ทีเซอร์ - teaser ๙. Mini - Series: That's How Love Is Made 10_11_2567
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ทีเซอร์ - teaser ๙. Mini - Series: That's How Love Is Made 10_11_2567  (อ่าน 2367 ครั้ง)

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-11-2024 18:49:19 โดย KADUMPA »

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Teaser อชิระ - เจ้าเพียง


“บนเรือนใหญ่เอะอะเสียงดังลั่นกันแต่เช้าอีกแล้ว” เด็กหนุ่มที่กำลังจะอายุเข้ายี่สิบปีบริบูรณ์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า มองตามเสียงพูดของผู้สูงวัย ที่กำลังเตรียมข้าวของเครื่องปรุง สำหรับอาหารเช้าของคนบนคฤหาสน์ใหญ่หลังนั้น จากเรือนเล็กด้านหลังนี้ มองเห็นเพียงต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นปกคลุมปิดบังตัวเรือนเอาไว้ เห็นเพียงหลังคาด้านบนตระหง่านอยู่ ราวกับมันลอยได้เองอยู่บนฟ้า

“ฉันนึกว่ายายจ๋าจะชินแล้วเสียอีก” ผู้เป็นยายจ๋าหันมาหัวเราะในลำคอกับคำพูดของเด็กหนุ่ม “ข้าก็ควรจะชินอย่างเอ็งว่าจริง ๆ นั่นแหละ เจ้าเพียง” ก่อนจะมองตามเด็กหนุ่มที่ตัวเองช่วยเลี้ยงดูมาตั้งแต่ตัวเท่าฝาหอย เจ้าเพียงของยายจ๋าเดินมานั่งลงที่ข้าง ๆ วางถ้วยกาแฟหอมกรุ่นที่เพิ่งชงใหม่ ๆ ลงข้าง ๆ ก่อนจะหยิบเอากองใบกะเพราทั้งหมดนั้น มาช่วยผู้สูงวัยที่รับหน้าที่เป็นแม่ครัวมานานหลายสิบปี เด็ดมันลงกะละมังสีขาวใบนั้นอย่างคล่องแคล่ว อย่างที่ช่วยยายจ๋าทำมาตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก

“เป็นแบบนี้มานานจนนับไม่ได้แล้วว่ากี่ปี ไม่รู้ว่าเขามีเรื่องอะไรให้ทะเลาะกันนักหนา” เจ้าเพียงของยายแม้ตาจะมองไปทางเรือนใหญ่นั่น แต่ปากก็ไม่ได้ปริพูดอะไรออกมา มือก็เด็ดใบกะเพรานั้นไปเงียบ ๆ หญิงชราหันกลับมามองหลานเลือดนอกอกของเธอ มองอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะถามคำถามนั้นกับอีกฝ่าย

“ว่าแต่เอ็งเถอะ ชินกับเขาด้วยหรือเปล่า” เจ้าเพียงหันสายตากลับมาทางยายจ๋า ในสายตาคู่นั้น มีคำตอบอยู่ภายในใจกับคำถามนั้น “โธ่ยาย ยายจ๋าอย่าให้ฉันไปชินอะไรกับเรื่องพวกนี้เลย” มือที่เด็ดใบกะเพราจนได้ปริมาณ เจ้าเพียงก็ลุกขึ้นเดินถือกะละมังไปใบนั้นไปเปิดน้ำจากก๊อก ล้างผักในนั้นให้สะอาดจนเสร็จสรรพ

“ใช่สิ” เสียงของหญิงผู้สูงวัยกว่ามาก ฟังดูน้อยใจอยู่ในอก “อีกเดี๋ยวเอ็งก็จะสบายหูสบายตา แถมยังสบายใจกว่าข้าเป็นไหน ๆ แล้ว จริงมั้ยล่ะ” เจ้าเพียงของยายจ๋า นั่งลงข้าง ๆ ผู้เป็นยาย ก่อนจะกอดยายผู้มีพระคุณท่วมหัวจนแน่น หอมฟอดใหญ่ลงบนแก้มซ้ายของยายจ๋า “หอมที่สุด” แม้ว่าใบหน้านั้น จะเต็มไปด้วยคราบเหงื่อมาตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่

“เอ็งเป็นเด็กดี เจ้าเพียง อยู่ที่ไหนก็จะมีแต่คนอุ้มชู” ยายจ๋ายกมือขึ้นลูบหน้าลูบตาเด็กหนุ่มผู้ถือว่าเป็นหลานคนเดียวของตัว ในฐานะที่ยายจ๋าไม่มีญาติอะไรที่ไหนกับใครเขา “ถ้าแม่เอ็งเขายังอยู่ เขาต้องภูมิใจในตัวเอ็งมาก ๆ” เจ้าเพียงเม้มปากจนเกือบเป็นเส้นตรง สบตากับยายจ๋า “แม่เขารักเอ็งมากนะ อย่าให้ใครก็ตามมาพูดเป็นอื่นไปเชียว” ยายจ๋าสำทับกับเด็กหนุ่มที่กำลังจะก้าวไปเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว

“จริง ๆ เอ็งจะอยู่ที่นี่” ยายจ๋าพูดเพียงแค่นั้น ก็กลืนคำพูดต่อท้ายทั้งหมดให้หายลงไป เมื่อสีหน้าและแววตาของเจ้าเพียง มันให้คำตอบทุกสิ่งอย่างออกมาหมดแล้ว “คงไม่ต้องรอให้เขามาไล่ด้วยตัวเองหรอก” เจ้าเพียงรู้ดีว่าตัวเองเฝ้ารอคอย วันหนึ่งวันนั้นที่จะหลุดพ้นจากพันธนาการต่าง ๆ ที่เขาได้รับรู้และอดทนกับมันมาตั้งแต่จำความได้

เจ้าเพียงจัดสำรับขึ้นโต๊ะบนเรือนใหญ่ใกล้จะเสร็จแล้ว เหล่าบรรดาคุณ ๆ ก็พากันทยอยเดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร บางคนไม่สังเกตเห็นเขาด้วยซ้ำ แต่สายตาหลายคู่ ก็มองมาด้วยความรู้สึกว่า เจ้าเพียงไม่ควรจะมาอยู่ตรงนี้ แม้ว่าจะเห็นหรือเข้าใจความหมายเหล่านั้นดี เจ้าเพียงก็ทำเป็นไม่รับรู้ ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป เร่งมือรีบจัดโต๊ะให้เร็วขึ้น เพื่อจะได้ลงไปจากเรือนใหญ่โดยเร็วที่สุด

“ยายจ๋าเธอไปไหน ทำไมเช้านี้เธอถึงขึ้นมาบนเรือนใหญ่ได้” คุณวรกานต์ คุณพี่หญิงใหญ่ของบ้าน ถามขึ้น เมื่อเห็นเจ้าเพียงจัดสำรับอยู่เพียงคนเดียว “ยายจ๋าอายุมากแล้ว จะใช้อะไรคนแก่กันตั้งแต่เช้า หัวไม่วางหางไม่เว้น ไม่คิดจะเห็นใจกันบ้างหรือไงนะ” นั่นคือสิ่งที่เจ้าเพียงคิดจะพูดออกไป แต่ก็ได้แต่เก็บมันเอาไว้ ก่อนจะตอบคุณวรกานต์ออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ว่า

“ยายจ๋าเจ็บข้อเท้าครับ คุณวรกานต์ เดินไม่ไหว” จงใจจะตอบออกไปเพียงสั้น ๆ เท่านั้น ไม่อยากจะคุยอะไรด้วยให้ยืดยาว “สะเออะล่ะไม่ว่า” เสียงจากน้องชายคนเล็กของบ้าน ก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะคู่ รวมน้องสาวอีกคนของตระกูล นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อน เจ้าเพียงพูดกับตัวเอง ตอนอายุน้อยกว่านี้ เจ้าเพียงเองก็คงไม่ยอมปล่อยเรื่องแบบนี้ไปง่าย ๆ

“เผอิญจานชามมันไม่มีขา มันเดินมาขึ้นสำรับบนโต๊ะเองไม่ได้” พูดจบ เจ้าเพียงไม่รอฟังเสียงด่าไล่หลัง ที่ฟังดูแล้ว ไม่ใช่อย่างที่พวกผู้ดีเขาสมควรทำกันแต่อย่างใด และพอก่อนจะเดินเลี้ยวลงบันไดด้านหลังเรือนใหญ่ ก็มีชายหนุ่มอีกคนเดินสวนขึ้นมาพอดี เจ้าเพียงพอรู้ว่าเป็นใคร ก็รีบหันหลังเดินเลี่ยงไปอีกทางทันที

“เธอจะจงใจหลบหน้าฉันไปอีกนานมั้ย” เสียงทักจากทางด้านหลัง ทำให้เจ้าเพียงชะงักเท้า เมื่อเกือบจะก้าวพ้นประตูนั้นไป “ฉันไม่เห็นเธอที่เรือนเล็ก” อีกฝ่ายพูดขึ้นอีกครั้ง “ยายจ๋าเธอบอกว่า เธอขอขึ้นมาจัดสำหรับบนเรือนใหญ่แทน เพราะยายจ๋าง่วนมาตั้งแต่เช้ามืด เธออยากให้นั่งพักก่อน” ใช่แล้ว เจ้าเพียงพูดโกหกคุณวรกานต์และทุกคนบนโต๊ะอาหารไปว่า ยายจ๋าเจ็บข้อเท้า เพื่อหวังใจว่า วันนี้จะไม่มีคนใจร้ายที่ไหน เรียกใช้ยายจ๋าทั้งวัน อย่างทรมานคนแก่ไม่รู้จักจบจักสิ้น

“ฉันจะสั่งห้ามไม่ให้ใครเรียกใช้ยายจ๋าของเธอ” เสียงนั้นพูดด้วยความนุ่มนวลกว่าที่เคยได้ยิน “ขอบคุณละกัน” เจ้าเพียงตอบอีกฝ่ายออกไป โดยไม่ได้หันไปมองหน้า “มารยาทที่ดีที่คุณปู่ของฉันเคยสอนเธอมาตั้งแต่เล็ก อยู่ที่ไหน” อีกแล้วสินะ กับการเอาคุณท่านมาอ้างแบบนี้ เจ้าเพียงข่มความรู้สึกเอาไว้ ก่อนจะค่อย ๆ หันมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย

“ขอบคุณครับ คุณอชิระ” ทุกคำนั้น เจ้าเพียงเน้นเสียงให้เจ้าของชื่อรู้สึก “เธอเกลียดฉันมากขนาดนั้นเชียวหรือ” น้องชายคนรองของตระกูลถามขึ้น ที่ปลายเสียงนั้น สั่นน้อย ๆ จนรู้สึกได้ เหมือนเจ้าตัวกระหวัดถึงความรู้สึกอะไรบางอย่างที่มีอยู่ในใจ “ถ้าคุณจะคุยเรื่องนั้น คงต้องใช้เวลาเป็นวัน ๆ” อชิระมองเห็นแววตาและสีหน้าของเจ้าเพียง ที่ทำให้เขารู้สึกใจสั่น หวั่นไหวไปกับอาการไม่สน ไม่แคร์ ไม่ยี่หระนั่นของอีกฝ่าย

“อย่างนั้นเองหรือ” อชิระพึมพำออกมา อย่างคนที่นึกอะไรขึ้นได้ “ถ้าอย่างนั้น ต่อไปนี้ ยายจ๋าของเธอไม่ต้องจัดการอาหารขึ้นสำรับบนเรือนใหญ่แล้ว” เจ้าเพียงคิดว่าเขาหูฝาดไป แต่ถ้านั่นจะเป็นเรื่องจริง ก็จะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับยายจ๋า “แต่ต้องเป็นเธอ เจ้าเพียง เริ่มจากพรุ่งนี้เป็นต้นไป โดยเฉพาะอาหารที่จัดสำหรับฉัน” เจ้าเพียงมองอชิระอย่างไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจว่าอชิระจะมาไม้ไหนกันแน่

“อะไรของคุณผู้ชายไม่ทราบ” เจ้าเพียงหันหลังเดินออกไปจากตรงนั้น ก่อนจะเดินตรงไปที่ประตูรั้วด้านหลังบ้าน ที่ใช้สำหรับให้คนมาส่งของเท่านั้นใช้ และรวมถึงเป็นทางเข้าออกของบรรดาคนรับใช้ของบ้านอีกด้วย “แล้วนั่นเธอจะไปไหน เดี๋ยวนี้เธออยู่ไม่ติดบ้านเลยนะ หรือมันมีอะไรดีที่ข้างนอกนั่น เธอถึงได้ติดอกติดใจมันนัก” ได้ผล เจ้าเพียงหันมามองอชิระด้วยสายตาไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เมื่อมีเสียงเรียกชื่อของเจ้าเพียง จากอีกฟากของประตู

“เดี๋ยวเราไปกันเลยนะ เอกคุณ” อชิระมองเห็นชายหนุ่มอีกคนนั่งอยู่บนมอเตอร์ไซค์ที่ยังคงติดเครื่องอยู่ แต่ยังคงใส่หมวกกันน็อกแบบเต็มใบอยู่ อชิระจึงมองเห็นหน้าของชายหนุ่มคนนั้นไม่ชัดนัก “เพียงขึ้นมาเลย เดี๋ยวเราพาไปดูบ้านใหม่หลาย ๆ ที่เลย จะไปกี่ที่ก็ได้ เอาที่เพียงพอใจ จนกว่าเพียงจะพอใจ” อชิระว่าเขาขนลุกขนพองกับคำพูดของหนุ่มบิ๊กไบค์แล้ว ยังต้องเห็นเจ้าเพียงขึ้นซ้อนหลังมอเตอร์ไซค์ของคนนั้นอย่างสนิทสนม

“หาบ้านใหม่ บ้านใหม่อะไรกัน เธอจะย้ายออกจากบ้านหรือไง เจ้าเพียง ทำไม” อชิระพูดรัวเร็ว “เธอมีความคิดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เพียงออ” อชิระอยากจะคว้าตัวเจ้าเพียงลงมาจากรถ ให้มาคุยกันให้รู้เรื่อง “ก็ไม่นาน” เจ้าเพียงตอบกลับอชิระไป “ก็ตั้งแต่ตอนเด็กแล้วล่ะ ที่รับรู้ว่าบ้านหลังนี้ ไม่เหลือความปรานีให้แม่ของผมอีกต่อไป” อชิระหน้าชาดิก ที่เจ้าเพียงพูดใส่หน้าเขาแบบนั้น โดยมีคนแปลกหน้าอยู่ด้วย

ยายจ๋ามองเห็นอชิระหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่อย่างนั้น แม้ว่ามอเตอร์ไซค์คันนั้นจะขับออกไปตั้งนานแล้ว อชิระหงุดหงิดมากกว่าที่เขาเคยเป็นมา ก่อนหน้านี้เขาเคยหงุดหงิดมากเท่าไหร่ ตอนนี้มันเพิ่มเติมจากนั้นอีกหลายร้อยเท่า เมื่อภาพอาการใกล้ชิดอี๋อ๋อของเจ้าเพียงกับไอ้หนุ่มล่ำนั่น อชิระสลัดมันหลุดออกจากความคิดของเขาเองไม่ได้ และเมื่อหันมา ยายจ๋าของเจ้าเพียงก็มายืนอยู่ตรงหน้า พร้อมกับพูดออกมาในสิ่งที่ทำให้อชิระนั้น ไม่สามารถเถียงหรือแก้ตัวใด ๆ ได้

*****************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย Jay J


ยอมจำนน - ธนนท์
https://www.youtube.com/watch?v=-6IZ7B5FUco


ไม่รู้ว่านานเท่าไร ก็จำไม่ได้นัก

Not sure how long it’s been, can’t exactly remember

ที่ฉันจำเป็นต้องอยู่อย่างคนที่แอบรัก

I am the one hiding my feelings like this

ต่อให้ฉันให้เธอร้อย มันก็น้อยไป

Though I’m giving you all, still falling short

คนที่รอ คนที่คอย ได้แต่น้อยใจ

I’m waiting, I’m wishing, feeling like shit


ถึงฉันจะทำอะไรทุกอย่างไปมากสักแค่ไหน

No matter how much I do, I do a lot for you

ไม่มีสักครั้งที่คล้ายว่าเธอนั้นจะหวั่นไหว

Not even once will make your heart flutter

คนไม่รักคือไม่รัก ก็ต้องเข้าใจ

You don’t really care, I should be fair

คนคนนั้นไม่ใช่ฉัน จะให้ทำไง

It’s not me, now what can I do?


ถึงฉันไม่ได้ต้องการจะไป

I don’t really wanna leave

แต่ยังไงก็คงจะต้องลา

Yet, this might be my goodbye

เมื่อเธอนั้นให้คำตอบมาทางสายตา

When your answer is in your eyes


ก็คงต้องยอมจำนนกับคนไม่มีใจ

I may need to give in since I’m not your love

ยอมจำลา แม้ว่ารักสักเท่าไหร่

Wanna go, though I really love you so

ไม่จำเป็นว่ารักฉันแค่ไหน

Doesn’t really matter how much I love you

แค่เธอไม่ได้รักก็แค่นั้น

You don’t love me, then it’s game over


ยอมจำใจเอ่ยคำว่าลาก่อน

I cave in, finally saying so long

ใจจำยอมรับว่าเธอนั้นต้องไป

Accept that you have your own way

กับความจริงว่าฉันมันไม่ใช่

With the truth that I’m not the one

แค่ต้องจำเอาไว้ เธอไม่รักกัน

Remind myself, you don’t love me


คิดถึงเท่าไร คิดถึงเท่าไร มันก็ไม่เคยถึง

My thought or my heart never reaches you

ไม่รู้ฉันเป็นคนที่เท่าไรที่เธอจะนึกถึง

How many to count until finding me on your list

ต่อให้สายตาของฉันมันบอกว่ารักเท่าไร

My eyes keep saying that I love you

เธอก็มอง มองกลับมาอย่างคนทั่วไป

But how you see me, I am an average Joe


พยายามคือคำที่ไม่มีความหมาย

Trying my best doesn't mean anything for you

จำได้ไหม ที่จริงเธอไม่เคยขอ

The thing is, no you’ve never asked for

ฉันเพิ่งเข้าใจ เพิ่งเข้าใจคำว่าดีไม่พอ

Now I get it, understand that I won’t be good enough

ทำดีให้ตาย ไม่มีความหมายถ้าไม่ใช่คนที่เขารอ

Die trying means nothing, I’m not what you’re longing for


ถึงฉันไม่ได้ต้องการจะไป

I don’t really wanna leave

แต่ยังไงก็คงจะต้องลา

Yet, this might be my goodbye

เมื่อเธอนั้นให้คำตอบมาทางสายตา

When your answer is in your eyes


ก็คงต้องยอมจำนนกับคนไม่มีใจ

I may need to give in since I’m not your love

ยอมจำลา แม้ว่ารักสักเท่าไหร่

Wanna go, though I really love you so

ไม่จำเป็นว่ารักฉันแค่ไหน

Doesn’t really matter how much I love you

แค่เธอไม่ได้รักก็แค่นั้น

You don’t love me, then it’s game over


ยอมจำใจเอ่ยคำว่าลาก่อน

I cave in, finally saying so long

ใจจำยอมรับว่าเธอนั้นต้องไป

Accept that you have your own way

กับความจริงว่าฉันมันไม่ใช่

With the truth that I’m not the one

แค่ต้องจำเอาไว้ เธอไม่รักกัน

Remind myself, you don’t love me


ยอมจำนน

I’m throwing in the towel

ยอมจำนน

I surrender to you

ออฟไลน์ Innocent.m

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 17
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ทีเซอร์ - teaser อชิระ - เจ้าเพียง
«ตอบ #2 เมื่อ24-05-2024 04:50:13 »

อันนี้สามารถติดตามได้ทางนี้เลยมั้ยคะ หรือต้องอ่านที่ไหน  :pig4: :hao7:

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ทีเซอร์ - teaser อิฐ - นุ่น 24_5_2567
«ตอบ #3 เมื่อ24-05-2024 11:29:02 »

Teaser อิฐ - นุ่น



“ตอนนี้ผมมั่นใจแล้ว ว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง” นุ่นส่งเสียงแบบเหนื่อยหน่ายกับสิ่งที่เพิ่งได้ยินจากอีกฝ่าย “คุณคิดว่าคุณตัดสินใจถูกอยู่คนเดียวงั้นสิ” อิฐทำหน้าตาไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ที่ได้ยินคนรักที่อยู่ด้วยกัน มากว่าสิบปีของเขาพูดออกมาแบบนั้น “อ้าว มันก็แหงอยู่แล้ว ก็หรือไม่จริง เท่าที่อยู่ด้วยกันมา มีเรื่องไหนบ้าง ที่ผมตัดสินใจให้เราสองคน แล้วมันผิดบ้าง” เจอประโยคนี้เข้าไป อิฐก็ทำท่าอึกอัก คิดว่ามีเรื่องไหนบ้างที่ผ่านมา

“นั่นแหละ มันก็ต้องมีบ้าง แต่เผอิญผมไม่ได้เป็นคนยิบย่อยหยุมหยิม เก็บเอามาคิด เอามาเป็นอารมณ์ไปซะทุกเรื่อง” อิฐได้ที จี้จุดที่เขาเองนั้น รู้จักนุ่นดี ว่าอีกฝ่ายจะต้องปรี๊ดขึ้นมาในทันที “ใครผมเนี่ยนะ ที่หยุมหยิม ยิบย่อย” มาตอนนี้ เป็นที่นุ่นที่หน้าตาแสดงความหงุดหงิดออกมาอย่างที่สุด “ตุ๊กตุ่น แกดูพ่อแกนะ หาเรื่องกันตลอด เป็นอย่างนี้ไม่เคยเปลี่ยน” เด็กหนุ่มวัยสิบเก้าปีที่นั่งมองผู้ชายสองคนกำลังทะเลาะกันอยู่ตรงหน้า ลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ

“ตุ่น แกควรจะต้องดูที่ป๊าแกทำมากกว่า ขี้งอนก็ที่หนึ่ง เอะอะ ๆ งอน ๆๆ” เสียงล้อเลียนพร้อมท่าทางเลียนแบบที่พ่อทำท่าทางของป๊า เด็กหนุ่มคิดในใจ ว่ามันก็เหมือนอยู่นะ “แล้วทีพ่อแกล่ะ ยังไม่ทันฟังอะไรให้ดีซะก่อน ก็เสียงดังเข้าใส่คนอื่นเขาแล้ว” อันนี้เด็กหนุ่มก็จำได้ดี ว่าเขาเองก็โดนมาอยู่บ่อยครั้ง ตุ๊กตุ่นมองดูพ่อและป๊า คู่รักที่เฝ้าเลี้ยงดูฟูมฟักเขามาตั้งแต่จำความได้ กำลังฮึดฮัดใส่กัน ไม่มีใครยอมใคร

“ผมมีเหตุผลถึงได้เสียงดังใส่” อิฐไม่ยอมในเรื่องนี้ “มีเหตุผล ฮึ” นุ่นแค่นเสียงใส่ “เหตุผลอะไรไม่ทราบ” นุ่นจ้องตากลับแบบต้องการคำอธิบาย “ก็รู้ ๆ กันอยู่” อิฐเองก็มองกลับคู่ชีวิตของตัวเองในแบบที่ นุ่นน่าจะรู้ตัวดีอยู่แล้ว “อย่ามาหาเรื่องกันดีกว่า” นุ่นว่ากลับอิฐเข้าให้ อิฐทำหน้าตาขึงขังกลับเช่นกัน “ว่าผมไม่ดี ๆ แต่ก็ใช้มันมาเป็นสิบปี” อิฐยิ้มที่มุมปาก แสดงความภูมิใจลึก ๆ อยู่ในรอยยิ้มนั้น

“ก็มันมีให้ใช้อยู่อันเดียว” นุ่นตอบกลับไปทันทีเช่นกัน ตุ๊กตุ่นหลับตาปี๋ เมื่อรู้ว่ากำลังจะได้ยินอะไรต่อจากนี้ “และมันก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรเลยสักนิด” อิฐหน้าแดงขึ้นมาในทันที มันเป็นความแดงในแบบที่ผู้ชายหยามกันไม่ได้ “คนเราต้องคิดบ้างนะ” อิฐตาหรี่ตาลงตอนพูด “ว่าตัวเองมันหลวมเองหรือเปล่า” ถึงตาที่นุ่นต้องมองอิฐตาเขียวปั้ด

“ตุ๊กตุ่น” นุ่นเรียกชื่อลูกชายออกมา “ครับ” เด็กหนุ่มขานรับป๊าของเขา “เลือกมา ระหว่างพ่อแกกับป๊า แกจะอยู่กับใคร” นุ่นถามน้ำเสียงเฉียบขาด “ตุ่น แกอยู่กับพ่อน่ะดีแล้ว” เด็กหนุ่มกะพริบตาถี่ ๆ หันไปทางผู้เป็นพ่อของเขา โอ๊ย เด็กหนุ่มตะโกนลั่นอยู่ในใจ นี่ก็พ่อผู้ให้กำเนิด นั่นก็ป๊าที่ป้อนน้ำป้อนนม ฟูมฟักเขามาตั้งแต่เล็ก และรักเขามากกว่าใคร

“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ทำไมทำหน้าอย่างนั้น” ตุ๊กตุ่นคงถูกสังเกตได้ว่านั่งเงียบ ๆ ทำหน้าเครียดตั้งแต่มาถึง แฟนสาวของเขาเลยถามขึ้น เมื่อเธอเดินมานั่งลงที่ข้าง ๆ กันที่บนโซฟา “นี่มันชัด จนเจนดูออกเลยหรือ” ตุ๊กตุ่นหันไปพูดกับเจน ที่ตาจ้องไปที่หน้าจอโทรทัศน์ ส่วนมือก็กดรีโมทคอนโทรล เปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อย ๆ เหมือนกับไม่ได้ตั้งใจว่าจะดูอะไรเป็นพิเศษ

“อืม” เจนตอบกลับมาแบบสั้น ๆ ส่วนในใจของตุ๊กตุ่นกำลังคิดว่า เขาจะพูดมันออกไปยังไงดี “ตุ่นมีอะไรหนักใจ ก็เล่าให้เจนฟังได้นะ” เสียงพูดของเจนแสดงความห่วงใยในตัวแฟนหนุ่มออกมา ตุ๊กตุ่นได้ยินแบบนั้น ก็พยายามเรียบเรียงเรื่องราวที่อยู่ในหัว ว่าเขาควรจะเล่าออกไปให้แฟนสาวฟังยังไงดี

“คือที่บ้านของตุ่น” ตุ๊กตุ่นเริ่มเล่าเรื่องที่กำลังหนักใจอยู่ออกไป “ที่บ้านตุ่นเขากำลังมีปัญหากัน” เด็กหนุ่มอยากให้เรื่องที่เกิดขึ้น มันอธิบายออกไปง่ายกว่านี้ “เหมือนที่บ้านเขากำลังจะเลิกกัน” ตุ๊กตุ่นบอกแฟนสาวออกไป แล้วก็มองดูปฏิกิริยาจากเจน ว่าเธอจะมีทีท่าอย่างไร เจนหันมามองแฟนหนุ่มแวบหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปมองที่หน้าจอโทรทัศน์อย่างเดิม มือก็กดรีโมทเปลี่ยนช่องไปมา

“ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรนี่นา ใคร ๆ ก็เลิกกันได้” เจนพูดออกมาด้วยท่าทีเรียบเฉย “คนที่เขาอยู่ด้วยกันไม่ได้ ก็แค่แยกจากกันไป ดีกว่าต้องทนอยู่ด้วยกันตั้งเยอะ แบบนั้นหัวจะปวด” เจนบอกตุ๊กตุ่นไปแบบที่เธอคิด “ตุ่นเองก็จะได้ไม่เสียสุขภาพจิตด้วย คิดถึง ก็แค่ไปหา ดีกว่าจะต้องมานั่งเห็นพวกเขาทะเลาะกันให้ดู” เจนพูดต่อ ตุ๊กตุ่นนิ่งเงียบฟัง

“เวลาคัม ทู เดอะ เวิลด์” เจนทำพูดติดตลก กดรีโมทอีกครั้งเพื่อเปลี่ยนช่อง “ใคร ๆ เขาก็เลิกกันได้ พ่อกับแม่เธอก็ไม่ต่างกันหรอก” จบประโยคนั้น บนหน้าจอทีวี ก็มีข่าวสั้นมาพอดี มันเป็นข่าวเรื่องที่คู่รักเพศเดียวกันชาวต่างชาติ กำลังฟ้องร้องขอสิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูกสาว เด็กหญิงวัยแบเบาะ ที่กำลังเป็นข่าวใหญ่โตอยู่ในขณะนี้พอดี

“ยังไงก็ดีกว่าคนพวกนี้แน่นอน” เจนพูดขึ้น ตุ๊กตุ่นมองไปที่หน้าจอโทรทัศน์ ก่อนจะใจเต้นแรงขึ้น เมื่อได้ยินเจนพูดต่อไปว่า “แบบนี้ น่าสงสารเด็กจะตาย เจนไม่ได้ต่อต้านพวกโฮโมหรอกนะ แต่ยังไงธรรมชาติก็สร้างผู้หญิงให้คู่กับผู้ชาย เพศเดียวกันแบบคู่เกย์นี่ จะเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่ง ให้โตมาเป็นคนดีได้ยังไง เผลอ ๆ นะ ถ้าเลี้ยงเด็กผู้ชาย ก็ทำให้เด็กโตมาแบบเพี้ยน ๆ ผิดเพศเหมือนตัวเองนั่นแหละ เป็นภาระปัญหาสังคมไปอีก” ตุ๊กตุ่นในตอนนี้ เขารู้สึกหน้าชา เนื้อตัวเต้นยิบ ๆ ไปหมด ใจของเขาเต้นแรงมากกับสิ่งที่เพิ่งได้ยินแฟนสาวพูดออกมา

นุ่นที่นั่งใช้ปลายนิ้วไล้ไปบนขอบแก้วกาแฟเย็นชืด ที่ชงเอาไว้ตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้ว เงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาแขวนผนัง มันบอกเวลาว่าเริ่มค่ำแล้ว นุ่นเองก็นั่งรอ ตั้งแต่ที่ลูกชายคนเดียวของเขา ผลุนผลันออกจากบ้านไป จนตอนนี้ก็ยังไม่เห็นกลับมา เขามองไปที่โทรศัพท์มือถือ ที่จับแล้วจับอีก แต่ก็ได้แต่วางมันลง ไม่กล้าโทรหา ในใจกลัวไปหมดทุกอย่าง

อิฐที่สังเกตเห็นอาการนั้นของนุ่น ก็เข้าใจได้ดี เดินถือแก้วกาแฟที่เพิ่งชงใหม่หอมกรุ่น เดินมานั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์เตรียมอาหาร นุ่นหันมามองอิฐ ก่อนจะใช้มือดันโถใส่น้ำตาลไปที่ด้านหน้าของอิฐช้า ๆ อิฐแอบยิ้มอยู่ในหน้า ก่อนจะเปิดฝาขวดโหลน้ำตาลทราย ใช้ช้อนตักมันใส่ถ้วยกาแฟ คนช้า ๆ ให้น้ำตาลละลาย สายตามองไปที่นุ่นที่อีกฝ่ายเอง ก็มองกลับมา

“เย็นแล้ว ปกติตุ๊กตุ่นจะโทรหา ถ้าจะกลับดึก” น้ำเสียงของนุ่นกำลังเป็นห่วงลูกมาก ตุ๊กตุ่นเองนั้น กำลังปิดประตูบ้านลงแบบเบา ๆ ได้ยินเสียงพ่อกับป๊าคุยกันที่ในห้องครัวพอดี เด็กหนุ่มค่อย ๆ ย่องไปหยุดยืนฟัง “เดี๋ยวลูกก็กลับมา” อิฐพูดแบบปลอบใจอีกฝ่าย ที่ได้แต่พยักหน้ารับ สีหน้าแสดงออกอย่างชัดเจนว่ารู้สึกผิดในใจ

“ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะให้ลูกเลือกเลยนะ” นุ่นเอ่ยปากออกไปในที่สุด “ผมขอโทษนะอิฐ” นุ่นพูดด้วยความรู้สึกผิดจริง ๆ “ลูกมันเลือกไม่ได้หรอก” อิฐพูดออกไปแบบคนที่รู้จักลูกชายของตัวเองดี ตุ๊กตุ่นยืนเอาหลังพิงผนังห้อง แอบฟังพ่อและป๊าคุยกันต่อ “นุ่นเลี้ยงลูกมาดีพอใช่มั้ย” นุ่นถามอิฐออกไป ด้วยเสียงที่สั่นน้อย ๆ ตุ๊กตุ่นพยักหน้าให้กับคำถามนั้นของป๊า

“เทอมล่าสุด มันได้เกรดเฉลี่ยสี่จุดศูนย์ศูนย์นะ” ตุ๊กตุ่นจำได้ดี ที่ป๊าไปรับรอส่งเขาทุก ๆ ที่ ที่เด็กหนุ่มอยากไปเรียนเพิ่มหรือสนใจ โดยไม่เคยปริปากบ่นว่าเหนื่อยหรือรำคาญเลยสักครั้ง ตอนนั้นมีบางเรื่องที่ป๊านุ่นอยากให้เขาเรียนเพิ่ม ตุ๊กตุ่นก็เรียนให้อย่างขัดไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้อยากทำ มาตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว ถึงความหวังดีของป๊าที่มีให้

“ใจไม่ได้อยากจะบังคับเขาเลย แต่ไม่อยากให้เขาพลาดโอกาสเหมือนกับที่เราเคยเจอมา” อิฐเข้าใจกับสิ่งที่นุ่นพูด “โดยเฉพาะเรื่องนั้น” อิฐยื่นมือไปบีบมือของนุ่นเบา ๆ เมื่อรู้ว่าคู่ชีวิตของเขาพูดเรื่องที่พลาดงานสำคัญในอาชีพไป เพียงเพราะเรื่องที่มีคู่ครองเป็นผู้ชายด้วยกัน “เราเลยต้องเลิกกันด้วยเรื่องนี้น่ะนะนุ่น” อิฐถามออกไป น้ำเสียงของเขาก็สั่นด้วยเช่นกัน ตุ๊กตุ่นรู้สึกโหวง ๆ ในใจที่ได้ยินป๊าพูดแบบนั้น

“ลูกมีแฟนแล้วนะอิฐ” นุ่นพูด น้ำตารื้นขึ้นคลอหน่วย “ต่อไปก็ต้องแต่งงาน” นุ่นพูดต่อ “ให้มีเพียงแค่พ่อเจ้าบ่าว เป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวก็พอ ผมไม่อยากให้ลูกต้องพลาดสิ่งดี ๆ ในชีวิตไปเพราะผม” ตุ๊กตุ่นปาดน้ำตาออกจากใบหน้าอย่างลวก ๆ “คุณก็เห็นแล้ว ว่าแฟนลูก โพสต์อะไรบ้างในโซเชียลมีเดีย เกี่ยวกับเรื่องนี้” อิฐบีบมือของนุ่นแน่นขึ้น ส่งผ่านความรู้สึกที่เข้าใจดีและไม่เข้าใจเลยพร้อม ๆ กัน

ตุ๊กตุ่นลำดับภาพตั้งแต่เด็กจนโต นี่คงเป็นเหตุผลที่ป๊านุ่นของเขาไม่เคยแสดงตัวใด ๆ ที่โรงเรียน มีเพียงพ่ออิฐที่รับหน้าที่นั้น แต่ป๊าคือแรงผลักดันสำคัญอยู่เบื้องหลัง ตุ๊กตุ่นรู้ว่าป๊ารักเขามากแค่ไหน กับสิ่งที่ป๊าเฝ้าเพียรทำมันตลอดมา วันแล้ววันเล่า ก่อนจะต้องมาได้ยินว่า พ่อกับป๊าจะปล่อยมือจากกันเพราะสาเหตุนี้

*****************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย Jay J

ไม่ปล่อยมือ Billkin x PP Krit

https://www.youtube.com/watch?v=cHVLOdpiwU8


โลกหมุนไป

The world spins

โดยที่เราไม่รู้ตัว

Not noticing it

สิ่งรอบรอบตัวก็ยังเปลี่ยนได้ทุกนาที

Things around us change almost every minute

บางทีความรักของเรา

Maybe our love

ก็เดาอะไรไม่ได้ดังใจ

We can’t predict or direct it

จะผิดจะพลั้งต้องลองกันไป

We can try just to make it work


บนหนทาง

On the road

มีอะไรที่แน่นอน

What seems to be certain?

ที่เคยคบวันก่อนเลิกกันง่ายง่ายก็มี

They were together the other day, now they’re not

บางทีชีวิตคนเรา

Sometimes our life

อาจเจอเส้นทางให้เดินเป็นร้อยเป็นพัน

See thousands of different paths lie down ahead of us

ต่างคิดต่างฝัน

Many dreams, alternative ones


ฉันก็แค่รู้ว่ามีแต่เธอที่อยู่ในใจ

All I know is only you within my heart

ฉันก็แค่รู้ว่าเธอคนเดียวที่มีความหมาย

All I care is you with all the meanings

ไม่จำเป็นต้องรู้สุดท้ายเป็นไง

Don’t need to know how the end will be

รู้แค่พรุ่งนี้จะเป็นเมื่อวานเมื่อผ่านเวลา

Realize only that tomorrow will be the past when time changes

รู้แค่ไม่ต้องสัญญาอะไรให้กันวันนี้

Just knowing promises are not needed today

มีกันและกัน

There, you and me

ไม่ว่าจะร้ายดี

For better or worse

เพียงแต่เราต่างคนไม่ปล่อยมือ

That we don’t let go our hands


ออกก้าวไป

Take a leap

ตามที่ใจเราต้องการ

However our hearts desire

อาจมีที่ไกลห่างแยกเดินกันคนละทาง

Though there may be times, we take each own separate avenues

แค่เพียงลึกลึกในใจ

Deep down inside

จะยังจดจำเรื่องราวที่สองเรามี

Memories of us still remain

เก็บไว้อย่างดี

Well kept alive


ฉันก็แค่รู้ว่ามีแต่เธอที่อยู่ในใจ

All I know is only you within my heart

ฉันก็แค่รู้ว่าเธอคนเดียวที่มีความหมาย

All I care is you with all the meanings

ไม่จำเป็นต้องรู้สุดท้ายเป็นไง

Don’t need to know how the end will be

รู้แค่พรุ่งนี้จะเป็นเมื่อวานเมื่อผ่านเวลา

Realize only that tomorrow will be the past when time changes

รู้แค่ไม่ต้องสัญญาอะไรให้กันวันนี้

Just knowing promises are not needed today

มีกันและกัน

There, you and me

ไม่ว่าจะร้ายดี

For better or worse

จะพบหรือเจออะไร

Whatever we are facing together

ไม่ว่าจะร้ายดี

For better or worse

เพียงแต่เราต่างคนไม่ปล่อยมือ

That we don’t let go our hands


บางครั้งเราก็ห่างกันไกล

Sometimes we are far away

และบางครั้งเราก็ต่างทางเดิน

Sometimes we take different turns

แต่สิ่งที่สำคัญ

The most important thing is

มันคือความในใจที่จะไม่เปลี่ยนไป

What we feel in our hearts, they won’t change


บางครั้งเราก็ห่างกันไกล

Sometimes we are far apart

และบางครั้งเราก็ต่างทางเดิน

Sometimes we’re on different journeys

แต่สิ่งที่สำคัญ

What important is

มันคือความในใจที่จะไม่เปลี่ยนไป

The feelings inside, they’re still the same


ฉันก็แค่รู้ว่ามีแต่เธอที่อยู่ในใจ

All I know is only you within my heart

ฉันก็แค่รู้ว่าเธอคนเดียวที่มีความหมาย

All I care is you with all the meanings

ไม่จำเป็นต้องรู้สุดท้ายเป็นไง

Don’t need to know how the end will be

รู้แค่พรุ่งนี้จะเป็นเมื่อวานเมื่อผ่านเวลา

Realize only that tomorrow is the past when time comes

รู้แค่ไม่ต้องสัญญาอะไรให้กันวันนี้

Just knowing promises are not needed today

มีกันและกัน

There, you and me

ไม่ว่าจะร้ายดี

For better or worse


จะพบหรือเจออะไร

Whatever we are going through together

เพียงแต่เราต่างคนไม่ปล่อยมือ

Just make sure we still hold our hands

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

Teaser เก้าฤกษ์ - นับฝัน



คุณ ๆ เคยเจอกับเหตุการณ์ที่ทำให้รู้สึกว่า ตัวคุณที่ปกติก็เป็นโนบอดี้แทบจะทุกเวลาอยู่แล้ว เกือบจะไม่มีใครมองเห็นเสียด้วยซ้ำ กลับอยากจะกลายเป็นซัมบอดี้ มีตัวตนในสายตาคนอื่นกับเขาบ้าง แต่ไม่ใช่กับทุกคนนะครับ สำหรับผมนายเก้าฤกษ์แล้วนั้น ผมขอแค่คนคนนี้เพียงแค่คนเดียว คนที่ผมตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็นในวันนั้น

“น้องนับฝันนี่เก่งมากเลยนะครับ ที่สามารถพาลูกค้ารายนี้มาให้บริษัทสำเร็จจนได้” เจ้าของชื่อยิ้มเขิน ๆ เมื่อรุ่นพี่พนักงานทีมบริหารเอ่ยชมออกมาอย่างตรง ๆ ส่ายหน้าพลางตอบออกตัวว่า “มันคงเป็นความโชคดีของผมมากกว่าน่ะครับ ไม่ใช่ความเก่งกาจอะไร” แต่พนักงานชายหลายคนในออฟฟิศ ที่พากันมายืนรุมล้อมเจ้าตัว ต่างพากันไม่เห็นด้วยที่นับฝันปฏิเสธ

“น้องนับฝันรู้มั้ยครับว่า มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน เพราะลูกค้ารายใหญ่รายนี้ เข้าถึงยากมาก พวกผู้หญิงแผนกเซลส์ยังไม่สามารถทำอะไรได้เลย ทั้ง ๆ ที่มีแต่พวกสวย ๆ เก่ง ๆ ทั้งนั้น” พี่พนักงานฝ่ายขายยืนยันอีกคน “แต่ผมเชื่อว่า มันเป็นเสน่ห์ในตัวของน้องนับฝันเขามากกว่านะ” เสียงฮือดังขึ้น แสดงความไม่พอใจของพนักงานหนุ่ม ๆ ในออฟฟิศ

“อย่างนี้มันต้องฉลองให้คนเก่งหน่อยแล้ว” เมื่อหัวหน้าทีมฝ่ายผลิต เดินผ่าเข้ามากลางวงสนทนายังไม่พอ ยังใช้แขนโอบเอวโอบไหล่นับฝัน จนหลายคนต้องเดินเข้ามาห้ามปราม “งานนี้ไม่มีพี่ไม่มีน้อง ตำแหน่งใหญ่โตกว่ายังไงก็ไม่มีผลนะ” หลายคนร้องสนับสนุนกับคำพูดนี้ นับฝันเองก็ดึงตัวเองถอยออกมาจากพี่ ๆ พนักงานทั้งหลาย ก่อนจะพูดบอกกับทุกคนว่า อย่ามีเรื่องกันเลย

นี่แหละครับ นับฝัน คนที่ผมฝันถึงมานานหลายเดือนแล้ว คนที่ผมอยากจะให้เขาหันมามองผมบ้างสักครั้ง แต่จะเป็นแบบนั้นไปได้ยังไง ก็ตัวผมมันทั้งเห่ย ทั้งเชยแบบนี้ เสื้อเชิ้ต ผูกไท แว่นตาเฉิ่ม ๆ ใครที่ไหนกันเขาจะมามอง โดยเฉพาะคนที่ดูจะเพียบพร้อมเก่งไปเสียทุกเรื่องอย่างนับฝัน สำหรับผม ก็ทำได้แค่รู้สึกหึงอยู่ในใจ มองจากที่ไกล ๆ ตรงมุมออฟฟิศแบบนี้เท่านั้นแหละ ยังไงผมก็ไม่กล้าที่จะบอกออกไป ว่าผมตกหลุมรักนับฝันตั้งแต่แรกเห็น

“เริ่มต้นจากอันนี้ก่อนดีกว่า” หัวหน้าทีมผลิตบอกกับทุกคน “เพื่อให้น้องนับฝันรู้สึกประทับใจในตัวผม และทุกคนในแผนกเสียคะแนนในสายตาของน้องเขาด้วย ผม ขอเลี้ยงเครื่องดื่มทุกคนในแผนก จากร้านกาแฟที่เพิ่งมาเปิดใหม่ใต้อาคารของเรา” เสียงโห่ไล่ดังออกมาอย่างพร้อมเพรียง แต่ทุกคนก็มาลงชื่อเขียนออเดอร์ของตัวเองลงกระดาษจด

“เอ้า ไอ้เก้า ยืนเซ่อทำเหม่ออะไรอยู่ตรงมุมห้องนั่นอยู่ได้ แกนั่นแหละ เป็นคนลงไปซื้อให้ที” เสียงบ่นไล่ให้เก้าฤกษ์ที่เป็นเหมือนลูกไล่ให้คนในออฟฟิศอยู่เป็นประจำ ให้มารับคำสั่งได้แล้ว “น้องนับฝันล่ะครับ ชอบดื่มอะไร ยังไม่เห็นน้องนับฝันเขียนลงในออเดอร์” คงเหลือแต่ว่าที่พนักงานดีเด่นอย่างนับฝัน ที่ยังไม่ได้บอกว่าตัวเองต้องการเครื่องดื่มอะไร

“ชาเขียวเย็น” เก้าฤกษ์บอกออกไป โดยที่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองนับฝัน “ครับ ชาเขียวเย็น ขอบคุณมากนะครับที่จำได้ว่าผมชอบดื่มอะไร” เก้าฤกษ์ได้ยินนับฝันบอกขอบคุณกับเขา ตอนนี้ชายหนุ่มแทบจะทำตัวไม่ถูก มือที่หยิบเอากระดาษออเดอร์เครื่องดื่มของทุกคน สั่นไปหมด “ไอ้เฉิ่มเอ๊ย” พี่หัวหน้าทีมผลิตทำเสียงเหนื่อยหน่าย แบบไม่ถูกใจเป็นอย่างยิ่ง

“เดี๋ยวนี้มีใครเขาเรียกกันวะว่าชาเขียว มัทฉะลาเต้อะไรก็ว่าไปสิวะ” เก้าฤกษ์รู้ว่านับฝันยังคงมองเขาอยู่ พยักหน้ารับรู้กลับไปให้กับอีกฝ่าย ว่าเข้าใจแล้ว ก่อนจะรีบเดินกึ่งจ้ำอ้าวไปที่ลิฟต์ด้านนอกออฟฟิศ พอประตูลิฟต์เปิดก็รีบเดินเข้าไป พอประตูลิฟต์ปิด เก้าฤกษ์ก็ทั้งยิ้ม ทั้งบิดตัวเขินอยู่คนเดียว นี่เป็นครั้งแรกเลยมั้ง ที่ได้ใกล้ชิดกับนับฝันแบบนี้ แค่นี้ ถือว่าใกล้ชิดได้มั้ยนะ ใกล้ฤกษ์ถามคำถามนั้นพร้อมกับขำในความคิดของตัวเอง

ตลอดทั้งวัน เก้าฤกษ์ดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ใครใช้ให้เขาช่วยทำอะไร ก็ทำให้แบบไม่มีเสียงสองเสียงสามดังขึ้นในหัวแบบเซ็ง ๆ อย่างที่เคยเป็นมาทุกครั้ง ที่รู้ว่าถูกหลอกใช้ให้ทำงานเกินหน้าที่ ก็เพราะวันนี้ ได้ลงไปซื้อของอร่อยให้กับคนที่แอบชอบ ถึงแม้ว่าตลอดบ่ายวันนี้ จะไม่เห็นนับฝันเลยก็ตาม แต่แค่นี้ ความสุขของเขาก็มีแค่นี้

นี่แหละครับ ความสุขของผม ที่ได้ทำอะไรเพื่อคนที่ผมรัก แค่เห็นว่านับฝันมีรอยยิ้ม ผมก็นอนหลับฝันดีแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้มีคำพูดหรือการกระทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ตอบแทนคืนกลับมาก็เถอะ แต่ผมก็ยินดีที่จะทำให้กับนับฝันของผม เสียดายที่เย็น ๆ หลังเลิกงานแล้วแบบนี้ ถ้าได้เป็นคนกดลิฟต์ให้กับนับฝัน ตอนกลับบ้าน วันนี้ก็คงจะเป็นวันที่เพอร์เฟกต์ สมบูรณ์แบบอย่างที่สุด

เก้าฤกษ์เดินเข้ามาในลิฟต์เพื่อจะกดลงไปที่ชั้นล็อบบี้ แต่ลิฟต์ก็ถูกเรียกจากชั้นที่สี่เสียก่อนที่ชายหนุ่มจะกดปุ่มชั้นที่ต้องการ ประตูลิฟต์เปิดออก เมื่อมาถึงที่ชั้นสี่ นับฝันเดินเข้าลิฟต์มา โดยที่เก้าฤกษ์ไม่นึกไม่ฝันมาก่อน ชายหนุ่มยืนตัวแข็งทื่อ ประหม่าไปหมด ทำอะไรไม่ถูก มองเห็นนับฝันเอื้อมมือไปที่แผงลิฟต์ ก็ได้แต่ยืนหน้าแดง เพราะไม่คิดว่าจะได้ยืนใกล้กันถึงขนาดนี้ สองต่อสอง แม้จะในลิฟต์ออฟฟิศก็เถอะ โรแมนติกชะมัดยาด เก้าฤกษ์คิด

“มัทฉะ” เก้าฤกษ์เห็นจากทางหางตาว่า นับฝันหันมาพูดกับเขา “เอ๊ยคือ” นับฝันหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเปลี่ยนคำ “ชาเขียวเย็นอร่อยมากเลย ขอบคุณอีกครั้งนะครับ” นับฝันมองเก้าฤกษ์พยักหน้าให้เร็ว ๆ กลั้นยิ้มไว้ในหน้า “แล้วเค้กส้มนั่นด้วย ขอบคุณมากนะครับ” เก้าฤกษ์ลืมตัว หันไปมองนับฝัน ก็ต้องสบตากันเข้าจัง ๆ “ไม่เป็นไรครับ ยินดีครับ” หัวใจที่เต้นแรงแทบจะหลุดออกมาจากอก นี่มันคือฝันไป เก้าฤกษ์ไม่อยากจะเชื่อตัวเอง

ก็พอดีกับเสียงลิฟต์ดังขึ้น พร้อมกับประตูเปิดออก นับฝันเดินออกจากลิฟต์ไป เก้าฤกษ์ขมวดคิ้ว นึกสงสัยกับชั้นที่ลิฟต์ลงมาจอด ชายหนุ่มกดปุ่มเปิดประตูลิฟต์อีกครั้ง นับฝันยังยืนอยู่ตรงนั้น เก้าฤกษ์มองไปที่เสาต้นที่ใกล้ที่สุด มันบอกว่าเป็นชั้นจอดรถล่างสุดของตึก ที่ไม่ได้เปิดใช้บริการมานานแล้ว เก้าฤกษ์มองไปที่นับฝัน ที่มองตรงมาที่เขาเช่นกัน ก่อนจะมีเสียงของหนัก ๆ หรืออะไรบางอย่างที่ตัวใหญ่ ๆ กระแทกลงบนพื้นจากมุมมืดด้านไกลลานจอดรถนั่น

“กลับขึ้นไปซะ” นับฝันสั่งด้วยเสียงเฉียบขาด ผิดกับน้ำเสียงนุ่มนวลที่เก้าฤกษ์ได้ยินทุกครั้ง “อะไรนะครับ” เก้าฤกษ์ถามออกไปแบบงง ๆ “คุณไม่ควรอยู่ที่นี่” นับฝันพูดเกือบจะเป็นการคำรามออกมาเสียด้วยซ้ำ “แต่ผมว่า ผมมีบางอย่างอยากจะบอกกับคุณนะ นับฝัน” เก้าฤกษ์พยายามจะพูดให้นับฝันฟัง “ไม่ใช่ตอนนี้” นับฝันดันตัวเก้าฤกษ์เข้าไปในลิฟต์ โดยที่ชายหนุ่มรู้สึกว่า ตัวเล็ก ๆ อย่างนับฝัน ทำไมแรงเยอะดีจัง สามารถใช้มือดันอกของเขา เลื่อนปื๊ดจากด้านนอกลิฟต์ให้เข้ามาด้านในได้อย่างง่ายดาย

“อูย นับฝันผลักผมแรงจัง เจ็บนะเนี่ย” ไม่พูดเปล่าเจ้าฤกษ์ทำท่าจะเดินออกจากลิฟต์อีกครั้ง นับฝันเห็นว่าจะไม่ได้การ ก็ผลักอีกฝ่ายอย่างแรงจนตัวของเก้าฤกษ์ ถอยหลังไปกระแทกกับผนังลิฟต์อย่างแรง โดยภาพสุดท้ายที่เก้าฤกษ์เห็นราง ๆ นั้น ก็คือภาพกึ่งหลับกึ่งฝัน เสียงคำรามของอะไรบางอย่างดังลั่นไปหมด เสียงลิฟต์ดังขึ้น ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไป

***************************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย Jay J

I ไม่ O - Billkin

https://www.youtube.com/watch?v=j-5f7AleaJo


ก็มันแอบหลง ตั้งแต่วันนั้น

Yeah, I have a crush on you since forever

ทั้งโลกของฉันกลายเป็นของเธอไป

My whole world that has become yours

ความสุขที่ฉัน ได้เฝ้ามองทุกวัน

My happiness is that I get to see you every day

แม้ระหว่างเรายังไม่เคยได้ทักทาย

Though there’s space that keeps us from chit - chat


ทั้งรู้ความจริงใครใคร มากมายก็แอบชอบเธอ

I know that many guys feeling the same about you

ฉันไม่ใช่คนเดียวที่มีแต่เธอในใจ

I’m not the only one with you on mind

แค่หึงหวงเธอไกลไกล ทำได้แค่ดู

Getting jealous from here, can't do anything near


I ไม่ O นะ you (No no คือไม่ O)

I’m not okay, and no is a no - no

เธอก็คงไม่รู้ (เรื่อง you คือไม่ O)

But you don’t really know, they desire you is a no - no

อยากซ่อนเธอเอาไว้

Want to hide you from everyone

แต่มันต้องทำแบบไหน

What should I be doing?

ตัวฉันเป็นใครจะห้ามความรู้สึกเธอ

Who am I to you to ban your feelings from other guys?


กลัวใครทำเธอหวั่นไหว

Afraid that someone gets you swept off feet

จะจูงมือเธอจากไป

Holding your hand away from me

แค่อยากเก็บเธอเอาไว้ให้มันนานนาน

Just want to keep you right here with me for long

ให้เธอเป็นของฉันคนเดียวได้ไหม

Can you be mine, only for me my dear?


ได้แต่แอบหวง อยู่ในความคิด

Me secretly being possessive, crazy in my mind

ผิดเองที่ฉัน มันยังไม่กล้าพอ

That’s my fault, I don’t have guts to say it

อยากจะส่งเสียงบอกความจริงเสียที

Want to tell you the whole truth

ว่าฉันน่ะ รักเธอมากมายไม่แพ้ใคร

That, yes, I do - love you more than any guy indeed

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ทีเซอร์: อชิระ - เจ้าเพียง (2)



“เด็กคนนั้น ไม่ควรต้องมาเจออะไรแบบนี้” อชิระได้ยินคุณปู่ตัวเอง พูดถึงเด็กในบ้านที่เป็นลูกชายของผู้หญิงที่เข้ามาเป็นแม่เลี้ยงของเขา “เราทำความเลวร้ายกับคนแม่ไม่พอ” คุณปู่ไอออกมาอย่างหนัก และมันเป็นอาการที่มากขึ้นกว่าเดือนก่อนเป็นเท่าตัว อชิระประคองคุณปู่ที่นอนอยู่บนเตียง ให้ขึ้นจิบน้ำ ผู้สูงวัยจิบได้เพียงนิดหน่อย ก็โบกมือบอกว่าพอแล้ว

“คุณปู่น่าจะให้หมอเข้ามาตรวจเพิ่มสักหน่อยนะครับ” อชิระพูดกับผู้เป็นปู่ ด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเป็นห่วงอย่างยิ่ง “มันไม่มีประโยชน์อะไรแล้วล่ะ” คุณปู่บอกกับหลายชายคนโตของตัวเอง “มันเป็นผลกรรมที่ทำกับแม่ของเด็กนั่น ที่ตามปู่มาจนทัน หมอถึงหาสาเหตุไม่ได้สักที ว่าทำไมปู่ถึงป่วยแบบนี้” ชายชราพูดพลางหัวเราะคล้ายกับจะเย้ยหยันกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง

“คุณปู่ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” อชิระรีบพูดบอกกับคุณปู่ของตัวเอง ก่อนจะส่ายหน้าเมื่อรู้ดีว่า ใครกันแน่ ที่เป็นคนเริ่มต้นเรื่องราวยุ่งเหยิงทุกอย่างนี้ “มันเกิดจากความไม่รู้จักพอของเขาคนเดียว” อชิระเลี่ยงที่จะไม่เรียกผู้ให้กำเนิดออกมาตรง ๆ “ปู่เองก็มีส่วนที่จะต้องรับผิดชอบ” ผู้เป็นหลานชาย ที่จะต้องรับหน้าที่สืบทอดกิจการขอวงศ์ตระกูลต่อจากนี้ มองใบหน้าของคุณปู่ ที่ตอนนี้อิดโรยเต็มที

“ปู่สามารถห้ามไม่ให้ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ แต่ปู่ก็เลือกที่จะไม่ทำ” ชายชราไอโขลกออกมาอย่างหนัก และคราวนี้ มีเลือดติดผ้าเช็ดหน้าที่ใช้ปิดปากออกมาได้ “เวลาของปู่ใกล้จะหมดลงแล้ว” ชายหนุ่มรับรู้ได้ในทันที “แต่เวลาของแก อชิระ” ว่าปู่ของเขาต้องการจะสั่งเสียอะไรกับเขาเอาไว้ “ยังพอมีให้แก้ตัว และทำดีกับเด็กคนนั้นแทนปู่ แทนพวกเราทุกคนได้” อชิระก้มลงมองมือที่อ่อนแรงของคุณปู่ บีบเบา ๆ ที่มือของเขา

เสียงบีบแตรในกระแสจราจร ดึงความคิดของอชิระให้กลับมา เสียงขอโทษจากคนขับรถดังมา เมื่อเผลอสบถไล่รถคันข้างหน้า ที่แทรกตัดหน้าอย่างกระชั้นชิด จนคนขับรถต้องเบรกกะทันหัน อชิระโบกมือว่าไม่เป็นอะไร ก่อนจะก้มลงมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือหรู ที่เคยเป็นเรือนโปรดของคุณปู่ของเขา คนขับรถสังเกตเห็นชายหนุ่มแบบนั้น ก็บอกว่า ยังไงอชิระก็ไปถึงที่งานเลี้ยงทันเวลาอย่างแน่นอน

“เจ้าเพียง” หนุ่มใหญ่เจ้าของบริษัทที่เพิ่งเจอกับเจ้าของชื่อเป็นครั้งแรก เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ “ชื่อแปลก แต่ว่าก็น่ารักดีนะครับ” แสดงให้เห็นว่าเขารู้สึกเอ็นดู ทันทีที่ได้ยินมัน “จริง ๆ แล้ว แม่ตั้งชื่อให้ผมว่า เพียงออ เพราะพ่อชอบเสียงจากขลุ่ยชนิดนี้น่ะครับ” เจ้าของชื่ออธิบายให้กับหนุ่มใหญ่เจ้าของบริษัทได้ฟัง

“แต่ว่า” ภาพใบหน้าของชายชราที่เคยมอบความเมตตาให้กับเขา ผุดขึ้นมาให้ได้เห็นในความคิด “มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่ผมให้ความเคารพมาก ๆ เคยเรียกผมว่าเจ้าเพียงน่ะครับ ใคร ๆ ได้ยิน ก็เลยติดเรียกตามกันมาจนถึงตอนนี้” เจ้าของชื่ออธิบายที่มาที่ไปต่อจนจบ “ผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง” หนุ่มใหญ่พูดขึ้น พลางเลิกคิ้ว สงสัยกับความหมายของมัน ว่ามันใช่อย่างที่เขาเข้าใจหรือเปล่า

“คุณปู่ของผมเองน่ะครับ” เจ้าเพียงได้ยินเสียงนั้น ก็จำได้ไม่ยากว่าเป็นอชิระ “ไม่ใช่ผู้ใหญ่อย่างว่า อย่างที่ใคร ๆ อาจจะคิดกันหรอกครับ” อชิระเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้าง ๆ กันกับเจ้าเพียง ชายหนุ่มมองไปที่ใบหน้าของอีกฝ่าย ที่ยังไม่ยอมหันมาสบตากับเขา “เจ้าเพียงเขาเคยอาศัยอยู่กับผมมาหลายต่อหลายปีน่ะครับ” ได้ผล เจ้าเพียงหันขวับมาสบตากับอชิระ ที่รออยู่แล้ว

“อ้าวคุณอชิระ รู้จักคุณเพียงออด้วยหรือครับ” หนุ่มใหญ่ถามขึ้น นึกแปลกใจกับท่าทีที่อชิระแสดงออกมาอยู่พอสมควร เหมือนชายหนุ่มกำลังขุ่นใจ ที่เห็นเจ้าเพียงคุยกับเขา “คุณปู่ผมเรียกเจ้าตัวเขาว่า เจ้าเพียงน่ะครับ” แววตาที่อชิระใช้มองไปที่เจ้าเพียง มันมีอาการหยอกล้ออยู่ในที แถมปนไปด้วยความดีใจที่ได้เจออีกฝ่ายในตอนนี้

“เป็นญาติกันหรือครับ” หนุ่มใหญ่ถามขึ้น “หรือว่าพี่น้อง” อชิระที่ไม่ทันได้เตรียมตอบคำถามนั้น ชะงักไปเช่นกัน “เปล่าหรอกครับ เราไม่ได้เป็นอะไรที่ดูดีขนาดนั้น” เป็นที่เจ้าเพียงที่ใช้แววตาของคนที่กุมความลับอะไรบางอย่างเอาไว้ และจะใช้มันเพื่อความเป็นต่อของตัวเอง “ผมอยู่ที่นั่น ในฐานะแค่เด็กในบ้านเท่านั้น” อชิระย่นคิ้วห้ามไม่ให้เจ้าเพียงพูดอะไรต่อจากนั้นอีก

“แต่แม่ผมน่ะสิ ที่อยู่ในบ้านนั้นในฐานะ” ยังไม่ทันที่เจ้าเพียงจะจบประโยคนั้น อชิระก็คว้าข้อมือ กึ่งดึงกึ่งลากเจ้าเพียงให้เดินตาม โดยไม่สนใจว่าหนุ่มใหญ่คนนั้นจะงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น “นี่เธอเป็นบ้าอะไรของเธอ” ทันทีที่อชิระเห็นว่า เขาทั้งสองคนหลบมุมอยู่กันตามลำพังแล้ว ก็เอ่ยปากดุอีกฝ่ายในทันที

“คุณไม่มีสิทธิ์มาใช้น้ำเสียงดุใส่ผมแบบนี้แล้วนะ” เจ้าเพียงใช้สิทธิ์ของตัวเองในทันที เพราะเขาไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนั้นอีกแล้ว “แต่เธอกำลังจะพูดอะไรที่ทำให้ตัวเธอดูไม่ดี ฉันไม่ชอบที่เห็นเธอทำแบบนั้น” อชิระว่าเจ้าเพียงออกไป “ทำไมหรือครับ คุณจะมาเดือดร้อนอะไรกับเรื่องที่ผมยอมรับว่า แม่ของผมเป็นคนใช้บ้านคุณ” เจ้าเพียงพูดออกไปเอง แต่นั่นก็ทำให้รู้สึกเสียดแทงในใจแบบแปลก ๆ

“ไม่สิ พวกคุณต่างหาก ที่บังคับให้แม่ผมต้องเป็นแบบนั้น” อยู่ ๆ น้ำตาก็รื้นขึ้นคลอหน่วย จนเจ้าเพียงต้องกะพริบตาถี่ ๆ พยายามไล่หยาดน้ำนั้นให้หายไป อชิระเห็นอาการนั้นของเจ้าเพียง ก็พยายามจะพูดคลี่คลายอารมณ์นั้นของอีกฝ่าย “ฉันไม่ต้องการให้ใครเอาเธอไปพูดลับหลังในแง่ไม่ดี” อชิระหมายความว่าตามนั้นจริง ๆ แต่เป็นที่เจ้าเพียงที่ไม่เชื่อมันเลยสักนิด

“ไม่ใช่เป็นที่คุณเองหรอกหรือ ที่กลัวว่าคนอื่นจะรู้ ว่ามีแม่เลี้ยงเป็นคนใช้ในบ้าน” เจ้าเพียงพูดใส่หน้าอชิระออกไป ทำเอาชายหนุ่มลืมตัว ใช้สองมือคว้าต้นแขนทั้งสองข้างของเจ้าเพียง ดึงให้ตัวของอีกฝ่ายรั้งเข้าหาตัวเขาในทันที เจ้าเพียงนึกตกใจกับที่อชิระทำเช่นกัน “เจ้าเพียง” แววตาและน้ำเสียงที่อชิระใช้มันทำให้เจ้าเพียงรู้สึกกลัวขึ้นมา อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อชิระมองเห็นใบหน้าของเจ้าเพียง ห่างจากปลายจมูกของเขาไปเพียงแค่คืบเดียว และพอเห็นแววตาที่ตกใจกลัวของอีกฝ่าย ชายหนุ่มก็ผ่อนอารมณ์ลงในทันที

“ปล่อยผม” เสียงของเจ้าเพียงดังให้อชิระได้ยิน “ไม่ปล่อย” คำพูดนี้ ดึงเอาสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้นมาให้ทั้งสองคนจดจำได้อีกครั้ง ในคืนที่อชิระใช้ริมฝีปากสัมผัสเรียวปากนั้นของเจ้าเพียง “คุณใช้เหตุผลแบบครั้งนั้นไม่ได้เป็นครั้งที่สอง” เจ้าเพียงเอ่ยกับอีกฝ่าย “คืนนั้นฉันเมามาก” อชิระพูด “แต่วันนี้คุณไม่ได้เมา” เจ้าเพียงบอกออกไป “วันนี้ฉันไม่ได้เมา” สายตาของอชิระ อ้อยอิ่งอยู่กับริมฝีปากของเจ้าเพียง ที่เจ้าของริมฝีปากนั้นก็รู้ตัวเช่นกัน ว่าอีกฝ่ายกำลังมองอะไรอยู่

“หนีมาหลบอะไรกันอยู่ตรงนี้คะเนี่ย” อชิระและเจ้าเพียงเห็นนักข่าวจากช่องซุบซิบแวดวงดาราและไฮโซเอ่ยทักเสียงดัง “ไม่น่าเชื่อนะคะ ว่าคุณอชิระ จะมีน้องชายโตขนาดนี้แล้ว แถมยังน่ารักอีกต่างหาก ไม่เคยได้ข่าวเรื่องนี้มาก่อนเลยด้วย” คำพูดของนักข่าวสาว ไม่ได้ปิดบังใด ๆ เลย ว่าเธอไม่เชื่อที่ตัวเองเพิ่งพูดออกมาเลยสักนิด เช่นกัน

“คนละแม่น่ะครับ” อชิระตอบออกไป “และเขาก็ค่อนข้างเก็บตัว” นักข่าวสาวพยักหน้าน้อย ๆ หัวเราะในลำคอหน่อย ๆ แบบตามน้ำไปอย่างนั้นเอง “ถ่ายรูปเก็บเอาไว้สักหน่อยมั้ยล่ะครับ” อชิระเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นนักข่าวสาวตั้งกล้องรออยู่แล้ว “คุณจะทำอะไร” เจ้าเพียงถามขึ้น อยากจะพูดปฏิเสธออกไป “ทำตามฉันเถอะน่า” อชิระบอก ก่อนจะทำทีจัดท่าทางให้นักข่าวสาว เพื่อใช้ถ่ายรูป

“เป็นข่าวใหญ่นะคะ คุณผู้ปกครองและเด็กในปกครอง” นักข่าวสาวยิ้มกว้าง ใช้คำพูดของอชิระมาเอ่ยยำ “ช่วยเมตตาเราสองคนให้เยอะ ๆ นะครับ” นักข่าวสาวรู้ดี ว่าอชิระหมายถึง เมื่อเขียนข่าวออกมา ก็ให้มันอย่าตีสีใส่ไข่จนเกินงามไปนัก “ไม่รับปากนะคะ แต่จะพยายาม” ทันทีที่นักข่าวพูดจบ อชิระก็ยกแขนขึ้นโอบไหล่ของเจ้าเพียง พอดีกับที่นักข่าวกดชัตเตอร์ลั่นภาพรัว ๆ เก็บเข้ากล้องไปเรียบร้อย

“คุณเป็นบ้าอะไรของคุณ” เจ้าเพียงดึงตัวออกจากวงแขนของอชิระในทันที ที่นักข่าวสาวคนนั้นเดินจากไป “ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อทะเลาะกับเธอ” อชิระยังรู้สึกตัวเองดี ว่าหัวใจของเขานั้นกำลังเต้นแรงมากแค่ไหน จากความรู้สึกที่เพิ่งมีเจ้าเพียงอยู่ในอ้อมแขนของเขา ชายหนุ่มได้แต่แสดงอาการเป็นปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พยายามควบคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่น จากอาการหัวใจหวั่นไหว

“เธอจะกลับมาที่บ้านเมื่อไหร่” อชิระถามขึ้น เจ้าเพียงหลบสายตานั้นของชายหนุ่ม “ผมไม่ได้อยู่บ้านหลังนั้นแล้ว ผมจะไม่กลับไป” เจ้าเพียงตอบออกไปเด็ดขาด “ยายจ๋าต้องการเธอนะ” อชิระรู้จุดอ่อนข้อนี้ของเจ้าเพียงดี ซึ่งเจ้าเพียงนั้น ก็กำลังเตรียมพร้อมเพื่อไปรับยายจ๋ามาอยู่ด้วยกัน “มันเป็นโอกาสเดียวและอาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วนะ ที่จะไปเจอยายจ๋าของเธอ” อชิระพูดกระตุ้นจุดอ่อนของเจ้าเพียง “วันเสาร์นี้ แล้วฉันจะรอ” อชิระพูดเสียงอ่อน “ถือว่าเรานัดกันแล้วนะ” อชิระยิ้มให้อีกฝ่าย เมื่อเจ้าเพียงพยักหน้าตอบตกลงออกไป

“ยิ้มหน่อย” อชิระที่อยู่ไม่ห่างจากเจ้าเพียงตลอดทั้งงาน คอยพูดเตือนให้อีกฝ่ายทำให้แนบเนียน เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น “สนุกมากใช่มั้ย” เจ้าเพียงเสียงแข็งใส่ชายหนุ่ม “เธอนี่ไม่เคยเข็ดนะ” อีกครั้งที่เจ้าเพียง กลับเข้าสู่อ้อมแขน ที่อชิระเดินโอบไหล่เข้าเพียงไปทั่วทั้งงาน “โอเค รู้แล้ว เข้าใจแล้ว” เจ้าเพียงมองเห็นอชิระเผยยิ้มออกมา ในแบบที่กำลังรู้สึกพึงใจ ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมานานแล้ว “แต่มันสายไปหน่อยนะ” อชิระกระชับวงแขนของตัวเองให้แน่นขึ้น ก่อนจะเดินพาเจ้าเพียงไปพบปะผู้คนมากหน้าหลายตาจนทั่วทั้งงาน

**********************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย Jay J

มีผลต่อหัวใจ - นนท์ ธนนท์ จำเริญ

https://www.youtube.com/watch?v=eiYRHsTzvjs


บางอย่างก็ไม่เปลี่ยนไป

Something does never ever change

แม้อะไรอะไรจะเปลี่ยน

Though many other things do

บางสิ่งก็คล้ายบทเรียน

It is one lesson learned

ที่ฉันไม่เคยผ่านมันได้เลยซ้ำซ้ำ

That I can’t ever get past it, over and over


แค่วันนี้ได้สบสายตา

I’ve got to look in your eyes today

แค่พูดคุยกันไม่กี่คำ

Some words have been exchanged

ต่อให้เฝ้าระวัง ให้ยั้งยังไง

I was extra careful, trying to prevent it

ก็พลั้งพลาดไปทุกที

I failed to do so, oh typically me

เคยคิดเวลาจะช่วยทำใจ

I thought time would help my heart to heal

ให้ฉันลืมเธอคนนี้

That I’d be able to forget you

แต่แล้วอาการเดิมเดิมก็กลับมา

And here I am, doing the same things all again


สุดท้ายฉันก็พ่ายแพ้

I am defeated, at the end of the day

แพ้ให้ใจตัวเองที่ไม่เคยหยุดรักเธอ

Surrender to my own heart that doesn’t stop loving you

สุดท้ายฉันยังรอคอยเธอเสมอ

Now you know I’m still waiting for you, always

แม้จะเนิ่นนานสักเพียงไหน

No matter how awfully long it has been

เธอยังคงมีผลต่อหัวใจ

You are the one that matters to my heart

ไม่หายรักเธอได้สักที

Can’t get over you, I really can’t


ทำไมยังรู้สึกดี

Why am I feeling good about it, still?

ทั้งที่เธอไม่เคยมีใจ

You have never showed you’ve cared

ทำไมยังรู้สึกหวั่นไหว

Why is my heart still trembling, you see?

ทั้งทั้งที่รู้แก่ใจเป็นไปไม่ได้

I thought I knew, we could never be


แค่วันนี้ได้สบสายตา

I’ve got to look in your eyes today

แค่พูดคุยกันไม่กี่คำ

Some words have been exchanged

ต่อให้เฝ้าระวัง ให้ยั้งยังไง

I was extra careful, trying to prevent it

ก็พลั้งพลาดไปทุกที

Yet, I failed to do so, oh typically me

เคยคิดเวลาจะช่วยทำใจ

I thought time would help my heart to heal

ให้ฉันลืมเธอคนนี้

That I’d be able to forget you

แต่แล้วอาการเดิมเดิมก็กลับมา

And here I am, doing the same things all again


สุดท้ายฉันก็พ่ายแพ้

I am defeated, at the end of the day

แพ้ให้ใจตัวเองที่ไม่เคยหยุดรักเธอ

Surrender to my own heart that doesn’t stop loving you

สุดท้ายฉันยังรอคอยเธอเสมอ

Now you know I’m still waiting for you, always

แม้จะเนิ่นนานสักเพียงไหน

No matter how awfully long it has been

เธอยังคงมีผลต่อหัวใจ

You are the one that matters to my heart

ไม่หายรักเธอได้สักที

Can’t get over you, I really can’t


สมองไม่เคยมีแรงจะสั่งหัวใจ

My brain doesn’t function to command my heart

ไม่มีปาฏิหาริย์ไหนพอจะทำให้เปลี่ยนไป

None of miracles is magical enough to change me

ไกลเกินจากฝัน เธอเกินเอื้อมมือฉัน

Far away from dreams, you’re out of my league

เป็นได้เพียงแค่เพื่อนกันแค่เท่านั้น

Friends, that all we can be - that’s it

แค่เท่านั้น

That’s all we are


สุดท้ายฉันก็พ่ายแพ้

I am defeated, at the end of the day

แพ้ให้ใจตัวเองที่ไม่เคยหยุดรักเธอ

Surrender to my own heart that doesn’t stop loving you

สุดท้ายฉันยังรอคอยเธอเสมอ

Now you see I’m still waiting for you, always

แม้จะเนิ่นนานสักเพียงไหน

No matter how awfully long it has been

เธอยังคงมีผลต่อหัวใจ

You are the one that matters to my heart


แล้วฉันก็พ่ายแพ้

Now I’m not a winner, a sore loser

แพ้ให้ใจตัวเองที่ไม่เคยหยุดรักเธอ

Surrender to my own heart that can’t stop loving you

สุดท้ายฉันยังรอคอยเธอเสมอ

Now you see I’m still waiting for you, forever

แม้จะเนิ่นนานสักเพียงไหน

No matter how awfully long it will have been

เธอยังคงมีผลต่อหัวใจ

You are the one that keeps my heart go on

ไม่หายรักเธอได้สักที

Can’t get over you, that won’t happen


รู้ว่าควรจะพอแต่ก็ทำไม่ไหว

Know that I should stop but I really can’t

รู้ว่าควรจะพอแต่ก็ทำไม่ได้

Know that I should quit but I can never

ให้ทำอย่างไร

What should I do?

รู้ว่าควรจะพอแต่ก็ทำไม่ไหว

Know that I should stop yet I still do it

รู้ว่าควรจะพอแต่ก็ทำไม่ได้

Know that I should quit yet I really won’t


ก็ใจ

My heart, oh well
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-05-2024 14:37:51 โดย KADUMPA »

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0


Teaser: จิ๊กโก๋ - คุณหนู



“เฮ้ย ๆๆ อย่าเพิ่งดับนะโว้ย” ไอ้จิ๊กโก๋ตะโกนร้อง เมื่อมอเตอร์ไซค์เก่าเก็บแต่คู่ใจของมัน มาทำเสียงคอกแคกจะดับแหล่ไม่ดับแหล่ใส่มัน “เหี้ยแล้วไง” จิ๊กโก๋ตะโกนใส่รถอีกครั้ง ทันทีที่เสียงเครื่องยนต์เงียบหายไป ก่อนที่รถจะดับจนนิ่ง จิ๊กโก๋ทำเสียงฮึดฮัดในลำคอ ใช้เท้าทั้งสองถีบยันพื้นถนน เพื่อนำรถจักรยานยนต์ที่เพิ่งไปทำเครื่องยนต์มาหมาด ๆไถเข้าไปจอดที่ข้างทาง

“ไอ้อู่เวรนี่ มันเล่นกูเข้าแล้วไง แม่งเอ๊ย” จิ๊กโก๋รู้สึกเซ็งอย่างที่สุด ที่อุตส่าห์เชื่อการรีวิวในโซเชียลมีเดีย นำรถไปซ่อมกับอู่ที่เขาบอกกันว่าดีนักดีหนา “ยังไม่พ้นอาทิตย์เลยแม่ง” สบถออกมาอีกรอบเพื่อระบายความหงุดหงิด “ห่าเอ๊ย แล้วกูจะไปยังไงต่อดีวะเนี่ย” พูดไปก็มองซ้ายมองขวา มองหน้ามองหลัง มองสำรวจไปทั่วบริเวณ

“ถนนแถวนี้ ก็ไม่คุ้นเสียด้วยสิ” จิ๊กโก๋ พูดกับตัวเอง และเป็นที่มันเองนั่นแหละ ที่เลี้ยวไม่ทันตรงแยกไฟแดงที่แล้ว มันถึงต้องขี่มอเตอร์ไซค์ตรงมาเรื่อย ๆเพื่อจะหาที่กลับรถ แต่เจ้ากรรม รถของมันมาซี้แหง็กอยู่ตรงนี้เสียก่อน “โรงเรียนหรืออะไรวะเนี่ย หรูฉิบหาย” จิ๊กโก๋ที่ยังนั่งคร่อมมอเตอร์ไซค์อยู่ ชะโงกมองข้ามรั้วที่ปลูกต้นไม้ขนานกับถนน ยาวไปตลอดทั้งทาง

ยังไม่ทันที่จิ๊กโก๋จะได้รับคำตอบกับข้อสงสัยของตัวเอง ตรงช่องว่างระหว่างรั้วต้นไม้นั้น ก็มีร่างเล็ก ๆร่างหนึ่ง พยายามแทรกตัวออกมา เจ้าของใบหน้าที่เหยเกมองมาทางจิ๊กโก๋แบบตกใจอยู่เหมือนกัน ที่อยู่ ๆก็มีคนมานั่งมองจากริมถนน แต่ก็ดูจะรีบร้อนพยายามจะพาตัวเองออกจากรั้วต้นไม้นั้นให้ได้มากกว่า

“อ้าว เฮ้ย อะไรกันวะเนี่ย” ไอจิ๊กโก๋ร้องออกมาเสียงดัง เมื่อเห็นเด็กหนุ่มวัยใกล้เคียงกันกับเขา แทรกตัวออกมาจากพุ่มไม้นั้นได้สำเร็จ “แล้วทำไมไม่เดินออกมาจากประตูดี ๆ” มันถามเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มนั้น ที่ตอนนี้มองมาทางมันอย่างลังเลอะไรบางอย่าง “อ้าวไอ้เด็กนี่ ถามไม่ตอบ รวยแล้วหยิ่งหรือไง” จิ๊กโก๋มั่นใจว่า เสียงของมันดังมากพอ ไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะไม่ได้ยินที่มันถามออกไป

“อะไร” มันถามอีกฝ่ายออกไป เมื่อเห็นว่า เด็กบ้านรวยนั่นเดินมาหยุดยืนอยู่ที่ข้างรถของมัน “หนีโรงเรียนหรือไง” มันถามออกไป มองเห็นอีกฝ่ายหันหน้ากลับไปมองที่รั้วพุ่มไม้นั้น เหมือนกับกลัวว่า จะมีใครตามมาจนเจอ “ทำไม” จิ๊กโก๋ถามออกไปอีกครั้ง เมื่อเด็กหนุ่มที่ตัวเล็กกว่ามันหันมาสบตา เหมือนกับอยากจะขอร้องให้มันช่วยอะไรบางอย่าง

“รถมันเสีย” จิ๊กโก๋ก็พอจะเข้าใจแหละ ว่าอีกฝ่ายที่ชี้นิ้วมาที่มอเตอร์ไซค์ของมัน พยายามจะหมายความว่าอย่างไร “รถกูมันดับเมื่อกี้นี่เอง ก่อนหน้าที่มึงจะโผล่ออกมาจากรั้วนี่แหละ” พูดไปขนาดนี้ แต่เด็กบ้านรวยที่ไอ้จิ๊กโก๋ไปเรียกเขาแบบนั้น ก็พยักหน้าเร็ว ๆทำหน้าอ้อนวอน ขอให้มันช่วยพาเขาออกไปจากตรงนี้ก่อน ไปตอนนี้เลย

“รถมันเสีย” ไอ้จิ๊กโก๋ทำเสียงดุข่ม เมื่อดูว่าอีกฝ่ายจะพูดไม่ฟัง “ก็บอกว่า” ไอ้จิ๊กโก๋อยากจะขึ้นเสียงใส่อีกฝ่ายอีกรอบ เมื่อเด็กบ้านรวยหน้าตาชวนมองนั่น คะยั้นคะยอให้จิ๊กโก๋สตาร์ทรถ แล้วพาออกไปจากตรงนี้ได้แล้ว “อ้าว เฮ้ย” จิ๊กโก๋เสียงหลงไม่น้อย เมื่ออยู่ ๆหลังจากที่เขากระทืบเท้าลองสตาร์ทรถ เสียงเครื่องยนต์มันก็กลับคำรามดังขึ้นมาอีกครั้ง

“ติดได้ไงวะ แล้วมึงจะไปไหน ให้กูพาไปไหน” ไอ้จิ๊กโก๋ถามออกไป มองดูเด็กบ้านรวยเก้ ๆ กัง ๆมองดูเบาะซ้อนท้ายรถของไอ้จิ๊กโก๋ ว่าจะขึ้นนั่งยังไงดี “อย่าบอกนะ ว่าไม่เคยนั่งซ้อนท้ายมาก่อนเนี่ย” เด็กบ้านรวยปราดสายตาจากริมฝีปากของไอ้จิ๊กโก๋ ขึ้นมาสบตากับมัน ก่อนจะส่ายหน้าเป็นคำตอบ “อ้ะงั้นมึงใส่นี่ก่อน” จิ๊กโก๋เอาหมวกกันน็อคที่แขวนไว้ที่แฮนด์จับมอเตอร์ไซค์ มาใส่ให้กับอีกฝ่าย

“เดี๋ยวลูกเขาเป็นอะไรไป กูทำคืนให้ได้ไม่เหมือนเดิม” เด็กบ้านรวยมองไปที่ใบหน้าของไอ้จิ๊กโก๋ ที่มันดูตั้งใจจะใส่หมวกกันน็อคให้อีกฝ่ายอย่างตั้งใจ “แล้วตกลงจะไปไหน” มันถามอีกฝ่ายอีกครั้ง เมื่อมีเสียงผู้ชายสองสามคนดังถามกันลอดรั้วมาว่า เห็นคนที่กำลังตามหาบ้างมั้ย เด็กบ้านรวยพยักพเยิดหน้า เหมือนกับจะบอกกับไอ้จิ๊กโก๋ว่า ไปไหนก็ได้ ขอให้ไปก่อนเถอะ

“มึงพูดเองนะ ไอ้ลูกคุณหนู” ไอ้จิ๊กโก๋ว่าแบบนั้น เมื่อฉุดแขนให้ลูกคุณหนูของมัน ขึ้นมานั่งคร่อมซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ของมันได้เแล้ว “เดี๋ยวกูซิ่งให้ มึงจับดี ๆก็แล้วกัน” ไอ้จิ๊กโก๋บิดเร่งเครื่องพามอเตอร์ไซค์ออกไปจากตรงนั้น มันเลี้ยวสองสามเลี้ยว ก่อนที่จะพาทั้งตัวมันและลูกคุณหนู เข้าสู่เส้นทางถนนที่มันรู้จักและคุ้นเคย

เย็นจนเกือบจะค่ำแล้ว คุณหนูของบ้านก็ยังกลับมาไม่ถึง คนที่ดูจะกระวนกระวายใจมากที่สุด ก็คงจะเป็นนมอ่อน ผู้ที่เลี้ยงดูคุณหนูมาตั้งแต่เล็ก ที่เดี๋ยวก็ผุดลุกผุดนั่ง ชะโงกหน้าผลุบโผล่ไปที่ด้านหน้าของบ้าน ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงรถคันไหนขับผ่านไปมา นมอ่อนมองเข้าไปในตัวบ้านหลังใหญ่ คุณท่านกับคุณผู้หญิงนั่งรอลูกชายคนเดียวอยู่ในบ้าน ไม่ยอมขึ้นไปพักผ่อนที่ขั้นบนเช่นกัน มาตั้งแต่คนรถรายงานว่า คุณหนูแอบหนีออกไปจากโรงเรียนพิเศษ

“คุณหนู นั่นคุณหนูมาแล้ว” เสียงคนสวนที่เห็นเด็กหนุ่มเดินผ่านประตูรั้วบ้านเข้ามา ร้องบอก “คุณหนู คุณหนูของนมอ่อน หายไปไหนมาคะ แล้วนี่เป็นอะไรมั้ย เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” คุณหนูของนมอ่อนหัวเราะออกมาเบา ๆเมื่อถูกนมอ่อนจับพลิกตัวไปมา มองหาร่องรอยบาดแผล ด้วยความเป็นห่วง “คุณพ่อกับคุณแม่เป็นห่วงคุณหนูมากเลยนะคะ” จากตรงนั้น รอยยิ้มของคุณหนูก็พลันหายไป

“ทำแบบนี้ คิดหรือว่าพ่อกับแม่จะยอมใจอ่อน” ทันทีที่คุณท่านเห็นลูกชายคนเดียวเดินเข้าบ้านมากับนมอ่อน ด้วยความโมโหก็เอ่ยปากเอ็ดตะโรลูกชายออกไป “คุณคะ ใจเย็น ๆก่อน พูดกับลูกดี ๆ” เสียงคุณผู้หญิงปรามผู้เป็นสามีของเธอ ก่อนจะทำท่าทางบอกให้นมอ่อนพาคุณหนูขึ้นห้องนอนไป “คุณก็เลิกให้ท้ายลูกเสียที” คุณท่านหันไปบ่นผู้เป็นภรรยา

“ไป ๆนมอ่อน พาคุณหนูของเธอไปให้พ้นหน้าฉันก่อนไป” ก่อนจะโบกมือโบกไม้ บอกให้นมอ่อนที่ตามใจคุณหนูของบ้านกว่าใคร ให้พาขึ้นชั้นบนไป นมอ่อนกุลีกุจอ ดุนหลังคุณหนูผู้เป็นที่รักของทุกคนในบ้าน ที่ยืนหน้าคว่ำงอง้ำอยู่ ให้เดินขึ้นห้อง พอเข้าห้องนอนมาได้ คุณหนูของบ้านก็หันมายิ้มแฉ่งกับนมอ่อน “อย่ามายิ้มเชียวนะคะ ทำแบบนี้ น่าจะโดนทำโทษนัก” พูดจาขึงขังไปอย่างนั้นเอง ยังไงนมอ่อนก็ทำคุณหนูของเธอไม่ลง

“อะไรนะคะ” นมอ่อนถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย แต่ก็ยิ้มตามรอยยิ้มกว้างของคุณหนู ที่ใช้ภาษามือบอกกับนมอ่อนว่า “วันนี้สนุกมากเลยหรือคะ” คุณหนูพยักหน้าเร็ว ๆยืนยันคำพูดที่เพิ่งบอกกับนมอ่อนไป “ว่าแต่ คุณหนูไปทำอะไรมาคะเนี่ย” พูดพลางจับมือของคุณหนูขึ้นมาดู “ตายแล้ว คุณหนู อะไรติดมือมาคะเนี่ย” คุณหนูยิ้มเขิน ๆให้กับนมอ่อน “ข้าวเหนียว” แววตาของคุณหนูของนมอ่อน กระหวัดนึกถึงเด็กหนุ่มที่โตกว่าเขานิดหน่อย สอนให้ใช้มือเปล่าปั้นข้าวเหนียวกิน เมื่อมื้อเที่ยงวันนี้

ไอ้จิ๊กโก๋จอดรถมอเตอร์ไซค์ของมัน ห่างจากบ้านของลูกคุณหนูของเขาออกมา มันนั่งรอ มองจนคุณหนูเดินเข้าบ้านไป มันถึงได้กลืนน้ำลายลงคอดังเอื๊อก เมื่อรู้ตัวว่า หัวใจของมันเต้นเร็วและแรงจนผิดปกติ จิ๊กโก๋ไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น เพราะว่าไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนี้มาก่อน และไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้น จิ๊กโก๋หยิบเอาหมวกกันน็อคขึ้นมาใส่ กลิ่นหอมอ่อน ๆที่ไม่รู้ว่าจะเป็นกลิ่นแชมพู หรือว่าน้ำหอมจากตัวของลูกคุณหนูกันแน่ ยังติดอยู่ ลอยอ้อยอิ่งอยู่ตรงหน้าของมัน

“มึงเป็นอะไรของมึงเนี่ย ไอ้จิ๊กโก๋” ถามตัวเองออกไปอีกครั้ง ก่อนจะออกรถมาจากตรงนั้น ขับมาเรื่อย ๆตามทาง ก็ได้แต่คิดทบทวนว่า ไปทำอะไรมาบ้างในวันนี้ ตั้งแต่ขับรถพาลูกคุณหนูหนีโรงเรียนมาด้วยกัน จิ๊กโก๋ขี่รถมาเรื่อย ๆโดยไม่บีบแตรใส่ใครเลยสักครั้ง อย่างที่เคยชอบทำเป็นนิสัยมาตลอด แถมพอจอดรถที่หน้าห้องเช่ารังหนูของมัน จิ๊กโก๋ก็เห็นรอยยิ้มกว้าง อารมณ์ดี ยิ้มไม่หุบของตัวเอง ในกระจกมองข้างรถเสียอย่างนั้น

***************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย Jay J

Is this Love? - Tom Issara feat. SaintSup

https://www.youtube.com/watch?v=nUuvdC61QeA


โปรดเถอะฟ้า บอกฉันที

Come on, heaven! Tell me this

ไอ้แบบนี้ ใช่หรือเปล่า

This kinda thing, is really it?

ที่เขาเรียกกันว่ารัก

The thing they call it love

(Is this love and if this is love)

ยังไม่เคยได้รู้จัก

I’ve never known it

มันคือรักใช่ไหม

Is it really called love?


ที่หวั่นไหว ไม่รู้ตัว

It makes heart flutter, rush fever

ใจสั่นรัว นี่มันจริงใช่ไหม

Shaking my heart to the core, is it really?

ที่ใครเรียกกันว่ารัก

Everybody calls it love

(Is this love and if this is love)

ช่วยบอกกันให้รู้หน่อย

Please let me know about it

อย่างน้อยฉันจะได้รักเธอได้ทัน

At least, help me fall in love in no time


ยังไม่เคยจะทันได้ตั้งตัว

I am caught off guard

ใจมันยังไม่ชัวร์เรื่องความรัก

My heart is never sure about love

ยังไม่เคยจะทันได้รู้จัก

No one ever introduces me to it

รักจริงจริงเป็นอย่างไร

What real love will be like


จนวันหนึ่งที่เธอเดินเข้ามา

Until one day you showed up

ใจที่มันเย็นชาก็เปลี่ยนไป

The cold heart day then got changed

มันก็ยังคงไม่เข้าใจ

But it’s still difficult to understand

มันเป็นอะไรนะหัวใจ

What is going on with my heart?

ไม่เคยจะรู้ เพราะอะไร

Never have come across it, why?

ยังอยากจะรู้

I want to know


โปรดเถอะฟ้า บอกฉันที

Come on, heaven! Tell me this

ไอ้แบบนี้ ใช่หรือเปล่า

This kinda thing, is really it?

ที่เขาเรียกกันว่ารัก

The thing they call it love

(Is this love and if this is love)

ยังไม่เคยได้รู้จัก

I’ve never known it

มันคือรักใช่ไหม

Is it really called love?


ที่หวั่นไหว ไม่รู้ตัว

It makes heart flutter, rush fever

ใจสั่นรัว นี่มันจริงใช่ไหม

Shaking my heart to the core, is it really?

ที่ใครเรียกกันว่ารัก

Everybody calls it love

(Is this love and if this is love)

ช่วยบอกกันให้รู้หน่อย

Please let me know about it

อย่างน้อยฉันจะได้รักเธอได้ทัน

At least, help me fall in love in no time


(I just wanna know it is call love)

(I just wanna know I'm a fall in love)


อยากรู้ว่าฟ้า จะมีเวลาบ้างไหม

Wanna know if heaven has some time

ช่วยตอบคำถามที่ยังสงสัย

Give me an answer that I’ m wondering

ที่ฉันและเธอต้องมาเจอ ก็มันยังไม่เข้าใจ

You and I, now since we’ve met

ก็มันยังไม่เข้าใจ

Yet still don’t understand

ว่าเป็นเพราะ เหตุเพราะ มันเพราะอะไร

Why? Because why? Why is that, really?


ไม่เหมือนในวิชา ที่เคยได้เรียนเรียนมา

None of it in the classroom, no teacher teaches it

ไม่มีในตำราที่ครูเคยสอนมา

No textbook from any masters writing it

ถามเพื่อนพ่อแม่ ก็จนเขาเอือมระอา

Asking parents and friends, they’re fed up with me already



Have you ever been this feeling

Have you got idea of this feeling

Tell me some more about this feeling

Have you got idea a better way give me some more


โปรดเถอะฟ้า บอกฉันที

Come on, heaven! Tell me this

ไอ้แบบนี้ ใช่หรือเปล่า

This kinda thing, is really it?

ที่เขาเรียกกันว่ารัก

The thing they call it love

(Is this love and if this is love)

ยังไม่เคยได้รู้จัก

I’ ve never known it

มันคือรักใช่ไหม

Is it really called love?


ที่หวั่นไหว ไม่รู้ตัว

It makes heart flutter, rush fever

ใจสั่นรัว นี่มันจริงใช่ไหม

Shaking my heart to the core, is it really?

ที่ใครเรียกกันว่ารัก

Everybody calls it love

(Is this love and if this is love)

ช่วยบอกกันให้รู้หน่อย

Please let me know about it

อย่างน้อยฉันจะได้รักเธอได้ทัน

At least, help me fall in love in no time


อย่างนี้มันจริงใช่ไหม

Is it really happening now?

ช่วยบอกกันให้รู้หน่อย

Just let me know all about it

อย่างน้อยฉันจะได้รักเธอได้ทัน

That I’ll fall in love with you right now

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: ทีเซอร์ - teaser ๖. รวิ - อินทุ 10_6_2567
«ตอบ #7 เมื่อ10-06-2024 10:20:01 »

Teaser รวิ - อินทุ


“เจ้าพร้อมแล้วใช้มั้ย กับหน้าที่และความเสียสละในครั้งนี้” อินทุยังจำได้ดีถึงคำถาม จากในครั้งนั้น กับเขาในวัยสิบหกปีเต็ม “แล้วถ้าหากว่า ข้าปฏิเสธ” อินทุยังจำน้ำเสียงที่สั่นไปด้วยความหวั่นกลัวของตัวเองได้ “เจ้าเกิดมาพร้อมกับตำหนิในดวงเกิด” แทนคำตอบว่าได้หรือไม่ได้

“หากเจ้าเลือกที่จะเห็นแก่ตัว เผ่าพันธุ์ของเราก็จะย่อยยับลง ด้วยน้ำมือของเจ้า” อินทุในวัยใกล้ยี่สิบปี หลับตาลงแน่น กับคำพยากรณ์ที่เขาได้ฟังมันกรอกหูมาเกือบสี่ปี “มันต้องมีทางเลือกอื่นที่นอกเหนือจากนี้ ไม่ใช่หรือ กับทุกครบรอบปีที่ผ่านมา” อินทุแย้งคำทำนายนั้นออกไป

“ใช่” เสียงตอบกลับมาแบบนั้น “หากว่าไม่มีใครอายุครบยี่สิบปี แต่ดวงกำเนิดมีตำหนิแบบเจ้า” อินทุขมวดคิ้วจนแน่น เมื่อเสียงที่ดังก้องอยู่ในความทรงจำดังขึ้นตามมาว่า “ทุกอย่างถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ไม่มีอะไรเป็นเรื่องบังเอิญ” สิ่งที่อินทุต้องจดจำเอาไว้ให้ขึ้นใจ

“คนดั่งเช่นเจ้า ไม่มีทางจะมีรักแท้แบบคนอื่นทั่วไป” อินทุลืมตาขึ้น เมื่อเสียงโห่ร้องเฉลิมฉลองดังขึ้นอยู่เบื้องหลัง แต่อินทุกลับต้องเดินขึ้นไปด้านบนยอดเขาเบื้องหน้า เพียงลำพัง “ดูนั่น คำทำนายเป็นจริงตามบันทึกทุกประการ” เสียงคนตะโกนดังลั่น เมื่อผิวกายของอินทุผ่องพรรณเปล่งประกาย เมื่อต้องกับแสงจันทร์วันเพ็ญ จากผ้าพันกายที่เว้าเผยให้เห็นแผ่นหลังของผู้มีนามว่า พระจันทร์

“อายตนะที่เชื่อมต่อในค่ำคืนนี้คือดวงดาว” แปลกที่บนฟ้าแสงจันทร์สว่างสุกสกาว แต่กลับมีดาวดวงหนึ่งส่องประกายระยิบระยับอยู่คู่กัน “คำทำนายจะเป็นจริงดังว่า” เสียงอีกคนพูดขึ้น ทำให้ผู้คนมากมาย ณ ตรงนั้น โห่ร้องแสดงความยินดีออกมา

“เจ้าเดินขึ้นไปบนยอดเขานั่นได้แล้ว ทุกอย่างจะถูกตอบรับโดยผู้อยู่บนนั้น” ไม่มีใครที่เดินขึ้นไปบนยอดเขานั่น กลับลงมาได้สักคน อินทุประหวั่นพรั่นพรึงอยู่ในใจ และนี่คือชะตาชีวิตของเขา ของคนที่เกิดมามีตำหนิในดวงเกิดเช่นนั้นหรือ

รวิลืมตาขึ้นมาอีกครั้งด้วยความงุนงง เขามองไปรอบ ๆ ตัว กลับพบว่าตัวของเขานั้น ไม่ได้อยู่ที่เรือนพักของตัวเองอย่างที่เคย แต่กลับกลายเป็นว่า เขาถูกคุมขังอยู่ในห้องแคบ ๆ ที่มีช่องด้านบนพอมองลอดออกไป กับแสงจันทร์นวลใยที่ส่องเข้ามากระทบพื้น

“อินทุ” รวิเรียกชื่อของอีกฝ่ายออกมาอย่างร้อนรน ก่อนจะพยายามทั้งผลักทั้งดัน เตะถีบซี่ลูกกรง เพื่อให้ตัวเองเป็นอิสระ “อินทุรอข้าก่อน” เสียงตะโกนเรียกหาอีกฝ่ายของรวิ “มีใครอยู่ข้างนอกนั่นบ้าง” ดังไปทั่วบริเวณ แต่ทุกอย่างดูเงียบสงัด

“อย่าใช้เพียงแต่กำลัง เจ้าผู้มีนามว่าพระอาทิตย์” เสียงปริศนาดังผ่านความมืดมาให้รวิได้ยิน “นั่นใคร” เขาตะโกนถามออกไป “คืนนี้อายตนะเชื่อมต่อคือดวงดาว” เสียงนั้นดังมาอีกครั้ง “หากดวงอาทิตย์หมายจันทราแล้ว ดวงดาวคือคำตอบของเจ้า” รวิหยุดคิดตามที่เขาได้ยิน ก่อนจะหันไปมองทางช่องด้านบน ที่แสงจันทร์นั้นลอดเข้ามา มองเห็นดวงดาวดวงหนึ่ง สว่างสู้แสงจันทร์อยู่บนฟ้า

“รวิ” อินทุเรียกชื่ออีกฝ่าย เมื่อความมืดรอบกายบนยอดเขา มันทำให้เขากลัวจนจับใจ ความเย็นยะเยือกทำให้อินทุสะพรึงกลัว เสียงประหลาดของอะไรบางอย่างดังวนเวียนอยู่รอบกาย อินทุเงยหน้าขึ้นมองไปบนฟ้า รวิที่มองออกไปที่ช่องด้านบนนั้น ดาวดวงเดียวดวงนั้น หายไปจากฟากฟ้า ก่อนที่จะมีดาวตกดวงหนึ่งพุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว

“ว่าแล้ว คุณเก้าต้องจำได้ และสั่งมัทฉะเอาไว้รอผม ขอบคุณมากนะครับ” รู้ตัวอีกที เก้าฤกษ์ก็รู้สึกงุนงง ว่าตัวเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ชายหนุ่มมองไปรอบ ๆ กลับพบว่า ตัวเขากำลังนั่งอยู่กับนับฝันในร้านกาแฟเล็ก ๆ น่ารัก ๆ ร้านหนึ่ง แต่เขากลับจำไม่ได้ว่า มาถึงที่นี่เมื่อไหร่ และมาได้อย่างไร

“นับฝัน” เก้าฤกษ์มองไปที่แก้วเครื่องดื่มของอีกฝ่าย ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะตรงหน้า “ชอบดื่มชาเขียว” เสียงของเก้าฤกษ์พูดออกไป ไม่ใช่ว่าจะบอกกับอีกฝ่ายแต่อย่างใด แต่เป็นเหมือนกำลังตั้งสติทบทวนเรื่องราวอะไรมากกว่า

“คุณเก้าโอเคนะครับ” เก้าฤกษ์ได้ยินนับฝันถาม และต้องซ่อนยิ้มเพราะความเขินเอาไว้ไม่ได้ เมื่อนับฝันแตะที่ข้างแก้มของเขาเบา ๆ “ตอนนี้โอเคแล้วครับ” ทันทีที่เก้าฤกษ์ตอบกลับไป แล้วเห็นรอยยิ้มของนับฝัน ชายหนุ่มก็ยิ้มกว้างให้เห็นเช่นกัน

“แค่ผม คือ เหมือนว่าผม ฝันเห็นอะไรแปลก ๆ ได้ยินชื่อคนสองคนที่ไม่คิดว่าจะได้ยินมาก่อน เห็นในความฝัน ว่าเขาสองคน” เก้าฤกษ์ส่ายหัวไปมา หัวเราะให้กับความบ้าบอของตัวเอง ที่คงเก็บเอาอะไรมาฝันจนเป็นตุเป็นตะไปหมด

“หรือครับ” นับฝันยกแก้วชาเขียวขึ้นดื่ม สายตายังคงมองไปที่เก้าฤกษ์ “แต่ผมรู้สึกว่ามันคุ้นจนเหมือนกับว่า มันไม่ใช่ความฝัน แต่มันคือความจริง” เก้าฤกษ์สบตากับนับฝัน และกำลังคิดว่า นี่ก็คือความจริงเช่นกันใช่มั้ย ที่เขากำลังนั่งอยู่กับนับฝันด้วยกันสองคนเช่นนี้

*******************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย JayJ

พริบตา - เบิร์ด ธงไชย &  แสตมป์ อภิวัชร์

https://www.youtube.com/watch?v=qaJHGZ9RKZE



ทุกครั้งที่รู้ว่าดาวตก
Every time a star's falling down from the sky
ทั้งโลกจะมองขึ้นฟ้า
Everybody is looking up there
รอคอยอยากเห็นชั่วพริบตา
Waiting for it to see it's gone real fast
ที่ดาวลงมาบนนั้น
A star disappears just that
กี่สิบร้อยพันปีจะมีสักหนึ่งครั้ง
Ten, hundreds or thousand years, it'll be just one
มีแค่เสี้ยวนาทีที่เราจะเห็นมัน
A fraction of a minute, we'll get to see

ทุกครั้งก็ได้ยินคนเล่า
There's a storytelling
ถ้าเราลองอธิษฐาน
If we wish upon the star
ทันเวลาที่แสงดาวพาดผ่าน
Just in time that star goes across the sky
ทุกอย่างจะเป็นเรื่องจริง
Everything will then be true
บันดาลทุกทุกสิ่งดังใจปรารถนา
Anything we desire, will become reality
หากเมื่อถึงเวลาหลับตาและกลั้นใจ
At that moment, close your eyes and hold your breath

ทำให้ ในช่วงเวลาที่ดาวตก
In that exact time, the meteorite happens
ฉันจึงไม่เคยได้ลืมตา
I never ever open my eyes
มันกำลังภาวนาหลับตาลงเพื่ออธิษฐานให้เธอคืนกลับ
I'm praying for you to return to me
เพราะเธอไม่กลับ ไม่กลับมา มันนานเกินไป
Because you're not here, never here for too long
รู้มั้ย ในช่วงเวลาที่โลกหยุดดูดวงและดาวที่พาดผ่าน
Do you now when the earth stands still for that?
พันปีหรือนานแสนนาน
Thousands of years or longer
กับการรอคอยจะได้เห็นมันอีกสักครั้ง
To wait and see it one more time
มันก็ไม่สำคัญ เพราะสำหรับฉัน
That's not important anymore, for me
ดาวทุกดวงได้ดับไป ตั้งแต่เธอไม่กลับมา
Every star's outshined since you don't come back


ทุกครั้งที่รู้ว่าดาวตก
Every time a star falls from grace
ถ้าหากเธอมองขึ้นฟ้า
And you look up there again
เธอจงโปรดรับรู้ไว้ว่ามีคนหนึ่งเอ่ยชื่อเธอ
Please realize there's someone calling your name
กี่สิบร้อยพันปีก็รออยู่เสมอ
No matter how long it takes, I'll be right here waiting
ปรารถนาเพียงเธอ กลับมาเถอะได้มั้ย
Wish that you just come back to me, please baby



ทำให้ ในช่วงเวลาที่ดาวตก
In that exact time, the meteorite happens
ฉันจึงไม่เคยได้ลืมตา
I never ever open my eyes
มันกำลังภาวนาหลับตาลงเพื่ออธิษฐานให้เธอคืนกลับ
I'm praying for you to return to me
เพราะเธอไม่กลับ ไม่กลับมา มันนานเกินไป
Because you're not here, never here for too long
รู้มั้ย ในช่วงเวลาที่โลกหยุดดูดวงและดาวที่พาดผ่าน
Do you now when the earth stands still for that?
พันปีหรือนานแสนนาน
Thousands of years or longer
กับการรอคอยจะได้เห็นมันอีกสักครั้ง
To wait and see it one more time
มันก็ไม่สำคัญ เพราะสำหรับฉัน
That's not important anymore, for me
ดาวทุกดวงได้ดับไป ตั้งแต่เธอไม่กลับมา
Every star's outshined since you're not here with me.



Want you back. Want you back. Want you come back to me.
Want you back. Want you come back. Want you come back to me.

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0


ทีเซอร์: อชิระ - เจ้าเพียง (3)



“ขอบคุณ คุณอชิระมากนะคะ ที่ให้เกียรติมาร่วมพูดคุยกับทางรายการในวันนี้” พิธีกรสาวที่แปลงร่างจากนักข่าว คนที่คุยกับอชิระในงานเลี้ยงคืนนั้น พูดเปิดรายการสัมภาษณ์บุคคลที่มีชื่อเสียงในด้านต่าง ๆ ในสังคม และวันนี้ ก็ถึงคิวที่อชิระจะต้องตกลงมานั่งพูดคุย หลังจากพยายามเลื่อนคิวมาแล้วหลายครั้ง ด้วยเหตุผลที่ว่า ทางรายการไม่ได้ต้องการจะสัมภาษณ์ชายหนุ่มเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ทว่า

“ตื่นเต้นสินะคะวันนี้” พิธีกรสาวใช้น้ำเสียงแบบคนรู้ทัน ดักคออชิระตั้งแต่เริ่ม “ผมไม่ค่อยให้สัมภาษณ์อะไรที่ไหน” อชิระออกตัว น้ำเสียงราบเรียบปกติ แต่ก็มีรอยยิ้มแย้มออกมาที่ท้ายประโยค ให้ดูเป็นอาการปกติทั่วไป “ช่วงนี้เราเจอกันตามงานบ่อยพอสมควร ธุรกิจใหม่กำลังไปได้สวยสินะคะ” พิธีกรสาวเปิดประเด็นธุรกิจตัวใหม่ที่ทางอชิระลงทุนไปด้วยเงินมหาศาล

“ก็เป็นธุรกิจสเกลที่ใหญ่กว่าปกติที่ผมเคยทำมา แต่ก็ถือว่าเริ่มต้นได้ดี แต่อาจจะต้องการคนมาช่วยผมดูแลรายละเอียดต่าง ๆ เพิ่มเติม” ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับงาน อชิระตอบด้วยความสุขุม ดูเป็นผู้ใหญ่ น่าเชื่อถือ “นี่คุณอชิระเปิดรับสมัครงานใหม่หรือเปล่าคะเนี่ย” น้ำเสียงของพิธีกรสาวหยอกเอิน

“แต่ เอ หรือจะล็อกตำแหน่งเอาไว้ให้กับคนในครอบครัวกันแน่คะ” ไม่รอช้า พิธีกรสาวยิงเข้าจุดที่ต้องการในทันที อชิระยิ้ม แต่ไม่ได้พูดตอบอะไรออกไป “ไม่ใช่อะไรนะคะ แต่พักหลังนี้ ดิฉันเห็นคุณอชิระอยู่กับคู่หูบ่อย ๆ แบบออกงานด้วยกันหลายงาน ตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋เชียว” อชิระฟังที่พิธีกรสาวพูด ได้แต่ยิ้มตาม แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป

“ไม่รอช้าดีมั้ยคะ ที่เราเชิญคุณอชิระมา ก็เพราะรู้ว่า คนคนนี้จะต้องตามมาด้วย ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของเขาสองคนนั้นเป็นอะไรกันแน่ ถ้าอย่างนั้นมาหาคำตอบกันเลยดีกว่า พบกับคุณ” พิธีกรสาวทำหยุดพูด ก่อนก้มลงมองกระดาษสคริปต์ที่วางอยู่ตรงหน้า แล้วจึงค่อยเรียกชื่อแขกรับเชิญอีกคนออกมา

“คุณเพียงออ หรือคุณเจ้าเพียง ชื่ออะไรกันแน่คะเนี่ย เปลี่ยนชื่อหนีหนี้หรือเปล่า แต่ก็เอาเถอะ เชิญออกมาได้เลยค่ะ” เสียงหัวเราะอย่างที่เจ้าตัวขำเสียเต็มประดากับคำพูดของตัวเองของพิธีกรสาว พาผู้ชมในก้องส่งฮาครืนตามไปตามคิวการ์ดที่ทางสตาฟของทางรายการ ยกให้ผู้ชมที่นั่งอยู่ตรงนั้น ให้หัวเราะพร้อมกันแบบตลกโปกฮา เจ้าเพียงที่ถูกสตาฟด้านหลังเวที ใช้มือดุนหลังให้เดินออกไปด้านนอก ออกมาหยุดยืนอยู่กลางเวที

“ทางนี้เลยค่ะ เชิญนั่นที่เก้าอี้ข้าง ๆ คุณอชิระได้เลย แหม ตื่นคนหรือคะ ไม่ใช่สิ ต้องพูดว่าตื่นเวทีสินะคะ ถึงจะถูก” เจ้าเพียงมองไปทางอชิระที่ลุกขึ้นยืนรอรับเด็กหนุ่มอยู่ ก่อนชายหนุ่มจะเห็นอีกฝ่ายสะบัดหน้าขวับ เดินไปที่เก้าอี้แล้วนั่งลง อชิระนั่งลงตาม ด้วยสายตาของพิธีกรสาวที่เห็นผู้ชายสองคนตรงหน้า เป็นเรื่องสนุกของตัวเอง

“เรียกเจ้าเพียงก็ได้ครับ” เจ้าเพียงตอบออกไปอย่างสุภาพ “เป็นชื่อเล่นหรือคะ” พิธีกรสาวถามทันควัน “คุณท่านเรียกผมแบบนั้น” เจ้าเพียงตอบออกไปตามตรง พิธีกรเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินแบบนั้น “คุณปู่ของเราสองคนน่ะครับ” อชิระช่วยพูดแก้ให้ออกไป เจ้าเพียงหันไปทางอชิระ ที่ทางชายหนุ่มส่งสายตาห้าม ไม่ให้เจ้าเพียงพูดอะไรต่อ

“ผมไม่ได้อายที่จะพูดเรื่องจริง” เจ้าเพียงหันไปพูดกับอชิระ “แต่คนอื่นจะจงใจทำให้เธออับอาย ถ้าเธอพูดความจริง” อชิระกระซิบตอบ ก่อนที่ทั้งสองคนจะมองตากันอยู่สักพัก “ยังไงกันคะเนี่ย” พิธีกรที่ไม่ทันได้ยินว่าทั้งสองคนพูดอะไรกัน เอ่ยถามขึ้น “ไม่มีอะไรหรอกครับ” อิชิระตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้ม พิธีกรหันมามองทางเจ้าเพียง ที่พยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะยิ้มออกไป

“ดูเป็นพี่น้องที่รู้จักกันดีนะคะ” พิธีกรถามต่อ “แต่ดูคุณเจ้าเพียงจะอ่อนกว่าคุณอชิระอยู่พอสมควร ลูกหลงหรือคะ” เจ้าเพียงกับอชิระสบตากัน ต่างก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ความจริงเป็นแบบไหน “เราสองคนสนิทกันมาตั้งแต่เด็กแล้วน่ะครับ” อชิระรีบพูดเสไปอีกทาง ก่อนจะวางมือลงบนมือของอีกฝ่าย ที่ดึงออกโดยสัญชาตญาณอัตโนมัติ แต่ว่าอชิระก็เอื้อมมือไปกุมมือเจ้าเพียงเอาไว้จนได้

“ตอนเด็กดื้อยังไง” อชิระที่มองไปทางพิธีกรสาว แกล้งพูดต่อว่าเจ้าเพียงออกไป พิธีกรสาวมองไปที่มือของอชิระที่กุมมือของเจ้าเพียงเอาไว้ตาไม่กะพริบ “ตอนนี้ก็ยังดื้ออย่างนั้น” ก่อนที่อชิระจะหันมามองทางเจ้าเพียง ด้วยสายตาของคนที่กำลังมีความสุขใช้มองคนที่เขารัก พิธีกรสาวกำลังจะขยับปากถามอะไรออกมา ก็พอดีกับที่เจ้าเพียงพูดอะไรบางอย่างออกมาเสียก่อน

“ถ้าเราสองคนสนิทกันมากขนาดนั้น” เจ้าเพียงพูด “ผมชอบสีอะไร” เจ้าเพียงถามออกไป “ผมชอบทำอาหาร แล้วผมทำอะไรอร่อย” เจ้าเพียงถามต่อ “ผมชอบสัตว์เลี้ยงชนิดไหน” อชิระมองนิ่ง ๆ ไปที่เจ้าเพียง “ถ้าเราสองคนสนิทกันแบบนั้น คุณตอบคำถามเหล่านี้ได้ถูกมั้ย” เจ้าเพียงถามคนตรงหน้าออกไป โดยที่มีเสียงของพิธีกรสาวแทรกขึ้นมาว่า “แหม คำถามพวกนี้ ไม่เหมือนพี่น้องรู้ใจกันและกันเท่าไหร่เลยนะคะ มันน่าจะเป็นคำถามที่แฟนใช้ถามคนรู้ใจกันมากกว่า” ทั้งห้องส่ง ผู้ชมส่งเสียงฮือฮากันโดยไม่ต้องรอใช้คิวการ์ดจากสตาฟ

“พิธีกรคนนี้ นี่ก็ยังไงนะวันนี้” อชิระพูดกลั้วหัวเราะ ขณะที่ออกรถพาเจ้าเพียงออกมาจากที่ตึกห้องส่งนั้น “พูดออกมาแบบหน้าตาเฉยเลย ว่าเป็นคำถามใช้เช็กความเป็นแฟน” รอยยิ้มกว้างฉายอยู่บนใบหน้าของอชิระในตอนนี้ ทางด้านเจ้าเพียงนั้น ได้แต่นิ่งเงียบ คิดถึงสิ่งที่เป็นคำตอบของอชิระ ที่ชายหนุ่มพูดออกมาในรายการสัมภาษณ์นั้น

“เธอชอบสีฟ้าคราม” คลิปคำตอบของอชิระจากรายการสัมภาษณ์กำลังเป็นไวรัลไปทั่วอินเทอร์เน็ตในขณะนี้ “เพราะเธอชอบไปทะเล เธอนั่งมองดูทะเลได้เป็นวัน ๆ ทะเลสีฟ้า ลมเย็น ๆ พักมาเบา ๆ เปลญวนสักหลัง หนังสือสักเล่ม เธออยู่ตรงนั้นได้เป็นวัน ๆ” อชิระพูดจากความทรงจำที่เขามีกับเจ้าเพียง

“เธอชอบเก็บหมากลับมาที่บ้าน และทุกครั้งเธอจะร้องไห้อย่างหนัก เมื่อกลับมาจากโรงเรียนแล้ว คนงานในบ้านถูกสั่งให้เอาพวกมันไปปล่อยอีกครั้ง” อชิระจดจำเด็กชายเพียงออ ที่ร้องไห้ฟูมฟาย ขอร้องแทนเจ้าพวกลูกหมาเหล่านั้น ยอมที่จะยกค่าขนมของตัวเองทั้งหมด ให้เป็นค่าอาหารของพวกมัน” นี่คือสิ่งที่อชิระจำได้ดีมากที่สุดอย่างหนึ่งเกี่ยวกับเจ้าเพียง

“เธอทำอาหารเก่ง และเธอก็ทำอร่อยหลายอย่าง” อชิระแยกความแตกต่างได้ทันที เมื่อวันไหนสำรับที่ตั้ง เป็นฝีมือของเจ้าเพียง ไม่ใช่ฝีมือยายจ๋าของเด็กหนุ่ม “หลนปูของเธอ ทำให้ฉันกินข้าวแทบจะหมดหม้อ” อชิระนึกขำที่ตัวเองลืมตัวทุกครั้งกับรสมือของเจ้าเพียง “แต่อาหารที่เธอทำอร่อยที่สุด ฉันยังไม่มีโอกาสได้กิน เธอเคยสัญญากับฉันเอาไว้นะ แต่เธอยังไม่ได้ทำตามสัญญานั้น สัญญาที่เราสองคนให้กันเอาไว้” อชิระตอบคำถามสุดท้ายในรายการเอาไว้แบบนั้น

*************************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย Jay J

ฝืนตัวเองไม่เป็น - นนท์ ธนนท์

https://www.youtube.com/watch?v=pHZT4UVzh3U


ขอให้เธอรับฟังได้ไหม

Would you listen to me, please?

หากปล่อยทิ้งไว้นานไป มันก็ไม่ดีกว่านี้

If we ignore this far too long, it won’t do any good

เธออย่าห้ามฉันเลยได้ไหม

You, don’t you say no to me, please?

ปล่อยให้ฉันนั้นเป็นไป

Let me be the way I am

หยุดรักเธอไม่ได้แล้ว

I can’t stop loving you no more


เข้าใจทุกอย่างที่เธอบอกนะ

I understand everything you’re telling me

เข้าใจทุกสิ่งที่เธอ กำลังจะอธิบาย

I get all the things you’re trying to explain

เข้าใจเสมอ

I really do, really


แต่จะให้ฉันให้ฉันทำอย่างไร

But what you expect me to do

ฉันรักเธอแล้วทั้งใจ

Since I’m in love with you dearly

จะไม่ให้รักไม่ให้รักได้อย่างไร

How can I make myself not to love you?

ฉันฝืนตัวเองไม่เป็น

I can’t deny my heart

ไม่ได้อยากจะกวนใจ อยากถามเธอสักคำหน่อย

Don’t want to bother you, just wanna ask some questions

หากว่าเธอรักใครสักคน เธอฝืนใจได้หรือเปล่า

If you do love somebody, can you resist it truly?


ฉัน ไม่อยากซ่อนใจอีกแล้ว

I don’t want to hide my heart anymore

เจ็บยังไงก็ต้องเสี่ยง

It’s risky, I may get hurt

ดีกว่าทนเก็บเอาไว้

But it’s way better to keep it unspoken


เข้าใจทุกอย่างที่เธอบอกนะ

I understand everything you’re telling me

เข้าใจทุกสิ่งที่เธอ กำลังจะอธิบาย

I get all the things you’re trying to explain

เข้าใจเสมอ

I really do, really


แต่จะให้ฉันให้ฉันทำอย่างไร

But what you expect me to do?

ฉันรักเธอแล้วทั้งใจ

Since I’m in love with you dearly

จะไม่ให้รักไม่ให้รักได้อย่างไร

How can I make myself not to love you?

ฉันฝืนตัวเองไม่เป็น

I can’t deny my heart

ไม่ได้อยากจะกวนใจ อยากถามเธอสักคำหน่อย

Don’t want to bother you, just wanna ask some questions

หากว่าเธอรักใครสักคน เธอฝืนใจได้หรือเปล่า

If you do love somebody, can you resist it truly?


ฉันรู้ฉันเป็นแค่คนไกล

I know I am someone you’re unfamiliar with

ไม่ใกล้ใจเธอเลย

Far away from your heart

ฉันรู้ตัวดีถึงฉันบอกรัก

I know though I dare telling you that I love you

เธอก็อาจเมินเฉย

You will say nothing back

บอกเธอว่ารักก็ต้องเจ็บ

It’s gonna hurt to say I love you

เก็บไว้ยังไงก็ยิ่งเจ็บ

But it hurts me more keep it hidden

มองแล้วไม่เห็นจะมีทางไหน

Damn if I do, damn if I don’t


แต่จะให้ฉันให้ฉันทำอย่างไร

But what you expect me to do?

ฉันรักเธอแล้วทั้งใจ

Since I’m in love with you dearly

จะไม่ให้รักไม่ให้รักได้อย่างไร

How can I make myself not to love you?

ฉันฝืนตัวเองไม่เป็น

I can’t deny my heart

ไม่ได้อยากจะกวนใจ อยากถามเธอสักคำหน่อย

Don’t want to bother you, just wanna ask some questions

หากว่าเธอรักใครสักคน เธอฝืนใจได้หรือเปล่า

If you do love somebody, can you resist it truly?


ไม่ได้อยากจะกวนใจ อยากถามเธอสักคำหน่อยได้ไหม

Don’t want to bother you, but can I ask you something?

เวลาเธอรักใคร เธอห้ามใจได้ไหมเธอ

When you love somebody, can you resist it, can’t you?


เธอจะรักไม่รักมันก็ไม่รู้

You will love me, you will love me not

จะเก็บไว้ในใจมันก็ไม่อยู่

Can’t keep it in my heart anymore

อย่างเดียวที่รู้คือทนต่อไปไม่ไหว

I know one thing, I can’t do that no more

เธอจะรักไม่รักมันก็ไม่รู้

You will love me, you will love me not

จะเก็บไว้ในใจมันก็ไม่อยู่

Can’t keep it in my heart anymore

ก็เลยต้องถามเธอดูให้รู้ใจ

So, I’ll ask you too, to love me


เธอจะรักไม่รักมันก็ไม่รู้

You will love me, you will love me not

จะเก็บไว้ในใจมันก็ไม่อยู่

Can’t keep it in my heart anymore

อย่างเดียวที่รู้คือทนต่อไปไม่ไหว

I know one thing, I can’t do that no more

เธอจะรักไม่รักมันก็ไม่รู้

You will love me, you will love me not

จะเก็บไว้ในใจมันก็ไม่อยู่

Can’t keep it in my heart anymore

ก็เลยต้องถามเธอดูให้รู้ใจ

So, I’ll ask you too, to love me

ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ทีเซอร์ The Ambience: เอซ - อ้าย



เอซกำลังถามตัวเอง ว่านี่เขากำลังทำอะไรอยู่ มือที่เกาศีรษะแกรก ๆ กับสมอบกที่ถืออยู่ในมือ ขณะที่กำลังยืนงง ๆ อยู่ในลานกางเต็นท์กว้าง ที่ตอนนี้ดูแคบลงถนัดใจ เมื่อมีเต็นท์หลายหลังถูกกางผุดขึ้นอยู่ทั่วไปหมด ไอ้ตอนที่ถูกถามว่ากางเป็นมั้ย ก็ดันตอบออกไปด้วยความที่กลัวว่า หากใครบางคนรู้เข้า ว่าเขาทำไม่เป็น จะเสียหน้าเอาได้

“ทำยังไงดีล่ะทีนี้” เอซบ่นกับตัวเองออกมา ไม่รู้จะเริ่มต้นจัดการกับอุปกรณ์กางเต็นท์พวกนี้ยังไงดี แต่ในขณะที่เอซยังคงเก้ ๆ กัง ๆ อยู่นั้น ก็มีเสียงหนึ่งถามเขาขึ้นมาว่า “มีอะไรให้เราช่วยมั้ย” เอซหันมาตามเสียงนั้น ก่อนที่เขาจะพยายามทำเป็นนิ่ง ๆ เข้าไว้ เมื่อไม่คิดและไม่ทันตั้งตัวมาก่อนว่า อ้าย เพื่อนร่วมชั้นปีที่สี่ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน จะมายืนใกล้กับเขามากขนาดนี้

“คือ ไม่ แบบว่า แค่เรา ไม่ ไม่เป็นไร” อาการพูดตะกุกตะกักของเอซ ทำให้เขาตะโกนด่าตัวเองอยู่ในหัวจนเสียงดังลั่น แต่การแสดงออกที่นิ่ง ๆ พยายามไม่แสดงสีหน้าท่าทางออกมา เพื่อกลบเกลื่อนตัวเองต่อหน้าอ้าย ใครจะอยากดูเป็นเจ้างั่งในสายตาของคนที่ตัวเอซเองแอบชอบมานานหลายปี ไอ้ที่ตามมาเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน ก็เพราะจะได้มีโอกาสเห็นหน้ากันบ่อย ๆ นี่แหละ ต่อให้ไม่ได้เรียนคณะเดียวกันก็ตาม

“โอเค” อ้ายตอบกลับ พยักหน้าน้อย ๆ ก่อนจะทำท่าเดินจากไป เอซหลับตาแน่น ยู่หน้า แบบผิดหวังกับตัวเองที่ไม่เคยมีความกล้ามากพอเลย ที่จะพูดอะไรที่ดูเท่ ๆ ให้ประทับใจอ้ายได้มากกว่านี้ ไอ้ที่พอจะทำได้ดีอย่างการเป็นนักกีฬาเทควันโด ที่ได้รับทุนจากมหาวิทยาลัย ก็รู้มาว่า อีกฝ่ายนั้นไม่สนใจที่จะมาดูแต่อย่างใด ด้วยคำพูดที่ว่า อ้ายดูไม่เป็น ไม่เข้าใจว่าทำอะไรกัน

“เอามานี่ เราว่าเราช่วยดีกว่า” เอซรู้ตัวอีกที อ้ายก็ดึงเอาสมอบกไปจากมือของเขา ก่อนที่เขาจะเห็นอ้ายเริ่มจัดการกับโครงเต็นท์ สวมเข้ากับผ้าเต็นท์อย่างทะมัดทะแมง มีเพื่อน ๆ หลายคนมายืนดูอ้ายจับนั่น ตอกนี่ ด้วยความทึ่งในความสามารถ “โห อ้าย แกนี่เก่งสมกับเป็นลูกเจ้าของลานให้เช่ากางเต็นท์จริง ๆ ว่ะ” ใครคนหนึ่งเอ่ยชมอ้าย เสียงดังลั่น มีอีกหลายคนที่หันมามองดู

“เราช่วยพ่อกางเต็นท์มาตั้งแต่เด็ก ๆ น่ะ” อ้ายเงยหน้าขึ้นมาพูดกับเอซ ที่สายตาเต็มไปด้วยความชื่นชมอีกฝ่าย “เราก็เลยพอจะรู้บ้าง ว่าต้องทำยังไง” อ้ายยื่นผ้าใบคลุมด้านบนเต็นท์ข้างหนึ่งให้กับเอซ ก่อนจะช่วยกันดึงให้เท่ากันพอดีทั้งสองฝั่ง ร้อยสายเชือกเข้าที่ ผูกให้แน่น “ส่วนตรงนี้ ก็เอาตะเกียงมาแขวนเอาไว้สำหรับตอนกลางคืน” อ้ายบอกกับเอซเมื่อเอาตะเกียงแบบใหม่ที่ชาร์จไฟฟ้าได้มาห้อยเอาไว้ที่ด้านหน้าเต็นท์

“เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย” อ้ายยิ้มให้กับเอซ ที่ฝ่ายหลังกรุ้มกริ่มจนปิดไม่มิด ได้แต่ลอบมองพลางหลบสายตาสลับไปมา ด้วยอาการหน้าหูแดงอย่างที่สุด “ถ้ามีอะไรอยากให้เราช่วย ก็บอกได้เลยนะ เต็นท์เราอยู่ไม่ไกล” อ้ายหันไปชี้ให้เอซดูเต็นท์นอนของตัวเอง “อยู่ตรงนี้เอง” อันที่จริง มันก็อยู่ติดกันกับเต็นท์นอนของเอซนั่นแหละ

“ขอบคุณนะ” เอซพูดกลับไป รู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าตัวเองจงใจมากางเต็นท์ให้ใกล้กับของอ้ายมากที่สุด ต่อให้ลึก ๆ จะรู้สึกกลัว ว่าถ้าอ้ายรู้ความจริงเข้า อ้ายจะมองว่าเขาเป็นพวกโรคจิตมั้ย แต่ทำยังไงได้ ก็ในเมื่อเขารู้สึกดีกับอ้ายมาตั้งแต่ตอนอยู่มัธยมปลายแล้ว และยิ่งได้มาอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันอีก

“อ๋อ ผมมีพี่สาวชื่อเอื้อยน่ะครับ” อ้ายตอบออกไป กับคำถามของรุ่นพี่ที่เรียกรับน้องรวมจากหลายคณะ “ส่วนผมเป็นน้อง แม่ผมเป็นคนอิสาน ก็เลยตั้งชื่อผมว่าอ้าย ที่แปลว่าลูกชายคนแรก” อ้ายพูดทำท่าเขิน ๆ เมื่อเล่ามาถึงตรงนี้ เอซแอบมองอีกฝ่ายด้วยแววตาชื่นชมผสมชื่นชอบ “ชื่อคล้ายความหมายของไอ้ถึกเพื่อนผมเลยครับพี่” เพื่อนของเอซตะโกนขึ้น พลางชี้นิ้วมาที่เอซที่ตอนนี้อยากจะดำดินหนีหายไป

“ไหน คนนั้นชื่ออะไรนะ ออกมานี่เลย” เสียงเพื่อนชายกลุ่มเดียวกันกับเอซร้องโห่ฮากันอย่างชอบใจ โดยที่เอซต้องลุกเดินออกไปอย่างเสียไม่ได้ รุ่นพี่เองก็บอกให้อ้ายอย่าเพิ่งเดินเข้าไป ให้ยืนอยู่ตรงนั้นก่อน “ชื่อเอซครับ” เจ้าของชื่อตอบรุ่นพี่ไป “แบบตัวเอสภาษาอังกฤษอย่างงี้หรือ” รุ่นพี่อีกคนถามขึ้น

“เปล่าครับ เอส ที่แปลว่าที่หนึ่ง หนึ่งเดียว ดีเยี่ยมน่ะครับ” เอซพูดไปก็ก้มหน้างุดไป เพราะรู้ว่าตอนนี้อ้ายนั้น ทั้งมองทั้งยิ้มมาที่เขา แล้วตัวสูงใหญ่จนเพื่อน ๆ เรียกกันว่าไอ้ถึกเนี่ย” รุ่นพี่อีกคนพูดแซวแบบเอ็นดู “มันเป็นนักกีฬาทุนมหาลัยครับ” อีกคนในกลุ่มเพื่อนของเอซตะโกนออกมา เสียงฮือฮาโดยเฉพาะจากนักศึกษาสาว ๆ ทำให้เอซหันมองไปทางอ้าย ที่ตอนนี้เอซเห็นอ้ายยืนทำหน้านิ่ง ไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ

“ผมอยู่ทีมเทควันโดของมหาวิทยาลัยครับ” นักศึกษาสาว ๆ ขยับตัวหันไปกระซิบกระซาบกันใหญ่ ทำเอาเอซเองเหวอไปเหมือนกัน ที่เห็นอ้ายเดินกลับเข้าไปในนั่งในแถว และไม่ได้มองหรือยิ้มให้เขาอีกเลย เอซดึงเอาความคิดของตัวเองกลับมาจากความทรงจำเมื่อครั้งอยู่ปีหนึ่ง ก่อนจะมองดูกล่องข้าวที่ยังร้อน ๆ ที่เขาถืออยู่ในมือ แล้วถอนหายใจออกมาเป็นพืดยาว

“ไม่ต้องคิดจะเอาข้าวไปฝากไอ้อ้ายเลย รายนั้นมีแต่คนพร้อมจะดูแล” เอซได้ยินใครบางคนพูดแบบนั้น ก่อนที่เขาจะเดินมานั่งจุ้มปุ๊กเปิดกล่องข้าวอาหารตามสั่งนั้นออก แล้วภาพในวันวานก็ย้อนกลับมาให้เขาได้จดจำอีกครั้ง ตอนที่เอซกับอ้ายได้มีโอกาสได้ใกล้ชิดกัน

“แล้วเราจะทำยังไงกันดี ติดต่อคนอื่น ๆ คนไหนไม่ได้เลย” อ้ายมองดูข้าวของอุปกรณ์เชียร์หลายถุงที่กองอยู่บนพื้น ที่อยู่ ๆ เพื่อน ๆ ปีสี่ก็หายไปกันหมด เหลือแต่เขากับเอซ ที่บังเอิญมานั่งรอเพื่อนกลุ่มเดียวกันนั้นพอดี “เหลือกันแค่สองคน” เอซพูดขึ้น อ้ายทำหน้าแหย ๆ “เดี๋ยวเราคงต้องขนใส่รถแท็กซี่กลับบ้านไปก่อน” อ้ายเสนอทางออกเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เอซเองก็เอ่ยปากจะช่วยหอบหิ้วข้าวของด้วย เพราะมันพะรุงพะรังเกินกว่าที่อ้ายจะทำคนเดียวได้

แต่จนแล้วจนรอด ทั้งสองคนก็ยังไม่สามารถเรียกรถแท็กซี่ที่จะขนข้าวของพวกนี้ไปได้ เพราะขนาดของรถที่เรียกมา ไม่สามารถขนของไปได้ทั้งหมดในคราวเดียว เอซหันไปมาเพื่อมองหารถแท็กซี่ พลันสายตาก็มองเห็นร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกลนั่น ก่อนจะกึ่งชวนแกมบังคับให้อ้ายไปหาข้าวเย็นกินกันก่อน ในใจคิดว่า อย่างน้อยก็ยืดเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้

“นี่มันร้านเหล้าด้วยนี่นา” เอซหัวเราะเบา ๆ แก้เขิน เมื่อทั้งสองเข้ามานั่งที่โต๊ะในร้านอาหารกึ่งผับเรียบร้อยแล้ว “หวังว่าอ้ายจะพอดื่มได้นะ” เอซทำพูดหยอกอีกฝ่าย “คือจริง ๆ แล้วพ่อเรา” ยังไม่ทันที่อ้ายจะได้ทันพูดอะไรออกไป เอซที่ขอพนักงานของทางร้านชงเครื่องดื่มเอง ก็จัดแจงยื่นเครื่องดื่มชงแก้วหนึ่งให้กับอ้าย

“พ่อนี่ยังไงนะ สอนลูกให้กินเหล้าแต่เด็ก” อ้ายนั่งกรึ่ม ๆ หน้าแดง หัวเราะเบาๆ กับที่แม่ดุพ่อ เรื่องที่เรียกเขามานั่งดื่มเป็นเพื่อน “สมัยนี้ ยังไงก็ต้องรู้จักเอาตัวรอด ลูกพ่อทั้งสองคน ยัยเอื้อยด้วย ต้องปกป้องตัวเองได้ แต่ห้ามแอบไปกินเหล้ากันเอง หากยังไม่ถึงวัยอันควร ทั้งสองคน ทำตามที่พอบอกนะ” อ้ายยังจำได้ ถึงคำสอนของพ่อในครั้งนั้น

ซึ่งมาในตอนนี้ อ้ายนั่งมองอาการของเอซที่คออ่อน แต่ดื่มหนัก ด้วยอาการเขินและอยากจะสร้างความกล้าให้กับตัวเอง จะได้พูดคุยกับอ้ายได้ โดยไม่ต้องอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ให้หงุดหงิดและดูไม่เท่เอาเสียเลย อ้ายพยายามจะเตือนเอซ แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่หยุด ที่อ้ายเห็นก็คือ เอซในแบบที่อ้ายเองก็ไม่คิดว่านักกีฬาร่างสูงกำยำอย่างเอซ จะมีกับเขาด้วย

เอซนอนมองไปที่ด้านบนของเต็นท์ คิดย้อนไปถึงคืนที่ได้นั่งกินข้าวและยกแก้วดื่มกับอ้าย มันเป็นช่วงเวลาที่เขาคิดว่าตัวเองโชคดีมากแค่ไหนแล้ว แถมในตอนนี้ ยังได้มานอนเต็นท์ติดกันกับอีกฝ่ายอีก ติดเพียงแค่ว่า ในค่ำคืนวันนั้น เขาตื่นเต้นจนดื่มเข้าไปอย่างหนัก แล้วภาพมันตัด จนจำอะไรแทบไม่ได้เนี่ยสิ

“อ้าย” เอซที่คิดวนทะเลาะกับตัวเองอยู่ในหัว ตัดสินใจเรียกคนที่นอนอยู่ในเต็นท์ข้างๆ ออกไป ใจคิดว่าถ้าขนาดรวบรวมความกล้าแบบนี้ แล้วตัดสินใจเรียกอีกฝ่ายออกไป ถ้ายังไม่มีเสียงตอบกลับมาจากอ้าย เขาก็จะยอมรับสภาพ และจะเข้านอนไปเงียบ ๆ โดยที่จะไม่ตีอกชกหัวอะไรอีก ถือเสียว่า เขาได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว

“เอซ ว่ายังไง” เสียงตอบกลับมาของอ้าย ทำให้เอซที่กำลังหลับตาปี๋ ยู่หน้า รอคอยว่าอีกฝ่ายจะทำยังไง แสดงอาการลิงโลดออกมา แต่ก็เก็บเสียงเอาไว้ แม้ว่าคนตัวสูงใหญ่อย่างเขา จะกำลังเตะขาทั้งสองข้างไปมาในอากาศ ราวกับตอนเป็นเด็กที่เอซได้หุ่นยนต์ตุ๊กตุ่นโรบอทตัวแรกเป็นของขวัญ

“อ้าย” เอซพูดขึ้นอีก เขาขยับตัวนอนตะแคง หันหน้าเข้าหาเต็นท์ของอีกฝ่าย “ปิดเต็นท์ดีมั้ย” ไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ที่เอซอยากจะเขกกะโหลกตัวเอง ที่เขาได้แต่ถามคำถามอะไรที่ฟังดูไม่ได้เท่ หรือสร้างความประทับใจอะไรให้อีกฝ่ายได้เลย “อ๋อ อืม ดีแล้ว” เสียงของอ้ายตอบกลับมา ทำให้เอซยิ้มได้

“ขอบคุณนะ” เสียงตอบกลับมาของอ้าย ทำให้เอซตะโกนเสียงดังในใจอยู่เพียงผู้เดียว ว่าอยากขออีกฝ่ายเป็นแฟน แต่ใจมันก็ไม่กล้าที่จะพูดออกไป “เราดีใจนะ ที่ได้มาด้วยกัน” เสียงใจเต้นแรงของตัวเอง ทำให้เอซอยากจะเข้าข้างตัวเอง ว่าเขามีหวัง เขากำลังเข้าใกล้ในสิ่งที่ต้องการ เพียงแต่ว่า

“ตอนเรียน ม. ปลาย ไม่ได้ทำอะไรด้วยกันแบบนี้” เป็นที่อ้าย พูดทำลายความเงียบขึ้นมา หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างไม่ได้พูดอะไรกันต่อ เป็นระยะเวลาช่วงอึดใจใหญ่ ๆ “เสียดายนะ” เสียงอ้ายพูด “เวลาตั้งหลายปี” เสียงเอซพูด “น่าจะได้รู้จักและทำอะไรด้วยกันมากกว่านี้” ประโยคหลังนี้ เป็นที่เอซที่ทำปากขมุบขมิบพูดกับตัวเองเสียงเบา

จากตอนนั้น ผ่านมาก็หลายเดือนแล้ว เอสและอ้าย ต่างก็เรียนจบและแยกย้ายไปในทางชีวิตของตัวเอง จนมาถึงวันนี้ เอซได้กลับมาที่ร้านอาหารกึ่งผับร้านที่เคยมากับอ้ายอีกครั้ง ทุกอย่างภายในร้านยังไงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก สิ่งที่แตกต่างไปก็คงจะมีเพียงแค่ว่า เอซหยุดยืนดูโต๊ะตัวนั้นอยู่เพียงลำพังคนเดียว

“จังหวะเตะเฮ้ดช็อตนั่น มันเท่มากเลยนะ” ทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น เอซรีบหันกลับมามองอีกฝ่ายในทันที “ได้ดูด้วยหรือ” เอซที่ทั้งตื่นเต้นและดีใจ เอ่ยปากถามอ้ายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ “นึกว่าไม่ชอบเสียอีก” ปลายน้ำเสียงนั้น เจ้าของคำพูดแอบแฝงปนไปด้วยความน้อยใจในนั้น

“เราไม่อยากเห็นเอซเจ็บตัว” อ้ายที่เลี่ยงไม่เคยไปดูเอซลงแข่งเทควันโดเลยสักครั้ง บอกถึงเหตุผลจริง ๆ ของตัวเองให้กับเจ้าตัวได้รับรู้ เอซที่ได้ยินแบบนั้น ก็มีรอยยิ้มเปื้อนที่ริมฝีปากของตัวเองทันที “เป็นห่วงเราด้วยหรือ” เอซถามออกไปแบบนั้น เพราะไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีกแล้ว แทนคำตอบที่มีให้เอซกลับไป อ้ายเอื้อมมือไปดึงซิปเสื้อคลุมนักกีฬาแขนยาวที่เอซใส่อยู่ลงจนถึงกลางแผงอกกว้าง เผยให้เห็นถึงเหรียญทองที่คล้องอยู่ที่คอของอีกฝ่าย เอซมองตามมือของอ้ายด้วยหัวใจที่เต้นเร็วและแรง

“ก็เราไม่กล้าที่จะโทรหาหรือส่งข้อความติดต่อไป ตอนที่เอซต้องเข้าค่ายเก็บตัวทีมชาติ” เอซเองก็เข้าใจได้ในทันที เพราะเขาคงจะไม่มีสมาธิฝึกซ้อมแน่นอน เพราะคงจะมัวพะวงคิดถึงแต่ว่า เมื่อไหร่อ้ายจะโทรมาหา หรือส่งข้อความทักทายมาสักที “แต่เจ็บตัวครั้งนี้มันก็คุ้มค่านะ” เอซบอกกับอ้าย ในวินาทีนั้น ที่กำลังจะหมดเวลาแข่งขันยกสุดท้าย คะแนนยังตามหลังคู่ต่อสู้อยู่ และเขาคิดว่าอยากจะเอาเหรียญทองมาครอบครองให้ได้ จะได้ดูเท่ ๆ กับเขาเสียที จังหวะนั้นที่เอซได้จังหวะยกขาขึ้นเตะ และก็หมดเวลาแข่งขันพอดี

“เราตะโกน กรี๊ดลั่น ดังกว่าใครในบ้านเลย” ตอนนั้นพ่อ แม่และพี่สาวของอ้ายเอง ก็ยังงง ว่าลูกชายบ้านนี้ทำไมถึงเชียร์นักกีฬาชายทีมชาติ ที่กำลังแข่งอยู่ในจอโทรทัศน์ ออกนอกหน้ากว่าใคร “ดีใจจัง” เอซพูด ก่อนจะหัวเราะออกมา พร้อม ๆ กับอาการเขินที่ทั้งสองฝ่ายมีให้กัน “กลับไปฉลองกับที่บ้านก่อนเถอะ” อ้ายบอกกับเอซ ทำท่าจะร่ำลากัน แต่เอซเอื้อมมือไปคว้าข้อมือของอ้ายเอาไว้

“เราเจอที่บ้านตั้งแต่ลงเครื่องที่สนามบินแล้ว บอกเขาแล้ว ว่าจะมาที่นี่” อ้ายพยักหน้าตาม เพราะตัวเขาเองก็ได้รับข้อความจากเพื่อนที่ไปรับเอซเช่นกัน ว่าเจ้าของเหรียญทองเทควันโดชายหมาดๆ จะมาที่ร้านแห่งนี้ เพราะหวังว่าจะใช้ช่วงเวลาดังกล่าวเพื่ออะไรบางอย่าง หรือหากโชคดีกว่านั้น ก็คงจะได้เจอหน้าใครบางคนที่นี่

“ถึงขนาดนี้แล้ว พูดในสิ่งที่อยากจะพูดกับเราในคืนนั้นได้หรือยัง” เอซทำหน้างง ๆ ว่าเขาต้องการจะพูดอะไรกับอ้าย ในคืนที่เขาดื่มจนเมาคืนนั้น ก่อนจะเห็นอ้ายใช้มือโน้มต้นคอของเอซให้ก้มลงมาหา “จะให้เรารออีกนานแค่ไหน ข้าวกล่อง จะเอามาให้ก็ไม่มา ได้นอนเต็นท์ใกล้กัน ก็ไม่พูดอะไร ปล่อยให้เราค้างเติ่งไปทั้งคืน” เอซใจเต้นแรงมากเมื่ออ้ายขยับใบหน้าและริมฝีปากเข้ามาใกล้มากแบบนั้น

“เห็นว่าเมา ก็นึกว่าจะสารภาพเสียที ก็นึกว่าจะทำอะไรกันเสียที ตั้งแต่ตอนนั้น” เอซตาโตเท่าไข่ห่าน เมื่อได้ยินอ้ายพูดบอกกับเขาแบบนั้น “จะให้เรารอต่ออีกนานแค่ไหน” เอซก้มหน้าของตัวเองลงอย่างรวดเร็ว อ้ายหลับตาลง รอรับแรงกระแทกกระทั้น ที่อาจจะหนักหน่วงนั้นบนริมฝีปากของตัวเอง และเอซเองก็บอกกับตัวเองว่า นี่มันไม่ใช่ความฝัน

“นี่เรานั่งอยู่กับอ้ายจริง ๆ ด้วยนี่หว่า” เสียงพูดอ้อแอ้ ๆ ด้วยอาการของคนเมาของเอซ ทำให้อ้ายอดขำไม่ได้ “แล้วมันดีหรือไม่ดีล่ะ เอซ” อ้ายถาม ก่อนจะคว้าแก้วเหล้าออกจากมือของเอซ เอาไปวางให้ห่างออกไป “จะว่าดี มันก็ดี เพราะเรามีเรื่องอยากจะสารภาพกับอ้าย เยอะแยะมากมายไปหมดเลย” เอซส่งสายตาทั้งเว้าวอน วิงวอน ทั้งอ้อนวอน ปนเปกันไปหมดในดวงตาสีอิฐคู่นั้น อ้ายเองก็ต้องเลี่ยงสบตาตรง ๆ กับอีกฝ่าย เพราะสายตาที่อยากจะกลืนกินกันทั้งตัวแบบนั้น

“เราอยากบอกอะไรกับอ้าย เยอะแยะเลย” เอซพูด สายตาจับจ้องไปที่ริมฝีปากของอีกฝ่าย “เราอยากทำอะไรอ้ายมากมายหลายอย่าง อ้ายอยากให้เราทำมันมั้ย” คนถูกถามถึงกับนิ่งอึ้งไปเหมือนกัน กับความในใจของคนเมา ที่ไม่พูดโกหกกับความรู้สึกของตัวเอง “เรากลัวอ้ายปฏิเสธเรา กลัวอ้ายไม่รักเรา” อ้ายต้องเม้มปากแก้เขิน เมื่อเอซเอาหน้าผากมาพิงที่อกข้างซ้าย ก่อนจะเกยขึ้นไปบนบ่า

“หัวใจอ้ายเต้นแรงจัง” อ้ายได้ยินเอซพูด ก่อนที่อีกฝ่ายจะหลับไปเพราะฤทธิ์เหล้า “ก็เป็นเพราะใครล่ะ ตาบ๊องเอ๊ย” อ้ายบ่นพึมพำออกมา ไม่วายต้องหัวเราะแก้เขินอีกครั้ง “ไม่ต้องให้คิดไปเองคนเดียวแล้วได้มั้ย จะให้รออีกนานแค่ไหนกัน” คิดอยู่ในใจว่า พรุ่งนี้ตื่นขึ้นมา เอซจะจำได้มั้ย ว่าพูดอะไรกับอ้ายเอาไว้บ้าง แล้วอ้ายเองจะทำยังไงต่อ มันจะเป็นยังไงต่อ เมื่ออ้ายรู้ความในใจของเอซที่มีต่อเขาแล้วแบบนี้

*************************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย Jay J

บรรยากาศ - Only Monday

https://www.youtube.com/watch?v=UWkKyK2aK5M


อยู่ท่ามกลางคนที่มีอยู่เป็นล้าน

Standing in a huge crowd

แต่ทำไมหัวใจฉันมันกลับอ้างว้าง

Yet, I have this lonely feelings in my heart

เหมือนว่ารอบตัวที่มันวุ่นวาย

The chaos is all around me

กำลังค่อยค่อยหายไป

Starting to disappear


ร้านที่ฉันเคยพาเธอไปตอนนั้น

The pub I took you there that night

ตอนนี้ไม่มีใครมีเพียงแค่ตัวฉัน

It’s now just me being all alone

กับแก้วที่มันรินบางบาง

With the fine drink I’m sipping

มันให้ฉันนั้นคิดถึงเธอ

That reminds me the fond of you


บรรยากาศเดิมเดิม

The same old ambience

ที่เดิมเดิมทำให้ฉันคิดถึงใคร

The same place makes me think of someone

อยู่ภายในใจ

Deep down my mind

อยู่ในใจ ยังจดจำทุกเรื่องราว

Within my heart, I still remember everything happened

ภาพนั้นยังคงเป็นเธอ

And that is always you, love

ที่ฉันคงไม่ได้เจอ

That I may not be able to see

ไม่มีทางอีกแล้ว

No way I’m feeling you


อยู่กับฉากเดิมเดิม

With the same old circumstance

ที่เดิมเดิมวนแบบนี้ทุกครั้งไป

The same scene runs in the loop, indefinitely

อยู่ภายในใจ

What’s on my mind

แค่ในใจ ยังไม่ลืมภาพอดีต

Deep in my heart, can’t forget our story together

รักนั้นที่เราเคยผ่าน

The love we’d think we’d had

รักนี้ที่ไม่มีทาง

This love we’d think we’d lost

ทำให้ดีกว่านี้


Should make it way bette

rนึกเรื่องดีดีที่มีในตอนนั้น

Think of all nice things we’d shared

ที่ฉันและเธอเคย เคยเป็นอย่างที่ฝัน

The way that you and I pictured as dream

ฉันนั้นโชคดีที่เคยมีเธอ

I was so lucky that I’ve had you

อยู่ในภาพความทรงจำ

Always live in my memory

โต๊ะที่มันเคยมีเธออยู่ตรงนั้น

The same table you once sat in

ตอนนี้ไม่มีใครมันเป็นแค่ความฝัน

Now nobody’s there, it felt like a dream

อยู่กับแก้วที่มันรินบางบาง

With the fine drink I’m still sipping

มันทำให้ฉันนั้นคิดถึงเธอ

That’s all it takes to get me right back to you

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ทีเซอร์ - teaser ๘. The Ambience เอซ - อ้าย 14_8_2567
« ตอบ #9 เมื่อ: 14-08-2024 16:20:52 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ KADUMPA

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Mini – Series: That’ s How Love Is Made



 “ใกล้วันงานมากแล้วนะคะ” ปณตหันสายตากลับมา เมื่อได้ยินเสียงของหญิงสาวพูดขึ้น ชายหนุ่มลอบถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ ว่ารับรู้ในสิ่งที่เธอกล่าวเตือน “รีบไปทำให้เสร็จ จะได้ไม่ต้องฉุกละหุกทีหลัง ญาไม่ชอบสิ่งไม่คาดฝัน เกลียดมาก ๆ ด้วย เรื่องเซอร์ไพรส์เนี่ย” ญาดาพูดด้วยน้ำเสียงแสดงความถือดี ของลูกสาวคนเดียวของตระกูลคหบดีใหญ่ ที่ทั้งชีวิตไม่เคยถูกปฏิเสธมาก่อน



“คุณแม่ของญา ก็อยากจะเห็นว่า การเตรียมงานผ่านไปด้วยดี เพราะคุณแม่ก็ชอบแต่ความเรียบง่าย เสียเงินมากหน่อย แต่ก็สบายใจกว่า” ปณตรู้ดีว่า สิ่งที่เขาทำมาตลอด คือปล่อยให้ญาดาพูดในสิ่งที่อยากพูด โดยแค่ทำพยักหน้าไปอย่างนั้น แม้ชายหนุ่มจะไม่ได้ฟังที่หญิงสาวพูดเลยสักคำก็ตาม



“คุณพ่อของณตก็ตื่นเต้นมากสำหรับเราสองคน ท่านโทรมาหาญาบ่อย ๆว่าถ้าญาอยากได้อะไรเพิ่มเติม ก็บอกกับณตได้เลย ท่านไม่ขัดอยู่แล้ว” และนั่นก็คงจะเป็น ปณตคิดกับตัวเอง ว่ายอดบนบัตรเครดิตแบล็กการ์ดที่ไม่จำกัดวงเงินของเขา คงจะเพิ่มสูงขึ้นอีกหลายเท่าตัว



“ญาดีใจนะคะ ที่เห็นณตยิ้มได้” ปณตที่เพิ่งมีรอยยิ้มแต้มที่ริมฝีปาก แต่ตอนนี้มันได้จางหายไปแล้ว รู้สึกตัวว่า ใครบางคนที่เขาเพิ่งกระหวัดคิดถึงเพียงแว่บนั้น ญาดาสังเกตเห็นมัน ที่ทำให้ชายหนุ่มเผลอยิ้มออกมา ปณตรีบปรับท่าท่างให้ดูเป็นปกติ ก่อนจะลุกขึ้นยืนตามหญิงสาว เมื่อญาดายืนยันว่า ปณตต้องไปที่ห้องเสื้อและจัดการชุดแต่งงานให้เสร็จในบ่ายนี้



ที่ร้านตัดเสื้อ ปณตเดินเข้าไปในห้องลองชุด โดยมีญาดาเจ้ากี้เจ้าการ จัดแจงให้พนักงานของร้านเอาชุดสูทเฉพาะตัวที่แพงที่สุดของร้านมาให้ปณตลองใส่ดู เพื่อเอามาเป็นแนวทางไอเดีย เพื่อจะตัดสูทเฉพาะของปณตคนเดียวเท่านั้น โดยที่ญาดายืนสั่งการเสียงเอาแต่ใจ แต่ทางร้านก็ยอมให้เธอจู้จี้ได้ตามสบาย แถมแชมเปญราคาแพงระยับที่เสิร์ฟถึงมือหญิงสาวอย่างไม่อั้น



ปณตเอาสูทตัวนอกมาสวมทับกับเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาว ก่อนจะมองตัวเองในกระจก เพื่อพบกับความจริงว่า เขากำลังจะแต่งงานลงหลักปักฐานกับผู้หญิงที่พ่อของเขาเป็นคนเลือกให้ เพื่อให้กิจการของทั้งสองครอบครัวมีความมั่นคงก้าวหน้าด้วยกันต่อไป ก่อนที่ชายหนุ่มจะรู้สึกว่านอกจากใจของเขาที่สั่นสะท้าน ร่างกายของเขาเองก็สั่นเทิ้มไปทั้งตัว



ปณตเห็นน้ำตาของเขาไหลลงมาเป็นสาย ชายหนุ่มพยายามหักห้ามน้ำตาของตัวเอง แต่มันก็ไม่เป็นผล ปณตได้แต่กลั้นเสียงสะอึกสะอื้นจากความเสียใจ ผิดหวัง และคิดถึงใครบางคนอย่างสุดแสนเอาไว้ แต่ยิ่งห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลริน ตัวของเขายิ่งสั่นสะท้าน ยิ่งห้ามหัวใจไม่ให้คิดถึง ใบหน้าของใครคนนั้น กลับยิ่งฉายเด่นให้เขาได้เห็นในห้วงคำนึงนึก



พรรธณ์ได้แต่ยอมตกลงตามคำชวนของฝรั่งหนุ่มตาน้ำข้าว ที่ตัวเองเพิ่งยอมตกลง จะลองออกเดตด้วย เมื่อหนุ่มฝรั่งตามตื๊อเทียวไล้เทียวขื่อทั้งที่ทำงาน ทั้งที่บ้านอยู่นานเป็นปี อย่างไม่ลดละความพยายาม โดยมีบรรดาเพื่อน ๆของทั้งสองคน สนับสนุนรู้เห็นเป็นใจ และดีใจที่ถ้าสองคนจะคบกันจริงจัง



“ผมแค่อยากถามเพื่อนของผมคนนี้ คือ เพื่อนร่วมลงทุนของผมว่า เขาต้องตามตื๊อแฟนของเขานาน และลำบากอย่างที่ผมต้องมั้ย” รอนพูดพลางกลั้วหัวเราะ เมื่อทั้งสองคนลงจากรถ “พอพูดไทยได้เก่งขึ้น ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ” พรรธณ์แกล้งพูดเสียงดุใส่หนุ่มฝรั่ง ทำให้รอนยิ่งหัวเราะอย่างอารมณ์ดี



“พวกเขาคงอยู่ด้านในร้านแล้ว เราเข้าไปกันเถอะ” พรรธณ์ที่ดูลังเลที่จะเข้าไปในห้องตัดเสื้อหรูหราแห่งนี้ พยักหน้าให้กับรอนที่ใช้มือโอบด้านหลังของพรรธณ์ ก่อนจะผายมือให้อีกฝ่ายเดินนำ ก่อนที่ชายหนุ่มตาน้ำข้าวจะเดินตามเข้าไป



“สวัสดีครับคุณญาดา ขอโทษทีครับ ผมสองคนเพิ่งมาถึง ปณตล่ะครับ” พรรธณ์สะดุดเท้ากึก เมื่อได้ยินชื่อของเพื่อร่วมลงทุนของรอนเป็นครั้งแรก เขาใจเต้นแรง และลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เมื่อมองเห็นสายตาที่เป็นมิตรของญาดาที่มองรอน เปลี่ยนไปเมื่อหันมามองเห็นพรรธณ์



“ขอโทษด้ายนะคะ เผอิญคิดว่าจะมีแต่เพื่อน ๆกันเท่านั้น อย่างมิสเตอร์รอน ไม่คิดว่าจะมีผู้ช่วยหรือคนช่วยงานอีกระดับตามมาด้วย” คำพูดของญาดาทำเอารอนขมวดคิ้วแบบคนคิดตามความหมายไม่ทัน แต่สำหรับพรรธณ์คงไม่ต้องอธิบายความอะไรให้มากความ จากการแต่งตัวหัวจรดเท้าของเขา มันไม่เข้ากับสถานที่แบบนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว



“คือ รอน คือว่า ผมลืมของเอาไว้ที่รถ” พรรธณ์รับกุญแจรถมาจากหนุ่มฝรั่ง คิดว่าเป็นโอกาสดีของเขา ที่พรรธณ์จะรีบหลบออกไปก่อน “รู้ตัวก็ดีแล้ว” ญาดาที่รับแชมเปญแก้วใหม่ราคาแพงมาถือเอาไว้ในมือ “คุณไม่ชอบใจอะไรหรือครับ” รอนถามกับญาดาไปตรง ๆรู้สึกว่าอะไรบางอย่างไม่ควรที่จะเกิดขึ้น



“เปล่า” ญาดาพูดเสียงสูง ยกแก้วแชมเปญขึ้นดื่ม “แค่ไม่ชอบเห็นอะไรที่มันเกะกะ ขวางหูขวางตา ก็แค่นั้น” ญาดาทำเอียงคอพูด รอยยิ้มหยันเยาะนั้น แม้แต่รอนเองก็ไม่ชอบใจที่ได้เห็นแบบนั้น “เดี๋ยวผมไปด้วย” พรรธณ์กำลังจะบอกให้รอนอยู่ต่อ เพราะมันไม่ใช่ชายหนุ่มตาน้ำข้าวที่เป็นปัญหา แต่ยังไม่ทันที่พรรธณ์จะทันได้เดินออกจากตรงนั้นไป



“ปณต ไอว่า ไอกับพรรธณ์จะกลับแล้ว” ปณตที่เดินออกมาจากห้องลองชุด มองพรรธณ์ที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา ด้วยอาการตาค้าง แบบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ว่าจะมีวันนี้ วันที่เขาได้กลับมาเจอกับพรรธณ์อีกครั้ง “ใครสนกัน” ญาดาที่เริ่มกรึ่มได้ที่พูดขึ้นอย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะหันเดินกลับเข้าไปที่ห้องรับรองแขกวีวีไอพี



พรรธณ์ได้แต่หลบสายตา รับรู้ว่าปณตมองมาที่ตัวเขาอย่างไม่วางตา “เอาไว้เราค่อยคุยกัน” รอนพูดกับเพื่อนของเขา ก่อนจะหันไปทางพรรธณ์ “เราไปกันเถอะ” ปณตมองตามมือของรอนที่ยื่นส่งให้พรรธณ์จับ อย่างไม่กลัวหรือสะทกสะท้านกับสายตาใคร ๆในร้านที่จะมองเห็น 



พรรธณ์หันไปสบตากับรอน ที่พยักหน้าบอกให้เขาจับมือหนุ่มฝรั่งตาน้ำข้าว จนปณตต้องขมวดคิ้วแสดงความไม่พอใจ ที่เห็นพรรธณ์ยมอจับมือกับผู้ชายคนอื่นอย่างนั้น ว่าที่เจ้าบ่าวอย่างปณตมองดูรอนและพรรธณ์พากันเดินจับมือกันออกจากร้านไป ก่อนที่ชายหนุ่มจะรีบวิ่งตามออกไป และตะโกนดังลั่นออกไปว่า



“Don’ t take my smile away from me again.” รอนที่กำลังจะเดินกลับไปถึงรถ ต้องหยุดชะงัก รีบหันกลับมามองปณตในทันที ส่วนพรรธณ์นั้น ได้แต่ยืนหยุดนิ่งอย่างไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี 



“Please.” เสียงของปณตอ้อนวอน ขอร้องแบบคนที่ทั้งดีใจและทั้งหวาดกลัวไปพร้อม ๆกัน



*******************************************************************************

คำแปลเนื้อร้องเป็นภาษาอังกฤษ โดย Jay J

รักแรก นนท์ ธนนท์

https://www.youtube.com/watch?v=wDNwnBw-kkQ



วันนี้ในปีที่เราได้ใช้ชีวิตด้วยกัน

Today, the year we spent our time together

เธอจำได้ไหมอะไรที่เราเคยผ่าน

Do you still remember what we both went through?

ยิ้มและหัวเราะด้วยกัน

We had those smile and laugh with us

ทะเลาะกันบางครั้ง แต่มันก็ดีเธอว่าไหม

Argued though sometimes, but don’t you think that’s cool?

 

จะเป็นยังไงถ้าฉันไม่ทำเหมือนเก่า

What would it be if I did everything differently?

เราจะยังรักกันหรือเปล่า

Were we still falling in love?

ถ้าไม่ปล่อยมือกัน

If we did not let go of our hands,

เธอกับฉันวันนี้จะเป็นอย่างไร

You and I, what would we turn out to be today?

 

รักแรกมันลืมยาก

First love, that’s hard to forget

ฉันคงลืมยาก แม้จะนานเท่าไร

I can’t let it go easily, doesn’t matter how long it takes

ไม่มีวันที่จะจางหาย

It will never ever go away
 

เธอสบายดีไหม

How have you been?

เป็นคำถามที่ยังคงวนอยู่ซ้ำซ้ำ

The question that runs loop in my mind

อยากรู้แค่เพียงเธออยู่ตรงนั้น ที่ไม่มีฉัน

Just wanna know how it goes over there, not having me around

ชีวิตเธอเป็นไง

How is your life out there?

คิดถึงกันบ้างไหม

Don’t you miss me, do you?



ส่วนฉันก็คิดถึงเธออยู่ซ้ำซ้ำ

For me, you’re still on my mind, dearly

ก็หวังแค่เพียงเธออยู่ตรงนั้น

Wish that you are there with all happiness

จะสุขใจกว่าฉัน

Far better than me over here

อยากให้เธอยิ้มได้เหมือนเก่า

Want you to be able to smile like the old days

เหมือนตอนเรารักกัน

Like those days we were in love



รู้บ้างไหมว่าฉันคิดอยู่เสมอ

Do you realize that this is always in my thought?

ถ้ามีโอกาสได้รักเธอใหม่

If I get one more chance to love you,

จะกอดเธอเอาไว้

Will hold you tight in my arms

ไม่ปล่อยเธอหายไปอีกเลย

Never let you go ever again



ในวันที่ไม่มีเรา 

The days where there’s no us 

ยังมีทุกความทรงจำ

All is left only this memory

แค่เพียงได้คิดถึง

To cherish and remember us by



 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด