Part 30
ไม่นานนัก เจ้าตัวยุ่งก็มุดผ้าห่มตามผมเข้ามา… แต่ไม่สนใจผมสักนิด มันรีบดึงผ้าห่มไปม้วนๆ ตัวเป็นดักแด้แบบที่ชอบทำเป็นประจำ และหันหลังให้
“การบ้านล่ะ?” ยังไม่ลืมครับ…ยังไม่ลืม กินน้ำมันตับปลาเป็นประจำ ถึงอายุจะมากขึ้น แต่สมองยัง (เล็กเท่าถั่ว) เหมือนเดิม
“…ไม่ทำแล้ว” ไอ้มิกกี้ตอบอู้อี้กลับมา
“อ่าว ซะงั้น หัดเป็นเด็กขี้เกียจตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยเรา” ผมว่า แล้ววางนิยายในมือลงบนโต๊ะข้างเตียง…หัวเราะให้ไอ้ตัวดักแด้น้อยที่ดิ้นขลุกขลักๆ คงจะหายใจไม่ค่อยออกแหล่ะครับ แต่ก็ดันทุรังห่มมันอยู่นั่น..
“ไม่ได้ขี้เกียจ แต่เดี๋ยวค่อยทำ”
“ตามใจๆ….งั้นทำอย่างอื่นก็ได้”
“ห…ห๊ะ??”
ไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ผมก็ดึงเจ้าหนูพลิกให้หันหน้ามาไว้ในอ้อมกอดทันที… ไอ้ผ้าห่มที่มันคิดว่าจะเป็นป้อมปราการป้องกันมันไว้ได้กลับทำพิษ จากที่จะสามารถดิ้นหลุด ก็ทำไม่ได้…เพราะโดนผ้าห่มพันไว้หนาแน่นรอบตัว
“เฮ้ยๆๆๆ” ไอ้หนูทำไรไม่ถูกแล้วครับ แม้แต่พูดยังเป็นเป็นภาษาเลย ได้แต่ร้องเฮ้ยๆ อยู่แบบนั้น…
“ฮ่าๆ เหงื่อแตกซ่กเลย ร้อนแล้วห่มทำไมหะ?” แล้วอยากจะบอกว่าผ้าห่มน่ะ เป็นผ้าห่มผืนเดียวที่ใช้คลุมเตียง Extra King Size ขนาด 8 ฟุต… ผ้าห่มก็ต้องย่อมใหญ่กว่าเตียง ซึ่งตอนนี้โดนเจ้าหนูเอาไปม้วนตัวมันจนกลายเป็นแยมโรลเรียบร้อยแล้ว ไม่ร้อนให้มันรู้กันไป!
“เฮียโว้ยยย ร้อนก็อย่าเข้ามาใกล้ดิวะ นอนห่างๆ กันเข้าใจป่ะ!?” แน่ะ..ไหลไปได้เรื่อยนะคนเรา
“ก็หนาว…ไม่ได้บอกว่าร้อนซักหน่อย” ผมยิ้ม สองมือดึงไอ้หนอนเข้ามากอด
“หนาวก็เอาไปเลย เอาไปๆๆๆ” ไอ้มิกกี้ดึงตัวเองออกจากผ้าห่มได้ในที่สุด และรีบโยนมาให้ผมทันที พร้อมกับกลิ้งตัวเองจนสุดขอบเตียง
ผมได้แต่หัวเราะกับอากัปกิริยาฮาๆ ของไอ้ตัวยุ่ง ยิ่งหน้ามันนะไม่ต้องพูดถึง…ขำได้อีก ว่าแล้วจึงหยิบผ้าห่มมาสะบัดๆ ก่อนจะจัดให้มันเข้าที่ ห่มให้ตัวเอง และเอื้อมไปคลุมให้ไอ้หนู… อีกฝ่ายได้แต่นอนหันหลัง พลิกหน้ากลับมามองงงๆ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร หยิบหมอนตัวเองขึ้นพิงกับหัวเตียง แล้วหยิบนิยายมาอ่านต่อ… วันนี้อารมณ์ดี ไม่แกล้งเด็ก (แล้ว) ก็ได้ หึหึ
ผมอ่านหนังสือไปเรื่อย มือก็พลิกหน้าเสียงดัง…ฟั่บ…ฟั่บ… ในขณะที่กำลังอินกับตัวหนังสือในเล่มหนาอยู่นั้น สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นไอ้คนข้างๆ เจ้ามิกกี้มันเริ่มขยับเข้ามาเรื่อยแล้วครับ… จากที่นอนซะริมเตียงตอนนี้เริ่มกลับเข้ามาที่ตัวเองละ พอผมหันไปมองมัน…มันก็ทำเป็นหันหน้ากลับทันที หึหึ เด็กน้อยเอ้ย…
“เฮีย…” นั่นไง มันเริ่มเข้ามาใกล้แล้ว
“หืม?”
“อ่านไรอ่ะ” เห็นมั้ยล่ะครับ ทำเป็นไม่สนใจมันเดี๋ยวมันก็จะมาสนใจเอง
“หนังสือ”
“ก็รู้แล้วว่าหนังสืออออ ถามว่าเรื่องไร” แน่ะ ทำคิ้วขมวดอีก..
“ทำไม?”
“….หนุกเหรอ” ตอนนี้มันเข้ามาชิดแขนผมแล้วครับ ส่วนตาก็สอดส่ายลอดเข้ามาเพื่อดูว่าผมอ่านอะไร
“ก็ดี…”
แล้วบทสนทนาก็เงียบลงอีกครั้ง… ผมลอบยิ้มกับอาการไอ้คนข้างๆ สงสัยมันจะอยากรู้จัดเลยค่อยๆ ไถหัวตัวเองเข้ามา ลอดใต้แขนเกยเข้าที่อกผม ตาก็จ้องที่ตัวหนังสือในมือ…. ผมเลยอ้าแขนมากขึ้นเพื่อให้มันนอนได้ถนัด สองมือก็ยังพยุงหนังสือ และอ่านต่อ….
เราสองคนนอนท่านี้กันสักพัก มีเสียงเจ้าหนูหัวเราะลอดออกมาเป็นระลอก…ดูมันสิ กินแรงจริงๆ อ่านเองก็ไม่อ่าน มานอนหนุนคนอื่น มือก็ไม่ต้องถือให้เมื่อย ดูมันสิครับ น่าตีจริงๆ …
แต่ก็เอาเถอะนะ…อภัยให้ ไอ้ผมก็เพลินด้วย เพราะกลิ่นหอมๆ จากเส้นผมและตัวมันทำเองเคลิ้มไปเหมือนกัน ระหว่างที่อ่านก็เปลี่ยนมาจับหนังสือมือเดียวบ้าง… อีกมือก็แกล้งว่าเมื่อย เปลี่ยนมาลูบหลังของเจ้าหนูเล่น ตอนหลังเริ่มกลายเป็นว่าไอ้มิกกี้หยิบเอาหนังสือไปถือ นอนตะแคงอ่านเองซะงั้น…ส่วนผมน่ะเหรอ ก็นอนซ้อนหลังมัน กอดเอว แล้วอ่านไปพร้อมกันซะเลย….
…………………………..
….อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก….
ห่าเอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย เสียงไรวะ!? ผมสะดุ้งสุดตัว แต่ก่อนที่จะได้ทันลุกขึ้นมาดู ปรากฏว่าไอ้หนูมันสะดุ้งตื่นขึ้น สองมือควานหาของบนเตียงสะเปะสะปะ หน้าตาเลิ่กลั่กไปมาอยู่แล้วครับ
“โหลๆๆ คร้าบ” อ๋อ เสียงโทรศัพท์มันนี่เอง แมร่ง…ตกใจหมด นึกว่าใครโดนฆาตกรรม ริงโทนห่าเหวไรวะ ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนที่จะปล่อยหัวตัวเองจมลงกับหมอนอีกครั้ง แล้วหลับตา….
“หะๆๆๆ ป๊ามาทำไร!?” อืมมม…กรูจะนอน มันจะทำเสียงตกใจไรนักหนาวะ
“ม๊ามาด้วยเหรออออ!?” อืมๆ ม๊า…แม่งั้นเรอะ
“ผ…ผมไม่ได้อยู่ห้อง แป๊บๆ นะ…อ่า ป๊ากะม๊ารออยู่นั่นแหล่ะ เอ่อ..ยะ..อยู่ห้องข้างๆ เออออ เอาน่าป๊า เดี๋ยวผมไปหา” มิกกี้พูดเสร็จก็รีบกดวางโทรศัพท์ แล้วลุกขึ้นจากเตียงทันที
“ไปไหนน่ะ พ่อกับแม่มาเหรอ?” ผมงัวเงีย ยันตัวเองลุกขึ้นดูไอ้หนูที่กำลังจะวิ่งออกไปนอกห้อง
“อื้อๆ เดี๋ยวมานะเฮีย”
แล้วเสียงวิ่งดัง ปึงๆๆ ก็ค่อยๆ ลับหูไป…ตามด้วยเสียงปิดประตูดังปัง! เฮ้อออ ไรวะเนี่ย… ทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนั้นด้วย แต่พ่อแม่มาหาเอง แต่จะว่าไปก็ไม่เคยเห็นพ่อกับแม่มันเลยนี่นะ ท่าทางแล้วน่าจะจีนทั้งบ้าน…ดูจากหน้าตาไอ้หนู กับสรรพนามที่ใช้เรียกแล้วก็พอจะเดาได้
ผมไม่ได้สนอะไรเพราะมันไม่ได้เกี่ยวกับผมอยู่แล้ว…ก็ดี จะได้สบายหูไปสักวัน… ปล่อยให้ได้ใช้ชีวิตกับครอบครัวบ้าง แบบนี้แหล่ะครับ ไอ้มิกกี้มันยังเด็ก…เด็กจะโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้ต้องมีพ่อแม่เป็นผู้นำที่ดี ดี…รักกันเข้าไว้ๆ
“โหหหหหหหหหหหหหหหห ห้องนี้มันสวยๆ จริงเลยว่ะ อั๊วะว่านะ ลื้อทุบกำแพงแล้วทำเป็นห้องเดียวกันไปเลยดีกว่ามะ ม๊าว่างั้นมะ!”
เฮ้ยยยยยยยยยยยยยย!! ผมสะดุ้งลุกขึ้นทันที ไม่แค่เสียงที่ตกใจ …. ว่าแต่ใครมันแอบเข้ามาวะ แถมจะทุบกำแพงห้องกรูอีก!
“เออนะ ม๊าก็ว่างั้นแหล่ะป๊า ห้องอากี้นี่มันช่างรกเหลือเกิน ทำไมลื้อไม่หัดจัดข้าวจัดของให้มันดูดีเรียบร้อยแบบห้องนี้บ้าง”
“โธ่ม๊าอ่ะ… ผมมีเวลาที่ไหนล่ะ เรียนหนักจะตาย… เวลาจะนอนยังไม่มีเลย” เฮ้ย…เสียงไอ้มิกกี้นี่หว่า หนอยย ไอ้ตัวแสบบบบ
ผมรีบลุกขึ้น แล้ววิ่งไปที่ประตูห้องนอนทันที ….และจังหวะที่เปิดออกไปนั้น
“อ่าว เฮีย มาพอดีเลย! ป๊า ม๊า นี่เฮียแดนนนนนน ทาด๊า~~~~~” เจ้าหนูทำท่าผายมือแล้วสั่นใกล้ๆ กับหน้าผม เหมือนพยายามบอกว่า กรูพราวด์ลี่พรีเซ้นต์มาก…เอ่อ จะให้ผมทำหน้าไงล่ะครับ จากที่เหวอ อึ้ง ทึ่ง…ก็เลยกลายเป็นยิ้มแหยงๆ ส่งให้ชายและหญิงวัยกลางคนตรงหน้าแทน
“ส…สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้ป๊าและม๊าไอ้มิกกี้…เหอๆ แมร่งเอ้ย พามาบุกกันแบบนี้เลยเหรอวะ
“ดีๆ อาแดน ลื้อนี่มันหล่ออย่างที่ไอ้กี้มันว่าจริงๆ ล่วย ว่ามั้ยม๊า” พ่อของมันเดินเข้ามาตบหลังผมราวกับสนิทสนมกันมานาน จนผมยืนเกร็ง ทำอะไรไม่ถูก…
“นั่นสิป๊า ทำไมลูกเราไม่หล่อได้ครึ่งของอาแดนมั่งน้า”
“ป๊า ม๊า! ถอยๆๆๆๆๆๆๆ ถอยออกไปเลย” ลูกชายที่โคตรจะกตัญญูเข้ามาดันตัวบุพการีตัวเองออกไปอย่างทนุถนอม(!?) แล้วเข้ามากอดผมไว้ทันที
“อะไรวะ! แค่นี้ทำหวงเหรอ! อั๊วะล่ะเบื่อจริงๆ มาๆ ม๊า เรามากอดกันก็ได้”
“จ้า ป๊า”
แล้วทั้งคู่ก็ยืนกอดกันกลม โดยมีผมกับไอ้มิกกี้ยืนกอดอีกคู่หนึ่ง…เอ่อ กรูงง ใครก็ได้ช่วยเลิกกอดกันแล้วอธิบายให้ฟังทีว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น!?… ผมยืนเอ๋อแบบนั้นอยู่ซักพัก ในที่สุดทั้งสามคนก็เลิกกอดกัน แล้วหัวเราะร่า
“เอาล่ะๆๆๆ กินข้าวกันยังล่ะพวกลื้อ” พ่อของมันพูดขึ้นก่อน แล้วเดินเข้ามาตบแขนผมอีกสองสามที…โอย
“ยังเลยป๊า เพิ่งตื่นเนี่ย” ไอ้มิกกี้ตอบแทนผม
“อะไรกันเนี่ย! ยังไม่กินได้ยังไง นี่มันจะ 10 โมงแล้วนะ ต้องกินอาหารให้ครบทุกมื้อรู้มั้ย! มาๆๆๆๆ เดี๋ยวม๊าทำอะไรให้กิน!”
“กินๆๆๆ ผมช่วย!”
แล้วไอ้มิกกี้กับแม่มันก็หายวับเข้าไปในครัว…ปล่อยให้ผมกับพ่อมันยืนหัวเด่กันสองคน แหะๆ นั่นคงเป็นเสียงของผมหลังจากยิ้มแหยไปให้อีกฝ่ายน่ะครับ พ่อมันก็หัวเราะ โฮ่ๆ เหมือนซานตาคลอส เอ่อ…กรูขอเปลี่ยนคำพูดได้มั้ยเนี่ย ที่ว่าลูกควรเจริญรอยตามพ่อแม่ =_=’’
“เดี๋ยวผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ…เชิญคุณพ่อตามสบาย” ที่จริงอยากจะบอกว่า ห้องลูกคุณก็มีทำไมไม่ไปห้องนู้นกันฟะ ทไมต้องมาห้องกรูด้วย!!
“เออๆ ได้ๆ ขอบใจลื้อมาก อาแดน น้ำใจงามจริงๆ งั้นขออั๊วะเปิดสเตอริโอหน่อยนะ”
“เอ่อ…ครับ”
ผมพยายามตัดบทให้มากที่สุด แล้วรีบเข้าห้องนอน กดล็อกทันที… เฮือกกกกก นี่กรูฝันอยู่รึเปล่าวะ!? ตื่นๆๆๆ ไอ้แดนตื่น ความจริงแล้วมึงหลับอยู่เว้ย นี่คือฝัน…นี่คือฝัน…ฝัน
โครมมมม!!
“ป๊า!! ชั้นนั้นเอาไว้วางของ ไม่ใช่เอาไว้นั่ง!”
เฮ้ออออ… ใครก็ได้ช่วยกรูที!!!!!!!!!
ผมเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา และพยายามเพ่งสมาธิให้จิตสงบขณะนั่งบนคอห่าน เฮ้ออออ ทำไงดีวะๆ … ผมพยายามหาวิธีแก้ไขต่างๆ นานา จนในที่สุด…ก็ได้คำตอบ…
ทำใจ!!
ว่าแล้วก็แต่งตัว และค่อยๆ เดินออกมานอกห้องนอน ในใจก็คิดไว้แล้วว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิดวะ…ไม่เป็นไรๆ ไอ้แดน เดี๋ยวค่อยเรียกแม่บ้านมาทำความสะอาดก็ได้ แค่นี้เอง…ไม่เป็นไร แต่ว่าทันทีที่ผมลืมตาขึ้นก็ต้องแปลกใจ อ่าว…ห้องกรูก็อยู่ในสภาพดีนี่หว่า ลองสอดส่องกลอกลูกตาไปมาซ้ายขวา ไม่มีอะไรแตกเสียหาย แถมยังดูสะอาดกว่าที่เคยเป็นด้วย เพราะโต๊ะกระจกหน้าทีวีนี่ใสปิ๊ง… หนังสือ นิตยสารต่างๆ ก็ถูกวางเรียง จัดอย่างมีระเบียบ ก…เกิดอะไรขึ้น!?
“อาแดนๆ หิวรึยัง มากินข้าวได้แล้ว”
ผมหันไปตามเสียงเรียก เห็นแม่ของไอ้มิกกี้ถือไม้กวาดข้างนึง ที่ปัดหยากไย่ข้างนึง ออกมาจากห้องเก็บของ…
“ค..คุณแม่ ไม่ต้องทำหรอกครับ” ผมรีบเข้าไปแย่งไม้กวาดในมือทันที ใช้แรงงานคนแก่แล้วมั้ยล่ะกรู
“ไม่ต้องๆ ลื้อไปกินข้าวเดี๋ยวนี้ ข้าวเช้าเป็นสิ่งสำคัญ รีบไปๆๆๆ!”
แม่มันดึงไม้กวาดกลับ แล้วเอามาตีก้นผมซะงั้น! เอ่อ…อยากจะบอกจริงๆ เลยว่านี่ตรูไม่ได้อายุ 20 เหมือนลูกคุณนะครับ ทำไงได้ล่ะ เลยต้องเดินเข้าไปในครัวตามที่แม่บอก… ก่อนที่จะเดินเข้าไปข้างใน กลิ่นอาหารหอมโชยมาแตะจมูกเล่นเอาผมน้ำงายสอ ยิ่งเข้ามาเห็นกับตา… โห นี่มันอาหารฮ่องเต้ชัด! คิดดูสิครับ บนโต๊ะเนี่ยมีกับข้าวไม่ต่ำกว่า 10 จาน… นี่เรากินกันแค่ 4 คนต้องทำมากมายขนาดนี้เลยเหรอวะ!?
“เฮียยยย นั่งๆ กินข้าวกัน ฝีมือแม่ผมอร่อยที่สุดในโลก” ไอ้มิกกี้เดินเข้ามาลากผมไปนั่งข้างๆ มัน โดยที่ฝั่งตรงข้ามเป็นคุณพ่อ หรือ ปาป๊า นั่งหัวเราะ โฮ่ๆ ไม่หยุด….อืมมมม เครียด
“มิกกี้ ไปเรียกแม่มากินข้าวด้วยกันสิ” ผมดันตัวมันให้ไปเรียกม๊ามา เพราะตอนนี้ได้ยินเสียงตบโซฟาดังตุบๆ ผมล่ะโคตรจะเกรงใจ (ดีรึเปล่าวะ)
“อื้อๆ”
แล้วเจ้าหนูก็วิ่งออกไปเรียกม๊าเสียงดังลั่น ม๊ามันก็ตอบกลับมาเสียงดังโล้งเล้งเช่นเดียวกัน…อืม ครอบครัวจีนมันเป็นแบบนี้นี่เอง ผมเพิ่งรู้ซึ้งก็วันนี้นี่แหล่ะครับ -__-
ไม่นานนักบนโต๊ะเราก็เต็มไปด้วยอาหาร และพร้อมไปด้วยคนรับประทาน … แต่ถ้ามันปกติแบบครอบครัวอื่นผมก็จะไม่ว่าเลยสักคำ นี่ผมหันไปมองซ้ายขวา พ่อกับแม่ไอ้มิกกี้เอาข้าวใส่ถ้วย และใช้ตะเกียบคีบอาหารเข้าปากตัวเองอย่างคล่องแคล่วและรวดเร็ว….ไอ้มิกกี้เองก็เช่นเดียวกัน ส่วนผมน่ะเหรอ ลุกขึ้นไปเอาช้อนส้อมสิครับ ไม่เคยใช้ตะเกียบกินข้าวมาก่อน แม้แต่ข้าวต้มผมยังใช้ช้อนกินเลย ดีเท่าไหร่แล้วที่เวลากินก๋วยเตี๋ยวยังใช้ตะเกียบได้อยู่

“อร่อยมั้ย กินให้เยอะๆ จะได้โตมาแข็งแรง” ป๊าพูดขึ้นพร้อมกับคีบกับข้าวใส่จานลูกชายตัวเอง แล้วหันมาหยิบให้ผม จนผมต้องบอกว่า ‘ไม่เป็นไรๆ’ เป็นพัลวัน…ไม่ใช่เด็กแล้วนี่ครับ มีคนมาตักกับข้าวใส่จานให้มันดูพิลึกไงไม่รู้
“กินแล้วก็มีแรงทำงาน มีแรงเรียน หัวสมองมันแล่น ลื้อเข้าใจใช่มั้ยอาแดน”
“…ครับ” ผมเข้าใจเลยว่าไอ้มิกกี้มันได้นิสัยการกินข้าวมาจากใคร ปกติเห็นเด็กวัยรุ่นจะชอบกินอาหารไม่ค่อยเป็นเวลา แถมยังกินแต่อาหารขยะซะมาก…เพราะครอบครัวมันปลูกฝังให้กินแบบนี้นี่เอง ถึงได้ดูสุขภาพดี ที่สำคัญ..เผื่อแผ่มาถึงผมด้วย
“เฮีย กินนี่ๆ ของโปรดผม กินๆๆๆๆ” ไอ้หนูมันตักซุปกระดูกหมูที่เคี่ยวจนแทบจะละลายในปากให้ผม ผมมองดูแต่ละที่ ข้างๆ จานของเราจะมีซุปไว้ซดคนละถ้วย และผลไม้จานเล็กควบคู่กันไป… เออ พรุ่งนี้แก้มกรูไม่แดงเลือดฝาดให้มันรู้ไป
“แล้วนี่ลื้อไปรบกวนอาแดนเค้าบ่อยมั้ย ทำตัวเป็นประโยชน์รึเปล่า?” อยู่ๆ พ่อของมันก็เปิดประเด็นขึ้นมา
“โหหห ผมน่ะนะ ช่วยตั้งหลายอย่าง”
“ช่วยยุ่งน่ะสิ” ผมแอบบ่นเบาๆ โชคดีที่ไม่มีใครสังเกต…บ้านนี้เค้าต้องตะโกนครับถึงจะได้ยิน
“ดีมากๆ เห็นกี้มันเล่าให้อั๊วะฟังเรื่องอาแดนมาเยอะละ มันน่ะชื่นชมลื้อมากเลยนะอาแดน อั๊วะเองก็ภูมิใจที่ไอ้กี้มันได้รู้จักมักจี่กับคนดูดี เป็นผู้ใหญ่แบบลื้อ งานการก็ดูมั่นคง แถมยังช่วยไอ้กี้ตั้งหลายอย่าง อั๊วะขอบใจๆ” ป๊ามันยกแก้วน้ำชา (ที่หาจากไหนไม่รู้!?) ขึ้นมาชูให้ผมแล้วยกขึ้นซดเสียงดัง ซืดดดดดดดดดดดดด
“นั่นสิป๊าเอ้ย ม๊าก็ภูมิใจจริงๆ เป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูกของพวกเรานา….ขอบใจลื้อจริงๆ อาแดน” อีก ซืดดดดด
“อ่า…ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้ดีขนาดนั้น แล้วมิกกี้เองไม่ได้รบกวนอะไรมากมาย” แมร่งเอ้ย พอพูดชื่อมิกกี้ขึ้นมาผมก็เริ่มรู้สึกว่าบ้านจีนขนาดนี้เสือกตั้งชื่อลูกซะฝรั่งจ๋า
“เมื่อก่อนนะ ไอ้กี้มันไม่ค่อยจะเหมือนผู้เหมือนคนเท่าไหร่ ผมเผิมก็น่าเกลียด ไปทำทรงอะไรมานะ…เค้าเรียกอะไรนะ”
“น่าเกลียดไรล่ะป๊า เท่จะตาย…เค้าเรียกเดดล็อก” เจ้าหนูทำหน้ายู่ พิงเก้าอี้เต็มหลัง แล้วอมๆ รูดๆ ตะเกียบเล่น
“เออๆ นั่นแหล่ะไอ้ทรงหัวหลอดน่ะ โอ้ยยยย อั๊วะนะจะบ้าตายอาแดน จะเป็นลม!” ผมก็อยากจะบอกว่าจะเป็นลมเหมือนกันครับกับทรงนั้น เหอๆ
“นี่ถ้าไม่บังคับให้มันไปตัดเพราะจะไปงานแต่ง อาหม่อง พี่มันนะ มันไม่ยอมตัดหร้อกกก” โห…พี่ชื่อหม่อง น้องชื่อมิกกี้ โคตรจะบาลานซ์กันเลย…ครอบครัวไรวะ
“โด่…เท่จะตาย เนี่ย เดี๋ยวผมจะไปทำใหม่ล่ะนะ งานเฮียหม่องก็จบไปตั้งนานละ คงไม่มีอะไรแล้วใช่มะ”
“ไม่/ไม่/ไม่!” สามเสียงดังขึ้นมาพร้อมกัน เล่นเอาไอ้มิกกี้หน้าเหวอ…ที่เหวอเพราะผมก็ดันร้องห้ามมันด้วยน่ะสิครับ
“..ก็ทรงตอนนี้ก็ดีอยู่แล้ว จะไปเปลี่ยนใหม่ทำไม” ผมรีบแก้ตัว เพราะเห็นสายตาทั้งหกคู่กำลังจ้องมาด้วยความแปลกใจ ….ก็ผมไม่อยากให้มันไปทำไอ้ทรงเถื่อนๆ แบบนั้นแล้วนี่ครับ แบบนี้น่ะกำลังดีเลย เพราะผมข้างที่มันไปไถมาก็ขึ้นจนเป็นปกติเท่ากันหมดแล้ว ค่อยดูเป็นคนขึ้นมาหน่อย…
“ก็มันไม่เท่!...มัน…”
“ทำไมไอ้กี้ ลื้อนี่มันเรื่องมากจริงๆ” ม๊าส่ายหัวไปมา แล้วหยิบจานข้างของผมไปเติมให้
“ก็…ทรงนี้มันน่ารักมากกว่า มีแต่คนบอก…อยากเท่อ่ะ ไม่อยากน่ารัก”
ผมแทบจะหลุดหัวเราะกร๊ากออกมา… เออว่ะ ก็จริงนะ ตอนนี้น่ะมันออกน่ารักมากมาย ตัวขาวกะผมสีน้ำตาลเข้มทรงเกาหลีๆ ถ้ามันไปร้องๆ เต้นๆ แข่งกับพวกดงบัง (แถวพาหุรัด) คงชนะขาด หน้าตานี่ใช้ได้เลย… แต่ความคิดที่ว่าไปทำไอ้ผมทรงหลอดนั่นแล้วจะเท่ขึ้น มันคิดได้ไงวะ…นี่สินะคงเป็นเหตุผลที่มันทำตั้งแต่แรก
“ไม่รู้ล่ะ เดี๋ยวไปทำ” มันยังคงดื้อด้าน ทำหน้าบึ้งหนักเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นว่าผมแอบขำ
“ลื้อนี่ดื้อจริงๆ อาแดนปรามๆ มันบ้างนะ อย่าไปตามใจมันมาก ไอ้กี้มันเป็นลูกคนเล็ก เลยเอาแต่ใจ… อย่าถือสาๆ” แล้วป๊าแกก็ยกน้ำชาขึ้นอีก ซืดดดด จนผมอยากลองทำตามบ้าง ไม่รู้ว่ามันจะช่วยทำให้อร่อยมากขึ้นหรือเปล่า
“ไม่เป็นไรครับ…” ผมยิ้ม…ก่อนที่จะค่อยๆ เอนตัวไปกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูเจ้าหนู
“ลองไปแอบทำดูสิ จะจับปล้ำซะให้เข็ด”
ไอ้มิกกี้ทำตาโต รีบหยิบตะเกียบมาคีบข้าวใส่ปากอย่างเอาเป็นเอาตาย…ก่อนจะหันหน้ามามองผมหน้าแดงๆ แล้วทำเป็นไม่สนใจ ข้าวเลอะติดแก้มเต็มไปหมด จนผมต้องยกมือขึ้นมาหยิบข้าวที่ข้างแก้มออกให้
ไม่นานนัก…พวกเราก็จัดการกับมืออาหารตรงหน้าเสร็จ ไม่น่าเชื่อว่าจะกินกันหมด ผมนี่ข้าวจุกมาจนถึงคอหอยแล้วครับ เพราะป๊ากับม๊าบังคับให้กินจนเกลี้ยงทุกจาน เป็นธรรมเนียนบ้านมันว่าห้ามกินเหลือเด็ดขาด… แล้วจะทำทำไมเยอะแยะวะ…กรูแทบอ้วก
“อ่าๆๆ เดี๋ยวอั๊วะกลับละนะ ทิ้งร้านมานานละ” ผมและมิกกี้เดินมาส่งท่านทั้งสองที่หน้าประตู สรุปที่มานี่คือมากินข้าวแค่นั้น? แถมที่ห้องกรูด้วย =_=
“ป๊า ม๊ากลับดีๆ นะ” เจ้าหนูเข้าไปสวมกอดทีละคน ผมเห็นแล้วก็รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก
“เออ แล้ววันนี้มีเรียนใช่มั้ย ลื้อไปด้วยกันเลยสิ เดี๋ยวป๊ากับม๊าไปส่งที่มหาลัย” อยู่ๆ ม๊ามันก็พูดขึ้นครับ
“อ่า….ไม่เป็นไรม๊า ผมยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย เดี๋ยวไปเอง”
“เอ้า แล้วจะไปยังไง นั่งรถเมลล์ไปเรอะ”
“เดี๋ยวผมไปส่งเองครับ คุณแม่ไม่ต้องห่วง” ผมรีบอาสาทันทีเพราะเห็นเจ้าหนูมันยืนอ้ำๆ อึ้งๆ ท่าทางก็คงจะเป็นไข่ในหินแหล่ะครับ เพราะนอกจากจะไม่เคยออกมาอยู่คนเดียวแล้ว พ่อแม่ประคบประหงมน่าดู ขนาดแค่จะขึ้นรถเมลล์ยังจะมีเรื่องกัน
“ใช่ๆ เดี๋ยวเฮียแดนไปส่ง” แน่ะ…ยิ้มร่าเอามือมาทาบบนมือผมที่อยู่บนหัวมันอีกที
“เฮ้อออ ไปรบกวนอาแดนเค้าอยู่ได้ ป๊าบอกให้เอาไอ้รถเต่าจากบ้านนั่นมาก็ไม่ยอมเอามา ซื้อมาหลายล้านดันทิ้งจอดทิ้งเอาไว้ อุตส่าห์ไปถามจากอาหม่องว่ารถแบบไหนวัยรุ่นมันชอบ อั๊วะจะซื้อให้เป็นของขวัญสอบติดซักหน่อย ดั๊นนนไม่ยอมเอา เสียดายๆ”
“เค้าเรียกรถมินิป๊า”
“เออ นั่นแหล่ะๆ มินงมินิ รถบ้าอะไรเล็กนิดเดียว แต่ราคานี่ซื้อซาเล้งได้หลายสิบคัน” โห…ป๊าเปรียบมินิกับซาเล้งเลยเหรอ….กรูล่ะเครียด!
“เอาน่า…..ป๊ากะม๊ารีบกลับเหอะ เดี๋ยวมีคนขโมยทองที่ร้านนะ!” ไอ้มิกกี้รับดันหลังพ่อกับแม่มันออกไปทันที อ่อ ลืมบอกไปครับ..ที่บ้านมันเป็นร้านทองใหญ่ ชื่อดังในแถบเยาวราช และมีอีกร้านเป็นร้านอาหาร นั่นแหล่ะ…มันถึงทำอาหารเก่ง และที่สำคัญ…รวย (หึหึ เกาะเด็กกินๆ เสร็จกรูละ)
“เออๆ ไล่กันจริงไอ้ลูกคนนี้ งั้นป๊ากับม๊าไปแล้วนะ ดูแลตัวเองดีๆ กลับบ้านกลับช่องบ้าง แล้วก็อย่ากวนอาแดนเค้ามาก เข้าใจมั้ย”
“ครั่บ!” ไอ้หนูยกมือขึ้นตะเบ๊ะ แล้วทำเสียงขานรับแบบทหาร กวนจริงๆ คนอะไร…
“สวัสดีครับพ่อ แม่” ส่วนผมก็ยกมือไหว้ตามปกติ ท่านทั้งสองก็เข้ามากอดมาลูบด้วยความเอ็นดูแล้วจึงเดินออกไป
“เฮ้อออ ไปละ” เจ้าหนูเดินปาดเหงื่อ ลูบพุงเข้ามาในห้อง แม้แต่ตอนนี้ผมก็ยัง งงๆ อยู่เลยว่าป๊ากับม๊ามันมาทำอะไร ไม่ได้เข้าไปในห้องลูกตัวเองเลยด้วยซ้ำ…นี่กะมาฝากฝังกะกรูเต็มที่เลยใช่มั้ยเนี่ย!?
“พ่อแม่น่ารักดีนะ”
“อื้ม! ใช่ม้า…ถึงจะบ้าบอไปหน่อย แต่ก็ใจดีนะ” นั่น ว่าพ่อแม่ตัวเองอีก
“ว่าแต่…มีรถทำไมไม่ยอมเอามาใช้ล่ะเรา” ผมถาม โยกหัวไอ้ตัวยุ่งเล่น พวกเราเดินเข้ามาในครัว เพราะต้องมาล้างจานที่กินกันเอาไว้
“…ไม่อยากขับ”
“อยากกินแรงชาวบ้านเค้า ว่างั้นสิ?” ผมไปยืนซ้อนหลังมัน แล้วยกสองมือคล้องคอคนตรงหน้า ไม่ช่วยล้างครับ…เรื่องอะไร ฮ่าๆ
“เปล่า ขับไม่แข็ง ขี้เกียจขับ”
“คุณชายเอ้ย”
“เปล่าคุณชายนะเว้ยยย” มันทำท่านักเลง เหยงๆ เท้าไปมา…เออ ไอ้ลูกคนเล็ก ไอ้เด็กโดนตามใจ
“หรือว่า…อยากนั่งเป็นคุณนาย ให้พี่ชายคนนี้ไปส่ง ใช่มั้ยครับ?” ผมบีบเสียงเข้ม แกล้งแซวมันเล่น
“แหวะๆๆๆๆๆๆๆ ให้ลุงไปส่งน่ะเหรอออ ลุงคร้าบบบ ไปส่งผมหน่อยยยยย หลานจะไปเรียนนนน”
“เดี๋ยวเหอะๆ ใครลุง หนุ่มแน่นขนาดนี้ เดี๊ยะปั๊ด!” ผมปล่อยมือจากคอเจ้าหนูด้วยความเซ็ง ยกขาขึ้นเตะตูดมันเบาๆ
“ลุงคร้าบบบ”
“….”
“ลุงงงง”
“….” กรูไม่ยอมรับเว้ย ผมเดินเงียบไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว หยิบหนังสือพิมพ์ที่วางไว้ขึ้นมาอ่านอย่างไม่สนใจเสียงเรียกแจ๊วๆ นั่น
“ลุง ลุงขี้งอน” มาแล้วครับ…ลูกอ้อน ลูกง้อ เจ้าหนูเดินเข้ามานั่งข้างๆ แล้วสะกิด ไม่สนเว้ย ไม่สน!
“ลุงงงงงง”
“เฮียยยยย”
“เฮียคร้าบบบ”
“มีไร” เริ่มทนไม่ไหวละ เสียงไอ้มิกกี้มันเสียดแก้วหุเหลือเกิน เล่นมาตะโกนซะจนขี้หูสั่นไปหมดแบบนี้
“อ่านไรอ่ะ” มาอีกละ คำถามเดิม
“หนังสือพิมพ์ ไม่เห็นรึไง”
“อ่านข่าวไรอยู่”
“….”
เจ้าหนูไม่รอคำตอบ…มันใช้แผนเดิมคือดึงมือผมออก แล้วเบียดตัวเองเข้ามานั่งตัก แย่งหนังสือพิมพ์ในมือผมไปวางแผ่ลงกับโต๊ะ แล้วโน้มตัวลงไปแย่งอ่านทันที
“อ่านข่าวนี้อยู่แหงๆ… แพทย์จากสวีเดนคิดค้นยาไวอากร้าชนิดใหม่ ช่วยให้ผู้สูงวัยได้มีโอกาสลิ้มรสรสชาติทางเพศอีกครั้งโดยที่ไร้ผลข้างเคียง … อืมๆ เอามั้ยเฮีย เดี๋ยวผมสั่งมาให้ แว๊กกกกกกกกกกกกกกก”
หนอย…มันรู้มันครับ หัวเราะเสียงดังลั่นวิ่งหนีไปแล้ว กวนตรีนจริงๆ นะเราเนี่ย…ฮึ่มมมม เสร็จแล้วมันก็วิ่ง ปึงๆๆ หนีไปห้องตัวเองเรียบร้อย โดยก่อนไปก็ตะโกนมาว่า ‘เดี๋ยวมาอีก 30 นาที ไปส่งด้วยนะ!’
จะตามไปซักหน่อย…เวรกำ กรูไม่มีกุญแจห้องมันนี่หว่า แถมแอบหนีไป จานก็ยังไม่ได้ล้าง คอยดูนะคอยดู…แสบจริงๆ!
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
แอร๊ย ครอบครัวพิลึก อิอิ... มาลงให้ซะเช้าเลย เพราะคนโพสเพิ่งกลับมาถึงบ้าน กร้ากกกกกก มึน! 

น้องกะมินิ หุหุ 