Part 15
ผมวิ่งไปเคาะประตูห้องเจ้าหนูก่อนเพื่อความแน่ใจว่ามันไม่ได้อยู่ห้องแน่ๆ และความเงียบที่ได้รับกลับมาก็ยิ่งทำให้ว้าวุ่นใจเข้าไปใหญ่… หายไปไหนของมันวะ สิ่งแรกที่ผมคิดถึง คือ มหาลัย มีหลายครั้งที่มันชอบไปนอนมหาลัย เพราะต้องนั่งปั่นโปรเจ็คกับเพื่อนๆ
จะว่าไปก็เคยเตือนไปหลายครั้งแล้วเหมือนกันว่าอย่าไปค้างให้มันมากนัก มีอะไรก็ให้ขนกลับมาทำที่ห้อง มันปลอดภัยกว่า…แต่ก็นะ ไอ้เด็กพวกนี้มันทโมนกันทั้งนั้น พูดอะไรเคยฟังเสียที่ไหนกันล่ะ โดยเฉพาะได้มิกกี้ ชอบเถียงคอเป็นเอ็น คอยดูเถอะ! เป็นอะไรขึ้นมาล่ะน่าดู!
ผมรีบบึ่งรถจากคอนโดไปมหาลัยเจ้าหนูภายใน 20 นาที แม้ปกติจะใช้เวลาเกือบ 40 นาทีก็ตาม… เมื่อมาถึงคณะ ผมรีบเดินลงไปตามหามันทันที วิ่งขึ้นตั้งแต่ชั้น 1 ยันชั้น 6 เจอกลุ่มเพื่อนไอ้มิกกี้บางกลุ่ม แต่คำตอบก็เหมือนกันคือ ‘ไม่รู้’
หลังจากนั้นผมก็ไปที่โรงยิม… มีเด็กที่มาเล่นอยู่ 4-5 คน…คนพวกนั้นไม่รู้จักเจ้ามิกกี้ด้วยซ้ำ ผมได้แต่ถอนหายใจอย่างกังวล เด็กเปรตเอ้ยยยย หายหัวไปไหนวะ!? ในขณะที่ผมกำลังเซ็งจัดกับการไม่รู้จะไปหาที่ไหนอีกดี สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นเหยื่อรายใหม่ที่เดินใส่เสื้อชอปสำกรมท่า มือข้างนึงถือขนม เดินพูดคุยกับเพื่อนผ่านหน้าโรงยิมพอดี
“เฮ้ย!” ผมตะโกนเรียกอีกฝ่าย แล้วเดินออกมาจากโรงยิม
นั่นคือไอ้แชมป์ เด็กวิดวะที่โดนผมไล่กระเจิงไปเมื่อวันก่อนเองครับ…ไอ้ตัวต้นเหตุที่ทำให้ผมทะเลาะกับไอ้หนู (โทษชาวบ้านไปเรื่อย) มามะ มึงมาหากรูซะดีๆ …มันมองซ้ายมองขวาสองสามทีเพื่อหาว่าใครเรียกมัน พอมันเห็นผมโผล่หัวออกมาตรงปากทางโรงยิม เท่านั้น…ตาโตค้างเติ่ง ปากที่กำลังเคี้ยวขนมอ้ากว้างจนแทบเห็นลิ้นไก่ แถมถุงขนมในมือยังร่วงลงกับพื้นหกกระจัดกระจาย
มันวิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิตเมื่อเห็นผมเข้าไปใกล้ ปล่อยให้เพื่อนมันยืนเอ๋อแดรกว่าเกิดอะไรขึ้น จะเหลือเหรอ…ผมก็วิ่งตามสิครับ ดูซิ ไอ้หนูหน้าเห่ยขาสั้นกับอดีตตัวแทนนักกรีฑามหาลัย เจ้าของเหรียญทองสองสมัยใครจะเร็วกว่ากัน…
ภายในเวลาไม่กี่วินาทีผมก็ถึงตัวไอ้แชมป์ ผมเข้าไปตะครุบตัวมันแล้วดึงแขนมาล็อกข้างหลัง เพียงเท่านี้มันก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว
“โอ๊ยยย ขอโทษครับบบ ผมผิดไปแล้ววว อย่าทำผมเลยย” ไอ้แชมป์มันร้องขอชีวิตเสียงดัง ไม่เข้าใจเลยว่ามันจะกลัวอะไรผมนักหนา ไม่ได้ไปทำอะไรให้สักหน่อย (เรอะ?)
“ชู่วว ใจเย็นๆ …นิ่งๆ” ผมต้องพยายามปลอบให้ไอ้คนที่นั่งน้ำตาเล็ด แขนถูกไพร่ไปข้างหลังให้เงียบเสียงลง เพราะตอนนี้ถึงจะเย็นมากแล้ว แต่คนเดินผ่านไปผ่านมาก็มีอยู่ ผมยังไม่อยากถึงมือตำรวจครับ
“ผมไม่มีเงิน อย่าทำผมเลย ฮือออ” อ่าวเวร กรูทำเด็กร้องไห้อีก เฮ้อออ กลายเป็นมาเฟียรีดไถเงินตั้งแต่เมื่อไหร่วะ
“กรูไม่ได้จะเอาเงิน ไอ้มิกกี้อยู่ไหน!” ผมปิดปากแน่น พูดเบาๆ ให้เสียงเค้นออกมาจากไรฟันเท่านั้นเพื่อไม่ให้คนรอบข้างได้ยิน
“ห…หา?”
“มิกกี้…อยู่ไหน” ผมเค้นเสียงเพื่อเน้นให้รู้ถึงความต้องการของตัวเอง ไอ้แชมป์ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นหลังจากที่ก้มหน้าหลับตาปี๋ด้วยความกลัว มันยังดูเอ๋อไม่หาย แต่พอจับใจความได้ว่าผมไม่ได้จะทำร้ายมันและต้องการรู้ที่อยู่มิกกี้เท่านั้น แทนที่มันจะพูดดีๆ กลับทำตาล่อกแล่ก ดูมีเลศนัยชอบกล นั่นยิ่งทำให้ผมแน่ใจว่ามันต้องรู้เรื่องที่เจ้าหนูหายไปแน่ๆ
“กรูถามว่ามิกกี้อยู่ไหน?” ผมพูด พร้อมกับบีบแขนมันแน่นมากขึ้น
“โอ๊ยๆๆๆ ผมไม่รู้ๆๆ”
“กรูรู้ว่ามึงรู้… แนะนำว่าให้บอกมาดีๆ ก่อนที่จะต้องหยอดน้ำเกลือ ว่ามา!” ผมยกมืออีกข้างมาบีบปากมันเพื่อให้พูด มันกลืนน้ำลายดังเอื้อกและเงียบไปสักพัก ผมเกร็งข้อมือมากขึ้นจนอีกฝ่ายร้องออกมา
“โอยๆๆๆ ยอมแล้วๆๆๆ ฮือออ กรูไม่น่ายุ่งกับมึงเล้ย ไอ้กี้” มันผ่อนเสียงตรงท้ายประโยคให้เบาลง แต่นั่นก็ยังเข้ามาในโสตผมอยู่ดี
“รู้ตัวก็ดี”
ไอ้แชมป์พาผมมาที่หอใน ความจริงผมเองก็เคยผ่านๆ แถวนี้มาหลายรอบแล้วล่ะครับ แต่ไม่เคยลงมาเดินดูแบบนี้ สภาพก็น่าอยู่ดี มีร้านอาหาร ร้านเน็ต ร้านเกมส์ ร้านการ์ตูนตามสไตล์หอใน อีกฝ่ายเดินนำผมไปแบบระแวง เพราะมันหันหน้ามามองผมหลายครั้งเหลือเกิน
และแล้วในที่สุดมันก็มาหยุดอยู่ที่หอพักแห่งหนึ่ง ดูแล้วก็กลางๆ ชั้นนึงแบ่งออกเป็นห้องประมาณ 10 ห้องเห็นจะได้ ก็ดูโอ่โถงกว้างขวางดีครับ แต่อึมครึมเพราะเป็นอาคารปิด ไม่มีกระจกและหน้าต่างเพื่อมองออกไปข้างนอก
มันและผมเดินมาที่หน้าห้องริมสุด ไอ้แชมป์ควักกุญแจขึ้นมาไข …แกร๊ก… ทันทีที่ประตูเปิดออกเท่านั้นแหล่ะ ก็มีเสียงสวนออกมาทันที
“เฮ้ย กลับเร็วจังวะไอ้แชมป์” นั่นคือเสียงชายนิรนามคนที่หนึ่ง
“อ่าว มึงมีเรียนเย็นไม่ใช่เหรอวะ โดดอีกละไอ้เหี้ย” และนั่นคือชายนิรนามที่สอง
“สาด กรูไม่ได้โดด…” ไอ้แชมป์ที่ยืนหน้าซีดตอบกลับบรรดาเพื่อนๆ ของมันไป
เหมือนทุกคนกำลังจะเถียงอะไรออกมาสักอย่าง… แต่ก็ต้องเงียบลงเมื่อเห็นผมเดินตามไอ้แชมป์เข้ามาภายในห้อง เสียงเงียบกริบทำให้อีกร่างที่นอนอยู่ข้างเตียงลุกขึ้นมา…
“เงียบไรกันวะ” นั่นแหล่ะครับ เสียงนี้และใบหน้านี้ค่อยคุ้นเคยหน่อย
ไอ้คนที่ผมกำลังตามหาตัวค่อยๆ ยันตัวเองโผล่พ้นขอบเตียงขึ้นมา หน้ามันแปลกตาไปเล็กน้อยครับด้วยผมทรงใหม่…ผมมันตรงบริเวณเหนือใบหูถูกไถยาวไปสองสามแถว ส่วนอีกข้างก็ปล่อยให้ผมสีน้ำตาลเข้มยาวปรกหน้าตาปรกตา
ทันทีที่มันเห็นผม…เท่านั้นแหล่ะ
“ใครพามา” มันถาม ไอ้แชมป์ส่ายหน้าดิ๊กๆๆๆๆ เอาตัวรอดโง่ๆ นะมึง
“ชั้นมาเอง” ผมบอก แล้วเดินไปที่ที่มันล้มตัวลงนอนอยู่… ทุกคนในห้องเงียบ ไอ้ตัวนึงที่นั่งขวางทางผมรีบลุกขึ้นหลีกให้ แล้วไปยืนกองรวมกันกับไอ้แชมป์
“กลับ” ผมโน้มตัวลงไปคว้าแขนไอ้มิกกี้ แล้วออกแรงดึงเบาๆ
“เรื่อง” มันสะบัดมือผมทิ้ง…นั่นยิ่งทำให้ผมหงุดหงิดเข้าไปใหญ่
“อย่ามาทำตัวน่ารำคาญนะมิกกี้! กลับบ้าน!”
“ในเมื่อผมมันน่ารำคาญ แล้วจะมายุ่งกับผมทำไม!”
อีกฝ่ายขึ้นเสียงใส่ผมไม่แพ้กันทำให้ผมแอบตกใจไปเล็กน้อย เพราะตั้งแต่เจอกันมาหมอนี่ไม่เคยเถียงหรือขึ้นเสียงใส่ผมสักแอะ อาจจะมีบ้างที่ตะโกนใส่กัน แต่ส่วนใหญ่ก็เล่นๆ มากกว่า… ดังนั้น ผมจึงยิ่งโมโห ฉุดแขนให้อีกฝ่ายลุกขึ้น จนในที่สุดมันก็จำยอมลุกตามผมอยู่ดี
“โธ่เว้ย! มึงปล่อยกรูนะ!” ผมถึงกับหันควับไปมองไอ้ตัวที่ดิ้นอยู่ในมือ…นี่มึงถึงขั้นขึ้น กรู กับ มึง เลยงั้นเหรอ…ได้
“โอ๊ยยย ปล่อย ปล่อยโว้ยย ไอ้วินช่วยกรูด้วยยยย” เจ้าหนูดิ้นสุดแรงเกิด ดูเหมือนเพื่อนมันที่ชื่อวินจะเดินเข้ามาห้าม แต่ก็โดนไอ้แชมป์ดึงไว้ก่อน…
ผมลากอีกฝ่ายมานอกห้อง กว่าจะพาออกมาได้ก็ยากเย็นเหลือเกินเพราะไอ้มิกกี้มันดิ้นไม่หยุด ไม่รู้มันเอาแรงมาจากไหน ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับอาการโกรธนี้ไว้ แต่มันกลับทำให้ยิ่งแย่ เพราะผมดันไปได้กลิ่นเหล้าจากตัวอีกฝ่ายลอยคละคลุ้งมาแตะจมูกนี่สิ
“กินเหล้าอีกแล้วงั้นเรอะ!” ผมบีบต้นแขนมันให้หันหน้ามาเผชิญกัน
“อย่ามายุ่ง! ปล่อยกรูสิวะ!” มันยังดิ้นไม่เลิกจนผมคิดว่ากว่าจะลากมันไปเคลียร์ที่รถคงไม่ไหว จึงตัดสินใจลากมันไปที่บันไดหนีไฟแทน
ทันทีที่ผมพามันซอกหลืบตรงบันไดหนีไฟโทรมๆ ได้ ก็จัดการเทศน์ทันที
“หายไปไหนมาห๊ะเรา! ทำไมไม่เข้าเรียน!? นี่มามัวแต่คลุกกันกินเหล้าใช่มั้ย!” ผมจัดการรวบข้อมือทั้งสองข้างของไอ้หนูเอาไว้ก่อนที่มันจะประเคนเข้ามาทุบตีตามตัวผม
“เรื่องของกรู!” ไอ้มิกกี้หายใจฟึดฟัด หน้าแดงเหมือนคนโมโหจัด
“หยุดเดี๋ยวนี้! ใครใช้ให้พูดกรูกับมึงห๊ะ!” ส่วนผมก็โมโหไม่แพ้กัน ยิ่งเห็นไอ้คนข้างหน้าเมามายหมดสภาพจนเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนแบบนี้ยิ่งทนไม่ได้ ให้ตายเถอะ!
“ทำไม กรูพูดแบบนี้ของกรูมาตั้งนานแล้ว มึงจะทำไม!”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
“ไม่!”
ผมอารมณ์พุ่งถึงขีดสุด ในเมื่อสั่งให้หยุดมันไม่ยอมหยุด จึงต้องลงมือจัดการให้มันหยุดด้วยตัวเอง… ผมก้มหน้าลงประกบปากกับอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ทันทีที่เจ้าหนูรู้สึกถึงสัมผัสผม มันก็ดิ้นหนักกว่าเดิม ตาเบิกโพลง ขาดิ้นพล่านจนเข่ามาโดนท้องผมไปหนึ่งอั่ก แต่ผมก็ทนไว้ ไม่ได้ผละปากตัวเองออกแต่อย่างใด
“อืออ อืม อื้อออ!” เสียงต่อต้านในช่วงแรก…ค่อยๆ ผ่อนมาเป็นเสียงครางหวิว ผมปล่อยมือที่รัดแขนสองข้างของเจ้ามิกกี้ออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้เพียงแต่ว่าสองแขนนั่นเกาะบ่าผมไว้อย่างแน่นหนาราวกับจะช่วยพยุงตัวเองให้มีแรงยืนไว้
“ฮึกก ไอ้เฮียบ้า…อือ” เจ้าหนูน้ำตาไหลออกมาตอนไหนไม่รู้ แต่นั่นก็ไม่หยุดผมให้เลิกควานหาสัมผัสอันอ่อนหวานแกมขมจากริมฝีปากนี้ได้
เนิ่นนานที่เรายืนจูบกันแบบนั้น…ผมไม่รู้ว่าที่จูบมันเพราะโมโหหรือต้านความต้องหารลึกๆ ในใจตัวเองไม่ไหวกันแน่ แต่เท่าที่รู้ตอนนี้คือ… ผมหยุดไม่ได้ และ ไม่อยากจะหยุดเสียเลย
จนกระทั่งอาการต่อต้านของเจ้าหนูหายไปหมดนั่นแหล่ะ…เนื้อตัวอ่อนระทวยในอ้อมแขนผมพร้อมทั้งเสียงหายใจหอบถี่ที่เปลี่ยนจากหอบโกรธมาเป็นหอบเพราะหายใจไม่ทันแทน
“อย่าพูดแบบนั้นอีกนะ…” ผมละปากออกมาอย่างเสียดาย แต่ก็ยังคลอเคลียอยู่ใกล้ๆ ริมฝีปากนั่นเวลาพูด
“…อือ…” อีกฝ่ายตอบรับด้วยเสียงในลำคอราวกับว่าไม่มีแรงแม้แต่จะเอ่ยออกมาเป็นคำพูด
“แล้วก็ห้ามมากินเหล้าด้วย”
“…อืม” มันยังคงตอบเหมือนคนไม่มีสติ
“กลับบ้านนะ”
คำถามสุดท้ายนี้ผมไม่รอคำตอบ แต่พยุงเจ้าหนูให้เดินตามมา…ผมเดินไปหน้าห้องไอ้แชมป์ เสียงคนกุกกักๆ รีบปิดประตูทำให้ผมรู้ว่าพวกมันแอบดูอยู่ตลอด แต่ก็ไม่ได้สนใจ
“เอาของของมิกกี้มาให้หมด” ผมสั่ง มองไปที่เจ้าแชมป์ เพราะมันเป็นคนเดียวที่ผมรู้จักในกลุ่มนี้
“ค…ครับ”
ไม่นานนักกระเป๋าย่ามที่บรรจุของที่ผมต้องการก็ถูกยื่นมาให้… ผมคว้ากระเป๋าใบนั้นมาไว้ในมือ พร้อมกับพูดว่า ‘ขอบใจ’ โดยที่มีเจ้ามิกกี้ยืนเงียบอยู่ข้างหลัง ไอ้บรรดาเพื่อนพยายามจะส่งซิกไปถามอะไรบางอย่างจากเจ้าหนู แต่มันก็ก้มหน้างุดๆ ไม่ได้มองเพื่อนสักคน
พวกเรามาถึงรถ…ผมปลดล็อกและเปิดประตูให้อีกฝ่ายเข้าไป มันยอมทำตามอย่างว่าง่าย ผมลอบมองหน้านิ่งๆ เดาอารมณ์ไม่ถูกของมัน แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากครับ ย่านชุมชน…จะให้ทำอะไรได้ล่ะ
จนในที่สุดก็มาถึงคอนโด เจ้าหนูทำท่าจะกลับเข้าห้องตัวเองไป ไม่พูดไม่จา ใครจะไปยอม…
“มานี่” ผมบอก พร้อมกับดึงแขนอีกฝ่ายเข้าห้องตัวเองเฉย หยิบเสื้อผ้าทั้งหลายออกจากกระเป๋ามันแล้วโยนใส่ตะกร้า จับอีกฝ่ายที่ยืนงงๆ อยู่ให้ถอดเสื้อ
“อาบน้ำซะ” ผมบอก มือก็เอื้อมไปปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาเน่าๆ ของมันออก
“เฮ้ย! ม..ไม่ต้อง ผมถอดเองได้”
ผมยืนดูอีกเจ้ามิกกี้แกะกระดุมเสื้อตัวเองทีละเม็ดจนหมด…สงสัยมันจะมึนจริง เพราะปกติมันไม่ยอมมายืนแก้ผ้าต่อหน้าผมหรอกครับ ขี้อายจะตายไป ไอ้เด็กสดๆ ซิงๆ เนี่ย
“ตัดผมมาตอนไหน?” ผมเดินเข้าไปใกล้ แล้วเชยคางอีกฝ่าย ส่ายไปมาซ้ายขวาเพื่อดูผมทรงใหม่
“ไม่รู้…จำไม่ได้ ตัดเอง” ผมแทบจะสำลัก! เอ่อะ ตัดเอง!?
“แล้วทำไมไม่กลับบ้านกลับช่อง…ไปอยู่ทำไมที่หอเพื่อน” ผมยังยืนถาม เช่นเดียวกับเจ้าหนูที่ยืนนิ่งมองหน้าผมทั้งๆ ที่มันก็แกะกระดุมเสร็จหมดเรียบร้อยแล้ว
“กลับบ้านเฮียก็ตามถูกดิ” มันตอบหน้าด้านๆ
“ไม่กลับบ้านก็ตามถูก”
“….”
“ไปไหน ก็ตามถูก…” ผมบอก ริมฝีปากสีชมพูนั่นมันช่างยั่วยวนชะมัด ไม่รู้ทำไมพอได้ลิ้มลองไปแล้วสักครั้งมักจะถอนตัวออกมาไม่ขึ้น มีแต่จะอยากลิ้มรสแล้วลิ้มรสอีก …ผมโน้มคอตัวเองต่ำลงไปจนเกือบแนบกับริมฝีปากอีกฝ่าย มันยืนนิ่งไม่ได้หลับหนี หรือขยับเข้าหา
“…ไม่จริง” และคำพูดนี้ทำให้ผมชะงัก
“ทำไม?”
“ไอ้เฮียบ้า…เพราะเฮียเป็นไอ้เฮียบ้า” มันตอบแล้วเผยยิ้มเล็กๆ ออกมา
“เดี๋ยวเถอะ ด่าได้ด่าดี ต่อไปจะเอาตะกร้อมาครอบปากไอ้หมาตัวนี้เอาไว้…ดีมั้ย หึหึ”
“ครอบปากเฮียนั่นแหล่ะ… ชอบทำเรี่ยราดกับคนอื่นไปทั่ว ไอ้เฮียบ้า” มันทำหน้ามุ่ย เบือนหน้าหนีผมไปนิดนึงเมื่อปากเราเริ่มจะใกล้กันเกินไป
“ใคร? เรี่ยราดอะไร?” ผมยังคงเลื่อนตามปากที่หันหนีไปเรื่อย เอาสิ จะหนีกรูไปได้สักกี่น้ำ…
“…กับพี่มาร์ชก็ทำแบบนี้ใช่มั้ย”
“หึหึ”
“หัวเราะอะไร ไอ้เฮียบ้า” สงสัยเสียง หึหึ ของผมจะไปกระตุ้นต่อมโมโหของเจ้าหนู ก็จากที่ยืนคลอเคลียกันอยู่ดีๆ มันกลับผลักอกผมออกห่าง แถมยังหน้าบึ้งกว่าเก่าอีกต่างหาก
“ขืนทำก็โดนแฟนมันฆ่าตายน่ะสิ” ผมตอบ ยังคงอมยิ้มแบบชนิดกลั้นแทบไม่ได้
“…แฟน?”
“อาฮะ เงียบซักทีได้มั้ยเนี่ย ไอ้ตัวแสบ” ผมว่าแล้วรั้งตัวอีกฝ่ายเข้ามาจนชนกับแผงหน้าอกตัวเอง ไม่รู้ทำไมถึงทำอะไรแบบนั้นไปได้…รู้เพียงว่าร่างกายมันเป็นไปอัติโนมัติ
“…พี่มาร์ชมีแฟนแล้วจริงอ่ะ..” มันยังคงซักไม่เลิก คิ้วนี่ขมวดจนจะชนกันอยู่แล้ว
“ทำไม ชอบมาร์ชรึไง?”
“จะบ้ารึไง ใครชอบ...เฮียนั่นแหล่ะ” มันยกนิ้วขึ้นชี้หน้าผม ทำตาถมึงทึงใส่
“เฮียทำไม…?”
“เฮีย…ชอบ…เค้า” ดูเจ้าหนูต้องฝืนกลืนน้ำลายเพื่อเค้นคำสามคำนี้ออกมา ส่วนผมได้แต่รั้งสองมือที่กอดอีกฝ่ายเข้าหาตัวให้มากขึ้นจนปากเราแทบจะแนบชิดกันอยู่แล้ว
“เคย”
“…..” นั่นว่าแล้วเชียว…เจ้ามิกกี้หน้าบูดเป็นตรูดเป็ดทันที
“แต่ตอนนี้เปล่า”
ผมไล่สายตาลงมองตั้งแต่ใบหน้าขาวเนียนของเจ้าหนู ลำคอเรียว ไหปลาร้า หน้าอกที่ถูกเสื้อนักศึกษาสีขาวปิดเอาไว้เผยแค่สัดส่วนตรงกลาง ต่ำลงไปเป็นกล้ามหน้าท้องเล็กๆ บ่งบอกถึงความเป็นนักกีฬา ทั้งๆ ที่บางทีผมก็เห็นมันจนชินนะครับ ก็อยู่ด้วยกันบ่อยขนาดนั้น พยายามปิดไปเท่าไหร่ก็มีวับๆ แวมๆ บ้างล่ะ…แต่คราวนี้กลับรู้สึกต่างออกไป เพราะเสื้อที่ผ่ากลางรึเปล่านะ ทำไมมันดูเซ็กซี่ชะมัด
“แล้ว….”
“ชู่ว….” ผมรีบลงมือปิดปากเจ้าหนูทันทีก่อนที่มันจะมีโอกาสได้ถามอะไร ให้ตายสิ ปกติไม่เคยจะรำคาญเสียงเจื้อยแจ้วนี่เท่าไหร่นะ แต่วันนี้กลับรู้สึกอยากให้อีกฝ่ายเงียบเร็วๆ ไม่งั้นคงต้องยืนตอบคำถามมันทั้งวันแน่
จูบครั้งนี้แม้จะค่อยเป็นค่อยไปแต่ก็นุ่มนวลและรุนแรงไปพร้อมกัน เจ้าหนูที่ไม่ประสีประสาเม้มปากแน่น ถึงจะพยายามดุนดันลิ้นเข้าไปสักเท่าไหร่ก็ไม่สำเร็จผล จนผมถึงกับต้องยกมือขึ้นมาค่อยๆ ลูบใบหน้าและข้างแก้ม สอดนิ้วโป้งเข้าไปที่มุมปากอีกฝ่ายเพื่อง้างมันออก เจ้าหนูได้เพียงแต่ทำตามแม้จะร้องประท้วงออกมาก็เถอะ มันจึงกลายเป็นจูบกันไปด้วยและดูดนิ้วผมไปด้วย ห่าเอ้ย…เสียวดีชะมัด
“จ…จูบผมทำไม” ไอ้มิกกี้ถามหน้าแดงแปร๊ด ยกหลังมือขึ้นเช็ดน้ำลายตัวเองหลังจากที่ผมผละออกมาได้นิดหนึ่ง
“ตะกร้อมันแพง…เอาแบบนี้ครอบปากไปก่อนละกัน จะได้เงียบสักที”
แล้วเจ้าหนูก็ไม่โต้ตอบอะไรอีกเลย สงสัยมันจะกลัวโดนตะกร้อปากของผมอีก…แต่ดูท่าจะไม่ทันซะแล้ว
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เฮียกินเด่ะ!
มาช่วยกันเช็ดน้ำลายเฮียหน่อยเร้ว!