EP.12 พี่ตุ๊ปกป้องพัฒน์
Part’ s พี่ตุ๊ ผมเดินลงมาส่งครูวินนี่ น่าแปลกใจทำไมผมรู้สึกคุ้นๆ หน้า มันแค่รางๆ เท่านั้นหรือว่าผมจะคิดไปเอง คนเราหน้าเหมือนกันก็มีอยู่เยอะแยะไปผมคิดในใจ ระหว่างที่ผมเดินกลับมานั้นผมก็ตั้งใจว่าจะเดินไปที่สระว่ายน้ำพอดี ไปสำรวจดูความเรียบร้อย ผมไม่ได้บอกพัฒน์หรอก กลัวพัฒน์อาสาลงมาดูแทน แสดงออกไม่ได้ว่าหึงแต่จริงๆ ก็คือหึงนั่นแหละ ก็ไอ้ลูกชายของบริษัทผู้รับเหมาที่ผมจ้างมาปรับปรุงดูแลรักษาสระน้ำของผม ดันจีบพัฒน์ของผมออกหน้าออกตาขนาดนั้น แต่ผมเดาว่าน่าจะพากันกลับไปหมดแล้วเพราะว่าจะหมดเวลางานแล้วและน่าจะมาใหม่วันจันทร์ ระหว่างนั้นผมก็เดินมาเจอกับแจ็คกับบอยพอดีเลย เขาเดินมาดูสระว่ายน้ำด้วยกัน
“แจ็ค บอย” ผมเรียกแจ็ค ทั้งคู่หันมามองผม
“เป็นไงบ้างสระว่ายน้ำที่พี่ให้เขารีโนเวทให้ ดีขึ้นไหม” ผมถามแจ็ค
“ดีขึ้นครับพี่ตุ๊ ขอบคุณนะครับ นี่ผมเองก็อยากมอบโอกาสดีดีให้กับเด็กนักเรียนที่นี้หลายๆ คนเลยครับ ที่ผมคิดว่าเขาน่าจะไปได้ไกล และอาจจะไกลกว่าผม ถ้ามีคนสนับสนุนเขานะครับพี่ตุ๊” แจ็คพูด ผมพยักหน้าว่าเห็นด้วยเพราะโรงเรียนนี้เคยได้แชมป์นักว่ายน้ำระดับภาคมาแล้ว
“พี่ก็อยากให้โรงเรียนนี้ที่เคยเป็นแชมป์ด้านกีฬากลับมาท้วงแชมป์คืนเหมือนปีก่อนที่จะมีเรื่องเข้ามาน่ะ” ผมพูด
“พี่ตุ๊ครับ” แจ็คเรียกผม
“ผมโทรคุยกับไอ้ดิวมันแล้ว ตอนนี้ปูปลอดภัยดีแล้วครับ ปูไม่ได้หายไปไหน เพื่อนของสรจักร ลูกคนเล็กของลุงสามนะครับเป็นคนได้ตัวไป” แจ็คบอกผม ผมพยักหน้าผมรู้จักสรจักรถึงจะไม่ได้สนิทกันด้วยวัยที่ต่างกันและเขาเป็นลูกชายคนเล็ก ลูกหลงของลุงสาม คนที่เป็นแฟนของพ่อผม
“แต่เรื่องนี้ ไอ้จักรมันไม่เกี่ยวครับพี่ตุ๊เพราะว่ามันไม่รู้ตรงนี้แต่ว่าเพื่อนมันนะได้ตัวปูมาจาก คนที่ทำเพื่อเงินเล็กๆ น้อยๆ นะครับ ไอ้จักรมันบอกจะจัดการเอง เป็นการไถ่โทษแทนเพื่อนมันนะครับพี่ตุ๊” แจ็คพูด ผมก็พยักหน้า ผมคิดว่าเรื่องนี้ต้องได้รับการแก้ไขโดยด่วนเท่าที่จะทำได้เหมือนกัน ความปลอดภัยของเด็กนักเรียนถึงบางทีอาจจะนอกเวลาเรียนก็ตาม
“อีกเรื่องนะครับพี่ตุ๊ ไอ้ดิว แอ้ กลับบ้านพักกันเลยครับเพราะว่ามาถึงก็เลิกเรียนพอดีและมันก็จะพาปูไปหาแม่ของเขาที่นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลที่ค่ายทหารของพ่อดิวด้วยครับ” แจ็คพูด
“ผมได้ยินมาว่าปูเขาค้างค่าเทอมอยู่ด้วยนะครับพี่ตุ๊” บอยพูด
“พี่รู้เพราะว่า เจ้าหน้าที่การเงินส่งเอกสารให้พี่แล้วแต่พี่ขอหาเหตุผลที่จะยกเลิกเรื่องค่าเทอมเขาก่อนนะ พี่น่ะเต็มใจช่วยเด็กที่ขยันและตั้งใจเรียน” ผมพูด ผมกำลังสืบหาข้อมูลเด็กคนนี้อยู่
“ให้พวกผมช่วยก็ได้นะครับ” แจ็คพูด
“อันนี้ให้เป็นหน้าที่พวกพี่ดีกว่าน่ะแจ็ค บอย พี่ว่าเราทำดีที่สุดแล้ว ที่เหลือให้เป็นความรับผิดชอบของพี่ “ผมพูดยิ้มๆ เขาสองคนก็พยักหน้าเข้าใจ
“ถ้าอย่างนั้น พี่ขอขึ้นห้องทำงานก่อนน่ะ พี่มีงานเอกสารค้างอยู่ “ผมพูด
“เรากลับเข้ากรุงเทพน่ะ อย่าถเลไถลไปไหนล่ะ ลุงณะกับอาภูมิเขากำชับพี่หนักมาก” ผมพูด
“โดยเฉพาะไอ้โจพี่ชายเราน่ะแจ็ค ว่าให้กำราบเราหน่อย “ผมพูด
“ผมคนเดียวเหรอพี่” แจ็คถามผมทันที
“ก็เราน่ะหัวโจกเลยไง ห้ามพาบอยเสียด้วยเข้าใจน่ะ “ผมพูดก่อนจะเดินออก ผมรู้ว่าเด็กรุ่นนี้เริ่มมีความคิดเป็นของตัวเองและอยากจะทำตามสิทธิ์ตัวเองให้ได้มากที่สุดแค่นั้น รุ่นผมก็เป็นแต่พอถึงจุดที่เรียกว่าอิ่มตัว มันจะเข้าระบบของมันเองโดยปริยาย ผมเชื่อว่าพวกเขาก็จะเป็นเหมือนพวกผมเช่นกัน
ผมเดินขึ้นไปบนห้องทำงานของผมทันที ผมหันไปมองเห็นเด็กๆ นักเรียนออกมายืนมองต่างก็พากันซุบซิบกัน ผมเดาว่าน่าจะมีเรื่องที่หน้าห้องทำงานผมแน่นอนและมันก็จริงซะด้วย ผมเห็นคุณน้ำตาลกำลังยื้อแย่งเพื่อจะเข้าห้องทำงานของผมและคนที่มีเรื่องกับเธออยู่คือติ๊กนั้นเอง ผมเดินเข้าไปโดยไม่ได้ส่งเสียงอะไร จนกระทั่งเข้าไปใกล้ๆทันทีที่ผมเดินเข้าไปถึง ผมก็เห็นคุณน้ำตาลนี้เหมือนถูกผลักลงไปที่พื้นแต่ว่าผมน่ะเดินมาและมองดูเหตุการณ์แต่ไกลๆแล้ว ทำให้ผมเห็นภาพชัดเจนและเข้าใจแจ่มแจ้งว่า ไม่มีใครผลักเธอ
“อ้าย!! ช่วยด้วยค่ะ เด็กนักเรียนทำร้ายค่ะ” คุณน้ำตาลโวยวายเพื่อเรียกให้คนหันมามองเธอแต่ว่าที่ออกมายืนมองน่ะ พากันขำเธอกันทั้งนั้น เธอคงไม่รู้ซิน่ะว่าเด็กๆ เหล่านี้เขามีทีวีกัน ฉากแบบนี้ในละครหลังข่าวเยอะแยะไป ผมนี่อายแทนเธอจริงๆ คุณน้ำตาลหันมาเจอผมเข้า ทำหน้าเศร้าทันที
“คุณตุ๊ค่ะ เด็กนักเรียนคนนี้ทำร้ายร่างกายน้ำตาลค่ะ เขาทำตามคำสั่ง ครูพัฒน์ค่ะ ครูพัฒน์เขาสั่งให้เด็กคนนี้ทำร้ายน้ำตาลค่ะ” เธอรีบหันมาฟ้องผมทันที ผมหันไปมองน้องชายคนเล็กที่ยืนกอดอกมองบนใส่นางร้ายนอกจอ
“นี่ ช่วงนี้ยุ่งมากไหม” น้องชายคนเล็ก ปากไว้เป็นที่หนึ่ง น้องรักไอ้ต้าร์มันเลย ปากมันพอกันเลย รีบถามคุณน้ำตาลทันที
“ไม่ยุ่ง จะทำไม” เธอรีบหันไปตอบติ๊กทันควันเช่นกัน
“จะให้ผู้กำกับหนังติดต่อไปเล่นบทนางร้ายให้หน่อยแม่งแสดงเหมือนจริงมาก” ติ๊กพูด
“แต่ดูแล้วในชีวิตจริงเธอนี้คงไม่มีบทดีกับเขาบ้างเลยมั้งเพราะแค่คิดดีดียังทำไม่ได้เลย” ติ๊กพูด ผมหันไปมองน้องชายแอบส่ายหัวเบา ๆ ว่าอย่าไปจุดไฟ แต่ติ๊กไม่ฟังผมเลยสักนิด
“ติ๊ก!!!” ผมเรียกติ๊กให้เบาลง ก่อนจะหันไปมองคุณน้ำตาลที่นั่งเงยหน้ามองผม ทำท่าจะลุกแต่ก็ลุกไม่ขึ้นแถมยังส่งสายตาอ้อนวอนให้ผมช่วย นางยื่นมือมา ผมก็สุภาพบุรุษพอสมควร ผมเลยทำท่าจะช่วยดึงเธอขึ้นมาแต่ว่ามีคนเข้ามาขวางผมซะก่อนนั้นคือติ๊ก
“พี่ตุ๊อย่า ผมดีกว่า” ติ๊กพูดพร้อมกับย่อตัวลงไปเพื่อจะดึงแขนคุณน้ำตาลขึ้น ดูสีหน้าและแววตาที่เปลี่ยนไปของเธอ สายตาที่มองผมตอนแรกกับติ๊กมันต่างกันมาก ผมเห็นติ๊กทำท่ากระซิบกระซาบอะไรสักอย่างกับคุณน้ำตาลก็ไม่รู้แต่ดูท่าเธอจะไม่ยอมลุกและจู่ๆ เธอก็ดีดตัวลุกพรวดขึ้นมาทันทีพร้อมกับมองไปรอบๆ
“อ้ายย!! ไหน ๆ มันอยู่ไหน) )) ) “คุณน้ำตาลถามพร้อมกับมองหา สายตาที่ดุหวาดกลัวและขยะแขยง
“ไหนล่ะ แมงมุมน่ะ “เธอถามติ๊กทันที ผมเดาได้เลยว่าติ๊กหลอกให้เธอลุกขึ้นนั้นเอง
“ไปแล้ว” ติ๊กพูดพร้อมกับลอยหน้าลอยตา
“โกหก!!” น้ำตาลพูดพร้อมกับมองหน้าติ๊กอย่างไม่พอใจ
“คุณก็โกหกไม่ใช่เหรอ โกหกหาว่าผมผลัก ดังนั้นนี้เราก็เสมอกัน” ติ๊กพูด
“นิ!!...” เธอทำท่าจะต่อว่าแต่ผมคิดว่า มันน่าอับอาย เด็กๆ ที่ยืนมอง บางห้องครูที่เข้าสอนก็เรียกเข้าห้องเรียนแต่บางห้องที่ไม่มีครูก็พากันยืนมองพร้อมกับหัวเราะชอบใจ ผมเลยต้องห้ามทัพซะก่อนจะอายขายหน้ามากไปกว่านี้
“พอเถอะครับ เด็กๆ มองกันหมดแล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันครับ อธิบายให้ผมฟังหน่อย” ผมเอ่ยถาม ผมมองหน้าทุกคนจนมาหยุดที่พัฒน์ ดังนั้นผมคิดว่าคนที่อธิบายได้ดีที่สุดคือพัฒน์
“ครูพัฒน์” ผมผายมือให้พัฒน์อธิบายดีกว่า
“คือคุณน้ำตาล…” พัฒน์ทำท่าจะอธิบาย
“พอดีน้ำตาลนะคะ มีเรื่องจะมารายงานเกี่ยวกับเด็กนักเรียนค่ะ มีคนรายงานที่พ่อของน้ำตาลว่าเด็กของที่นี้ไปสร้างความเดือดร้อนค่ะ น้ำตาลเลยว่าจะมาคุยกับคุณตุ๊ ไม่อยากให้เกิดปัญหาใหญ่” จู่ๆ เธอก็พูดแทรกพัฒน์ชึ้นมาซะเฉยๆ ผมหันมามองหน้าติ๊ก คนที่ยืนชักสีหน้าไม่พอใจ ผมเองก็ไม่ชอบพฤติกรรมของเธอเท่าไหร่ เธอทำตัวเหมือนคนตรงๆ มั่นใจในตัวเองมากไปจนแยกไม่ออกระหว่างคนตรงๆ หรือคนไม่มีมารยาทกันแน่
“แต่ว่ามีคนไม่ยอมบอกน้ำตาลกันท่าใหญ่เลยค่ะและยังสั่งให้เด็กที่นี้ ทำร้ายน้ำตาล น้ำตาลก็เป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ นะคะ” น้ำตาลพูด ผมเห็นสายตาเธอมองไปที่พัฒน์ นั้นแปลว่าเธอหมายถึงพัฒน์
“คุณไม่ได้บอกผมแบบนี้เลยนะคุณน้ำตาล คุณบอกว่าจะมาหาคุณตุ๊แต่ผมบอกว่าคุณตุ๊ไม่อยู่ แต่ถึงอยู่ คุณน้ำตาลก็ควรจะนัดล่วงหน้าเพราะว่าช่วงนี้คุณตุ๊งานเยอะ มีเอกสารต้องเซนต์มากมาย ส่วนเรื่องด่วนอะไรของคุณ คุณไม่ได้บอกผมเลยด้วยซ้ำ” พัฒน์พูด ผมน่ะเชื่อพัฒน์ ผมรู้จักพัฒน์ดีและรู้จักคุณน้ำตาลอะไรนี้ดีเหมือนกัน
“อ้าว! ฉันต้องบอกเธอด้วยเหรอ นี่เรื่องสำคัญมากควรจะบอกคุณตุ๊มากกว่าน่ะ คุณครู เพราะว่าคุณตุ๊คือผู้บริหารโรงเรียนนี้” น้ำตาลพูด ประโยคนี้โดนใจผมมาก ผมนี้พ่นลมหายใจออกมาทันที เธอน่าจะเข้าใจอะไรดีตั้งแต่รู้ว่าน้ำตาลคือลูกบุญธรรมของพ่อผมแล้วน่ะ ดังนั้นพัฒน์ก็มีหน้าที่ไม่ต่างไปจากผมเลยสักนิด
“คุณน้ำตาล คุณคงไม่ทราบว่า พัฒน์เขาเป็น ผู้ช่วยผู้อำนวยการครับ ดังนั้นตำแหน่งพัฒน์กับตำแหน่งของผมไม่ได้ต่างกันมากครับ คุณสามารถบอกได้ทุกเรื่องครับ เหมือนกันครับ” ผมพูดด้วยความเอื่อมระอาที่ต้องคอยทบทวนความจำให้เธอตลอดที่เธอพยายามกดพัฒน์ลง ว่าพัฒน์ไม่ได้ต่ำไปกว่าเธอเลย
“คิก คิก คิก” เสียงหัวเราะคนข้างๆ ผม จนผมต้องหันไปมอง ผมแอบสั่นหัวเบาๆ
“เป็นไงล่ะ ไม่ศึกษาข้อมูลก่อนจะมาแบทเทิลเขาก็ยังงี่แหละ” ติ๊กพูด
“หน้าแตก!!” ติ๊กพูด คุณน้ำตาลสะบัดหน้าไปมองติ๊ก
“ก็น้ำตาลไม่ทราบนี่ค่ะ” น้ำตาลพูด อันนี้ยิ่งทำให้ผมแปลกใจมาก ผมว่าเธอน่ะทราบดีและทราบมานานแล้วดีกว่า
“แต่!! ที่ร้ายแรงมากไปกว่านั้นคือเด็กคนนี้ เขาทำร้ายน้ำตาล แบบนี้คุณตุ๊ควรจะเรียกผู้ปกครองมารับผิดชอบนะคะ “เธอพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ติ๊ก ติ๊กถึงกลับชี้หน้าตัวเอง คดีพลิกจนได้ ผมนี้อยากจะบ้า!! มันก็ไม่ต่างกันหรอกเพราะว่าคนที่เธอกำลังมีเรื่องด้วยก็น้องชายผมเอง
“เออ คุณน้ำตาลครับ ผมว่าอย่าให้ถึงขนาดนั้นเลยนะครับ ผมให้เด็กขอโทษได้ไหมครับ” พี่ผมพูดก่อนจะหันไปมองติ๊ก พยักพเยิดให้ติ๊กขอโทษจะได้จบๆ แต่น้องหัวดื้อผมทำท่าจะไม่ยอม
“ขอโทษคนแบบนี้เพื่ออะไรอ่ะ ไปขอโทษหมายังดีซะกว่ามาขอโทษคนแบบนี้และที่สำคัญนางเป็นคนผิดไม่ใช่ผมนะครับคุณผู้อำรวนการ “ติ๊กพูดนั้นหนักเข้าไปอีก
“เห็นไหมคะ ไม่ได้ค่ะ เรียกผู้ปกครองเด็กมาค่ะ” น้ำตาลพูด ผมหันมามองคู่กรณีคู่ใหม่ สลับกันไปมา
“คือผมว่าไม่ดีกว่านะครับ “ผมพูดเพื่อพยายามอธิบายคุณน้ำตาล
“อยากเรียกพ่อผมมาอย่างนั้นเหรอ” ติ๊กถามคุณน้ำตาลเชิงท้าทายแล้วแบบนี้ใครจะหยุดผมคิดว่าไม่หยุดแน่นอน
“ใช่ ไปเรียกมา ฉันจะรอ” มีเหรอที่คุณน้ำตาลหัวรั้นคนนี้จะยอมลดราวาศอก
“ไม่ต้องไปเรียกที่ไหนไกลหรอกครับ ผู้ปกครองผมน่ะ อยู่ใกล้ๆ นี่ครับ” ติ๊กพูด ติ๊กมองหน้าผม ผมก็มองหน้าติ๊กและชี้ตัวผมเอง นั้นหมายถึงผมอย่างนั้นเหรอผู้ปกครองน่ะ
“เป็นใครเหรอ ครูหรือว่าภารโรงล่ะแต่ฉันเดาว่า ภารโรงมากกว่า” คุณน้ำตาลถามติ๊ก คำถามนี้ทำให้คนที่ถูกถามกระตุกยิ้มที่มุมปาก
“คุณน้ำตาล” ผมเรียกเธอเพื่อให้เธอใจเย็นลงแต่ดูท่าจะไม่เป็นผล
“ลงไปเรียกมา ฉันกับคุณตุ๊จะนั่งรอในห้อง” น้ำตาลพูดท้าทายแบบนี้ คนตรงหน้าเธอจะยอมเหรอเพราะคนนี้ฟาดมาหนักต่อหนักแล้ว ติ๊กพยักหน้า
“ไม่ต้องรอครับเพราะว่าอยู่ตรงนี้แล้ว ผู้ปกครองของผมน่ะ เขายืนอยู่นี้และตรงนี้ ตรงหน้าคุณนี่!! “ติ๊กพูดพร้อมชี้นิ้วมาที่ผม นั้นไงยืนมาให้จนได้ น้องรักของผม นี้อยากจะตีเข่ากับอากาศซะจริงๆ ให้มันได้แบบนี้ ผมคิดในใจทำไมไม่ขอโทษเขาไปเรื่องจะได้จบ
“ฮาๆ ตลกตายเลย ใครจะเชื่อว่าคุณตุ๊นี่น่ะ ผู้ปกครองเธอ โกหก!!” คนตรงหน้าผมไม่เชื่อแถมยังหัวเราะด้วย
“พี่ตุ๊ บอกเขาไปซิครับว่าพี่คือใครแล้วเป็นผู้ปกครองผมได้หรือไม่ได้” ติ๊กหันมาให้ผมแสดงตัวตนแบบนี้
“พี่พัฒน์เขาก็เป็นผู้ปกครองผมเช่นกันนะครับ ถ้าอย่างนั้นผมก็มีผู้ปกครองสองคนตอนนี้ เลือกเอาเลยจะคุยกับใครแต่ผมคิดว่า คนนี้ดีที่สุด คุยเลย คุณผู้บริหารโรงเรียน” ติ๊กพูดและชี้ไปที่พัฒน์
“ไม่จริงใช่ไหมคะคุณตุ๊” คุณน้ำตาลถามผมทันที สีหน้าเธอเริ่มไม่ค่อยมั่นใจเท่าตอนแรก
“เออ จริงครับ” ผมพูด เธอยิ่งชักสีหน้าตกใจและไม่เชื่อในสิ่งที่เธอได้ยินเท่าไหร่หนัก ผมพยักหน้ายืนยันอีกทีว่าใช่ เธอถึงกับลดความมั่นใจลงไปเกือบหมดทันที
“นักเรียนคนนี้เขาเป็น น้องชายคนเล็กของผมครับ “ผมพูดและชี้ไปที่ติ๊ก ติ๊กยืดอกทันที
“อะไรนะคะ?” คุณน้ำตาลสะบัดหน้ามามองผมสองทีติดกันทันที
“ใช่ครับ น้องชายคนเล็กของผมเอง ชื่อติ๊กครับและที่ผมไม่ให้เรียกพ่อเขามาเพราะว่าพ่อเขาก็คือพ่อผม” ผมพูดย้ำอีกครั้ง
“และพ่อผมก็ไม่อยู่ครับ ไปธุระต่างประเทศ” พี่ผมพูด
“ดังนั้นผมก็รักษาการผู้ปกครองไปก่อน” ผมพูดก่อนจะหันไปมองติ๊ก น่าจริงๆ
“นะ…. นะ…น้องชายเหรอคะ” คุณน้ำตาลถามผมด้วยน้ำเสียงที่ตกใจมากพอสมควร
“ครับ คุณน้ำตาล ผมนี่แหละลูกชายคนเล็กของพ่อภาคย์ “ติ๊กพูดย้ำอีกที
“คนที่เป็นดาราใช่ไหมคะคุณตุ๊” คุณน้ำตาลหันมาถามผม ผมพยักหน้าว่าใช่ คนนั้นแหละ
“ที่ว่าขาวีนสุดๆ” น้ำตาลพูด ชมติ๊กแบบนี้ ติ๊กหันขวับมามองทันทีแต่เธอยังโชคดีที่พัฒน์เขายืนใกล้ๆ กลับติ๊ก พัฒน์เลยแตะแขนติ๊กเอาไว้ซะก่อนไม่อย่างนั้นได้มีการฟาดกันบ้างแหละ คนนี้ก็ไม่ธรรมดา
“นี่ชมเหรอ…” ติ๊กถามคุณน้ำตาล
“แต่…ผมไม่ได้วีนทุกคนน่ะ วีนเฉพาะคนที่ กวนประสาทผมก่อน” ติ๊กพูดพร้อมกับเลิกคิ้วสูงมองน้ำตาล คุณน้ำตาลตอนนี้มีสีหน้าเลิกลักทำอะไรไม่ถูก
“เมื่อกี้เหรอ…เออ... ไม่ใช่ค่ะ น้ำตาลน่าจะสะดุดขาตัวเองค่ะและน้ำตาลก็ตกใจมาก เลยคิดว่า คุณผลักนะคะ เฮอะๆ “คุณน้ำตาลรีบกลับลำทันที
“หน้าตาดีนะคะ น้องชายคุณตุ๊ หล่อทั้งบ้านเลยเนอะ “คุณน้ำตาลพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงและทำท่าจะเข้าไปกระชับมิตรกับติ๊กแต่ติ๊ก็คือติ๊ก เขารีบขยับออกแบบรังเกียจขึ้นมาทันที
“แสดงเก่งทุกบทบาทเลยเนอะ คนเดียวได้หมดทุกบทแต่รู้สึกว่าบทคนบ้านี่เล่นได้เนียนเหมือนคนบ้าจริง” ติ๊กพูด ผมสะบัดหน้าไปมองติ๊กพร้อมๆ กับคุณน้ำตาลทันที ยังจะก่อไฟอีก
“ติ๊ก!!” ผมเรียกติ๊ก
“ตกลง เขาทำอะไรคุณหรือเปล่าครับ” ผมหันมาถามคุณน้ำตาลทันที จะได้รีบๆ จบปัญหาและแยกย้าย
“ไม่ค่ะ น้ำตาลคิดว่าเราเข้าใจผิดกันนิดหน่อยค่ะ” คุณน้ำตาลพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ
“ถ้าอย่างนั้น ก็แล้วไปครับ” ผมพูด
“ว่าแต่คุณน้ำตาลมีเรื่องอะไรสำคัญมากเหรอครับ” ผมถามคุณน้ำตาลอีกที คือประมาณว่าถ้าไม่มีจะได้เชิญกลับ
“เราเข้าไปคุยกันในห้องสองคนดีไหมคะ” คุณน้ำตาลพูดเชื้อเชิญผมเข้าห้อง มีเหรอที่ผมจะเข้าไปคุยกับเธอสองคน ผมไม่เคยเลยจะดีกว่า
“ผมรีบนะครับ ผมต้องไปดูงานที่สระว่ายน้ำก่อน” ผมรับหาเรื่องชิ่งหนีทันที
“คุณน้ำตาล รายงานกับครูพัฒน์ได้เลยนะครับเพราะว่าครูพัฒน์เขาก็รับเรื่องนี่ได้ เขาเป็นเจ้าของโรงเรียนเหมือนผมเช่นกันโอเคนะครับ"ผมพูดคุณน้ำตาลทำท่าจะอ้าปากคัดค้านที่ผมบอกเธอ
" ผมรีบจริงๆครับคุณน้ำตาล ผมไปก่อนนะครับ ” ผมชิ่งพูดพร้อมกับหันไปพยักหน้ากับพี่พัฒน์ ดูท่าทางคุณน้ำตาลเธอจะไม่ยอมถอยทัพกลับไปง่ายดังนั้นผมจึงควรจะเป็นฝ่ายเพ่นเองจะดีกว่า ผมเชื่อว่านางไม่กล้าทำอะไรพัฒน์หรอก ติ๊กยืนอยู่ตรงนั้น เขาเรียกว่ามวยถูกคู่จะดีกว่า ส่วนผมเองที่ยอมแพ้ยกธงขาวให้กับยายคุณหนูน้ำตาลอะไรนี้ ผมรีบเดินไปและผลุบเข้าห้องน้ำครูทันที ผมเข้าไปยืนทำธุระระหว่างที่รอให้คุณน้ำตาลออกไป
(คุณพ่อค่ะ น้ำตาลเบื่อยายครูพัฒน์อะไรนี่จังเลยค่ะ น้ำตาลเข้าหาคุณตุ๊ไม่ได้เลย น้ำตาลทราบดีค่ะแต่น้ำตาลอยากได้คุณตุ๊นี่ค่ะ หล่อและเก่ง น้ำตาลไม่สนหรอกค่ะ แหมถ้าคุณตุ๊ได้ลองน้ำตาลอาจจะลืมรสนิยมเดิมๆ ไปเลยก็ได้นะคะ แต่น้ำตาลต้องการกำจัด ครูพัฒน์เสียก่อน ได้ค่ะกลับไปคุยกันที่บ้านก่อน ค่ะคุณพ่อ บายค่ะ”
"สงสัยอยากลองดีกับซิท่า เดี๋ญวได้เห็นดีกัน " คุณน้ำตาลเธอพูด ก่อนจะก้าวขาเดินฉับๆลงไป
ผมนี่ยืนพ่นลมหายใจออกมายาวๆ ที่ได้ยินเธอคุยโทรศัพท์ผ่านไป เธอไม่คิดบ้างเหรอว่าหน้าต่างมีหูประตูมีช่อง ถึงไม่เข้าหูผมเองก็มีคนได้ยิน เขาก็ต้องมาบอกผมอยู่ดี ผมยืนรอจนสิ้นเสียงรองเท้าของเธอ ผมคิดว่าผมควรจะยื่นคำขาดกับพ่อเธอได้แล้วเรื่องที่เธอเข้ามาปั่นป่วนพัฒน์ในโรงเรียนแบบนี้
(สวัสดีครับคุณตุ๊ โทรหาผมนี่มีเรื่องอะไรให้อาช่วยหรือเปล่าครับ) เสี่ยวันชัยรีบกดรับสายผมทันที
(สวัสดีครับเสี่ย) ผมพูด
(ผมอยากรบกวนเสี่ย เตือนลูกสาวเสี่ยหน่อยน่ะครับ เธอเข้ามาทำกิริยามารยาทไม่ค่อยจะดีต่อสายตาเด็กๆ ในโรงเรียนผมนะครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมไม่อยากให้เธอเข้ามานะครับ ผมคิดว่าเธอไม่ได้มีธุระอะไรที่จะต้องเข้ามาพบผมในโรงเรียนและในช่วงเวลาที่ผมทำงานด้วย” ผมพูด
(และคนที่ถูกมองไม่ดีคือลูกสาวเสี่ยเอง ผมขอนะครับ อย่าทำให้เราต้องหมางใจกัน อย่ากดดันให้ผมต้องทำในสิ่งที่พ่อผมเองยังไม่อยากทำกับเสี่ยและลูกสาวเลยนะครับ เข้าใจนะครับ) ผมพูด คนปลายสายนิ่งเงียบไปหลายนาที
(คุณตุ๊ ลูกสาวผมน่ะเขาพยายามจะสานสัมพันธุ์กับคุณ ผมว่าคุณน่าจะดูเธอออกแต่ทำไมคุณมองเจตนาลูกสาวผมแบบนี้ละครับ มันเป็นการไม่ให้เกียรติลูกสาวผมเลยนะครับ) เสียวันชัยพูด
(ผมให้ เกียรติเธอแล้วครับ ผมจึงให้คุณที่เป็นพ่อของเธอเป็นคนพูดเองจะดีกว่า ถ้าให้ผมพูด ผมก็จะไม่เกรงใจและรักษาน้ำใจเหมือนคุณเองนะครับ คุณวันชัย) ผมพูด
(ดังนั้น คุณเป็นพ่อของเธอ คุณน่าจะเตือนเธอได้ดีกว่าผมแต่ถ้าเธอยังไม่ฟังคุณ ผมคงต้องใช้มาตราการเด็ดขาดนั้นคือประกาศห้ามเธอเข้ามาในโรงเรียนผม)
(และผมก็เชื่อว่าพ่อผมก็คงไม่ยอมเหมือนกันเพราะว่าเขามาก่อกวนพัฒน์โดยตรง พัฒน์คือลูกชายของพ่อผมอีกคนนะครับคุณวันชัย) ผมพูดคนปลายสายก็นิ่งไปอีก
(นั้นแปละว่าคุณควรจะให้ลูกสาวคุณให้เกียรติครูพัฒน์ด้วยนะครับ ไม่ใช่ทำกิริยาแย่ๆ ใส่พัฒน์เขา นั้นก็แปลว่าคุณสองคนไม่ให้เกียรติพ่อผมเหมือนกันนะครับ) ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
(ก็ได้ครับ ผมจะคุยกับยายน้ำตาลเอง จะไม่ให้ลูกสาวผมไปวุ่นวายอะไรกับครูพัฒน์อีก)
(ไม่เข้ามาเลยถ้าไม่มีเหตุจำเป็นจะดีมากครับคุณวันชัย ขอบคุณครับ) ผมพูดพร้อมกับรีบตัดบทวางสายไปทันที อย่างน้อยผมก็ต้องปกป้องคนของผมเหมือนกัน นั้นคือพัฒน์
ผมเดินกลับเข้าไปในห้องทำงานของผมทันที ผมเปิดประตูเข้าไปส่ิงที่ผม มันทำให้ผมอดอมยิ้มไม่ได้ ผมเห็นพัฒน์กำลังคุยกับติ๊กอยู่ น่าแปลกน่ะ ผมเป็นพี่ชายแต่บางที่เหมือนกลับไม่เข้าใจน้องชายตัวเองเท่ากับพัฒน์เลย ผมเลยต้องให้พัฒน์เป็นคนคุย แม้กระทั้งต้าร์เองก็เช่นกัน
“พี่ตุ๊ ไปดูสระว่ายน้ำมาแล้วหรือครับ” พี่พัฒน์หันมาเจอผมพอดี
“ดูมาแล้วตอนที่ลงไปส่งครูคนใหม่เขาน่ะและอุตสาห์ว่าจะไม่เจอคุณน้ำตาลแล้วเชียว” ผมพูด
“ตอนแรกก็หลบอย่างดี นึกว่าจะขึ้นมาไม่เจอ ที่ไหนได้มายืนต่อปากต่อคำกับ…” ผมพูดพร้อมกับหันมามองหน้าตัวต้นเหตุ เป็นไงล่ะ ปากร้ายทั้งนอกจอและในจอเลยน้องชายผม
“ผมก็ไม่ได้อยากต่อปากต่อคำกับเธอแต่ว่าเธอยืนด่าพี่พัฒน์ฉอดๆ ผมคงไม่ทน” ติ๊กพูด ไม่อยากต่อปากต่อคำอะไร เถียงกันราวกับตั้งโต๊ะโต้วาทีเลยก็ว่าได้
“แต่ถ้าพี่ตุ๊ทนได้ก็เรื่องของพี่” นั้นไงพาลมาหาผมทันทีเลย ผมนี่ก็ไม่อยากทนแต่ผมไม่ใช่เด็กๆ ที่จะมานั่งทำสงครามประสาทกัน น้องๆ ที่หัวร้อนของผมนี่ไม่เข้าใจผมสักคนแต่ผมเชื่อว่ามีพัฒน์คนเดียวนี่แหละที่เข้าใจ
“ติ๊ก พี่ไม่ได้ทนแต่ว่าบางเรื่องมันก็พูดยาก” ผมพูด
“แต่พี่โทรหาพ่อของคุณน้ำตาลแล้วน่ะ สั่งว่าห้ามเธอเข้ามาโดยไม่มีเหตุจำเป็น พ่อของเธอก็รับปากพี่แล้วน่ะ” ผมพูด ดูติ๊กก็พอใจระดับหนึ่งแต่ยังไม่วางใจเหมือนผมเช่นกัน ผมหันมามองพัฒน์ ผมรู้ว่าพัฒน์ก็รำคาญนางไม่แพ้กัน พัฒน์ไม่ใช่คนชอบก่อกวนใครก่อนหรือโต้ตอยอะไรใครเลย
“พี่เจอแจ็คแล้ว เขาบอกว่าปูปลอดภัยดีแล้ว “ผมพูดกับติ๊ก ดูสีหน้าติ๊กเปลี่ยนไปทันที
“แอ้ ดิว ก็กลับบ้านพักเลย” ผมบอกติ๊กเขาก็ไม่โต้ตอบอะไร
“งั้นผมกลับบ้านพักเลยเหมือนกันเพราะว่าผมจะไปทำรายงานต่อที่บ้าน ผมจะมาหาพี่ตุ๊ตอนเช้าเลยน่ะ จะได้กลับบ้านกัน” ติ๊กพูดพร้องกลับเก็บของบนโต๊ะทำงานของผมจนเรียบร้อย
“งั้นผมกลับบ้านเลยน่ะพี่ตุ๊ ผมจะมาหาพี่ตุ๊พรุ่งนี้เช้า ผมจะกลับกรุงเทพกับพี่ตุ๊และพี่พัฒน์เลย” ติ๊กบอกผม ผมพยักหน้าว่าได้
“พี่จะไปส่งเราก่อนเพราะว่าพี่จะไปงานทำบุญวันเกิดพี่ขวัญเขา” ผมบอกติ๊ก ติ๊กหันมามองผมอีกที ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด
“พรุ่งนี้มาแต่เช้าน่ะจะได้ออกแต่เช้า บอกพี่คนขับรถให้ไปรับแต่เช้าเลยล่ะ” ผมบอกติ๊ก เขาเดินออกไปพอดี ผมหันมามองหน้าพัฒน์ ทันทีที่ประตูห้องทำงานผมปิดลง ผมต้องพ่นลมหายใจออกมาทันที ไหนจะเรื่องโรงเรียน งานเอกสารที่คนเก่าทำค้างเอาไว้และไหนจะเรื่องนักเรียนและนี้ยังมีคุณน้ำตาลอะไรนี้อีกและนี้มามีเรื่องน้องชายคนเล็กอีก
“พี่ตุ๊ ผมว่าลืมเรื่องคุณน้ำตาลไปก่อนเถอะ แค่นี้พี่ก็แก้ไม่ทันอยู่แล้ว” พัฒน์พูด ผมมองหน้าพัฒน์ มีคนเดียวเลยที่เข้าใจผมแต่ว่า
“พี่ต้องจัดการก่อนเลยน่ะพี่ว่าและข้ามเรื่องอื่นมาก่อนเลยเพราะว่า พัฒน์สำคัญกับพี่น่ะ ไม่มีพัฒน์ พี่จะผ่านทุกเรื่องพวกนี้ไปได้ยังไง “ผมพูด
“แต่เรื่องน้ำตาลมันไม่สำคัญนี่ครับ ผมว่านักเรียนเราสำคัญกว่าครับ ผมอยากเห็นพวกเขาเรียนจบและมีอนาคตนี่ครับ” พัฒน์พูด ผมยิ้มให้พัฒน์ ผมว่าพ่อผมโชคดีมากที่ได้พัฒน์มาเป็นลูกบุญธรรม
“เออ พี่เจอครูวินนี่ ครูคนใหม่แล้วน่ะ ตอนแรกพี่ว่าจะให้เขารอเจอพัฒน์แต่ว่าเขารีบน่ะ” ผมพูด
“ก็พัฒน์ดันมาเจอคุณน้ำตาลพัฒน์เลยไม่ลงไปเพราะพัฒน์คิดว่าพี่ตุ๊อยากได้สมาธิในการคุยกับครูคนใหม่นี่ครับ” พัฒน์พูด
“ครูคนใหม่ เขาขอห้องพักที่มีอ่างน้ำ สปาด้วยนะพัฒน์” ผมพูดกับพัฒน์ พัฒน์หันมามองหน้าผม
“คงต้องยอม ตอนนี้เราต้องการคู่และเขาเป็นครูสาขาที่เราขาดพอดีเลยพัฒน์ ยอมเขาหน่อยน่ะ” ผมพูด
“ผมก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่ยอมนี่ครับคุณผู้อำนวยการแต่ว่าพัฒน์ก็ไม่เคยเจอครูคนไหนขอแบบนี่สักคน” พัฒน์พูด ผมพยักหน้าว่าเห็นด้วย แต่ก็ดันมาในช่วงที่ขาดพอดีเลยต้องยอมว่างั้น
“ว่าแต่ของว่างล่ะครับ” ผมถามพัฒน์
“มีครับ ผมเอาไว้ในห้องพี่แล้ว ผมคิดว่าครูคนใหม่จะเข้ามาในห้องทำงานพี่ซะอีก” พัฒน์พูด
“งั้นขอทานของว่างกับผู้ช่วยผู้อำนวนการผมหน่อยนะครับ” ผมพูดก่อนจะนั่งลง พัฒน์จัดการของว่างและชากาแฟมาให้ผมทันทีและถูกใจผมวะด้วย เรียกได้ว่าไม่ต้องพูดให้มากความเลยว่าต้องการอะไรยังไง พัฒน์รู้ใจผมไปหมดและเข้าใจทุกเรื่องเลยก็ว่าได้ ผมจิบชาและขนมที่พัฒน์ตั้งใจทำให้ผม ยิ่งทานก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความตั้งใจทำของพัฒน์
TBC