EP.3 แค่ลูกบุญธรรมที่เขาคิดกัน
Part’ s ครูพัฒน์ วันนี้ผมรู้สึกดีกว่าทุกวันเพราะว่าไม่ต้องตื่นมาคนเดียวแล้ว มีคนที่ผมอยากอยู่ใกล้ตลอดไปมาพักอยู่ด้วย ไม่รู้จะนานแค่ไหนหรือแค่แก้ไขปัญหาได้แต่ว่าแค่นี้ก็เกินกว่าที่ผมคาดหวังเอาไว้เยอะ ผมหันไปมองคนที่เดินออกมาเขายังสวมชุดนอนผ้าแพรที่ผมซื้อเอาไว้ให้ ผมแค่หันไปมองพี่ตุ๊แว๊ปหนึ่งก่อนจะหันมาสนใจอาหารในกระทะที่ผมทำเอาไว้ให้
“อรุณสวัสด์ครับคุณครู ตื่นมาแต่เช้าเลย” เสียงดังมาจากด้านหลังพร้อมกับการสวมกอด
“ฟ้อด!!” เสียงสูดดมความหอมจากต้นคอของผมดังจากคนด้านหลัง
“อาบน้ำแล้วเหรอ” พี่ตุ๊กระซิบถามผม
“ครับ ผมรีบอาบเพราะว่าผมมียืนเวรหน้าประตูครับวันนี้” ผมบอกพี่ตุ๊
“ผมเตรียมอาหารเช้าให้พี่ก่อนแล้วผมจะรีบออกไปเลยครับ พี่ตุ๊ออกมาก็ทานอาหารเช้าก่อนนะครับ คุณผู้อำนวยการคนใหม่” ผมพูดก่อนจะเอี้ยวตัวมองพี่ตุ๊
“ไม่รอพี่ออกไปด้วยเหรอพัฒน์” พี่ตุ๊ถามผม
“พี่ตุ๊ก็ตามออกไปซิครับ พี่ไม่จำเป็นต้องไปแต่เช้าซะหน่อย” ผมพูดก่อนจะตักScumble egg วางไว้บนขนมปังที่ผมอบเอาไว้ให้พี่ตุ๊แล้ว มีผักสลัดจัดเอาไว้เรียบร้อย
“ผมว่าพี่ตุ๊รีบไปอาบน้ำก่อนดีกว่าจะได้ออกมาทานอาหารเช้านะครับ ผมคั้นน้ำส้มเอาไว้ให้พี่ตุ๊ด้วยนะครับ อยู่ในตู้เย็น” ผมบอกพี่ตุ๊ ก่อนจะหมุนตัวหันไปเก็บเอาอาหารที่ผมทำเอาไว้อุ่นไว้ในเตาอบรอพี่ตุ๊ออกมา
“ชุดทำงานของพี่ผมแขวนเอาไว้ให้แล้วนะครับพี่ตุ๊” ผมบอกพี่ตุ๊
“หมับ” จู่ๆ พี่ตุ๊ก็รวบเอวผมเข้าไปหาและผมเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัว โชคดีที่ผมได้วางจานอาหารลงบนโต๊ะแล้ว ผมหันมามองพี่ตุ๊ ฝ่ามือผมก็ดันหน้าอกพี่ตุ๊อยู่ ดันแบบไม่ได้ผลักออก
“อุ้ย! พี่ตุ๊ ผมต้องรีบไปครับ เดี๋ยวครูเมย์จะยืนคนเดียว” ผมบอกพี่ตุ๊ก่อนจะรีบดันออก ผมหันไปหยิบเอาทุกอย่าง
“ขับรถพี่ไปน่ะพัฒน์ วันนี้พี่จะไปที่โรงแรมด้วย พัฒน์ต้องไปกับพี่ด้วย” พี่ตุ๊บอกผม
“แล้วพี่จะออกไปยังไงละครับพี่ตุ๊”
“พี่ออกไปได้ พี่โตแล้วส่วนพัฒน์ขับรถพี่ออกไป ห้ามเถียงพี่น่ะ คำสั่งท่านผู้อำนวยการ ห้ามขัดคำสั่งเด็ดขาดนะครับ คุณครู…ตัวเล็ก” พี่ตุ๊บอกผมแถมยังสั่งห้ามขัดคำสั่งด้วย ผมก็ต้องหันไปหยิบเอากุญแจรถคันหรูของพี่ตุ๊
“พี่ได้รับอิเมลจากครูที่จะมาสอนวิชาภาษาอังกฤษคนใหม่ เขาจะเข้ามาคุยกับพี่วันนี้และเขาจะมาดูสถานที่ด้วย ถ้าพร้อม เขาจะมาสอนเลยน่ะพัฒน์” พี่ตุ๊พูด ผมหันไปมองพี่ตุ๊
“พี่ตุ๊แต่ว่าบ้านพักเรายังไม่เรียบร้อยนี่ครับ” ผมถามพี่ตุ๊ด้วยน้ำเสียงแปลกใจ
“เขาบอกว่าเขาอยากมาสอนนักเรียนแล้วนิพัฒน์ เขารีบกว่าพี่อีกน่ะ ดูเขาพร้อมมาก” พี่ตุ๊พูด ผมพยักหน้าเบาๆ
“และพี่ก็ว่าดีน่ะ เขามาเริ่มเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดีกับเราเท่านนั้นเพราะว่าคุณครูเริ่มบ่นกันแล้ว ตารางสอนแน่นมากพัฒน์” พี่ตุ๊ ผมพยักหน้าว่าจริง
“ส่วนที่พักพี่ว่าจะให้เขาหาที่พักนอกไปก่อนและพี่จะจ่ายให้เขาน่ะ” พี่ตุ๊บอกผม ผมพยักหน้าเบาๆ ส่วนพี่ตุ๊ก็เดินเข้าไปในห้องเพื่ออาบน้ำแต่งตัว ผมรีบเดินลงไปจากบ้านพัก ก่อนจะหันไปมองบ้านพักครู พี่ตุ๊จะเริ่มปรับปรุงทุกหลังให้น่าอยู่มากขึ้น พี่ตุ๊พูดเอาไว้ก่อนที่พี่ตุ๊จะแพลนมาที่นี้
“สวัสดีครับครูพัฒน์” มีคนทักทายผมแต่เช้า ผมหันไปมองลุงภารโรงนั้นเอง
“สวัสดีครับลุงถนอม”
“ออกแต่เช้าเลยนะครับครู”
“ผมมียื่นเวรหน้าประตูความเรียบร้อยเหรอครับ มาแต่เช้าเลยนะครับ” ผมพูดกับลุง ภารโรง
“มีคนเข้ามาทำบ้านพักครูหลังที่สิบนะครับ เห็นผู้อำนวยการบอกว่าจะมีครูคนใหม่เข้ามาอยู่เลยให้รีบทำครับ ผมจึงต้องมาดูทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนครับครู จะได้อำนวยความสะดวกให้ทีมช่างด้วยครับ” ลุงภารโรงพูด ผมพยักหน้า
“งั้นผมไปก่อนนะครับ” ลุงภารโรงพูดก่อนจะขี่จักรยานคู่ใจผ่านผมไป
ผมก็เดินไปขึ้นรถหรูของพี่ตุ๊ รถยนต์นำเข้า ราคาแพง ถามว่าถ้าผมบอกพ่อบุญธรรม ผมก็ได้แต่ผมไม่ ผมขับแค่รถคันล่ะไม่กี่แสนก็พอแล้วแต่นี่คำสั่งผู้อำนวยการก็ต้องทำตามแหละครับ เป็นครูตัวน้อยๆ ของพี่ตุ๊ไงเลยไม่กล้า ผมขับมาถึงที่โรงเรียนก็นำรถเข้าไปจอดที่ตรงที่จอดรถของผู้อำนวยการ ผมเดินลงจากรถตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าปกติจะมีพ่อครัวแม่ครัวมาแต่ว่าวันนี้ยังไม่มี ก็แน่ล่ะเมื่อวานมีตีกันจนห้องอาหารเปิดใช้งานไม่ได้ ผมหวังว่าเหตุการณ์เมื่อวานจะเป็นเหตุการณ์สุดท้าย
“นี้แก ผู้อำนวยการหล่อมากเลยอ่ะ ยังไม่แต่งงานด้วย”
“ไม่ต้องไปนั่งหวังหรอก ไม่ถึงแกหรอก”
“ทำไมอ่ะ”
“ก็มีครูพัฒน์อยู่ ใครก็พูดกันว่านางคอยตามติดคุณตุ๊ไม่ห่าง เหมือนจะหวงก้าง ทั้งที่เป็นแค่ลูกบุญธรรมไม่ใช่น้องแท้ๆ สักหน่อย” ผมชะงักเท้าหยุด เสียงนั้นดังอยู่ไม่ไกลแต่เขาคงไม่ได้สังเกตุว่าผมอยู่ตรงนี้
“ครูพัฒน์ค่ะ” ผมสะดุ้งทันทีที่มีมือเล็กๆ มาแตะที่ต้นแขนผม
“ขอโทษทีนะคะครูพัฒน์ เมย์ทำครูตกใจเลย” ครูเมย์บอกผม
“เราออกไปยืนที่หน้าประตูกันเลยไหมคะ เด็กนักเรียนเริ่มทยอยเข้ามากันแล้วค่ะ” ครูเมย์ถามผม ผมพยักหน้าก่อนจะหันไปมองสองคนที่เดินหายไปเพื่อขึ้นไปที่ห้องธุรการกันแล้ว
“อย่าไปถือสาสองคนนี้เลยนะคะ เมย์ว่าที่เขานินทาว่าครูพัฒน์น่ะ คงจะเป็นเพราะว่าเขามีปมนะคะ อยากมีแต่ต้นทุนของคนเราไม่เท่ากันและสองคนนี้ก็ไม่น่าจะมีต้นทุนอะไรเลย แถมยังใช้เงินซื้อแต่ของแบรนด์เนมแต่ว่าหนี้บัตรเครดิตเพียบ” ครูเมย์พูด ผมหันไปมองครูเมย์
“วันก่อนเห็นโวยวายกับธนาคาร คงโทรมาทวงเงินนะคะ” เมย์พูดพร้อมกับสั่นหัวไปด้วย
“ผมรู้ครับว่าต้นทุนคนเราไม่เท่ากันแต่เขาสองคนน่ะมีสิ่งที่ดีกว่าผมอีกนั้นคือครอบครัว มีพ่อแม่ ส่วนผมน่ะเป็นลูกบุญธรรมก็จริงแต่ผมก็อยากได้ความรักจากพ่อแม่จริงๆ ของผมนะครับครูเมย์” ผมหันมาพูด ครูเมย์มองด้วยความเห็นใจ
“ถ้าพ่อแม่ครูยังอยู่ เขาต้องภูมิใจในตัวครูพัฒน์ค่ะ ครูพัฒน์เป็นคนดีและจิตใจดีขนาดนี้” ครูเมย์พูด
” เพราะตั้งแต่เมย์มาเป็นครูที่นี้ เมย์เห็นครูพัฒน์ทำทุกตำแหน่งเลยก็ว่าได้ เพื่อโรงเรียนนี้ เพื่อตอบแทนบุญคุณท่าน แต่ว่าคนอื่นน่ะเขาอาจจะมองครูพัฒน์ไม่ดีก็เพราะว่าเขาอิจฉาครูพัฒน์มากกว่า อย่าไปใส่ใจกับคำพูดคนเหล่านั้นเลยนะคะ ครูพัฒน์ทำดีที่สุดแล้ว” ครูเมย์พูดให้กำลังใจผม
ผมพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะพากันเดินออก จะว่าไปวันนี้สภาพโรงเรียนก็ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แล้วนี่ภารโรงจะทำไหวไหมน่ะ ผมแอบพ่นลมหายใจออกมาก่อนจะไปยืนจุดที่ครูทำหน้าที่ยืนเวรยืน มีเด็กบางคนที่พ่อแม่มาส่งแต่เช้าก็มี พี่ตุ๊ว่าจะเปิดเป็นโรงเรียนกินนอนร่วมด้วยเพราะมีเด็กที่บ้านไกลมาเรียนที่นี้เขาจะได้สะดวกสบาย
หลังจากทำหน้าครูยืนเวรหน้าประตูจนได้เวลาที่ผมจะพักก่อนจะกลับไปทำหน้าที่ครูสอนตอนเช้า จะว่าไปตอนนี้พี่ตุ๊มาแล้ว ผมคงไม่จำเป็นต้องทำไปหมดซะทุกอย่างแล้วมั้ง ผมเดินไปที่ห้องทำงานพี่ตุ๊ ผมคิดว่าพี่ตุ๊น่าจะมาแล้ว เพื่อว่าพี่ตุณต้องการอะไรผมจะได้จัดหาให้เขาก่อนจะเข้าสอน
“ตึ้ง!!” ผมกดกริ่งหน้าห้องทำงานผู้อำนวยการ พี่ตุ๊มีมอนิเตอร์คอยดูว่าใครที่มาอยู่ที่หน้าทำงานของเขา
“เชิญครับคุณครู” พี่ตุ๊ส่งเสียงผ่านเครื่องนั้นออกมา ผมก็ผลักประตูทันทีที่ได้ยินเสียงสัญญาณปลดล๊อกดังขึ้น
“ยื่นเมื่อยไหมครับคุณครู” พี่ตุ๊ละสายตาจากเอกสารตรงหน้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม วันนี้เขาสวมเสื้อเขียวอ่อนพร้อมกับเนกไทที่เข้ากันกับเสื้อสีพื้นนั้น พี่ตุ๊ไม่ได้สวมสูทแค่พลาดเอาไว้ที่ขอบเก้าอี้ ผมเดินมาหยุดตรงหน้าเขา
“นั่งซิครับ ยื่นมาตั้งแต่เช้าเมื่อยแย่แล้ว นั่งพักคุยกับพี่ก่อน” พี่ตุ๊ชี้นิ้วบอกให้ผมนั่ง
“ก็ผมคิดว่าแค่มาแวะดูพี่ตุ๊นะครับ ว่าพี่ตุ๊ต้องการอะไรเพิ่มไหม ถ้าไม่ผมจะได้ไปทำหน้าที่ครูสอนนักเรียนครับ” ผมบอกพี่ตุ๊
“ขยันจัง จะขึ้นห้องไปก่อนเวลาเหรอ” พี่ตุ๊หลี่ตาขึ้นมองผม มุมปากเขากระตุกเป็นรอยยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มที่ละมุนมาก
“ก็ควรจะเป็นเช่นนั้นไม่ใช่เหรอครับ” ผมถามพี่ตุ๊ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกัน
“ทำไมนักเรียนไม่เอาแบบอย่างครูพัฒน์บ้างน่ะ บางคนได้เวลาแล้วยังพากันยื่นอยู่ด้านล่างอยู่เลยไม่ยอมขึ้นห้องซะที” พี่ตุ๊พูดปนหัวเราะ
“ก็มีเด็กหลายคนที่ไปรอผมก่อนนะครับ” ผมบอกพี่ตุ๊
“ตกลงพี่จะสอนวิชาสังคมแทนครูคนเก่าจริงๆ เหรอครับ” ผมถามพี่ตุ๊ พี่ตุ๊พยักหน้าว่าใช่ ผมเหลือบไปเห็นหนังสือสำหรับใช่สอนเด็กวางอยู่ พี่ตุ๊เขาทำการบ้านมาดีเลยว่าเขาจะสอนวิชาอะไรและสอนยังไง
ผมยอมรับว่าพี่ตุ๊เป็นคนที่เก่งมาก เป็นคนฉลาด เรียนเก่งมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เรียกได้ว่าทุกบ้านเลย แต่เก่งคนล่ะแบบกัน พี่ตุ๊นี่เก่งวิชาการ พี่ตุ๊เรียนจบที่ละสองปริญญาบัตรและเรียนสองที่ด้วย ตอนที่อยู่เมืองนอก วิ่งวุ่นเลยก็ว่าได้แถมงานโรงแรมก็ดูแลไปด้วยอีกเพราะว่าพ่อภาคย์มีโรงแรมต่างประเทศด้วย
“พัฒน์จะขึ้นไปเลยไหม พี่จะขึ้นสอนพอดีเลย กะว่าจะไปเซอไพรส์น้องๆ ซะหน่อย” พี่ตุ๊พูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน จัดเนกไทเข้าที่แต่ว่ายังเบี้ยวอยู่ ผมเดินไปช่วยจัดให้เหมือนทุกที พี่ตุ๊มองผม สายตาคู่นี้มันทำให้ผมนิ่งไปหลายวินาที ผมสังเกตริมฝีปากพี่ตุ๊ เหมือนกับว่าเขากำลังจะ จะ จูบแต่ว่าผมก้าวถอยหลังออกซะก่อน เพราะว่าผมควรให้เกียรติสถานที่ พี่ตุ๊มองผมยิ้มๆ
“ขอบคุณนะครับ” พี่ตุ๊พูด ก่อนจะหันไปหยิบหนังสือเตรียมขึ้นสอน
“พี่ตุ๊แล้วโรงอาหารล่ะครับ ดูท่าจะใช่ไม่ได้วันนี้ แถมยังไม่มีพ่อค้าแม่ค้ามาด้วยครับ” ผมถามพี่ตุ๊
“พี่มีคนทำความสะอาดแล้ว” พี่ตุ๊พูด ผมต้องขมวดคิ้ว
“ก็ใครล่ะที่ทำให้มันเละแบบนั้นตั้งแต่เมื่อวาน น้องๆ เราไหม” พี่ตุ๊พูด
“ก็ต้องชุดนั้นแหละทำและยิ่งเป็นลูกหลานเจ้าของโรงเรียน จะได้เป็นแบบอย่างเด็กคนอื่นๆ” พี่ตุ๊พูด ผมนี่แอบส่ายหัวเลย มิน่าเด็กๆ ถึงได้กลัวพี่ตุ๊น่าดู
“พี่สั่งพิซซ่าไว้ให้เด็กๆ ที่มาวันนี้ เดี๋ยวพัฒน์ไปบอกให้คุณครูประกาศด้วยนะครับว่าเรามีอาหารกลางวันเลี้ยงทุกคน จะได้ไม่ต้องออกไปทานด้านนอก อันตรายกับเด็กๆ” พี่ตุ๊บอกผม ผมพยักหน้ารับทราบ
“พี่สั่งอาหารกลางวันของพี่และพัฒน์ด้วย มาทานกับพี่น่ะ” พี่ตุ๊บอกผม ผมหันไปมองพี่ตุ๊
“พี่จะให้เจ้าหน้าที่ธุรการเดินไปแจ้งพ่อค้าแม่ค้า ว่ามีอะไรเสียหายให้แจ้งทางเรา เราจะรับผิดชอบ ช่วยเหลือเขา เขาจะได้พร้อมเปิดร้านให้เด็กๆ ให้เร็วที่สุด” พี่ตุ๊พูด ผมพยักหน้า พี่ตุ๊เหมือนพ่อจังมุมนี้ เป็นคนใจดีช่วยเหลือหลายคนและนั้นก็ได้คนดีดีกลับมาด้วยเสมอ ผมยิ้ม พี่ตุ๊เงยหน้ามองผม ผมเลยต้องหุบยิ้มทันที
“วันนี้ช่วงบ่าย คุณครูคนใหม่ที่ว่าจะมาสอนวิชาภาษาอังกฤษ เขาจะมาคุยกับพี่และสำรวจโรงเรียนตอนบ่ายนะพัฒน์” พี่ตุ๊บอกผม
“ช่วงบ่ายไม่มีสอนไม่ใช่เหรอ ไปเดินไปเพื่อนพี่หน่อยเวลาพาเขาสำรวจโรงเรียนเพราะว่าพัฒน์ รู้ดีกว่าพี่แน่นอน” พี่ตุ๊พูด ผมพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะส่งยิ้มอ่อนๆ ให้ผม
“หมับ” จังหวะที่ผมกำลังจะหมุนตัวเดินออก จู่ๆ ก็มีคนมาคว้าลำตัวผมเอาไว้แน่นอนผมไม่ทันได้ตั้งตัวก็เสียหลักจนไปชนกับแผ่นอกแน่นๆ ของพี่ตุ๊
“ยิ้มหวานๆ แบบนี้ ห้ามไปยิ้มให้ครูผู้ชายคนอื่นๆ น่ะ” พี่ตุ๊กระซิบกับผม ทำเอาผมหน้าแดงขึ้นมาทันทีและพี่ตุ๊ก็ปล่อยให้ผมเดินออกไปจากห้อง ผมรู้สึกถึงความอุ่นๆ ที่เกิดจากเลือดที่สูบฉีดบนใบหน้าของผมทันที
ผมเดินออกมาก็ตรงไปที่ห้องประชาสัมพันธ์ทันที เพื่อแจ้งให้เจ้าหน้าที่ประกาศให้ ทันทีที่ผมเดินมาจนถึงห้องประชาสัมพันธ์ ผมก็เจอกับคุณน้ำตาลที่สวมชุดแซกหนังสีแดงแถมยังสั้นมากถุงน่องลายสีดำ รองเท้าส้นเข็มแหล่มจนน่ากลัว กลัวว่าถ้ามันหักขึ้นมาคงได้กันไปล้มคว่ำกันบ้างล่ะ และที่ดูไม่สุภาพก็เสื้อเกาะอกจนเห็นเนินทะลักขึ้นนั้น ผมเห็นเด็กนักเรียนชายที่เดินผ่านยังหันมามองกันเลย ต่อให้เธอจะสวมเสื้อแจ็กเกตตัวสั้นมาด้วยก็เถอะ แต่มันก็เห็นได้ว่ามันดูไม่สุภาพกับสถานที่แบบนี้ เธอหันมามองผมก่อนจะใช้นิ้วคีบแว่นตาหนาๆ สีดำนั้นลง
“อุ้ยตาย! นึกว่าใคร” ประโยคแรกที่เธอเอ่ยทักผม
“สวัสดีครับคุณน้ำตาล ไม่ทราบว่าวันนี้มามีธุระอะไรหรือเปล่าครับ”
“มีธุระซิฉันถึงได้มา แต่ธุระของฉันน่ะ ไม่เกี่ยวกับลูกบุญธรรม ธุระของฉันมันเกี่ยวกับผู้อำนวยการคนใหม่เท่านั้น” เธอลอยหน้าลอยตาพูดกับผม
“ฉันเอากระเช้ามามอบให้ผู้อำนวยการคนใหม่ย๊ะ! “คุณน้ำพูดกระแทกเสียงใส่ผม ผมถึงกับถอนหายใจแรงๆ เธอเรียนจบมาจากนอก นิสัยเธอดูหยาบกระด้าง ผมเองก็มีเพื่อนไปเรียนเมืองนอกหลายคน ยังไม่เท่าเธอเลยจริงๆ
“ผู้อำนวยการขึ้นสอนแล้วครับ” ผมกลั้นใจตอบเธอไป
“โกหก! ผู้อำนวยการที่ไหนจะต้องไปสอนเอง บ้าหรือเปล่า หรือว่าแกกันท่ากันแน่ นังพัฒน์!!” คุณน้ำตาลพูด สองคนที่ยืนอยู่ ผมรู้ว่าเธอสองคนได้มาทำงานที่นี้ก็เพราะพ่อเธอเป็นคนฝากมา ต่างก็พากันยืนเบ้ปากใส่ผมพร้อมกัน แถมยังพยักหน้าน้ำตาลเห็นด้วย อย่างนี่ซิน่ะ นายว่าขี้ข้าพลอย
“ไปเลยไหมคะคุณน้ำตาล โบพาไปเองค่ะ ไปห้องผู้อำนวยการเลย วันนี้แต่งตัวสวยนะคะ คนหล่อก็ต้องเหมาะสมกับคนสวยและเก่งค่ะ โดยเฉพาะคุณน้ำตาละค่ะ มีลูกนี้ไม่อยากคิดนะคะว่าหน้าตาจะดีขนาดไหน คิกๆ” เจ้าหน้าที่ธุรการก็ ถือกระเช้าที่คุณน้ำตาลจะเอาไปให้พี่ตุ๊ ไว้พร้อมกับผายมืออย่างอ่อนน้อมถอมตน แต่นางไม่ได้ปฏิบัติอย่างนี้กับทุกคน ผมรู้ดี ปฏิบัติกับคนที่แต่งตัวดีเท่านั้น โดยเฉพาะนายของนาง
“สวัสดีครับคุณป้า มาหาใครเหรอครับ” ผมเห็นป้าคนหนึ่งเดินมา ผมว่าน่าจะมาหาหลานเขาแน่ๆ ผมเดินเข้าไปหาแต่เจ้าหน้าที่ธุรการที่ยืนอยู่กับไม่ยอมทำหน้าที่รับติดต่อ ผมเดาว่าเพราะการแต่งกายแน่นอน
“ป้ามาหาเด็กที่ชื่อจิรพัฒน์ แสงสีนะคะ พอดีป้าเป็นเพื่อนบ้าน จะมาบอกว่าแม่เขาน่ะไปโรงพยาบาล ป้าเองก็ติดต่อปูมันไม่ได้ค่ะ” ผมพยักหน้า ผมรู้จักเด็กคนนี้พอสมควร เขาเป็นคนขยันตั้งแต่แม่เขาป่วยเป็นมะเร็ง ป้าแป้ดที่เป็นแม่บ้านเขาเคยเข้าไปขอร้องพ่อบุญธรรม ว่าให้เด็กคนนี้เรียนให้จบที เพื่อว่าเขาจะได้มีงานทำดูแลแม่ของเขาได้
“ได้ครับผมให้เจ้าหน้าที่ประกาศให้นะครับ” ผมบอกคุณป้าก่อนจะหันมามองเจ้าหน้าที่ ทั้งที่ผมสองคนก็ยืนคุยกันไม่ได้ไกลกันมากแต่นางกับทำไม่รู้ไม่ชี้
“คุณปรียาครับ ผมรบกวนประกาศเรียกเด็กที่ชื่อ จิรพัฒน์ แสงสี ให้หน่อยครับ ขอบคุณครับ” ผมหันไปเจอธุรการอีกคนที่เป็นเพื่อน เธอกำลังจะเดินตามเพื่อนเธอแต่ผมเรียกเธอไว้ซะก่อนและมอบหมายงานให้เธอ นางก็มองผมก่อนจะเบ้ปากใส่และหันไปเปิดเครื่องเพื่อนประกาศเรียกชื่อ ผมหันมาคุยกับคุณป้า
“แล้วแม่ของเขาไปโรงพยาบาลเมื่อไหร่ครับ” ผมถามคุณป้าระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่ประกาศ
“เมื่อเช้าค่ะ แต่ป้าแค่แวะมาบอก แม่ของปูเขาน่ะบอกว่าไม่ต้องรีบไปหาเขา เขาไม่เป็นอะไรมากแค่อ่อนเพลียนะคะ ให้ปูไปหลังเลิกเรียนก็ได้ค่ะ” คุณป้าบอกผม
“ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอตัวก่อนได้ไหมคะ รถมอเตอร์ไซค์วินมันรออยู่เดี๋ยวมันบ่นเอาดิฉันฝากเรื่องไว้กับครูเลยนะคะ ขอบคุณค่ะ” ป้าคนนั้นบอกผม ผมหันมามองเจ้าหน้าที่ธุรการ เธอก็มองแบบเหยียดๆ เธอมองคนแค่ภายนอกจริงๆ ป้าเขาสวมผ้าถุงเสื้อบ้านๆแต่เขาก็คือชาวบ้าน ไม่ใช่คุณหญิงคุณนานที่ไหนสักหน่อย ผมแอบสั่นศีรษะเบาๆเอื่อมระอากับเจ้าหน้าที่ธุรการสองคนนี้เหลือเกิน
“ผมฝากแจ้งเด็กด้วยนะครับ ผมจะรีบไปสอน อย่าลืมบอกเด็กนะครับ อันนี้สำคัญกับเขานะครับ ขอบคุณครับ” ผมบอกเจ้าหน้าที่ นางก็พยักหน้าอย่างเสียไม่ได้
“เป็นแค่ลูกบุญธรรม ทำมาเป็นก่าง เชอะ! “ผมได้ยินแต่ก็ไม่อยากหันไปต่อปากต่อครับ ผมรีบเดินไปห้องที่ผมจะไปทำการสอนจะดีกว่า ผมตรงไปยังห้องที่ผมจะสอนเป็นวิชาแรก แต่ว่าผมเห็นเด็กๆ ยืนมุงที่หน้าห้องเรียน
“มีอะไรกันเหรอ ทำไมยังไม่เข้าห้องเรียนกันล่ะ” ผมถามทุกคน
“พวกหนูเห็นพี่ๆที่มีเรื่องกันเมื่อวานอ่ะค่ะครูพัฒน์ เขาลงไปช่วยกันทำความสะอาดในห้องอาหารค่ะ” เด็กนักเรีนหญิงคนหนึ่งพูด ผมก็เดิมมายืนดุเช่นกัน พวกน้องๆ นั้นเอง
“หล่อแล้วยังนิสัยดีอีกด้วยอ่ะ นี่พี่เขาคงเป็นห่วงว่าพวกเราไม่ที่ทานอาหารกันแน่ๆ เลย” ผมพยักหน้า ผมเดาว่าพี่ตุ๊คงไล่ลงไปทำกันน่ะ แต่ก็ดีที่น้องๆ คิดบวกกัน
“แต่ว่าพี่เขาจะทำเสร็จทันไหมอ่ะ ด้านนอกก็เละเทะเลยอ่ะ” คนอื่นเริ่มพูดกัน
“เอาอย่างนี้ไหม ลงไปช่วยกันทำรอบนอกกันน่ะ วันนี้ครูจะไม่สอนหนึ่งวัน เราช่วยกันทำเดี๋ยวก็เสร็จ” ผมบอกทุกคน ครูห้องข้างที่ยืนอยู่ก็ชะเง้อมอง
“พี่เห็นด้วยน่ะ ถึงเราจะไม่ได้ทำแต่นี้โรงเรียนพวกเรา “ครูท่านอื่นๆ พูดและพากันหันไปเดินเข้าไปบอกนักเรียนในห้องที่สอนอยู่และทุกคนก็ออกมาและพากันเดินลงไปเพื่อช่วยกันทำความสะอาด
“ครูพัฒน์พี่ได้ยินประกาศว่า ผู้อำนวยการสั่งพิซซ่ามาเลี้ยงทุกคนใช่ไหมคะ” พี่มารศรีครูสอนวิชาคณิตศาสตร์
“ใช่ครับครู วันนี้เราไม่ต้องไปหาซื้ออาหารข้างนอกกัน วันนี้ไม่มีแม่ค้าพ่อค้ามาเลยค่ะ เมื่อวานข้าวของเสียหายเยอะ พี่ตุ๊กำลังให้การช่วยเหลืออยู่ค่ะว่าต้องซื้ออะไรเพิ่มบ้าง” ผมบอกครูมารศรี
“คุณตุ๊นี้หล่อและใจดี เหมือนคุณพ่อคุณตุ๊เลยนะคะ พี่ไม่อยากไปเป็นครูที่อื่นก็เพราะคุณพ่อคุณท่านใจดี มีเมตตา” พี่มารศรีพูด
“พี่จำได้ดีเลย ตอนที่สามีประสบอุบัติเหตุ พี่ไม่มีเงินรักษา โชคดีที่ท่านยื่นมือเข้ามาช่วย จนสามีพี่หายดี กลับมาทำงานได้ พี่นี้เกือบเสียเสาหลักของบ้านไปซะแล้ว พี่นี้ไม่ลืมบุญคุณท่านเลยค่ะ” พี่มารศรีพูด
“หล่อและมากความสามารถอย่างคุณตุ๊นี้ ยังไม่มีแฟนอีกเหรอคะ ครูพัฒน์ “พี่มารศรีถามผม ผมหันไปมองหน้าเขา
“ผมไม่ทราบนะครับ”
“อะไรกัน เป็นถึงน้องชายคุณตุ๊เลยน่ะ” พี่มารศรีพูด ผมยิ่งพูดอะไรไม่ออก ผมถูกมองแค่สถานะน้องชายพี่ตุ๊แค่นั้น
“เดี๋ยวพี่ไปคุมเด็กๆ ก่อนนะ ปล่อยให้ลงมาเล่นหรือปล่อยให้ลงมาทำงานกันก็ไม่รู้” พี่มารศรีบอกผม ผมพยักหน้า จะว่าไปห้องพี่ตุ๊ก็ลงกันหมดแล้วพี่ตุ๊ล่ะ ไปไหนน่ะ
“ต้องไปถามนางครูพัฒน์ว่าพี่ตุ๊อยู่ไหน กันท่าอยู่ได้!” เสียงดังมาจากทางด้านหลังของผม ผมหันไปมองไม่ใช่ใครอื่น คุณน้ำตาล นี้นางลงทุนเดินหาพี่ตุ๊ในโรงเรียนเลยเหรอ
“นี่ คุณตุ๊เขาไปไหน ทำไมฉันไปที่ห้องแต่ไม่มี แกนี่ร้ายมากน่ะ ไม่ยอมบอกฉันใช่ไหม” น้ำตาลเธอเดินลงมาก็ใส่ผมเป็นชุด พร้อมกับคนสนิทที่เดินตามติดนางโดยไม่สนใจหน้าที่ที่เขาต้องทำ
“คุณน้ำตาลครับ ผมนะบอกคุณน้ำตาลไปแล้วนะครับ ว่าพี่ตุ๊ เออ คุณตุ๊นะครับ เขามีสอนหนังสือตอนเช้า” ผมพูดด้วยความเอือมระอา
“ฉันไม่เชื่อแกหรอกว่าคุณตุ๊ที่เป็นเจ้าของโรงเรียนต้องลงไปทำหน้าที่สอนหนังสือเอง ไปหลอกเด็กเถอะไป๊!” คุณน้ำตาลพูด
“ไม่ต้องไปหลอกเด็กหรอกมั้งครับ คุณเองเป็นผู้ใหญ่ ยังไม่เชื่อเลย นับประสาอะไรกับเด็ก” เสียงพี่ตุ๊ดังมาจากทานด้านหลัง
“คุณตุ๊!! นี่น้ำตาลมาพบคุณตุ๊นะคะ” นางรีบปรี่เข้าไปหาพี่ตุ๊ทันที พี่ตุ๊เหลือบตามามองผมก่อนจะตวัดสายตากลับไปมองคุณน้ำตาล
“มาหาผม?” พี่ตุ๊ถามเธอด้วยความแปลกใจก่อนจะเปิดสมุดเช็ดดูตารางการนัดหมาย
“ใช่ค่ะน้ำตาลไม่ได้นัดไว้ค่ะแต่น้ำตาลเอากระเช้ามาให้ เซอไพรส์ให้กับผู้อำนวยการคนใหม่นะคะ มาแสดงความยินดีค่ะ” คุณน้ำตาลพูดยิ้มหวานแต่พี่ตุ๊ ยังยืนนิ่งพร้อมกับมองกระเช้า คุณน้ำตาลเลยต้อหุบยิ้มทันทีเพราะว่าในกระเช้ามีแอลกอฮอล์ด้วยและยังหิ้วเข้ามาในโรงเรียนแบบนี้ด้วย
“ผมรู้สึกยินดีนะครับแต่ว่าที่นี้โรงเรียน ไม่น่าจะมีสิ่งเหล่านี้ อันที่จริงน่าจะฝากไว้ที่ป้อมให้ผมจะดีกว่านะครับ” พี่ตุ๊พูดน้ำตาลเธอหน้าเจื่อนไปทันที ก่อนจะหันไปดุเด็กของเธอด้วยสายตา ว่าจัดกระเช้าไม่ถูกกาละเทศะ
“เออ…ยินดีต้อนรับนะคะคุณตุ๊ น้ำตาลคือตัวแทนคนทั้งจังหวัดนี้ ยินดีมากๆ ค่ะที่คุณตุ๊จะมาอยู่ที่นี้ค่ะ” น้ำตาลพูด พี่ตุ๊ขมวดคิ้วหนักเข้าไปอีก
“เป็นตัวแทนจังหวัดเลยเหรอครับ” พี่ตุ๊ถามคุณน้ำตาลกลับ
“ผมคิดว่าไม่ต้องขนาดนั้นหรอกครับเพราะว่าผมไม่ใช่นายกรัฐมนตรีครับ” พี่ตุ๊พูด
“และผมเองก็มาที่นี้กับพ่อผมบ่อยเหมือนกัน ดังนั้นนี้ไม่ใช่ครั้งแรกครับ” พี่ตุ๊พูด คุณน้ำตาลยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะหันมามองสองสาวข้างกายเธอ
“คุณสองคน มานี้แล้วใครดูแลห้องประชาสัมพันธ์ละครับ ถ้ามีคนโทรเข้ามาติดต่อ ใครจะรับเรื่องละครับ” พี่ตุ๊ถามสองสาวข้างกายคุณน้ำตาล
“พอดีพาคุณน้ำตาลมาตามหาคุณตุ๊นะคะ” หนึ่งในนั้นพูดพร้อมกับเจื่อนๆ ไม่แพ้คุณน้ำตาลนายของเธอเลย
“งั้นก็กลับไปทำงานได้แล้วมั้งครับ เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์กับธุรการ ควรทำงานที่ห้องทำงานครับ ไม่ใช่มาเดินชมโรงเรียน ขอบคุณนะครับ” พี่ตุ๊พูด เธอสองคนถึงกับหน้าเจื่อนไปตามๆกันเช่นกัน
“อย่าไปว่าน้องเขาเลยนะคะพี่ตุ๊ ที่เขาพาน้ำตาลมาก็เพราะว่ามีคนไม่ยอมบอกน้ำตาลนะคะ ว่าคุณตุ๊ไปไหน ปล่อยให้น้ำตาลเดินตามหา จนเหงื่อแตกเลยค่ะ นี่เกือบจะเป็นลมอยู่แล้วนะคะ” คุณตาลพูด พร้อมกับทำท่าจะเป็นลมอีก
“โอ้ยย! อยู่ๆ ก็หน้ามืดค่ะคุณตุ๊ขา” คุณน้ำตาลพูดและทำท่าจะเซไปหาพี่ตุ๊ แต่ว่าจังหวะนั้นโทรศัพท์พี่ตุ๊ดังขึ้นซะก่อนพี่ตุ๊เลยรีบกดรับแทนที่จะรับนาง นางก็เกือบได้ล้มฟรี ดีที่นางยังทรงตัวทัน
//สวัสดีครับ ใช่ครับผมเป็นผู้อำนวยการครับ ครับผม เหรอครับ อ้อ ไม่เป็นไรครับ เป็นวันอื่นก็ได้ครับ ครับ ขอให้คุณแม่แข็งแรงไวไวนะครับ ครับผม ได้ครับ ยินดีอย่างยิ่งครับ …. //และพี่ตุ๊ก็ปลีกตัวออกไปรับคุณโทรศัพท์ แทนโดนไม่สนใจคนที่เซไปหา นางเกือบได้ลงไปนั่งจ้ำเบาแล้ว ดีทีเถอะตั้งหลักทัน คงได้อายขายหน้ากับเสียงหัวเราะเด็กๆ บ้างแหละ
“คุณตุ๊!!” ผมก็หันมามองคุณน้ำตาลที่ยืนชักสีหน้าไม่ค่อยพอใจ ก่อนจะหันมามองผม
“ผมขอตัวนะครับ ผมต้องไปทำหน้าที่ของผม พ่อผมก็จ้างผมมาทำงานเหมือนกันครับ ดังนั้น เงินทุกบาททุกสตางค์ที่พ่อผมจ่ายให้ผมก็ต้องทำงานตอบแทนครับ ให้คุ้มค่าเหมือนกัน” ผมพูดก่อนจะเหลือบตาไปมองคนที่ยืนข้างๆ น้ำตาล ผมว่าเขาน่าจะคิดได้บ้างน่ะ ก่อนจะพยักหน้าและพากันเดินออกไป กลับไปห้องทำงานของตัวเอง ส่วนผมก็หันหลังเดินออกเช่นกัน ผมว่าผมควรจะลงไปดูน้องๆจะดีกว่าที่จะมายืนดูอะไรที่ไร้สาระแบบนี้ ส่วนพี่ตุ๊เองก็มีสายเข้ามาอีก ผมฟังดูแล้วน่าจะเป็นพ่อภาคย์แต่ผมเลือกเดินออกมาซะก่อน
“รู้ตัวก็ดีว่าอยู่ในฐานะอะไร เป็นลูกบุญธรรมก็ทดแทนให้มันคุ้มๆ หน่อย” พอพี่ตุ๊คล้อยหลัง นางก็หันมาพูดตามหลังผม ผมเองก็ทำเป็นไม่สนใจเพราะว่านี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางดูเหยีนดผมอย่างออกนอกหน้า ทั้งที่ความจริง ไม่ใช่ผมน่ะที่กันท่าพี่ตุ๊ พี่ตุ๊เองต่างหากที่แสดงออกชัดเจนว่า เขาไม่สนใจนาง นางเองกลับดูไม่ออกเองและยังมาโทษผมอีก
TBC ...