“ถ้าพร้อม เจนก็น่าจะลองบอกกับพ่อแม่เขาดูนะ...เพื่อตัวเจนเองด้วย"คำพูดของทินกฤตก่อนจะออกจากอพาร์ทเม้นท์ของเธอไป ทำให้หญิงสาวที่นั่งเฝ้ารายการทีวียามดึกต้องนั่งคิดทบทวนอยู่หลายต่อหลายครั้ง ดวงตาคู่สวยละจากหน้าจอโทรทัศน์ คืนนี้เธออยู่ที่ห้องคนเดียวอีกเช่นเคย อลิสออกไปถ่ายแบบที่ฮอกไกโดโทรมาบอกว่าจะกลับดึกเหมือนเดิม เธอเบนสายตาไปมองนาฬิกา เข็มนาฬิกาบอกเวลาเกือบห้าทุ่มเข้าไปแล้ว แต่มันคงยังไม่ดึกเกินไปสำหรับการโทรศัพท์กลับ
...”บ้าน” ..
มือเรียวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรหัสต่างประเทศโทรกลับไปยังเมืองไทย ...ปลายสายนั้นหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแม่ของเธอจะเป็นคนรับสาย และหวังด้วยว่าผู้เป็นพ่อจะไม่ได้นั่งฟังอยู่ใกล้ๆ...ตอนนี้ เวลานี้ เธอทำใจมาเพียงพอที่จะคุยกับผู้เป็นแม่เท่านั้น
เพียงไม่นานหลังจากสัญญาณโทรศัพท์ยาวดังขึ้น ก็มีคนรับสาย และน้ำเสียงหวานจากปลายสายนั้นก็คือ แม่ของเธอเอง
" สวัสดีค่ะ "
"แม่...นี่เจนนะคะ" เสียงเจนสุดาเอ่ย น้ำเสียงนั้นเหมือนจะดีใจที่เป็นแม่ของเธอจริงๆที่รับสาย
"เจน! เป็นยังไงบ้างลูก? "น้ำเสียงของคุณราตรีแสดงความยินดี ก่อนจะหันไปบอกคุณจรัญซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกล " พ่อจ๊ะ เจนโทรมาแน่ะ "
"ก็ดีค่ะแม่...กำลังเริ่มเรียนหลายๆอย่าง โชคดีที่เรียนญี่ปุ่นไว้ก่อนหน้าแล้ว กำลังพยายามตามเพื่อนๆที่โรงเรียนออกแบบให้ทันอยู่น่ะค่ะ" เจนเริ่มต้นที่สถานการณ์ทั่วไปก่อน เธอคิดว่าแม่ของเธอคงจะอยากรู้สภาพความเป็นอยู่ของเธอมากกว่าสิ่งที่เธอตั้งใจจะบอกเป็นแน่
"งั้นเหรอ..ไปได้สวยใช่ไหม ที่โน่นน่ะ แม่กับพ่อเป็นห่วงลูกมากเลยนะ .. เอ่อ..เจน แล้วน้อง.. "
ผู้เป็นแม่ไม่กล้าถามต่อในประโยคหลัง น้ำเสียงแผ่วเบาลงด้วยความรู้สึกผิดและคิดถึงลูกชายคนเล็กคนนี้มากเหลือเกิน
"เจือสบายดีค่ะแม่...เรียนภาษาได้ดี หนูก็ช่วยติวด้วย บางทีอลิสก็มาช่วยด้วย เพื่อนเขาเยอะก็ปล่อยๆให้ไปคุยกับเนทีฟ มันจะพัฒนาได้เร็วกว่านะค่ะ" เจนสุดาว่า
"สภาพจิตใจเขาก็ดีขึ้นมาก...คิดว่าเขาคงมีแผนอะไรไว้ในใจแล้ว"
"น้อง..ไม่ได้เกลียดพ่อกับแม่ใช่ไหมที่ทำกับเขาแบบนี้..เจน แม่น่ะ อยากคุยกับเจือมาก แต่ก็กลัวว่าน้องจะเกลียดเราแล้ว" น้ำเสียงของราตรีสั่นด้วยภาพเมื่อหลายเดือนก่อนได้ย้อนกลับเข้ามาในความทรงจำ หลังจากที่รู้ว่าทินกฤตเป็นเกย์เธอก็พยายามไม่พูดถึงทินกฤตให้เจนสุดาได้ยินอีกด้วยความเชื่อที่คิดไปเองว่าบางทีลูกสาวนั้นอาจจะมีใจให้ทินกฤตอยู่บ้าง จึงพยายามไม่พูดและถามถึง นั่นบางครั้งก็หมายรวมถึงจุนเจือด้วย แต่นั่นไม่อาจหลีกหนีเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับลูกชายคนเล็กของเธอได้ ราตรียังจำได้ชัดนักเมื่อเปิดประตูห้องนอนของลูกชายด้วยจะนำข้าวไปส่งให้ แต่กลับพบเด็กหนุ่มนอนสิ้นสติอยู่บนพื้น รอบข้างมีแต่ยาเม็ดสีขาวเต็มไปหมดนั้นความจริงนั้นยังคงเป็นฝันร้ายในใจเสมอมา
"ความรักมันเป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้หรอกค่ะแม่ ทุกคนมีเหตุผลที่จะรัก หนูเชื่อว่าน้องเองก็รู้ดีว่าพ่อกับแม่ก็มีเหตุผลเหมือนกัน เพียงแต่...พ่อกับแม่อาจจะยังไม่คุ้นเคยกับความรักแบบนี้...ถึงมันจะแปลก มันอาจจะแตกต่าง แต่ถ้ายอมรับได้
เรา ก็ไม่ได้ต่างจากคนทั่วไปที่มีความรัก
มันไม่ใช่โรคร้ายที่พอจับให้แยกห่างจากกันแล้วจะหายได้หรอกนะคะแม่ ที่น้องเป็น...ก็แค่...อาการของคนเพิ่งเคยรัก เพิ่งเรียนรู้ที่จะรักเท่านั้น" เจนสุดาเอ่ย
คำว่า"เรา"และสิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ยขอโทษออกมานั้น ทำให้ผู้เป็นแม่หวาดกลัวขึ้นมา มันเป็นความหวาดระแวงในใจที่ยังฝังติดลึกมาจากหลายเดือนก่อน...
“ส่วนหนุเองก็อยากกราบขอโทษคุณแม่ด้วยค่ะ ที่โกหกแม่มาตลอด....” ก่อนสูดลมหายใจเข้าลึกเหมือนกำลังพยายามระงับสติของตัวเองเอาไว้
"แม่คะ...หนูคิดว่ามันถึงเวลาที่หนูจะต้องบอกแม่ซักทีแล้วค่ะ...นี่ไม่ได้เกี่ยวกับเจือ หรือ เทียนนะคะ...หนูขอบอกให้แม่เข้าใจไว้ก่อน ..." หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่หนักแน่น
“ เจน...ลูกหมายถึงอะไรน่ะ?..แม่ฟังไม่เข้าใจเลย" ราตรีถามพลางหยิบโทรศัพท์เดินออกมาคุยที่ด้านนอกห้อง หวังว่าลมเย็นที่พัดผ่านมาจะช่วยปลอบประโลมให้ความหวาดหวั่นในใจนี้หายไปบ้าง
“หนู...ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะหย่า ต่อให้เจ้าบ่าวของหนูไม่ใช่เทียนหนูก็คงต้องหย่ากับเขาในซักวันด้วยเหตุผลเดียวกันอยู่ดี” เจนสุดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆด้วยพยายามจะอธิบายในสิ่งที่เกิดขึ้น
“เพราะหนูมีคนที่ชอบแล้ว...และคนๆนั้นก็เป็นผู้หญิงค่ะแม่ ... ไม่ใช่ว่าไม่เคยชอบผู้ชายแต่เพียงแค่ความสัมพันธ์ผิวเผินที่เคยมีมันก็พอจะทำให้รู้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วค่ะว่าหนูต้องการอะไร ตลอดชีวิตนี้หนูอยู่แต่ในที่ที่มีผู้หญิงมาโดยตลอด หนูคิดว่าหนูรู้สึกดีและสบายใจที่ได้อยู่กับผู้หญิงด้วยกันมากกว่า... หนูรักอลิสค่ะแม่ เราคบกันมานานแล้ว"
"เจน.. " เสียงของผู้เป็นแม่นั้นแผ่วเบาราวกับใจจะขาด เมื่อสมองคิดทบทวนตามที่ลูกสาวว่าแล้วก็ไม่อาจจะหามูลเหตุอันใดมาปฏิเสธความจริงในความสัมพันธ์ระหว่างลูกสาวกับเพื่อนได้ มันจริงที่ตลอดเวลาที่ลูกสาวของเธอปฏิบัติตัวอยู่ในกรอบมาทั้งชีวิต ไม่เคยมีคนรัก มีเพียงเพื่อนสนิทที่อยู่ด้วยกันมาโดยตลอดตั้งแต่ชั้นมัธยมคนนั้น...ใครจะไปคิดกันเล่าว่าในกรอบที่คนเป็นแม่อย่างเธอได้จัดวางไว้ให้ลูกมาตลอดชีวิตนั้น...จะมีความสัมพันธ์อันเกินเพื่อนระหว่างหญิงสาวสองคนนี้แอบแฝงอยู่ในระยะสายตาของเธอมาโดยตลอดเช่นกัน
“แม่............”
ราตรีอึกอักเธออยากจะถามออกไปว่าจริงหรือ แต่เจนสุดาจะโกหกเรื่องแบบนี้ขึ้นมาให้มันได้อะไรกัน มือของเธอสั่นหัวใจในอกรู้สึกเหมือนมันจะหยุดเต้นลงเสียให้ได้ ในใจนึกอยากกรีดร้องต่อสวรรค์ว่าเหตุใดเรื่องราวแบบนี้จึงต้องมาเกิดกับครอบครัวของตัวเอง แต่จะให้เธอพูดอะไรไปได้มากกว่านี้ ในเมื่อสิ่งที่เธอและสามีทำกับลูกชายคนเล็กไปนั้นยังสร้างฝันร้ายที่ยังไม่จางหาย ความเจ็บปวดที่ประดังประเดเข้ามานั้นจริงมากเสียจนราตรีไม่ต้องการคำอธิบายใดๆจากลูกสาวคนโตคนนี้อีก
การรับโทรศัพท์ในครั้งนี้เหมือนตอกย้ำความจริงที่เกิดขึ้นให้เด่นชัดและเจ็บซ้ำสำหรับคนเป็นแม่เป็นเท่าทวี
"นี่แม่..เสียลูกไปทั้งสองคนแล้วใช่ไหม? “โชคดีนักที่เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาพูดคุยด้านนอก ดีแล้วที่สามีของเธอยังไม่ได้ยินเรื่องนี้
"ไม่ค่ะ...แม่คะ หนูอยากให้แม่ฟังหนูให้จบ ทั้งหนูกับน้องเรายังเป็นลูกของแม่ค่ะ เป็นเหมือนเดิมและก็จะเป็นลูกของพ่อกับแม่ตลอดไป...ความจริงคำนี้เทียนเป็นคนบอกหนู เขามาที่นี่และเขาทำให้หนูคิดได้ว่า ถ้าหนูยังเป็นลูกของแม่จริงหนูควรจะบอกความจริงให้แม่ฟัง...อย่างน้อยก็จะช่วยผ่อนเบาที่หนูรู้สึกผิดต่อแม่กับพ่อได้บ้าง..." เจนสุดาเริ่มอธิบาย
"หนูเป็นคนวางแผนเองที่จะแต่งแล้วก็หย่า หนูพอรู้มาซักพักแล้วว่าแม่จะให้หนูแต่งงานกับเทียน เลยคิดว่าถ้าบอกให้เทียนหย่าซะแล้วแบ่งสินสมรสกันเทียนก็จะได้ไปใช้ชีวิตแบบเดิมของเทียน ไม่ต้องมาจมปลักอะไรกับผู้หญิงแบบหนูอีก หนูรู้ค่ะว่า มันเห็นแก่ตัวถ้าจะบอกว่า ทุกอย่างเลยลงตัว หนูได้ในสิ่งที่หนูต้องการ..อิสระ แต่มันบังเอิญมากที่เทียนเป็นเกย์...พวกเราเลยอยู่กันแบบเพื่อน และมันก็เป็นเรื่องบังเอิญมากอีกเช่นกันที่เทียนกับน้องรักกัน ตอนแรกหนูก็แทบไม่เชื่อ และหนูเองก็กลัวมากว่าน้องจะไม่มีความสุข เพราะหนูรู้ดีว่าการที่ต้องหลบซ่อนมีชีวิตอยู่อย่างที่ต้องกลัวว่าคนจะจับได้มันเป็นยังไง... แต่ในตอนนี้ในเมื่อทุกคนรู้เรื่องแล้ว หนูไม่เคยรู้สึกสบายใจมากขนาดนี้เลย หนูดีใจด้วยกับน้องที่เขามีคนที่รักเขามากขนาดนั้น ตอนนี้มันเลยเป็นเรื่องของหนูกับอลิสที่ควรจะบอกกับคุณแม่เสียที...และสำหรับพวกเรานั้นก็คงจะต้องพยายามกันต่อไป..."
"ลูกอยากไปจากพ่อกับแม่มากขนาดนั้นเลยเหรอ..อยู่กับเราแล้วลูกไม่มีความสุขเลยเหรอ? "
ผู้เป็นแม่พยายามสะกดกลั้นน้ำตา คำว่า อิสระ จากลูกสาวนั้นกรีดหัวใจที่บอบช้ำให้เจ็บเหลือเกิน
"พ่อกับแม่ไม่ผิดที่จะคาดหวังและต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้เรา แต่บางครั้งคนเรามีความต้องการที่ไม่เหมือนกัน " เสียงหญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกอีกครั้ง
"หนูรอมานานที่จะได้เรียนแฟชั่นดีไซน์ในสถานบันที่หนูต้องการ และอลิสก็คอยให้กำลังใจแล้วก็พยายามที่จะอยู่ข้างๆหนูมาตลอดทั้งๆที่เขาก็มีงานยุ่งมาก ตอนนี้อลิซช่วยเดินเรื่องให้ หนูเองก็ส่งผลงานไปทางสถาบันที่อเมริกาก็ตอบรับแล้วหนูจะอยู่กับอลิสจนสัญญาของอลิสที่ญี่ปุ่นหมด...จากนั้นหนูคงต้องไปหาทางกันเองที่อเมริกา"เจนสุดาไม่ตอบคำถาม แต่บอกถึงแผนการของตัวเองให้อีกฝ่ายได้รับรู้ เธอยังคงยืนยันในความคิดของเธออย่างหนักแน่นเหมือนเคย
"เจน..นี่ แม่จะเสียลูกกับน้องไปจริงๆใช่ไหม? "ผู้เป็นแม่ยังคงถามย้ำๆ แผนการของเจนสุดานั้นคงจะไม่จบแค่ปี-สองปีนี้แน่นอน แล้วลูกชายของเธออีกคนล่ะ เธอจะต้องเสียลูกไปทั้งสองคนใช่ไหม?
"แม่คะ..." คำถามย้ำๆของผู้เป็นแม่ทำให้หญิงสาวต้องยกมือแนบอกด้วยเจ็บปลาบข้างในใจ
"มันอาจจะใช้เวลานาน แต่หนูก็จะกลับไปหาแม่ค่ะ ไปหาแม่กับพ่อแน่ๆ ถ้าพ่อกับแม่ยังมีบ้านให้พวกเรากลับ ...พวกเราเป็นลูกของพ่อกับแม่นะคะ จะไม่ให้กลับไปได้ยังไง"
"จ๊ะ..จ๊ะ..หนูรับปากแม่แล้วนะว่าจะกลับบ้าน .. ตอนนี้แม่ยอมหนูทุกอย่างแล้วและถึงพ่อจะไม่ยอม แม่ก็จะจัดการเอง .. แม่ต้องคุยกับพ่อเรื่องเจนกับเจือเอง แม่คิดถึงลูกนะ "
การรับปากของลูกสาวทำให้จิตใจที่แห้งเหี่ยวด้วยความเจ็บปวดนั้นเหมือนมีน้ำมาหล่อเลี้ยงให้ชุ่มชื้นขึ้นมาอีกครั้งในตอนนี้เธอรู้แล้วว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของเธอก็คือ ลูกทั้งสองคน และต่อให้พวกเขาจะเป็นอะไร จะรักใครชอบพอกับใคร หรือจะอยู่ห่างไกลออกไปซักเท่าไร ทั้งเจนสุดาและจุนเจือก็ยังเป็นลูกที่เธอรักอยู่ดี
"………….แม่คะ...หนูขอโทษ " เสียงสะอื้นดังขึ้นพร้อมกับสองมือที่ยกขึ้นพนม เธอรู้ว่าแม่ของเธอคงไม่เห็น แต่การที่ต้องมาได้ยินแม่บังเกิดเกล้าของตัวเองพูดแบบนี้นั้นมันไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีนักตรงกันข้ามยิ่งทำให้ใจที่มีแต่ความขลาดกลัวของเธอยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นไปอีก...แต่เธอได้ตัดสินใจทำลงไปแล้ว การหนีปัญหาที่ไม่สิ้นสุดของตัวเธอเอง มันคงไม่มีทางที่จะแก้ไขอะไรได้อีกนอกจากต้องเดินหน้าเท่านั้น
"แม่ขอโทษที่ฝืนใจลูกนะ....เราคงต้องใช้เวลาซักพัก แต่แม่จะรอวันที่หนูกับเจือกลับบ้านนะลูก "
เจนสุดารู้ดีว่าแม่ของเธอเป็นคนอย่างไร ตกใจง่ายเป็นเรื่องธรรมดา ตอนนี้ก็เช่นกัน
"แม่คะ...หนูขอโทษ ขอโทษที่ทำให้แม่ผิดหวัง แต่หนูอยากให้แม่รู้ว่า มันไม่ใช่ความผิดของแม่ ไม่เลย ...อย่างที่หนูบอก...พ่อกับแม่ก็แค่ต้องการสิ่งที่ดีที่สุดให้เราเท่านั้น ไม่มีใครกล้าโกรธหรือว่าพ่อกับแม่หรอกค่ะ มันคงผิดที่ตัวพวกหนูเองที่เป็นในสิ่งที่พ่อกับแม่หวังไม่ได้แต่นี่คือตัวหนูค่ะแม่ คือเจนสุดาที่จะพยายามมีความสุขในทุกวันต่อจากนี้ หนูไม่อยากให้คุณพ่อกับคุณแม่ต้องเป็นห่วงนะคะ หนูจะพยายามดูแลตัวเองให้ดี ไม่ทำให้พ่อกับแม่ต้องเสียชื่อเสียงค่ะ...หนูจะเป็นลูกที่ดีของพ่อกับแม่ต่อไปนะคะ” น้ำเสียงที่สั่นเครือของเจนสุดาเงียบลง ก่อนจะเอ่ยต่อว่า
“หนูคิดว่าเจือเองก็คงมีเรื่องอยากที่จะคุยกับแม่เหมือนกัน ทำไมคุณแม่ไม่ลองโทรไปหาน้องล่ะคะ" เจนสุดาเสนอ เธอได้พูดในสิ่งที่ต้องการออกไปแล้ว ส่วนผลที่จะตามมาก็คงมีแต่เวลาเท่านั้นที่จะบอกได้ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
"จ้ะ..ไว้แม่จะโทรหาน้องเองนะ..ถ้าลูกบอกว่าน้องเขาไม่ได้โกรธอะไรแม่อีกแล้ว แม่เองก็อยากจะคุยกับเจือเหมือนกัน "
"ค่ะ...ถ้าอย่างนั้นราตรีสวัสดิ์นะคะแม่ ไว้เจนจะโทรไปหาอีกนะคะ" เสียงเจนสุดาว่า เธอได้ยินเสียงผู้เป็นแม่ตอบกลับมาเหมือนคนอ่อนแรง แต่คงทำอะไรไปไม่ได้มากกว่านี้ ไม่เพียงแค่แม่ของเธอเท่านั้น ที่อาจจะต้องการคนมาปลอบโยนในเวลานี้ เธอเองก็เช่นกัน หญิงสาวค่อยวางหูโทรศัพท์ลงนั่งมองเวลาที่ค่อยๆผ่านไป ก่อนตัดสินใจกดเบอร์โทรศัพท์หาคนคุ้นเคย ได้ยินเสียงใส่ดังจากปลายสาย บอกว่ากำลังอยู่บนแท็กซี่และใกล้จะถึงมากแล้ว
"กลับมาเร็วๆก็ดีนะ...อยู่คนเดียว...เจนเหงา" เจนสุดากรอกเสียงไปตามสาย ก่อนตัดสายโทรศัพท์ ดวงตาคู่สวยหลับลงเมื่อยกสองแขนขึ้นกอดตัวเอง...กี่วันมาแล้วที่เธอต้องรู้สึกหนาวเมื่อไม่มีอลิสอยู่เคียงข้างยิ่งเวลาแบบนี้ยิ่งอยากได้ใครมาจับมือเอาไว้ให้แน่น แต่ถึงไม่เป็นอย่างที่คิดก็ยังอุ่นใจ เพราะรู้ดีว่าเมื่อบานประตูเปิดห้องพักออกพร้อมกับร่างเพรียวบางของคนรักที่เดินเข้ามา เมื่อนั้นจะรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านไปรอบกายที่แม้จะไม่ใช่ตลอดเวลา...แต่ก็รู้ดีว่าจะมีอลิสอยู่กับเธอเสมอต่อจากนี้ไป
+++++++++++++
talk : หายไปเสียนาน..แถมกลับมาพี่เทียนก็ยังตามหาเจือไม่เจออีก เจอแต่ดราม่าของเจนสุดากับคุณแม่...ต้องขอโทษด้วยนะคะ..
ขอ :กอด1:ทุกคน เผื่อจะหายเหนื่อยบ้างค่ะ