....อธิษฐาน.... ตอนที่ 1 : กลิ่นหอม 26/05/66
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ....อธิษฐาน.... ตอนที่ 1 : กลิ่นหอม 26/05/66  (อ่าน 1261 ครั้ง)

ออฟไลน์ LikeL

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้าม มิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอ ให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่ นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.อย่า พูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยาย ในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


**********************************
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-05-2023 00:07:14 โดย LikeL »

ออฟไลน์ LikeL

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
....ด้วยหัวใจรักอันแรงกล้า จึงนำพาคำอธิษฐานข้ามผ่านกาลเวลานับพันปี....
       เพื่อให้เป็นจริงในวันนี้ วันที่พวกเขาได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง


บทนำ


“ เอาะ เอาะ เอาะ ……. ” เสียงไอยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ ในบ้านหลังเก่าที่ดูไม่เหมือนบ้าน แต่ดูคล้ายกระท่อมมากกว่า เด็กหนุ่มผิวขาวสะอาด กำลังนั่งกุมมือชายวัยชราผู้เป็นเจ้าของเสียงไอ เขากำลังถูกโรคร้ายรุมเร้าจนอาการทรุดหนัก และรับรู้ได้ว่าเขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน  เด็กหนุ่มเศร้าใจมาก ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยหยดน้ำตา ในตอนนี้เขาทำได้เพียงแค่ให้กำลังใจ และคอยช่วยเหลือ เท่าที่ตนเองจะช่วยได้

“ ถ้าตาเป็นอะไรไป ตาฝากเจ้าไม้ด้วยนะหนูน้ำ มันไม่มีใครอีกแล้ว ” เสียงแหบพร่า เจืออ่อนแรงกำลังร้องขอความเมตตาจากเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ เตียง

“ น้องไม้เป็นคนดี ยังไงผมก็ไม่มีทางทิ้งน้องแน่นอนครับ คุณตาต้องไม่เป็นอะไร คุณตาต้องหาย ต้องอยู่กับน้องไม้ไปนานๆ นะครับ น้องไม้คงเสียใจมากถ้าคุณตาไม่อยู่แล้ว ” เสียงใสเอ่ยให้กำลังใจคนที่อาการหนักปางตาย

“ ตารู้ ว่าตาคงอยู่ได้อีกไม่นาน ตาถึงพูดออกไปแบบนั้น ห่วงก็แต่เจ้าไม้มัน อย่าลืมที่ตาขอ ช่วยดูแลมันต่อจากตาด้วย ”

     เด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่สะพายกระเป๋านักเรียนวิ่งมาในซอยเล็กๆ และหยุดอยู่ที่หน้าประตูด้วยอาการเหนื่อยหอบ ทอดสายตามองไปยังเด็กหนุ่มผิวขาวและชายวัยชราที่นอนป่วยอยู่บนเตียงก่อนจะจ้ำเท้าเข้าไปนั่งลงข้างๆ เด็กหนุ่ม มองชายชราที่นอนซมอยู่บนเตียงใกล้ๆ ยิ่งทำให้เสียใจมากยิ่งขึ้น จนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหว ปล่อยให้มันไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง

“ ทำไมตาถึงไม่บอกผม ผมจะได้รีบกลับมาพาตาไปหาหมอ ไปครับ  ผมจะพาตาไปหาหมอเดี๋ยวนี้ ” ผู้เป็นตาคลี่ยิ้มแล้วส่ายหน้าเบาๆ เป็นการปฏิเสธ

“ ไม่ต้องหรอก เก็บเงินของเอ็งเอาไว้เถอะ ตาอยากอยู่กับเอ็งที่บ้านหลังนี้จนวินาทีสุดท้ายของตา ถือซะว่าเป็นคำขอสุดท้ายของตาเถอะนะ แล้วก็ไม่ต้องห่วงนะ พี่น้ำรับปากตาแล้วว่าจะช่วยดูแลเอ็งต่อจากตา เอ็งต้องเป็นเด็กดี เชื่อฟังพี่เขาให้มากๆ นะ ”

“ ผมว่าคุณตานอนพักผ่อนก่อนเถอะครับ เดี๋ยวคืนนี้ผมจะนอนค้างที่นี่ด้วย จะได้อยู่ช่วยน้องไม้ดูแลคุณตา ” แววตาอ่อนโยนทอดมองชายชราที่ดูเหนื่อยล้าเต็มที ชายชราพยัคหน้าเบาๆ เป็นการตอบรับก่อนที่จะหลับไปเพราะความเหนื่อยล้าของร่างกายและฤทธิ์ยาที่เพิ่งกินเข้าไป

     เด็กหนุ่มสองคนจัดการอาบน้ำ แต่งตัวเรียบร้อย  น้ำไม่ได้เตรียมตัวเพื่อที่จะมานอนค้างที่บ้านของตา เขาจึงได้เสื้อผ้าของไม้ไปใส่เป็นชุดนอนแทน แม้เสื้อผ้าจะดูตัวใหญ่เกินไปสำหรับน้ำ แต่มันก็ดูดีไม่น้อยในสายตาของไม้ ทั้งสองปูที่นอนอยู่ใกล้ๆ กับเตียงนอนของตา เผื่อมีอะไรเกิดขึ้นจะได้ดูแลช่วยเหลือได้ทัน ไม้ยังคงเป็นห่วงตา จากสีหน้าที่ดูเป็นกังวล และสายตาที่มองไปที่ตาบ่อยๆ น้ำรับรู้ได้ถึงความรู้สึกนั้น จึงค่อยๆ เอื้อมมือไปกุมมือของไม้เอาไว้  สัมผัสบางเบา แต่อบอุ่น เบนความสนใจของไม้ให้หันมามองใบหน้าใส น้ำส่งยิ้มให้กำลังใจ และกุมมือของไม้แน่นขึ้น

“ ไม้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว นอนเถอะนะ คืนนี้นอนหลับให้สบาย พี่จะคอยดูแลคุณตาเอง ”

“ สัญญานะครับ ว่าจะไม่ทิ้งผมไปไหน ” ไม้ส่งสายตาวิงวอนไปให้อีกฝ่าย  น้ำยิ้มและพยัคหน้าเล็กน้อยเป็นการตอบรับคำสัญญานั้น โดยไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำพูดใดออกมา


     เช้าวันจันทร์กลับมาอีกครั้ง น้ำกลับมาเรียนหลังจากที่วันเสาร์ต้องไปช่วยไม้ดูแลคุณตา และวันอาทิตย์ต้องกลับบ้านไปช่วยแม่ทำขนมไทยไปขายที่ตลาด แต่วันนี้น้ำดูเพลียๆ ท่าทางอิดโรย เหมือนจะไม่สบาย แต่ก็ยังดั้นด้นพาตัวเองมาเรียนหนังสือจนได้ และในที่สุดเขาก็มาถึงห้องเรียน

“ วันนี้เด็กเรียนมาสาย น้ำดูเหนื่อยๆ นะ ไปทำอะไรมาหรอ ”  เพื่อนโต๊ะข้างๆ เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ
ปกติแล้วน้ำไม่ใช่คนมาเรียนสาย เพราะเขาเป็นเด็กเรียน แล้วก็เป็นเด็กดีคนหนึ่ง แต่เหตุผลที่มาเรียนสายในวันนี้ คนถามก็พอจะเดาได้ แต่แค่แกล้งถามไปตามประสาเพื่อนสนิทเท่านั้น น้ำรู้ดี และยังไม่มีคำตอบใดๆ ออกมาจากปากของเขา  น้ำก้มหน้าฟุบลงไปกับโต๊ะเรียนและหลับไป เมื่อเห็นเช่นนั้นเพื่อนสนิทจึงหยิบหนังสือเรียนเล่มใหญ่มากางและตั้งเอาไว้เพื่อปิดบังการนอนหลับในคาบเรียนของเพื่อนตัวเล็ก

“ ท่าทางจะหนักเอาเรื่อง ” เพื่อนสนิทบ่นพึมพำ ก่อนจะหันกลับไปสนใจตำราเรียน


     สองวันต่อมา การเรียนในชั้นมัธยมศึกษาปีที่  6 ก็ยังคงดำเนินต่อไป  ช่วงพักกลางวันหลังทานข้าว เด็กหนุ่มสองคนมานั่งพักที่โต๊ะไม้หน้าห้องสมุด ซึ่งเป็นโต๊ะประจำของพวกเขา  อีกไม่กี่เดือนก็จะมีการสอบเข้าเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ดังนั้นตอนนี้ทั้งสองคนจึงขมักเขม้นกับการอ่านหนังสือและฝึกทำข้อสอบกันอย่างมาก โดยเฉพาะน้ำที่ได้รับทุนนักเรียนดีเด่นของโรงเรียน  เขาจึงตั้งใจจะสอบชิงทุนของมหาวิทยาลัยให้ได้ 

     เด็กหนุ่มในวัย ม.5 เดินมานั่งลงที่โต๊ะประจำของรุ่นพี่ตัวเล็กทั้งสอง เขาเป็นแค่เพียงคนเดียวที่ได้รับอนุญาตให้นั่งที่โต๊ะประจำนี้ได้ และก็มักจะมานั่งเล่นกับพี่ๆ ทั้งสองคนอยู่บ่อยๆ

“ วันนี้ไม่ไปเตะบอลกับเพื่อนๆ หรอ ”

“ ว่าจะไปอยู่ครับ แต่อยากมาขอบคุณพี่น้ำก่อน ขอบคุณมากๆ นะครับ ที่ช่วยดูแลคุณตา ตอนนี้แกดีขึ้นเยอะเลยครับ ”

น้ำยิ้มด้วยความปลื้มปิติดีใจที่ได้ยินอย่างนั้น

“ พี่ดีใจนะที่คุณตาดีขึ้น  ต่อไปไม้ก็ดูแลแกดีๆ หละ ”

“ ครับผม งั้นผมไปเตะบอลกับเพื่อนๆ ก่อนนะครับ ผมไปก่อนนะครับพี่ตะวัน ” พอพูดกับต้นน้ำเสร็จ  เขาก็หันไปล่ำลารุ่นพี่อีกคน

“ แหม๋ นึกว่าจะไม่คุยกับพี่ซะแล้ว ” ตะวันแอบแซวรุ่นน้อง จนไม้รู้สึกเขินอาย และแก้เขินด้วยการเกาศีรษะเบาๆ ก่อนจะเดินออกไปจากโต๊ะ

น้ำยิ้มอย่างเอ็นดู ถึงแม้เพื่อนรักจะแกล้งน้องในทำนองนี้บ่อยๆ แต่เขาก็รู้สึกเอ็นดูทุกครั้งที่ได้เห็น

“ ตกลงยังไงกันแน่กับน้องไม้เนี่ย ”

“ ก็ไม่ได้อะไร ก็แค่พี่น้องกันเฉยๆ ” มันคือคำตอบเดิมๆ ที่ตะวันได้ยินบ่อยๆ จนชิน

“ แต่น้องไม้ก็ไม่เลวนะ หล่อ หุ่นดี แถมยังเป็นเด็กดีอีกด้วย ”

“ ก็เพราะอย่างนั้นแหละ ถึงเป็นได้แค่พี่น้องกัน เราอยากให้น้องได้เจอคนดีๆ คนที่สามารถอยู่กับเขาไปได้ตลอดชีวิต ”

ตะวันพยัคหน้ารับรู้ถึงสิ่งที่น้ำต้องการจะสื่อ เขารู้ดีว่าเพื่อนตัวเล็กหมายถึงอะไร 

     สองคนอ่านหนังสือจนใกล้จะถึงเวลาเข้าเรียน ขณะที่กำลังเก็บหนังสือและเครื่องเขียนเข้ากระเป๋า เสียงกรีดร้องของสาวมัธยมก็ดังขึ้น  ตามด้วยเสียงอึกทึกของเด็กนักเรียนอีกหลายๆ คน ทั้งสองสงสัยและอยากรู้จึงเดินไปตามเสียงนั้น เมื่อไปถึงก็เจออสรพิษร้ายที่กำลังชูคอแผ่แม่เบี้ย ทุกคนพากันกลัวได้แต่ยืนดูอยู่ไกลๆ ตะวันกับต้นน้ำก็อยู่ในระยะไกลไม่ต่างจากคนอื่นๆ

     เหล่านักเรียนต่างพากันยกโทรศัพท์มือถือของตนขึ้นมาถ่ายคลิปหูเห่าที่มีท่าทางดุร้าย  แต่แล้วเจ้างูนั่นก็ค่อยๆ หุบแม่เบี้ยลง แล้วเลื้อยหนีไป

“ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกเลยนะซัน ที่มีงูพิษเข้ามาในโรงเรียนของเราแบบนี้ ” น้ำตั้งคำถามกับเพื่อนสนิทอย่างมีเลศนัย

“ ใช่ โรงเรียนของเราสะอาดสะอ้านขนาดนี้ ไม่น่าจะมีงูเข้ามาบ่อยๆ มันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น ”

ทั้งสองมองหน้ากันอย่างสงสัย....



**************************************


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-08-2022 02:04:56 โดย LikeL »

ออฟไลน์ RedQueen

  • Memois Of A Calamity Queen
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
อู้ววววว o13

ออฟไลน์ lcortsess

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-3
ติดตามค้าบบบบ

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
รอติดตามตอนต่อไปนะคะ :katai4:

ออฟไลน์ toonsora

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 27
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ลงตอนเดียวแล้วหายสูญไปเลยจ้าา ค้างไม่ไหว นักเขียนจะมาต่อมั้ยน้อออออ

ออฟไลน์ LikeL

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

     
อธิษฐาน

                    ตอนที่ 1  กลิ่นหอม


เช้าวันเสาร์ต้นน้ำและแม่จะนำขนมไทยที่ทำเองมาขายที่ตลาด พร้อมรถเข็นคันเก่าที่ถูกใช้งานมามากกว่า 10 ปี แต่ยังดูสะอาดตา เพราะเจ้าของช่วยกันดูแลเป็นอย่างดี สองแม่ลูกเข็นรถเข็นมายังบริเวณตลาดสดที่เคยทำมาหากินอยู่เป็นประจำ  วันหยุดแบบนี้ชาวบ้านก็จะออกมาจับจ่ายใช้สอยกันมากกว่าปกติ ทำให้ขนมไทยถูกขายจนใกล้จะหมดแล้ว 

        “ อ้าวตะวัน มาหาน้ำหรอลูก ”

        “ ใช่ครับแม่ ผมกะว่าจะมาช่วยแม่กับน้ำขายขนมครับ ”

        “ ขายใกล้หมดแล้วหละ ซันนั่งพักเถอะ ” ต้นน้ำบอกเพื่อนออกไปแบบนั้น เพราะไม่อยากให้เพื่อนต้องเหนื่อยในวันหยุด

        “ ไม่เอาอะ อยู่บ้านก็เบื่อมากพอแล้ว มาถึงที่นี่ยังจะให้อยู่เฉยๆ อีกหรอ ” ตะวันทำหน้าทำตาเซ็งๆ ใส่เพื่อนรัก จนต้นน้ำต้องยอมให้ตะวันได้ช่วยขายขนม 

ขนมไทยถูกขายจนหมดในเวลาต่อมา  ก่อนที่ทั้งสามคนจะช่วยกันเก็บร้านและพากันเข็นรถเข็นกลับบ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตลาดมากนัก  แม่ของน้ำเข้าครัวทำกับข้าวสำหรับมื้อเย็นในวันนี้ ปล่อยให้ลูกชายและเพื่อนสนิทได้พูดคุยกัน

        “ นี่ซัน จะเล่นกับเจ้าตัวเล็ก เจ้าตัวใหญ่ ไปอีกนานมั้ย ” ต้นน้ำถามเชิงเอ็นดู เมื่อเห็นตะวันเล่นกับเจ้าตัวเล็กแมวน้อยน่ารัก และเจ้าตัวใหญ่สุนัขตัวโต  มาซักพักนึงแล้ว ก่อนที่ตะวันจะปลีกตัวออกมาล้างมือแล้วไปนั่งกับต้นน้ำ

        “ ช่วยไม่ได้นี่นา ก็เจ้าตัวเล็ก เจ้าตัวใหญ่น่ารักซะขนาดนี้เป็นใครก็ต้องติดลมทั้งนั้นแหละ ” ต้นน้ำยิ้มชอบใจที่เพื่อนรักยังคงเอ็นดูสัตว์เลี้ยงของเขาอยู่

         “ แล้ววันนี้จะกลับบ้านรึป่าว ”

        “ ไม่อะ ซันขอนอนกับน้ำแล้วกันนะวันนี้ พรุ่งนี้เย็นๆ ค่อยกลับ ”  ต้นน้ำยิ้มรับและพยัคหน้าเบาๆ เป็นการตกลง

แม่ของต้นน้ำเดินออกมาจากในครัวพร้อมกับอาหาร เด็กทั้งสองคนจึงลุกขึ้นไปช่วยนำอาหารและข้าวจากในครัวออกมาจัดเรียงบนโต๊ะอาหาร ทั้งสามคนกินข้าวร่วมกันอย่างเอร็ดอร่อยและมีความสุข หลังจากกินข้าวกันอิ่มแล้วก็ช่วยกันล้างจาน และพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว แม่ของต้นน้ำเข้านอนก่อนเพราะต้องตื่นเช้ามาทำขนมไทย เหลือเพียงต้นน้ำกับตะวันที่ยังนั่งเล่นดูทีวีอยู่ด้านล่าง 

        “ ก๊อก ก๊อก ก๊อก ”

        “ ใครกัน มาเคาะประตูดึกดื่นขนาดนี้ ปกติที่บ้านน้ำไม่น่าจะมีแขกมาเวลานี้นี่นา ”

        “ เราก็ไม่รู้เหมือนกัน  ”  น้ำจึงเดินไปที่หน้าประตูและถามว่าใคร

        “ พี่เอง ขอโทษนะที่มารบกวนเวลานี้ ” น้ำเสียงที่คุ้นเคยทำให้ต้นน้ำและตะวันถึงกับตกตะลึง ก่อนที่ต้นน้ำจะรีบเปิดประตูเพื่อต้อนรับแขกที่มาเยือน ด้วยความดีใจ

ปรากฏชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลา ร่างกายกำยำไปด้วยมัดกล้ามเนื้อที่ใหญ่กำลังดี แต่งกายด้วยเสื้อเชิตแขนสั้นสีขาวและกางเกงขายาวทรงกระบอกสีดำ แม้จะเป็นการแต่งกายแบบธรรมดาทั่วไป แต่เมื่ออยู่บนเรือนร่างของชายคนนี้แล้วกลับทำให้เขาดูดีเป็นอย่างมาก เขาคือคนที่ต้นน้ำคิดเอาไว้ไม่ผิดจริงๆ ต้นน้ำยิ้มแก้มปริและไหว้ผู้มีอายุมากกว่าอย่างนอบน้อม เขา ดีใจที่ชายหนุ่มมาเยือน

        “ พี่ชาย หายไปนานเลยนะครับ  เข้ามาข้างในก่อนสิครับ ” ต้นน้ำเชิญแขกเข้ามานั่งในบ้าน

ตะวันยิ้มและไหว้ผู้มาใหม่ด้วยความดีใจเช่นกัน แม้ว่าการมาเยือนของเขาคนนี้จะสร้างความดีใจให้กับต้นน้ำและตะวัน ทว่าก็สร้างความประหลาดใจให้กับพวกเขาทั้ง 2 คนเช่นกัน 

        “ พี่ชายสบายดีไหมครับ ” ตะวันเอ่ยถาม

        “ พี่สบายดี แล้วเราสองคนหละเป็นยังไงกันบ้าง ”

        “ พวกเราสบายดีครับ  พี่ชายหายไปนานมาก นึกว่าลืมพวกเราไปซะแล้ว ” ต้นน้ำทักท้วงด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองเล็กน้อย

        “ พี่ไม่ได้ลืมพวกเราหรอก ช่วงนี้งานพี่เยอะมาก เลยไม่ค่อยมีเวลามาหาพวกเราเลย แต่ที่ต้องมาครั้งนี้ เพราะพี่จำเป็นต้องมา พี่รู้สึกไม่สบายใจ ”

        “ ไม่สบายใจเรื่องอะไรหรอครับ เล่าให้พวกผมฟังได้รึป่าว ” ตะวันแค่อยากให้พี่ชายได้พูดระบายความรู้สึก เผื่อความไม่สบายใจนั้นจะเบาบางลงบ้าง

        “ ช่วงนี้พี่ฝันร้าย ไม่ใช่แค่คืนเดียวนะ แต่เป็นเวลา 7 คืนติดต่อกันแล้ว ที่พี่ฝันร้ายเกี่ยวกับพวกเราสองคน พี่พยายามหาคำตอบแล้ว แต่กลับมองไม่เห็นอะไรเลย พี่ก็เลยต้องมาที่นี่ เพื่อมาเตือนพวกเราทั้งสองคน ” ผู้เป็นพี่ชายเล่าด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล

        “ ขอบคุณพี่ชายมากนะครับที่มาบอกและมาเตือนพวกเรา พวกเราสัญญาว่าจะระมัดระวังตัวให้มากขึ้นครับ ” ต้นน้ำให้คำมั่นสัญญาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

        “ พี่ชายไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำอันตรายพวกเราสองคนได้ง่ายๆ แน่ ” ตะวันเองก็รับปากด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นเช่นเดียวกัน

        “ พี่จะคอยดูอยู่ห่างๆ หากมีสถานการณ์ที่เหนือบ่ากว่าแรงของพวกเราสองคน พี่จะรีบมาช่วยทันที  แต่ตอนนี้พี่ต้องขอตัวกลับก่อน ไว้เจอกันใหม่นะ  ”

ต้นน้ำและตะวันก็เดินไปส่งพี่ชายที่หน้าบ้านและกล่าวคำร่ำลากัน  แล้วบุคคลที่ทั้งสองเรียกว่าพี่ชายก็เดินจากไปในเงามืด ก่อนที่ต้นน้ำและตะวันจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน  ห่างออกมามีร่างสูงสวมชุดดำยืนอยู่หลังต้นไม้ในความมืด เขาเฝ้าดูเหตุการณ์ในครั้งนี้มาโดยตลอด นับตั้งแต่ชายรูปงามมาเยือนที่บ้านหลังนี้


เสียงอึกทึกกึกก้องของคมดาบที่กำลังฟาดฟันกันของกองทัพทั้ง  2 ฝ่าย  ทำให้หลายชีวิตต้องบาดเจ็บล้มตายในการต่อสู้ครั้งนี้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะมีฝีมือในการต่อสู้ที่เก่งกว่า แต่การสู้รบนั้นก็ดำเนินมานานมากแล้ว จนทำให้พวกเขามีกำลังอ่อนล้าและพลาดท่าถูกฆ่าตายไปเป็นจำนวนมาก อีกฝ่ายแม้จะไม่ได้มีฝีมือที่เก่งกาจแต่มีจำนวนคนมากกว่าจึงเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบ และกำลังไล่ต้อนอีกฝ่ายให้จนมุม  แม่ทัพมองเห็นแล้วว่าฝ่ายของตนกำลังจะพ่ายแพ้ จึงตัดสินใจถอยทัพกลับคืนสู่ปราสาท และนำความขึ้นรายงานกับองค์ราชินีถึงความพ่ายแพ้ที่ได้รับ และจำนวนทหารที่เสียชีวิต องค์ราชินีเสียใจมากทีเหล่าทหารมากมายต้องมาจบชีวิตลงในสงครามครั้งนี้  น้ำตาเอ่อล้นออกมาด้วยความเจ็บปวด

        “ เราจะทำอย่างไรดีท่านราชครู เราไม่ต้องการสูญเสียชีวิตไปมากกว่านี้แล้ว ”

        “ เราทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้เลยองค์ราชินี ท่านต้องรอให้ผู้ที่ถูกเลือกฝึกมนตราได้สำเร็จก่อน เราจึงจะสามารถต่อสู้กับศัตรูได้อย่างไม่เป็นรอง ”

        “ เราหวังว่าพวกเขาจะฝึกมนตราได้สำเร็จในเร็วๆ นี้ ”

องค์ราชินีต้องสั่งให้จัดทัพออกไปต้านศัตรูเอาไว้ในขณะที่รอผู้ที่ถูกเลือกฝึกมนตราให้สำเร็จ วันเวลาผ่านไปไม่นานนัก ราชครูก็นำความมารายงานต่อองค์ราชินีว่าบัดนี้ผู้ที่ถูกเลือกได้ฝึกมนตราจนสำเร็จแล้ว องค์ราชินีดีใจมากจึงสั่งให้ทหารไปตามองค์รัชทายาท องค์ชายและองครักษ์มาเข้าเฝ้าเพื่อปรึกษาหารือกันเรื่องการทำสงครามครั้งใหญ่ครั้งสุดท้าย

ชายร่างสูงใหญ่ประดับด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ที่สูงคักดิ์เดินนำเข้ามาก่อน ทำให้รู้ได้ไม่ยากว่าสองคนนี้คือองค์รัชทายาทและองค์ชายอย่างแน่นอน  ทุกๆ คนต่างแสดงความเคารพต่อผู้มาใหม่ทั้งสอง ตามมาด้วยชายร่างเล็กประดับด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ในระดับทหารชั้นสูง พวกเขาทั้งสองคนน่าจะเป็นองครักษ์อย่างแน่นอน องค์รัชทายาทและองค์ชายเข้าไปนั่งที่ของตนเองที่อยู่ใกล้ๆ กับแท่นบัลลังค์ของราชินี แล้วจึงทำความเคารพผู้ที่เป็นทั้งแม่และประมุขแห่งนคร องครักษ์ทั้งสองยืนอยู่ต่อหน้าองค์ราชินีและทำความเคารพ  ราชินียิ้มด้วยความปลื้มปิติดีใจ

        “ ในที่สุด วันที่ข้าและชาวเมืองทุกคนรอคอยก็มาถึงสักที ข้าดีใจเหลือเกินที่พวกเจ้าทั้งสองฝึกมหามนตราสุริยันจันทราได้สำเร็จ ”

        “ พวกเรารู้ว่าองค์ราชินีและชาวเมืองทุกคนรอพวกเราอยู่ พวกเราจึงทุ่มเทเพื่อการฝึกอย่างหนัก ” หนึ่งในองครักษ์กล่าวขึ้น

        “ บัดนี้ พวกเราสองคนพร้อมที่จะต่อสู้แล้ว องค์ราชินีโปรดจงได้บัญชามาเถิด ” องครักษ์อีกคนกล่าวขึ้นเช่นกัน

        “ ถ้าเช่นนั้นข้าขอบอกให้ทุกท่านได้รู้ว่า ในการศึกครั้งหน้า  ข้าจะนำทัพใหญ่ออกสู้ศึกครั้งสุดท้าย เราทุกคนจะร่วมต่อสู้ไปด้วยกัน  เพื่อหยุดความกระหายอำนาจของท้าวมหากาฬให้จงได้  ” องค์ราชินีพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับทุกคน

        “ ลูกจะขอสู้เคียงข้างท่านแม่และเหล่าทหารกล้าทุกคนเช่นกัน ”

        “ ลูกก็จะสู้เพื่อปกป้องชาวเมืองของลูกเช่นกัน ” เสียงคมเข้มของทั้งสองคนพูดขึ้นอย่างหนักแน่นไม่น้อยไปกว่าผู้เป็นแม่เลยทีเดียว

        “ ท่านราชครู ช่วยดูฤกษ์ยามสำหรับการทำศึกครั้งหน้าให้ด้วย ส่วนท่านแม่ทัพ ให้รีบจัดเตรียมทัพให้พร้อม ” ราชครูและแม่ทัพน้อมรับคำบัญญาของราชินี

        “ เมื่อข้าได้ฤกษ์ที่ดีที่สุดแล้ว จะรีบแจ้งให้องค์ราชินีได้รู้โดยทันที ” 

        “ ขอบใจท่านมาก ท่านราชครู ” ราชครูก้มศีรษะน้อมรับ “ การศึกครั้งนี้ ไม่ใช่การต่อสู้ด้วยอาวุธเพียงแค่นั้น แต่ยังเป็นการต่อสู้ด้วยพลังเวทย์อีกด้วย และพวกเจ้าทั้งสองคนคือความหวังสูงสุดของพวกเรา ข้าขอฝากด้วยนะองครักษ์ผู้ถูกเลือก ”  องครักษ์ทั้งสอง ก้มศีรษะน้อมรับคำบัญชาจากองค์ราชินี

สงครามครั้งสุดท้ายได้เกิดขึ้นแล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างพากันนำกองกำลังที่มีเข้าประจันหน้ากัน และดูเหมือนว่าท้าวมหากาฬจะมีกองกำลังที่เหนือกว่าด้วยจำนวนที่มากกว่า  แต่ถึงกระนั้นองค์ราชินีและเหล่าทหารกล้าก็มิได้หวาดกลัวแต่อย่างใด ท้าวมหากาฬที่ได้เห็นใบหน้าขององค์ราชินีก็แค้นใจเป็นยิ่งนัก  เรื่องราวในอดีตผุดขึ้นมาให้ระลึกถึงอีกครั้ง มันช่างยากที่จะลืมเลือนเหลือเกิน และเสริมให้ความโกรธนั้นยิ่งเพิ่มทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ จนอยากจะฆ่านางให้ตายคามือ เขาทนไม่ไหวจึงสั่งให้กองทัพของตนบุกเข้าโจมตีทันที  เมื่อเห็นฝ่ายตรงข้ามกำลังวิ่งเข้ามาหมายจะเอาชีวิต องค์ราชินีจึงไม่รีรอและสั่งให้กองทัพของตนเข้าต่อสู้เช่นกัน  เหล่าทหารของทั้งสองฝ่ายเข้าฟาดฟันกันอย่างดุเดือด  กลุ่มผู้ใช้พลังเวทย์ก็เข้าต่อสู้โดยใช้พลังเวทย์  ผู้คนล้มตายไปมาก เลือดนองแผ่นดิน แต่การต่อสู้ยังไม่จบสิ้นและยังคงดำเนินต่อไป ท่ามกลางเสียงหัวเราะสะใจของท้าวมหากาฬ และน้ำตาที่ไหลอาบแก้มองค์ราชินี


แสงอาทิตย์ในยามเช้า คือสัญญาณการเริ่มต้นวันใหม่ ต้นน้ำ ตะวัน และแม่ของต้นน้ำออกมาทำบุญตักบาตและกรวดน้ำเพื่ออุทิศผลบุญให้แก่ผู้ล่วงลับ  ก่อนจะนำน้ำที่กรวดแล้วไปเทที่ใต้ต้นไม้ใหญ่  จากนั้นแม่ของต้นน้ำก็แยกตัวออกไปเพื่อไปเตรียมขนมไทยขายในวันนี้ เหลือเพียงต้นน้ำและตะวันที่ยังคงนั่งคุยกันอยู่

        ตะวันครุ่นคิดจนคิ้วขมวดเข้าหากัน “ มันแปลกมากเลยนะน้ำ ที่จู่ๆ เราก็ฝันเหมือนกัน ในคืนเดียวกันแบบนี้ ”

        “ ใช่ มันแปลกมากจริงๆ แล้วมันก็เหมือนจริงมาก อย่างกับไม่ใช่ความฝัน ” ต้นน้ำตอบพลางนึกสงสัยไม่หาย

        ตากลมใสลุกวาว ราวกับนึกอะไรบางอย่างออก “ งั้นเสาร์หน้า เราไปทำบุญที่วัดกันดีไหม ”

        “ อื้อ… ก็ดีเหมือนกันนะซัน เราไม่ได้ไปทำบุญที่วัดกันนานแล้ว ”  แววตานั้นดูมีประกายขึ้นมาทันที

สองคนเพื่อนรักยิ้มดีใจ เพราะนานมากแล้วที่พวกเขาทั้งสอง มัวหมกหมุ่นอยู่กับการเรียน และการอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย จนลืมไปเลยว่าปกติแล้วพวกเขาจะต้องชวนกันไปทำบุญที่วัดสัปดาห์ละครั้งเป็นอย่างน้อย  การได้กลับไปทำบุญที่วัดในครั้งนี้ คงทำให้พวกเขาคลายกังวลจากฝันร้ายนี้ได้บ้าง

การเรียนในหนึ่งสัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็วจนถึงวันศุกร์ เย็นวันนี้ตะวันหอบเสื้อผ้ามานอนค้างคืนที่บ้านของต้นน้ำเพราะพรุ่งนี้เช้าพวกเขาจะไปทำบุญที่วัดด้วยกัน ในค่ำคืนนี้พวกเขาได้ฝันถึงการต่อสู้ของทหารทั้งสองฝ่าย และเห็นทหารมากมายที่นอนตายกันเกลื่อนกลาด มันคือฝันร้ายที่กลับมาตอกย้ำพวกเขาอีกครั้ง

เช้านี้คนขับรถที่บ้านของตะวันขับรถมารับต้นน้ำกับตะวันไปทำบุญที่วัด  ขณะที่รถกำลังแล่นไปสู่จุดหมายปลายทางนั้น ตะวันก็เล่าให้ต้นน้ำฟังว่าแม่ของเขาได้แนะนำให้ไปทำบุญที่วัดนี้กับหลวงตาท่านนึง  ดังนั้นวันนี้พวกเขาจึงได้ไปทำบุญที่วัดแห่งใหม่ที่ไม่เคยไปมาก่อน

คนขับรถจอดรถที่บริเวณหน้าวัด  ต้นน้ำกับตะวันเดินเข้าไปในวัดพร้อมกับสิ่งของที่เตรียมมาทำบุญ พอเดินเข้ามาในวัดได้สักพักตะวันก็เหลือบไปเห็นชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่ง ที่ยืนหันหลังให้และกำลังกวาดลานวัดอยู่  ก็นึกขึ้นได้ว่าน่าจะเป็นเด็กวัดจึงบอกให้ต้นน้ำรออยู่ตรงนี้ก่อน  แล้วตะวันก็เดินไปหาเด็กวัดเพื่อจะสอบถาม

กลิ่นหอมละมุน ฟุ้งเข้าไปในโพรงจมูกของชายร่างสูง กลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายกลิ่นดอกไม้  แต่ก็ไม่เคยได้กลิ่นดอกไม้ใดที่ละม้ายคล้ายคลึงกับกลิ่นนี้มาก่อน  มันช่างเป็นกลิ่นที่หอมหวานและชวนหลงใหล เขายิ้มน้อยๆ ด้วยความพอใจ แล้วร่างกายทุกส่วนก็หยุดเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ

            “ นี่นาย ”

เสียงใสของตะวันทำชายร่างสูงใหญ่สะดุ้งตื่นจากภวังค์ เหมือนมีใครบางคนเรียกเขาจากทางด้านหลัง แต่ไม่รู้ว่าเรียกมานานรึยัง  เพราะมัวแต่เคลิบเคลิ้มกับกลิ่นหอมนั่นจนทำให้ไม่รู้สึกตัว เขากลืนน้ำลายลงคอด้วยความรู้สึกประหม่า  ก่อนจะหันกลับไปด้านหลัง นัยน์ตาคมจ้องมองใบหน้าหวานที่อยู่ตรงหน้า  กลิ่นหอมนั้นยิ่งหอมกรุ่นละมุนมากขึ้นเรื่อยๆ หรือกลิ่นหอมนี้จะมาจากเจ้าตัวเล็กคนนี้ ตะวันเองก็จ้องใบหน้าคมแทบไม่กระพริบตาเช่นกัน แต่มิใช่เพราะหลงใหล แต่เป็นเพราะรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาราวกับว่าเคยเห็นนายคนนี้จากที่ไหนมาก่อน 

            “ น้องเรียกพี่หรือป่าวครับ ” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ

            “ ใช่  พี่พอจะรู้ไหมว่าหลวงตาบัวท่านอยู่ที่ไหน ” ตะวันตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบ และฟังดูไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่

            “ รู้ครับ มาทำบุญกันหรอครับ ” นัยน์ตาคมก็ยังคงพยายามพูดคุยด้วยน้ำเสียงที่สุภาพเช่นเดิม

            “ ใช่ งั้นพี่พาพวกเราไปหาหลวงตาบัวหน่อยได้ไหม ”

            “ ได้สิครับ เดี๋ยวตามพี่มา  มีสิ่งของให้พี่ช่วยถือไหมครับ ”

            “ ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่รออยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวผมไปเรียกเพื่อนก่อน ”

            “ ครับ ”  เขาเพียงแค่คิดว่าหากเด็กคนนี้เป็นน้องเป็นนุ่งของตัวเอง จะจับมาตีก้นซะให้เข็ด โทษฐานที่พูดจาไม่มีหางเสียงกับผู้ใหญ่  แต่ก็นั่นแหละ ทำได้เพียงคิดเท่านั้น


ชายร่างสูงใหญ่เดินนำหน้าพาเด็กหนุ่มตัวเล็กทั้งสองไปหาหลวงตาบัวที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ในกุฏิ พอไปถึงหน้ากุฏิเขาก็เข้าไปกราบหลวงตาและแจ้งว่ามีคนมาทำบุญ หลวงตาบัวจึงออกจากสมาธิแล้วบอกให้ชายร่างสูงใหญ่ไปพาคนที่รออยู่ด้านนอกเข้ามาทำบุญ

ต้นน้ำและตะวันทำบุญถวายสังฆทานและกรวดน้ำอุทิศบุญกุศลเหมือนที่เคยทำมาตลอด และนำน้ำที่กรวดแล้วไปเทใต้ต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะกลับเข้ามาสนทนากับหลวงตา

        “ หลวงตาครับ พวกผมสองคน ฝันไม่ค่อยดีเลยครับช่วงนี้ จะมีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นกับพวกเราหรือเปล่าครับ  ” ตะวันเอ่ยถามด้วยความสงสัยและเป็นกังวล

        “ โยมจะอยากรู้เรื่องของกาลภายหน้าไปทำไมกัน จงทำทุกปัจจุบันขณะ ให้พร้อมไปด้วยศีล สมาธิ และปัญญาเถิด ความดีจะเป็นเกราะคุ้นครอง  สติจะช่วยให้ผ่านพ้นปัญหาและอุปสรรคต่างๆ เมื่อเวลานั้นมาถึง โยมทั้งสองก็ จะได้รู้ทุกอย่างเอง ” 

ต้นน้ำและตะวันเข้าใจในคำพูดของหลวงตาบัว จึงไม่ได้พยายามที่จะซักไซ้ความใดต่อไปอีก เขาสองคนกราบลาหลวงตาแล้วเดินออกจากกุฏิไป  เด็กวัดผู้นำทางกลับไปที่กุฏิหลวงตาบัวเพราะอยากจะถามไถ่อะไรบางอย่างกับเด็กหนุ่มที่มีกลิ่นหอม แต่กลับไม่เจอแล้ว  หลวงตาบัวบอกว่าพวกเขาออกจากกุฏิไปได้สักพักนึงแล้ว ชายหนุ่มจึงรีบวิ่งออกไปตามหา  เพราะคิดว่าบางทีเด็กหนุ่มสองคนนั้นอาจจะยังนั่งเล่นหรือเดินเล่นอยู่ภายในบริเวณวัด เขาวิ่งตามหาทั่วทุกมุมวัด แต่ก็ไม่เจอ เขาได้แต่พร่ำคิดว่าจะมีโอกาสได้สัมผัสกลิ่นหอมละมุนแบบนั้นอีกไหม มันช่างเป็นกลิ่นหอมที่น่าหลงใหลและรู้สึกคุ้นเคยมากเหลือเกิน


*********************************************************


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-05-2023 00:17:10 โดย LikeL »

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
ใครคือพระเอก นายเอก ใครจะคู่กับใคร หรือพระเอกยังไม่ออกมา จะเกิดอะไรขึ้นกับต้นน้ำและตะวัน อดีต2คนนี้มันยังไง อยากอ่านต่อแล้วววววว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด