ห่างหายไปนานเลยค่ะ ขออภัยด้วยนะคะ มาลงสองตอนรวดค่ะ จะพยายามปั่นให้จบนะคะ ใกล้แล้วล่ะจ้ะ ^ ^
ดวงใจจ้าวมังกร
Act.18 พลัดพราก
...เช้าวันรุ่งขึ้นน้ำฟ้าก็ต้องพบกับความแปลกใจ เมื่อเรนาร์ดนั้นมาหาเขาตามปกติ แต่มีท่าทางเคร่งขรึม และนิ่งเงียบจนเด็กหนุ่มรู้สึกแปลกใจ
“เรนาร์ด ...น้องเป็นอะไรไปหรือเปล่า? มีอะไรอยากปรึกษาพี่ไหม?”
น้ำฟ้าถามอย่างเป็นห่วง การที่อีกฝ่ายเป็นสายเลือดของราชินีผู้ร้ายกาจ ไม่ได้มีส่วนทำให้ความรักและเอ็นดูในตัวน้องชายต่างมารดาผู้นี้ของน้ำฟ้าจะลดน้อยลงไปสักนิด ตรงกันข้าม เขากลับรู้สึกยินดีมาก ที่อย่างน้อย เขาก็ยังมีญาติร่วมสายเลือดหลงเหลืออยู่คนหนึ่งด้วยเช่นนี้
“ข้าปรึกษาท่านพี่ได้จริง ๆ หรือ”
เรนาร์ดถามเสียงแผ่ว ทำให้น้ำฟ้าแปลกใจ
“ทำไมล่ะ น้องกังวลเรื่องอะไรเช่นนั้นหรือ เรนาร์ด?”
เรนาร์ดเงียบไป เขาก้มหน้าลงหลบตาแล้วเอ่ยเสียงค่อนข้างเบา
“เรื่องที่ข้าจะปรึกษาท่านพี่ เป็นเรื่องสำคัญที่จะให้ใครที่ตำหนักนี้รู้ไม่ได้ ...ข้าไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น นอกจากท่านพี่คนเดียว”
น้ำฟ้าชะงัก เขาหวนคิดถึงเรื่องของราชินีโอลิเวียขึ้นมาทันที ไม่แน่ว่าเรื่องที่เรนาร์ดอยากจะปรึกษา อาจจะเกี่ยวกับมารดาของตนก็เป็นได้
“แถวนี้มีแต่คนไว้ใจได้ทั้งนั้นนะ เรนาร์ด”
“...สำหรับข้า มีแค่ท่านพี่ ที่เป็นพี่น้องร่วมสายเลือดเท่านั้น ที่ข้าจะให้ความไว้วางใจได้ คนอื่นไม่มีทางเข้าใจข้าได้แน่...ไม่มีทาง”
เรนาร์ดพึมพำ แล้วก้มหน้านิ่ง จนน้ำฟ้านึกเป็นห่วง
“แล้วจะให้พี่ทำยังไง ให้พวกองค์รักษ์ออกไปก่อนดีไหม?”
น้ำฟ้ายื่นข้อเสนอ แต่ทำเอาดราโกที่ยืนเฝ้าอยู่ห่าง ๆ ชะงัก เตรียมจะอ้าปากห้าม แต่ก็ต้องถูกแววตาดุ ๆ ของน้ำฟ้าปรายตามาให้เงียบเสียก่อน
“...หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง ...ที่ตำหนักของท่านพี่มีแต่คนของท่านไทนอสเต็มไปหมด ไม่แน่ที่คุย ๆ กันอยู่อย่างนี้ ก็อาจจะถูกดักฟังอยู่ด้วยก็ได้”
เจ้าชายน้อยเอ่ยเรียบ ๆ ต่อมา ทำให้คนฟังต้องถอนหายใจเบา ๆ แล้วจึงชะงัก เมื่อผู้เป็นน้องชายเอ่ยขึ้นอีก
“ไปเดินคุยในสวนกับข้าได้ไหม...ถ้าท่านพี่ไม่ไว้ใจข้า ก็ให้องค์รักษ์ตามมาก็ได้ ...แต่ข้าขอร้อง ว่าให้เขาคอยคุ้มกันท่านอยู่ในระยะที่จะฟังสิ่งที่เราสนทนากันไม่ได้ก็พอ”
น้ำฟ้านิ่งอึ้ง เหลือบมองดราโกและองค์รักษ์คนอื่น ๆ ชั่วครู่ ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ กับข้อเสนอของอีกฝ่าย
“เอาอย่างนั้นก็ได้”
เรนาร์ดพอได้ฟังเช่นนั้นก็ยิ้มน้อย ๆ ให้กับผู้เป็นพี่ชาย แต่ไม่รู้ทำไมน้ำฟ้าจึงรู้สึกผิดสังเกตในรอยยิ้มนั้น เพราะยามปกติเรนาร์ดจะยิ้มได้สดใส ไร้เดียงสาและบริสุทธิ์กว่านี้ แต่พอเห็นเจ้าชายน้อยลุกขึ้น น้ำฟ้าก็ต้องสลัดความคิดฟุ้งซ่านนั้นออกไป แล้วเดินตามเด็กชายไปติด ๆ ทันที
ทางด้านดราโก เขาเดินห่างจากน้ำฟ้าตามคำขอของอีกฝ่าย แม้จะไม่สบอารมณ์นักก็ตาม
“ไอ้เด็กนั่นมันจะมาไม้ไหนกันแน่ ทำไมคุยในห้องไม่ได้ ต้องถ่อมาคุยนอกปราสาทด้วย!”
ดราโกบ่นอุบด้วยความหงุดหงิด จนแองเซลที่ตามมาอารักขาน้ำฟ้าด้วยกัน ต้องยิ้มแห้ง ๆ แต่ลึก ๆ แล้ว เขาก็รู้สึกผิดปกติในตัวเรนาร์ดวันนี้เช่นเดียวกัน แต่ก็ยังไม่เห็นว่าเจ้าชายน้อยจะมีท่าทีคิดร้ายกับน้ำฟ้าแต่อย่างใด เพราะถ้าลองมีจิตสังหารเพียงเล็กน้อย เขาและดราโกก็น่าจะจับสังเกตได้อยู่แล้ว
“ข้าสังหรณ์ใจไม่ค่อยดีเลย ทำไมนะ...”
ดราโกพึมพำ ทั้ง ๆ ที่เห็น น้ำฟ้ายืนคุยกับเรนาร์ดอยู่ในสายตาตรงหน้านี้แท้ ๆ แต่พอห่างกับเด็กหนุ่มระยะสุดมือเอื้อม ก็ทำให้เขาถึงกับร้อนรนในจิตใจได้ถึงเพียงนี้
สำหรับน้ำฟ้า เขารู้สึกแปลกใจ ที่พออยู่กันตามลำพังกับเรนาร์ดแล้ว เจ้าชายน้อยกลับดูนิ่งเงียบจนน่าประหลาด
“เรนาร์ด ...น้องมีอะไรอยากจะพูดก็พูดได้แล้วนะ พวกเราอยู่กันตามลำพังอย่างที่น้องต้องการแล้วยังไงล่ะ”
“...”
เรนาร์ดยังคงเงียบ แถมนัยน์ตาเหม่อลอย จนน้ำฟ้าผิดสังเกต แต่พอเขาจะหันไปปรึกษาแองเซลกับดราโก เด็กหนุ่มก็ต้องชะงัก เมื่อจู่ ๆ ท้องฟ้าก็พลันมีเมฆดำครึ้ม สายฟ้าแลบไปมา ท้องฟ้าดังเลือนลั่น จนเขาต้องตกตะลึงกับปรากฏการณ์เปลี่ยนแปลงฉับพลันที่เกิดขึ้น
“แย่แล้ว หรือว่า!”
แองเซลที่ไหวตัวทัน รีบพุ่งไปหาน้ำฟ้า จังหวะเดียวกับที่ดราโกเตรียมวิ่งเข้าไปไปหาเด็กหนุ่มคนรัก ทว่าสายฟ้าที่ฟาดมาขวางเอาไว้ราวกับเบื้องบนมีตา ก็ทำให้ทั้งคู่ต้องกระโดดหลบสายฟ้าเหล่านั้นไปคนละทาง
“...มะ ไม่นะ...ดราโกช่วยด้วย!”
ท่ามกลามความชุลมุน และอากาศวิปริตแปรปรวน จากท้องฟ้าซึ่งสว่างในเวลากลางวันพลันกลับเป็นมืดมิด เกิดรอยปริแยกคล้ายเป็นหลุมกลางท้องฟ้ากว้าง เสียงของน้ำฟ้าตะโกนแว่วมาเข้าหูมังกรหนุ่ม ก่อนที่สายฟ้าจะฟาดลงมาเปรี้ยงใหญ่อีกครั้งในตำแหน่งที่เด็กหนุ่มยืนอยู่
“น้ำฟ้า!!”
ดราโกตะโกนเรียกชื่อคนรักลั่น และพอฝุ่นควันหายไป มังกรหนุ่มก็เซไปข้างหลังสองสามก้าว หน้าซีดเผือด เมื่อตำแหน่งที่น้ำฟ้ายืนอยู่เมื่อครู่ กลับเหลือแค่เพียงความว่างเปล่าเท่านั้น
“ไม่จริง...ข้าไม่เชื่อ...”
ดราโกพยายามตั้งสติ เดินไปยังจุดที่น้ำฟ้ายืนอยู่ ทรุดเข่าลูบผืนหญ้าแถวนั้น ก่อนจะจิกมันดึงขึ้นมา แล้วตะโกนโหยหวนดังลั่นด้วยความเจ็บปวด
“น้ำฟ้า!!”
มังกรหนุ่มที่กำลังอยู่ในสภาพไร้สติ หันขวับมายังเรนาร์ดที่ยังคงยืนนิ่งเฉยอยู่แถวนั้น นัยน์ตาสีฟ้าฉายแววว่างเปล่าจนยากจะอ่านได้
“เจ้า! บอกมาสิว่าเป็นแผนของเจ้าใช่ไหม! เจ้าเอาน้ำฟ้าไปไว้ที่ไหน บอกมาเดี๋ยวนี้!”
ดราโกกระชากคอเสื้อของเด็กชายตรงหน้าหิ้วลอยขึ้น พลางตะคอกถาม แต่อีกฝ่ายก็ยังคงมีสีหน้าเย็นชาเหมือนเดิม
“เดี๋ยว! ท่านดราโกอย่าทำเช่นนั้น!”
แองเซลที่ตั้งสติได้รีบวิ่งมาห้าม แต่มังกรหนุ่มไม่คิดสนใจฟัง
“ไม่ต้องมายุ่ง! ข้าจะคาดคั้นให้มันพูดความจริงให้ได้!”
“หยุดนะ! เจ้าคิดจะทำร้ายท่านเรนาร์ดหรืออย่างไร!”
เสียงตะโกนมาจากอีกมุมหนึ่ง พร้อมกับร่างในชุดดำปรากฏกายขึ้นด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“ท่านดราโก ข้าขอร้อง ปล่อยเจ้าชายลงก่อน... ถ้าเจ้าชายเรโนอยู่ในมืออีกฝ่าย การกระทำที่หุนหันจะทำให้พวกเราจะเสียเปรียบนะขอรับ”
แองเซลกระซิบเกลี้ยกล่อม มองจากแววตาของเรนาร์ดดูยังไงก็ผิดปกติชัด ๆ แม้จะเกิดเรื่องราวเลวร้ายขึ้นเช่นนี้ สีหน้าของเด็กชายยังคงไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย
“ฮึ่ม! โธ่โว้ย!”
ดราโกเหวี่ยงร่างนั้นคืนให้กับลูก้าที่อุ้มรับไว้ทัน แม้จะมีสีหน้าไม่พอใจนัก แต่ลูก้าก็ไม่คิดจะเอาเรื่องอีกฝ่าย ...กลับกัน ถ้าเขาเป็นดราโก เขาคงต้องบ้าคลั่งไปเช่นกัน หากเกิดเรื่องแบบนี้กับคนที่เขารักสุดหัวใจ
“เจ้าชายกลับปราสาทกันเถิดขอรับ”
ลูก้าบอกกับเรนาร์ด ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าน้อย ๆ ด้วยสีหน้าเย็นชาเช่นเคย
“แม้ว่าเราจะอยู่กันคนละฝั่ง แต่ข้าก็ยังชื่นชมในความภักดีที่เจ้ามีต่อท่านเรนาร์ดเสมอ ...แต่ข้าคิดไม่ถึงเลยนะลูก้า ...ว่าเจ้าจะสามารถทำเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ กับเจ้าชายที่ตนเองเฝ้าปกป้องมาตลอด ได้ลงคอ!”
เสียงของแองเซลตะโกนไล่หลังชายหนุ่มมาด้วยความผิดหวัง ทำให้คนฟังชะงักเล็กน้อย แต่ก็ต้องทำเป็นไม่ใส่ใจ และเดินจากไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงแต่ดราโก แองเซล และองค์รักษ์อีกสามสี่คน ยืนนิ่งเงียบอยู่บริเวณนั้น
“ข้าจะไปรายงานท่านไทนอส ท่านจะไปกับข้าไหม ...”
“...ก็ได้”
ดราโกรับคำสั้น ๆ สีหน้าเคร่งขรึมผิดเคย เขาเหลือบไปมองตำแหน่งที่น้ำฟ้าเคยยืนเมื่อครู่อีกครั้ง แล้วจึงสะบัดหน้ากลับมา พร้อมกับเดินตามแองเซลที่เดินนำไปเงียบ ๆ
....กลิ่นหอมแปลกประหลาดที่โชยกระทบจมูก ทำให้คนที่กำลังหลับอยู่ ต้องปรือตาเล็กน้อย แล้วจึงลืมตาขึ้นช้า ๆ
“อือ...ดราโก...กลิ่นอะไรน่ะครับ”
เสียงละเมองัวเงีย ทำให้คนฟังหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ แล้วจึงตอบกลับไป
“เสียใจด้วยนะ ที่ข้าไม่ใช่คู่รักของท่าน...เจ้าชายเรโน”
น้ำฟ้านิ่งเงียบไปสักพักก่อนจะสะดุ้งเฮือก เมื่อรวบรวมสติได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่
“คุณเป็นใคร!”
น้ำฟ้าหันไปตวาดถามชายชราที่ยืนอยู่ข้างเตียง เขาพอจะจำได้ว่าก่อนจะหมดสติ เขาถูกเงาดำมืดคล้ายรูปมือจับที่ขาไม่ให้เขาหนีไปไหน แล้วพอสายฟ้าข้างบนจะฟาดลงมายังตำแหน่งที่เขาอยู่ น้ำฟ้าก็จำได้ว่าเขาถูกมือลึกลับนั่น ดึงลงหลุมดำบนพื้นดิน หลบไปเพียงเสี้ยววินาทีที่สายฟ้าจะโดนร่างเขา
และพอรู้สึกตัว ก็มาอยู่ในห้องประหลาดที่มีกลิ่นหอมชวนสะอิดสะเอียนเช่นนี้
“ข้าน่ะหรือ ...ข้าคือจอมเวทระดับสูงของอาณาจักร ชื่อว่ามาร์ลิค”
จอมเวทชราแนะนำตัว นัยน์ตาสีเทาฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมาชวนให้คนมองต้องหลบตาหนี
“แล้วทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่ ...ปล่อยผมกลับไปได้ไหม?”
น้ำฟ้ายันกายลุกขึ้นนั่ง แล้วลองถามอีกฝ่าย แม้จะรู้คำตอบอยู่ล่วงหน้าแล้วก็ตาม
“หึ ๆ คงไม่ได้หรอกท่าน ...ความจริงข้าเองก็ไม่ได้มีความแค้นอะไรกับท่าน แต่ทำยังไงได้ ข้าเป็นข้ารับใช้ท่านโอลิเวีย ท่านคือขวากหนามขวางทางนาง ข้าก็ต้องกำจัดตามหน้าที่คนรับใช้ที่ดี”
มาร์ลิคบอกเรื่อย ๆ อย่างไม่คิดจะปิดบังอะไร ทำเอาคนฟังต้องกลืนน้ำลายลงคอ
“คุณจะฆ่าผม?”
“ฆ่ารึ? โอ้ ไม่ ๆ ข้าจะทำเรื่องร้ายกาจเช่นนั้นลงคอได้อย่างไร ...ในเมื่อท่านออกจะงดงามเช่นนี้”
จอมเวทชราบอกแล้วจึงเอื้อมมือไปเชยคางอีกฝ่าย ทำให้น้ำฟ้าต้องรีบสะบัดหน้าหนี แล้วเขยิบถอยไปจนสุดหัวเตียง
“หึ ๆ รังเกียจร่างนี้ของข้าสินะ...เอาเถอะ ข้าจะใช้ร่างนี้อยู่อีกไม่กี่วันเท่านั้น ...รับรอง พอได้เห็นร่างใหม่ของข้า ท่านจะต้องชอบใจแน่ ๆ เพราะท่านออกจะคุ้นเคยกับร่างนั้นดีอยู่แล้วนี่”
คำพูดของมาร์ลิคทำเอาน้ำฟ้าต้องชะงัก ก่อนจะหวนคิดตาม ใบหน้าหวานซีดเผือด ริมฝีปากพึมพำชื่อใครบางคนเสียงแผ่ว
“...ดราโก”
“ใช่แล้ว...คนรักผู้แข็งแกร่งของท่านผู้นั้นอย่างไรล่ะ”
มาร์ลิคเอ่ยตามมาอย่างอารมณ์ดี ทำให้น้ำฟ้าต้องตวาดใส่
“อย่าทำร้ายดราโกนะ เขาไม่เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้!”
จอมเวทชราแย้มยิ้มกับความห่วงใยในตัวคนรักของเด็กหนุ่ม
“แน่นอน ข้าจะไม่ลงมือด้วยตัวเองเด็ดขาด ...เพราะคนที่จะลงมือก็คือ ท่าน”
น้ำฟ้าชะงัก แล้วเอ่ยเสียงแผ่ว
“หมายความว่าไง?”
มาร์ลิคแย้มยิ้มน้อย ๆ อย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเดินขยับกายเข้าไปใกล้เตียงและทรุดนั่งลงบนนั้น ในตำแหน่งที่เอื้อมมือถึงร่างของอีกฝ่าย
“แล้วท่านก็จะรู้เอง...”
น้ำฟ้าสะดุ้งเฮือก มองยังไงทางนั้นก็คงไม่ได้มาดีแน่ เขาตะโกนก้องในใจ แล้วหลับตาพยายามนึกถึงตอนที่ถูกปองร้ายในคืนแรก แล้วฉับพลัน รอบกายของเขาก็เกิดกำแพงโปร่งแสง กั้นไม่ให้มาร์ลิคสัมผัสถูกร่างกายของเขา
“...พลังของเชื้อสายราชวงศ์สินะ ...แต่แค่นี้คิดว่าจะทำให้ข้ายอมแพ้ง่าย ๆ อย่างนั้นรึ”
มาร์ลิคพึมพำอย่างไม่ทุกข์ร้อน เขาเหยียดยิ้มนิด ๆ แล้วดีดนิ้วเบา ๆ สักพักประตูห้องก็เปิดออก พร้อมกับการปรากฏกายของลูก้าและเรนาร์ด
“เรนาร์ด!”
น้ำฟ้าตะโกนเรียกน้องชายอย่างตกใจที่เห็นเจ้าตัวมาที่นี่ แวบแรกเขาคิดว่าเรนาร์ดจะสมคบร่วมมือกับมาร์ลิคเสียอีก แต่ใบหน้านิ่งเฉย ดวงตาไร้แววของอีกฝ่าย มันทำให้เขาต้องหันขวับมาทางจอมเวทชราทันที
“คุณทำอะไรกับน้องชายของผม!”
“...ก็แค่ควบคุมนิด ๆ หน่อย ๆ อีกอย่างราชินีเองก็ทรงอนุญาตเองด้วยนะ”
มาร์ลิคบอกยิ้ม ๆ อย่างไม่คิดจะปิดบัง ทำเอาน้ำฟ้าถึงกับตกตะลึง เพราะไม่คิดว่าจะมีแม่คนไหน กล้าทำเรื่องร้ายกาจเช่นนี้กับลูกในไส้ได้ลงคอ
“ไม่ต้องตกใจไป ราชินียังเคยทรงทำเรื่องร้ายกาจยิ่งกว่าท่านจะคาดเดาได้เสียอีก ...และเจ้าชายเรนาร์ดเองก็ทรงทราบดี และเพราะทราบดี พวกเราจึงต้องสะกดท่านไว้เช่นนี้ ไม่งั้นแผนการที่ตั้งใจไว้อาจจะพังลงได้”
น้ำฟ้านิ่งอึ้ง พูดอะไรไม่ออก แต่พอมาร์ลิคขยับเข้าหา เด็กหนุ่มก็รีบตั้งสมาธิเพื่อให้กำแพงโปร่งใสนั้นคงอยู่
“หึ ๆ ช่างดื้อด้านเสียจริง ๆ แต่อยากรู้นักว่าจะดื้อด้านได้ถึงขนาดไหน”
มาร์ลิคพึมพำ แล้วจึงหันไปทางเรนาร์ดสบตาแล้วพยักหน้าเบา ๆ อีกฝ่ายก็เดินมาหาเขาโดยไม่ต้องเอ่ยเป็นคำพูด
“ข้าเองก็ไม่อยากใช้วิธีนี้หรอกนะ แต่ในเมื่อท่านดื้อดึงนัก มันก็จำเป็น”
จอมเวทเฒ่ายกยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก แล้วจึงเสกกริชเล่มเล็กยื่นให้เรนาร์ดไปถือไว้ และจับมือของเด็กชายให้นำกริชจ่อที่คอของเจ้าตัว ท่ามกลางความตกตะลึงของน้ำฟ้าและลูก้า
“ท่านมาร์ลิค ท่านจะทำอะไรท่านเรนาร์ดน่ะ!”
ลูก้ารีบถลามาห้าม แต่แล้วก็ต้องชะงักกึกเมื่อแขนข้างที่ใช้เวทต้องห้ามสร้าง กลับดึงร่างของเขาไม่ให้ขยับขึ้นหน้าไปมากกว่านี้
“ไม่ต้องร้อนรน ลูก้า ...”
มาร์ลิคหันไปบอกยิ้ม ๆ แล้วจึงหันมาทางน้ำฟ้า
“อยากเห็นน้องชายตัวเองมีบาดแผลบ้างไหม ...เผื่อจะสาใจท่าน ...คิดเสียว่ากำลังแก้แค้นราชินีที่ทำร้ายท่านและแม่ของท่านผ่านลูกชายของนางก็ได้นะ”
มาร์ลิคกระดิกนิ้ว เรนาร์ดก็ยิ่งเพิ่มแรงกดปลายกริชให้มากขึ้นจนเลือดสีแดงไหลซึมออกมา
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! เด็กคนนี้ไม่เกี่ยวข้องด้วยสักหน่อย!”
น้ำฟ้าตะโกนห้ามด้วยความเจ็บปวด นึกสงสารเรนาร์ดจับใจ ที่ถูกแม่แท้ ๆ ใช้เป็นเครื่องมือ ซ้ำยังถูกนำมาเป็นเครื่องต่อรองกับเขาอีกต่างหาก
“ให้หยุดก็ได้ แต่ท่านก็คงจะรู้ใช่ไหมว่าจะต้องทำเช่นไร”
มาร์ลิคบอกด้วยน้ำเสียงรื่นรมย์ น้ำฟ้ากัดฟันกรอดแล้วปลดปล่อยสมาธิสั่งให้กำแพงโปร่งใสนั่นสลายหายไป
“ดีมาก...”
จอมเวทชราพึมพำ แล้วดีดนิ้วเบา ๆ กริชในมือของเรนาร์ดก็หายไป ลูก้าเองก็ขยับได้เหมือนเก่า เขารีบก้าวเท้ามาหาร่างเล็ก แล้วนิ่วหน้าด้วยความโกรธ เมื่อเห็นบาดแผลของอีกฝ่าย
“พาเจ้าชายออกไปได้แล้วลูก้า ส่วนจะคลายมนต์สะกดหรืออะไรก็แล้วแต่เจ้า”
มาร์ลิคหันไปบอกชายหนุ่ม ซึ่งมีสีหน้าโกรธเกรี้ยวและพยายามระงับอารมณ์เต็มที่
“ขอรับ!”
ลูก้ากระชากเสียงห้วนตอบรับ แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเลือดจากรอยแผลเล็ก ๆ ที่ลำคอของเจ้าชายน้อย ก่อนจะพาเจ้าตัวออกไป แต่แล้วเขาก็ต้องชะงักฝีเท้า เมื่อได้ยินเสียงจอมเวทเฒ่าเปรยขึ้นไล่หลังมา
“...อ้อ! เจ้าชายเรนาร์ด หลังจากนี้ก็ขอให้ท่านหัดยืนหยัดในโลกแห่งความเป็นจริง เหมือนพระมารดาได้แล้วนะขอรับ”
ลูก้าหันมามองคนพูดอย่างงุนงง แต่พอเห็นจอมเวทชราทำเป็นไม่ใส่ใจ เขาก็เม้มปากแน่น สะบัดหน้ากลับ และเดินนำเรนาร์ดออกไปจากห้อง โดยมีสายตาของน้ำฟ้ามองตามไปติด ๆ
“เด็กน้อยและชายหนุ่มผู้น่าสงสาร ... ผู้ชายคนนั้นเขายอมเป็นศัตรูกับท่าน เพียงเพราะอยากจะช่วยปกป้องท่านเรนาร์ด หากวันใดท่านขึ้นครองบัลลังก์ ราชินีก็คงถูกขุดคุ้ยความผิด ท่านเรนาร์ดเองในฐานะเสี้ยนหนาม ก็ต้องถูกกำจัดทิ้งไป ...ข้าพูดถูกใช่ไหม?”
มาร์ลิคเอ่ยถามอีกฝ่ายพร้อมกับเชยคางให้น้ำฟ้าสบตากับตน น้ำฟ้ารู้สึกขยะแขยงคนตรงหน้ายิ่งนัก แต่เพราะกลัวว่าน้องชายผู้บริสุทธิ์จะถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมืออีกครั้ง จึงจำต้องทนให้ชายชราแตะต้องร่างของเขา
“คุณผิดแล้ว...ผมไม่ได้กลับมาที่นี่เพื่อจะขึ้นครองบัลลังก์!”
น้ำฟ้าตอบด้วยแววตาและสีหน้าหนักแน่น จนคงมองแปลกใจ
“ถ้าเช่นนั้นท่านกลับมายังอาณาจักรแห่งนี้เพื่ออะไร ...หรือเพื่อจะแก้แค้นเท่านั้น?”
“ไม่ใช่!”
น้ำฟ้าบอกเสียงแข็ง
“ผมกลับมาเพราะต้องการโค่นล้มอำนาจของราชินี ในฐานะที่เกิดมาเป็นเจ้าชาย ผมไม่ต้องการให้ประชาชนของผมต้องเดือดร้อน ...และถ้าน้องชายต่างมารดาไม่ได้มีนิสัยเช่นแม่ของเขา ผมก็จะให้เขาปกครองประเทศต่อจากผม ...ผมกลับมาเพื่อการนี้ต่างหาก!”
มาร์ลิคนิ่งอึ้ง ก่อนจะหัวเราะออกมาดัง ๆ อย่างขบขัน
“ฮ่า ๆ ช่างเป็นคนที่น่าสนใจจริง ๆ ...ทั้งที่ราชินี ทำเรื่องร้ายกาจกับท่านและมารดาของท่าน ท่านยังคิดให้ลูกชายของนางขึ้นครองบัลลังก์แทนท่านอีกเช่นนั้นรึ!”
“คุณจะพูดยังไงก็แล้วแต่คุณ แต่ผมตั้งใจของผมแบบนี้นั่นล่ะ!”
น้ำฟ้าตอบโต้ อย่างไม่คิดเกรงกลัว ทำให้คนมองนึกสนใจร่างตรงหน้ามากขึ้น
“ดี...แบบนี้สิถึงค่อยคุ้มค่าที่ยอมลงทุนเปลืองพลังเวท สร้างสถานการณ์ปรวนแปรทางมิติดึงตัวท่านมาหน่อย”
จากนั้นมาร์ลิคก็ลุกขึ้นยืน แล้วมองร่างบนเตียง พร้อมเอ่ยขึ้นช้า ๆ แต่ดังกังวานชัดเจนไปทั่วห้อง
“ความจริงข้าอยากทำอะไรกับท่านมากกว่านี้ ...แต่ก็อย่างว่านั่นล่ะ ข้าใช้พลังเวทไปเยอะ จนต้องพักฟื้นกันนานหน่อย ...ถ้าไม่อยากให้ข้าลากผู้บริสุทธิ์รอบตัวท่านมาเดือดร้อนด้วย ท่านเองก็อย่าได้คิดหนี จงทำตัวเป็นเด็กดีอยู่ในห้องนี้ไปก่อนแล้วกัน”
กล่าวจบมาร์ลิคก็กระตุกยิ้มนิด ๆ อย่างเจ้าเล่ห์ นัยน์ตาสีเทาเหลือบไปมองโถกำยานมุมห้องแวบหนึ่ง แล้วจึงหันมาทางน้ำฟ้า ก่อนจะโค้งเล็กน้อยเป็นการอำลาแล้วจากไป ทิ้งให้เด็กหนุ่มนั่งกอดเข่าคนเดียวในห้อง น้ำฟ้าคิดถึงมังกรหนุ่มคนรักเสียเหลือเกินในยามนี้ อยากพบ อยากพูดคุย อยากให้อีกฝ่ายกอด แต่ตอนนี้แค่จะหาทางแจ้งข่าวคนข้างนอกว่าเขาถูกขังอยู่ที่นี่ยังไม่มีโอกาสเลยด้วยซ้ำ
--- TBC ---