ทีเซอร์: อชิระ - เจ้าเพียง (2)
“เด็กคนนั้น ไม่ควรต้องมาเจออะไรแบบนี้” อชิระได้ยินคุณปู่ตัวเอง พูดถึงเด็กในบ้านที่เป็นลูกชายของผู้หญิงที่เข้ามาเป็นแม่เลี้ยงของเขา “เราทำความเลวร้ายกับคนแม่ไม่พอ” คุณปู่ไอออกมาอย่างหนัก และมันเป็นอาการที่มากขึ้นกว่าเดือนก่อนเป็นเท่าตัว อชิระประคองคุณปู่ที่นอนอยู่บนเตียง ให้ขึ้นจิบน้ำ ผู้สูงวัยจิบได้เพียงนิดหน่อย ก็โบกมือบอกว่าพอแล้ว
“คุณปู่น่าจะให้หมอเข้ามาตรวจเพิ่มสักหน่อยนะครับ” อชิระพูดกับผู้เป็นปู่ ด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเป็นห่วงอย่างยิ่ง “มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้วล่ะ” คุณปู่บอกกับหลายชายคนโตของตัวเอง “มันเป็นผลกรรมที่ทำกับแม่ของเด็กนั่น ที่ตามปู่มาจนทัน หมอถึงหาสาเหตุไม่ได้สักที ว่าทำไมปู่ถึงป่วยแบบนี้” ชายชราพูดพลางหัวเราะคล้ายกับจะเย้ยหยันกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
“คุณปู่ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” อชิระรีบพูดบอกกับคุณปู่ของตัวเอง ก่อนจะส่ายหน้าเมื่อรู้ดีว่า ใครกันแน่ ที่เป็นคนเริ่มต้นเรื่องราวยุ่งเหยิงทุกอย่างนี้ “มันเกิดจากความไม่รู้จักพอของเขาคนเดียว” อชิระเลี่ยงที่จะไม่เรียกผู้ให้กำเนิดออกมาตรง ๆ “ปู่เองก็มีส่วนที่จะต้องรับผิดชอบ” ผู้เป็นหลานชาย ที่จะต้องรับหน้าที่สืบทอดกิจการขอวงศ์ตระกูลต่อจากนี้ มองใบหน้าของคุณปู่ ที่ตอนนี้อิดโรยเต็มที
“ปู่สามารถห้ามไม่ให้ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ แต่ปู่ก็เลือกที่จะไม่ทำ” ชายชราไอโขลกออกมาอย่างหนัก และคราวนี้ มีเลือดติดผ้าเช็ดหน้าที่ใช้ปิดปากออกมาได้ “เวลาของปู่ใกล้จะหมดลงแล้ว” ชายหนุ่มรับรู้ได้ในทันที “แต่เวลาของแก อชิระ” ว่าปู่ของเขาต้องการจะสั่งเสียอะไรกับเขาเอาไว้ “ยังพอมีให้แก้ตัว และทำดีกับเด็กคนนั้นแทนปู่ แทนพวกเราทุกคนได้” อชิระก้มลงมองมือที่อ่อนแรงของคุณปู่ บีบเบา ๆ ที่มือของเขา
เสียงบีบแตรในกระแสจราจร ดึงความคิดของอชิระให้กลับมา เสียงขอโทษจากคนขับรถดังมา เมื่อเผลอสบถไล่รถคันข้างหน้า ที่แทรกตัดหน้าอย่างกระชั้นชิด จนคนขับรถต้องเบรกกะทันหัน อชิระโบกมือว่าไม่เป็นอะไร ก่อนจะก้มลงมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือหรู ที่เคยเป็นเรือนโปรดของคุณปู่ของเขา คนขับรถสังเกตเห็นชายหนุ่มแบบนั้น ก็บอกว่า ยังไงอชิระก็ไปถึงที่งานเลี้ยงทันเวลาอย่างแน่นอน
“เจ้าเพียง” หนุ่มใหญ่เจ้าของบริษัทที่เพิ่งเจอกับเจ้าของชื่อเป็นครั้งแรก เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ “ชื่อแปลก แต่ว่าก็น่ารักดีนะครับ” แสดงให้เห็นว่าเขารู้สึกเอ็นดู ทันทีที่ได้ยินมัน “จริง ๆ แล้ว แม่ตั้งชื่อให้ผมว่า เพียงออ เพราะพ่อชอบเสียงจากขลุ่ยชนิดนี้น่ะครับ” เจ้าของชื่ออธิบายให้กับหนุ่มใหญ่เจ้าของบริษัทได้ฟัง
“แต่ว่า” ภาพใบหน้าของชายชราที่เคยมอบความเมตตาให้กับเขา ผุดขึ้นมาให้ได้เห็นในความคิด “มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่ผมให้ความเคารพมาก ๆ เคยเรียกผมว่าเจ้าเพียงน่ะครับ ใคร ๆ ได้ยิน ก็เลยติดเรียกตามกันมาจนถึงตอนนี้” เจ้าของชื่ออธิบายที่มาที่ไปต่อจนจบ “ผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง” หนุ่มใหญ่พูดขึ้น พลางเลิกคิ้ว สงสัยกับความหมายของมัน ว่ามันใช่อย่างที่เขาเข้าใจหรือเปล่า
“คุณปู่ของผมเองน่ะครับ” เจ้าเพียงได้ยินเสียงนั้น ก็จำได้ไม่ยากว่าเป็นอชิระ “ไม่ใช่ผู้ใหญ่อย่างว่า อย่างที่ใคร ๆ อาจจะคิดกันหรอกครับ” อชิระเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้าง ๆ กันกับเจ้าเพียง ชายหนุ่มมองไปที่ใบหน้าของอีกฝ่าย ที่ยังไม่ยอมหันมาสบตากับเขา “เจ้าเพียงเขาเคยอาศัยอยู่กับผมมาหลายต่อหลายปีน่ะครับ” ได้ผล เจ้าเพียงหันขวับมาสบตากับอชิระ ที่รออยู่แล้ว
“อ้าวคุณอชิระ รู้จักคุณเพียงออด้วยหรือครับ” หนุ่มใหญ่ถามขึ้น นึกแปลกใจกับท่าทีที่อชิระแสดงออกมาอยู่พอสมควร เหมือนชายหนุ่มกำลังขุ่นใจ ที่เห็นเจ้าเพียงคุยกับเขา “คุณปู่ผมเรียกเจ้าตัวเขาว่า เจ้าเพียงน่ะครับ” แววตาที่อชิระใช้มองไปที่เจ้าเพียง มันมีอาการหยอกล้ออยู่ในที แถมปนไปด้วยความดีใจที่ได้เจออีกฝ่ายในตอนนี้
“เป็นญาติกันหรือครับ” หนุ่มใหญ่ถามขึ้น “หรือว่าพี่น้อง” อชิระที่ไม่ทันได้เตรียมตอบคำถามนั้น ชะงักไปเช่นกัน “เปล่าหรอกครับ เราไม่ได้เป็นอะไรที่ดูดีขนาดนั้น” เป็นที่เจ้าเพียงที่ใช้แววตาของคนที่กุมความลับอะไรบางอย่างเอาไว้ และจะใช้มันเพื่อความเป็นต่อของตัวเอง “ผมอยู่ที่นั่น ในฐานะแค่เด็กในบ้านเท่านั้น” อชิระย่นคิ้วห้ามไม่ให้เจ้าเพียงพูดอะไรต่อจากนั้นอีก
“แต่แม่ผมน่ะสิ ที่อยู่ในบ้านนั้นในฐานะ” ยังไม่ทันที่เจ้าเพียงจะจบประโยคนั้น อชิระก็คว้าข้อมือ กึ่งดึงกึ่งลากเจ้าเพียงให้เดินตาม โดยไม่สนใจว่าหนุ่มใหญ่คนนั้นจะงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น “นี่เธอเป็นบ้าอะไรของเธอ” ทันทีที่อชิระเห็นว่า เขาทั้งสองคนหลบมุมอยู่กันตามลำพังแล้ว ก็เอ่ยปากดุอีกฝ่ายในทันที
“คุณไม่มีสิทธิ์มาใช้น้ำเสียงดุใส่ผมแบบนี้แล้วนะ” เจ้าเพียงใช้สิทธิ์ของตัวเองในทันที เพราะเขาไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนั้นอีกแล้ว “แต่เธอกำลังจะพูดอะไรที่ทำให้ตัวเธอดูไม่ดี ฉันไม่ชอบที่เห็นเธอทำแบบนั้น” อชิระว่าเจ้าเพียงออกไป “ทำไมหรือครับ คุณจะมาเดือดร้อนอะไรกับเรื่องที่ผมยอมรับว่า แม่ของผมเป็นคนใช้บ้านคุณ” เจ้าเพียงพูดออกไปเอง แต่นั่นก็ทำให้รู้สึกเสียดแทงในใจแบบแปลก ๆ
“ไม่สิ พวกคุณต่างหาก ที่บังคับให้แม่ผมต้องเป็นแบบนั้น” อยู่ ๆ น้ำตาก็รื้นขึ้นคลอหน่วย จนเจ้าเพียงต้องกะพริบตาถี่ ๆ พยายามไล่หยาดน้ำนั้นให้หายไป อชิระเห็นอาการนั้นของเจ้าเพียง ก็พยายามจะพูดคลี่คลายอารมณ์นั้นของอีกฝ่าย “ฉันไม่ต้องการให้ใครเอาเธอไปพูดลับหลังในแง่ไม่ดี” อชิระหมายความว่าตามนั้นจริง ๆ แต่เป็นที่เจ้าเพียงที่ไม่เชื่อมันเลยสักนิด
“ไม่ใช่เป็นที่คุณเองหรอกหรือ ที่กลัวว่าคนอื่นจะรู้ ว่ามีแม่เลี้ยงเป็นคนใช้ในบ้าน” เจ้าเพียงพูดใส่หน้าอชิระออกไป ทำเอาชายหนุ่มลืมตัว ใช้สองมือคว้าต้นแขนทั้งสองข้างของเจ้าเพียง ดึงให้ตัวของอีกฝ่ายรั้งเข้าหาตัวเขาในทันที เจ้าเพียงนึกตกใจกับที่อชิระทำเช่นกัน “เจ้าเพียง” แววตาและน้ำเสียงที่อชิระใช้มันทำให้เจ้าเพียงรู้สึกกลัวขึ้นมา อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อชิระมองเห็นใบหน้าของเจ้าเพียง ห่างจากปลายจมูกของเขาไปเพียงแค่คืบเดียว และพอเห็นแววตาที่ตกใจกลัวของอีกฝ่าย ชายหนุ่มก็ผ่อนอารมณ์ลงในทันที
“ปล่อยผม” เสียงของเจ้าเพียงดังให้อชิระได้ยิน “ไม่ปล่อย” คำพูดนี้ ดึงเอาสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้นมาให้ทั้งสองคนจดจำได้อีกครั้ง ในคืนที่อชิระใช้ริมฝีปากสัมผัสเรียวปากนั้นของเจ้าเพียง “คุณใช้เหตุผลแบบครั้งนั้นไม่ได้เป็นครั้งที่สอง” เจ้าเพียงเอ่ยกับอีกฝ่าย “คืนนั้นฉันเมามาก” อชิระพูด “แต่วันนี้คุณไม่ได้เมา” เจ้าเพียงบอกออกไป “วันนี้ฉันไม่ได้เมา” สายตาของอชิระ อ้อยอิ่งอยู่กับริมฝีปากของเจ้าเพียง ที่เจ้าของริมฝีปากนั้นก็รู้ตัวเช่นกัน ว่าอีกฝ่ายกำลังมองอะไรอยู่
“หนีมาหลบอะไรกันอยู่ตรงนี้คะเนี่ย” อชิระและเจ้าเพียงเห็นนักข่าวจากช่องซุบซิบแวดวงดาราและไฮโซเอ่ยทักเสียงดัง “ไม่น่าเชื่อนะคะ ว่าคุณอชิระ จะมีน้องชายโตขนาดนี้แล้ว แถมยังน่ารักอีกต่างหาก ไม่เคยได้ข่าวเรื่องนี้มาก่อนเลยด้วย” คำพูดของนักข่าวสาว ไม่ได้ปิดบังใด ๆ เลย ว่าเธอไม่เชื่อที่ตัวเองเพิ่งพูดออกมาเลยสักนิด เช่นกัน
“คนละแม่น่ะครับ” อชิระตอบออกไป “และเขาก็ค่อนข้างเก็บตัว” นักข่าวสาวพยักหน้าน้อย ๆ หัวเราะในลำคอหน่อย ๆ แบบตามน้ำไปอย่างนั้นเอง “ถ่ายรูปเก็บเอาไว้สักหน่อยมั้ยล่ะครับ” อชิระเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นนักข่าวสาวตั้งกล้องรออยู่แล้ว “คุณจะทำอะไร” เจ้าเพียงถามขึ้น อยากจะพูดปฏิเสธออกไป “ทำตามฉันเถอะน่า” อชิระบอก ก่อนจะทำทีจัดท่าทางให้นักข่าวสาว เพื่อใช้ถ่ายรูป
“เป็นข่าวใหญ่นะคะ คุณผู้ปกครองและเด็กในปกครอง” นักข่าวสาวยิ้มกว้าง ใช้คำพูดของอชิระมาเอ่ยยำ “ช่วยเมตตาเราสองคนให้เยอะ ๆ นะครับ” นักข่าวสาวรู้ดี ว่าอชิระหมายถึง เมื่อเขียนข่าวออกมา ก็ให้มันอย่าตีสีใส่ไข่จนเกินงามไปนัก “ไม่รับปากนะคะ แต่จะพยายาม” ทันทีที่นักข่าวพูดจบ อชิระก็ยกแขนขึ้นโอบไหล่ของเจ้าเพียง พอดีกับที่นักข่าวกดชัตเตอร์ลั่นภาพรัว ๆ เก็บเข้ากล้องไปเรียบร้อย
“คุณเป็นบ้าอะไรของคุณ” เจ้าเพียงดึงตัวออกจากวงแขนของอชิระในทันที ที่นักข่าวสาวคนนั้นเดินจากไป “ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อทะเลาะกับเธอ” อชิระยังรู้สึกตัวเองดี ว่าหัวใจของเขานั้นกำลังเต้นแรงมากแค่ไหน จากความรู้สึกที่เพิ่งมีเจ้าเพียงอยู่ในอ้อมแขนของเขา ชายหนุ่มได้แต่แสดงอาการเป็นปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พยายามควบคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่น จากอาการหัวใจหวั่นไหว
“เธอจะกลับมาที่บ้านเมื่อไหร่” อชิระถามขึ้น เจ้าเพียงหลบสายตานั้นของชายหนุ่ม “ผมไม่ได้อยู่บ้านหลังนั้นแล้ว ผมจะไม่กลับไป” เจ้าเพียงตอบออกไปเด็ดขาด “ยายจ๋าต้องการเธอนะ” อชิระรู้จุดอ่อนข้อนี้ของเจ้าเพียงดี ซึ่งเจ้าเพียงนั้น ก็กำลังเตรียมพร้อมเพื่อไปรับยายจ๋ามาอยู่ด้วยกัน “มันเป็นโอกาสเดียวและอาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วนะ ที่จะไปเจอยายจ๋าของเธอ” อชิระพูดกระตุ้นจุดอ่อนของเจ้าเพียง “วันเสาร์นี้ แล้วฉันจะรอ” อชิระพูดเสียงอ่อน “ถือว่าเรานัดกันแล้วนะ” อชิระยิ้มให้อีกฝ่าย เมื่อเจ้าเพียงพยักหน้าตอบตกลงออกไป
“ยิ้มหน่อย” อชิระที่อยู่ไม่ห่างจากเจ้าเพียงตลอดทั้งงาน คอยพูดเตือนให้อีกฝ่ายทำให้แนบเนียน เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น “สนุกมากใช่มั้ย” เจ้าเพียงเสียงแข็งใส่ชายหนุ่ม “เธอนี่ไม่เคยเข็ดนะ” อีกครั้งที่เจ้าเพียง กลับเข้าสู่อ้อมแขน ที่อชิระเดินโอบไหล่เข้าเพียงไปทั่วทั้งงาน “โอเค รู้แล้ว เข้าใจแล้ว” เจ้าเพียงมองเห็นอชิระเผยยิ้มออกมา ในแบบที่กำลังรู้สึกพึงใจ ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมานานแล้ว “แต่มันสายไปหน่อยนะ” อชิระกระชับวงแขนของตัวเองให้แน่นขึ้น ก่อนจะเดินพาเจ้าเพียงไปพบปะผู้คนมากหน้าหลายตาจนทั่วทั้งงาน
**********************************************
คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย Jay J
มีผลต่อหัวใจ - นนท์ ธนนท์ จำเริญ
https://www.youtube.com/watch?v=eiYRHsTzvjsบางอย่างก็ไม่เปลี่ยนไป
Something does never ever change
แม้อะไรอะไรจะเปลี่ยน
Though many other things do
บางสิ่งก็คล้ายบทเรียน
It is one lesson learned
ที่ฉันไม่เคยผ่านมันได้เลยซ้ำซ้ำ
That I can’t ever get past it, over and over
แค่วันนี้ได้สบสายตา
I’ve got to look in your eyes today
แค่พูดคุยกันไม่กี่คำ
Some words have been exchanged
ต่อให้เฝ้าระวัง ให้ยั้งยังไง
I was extra careful, trying to prevent it
ก็พลั้งพลาดไปทุกที
I failed to do so, oh typically me
เคยคิดเวลาจะช่วยทำใจ
I thought time would help my heart to heal
ให้ฉันลืมเธอคนนี้
That I’d be able to forget you
แต่แล้วอาการเดิมเดิมก็กลับมา
And here I am, doing the same things all again
สุดท้ายฉันก็พ่ายแพ้
I am defeated, at the end of the day
แพ้ให้ใจตัวเองที่ไม่เคยหยุดรักเธอ
Surrender to my own heart that doesn’t stop loving you
สุดท้ายฉันยังรอคอยเธอเสมอ
Now you know I’m still waiting for you, always
แม้จะเนิ่นนานสักเพียงไหน
No matter how awfully long it has been
เธอยังคงมีผลต่อหัวใจ
You are the one that matters to my heart
ไม่หายรักเธอได้สักที
Can’t get over you, I really can’t
ทำไมยังรู้สึกดี
Why am I feeling good about it, still?
ทั้งที่เธอไม่เคยมีใจ
You have never showed you’ve cared
ทำไมยังรู้สึกหวั่นไหว
Why is my heart still trembling, you see?
ทั้งทั้งที่รู้แก่ใจเป็นไปไม่ได้
I thought I knew, we could never be
แค่วันนี้ได้สบสายตา
I’ve got to look in your eyes today
แค่พูดคุยกันไม่กี่คำ
Some words have been exchanged
ต่อให้เฝ้าระวัง ให้ยั้งยังไง
I was extra careful, trying to prevent it
ก็พลั้งพลาดไปทุกที
Yet, I failed to do so, oh typically me
เคยคิดเวลาจะช่วยทำใจ
I thought time would help my heart to heal
ให้ฉันลืมเธอคนนี้
That I’d be able to forget you
แต่แล้วอาการเดิมเดิมก็กลับมา
And here I am, doing the same things all again
สุดท้ายฉันก็พ่ายแพ้
I am defeated, at the end of the day
แพ้ให้ใจตัวเองที่ไม่เคยหยุดรักเธอ
Surrender to my own heart that doesn’t stop loving you
สุดท้ายฉันยังรอคอยเธอเสมอ
Now you know I’m still waiting for you, always
แม้จะเนิ่นนานสักเพียงไหน
No matter how awfully long it has been
เธอยังคงมีผลต่อหัวใจ
You are the one that matters to my heart
ไม่หายรักเธอได้สักที
Can’t get over you, I really can’t
สมองไม่เคยมีแรงจะสั่งหัวใจ
My brain doesn’t function to command my heart
ไม่มีปาฏิหาริย์ไหนพอจะทำให้เปลี่ยนไป
None of miracles is magical enough to change me
ไกลเกินจากฝัน เธอเกินเอื้อมมือฉัน
Far away from dreams, you’re out of my league
เป็นได้เพียงแค่เพื่อนกันแค่เท่านั้น
Friends, that all we can be - that’s it
แค่เท่านั้น
That’s all we are
สุดท้ายฉันก็พ่ายแพ้
I am defeated, at the end of the day
แพ้ให้ใจตัวเองที่ไม่เคยหยุดรักเธอ
Surrender to my own heart that doesn’t stop loving you
สุดท้ายฉันยังรอคอยเธอเสมอ
Now you see I’m still waiting for you, always
แม้จะเนิ่นนานสักเพียงไหน
No matter how awfully long it has been
เธอยังคงมีผลต่อหัวใจ
You are the one that matters to my heart
แล้วฉันก็พ่ายแพ้
Now I’m not a winner, a sore loser
แพ้ให้ใจตัวเองที่ไม่เคยหยุดรักเธอ
Surrender to my own heart that can’t stop loving you
สุดท้ายฉันยังรอคอยเธอเสมอ
Now you see I’m still waiting for you, forever
แม้จะเนิ่นนานสักเพียงไหน
No matter how awfully long it will have been
เธอยังคงมีผลต่อหัวใจ
You are the one that keeps my heart go on
ไม่หายรักเธอได้สักที
Can’t get over you, that won’t happen
รู้ว่าควรจะพอแต่ก็ทำไม่ไหว
Know that I should stop but I really can’t
รู้ว่าควรจะพอแต่ก็ทำไม่ได้
Know that I should quit but I can never
ให้ทำอย่างไร
What should I do?
รู้ว่าควรจะพอแต่ก็ทำไม่ไหว
Know that I should stop yet I still do it
รู้ว่าควรจะพอแต่ก็ทำไม่ได้
Know that I should quit yet I really won’t
ก็ใจ
My heart, oh well