Part 43
“อืม…”
ทำไมร้อนมือจังวะ…ผมหรี่ตาขึ้นมองมือตัวเองที่พาดเหนือหัวขึ้นไปห้อยต่องแต่ง แดดนี่หว่า… ถึงว่าทำไมมันร้อนฉ่าๆ อยู่ส่วนเดียว เช้าแล้วเหรอเนี่ย… ไม่สิ แดดขนาดนี้น่าจะสายโด่งมากแล้วด้วยซ้ำ
ผมส่ายหัวไปมองบนเตียงอัติโนมัติ…จำได้แม่นว่าเมื่อวานเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง และเมื่อคืน…
“เฮ้ย” หายไปไหนวะ…ไอ้ตัวแสบของผมที่เมื่อคืนเกือบจะนอกใจไม่ได้อยู่บนเตียงข้างๆ อีกต่อไปแล้ว แต่สิ่งที่หายไปไม่ใช่แค่ร่างมันเท่านั้น ทั้งหมอนและผ้าห่ม… หรือว่าหนีไปแล้ว
แต่เอาหมอนกับผ้าห่มไปด้วยเนี่ยนะ?... ประหลาดไปละ
ผมหย่อนขาลงจากโซฟา แล้วก็ต้องร้องเฮ้ยอีกครั้ง เมื่อเหยียบโดนอะไรหยุ่นๆ ที่ปลายเท้า ไอ้ตัวดักแด้ที่คุ้นเคยมันม้วนตัวนอนขดอยู่บนพื้นด้านล่างข้างๆ โซฟานี่เอง คาดว่าจะขึ้นมานอนด้วยก็ไม่กล้า…อีกอย่างขืนทำแบบนั้นมีหวังได้มีคนแขนหักขาหักแน่ๆ
ระหว่างที่กำลังนั่งชันเข่าบนโซฟาอยู่นั้น…เจ้าดักแด้ก็เริ่มกระดุกกระดิกตัว มันลดผ้าห่มที่คลุมจนเกือบปิดหน้าลง และเมื่อเห็นว่าผมตื่นแล้วลุกขึ้นมานั่งดูอยู่ ก็รีบเด้งตัวลุกขึ้นตามทันที
“ขะ..ขอโทษครับ” ไอ้หนูดึงๆ ลากๆ ผ้าห่มกับหมอนตัวเองไปไว้บนเตียง พับๆ เก็บยังกับเป็นเมดซะเอง สักพักมันก็เดินกลับมาทางผม…ยืนเอามือลูบขากางเกงตัวเองเก้ๆกังๆ แล้วค่อยๆ ดึงผ้าห่มผมไป
“ผมพับให้นะ”
“….ไม่ต้อง เดี๋ยวแม่บ้านก็มาทำเองนั่นแหล่ะ”
ว่าแล้วก็ลุกขึ้น..โดยที่ไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายกำลังทำหน้าอย่างไร ผมเข้าไปในห้องน้ำจัดการล้างเนื้อล้างตัวตัวเองที่หมักหมมมาตั้งแต่เมื่อคืน ในใจก็คิดไปด้วยว่าจะยังไงต่อไป… จนกระทั่งออกมา ก็เห็นเจ้าหนูนั่งหน้าจ๋อยอยู่ปลายเตียง

“รีบไปอาบน้ำซะ…แล้วเดี๋ยวไปส่งที่บังกะโล” ผมบอก มิกกี้เงยหน้าหงอยๆ ขึ้นมามองผมครู่หนึ่ง แล้วจึงเดินหยิบเสื้อผ้าตัวเองที่เอาไปตากไว้ตรงระเบียงวิ่งเข้าห้องน้ำไป

ผมได้แต่ถอนหายใจดังเฮ้อออกมา… สองมือก็สวมเสื้อผ้าตัวเองรอจนกว่าอีกคนจะพร้อม
หลังจากที่นั่งเงียบมาตลอดทาง…บวกกับใครบางคนที่หันมามองผมเป็นระยะๆ เราก็มาถึงที่พักของเพื่อนๆ เจ้าหนูแล้ว แต่ไม่ทันที่จะได้เดินเข้าไปจนสุดถึงห้องพักข้างในแบบเมื่อคืน ตรงล็อบบี้กลับเต็มไปด้วยบรรดาคนคุ้นหน้าคุ้นตา
“ไอ้เชี้ย หายหัวไปเลยนะมึงงงงงง ติดต่อไรไม่ได้เลย กรูนึกว่าตกทะเลตายไปแล้ว” เพื่อนมันคนนึงทักขึ้น…คนนี้ผมไม่รู้จัก แต่ก็คุ้นๆ หน้าอยู่เหมือนกับเคยเห็นเดินผ่านไปผ่านมาแถวคณะพวกมัน
“….เออ โทษที”
ไอ้หนูตอบเพื่อนแบบขอไปที… แต่ที่น่าแปลก คือ ทุกคนดูจะเกรงๆ ผมไปหมด ไม่มีใครกล้าสบตาเท่าไหร่… ถึงจะหันมามองบ้าง แต่ผมโดนจ้องกลับก็รีบหลบสายตากันระนาว โดยเฉพาะไอ้กลุ่มที่มันสนิทกับผม ไอ้นัท ไอ้เป้ ไอ้โจ้…หึหึ พวกมึง…
“แล้วทำไมกรูโทรหามึงไม่ติดเลยวะ” ไอ้เพื่อนคนนั้นยังคงถาม ไม่รู้มันโง่หรือไม่ดูสถานการณ์กับบรรยากาศรอบตัวที่ออกแนวมืดตึ๊ดตื๋ออย่างรุนแรง
“มือถือกรูพัง”
“หะ? ตอนไหนวะ?”
“…เมื่อวาน ตอนลงน้ำ กรูลืมเอาออกจากกางเกง” มิกกี้มันพูดแบบเซ็งๆ แต่พอท้ายประโยคมีการแอบสะดุ้ง เหล่มามองผมประมาณว่า แหะๆ ไม่ได้ตั้งใจทำพังนะครับ… เอ้อออ ก็ไม่ได้จะว่าอะไร มือถือมึงก็เรื่องของมึง กรูไม่ใช่พ่อไม่ใช่แม่มึงซะหน่อย… หรือตอนนี้ใกล้เคียงแล้ววะ -*-
“แมร่ง ห่านี่ ขำว่ะ เมื่อวานโคตรเรื้อน…ปกติเห็นมรึงเมาก็ไม่บ้าขนาดนี้ สาวๆ เค้ากลัวกันใหญ่ กร๊ากกก” ไอ้นั่นหัวเราะอยู่คนเดียว สองมือกุมท้องจนเห็นเหล็กดัดฟันสีฟ้า…น่าเอากำปั้นเข้าไปยัดแล้วกระชากออกมา… ไม่เอาๆ ไม่เอาไอ้แดน ใจเย็นๆ เว้ย
“เออ…ว่าแต่เมื่อคืนมรึงหายไปไหนมาวะ นอนที่ไหนวะเนี่ย?” มันยังคงถามต่อ ท่ามกลางความเงียบของกลุ่มเพื่อนที่มองหน้ากันไปมองหน้ากันมา กลืนน้ำลายคนละเอือกสองเอือก
“…โรงแรม” เจ้าหนูตอบ คิ้วเริ่มขมวด เดินไปหยิบกระเป๋าตัวเองที่เพื่อนเก็บข้าวเก็บของมาให้
“โรงแรมไหนวะ โหๆๆๆๆ ถึงขั้นเปิดโรงแรมใหม่เลยเว้ยยยย”
“ห้องเฮีย”

มิกกี้บุ้ยปากมาทางผม แล้วรูดซิบกระเป๋า…มือควักข้าวของตัวเองเพื่อดูว่ามีอะไรบ้าง จากประโยคที่ส่งมานี้ทำให้เกือบทุกสายตาพร้อมใจกันบรรจบมาที่ผม ไอ้เป้…เป็นคนที่ยกมือขึ้นไหว้ก่อน หลังจากนั้นทุกคนก็เริ่มยกขึ้นไหว้หรอมแหรมๆ ตาม ส่งเสียง ‘ดีครับ…ดีค่ะ’ สลับกันไป
“กวาง…เราคุยด้วยหน่อย” ไม่ทันไรไอ้หนูก็รุกหนักจนผมเองยังตกใจ มันทำหน้าจริงจังจนเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนกับไอ้ที่พูดเมื่อเช้าว่า ‘ผมพับให้นะ’ ด้วยท่าทีรู้สึกผิด
“อ๊ะ..คุย… คุยอะไรเหรอกี้?” ดูเหมือนเธอเองก็แปลกใจไม่แพ้กัน หลังจากที่ยืนจับมือกับเพื่อนผู้หญิงอีกคนนึง…กวางจำเป็นต้องปล่อยมือเพื่อนเธอออก เมื่อเห็นไอ้หนูเดินนำหน้าไปสวนข้างๆ ล็อบบี้เรียบร้อยแล้ว

กวางหันหน้ามามองเพื่อนสาวอีกสองสามคนอย่างงงๆ… ถ้าผมตาไม่ฝาด ปากเล็กนั่นเบ้ออกราวกับจะร้องไห้ เธอไม่ปล่อยให้เพื่อนๆ…หรือ ผม สังเกตอาการที่เปลี่ยนไปมากมายนัก เพราะหน้ารูปไข่พิมพ์นิยมนั่นรีบสะบัดหันหนี และเดินตาม ‘กี้’ ไปทันที
“ไอ้นัท”
“ค…คร้าบบบ” เจ้าตัวที่โดนเรียกนั่งหน้าหงอย เสียงหงอยเป็นอันต้องสะดุ้งขานรับผม
“ไอ้เป้”
“จ๋า…” ดูมัน เพื่อนเล่นเรอะ…ว่าแล้วเลยส่งสายตาโหดไปให้ อีกฝ่ายถึงกับทำปากจู๋หันไปมองหน้ากับไอ้นัทแล้วกระพริบตาปริบๆ
“ตามมานี่”

ผมเดินนำแยกไปอีกทางจากที่เจ้าหนูเดินไปกับกวาง หันไปมองด้านหลังด้วยหางตาเล็กน้อย…สองคนนั่นเดินคอตกตามมาอย่างช่วยไม่ได้ ทิ้งเพื่อนๆ อีกจำนวนเกือบโหลไว้เบื้องหลังกับกองกระเป๋าเดินทางที่ตั้งระเกะระกะเต็มล็อบบี้
ไม่นานนัก…ผมก็หยุดฝีเท้าลงที่สวนหย่อมเล็กๆ ที่สามารถมองไปเห็นทะเลลิบๆ
“เอาล่ะ…รู้ใช่มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น”
“…เรื่องไหนล่ะเฮีย” ไอ้เป้ปากเปราะตอบเสียงอ่อยก่อน
“ถามว่าเรื่องไหนนี่แสดงว่ามีหลายเรื่องใช่มั้ย?” สงสัยว่าคิ้วจะขมวด และหน้าจะยักษ์ไปโดยไม่รู้ตัว…ไอ้เป้ที่ยืนหน้าเซียวยิ่งซีดหนักกว่าเดิมหลายเท่า

“ป..เปล่าๆๆๆๆๆๆ ไม่มี๊ ไม่มีซักเรื่อง เฮียพูดเรื่องไรเหยอออออ” มันส่ายหัวดิ๊กๆ ก่อนที่จะทำท่าทำทางปัญญาอ่อนใส่
“เล่ามาให้หมดเปลือก…อย่าโยกโย้”
ไอ้เป้หันหน้าไปทางไอ้นัท…มันกระทุ้งศอกใส่กันไปมาเป็นเชิงปฏิเสธไม่อยากจะเล่า สุดท้าย…ไอ้นัทก็ต้องรับหน้าที่นี้ไปเพราะโดนอีกฝ่ายกระซิบอะไรสักอย่างข้างหู
“คือว่า…เอ่อ เรื่องไหนล่ะ”
“มรึงอยากโดนใช่มั้ย!?” ผมขึ้นเสียงด้วยความหงุดหงิด ไอ้พวกนี้จะปัดไปปัดมาอีกนานแค่ไหนวะ!
“เฮ้ยๆๆๆ ใจเย็นดิเฮียยย…ที่ถามเนี่ย…เอ่อ ก็เพราะไม่รู้จะเริ่มตรงไหน เฮียอยากให้เริ่มตรงไหนเล่า” ไอ้นัทก็คิ้วขมวดไม่แพ้กัน มันละล่ำละลั่กตอบจนลิ้นแทบจะม้วนพันกัน
“กวาง!”
“อ้อออ…กวาง กวาง….กวาง กวาง คือ เพื่อนในคณะ…” ไอ้นัทยังคงความกวนตีนได้คงเส้นคงวา แต่ผมว่าในนาทีนั้นมันคงออกแนวประหม่าตอบไม่ถูกมากกว่า
“…นัท” ผมเค้นเสียงรอดไรฟันเรียกอีกฝ่าย
“คร้าบบบ…โอเคๆ กวางก็เป็นเพื่อนอีกกลุ่มนึงนี่แหล่ะ แต่ไม่ได้สนิทด้วยมาก ก็อารมณ์เพื่อนๆ กันหมด แต่พอดีโปรฯ สุดท้าย…เอ่อ ไอ้อันล่าสุดนี่แหล่ะที่เพิ่งส่งไปจารย์เค้าจับกลุ่มให้ แล้วปรากฏว่ากวางกับไอ้กี้มันเลยได้อยู่กลุ่มเดียวกัน” ไอ้นัทสาธยายไปเรื่อยๆ สายตามันก็ก้มลงมองพื้นบ้างสลับกับมองหน้าผมบ้าง…แต่ส่วนใหญ่จะก้มเหมือนหาเหรียญมากกว่า -*-
“แล้วไงต่อ…”
“แล้วไงต่องั้นเหรอ…หลังจากนี้เฮียถามไอ้กี้เองน่าจะดีกว่านะ ผมก็ไม่รู้รายละเอียดว่ามัน เอ่อ…เป็นไงมาไงถึงได้..”
“มันบอกว่ากวางบอกว่าชอบมัน แล้วมันก็ชอบกวาง” ผมตัดสินใจพูดออกไปเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำท่าทางเก้ๆ กังๆ เหมือนพูดไม่ค่อยจะออก.. หรือไม่อยากจะพูดก็ไม่แน่ใจ
“หา! ไอ้กี้มันบอกเฮีบแบบนั้นเรอะ!”
“เออ…”
“ตายห่า…” ไอ้สองคนนั้นมองหน้ากันแล้วถอนหายใจ สบถบรรดาสัตว์ออกมาเล็กน้อยตามประสาเคยปาก
“กรูนี่แหล่ะจะตายห่า ไม่ใช่พวกมรึง ก็รู้ๆ กันอยู่ใช่มั้ยว่าอะไรเป็นอะไร…ไม่ได้อยากจะว่าอะไรหรอกนะ เพราะยังไงก็คงไม่ใช่เรื่องของพวกมรึงเท่าไหร่ แต่…อย่างน้อยก็ช่วยเตือน ช่วยห้ามอะไรกันบ้าง ไม่ก็…บอกกันบ้าง”
“โด่…เฮีย กะอีแค่ไอ้กี้มันจะมีแฟน เฮียก็ปล่อยๆ มันไปบ้างเท้ออออ…หวงน้องจังเลยวุ้ย”
อยู่ๆ ไอ้เป้มันก็พูดขึ้นแบบเซ็งๆ…ทำให้ผมกับไอ้นัทมองหน้ากันเหวอ ยกมือขึ้นลูบคางตัวเองและทนไม่ได้ที่จะต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“เป้…มรึงกลับเข้าไปข้างในก่อนไป” ผมบอกไอ้หน้าเสร่อที่ยืนเอ๋ออยู่ตรงหน้า มันทำท่าจะทักท้วงอะไรบ้างอย่างแต่ก็โดนไอ้นัทตบไหล่ตบหัวให้เดินออกไป มันหันมาทำท่าแง่งใส่ก่อนที่จะหันหลังกลับไปหาเพื่อนๆ ในล็อบบี้อย่างงุนงง
“ไอ้เป้มันยังไม่รู้สินะ…” ผมพูดขึ้นลอยๆ
“คงงั้น” ไอ้นัทตอบลอยๆ เช่นกัน มันยกมือขึ้นลูบหัวตัวเอง ทำหน้าเครียดไม่ต่างไปจากผม
“ก็ดี…ไอ้กี้มันคงไม่อยากให้ใครรู้มาก น่าอาย…” ผมหัวเราะเยาะๆ ให้กับตัวเอง เงยหน้าหรี่ตามองทะเลที่ซัดคลื่นเข้าชายหาดเรื่อยๆ
“เฮีย…เฮ้อออ ผมก็พยายามแล้วนะ แต่ไม่รู้อีท่าไหนเหมือนกันว่ะ ไอ้กี้มันถึงได้เป็นแบบนั้นอ่ะ”
“เออ ถ้าเมื่อคืนมรึงไม่โทรไปนะ กรูขึ้นกรุงเทพไปแล้ว”
“แล้วไอ้กี้คงจมน้ำตายไปแล้วแหงๆ” ไอ้นัทต่อประโยค…จังหวะนั้นที่พวกเราสองคนถอนหายใจพร้อมกัน
“คนอื่น…ก็ยังไม่มีใครรู้ใช่มั้ย?”
“…ครับ แต่คาดว่าไอ้โจ้ก็คงตะหงิดๆ แหล่ะ แต่มันไม่ใช่คนชอบพูดอยู่แล้ว” แหงล่ะ…วันนึงไอ้นี่พูดกับเพื่อนเกิน 3 ประโยคมั้ย กรูล่ะอยากรู้…แต่พวกเงียบๆ นี่แหล่ะน่ากลัว ประสาทสัมผัสไวชิบ
“อืม…ดีแล้วล่ะ ดีแล้ว…” ผมเอ่ยเสียงเบากับตัวเอง…เบาจนเหมือนกับกลายเป็นรำพึงรำพันอะไรสักอย่าง
“ไอ้พวกนั้นน่ะแหล่ะ…ผมก็ไม่รู้จะห้ามยังไง พอหลังจากเสร็จโปรฯ แล้วพวกกลุ่มผมก็กะว่าจะมาฉลองกันซักหน่อย แต่ตอนที่กำลังคุยๆ กันอยู่ ไม่รู้พวกเพื่อนกลุ่มกวางเข้ามาตอนไหน…กลายเป็นว่าจะไม่ชวนก็ไม่ได้ ก็เลยชวนๆ ไปตามมารยาท แมร่งเสือกจะไปด้วยอีก เลยต้องยกโขยงกันมาแบบนี้แหล่ะเฮีย…”
“อืม …ท่าทางกวางจะชอบไอ้มิกกี้มากเลยสินะ” ผมถามต่อ
“เรื่องนั้นก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน…ไอ้ตอนแรกๆ ก็ไม่เท่าไหร่หรอก ไปๆ มาๆ ช่วงหลังพวกสาวๆ กลุ่มนั้นก็เริ่มแซวกัน ผมก็ดันโดนเด้งไปทำงานกับอีกกลุ่มเลยไม่ค่อยจะรู้เรื่อง จนก่อนจะมาหัวหินนี่แหล่ะที่เห็นว่าสองคนนี้…เอ่อ มันแปลกๆ”
“ถึงขั้นไหนแล้ว…” ผมหลับตา เงยหน้าให้ลมทะเลปะทะมาโดนอย่างจัง…แสบๆ คันๆ แต่ก็สบายใจพิกล
“หา?”
“สองคนนั้น…ถึงขั้นไหนแล้ว?”
“เฮ้ยยย ผ…ผมไม่รู้ ทำไมเฮียถามงี้วะ!?”
ไม่ทันที่จะได้คุยกันต่อ…อยู่ๆ ผมก็ได้ยินเสียงกิ่งไม้หักและเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ บทสนทนาของเราสองคนถูกแทนที่ด้วยเสียงที่คุ้นเคย…และร่างที่คุ้นตา ไม่รู้เพราะอะไร..ผมค่อยๆ ดึงไอ้นัทถอยหลังมาหลบตรงพุ่มไม้ใหญ่ และมองลอดออกไป
“มีอะไรเหรอกี้? ทำไมต้องเดินออกมาไกลขนาดนี้ด้วย?” เสียงหวาน…ที่ผมคิดว่าช่างแสบแก้วหูดังขึ้นด้วยความฉงน
“กวาง…”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โอยยยยย พอได้ม้ายยยกะชื่อเน้ หลอนอีกแร้วคืนเน้ช้านน
