Dormitory Boys – สะดุดรัก หอพักอลเวง
“รัก...ติดดิน”CHAPTER 44 – อันนา วิจิตรนิรันดร์::Artid’s POV::“ไอ้ปิ่น เห็นพี่เอมบอกแกไม่สบาย!?”
ทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น การขยับพลิ้วไหวจากนิ้วมือของปิ่นหยกพลันหยุดชะงักลง ปล่อยผมค้างเติ่งกลางอากาศอยู่กับอารมณ์ซึ่งพุ่งทะยานแต่ยังไม่ถึงจุดสูงสุด กว่าจะรู้ตัวอีกครั้งก็พบว่าตัวเองโดนผลักกระเด็นมากลิ้งแอ้งแม้งอยู่บนพื้นเรียบร้อยจนผมเชื่อสุดใจว่าความอึดถึกที่เขาโอ้อวดนั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่น พร้อมกับเริ่มเกิดข้อกังขาวนเวียนในหัวเรื่องปิ่นหยกตัวแค่นี้แต่ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนทั้งที่ถูกตัดกำลังไปก่อนแล้วตั้งเยอะ
จังหวะฝีเท้าตรงเข้ามาใกล้ น่าจะอยู่ตรงหัวมุมส่วนเชื่อมระหว่างประตูถึงจุดที่ใช้เป็นที่นอน ผมยังนิ่งงงเหตุการณ์อยู่จุดเดิมจนได้ยินปิ่นหยกกดเสียงกระซิบแหบพร่าร้อนรนแถมด้วยพยายามยื่นขาลงมาเขี่ย
“ไปอยู่ใต้เตียง ไม่ต้องออกมา แล้วอย่าส่งเสียง!”
เนื้อความคำสั่งชัดเจนอย่างกับฝึกทหาร ต่างกันแค่เสียงที่ใช้เบาหวิวจนต้องเงี่ยหูฟัง
สุดที่รักว่ามาอย่างนี้ แล้วผมจะพูดอะไรได้?ใต้เตียงทั้งแคบ มืด และร้อน ชายผ้าห่มที่พันเอวผมอยู่ยื่นออกไปด้านนอกแต่จะดึงกลับตอนนี้คงไม่ทันแล้วเลยได้แต่ปล่อยมันล่อตาคิมอยู่อย่างนั้น ผมนอนฟังบทสนทนาระหว่างคิมกับปิ่นหยกด้านบน พยายามหายใจให้เบาที่สุดพร้อมกับข่มความรู้สึกอะไรซึ่งยังค้างคาผิดที่ผิดเวลาและผิดตำแหน่งอย่างมหันต์ไปด้วย ณ ใต้เตียงแห่งนี้ผมขอสารภาพแต่โดยดีว่าไม่ง่ายเลยกับการบังคับใจไม่ให้ถูกปลุกปั่นไปกับเสียงหอบน้อย ๆ ของตัวต้นเหตุซึ่งแทรกอยู่ในบทสนทนาเกือบตลอดเวลา หลับตายังนึกหน้าเขาออกเป็นฉาก ๆ ว่าตอนนี้กำลังแสดงอารมณ์แบบไหนแม้จะอยากเห็นด้วยตัวเองมากกว่า
อิจฉาคิมเป็นบ้าเลย!เสียงสวบสาบเบา ๆ จากบนเตียงดังมาเข้าหู ตามด้วยเสียงฝีเท้าซึ่งคงเป็นของคิมลากผ่านไปบนพื้น แต่แล้วจู่ ๆ มันก็เงียบลง พร้อมกับที่ผมสังเกตเห็นว่ามีหลอดพลาสติกสีฟ้าขาวหล่นอยู่ไม่ไกลจากเตียงนักและผมจำไม่ได้ว่าทำมันหล่นเอาไว้ตอนไหน
แต่คงไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรหากคิมไม่ได้ย่อตัวลง ก้มลงเก็บมันไว้ในมือ...และเบนสายตามาหยุดนิ่งที่ผม
“......”
คิมชะงัก ส่วนผมยักคิ้วใส่ไปหนึ่งครั้งแต่ไม่รู้เจ้าตัวเห็นหรือเปล่า พร้อมกับสงสัยว่าหากปิ่นหยกรู้เข้าผมจะโดนเชือดทิ้งไหม แต่ผมไม่ได้ทำผิดคำสั่งเขาเสียหน่อย ในเมื่อตอนนี้ก็ยังอยู่ใต้เตียง ไม่ได้ออกไป และไร้การส่งเสียง....หรือจะเถียงว่าไม่จริง?
กระแสเวลาราวกับหยุดนิ่งอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมาจนผมเริ่มเมื่อยจึงได้ขยับตัวน้อย ๆ เห็นคิมถอนหายใจเฮือกแล้วลุกขึ้นไปคุยกับปิ่นหยกต่อ
พวกเขาดูสนิทกันมากจนผมชักหึงขึ้นมาแล้ว...จริง ๆ นะ คิมยิ่งชอบถึงเนื้อถึงตัวอยู่ แม้รู้ดีว่าเขาเป็นอย่างนี้กับทุกคนแต่ผมกลับรู้สึกว่าเขาปากว่ามือถึงกับปิ่นหยก
‘ของผม’ เป็นพิเศษ บางทีผมควรช่วยมองหาผู้หญิง...หรือผู้ชาย(?)ดี ๆ ให้คิมสักคนเป็นการตอบแทนความช่วยเหลือทั้งหมดของเขาแถมจะได้กันคิมไม่ให้มาเกาะแกะคนของผมมากนัก และคงสมใจปิ่นหยกที่ดูอยากให้เพื่อนรักตัวเองเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที ยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสามตัว คุ้มอย่างนี้คนบนเตียงคงเห็นดีเห็นงามด้วยแน่นอน
“...ก็......เจ็บ...อยู่...” เสียงเขาเบาหวิวอย่างกับไม่อยากให้ใครได้ยิน
ผมยกมือปาดเหงื่อทุลักทุเล...รู้สึกขาดอากาศหายใจอย่างไรบอกไม่ถูก ได้ยินปิ่นหยกกระซิบว่าเจ็บในบทสนทนาแล้วรู้สึกผิดเต็มตื้นขึ้นมาจนอยากออกไปกอดปลอบ เมื่อคืนนี้เขาเอ่ยคำที่ว่าเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นตอนเริ่มแรก(แถมยังพูดไม่ทันจบคำอีกต่างหาก)หลังจากนั้นก็ไม่ได้หลุดปากออกมาอีกเลย ผมเริ่มเป็นห่วงว่าความอดทนและความใจดีของเขาทำให้ถูกผมเผลอทำร้ายโดยไม่รู้ตัวไปแล้วกี่ครั้งกัน..
“..หรือฆ่าทิ้งแม่งเลย” น้ำเสียงคิมฟังดูอยากสำเร็จโทษผมเต็มแก่ด้วยเหตุผลซึ่งเดาว่าเพื่อความบันเทิงไปเสียเก้าสิบเปอร์เซ็นต์มากกว่าจะอยากแก้แค้นให้เพื่อน แต่ถูกปิ่นหยกค้านขึ้นเสียก่อน
“....บ้าเรอะ..........ด.....เดี๋ยวจัดการเอง”
แล้วอย่างนี้จะให้ห้ามใจไหวได้อย่างไร เขาน่ารักจนผมจะคลั่งตายกลายเป็นศพใต้เตียงอยู่แล้วผมนอนสงบจิตสงบใจท่องยุบหนอ...พองหนอ...อย่างไร้ผลอยู่ในพื้นที่คับแคบเพราะดูจะไม่มีอะไรยุบเลย มีแต่พอง ๆ ๆ ฟูฟ่าไปทั้งใจ ฟังพวกเขาทะเลาะกันไปเรื่อยจนชื่อเรียกคุ้นเคยวิ่งเข้ากระทบแก้วหู
...พี่อัน?ถึงกับเผลอกลั้นหายใจไปครู่หนึ่ง
มันเป็นความรู้สึกซึ่งบรรยายลำบาก ครั้งสุดท้ายที่เจอกันนั้นนานมากแล้ว ตอนนี้เธอเรียนมหาวิทยาลัยปีสุดท้าย เรียนจบคงย้ายกลับมาอยู่บ้านหากพี่อันไม่ติดใจการใช้ชีวิตข้างนอกที่ดูเธอจะปรับตัวได้ดีกว่าคนอื่นคาดคิด และตอนนี้คิมบอกว่าเธอกำลังจะมา ซึ่งผมไม่สามารถเห็นด้วยไปมากกว่านี้อีกแล้วว่าด้วยนิสัยพี่อันหากเธอยังเป็นอันนาคนเดิมที่ผมรู้จัก...เธอบุกมาถึงห้องแน่นอน
ถึงตรงนี้ผมคงต้องให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าผมรักพี่อันมากพอกับที่......อืม.......เรียกว่าอะไรดี.....เกรงใจมาก...?
เคยได้ยินผู้คนมักหาว่าผมทำตัวมึน โลกส่วนตัวสูง ไม่แคร์สื่อ ติสต์แตกเอาโล่ และอีกสารพัดจะสรรหามาบรรยายซึ่งผมก็ไม่เคยสนใจอยู่ดี แต่ผมรู้ว่าเรื่องพวกนี้ตัวเองสู้คุณพ่อโดยเฉพาะสมัยหนุ่ม ๆ ไม่ได้เลยสักนิดจากที่ฟังบัวเล่ามา
แล้วคิดว่าคนแบบไหนที่จะใช้ชีวิตร่วมชายคากับผมและคุณพ่อมาได้เป็นสิบกว่าปี
คำตอบคือคนอย่างพี่อันนี่เองคิมจากไปพร้อมกับคำพูดทิ้งท้ายซึ่งบอกให้รู้ว่าเขาเห็นผมจริง ๆ ด้วยแต่ไม่ได้พูดออกมาแต่แรก ก่อนเสียงปิดประตูห้องจะดังแว่วมาถึงหูแล้วทุกอย่างก็กลับสู่ความสงบ
ตอนนี้ปิ่นหยกจะทำหน้าอย่างไรอยู่นะ...?
"เว้ยยย!!!!" อืม..เดาว่ากำลังทำหน้าโมโหบวกกับแก้มแดง ๆ น่าจูบ ครู่เดียวเขาก็ระเบิดเสียงร้องโวยวายกึ่งสะอื้นออกมาในที่สุด
“บ้าฉิบ! แม่งไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้ว!”
“งั้นเอามาซุกอกฉันก็ได้”
ผมเสนอด้วยความปรารถนาดี มั่นใจว่าหากอีกฝ่ายมีมีดในมือเขาคงแทงมันทะลุที่นอนลงมาถึงใต้เตียงแทนคำขอบคุณ “ฉันออกไปได้หรือยัง”
“ยัง!”
“จะให้อยู่ในนี้ไปถึงเมื่อไหร่”
“จนกว่าจะกลายเป็นฟอสซิล!”
“ใจร้าย เป็นฟอสซิลแล้วจะมาขุดหาไหม”
เขาไม่ตอบ จนผมไถลตัวเองออกมาจากใต้เตียงจึงได้เห็นว่าเขากำลังพยายามลุกขึ้นทุลักทุเลมานั่งหลับตาห้อยขาตรงขอบเตียงอยู่ครู่หนึ่งคล้ายพยายามปรับตัว หัวคิ้วขมวดอยู่น้อย ๆ จนอดไม่ได้จะเอานิ้วหัวแม่มือไปกดนวดเป็นวงให้คลายออกบ้าง
“ปิ่นหยกไหวหรือเปล่าครับ”
เขาปัดมือผมออกเหมือนไล่ยุงแล้วลุกขึ้นยืนโงนเงน เห็นทำท่าจะเซหน่อยเดียวผมก็ถลาเข้าไปประคองจนได้ยินเจ้าตัวเอ่ยฮึดฮัดพร้อมท่าทางรำคาญใจ “ไหว! ประคบประหงมอะไรนักหนาอย่างกับเป็นผู้หญิงไปได้”
“ก็รัก..”
ปิ่นหยกเงียบไปเลย ปล่อยความรู้สึกแสดงออกมาทางสีหน้าแทนคำพูด ซึ่งอะไรบนใบหน้านั้นซื่อตรงกว่ามากแต่แบบไหนผมก็ชอบทั้งนั้น ทั้งรักทั้งหลงโงหัวไม่ขึ้นแล้ว เกิดมาไม่เคยรู้สึกอยากปล้ำใครตลอดเวลาเท่านี้มาก่อน
“อาบน้ำไหม หรือถ้าไม่ไหวจะเช็ดตัวให้ จะได้เปลี่ยนชุด” ผมเดินเข้าไปคลอเคลีย ปล้ำไม่ได้ขอกอดหน่อยก็ยังดี “แต่ถ้านายไม่ถือ ให้พี่อันเห็นตอนใส่ชุดนอนฉันก็น่ารักดี จะได้ประกาศตัวเลย”
“เพ้อเจ้อ! พี่สาวช็อคตายน้องชายเป็นเกย์”
“พี่อันไม่สนเรื่องนั้นหรอก” ผมเถียง ก้มลงสูดที่ซอกคออุ่น ๆ กลิ่นกายเขาทำผมหัวกลวงไปเลยแม้ปิ่นหยกคงค่อนขอดว่ามันก็กลวงมาตั้งนานแล้ว “อาจจะชอบนายด้วยซ้ำ เพราะตอนเด็ก ๆ ชอบของเล่นอะไรเหมือนกันเลยแย่งกันเกือบตลอด”
เขายืนทำหน้าเครียด “คนกับของเล่นเหมือนกันที่ไหน”
ผมพยักหน้าเห็นดีเห็นงาม จริงของเขา คนกับของเล่นไม่เหมือนกันเลย และปิ่นหยกไม่ใช่ของเล่นสักหน่อย หากพี่อันเกิดถูกใจเขาขึ้นมาเหมือนกับที่เคยถูกใจของเล่นชิ้นเดียวกับผมในอดีตแล้วพยายามใช้สารพัดวิธีแย่งสิ่งนั้นไปเหมือนเคยทำเมื่อก่อนยังไงเสียคราวนี้ผมก็ไม่ยอม
“รอยที่นิ้วนางยังอยู่หรือเปล่า?” ผมคว้ามือซ้ายเขาขึ้นมาดู รอยกัดเมื่อคืนจางลงจนเห็นเพียงสีแดงบางเบากลืนหายไปกับสีผิว เกือบมันเขี้ยวกัดลงไปอีกครั้งแล้วหากไม่โดนดักคอเสียก่อน
“ห้ามกัด!” ว่าพลางกระชากมือหนีทันควันพร้อมกับถือโอกาสสลัดผมหลุดได้ในที่สุด ก่อนจะเดินบ่นหงุงหงิงไปควานหาผ้าขนหนูบนราวตาก “อยู่ก็ไม่ได้ให้อดอยากมากมาย กัดอยู่ได้ไอ้เวรนี่”
อาหารน่ะไม่อดหรอก แต่จะอดอย่างอื่นนี่สิ
“กลัวนายลืมว่ามีคนจองแล้ว”
เขาหันมาแยกเขี้ยวใส่พร้อมกับส่งนิ้วกลางแทนคำสรรเสริญ เอากับเขาสิ..ขอนิ้วนางได้นิ้วกลาง สั่งผมเสียงเขียวให้เก็บกวาดห้องพร้อมเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้เรียบร้อยก่อนจะผลุบหายเข้าห้องน้ำ ไม่รู้ว่าได้ยินอะไรที่ผมกำลังจะบอกหรือเปล่า
“พี่อันสวย แถมชอบมาถูกใจอะไรเหมือนกับฉัน”
ถึงตรงนี้ผมเริ่มระแวงว่าประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยจากสงครามแย่งของเล่นกับพี่สาวซึ่งผมไม่เคยชนะ ยังไงคงต้องขอเตือนให้รู้ตัวไว้ก่อน
“แต่ปิ่นหยกเป็นของฉัน ไปเป็นของคนอื่นไม่ได้แล้วรู้ไหมครับ”
ผมได้ยินเสียงของหนัก ๆ กระทบพื้นในห้องน้ำ อาจเป็นขวดแชมพูหรือหัวฝักบัว แต่อะไรก็ช่างเถอะ เพียงแค่นั่นทำให้ผมมั่นใจว่าปิ่นหยกได้ยินที่ผมพูดเรียบร้อยแล้วก็พอ
ผมหันหลังกลับไปมองสภาพห้อง กำลังคิดว่าจะเริ่มจัดการจากตรงไหนดีก็ได้ยินเสียงน้ำจากฝักบัวดังซ่าลอยแว่วมากับอากาศทำเอาเผลอจินตนาการเตลิดเปิดเปิงไปไกลถึงร่างที่คงยืนอยู่ใต้ฝักบัวปล่อยน้ำเย็นเยียบไหลผ่านเนื้อตัว นึกได้ขึ้นมาว่าอะไรที่ปลุกปั่นอยู่เบื้องล่างก็ใช่จะเสร็จสิ้นแล้ว ปิ่นหยกขี้โกงจริง ๆ ที่ทำผมค้างอยู่ตั้งนานแล้วทิ้งหน้าที่หนีไปอาบน้ำเสียอย่างนั้น
ผมหลับตา สูดลมหายใจเข้าลึก ตั้งใจจะขอเวลานอกให้ตัวเองสักเดี๋ยวคงไม่ถึงกับทำให้การเก็บกวาดห้องช้าลงมากนัก
แน่นอนว่าไม่ลืมตรวจตราประตูห้องว่าถูกล็อคเอาไว้เป็นที่เรียบร้อย..........................................................................
..............................................
.
.
.
ทุกอย่างดูราบรื่นดี ปิ่นหยกแต่งเนื้อแต่งตัวเรียบร้อยได้กลิ่นสบู่โชยจากตัว พร้อมกับที่ผมเก็บกวาดทำความสะอาดห้องพักสุดปัญญาจะทำได้ ซึ่งนั่นหมายถึงรื้อผ้าปูที่นอนเปื้อนคราบคาวออกมายัดใส่ตะกร้ารวมกับผ้าใช้แล้วเมื่อคืนนี้ ขนทั้งหมดไปกองไว้ตรงระเบียงแล้วเปลี่ยนผ้าปูที่นอนผืนใหม่เข้าไปแทน ดึงอย่างไรก็ไม่เรียบตึงเด้งดึ๋งเหมือนตอนปิ่นหยกเคยทำเสียทีเลยปล่อยมันตามมีตามเกิดอย่างนั้น ในเมื่อผมไม่รู้จะทำให้มันตึงเปรี๊ยะไปทำไมเพราะเดี๋ยวลงไปนอนมันก็ยับอีก
หลอดเควายเจลเบาโหวงที่คิมไม่ได้เก็บไปด้วยถูกโยนหมก ๆ ไว้ในถังขยะรวมกับห่อขนมเปล่าซึ่งผมรื้อขึ้นมาบังเอาไว้ ลำบากพอดูในการซุกซ่อนเพราะขยะจากห้องนี้น้อยแทบนับชิ้นได้ อะไรขายได้ปิ่นหยกเก็บขายหมดแทบไม่เหลือให้ทิ้ง ผมเคยโยนขวดพลาสติกเปล่าลงถังขยะ ขยำกระดาษซึ่งเขียนได้หน้าเดียวทิ้งไปสองสามครั้ง แล้วหลังจากนั้นก็โดนบ่นอีกยาวจนเข็ดไปเลย
ปิ่นหยกเดินวนรอบห้องตรวจดูตรงนั้นตรงนี้ ดึงชายผ้าปูที่นอนใหม่อย่างวิตกจริตหน่อย ๆ จนผมอดขำไม่ได้ กับคุณพ่อผมเขายังเคยไปกินไอติมฟรีมาแล้ว คราวนี้เป็นพี่อันก็คงไม่น่ามีปัญหาอะไร
...เพราะคนที่จะมีอาจเป็นฝ่ายพี่สาวผมเองมากกว่า“อาทิตย์”
ผมสะดุ้ง ได้ยินเสียงบทสนทนาแว่ว ๆ มาจากหน้าประตูบอกให้รู้ว่าด้านนอกไม่ได้มีแค่คนเดียว
“ห้องนี้จริงหรือ”
เสียงผู้หญิง
“ห้องนี้แหละ”
...และนั่นเสียงคิม
ประตูห้องถูกเคาะเป็นจังหวะประหลาดบอกถึงอารมณ์ขันของผู้เคาะ ผมหันไปสบตากับปิ่นหยก และเขาพยักเพยิดทำนองว่า
‘ก็ไปเปิดสิ’ ทั้งที่ยังซ่อนร่องรอยหวั่นวิตกบนใบหน้าได้ไม่แนบเนียนนัก
“ห้ามหลงพี่อันนะครับ”
ผมกำชับก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้ผู้มาเยือน นึกภาวนาอยู่ในใจว่าคงไม่มีอะไรยุ่งยากอย่างที่คิดมากไปเอง
“อาทิตย์น้องรัก”
อา...เสียงหวานมาเชียวประตูเปิดออกยังไม่ทันสุด พี่สาวคนสวยก็ผลักมันโครมเกือบฟาดใส่หน้าผมก่อนจะถลาเข้ามาในห้องราวกับคอยจังหวะนี้มานานแล้ว ตามด้วยหญิงสาวผมสั้นอีกคนซึ่งเดินโยกตัวไปมาท่าทางสนุกสนาน หูฟังเสียบคาอยู่ข้างหนึ่งปล่อยอีกข้างพาดอยู่บนไหล่ เดาว่าคงเป็นพี่สิสิร พี่สาวคนรองของคิม จบด้วยคิมหันต์ผู้ทำหน้าเหนื่อยหน่ายท้ายขบวนตามปิดประตูให้หลัง ทุกคนทำท่าอย่างกับเห็นห้องนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ซึ่งเกิดมาครั้งหนึ่งในชีวิตจำเป็นต้องตบเท้าเข้ามาเยี่ยมชม
“พี่อัน เป็นอย่างไ--”
“ไหนน้องปิ่น?”ผมชะงัก ไหนคิมบอกว่าพี่อันคิดถึงผมมากมาย ทักทายกันยังไม่ทันจบประโยคเธอถามถึงอีกคนแล้ว
"ปิ่นหยก?"
แถมยังเป็นอีกคนที่ผมแสนหวงเสียด้วย“สวัสดีครับ”
ปิ่นหยกทำหน้าเหรอหราพลางยกมือไหว้เงอะงะ ดูน่ารักเป็นบ้าแต่นี่ไม่ใช่เวลามานั่งภูมิอกภูมิใจเรื่องมีแฟนน่ารัก(ตกลงถึงขั้นนี้แล้วเขายอมเป็นแฟนผมหรือยัง?) พี่อันทำสายตาเหมือนเห็นหุ่นยนต์กันดั้มตัวโปรดของผมเมื่อสมัยเด็กก่อนที่เธอจะทำให้มันกลายเป็นของเธอในเวลาไม่นานหลังจากนั้น
ผมเดินไปเบียดปิ่นหยก โอบเอวเขาไว้จนเจ้าตัวสะดุ้งโหยงต่อหน้าต่อตาเหล่าพี่สาว เริ่มเข้าใจสุภาษิตจงอางหวงไข่ก็วันนี้เอง
“สวัสดีจ้ะ” พี่อันรับไหว้ กิริยาชดช้อยของเธอยังคงน่ามองเหมือนเคย ผมยาวสยายพลิ้วไหวสีน้ำตาลอ่อนคนละสีกับตอนออกจากบ้านรับกับผิวขาวจัดอมชมพู เดิมพี่อันก็เป็นคนสวยอยู่แล้ว ไม่เจอกันตั้งนานเธอก็ยังสวยขึ้นได้อีก จากหางตาผมเห็นปิ่นหยกยืนค้างท่าเดิมแทบไม่กระดิกราวกับโดนสะกดไปแล้วเรียบร้อย
“น้องคิมเล่าให้มาบ้างแล้ว แต่ยิ่งกว่าที่คิดอีกนะนี่”
ผมไม่รู้คิมเล่าอะไรให้พี่อันฟัง และไม่รู้ว่า
‘ยิ่งกว่าที่คิด’ ที่เธอว่าหมายถึงอะไร
“โอย ถูกใจจัง มีแฟนหรือยัง มาเป็นเด็กพี่ไหม?”รู้เพียงแต่พี่สาวผมออกตัวแรงและประกาศจุดยืนชัดเจนอะไรอย่างนี้คิมกับพี่สิสิรของเขาหลุดหัวเราะออกมามิได้นัดหมาย ก่อนคิมจะเดินไปเปิดโทรทัศน์สิบสี่นิ้วเก่าคร่ำครึซึ่งตกทอดมาจากพี่เอมแล้วถือวิสาสะเอกเขนกบนเตียงที่ผมเพิ่งเปลี่ยนผ้าปู หลุดไปอยู่ในโลกส่วนตัวเรียบร้อย และโทรทัศน์คงดีใจที่ได้ทำหน้าที่แท้จริงของมันบ้างนอกจากเป็นที่วางของเพราะปิ่นหยกแทบไม่เคยใช้งานมันในฐานะวัตถุรับภาพเลยโดยให้เหตุผลว่าเปลืองไฟจึงมักลงไปดูรวมกับคนอื่นในร้านตลอด
“พี่อันครับ”
ผมพยายามส่งตัวเองเข้าไปแทรกกลางระหว่างพี่อันกับปิ่นหยกซึ่งดูแล้วหลังจากตะลึงในความงามก็กลับมาเหวอต่อได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง สุดท้ายผมก็ตัดสินใจประกาศตรงไปตรงมาประสาคนกันเอง
“ปิ่นหยกเป็นของผม”พี่อันเพียงแต่เลิกคิ้วน้อย ๆ สีหน้าไม่ได้ประหลาดใจอย่างที่ผมคาดการณ์ หรือเธอรู้อยู่แล้ว?
“จ้ะ” เพียงแวบเดียวเธอก็กลับมายิ้มร่า ดวงตาสดใสเป็นประกายตอนเอื้อมมือมาดึงแก้มแดงระเรื่อของปิ่นหยกเบา ๆ “งั้นก็ดีเลย”
ผมเริ่มหนักใจ มองเห็นเมฆหมอกความวุ่นวายตั้งเค้าอยู่ต่อหน้า รอยยิ้มเย็นเยียบซึ่งส่งมาให้ผมและสิ่งที่ได้ยินจากนั้นบอกให้รู้ว่าเรื่องที่คิดไว้ไม่ได้ห่างไกลจากความเป็นจริงเท่าไรนัก
“เพราะของอาทิตย์ก็เหมือนของพี่”ผมนึกถึงคำอุทานติดปากของปิ่นหยกว่า
'ฉิบหายแล้ว' ขึ้นมาเลย
และนั่นเป็นตรรกะแบบอันนา วิจิตรนิรันดร์
แบบเดียวกับที่ทำให้กันดั้มสุดรักของผมตกเป็นสมบัติของเธอเมื่อหลายปีก่อนTo be continued…=============================================
นายเอกไม่ใช่ว่าเสน่ห์แรงอะไรเลยค่ะ (เอาความหล่อพระเอกก็หล่อกว่าป๊อปกว่าอยู่แล้ว)
แต่แค่ถูกจริตคนบ้านพระเอกเท่านั้นเอง บ้านนี้ชอบอะไรคล้าย ๆ กัน
ส่วนกับคนอื่นปิ่นหยกก็ประจบเอาของฟรีไปวัน ๆ ไม่ได้คิดอะไร อาจได้รับความเอ็นดูเป็นพิเศษ
ส่วนหนึ่งคงเพราะเป็นเด็กดีถึกทุยด้วยล่ะ 5555
ความจริงสำหรับตอนนี้คือลูกเจี๊ยบหื่นมาก..หื่นเงียบด้วย ถ้าไม่ใช่พระเอกหมอนี่ก็คือไอ้โรคจิตดี ๆ นี่เอง ฮ่า ๆ
ขอบคุณงาม ๆ ทุกคอมเม้นต์ค่ะ *กอดฟัด*

ปล.รูปก้อนผ้าห่มใต้เตียง...อ..อย่าเลยค่ะ สงสารพระเอก(ฮา)
แล้วพบกันตอนหน้า ของแถมเลื่อนลงไปเช่นเคยค่ะ ^^
***สารบัญคลิกที่นี่ค่ะ***