ขอบคุณคนโพสที่เขียนเรื่องราวๆดีให้อ่านนะครับ
ขอบคุณคนคอมเม้นต์ที่เป็นกำลังใจนะครับ
สู้ต่อไป ไอ้มดแดง
*******************
[wma=300,50]http://www.uploadblaster.com/?cmd=dl&file=9545a997dbd5d38cc7ce179877900e53[/wma]
ตอนนั้นในใจก็คิดว่าจะทำยังงัยดี จะตื่นลืมตาขึ้นไปนั่งดีไหม หรือว่าจะทำเป็นหลับ ... ไหนๆเราก็หลับอยู่แล้ว เราก็หลับตาแล้วกัน ไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะแอบฟังซีคุยโทรศัพท์เลย ... และเขาก็รับโทรศัพท์ไปซะแล้ว ... เราก็ได้ยินเพียงแค่เสียงของซีอย่างเดียว
"ฮัลโหล.......!!"
"ตอนนี้ ... ดูหนังอยู่ที่ห้องรับแขก"
"อืมมม ... ไม่เท่าไหร่แล้ว หายปวดไปเยอะแล้ว"
"ยังอยู่ๆ ... เมื่อกลางวันทีออกไปซื้อก๋วยเตี๋ยวแคระให้กิน" (อ้าว ... ใครหว่า มารู้จักเราด้วย)
"ยาก็กินแล้ว"
"เนี่ย! หลับอยู่บนโซฟาข้างๆซีเนี่ย" (นั้น ... บอกเขาไปอีกนะว่าเรากำลังนอน)
"ซีว่า ... คงกลับหัวค่ำมั้ง ...."
"อะไรก็ได้" (อะไรวะ อะไรก็ได้!?!?)
"ไม่รู้เหมือนกัน ... จะให้ปลุกมาถามไหม .... แต่ซีคิดว่าอะไรก็ได้"
"ได้ๆ แล้วซีจะเตรียมให้"
"เอาอะไรอีกไหมเหรอ!? ซีว่า .... ไม่ดีกว่า แค่นี้ก็เยอะแล้ว"
"ฮะๆ ... แค่นี้นะฮะ"
"เดี๋ยวๆ ...แม่ ... แม่จะผ่านร้านที่ขายวุ้นกะทิปะ ... ถ้าผ่านซื้อให้ซีหน่อยดิ ไม่ได้กินนานแล้ว"
"แค่นะฮะ"
นั้นงัย ... รู้แล้วว่าปลายสายที่ซีคุยด้วยเป็นใครกัน ... ที่แท้ "แม่" ของซีนั้นเอง .. ปล่อยให้เราคิดอยู่ได้
...........
หลังจากที่ซีคุยโทรศัพท์เสร็จ ... เราก็คิดว่าถ้าลุกขึ้นมาตอนนี้เลยซีเขาจะคิดว่าเราแอบฟังเขาคุยโทรศัพท์หรือเปล่าหว่า ... คิดไปคิดมา ... ก็ .... ทิ้งระยะไว้แป๊ปนึงดีกว่า แล้วค่อยลุกขึ้นมานั่ง หลังว่าที่หลับตารอเวลาลุกขึ้นมานั่ง ก็คิดว่า ... หนึ่งวันวันนี้ใกล้จะหมดลงแล้ว อยากให้วันๆนี้ยาวนานออกไปอีกนานแสนนาน แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ ... ได้คืบอย่าเอาศอก ... ได้แค่นี้ก็ดีมากแล้วสำหรับสิ่งที่ซีทำให้เรา แล้วก็รู้สึกดีใจกับวันนี้และเสียใจที่วันนี้ใกล้จะหมดลงทุกที ... อยู่ๆเหมือนจะมีน้ำตาเอ่อออกมาจากสองตาของเราที่ปิดอยู่ ... จากที่นอนตะแคงจึงพลิกตัวมาเป็นนอนหงาย ลืมตามองขึ้นไปบนเพดาน ...
"ตื่นแล้วเหรอ" และภาพเพดานที่เห็นกลับเป็นหน้าของซีที่ก้มลงมามองเรา
".................." เรานิ่งไปพูดอะไร
"เป็นอะไรไป ตาแดงๆ" ซีถามทั้งที่ยังก้มหน้ามองเรา
"เพิ่งตื่นมั้ง ตามันก็คงยังแดง และใส่คอนแทก เลนส์นอนด้วยแหล่ะ" เราตอบอย่างถูๆไถๆไป ไม่อยากให้มันรู้ว่าเรามีน้ำตาซึมๆ
แล้วเราก็ดันตัวลุกขึ้นมานั่ง นั่งนิ่งๆไปสักพัก ......... อยู่ๆ ซีก็มาจับไหล่เราเขย่าๆ ...
"เฮ้ย!! เป็นอะไรไปวะ ....!!?" มือมันยังวางอยู่ที่ไหล่เรา
เราส่ายหัวพร้อมกับตอบว่า "ไม่เป็นอะไรจริงๆ แค่มึนๆ สงสัยนอนมากไป" แต่จริงๆแล้วมันเป็นอากาศซึมเล็กๆ
"อืม ... นายคงนอนเยอะจริงๆ" แล้วซีก็เอามือที่เกาะไหล่เราออก
"เดี๋ยวมานะ ... หิวน้ำ ปวดฉี่ด้วย ...!"
"อืม..."
ขณะที่เรากำลังจะลุกขึ้นเพื่อจะไปห้องน้ำ ... เราก็เปลี่ยนใจกลับเขยิบตัวเข้าไปใกล้ๆซี และเอาแขนทั้งสองข้างกอดเข้าไปที่เอว เอาหน้าไปพิงที่ต้นแขนของซี .....
"เฮ้ย!! ..... เป็นอะไรไปวะ!??" ซีกลับสะดุ้ง
"ไม่เป็นอะไรหรอก แค่อยากกอดนายไว้ ขอกอดนายแป๊ปนึงนะ" .... และน้ำตาก็ซึมออกมาอีกครั้ง .... ตอนนั้นนึกในใจว่า เราขาดความอบอุ่นขนาดนี้เลยเหรอ ... นี้เหรอความอบอุ่นที่เราต้องการ ... ขอบใจนะซีทีให้ความอบอุ่นกับเรา ..... กอดซีอยู่ได้สักพัก เราจึงเบี่ยงหน้าจากต้นแขนของซีออกมามองหน้าซี
"เล่นอะไรวะ ตกใจหมดเลย" ซีถาม และรู้สึกได้ว่าตัวมันแข็งๆเกร็งๆ
"ก็แค่อยากกอดนาย" เราตอบไปทั้งที่มีน้ำตาเอ่อๆในตา
"แล้วทำไมต้องตาแดง น้ำตาเอ่อๆด้วย?" ซียังคงมองนัยตาเราอยู่
".........." เรากลับไม่ตอบ คลายมือจากเอว และลุกขึ้นมานั่งปกติ
"เป็นอะไรหรือเปล่า!?" ซียังคงถาม
"ไม่เป็นไรจริงๆ ... ไปฉี่ก่อนนะ" เรายิ้มให้ แต่ก็รู้สึกว่าตายังน้ำตาเอ่อๆ และเราก็ลุกขึ้น เดินไปเข้าห้องน้ำ พร้อมกับเอามือปาดน้ำตา
พอได้เข้าห้องน้ำ และล้างหน้าก็รู้สึกสบายใจขึ้น สดใสขึ้น .... เดินไปกินน้ำในครัว และเอาน้ำมาเติมให้ซี
"ล้างหน้ามาใช่ปะ ... ดูดีขึ้นหน่อย" ซีทักหลังจากเติมน้ำให้ซี
"ช่าย ... ค่อยรู้สึกดีขึ้นหน่อย" เรายังคงยืนอยู่
"แม่โทรมาบอกว่า กำลังจะกลับบ้านแล้ว"
"อ้าวเหรอ ...!! งั้นเราก็ได้เวลาเปลี่ยนมือแล้วดิ ได้เวลากลับแล้ว" เราลงมานั่งบนโซฟา
"เฮ้ย! อย่าเพิ่ง ... อยู่กินข้าวเย็นกันก่อนดิ จะรีบกลับไปทำไม" ซีหยิบรีโมทมาปิดหนัง เพราะว่าหนังจบพอดี พร้อมกับเปลี่ยนทีวีเป็นช่องปกติ
"อืมมม... ได้ๆ" เราหันหน้าไปหาซีพร้อมกับพยักหน้า ตอนนั้นไม่รู้จะพูดอะไรดี
"แม่บอกว่าจะซื้อน้ำพริกปลาทูมาด้วย ... ลองกินนะ เจ้านี้อร่อย" หน้าตาของซีตอนนั้นดีใจมากๆ คงเพราะมันชอบกินน้ำพริก
"อืมมมม ....." แต่เราก็ยังคงไม่รู้ว่าจะตอบอะไร
"แต่ว่าแม่ให้เตรียมล้างผักสด และหุงข้าวเตรียมเอาไว้"
"อันนั้นไม่ใช่ปัญหา ... เดี๋ยวเราหุงให้ เรื่องแค่นี้สบายมาก .... ว่าแต่ต้องออกไปซื้อผักใช่ปะ" ถึงตอนนี้เราค่อยมีเรื่องพูดหน่อย ไม่งั้นมัวแต่จิตตกเล็กๆ
"ไม่ๆ ... ผักสดมีอยู่ตู่เย็นอยู่แล้ว"
"ok เดี๋ยวเราไปเตรียมให้นะ ... นายนั่งอยู่ที่นี้แหล่ะ" เราบอกซี
"เราไปด้วยดิ ... นั่งอยู่ตรงนี้มานานแล้วนะ เบื่อแล้ว ... ให้เราย้ายที่ เปลี่ยนบรรยากาศ หรือทำอะไรบ้างเถอะ" ก็จริงอย่างที่มันว่า ... เป็นเราๆก็คงเบื่อถ้านั่งอยู่ห้องเดิมนานๆ
"เดินไหวไหม?" เราก็เป็นห่วง กลัวมันเดินไม่ไหว
"มันไม่เท่าไหร่แล้ว .. ให้ขาให้เท้ามันออกแรงบ้างเถอะ" ถูกของมัน
"ม๊ะ ... เดี๋ยวช่วยพยุงขึ้นมายืน" แล้วเราก็ลุกขึ้นยืน ไปช่วยพยุงตัวให้มันลุกขึ้นยืน
........ และซีก็เดินเกาะไหล่เรา เดินเข้าไปในครัวพร้อมๆกันสองคน
...........
พอเข้าไปในครัว เราก็ปล่อยให้ซีนั่งบนเก้าอี้ของโต๊ะกินข้าว ... บอกมันว่า ให้นั่งอยู่เฉยๆ เดี๋ยวเราจัดการเอง ... เรื่องหุงข้าวกับล้างผักสด แค่นี้สบายมากๆ ... เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย เราจีงลากเก้าอี้มานั่งใกล้ๆซี นั่งมองตาสีตาลหวานของมันแป๊ปนึง (หวานจริงๆนะ) แล้วเราก็ชวนคุยเรื่องที่ทำงานของมัน และที่ทำงานของเรา ... เม้าท์เรื่องที่ทำงาน เป็นอะไรที่สนุกสุดๆแล้ว ว่ามะ!? อิอิ .... คุยกันนานพอควร
"แป๊ปนึงนะ ... ขอไปห้องน้ำก่อน ปวดฉี่วะ ... ไม่เป็นไร เราเดินไปเองได้" มันเบรค และมันก็ขอเดินไปเอง ตามใจ! เพราะดูท่าทางมันคงจะokดีแล้ว
"อืมม ... ได้ๆ เดินเองได้นะ" ตามใจ! เพราะดูท่าทางมันคงจะokดีแล้ว
"ได้ ... เดินได้" แล้วมันก็ยันตัวลุกขึ้นมา เดินไปห้องน้ำ
"ถ้าอย่างนั้น ... เราไปนั่งที่ห้องรับแขกนะ" เราตะโกนบอกมัน ตอนที่มันใกล้จะถึงห้องน้ำแล้ว
สักพักใหญ่ๆ ซีก็เดินเข้ามาที่ห้องรับแขก ... "เราว่า .. แม่กลับมาแล้ว เราได้ยินเสียงเปิดประตู"
"มาแล้วเหรอ!?" เราสปริงตัวขึ้นยืนจากโซฟา แล้วเดินตรงไปที่ประตูบ้าน
"อืมๆ ... มาแล้ว ... เดี๋ยวเราออกไปช่วยแม่ถือของเอง" เราหันไปบอกซี แล้วเราก็จัดแจง ออกไปช่วยแม่ของซีถือถุงกับข้าวเข้ามาในบ้าน ... และตรงดิ่งไปที่ครัว ... แม่เขาบอกให้แกะและเทใส่จานชามเลย มีวุ้นกะทิที่ซีอยากกินด้วย เราจัดการเอาเแช่ในตู้เย็น และแล้วกับข้าวทุกอย่างก็ถูกจัดวางอย่างเรียบร้อย แม่ของซีไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว และซีก็เดินมานั่งรอในครัวเรียบร้อยแล้ว
"วันนี้ซีกินทั้งวันเลย ... แต่ยังไม่เท่าที ... รายเนี่ย กินและก็นอน ... ว่าแต่มีวุ้นกะทิหรือเปล่าแม่" อะ ... นั้นงัย มีแอบเม้าท์กรูด้วย
"มีๆ เราแช่ตู้เย็นไว้แล้ว" เราดันสะเหร่อตอบแทน อิอิ
"ดีๆ ... ไม่ได้กินนานแล้ว" ท่าทางมันดีใจมากๆ ยังกะไม่ได้กินวุ้นกะทิมาเป็นแรมปี
ในที่สุดเวลาที่กรามต้องทำงานก็มาถึงอีกครั้ง มื้อนี้เราไม่มีการป้อนซี ... ขืนป้อนต่อหน้าแม่เขาดิ ... โดนไล่ตะเพิดออกจากบ้านแน่ๆ หรือไม่แม่มันอาจจะอึ้งจนกินอะไรไม่ลงแน่ๆ ... ส่วนเรื่องกับข้าวอร่อยดี โดยเฉพาะน้ำพริกปลาทู กินกับผักสด ... ทุกใจเราอย่างแรง ดูซีก็enjoyกับมื้อนี้เหมือนกัน ... ตบท้ายด้วยวุ้นกะทิเย็นๆ .. อร่อยจริงๆขอบอก
เมื่ออิ่มกันหมดแล้ว เราก็เริ่มเก็บจานชาม ... แต่แม่ของซีห้ามไว้ไม่ให้ทำ ... แต่เรารู้สึกไม่ดี เลยบอกว่าไม่เป็นไร และซีก็สมทบด้วยว่า ให้แม่เขาขึ้นไปอาบน้ำ และมันจะล้างจานชามกับเราเอง .... แม่ของซีจึงออกจากครัวขึ้นไปบนบ้าน ส่วนเรากะซีก็ยืนล้างจานกันสองคน เราโกยเศษอาหารทิ้ง และลงน้ำยาล้าง ส่วนมันเป็นคนล้างน้ำ และคว้ำจานชาม ... มันก็ได้อีกfeelนึงที่ได้อยู่ใกล้ๆกัน
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ...
"เราว่า ... เราได้เวลากลับแล้วล่ะ!" เราหันไปบอกซี
"เฮ้ย! จะกลับแล้วเหรอ" มันพูดเหมือนจะตกใจ ... ตกใจอะไรกันนักกันหนาวะ
"ใช่ ... นี้มันก็จะหัวค่ำแล้ว อีกอย่างแม่นายก็กลับมาแล้ว"
"อืมม ... ตามใจนายแล้ว" มันพยักหน้า
"แต่ต้องไปเอากระเป๋าของเราที่ห้องนายก่อน" มันไม่พูดตอบอะไร ส่วนเราก็เดินออกจากครัวขึ้นไปข้างบนห้องนอนของมัน โดยมีมันเดินเกาะไหล่ตาม
พอเข้าห้องนอนของมัน ซีเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง ส่วนเราเดินไปหยิบกระเป๋าที่อยู่บนพื้นห้อง ... แล้วเราก็เดินไปนั่งบนเตียงข้างมัน
".........." ซีหันมามองหน้าเรา
".........." เราก็ไม่พูดอะไร .... แต่มือนึงก็ล่วงเข้าไปในกระเป๋า ควานหาipod ... พอหยิบออกมาได้ เราก็หาเพลงๆหนึ่ง
"ทำอะไร" ซียื่นหน้ามาถาม
"กำลังหาเพลงๆนึง อยากให้นายฟัง" เรายังคงวนนิ้วบนipodหาเพลงๆนั้น
"เจอแล้วๆ...!!" แล้วเราก็โชว์หน้าจอipodให้ซีดู เพลงที่เราหาเจอ ซึ่งhighlightด้วยสีฟ้า
"อ่อ ... เพลงนี้เหรอ ... ทำไมต้องเพลงนี้ล่ะ"
"ฟังเถอะน๊าา .... ใส่หูฟังคนละข้างนะ ... มะๆ เดี๋ยวเราใส่ให้" แล้วเราก็ยัดหูฟังข้างนึงในหูขวาของมัน และอีกข้างในหูซ้ายของเรา แล้วจึงกดไปที่play ... แล้วเพลงก็ดังขึ้นในหูฟัง
แล้วหัวของเราก็ค่อยๆลดต่ำลงไปซบไหล่ของซี ... เสียงเพลงในหูฟังทำให้หวนคิดถึงช่วงเวลาในวันเก่าๆที่ได้พบ ได้พูดคุย ได้ไปไหนต่อไหน ได้มีช่วงเวลา และประสบการณ์หลายๆอย่างกับซี ... และที่สำคัญคือวันๆนี้ วันที่เราขอซีเป็นแฟนหนึ่งวัน .... ในตอนนั้นไม่มีน้ำตาหรืออาการซึมเศร้า กลับมีแต่รอยยิ้มเล็กๆที่มุมปาก
อยากขอบคุณวัน เวลา โอกาส สถานที่ ที่ทำให้เราได้รู้จักกับซี ... และหนึ่งคนที่สำคัญที่สุดนั้นคือ "ซี"
ขอบคุณทุกๆอย่างที่นายทำให้เรา
ขอบคุณที่นายเข้าใจเรา
ขอบคุณที่นายไม่รังเกียจเรา
ขอบคุณที่นายก็รู้ว่าเรางอน นายยังตามมาง้อ
ขอบคุณที่นายตามใจเรา
ขอบคุณที่นายมีความรู้สึกดีในฐานะเพื่อนให้เรา
ขอบคุณที่นายไว้ใจเรา
ขอบคุณที่นายให้สายแดงเรา
ขอบคุณที่นายที่ช่วยฝึกช่วยสอนเทควันโดให้เรา
ขอบคุณที่นายเป็นกำลังใจเราหลายอย่าง
ขอบคุณสำหรับมิตรภาพที่นายให้เรา
ขอบคุณจริงๆ
ถามว่า...ยังรักนายไหม : เรายังรักนาย
ถามว่า...ห่วงนายไหม : เรายังคงห่วงนายเสมอ
ถามว่า...คิดถึงนายไหม : เรายังคิดถึงนายอยู่
แต่ถ้าถามว่า เราคิดกับนายในฐานะไหน : นายคือเพื่อน(เท่านั้น) แต่อาจจะมีความรู้สึกที่มากกว่า
**************************************************
THE END
**************************************************
http://www.myfirstsight.com/music/bird4.htmทำไมต้องเธอ - เบิร์ด
ก็มันไม่อยากรู้ ก็มันไม่อยากรัก
ไม่มีเวลา ที่จะคิดที่จะสนใจ
แต่พอได้เจอะเธอ ก็ดูชีวิตมันผิดเพี้ยนไป
ฉันกลายเป็นคนอ่อนแอ ไม่ชอบเลย
เมื่อไหร่ที่อยู่ใกล้เธอ ฉันรู้สึกราวกับเคลิ้มไป
ไม่เป็นตัวเองไม่เหมือนเคย
แต่พอเธอห่างหายไป คิดจะลืมยังไม่ได้เลย
ทำไมต้องเป็น(เธอ)ไม่เข้าใจ
นี่ตัวฉันเองหรือ เปลี่ยนไปถึงเพียงนี้
หมดความเข้มแข็ง และเหตุผลไปอย่างอย่างง่ายดาย
อาจเป็นเพราะเธอนั้น ที่เดินมาหาเข้ามาค้นใจ
แล้วฉันก็เลยเปลี่ยนไป เพราะรักเธอ
เมื่อไหร่ที่อยู่ใกล้เธอ ฉันรู้สึกราวกับเคลิ้มไป
ไม่เป็นตัวเองไม่เหมือนเคย
แต่พอเธอห่างหายไป คิดจะลืมยังไม่ได้เลย
ทำไมต้องเป็น(เธอ)ไม่เข้าใจ
เมื่อไหร่ที่อยู่ใกล้เธอ ฉันรู้สึกราวกับเคลิ้มไป
ไม่เป็นตัวเองไม่เหมือนเคย
แต่พอเธอห่างหายไป คิดจะลืมยังไม่ได้เลย
ทำไมต้องเป็น(เธอ)ไม่เข้าใจ