ตอนที่ 2
พี่อ๋อมหันมามองหนุ่มน้อยหัวเกรียนตัวผอมเป็นตะเกียบ
ตอนที่เดินลงมากับไอ้นนท์ ก็ดูปกติพูดคำด่าคำ แต่ไหงพอสบตากันแล้วถึงได้ทำหน้าแดงอย่างน้านนนน
ช่วยไม่ได้ที่เวลาเห็นแล้วมันจะทำให้คนรูปหล่อข้างบ้านเกิดอาการกล้ามเนื้อบนใบหน้าเกร็งค้าง ยิ้มกว้าง
“มากินข้าว”
“เออ” ไอ้ต้อนกระแทกเสียงใส่ทั้งที่หน้าแดง เดินผ่านไปตักข้าว ยังไม่ทันลงมือกิน รถมอเตอร์ไซค์รับจ้างก็มาจอดส่งแม่ที่หน้าบ้าน
ไอ้ต้อนวางช้อนรีบวิ่งไปเปิดประตูสวัสดี แล้วรับถุงผลไม้ กับอาหาร
“สวัสดีครับแม่” อีก 4 คนตามมายืนเรียงแถวยกมือไหว้ ตั้งแต่หน้าบ้านเหมือนกัน
“สวัสดีจ้ะเด็กๆ อ๋อม วันนี้อยู่บ้านหรือ”
“ผมเรียนเลิกเที่ยงน่ะครับเลยกลับมานอน”
“พวกลิงน้อยส่งเสียงดังรบกวนล่ะสิ”
“โห...แม่อ้ะ” แต่ละคนส่งเสียงโวยวาย
พอเข้ามาในบ้านแม่ก็ทำตาโต “อ้าว กินข้าวกันแล้วเหรอ แม่ซื้อแกงมาด้วย”
“เก็บใส่ตู้เย็นละ แม่กินนี่เหอะ พี่อ๋อมทำ” ไอ้ต้อนเดินไปหยิบจานจะตักข้าว แต่แม่รีบยกมือ
“กินกันก่อนเถอะ ตามสบาย”
ทันทีที่แม่ให้สัญญาณ ไอ้เล้ง ไอ้ปลา ไอ้เกมกับไอ้นนท์ก็กวาดข้าวในจานหมดในชั่วพริบตาเดียว
“สัดมึงเคี้ยวข้าวกันมั้ยเนี่ย ไอ้เด็กโรงงิ้ว!” ไอ้ต้อนโวยวายตามเคย แต่ยังไม่ได้กินข้าว กะรอกินพร้อมแม่
“เดี๋ยวมันก็ไปย่อยในท้อง พี่อ๋อมทำกับข้าวอร่อย” ไอ้ปลาหันไปทำหน้าตาประจบพี่อ๋อมที่ยืนยิ้มมองดูหนุ่มๆ กินข้าว พอแม่ขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดฟอร์มทำงาน กลับลงมาจากห้องนอน ทั้ง 4 คนก็ยืนเรียงแถวเตรียมตัวกลับ
“อิ่มแล้ว จะกลับบ้านแล้วครับ” ไอ้นนท์อ้วนดำประกาศ
ดีมาก อิ่มแล้วชิ่ง
ไอ้ปลาหันไปมองภูเขาไฟโครงงานวิทย์ แล้วถามเพื่อน “แล้วมึงจะเอาภูเขาไฟไปยังไงวะพรุ่งนี้อ่ะ อันบ๊ะเริ่ม”
“ส่งพรุ่งนี้เหรอ” พี่อ๋อมที่ยังไม่ยอมกลับบ้านสักที เดินเข้ามาถาม
“ครับพี่”
“งั้นพี่ไปส่งก็ได้ ช่วยกันยกไปใส่รถพี่ไว้ละกัน พรุ่งนี้เช้าไปรอรับของที่หน้าโรงเรียน”
“โอ๊ะ เย...” ไอ้เล้งบอกแล้วหันมายกมือสวัสดีแม่
“7 โมงเช้านะ” ไอ้ต้อนรีบย้ำกับเพื่อนๆ ขณะที่ช่วยกันยกของไปใส่ที่เบาะหลังรถ Vios
พอเพื่อนๆไปกันแล้ว ไอ้ต้อนถึงได้นึกขึ้นได้หันมาถามเจ้าของรถ “แล้วคืนนี้พี่ไม่ไปไหนหรือไง”
“ไปรถเพื่อนสิ สองทุ่มมันมารับ”
ไอ้ต้อนเบ้ปาก เดินนำกลับมาบ้าน สงสัยมั้ยพี่อ๋อมมาถึงบ้านตัวเอง แล้วเดินกลับไปบ้านต้อนอีกรอบทำไม...
“ขี้เมา”
“ใครบอกขี้เมา ก็แค่ดื่มนิดๆหน่อยๆ”
“ผมบอกอยู่นี่ไง พี่ขี้เมา เจ้าชู้ โรคจิต” ต้อนเถียง แล้วตรงเข้าไปหาแม่
“แม่กินข้าวเหอะ อย่ารอพ่อเลย”
“ไม่เป็นไร ต้อนกับอ๋อมกินซะเลยสิ”
ไอ้ต้อนเลยเดินไปตักข้าวมาวางบนโต๊ะ “อ่ะ กินแล้วเดี๋ยวไปทำผัดผักมาให้แม่อีกจานด้วย”
“เฮ้ย ต้อน” แม่ดุต้อนแล้วรีบบอกกับอ๋อม “ไม่ต้องทำให้แม่หรอกอ๋อม พ่อเขาอยากกินแกงเผ็ดเป็ดย่าง ทำมาอีกเดี๋ยวของเหลือ เสียดาย 2 คนไปเทมากินสิ”
“อะนั่นแน่ งุบงิบกินกัน 2 คนเหรอ~~วางแผนจะจีบพ่ออะดิ อย่านะ พ่อน่ะเขามีลูกแล้วนะ เมียขี้หึงด้วย”
ต้อนทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ แม่ได้แต่หัวเราะ
“มันพูดอะไรของมันเนี่ย ฟังยากจริงไอ้ลูกคนนี้ ไปกินข้าวไป แล้วจะได้ไปทำการบ้านอ่านหนังสือ”
“อย่า อย่ามาเปลี่ยนเรื่องเลย เอาแกงเผ็ดมาจีบพ่อเค้า เค้าจะฟ้องเมียพ่อ”
“ต้อน” แม่ขำกลิ้ง แล้วหันไปหาอ๋อมที่ทำท่าจะเดินเข้าครัว “อ๋อมเก็บต้อนไปกินข้าวทีซิ แม่จะรีดผ้า พูดอะไรไม่รู้ลูกคนนี้”
แม่เดินไปกางโต๊ะรีดผ้า
ส่วนต้อนก็เดินกลับมาที่โต๊ะกินข้าว แต่ไม่วายหันไปแซวแม่เป็นระยะ
“รีดเนี๊ยบ สู้เมียพ่อได้อ๊ะเป่า บอกซะก่อนนะว่า คุณนายบ้านนี้น่ะ มีอีกชื่อคือคุณนายเนี๊ยบ กริ๊บๆ”
แซวแม่หันมามองอีกคนที่นั่งกินข้าวไปหัวเราะไป ก็หันมาพาลต่อ
“ไรเนี่ย หัวเราะฟรีไม่มีนะ กินข้าวเสร็จ ล้างจานด้วยเลย”
“ต้อนนนนนนนนนนน” แม่ลากเสียงซะยาว “เรานี่เกินไปแล้วนะ”
“ไม่เป็นไรครับ” พี่อ๋อมยิ้มกว้างจนตาหยี
ไอ้ลีลา่แซวไปเรื่อยกวนไปเรื่อยแบบนี้ มันก็ไม่ได้ต่างจากวันก่อนนี่หว่า แต่ว่าอยู่ดีๆ ทำไมมันถึงได้ทำให้อารมณ์ดีกว่าเมื่อวานได้วะ
กินเสร็จต้อนเก็บถ้วยเก็บจานวางเรียงในอ่าง แล้วหันไปโต๊ะ พี่อ๋อมอิ่มก็เข้ามาล้างจานให้
ส่วนต้อนยืนเอามือไขว้หลัง ดูคนล้างจาน
“แล้วจะไปกินเหล้ากี่โมงเนี่ย”
“สองทุ่ม”
ต้อนเหลือบตาดูนาฬิกา “ตอนนี้ทุ่มนึงแล้ว”
“อือ”
หันออกมาจากอ่างล้างจาน พี่อ๋อมสวัสดีแม่แล้วเดินออกมาจากบ้าน ต้อนก็เดินออกมาส่ง
“ต้อน พี่จะไปออกค่ายซ่อมโรงเรียนทางใต้ ไม่อยู่บ้าน 2 อาทิตย์นะ”
“ดีมาก”
“อะไรกัน”
“ดี เพราะผมจะได้นอนสบาย ไม่ต้องตื่นขึ้นมากลางดึกดูโชว์พิเศษของใคร”
พี่อ๋อมขยี้ผม ต้อนรีบปัดมือออก
“อี๋...อย่ามาโดนเลย ชิ้วๆ”
พี่อ๋อมหัวเราะไม่ถือสาเดินออกมาจนถึงหน้าบ้าน
ขามาปีนรั้วเข้ามา แต่ขากลับต้องออกทางประตู เพราะแม่อยู่ เกรงใจแม่้นิดนึงนะ
“ต้อนพี่จะฝากรดน้ำต้นไม้ ดูบ้านให้หน่อย ไม่ต้องถึงกับทำความสะอาดหรอก”
“เออ ไม่ต้องห่วงหรอก อ๋อม เดี๋ยวแม่จัดการให้ต้อนมันไปดูให้” เสียงคุณนายดังมาจากในบ้าน
“ไรเนี่ยคุณนายเรียบกริบ” ลูกชายตัวดีทำเป็นบ่น
“ต้อน เดี๋ยวโดนจนได้” แม่ดุต้อน แล้วบอกกับพี่อ๋อมอีกที “อย่าลืมดึงปลั๊กไฟออกละกัน”
ไอ้ต้อนหน้างอหงิกเป็นม้า
“ต้อนครับ” พี่อ๋อมใช้ลูกอ้อน “พี่ฝากดูบ้านนะครับ”
ต้อนทำกอดอกหรี่ตามอง “อ๋อ นี่เอง ร้อยวันพันปีไม่เคยทำอะไรให้เค้ากิน แต่วันนี้ข้ามมาทำให้เค้ากินได้ เพราะจะใช้เค้านี่เอง”
“ไม่ใช่งั้นหรอกน่า”
“งั้นอะไร”
พี่อ๋อมแค่ยักคิ้ว .....ที่กระโดดข้ามรั้วมาทำกับข้าวให้กินก็เพราะจุดประสงค์อื่น
เรื่องฝากบ้านน่ะ มันเรื่องที่เพิ่งคิดได้เมื่อกี้นี้เอง
“ก็แค่อยากทำให้กิน นะฝากดูบ้านให้พี่ด้วย”
ต้อนพยักหน้าส่งๆ
“กะ ด้ะ โน่นก็ใช้ นี่ก็ใช้ เหอะ ไม่เกิดมาเป็นไอ้ต้อนมั่งเหอะ”
อ่า...หยอดลูกอ้อนอีกนิดเหอะพี่อ๋อม
“ขอโทษจริงๆ ไม่ได้คิดว่าจะรบกวน ถ้าต้อนไม่อยากทำก็ไม่เป็นไร”
“บอกตอนนี้ทันมั้ยล่ะ เดี๋ยวคุณนายเรียบกริบก็สั่งทุกระยะน่ะแหละ แล้วทำไมไปตั้ง 2 อาทิตย์ ไม่มีเรียนไม่มีสอบกะเค้าหรือไง”
“มีเรียนมีสอบ แต่ไปช่วยโรงเรียนทางนั้นก็สำคัญนี่นา นะต้อนพี่รบกวนหน่อย เดี๋ยวซื้อของมาฝาก”
ไอ้ต้อนทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ “เอาของกินนะ เยอะๆด้วย ของใช้ไม่เอา โอเค๊”
“โอเค..ของกินเยอะๆ”
พอถึงเช้าวันถัดมา พี่อ๋อมยกกระเป๋าเดินทางออกมาจากบ้าน ต้อนก็หันมาสวัสดีพ่อกับแม่ แล้วรีบวิ่งไปยืนรอขึ้นรถที่หน้าบ้าน
“เข้ามาก่อน” พี่อ๋อมเรียก วิ่งเข้าวิ่งออกปิดบ้าน แล้วยืนเท้าเอวมองจากหน้าประตูบ้านอีกที “ลืมดึงปลั๊กอะไรออกอีกหรือเปล่าวะ”
“พัดลมในห้องนอน”
“เออ...” พี่อ๋อมกลับเข้าไปในบ้านอีกรอบ พอลงมาจากชั้นบน ปรากฏว่าไอ้ต้อนเพิ่งเดินออกมาจากครัว
“เก็บซะเรียบเลยนะ”
“เออสิ” พี่อ๋อมเดินผ่าน แต่แขนกลับเหนี่ยวเอวไอ้ต้อนปลิวเข้ามากระแทกอก
“เว๋ย อะ อุ๊บ!..”
เพียงกดริมฝีปากต่อริมฝีปาก
แค่นั้นจริงๆ แต่ว่าใจก็เต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมานอกอก
พี่อ๋อมละริมฝีปากออก เลื่อนจูบที่แก้มใส
“ฝากบ้านด้วยนะครับ คนเก่ง”
ไอ้ต้อนนึกคำพูดไม่ออก ได้แต่พยักหน้างงๆ ให้เขาจูงมือมานั่งในรถ แล้วก็ยังนั่งเงียบจนมาถึงโรงเรียน
พอรถจอดก่อนถึงหน้าโรงเรียน ไอ้เกมเพื่อนคนที่พูดน้อยที่สุดในกลุ่มยืนรออยู่ เข้ามายกมือสวัสดีพี่อ๋อม แล้วช่วยกันยกของลงจากหลังรถ ไอ้เล้งเพิ่งมาถึงวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาช่วย
“เรียบร้อยนะ” พี่อ๋อมถามย้ำ
“ครับพี่”
“แล้วพี่จะโทรหานะต้อน”
ไอ้ต้อนก้มหน้างุดๆ “เออ”
พอปิดประตูรถ 3 หนุ่มก็ช่วยกันยกงานประดิษฐ์ไปไว้ที่หลังห้องเรียนให้ไอ้ปลา นนท์ และเกมที่นั่งหลังห้องอยู่แล้ว รับตำแหน่งเฝ้าของด้วยอีกต่อหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้นานนักหรอกเพราะคาบที่ 2 ก็สาธิตหน้าห้องเรียน แล้วย้ายเอาไปเก็บในห้องวิทย์ รอจัดแสดงตอนงานโรงเรียนอีกรอบ
“ต้อน” ไอ้เกมเรียก พลางพาดแขนลงบนไหล่
“เออ”
“มึงเป็นตุ๊ดหรือเปล่า”
“สัด ชกกันเลยเหอะ” ต้อนสะบัดมือเพื่อนออก หันไปผลักอกไอ้เกมที่ตัวสูงกว่า มากกว่าคืบ
ไอ้เกมรีบยกมือขอโทษ แล้วหันไปหาไอ้เล้ง ไอ้ปลา กับไอ้นนท์ แล้วหันกลับมาหาต้อนอีกที
“กูอยากคุยกับมึง”
“คุยได้ แต่อย่ามาเรียกกูตุ๊ด” ไอ้ต้อนชี้หน้า
“เออ ไม่เรียกหรอก” ไอ้เกมหันไปพยักหน้าไล่เพื่อน 3 คน แล้วคว้าข้อมือต้อนไว้ ดึงให้หยุดเดิน จนกระทั่งอีก 3 คนทิ้งห่างออกไป
เกมเพื่อนผู้มีนิสัยจริงจัง เรียนเก่ง และพูดน้อยที่สุดในห้องเรียน ถึงได้หันมาหา
“ให้กู ไปรับไปส่งมึงที่บ้านได้มั้ย”
ไอ้ต้อนหดคอ สงสัย “อะไรวะ”
“คือ กูหมายถึง ขอกูเป็นเพื่อนมึง ที่พิเศษกว่าอีก 3 คนได้มั้ย”
ต้อนขมวดคิ้ว “มึงมีปัญหาอะไรกับไอ้ 3 คนนั่นหรือไง”
“ไม่ ไม่ได้มีปัญหา แต่ว่า....คือ....”
“อะไรของมึงวะ” ต้อนแกะมือของเกมออก แต่เกมยื้อไว้
“กูไม่รู้เหมือนกัน ผู้ชายกับผู้ชาย แต่กูรู้สึกว่ามึงสำคัญกว่าคนอื่น”
ต้อนคิดว่าเข้าใจอะไรลางๆ แต่ก็อย่างที่ไอ้เกมบอกน่ะแหละ ผู้ชายกับผู้ชาย
“สัด เพื่อนกัน ต้องจัดลำดับด้วยเหรอวะ ไปเข้าห้องเรียนเหอะ”
เกมยังไม่คลายมือออก ดวงตาสีอ่อนที่มองมา พาลทำให้ต้อนรู้สึกไปไม่เป็นเหมือนกัน
“กูว่ากูรักมึงมากกว่าเพื่อนว่ะ”
อ๋อมยกกระเป๋าเดินทางกับของใช้วางรวมกับสัมภาระของนักศึกษาคนอื่นแล้วกลับมาที่รถ เจอกับไอ้ทูหนุ่มตาคม เดินมากับโอหนุ่มอารมณ์ดีมนุษย์สังคม
“เฮ้ย ไปไหน”
“เอารถกลับไปเก็บบ้านก่อนเดี๋ยวมาอีกรอบ”
“ไรของมึงวะ”
“เออน่า พอดีกูต้องช่วยน้องขนงานมาส่งอาจารย์แล้วกูก็ของเยอะด้วย เลยเอามาโยนไว้ก่อน ฝากดูด้วยเดี๋ยวกูเรียกมอไซค์รับจ้างหน้าบ้านมาส่งเลย”
“เออ ให้ไวว่อง รถทหารที่ขนของมาโน่นแล้ว” ทูชี้ไปที่รถทหาร 3 คันแล่นตามกันเข้ามาในมหาวิทยาลัย
“เดี๋ยวคุยกัน”
พอกลับมาที่หน้าคณะเรียนอีกรอบ การตรวจเช็คของที่จะขนไปยังไม่เสร็จดีจนอีกเกือบชั่วโมงถัดมารถถึงได้เคลื่อนขบวนออกจากมหาวิทยาลัย
ค่ำลงจึงมาถึงค่ายทหารในหาดใหญ่ พัก 1 คืนแล้วเตรียมตัวเดินทางต่อ
ตลอดเวลาของการเดินทางไกล ภาพที่ติดอยู่ในตาก็คือ เด็กผู้ชายข้างบ้านที่เติบโตจากเด็กหนุ่มตัวผอม หัวโต มองเห็นแต่ลูกตากับจมูกรั้น กลายมาเป็นหนุ่มหน้าใส กับที่ไม่เคยเปลี่ยนไปคือความร่าเริงและรอยยิ้มกว้าง
ความสดใสที่ค่อยๆแทรกซึมเข้ามาในใจ วันเวลาที่ใช้ไปกับผู้คนหลากหลายหน้าตา ค่อยจางลงจนกลายเป็นความว่างเปล่า
ไม่ว่าระยะทางจะห่างกันกี่กิโลเมตร แต่ก็ยังคงมองเห็นแต่หนุ่มน้อยคนนั้นอยู่เสมอ...
========จบตอนที่ 2======
คลิกเข้ามาเห็นหน้าสามถึงกับอึ้ง
ขอบคุณมากครับที่ให้ความสนใจติดตาม และแสดงความคิดเห็น
พบกันวันอังคารนะครับ
ไจฟ์กับที