+
บุพเพวายร้าย
49.50%
“ แล้วจะยอมไหม?” พี่แบงค์ถาม
“ พี่คิดว่าผมจะยอมมีอะไรกับคนที่ไม่ได้รักไม่ชอบไหมครับ?”
“ ............................” พี่แบงค์ไม่ตอบ แต่ก้มลงมา ริมฝีปากสัมผัสคอผม ทันทีที่ปากพี่แบงค์โดนตัว ผมขนลุก ตัวสะท้าน ร่างกายเกร็ง
ทำไม!!??
ทำไมไม่ผลักพี่แบงค์ ออกไป กลัวอะไรวะ!! ผมด่าถ่อตัวเอง
“ผมเชื่อใจพี่ไม่ได้หรือครับ อึ้ก ฮือๆ ทั้งที่ผมคิดว่าพี่พอจะเป็นที่พึ่งให้ผมได้” ผมว่าพร้อมน้ำตา พี่แบงค์หยุดการเคลื่อนไหว..
“………………………………….” มือพี่แบงค์ที่กดไหล่เปลี่ยนเป็นช้อนหลังผมขึ้นมากอด
“ พี่ขอโทษนะ แต่ตอนนี้จุมอย่าเพิ่งกลับบ้านเลย พี่สัญญาว่าจะไม่อะไรจุมอีก ถ้าจุมไม่เต็มใจ”
“ ฮือๆ” ผมอยากกลับบ้าน แค่กลับบ้านตัวเองก็กลับไม่ได้
“ พี่ผิดเองจุม พี่ผิด ทั้งที่จุมเพิ่งหนีจากไอ้วุฒิมา แต่พี่กลับ… อย่าร้องเลยนะ พี่จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว…” แขนพี่แบงค์ที่กอดผมสั่นเป็นระยะ
“ ฮือๆ”
“ พี่มันเลว ยกโทษให้พี่นะจุม”
แกร๊ก!!
ประตูเปิดกะทันหัน เพราะไม่มีเสียงเคาะ?
ผมหันไปมอง พี่ชนะปรี่เข้ามาพวกผมและกระชากตัวพี่แบงค์ขึ้นก่อนที่จะต่อยหน้าพี่แบงค์แรงมาก
ผวักะ! ตุบ! พี่แบงค์ล้มลงไปนั่งกับพื้น
“ แบงค์ กรูบอกมรึงไปใช่ไหม!!” พี่ชนะว่าผมรีบลงมากจากเตียง คิดไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้น!?
“ ส่วนจุมมานี่!!” พี่ชนะพูดพร้อมดึงแขนผม
“ ชนะ ขอเถอะ” พี่แบงค์ว่า คงจะรู้ดีว่าพี่ชนะต่อยตัวเองเพราะอะไร
“ ขอให้มรึงได้เอาเมียเพื่อนเนี่ยะนะ ขอโทษเถอะให้ตายกรูก็ไม่ให้” พี่ชนะตอบผมพอเข้าใจแล้วว่าพี่ชนะกำลังเข้าใจพี่แบงค์ผิด
ไม่ใช่สิอาจจะเข้าใจถูกแต่ไม่หมด
“ พี่ชนะ เมื่อกี้ผมกับพี่แบงค์ไม่ได้”
“ ไม่ต้องแก้ตัวแทนมันจุม ลองคิดดูสิว่าถ้าพี่ไม่เข้ามาเมื่อกี้ ไอ้แบงค์มันจะทำอะไรจุม!” “ พี่แบงค์ ไม่ทำหรอกครับ พี่เขาบอกว่าถ้าผมไม่เต็มใจพี่เขาจะไม่ทำ” ผมบอก
“ เชื่อมันได้เหรอ ขนาดเมียเพื่อนมันยังจะเอา!!” “ ……………” พี่แบงค์ไม่ตอบแต่พยายามจะเดินมาหาผม
“ ถ้าจุมไม่ยอม มรึงไม่ทำ นี่มรึงยังจะคิดให้น้องเขาเลวยอมมรึงสวมเขาให้ไอ้วุฒิ มันไม่เกินไปหรือวะแบงค์!” “ จุม มากับพี่” พี่แบงค์ยืนแขนมาจะจับมือผม พี่ชนะปัดออก
“จุมไปอยู่กับพี่!” พี่ชนะบอกเสียงดัง ผมรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที เพราะไม่มั่นใจว่าพี่ชนะจะไม่คิดทำอะไรเหมือนพี่แบงค์
“ พี่ผมอยากกลับบ้าน” ผมบอก พี่ชนะหันมามองผมครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดว่า
“ ก็ได้ เดี๋ยวพี่ไปส่ง ไม่มีที่ไหนดีเท่าบ้านเราหรอก”
“ ครับ” ผมว่าดีใจพอดูที่พี่ชนะเข้าใจ
“ ชนะ ให้โอกาสกรูเถอะ”
“ กรูให้โอกาสมรึงไม่ได้หรอก เพราะคนที่จะให้โอกาสมรึงคือจุม” พี่แบงค์หันมาสบตาผมที่ยืนอยู่ข้างหลังพี่ชนะ
“ จุม” (พี่แบงค์)
“ พี่ครับ ผมอยากกลับบ้านจริงๆ” ผมบอก
“ แล้วไอ้วุฒิล่ะ ล่ะจุม มันต้องตามจุมไปแน่!” นั่นก็เป็นสิ่งที่ผมหนักใจซึ่งผมก็คิดไม่ตก แต่ตอนนี้ผมขอกลับบ้านก่อนได้ไหม
ทุกสิ่งทุกอย่างมันมากเกินไป ผมรับไม่ไหว..
“ แบงค์ อย่าพูดอะไรอีกเลยนะ กรูรู้กรูเข้าใจมรึง แต่มรึงอย่าเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสเหี้ยๆเลยว่ะ”
“ ชนะ มรึงอย่าบอกว่ามรึงเข้าใจเพราะมรึงไม่ได้รู้สึกเหมือนกรู”
“ ใช่มรึงพูดถูกกรูไม่ได้รู้สึกเหมือนมรึง แต่เชื่อไหมว่าถ้าคนที่กรูรู้สึกด้วย เขามีเจ้าของอยู่แล้ว คำว่า ‘หักห้ามใจ’ มันน่าจะมีผลกับกรูมากกว่ามรึงตอนนี้” พี่ชนะพูดแล้วลากผมออกมา
หมับ! พี่แบงค์จับมือผมที่เดินผ่าน ทั้งผมและพี่ชนะหันไปกลับไปมอง
“ แบงค์ปล่อย!”
“ ชนะ กรู..ทรมาน”
“ ไม่ได้มีแค่มรึงแบงค์ ทั้งไอ้วุฒิ ทั้งจุมที่ตอนนี้กำลังสับสน หวาดกลัว
แต่มรึงก็ยัง . . .” ปลายเสียงพี่ชนะที่พูดออกมาสั่น
“ ชนะ” พี่แบงค์ว่าแต่หันมามองผมที่ลำบากใจมาก ผมเห็นหน้าพี่เขารู้ว่าพี่เขากำลังเจ็บ แต่จะให้ผมทำยังไง ผมไม่ได้ชอบพี่แบงค์
“ แบงค์ คิดดูดีๆว่าสิ่งที่มรึงทำตอนนี้มันถูกไหม ...ถ้าจุมเลิกไอ้วุฒิเป็นกิจจะลักษณะแล้วมรึงจะจีบน้องเขา กรูไม่ว่าแต่ตอนนี้กรูว่าอย่าเพิ่งเลย……ได้ไหม?”
“ ..............................” พี่แบงค์เอาแต่มองผม ปล่อยมือก่อนที่จะหันหลังให้ โดยไม่พูดอะไรอีก พี่ชนะเลยพาผมลงมาข้างล่าง
พาผมขึ้นรถแล้วบอกผมว่าให้ก้มลงไม่ให้พี่วุฒิเห็นว่าพี่ชนะพาผมออกมา(รถพี่ชนะเป็นกระจกใส)
ในรถผมไม่รู้จะพูดว่าอะไร จึงได้นิ่งเงียบ
“ ของที่บ้านไอ้แบงค์ เดี๋ยวพี่เอามาให้อีกทีหนึ่งแล้วกัน” พี่ชนะบอก มือยังจับพวงมาลัยรถ ใบหน้ามองตรง
“ครับ”
“ เรื่องไอ้แบงค์ ไม่ต้องกังวล มันก็แค่บ้าที่เห็นว่าจุมมาอยู่บ้านมัน แล้วมันไม่อยากคืนจุมให้ไอ้วุฒิก็เท่านั้น ก็อย่างว่าแหละคนเรามันก็มีความโลภกันทั้งนั้นขึ้นอยู่ว่ามากหรือน้อยและเรื่องอะไร”
“ ........................” ผมเงียบก้มมองมือบนตัก ไม่คิดว่าพี่แบงค์จะบอกว่ารักผม 8 เดือนที่ผ่านมาไม่รู้เกิดอะไรขึ้นบ้าง
“ ส่วนเรื่องไอ้วุฒิ ไม่ช้าก็เร็วมันคงรู้ว่าจุมกลับไปอยู่บ้าน มันตามไปแน่นอน เตรียมรับมือมันด้วย” พี่ชนะบอก นั่นก็เป็นเรื่องที่ผมหนักใจอยู่ตอนนี้ครับ
“ ผมไม่รู้ว่าจะทำยังไงเรื่องพี่วุฒิครับ ทั้งที่ผมบอกพี่เขาไปแล้วว่า ขอจบ...แต่พี่เขาไม่ฟังผมเลย” ผมบอก
“ ไปบอกตอนกลางวันและยังเตะช้างน้อยมันด้วยใช่ไหม?” พี่ชนะถามขณะมองกระจกแล้วเลี้ยวซ้าย
“พี่ชนะรู้ด้วยเหรอครับ?” ผมถามแปลกใจ
“ รู้ดิ ตอนที่ไปบ้านไอ้แบงค์ เห็นไอ้วุฒิมันนั่งเป็นหมาหงอยหมดสภาพ เลยเข้าไปถามว่าเป็นไร มันบอกพี่ว่าจุมเตะผ่าหมากมัน มันยังบ่นกับพี่เลยว่าถ้าใช้การไม่ได้แล้วจุมจะเสียใจ”
แล้วทำไมหน้าผมถึงได้ร้อนผ่าว
“ ไม่เสียใจหรอกครับ!” ผมบอกทันที และคิดว่าตัวเองไม่น่าจะออกแรงจนน้องชายพี่วุฒิใช้การไม่ได้
“ ....................พี่ก็ว่างั้น......” พี่ชนะว่า หันมายิ้มให้ผมแวบหนึ่งก่อนที่จะหันไปขับรถต่อ จนกระทั่งถึงบ้านผม เรา 2 คนก็ไม่ได้คุยอะไรกันเพิ่ม
ผมลงจากรถพร้อมคำขอบคุณ พี่ชนะย้ำผมว่า ต้องหาทางรับมือพี่วุฒิให้ดีๆเพราะได้เลือกที่จะมาอยู่บ้านแล้ว ตอนนั้นน่าจะทุ่มกว่าแล้ว..
ผมกลับมาถึงบ้าน ยืนหน้ารั้วเห็นไฟในบ้านชั้นล่างเปิดไฟสว่าง ก็กดกริ่งสีเหลืองซีดอันเล็กๆ แล้วรอคอยให้แม่มาเปิดประตู ตอนนี้ท่านคงกำลังดูข่าว รอให้ข้าวที่กินไปย่อยก่อนที่จะขึ้นชั้น 2 เข้าห้องนอน
ผมรอไม่นานแม่เปิดประตูรั้วไม้คุ้นมือออกมาเจอผม
“แม่ หวัดดีครับ” ผมพูดเข้าไปกอดแม่ คิดว่าตัวเองตัดสินใจถูกแล้วที่กลับบ้าน อย่างที่พี่ชนะพูดไม่มีที่ไหนเหมือนบ้านของเรานั่นคือสิ่งที่ถูกต้องที่สุด และไม่มีใครเหมือนแม่ของเราด้วย...
“ อ้าวจุมมาคนเดียวเหรอลูก?” แม่ถามสงสัย ผมตอบท่านว่า ‘ครับ’ ท่านมองหน้าผม แล้วถามว่า
“ หน้าไปโดนอะไรมา?” แม่ถาม แสงไฟจากหลอดผอมตรงกลางประตูที่อยู่เหนือขึ้นไปชัดเจนพอที่จะเห็นรอยอะไรต่อมิอะไรบนหน้าผม แม้ว่ามันจะดีขึ้นมาแล้วก็ตาม
“ เดี๋ยวเข้าบ้านแล้วผมเล่าให้แม่ฟัง” ผมบอกคิดว่าจะเล่าให้แม่ฟังทุกเรื่องยกเว้นเรื่องที่พี่วุฒิซ้อมและข่มขืนผม
“ อย่าปิดปัง!” แม่ทำเสียงดุแต่ผมกลับยิ่งรู้สึกอบอุ่น และไม่กลัวเลยสักนิด
“ครับ” ผมบอกก่อนที่คลายแขนจากตัวนิ่มๆของแม่แล้วปิดประตูเอง
บรืน~ ไม่ทันที่ผมกับแม่จะเดินได้ 3 ก้าว รถที่ผมจำเสียงได้ก็มาจอดหน้าบ้าน และแทบทันทีที่รถจอดคนในรถก็พรวดออกมาพร้อมเสียงตะโกน(เสียงรถจอดและเสียงตะโกนแทบจะทันที)
“ จุม จุม!!” แม่หันมามองผมทำหน้าสงสัยพี่วุฒิที่กำลังจะร้องเรียกผม
“ ทะเลาะกันเหรอลูก?”
“ ไม่เชิงหรอกครับ” ผมตอบ พร้อมเสียงพี่วุฒิที่ตะโกนเรียกผมไม่หยุด
“ จุม จุมเปิดประตูให้พี่หน่อย”“ แล้วจะไปเปิดประตูให้พี่เขาไหม? ” แม่ถาม ขณะที่ผมกำลังคิด พี่วุฒิก็ตะโกนขึ้นมาอีกว่า
“ เมียครับ เปิดประตูให้สามีหน่อย!”“ ..................จุมแม่เข้าใจเรื่องจุมกับวุฒิ แต่ไม่รู้ว่าคนข้างบ้านจะเข้าใจไหม ...” แม่หันหน้ามาหาผมเหมือนบอกว่าจะทำยังไงดีกับคนที่ร้องอยู่หน้าประตูบ้าน ผมหน้าร้อนฉ่า
“ เมีย เปิดประตูให้ผัวหน่อย!” พี่วุฒิยังตะโกนไม่หยุด และน่าจะไม่หยุดหากผมไม่เปิดประตูให้
ผมเดินไปเปิดประตูให้พี่วุฒิ ทันทีที่ประตูเปิดออกพี่วุฒิกระโจนเข้ามากอดผม“ จุม กลับบ้านทำไมไม่บอกพี่” พี่วุฒิพูดคาดว่าน่าจะยังไม่เห็นแม่
มีสิ่งหนึ่งที่พี่วุฒิแตกต่างจากเมื่อตอนกลางวันคือ ตัวเหม็นขึ้นชัดเจน
“ พี่ครับปล่อย!”
“ ไม่ปล่อย เดี๋ยวจุมหนีพี่ไปอีก” พี่วุฒิกอดรัดผมแน่นกว่าเดิม
“ แต่ผมเหม็น” ผมบอกดันตัวพี่วุฒิออกไป ทั้งเหม็นทั้งอายแม่ที่น่าจะยืนอยู่ข้างหลัง
“เหม็น?” พี่วุฒิว่าคลายวงแขนจ้องหน้าผม
“ ครับ”
“ ...............พี่เหรอ”
“ครับ” ผมตอบ พี่วุฒิเลยยกไหล่ตัวเองขึ้นมาดม แล้วทำหน้าไม่สู้ดีนัก
“ ก็เพราะใครล่ะ พี่ถึงไม่ได้อาบน้ำตั้งแต่เมื่อวาน”
“ ถ้าเหม็นก็ไปอาบน้ำ” แม่ว่า ผมผลักพี่วุฒิออกไปได้ และพี่วุฒิเองก็คงคิดว่าปล่อยผมตอนที่ได้ยินเสียงแม่อยู่แล้วครับ
“ สวัดดีครับ คุณแม่” พี่วุฒิว่า ยกมือไหว้แม่
“ ถ้าอยากอาบก็ไปอาบบ้านตัวเอง แต่ไม่ใช่บ้านผม!” ผมบอก เดินไปหาแม่
“ พี่จะอาบที่นี่ รบกวนคุณแม่ด้วยนะครับ” พี่วุฒิพูดกับผมแล้วก็หันไปปั้นยิ้มให้แม่
“ จัดการกันเองแล้วกันนะ แม่จะเข้าไปดูข่าวก่อน” แม่พูดแล้วเดินเข้าบ้านเอาเฉยๆ ผมเลยต้องหันหน้าไปหาพี่วุฒิที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้จะเดินตามแม่เข้าไป ผมวิ่งไปดักหน้าแล้วกางแขนไม่ให้พี่วุฒิเข้าไปในบ้าน
“ กางแขนต้อนรับพี่ คิดถึงพี่ล่ะสิ” คิดไปได้
พี่วุฒิพูดแล้วเข้ามากอดผมครับ
“ พี่ครับ ปล่อย!!” พี่วุฒิพูดไม่รู้เรื่องจริงๆด้วย
“ ไม่ปล่อย คิดถึงเมียมาทั้งคืนขอกอดหน่อยเถอะ”
“ ไม่ให้กอด ผมกับพี่ไม่ได้เป็นอะไรกัน เพราะทุกอย่างระหว่างผมกับพี่มันจบแล้ว” ผมบอกปั้นน้ำเสียงและสีหน้าบอกว่าผมไม่ได้ล้อเล่น
“ พี่ไม่สน ยังไงจุมก็เป็นเมียพี่” พี่วุฒิบอกกอดแน่นกว่าเดิมผมเลยต้องต้องมือที่กางเมื่อกี้มาแกะออกแกะมือพี่วุฒิแทน
“ ปล่อยครับ!” “ ปล่อยให้โง่”
“ พี่จะเอายังไง!” “ ไม่เอาไง ขอเข้าบ้านไปอาบน้ำ กินข้าว นอนกอดเมียพอ”
“ ไม่มีทาง” “ งั้นจะกอดอยู่อย่างงี้แหละ” พี่วุฒิว่า
พูดยังไงก็พูดไม่รู้เรื่อง เด็ก 5 ยังบอกแล้วฟังกว่าพี่วุฒิ
“ ปล่อยผมและพี่ก็กลับบ้าน ไม่งั้นผมจะเรียกแม่มาช่วยผมไล่พี่ไปอีกคน!” ผมบอกเชิงขู่
“ เรียกมาเลยจะได้จูบโชว์”
“ พี่วุฒิ!” ผมพูดเสียงดัง
“ ถ้ายังไม่ให้พี่เข้าบ้านพี่จะไม่แค่จูบ” คราวนี้พี่วุฒิพูดสีหน้าจริงจังบ้าง พร้อมกับจ้องผมเขม็งว่าจะทำจริงๆ
“ ......................” ผมหลบสายตา หัวใจเต้นระทึก ขาเหมือนไม่มีแรงไม่ทราบสาเหตุ รู้แต่ว่าเรื่องวันนี้ควรปล่อยไปก่อน ....
“ ปล่อยผมแล้วไปปิดประตู จะอาบน้ำก็ไป” ผมบอก พี่วุฒิยิ้มรอ
“จุ๊บ~” พี่วุฒิหอมแก้มผมก่อนที่จะไปปิดประตูใส่กุญแจเรียบร้อย ผมเอามือจับรอยเมื่อกี้ เพราะมันร้อนขึ้นมาเฉยๆ แต่ผมพยายามปั้นหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเดินเข้าบ้านไปก่อนที่วุฒิ ที่วิ่งตามผมเข้าไป
พอแม่เห็นพวกผมเข้าไปก็บอกให้พี่วุฒิขึ้นไปอาบน้ำก่อนแล้วค่อยลงมากินข้าว
ผมเลยอยู่ในครัวกับแม่เพื่ออุ่นกับข้าว2 คน แม่ไม่ได้ถามผมว่าทำไมถึงมาตอนนี้และพี่วุฒิทำไมถึงมีสภาพเหมือนไปฟัดกับหมามา แต่ถามผมว่าหน้าไปโดนอะไรมา
“ ...............................” แม่ถามอีกเมื่อเห็นผมเงียบ ผมเลยเล่าเรื่องในผับให้แม่ฟัง แม่เงียบ
“ แม่ จุมขอโทษนะครับ” ผมว่า ตักข้าวให้จานให้ทั้งผมและพี่วุฒิเรียบร้อย
“ นั่ง ลง จุม ” แม่พูดเสียงดุ ผมนั่งลงตรงข้ามแม่ รู้ว่ากำลังโกรธ จำได้ว่าครั้งสุดท้ายที่แม่โกรธและตีผมเมื่อตอนมอ 3 วันนั้นเป็นเลี้ยงฉลองจะจบมอ3ของห้อง ผมกลับบ้านตี2 โดยไม่ได้โทรบอกแม่ก่อนตอนแรกก็ว่าจะโทรแต่ดันลืม พอผมกลับมาถึงบ้าน แม่นั่งรออยู่หน้าโทรทัศน์ ตาแดง น้ำตาเต็มหน้า ผมมองหน้าแม่ทั้งเสียใจและรู้สึกผิด คืนนั้นแม่ตีผมทั้งน้ำตา แต่ก็ยังถามผมว่ากินข้าวหรือยัง? และทายาให้ . .
เกินกำหนดมีต่ออีกเน้อท่าน