ตอนที่ 42 งานเลี้ยงปริศนา
ทำไมน่ะเหรอครับ......ก็งานนี้มันต่างจากความคิดของไอ้สามคนไปอย่างสิ้นเชิงไงครับ……. รวมๆคนที่มาเกือบร้อยเห็นจะได้ แถมตอนแรกพวกมันก็ทึกทักกันไปเองว่าจะมีแต่ผู้ใหญ่รุ่นคุณย่าคุณยาย....... แต่จริงๆแล้วเกินครึ่งนี่ รุ่นๆเดียวกับผมหมดเลยครับ
“..เฮ้ยเอก นี่มันงานแต่งงานหรือไงเนี่ย ทำไมคนเยอะจังอะ”ไอ้พลถามทันทีที่เข้ามาในงาน.......เมื่อกี้มันก็เริ่มงงตั้งแต่เข้ามาโรงแรมแล้วครับ ว่าทำไมถึงมาจัดกันในห้องจัดเลี้ยงใหญ่
“ไม่ใช่งานแต่ง....งานสังสรรค์ธรรมดา”ผมตอบขำๆขณะเดินพาพวกมันเข้าไปในงาน
“แล้วนี่รู้จักกันหมดเลยรึเปล่าเนี่ย”ไอ้พีถามบ้าง
“ไม่หรอก......ส่วนใหญ่ก็ยังไม่ค่อยรู้จักกัน......... จริงๆเราก็ไม่ค่อยได้มานะ.......ที่เห็นๆนี่ก็ลูกๆหลานๆเพื่อนคุณยายทั้งนั้นแหละ...... งานนี้เมื่อก่อนก็ไม่เคยจัดกัน พึ่งมีมาเมื่อ สามสี่ปีหลังนี่เอง...... เมื่อก่อนเริ่มจากปีละครั้ง แต่มาปีนี้เพิ่มเป็นปีละสองครั้งเพราะประสบความสำเร็จ.....”ผมตอบพร้อมกับมองหาคุณยายครับว่าจะพาไอ้สามตัวไปสวัสดีแนะนำตัวก่อน
“..ประสบความสำเร็จ…..เรื่อง” ไอ้พีถามย้ำ
“จับคู่ดูตัว”ผมตอบเสียงเรียบ
“เฮ้ยยยยยย…..จริงดิ”ไอ้สามคนตกใจร้องพร้อมกัน......อิอิ......
“เออ....ที่ได้ยินน่ะถูกแล้ว.....จริงๆแต่เดิมเค้าแค่อยากจัดกันเล่นๆให้ลูกๆหลานๆสนิทกันไว้…. เน้นให้ช่วยๆกันในเชิงธุรกิจ แต่ดันมีคู่นึงชอบพอกันขึ้นมาจริงๆแล้วก็แต่งงานกันไปใหญ่โต สร้างความปลาบปลื้มให้บรรดายายๆอย่างยิ่งอะดิ............จากนั้นก็เลยติดใจลงขันจัดงานกันต่อมาเรื่อยๆ...........งานก็เลยใหญ่โตอลังการขึ้นมาตามลำดับจนเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ” ผมตอบ.........อ๊ะ เจอแล้วครับ........ ผมก็เลยตัดบทยังไม่ให้พวกมันซักต่อ...ให้มาสวัสดีผู้ใหญ่ให้เสร็จก่อน
ผมพาไอ้สามตัวเข้าไปแนะนำให้บรรดาคุณยายรู้จัก.......และแล้วพวกมันก็โดนอย่างที่ผมคิดไว้จริงๆ........ นั่นก็คือโดนซักประวัติเชิงลึกเพื่อการจับคู่ที่เหมาะสม…..กร๊ากกกกก ฮ่าๆๆๆ.....ไอ้สามคนโดนซักฟอกกันเป็นการใหญ่เลยครับ……เนื่องจากทำตัวหล่อกันดีนักจนเป็นที่ถูกอกถูกใจบรรดาเพื่อนคุณยายทั้งหลาย……ส่วนผมก็เลยแอบชิ่งไปคุยกับยายผมสองคน อิอิ.............กว่าพวกมันจะหลุดกันออกมาได้ก็นานเอาการอยู่
“สมใจยัง”ผมยิ้มถามไอ้สามคน
“เออ!!!”พวกมันตอบพร้อมกัน
“เดี๋ยวเราต้องไปรู้จักกะน้องหวานอะไรซักอย่างด้วยเนี่ย”ไอ้ชาร์คบ่น
“มรึงยังดีกรูต้องไปรู้จักอีกสองคนชื่ออะไรยังจำไม่ได้เลย”ไอ้พีบ่นต่อ
“แต่แปลกดีเนอะพวกคุณยายทุกคนพูดเหมือนกันเลยว่าคุ้นหน้ามรึง ไอ้ชาร์ค”ไอ้พลพูดขึ้นมา
“เออๆ นั่นดิ เห็นพูดเหมือนกันหมดเลยว่ะ”ไอ้พีเห็นด้วย
“คงจำผิดกันมั้ง อายุก็มากกันแล้ว ความจำอาจจะเริ่มไม่ค่อยดี”ไอ้ชาร์คแย้งขำๆ
“ความจำไม่ดีอะไร เห็นวันๆพวกคุณเธอยังนั่งดูCNN วิเคราะห์สภาพคล่องการเงินโลกกันอยู่เลย”ผมแย้งบ้าง….. อันนี้เรื่องจริงนะครับ บรรดาลูกๆหลานๆบางทียังอัพเดทสู้แก๊งนี้ไม่ได้เลยครับ
“เออ……ว่าแต่….อย่างงี้….เอก….ก็…”ไอ้พีถามเสียงเศร้าติดๆขัดๆ
“เราทำไม”ผมงง
“ต้องถูก…..จับแต่งงานอะดิ”ไอ้พีหน้าสลด…….ตอนนี้มันทำหน้าน่าสงสารมากๆเลยครับ……ไอ้ชาร์คได้ยินก็หน้าเจื่อนตาม
“อ…..อืมมมม……..” ผมพูดพร้อมก้มหน้านิ่ง………ไอ้สามคนรีบเข้ามาโอบไหล่ปลอบผม…….พวกมันดูเครียดกันมาก……… ผมเลยต้องบอกความจริงพวกมันครับ………..ว่า
“……..เรา…………..คือ…………..เอ่อ……………..ฟังดีๆนะ………….เรา………………ล้อเล่นน่ะ” ฮ่าๆๆๆๆ ……………. อึ้งกันหมดเลยครับ…….โอ๊ย……ไอ้พลตีหัวกรูทำไม เจ็บนะ
“ต้องโดนซะบ้าง ทำให้เครียดกันหมด”ไอ้พลโวย…… ไอ้สองคนก็ทำหน้าแบบเห็นด้วย……แหะๆ….ล้อเล่นหน่อยเดียวเอง……. ผมเลยเล่าสาเหตุที่ผมไม่กังวลเรื่องถูกจับแต่งงานให้พวกมันฟัง
คืองี้นะครับ เนื่องจากทางบ้านผมน่ะมีความเชื่อเริองการแต่งงานที่แตกต่างไปจากบ้านอื่นๆมากอยู่สักหน่อย….. คือคิดว่าการอยู่เป็นโสดจะดีกว่าแต่ง………. คือจะได้ทำงานได้อย่างเต็มที่เรียกว่าไม่ต้องมีภาระว่างั้นเถอะครับ ……..แนวคิดนี้มีการสืบทอดกันมานานตั้งแต่รุ่นคุณปู่ทวดได้แล้วมั้งครับ ดังนั้นญาติโยมตระกูลผมถึงได้มีน้อยมาก………ทีนี้เมื่อ demand มากกว่า supply บ้านผมก็เลยเนื้อหอมกันกว่าปกติ…..เลยมักถูกเพื่อนๆคุณยายพาหลานสาวมายัดเยียดให้เป็นระยะ……… แต่ก็ไม่ยากเลยครับที่จะปฏิเสธ แถมผู้ใหญ่ยังรู้เห็นเป็นใจคิดว่าเป็นเรื่องสนุกอีกด้วยซ้ำ บอกว่า….ฮอตดี……เอาเข้าไปครับ………..พอได้ฟังเสร็จไอ้พีไอ้ชาร์คก็ดูผ่อนคลายขึ้นมาก แต่
“น้องเอกครับ”เสียงดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ผมหันไปดู
“….เอ่อ…..สวัสดีครับพี่คีธ”ผมทักตอบ……….พี่คีธเป็นหลานเพื่อนคุณยายคนนึงครับ เค้าพึ่งกลับจากอังกฤษมาได้ไม่นาน……….
“ดีใจจังเลยครับที่มาเจอเอก……กำลังหาเพื่อนคุยอยู่เชียว”พี่คีธพูดพร้อมยิ้มให้…..
“ครับผม….อ้อ….นี่เพื่อนผมครับ พี พล ชาร์ค……ส่วนนี่พี่คีธ….”ผมรีบแนะนำไอ้สามตัวให้พี่แกรู้จัก
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ……เอ……น้องชาร์คนี่หน้าคุ้นๆนะ เหมือนเคยเห็นที่ไหน….”พี่คีธแกทักพรางขมวดคิ้ว
“รายที่เจ็ดของวันนี้แล้วมั้งครับพี่ เมื่อกี้พวกคุณยายก็ทักไปแล้วแบบนี้แหละ”ไอ้พลบอกพี่เค้าไป
“สงสัยหน้าโหลมั้งครับ ต้องไปทำศัลยกรรมละ ฮ่าๆ”ไอ้ชาร์คพูดพรางหัวเราะขึ้นมาบ้าง
ไอ้สามคนก็คุยกะพี่แกถูกคอครับ จริงๆพี่คีธแกเป็นคนอัธยาศัยดี คุยสนุกแต่ก็เพราะไม่ค่อยได้อยู่เมืองไทย เพื่อนๆที่นี่เลยแทบไม่มี บางทีก็ยังงงๆกับทำเนืยมไทยอยู่พอควร………คุยไปคุยมาท่าจะถูกคอกะไอ้พลเป็นพิเศษครับ เพราะเห็นว่าบ้านอยู่ใกล้กัน
“…..นั่นชาร์คใช่มั๊ย……….”เสียงนึงดังขึ้น
“เอ่อ…..คุณ………..” ชาร์คตอบเสียงพร่า พร้อมกับตกใจหน้าซีดเผือด……………..
ต่อตอนหน้าอะดิ