เมาอบอวลกลิ่นไอ(รัก)
เสียงรถบรรทุกทยอยขับเข้าออกหน้าบ้านใหม่ของผมไม่ขาดสาย ก็ไม่ใข่อะไรหรอกครับ ไอ้พวกเครื่องเรือนต่างๆ ที่สั่งซื้อไว้นั่นแหล่ะ ค่อยๆ เอามาทีละชิ้นเพราะราคาแพงใช่ย่อย แถมยังซื้อแต่ละที่ต่างกันด้วย ผมเองก็ยืนคุมงานอยู่ไม่ห่าง
ส่วนไอ้ตัวยุ่งน่ะเหรอ… ปากบอกจะมาช่วย แต่นู่น เล่นกับลูกมันอยู่นู่น
“โอ๊ยๆ กัดทำไมเล่า!” ไอ้มิกกี้กระโดดเหยงๆ ยกขาตัวเองให้พ้นจากฟันคมๆ ของลูกหมาตัวน้อย วัยนี้คงกำลังขัดฟันเลยทีเดียวล่ะ เห็นอะไรเป็นต้องกัดไปหมด
ขณะที่ผมกำลังดูไอ้แสบนัมเบอร์วันเล่นกับไอ้แสบนัมเบอร์ทูอยู่นั้น ก็รู้สึกเย็นวาบที่ต้นแขน
“น้ำมั้ยพี่แดน?” ไม่เห็นหน้ามานานเลยใช่มั้ยล่ะครับ ใครซะอีก น้องรักของผมนั่นเอง… เจ้าตัวมาวันนี้ในชุดลำลองสบายๆ เห็นว่าตอนเช้ามีไปพบลูกค้ามา ตอนบ่ายว่างเลยแว่บมาดูเรือนหอซักหน่อย พูดไปนั่น
“…ก็ดี ขอบใจ” ผมรับน้ำมาแล้วเปิดขวดกระดกลงคอดังอึกๆ
“แล้วนี่กำหนดการเสร็จเมื่อไหร่อ่ะ?” มาร์ชหันหน้ามาถาม มันผมยาวขึ้นเยอะเลยครับ ผมสีน้ำตาลเข้มชื้นเหงื่อหน้าร้อนเลยถูกเสยขึ้นไม่ให้ปรกหน้าเป็นระยะๆ มันเองก็คงรำคาญเหมือนกัน เห็นคิ้วขมวดทุกครั้งที่จับผมตัวเอง
“ก็ปลายเดือนหน้า พร้อมเข้าอยู่ ถ้าไม่มีอะไรคลาดเคลื่อนนะ” ผมตอบไป ตาก็มองคนงานกำลังทำงานอย่างขะมักเขม้นไปด้วย
“หึหึ… น่ารักจริงจริ๊งงง ดีใจแทนมิกกี้น้อย”
ผมแอบถองศอกเข้าข้างลำตัวมาร์ชไปทีนึง ข้อหาทำเสียงเล็กเสียงน้อยน่าหมั่นไส้ ไม่ใช่อะไรหรอกครับ.. คนมันก็เขินเป็น เล่นมาแซวเล่นหูเล่นตาแบบนี้ยิ่งไปกันใหญ่ รู้ว่าเมื่อก่อนไม่ใช่คนจริงจังอะไรแบบนี้ ไม่รู้ว่าโดนพลังเด็กเล่นงานหรือยังไง รู้เพียงแค่ว่า… ไม่อยากเสียมันไป เลยต้องหาอะไรมาผูกมัดก็เท่านั้นเอง
“แล้วนี่ไปคุยกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงได้ไอ้ลูกหมานั่นมา”
เพราะว่าไอ้ตัวแสบที่มิกกี้มันกำลังเล่นด้วยกลางสนามหญ้าสีเขียวสดนั่นก็เป็นผลงานคนข้างๆ ผมนี่แหล่ะครับ เมื่อวานมันโผล่มาที่บ้านพร้อมกับเซอร์ไพรส์ เอาลูกหมาบลูเธอร์เรียที่บอกว่าสอยมาจากเพื่อนที่ทำฟาร์มหมาแถวๆ ปริมณฑลในราคาไม่แพง เค้าว่ากันว่ายิ่งไอ้ตัวที่มีจุดสีดำตรงตานะ… ราคาหลายหมื่น
“ก็ไม่ไง แค่มีคนโทรมาบ่นว่า ‘เฮียไม่ยอมให้ผมเลี้ยงหมา’ ฮือๆ งอแง โวยวาย เลยถามไปว่าอยากได้พันธุ์อะไร กะจะเอามาหักหน้าคนใจร้ายซะหน่อย” มาร์ชหัวเราะร่าเริง เหล่มองผมด้วยแววตาระยิบระยับ
“…แบบนี้ไงมันถึงเอาแต่ใจ มีแต่คนสปอยด์” ผมถอนหายใจแล้วส่ายหัว
“ทำเป็นพูดเหอะ ใครกันแน่ที่สปอยด์มิกกี้มากที่สุดน่ะ”
ไม่ทันที่ผมจะได้เถียงต่อ อยู่ๆก็มีแขนล่ำเปียกมันวาวไปด้วยเหงื่อมาพาดที่ไหล่ทั้งสองของเจ้ามาร์ช พร้อมกับเสียงโอดครวญราวกับช้างตกมัน ฟังแล้วแสลงหู -*-
“ไหนอ่ะ น้ำเค้าอ่ะ ร้อน เหนื่อยจะตายอยู่แล้วววววว” ไอ้ซันครับ… มันกอดคอมาร์ช ทำหน้าตาเหมือนจะตายเต็มแหล่ เสื้อกล้ามสีขาวแทบขะชโลมไปด้วยเหงื่อ ไหนจะผ้าที่โพกหัวอยู่อีก ท่าทางจะไม่ได้ช่วยซับของเหลวที่ขับออกมาจากร่างกายได้เท่าไหร่เลย
“เฮ้ยยย ออกไป กูหยะแหยง สกปรก” มาร์ชดิ้น เอาตัวออกห่างทันที
“ไรวะ เหงื่อออกแบบนี้ล่ะมารังเกียจ ทีตอน… โอ๊ยยย สาดดด ขากู!!”
ผมยืนอมยิ้ม สมน้ำหน้ามัน ไอ้ซันโดนมาร์ชเตะเข้าที่เข่าแบบเต็มๆ สองคนนี้มันรักกันด้วยหมัด กำปั้น และลูกเตะจริงๆ วันนี้ไอ้ซันมาช่วยขนของและทำงานครับ เนื่องจากว่าเมื่อคืนที่สองตัวนี้มาหาที่ห้อง เลยมีดื่มกันเล็กน้อย และเล่นไพ่แก้เบื่อ ไม่ได้ลับฝีมือมานาน พนันว่าใครแพ้จะต้องมาช่วยคนงานขนของวันนี้ เข้าทางโจรล่ะสิ เราไม่เคยเล่นไพ่ด้วยกันมาก่อน ท่าทางสองคนนั้นก็เหมือนกัน ไม่รู้ซะแล้วว่าผมกับไอ้มาร์ชน่ะเซียน เล่นกันเอาตังค์ตั้งแต่เด็ก หึหึ ผลเลยออกมาเป็นอย่างวันนี้นี่แหล่ะครับ
“เอ้าน้ำ แดรกไม่แดรก” มาร์ชยื่นขวดน้ำเย็นเจี๊ยบให้อีกฝ่าย ไอ้ซันเองก็รับไปแบบไม่เล่นตัว
“แดรกค้าบบบบ อย่าดุสิค้าบบบ”
เสร็จแล้วมาร์ชก็เดินไปหยิบผ้าขนหนูในกระเป๋าที่วางไว้บนโต๊ะใกล้ๆ มาเช็ดหน้าเช็ดตาให้แฟนมัน รักไม่รักก็ดูออกแล้ว ไอ้ซันก็ยิ้มซะหน้าบานจนโดนผ้าขนหนูฟาดไปเต็มลูกกะตา เออ…สมน้ำหน้าอีกรอบ
ผมกำลังยืนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย… มารู้ตัวอีกทีก็รู้สึกเหมือนอะไรมาแง่มๆ เข้าที่รองเท้า
“มานี่…มานี่! อย่าไปกัดเฮียเค้า เดี๋ยวเจอเตะไส้แตก” ไอ้คนพูดที่กำลังยื้อแย่งตัวลูกหมาออกจากขาผม ไม่รู้คิดยังไง… นี่กรูโหดขนาดนั้นเลยเหรอ!?
ผมถอนหายใจ…แวววุ่นวายส่อมาแต่ไกลเลยเว้ยเฮ้ย เลยเอาเท้าสอดเข้าไปใต้ท้องไอ้ลูกหมา แล้วช้อนขึ้นมาโยนมันเข้ากับอุ้งมือ
“เฮียยยยยยยยยย ทำเบาๆ เดี๋ยวมันเจ็บ!” นั่นไงครับ พ่อลิงเข้ามาประคบประหงมลูกมันทันที
“เอาน่า ไม่ตายง่ายๆ หรอก”
ไอ้หมาน้อยจ้องหน้าผมตาแป๋ว… เรียกว่าแป๋วก็ไม่ได้เพราะตามันหยีเล็กนิดเดียวเทียบกับหัวของมัน ถ้าเป็นคนคงออกแนวหัวเถิกแน่นอน ตลกชะมัด พันธุ์บ้าไรวะ หน้าตาส่อแววโง่แต่เด็ก ผมจ้องหน้ามันอยู่อย่างนั้น… ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า มันยิ้มให้กรูด้วย!!
“เอาคืนมาๆ ให้ผมนะ ขอคืนนะ เฮียยยยย จับมันเบาๆ เด่ะ!” ดูเถอะ อีกหน่อยคงรักลูกมากกว่าพ่อมันแล้ว ไอ้มิกกี้รีบแงะไอ้หมาออกไปจากมือผม แล้วประคบประหงมใหญ่ เอาให้ได้ตลอรอดฝั่งนะเว้ย
“ว่าแต่ตั้งชื่อยังอ่ะมิกกี้?” เจ้ามาร์ชพาดผ้าขนหนูไว้กับบ่า แล้วส่งเสียงหันหน้ามาถาม มือก็ยังจับหลอดป้อนน้ำให้อีกคน มึงเป็นนักมวยรึไงฟะแดรกเองไม่ได้เนี่ย ต้องมีพี่เลี้ยง แล้วที่ตรูไม่เห็นมีหลอดมาให้ โมโหเว้ย -*-
“ยังอ่ะพี่มาร์ช… ยังนึกไม่ออก” ไอ้ตัวยุ่งตอบไป ยิ้มไป
“รีบตั้งซะสิ จะได้เรียกกันถูก”
คราวนี้ไอ้หนูเงียบไปสักพัก อุ้มไอ้ตัวที่ดิ้นดุกดิกในมือส่งเสียงครางงืดๆ มามองดูสองสามที ก่อนจะส่ายหน้า แล้วหันไปทางมาร์ช
“พี่มาร์ชตั้งให้หน่อยดิ… ผมนึกไม่ออกอ่ะ”
ที่นี้เป็นฝ่ายมาร์ชบ้างที่เงียบไป… ผมเองก็ยืนดูสองคนเค้าสนทนากันไปเรื่อย ไม่ได้คิดอยากมีส่วนร่วมซักเท่าไหร่ เพราะมันจะชื่ออะไรก็เหมือนกันนั่นแหล่ะ สุดท้ายผมก็เรียกมันไอ้หมาอยู่ดี
“เอางี้ดิ” เสียงไอ้ซันโพล่งขึ้นมาหลังจากดูดน้ำหมดไปขวดนึง
“แดน กับ มิกกี้ รวมกันก็เป็น ‘ดิ๊กกี้’ กร๊ากกกกกกกกกก” ไอ้คนพูดหัวเราะชอบใจแถมยังทำท่าส่ายสะโพกไปมา ทำเอาไอ้มาร์ชหลุดหัวเราะออกมาด้วย แต่ไอ้มิกกี้ไม่ได้อะไรกับเค้า หัวเราะชอบใจไปตามน้ำ แล้วพยักหน้าหงึกๆ
“ดิ๊กกี้ ก็ ดิ๊กกี้….ดิ๊กกี้!!”
เสียงครางหงิงๆ ของไอ้หมาที่ท่าทางจะรู้ชะตากรรมตัวเองคงไม่ช่วยให้ทุกคนเปลี่ยนใจ… ส่วนผม เฮ้อออ เอาไงก็เอาเหอะ ชื่ออะไรก็ว่าไป แต่กรูจะไม่เรียกชื่อนั้นนะเว้ยบอกไว้ก่อน
“ดิ๊กกี้ หาป๊ะป๊าเร็ว” เจ้าหนูยกไอ้ดิ๊กกี้ขึ้นมาจ่อตร.หน้าผมซะจน “ดิ๊กกี้” จริงๆของไอ้หมาแทบจะมาทิ่มลูกกะตา
โอ้ยยย กรูจะบ้า ได้แต่ยื่นเอามือมาขยำหัวลูกหมาจนไอ้หนูต้องรีบดึงถอยออกมาทำหน้ามู่ทู่ไม่พอใจที่ลูกชายตัวน้อยโดนทำร้ายอีกแล้ว
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คิดถึงซันมาชเนอะ 