอ้เพื่อนร่วมหอนี่มันมาไม้ไหนวะ
“มีอะไรวะ” ผมถามอย่างหวาดระแวง ล่าสุดยอดไลค์รูปคู่ของมันกับผมที่มันเคยอัพลงไอจีตอนนี้ฟาดไปหมื่นสี่เป็นที่เรียบร้อย ผมขอให้เชนมันลบแล้วครับ แต่มันไม่ลบเองอ่ะ เพราะงั้นผมก็เลยปล่อยผ่าน
“ว่าจะมาขอเซลฟี่ลงไอจีอีก”
“ไอ้เหี้ย ไม่เข็ดเหรอ” มันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
“นี่พูดจริงนะเนี่ย”
“มึงกำลังสร้างกระแสอะไรหรือเปล่าวะ” ผมแหย่เล่นๆ
“ไม่ได้สร้างเว้ย” มันเอาแต่ยิ้ม คนบ้าอะไรยิ้มอยู่ได้ “คือกูไม่รู้จะตอบมึงยังไงว่ากูมาเสดสาดทำไม”
“แล้วจริงๆ มึงมาทำไมอ่ะ”
“มึงจะรับความจริงได้เหรอ”
“ได้ดิวะ แมนๆ คุยกัน”
“กูคิดถึง อยากเจอหน้ามึงเนี่ย”
เหยดดดดดดด ทำไมความจริงของมึงมันถึงได้ทำเอาผมอึ้งแดกแบบนี้
“พูดจริงเหรอเนี่ย โกหกหรือเปล่า”
“อ้าว พูดความจริงก็หาว่าโกหก” เชนแบกน้ำเป็นแพ็คได้ไวกว่าผมเยอะ แป๊บเดียวรถเข็นก็เต็มแล้ว “ยุ่งมั้ยตอนนี้”
“ยุ่งดิ มึงก็เห็นงานกูเนี่ย” ผมตบน้ำซึ่งวางเป็นแพ็คตั้งสูงให้มันดู “เป็นสวัสฯ อย่าคิดว่างานจะสบายนะเว้ย”
“กูไม่เคยคิดงั้น”
“แล้วนี่มึงเป็นฝ่ายอะไรอ่ะ” ในป้ายชื่อคณะวิศวะไม่เห็นจะบอกตำแหน่งห่าไรเลย
เชนหมุนป้ายชื่อให้ผมอ่านตรงด้านหลัง แม่งมีตัวอักษรที่เรียงกันอย่างเบ้อเริ่มว่า ‘SECURITY’
“ไอ้สาด คณะมึงมีตำแหน่งนี้ด้วยเหรอ” ผมเริ่มออกแรงเข็นรถโดยมีไอ้เชนช่วยด้วย
“จำเป็นต้องมีอ่ะ ผู้ชายเยอะ ผู้หญิงน้อย แถมยังรับน้องแบบนอนเต็นท์อีก”
“เออ ลืมไปว่าวิศวะมึงมันฮาร์ดคอร์”
“ใช่มั้ยล่ะ เสดสาดน่าอยู่กว่าเยอะ”
“ย้ายมาสิครับ”
“ย้ายได้จริงเหรอ”
“ย้ายได้ก็แย่แล้วไอ้เหี้ย” ผมร้องด่า “เรียนวิศวะไปอ่ะดีแล้ว เป็นนายช่างได้ออกไซด์งานดีกว่านั่งทำงานอยู่โต๊ะแบบพวกกูเยอะ”
“กูอยากนั่งทำงานที่โต๊ะข้างๆ มึงมากกว่านะ”
เหี้ยนี่แม่งต้องผีเข้าแน่ อยู่ดีไม่ว่าดีก็มาพูดจาจีบกูเฉย ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเดินผ่านก็แค่ทักกันเท่านั้น
“ช่วยแค่นี้พอแล้วล่ะ” ผมบอกมันเพราะได้ยินเสียงโทรศัพท์ของมันดัง “ท่าทางคุณซีเคียวริตี้จะโดนโทรตามนะครับนะ”
“คนสำคัญก็งี้”
โว้ยยย มีคนหลงตัวเองอยู่ตรงนี้หนึ่งคนครับ!
...แล้วทำไมทุกคนต้องมาที่ผมล่ะ มองไอ้เชนนู่นสิ
“โทษทีนะ ช่วยได้ไม่สุดเลย”
“โอ้ย อย่าไปเครียด”
“วันหลังกูจะช่วยสุดๆ จนมึงเสร็จ”
“หา” ทำไมประโยคแม่งแปลกๆ วะ
“ฮ่าๆๆ ไปนะ” ไอ้เชนลูบหัวผม ปล่อยให้คนอย่างผมยืนงงท่ามกลางน้ำหลายๆ แพ็คคนเดียว มันมาแค่นี้จริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย รู้สึกยอมใจในความพยายามของมันอยู่นะครับ ระยะห่างระหว่างคณะมันกับคณะผมบอกเลยว่าไม่ใช่ขี้ๆ
ผมขนน้ำลงไปเก็บจนเหงื่อออก พอเข็นรถเปล่าๆ ออกมาอีกที ผมก็ถึงกับต้องจับรถเข็นเอาไว้เพื่อกันการทรุดลงไปนั่งของตัวเองเมื่อเห็นขบวนของคนหลายสิบคนที่เพิ่งเดินเข้ามา
ดาวเดือนปีนี้ของทุกคณะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน!
“เจ่เจ๊ มึงมาทำไมวะ” แม้เอ้จะแสดงอาการว่าเป็นเจ้าของตึกอย่างออกนอกหน้า (จริงๆ มันก็แค่เป็นนักศึกษาในคณะ) แต่สีหน้าของมันนี่บ่งบอกได้เลยว่าตื่นเต้นกับการเห็นดาว ไม่สิ เดือนปีนี้มากๆ แบบปิดไม่มิด
ผมเอาแต่มองไอ้นายท่าน แถมยังบีบที่จับรถเข็นแน่น สภาพของผมตอนนี้เหมือนหมากำลังมองเครื่องบินที่สูงยาวเข่าดีและก็หล่อฉิบหาย ทั้งๆ ที่มันก็แต่งตัวเสื้อยืดกางเกงยีนธรรมดา
จะมาทั้งทีก็มาตอนที่สภาพกูแย่มากเนี่ยนะ ให้ตายเถอะ
ขอมองแรงไปที่ศาลเจ้าพ่อนมเปรี้ยวสองกล่อง ท่านทั้งสองช่วยผมได้เยอะมากเลยครับ...ช่วยแกล้งผมเนี่ย
ไอ้อมรนี่วิ่งสี่คูณร้อยมาแต่ไกลเพื่อวิ่งเข้าไปชาร์ตไอ้เหี้ยนายท่านเลยครับ ผมนี่แทบจะเข้าไปดึงเอาไว้ไม่ทัน
“เหี้ยนี่ มาขวางกูอีกแล้ว”
“เขามาทำงานทำการกัน”
แม้ปากจะพูดแบบนั้นแต่ผมก็นึกสงสัยเหมือนเอ้ว่าทำไมกองประกวดดาวเดือนผู้สูงส่งถึงได้มาเยือนคณะเสดสาดอันสุดแสนจะต่ำต้อยและก็ไกลปืนเที่ยงแบบนี้
“สปอนเซอร์ของมอขอห้องซ้อมที่เสดสาดเหรอ!”
“ใช่ มึงดูนี่สิอิเอ้” เขารู้จักกันหมดเลยเว้ย เจ่เจ๊แปะกระดาษเอสี่ซึ่งดูเป็นทางการมากลงบนอกของเอ้ “เขาระบุมาว่าต้องเสดสาดว่ะ ผู้ใหญ่สั่งมากูจะทำอะไรได้”
“ใครวะเป็นสปอนเซอร์”
“ปีนี้แน่นเลยจ้ามึง กูไม่รู้ว่าเพราะใคร กูไม่รู้เลยยยย” หางตาของเจ่เจ๊มองไปที่ไอ้นายท่าน
“ก็ดี เชิญ” เอ้ผายมือ ตาของมันยังมองไปที่พวกเดือนอยู่เนืองๆ
“เชี่ยกล้า ปล่อยกูน้า” อมรแทบจะแด้ดิ้น อยากวิ่งเข้าไปหาผู้ชายมากๆ
“เย็นไว้” ผมบอก “มึงเห็นคนสูงๆ นั่นป่ะ”
“พวกเดือนแม่งก็สูงกันหมดอ่ะ” มันกระทืบเท้า ตอนนี้มันคงคิดแหละว่าการอยู่กับผมเป็นอะไรที่เสียเวลากับการวิ่งเข้าใส่ผู้ชายของมันมาก
“ไม่ กูหมายถึงคนข้างหน้า”
“นายท่านของกูน่ะเหรอ”
ของมึงที่ไหนกัน... “กูจะบอกว่ากูขอ...”
“มึงขอ?!”
“ขอให้มึงอย่าไปยุ่งกับมันให้มาก”
“ว้ายตายแล้วววววววววววววววววว” อมรกรี๊ดลั่นอย่างไม่แคร์ว่าจะมีใครมองมาหามันมั้ย ตอนนี้สายตาทุกคู่ ณ ที่แห่งนี้หันมามองมันกันหมดแล้วครับ “เซียน ผัวขา...กูมีอะไรอยากจะถามเพื่อความแน่ใจ”
มีลางสังหรณ์แปลกๆ ว่ามันต้องเกี่ยวกับกู
“เชี่ยกล้าแม่งอยากกินน้องนายท่านใช่ป่ะ” มันไม่ใช้คำว่าชอบ มันไม่ใช้คำว่ารัก แต่มันใช้คำว่าอยากกิน
อยากกินหัวมึงน่ะสิอมร!
“สัด!” ผมรีบเอามือไปตะครุบปากตุ๊ดปากสว่าง มันพยายามดิ้นไปมาจนผมเองก็สู้แรงมันไม่ไหว เมื่อพวกกองดาวเดือนก็เดินเข้าหอประชุมแอร์เย็นฉ่ำไปแล้ว ผมจึงได้ปล่อยปากอมร
“กูว่าแล้วแม่งต้องมีซัมธิง กูว่าแล้ว ไม่งั้นแม่งไม่ตามไปดึงกูออกมาจากนายท่านของกูหรอก”
“ของมึงเหรอถามจริง”
“เนี่ย เห็นมั้ย” มันไปกอดแขนกอดขาไอ้เซียนที่กำลังขนข้าวกลางวันเข้ามา ตอนนี้ไอ้ตงกับไอ้หมูหันที่ขับรถไปเอาจากร้านอาหารป้าปอยคงมาถึงแล้ว “เซียนดูดิ...กล้านอกใจกูอ่ะ”
“ตกลงผัวมึงคือคนไหนวะอมร” เซียนเท้าสะเอว
“ใครหล่อก็เป็นผัวกูหมดอ่ะ”
“ไปไกลๆ เลย เตรียมตัวรับน้องเข้ามา น้องจะเดินเข้ามาแล้ว”
“ฮือออ กูอยากไปดูน้องนายท่านอ่ะ”
“ขอแม่มึงโน่น” เซียนพยักเพยิดไปหาเอ้ที่ยืนเตรียมบัญชาการอยู่
“ได้ กูเป็นลูกสาวที่น่ารัก กูเชื่อว่าแม่จะให้”
เหนื่อยใจกับอมร ตอนนี้ผมได้แต่สวดมนต์ในใจขอให้ไข่ไอ้นายท่านอยู่รอดปลอดภัยจากมือตุ๊ดทุกคนบนโลกใบนี้ ผมหันไปมองห้องประชุมที่เป็นห้องซึ่งม่านปิดทึบ ไม่มีทางรู้เลยว่าข้างในเขากำลังทำอะไรกันอยู่
ศาลเจ้าพ่อนมเปรี้ยวคงให้ผมได้อยู่ใกล้ไอ้นายท่านได้แค่นี้แหละ
[ มีต่อนะคะ ]