Part 32
“ฮ..เฮีย” แม้ว่ารอบข้างจะมืดขนาดไหนก็ตาม แสงน้อยนิดจากไฟฉายที่สาดส่องไปทางอื่นยังคงสะท้อนแววตาหวั่นไหวของเจ้าหนูได้เป็นอย่างดี… มันขืนตัวไปข้างหลังเล็กน้อย แต่ก็ไม่พ้นแรงข้อมือของผมที่จับแน่นไว้ตรงท้ายทอย
“อยู่นิ่งๆ..”
“ต..แต่”
“ชู่ว…”
ผมเลื่อนมือจากหลังคอไอ้หนู…ค่อยๆ ลูบไล้มาเรื่อยจนถึงใบหน้า นิ้วโป้งเขี่ยแก้มนิ่มนั้นเล่น…ก่อนจะยันตัวเองขึ้นมา และโน้มคอเข้าไปใกล้ปากแดงสวย มิกกี้รีบหดคอเบือนหน้าหนีไปด้านข้าง จากตอนแรกที่ลืมตา…อยู่ๆ มันก็หลับตาปี๋ ไม่รู้กลัวเห็นผี หรือ กลัวผมกันแน่
มืออีกข้างที่ว่างอยู่…สอดเข้าไปคว้าเอาเอวเจ้าหนูเข้ามาใกล้ มันขยับตามอย่างช่วยไม่ได้ ส่วนทั้งปากและจมูกผมก็เริ่มหอมไปทั่วใบหน้าอีกฝ่าย ในเมื่อไม่ยอมหันหน้ามาให้จูบดีๆ ก็ต้องเล่นแบบนี้แหล่ะวะ…
ผมลงมือหอมแก้มไอ้มิกกี้… แล้วเปลี่ยนมาไล้จมูกไปสันกราม ขบเบาๆ จนถึงใบหู… คนตรงหน้าสั่นอย่างเห็นได้ชัด คิ้วมันกระตุกตามทุกครั้งที่ผมลงฟันแต่ก็ไม่ได้แสดงว่าเจ็บอะไรมากมายนัก มือที่ว่างอยู่ก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือผม ไม่รู้เพื่อบอกให้ผมหยุด…หรือตัวเอง ให้หยุดสั่นเสียที
“ยังกลัวอยู่รึเปล่า?” ผมกระซิบที่ข้างใบหู…แกล้งเย้าถามไปอย่างงั้นแหล่ะครับ…
แต่อีกฝ่ายไม่ได้ตอบอะไร ผมเลยถือวิสาสะสอดมือเข้าไปใต้เสื้อตัวน้อยนั่น ลูบเนื้อหนังสดๆ ของไอ้มิกกี้ เจ้าหนูพยายามดันมือผมออกจากเสื้อมัน แต่แบบนี้…มันดูวาบหวิวชอบกล คิดไปเองแล้วว่ามันเหมือนดึงมือผมให้ลูบขึ้นสูงขึ้นไปอีก
…..กึ้ง!.....
อยู่ๆ เสียงเหมือนเครื่องไฟฟ้าอะไรสักอย่างดังขึ้นมา ผมกับมิกกี้สะดุ้งตัวพร้อมกัน…เสียงอะไรวะ แล้วสักพักก็ได้ยินเสียงจอแจๆ อยู่นอกห้อง ไอ้มิกกี้ได้ยินอย่างนั้นรีบเด้งตัวลุกจากหน้าตักผม แล้ววิ่งจู๊ดไปที่หน้าห้องทันที เดือดร้อนให้ผมต้องตามมันไปอีก
“อ้าว…น้องมิกกี้” ทันทีที่ผมเดินมาก็เห็นเจ้าหนูเปิดประตูทิ้งไว้อยู่แล้ว ข้างหน้าเป็นไอ้ชินที่ยืนท้าวสะเอวหน้าห้องตัวเอง ใส่บ็อกเซอร์ตัวเดียวโชว์หน้าท้องเรียบๆ กับผิวสีแทนของมัน ระเบียงภายนอกถูกฉาบด้วยแสงไฟสีส้ม… คาดว่าน่าจะเป็นสปอตไลท์สำรองเวลาไฟตก ไอ้หนูทำหน้าเร่อร่าปนดีใจที่เห็นมีคนยืนอยู่นอกห้องมากมายเป็นเพื่อนมัน
“…ไง ทำไมไฟดับวะ” ผมส่งเสียงทักไอ้ชินที่ยืนทำหน้างงๆ สักพักจึงเปลี่ยนเป็นกรุ้มกริ่มแทน
“เห็นเค้าบอกกันมาว่าห้องไฟมีปัญหา กำลังเร่งจัดการอยู่…ว่าแต่ ไม่ยอมห่างกันเลยนะ สองคนเนี้ย” มันยืนผิวปากให้ผม แต่ตานี่มองมิกกี้ตั้งแต่หัวจรดเท้า ก็ตอนนี้เล่นอยู่ในชุดนอน…เสื้อตัวบางๆ กับกางเกงขาสั้นกุ๊ดเผยต้นขาเนียนกับไรขนอ่อนๆ แบบเด็ก…
“เสือก” ไอ้ชินทำคอหดไปเล็กน้อยเมื่อโดนผมดุ
“เฮียๆๆๆ”
“อะไรอีกล่ะ” ผมตอบรับอย่างรำคาญ ก็ไอ้ลูกลิงข้างหน้านี่เขย่าต้นแขนผมไปมาอยู่นั่น
“ชวนพี่ชินมานอนด้วยกันสิ”
“เฮ้ย! เพื่อ!?” แมร่งเอ้ย งานเข้ากรูแล้วสิ
“ก็ไฟดับแบบนี้พี่ชินอยู่คนเดียวต้องกลัวแหงๆ พี่ชินมานอนด้วยกันมั้ยๆ” น่านน อย่าเสือกหาเรื่องให้ตัวเองแบบนี้สิครับเด็กน้อย
“โอ้ยยยยย ยินดีเลยคร้าบบบ” ไอ้ชินทำหน้าระริกระรี้ ไม่พูดเปล่า…มันจัดการปิดประตูห้องตัวเองแล้วรีบเดินข้ามมาหน้าประตูห้องผมทันที
“ลองมรึงเข้ามาดูสิ เจอตีนกรูแน่” ผมเองก็ไม่พูดเปล่า ยกส้นพระบาทโชว์ว่าเล่นจริง แสดงจริง ไม่ใช้ตัวแทน
“ที่รักกกก ทำไมใจร้ายกะเค้าอย่างนี้ ฮึกๆ”
“ใครที่รักมรึง เดี๋ยวโดนๆ” ผมเก็บเท้าลง แต่เอามือชี้หน้าแทน…ไม่ทันไร อยู่ๆ ก็มีมือเล็กรีบดันมือผมลงทันที
“พี่ชิน! นอนด้วยกัน!”
“ไม่!” นั่นเสียงผมเองแหล่ะครับ
“เฮีย!”
เมื่อเห็นว่าท่าจะไม่ดี ผมเลยรีบคว้าข้อมือเจ้าหนู แล้วดึงกลับเข้ามาในห้องทันที รีบปิดประตูลงก่อนที่ไอ้ตัวเจือกข้างนอกนั่นจะแทรกเข้ามา เสียงมันโวยวายฮึดฮัดอยู่หน้าประตูดังเข้ามาเล็กน้อย แต่สักพักก็เงียบหายไป…
ตอนนี้มีเพียงแค่แสงไฟสีส้มลอดมาระหว่างขอบประตูด้านล่างตรงปลายเท้าของเราสองคนเท่านั้น..ไอ้มิกกี้มันทำท่าจะจะเปิดประตูอีกครั้ง แต่ผมยกมือสองข้างคร่อมตัวอีกฝ่ายทับไว้จากด้านหลัง
“เฮีย…เอาแต่ใจ” เจ้าหนูยืนนิ่งเมื่อรู้ว่าไม่มีทางเปิดประตูสำเร็จแล้ว มันเอาหัวตัวเองโขกกับประตูอยู่อย่างนั้น ดูแล้วขำดีชะมัด
“ใครกันที่เอาแต่ใจ… จะเอามันมานอนด้วยทำไม”
“ก็สงสารพี่ชิน ไฟดับแบบนี้คงกลัว ถ..ถ้าเจอผีขึ้นมาทำไง” มันหันมามองผมนิดนึง ด้วยแสงไฟสปอตไลท์จากข้างนอกทำให้พอเห็นสีหน้าของกันและกันได้… และนั่นทำให้ผมหัวเราะ ก็หมอนี่สิครับ สถานการณ์อย่างงี้ยังจะสามารถค้อนผมได้
“ไอ้นั่นน่ะ ลองให้ผีโผล่มาสิ…หน้าตาดีหน่อยจับปล้ำหมดแหล่ะ…รู้ๆ นิสัยกันอยู่” ผมหัวเราะเล็กน้อย พร้อมกับแนบจมูกตัวเองลงไปที่หลังใบหูคนตรงหน้า
“…แล้วเมื่อไหร่ไฟจะมาอ่ะ”
“คงไม่นานหรอก ก็เห็นบอกช่างกำลังซ่อมอยู่”
ผมไม่รอช้า…รีบแนบชิดร่างตัวเองเข้ากับเจ้าหนูทันที มันเองก็ยังนิ่งหันหน้าเข้าประตูอยู่แบบนั้น… จนกระทั่งผมจับให้พลิกตัวหันกลับมาหาเบาๆ ยิ่งเห็นดวงตามหมาหงอยตรงหน้าแล้วยิ่งรู้สึกอยากจะรีบจู่โจม กัดแก้มกัดปากสีแดงสดนี่ให้แตกคาปากตัวเอง… มันน่าหมั่นเขี้ยวนัก
พวกเราจ้องตากันอยู่แบบนั้นสักพัก… อยู่ๆ เจ้าหนูก็ก้มหน้าลงไปนิดนึง ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วจุ๊บเข้าที่ปากผม
“…หืม? หึหึ” ผมยิ้มกว้างด้วยความพึงพอใจ
“อย่าหัวเราะงั้นดิ” มันทำหน้ามุ่ย…ปากยื่น
“หัวเราะยังไง?”
“แบบ หึหึ หึหึ หึหึหึหึหึหึ…เหมือนตาแก่โรคจิต” มันทำเสียงเหมือนชักกระตุกอยู่ในลำคอ แถมยังทำท่ายักไหล่ตามแรงหัวเราะให้ดูอีก…นี่กรูทำแบบนี้จริงเหรอวะ!?
“เดี๋ยวเถอะ…เดี๋ยวได้รู้รสตาแก่โรคจิต”
ผมยิ้มมุมปาก ท่าทางเจ้าหนูรู้ชะตากรรมตัวเอง…มันพยายามมองซ้ายมองขวาหาที่หนี แต่ก็สายเกินไปซะแล้ว ผมล็อกตัวมันไว้ แล้วประกบปากลงไปทันที เสียงอีกฝ่ายที่ต่อต้านด้วยความตกใจ…เปลี่ยนเป็นครางหอบฮือเมื่อถูกรุกรานอย่างหนักหน่วง ผมดึงตัวมิกกี้ออกจากประตู แล้วหันไปที่ผนังด้านข้างแทนโดยที่ปากเราทั้งสองยังติดกันอยู่แบบนั้น
ทนไม่ไหวแล้ว… เพียงแค่จูบบวกกับกลิ่นหอมข้าวโพดอ่อนๆ จากตัวคนตรงหน้าทำให้ท่อนล่างผมตื่นตัวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ว่าแล้วก็พลิกตัวให้อีกฝ่ายหันหน้าเข้ากำแพง… พร้อมกับไล่จูบตั้งแต่ใบหน้าด้านข้าง…แก้ม ใบหู…ท้ายทอย
“ฮ…เฮีย อา..อะ” ไอ้หนูเริ่มส่งเสียงร้องประท้วง เมื่อผมบดเบียดเป้าตัวเองเข้ากับก้นน้อยๆ ของมันโดยที่มีเพียงกางเกงผืนบางคั่นอยู่… สองมือก็ซุกไซ้เข้าไปใต้เสื้อนอนนั่น
“ยกแขนขึ้นหน่อย”
มิกกี้ยอมทำตามแต่โดยดี…ผมรีบดึงเสื้อขึ้นจากหัวของมัน แล้วโยนไปกองตรงปลายเท้า มือบีบนวดเคล้นคลึงไปทั่วร่างกายท่อนบนของไอ้ตัวยุ่ง…ยิ่งเสียงครางที่ขาดห้วงกับตัวที่สะดุ้งทุกครั้งเมื่อแตะโดนจุดไวสัมผัสทำให้ผมแทบเป็นบ้า …อยากจะครอบครองคนๆ นี้ให้เร็วที่สุด
“อย่า…จับ…” มันพยายามรั้งมือผมที่ลูบไล้ขาอ่อนตัวเอง…และมีท่าทีว่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ปากผมก็จูบไปทั่วแผ่นหลังขาวนั่น ถึงจะมองไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่แต่ก็รู้ว่าทั้งตัวแทบจะไม่มีตำหนิเลย… แบบนี้ยิ่งอยากทำให้มันเป็นรอยเข้าไปใหญ่…รอยแสดงความเป็นเจ้าของ…
“รู้มั้ย…ตัวนิ่มมากเลยนะ” ผมกระซิบที่หลังหูเจ้าหนู ฉกลิ้นเข้าไปแกล้งเล่นจนอีกฝ่ายหดคอหนี พร้อมกับขบที่ติ่งหูเบาๆ
“นิ่มบ้าอะไร…เฮีย…อะ” หลังจากที่ดื้อดึงไม่ให้มือผมผ่านเข้าไปในกางเกงได้ เลยตัดสินใจจับมันข้างนอกทั้งอย่างนั้นนั่นแหล่ะ
“หืม?” ผมส่งเสียงถามในลำคอทั้งๆ ที่มือยังบีบคลึงเป้าคนตรงหน้าไปมาจากที่เริ่มแข็งนิดจนกลายเป็นเต็มไม้เต็มมือแล้วครับ
“เฮีย…อา…เฮียจะทำถึงไหน”
“ถึงไหน?” ผมย้อนถามด้วยความงง…หมายความว่าไงวะ
“ก..ก็ เหมือนคราวที่แล้ว หรือว่า…ต้องใส่เข้ามาด้วยอ่ะ”
ผมแทบจะกลั้นยิ้มไม่อยู่หลังจากได้ยินคำถามมัน…
“ทำไม…กลัวเหรอ” ผมยังคงถามกระเซ้ามันอยู่แบบนั้น…ไอ้หนูหน้าแดงเถือกเพราะผมถึงกับได้ไอร้อนแผ่มาจากหน้าขาวนั่น
“มัน..เจ็บ”
“ไม่เจ็บหรอก มานี่มา…”
แล้วผมก็จัดการดึงเจ้าหนูที่เหลือแต่กางเกงตัวจิ๋วเข้ามาในห้องนอน ไฟฉายที่ตั้งไว้ที่ข้างเตียงยังคงฉายแผ่ออกไปด้านข้างแบบนั้น ผมกดไหล่ให้อีกฝ่ายนั่งลงกับเตียง แล้วจึงหยิบเอาหลอดสีฟ้าในลิ้นชักออกมา… ยิ้ม…
“นอนลงสิ” ผมสั่ง…เจ้าหนูทำตามอย่างงงๆ มนล้มตัวนอนลงโดยมีผมตามลงมาทับ
“ด…เดี๋ยว เฮีย จะทำจริงๆ เหรอ?” อีกฝ่ายถามเสียงสั่น…สายตาคู่นั้นมองอย่างหวาดๆ ผมไม่ตอบแต่ดึงกางเกงที่อยู่อย่างหมิ่นเหม่ของไอ้หนูออกไป พร้อมกับถอดเสื้อตัวเองออกด้วย
มือข้างหนึ่งหยิบหลอดนั้นออกมา แล้วเปิดด้วยนิ้วโป้ง…ก่อนจะบีบให้ของเหลวข้างในไหลออกมากองรวมกันอยู่ที่ฝ่ามือและปลายนิ้ว
“อยู่เฉยๆ นะ” ผมบอก…. ก้มตัวลงจูบปากมิกกี้อีกที…
“อือออ…อะ เฮีย” มันร้องเสียงสั่น…แต่เหมือนวาบหวามมากกว่า เพราะผมใช้เจลนั่นจับเข้าที่เจ้าหนอนน้อยที่แข็งชูชันอยู่… ความเย็นของสัมผัสหนืดๆ ยิ่งทำให้การรูดรั้งส่วนล่างนั้นเป็นไปได้ง่ายมากขึ้น…
ผมใช้ปลายนิ้วคลึงที่ส่วนหัวของเจ้าหนอนน้อย…ก่อนจะลูบไล้มันเบาๆ แบบไม่เน้นหนักมาก…เจ้าหนูครางหวือ สะโพกราวกับจะขยับหนี แต่ก็ตอบสนองกับสัมผัสในเวลาเดียวกัน ไม่นานนักเมื่อผมเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มคุ้นเคยกับฝ่ามือ… ก็เริ่มไล้มือต่ำลงไปเรื่อยๆ หยิบเจลมาบีบอีกนิดหนึ่ง ก่อนที่จะค่อยๆ แปะลงไปที่ก้นของมัน
“อ๊ะ…” มิกกี้รีบหุบขาลงทันทีเมื่อรู้ว่าตัวเองโดนรุกล้ำ
“ไม่เจ็บหรอก…เชื่อสิ”
หลังจากที่ลงมือนวดตรงปากทางไปเรื่อยๆ จนมันหายเกร็ง โดยที่มีไอ้มิกกี้นอนหงายหน้าแทบจะมุดหายเข้าไปกับหมอน…ตอนนี้ตัวมันแดงไปหมดแล้วครับ ทั้งจากความอายและรอยที่ผมกัดไปทั่ว ก็มันหมั่นเขี้ยวนี่นา…
ผมค่อยๆ สอดนิ้วชี้เข้าไปในร่างอีกฝ่าย…มันตึงๆ เล็กน้อยแต่ด้วยเจลที่ชโลมลงไปจนเยิ้มติดผ้าปูที่นอนจึงทำให้ไม่ลำบากมากนัก…
“อย่าเกร็ง..พอเข้าไปก็ค่อยๆ ผ่อนนะ….อืม แบบนั้นแหล่ะ”
“อะ..อะ อือ อึ๊”
มิกกี้ทำตามอย่างที่ผมบอก สีหน้าเหยเกเล็กน้อย มือนึงเกาะหมอน ส่วนอีกมือคอยจับข้อมือผมเอาไว้เพื่อไม่ให้มันขยับเข้าเร็วจนเกินไป…ถึงแม้ช่องทางนั้นจะบีบรัดเป็นช่วงๆ ก็ตาม…แต่นี่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีว่าเจ้าตัวจะไม่เกร็งจนเกิดบาดแผลแน่นอน
“เจ็บมั้ย?” ผมถามเองกลืนน้ำลายเอง…มันต้องใช้ความอดทนอย่างมากในการที่จะไม่ถอนนิ้วออกมา แล้วรีบยัดไอ้มังกรลูกพ่อลงไปแทนอย่างถาโถม
“ม…ไม่…อะ…แต่มันปวดหนึบๆ” เจ้าหนูตอบตัวโยนเมื่อผมถอนนิ้วออกมาแล้วเพิ่มเข้าไปอีก ทั้งเกร็งและคว้านเพื่อให้ช่องทางขยายกว่าเดิมอย่างช้าๆ
“ไม่เป็นอะไรซักหน่อย ดูสิ…ลองจับดูก็ได้”
ผมดึงมือเจ้าหนูที่จับข้อมือผมไว้หลวมๆ มาจับตรงช่องทางของตัวเองแทน… ตอนแรกมันก็ไม่กล้า แต่พอผมเกร็งแขนบังคับให้จับก็ยอมในที่สุด…มันคลำจนเจอนิ้วทั้งสองของผมที่ผลุบหายไปในก้นตัวเองก็เกิดอาการเม้มปากแน่น หน้าแดงจัด…แรงตอดถี่ๆ นั่นยิ่งทำให้ผมรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังตื่นเต้นแน่นอน
“เป็นไง…เห็นมั้ย มันเข้าไปแล้ว ไม่เห็นจะเจ็บตรงไหน” ผมชันตัวขึ้น แล้วก้มลงไปจูบไอ้มิกกี้อีกครั้ง…
“พ…พอแล้ว”
“หืม?”
“พอแล้ว…ผมอาย” เจ้าตัวหอบถี่จนหน้าอกสั่นไม่เป็นจังหวะ อีกมือปิดหน้าไว้แล้วหันหนี ผมจึงค่อยๆ กางนิ้วออกแล้วหมุนอีกสองสามที ก่อนที่จะดึงออกมาช้าๆ
ผมลุกขึ้นจากเตียง ถอดกางเกงตัวเองออกจนท่อนล่างที่กำลังแข็งราวกับท่อนไม้เผยออกมาให้เห็น ไอ้หนูหันหน้าหนีทันที…มันดึงผ้าห่มมาปิดร่างกายตัวเองด้วยความเขินอาย แล้วหันหลังให้ผม จึงไม่เห็นว่าตอนนี้ผมกำลังเดินไปฉีกซองอะไรบางอย่าง และสวมมันเข้ากับลูกชายตัวเอง
“จะห่มทำไมหืม?....ร้อนจะตายตอนนี้” ผมหัวเราะ แล้วรีบขึ้นเตียงไปดึงผ้าห่มออก อีกฝ่ายนอนคุดคู้เพื่อปิดบังส่วนลับของตัวเอง แต่กลับหันก้นมาให้…อ่าว แบบนี้ก็เสร็จโจรสิครับ
“อะ..อ๊ะ เฮียยย”
จะไม่ให้ร้องได้ไง ในเมื่อผมสอดนิ้วเข้าไปในร่องก้นมันอีกครั้ง ความลื่นจากเจลยังคงไหลจนเยิ้มเต็มช่องทาง…เมื่อผมไล่ไปตามตะเข็บจนกระทั่งถึงปากทางเข้าและสอดนิ้วเข้าไปอีกครั้ง มิกกี้ถึงกับสะดุ้ง ขาน้อยนั่นอ้าออกรับอย่างอัติโนมัติ
“….ทนนิดนึงนะ” ผมทาบตัวลงไปกระซิบไอตัวยุ่งที่นอนหอบอยู่เบาๆ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
กีสสสสสส รอถึงตีสอง จบแบบเน้ฆ่ากันเรยดีกว่าม้ายยยยยยยยยย 