เพราะรักเสพติด ตอนที่ 2 หลอกลวงเธอในคืนผีผลัก
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เพราะรักเสพติด ตอนที่ 2 หลอกลวงเธอในคืนผีผลัก  (อ่าน 378 ครั้ง)

ออฟไลน์ boombim.2539

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
หลอกลวงเธอในคืนผีผลัก
(คูปอง)
“วันนี้จะมีคนใจดีเลี้ยงเพื่อนมั้ยน๊า” เสียงของไอ้ ไมล์ หรือหมื่นไมล์พูดขึ้นทันทีที่ตูดผมแตะลงโซฟามันหรี่ตามาทางผมขนาดนี้ก็คงเดาไม่อยากว่าเป้าหมายคนจ่ายเงินของมันคือใคร
“มึงชวนมา แถมบอกอกหักแล้วกูต้องจ่ายเร้าะ” ผมถามมันออกไปด้วยน้ำเสียงกวนส้นเล็กน้อย
“ใครเมาก่อนเลี้ยง จบ” เสียงม่านพูดขึ้น พวกผมหันไปมองมันพร้อมกันแบบไม่ได้นัดหมาย
“สงสัยกูว่าเจ้าของร้านคงได้จ่ายแทนอ่ะงั้น แดกสักสามวันติดน่าจะมีคนเมาก่อนสักคนพอดี” เหนือฟ้าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเอือมๆ ขอบ่นหน่อยไอ้ไมล์มันก็แบบนี้อ้างว่าอกหักแล้วชอบจะให้เพื่อนเลี้ยงเหล้าตลอด แต่ถามว่ามันอกหักจริงมั้ยบอกเลยว่าไม่ ถ้าบอกว่ามันไปหักอกเขาน่ะจริงแท้แน่นอน ให้ไปเลี้ยงเหล้าปลอบใจเขาดีกว่าต้องมาเลี้ยงมัน ผมเลิกสนใจพวกมันก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อเข้าดูอะไรนิดๆ หน่อยๆ รอพนักงานเอาเหล้ามาให้ แต่ยังไม่ทันถึงนาที
พรึ่บ! ไอโฟนสิบห้าโปรแม็กซ์ที่แม่พึ่งถอยให้เป็นของขวัญ เนื่องในโอกาสที่ผมหยุดกินเหล้าได้สี่วันเพราะแฮงค์ยาดอง ทำลายสถิติที่ผมเคยหยุดกินสองวันได้ ถูกใครสักคนฉกไปหายวับกับตา ผมนิ่งไปสามวิ
“ตามมั้ยยังไง” ม่านพูดออกมาหน้าตาเฉยๆ ไอ้นี่ก็ตายด้านเรื่องนี้นะมึง ผมไม่ตอบแต่คว้าแตะคู่ใจวิ่งตามหลังมันไปทันที ไอ้ห่ารากแต่งตัวก็ดีแต่มาฉกไอโฟนคนอื่นแบบนี้นะมึง ผมวิ่งสี่คูนร้อยตามหลังมันไปจนทัน ก่อนจะฟาดอีแตะที่ง้างมือมาตั้งแต่บางกอก ผมฟาดออกไปเต็มแรง ก่อนคนโดนจะหันมาแล้วทำหน้าตกใจ ตกใจเชี้ยไรมึง กูนี่ต้องตกใจ สัส
“จะทำอะไรกับโทรศัพท์กู” ผมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด พร้อมง้างมือจะเอาแตะฟาดมันอีกทีแต่รอบนี้เป้าหมายไม่ใช่ไหล่อีกต่อไป แต่ผมเล็งหน้ามันเต็มๆพูดดีๆ นะมึง อ้างเมากูฟาดมึงแน่ ผมคิดในใจ ผ่านไปเกือบนาทีคนตรงหน้าก็ยังไม่ยอมตอบคำถามแต่ส่งรอยยิ้มแบบเขินๆ มาแทน ไอ้เหี้ยกูสยิ่ว
“ยิ้มเหี้ยอะไรของมึง” ผมพูดพร้อมทำหน้าหงุดหงิดเต็มทน อีกไม่นานคงจะมีมวยกันจริงๆ
“สรุปมึงฉกโทรศัพท์กูมาทำไม อย่ามาอ้างเมานะเพราะกูไม่เชื่อ” ผมถามออกไปเน้นด้วยน้ำเสียงที่แข็งขึ้นเพื่อให้คนตรงหน้าตอบผมมาสักคำถาม
“เออ....” แต่คำตอบที่ได้ก็ยังทำให้ผมไม่พอใจ
“ฉันอยากได้นายน่ะเชี่ยๆๆๆๆๆๆ ไม่ใช่ๆๆๆ” ผมหรี่ตามองมันทันที มันจะมาไม้ไหนของมันว่ะ
“คือมึงสนใจกู?” ผมถามย้ำออกไปแบบลองเชิง
“อืม” มันตอบมาแค่นั้น และหลบสายตามองพื้น ไม่ยอมมองหน้าผมตรงๆ นี่หรอว่ะคนที่บอกอยากได้คนอื่น
“แล้วมึงมาวิ่งราวโทรศัพท์เพื่อเรียกร้องความสนใจแบบนี้อ่ะนะ คิดว่าจีบคนแบบนี้แล้วมันจะได้ผลหรอ” ผมพูดออกไปยาวเหยียดเหมือนยืนสอนเด็กอนุบาลจีบสาวอย่างไงอย่างงั้น แต่เอาจริงๆ ผมแค่รู้สึกหัวเสียนิดหน่อยที่มันมาทำผมหมดอารมณ์ตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มกินเหล้าด้วยซ้ำ แม่ง
“ถ้าสนใจจริงๆ ทำไมไม่ไปขอชนแก้วดีๆ วะ จะมาวิ่งราวโทรศัพท์ให้วิ่งตามเหมือนหนังอินเดียทำไม ไม่เข้าใจ” ในเมื่อคนตรงหน้าไม่ยอมตอบ ผมเลยบ่นต่ออย่างหัวเสีย มันรู้สึกรู้สาอะไรมั้ยเนียไอ้เหี้ยนี่
“ก็ไม่รู้จะเข้าหายังไงผมไม่เคยจีบผู้ชาย แถมยังน่ารักมากๆ อีกด้วย แค่เห็นผมก็เขินแล้ว” หลังจากที่มันเงียบมานานมันก็ยอมเปิดปากพูดเสียที่
/
/
/
ผมยืนคุยกับมันอยู่พักนึงก่อนจะคิดอะไนสนุกๆ ออกเลยลากมันกลับมาที่โต๊ะ ถ้าถามว่าลากมันกลับมาโต๊ะจะมีอะไรที่สนุกหรอ ตอบเลยว่าการที่มันมานั่งให้พวกไอ้ไมล์ยำคือสนุกฟุดๆ ละค้าบบบ ฮ่าๆๆ
“เขินอีกแล้วหรอ” ผมถามมันหลังจากที่เห็นมันนั่งก้มหน้าก้มตาหูแดงหน้าแดงอยู่บนตักผม แต่งตัวสะเนี๊ยบแต่มานั่งหดตัวอยู่บนตักผม ใครเดินผ่านก็เหลือบตามองกันหมด ผมแอบยิ้มน้อยๆ อย่างพอใจ
“มึงจะจีบไอ้ป๋องมันหรอ” ไอ้ม่านที่นั่งเงียบมานานถามขึ้น ดูทรงมันคงจะแอบดีใจนิดหน่อยแต่พยายามเก็บอาการอยู่ ที่คนแบบผมจะมีคนมาจีบเสียที
“ใครป๋องอ่ะ” คนบนตักผมถามออกไปแบบตาใสแป๋ว
“ก็ไอ้คนที่มึงนั่งตักอยู่นั่นไง” ไอ้ม่านพูดตอบอีกเหมือนเดิม
“เอ้า ไม่ได้ชื่อคูปองเหรอ ผมก็นึกว่าชื่อคูปอง” คนบนตักถามสวนกลับไปทันทีแบบสงสัยสุดๆ ผมแอบขำหน่อยๆ
“มันก็ชื่อคูปอง แต่ชื่อนี้มันเอาไว้ให้คนที่รักมันเรียกมันได้คนเดียว ส่วนเพื่อนหรือคนอื่นก็เรียกมันป๋องทั้งนั้น”
“ถ้างั้นผมเรียกคูปองได้มั้ยครับ มันน่ารักดี และผมก็ไม่ได้อยากเป็นเพื่อนคุณด้วย” คนบนตักผมพูดออกมาเหมือนคนไม่สติ แค่มองก็พอเดาได้ว่าแอลกอฮอล์ในเส้นเลือดมันมีมากพอตัว
“จะจีบกูจริงดิ” ผมถามย้ำออกไป
/
“กูว่ามึงตัดใจตั้งแต่ตอนนี้เถอะ กูเห็นคนเข้าหาจะจีบมันตั้งหลายคนกูยังไม่เห็นมีใครเอาชนะใจมันได้สักคนเลย อย่างมึงยิ่งไกลสเปคไอ้ป๋องมันมาก แดกน้ำใบบัวบกชัวร์เลยครับ” ไอ้ฟ้าพูดตัดกำลังมันหลังจากเรานั่งคุยเรื่องมันจะจีบผมมาพักใหญ่ เรื่องตัดกำลังคนนี่ต้องยกให้ไอ้เหนือฟ้ามันจริงๆ มันเหมือนเป็นหน่วยคัดคนที่เข้ามาหาผมเลยก็ว่าได้ เพราะว่าสนิทกันมานานมันเลยพอจะรู้ว่าทำไมผมถึงไม่ยอมให้ใครเข้ามาจีบหรือเอาชนะใจได้ง่ายๆ การลองเชิงของมันมักจะมาในรูปแบบนี้เสมอ แต่เอาจริงๆ ผมก็ไม่ได้สนใสจอะไรคนบนตักสักหนิด แค่เอามานั่งประดับโต๊ะหาเรื่องคุยกันเฉยๆ แค่นั้นแหละครับ เพราะนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนเข้ามาแบบนี้ แล้วมันก็ทำตัวตลกอีกด้วย เอาตรงๆ คือเอามันมาให้ทำความเข้าใจว่าชาตินี้ให้ตายคนที่มึงจีบติดในชาตินี้ก็ไม่มีคนชื่อคูปองอยู่ในลิตส์คนที่มึงจีบติดแน่ๆ ไอ้ควาย ฮ่าๆๆๆๆๆ
“แต่กูว่าไม่แน่ ไม่งั้นไอ้ป๋องไม่เอามานั่งตักหรอก ถ้ามันไม่ชอบบ้างมีหวังมึงโดนแตะไอ้ป๋องตบเข้ากระบาลไปแล้ว” ไอ้ไมล์พูดให้ความหวังมันขึ้นมา ซึ่งแน่นอนมันอยู่ในกระบวนการของพวกผมอยู่แล้ว หลังจากตัดกำลังก็ต้องมีฝ่ายยุยงใช่มั้ยล่ะ พอให้มันดูมีหวัง ฮ่าๆๆ พอไอ้ไมล์พูดจบคนบนตักเหมือนจะคิดอะไรนิดหน่อยก่อนจะเหลือบตาลงต่ำมามองผม ผมก็ทำหน้าเฉไฉประมาณว่ากูไม่รู้แล้วแต่มึงจะคิดเอาครับ
“จะไม่ให้ความหวังผมหน่อยหรอครับ” มันพูดพร้อมลุกขึ้น แล้วเปลี่ยนมานั่งคร่อมตักผมแทน ผมนี่นิ่งไม่กล้าขยับเลยเพราะไม่รู้ว่าคนตรงหน้ากำลังคิดอะไรอยู่ มันอาจจะทำอะไรที่เกินความคาดหมายผมก็ได้ บร๊ะไอ้นี่ “กูไม่ได้ชอบผู้ชาย” ผมพูดย้ำออกไปรอบที่สิบได้แล้วมั้งตั้งแต่ที่เจอหน้ามัน
“ผมก็ไม่ได้ชอบผู้ชาย แต่ผมชอบคุณ” มันพูดสวนตอบมาอย่างใจเย็น ผมไม่เข้าใจมันจริงๆ ว่ามันคิดจะทำอะไร คนบ้าอะไรพึ่งเจอกันแท้ๆ แต่บอกอยากจีบแล้วรุกคนอื่นสะแรงขนาดนี้ ปากบอกไม่ชอบผู้ชาย แต่ที่มันทำอยู่นี่ไม่บอกไม่รู้เลยว่าชอบผู้หญิงมาตลอด ผมไม่ได้ตอบกลับเพียงแค่หันหน้าหนีมันไปเฉยๆ
“ลองให้ผมจีบก่อนได้มั้ยครับ ถ้าไม่ชอบพอถึงตอนนั้น คูปองจะเอาแตะไล่ตบผม ผมก็จะยอมไปดีๆ” เรื่องอะไรกูต้องให้ลอง น่ารำคาญจริงๆ
“ให้มึงหายเมาก่อนมั้ยมาพูดตอนเมาใครเขาจะเชื่อ” ผมตอบไปแบบนั้นเพราะอยากให้มันตั้งสติก่อนจะทำอะไร
“เอาตัวผมมัดจำก่อนก็ได้นะ” เหมือนจะพูดเล่นแต่น้ำเสียงของอีกคนกลับดูจริงจัง ผมว่ามันนี่เกินเยียวยาแล้วครับ
“ตลก” ผมตอบแค่นั้น เพราะเริ่มจะไม่สนุกแต่เปลี่ยนมาเป็นเริ่มเบื่อแทนที่ เพราะคนตรงหน้าดูจริงจังไปเสียหมด ทั้งๆ ที่ตัวมันเองเมาคนตาแทบลืมไม่ขึ้นละมั้งน่ะ
“งั้นจูบก่อนก็ได้” อ๋อที่แท้มึงแค่จะหาคนกลับด้วยสินะ กูก็หลงคิดว่ามึงจะมาจีบจริงๆ นี่ถ้าไม่ได้กูก็คงเป็นสักคนในร้านนนี่แหละนะ
“ถ้ามึงจะจีบกูแบบนี้ กูจะเอาแตะตบหูมึงตอนนี้แหละ” ผมไม่ได้พูดเล่น และเอื้อมมือลงไปจับแตะที่เท้าจริงๆ
“ไหนว่าผู้ชายแทนๆ อ่ะ คนแมนเขาไม่คิดมากเรื่องแค่นี้หรอกนะ หรือว่าคูปองไม่แมนล่ะ” เริ่มรำคาญเต็มทน ผมว่าผมคิดผิดที่อยากเอามันมาแกล้งกลางกลุ่ม
“อย่ามาเรียกชื่อกู กูไม่ชอบ” โดยเฉพาะคนแบบมึง ไม่ควรเรียกเป็นอย่างยิ่ง
“ก็ผมไม่อยากเรียกป๋อง จะให้ผมเรียกอะไรถ้าไม่ใช่คูปอง” มันยังต่อปากต่อคำไม่หยุด น่ารำคาญ
“มึงจะเรียกอะไรก็เรื่องของมึงแต่อย่ามาเรียกชื่อกู แล้วอย่ามาแทนตัวเราเธอผมคุณได้ปะ ฟังแล้วกระดากหู พูดกับกูใช้มึงใช้กูก็ได้ กูไม่ถือ” ผมพูดตัดบทไป
“แต่ผมถือ ใครมันจะเรียกหวานใจกูมึงกัน คนดีที่ไหนจะยอมให้จีบ” อ้าวไอ้นี่ ไม่จบนะมึง นอกจากจะทำกูรำคาญยังทำตัวเพ้อเจ้ออีกนะมึง
“ถ้ามึงยอมใช้มึงกูกับกู กูจะยอมให้มึงจีบ” ผมพูดไปงั้นแหละครับ แต่เหมือนคนฟังจะตาลุกวาวในทันที
“จริงดิ งั้นมึงจะยอมให้กูจูบ อุ จีบแล้วใช่มั้ยครับ” ไอ้นี่ นี่มันมุ่งจริงๆ แต่ไหนๆ ก็กล้าพูดอะนะ จะสนองให้นิดหน่อยแล้วกัน ผมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเลื่อนหน้าเข้าหามัน จนจมูกราแตะกัน คนตรงหน้าก็มีอาการหูแดงรุนแรงขึ้น พอผมเหลือบตาไม่มองไอ้พวกเพื่อนของผมเท่านั้นแหละ แหม๋ ไม่มีใครคิดจะห้ามกูเล้ย แถมทำท่าตั้งใจดูอีกสะด้วย ตอนแรกผมจะทำแค่นั้นแล้วผละออกแต่สายตาเยาะเย้ย ประมาณว่า กูว่าละมันไม่กล้าหรอกของไอ้ไมล์ก็ถูกส่งมาก่อนที่ผมจะตัดสินใจ ขยับปากเข้าไปแตะแต่แค่แปปเดียวเท่านั้น ไอ้คนที่นั่งคร่อมผมอยู่ก็ลุกวิ่งออกไปเฉยๆ ผมกับพวกไอ้ไมล์มองหน้ากันแบบงงๆ
“อะไรของมันวะ” ไอ้ไมล์พูดขึ้น พร้อมหยิบเหล้าขึ้นมาจิบ
“สงสัยเขิน” ไอ้ฟ้าพูดพร้อมขำในลำคอส่วนไอ้ม่านก็นั่งยิ้มเฉยๆ ตามสเต็ป
“มันเป็นบ้าป่าววะ” ผมพูดแค่นั้นก่อนจะส่ายหัวน้อยๆ แล้วหันมาสนใจเหล้าตรงหน้าแทน คืนนี้ก็เหมือนกับทุกคืน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีแบบนี้ก็จริง แต่ถ้าคนที่ขอจีบและขอจูบผมในคืนเดียวกันนี่น่าจะมันคนแรก ว่าแต่ มันชื่ออะไรนะ?
/
/
/
หลังจากมอมเมากันอย่างหนักหน่วงเมื่อคืนจนถึงตีสาม ผมก็ต้องลากสังขารมาเรียนตอนแปดโมงครึ่ง ไอ้ไมล์นี่ชวนไม่ดูวันจริงๆ ผมนั่งสับงกอยู่ในคาบจนอาจารย์ปล่อยกันเลยทีเดียว
“แดกไหนอ่ะ หิวจนตาลายละ” ไอ้ไมล์พูด นี่ยังบ่นมันไปยังไม่ทันขาดคำ
“โรงหารนี่แหละขี้เกียจไปไกล” ม่านตอบ ทุกคนพร้อมใจกันพยักหน้าเป็นคำตอบ เพราะถ้าม่านเอ่ยแล้วทุกคนอย่าขัดใจ
“เห้ยป๋อง นั่นคนที่นั่งตักมึงเมื่อคืนปะ” ไอ้ฟ้าถามพร้อมกระทบไหล่ผมเบาๆ ผมหันหน้าไปมองตามสายตามันก่อนจะเห็นไอ้คนที่เมื่อคืนขโมยจุ้บผมไปแล้ววิ่งหนี ยืนอยู่กับเดือนคณะสุดน่ารักอย่างโนอึน
“โห้ มันเล่นโนอึนของกูเลยหรอหว้า” ไอ้ไมล์พูดแบบเซ็งๆ แต่แหม๋ โนอึนนี่ของมึงตอนไหนก่อน
“แบบนี้ป๋องของเราก็อกหักสิวะ โธ่ไรอ่ะ อุส่าให้เขาจูบ” ไอ้ไมล์พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงกวนส้นตีนสุดๆ ผมหรี่ตามองมันก่อนที่จะ แป๊ะ!
“พูดมาก พูดไม่พักนะมึง รำคาญ” ผมตบหัวมันไปทีก่อนจะด่ามันตามไป ผมเลิกสนใจมันแล้วหันไปมองทางสองคนนั้นที่กำลังขึ้นรถขับออกไป กูว่าละคนแบบนี้ไม่หนีเมียมาเที่ยว ก็หาคนดีๆ เกาะแดก แต่กูก็ไม่ได้ดีนี่หว้า สงสัยเมาแล้วไปเรื่อย ตลกจริงๆ กูล่ะอยากขำออกเสียง
“เมื่อคืนอาจจะเมามากเลยมองไอ้ป๋องน่ารักแล้วมาจีบป่าว” ม่านที่ยืนเงียบมานานพูดขึ้น
“พวกมึงจะสนใจทำไมวะ สังคมร้านเหล้าก็แบบนี้ปะ แฟนเผลอเป็นมั่วไปหมดหรือมึงว่าไม่จริง ไอ้ไมล์” ผมพูดไปยาวเหยียดโดยที่ไม่ลืมจะแวะแซะไอ้ไมล์
“แต่มึงก็ไม่ได้จะให้มันจีบอยู่แล้วปะ” ไอ้ฟ้าถาม ผมพยักหน้าตอบไปทีเฉยๆ
“แล้วไปจูบมันทำไมวะ ปกติไม่ใช่คนที่จะแจกจูบใครไม่ใช่หรอ” แหม๋แต่ละคำถามพวกมึงนี่นะ คงคิดว่ากูจะมีใจให้มันล่ะสิ ดูสภาพแม่งด้วย คนดีที่ไหนมาฉกโทรศัพท์คนอื่นวะ
“กูทำ เพราะพวกมึงมองอยู่” ผมตอบแค่นั้นก่อนจะเดินนำพวกมันไปโรงอาหารคณะ
“กูไม่เชื่อ ปกติมึงไม่ทำหรอก มึงปิ๊งมันใช่มั้ยยย” เสียงไอ้ฟ้าไล่ตามหลังมา แต่ผมก็ไม่ได้ตอบอะไรแค่อยากเดินหนีมันให้ไวๆ แค่นั้น

ณ โรงอาหาร
ตอนนี้ผมมานั่งแมะอยู่โรงอาหารที่ผมแทบไม่เคยมา รู้สึกว่าเทอมนี้จะมาครั้งนี้ครั้งที่สามได้ เพราะปกติพวกผมไม่ค่อยกินที่นี่กัน คนเยอะชิปหาย นั่นเป็นเหตุผลนึง
“มาแล้วครับบบ หมี่ขาวไม่งอกของคุณป๋อง” ไอ้ไมล์ยกก๋วยเตี๋ยวมาให้ผมพร้อมน้ำเสียงทะแล้นๆ ของมัน “นานจังวะ กูนั่งเฝ้าโต๊ะคนเดียวเขินคนอื่นชิปหาย คนมองก็เยอะ แล้วอีกสองคนอ่ะ” ผมบ่นน้อยๆ ก่อนจะถามหาเพื่อนอีกสองคนที่ยังไม่มีแววว่าจะตามหลังมันมา
“ไม่รู้ว่ะ เห็นบอกจะกินข้าวมันไก่กันมั้ง” ผมพยักหน้าส่งๆ ก่อนจะเอาตะเกียบฉกลูกชิ้นมันมาได้ลูกนึงแล้วยัดเขาปากอย่างไว
“ทุเรศ” มันพูดแค่นั้นก่อนจะเริ่มกินก๋วยเตี๋ยวตรงหน้า ผมเองก็เช่นกัน แต่ผมกินได้แค่คำเดียวเท่านั้นยังไม่ทันได้เคี้ยวละเอียดด้วยซ้ำ
“ป๋อง คือโนอึนไม่มีที่นั่งอ่ะ” เสียงม่านดังขึ้น ผมมองขึ้นไปตามเสียงก่อนจะเห็นเพื่อนของตัวเองสองคนกับคนที่ผมไม่เจอมันในชาตินี้อีกแล้ว
“เราขอนั่งด้วยได้ป่าว” โนอึนเดือนคณะสุดน่ารักที่ใครๆ ก็อยากได้อยากจับจองเวลามองใกล้ๆนี่มันดีจริงๆ สะอาดสะอ้านตาไปหมด ผมคาบเส้นในปากค้างอยู่อย่างนั้นนานเท่าไหร่ไม่รู้จนไอ้ไมล์สะกิดให้สติผมกลับมา
“ห้ะ เอ่อ..เออเอาดิ นั่งเลย” ผมตอบกระตุกกระตัก แล้วไอ้คนที่เมือคืนวิ่งสี่คูณร้อยหนีผมก็อ้อมโต๊ะมานั่งข้างๆ ผม อะไรของมึงอี๊ก
“เราลืมแนะนำตัว เราชื่อหยินนะ” คนข้างๆ พูดกับผมเสียงเบาหวิวอยู่ข้างหู ก่อนจะยิ้มจนตาแทบปิดมาให้ ผมไม่ได้ตอบแค่เพียงพยักหน้าส่งๆ
“เอ่อ คือเราอยากขอโทษแทนหยินด้วยที่มันไปป่วนกลุ่มหมื่นไมล์เมื่อคืนน่ะ โดยเฉพาะคูปอง” โนอึนพูดขึ้นแบบเขินๆ คงอายแทนแฟนสินะ น่ารักจริงๆ ผมยิ้มส่งไปให้ก่อนจะถาม แต่
“ไม่เป็นไรๆ” เสียงไอ้ไมล์พูดตัดหน้าขึ้นมาก่อนผมที่ยังอ้าปากพะงาบๆ อยู่ สัส
“อ๋อแล้วนี่ หยินน่ะ เรียนมนุษย์” โนอึนพูดจบคนข้างๆ ผมก็พยักหน้าหงึกหงัก
“เราขอโทษจริงๆ พอดีเมื่อคืนเราเมามาก ตื่นเช้ามาก็แทบจำอะไรไม่ได้เลย” มันพูดพร้อมเกาท้ายทอยแก้เขิน
“เดี๋ยวต้องไปด่าปรักสักหน่อยแล้ว” โนอึนพูดบ่นกับตัวเองเบาๆ
“แล้ว ที่ว่าจะจีบไอ้ป๋องนี่เมาปะ” แค่ก! แค่ก! ผมกับมันสำลักข้าวพร้อมกัน
“ไม่ใช่แบบนั้นนะโนอึน ที่ไอ้ม่านจะพูดคือ แค่กๆ” ผมยกไม้ยกมือโบกไปมาเพื่อบอกว่าที่ไอ้ม่านพูดไปมันไม่ใช่อย่างที่คิด ผมทำสายตาดุใส่ไอ้ม่านไปที มึงนี่ไม่ได้เรื่องจริงๆ แฟนเขาก็นั่งอยู่ตรงนี้มึงยังจะถามอีกเนอะ มึงจะไม่รู้เรื่องรู้ราวเกินไปแล้วไอ้ม๊านนนน เหนือความคาดหมายที่ผมคิดว่าโนอึนจะโกรธแต่กลับหัวเราะออกมาแทน
“คูปองตลกอ่ะ เป็นอะไรรึปล่าว” โนอึนถาม
“คือเมื่อคืนเราไม่รู้ว่ามัน เอ่อ หยินเป็นแฟนโนอึนน่ะเราเลยทำแบบนั้นขอโทษด้วยนะ” ผมพูดออกไปเพราะกลัวทั้งคู่จะทะเลาะกันถึงผมจะเป็นแบบนี้ผมก็ไม่อยากให้ใครมาเลิกกันเพราะผมหรอกนะ
“ห้ะ จะบ้าหรอ หยินน่ะเป็นเพื่อนเรา” โนอึนขำออกมาเสียงดังทันทีที่ผมพูดจบ ส่วนไอ้คนที่เป็นหัวข้อหลักในการคุยกันอย่างหยิน นิ่งไปแล้ว อะไรว่ะ กูก็นึกว่าเป็นแฟนกันสะอีก ผมคงทำหน้าตาหมางงจนโนอึนสงสาร
“หยินน่ะเป็นเพื่อนเรา ส่วนเมื่อคืนที่มันไปก่อกวนไว้น่ะเพราะโดนปรักยุอีกที ปรักเป็นเพื่อนในกลุ่มเรานี่แหละ เราว่าเรามากกว่านะที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษ” โนอึนอธิบายเพิ่มเพื่อให้ผมตาสว่าง อ๋อที่แท้กูนี่เองที่โดนเล่น ไอ้สัส ผมนี่นิ่งอึ่งไปเลยครับ
“แล้วมึงจะให้กูเริ่มจีบวันไหนดีครับ” เสียงคนข้างๆ พูดขึ้นหลังจากที่นั่งเงียบมานาน ผมค่อยๆ หันไปหามันช้าๆ ก่อนที่จะ เป๊ะ! ผมเอาแตะฟาดต้นคอมันไปที แต่ไม่ได้แรงมากก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินหนีอย่างไว ไอ้เหี้ยใครจะให้คนแบบมันมาจีบวะ อีกอย่างผมก็ไม่ได้ชอบผู้ชายแล้วมันเองก็บอกว่าไม่ได้ชอบผู้ชาย มันอาจจะพนันกับคนชื่อปรักอะไรนั้นก็ได้เพราะฟังจากที่โนอึนพูดแล้ว ที่มันเข้ามาจีบผมเมื่อคืนก็ไม่ใช่เพราะตัวมันอยากจีบแต่กลับมีคนยุยงสะงั้น พอคิดแบบนั้นแล้วผมก็รู้สึกโมโหขึ้นมาดื้อๆ ที่ต้องไปเป็นหนึ่งในการพนันของใคร กูไม่ใช่สิ่งของไอ้สัส ตอนนี้ในหัวของผมยุ่งเหยิงไปหมดจนไม่ได้สังเกตว่าไอ้หยินวิ่งตามมา
“ป๋อง!!” มันตระโกนเรียกชื่อผมดังลั่น ผมหันไปไม่ได้ตอบอะไรแล้ว เคว้งแตะใส่หน้าไปมันข้างนึงก่อนจะเดินจ้ำอ้าวไปให้ไกลจากมันที่สุด ไอ้เหี้ยนี่กูกำลังเจอกับอะไรอยู่วะ
ฝั่งหยิน
ผมรับแตะคู่ใจของคูปองได้ ที่ตั้งใจจะโยนมาใส่หน้าผมนั่นแหละถ้าให้เดา แต่ขอถามก่อนครับ
มันเป็นอะไรของมันอยู่ดีๆ ก็โกรธกูเฉย อะไรว่ะ แคร่กๆ //เสียงเกาหัว
PeatLism
Share This Topic To FaceBook

ออฟไลน์ Nattie69

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด