ตอนที่ 35 ♥ ครึ่งแรก“เอาจริงเหรอน้องริว” ผมมองตัวเองในกระจก มันรู้สึกแปลกๆ พิกล
“จริงสิ พี่ปุ่นไม่เชื่อริวเหรอ ริวเรียนแฟชั่นดีไซน์นะ” เชื่อครับว่ารสนิยมน้องริวดีแต่ดูหุ่นผมสิ
ผมไม่เคยใส่เสื้อผ้าพอดีตัวมาก่อน ที่น้องริวจัดมาให้ก็ไม่ได้รัดอะไรมากนะครับ แต่มันก็ไม่ชินอยู่ดี
ผมที่เซ็ทปัดขึ้นไปก็ให้ความรู้สึกแปลกๆ แทนที่จะดูแมนขึ้น ผมกลับรู้สึกว่าหน้าตัวเองมันหวานขึ้นเสียอย่างนั้น
“เห็นไหมพี่ปุ่นดูสูงขึ้น ดูเพรียวขึ้นด้วย” น้องริวเข้ามายืนข้างหลังมองผมในกระจก
“แต่พี่อ้วน” ยังไงผมก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี เสื้อที่น้องริวเอามาให้ใส่เป็นเชิ้ตแขนยาวสีดำผ้าค่อนข้างบาง กางเกงยีนส์สีดำเข้ม
ที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนกระชับพอดีขา กับรองเท้าผู้ชายที่มีเสริมส้นเล็กๆ ที่ชาตินี้ผมก็คงไม่มีทางคิดจะซื้อมาใส่
“พี่ปุ่นไม่ได้อ้วน แค่อวบๆ กำลังน่ารัก” ผมไม่ได้ฟังที่น้องริวพยายามโฆษณาชวนเชื่อ สายตาเหลือบมองชุดที่ตัวเองเตรียมมา
“ไม่” น้องริวพูดเสียงแข็ง
“พี่ลิน พี่ลิน” เมื่อเสียงเดียวเอาผมไม่อยู่ เลยต้องตะโกนเรียกผู้มีอำนาจเด็ดขาดเข้ามาช่วย
“อะไรริว” คุณลินเดินหัวยุ่งเข้ามา ผมกับริวมาช่วยคุณลินดูความเรียบร้อยของการจัดงานตั้งแต่บ่ายๆ
คุณลินตัดสินใจจัดที่ผับของเพื่อน ปิดร้านจัดเป็นprivate party เฉพาะผู้ที่ได้รับเชิญเท่านั้น
“พี่ปุ่นดูโอเคยัง” น้องริวหมุนตัวผมให้คุณลินมองได้ชัดๆ
“โอเคแล้ว” คุณลินพยักหน้า
“ผมใส่ชุดที่เอามาไม่ได้เหรอครับ” ผมชี้ไปยังชุดที่เตรียมมา คุณลินมองตามมือผมก่อนหันไปบอกริวว่า..
“เอาไปเผาเถอะ”
จบครับ ทำร้ายจิตใจกันเหลือเกิน ผมหันไปมองตัวเองในกระจกอีกครั้ง เอาวะผับมันมืดๆ คงไม่เป็นไร
“คุณลินไม่เปลี่ยนชุดหรือครับ”
“กำลังจะไปเปลี่ยน ปั้นติดกล้องวงจรปิดเสร็จแล้วใช่ไหม”
“ครับ กำลังทดสอบกันอยู่”
“อืม ปุ่นกับริวพร้อมนะ”
“พร้อม” “ครับ” ผมกับน้องริวรับขึ้นมาพร้อมกัน
“แล้วคุณลินพร้อมไหมครับ”
“พร้อมสิ”
“ตื่นเต้นจัง” เสียงน้องริวถอนใจยาวๆ เพื่อไล่ความวิตกกังวลออกไป
“สนุกดีออก” รอยยิ้มเย็นๆ ของคุณลินกับคำพูดแบบนี้ทำให้ผมหวนไปนึกถึงช่วงแรกๆ ที่ยังไม่สนิทกับคุณลิน
ไม่แปลกเลยครับที่ผมจะกาหัวให้คุณลินเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับต้นๆ
“จับมือกันหน่อย” น้องริวยื่นมือมาข้างหน้า
“เล่นเป็นเด็กๆ “ คุณลินส่ายหัว แต่ก็ยอมเอามือมาวางด้วย ผมวางมือทาบลงไปเป็นคนสุดท้าย
“สู้!!”
แขกมากันเกือบครบแล้ว เป้าหมายของงานวันนี้ก็มาถึงแล้วเช่นกัน คุณวิกามาตามการ์ดเชิญ ส่วนคุณลลิตา
มากับคุณวิกา ผมไม่รู้ว่าคุณลินไปทำยังไงแต่ก็สำเร็จตามแผน
“คุณวีร์ครับ ผมทานไวน์นิดนึงนะครับ” ผมต้องการอะไรย้อมใจสักหน่อยครับ จะได้ใจกล้าหน้าด้านกว่านี้
“ไม่ได้” คำสั่งประกาศิต ถ้าผมอยู่ข้างนอกเมื่อไหร่สักหยดก็ไม่เคยให้แตะ แต่ถ้าอยู่กันสองคนที่บ้าน มอมผมจัง
บอกว่าชอบให้ผมเป็นแมว(อ้วน)ยั่วสวาท ผมก็ดันจำไม่ได้สักทีว่ามันเป็นยังไง เมาแล้วเช้ามาก็ลืมครับ
“นะครับ” ผมยกสองมือขึ้นกอดเอวคุณวีร์ไว้หลวมๆ
“ไม่ได้” คำตอบผมไม่แปลกใจครับ แต่แปลกใจกับอาการผลักมือของผมออก
ผมยืนอึ้งๆ ถึงจะทำใจมาบ้างแล้ว ว่าอยู่ต่อหน้ากลุ่มเพื่อนคุณวีร์คงไม่อยากให้ใครสังเกตหรือเดาได้
แต่มันรู้สึกโหวงๆ ในใจขึ้นมาทันที
“ไม่ก็ไม่ครับ” ผมมองหน้าคุณวีร์ ตั้งแต่แขกเริ่มมาคุณวีร์ไม่ค่อยแตะตัวผมเลย ผมไม่ได้คิดไปเองใช่ไหม
“พี่ปุ่น พี่ลินถามว่าเมื่อไหร่จะเริ่ม” ผมหันไปหาต้นเสียง น้องริวเข้ามายืนกระซิบอยู่ข้างๆ ผม
“พี่..” ผมยังไม่ได้อธิบายเหตุผล น้องริวก็ยัดแก้วค็อกเทลในมือให้ผม
“ดื่มสักครึ่งแก้วพี่ปุ่น ตัวนี้ไม่แรงกลิ่นเป็นผลไม้ด้วยพี่วีร์จับไม่ได้หรอก จะได้กล้าๆ”
ผมพยักหน้า หันไปมองหาคุณวีร์เห็นคุยกับเพื่อนอยู่ไม่ได้สนใจมองมาทางผม เลยรีบกระดกแก้วขึ้นดื่มพรวดเดียวหมดแก้ว
“เฮ้ย พี่ปุ่น ริวบอกครึ่งแก้วเล่นซะหมดเลย”
“ไม่เป็นไรครับพี่ไม่เมาหรอก” ผมคืนแก้วให้น้องริว
“งั้นเริ่มเลยนะพี่ปุ่น พี่ลินของขึ้นแล้วบอกพี่ปุ่นชักช้า”
“ครับ”
ผมจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ เสื้อตัวนี้คอมันชอบถ่วงลงครับ เพราะผ้ามันนิ่มๆ บางทีขยับๆ ตัวแป๊บเดียวกระดุมเม็ดบนก็หลุด
เหมือนตอนนี้ ผมยกมือขึ้นแตะกระดุมก่อนเปลี่ยนใจปล่อยมันหลุดเอาไว้แบบนั้น
“คุณวีร์ครับ” ผมเดินกลับไปรวมกลุ่มอีกครั้ง ค่อยโล่งใจที่เห็นคุณซันยืนอยู่ด้วย
“ใครเหรอวีร์” เพื่อนคุณวีร์ที่ผมไม่เคยรู้จัก มองหน้าผมยิ้มๆ
“เลขา” ผมสะดุดกับคำตอบนั้น ต้องพยายามบอกตัวเองว่าอย่าคิดอะไรมาก ก็ผมเป็นเลขาจริงๆ
ถึงคุณวีร์จะรู้เรื่องแล้วผมก็ยังทำตำแหน่งนี้อยู่
“น่ารักว่ะ” เพื่อนคุณวีร์ยื่นมือมาหาผม คงตั้งใจส่งมาเช็คแฮนด์ ผมเลยยื่นมือออกไปบ้าง แต่โดนคุณวีร์ปัดมือผมออก
“ทำหวงนะวีร์ จับนิดจับหน่อยไม่ได้”
“ไม่ได้หวง นี่เมืองไทย ต้องให้เด็กมันยกมือไหว้ถึงจะถูก” ผมไม่รู้ว่ากำลังโดนต่อว่าเรื่องมารยาทอยู่หรือเปล่า
แต่ก็รีบยกมือไหว้เพื่อนคุณวีร์โดยอัตโนมัติ
“ปุ่นได้ทานอะไรหรือยัง”
“ทานแล้วครับคุณซัน”
“ปุ่นไปช่วยลินไป วิ่งวุ่นอยู่คนเดียว วันนี้มาเป็นผู้ช่วยลินไม่ใช่เหรอ” คำสั่งของคุณวีร์ทำให้ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่าง
ขึ้นมาจุกที่คอ ผมหันซ้ายหันขวา เห็นพนักงานเดินผ่านมาเลยคว้าแก้วเหล้าที่ผสมมาเรียบร้อยขึ้นดื่ม ความรู้สึกที่เกิดขึ้นข้างใน
มันจะได้หายไป
“ปุ่น!!” คุณวีร์คว้าแก้วจากมือผมไปวางบนโต๊ะ
“ซัน สุขสันต์วันเกิดค่ะ” เสียงคุณวิกาแทรกเข้ามาทำให้คุณวีร์หันไปให้ความสนใจกับคนที่เดินเข้ามา
“มาถึงตั้งนานแล้วยังไม่ได้อวยพรวันเกิดเจ้าของงานเลย”
“ขอบคุณครับวิกา แล้วนี่มายังไงครับ”
“วิกามากับลลิตาค่ะ ชวนมาเป็นเพื่อน”
“อ๋อ ครับ” ผมว่าคุณซันคงงงที่เห็นคุณวิกาในงาน เพราะไม่ได้ออกปากเชิญ ก็มันเป็นฝีมือคุณลินนี่ครับ
“สวัสดีค่ะวีร์ แล้วก็ทุกๆ คนด้วยนะคะ” คุณวิกาหันไปยิ้มโปรยเสน่ห์ให้กับหนุ่มๆ ที่เหลือ และแน่นอนต้องได้รับ
การต้อนรับอย่างอบอุ่น
“สวัสดีครับวิกา สบายดีนะ”
“สบายดีค่ะ วีร์สบายดีนะคะ”
“ครับ”
ไม่รู้ว่าเพราะแผนการที่คุณลินย้ำนักย้ำหนาหรือเพราะใจผมเองกันแน่ ผมเดินเข้าไปชิดคุณวีร์ ยกมือขึ้นกอดเอวนั้นอีกครั้ง
เอนหัวซบกับไหล่หนา เอาแก้มถูไปมาเบาๆ อย่างที่ชอบทำ
“คุณวีร์ผมชักมึนๆ ขอพิงหน่อยนะครับ”
“ปุ่น ไม่ไหวก็ไปหาเก้าอี้นั่ง” คุณวีร์ใช้สองมือจับไหล่ผมพยายามดันออก แต่มือผมตอนนี้เหนียวเป็นตุ๊กแก
“ไม่เอาครับ อยากอยู่กับคุณวีร์” ผมยังคงดื้อเพ่ง รู้ว่าเป็นกิริยาที่ไม่น่ารักเอาเสียเลย แต่ผมก็ยังทำ
“แหมวีร์หวานกันจังนะ” ตัวช่วยผมเดินเข้ามาเหมือนรู้เวลา
“วิกาพาเพื่อนมาด้วยทำไมทิ้งไว้ที่โต๊ะล่ะ” ผมเพิ่งเห็นว่าคุณลินเดินมาพร้อมคุณลลิตา
“ถ้างั้นวิกากับตาขอแจมด้วยได้ไหมคะซัน ไม่รู้จักใครเลยนั่งกันอยู่สองคน” คุณวิกาพุ่งเป้าไปที่คนใจอ่อนที่สุด
และเป็นคนที่ยอมเธอมากที่สุด
“คือ..” ผมเห็นสายตาคุณซันมองไปที่คุณลิน
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ เดี๋ยวให้พนังงานขยายโต๊ะให้” คุณลินตัดสินใจเองเสร็จสรรพ กวักมือเรียกพนักงานมาต่อโต๊ะเพิ่มให้
ตรงที่พวกผมอยู่เป็นโซนยืน มีโต๊ะสำหรับวางของและเก้าอี้ทรงสูงให้แค่สองสามตัว เผื่อใครเมื่อยก็ผลัดกันนั่ง
โซนโซฟาสำหรับนั่งฟังเพลงสบายๆ จะอยู่บริเวณชั้นสอง
“ลินพาไปปุ่นไปพักหน่อยสิ ดื่มเหล้าเข้าไปคงมึน”
“ไม่เห็นเป็นไรเลย ก็มีสติดีนี่ งานแบบนี้ไม่ดื่มจะไปสนุกอะไร เอ้าปุ่น” คุณลินหยิบแก้วไวน์ส่งให้ผม
ค็อกเทลก็แล้ว เหล้าก็แล้ว ไวน์อีกสักแก้วจะเป็นไรไป ผมรับมาถือไว้ในมือ
“ปุ่นอย่าดื้อกับพี่” คุณวีร์คว้าแก้วในมือผมไปอีกต่อ
“วีร์ ปล่อยๆ ปุ่นบ้างน่า จะได้สนุก” คุณซันช่วยพูดให้ผมอีกคน
“มันชักยังไงๆ แล้วนะ ซันเล่ามาเลยไม่ต้องกลัวไอ้วีร์” เพื่อนอีกสามสี่คนที่อยู่โต๊ะเดียวกันยุคุณซันกันใหญ่
“ดื่มเข้าไปอย่าพูดมาก” คุณวีร์หันไปชักสีหน้าใส่คุณซัน
“คุณวีร์ผมร้อน” ผมดึงชายเสื้อขึ้นลง มันร้อนจริงๆ นะครับ ไม่รู้ว่าเพราะมันตีกันสองขนานหรือเปล่า
“ปุ่น อย่าทำแบบนั้น” คุณวีร์รีบหันมาดึงมือผมออกจากเสื้อ เมื่อมันเริ่มเปิดไปเปิดมา
ไม่รู้ผมเอาความกล้ามาจากไหน พอคุณวีร์ก้มตัวลงมาจับมือผม ผมใช้มือข้างที่เหลือคว้าคอคุณวีร์ให้ก้มต่ำลงมาอีกนิด
และกดปากไปที่แก้ม เสียงดังจ๊วบ
เสียงเพื่อนๆ คุณวีร์โห่กันดังลั่นโต๊ะ ผมเห็นคุณวิกากับคุณลลิตามองมาตาลุกโพลง
“ปุ่นมานี่เราต้องคุยกัน” คุณวีร์เหยียดตัวขึ้นยืนตรงเมื่อผมยอมปล่อยมือออกจากคอ จับแขนผมได้ก็ลากหลุนๆ
ไม่สนใจสักนิดว่าผมจะร้องให้ปล่อยเพราะเริ่มเจ็บแขน
“ทำบ้าอะไรปุ่น” คุณวีร์ผลักผมลงนั่ง เมื่อพาขึ้นมาบนชั้นสอง เลือกมุมที่ห่างจากคนอื่นๆ
“ผม..ผมก็หอมคุณวีร์ไงครับ” ผมคลำข้อมือที่ตอนนี้ขึ้นเป็นรอยแดง
“ทำทำไม” คุณวีร์ดูโกรธจนผมเริ่มกลัว ผมไม่เคยเห็นคุณวีร์เป็นแบบนี้มาก่อน
“ก็...” เหมือนคำพูดมันติดอยู่ในคอ ผมไม่รู้ว่าอยากตอบอะไร ก็คุณลินบอกให้ผมทำ ก็..คุณวีร์ทำเหมือนไม่สนใจผมเลย
“ก็..”
“ก็..ผมรักคุณวีร์” คำที่หลุดออกจากปากผมไป มันจริงที่สุดแล้ว
“ปุ่น” คุณวีร์เปลี่ยนจากเสียงห้วนกลับมาเป็นเสียงของคนกำลังอ่อนใจ
คุณวีร์ลงมานั่งข้างๆ ผม มองไปรอบๆ เมื่อไม่เห็นใครมองมาก็ดึงผมเข้าไปกอด
“ปุ่น ทำไมทำแบบนี้ รู้ไหมว่ามันอันตรายแค่ไหน”
“คุณวีร์”
“อย่าทำแบบนี้อีก ปุ่นกำลังทำให้ตัวเองกลายเป็นเป้ารู้ตัวไหม อดทนหน่อยจนกว่าจะจบเรื่องนี้”
“ไม่ใช่คุณวีร์อายเพื่อนที่คบกับผมเหรอครับ”
“โอ๊ะ” มือใหญ่ดีดเข้าหน้าผากผมจังๆ อะไรเนี่ยวันนี้ทำร้ายร่างกายผมอยู่นั่นแหล่ะ เดี๋ยวแขน เดี๋ยวเหม่ง
“เอาอะไรมาคิด พี่จะอายทำไมออกจะภูมิใจมีแฟนน่ารัก” ว่าแล้วก็จับผมฟัดแก้มพองามสองสามที
“ใครจะเชื่อ เข้าใกล้ยังไม่ได้เลย” ผมทำหน้างอนแก้มป่อง จนคนตัวโตอดไม่ไหวต้องยกมือขึ้นบีบเล่น
“อยากให้เข้าใกล้จนชิดแบบนี้” คุณวีร์ยกผมขึ้นนั่งบนตักกอดไว้แน่น
“แต่พี่ต้องอดใจไว้ ปุ่นก็ทำตัวไม่น่ารักเลยยั่วพี่อยู่นั่นแหล่ะ”
อ๊ะ! งั้นก็แปลว่าผมทำได้ผลสิ เห็นเอาแต่สะบัดนึกว่าไม่รู้สึกรู้สาเสียอีก
“อยากหอมใช่ไหม มาจะหอมให้แก้มยุบเลย” ไม่ต้องตั้งหลักอะไรทั้งนั้น จมูกเอยปากเอยจัดเต็มมาก
นัวเนียจนที่ผมพยายามทำไปไม่ได้เศษเสี้ยว
“จะอนาจารกันอีกนานไหม” เสียงเข้มห้วนๆ ดังมาจากข้างโซฟา ผมขยับตัวขึ้นมอง
พี่ปั้น!!
“เออพี่เอง ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยไอ้หมูอ้วน” ผมตาลีตาเหลือกตะกายออกจากตักคุณวีร์
แต่ผลัดกันครับ คราวนี้เป็นคุณวีร์ที่รัดเอวผมไว้แน่นอย่างกับตุ๊กแก
“คุณวีร์ปล่อยครับ” ผมพยายามแกะมือแข็งๆ ออก
“ขอเวลาแป๊บนึงปั้น น้องนายยั่วเกินไปต้องทำโทษก่อน”
เฮ้ยยยย ไอ้คุณวีร์เดี๋ยวก็มีวางมวยกันหรอก
“ไอ้นี่” พี่ปั้นมันต้องโกรธแน่เลย ถึงกับขึ้นไอ้แล้ว ผมนี่หูตาแหกแล้วครับตอนนี้
“เออๆ มันก็น่าตีจริงๆ เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง เร็วเข้าล่ะวีร์ เวลาไม่ได้มีทั้งคืนเสียแผนหมด”
หือ!! แผน..แผนอะไร ไม่เห็นมีใครบอกอะไรพวกผมเลย รู้แต่ว่าวันนี้พี่ปั้นจะต้อนคนร้ายเหมือนที่พวกผมคิดกันแค่นั้น
“รู้แล้ว ขออีกเดี๋ยว” พี่ปั้นพยักหน้า เหมือนจะเดินไปแล้ว แต่ก็หยุด หันมาชี้นิ้วขึ้นข้างบน เฉียงๆ ไปตรงมุมห้อง
“จะทำอะไรก็เกรงใจคนมองหน่อย ขนลุกฉิบหาย” พี่ปั้นส่ายนหน้าตบท้าย ก่อนเดินออกไปทางด้านหลัง
อ่า..อ่า..กล้องวงจรปิด!!
แง่ง พี่ปุ่นว่าแล้วเชียวทำไมพี่ปั้นมันตามมาถูก มีใครนั่งดูอยู่บ้าง เห็นแค่ไหน โอ้ยย อายครับอาย
“หึๆ อายทำไม เร้าใจดีออก”
ว่าแล้วก็ทำโทษผมอย่างหนัก เน้นมากในส่วนปากอิ่มๆ ของผม พี่ปั้นมันหมายถึงให้ตีผมนะครับ ฟาดอ่ะฟาด
ลงโทษแบบนี้เดี๋ยวพี่ปั้นได้กลับมาอีกรอบแน่ๆ
“คุณวีร์” ผมอ่อนอกอ่อนใจไม่รู้จะห้ามยังไง วาบหวามก็วาบหวาม แต่ในหัวก็อดคิดไปถึงเรื่องอื่นไม่ได้
แผนอะไรของพี่ปั้นฟระ พี่ปุ่นอยากรู้ๆๆๆๆ
.............................................TBC.....................................................
ปล.ครึ่งหลังพรุ่งนี้นะคะ ตอนนี้มันค่อนข้างยาว คิดว่าปั่นไม่จบวันนี้แน่เลยตัดมาลงให้ก่อน
คนเขียนขอความคิดเห็นนิดนึงค่า ช่วยเลือกระหว่างข้อ 1 หรือ ข้อ 2 ให้ด้วยนะคะ
1.เรื่องของลินแทรกๆ ไปในตอนของคนอื่นก็พอ
2..ให้มีบทสรุปความรักของลินกับซันเป็นของตัวเองหนึ่งตอน
เนื่องจากคู่นี้ไม่วาย คนเขียนเลยสองจิตสองใจ ถามคนอ่านดีกว่าค่ะว่าแบบไหนดี
Darin ♥ FANPAGE