Part 16
ผมละจากปากไอ้คนที่ยืนตัวอ่อนเปลี้ยในอ้อมแขนอย่างเสียดาย… ท่าทางมันจะเมาเหล้าจริงๆ ครับ ก็เห็นไม่อิดออดต่อต้านนอกจากยืนระโหยโรยแรงลูกเดียว กินแรงนะมรึง เอ..หรือว่ามันจะเมาจูบมากกว่าวะ
“…อึก ไอ้เฮีย” ดูมันสิ ตัวไม่มีเรี่ยวแรงจะยืนอยู่แล้ว แต่ลูกอึดด่าผมยังไม่หยุด
“เมื่อกี้บอกว่าอะไร ไม่เข็ดใช่มั้ยหืม?” ผมว่า พร้อมกับก้มหน้าลงจะจัดการกับปากพล่อยๆ นี่อีกที แต่ก็โดนมืออีกฝ่ายยกขึ้นบังหน้าไว้
“พ..พอแล้ว”
เจ้าหนูหน้าแดงเถือกจนผมคิดว่าถ้าเอาเข็มมาทิ่มหน้ามันนี่เลือดคงกระฉูดออกมาหมดตัวแหงๆ มันตัวสั่นงันงกเหมือนลูกนก ผมเห็นแบบนั้นแล้วก็อยากแกล้ง แต่ก็อดสงสารไม่ได้ มันก้มหน้าก้มตาเหมือนไม่อยากมองผมสักเท่าไหร่ คงเพราะอายล่ะมั้ง?
“ผะ..ผมไปอาบน้ำ” มันว่าตะกุกตะกัก ทำไม้ทำมือเป็นลูกศรชี้ไปซ้ายทีขวาทีเหมือนงงทิศ… ไม่รู้จะทำท่าประกอบทำไม ตรูไม่ได้หูหนวก ไม่ต้องมีภาษาใบ้ก็ได้
“ก็ไปสิ ใครห้ามล่ะ”
“…เฮียก็ปล่อยดิ๊” อ่าว…เวรกรรม นี่มือผมไปเกี่ยวเอวมันแน่นตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย ไม่รู้ตัวเลยจริงจริ๊ง…
“อ่าว เออ โทษทีๆ”
ทันที่ที่มือผมหลุดออกจากตัวมัน ไอ้ตัวยุ่งก็วิ่งปรู๊ดเข้าห้องน้ำไปทันที เมื่อกี้ล่ะทำเหมือนไม่มีเรี่ยวแรง…ผมล่ะงงกับมันจริงๆ ให้ตายเถอะ เสียงคร๊องแคร๊งในห้องน้ำและเสียงน้ำกระทบกับกระเบื้องทำให้รู้ว่าคนข้างในคงกำลังเริ่มทำความสะอาดร่างกายแล้ว
ผมเดินไปเดินมาในห้องอย่างว้าวุ่นเมื่อสติเริ่มกลับมาครบ ทำไมถึงจูบเจ้าหนูไปวะ… ที่ยิ่งแย่คือ ไม่ยักกะรู้ว่าผมชอบ เอ่อ ชอบจูบมันอ่ะ… เฮ้ออออ เมื่อกี้นี่เกือบแย่ถ้าไม่ระงับอารมณ์ตัวเองเอาไว้ ทำลงไปได้ไงวะไอ้แดน!
แทบอยากจะเอาหัวโขกหมอนให้ตาย เอ่อ…ชาตินี้กรูจะตายมั้ยวะ ช่างมันเถอะ กลับเข้าเรื่อง… ผมเดินวนไปวนมาในห้อง แล้วก็มานั่งแบะอยู่บนโซฟาตัวเดิม ไม่ว่าจะคิดวนไปวนมาก็นึกสาเหตุที่จูบไอ้มิกกี้ไม่ออก ที่สำคัญ…ผมไม่รู้เจ้าหนูมันคิดยังไงที่โดนจูบซะขนาดนั้น แถมไอ้ท่าทางไม่ต่อต้านนั่นอีก…อย่าบอกนะว่า…
“เฮีย ผมกลับห้องนะ” เสียงไอ้คนที่เข้ามาวิ่งแล่นในความคิดผมดังแทรกขึ้น ทำให้ผมต้องรีบลุกขึ้นหันหน้าไปมองทันที
“ทำไม?” แม่งเอ้ย อยากตบปากตัวเองสักสามที ไมมันชอบไปไวกว่าความคิดจังวะ
“ก….ก็ ไปแต่งตัว” มันตอบ…หน้าจากที่แดงอยู่ดีๆ ตัวที่พราวหยดน้ำ เปลือยท่อนบนก็เริ่มแดงตาม เจ้าหนูมันคงรู้ว่าผมมองตัวเปล่ามันเลยรีบยกเสื้อที่ใส่แล้วในมือขึ้นมาปิด
“แล้วจะนอนไหน?”
“นอน…นอนนู่น” มันตอบทั้งๆ ที่ตัวก็กระดึ๊บไปที่ประตูเรื่อยเหมือนกลัวผมไงไม่รู้สิ
“ทำไม?” เป็นเอามากป่ะวะกรู
“…ไม่รู้”
มันทำท่าอย่างนั้นผมเลยไม่อยากจะต้านทานอะไรอีก รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาพิกลทั้งๆ ที่เมื่อก่อนตอนโดนตื้อขอนอนด้วยเนี่ย ไม่อยากกกกกกกกกกเอาเสียเลย… ไอ้ตอนนี้เราจะไปตื้อให้มันนอนด้วยก็ยังไงอยู่ เดี๋ยวเสียฟอร์มเว้ย! ไม่ยอม!
“ตามใจ” ผมว่า เดินปึงปังเข้าห้องนอนตัวเองไปเลย
ตอนแรกผมก็นึกว่าไอ้หนูมันจะเข้ามาง้อครับ… สงสัยสำคัญตัวเองผิดไปว่ะ ก็เล่นเงียบหายไปเลย สาดดดด สงสัยกลับไปนอนห้องตัวเองแล้วแหงๆ เออออ ด้ายยยยย ตามใจมรึงเลยยยย ตอนเช้าค่อยว่ากัน ตอนนี้ผมก็เริ่มรู้สึกเพลียกับภารกิจตามหาไอ้มิกกี้เม้าส์ทั่วดิสนี่ย์แลนด์อยู่แล้ว แม่ง เสียเวลาไปทั้งวัน…แต่ก็เอาวะ ได้จูบมันทีนึงก็ถือว่าคุ้ม เฮ้ย! คิดได้ว่ะกรู ขี้เพ้อชะมัด
นานเท่าไหร่แล้วไม่รู้…แต่คงดึกมาแล้วเพราะรอบข้างมืดสนิท ผมตื่นเพราะรู้สึกถึงแขนที่สอดเข้ามาจากด้านหลัง
เฮ้ย! ผีอำ!
ผมหันขวับไป ง้างมือจะต่อยไอ้ผีห่านี่ อำใครไม่อำเสือกมาอำกรู ตายซะเถอะไอ้ผีเลววววว!
“อ่าว” งงสิครับ ก็ไอ้ผีตัวที่ผมว่ามันดันเป็นเจ้าหนูมาแทนที่ ด้วยความมืดทำให้ผมมองหน้ามันไม่ชัดเท่าไหร่ แต่พอสายตาเริ่มปรับ…ก็ทำให้เห็นว่าอีกฝ่ายนั้นหน้าแดงขนาดไหน
เจ้าหนูพอเห็นว่าผมจะหันหลังกลับมาก็รีบผลักให้ผมหันกลับไปอย่างเดิม แล้วเอาหน้ามุดงุดๆ กับแผ่นหลังผม…. มือเล็กนั่นยังคงสอดเข้ามาและกอดเอวผมไว้แน่นเพื่อกันไม่ให้หันกลับมาเผชิญหน้ากันได้
“นอนดิ” มันพูดเสียงเบา
ผมถอนหายใจ…ไม่รู้ว่าเพราะหน่ายกับหมอนี่หรือเพราะโล่งใจที่มันกลับมานอนที่ห้องนี้กันแน่… ลอบหัวเราะในลำคอหวังว่าไม่ให้อีกฝ่ายได้ยิน แต่ท่าทางจะไม่ทัน ก็เจ้าหนูมันเล่นเอาหัวโขกกับหลังผมจนต้องครางอู้ แสบนักนะมึง! แต่เอาเถอะ ยกให้วันนึง…มีคนมากอดแบบนี้ก็ไม่เลวเท่าไหร่นี่นะ
……………………………….
“เฮีย ตื่นๆๆๆๆ”
เสียงไอ้มิกกี้ดังขึ้นแต่เช้า… ไม่รู้ทำไมมันถึงได้ตื่นแต่ไก่โห่ได้ทุกวัน ปกติเด็กวัยนี้มันต้องตื่นสายเข้าไว้ไม่ใช่เรอะ! (ทฤษฎีไหนของมัน??) ผมงัวเงียตื่นเพราะแสงแดดจากม่านที่โดนมือดีรูดออกแยงตา

“อะไรอีกวะ…” ผมบ่น แล้วดึงผ้าห่มขึ้นเพื่อบังแสง
“อย่าเพิ่งนอน ตื่นๆ” เจ้าหนูยังคงเขย่าผมไม่เลิก จนเริ่มรำคาญละ
“จะนอนนนนนนนนนนนนนนนนน ชิ้วๆ” ผมยกมือออกจากผ้าห่ม แล้วโบกมือไล่ไอ้หมาที่มานัวเนียแต่เช้าออกไป
“นอนกินบ้านกินเมืองไปไหน…ไหนเค้าบอกคนแก่จะนอนน้อยหว่า ไม่เห็นจริงเลย” โหหห พูดงี้มีสวยสิครับ
“ใครแก่วะ!” ผมกระชากผ้าห่มออกมาด้วยความโมโห เห็นไอ้หนูนั่งยองๆ อยู่ปลายเตียงแล้วยิ้มอย่างยียวนก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ ท่าทางมันคงเห็นว่าผมจะลุกขึ้น เลยรีบวิ่งแจ้นทันที
ใครจะไปตามทันล่ะครับ แม่ง วิ่งเร็วยังกับหนู…สมชื่อมิกกี้เม้าส์จริงๆ (ได้ข่าวว่าชื่อแค่มิกกี้ =__=ll) เอาวะ…ตื่นก็ตื่น ผมลุกออกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟันและจัดการธุระตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนที่จะเดินมาห้องครัว ห้องประจำของเจ้าหนูมันทุกเช้าแหล่ะครับ
“ทำไรกิน” ผมเดินเกาพุงตัวเองไปยืนข้างหลังไอ้หนู
“แกงกะหรี่…หอมมั้ย?” มันหันมายิ้มให้ผม แล้วยกทัพพีขึ้นให้ดม
“แต่เช้าเนี่ยนะ”
“อาฮะ จะได้ตาสว่างไง” ผมเออออตามมัน เอาเหอะ….ทำไรมาก็ซัดหมดอ่ะ รีบๆ ละกัน กรูหิว
“ให้ช่วยไรมะ” ถามตามมารยาทครับ เหอๆ
“งั้นช่วยหุงข้าวให้หน่อย” มันว่า ง่วนอยู่กับหม้อบนเตา
“ยังไง?”
ไอ้มิกกี้หันมามองผมด้วยสายตาระอา ประมาณว่า แค่หุงข้าวแค่เนี้ยยังทำไม่เป็นอีก อ่ะโด่….มันเป็นงานที่ง่ายไป ไม่เหมาะกับผู้ชายที่มีความคิดสลับซับซ้อนยากจะเข้าถึงแบบกรูหรอก อ่ะโด่…(ไม่เลิก) แล้วเจ้าหนุก็เริ่มอธิบายขั้นตอนการหุงว่ายด้วยหม้อไฟฟ้าอย่างง่ายๆ และรวดเร็วให้ฟัง ผมก็โอเค พยักหน้าตาม….
“ทำเองละกัน” ผมเดินออกมาจากหน้าเตาและนั่งแปะลงบนเก้าอี้ทันที
“อ้าว!”
ไม่ได้สนใจเสียงบ่นหงุงหงิงของเจ้าหนูเท่าไหร่…ผมหยิบหนังสือพิมพ์ของวันนี้ที่คาดว่าเจ้ามิกกี้คงไปหยิบมาจากหน้าประตูมาวางไว้ให้ขึ้นอ่าน สายตาก็เหลือบไปมองไอ้คนที่หันหลังเดินไปมาอยู่งกๆ เรื่อย…. ผมคิดในใจ ถ้าหมอนี่มันเป็นผู้หญิงก็คงจะดีไม่น้อย ทำอาหารเก่งขนาดนี้มีแต่ผู้ชายแย่งกันชัวร์ๆ เฮ้ยยยย! ไม่เอาๆ สติจงกลับคืนมาสู่ตัวของท่านเทอญ สาธุ เฮ้อออ
ไม่นานนักจานข้าวร้อนๆ พร้อมแกงกะหรี่สีน้ำตาลเข้มพูนด้วยเครื่องก็ถูกเสิร์ฟมาตรงหน้า….กลิ่นหอมของเครื่องเทศกระทบเข้าจมูกผมอย่างจังจนต้องกลืนน้ำลายดังเอื้อก
“ร้อนนะเฮีย ระวัง” มันเอ่ยปากห้ามก่อนที่จะตักขึ้นมาเป่า แล้วเอาเข้าปากตัวเองบ้าง
“อาฮะ…. แล้วสรุปทำไมไปค้างหอไอ้แชมป์?” ผมยกประเด็นที่คุยค้างไว้เมื่อวานขึ้นมาระหว่างกินข้าว…ก็มันคาใจ…ข้างในลึกๆ (เพลงบ่งบอกอายุได้อีก -*-)
“เอ่อ….” มันถึงกับถือช้อนค้างก่อนเอาเข้าปากเลยทีเดียว
“ว่ามา” ส่วนผมวางช้อนลง เพราะดูทีท่ามีพิรุธนะเนี่ยมึงงง ไม่เคลียร์ไม่เลิกรา
“ก็…ไม่มีอะไร แค่อยากไปค้าง” มันตอบหน้าเจื่อนๆ แล้วรีบกินข้าวตรงหน้าทันที
“แล้วทำไมไม่ติดต่อ มือถือก็ปิด”
“แบตหมด…ห้องไอ้แชมป์ไม่มีที่ชาร์ตรุ่นผม” มันตอบแบบขลุกขลักเหมือนหาข้ออ้างไม่ทัน
“รู้ตัวว่าแบตหมดทำไมไม่กลับห้องตัวเองห๊ะ?” ผมเริ่มขึ้นเสียงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายให้เหตุผลไม่หนักพอกับการกระทำครั้งนี้
“ก็ไม่อยากกลับ!” นั่น…แล้วครับ อาการไอ้เด็กเอาแต่ใจของมัน ผมถึงกับส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ
“ไม่กลับก็หาทางติดต่อมาบอกบ้าง อะไรบ้าง คนทางนี้จะได้ไม่ต้องมานั่งเป็นห่วงแบบนี้!”
“แล้วเฮียจะห่วงผมทำไมล่ะ ไปห่วงคนที่เฮียอยากจะห่วงเถอะ!”
เจ้าหนูรีบวางช้อนส้อมลงกับจานทั้งๆ ที่มันพร่องไปเพียงเล็กน้อย แล้วนั่งเงียบไม่มองหน้าผม ….คนที่อยากห่วงงั้นเรอะ? จะมีใครได้อีกล่ะ ให้ตายเถอะ!
“ก็ชั้นห่วงนาย จะให้ชั้นไปห่วงใครไม่ทราบ” ผมตอบพร้อมกับปรับเสียงให้เบาลง …ลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวเองไปนั่งใกล้กับมัน
“เฮียไปตามผมเพราะโดนใช้ใช่มั้ยล่ะ”
“หะ??” งงสิครับงานนี้ ใครใช้ใคร? หมายความว่าไงวะเนี่ย
“ใครใช้?” ผมทวนคำถามมันอีกครั้ง
“ไม่รู้ล่ะ ป๊า…ม๊า….ไอ้นัท…ไอ้บอล….ไอ้แมน….ไอ้จิ๊บ….ไอ้…”
“เดี๋ยว พอๆ” ผมยกมือขึ้นห้ามก่อนที่มันจะไล่ชื่อเพื่อนตัวเองจนหมดคณะ
“ทำไมพวกนั้นต้องใช้ชั้นไปตามด้วย?”
“ไม่รู้อ่ะ…ก็ทำไมเฮียต้องมาตามผมเองด้วยล่ะ?” มันนั่งก้มหน้างุดๆ ยกมือขึ้นพันผมตัวเองเล่น เข่าสองข้างถูกยกขึ้นมาบนเก้าอี้เหมือนเด็กมีปัญหาไม่มีผิด
“ก็บอกว่าเป็นห่วง ปัดโธ่เว้ย จะให้พูดอีกกี่รอบเนี่ย….เล่นหายไป 4-5 วัน บ้านก็ไม่อยู่ คณะก็ไม่เจอ แถมยังโดดเรียนไปตั้งหลายวัน มันน่ามั้ยล่ะ!” ผมว่า พร้อมกับมอบมะเหงกให้ไอ้ตัวแสบไปทีนึง
“โอ๊ยยย…. อย่าบอกนะว่าเฮียไปตามหาผมที่บ้าน!?” ไอ้มิกกี้ยกมือขึ้นกุมหัวตัวเอง น้ำตาเล็ด แล้วจึงทำตาโต
“เปล่า ถามไอ้นัทมา”
“ชิ นึกว่าลงทุน” มันหันมาค้อนนิดนึง ก่อนจะหันหน้าหนี อะไรวะ!?
“คราวหน้าทำอะไรก็หัดมีเหตุผลซะบ้าง ไหน…ไอ้คนที่บอกว่าผมไม่เด็กแล้วน่ะ คนโตแล้วเค้าทำแบบนี้รึไงหะ?” ผมได้ทีเลยยิ่งทับถม เอ้ย! ไม่สิ สั่งสอนมันต่างหาก เจ้าหนูเลยได้แต่นั่งหน้างอเป็นตรูดเป็ดอยู่แบบนั้น
“ผู้ใหญ่ก็ไม่มีเหตุผลเหมือนกันนั่นแหล่ะ” มันพูดเสียงเบา แต่ผมก็ได้ยิน
“อะไร ไม่มีเหตุผลตรงไหน?” ผมตอบอย่างขุ่นๆ ดึงเก้าอี้อีกฝ่ายให้หันมาตรงกันจนเจ้าหนูร้องเหวอด้วยความตกใจ เกาะเก้าอี้กับไหล่ผมแน่นกันตก
“ก…ก็”
“ทำไม?”
ผมนั่งสอดขาตัวเองไปข้างๆ ตัวไอ้หนูที่ตอนนี้นั่งชันเข่าบนเก้าอี้ ตัวเราสองคนแทบจะเกยกัน ที่สำคัญ…ปากนี่แทบจะชนกันอยู่แล้ว ผมได้กลิ่นดาร์ลี่ลอยมาแตะจมูก หอมสดชื่นชะมัด…. ส่วนเจ้าหนูเองก็มองผมด้วยสายตาที่คาดเดาไม่ถูก…มันปล่อยมือที่เกาะแขนผมเพราะกลัวตกเมื่อกี้ไปโอบรอบเข่าตัวเองแทน แล้วหลบตา...
“ก็…จูบทำไมล่ะ”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++==
เพิ่งเห็นว่าได้รับเมลเมื่อเย็น โทษทีค่ะ 

เฮียเอ้ยยย ตอบเด็กไปดีๆนะ เดี๋ยวมีงอลลลล