รับรักข้าเถิดองค์ราม
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รับรักข้าเถิดองค์ราม  (อ่าน 1144 ครั้ง)

ออฟไลน์ Littlewave

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
รับรักข้าเถิดองค์ราม
« เมื่อ10-04-2022 16:40:02 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

****************************************************************************



 
Share This Topic To FaceBook

ออฟไลน์ Littlewave

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: รับรักข้าเถิดองค์ราม
«ตอบ #1 เมื่อ10-04-2022 16:40:29 »

รับรักข้าเถิดองค์ราม
แม้นเป็นยักษ์ใจภักดิ์ไม่เสื่อมคลาย เหตุอันใดเจ้าจึงไม่สนใจพี่ มอบความรักให้เจ้าสุดชีวี เพียงเจ้านี้สุขีก็พอใจ

แม้นหากข้าต้องตายก็ขอทำลายสมุดเวทย์มนต์แห่งรามเกียรติ์นั่นก็แล้วกัน

ศรเสน่หาพิศวงจงแผลงฤทธาให้ประจักษ์แก่เทวดาทั้งหลาย

หึหึหึ

หยุดเดี๋ยวนี้นะหิรันต์ยักษ์โทษของเจ้าถึงขั้นตายสถานเดียวในสิ่งที่เจ้าทำเจ้ารู้หรือเปล่า

ข้ารู้ตัวดีพระอินทร์อย่างน้อยก่อนตายข้าก็ได้ทำลายในสิ่งที่ต้องการ555

 

นิยายเรื่องนี้มีการอิงตัวละครจากวรรณคดีไทยเรื่องรามเกียรติ์ โดยนำมาจาก บทพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเรื่องรามเกียรติ์  เนื้อหาเกิดจากจินตนาการของผู้แต่งเพราะฉะนั้นเนื้อเรื่องไม่ตรงตามเนื้อหาของวรรณคดีทั้งหมดมีบางส่วนที่ตรงบ้าง



มีบทกลอนแทรกในแต่ละบทซึ่งผู้แต่งเขียนเอง

คำฝากจากพระอิศวร

เข้ามาอ่านกันเถิดเจ้าจะได้รู้ว่าพระอินทร์นี่นั่งจิกหมอนข้าจนขาด

คำฝากจากพระอินทร์

ว่าแต่ข้าท่านก็จิกเสื้อข้าจนเกือบขาด


0 หิรันต์ยักษ์ทำลายสมุดเวทย์



ณ ที่ประทับของพระอิศวร

เหตุการณ์ที่ไม่ปกติของสวรรค์ในวันนี้คือ หิรันต์ยักษ์ ผู้มีใจหยาบช้าได้เข้าไปขโมยศรเสน่หาพิศวงของพระแม่อุมาเทวี

พระอิศวรเกรงว่าอาจจะนำไปใช้ในทางที่ไม่ดีจึงเรียกประชุมใหญ่เพื่อหาทางจัดการ

"ใครมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างในการจัดการกับไอ้หิรันต์ยักษ์ในครั้งนี้" เสียงพูดของจอมเทพทำเอาเทวดาที่ชุมนุมถึงกับสะดุ้ง...ความกลัวถาโถม...หากแต่มีเสียงพระอินทร์เอ่ยพอที่จะชะโลมหัวใจได้ ด้านศรเสน่าหาพิศวงนั้นฤทธานุภาพทำลายล้างสูงมากหากโดนโจมตีเข้าไปสักทีแล้วล่ะก็คงต้องกระอักเลือดกันไปข้าง

"ข้าขอเสนอตัวเองพะย่ะค่ะ รับรองว่าสามารถปราบมันได้แน่" เสียงของพระอินทร์เอ่ย ในขณะที่ไม่มีเทวดาตนไหนกล้าคัดค้านเลย ก็อย่างที่บอกในตอนแรกตัวหิรันต์ยักษ์นั้นก็เก่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยังจะมีศรที่มีฤทธานุภาพมากมาเสริมอีกยิ่งทำให้เป็นที่หวั่นเกรงไปใหญ่

"ถ้าเจ้าพูดเช่นนั้นข้าก็วางใจรีบไปดำเนินการให้เสร็จเถิดก่อนที่จะไม่ทันการณ์"

"พะย่ะค่ะ"

เมื่อตกปากรับคำแล้วจะเสียสัตย์มิได้อันว่าตัวพระอินทร์เองนั้นรู้ว่ามิอาจจะรับมือหิรันต์ยักษ์ได้โดยง่ายคงต้องใช้วิธีการที่ชาญฉลาดเข้ารับมือจะได้ไม่เสียเปรียบจนเกินไป

ว่าแล้วก็ไม่รอรีรีบรี่ประชุมเหล่าทหารเทวดาโดยทันใด

"พวกเจ้าคงรู้ดีว่าหิรันต์ยักษ์นั้นมีฤทธิ์มากเพียงไหน แต่ถ้าเราไปกันเยอะขนาดนี้มันก็คงลำบากเช่นกัน วางแผนปิดล้อมมันอย่าให้หนีไปได้ จงรีบออกตามล่ามันก่อนที่จะทำสิ่งที่เลวร้ายหากใครเจอแล้วก็ยิงศรศักดิ์สิทธิ์ขึ้นฟ้าเพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้ทุกคนรับทราบว่าเจอมันแล้ว"

"พะย่ะค่ะ" เทวดาทุกตนรับทราบแล้วก็รีบออกตามหาหิรันต์ยักษ์ในทันใด

เวลาเช้าตรู่เพียงครู่เดียวก็พลันล่วงเลยไปมินานนักเมื่อยามอาทิตย์เริ่มอับแสงผ่อนแรงลงก็มิอาจพบหิรันต์ยักษ์ได้ ความสงสัยผุดขึ้นในใจของพระอินทร์หรือว่าหิรันต์ยักษ์จะไม่ได้อยู่ที่นี่หากเป็นเช่นนี้โลกมนุษย์คงต้องพบความวิบัติเป็นแน่

"ทิพากรเริ่มร่วงหล่นแล้วคงไม่แคล้วที่เราจะเจอมัน ข้าว่าเวลาแบบนี้แหละมันจะต้องโผล่หัวออกมาแน่นอน" 

สิ้นเสียงกล่าวของพระอินทร์ไม่นานนักหิรันต์ยักษ์ก็ปรากฏกายให้เห็นซึ่งหน้า ทำเอาเหล่าเทวดาตื่นตระหนกตกใจไปยกใหญ่

"หึหึหึ...นี่ข้าปรากฏเลื่องชื่อลือขจรไปไกลจนถึงหูพระอินทร์เลยหรือนี่ถึงได้ออกมาไล่ล่าพร้อมกับเหล่าเทวดามากมายถึงเพียงนี้"

"เจ้ายักษ์หยาบช้าสาธารณ์คืนศรของพระแม่อุมาเทวีมาเดี๋ยวนี้...เจ้าก็รู้ดีมิใช่หรือว่าเจ้าจะต้องพบกับอะไรในเหตุที่เจ้าได้กระทำขึ้น"

"เจ้าไม่ต้องมาบอกข้าหรอกพระอินทร์ข้ารู้ตัวดี...อีกอย่างพวกเจ้าไม่ได้อยู่ในแผนการที่ข้าคิดจะทำลายเลยสักนิด"

"เจ้าหมายความว่าอย่างไร...ที่เจ้าขโมยศรของพระแม่อุมาก็เพราะว่าคิดจะล้างแค้นเทวดาและทำลายโลกมนุษย์ไม่ใช่รึ"

"มีสิ่งอื่นที่ข้าคิดจะทำมากกว่านั้น"

"เอาเถอะถึงเจ้าจะทำอะไรที่ไม่ใช่ทั้งสองอย่างที่ข้าพูดถึงก็เถอะแต่ก็คงไม่พ้นเรื่องชั่วเพราะฉะนั้นตราบใดที่ข้ายังยืนอยู่ตรงนี้เจ้ามิอาจที่จะทำการใดๆได้ทังสิ้น"

"ถ้าเจ้าคิดว่าเจ้าขัดขวางข้าได้ก็ลองดู"

สิ้นเสียงหิรันต์ยักษ์เอ่ย...ก็เกิดความมืดปกคลุมทันทีแม้แต่แสงของดาราก็มิอาจสาดส่องแสงมาให้แสงสว่างแก่เหล่าเทวดาได้

เหล่าเทวดาต่างตื่นตระหนกตกใจลนลานพากันเหาะทะยานหลบอย่างสุดฤทธิ์

ความมืดปกคลุมอยู่ไม่นานนักสักพักก็หายไปพร้อมกับร่างกายของหิรันต์ยักษ์เช่นกัน

"เจ้าหิรันต์ยักษ์มันหนีไปแล้วทหารรีบตามไปมันยังคงไปได้ไม่ไกลมาก"

"พะย่ะค่ะ"

ณ โบราณสถานวิหารรามเกียรติ์

"วิหารรามเกียรติ์รึ...เหตุใดมันจึงเข้าไปในนั้น"

"อันวิหารรามเกียรติ์นั้นเข้าได้แต่เหล่าเทวดาไม่ใช่หรือพระเจ้าค่ะเหตุใดไฉนเล่าเจ้าหิรันต์ยักษ์จึงเข้าไปที่นั่นได้หรือพระเจ้าค่ะ"

"สิ่งที่เจ้าพูดมาก็ถูก...ตามปกติมันต้องถูกฆ่าตายแล้วแต่ด้วยเหตุที่มันมีศรของพระแม่อุมาเทวีทำให้มันสามารถเข้าไปที่นั่นได้...ที่นั่นเก็บสมุดเวทย์รามเกียรติ์ไว้อยู่หากมันทำลายได้แล้วล่ะก็โลกมนุษย์ต้องย่ำแย่เป็นแน่รีบตามมันเข้าไปอย่าให้มันทำลายได้"

"พะย่ะค่ะ"

ครั้นเมื่อถึงห้องเก็บสมุดเวทย์รามเกียรติ์ก็พบร่างอสุรียืนอยู่มือถือศรเตรียมเล็งเข้าหาสมุดเวทย์

"หยุดนะหิรันต์ยักษ์ถ้าเจ้าทำเช่นนั้นโทษของเจ้าถึงขั้นตายคิดไตร่ตรองให้ดีก่อนทำเถิด"

"เจ้าไม่ต้องบอกข้าหรอกพระอินทร์ข้ารู้ตัวดีว่ากำลังทำอะไรอยู่"

"เห็นทีต้องใช้กำลังกับเจ้า"

"ถ้าคิดว่าทำได้ก็ลองดู...โอม..ศรเสน่าหาพิศวงจึงแผลงฤทธาให้ปรากฏแก่เหล่าเทวดาด้วยเถิด"

"จักรแก้วจงไปสังหารมัน"

พลันร่ายคาถาเสร็จศรก็พุ่งตรงเข้าหาสมุดเวทย์ทันทีพร้อมกับจักรแก้วที่พุ่งปรี่เข้ามาตัดเศียรหิรันต์ยักษ์ขาดสิ้นใจตายในที่สุด

ครั้นพระอินทร์หันมองไปดูสมุดเวทย์ก็ปรากฏว่ายังคงมีสภาพเดิมไม่มีรอยขีดข่วนแต่อย่างใดจึงหันไปสั่งเหล่าเทวดาให้ถอนทัพกลับไปเพื่อแจ้งแก่พระอิศวร

ณ ที่ประทับของพระอิศวร

"ว่าไงพระอินทร์คงปฏิบัติภารกิจสำเร็จสิท่าถึงกลับมาหาข้าได้"

"อันว่าภารกิจก็เสร็จอยู่ดอกแต่ว่าข้าสังหารมันไม่ทันก่อนที่มันจะใช้ศรเสน่หาพิศวงโจมตีสมุดเวทย์พะย่ะค่ะ"

"แล้วสมุดเวทย์เป็นอย่างไรเล่า"

"ข้าได้พินิจพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วปรากฏว่าสมุดยังคงสภาพเดิมมิมีรอยฉีกขาดบุบสลายแต่อย่างใดเลยพะย่ะค่ะ"

"อืม..ช่างเป็นเรื่องแปลกเสียจริงอันว่าศรเสน่หาพิศวงก็มีฤทธานุภาพมากล้นถึงเพียงนั้นเหตุใดสมุดถึงยังคงรูปลักษณ์เดิมไว้ได้...เห็นทีคงต้องเรียกอุมาเทวีมาถามแล้ว"

สิ้นคำพูดของพระสยมภูวนาถเรืองศรี เหล่าเทวดาที่รับคำสั่งก็รีบไปตามพระแม่อุมาเทวีมาทันที

ครั้นมินานนักร่างของสตรีผู้งดงามอันมีฐานันดรศักดิ์สูงส่งเป็นชายาของจอมเทพก็ปรากฏต่อหน้าเหล่าเทวดาทั้งหลาย...ก่อนจะเอ่ยถามพระสวามีที่ด้นดั้นใช้เทวดาไปตามตนมา

"ท่านพี่เรียกน้องมามีเหตุอันใดหรือเพคะ"

"อันอุมาเทวี...ศรที่หิรันต์ยักษ์ขโมยเจ้าไปหมายจะทำลายสมุดเวทย์แล้วเหตุใดสมุดจึงยังคงสภาพไว้ได้ไม่สลายไป"

"ศรเสน่หาพิศวงสามารถทำลายสมุดเวทย์ได้แต่ที่หิรันต์ยักษ์ขโมยไปนั้นคือศรเสน่หาพิศวาสที่มีฤทธาในการเปลี่ยนเรื่องราวต่างๆเพคะ"

"ถ้าอย่างงั้นก็หมายความว่ารามเกียรติ์จะเปลี่ยนไปอย่างนั้นหรือ"

"เพคะ"

"แล้วจะเปลี่ยนไปอย่างไรเล่าเจ้าจงคลายความสงสัยพี่ด้วยเถิด"

"อันว่าศรเสน่หาพิศวาสนั้นน้องก็มิอาจจะล่วงรู้ได้ถึงพลังที่แท้จริงของมันจะรู้ก็เพียงแต่ความสามารถในการเปลี่ยนแปลงเท่านั้นเพคะ"

"แล้วมีวิธีแก้ไหมเล่า"

"ไม่มีหรอกเพคะก็คงดำเนินตามที่พลังของศรกำหนด"

"ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็กลับไปพักผ่อนเถิดเดี๋ยวพี่จะปรึกษาหารือกับพระอินทร์เสียหน่อย"

"เพคะ"

ภายหลังพระแม่อุมาเทวีกลับไปองค์อิศวรกับพระอินทร์ก็ซักไซ้ไต่ถามซึ่งกันเเละกัน

"พระอินทร์หากเรื่องเปลี่ยนแปลงอย่างที่อุมาเทวีว่าจริงๆ เจ้าคิดว่าจะส่งผลกระทบอย่างไร"

"ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันท่านเราคงต้องรอดูสถานการณ์ไปก่อน"

อันพระอิศวรกับพระอินทร์นั้นหากอยู่ต่อหน้าเหล่าเทวดาก็จะพูดคุยกันในภาษาที่เป็นระดับของชั้นเทพแต่หากอยู่ด้วยกันโดยไม่มีหมู่เทวดาอยู่ด้วยก็จะใช้ศัพท์ที่ไม่เป็นทางการเท่าไหร่

"บัดนี้เรื่องราวรามเกียรติ์ดำเนินไปถึงไหนแล้วเจ้ารู้หรือไม่"

เมื่อนั้น  พระสยมภูวญาณเรืองศรี

เอื้อนเอ่ยถ้อยคำวจี พระอินทร์นี้ก็รับฟังไป

แล้วพินิจพิจารณา  ใช้ดวงตามองดูเบื้องใต้

ภาพก็ปรากฏในทันใด  จึงได้เอื้อนเอ่ยตอบมา


"ข้าได้ใช้สายตาแลลงไปด้านล่างแล้วเนื้อเรื่องยังคงอยู่ที่กรุงอโยธยาพระรามยังคงมิได้นางสีดามาเป็นชายาพะย่ะค่ะ"

พระอิศวรรับฟังคำกล่าวของพระอินทร์พลางพยักหน้ารับทราบไปด้วย เมื่อเป็นอย่างนั้นจึงเข้าฌานเพื่อดูเรื่องราวต่อไป

"อืม..จากภาพที่ข้าเห็นก็คงอีกไม่นานนักความรักของทั้งสองคงจะเกิดเพราะพระวสิษฐ์สวามิตรฤาษีกำลังเดินทางมากรุงอโยธยาเพื่อแจ้งข่าวแก่พระรามเป็นแน่"

"ถ้าอย่างนั้นเราก็คงจะทราบอีกไม่นานแล้วว่าเนื้อเรื่องเป็นอย่างไร"

"เดี๋ยวก่อนพระอินทร์บุคคลผู้นี้คือใคร"

"คนไหนหรือพะย่ะค่ะ"

"จะมีคนไหนเล่าก็คนที่ยืนคุยกับพระลักษมณ์อยู่นี่ไง"

"นั่นพระรามเองพะย่ะค่ะ"

"นี่เจ้าหลอกข้ารึ...จะเป็นพระรามไปได้ยังไงอันพระรามใครๆก็รู้ว่ามีกายสกนธ์สีเขียวแล้วเป็นบุรุษแต่นี่ผิวกายก็สีขาวแถมยังเป็นสตรีอีกเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นพระราม"

"ทีแรกข้าก็คิดเหมือนท่านแต่พอข้าได้ยินพระพรต พระลักษมณ์ พระสัตรุดแล้วนั้น ปรากฏว่าคนที่ท่านเอ่ยถึงนั้น คือพระรามและเป็นบุรุษมิใช่สตรีแต่อย่างใด"

"นี่มันอะไรกัน! แม้แต่ตัวละครก็เปลี่ยนแปลงไปถึงขนาดนั้นเชียวรึ...คงต้องดูฝั่งทศกัณฐ์แล้วล่ะ"

ครั้นพระอิศวรเพ่งดูกรุงลงกาก็ปรากฏร่างมนุษย์ที่มีเขี้ยวของยักษ์อยู่รูปงามเป็นยิ่งนักไม่มีใครคิดว่าจะเป็นทศพักตร์เจ้าลงกาเป็นแน่

"ถ้าข้าเดาไม่ผิดนี่คงเป็นทศกัณฐ์สินะพระอินทร์"

"เป็นอย่างที่ท่านว่าพะย่ะค่ะ"

"ให้ตายสิแล้วเหตุใดไฉนเล่าถึงไม่

มีนางมณโฑอยู่เคียงคู่"

"คงเป็นเพราะพลังของศรเสน่หาพิศวาสพะย่ะค่ะ"

"อันเนื้อเรื่องและตัวละครที่เปลี่ยนไปเยอะถึงขนาดนี้ข้าเกรงว่าอาจจะเพิ่มความวุ่นวายให้แก่พวกเราเป็นแน่"

"อย่าพึ่งอาดูรใจไปเลยพะย่ะค่ะอาจจะไม่ถึงขั้นนั้นก็ได้"

"ก็ขอให้เป็นดังเจ้าว่ามิเช่นนั้นคงเดือดร้อนไปทั่วสวรรค์ชั้นอัมพร"

"แล้วเราจะเอาอย่างไรกันต่อเล่าท่าน"

"ก็คงต้องรอดูไปคร่าวๆก่อนตอนนี้ยังคงตัดสินใจทำอะไรไม่ได้"

"ถ้าอย่างนั้นขอพระองค์พักผ่อนกายาก่อนเถิดพะย่ะค่ะไว้รุ่งอรุณเราค่อยมาพบกันใหม่"

"ข้าเห็นด้วยงั้นแยกย้ายกันก่อนวันนี้"

"พะย่ะค่ะ"

ครั้นสิ้นเสียงคำเอ่ยพระอิศวร พระอินทร์ก็เหาะทะยานสู่พื้นคัดนานต์เพื่อกลับไปยังที่ประทับของตน



ต่อไปนี้จะเล่าถึงการเกิดของนางสีดาในส่วนของเนื้อเรื่องหลักนั้นนางสีดาเป็นลูก

ของนางมณโฑกับพญาทศกัณฐ์เนื่องด้วยเกิดมาร้องว่า ผลาญยักษ์ ทำให้พิเภกทำนายว่านางนั้นเป็นกาลกิณีต่อบ้านเมือง ทำให้พญาทศกัณฐ์และนางมณโฑจำใจต้องทิ้งนางสีดาโดยให้พิเภกจัดการโดยนำใส่ผอบทองไปลอยน้ำ

ครั้นผอบทองลอยน้ำไปถึงอาศรมของฤๅษีชนกผู้ครองกรุงมิถิลา เปิดดูพบเด็กทารกหญิงหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูภายใน ทว่าฤๅษีชนกนั้นในขณะนั้นครองเพศฤๅษีอยู่ ไม่สะดวกจะเลี้ยงนางสีดา จึงได้นำผอบทองฝังดิน พร้อมขอให้พระแม่ธรณีช่วยดูแลรักษานางด้วย

16 ปีต่อมา ฤๅษีชนกตั้งใจนิวัตินครเพื่อครองกรุงมิถิลาตามเดิม จึงได้ทำพิธีไถคราดดินหาผอบทองที่พระองค์ฝังดินไว้ คันไถไปติดผอบเข้า เหล่าทหารจึงได้ขุดขึ้นมา เมื่อเปิดออกก็พบหญิงสาวรูปร่างหน้าตาสละสลวยโสภาอย่างที่หาที่เปรียบเปรยไม่ได้ สวยงามที่สุดและงดงามยิ่งกว่านางใดในโลกนี้ ทั้งจริตกิริยาก็เรียบร้อยน่าชม ฤๅษีชนกจึงได้รับนางเป็นพระธิดาแห่งกรุงมิถิลา พร้อมประทานนามให้นางว่า สีดา ที่แปลว่า "รอยไถ

แต่ในส่วนของเนื้อเรื่องที่ถูกศรเสน่หาพิศวาสเปลี่ยนแปลงนั้น

นางสีดาไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับพญาทศกัณฐ์และนางมณโฑแต่อย่างใดเพราะเหตุที่ว่า

นางมณโฑไม่ได้ลงไปครองคู่กับพญาทศกัณฐ์ 

อันนางสีดานั้นเกิดจากฤาษีชนกที่ตอนเป็นกษัตริย์บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อยดีมวลมหาประชาชนอยู่อย่างมีความสุขพระองค์จึงมีความเบื่อหน่ายแล้วคิดอยากจะออกบวชเมื่อออกบวชจนมีวิชาแก่กล้าแล้วพระองค์จึงทำพิธีสร้างนางสีดาขึ้นมาเป็นบุตรของตนเองด้วยเหตุที่ว่าฤาษีชนกไม่มีบุตร หากจะกล่าวถึงความสวยงามของนางสีดาแล้วนั้นเรียกได้ว่าคงไม่มีใครเทียบแต่ด้วยฤทธิ์ของศรเสน่หาพิศวาสความงามของนางสีดาเทียบเท่าพระรามจึงเป็นศูนย์เรียกได้ว่าไม่มีใครงดงามเท่าเลยทีเดียวแม้ตัวจะเป็นบุรุษก็ตาม

จบการกำเนิดนางสีดาเพียงเท่านี้



ณ กรุงมิถิลา

ณ ห้องโถงใหญ่กลางพระราชวังมีบุคคลนั่งชุมนุมกันอยู่มากมายที่หัวโต๊ะมีประธานในการชุมนุมเป็นผู้ที่มีอำนาจดูมียศมีบารมีสูงส่งเขาผู้นั้นก็คือ ท้าวชนก

"อันสีดาธิดาของเรานั้นก็มีอายุครบ 16 พรรษาแล้วในตอนนี้ข้าจึงอยากที่จะสอบถามพวกเจ้าว่าควรที่จะถึงเวลาที่จะต้องอภิเษกสมรสกับเจ้าชายหรือยัง"

"ข้าพระพุทธเจ้าคิดว่าควรแก่เวลาแล้วพะย่ะค่ะ"

"ข้าพระพุทธเจ้าก็มีความเห็นเช่นเดียวกันพะย่ะค่ะ"

ครั้นถามโหรหลวงและเหล่าเสนาอำมาตย์ทั้งหลายก็มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันท้าวชนกจึงมีความเห็นว่าจะให้นางสีดาอภิเษกสมรสโดยผู้ที่จะมาอภิเษกสมรสนั้นจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขให้สำเร็จจึงจะอภิเษกสมรสได้

เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงประกาศให้ทหารทุกคนฟังถึงความประสงค์

"ถ้าเช่นนั้นแล้วพวกเจ้าจงประกาศออกไปให้ทั่วดินแดนแว่นแคว้นทั้งหลายหากชายใดที่สามารถยกคันธนูโมลีได้ผู้นั้นจะได้อภิเษกสมรสกับสีดาธิดาของข้า"

"พะย่ะค่ะ"

เมื่อรับทราบพระประสงค์เช่นนั้นแล้วเหล่าทหารก็รีบออกไปประกาศทั่วถิ่นแคว้นแดนดินทั้งหลาย







ฝากนิยายเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกด้วยนะครับ ในส่วนของบทกลอนในบทผู้แต่งเขียนเองมิได้คัดลอกจากใครมา 



พระอิศวร: ฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยใครอ่านข้าจะให้พร

พระอินทร์:ถึงข้าจะปรากฏในตอนนี้เยอะก็อย่าพึ่งเบื่อกัน คราวหน้าคงไม่ปรากฏบ่อยแล้วขอข้ามีซีนหน่อยนะบทนี้


ออฟไลน์ Littlewave

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: รับรักข้าเถิดองค์ราม
«ตอบ #2 เมื่อ10-04-2022 16:55:18 »

1 มุ่งหน้าสู่มิถิลา
มาจะกล่าวบทไปถึงการประกาศหาคู่ครองให้กับนางสีดาเพียงไม่กี่วันเรื่องก็โจษจันไปทั่วหล้าเจ้าชายต่างๆรีบเดินทางมาเพื่อหวังจะชิงชัย
เรื่องทราบถึงโยคีก็นั่งพูดคุยกันอึงมี่จนมาถึงอาศรมของฤาษีสวามิตรและฤาษีวสิษฐ์ ฤาษีทั้งสองจึงรีบนำความไปบอกแก่พระรามและพระลักษมณ์
"ท่านคิดว่านางสีดานั้นเหมาะสมที่จะเป็นคู่หมั้นคู่หมายกับพระลักษมณ์เหมือนข้าหรือไม่" ฤาษีวสิษฐ์เอ่ยถาม
"ข้าก็คิดไม่ได้ต่างจากท่านองค์ชายลักษมณ์นั้นมีฝีมือในด้านของการต่อสู้ที่เยี่ยมยอดแถมยังรูปงามอีกทั้งน่าเกรงขามคงหาคนที่เหมาะสมกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว" ฤาษีสวามิตรพยักหน้าแล้วเอ่ยตอบในทันใด
"ถ้าท่านเห็นด้วยดังนั้นข้าว่าเราควรรีบไปแจ้งแก่ท้าวทศรถถึงความมุ่งหมายนี้เถิด"
ว่าแล้วฤาษีทั้งสองก็มุ่งหน้าสู่เมืองอโยธยาเพื่อแจ้งข่าวสารแก่ท้าวทศรถ
ณ เมือง อโยธยา
"ถ้าท่านทั้งสองเห็นว่าลูกลักษมณ์ของเราควรที่จะครองคู่กับนางสีดาแล้วนั้นเราก็คงเห็นด้วยเชิญท่านนำลูกเราไปที่เมืองนั้นด้วยเถิด"
ท้าวทศรถทราบความจากพระฤาษีทั้งสองก็มีความโสมนัสเป็นอย่างยิ่งจึงอนุญาตให้พระรามและพระลักษมณ์ไปที่เมืองมิถิลาตามคำขอของพระฤาษีทั้งสอง
หลังจากพูดคุยกันเสร็จสรรพฤาษีทั้งสองและพระลักษมณ์กับพระรามก็มุ่งหน้าสู่เมืองมิถิลา
ลัดเลาะริมธารป่าใหญ่ ผ่านป่าเขาลำเนาไพร
ครั้นถึงมิถิลาเกรียงไกร  ก็ไคลคลาเท้าเข้าบุรี

ครั้นมาถึงเมืองกันเรียบร้อยแล้วก็ได้ยินเสียงดังชุลมุนวุ่นวายไปทั่วจากเจ้าชายเมืองต่างๆงานครั้งนี้เป็นงานที่ยิ่งใหญ่นัก พระลักษมณ์ที่มีความตื่นเต้นเพราะไม่เคยเจอผู้คนมากมายถึงเพียงนี้อีกทั้งบ้านเมืองก็สวยงามแปลกตาไม่เคยพบเห็นมาก่อน ในด้านของพระรามก็รู้สึกเบื่อหน่ายต่อเจ้าชายทั้งหลายที่เข้ามารุมล้อมตนเพื่อถามว่าเป็นธิดาจากเมืองไหน  ให้ตายสินี่เขาบอกว่าเป็นผู้ชายมา 30 กว่ารอบแล้วในวันนี้

กล่าวถึงนางสีดาผู้เลอโฉมเป็นผู้ที่เจ้าชายต่างๆหมายปองที่จะได้ไปเป็นคู่ครองในวันนี้มองลอดช่องบัญชรลงมานัยน์เนตรก็สบเนตรกับพระลักษมณ์ ความเสน่หาก็บังเกิดขึ้นด้วยฤทธิ์ของศรเสน่หาพิศวาส

สีดา:
อันชายชาญ ผู้นี้ ช่างงามนัก
สุดจะหัก ห้ามจิต มิคิดได้
ดั่งดารา ส่องแสง บนฟ้าไกล
งามไม่หน่าย น่ามอง น่าแลชม
เหตุใดเล่า เราถึงได้ อาวรณ์นัก
ใจจึงภักดิ์ รักท่าน ไม่ขื่นขม
หรือเคยคู่ เคียงกัน ร่วมภิรมย์
เป็นคู่สม กันมา แต่ชาติใด
คงเป็นเพราะ บุพเพ สันนิวาส
แยกเราขาด จากกัน นั้นมิได้
จึงได้ถูก ชะตา ต้องทรวงใน
รักกันได้ แค่เเรกพบ ประสบตา

พระลักษมณ์:
อันนารี สวยงาม เห็นมามาก
แต่ช่างยาก ที่จะงาม เท่าเจ้าได้
ช่างโสภา งามแท้ แม่ทรามวัย
เหตุอันใด ถึงได้ ถูกชะตา
เหมือนดั่งดาว พริ้งพราว วับวาวผ่อง
เพียงได้จ้อง ดูเจ้า เฝ้าห่วงหา
โอ้เหตุใด ถึงได้ มากโสภา
ให้ครวญหา กานดา ถึงเพียงนี้
เพียงแรกเห็น ใจข้าเต้น สุดในทรวง
รักพุ่มพวง สุดใจ ไม่หน่ายหนี
ขอให้เรา ได้ร่วมคู่ ร่วมชีวี
รักเจ้านี้ เป็นแน่ แม่ศรีไพร


รำพึงรำพันถึงกันเพียงครู่เดียวพระฤาษีทั้งสองก็เรียกสติพระลักษมณ์คืนให้เดินต่อไป

จะกล่าวถึงหัสนัยน์เจ้าตรัยตรึงศาผู้เรืองฤทธิ์ทานั่งมองอยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้าก็แคลงใจ
เจ้าชายที่เสด็จมายังเมืองนี้มากล้นแต่ละคนก็มุ่งหมายนางสีดาทั้งสิ้นหากไม่ได้ดังสมใจที่ถวิลคงจะรบราฆ่าฟันกันเป็นแน่เห็นทีตัวข้าจักต้องลงไปเป็นประธานในพิธีสักหน่อยอย่างน้อยพวกเจ้าชายทั้งหลายคงเกรงใจบ้างอีกประการหนึ่งจะได้ทราบเรื่องเพื่อนำมาบอกกล่าวแก่พระอิศวร
"เทวดาทั้งหลายเจ้าจงลงไปกับข้ามุ่งสู่เมืองมิถิลาเพื่อเป็นประธานในพิธียกคันธนูโมลีของพระอิศวรผู้ใดที่สามารถยกได้ก็จะได้รับนางสีดาเป็นคู่ครอง"
"พะย่ะค่ะ"
ว่าแล้วพระอินทร์และเหล่าเทวดาก็ขึ้นราชรถแล้วเหาะมายังกรุงมิถิลาในทันใด
พอมาถึงจึงขึ้นมณฑปแก้วที่เพริศแพร้วมากล้นรัศมีสถิตอยู่เหนือแท่นรัตนมณีตามที่อัครราชเทวัญ
ด้านท้าวชนกหลังแต่งกายเสร็จสรรพก็เสด็จมายังโรงราชพิธีครั้นมาถึงก็เสด็จนั่งลงเหนืออาสน์ยกกรอภิวาทโยคีทั้งหลายที่มาร่วมพิธีอีกทั้งไหว้โกสีย์ผู้มีฤทธิไกร แลเห็นเจ้าชายจากเมืองต่างๆที่มากมายแต่งกายทรงเครื่องอำไพกันทุกคนครั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นพระรามและ
พระลักษมณ์ที่รูปงามกว่าใครโดยเฉพาะพระลักษมณ์ที่รูปงามอย่างที่ไม่เคยเห็นบุรุษใดมาก่อนในด้านของพระรามนั้นมิอาจล่วงรู้ได้ว่าเป็นบุรุษคิดว่าเป็นสตรีที่ติดตามพระลักษมณ์มาเท่านั้นอันสีดาว่าสวยสุดแล้วในใต้หล้าเหตุใดสตรีผู้นั้นจึงงดงามกว่านางสีดาอีกว่าแล้วไม่รอรีรีบถามพระฤาษีทั้งสองในทันใด
"ท่านโยคีช่วยบอกข้าเถิดว่าบุรุษและสตรีที่นั่งอยู่ด้านหลังท่านนั้นคือใคร"
"อันบุรุษที่นั่งอยู่ด้านหลังเรานั้นมีชื่อว่าพระลักษมณ์เป็นบุตรของท้าวทศรถผู้ครองกรุงอโยธยาบุรุษผู้หนึ่งที่ท่านคิดว่าเป็นสตรีนั้นคือพระรามเป็นบุตรของท้าวทศรถที่ครองกรุงอโยธยามีศักดิ์เป็นพี่ชายของพระลักษมณ์อีกทั้งยังเป็นบุรุษมิใช่สตรีอย่างที่ท่านคิด"
"อย่างนั้นเองหรือข้าต้องขออภัยด้วยอันพระรามหน้าตาสวยงามปานประหนึ่งสตรีเช่นนี้ข้ามิอาจคิดว่าจะเป็นบุรุษได้ อันว่านางสีดาบุตรข้าที่สวยงามมาก ยังไม่อาจที่จะเทียบเคียงกับพระรามได้เลยนะท่าน ให้ตายสิมีบุรุษสวยกว่าสตรีด้วย
เหรอเนี่ย"
"เอาเถอะท่านอย่ามัวมาชมความสวยอยู่เลยเดี๋ยวลูกสาวของท่านที่เป็นจุดเด่นของงานจะหมองหม่นไปหมด นี่ก็คงใกล้ได้เวลาที่จะได้เริ่มการยกธนูโมลีขึ้นแล้ว ท่านรีบดำเนินพิธีเถิด"
พูดคุยกันเสร็จแล้วท้าวชนกก็ประกาศการยกธนูโมลีขึ้น
"ยินดีต้อนรับเจ้าชายจากเมืองอื่นๆทุกท่านตัวข้านั้นคือท้าวชนกผู้ครองทศพิธราชธรรมผู้ไม่เคยมีบุตรธิดาใดๆเลยข้าจึงออกบวชเป็นฤาษีบำเพ็ญตบะจนแก่กล้าจนสามารถสร้างสตรีเป็นบุตรธิดามาเติบโตได้ถึงเพียงนี้ ด้วยใจของข้าที่ปรารถนาจะให้ธิดาของข้าได้สืบราชสันตติวงศ์ต่อไปข้าจึงอยากให้ธิดาของข้ามีคู่ครองหากผู้ใดมีวาสนาจะได้เป็นคู่ครองกับลูกข้าแล้วไซร้ขอจงได้ยกคันธนูโมลีนี้ขึ้นโดยง่ายด้วยเถิด"
ครั้นท้าวชนกพูดจบก็มีเสียงจากการลั่นฆ้องชัยดังขึ้นบรรดากษัตริย์น้อยใหญ่ที่หมายใจจะชิงพระธิดาฉันได้ยินของสำคัญตีก็ลุกขึ้นกันทันทีจนทั่วหน้าเบียดเสียดยัดเข้ามาฉุดคร่าวัดเหวี่ยงเถียงกัน
กล่าวถึงหัสนัยน์เจ้าตรัยตรึงสวรรค์เห็นกษัตริย์มากมายดึงดันเถียงกันวุ่นไปจึงมีเทวราชสุนทรว่า
"ดูกรเหล่าพญาน้อยใหญ่ทั้งหลายคันธนูโมลีนี้เป็นของจอมเทพผู้ยิ่งใหญ่ผู้ที่มีกำลังฤทธิไกรใหญ่ในโลกา อันผู้ที่จะยกขึ้นได้ต้องมีวาสนาที่จะได้เป็นคู่ครองกับนางสีดาก็จะสามารถยกขึ้นได้โดยง่าย ใช่จะมาหักกันด้วยกำลังหาญ อันตัวเรานี้มาอยู่เป็นประธานอย่าลนลานกันให้มากจงทยอยเข้ามายกทีละคนเถิด"
ครั้นได้ยินพระอินทร์พูดเสร็จสรรพฝ่ายกษัตริย์ก็ปรีดาภิรมย์พนมกรนั่งเรียงกันเป็นลำดับตาก็มองจ้องไปที่คันธนูโมลีแล้วก็ทำตามเทวสุนทรต่างผลัดผ่อนกันเข้าไป เมื่อกษัตริย์เข้ายกคันธนูกันทุกธานีก็มิอาจที่จะยกคันธนูขึ้นได้แม้จะใช้กำลังมากมายเพียงไหนก็ตามได้แต่นั่งหน้าซีดอ่อนใจเสียดายนางสีดาเป็นยิ่งนัก
ท้าวชนกเห็นดังนั้นจึงบอกแก่พระลักษมณ์ว่า
"ดูกรพระกุมารผู้วงศ์จักรพรรดิธิบดีบัดนี้กษัตริย์ทุกเมืองไม่สามารถที่จะยกคันธนูโมลีได้คงเหลือแต่เจ้าที่ยังไม่ได้ยกขอเชิญเจ้ามายกคันธนูขึ้นเถิดเพื่อไม่ให้เสียทีที่ได้ด้นดั้นมาแสนไกลส่วนพระรามนั้นไซร้บอกแก่ข้าแล้วว่าจะไม่ยกคันธนูในครั้งนี้มาที่นี่เพียงเพราะมาเป็นเพื่อนเจ้าเท่านั้น"
เมื่อพระลักษมณ์ได้ยินดังนั้นก็เดินมุ่งหน้าสู่สถานที่จัดวางธนูโมลีทันใดครั้นเมื่อมือไปหยิบจับจะหนักหนาสาหัสนี้ก็หาไม่แล้วยกขึ้นชูเหนือหัวในทันใดประกาศชัยให้ศักดาทั่วมุมเมือง
เมื่อพระอินทร์เห็นพระลักษมณ์ยกมหาธนูได้อย่างว่องไวก็เป่าวิชัยยุทธมหาสังข์เสียงดังสนั่นหวั่นไหวเหล่าโหรเฒ่าก็ลั่นฆ้องชัยชาวประโคมก็ประโคมฆ้องกลองเสียงดังกึกก้องอึงมี่เหล่าเสนาไพร่ฟ้าประชาชีก็ยินดีร่วมด้วยอำนวยพร
เหล่ากษัตริย์มากมายทั้งน้อยใหญ่เห็นพระลักษมณ์ยกธนูโมลีขึ้นได้ก็ทั้งอับอายเสียดายนางสีดาเป็นยิ่งนักครั้นจะเข้าไปสู้รบก็เกรงอำนาจบารมีมิอาจที่จะเทียมทันได้จึงร่ำลาท้าวชนกผู้เกรียงไกรแล้วกลับไปบ้านเมืองเหมือนดังเดิม
ด้านท้าวชนกเมื่อธิดาจะได้คู่ครองสมดังใจหมายแล้วนั้นก็พลันรีบสั่งทหารในทันใด
"อันอาลักษณ์ของข้าเจ้าจงเขียนพจนารถลงไปในสารเพื่อเชิญท้าวทศรถมาร่วมงานวิวาห์ให้ของพระลักษมณ์และสีดาด้วยเถิด ครั้นเมื่อเจ้าเขียนเสร็จก็จงนำไปให้เหล่าเสนีที่มีปรีชาชาญมุ่งหน้าสู่
อโยธยาสถานโดยเร็วด้วยเถิด"
"พะย่ะค่ะ"
เมื่อรับคำสั่งเสร็จแล้วอาลักษณ์ก็รีบเขียนพจนารถในทางใด เมื่อเขียนเสร็จก็นำไปใส่กล่องนพรัตน์จำรัสศรีส่งต่อให้เหล่าเสนีไปแจ้งแก่ท้าวทศรถต่อในทันใด
เหล่าเสนีก็รีบเดินทางมุ่งหน้าไปยังกรุงอโยธยาครั้นไปถึงก็แจ้งแก่ผู้มียศถาในเมืองนั้น
ฝ่ายว่าเสนาอำมาตย์เมื่อรับทราบข้อความจากสารแล้วก็พากันขึ้นเฝ้าพระจักรี
ไปถึงก็น้อมเศียรประณตบทบาทพระพงศ์เทวราชผู้เรืองศรี
"ท้าวชนกธิบดีให้เสนีนำราชสาส์นมาถวายใต้เบื้องบาทองค์พระผู้พงศ์เทวาพัฒนาถาความว่าขอเชิญพระองค์เสด็จมาทำการวิวาห์เฉลิมขวัญของพระลักษมณ์กับพระนางสีดา ณ กรุงมิถิลา พะย่ะค่ะ"
ท้าวทศรถได้ฟังดังนั้นก็มีใจโสมนัสเป็นอย่างยิ่ง อันลูกลักษมณ์ของเรานี้จะได้มีคู่ครองเห็นทีจักต้องนำความบอกลูกพรตและสัตรุดให้มาในเร็ววัน
"ทหารจงมุ่งหน้าสู่เมืองไกยเกษแจ้งต่อลูกพรตและสัตรุดให้มายังกรุงอโยธยาเราต้องการพบหน้าจงรีบไปตามมาให้เร็วไว"
"พะย่ะค่ะ"
ครั้นเหล่าเสนาอำมาตย์ได้ฟังคำบัญชาก็รีบมุ่งหน้าสู่เมืองไกยเกษทันที

ด้านเมืองมิถิลา
เหล่าเทวดาทั้งหลายรวมถึงกษัตริย์กลับสู่ที่อยู่ตนเป็นที่เรียบร้อยคงเหลือเพียงแต่พระอินทร์เท่านั้นที่ยังคงอยู่สายตาจับจ้องไปยังพระรามรอโอกาสที่พระรามจะอยู่เพียงคนเดียวเมื่อโอกาสนั้นมาถึงก็ไม่รอช้ารีบไคลคลาเข้าไปหาในทันใด
"อันพระรามเหตุใดไฉนเล่าเจ้าจึงไม่ร่วมพิธียกคันธนูโมลี"
หัสนัยน์เอ่ยถามพระรามที่นั่งนิ่งอยู่นานจึงเงยหน้าขึ้นมาสบตากับพระอินทร์แล้วจึงเอ่ยตอบเสียงที่อ่อนหวานปานประหนึ่งสตรี
"เหตุที่ข้าไม่เข้าร่วมพิธียกคันธนูโมลีนั้นเป็นเพราะว่าน้องลักษมณ์เหมาะสมที่จะได้คู่ครองกับสีดายังไงล่ะท่าน"
"แล้วเจ้าไม่คิดที่จะมีคู่ครองบ้างเลยหรือในอนาคตเจ้าก็ต้องขึ้นครองเมืองแทนพระบิดา"
"ตัวข้านั้นมีศักดิ์เป็นพี่ชายก็จริงแต่บุคคลที่จะได้ครองเมืองต่อจากพระบิดานั้นคือพระลักษมณ์ด้วยเหตุที่ว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถในการต่อสู้ เก่งกล้า และมีคุณสมบัติทุกอย่างครบถ้วน ในส่วนของตัวข้านั้นวิชาต่อสู้อะไรก็ไม่มีส่วนใหญ่น้องลักษมณ์ก็จะปกป้องข้าจากอันตราย"
นี่เนื้อเรื่องเปลี่ยนไปเยอะขนาดนี้เชียวรึพระลักษมณ์คู่กับนางสีดาก็ไม่น่าแคลงใจเท่าไหร่แต่พระรามไม่มีฝีมือในการต่อสู้เลยเนี่ยนะ ครั้นพอถามเรื่องคู่ครองก็ไม่มีทีท่าว่าจะสนใจเลยสักนิดแรกเริ่มเดิมทีที่เราลงมาก็เห็นมีแต่เจ้าชายทั้งหลายเข้าไปรุมเกี้ยว แถมใบหน้ายังงดงามยิ่งกว่านางสีดาอีกเนื้อเรื่องชักหน้าหวั่นใจแล้วสิ
"องค์ชายรามรีบมาที่นี่ด้วยเถิด" เสียงฤาษี
วสิษฐ์เรียกพระรามให้เข้าไปในห้องโถงของพระราชวัง ทำให้บทสนทนาของพระอินทร์กับพระรามจบลงเพียงเท่านี้
ด้านพระอินทร์เมื่อทราบเรื่องแล้วก็รีบเหาะขึ้นไป ณ ที่ประทับของพระอิศวรทันที
ครั้นไปถึงก็ทำความเคารพพร้อมกับแจ้งเรื่องให้ทราบโดยทันใด
"ท่านจอมเทพผู้ยิ่งใหญ่บัดนี้พระลักษมณ์ได้ครองคู่กับนางสีดาส่วนพระรามนั้นข้าได้ไตร่ถามอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วปรากฏว่าไม่มีความสามารถในด้านของการต่อสู้ครั้นเมื่อข้าได้มองใบหน้าโดยพิศดูดีแล้วช่างงดงามยิ่งกว่าสตรีใดๆบนโลกนี้ที่ข้าเคยเห็นยิ่งนัก"
"เนื้อเรื่องเปลี่ยนถึงขนาดนั้นเชียวรึ"
"พะย่ะค่ะ"
"หากพระรามไม่ได้ครองคู่กับนางสีดาแล้วผู้ใดกันเล่าที่จะได้ครองคู่กับพระราม"
"เรื่องนี้ข้ามิอาจล่วงรู้ได้เพราะพระรามเองก็ไม่ได้ปรารถนาที่จะมีคู่"
"ถ้าเป็นเช่นนั้นเจ้าคิดว่าเนื้อเรื่องจะดำเนินอย่างไรต่อไป"
"อันพิธียกคันธนูโมลีนี้ก็เหมือนกับเนื้อเรื่องเดิมหากแต่เปลี่ยนให้พระลักษมณ์ได้ครองคู่กับนางสีดา ส่วนพระรามนั้นก็โดนเจ้าชายจากเมืองต่างๆเกี้ยวพาราสีอย่างหนักข้าเกรงว่าคู่ของพระรามคงจะเป็นบุรุษพะย่ะค่ะ"
"เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้เด็ดขาดธรรมดาแล้วบุรุษต้องคู่กับสตรีมิมีดอกบุรุษกับบุรุษคู่กัน"
"ถ้าอย่างนั้นท่านกับข้าก็คงต้องรอดูต่อไป"
ด้านกรุงอโยธยา
"ถวายบังคมเสด็จพ่อพะย่ะค่ะ"
พระพรตและพระสัตรุดถวายความเคารพต่อพระบิดาเมื่อทราบความที่ทหารนำไปบอกเจ้าชายทั้งสองก็รีบมาหาพระบิดาในทันใด
"พวกเจ้าทั้งสองมาก็ดีแล้วรีบไปเปลี่ยนชุดแล้วแต่งตัวแต่งเสื้อสวมใส่สรรพางค์เถิด"
"พะย่ะค่ะ"
เมื่อแต่งตัวกันเสร็จสรรพท้าวทศรถก็ออกเดินทางในทันใด
"อันทหารกล้าของเรานี้จงรีบรี่มุ่งหน้าสู่เมืองมิถิลาเถิดเราจักไปร่วมงานอภิเษกสมรสของพระลักษมณ์และนางสีดา ฝ่ายว่าพระพรตจงเป็นทัพหน้า สัตรุดนั้นหนาเป็นทัพหลัง เพื่อจะคอยป้องกันภัยระวังให้ปลอดภัยก่อนถึงกรุงมิถิลา"
"พะย่ะค่ะ"
มาจะกล่าวบทไปถึงท้าวทศรถพระพรตและพระสัตรุดออกเดินทางในยามราตรีครั้นผ่านธารผ่านเนินสิงขรก็สั่งให้ทหารหยุดพักก่อน
"ทหารหยุดพักผ่อนค้างคืนที่นี่ก่อนเมื่ออุษาสางเราจะเดินทางกันอีกครั้ง"
ทหารได้ฟังคำบัญชาดังนั้นก็หยุดพักผ่อนหลับไหลเข้าสู่นิทรามีทหารเฝ้ายามไว้ด้วยเพื่อป้องกันภยันตราย

ครั้นเมื่อถึงเวลารุ่งสางท้าวทศรถก็ชวนสามสุดายาใจชมนกชมไม้ชมสัตว์ในไพรวัน
ชมป่าไม้ ในพงไพร พนาวัลย์
ช่างสุขสันต์ ชีวัน เป็นหนักหนา
โน่นจำปี ทางนี้   ดอกชบา
อีกไก่ป่า เดินมา ชวนให้มอง
เหล่าชะนี ลิงค่าง ช่างมากล้น
ครวญระคน ต้นไม้ ไม่หม่นหมอง
ชมมัจฉา แหวกว่าย แถวฝั่งคลอง
ปานฉลอง ให้เรา  ที่ได้มา
ต้นลั่นทม ไม่ตรม เหมือนดังชื่อ
งามระบือ ลือเลื่อง เฟื่องจริงหนา
เหล่าวิหค ผกผิน บนนภา
ช่างงามตา พาข้า ให้มองชม
แล้วเสร็จสิ้น เวลา จะชมป่า
พาชีวา ให้ใจ คลายขื่นขม
มีสุขแล้ว จิตใจ มากภิรมย์
ช่างสุขสม ไปต่อ ออกเดินทาง

"ทหารมุ่งหน้าสู่กรุงมิถิลาเราจักไปถึงก่อนที่ทิพากรจะลับฟ้า"
"พะย่ะค่ะ"
มุ่งหน้าเดินทางไม่กี่ชั่วโมงก็มาถึงกรุงมิถิลาหยุดราชรถไว้ด้านหน้าเมืองแล้วสั่งทหารในทันใด
"ทหารของข้าบัดนี้ข้ามาถึงกรุงมิถิลาเรียบร้อยแล้วพวกเจ้าจงเข้าไปแจ้งความแก่ท้าวชนกเถิด"
"พะย่ะค่ะ"


"ถวายบังคมแก่ท้าวชนกกษัตริย์ผู้ครองกรุงมิถิลาบัดนี้ความที่ท่านแจ้งนั้นได้ไปถึงท้าวทศรถแห่งกรุงอโยธยาเมื่อท่านทราบข่าวก็มีความโสมนัสเป็นอย่างยิ่งในขณะนี้ขบวนเสด็จของพระองค์เดินทางมาถึงแล้วพะย่ะค่ะ บัดนี้ขบวนเสด็จยังคงอยู่หน้าบุรีของท่าน"
ท้าวชนกได้ยินดังนั้นก็เกิดความปลื้มเกษมเปรมปรีดิ์เป็นอย่างยิ่งจึงเอ่ยคำบอกพระรามและพระลักษมณ์
"อันเจ้าชายทั้งสองบัดนี้พระบิดาของพวกเจ้าได้มาถึงหน้าเมืองของเราแล้วพวกเจ้าจงออกไปเชิญท้าวทศรถเข้ามาในเมืองนี้เถิด"
2 เจ้าชายได้ยินดังนั้นก็ทำความเคารพแล้วรีบออกมาหาพระบิดาพร้อมกับขบวนทหารที่ท้าวชนกจัดให้

ครั้นมาถึงที่พระบิดาอยู่ก็น้อมเศียรประณตบทบาทพระบิตุรงค์ธิราชชาญสมรอีกทั้ง 3 สมเด็จพระมารดาแล้วทูลความตามที่ท้าวชนกแจ้งมา
ฝ่ายด้านพระราชบิดาเมื่อทราบเรื่องก็ดีใจดังได้ยาทิพย์ชโลมใจออกคำสั่งทหารในทันใดให้คลาไคลเข้ากรุงมิถิลา
เมื่อนั้นพระพงศ์เทเวศร์เรืองศรีขับรถเข้าสู่ธานีมิถิลาเหล่าบรรดาหญิงชายแก่เฒ่าหนุ่มสาวมากมายแต่ลงตัวโอ่อ่าประกวดกันเห็นท้าวทศรถกษัตริย์แห่งกรุงอโยธยาก็พากันต่างตนนบนิ้วประนมกรถวายพรกันทั้งบุรี
ท้าวทศรถชมความงามของเมืองมิถิลาช่างสวยงามตระการตาเป็นยิ่งนักหอรบอร่ามเรือง ปราสาทแสงประเทืองน่าดูน่าชมเพลินชมเมืองได้ไม่นานก็มาถึงหน้าพระราชวัง
มาจะกล่าวบทไปถึงท้าวชนกจักรวรรดิชาญสมรกับองค์อัครราชบังอรที่ยืนรอต้อนรับท้าวทศรถอยู่ก่อนแล้ว
ครั้นเมื่อท้าวทศรถมาถึงท้าวชนกจึงกล่าวต้อนรับด้วยไมตรีจิตในทันใด
"ขอเชิญพระจอมภพเรืองศรีขึ้นไปยังปราสาทแก้วมณีตัวข้านี้จะนำท่านไป"
เมื่อนั้นท้าวทศรถได้ฟังคำจำนรรจ์เอ่ยกล่าวก็มีพระทัยเปรมปรีดิ์แล้วเสด็จลงจากราชรถทองพักตร์ดูผ่องดั่งดาวสกาวงาม แล้วเดินตามท้าวชนกเข้าไปในปราสาท
ครั้นเมื่อไปถึงก็ลดองค์เหนือบัลลังก์อาสน์งดงามดั่งเทวราชในสรวงสวรรค์ท่ามกลางเหล่าเสนาอำมาตย์ยศน้อยใหญ่ทั้งหลายก็บังคมคัลกันเกลื่อนกลาดดื่นดาษไป
ฝ่ายว่าท้าวชนกจักรพรรดินาถาจึงมีสุนทรวาจาปราศรัยโดยราชไมตรี
"อันมิถิลากับอโยธยานั้นจะอยู่ร่วมกันถาวรสุขเกษมศรีตัวข้านี้ช่างสุขีเปรมปรีดิ์เป็นหนักหนาส่วนนางสีดาธิดาข้าจะได้มีคู่ครองร่วมชีวีในอนาคต"
เมื่อนั้นพระสุริย์วงศ์เทเวศร์รังสรรค์ฟังท้าวชนกรำพันก็ตอบสนองไป
"อันตัวเรานี้ได้รับแจ้งสารสวัสดิ์โสมนัสไม่มีที่จะเปรียบได้จึงได้รีบยกพลมามากมายด้นดั้นฟันฝ่าป่าพนามานานเพลาก็หวังจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกันร่วมชีพชีวันกันไปในวันหน้ากว่าจะถึงวันที่มันสิ้นดินสิ้นฟ้าเราก็ปรารถนาให้ลูกสุขี"
สองกษัตริย์สนทนาปราศรัยจนสูรย์ลอยคล้อยต่ำสายัณห์เย็นย่ำไปทุกทีต่างองค์จึงเสด็จจรลีเข้าสู่ที่บรรทมนอน
เมื่อนั้นท้าวชนกจักรวรรดินาถา ครั้นยามรุ่งแสงสุริยาเสียงไก่ขันมากึกก้องกังวานก็เสด็จออกจากที่ไสยาสน์แต่งกายทรงเครื่องพรายพรรณและก็ออกสู่พระโรง
เมื่อมาถึงจึงนั่งลงบนบัลลังก์รัตน์ภายใต้เศวตฉัตรมณีศรี แล้วตรัสถามเหล่าโหราจารย์
"ดูกรเหล่าขุนโหราจารย์อันตัวเราจะอภิเษกพระธิดาพวกท่านจงหาฤกษ์วันที่จะได้อภิเษกเถิด"
ฝ่ายว่าโหราจารย์เมื่อได้ฟังท้าวชนกตรัสดังนั้นก็รีบจับกระดานชนวนมาขีดเขียน อันว่าวันพรุ่งนี้ดีแท้เหมาะสมเป็นแน่ที่จะอภิเษกสมรสหลังทราบวันจึงทูลบอกท้าวชนกในทันที
"อันว่าโหราจารย์ทุกท่านพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วมีความเห็นตรงกันว่าองค์หญิงสีดาควรจะอภิเษกสมรสกับองค์ชายลักษมณ์ในวันพรุ่งนี้พะย่ะค่ะ"
ท้าวชนกได้ยินดังนั้นก็ชื่นชมภิรมย์ใจเป็นอย่างยิ่งจึงมีพระราชวาทีสั่งเสนีต่อไป
"พวกเจ้าทั้งหลายจงจัดปราสาทแก้วให้อำไพด้วยเครื่องอลงการแล้วก็ไปนิมนต์พระมหาอาจารย์ไว้ด้วยเพื่อให้มาร่วมพิธี"
"พะย่ะค่ะ"
ฝ่ายเสนาอำมาตย์ทหารทั้งหลายก็รีบดำเนินการตามคำสั่งเร่งรีบเข้าตกแต่งปราสาท ออกไปแจ้งพระฤาษีบ้าง เตรียมความเรียบร้อยบ้าง
"อันท่านดาบสบัดนี้ท้าวชนกจะจัดงานอภิเษกสมรสขององค์หญิงสีดากับองค์ชายลักษณ์ขึ้นในวันพรุ่งนี้ข้าจึงนำความมาแจ้งแก่ท่านผู้ทรงศีล"
ฝ่ายพระสุธามันตันฤาษีได้ยินดังนั้นก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งจึงรีบไปบอกเหล่าคณะดาบสชีป่าเพื่อจะได้เตรียมการในวันพรุ่งนี้้

มาจะกล่าวบทไปถึงที่มาของคันธนูโมลี มียักษ์ตนหนึ่งชื่อตรีบูรัมปกครองเมืองโสฬสเป็นยักษ์ที่มีฤทธิ์เดชมากเป็นที่เกรงขามแก่หมู่เทวดาคนธรรพ์และนาคทั้งหลายเป็นอย่างยิ่งและ
ตรีบูรัมนั้นเกรงกลัวพระนารายณ์มากจึงคิดจะเอาชนะพระนารายณ์โดยไปทำพิธีบูชาไฟขึ้นที่ริมฝั่งแม่น้ำพร้อมนั่งหลับตาร่ายพระคาถาอยู่ถึง 7 ปี 7 วันฝ่ายพระอิศวรอยู่บนวิมานให้รู้สึกร้อนพระวรกายจึงเล็งตาทิพย์มาดูเห็นตรีบูรัมนั่งบูชากองไฟอยู่ก็เสด็จมายังสถานที่ที่ตรีบูรัมทำพิธีพร้อมกับถามว่า
"อันปกติมิมีใครดอกมานั่งทำพิธีบูชาไฟนานถึงขนาดนี้เหตุใดไฉนเล่าเจ้าจึงมานั่งทำพิธีหรือว่าต้องการสิ่งใดจงบอกเรามา"
"อันตัวข้านั่งทำพิธีมานานสิ่งที่ข้าประสงค์จะได้ก็คือต้องการจะขอพรจากพระองค์ไม่ให้พระนารายณ์มาทำร้ายได้"
"ถ้าเจ้าต้องการสิ่งนั้นเราก็จะให้แต่จงจำไว้ให้ดีเจ้าจงใช้มันในทางที่ถูกที่ควรครอง
ทศพิธราชธรรมปกครองบ้านเมืองอย่าทำตัวชั่วช้าสาธารณ์เป็นอันขาด"
"ถ้ารับปากว่าจะไปทำความชั่วจะตั้งตนปกครองเมืองให้ไพร่ฟ้าประชาชีมีความสุขกันทั่วหล้า"
ครั้นตรีบูรัมได้รับพรสมดังปรารถนาแล้วก็กลับลืมคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้แก่องค์พระอิศวรก็ทำตัวชั่วช้าขับไล่เหล่าเทวดาไล่ไขว่คว้านางฟ้าให้สวรรค์ทุกชั้นวุ่นวายไปทั่ว
เหล่าเทวดาจึงนำความมาฟ้องพระอิศวร
"ท่านจอมเทพผู้ยิ่งใหญ่บัดนี้ตรีบูรัมมีจิตคิดการชั่ววุ่นวายสวรรค์ไปทั่วทุกชั้นฟ้าแล้วพะย่ะค่ะ"
"หนอยแน่...ไอ้ตรีบูรัมพอได้ของดีก็กำเริบเหิมเกริมในฤทธิ์ของตนส่งไปตามพระนารายณ์และพระอินทร์มา"
หลังจากได้พูดคุยกันเสร็จแล้วนั้นพระอิศวรก็จัดทัพเทวดาไปรบกับตรีบูรัมโดยเอาเขาพระสุเมรุมาเป็นคันธนูชื่อว่าโมลีเอาพญานาคมาเป็นสายธนูแล้วเอาองค์นารายณ์มาเป็นลูกธนูยกทัพไปล้อมเมืองของตรีบูรัมไว้ ฝ่ายตรีบูรัมเห็นพระอิศวรยกกองทัพเทวดามารู้สึกตกใจกลัวจึงสั่งให้กองทัพเข้าโจมตีจอมทัพเทวดาแล้วตนก็เข้ารบกับพวกเทวดาด้วยตนเองพระอิศวรเห็นดังนั้นก็แผลงศรไปทันที ครั้นแผลงศรเท่าไหร่ก็ไม่ไปแม้แต่ครั้งเดียวแผลงถึง 3 หนก็ยังไม่ไปเพราะพระนารายณ์กำลังหลับสนิทอยู่พระอิศวรกริ้วมากจึงทิ้งศรลง เมื่อพระนารายณ์ตื่นจึงทูลบอกพระอิศวร
"สาเหตุที่ท่านมิอาจยิงศรออกไปได้นั้นเป็นเพราะพรที่ท่านให้แก่ตรีบูรัมว่าไม่ให้พระนารายณ์เอาชนะได้..ศรจึงไม่อาจลั่นออกไปได้พระเจ้าค่ะ"
"ถ้าเป็นเช่นนั้นเราต้องใช้ตาไฟในการฆ่ามัน"
เมื่อเอ่ยเสร็จพระอิศวรก็หยิบกล้องวิเศษส่องไปที่ทำตรีบูรัมทำให้เกิดไฟกรดไหม้ตรีบูรัมและพวกยักษ์ตายหมด
เมื่อจบศึกตรีบูรัมครั้งนั้น พระอิศวรจึงได้มอบธนูโมลี เก็บไว้ที่กรุงมิถิลา
จบที่มาของธนูโมลีเพียงเท่านี้

ออฟไลน์ Littlewave

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: รับรักข้าเถิดองค์ราม
«ตอบ #3 เมื่อ10-04-2022 17:00:03 »

มาจะกล่าวบทไปถึงเมืองมิถิลากรุงใหญ่บัดนี้จะมีงานอภิเษกสมรสของนางสีดาและพระลักษมณ์ครั้นเมื่อวันงานมาถึงเราพระดาบสก็เดินเข้ามาในพิธีอภิเษกสมรสเตรียมพร้อมที่จะดำเนินงาน
เมื่อนั้นหัสนัยน์เจ้าตรัยตรึงศาทั้งโฉมนางสุจิตราก็ไคลคลาเข้าในเมือง
ครั้นมาถึงซึ่งมิถิลาสองกษัตราก็ประนมกร
"อันเรานี้ทราบข่าวว่าจะมีงานอภิเษกสมรสในวันนี้จึงได้เร่งรีบเข้ามาร่วมงานครั้นถึงเวลาเลิกงามยามดีเช่นนี้ก็จะได้เริ่มพิธีการ"
ฝ่ายว่าพระอินทร์เมื่อทราบถึงเวลาที่ต้องดำเนินพิธีการแล้วนั้นก็จุดเทียนสั่งแว่นเวียนซ้ายไปขวา ครั้นถ้วน 7 รอบโดยศาสตร์เทวราชก็ดับเทียนเฉลิมขวัญพระหัตถ์นั้นโบกเปลวควันจุณจันทน์เจิม 2 กษัตรา
เมื่อนั้นพระวสิษฐ์สวามิตรฌาณกล้าพระสุธามันตันทั้ง 3 พระมหามุนีก็เอาน้ำสังข์น้ำกลศ รดพระลักษมณ์และนางสีดาเหล่าพราหมณ์ชีก็พร้อมกันอำนวยพร
ครั้นสำเร็จเสร็จการมงคลต่างคนก็แสนโสมนัสสาพระอินทร์ก็หมายมุ่งสู่นภาก่อนจะลาก็อวยพรให้สองกษัตรา
"อันพิธีมงคลก็สำเร็จแล้วตัวเราจักกลับคืนสู่ที่พำนักพักพิงก็ขออวยพรให้ท่านทั้งสองอย่ามีทุกข์โศกโรคภัยเป็นที่พึ่งทั่วไปทั้งไตรจักรเป็นหลักของโลกต่อไป"
หลังจากนั้นพระอินทร์และเหล่าพระดาบสก็ลากลับไปยังสถานที่พักพิง
เมื่อนั้นสองพระบิตุรงค์นาถาเมื่อเสร็จสิ้นงานวิวาห์ก็แสนโสมนัสยินดีจึงพาพระลักษณ์และพระนางสีดาไปยังปราสาทมณีแพรวพราย
ครั้นพระลักษณ์ไคลคลาเข้าราชวังถึงห้องแล้วครุ่นคิดด้วยจิตที่หลงไหลสีดาช่างงามยิ่งกว่าใครบุรุษใดจะทานทนครุ่นคิดได้เพียงครู่โฉมตรูก็ตามมาช่างพาใจข้าให้ร้อนรุ่ม
พระลักษณ์:
โฉมเอยโฉมเฉลา
นงเยาว์ผู้เป็นยอดพิศมัย
พระบิตุรงค์ของทรามวัย
ประกาศให้เสี่ยงศิลป์พระศุลี

พี่นี้หวัง เคียงคู่ เยาวลักษณ์
ด้วยใจภักดิ์ ต่อเจ้า ไม่หน่ายหนี
เพียงรู้ข่าว เร่าร้อน ทั่วอินทรีย์
ดั่งพี่นี้ ชีวี จะขาดรอน
พี่มิเคย คิดว่า จะลำบาก
มาไม่ยาก หรอกหนอ นวลสมร
บุกฝ่าฟัน พงไพร พนาดร
ไม่บั่นทอน จิตพี่ ให้ท้อกาย
มาบัดนี้ พี่ได้ เจ้าเป็นคู่
ไม่อับสู หรอกหนา แม่แขไข
เพียงเห็นหน้า รุ่มร้อน ทั่วกายใจ
เหตุอันใด เจ้าจึงได้ ชวนชิดเชย
อย่าตกใจ ไปเลย น้องกานดา
มาหาพี่ เถิดหนา สีดาเอ๋ย
ว่าจบแล้ว ลงอาสน์แก้ว อุ้มทรามเชย
สองหัตถ์เกย โอบแนบ แอบบังอร

นางสีดา
อันสีดา น้อยใจ จนสุดฤทธิ์
ควรหรือคิด พินิจ มาทำได้
 แล้วสลัด ปัดกร ในทันใด
มองค้อนให้ หุนหัน ไม่แลมอง
ฝ่ายว่าเล็บ ก็หยิก แล้วก็ข่วน
ใช่ว่าควร แล้วหรือ อยู่แค่สอง
คิดว่าดี แล้วทำ นางเนื้อทอง
พี่จักต้อง ครุ่นคิด พินิจดี

พระลักษมณ์:
อันนวลน้อง เนื้อทอง ผิวผ่องพักตร์
พี่นี้รัก เจ้าจน มิเจ็บได้
จะหยิกแขน ข่วนขา ไม่แคลนคลาย
ก็ด้วยใจ รักใคร่ แม่นงคราญ
อันว่าหัก ห้ามจิต ให้คิดนั้น
มันสุดกลั้น จริงหนา ขอกล่าวขาน
สุดจะทน ใจพี่ แล้วดวงมาน
เหลือจะทาน ทนได้ ทรามวัยเอย

บทร่วมรัก
โอ้นงคราญ นงนุช สุดที่รัก
พี่นี้ภักดิ์ รักเจ้า ไม่ห่างหาย
ว่าแล้วก็ อิงแอบ แนบร่างกาย
จุมพิตไว้ เป็นหลักฐาน พยานดี
อันว่ามือ เคล้าคลึง คลอเคลียเจ้า
สองแขนเข้า เกี่ยวกระหวัด รัดโฉมศรี
จับบัวน้อย เคลื่อนคล้อย คลึงนารี
สุขฤดี เรานี้ มีสุขใจ
ฝ่ายสีดา แน่งน้อย คล้อยตามพี่
สังวาสนี้ เสพกับพี่ ไม่ห่างหาย
ลืมบิดา มารดา สิ้นความอาย
จนอุทัย ลอยเด่น เหนือพารา


เมื่อนั้นพระบิตุรงค์ขององค์นารายณ์ผู้เรืองฤทธิ์์ตื่นมาแต่งกายเสร็จสรรพก็เสด็จจากปราสาทแก้วแววไวไปยังท้าวชนกธิบดี
ครั้นไปถึงจึงนั่งร่วมกับอันโอภาสจำรัสเรืองศรีท่ามกลางเหล่ามวลมหาเสนาบดีแล้วจึงมีสุนทรวาจา
"ครั้งนี้นครทั้ง 2 ของเราจะร่วมเดินแผ่นพื้นพสุธาเดียวกันไปช้านานตัวข้านั้นขอลากลับกรุงอโยธยาสถานพร้อมกับพระลักษมณ์และนางสีดาขอให้ท่านจงมีสุขสวัสดี"
"อันตัวข้าไร้บุตรไร้ธิดาจึงเข้าป่าออกบวชเป็นฤาษีฝนตบะจนแก่กล้าจึงสรรค์สร้างนางสีดาขึ้นมาได้จึงคิดจะฝากชีวาลัยในองค์พระลักษมณ์กับนางสีดามาบัดนี้พระองค์จะพาไปยิ่งให้ใจข้าทุกทวีเป็นยิ่งนักแต่ก็ไม่อาจจะขัดขวางได้คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามคำบัญชาของพระองค์"

เมื่อนั้นท้าวทศรถนาถาได้ฟังจึงเอ่ยสุนทรวาจา
"โอ้ผ่านฟ้าละห้อยน้อยใจไปเลยอันมิถิลาธานีกลับอโยธยานั้นหนทางไม่ได้ใกล้และไม่ไกลไม่ได้ยากลำบากกันดาร พระลักษมณ์และนางสีดายังไงก็คงต้องมากราบเยี่ยมท่านเป็นแน่โปรดอย่าเศร้าดวงแดท่านนี้จงคลายทุกข์"

เมื่อนั้นท้าวชนกจักรวรรดิรังสรรค์ได้รับฟังพระองค์วงศ์เทวัญก็ระงับความทุกข์ตรมแล้วเอ่ยสุนทรวาที
"ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าขอฝากบุตรีของข้าท่านจงเลี้ยงไว้เหมือนลูกในอุทรผิดชอบก็สั่งสอนด้วยเมตตา"
กล่าวจบก็หันไปสั่งนางอนงค์ให้ลงไปหาพระลักษมณ์กับนางสีดาตามมาให้เร็วไว
เมื่อสีดามาถึงก็ก้มลงกราบพระบิดาท้าวชนกจึงเอ่ยวาจาในทันใด
"อันสีดาลูกรักของพ่อบัดนี้เจ้าจะต้องลาจากพ่อไปอยู่ในกรุงอโยธยาเจ้าจงรักเดียวใจเดียวไม่โน้มเหนี่ยวไปตามชายใดรักนวลสงวนตัวไว้อย่าให้ชายอื่นใดครอบครอง จงภักดีต่อพระลักษมณ์อย่าคิดว่าเป็นองค์อัคราชแล้วประมาทในราชกิจระวังตัวอยู่เป็นนิจแล้วเจ้านี้จะสุขใจ ส่วนบิตุรงค์และชนนีจงภักดีอย่าแหนงหน่ายพ่อรักเจ้าดังใจกายจงโชคดีเถิดลูกยา"
ครั้นนางสีดาได้รับฟังน้ำตานั้นก็ไหลอาบแก้มคร่ำครวญหวลไห้ทุกข์ตรมจนพระบิดาและมารดาปลอบโยน
เมื่ออำลากันเสร็จสรรพท้าวทศรถก็สั่งจัดเตรียมทัพเพื่อยกพลกลับไปยังราชธานี
"อันทหารทั้งหลายจงฟังข้า ลูกพรตอยู่ทัพหน้าคุมไปส่วนลูกสัตรุดอยู่หลังเช่นเดิม ลักษมณ์กับสีดารวมถึงรามให้อยู่ในขบวนกลางเราจะกลับสู่นครรีบจรเร็วไว"
เมื่อรับคำสั่งเรียบร้อยแล้วขบวนของท้าวทศรถก็ออกเดินทาง
มาจะกล่าวบทไปถึงรามสูรยักษาผู้แข็งแกร่งมากฤทธาเหาะทะยานมาเที่ยวชมพนาดร ครั้นมาถึงป่าแถวเมืองมิถิลาได้ยินเสียงพลากรครื้นครั่นสนั่นปฐพีตัวของอสุรีก็เดินเข้ามา

"อันว่าทัพนี้เป็นของผู้ใดจึงได้ส่งเสียงรบกวนข้าเอ๊ะนั่นสตรีที่ใดช่างโสภายิ่งนักตัวข้านี้จักแย่งไป"
ฝ่ายพระลักษมณ์ได้ยินดังนั้นก็โกรธเป็นอย่างมากจึงเอ่ยสุนทรโต้ตอบอสุราในทันที
"อันไอ้ยักษ์ใจมารแสนหยาบช้าคิดจะมาแย่งคู่ครองคนอื่นนี้เห็นทีเจ้าอยากจะสิ้นซึ่งชีวีตัวข้านี้จะจัดการให้จบลง"
"เป็นแค่มนุษย์ตัวน้อยนิดเจ้าคิดว่าจะทำอะไรข้าได้อย่างนั้นหรือเห็นทีข้าจะตองโชว์ฝีมือให้มนุษย์อย่างเจ้าได้เห็น"
เหล่าทหารมากมายต่างกลัวเกรงนางสีดาก็เช่นกันรวมถึง 3 มเหสีของท้าวทศรถก็ตื่นตระหนกไม่แพ้กัน
"สีดาเอ๋ยไม่ต้องกลัวหรอกเดี๋ยวพี่จะจัดการมันเอง พี่พรต สัตรุด ข้าจะจัดการมันเองท่านจัดทัพไปป้องกันท่านพ่อเถิด"
"เข้าใจแล้ว"
"เอาล่ะไอ้ยักษ์โอหังได้เวลาที่เราจะสู้กันแล้ว"
"ถ้าเจ้าพร้อมก็เข้ามา"

รามสูร พุ่งศร หมายจะฆ่า
ผลาญชีวา พระลักษมณ์ ผู้ทรงศรี
ฝ่ายพระลักษมณ์ โต้ตอบกลับ ในทันที
ศรข้านี้ จะปัดป้อง คุ้มครองกาย
รามสูร โกรธกริ้ว สุดจะเอ่ย
ไฉนเลย อาวุธข้า มันสลาย
เจ้าพุ่งศร งามงอน มาทำลาย
ธนูหาย สลาย ในพริบตา
แล้วคิดได้ ดังนั้น จึงจับขวาน
ตามรังควาน หมายมั่น โจมตีขา
ฝ่ายพระลักษมณ์ กระโดดหลบ หนีฤทธา
เห็นทีข้า คงสู้ ได้มินาน
ฝ่ายพระราม ผู้พี่ เห็นดังนั้น
ก็รีบพลัน เอ่ยคำ พูดกล่าวขาน
อันพระลักษมณ์ น้องพี่ ต้านยักษ์มาร
จนเกือบผลาญ ชีวิต ของตนเอง
ตัวพี่นี้ จะขอสู้ ให้สุดฤทธิ์
จะพิชิต ยักษ์ชั่ว ชอบข่มเหง
ตัวพี่นี้ มิมี ใจหวั่นเกรง
จะละเลง ใจสู้ สุดชีวัน
หากพี่นั้น จะคิด เข้าต่อต้าน
น้องมิทาน ความประสงค์ พี่เสกสรรค์
เชิญพี่เข้า มาสู้ ฆ่าล้างมัน
ตัวน้องนั้น จะคอย ระวังภัย
ฝ่ายพระราม มาถึง หยิบคันศร
พลายวาตซ้อน เตรียมยิง ให้ขวานหาย
ว่าแล้วก็ ยิงศร ไปทันใด
ด้วยความไว ถูกศร ร้าวรอนไป
รามสูร ไร้อาวุธ จะต่อต้าน
มิอาจทาน กำลัง พระรามได้
แล้วก้มลง ประนมกร ในทันใด
ขอท่านไว้ ชีวา ข้าด้วยเทอญ


ฝ่ายพระรามได้ยินรามสูรขอชีวิตดังนั้นจึงเอ่ยเลยสุนทรวาจาไปว่า
"หากท่านไม่คิดที่จะสู้และสำนึกผิดเราก็ให้อภัยท่าน"
"เป็นบุญคุณอย่างหาที่สุดมิได้ตัวข้านี้มิมีสิ่งใดจะให้ท่านนอกจากธนูคันนี้เป็นสิ่งของตกทอดมาตั้งแต่สมัยท่านปู่ของข้า ข้าขอถวายแด่ท่าน"
ครั้นพระรามรับสิ่งของจากรามสูรแล้วขบวนทัพของท้าวทศรถก็ดำเนินเดินทางต่อไปเพื่อกลับกรุงราชธานี
มาจะกล่าวบทไปถึงพระอิศวรผู้เรืองฤทธิ์นั่งพินิจดูอยู่นานจึงเอ่ยถามว่า
"อันพระอินทร์ไหนเจ้าบอกว่าพระรามไม่มีฤทธาเหตุใดเล่าจึงสามารถเอาชนะรามสูรได้เช่นนี้"
"จากการที่ข้าได้ถามพระรามก็ตอบข้ามาว่าไม่มีพลังหรือวิชาใดๆทั้งสิ้นข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งที่พระรามพูดนั้นคืออะไรแต่จากการที่ข้าดูข้าคิดว่าพระรามคงมีฤทธาเหมือนเนื้อเรื่องเดิมเป็นแน่แต่กลับไม่พูดความจริงหลอกลวงข้าด้วยเหตุผลบางอย่างซึ่งข้าก็มิอาจล่วงรู้ถึงเหตุผลนั้นได้"
"ถ้าเป็นเช่นนั้นเจ้ากับข้าคงต้องดูต่อไป"



เมื่อนั้น ฝ่ายฝูงเทวาเห็นรามสูรพ่ายแพ้แก่พระรามก็ต่างชื่นชมโสมนัสตบหัตถ์กันเกรียวกราวบ้างก็โปรยดอกไม้อวยพรกันมากมาย
ครั้นพระรามชนะรามสูรเป็นที่เรียบร้อยท้าวทศรถก็สั่งให้ขบวนเสด็จออกเดินทางมุ่งสู่อโยธยาธานี
เมื่อเดินทางรอนแรมกันมานานสุริยะก็เคลื่อนคล้อยลงจากฟ้าจึงมีพระบัญชาสั่งทหารกล้าในทันใด
"อันว่าตอนนี้พระอาทิตย์ก็จะตกพวกเราจงพักผ่อนที่นี่สักคืนเถิดรุ่งแจ้งค่อยออกเดินทางใหม่"
"พะย่ะค่ะ"
       ยามราตรีเหล่าทหารผลัดกันเฝ้าป้องกันภัยด้านกษัตริย์ก็บรรทมอยู่ใจกลางทัพคงเหลือเพียงพระรามเท่านั้นที่ยังคงเหม่อลอยดูฟากฟ้าเสียงหรีดหริ่งเรไรร้องระงมก้องไพร อันว่าน้องลักษมณ์นั้นมีคู่แต่ตัวข้าไร้คู่หมายปองครั้นอยากจะมีก็ยังมิมีใครที่จะถูกชะตาและถูกใจเลยสักคน
    ด้านท้าวทศรถตื่นมาดูความเรียบร้อยของกองทัพหันพักตร์ดูให้ทั่วก็เห็นบุตรชายของตนยืนอยู่คนเดียวจึงให้เกิดความสงสัยแล้วถามในทันใดว่าไฉนไยมายืน
"ลูกรามเหตุใดเจ้าจึงมายืนเหม่อลอยในยามราตรีคนเดียว"
"ลูกแค่มายืนรับบรรยากาศน่ะพะย่ะค่ะ"
"ถ้างั้นเจ้าก็รีบไปพักผ่อนเถิดเดี๋ยวรุ่งเช้าจะหมดแรงเดินทาง"
พระรามได้ฟังดังนั้นก็ประนมกรเคารพพระบิดาแล้วก็เข้าไปพักผ่อน

มาจะกล่าวบทไปถึงทศพักตร์พญายักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ไร้คู่จะร่วมกายยามกลางคืนครุ่นคิดให้ใจระทม ฝันว่าอยากจะมีคู่ไว้คลอเคลียแต่ก็ยังมิเจอใครที่จะร่วมชีวี กลางคืนก็ฝันในทันใด

เปิดเพลงประกอบเพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่าน
https://youtu.be/5BAwKwyF89g
คืนนั้นสวรรค์ล่ม
คำร้อง-ทำนอง ครูไพบูลย์ บุตรขัน
ขับร้อง ทูล ทองใจ
คืนหนึ่งนั้น
เป็นคืนสวรรค์สว่าง
พี่ได้พาน้องนางภิรมย์ชมดาว
พริ้มพราววาววาบนภา
พบชาวเทวัญสวยงามอร่ามตา
นับว่าเป็นวาสนา
ได้มาสวรรค์อำไพ
เพลินชมภิรมย์นภางค์
จนพาน้องนางหลงไป
ผ่านเมฆรำไรมาพบบึงใหญ่อโนดาตงาม
ไทรย้อยห้อยกิ่ง
ทิ้งก้านคลุมน้ำสีคราม
บัวน้อยอร่ามงามน่าภิรมย์
เสียดายมิทันเด็ดบัวสวรรค์ชม
คืนนั้นสวรรค์ล่ม
เสียงฟ้าเสียงลม
ฝนพร่างพรมพี่หนาวจนสั่น
กลับกลายเป็นฝันไปไร้คู่กอดนอน

สะดุ้งตื่นในยามราตรีว่าอกข้าเอ๋ยไฉนเลยถึงเป็นเช่นนี้ฝันได้สิ้นหวังเหลือเกินเห็นทีจะไม่ได้การณ์คงต้องตามพิเภกมาทำนาย
ครั้นรุ่งอรุณวันใหม่ทศกัณฐ์ก็เรียกพิเภกมาซักถามถึงความฝันของตน
"ว่าอย่างไรเล่าเจ้าพิเภกน้องพี่ทำนายฝันให้พี่ทีว่าเป็นอย่างไร"
"อันความฝันของท่านพี่ข้านี้ได้พินิจดูดีแล้วในส่วนของคู่ชีวีของพี่นั้นจะงดงามยิ่งกว่านางสรรค์ใดๆทั้งสิ้นในส่วนของการที่ท่านพี่ตื่นมาทั้งๆที่ยังมิได้เด็ดบัวสรรค์นั้นก็หมายความว่าคู่ชีวีของท่านกว่าจะได้เป็นคู่ครองกันย่อมลำบากจะพบเจอแต่อุปสรรคแต่ก็จะสามารถมาร่วมชีวีกันได้พะย่ะค่ะ"
"ถ้าเป็นเช่นนั้นคู่ชีวีข้าคือใครล่ะ"
"ข้ายังมิสามารถบอกได้คงต้องรอเวลานั้นมาถึงพะย่ะค่ะ"
"ถ้าอย่างงั้นข้าจะรอ ถ้าคู่ของข้าจะงามถึงเพียงนั้นข้าก็ทนรอได"
"แต่ว่าในบัดนี้น้องสำมนักขายังคงอาลัยอาวรณ์ถึงชิวหาไม่สร่างซาเลยพะย่ะค่ะ"
"ชิวหานั้นก็ตายไปเนิ่นนานปีเหตุใดสำมนักขาถึงตัดใจไม่ได้สักที"
"อันว่านารีนั้นรักพระสวามีเป็นอย่างยิ่งสำมนักขาก็เช่นกันนางคงจะตัดใจได้ยากพะย่ะค่ะ"

อันว่าการตายของชิวหานั้นจะเล่าย้อนความถึงอดีตตามเนื้อเรื่องของรามเกียรติ์ดั้งเดิม
ทศกัณฐ์และนางมณโฑออกประพาสป่าเป็นเวลา 7 วัน 7 คืนอันว่าชิวหานั้นได้รับมอบหมายให้เฝ้าเมืองลงกา 7 วัน 7 คืนไม่ได้หลับไม่ได้นอนพอจะนอนก็เกรงว่าศัตรูจะมาเลยขยายลิ้นตนให้บังกรุงลงกาด้านทศกัณฐ์และนางมณโฑเมื่อกลับมาไม่เห็นกรุงลงกาจึงคิดว่าศัตรูบุกทศกัณฐ์จึงขว้างจักรไปตัดลิ้นชิวหาทำให้ชิวหาถึงแก่ความตาย
แต่เนื้อเรื่องตามที่ศรเสน่หาพิศวาสเปลี่ยนแปลงนั้นยังคงเป็นรูปแบบเดิมเพียงแต่
นางมณโฑมิได้ไปด้วย
"ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าจะเข้าไปพูดคุยกับสำมนักขาเอง"
พญาทศกัณฐ์สุนทรวาจาขึ้นแล้วก็เสด็จไปยังที่ประทับของนางสำมนักขา
"อันว่าสำมนักขาบัดนี้สามีเจ้าก็ตายไปนานปีแล้วอย่ามัวโศกเศร้าอยู่เลยเศร้าไปก็มิได้ประโยชน์ดอก"
"น้องก็ไม่อยากเศร้าหรอกเพคะแต่มันก็อดไม่ได้"
"ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็พยายามแล้วกันพี่ก็คงช่วยอะไรไม่ได้เพราะขึ้นอยู่กับตัวเจ้าเอง"
"เพคะ"
"ท่านทศกัณฐ์บัดนี้อินทรชิตได้ฝึกเล่าเรียนวิชาจนมีฤทธาแก่กล้าแล้วพะย่ะค่ะมีความมุ่งหมายที่จะมาพบพระองค์นั่งรออยู่ที่บริเวณห้องโถงใหญ่พะย่ะค่ะ"
ฝ่ายพญายักษีได้ยินดังนั้นก็ปลื้มเปรมปรีดิ์เป็นหนักหนา
ขอเล่าย้อนความถึงจุดกำเนิดของอินทรชิตตามเนื้อเรื่องเดิมนั้นอินทรชิตเป็นบุตรของทศกัณฐ์กับนางมณโฑแต่ด้วยฤทธิ์ของศรเสน่หาพิศวาสอินทรชิตเกิดจากการทำพิธีที่พิเภกแนะนำให้ทศกัณฐ์ทำ
"พิเภกน้องพี่บัดนี้พี่ยังไม่เจอคู่ครองแต่พี่อยากมีบุตรชายไว้สักคนเจ้าเห็นควรทำประการใด"
"ถ้าท่านพี่อยากมีบุตรชายข้าเห็นควรว่าควรไปขอให้ฤาษีโคบุตรทำให้พะย่ะค่ะ"
ทศกัณฐ์ได้ยินดังนั้นก็ดีใจเป็นอย่างยิ่งแล้วจึงมุ่งไปสู่อาศรมของพระฤาษีโคบุตรแล้วขอให้ฤาษีทำพิธีมอบบุตรให้
พิธีนี้ใช้เวลานานถึง 7 ปี 7 เดือน 7 วันจึงเกิดบุรุษน้อยขึ้นมานามตั้งต้นนั้นคือรณพักตร์แต่พอสามารถเอาชนะพระอินทร์ได้จึงมีชื่อว่าอินทรชิต



"อินทรชิตลูกพ่อ"
ครั้นเมื่อทศกัณฐ์มาถึงก็โผเข้ากอดลูกชายอันเป็นที่รักด้วยความคิดถึง
"ท่านพ่อ"
สองพ่อลูกกอดกันดูอบอุ่นเป็นยิ่งนักจนเหล่าเสนาอำมาตย์พลอยยิ้มตามไปด้วย
"นี่จ้าฝึกวิชาจนสำเร็จแล้วรึ"
"อันตัวข้านั้นใช้เวลาฝึกนานหลายปีเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งบัดนี้ตัวข้านั้นมีความแข็งแกร่งมากแล้ว"
"ต้องอย่างนี้สิลูกของพ่อ"
สองพ่อลูกคุยกันจนตะวันลับเหลี่ยมเมฆาจึงเข้าห้องบรรทมพักผ่อนกายาอย่างสุขใจ

มาจะกล่าวบทไปถึงเหล่ากษัตริย์แห่งอโยธยาครั้นปราบรามสูรสำเร็จก็เดินทางมาจนถึงเมืองใหญ่ว่าแล้วก็เข้าไปในปราสาทในทันใดอยู่ครองปราสาทได้นานปี
จนกระทั่งวันหนึ่งจึงมีเรื่องด้วยนางค่อมกุจจีคิดแค้นต่อพระรามจึงเอ่ยกับพระนางไกยเกษีว่า
"พระนางไกยเกษีท่านลืมไปแล้วหรือเมื่อครั้งรบกับปทูตทันตะกุมภัณฑ์เมื่อพระองค์รอนราญอสุราข้านี้รู้ว่าพระแม่เจ้าเอากรสอดแทนเพลารถพระองค์จอมกษัตริย์จึงให้คำสัญญาว่าจะให้ทุกอย่างตามที่พระนางปรารถนา อันพระพรตนั้นก็อยู่ในพงศ์จักรพรรดิ์ควรจะขอสมบัตินั้นยกให้ข้าคิดว่าท่านคงได้ดังใจปรารถนาในทันที"
ฝ่ายพระนางไกยเกษีได้ฟังยิ่งปลื้มเปรมปรีดิ์ตัวข้านั้นลืมไปว่าแล้วก็ไม่รอช้ารีบไคลคลาเข้าห้องบรรทมสะอื้นอกตรมร้องไห้
ฝ่ายว่าท้าวทศรถเมื่อยามสิ้นแสงพระอาทิตย์ดวงดาวพริ้งพราวสกาวผ่องเจิดจำรัสแสงบนท้องฟ้าก็คิดถึงไกยเกษีจึงรีบเสด็จไปหาในทันใด
ครั้งเมื่อมาถึงก็เห็นนางร้องไห้ด้วยความไม่รู้ทันมารยาหญิงก็เข้าไปนั่งแนบแอบเทวี
"อันว่าไกยเกษีเหตุใดเล่าเจ้าจึงโศกีบอกพี่นี้ได้ไหม"
ครั้นเมื่อนางไกยเกษีได้ยินก็ไม่ตอบอะไรทำสะอึกสะอื้นด้วยมารยาทอดถอนฤทัยในที่แท่นแก้วอลงการ
"อันว่าน้องเอยน้องรักเยาวลักษณ์ผู้น่าสงสารเหตุใดจึงไม่ตอบพี่คำโศกาทรมานให้พี่นี้แคลงใจเหมือนเจ้าจะแกล้งให้พี่เวทนา"
ครั้นเมื่อนางไกยเกษีได้ยินดังนั้นก็สะอื้นพร้อมกับเอ่ยตอบไป
"อันตัวข้าไม่มีโรคใดทั้งสิ้นแต่ข้าชอกช้ำระกำจิตคิดน้อยใจเป็นหนักหนาข้าจึงได้ร้องไห้โศกาเมื่อตอนปราบปทูตกุมภัณฑ์ถ้าเอากรสอดแทนเพลารถมณีตัวท่านนี้จึงมีชัยแล้วให้สัตย์สัญญาจะให้ตามสิ่งที่ข้าปรารถนาบัดนี้ล่วงเลยนานหลายเพลาก็ยังไม่ได้สิ่งใด"
"ว่าดวงเอ๋ยดวงเนตรอัคเรศผู้ยอดพิศมัยสิ่งที่เจ้าทำนั้นความชอบเหลือคณาอันว่าเจ้าต้องการสิ่งใดจงบอกมามัวแต่โศการีบบอกมาโดยไว"
"ข้าอยากให้พระรามไปจากพระนครสัญจรเดินไพร 14 ปีแล้วจึงกลับมาครองเมืองเหมือนเดิมขอให้พระพรตลูกของข้าได้ครองเมืองก่อน"
ฝ่ายว่าท้าวทศรถได้ยินดังนั้นเหมือนดั่งต้องยาพิษชีวิตเเทบม้วยด้วยวาจาดู๋ดูเองช่างพูดถูกแล้วหรือไกยเกษีจิตใจช่างริษยาครั้นจะผิดคำพูดก็เสียสัตย์ที่ให้สัญญา
"อันว่าตามธรรมเนียมประเพณีบ้านเมืองแต่เก่าก่อนนั้นมีหรือที่ไหนให้น้องขึ้นครองราชย์ก่อนพี่ตัวเจ้าจงพินิจให้ดี"
"ตัวท่านจะผิดสัญญาที่ให้กับข้าไว้หรือเพคะอันว่าท่านเป็นกษัตริย์วาจาสัตย์นั้นยิ่งใหญ่รามไปเพียงแค่ 14 ปีเดี๋ยวก็กลับมาครองเมืองดังเดิมแล้วข้าก็ขอเมืองให้ลูกข้าด้วยเพคะ"
"เหวยอีไกยเกษีใจบาปหยาบช้าสาธารณ์อันลูกมึง มึงก็รักลูกเขามึงจักอยากจะฆ่าให้อาสัญความโลภพ้นตัวทุกสิ่งอันจะอายนั้นก็ไม่มีอันตัวกูเลี้ยงมึงมาดั่งกูเป็นบิดาบังเกิดเกล้าเหตุใดจึงจะผลาญชีวีให้สามีม้วยบรรลัย"
"อันตัวข้านั้นใจภักดิ์ต่อท่านไม่ห่างหายแต่เหตุใดท่านจึงจะผิดคำสัญญาทั่วโลกจะประณามท่านว่าไม่ซื่อสัตย์ต่อคำพูดตนเอง"
ท้าวทศรถได้ยินดังนั้นก็ทั้งโกรธและเจ็บปวดใจเป็นอย่างมากหวนคิดถึงพระรามก็เจ็บแสบฤดีลูกรักของพ่อเจ้าจะต้องจากไปในป่าสิบสี่ปี ชีวีของพ่อนี้แทบบรรลัย
เพราะว่าตัวเป็นกษัตริย์จะผิดสัตย์สัญญาก็หาไม่ว่าแล้วพระองค์ก็ลุกไปเข้าที่บรรทมทันทีด้วยจิตใจที่มัวหมองเศร้าสร้อยเสน่หาอาวรณ์อาลัยถึงลูกยาเจ้านั้นหนาจะจากไป"

เนื้อเรื่องจะเป็นอย่างไรโปรดติดตามต่อไปในส่วนเนื้อเรื่องเริ่มแรกนั้นศรเสน่หาพิศวาสไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากเท่าใดนักแต่เนื้อเรื่องหลังจากนี้จะเริ่มเปลี่ยนแปลง


ออฟไลน์ RedQueen

  • Memois Of A Calamity Queen
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 237
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
Re: รับรักข้าเถิดองค์ราม
«ตอบ #4 เมื่อ08-09-2022 09:34:42 »

 :impress2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด