Part 14
“สำหรับผม เฮียไม่ใช่แค่คนข้างห้องนะ…”
จากที่หงุดหงิด..ตอนนี้ผมยืนนิ่ง ยักคิ้วข้างนึงเป็นเชิงถามให้พูดต่อ
“อะ..เอ่อ คือ” มันยืนยุกยิกๆ เอามือถูตามตัวไปมา เหมือนเช็ดเหงื่อ
“อะไร มีอะไรก็พูดมา”
“ไม่มีไร” เจ้ามิกกี้รีบตอบแบบที่ผมยังไม่ทันพูดจบประโยคด้วยซ้ำ ผมสังเกตว่าจากหน้าซีดๆ กลายเป็นเริ่มแดงแล้วซะงั้น
“เฮียก็อย่าไปทำแบบนั้นอีกละกัน ผมอาบน้ำละ”
และแล้วมันก็พูดและวิ่งด้วยความเร็วสูงไปคว้าผ้าเช็ดตัว เข้าห้องน้ำไป…ปล่อยให้ผมยืนงงว่ามันหมายความว่ายังไง อะไรวะ…
“เฮ้ จะรีบอาบไปไหน วันนี้มีเรียนรึไง? ข้าวช้าวล่ะ?” ผมเคาะประตูห้องน้ำถามอีกฝ่าย เสียงเปิดน้ำฝักบัวดังซ่าดังสวนขึ้นเหมือนมันไม่อยากจะเสวนาโต้ตอบกับผมสักเท่าไหร่
“……”
“เออๆ! ไม่ยุ่งด้วยแล้วเว้ย! โทษทีที่มารบกวน!”
บอกตามตรงว่าโมโหมากครับ ไม่โมโหได้ไงล่ะ แบบนี้หลายทีแล้วไอ้พวกเด็กเนี่ย…ตอนแรกๆ ก็จะชอบมาเกาะแข้งเกาะขา อ้อนขอนู้นขอนี่ พอไม่ให้ก็จะโวยวายบ้าง ตื้อบ้าง งอนบ้าง… และสุดท้ายเมื่อได้ความรักความเอ็นดูจากเจ้าของ (สรุปเด็กหรือหมา??) ก็สะบัดตรูดหนี เหมือน ‘ผมโตแล้ว ผมไม่ต้องการอะไรจากคุณอีก’… ให้ตายเถอะ แบบนี้สิกรูถึงเกลียดเด็ก!
ใจนึงก็แอบคิดสมเพชตัวเอง… ถึงจะรู้อยู่แก่ใจแต่ก็อดรัก อดห่วง อดสงสารไอ้เด็กตัวน้อยพวกนี้ไม่ได้ โดนหักหลังไปหนึ่งแล้วก็ยังไม่เข็ด ไม่สิ ไม่ใช่หักหลังซะหน่อย… รายนั้นเค้าไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเราตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่ มีแต่เราที่เสนอให้เค้าฝ่ายเดียว เค้าจะไปตามทางก็ไม่แปลก
คิดแล้วเซ็ง… แกมคิดถึง โทรหาดีกว่า
ผมปิดประตูห้องตัวเองดังปัง… ปกติไม่ทำกริยาเลสทรามแบบนี้หรอกครับ แต่ที่ทำแบบนี้อยากให้ไอ้คนข้างห้องมันรู้ว่า ‘กรูกลับห้องตัวเองแล้วนะเว้ย!’ โกรธว่ะ โกรธ!
ตืดดด ตืดดด ตืดดด
“ครับ” ปลายสายกดรับโทรศัพท์และกรอกเสียงตอบกลับมา…อา แค่เสียงนุ่มๆ นี่ก็ทำเอาผมใจชื้นขึ้นมาหน่อยแล้ว
“ว่าไงคุณชาย…วันนี้รับโทรศัพท์ด้วยแหะ” ก็รายนี้น่ะเค้าชอบรับโทรศัพท์เสียที่ไหนล่ะครับ ผมยังอยากรู้เลยว่ามันจะพกไปทำไม ในเมื่อชอบเอาไปวางทิ้งระเกะระกะ ไม่ก็ปิดเครื่องไว้เสียเกือบตลอดเวลา
“อะไรเล่าพี่แดน…แซวอีก ก็มันน่ารำคาญอ่ะ”
“ว่าพี่น่ารำคาญเหรอ ฮึก ฮึก หึหึ” ปรับเสียงให้ดูกระแดะนิดนึงครับ เอิ้ก
“…โดนใครว่ามาอีกล่ะ?” อ่าว แสรดดด รู้ทันกรูอีก สมเป็นน้องรักกรูจริงๆ
“ใคร ไม่มี ไอ้ตัวไหนมันจะกล้ามาว่า” ผมรีบทำเสียงแข็ง…กลัวหมดมาดชายโหด โฉด และโสด
“หึหึ ก็มีอยู่ตัวเดียวแหล่ะ เจ้าหมาน้อยข้างห้องไงล่ะ”
“…เลิกพูดถึงมันได้แล้ว” โธ่เว้ย…ถึงไม่พูดชื่อยังทำให้ผมอารมณ์เสียได้ขนาดนี้ ให้ตายเถอะ!
“นั่นไง ว่าละ”
“ว่าอะไร?”
“เปล๊า” เสียงสูงๆ นั่นยิ่งทำให้คิ้วข้างซ้ายกระตุก…ตายห่า โชคร้ายแน่กรูวันนี้
“วันนี้ว่างมั้ย” ผมกรอกเสียงถามอีกฝ่ายไปเพื่อให้ลืมไอ้เรื่องที่พูดมาก่อนหน้านี้ซะ
“เออใช่ กะว่าจะโทรหาพอดี เดี๋ยวผมแวะไปหานะ คราวก่อนลืมเอาของฝากมาให้…พี่แดนอยู่ห้องใช่มะ?”
“อยู่ๆ” ผมรับตอบด้วยความดีใจ…วันนี้ไม่ต้องอยู่คนเดียวแล้วโว้ย
ไม่นานนักเจ้ามาร์ชก็มาถึงคอนโดผมครับ มันวนจอดรถอยู่พักหนึ่งแล้วก็ขึ้นมากดออด…. ใช่เลย เสียงกดออดครั้งเดียวแบบนี้แหล่ะน้องชายสุดเรียบร้อยน่ารัก แต่มือหนักของเรานี่เอง
ว่าแล้วผมก็รีบวิ่งไปเปิดประตูทันที…. แต่ภาพตรงหน้ากลับทำให้รอยยิ้มผมหุบไปเกือบครึ่ง…และอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะรู้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
“เอ่อ…ผมต้องไปธุระกับมันต่อด้วยน่ะ” มาร์ชชี้นิ้วไปที่คนข้างๆ อย่างกล้าๆ กลัวๆ ไม่มันกลัวผมโกรธหรือคนข้างมันโกรธกันแน่
“ดีครับ” ไอ้เจ้าหน้ามีลักยิ้มทักกวนตีนกลับมา…ไม่รู้ล่ะ ยังไงผมก็เห็นว่ามันกวนพระบาทาไม่ว่าอากัปกิริยาไหน
“อืม เข้ามา”
ผมเดินนำหน้าเพื่อให้สองคนนั้นเดินตามเข้ามาข้างในห้อง เหมือนมันจะกระซิบกระซาบอะไรสักอย่างยิ่งทำให้ผมหงุดหงิด แต่คราวนี้กลับรู้สึกแปลกๆ คือ…ปกติผมจะเกลียดขี้หน้าไอ้หมอนี่ เพราะมันคาบมาร์ชไปแดรก ตอนนี้กลับรู้สึกหมั่นไส้… ใช่สิ รอให้กรูมีคู่บ้างเถอะ!
ไอ้หน้าลักยิ้มมันเดินมาทางผมพร้อมกับยื่นกล่องสีน้ำตาลอะไรสักอย่างให้
“ของฝากครับ” มันยืนยิ้ม ยื่นให้ผม
“ใจ” และผมก็รับแบบท่าทางเต็มใจสุดๆ พอได้มาปุ๊บก็โยนลงโซฟาทันที เจ้ามาร์ชเห็นแล้วคงโมโห มันเดินมาเตะขาผมจนร้องโอ๊ย แล้วเดินไปหยิบกล่องนั้นกลับมายื่นให้ผมใหม่
“อุตส่าห์ซื้อมาให้ เปิดดูก่อนดิ!”
ว่าแล้วก็ต้องเปิดดูตามคำสั่งประกาศิต…ไรวะ ลองเขย่าก่อน ไม่รู้ทำไมเวลาได้ของขวัญแล้วต้องเขย่า ผมเลยโดนเตะต้นขาไปอีกหนึ่งดอก สาดดด กรูพี่มึงนะ ไม่เกรงใจไอ้หัวโด่ที่ยืนอยู่ด้วยในห้อง กรูจับปล้ำทำเมียไปละ…กลัวทำแล้วคราวนี้ไอ้หมอนั่นหยิบมีดมาแทงแทนเอาโคมไฟฟาดหัว กรูคงไม่รอดแน่ๆ
“เฮ้ยยย สุดยอดดดดด” หลังจากที่ลองเขย่าแล้ว จึงเปิดกล่องดู…นั่นทำให้ผมถึงกับอุทานออกมาครับ ก็ข้างในนั่นน่ะ เป็นบรรดาหนังและแผ่นเพลงเก่าที่ผมตามหาอยู่ทั้งนั้น พวกนี้ไม่ใช่แค่หาซื้อในไทยไม่ได้ ขนาดไปเมืองนอกแล้วยังหายากเลยครับ
“เป็นไงล่ะ ผมกับซันช่วยกันหาเลยนะ เหนื่อบแทบตาย” แค่ได้ยินชื่อไอ้กวนตรีนนั่นก็โมโหแล้ว แต่เว้นครั้งนี้ไว้นิดนึงละกัน
“…ใจนะ”
“หึหึ ไม่เป็นไร” ไอ้ซัน(แหวะ)มันยิ้มกลับมาให้ผมจนแก้มบุ๋มไปข้าง ผมยิ้มกลับ ตบบ่ามันปุๆ
“เดี๋ยวไปหาไรกินกัน ขออาบน้ำก่อน”
แล้วผมก็เดินเข้าห้องไปอาบน้ำครับ ปล่อยให้สองคนนั้นรออยู่ข้างนอกก่อนครู่หนึ่ง ไม่กี่นาทีผ่านไปผมก็เปิดประตูเลื่อนปล่อยไออุ่นออกมาจากห้องอาบน้ำ และก็แปลกใจเมื่อมาเจอกับไอ้ซันยืนเก๊กหน้านิ่งอยู่ข้างนอก
“อ่าว มาทำเหี้ยไรในนี้วะ” อดไม่ได้ที่จะพูดถ่อยกับมัน…ยังเคืองอยู่เล็กๆ ครับ
“เข้าห้องน้ำ” มันตอบแค่นั้นก็เดินแทรกผมเข้าไปในห้องน้ำทันที ปล่อยให้ผมยืนงงนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวรออยู่ข้างนอก เออๆ เอาเถอะ ปล่อยมันไปวันนึง
ว่าแล้วก็เดินออกมานอกห้องนอนครับ… เจ้ามาร์ชกำลังเดินไปลองเปิดแผ่นเสียงอยู่พอดี ประจวบเหมาะกับเสียงกรดกริ่งที่เป็นเอกลักษณ์ ผมไม่ต้องเดินไปเปิดก็รู้ว่าใคร
“เดี๋ยวผมเปิดเอง พี่ไปแต่งตัวก่อน” มาร์ชมันเดินตัดหน้าผมไป แล้วเปิดประตู
ผมเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าในชุดนักศึกษาแนวๆ ที่เห็นจนชินตากำลังจะพูดอะไรสักอย่างแต่แล้วก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นว่าคนที่เปิดประตูไม่ใช่ผม
“อ้าว น้องมิกกี้ หวัดดีครับ มาหาพี่แดนเหรอ?” เจ้ามาร์ชรีบเก๊กพี่ชายที่แสนดียิ้มให้เจ้าหนูที่ตอนนี้ทำท่าทำทางไม่ค่อยถูก สายตามันมองที่มาร์ช…ก่อนที่จะมองลอดผ่านตัวมาร์ชเข้ามาเห็นผมยืนนุ่งผ้าเช็ดตัว เนื้อตัวพราวด้วยหยดน้ำอยู่ข้างหลัง
“ด..ดีครับ” มันตอบ หน้าเสียกว่าเก่า
“เข้ามาก่อนสิ…พี่แดน บอกว่าไปแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อน ไม่ยอมฟังเลยให้ตายเถอะ” เจ้ามาร์ชเดินมาดันให้ผมไปแต่งตัวท่ามกลางสายตาของเจ้าหนู แต่ผมก็ยังยืนเด่อยู่แบบนั้น มองเจ้ามิกกี้ที่เดินเข้าห้องมาอย่างเงียบๆ
“มีอะไร” ผมถามเสียงเย็น ยืนกอดอกมองอีกฝ่าย
“….”
“ไม่มีอะไรก็ออกไป”
“พี่แดน!” นี่เป็นเสียงเจ้ามาร์ชครับ มันยืนข้างๆ เลยได้ยินบทสนทนาที่เหมือนมีผมเป็นผู้พูดคนเดียวทั้งหมด มันลงมือตีที่แขนผมเบาๆ เพื่อเป็นการเตือน อีกทั้งเห็นหน้าเจ้าหนูที่ตอนนี้ผมอธิบายไม่ค่อยถูก…มันเหมือนจะโกรธและจะร้องไห้ในเวลาเดียวกัน
“อะไรล่ะ…” ผมเอ็ดมาร์ชเบาๆ โทษฐานที่มาตีแขนกัน
“เอาเถอะ รู้ว่าไม่อยากพูดด้วย…”
ผมพูดแบบนั้นเพราะเห็นอีกฝ่ายไม่ยอมพูดอะไรออกมา ได้แต่ยืนนิ่งมองหน้าผมอยู่แบบนั้น… ว่าแล้วเลยถอนหายใจ หันหลังให้มัน แล้วหันหน้าไปคุยกับมาร์ชแทน
“มาร์ช ทำไรให้พี่กินรองท้องหน่อยสิ หิวอ่ะ” ผมพูดเสียงดัง จงใจให้เจ้าหนูได้ยิน แล้วจูงมือมาร์ชทำท่าว่าจะเดินเข้าครัว
“จะบ้าเหรอพี่แดน! ผมทำอาหารเป็นซะที่ไหน!” อันนี้มาร์ชตอบกลับมาแบบกระซิบครับ มันทำท่าสะบัดแขนผมที่กำลังลากเข้าครัว
แต่แล้วผมก็รู้สึกถึงแรงถีบมหาศาลจากข้างหลัง…เต็มๆ เลย! ลูกตรีนเจ้าหนูมันประทับลงมากลางแผ่นหลังเปลือยเปล่าของผม! ดีน่ะที่คว้าขอบประตูห้องไว้ได้ทันเลยทำให้ไม่ล้มลงหน้าคะมำ ผมรีบหันไปหาเจ้าตัวต้นเหตุ แต่ก็มองไม่เห็นแล้วล่ะครับ มันวิ่งปรู๊ดออกไปนอกห้องเรียบร้อยแล้ว
“โอ๊ยย ไอ้เด็กเวร!” ผมค่อยๆ พยุงตัวเองขึ้น สบถเสียงดัง
“อ่าว เกิดอะไรขึ้น?” ไอ้ซันเดินออกมาจากห้องน้ำพอดีครับ มันเช็ดไม้เช็ดมือเดินมาถามเมื่อเห็นสภาพผมยืนท้าวกับประตู หลังเป็นรอยรองเท้าอดิดาสรุ่นลิมิทเท็ด…
มาร์ชไม่ได้ตอบอะไร…ได้แต่ส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ ปล่อยให้ผมยืนกุมหลังอยู่แบบนั้นอย่างไม่ใยดี
………………………………………………….
หลังจากวันที่ผมออกไปกินข้าวกับมาร์ชและไอ้ซัน ก็ไม่มีกระจิตกระใจจะสักเท่าไหร่ครับ มีนายหน้าเข้ามาขอคุยด้วยแต่ก็ปฏิเสธ ไม่ก็เลื่อนออกไปเสียทุกราย… ตอนออกไปกินข้าวไปเที่ยวกับเพื่อนก็มีแต่คนบอกว่า ‘เฮียเป็นอะไร ดูใจลอยพิกล?’
ผมเองก็ตอบไม่ถูก…เจ้ามาร์ชเองก็หงุดหงิดใส่ผมเช่นกัน ผมโทรมาถามเรื่องเจ้ามิกกี้ยิกๆ
แต่สิ่งที่ผมตอบได้อย่างเดียว คือ… ไม่รู้
เพราะผมเองก็ไม่ได้เจอมันมากว่า 4 วันแล้ว… ปกติถ้าต่างฝ่ายต่างไม่อยู่เราจะโทรบอกกัน ไม่ก็แปะเมโมเอาไว้ ไม่ใช่หายเงียบไปแบบนี้ มีครั้งหนึ่งเมื่อวาน…ที่ผมโดนบังคับจิกให้โทรเข้าเครื่องเจ้ามิกกี้ และถามมันว่าอยู่ไหน ปรากฏว่ามันก็ดันปิดเครื่องอีก จนกระทั่งวันนี้ ผมก็ยังโทรหามันไม่ติดครับ
ไม่ใช่ความผิดกรู…ไม่ใช่ความผิดกรู…ไม่ใช่ความผิดกรู… ผมได้แต่ท่องประโยคนี้ก่อนนอน ท่องบ่อยเสียยิ่งกว่าสวดมนต์อีก
ย้ำอยู่กับตัวเองเสมอว่าไม่รู้ทำไม…ทั้งๆ ที่เมือก่อนไม่เรื่องมากกับอาหารการกินเท่าไรนัก ตอนดูหนังก็ชอบดูคนเดียวเพราะรำคาญเสียงวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น ตอนนอนก็นอนตัวคนเดียว…สบายดี ไม่มีใครให้รกเตียง
แต่ตอนนี้…อะไรๆ ก็ไม่อร่อย หนังก็ไม่สนุก แถมยังนอนไม่ค่อยหลับอีกต่างหาก
ให้ตายเถอะ!
ผมตัดสินใจโทรเข้ามือถือไอ้นัท…จำได้มั้ยครับ เพื่อนสนิทในกลุ่มของเจ้ามิกกี้นั่นแหล่ะ
“โหลๆๆๆ วอทแซ่บแหม๋น” แม่ง ขนาดเวลารับโทรศัพท์ยังกวนประสาทได้อีก
“เออ ไอ้นัท” ผมกรอกเสียงตอบกลับไปแบบเหนื่อยๆ
“อ่าวเฮีย ว่าไง โย่ว”
“มึงอย่ามาโย่วเยิ่วแถวนี้ ไอ้มิกกี้อยู่กับมึงมั้ย?” ผมถึงกับต้องกุมขมับ ไม่รู้คิดถูกรึเปล่าที่โทรหาไอ้บ้าตัวนี้
“อยู่ไรล่ะเฮีย มันไม่มาเรียนเกือบสัปดาห์ละ หายตรูดไปไหนไม่รู้” พอผมได้ยินอย่างนั้นเส้นความอดทนถึงกับขาดผึง! อะไรวะ โดนเรียนเป็นสัปดาห์แล้ว!? ไอ้เด็กเวรนี่…หนอย
“แล้วมันอยู่ไหน!? กลับบ้านเรอะ!?”
“ป๊าว ไม่ได้กลับนี่ วันก่อนป๊าผมยังตีกอล์ฟกะป๊ามันอยู่เลย ไม่เห็นป๊าพูดอะไร”
“ปัดโธ่เว้ย! แล้วนี่รู้มั้ยว่ามันอยู่ไหน!?” เสียงผมคงร้อนรนจนชัดเจน ไอ้นัทมันเลยได้ใจหัวเราะเอิ้กๆ
“ไม่รู้สิ…อ่าว ผมนึกว่ามันอยู่กะเฮียนะเนี่ย แล้วมันไปอยู่ไหนหว่า…กรั่กๆ”
อีกฝ่ายตอบกลับมาแบบทีเล่นทีจริงเหมือนไม่ได้สนใจเท่าไรนักว่าเพื่อนมันจะอยู่ที่ไหน เป็นตายร้ายดีอย่างไร…นั่นยิ่งทำให้ผมโมโห กดวางโทรศัพท์แล้วหยิบแจ็คเก็ตออกไปนอกห้องทันที
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
อ่าว ตอนนี้ยังไม่กินเด่ะหรอ จำผิด อิอิ
เอารูปเฮียแดน(นิส)มาฝาก ไปเจอมา น่ารักดี
ตลกอ๊ะ ไม่เหมือนพี่แดนเรยยยน่ารักกกก คิดว่าท่าทางแบบนี้เหมือนอิตาเฮียคนแต่งมากกว่า 5555555555
"บ้า"