คำเตือน....นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาจากมโนครับผม
มโนที่สี่....เฮียมี่น๊อตหลุด....ห้า (จบตอน)
เพื่อนๆที่มาร่วมงานเลี้ยงส่งต่อกลับอเมริกาในวันนั้น
ผมกะและคะเนด้วยสายตาแล้ว...ยี่สิบคนขึ้นแต่ไม่ถึงสามสิบคน
ไอ้ครั้นจะลุกขึ้นยืนนับเลยก็ดูจะไม่งามนัก
หยีจัดโต๊ะยาว หัวโต๊ะกับท้ายโต๊ะเนี่ยถ้าไม่ตะโกนดังๆก็ไม่ได้ยินกันหรอกครับ
“ตกลงมันยังไงกันแน่วะหน่อย….นายกับเฮียมี่เป็นอะไรกัน”
ไอ้หมอส่วยมันยังไม่ยอมเลิกตอแย ทั้งๆที่ผมหายไปเข้าห้องน้ำร่วมยี่สิบนาที
“เอ่อ.....ก็เป็นพี่ที่เรารู้จัก เป็นพี่จังหวัด เป็นคนแถวบ้าน.....”
ผมไม่ได้อยากปิดบังใคร แต่ก็ไม่ได้อยากจะเปิดเผยให้โลกรู้
มันใช่เรื่องที่จะยืดอกรับสภาพชีวิตคู่ที่ไม่เหมือนคนส่วนใหญ่ในสังคม...รึไง
“แค่นั้น”
ไอ้สิน...วิศวกรหน้าตาเถื่อนๆถาม
“อืม...”
ผมพยักหน้า เมื่อไหร่พวกมันจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาให้พ้นๆตัวผมไปสักทีนะ
“จริงอ่ะ...”
น้องเฮียปาน...ไอ้ปิงมันทำหน้ากวน
“เฮ้อ...ก็ได้ๆ....”
เอาเถอะถึงไง คนอย่างผมก็คงไม่เปลี่ยนใจไปจากเฮีย และคงไม่มีใครมาจีบผม
ในที่นี้จะโสดไม่โสดมันก็มีค่าเท่ากันล่ะ(คิดแปลกๆ)
“ลำบากใจก็ไม่ต้องหรอก....”
โต้งที่วันนี้ไม่ค่อยพูดพยายามจะช่วยผม
“พูดไปเถอะหน่อย....เรื่องเกย์มันคอมมอนมาก ที่อเมริกานะ...บลาๆๆๆๆ....”
ต่อมันไม่เห็นด้วย มันแตะหลังมือผมที่วางอยู่บนโต๊ะ ผมค่อยๆดึงมือออก
มันพูดมากขึ้นกว่าเดิม แต่พอมันเห็นแฟรงค์ที่นั่งเยื้องๆกับมัน
มันนั่งข้างผม แฟรงค์นั่งอีกฝั่ง
พอมันเห็นแฟรงค์ยิ้มหวานพอใจ มันก็ชะงักหน้าแดง
โหมดนี้ของไอ้ต่อทำให้ผมเข้าใจแล้วว่ามันต้องเป็น “รับ”สำหรับแฟรงค์แน่ๆ
“ว่าไงล่ะหน่อย นายจะยอมรับสารภาพหรือไม่”
ไอ้แอ้มมันเป็นทนาย เรียนจบกฎหมาย
“เออๆ...เรากับเฮียมี่คบกัน เป็นแฟนกัน อยู่บ้านเดียวกัน...พอใจกันยัง”
ผมกลั้นหายใจ พูดรวดเดียวยาวๆ
เพื่อนๆในที่นี้ไม่มีใครรู้เรื่องผมนอกจากหยีกับไอ้ปิง เพราะทุกคนไม่มีใครกลับไปอยู่ที่จังหวัดบ้านเกิด
แต่ผมแปลกใจที่ต่อกับโต้งไม่รู้เรื่องผม หรืออาจจะรู้แต่ไม่ละเอียด
เพื่อนบางคนทำหน้าแปลกใจ บางคนก็ทำหน้าแบบ... “กูว่าแล้ว”
คนที่แปลกใจไม่ใช่แปลกใจว่าผมเป็นเกย์ แต่แปลกใจว่าคู่ของผม ทำไมถึงเป็น...เฮียมี่
ผมดูนาฬิกาที่ผนังห้อง จะทุ่มครึ่งแล้ว เวลาผ่านไปเร็วจัง
อีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ไอ้หน่อยจะต้องเผชิญหน้ากับเฮียแล้ว
ตอนนี้อาหารก็ทยอยออกมาเรื่อยๆ เด็กเสริ์ฟในร้านของหยีมีแต่เด็กหนุ่มๆ
แต่ละคนนี่หน้าตาดี หุ่นน่างั่มกันทั้งนั้น อย่าบอกนะว่า....
“หยี...ต่อมันก็มีคุณแฟรงค์แล้ว แล้วหยีกับโต้งล่ะ”
ผมหันไปกระซิบถามหยีที่นั่งติดกันอีกข้าง
“อ้าว...หล่อนไม่รู้เหรอยะ พี่ป๋อนั่นล่ะเมียไอ้โต้ง”
พี่ป๋อคือพี่ผู้ชายที่ผมเจอตอนเข้ามาในร้าน แล้วโต้งแนะนำว่าเป็นพี่ชาย
“ห๋า...จริงอ่ะ”
ผมถามหยีแล้วลอบมองไปทางโต้ง โต้งนั่งถัดจากแฟรงค์ และถัดไปก็เป็นพี่ป๋อ
โต้งหน้าเฉย แต่กำลังตักอาหารใส่จานให้พี่ป๋อที่ส่งยิ้มให้
อืม...น่าจะจริง
“แล้วหยีอ่ะ....”
ผมถาม
“เห็นเด็กๆพวกนี้ป่ะล่ะ...คริคริ”
หยีกระซิบกระซาบผม
“คนไหนอ่ะ มันหลายคนนิ”
จะบอกก็กั๊กซะงั้น
“ก็..แล้วแต่อ่ะนะ วันไหนใครพร้อม วันไหนหยีนี๊ด”
หยีพูดได้หน้าตาเฉย
“หยี...มั่ว..เหรอ”
ผมไม่คิดว่าคนแบบหยีจะไม่กลัวโรคเอดส์
“จะบ้าเหรอ หยีแค่ไม่อยากผูกมัด ไม่อยากผูกพันธ์กับใคร รักไปก็ไม่เคยจะสมหวัง เจ็บตลอด”
หยีไม่สมหวังในความรักครับ มีแต่โดนปอกลอก
นอกจากเด็กในร้านก็ยังมีเด็กที่เจอกันตามร้านเหล้า ฟิตเนส แต่หยีก็ป้องกันทุกครั้ง
ไม่ต้องบอกก็คงรู้กันนะครับ ว่าหยีเป็น “รับ”
หยีไม่เคยรับเงินจากคู่นอนคู่ควงชั่วคราว มีแต่ให้ และส่วนใหญ่จะเป็นพวกเด็กนักศึกษา
“หยี...ระวังตัวด้วยนะ..เราเป็นห่วง”
ผมอดที่จะเตือนหยีไม่ได้ นี่ผมโชคดีกว่าหยีมากมายที่มีเฮียมี่สินะ
“หยี...อีกแป๊บนึงเราต้องกลับแล้วนะ”
ผมบอกหยีเพราะเฮียมี่เป็นคนตรงเวลามากถึงมากที่สุด
และจะหงุดหงิดง่ายเวลาผมชักช้า...ชิส์...ทีตัวเองอ่ะ....คริคริ(กาม)
หยีเข้าใจดีแต่ก็ไม่วายบ่น
“โห...หน้าตาแบบหล่อนสามีไม่น่าหวง”
ต่อลุกไปหยิบของจากด้านใน โดยมีแฟรงค์ลุกตามไปช่วยโดยไม่ต้องบอก
ถุงโลโก้ต่างประเทศหลายถุงที่ต่อวางลงบนโต๊ะอาหารที่ช่วยกันเคลียร์จานออกไปก่อนชั่วคราว
ต่อหยิบของในถุงมาแจกให้เพื่อนๆทุกคนรวมทั้งผม
มันเป็นchocolateครับ ไอ้หน่อยก็ชอบมากเสียด้วย
พอแจกเสร็จแล้วต่อก็หยิบถุงใบขนาดกลางๆถุงหนึ่งส่งมาให้ผม
“ถุงนี้สเปเชียลสำหรับ....คนสำคัญ”
ตาเยิ้มๆเชื่อมๆในอดีตกลับมาอีกครั้ง
“แล้วถ้าเราไม่มาอ่ะ”
ผม...ปลื้ม
“ต่อรู้...ยังไงหน่อยก็ต้องมา”
ผมยิ้มอย่างจริงใจให้ต่อ ยิ้มให้เพื่อนที่มันตาบอดมาชอบคนแบบผมจริงจัง(มั๊ง)
ผมหันไปมองแฟรงค์ แฟรงค์ที่ฟังภาษาไทยออกไม่มากนัก
แต่จากการแสดงออกของต่อ แฟรงค์ก็คงรู้บ้างล่ะครับว่าต่อคิดยังไงกับผม
“เนเวอร์มายด์...หน้อย”
แฟรงค์ยิ้มให้ผม ไอ้ฝรั่งบ้า....เรียกชื่อผมเพื้ยนอ่ะ...ฮะฮะ
“เราก็มีของที่ระลึกให้ต่อเหมือนกัน”
ผมหยิบถุงใส่ของที่เอามาด้วยยื่นส่งให้ต่อ
“โห....ขอบใจนะหน่อย ชอบมากเลย”
ไอ้ต่อมันแค่แง้มปากถุงยังไม่ทันเห็นของข้างในที่อยู่ในกล่องอีกที
“อืม....ไม่เป็นไร”
ผมเซ็งเลย โถเบญจรงค์ลงรักสวยงามบ่งบอกความเป็นไทย
อยู่ในกล่องบุด้วยผ้าไหมเพื่อเอาไปไว้ตั้งโชว์ เก็บไว้ดูเวลาคิดถึงเมืองไทย
เอาไว้ให้มันไปเปิดดูที่อเมริกาแล้วกัน
“ขอตัวแป๊บนะ”
ผมเดินออกมานอกร้านกดมือถือโทรไปหาเฮีย
“เฮียอยู่ไหนครับ”
ผมถามเฮีย อีกสิบนาทีจะสองทุ่มแล้วครับ
“อืม....ที่รถ....จะกลับยังครับ”
เสียงเย็นๆห้วนๆ
“ครับ ขออีกแป๊บนะเฮีย ลาเพื่อนก่อน”
ผมรีบบอก แถวนี้รถจอดไม่ได้แล้วครับ เฮียต้องขับมาชะลอรับผมที่ต้องรีบขึ้นรถเลย
“ห้านาทีพอมั๊ย”
“โห...ขอสิบนะเฮีย แล้วเดี๋ยวยืนรอหน้าร้านเลย”
ผมต่อรองแล้วสายตาก็เหลือบมองไปทั่วๆ...เอ๊ะ....รถคุ้นๆ
อ้าว....รถเฮียยังจอดอยู่ที่เดิมที่จอดอยู่ตอนแรก เห็นเหมือนมีคนยืนอยู่แถวรถด้วย
ผมรีบหันกลับจะเข้าร้านไปลาเพื่อน
แต่....
หยีเดินนำออกมาพร้อมยื่นเป้ของผมมาให้
“โห...ไล่อ่ะ”
ผมนึกขอบใจหยีที่รู้ว่าผมต้องกระวนกระวาย
“รู้อยู่...”
หยีพูดยิ้มๆ
“รีบกลับจัง ยังไม่หายคิดถึงเลย”
ต่อมันจับมือผมข้างหนึ่ง ผมหันไปมองเพื่อนๆที่ตามออกมา
นอกจากหยีกับต่อแล้วก็มีโต้ง พี่ป๋อ แฟรงค์ ไอ้ปิง หมอดาว ไอ้หมอส่วย
ผมเหลือบมองไปทางรถเห็นแล้วว่ากำลังสตาร์ทรถ
“เราต้องไปแล้วนะโต้ง..หยี...ทุกคน ต่อ...มาไทยคราวหน้าค่อยเจอกันนะ”
ผมบีบมือต่อเร็วๆแล้วรีบปล่อย
“อืม....”
ต่อทำหน้าหงอยๆ
“ไอ้ต่อไม่อยู่ หล่อนก็พาสามีมากินข้าวที่ร้านชั้นสิ”
ผมรู้ว่าหยีมันจงใจเน้นคำว่า “สามี”
“แล้วเจอกันนะหน่อย”
โต้งยิ้มให้ผม
รถเฮียมี่ขับมาจอดที่หน้าร้าน ประตูคนขับอยู่ตรงกับที่ๆผมยืนอยู่
เฮียมี่เปิดกระจกมา
“สวัสดีครับเฮีย”
“สวัสดีค่ะหมอมี่”
“ไฮ”
“สวัสดีครับพี่”
เสียงใครป็นเสียงใครปนกันหมดโชคดีที่ยังไม่มีรถตามหลังมา
แต่โชคไม่ดีตรงที่ไอ้ต่อมันดึงตัวผมเข้าไปกอดเร็วๆ
ถึงจะรีบปล่อยแต่ไม่รอดสายตาเฮียไปได้
“ขึ้นรถได้แล้ว”
เสียงเฮียห้วนๆ
“แล้วค่อยเจอกันนะ....เพื่อนๆ”
ผมรีบยกมือบ๊ายบายแล้ววิ่งอ้อมท้ายรถไปเปิดประตูขึ้นนั่งด้านหน้า
“ไปนะ”
เฮียมี่พูดไม่ดังนักตอนที่กดปิดกระจก แล้วออกรถทันที
ผมก็ลืมตัวลุกขึ้นคุกเข่าบนเบาะแล้วยื่นหน้า.....
ผ่านช่องตรงกลางระหว่างเบาะมองไปที่กระจกด้านหลังตัวรถ
ผมเห็นเพื่อนๆบางคนยังโบกมือให้ ผมก็โบกตอบทั้งๆที่รู้ว่าเพื่อนไม่เห็นหรอก
ผมใจหายเล็กๆเพราะผมไม่ใช่คนที่มีเพื่อนเยอะ
“เฮีย......”
ผมมองเสี้ยวหน้าเครียดๆ
“นั่งให้ดี”
เฮียไม่หันมา แต่คงรู้ว่าผมยังนั่งเอาขาขึ้นพับเข่าอยู่บนเบาะรถ
ผมไถลตัวลงนั่งคาดเข็มขัดนิรภัยอย่างเชื่องๆ
“เฮีย.....”
ผมไม่รู้จะเริ่มต้นบทสนทนายังไง ผมรู้ว่าเฮียไม่พอใจ แต่กะเลเวลไม่ถูกครับ
เฮียมี่เอื้อมมือไปเปิดเพลงในรถ ผมเลยนั่งเงียบ
สักพักใหญ่ที่เฮียขับรถออกมาพ้นจากการจราจรที่จอแจ
เส้นทางกลับบ้านที่คุ้นเคยทำให้ผมถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย
“เป็นไง”
ผมที่กำลังฟังเพลง “คุกเข่า” และฮัมตามเบาๆสะดุ้งโหยง
เป็นไง....ปกติไอ้หน่อยก็ต้องตอบว่า
“เป็นคนหล่อ....เป็นคนน่ารัก...เป็นคนดี....เป็นแฟนเฮียมี่.....เป็นคนที่โชคดีที่สุดในสามโลก”
แล้วสถานการณ์แบบนี้ ผมจะกล้ามั๊ย
“เงียบทำไมล่ะ...ทีอยู่กับคนอื่น”
เฮียเหมือนเด็กขี้อิจฉาเนอะ
“เฮีย....เฮียอยู่ที่รถ...ในซอยตลอดเลยเหรอ”
ทำไมไม่ไปเดินห้างนะ
“อืม....ตั้งแต่ตอนมาส่ง”
“แล้วเฮียไม่เข้ามานั่งในร้านล่ะ”
โห...ไหนจะร้อน ไหนจะยุง
คนอย่างเฮียไม่มีทางนั่งอยู่ในรถที่ติดเครื่องแล้วจอดแช่อยู่แน่นอน
“แล้วใครไม่ให้อยู่ล่ะ”
เสียงห้วน บรรยากาศมาคุ
“เอ่อ....ผมกลัวเฮียอึดอัด”
ผมพูดเรื่องจริงนะครับ เฮียเข้ามานั่งก็จะเซ็งเปล่าๆ
“แน่ใจ....ไม่ใช่จะทำอะไรไม่ถนัดเหรอ”
เฮียมี่ประชดประชัน ปกติเฮียจะเงียบไม่พูดจนผมทนไม่ไหวเอง
แต่ครั้งนี้เฮียพูดๆๆๆๆ จนผมจนมุม
“เฮีย...นั่นเพื่อนผมนะครับ ไม่เจอกันมาเกือบยี่สิบปีเชียวนะเฮีย
แล้วเพื่อนมันก็อยู่เมืองนอกมานาน มันก็แค่กอดทักทาย เฮียคิดมากอ่ะ”
ผมก็บอกเฮียไปตรงๆ
“แล้ว....”
เฮียพูดแค่นี้แล้วผมจะต่อยังไงล่ะเนี่ย
“ผมก็ไม่คิดว่าเพื่อนมันจะเข้ามากอดแบบนี้ ถ้าผมรู้ตัวก่อนผมก็ต้องหลีกเลี่ยงอยู่แล้ว
เฮียก็รู้ว่าผมไม่ชอบให้ใครกอด นอกจาก.....”
กั๊กนิดๆ
“อะไร”
เสียงอ่อนลงนะตัวเอง
“นอกจากเฮียมี่...สุดหล่อแสนดีของไอ้หน่อยไงครับ”
ผมทำเสียงกรุ้มกริ่ม
ไม่รู้เสียงยังไงนะครับเพราะมันมีเส้นบางๆคั่นระหว่างคำว่า “กรุ้มกริ่มกับ...หื่น”
“จะมากอดทำไม ก็แค่....พี่...แถวบ้าน”
โห...เฮียจำทุกคำ จัดให้ผมทุกดอกเลย
“เฮีย....ผมขอโทษ.....ตอนนั้นมันตั้งหลักไม่ทัน
ผมไม่รู้ว่าเรื่องผมกับเฮีย ใครรับได้ใครรับไม่ได้บ้างนี่นา”
เฮ้อ...ไอ้หน่อยมันหน้าบางจริงๆตอนนั้น
“อ้อ...คนอื่นสำคัญกว่า...ว่างั้น”
เฮียหันมามองผมจังหวะที่รถติดไฟแดง
“เฮียอ่า....ต่อว่าผมเป็นเด็กๆเลยอ่ะ”
เด็กในที่นี้หมายถึงเฮียทำตัวเด็กนะครับ
“ใครกันแน่ที่เด็ก แล้วที่เราทำมันไม่เด็กเหรอ”
เฮียมี่เถียงคำไม่ตกฟูกเอ๊ยตกฟาก
“เฮีย...ถ้าผมคิดหรือทำอะไรเป็นเด็ก ผมก็ไม่ผิดนะ
เพราะเด็กจะไม่คิดเรื่องชู้สาว เรื่องเซ็กส์ เรื่องใต้สะดือ เรื่องอย่างว่า เรื่องซั่มกัน เรื่อง....”
ผมได้ช่อง
“พอๆๆๆ ไม่ต้องเอาฮา”
รอยยิ้มขำของเฮียดูแล้วชื่นจายยยยย
“เฮีย....แต่เดี๋ยวพอกลับถึงบ้านอ่ะนะ”
ผมทำหน้าทะเล้น
“ทำไมครับ จะทำอะไร หืมมมมม”
เสียงเฮียเซะซี่อ่า เดี๋ยวก็....บนรถซะหรอก
“ก็กลับไปเรามาทำอะไรแบบผู้ใหญ่กันมั๊ยอ่า”
ผมแตะน้องน้อยของคนขับเบาๆ
“เฮ๊ย...”
โชคดีที่เฮียยังประคองพวง(มาลัย)เอาไว้ได้
“อย่าทำแบบนี้อีกนะ มันอันตรายรู้มั๊ยครับ”
เฮียเอ็ดจริงจัง
“โห...เขาแค่ห้ามคุย ห้ามไลน์ ห้ามแชท ไม่ได้ห้าม...ซะหน่อย”
“เพื่อนสองคนนั้น คนที่ตัวสูงๆ กับที่หน้าออกฝรั่งนั่นใคร ไม่เคยเห็น แล้วสนิทกันมากรึไงครับ”
ไอ้หน่อยเคลิ้มๆกับเสียงเพลงหวานๆและแอร์เย็นๆเป็นอันต้องตาสว่าง
“เฮียยังไม่จบอ่า....”
ผมเหนื่อยแล้วนะเฮีย
“ยัง....”
“คนตัวสูงชื่อโต้งอีกคนชื่อต่อ เป็นเพื่อนสนิทของหยี กับผมก็สนิทกันช่วงม.ปลาย
ตั้งแต่จบม.หกก็เพิ่งเจอกันนี่ล่ะครับ เฮียอย่าโกรธผมเลยนะ ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้
พอเฮียคล้อยหลังออกจากร้านไปนะ ผมอยากจะวิ่งตาม อยากไปกับเฮียเลยด้วย
อยู่กับใครก็ไม่เหมือนอยู่กับเฮีย”
ไอ้หน่อยอ้อนเอาโล่ห์ แต่ทั้งหมดคือความจริงครับ
“ประจบ..”
เฮียมี่หันมายิ้มให้ผมเป็นครั้งแรกของวัน
“ไม่มีเหอะ....ใจล้วนๆ”
กว่าจะถึงบ้านก็ดึก เฮียก็หายโกรธแล้ว ไอ้หน่อยก็งีบไปหลายตื่น
แล้วไง....
ก็...อาบน้ำ แล้วนอนสิครับ...พรุ่งนี้วันจันทร์ วันทำงาน
แต่ยังก่อน...
เฮียยังอารมณ์ไม่คงที่ ต้องปรับจูนอีกพักใหญ่ๆ คริคริ
“ถ้ามีงานเลี้ยงอีก...คราวหน้า.....จะไปอีกมั๊ยครับ”
“อื้อ...อ่า....เฮียอ่า...ซี๊ดดดด”
“ว่า...ว่าไง...อืมมม...ล่ะ...ครับ...อ่า”
“ซี๊ดดด....อ๋อย....มาถามไร...ตอน....อื้อ....”
เฮียมี่ทำไปถามไป ไอ้หน่อยก็ครางไปตอบไป ฮะ ฮะ
จบแล้วครับ
อ้อ....ของในถุงที่ต่อให้มาเป็นพวกโลชั่นของอเมริกาครับ พวกมิ้วค์โลชั่น โอลีฟออยล์
จัดได้ว่าไอ้ต่อมันรู้ใจผมดีครับ
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์และการติดตามครับผม
หวังว่าคงให้อภัยในความเวิ่นเว้อเพ้อเจ้อของผมนะครับ
เพราะ...ไอ้หน่อยมัน....ยาวๆ....ใช่......สั้นๆ....ไม่(ชอบ) ฮะ ฮะ
มโนหน้า....ฮันนีมูน(แรก)ครับผม