l’m Say & You Write [Drama,18+] : Page #3 เผลอ {10/4/22}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: l’m Say & You Write [Drama,18+] : Page #3 เผลอ {10/4/22}  (อ่าน 931 ครั้ง)

ออฟไลน์ MarinG

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 

- - - -- - - - - -- - - - - - -
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-04-2022 12:14:40 โดย MarinG »

ออฟไลน์ MarinG

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
   
Page #1 พบกันอีกครั้ง




   
   

   ‘มึงกับกูจะยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมได้รึป่าวว่ะ’

   ‘...ทำไมมึงพูดแบบนั้นว่ะ’

   ‘มึงก็รู้อยู่ว่าที่กูพูด...มันหมายถึงอะไร’

   ‘เฮ้ย ทำไมพูดแบบนั้นว่ะ ถึงมึงจะเป็นอะไร มึงก็ยังเป็นเพื่อนกูเหมือนเดิมนั่นแหละ’

   ‘กูขอโทษ...’

   ‘ขอโทษ? ขอโทษเรื่องอะไรว่ะ?’

   ‘ขอโทษที่กูเป็นแบบนี้...’

   ‘…’

   ‘ขอโทษที่กูรักมึง’

   วันสุดท้ายของการเรียนมัธยมศึกษาปีห้า ในวันนั้นคือครั้งสุดท้ายที่ผมได้เห็นหน้ามัน คุยกับมัน  และยังเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้ยินเสียงของมัน...

   “อืม...อ่า” หญิงสาวก้มลงประกบปากกับชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง แม้ทั้งคู่จะเสร็จกิจไปแล้วรอบหนึ่งก็ตาม ความร้อนแรงยังคงไม่แผ่วลงเลยแม้แต่น้อย

   Rrrrr...

   เสียงโทรศัพท์ของภาคภูมิดังขัดจังหวะทั้งสองขึ้นกลางคัน เขาเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์จากโต๊ะที่หัวเตียง เมื่อเห็นว่าชื่อของแม่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ ภาคภูมิจึงผละออกจากร่างของหญิงสาว “วันนี้เธอกลับไปก่อน...”

   “เอ๋ อะไรอ่ะ แคทยังรู้สึก...อยู่เลยนะ”

   “ฉันมีธุระ...กลับไป” เมื่อพูดดีดีแล้วอีกฝ่ายยังไม่ยอมทำตาม ภาคภูมิจึงจำเป็นต้องใช้คำพูดที่ฟังดูหยาบกระด้าง ใครฟังก็อดหงุดหงิดไม่ได้ยิ่งเป็นคนที่พึ่งร่วมรักกันเมื่อกี้แล้วอีก หญิงสาวทำเสียงฟึดฟัดไม่พอใจ จานนั้นเธอก็แต่งตัว และเดินออกจากไปโดนทิ้งเสียงปิดประตูที่ดังสนั่นไว้ให้ภาคภูมิถูกข้างห้องกรนด่าสาปแช่งเป็นของต่างหน้า

   “เห้อ...” ภาคภูมิถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย จากนั้นก็ไปหยิบกางเกงตัวหนึ่งขึ้นมาสวม เขานั่งลงที่โซฟาแล้วจึงโทรกลับหาแม่ของเขาที่เมื่อกี้ไม่ได้กดรับสาย รอไม่นานนักเธอก็รับสายของลูกชาย “สวัสดีครับแม่ มีอะไรรึป่าวครับโทรมาซะดึกเลย”

   [ภูมิสบายดีรึป่าวลูก แม่ขอโทษนะที่โทรมาซะดึกเลย ภูมินอนรึยัง ถ้าง่วงแล้วก็ไม่เป็นไรนะเดี๋ยวแม่ค่อยคุยพรุ่งนี้ก็ได้]

   “ไม่เป็นไรหรอกครับแม่ พูดมาเถอะผมยังไม่ง่วงครับ”

   [อย่างงั้นเหรอจ๊ะ... เออ แม่จะเริ่มพูดยังไงดีละเนี่ย... คืออย่างนี้! คอนโดลูกมันยังมีห้องว่างเหลือใช่ไหม]

   “หืม? ก็ต้องว่างสิครับ ก็ผมอยู่ห้องนี้คนเดียวนิ”

   [อ่า จริงด้วยเนอะ แม่นี่ขี้ลืมจริงๆ ฮ่าฮ่า แล้วถ้าเกิด...จะกลายเป็นอยู่สองคนล่ะ ภูมิจะว่าอะไรไหมจ๊ะ]

   “แม่...หมายความว่ายังไงครับ?”

   [ภูมิจำตรีได้ไหมลูก]

   ชื่อที่แม่ของภาคภูมิพูดออกมานั้นทำให้เขาชะงักไปเล็กน้อย เรื่องราวของดนตรีและเขาค่อยๆพรั่งพรูออกมาทีละนิด “จำได้สิครับแม่ แล้วไอ้ตรีมันอะไรเหรอครับ”

   [คือว่าแม่ของตรีเขาโทรมาขอร้องแม่น่ะ พอดีตรีเขามีปัญหาเรื่องที่พักเขาก็เลยมาอาศัยอยู่กับลูกน่ะ]

   “ที่พัก? นี่ไอ้ตรี...มันเรียนอยู่ใกล้ๆกับมหาลัยของผมเหรอครับ”

   [อยู่มหาลัยเดียวกันเลยแหละจ๊ะ] ภาคภูมิรู้ไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ นี่ขนาดอยู่ใกล้กันแค่นี้ยังไม่คิดจะติดต่อมาอีกเหรอเนี่ย

   [ลูก...ว่าไงบ้างจ๊ะ]

   “ก็ได้ครับแม่ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แล้วมันจะย้ายเข้ามาอยู่วันไหนครับ”

   [น่าจะเป็นวันมะรืนน่ะลูก งั้นเดี๋ยวแม่โทรไปบอกแม่ของตรีก่อนนะลูกว่าโทษโอเค ราตรีสวัสดิ์จ๊ะ]

   “ฝันดีครับแม่” หลังจากที่แม่ของภาคภูมิวางสายไปเขาก็มองจอโทรศัพท์อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็เปิดเขาไปดูรูปภาพเก่าที่ถ่ายไว้สมัยมัธยมก่อนที่ภาคภูมิจะต้องย้ายไปที่อื่นอย่างกระทันหัน รูปที่เขาถ่ายกับกลุ่มเพื่อนสนิททั้งสี่คน สองคนที่กอดคอกันยิ้มอย่างมีความสุขอยู่สุขอยู่ตรงกลางเฟรม นั้นก็คือพวกเขาทั้งสองภาคภูมิกับดนตรี “หึ ไม่ได้เจอกันตั้งแล้วนะ กูควรจะทำตัวยังไงกับมึงดีนะไอ้ตรี”

   ....
   ในที่สุดก็ถึงวันที่ดนตรีจะย้ายเข้ามาอยู่กับผมตามที่แม่บอกแล้ว ความจริงผมหลังจากที่ผมตอบตกลงไปแล้ว ผมก็ยังมานั่งคิดทีหลังเลยว่า ดีแล้วเหรอว่ะที่จะยอมให้มีคนมาอยู่เป็นรูมเมทด้วบแบบนี้  มันคงจะทำอะไรๆไม่สะดวกเหมือนเมื่อก่อน แต่จะให้ผมปฏิเสธไปทีหลังมันก็... ยิ่งคนที่เคยเป็นเพื่อนสนิทแล้วด้วย

   อย่าพึ่งเข้าใจผิดกันนะครับ ผมกับดนตรีไม่ได้มีปัญหาอะไรกันนะครับ เพียงแค่ว่าตอนจบ ม.5 ผมต้องย้ายบ้านไปอยู่ที่อื่น แล้วหลังจากนั้นผมก็ไม่ได้เจอกับมันอีกเลย อาจมีช่วงแรกที่คุยกันบ้าง แต่นานวันเข้าเราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย แล้วยิ่งตอนนี้อีก ผมเลยไม่มั่นใจว่าเราจะยังคุยกันสนิทกันเหมือนเมื่อก่อนรึป่าว ไม่ใช่แค่ดนตรีหรอกที่น่าจะเปลี่ยนไป เพราะขนาดตัวผมเองยังเปลี่ยนไปจากเดิมมากเลย

   ตั้งแต่ที่ผมต้องย้ายไปเรียนที่ใหม่ คงเพราะเวลาแค่หนึ่งปีมันคงไม่พอให้เรารู้จักกับใครไม่ได้มากพอ ผมเลยจบจากที่นั่นแบบไม่มีเพื่อนเลย แต่ถ้าแค่เพื่อนที่คุยกันตามปกติมันก็มีนะครับ แต่สำหรับผมมันต้องคุยแบบเปิดใจบรึกษากันได้ทุกเรื่องอะไรแบบนั้น ถึงมหาลัยจะมีเพื่อนเยอะ ทั้งเพื่อนเที่ยว เพื่อนคุย พวกผู้หญิง แต่ถ้าให้เทียบคงไม่มีใครที่เทียบดนตรีได้หรอกครับ

   “เฮ้ย! ไอ้ภาคคืนนี้ร้านเดิมป่าวว่ะ” ไอ้แจ๊คเข้ามากอดคอผมพร้อมกับชวนกันไปสังสรรค์ตั้งแต่ยังไม่เที่ยง

   “โทษทีว่ะ วันนี้กูไม่ว่าง”

   “หืม มึงเป็นห่าไรเนี่ย คนอย่างภาคภูมิแม่งเคยพลาดด้วยเหรอว่ะ” ไอ้แจ๊คบ่นออกมา

   “เออ วันนี้เพื่อนกูจะย้ายเข้ามาอยู่ด้วย”

   “เพื่อน? เพื่อนหรือสาวเอาให้แน่ นี่มึงแอบไปมีตัวจริงไม่บอกกูเหรอเนี่ย”

   “ตัวจริงเหี้ยไรละ” ผมพูดพร้อมกับตบกระบาลมันไปเบาๆ “กูไปละ เดี๋ยวต้องรีบไปเก็บของทำความสะอาดห้องซักหน่อย”

   “เออๆ เอาไว้เปลี่ยนใจก็ทักมาหากูได้ตลอดนะเว้ย กูพร้อมเสมอ ฮ่าฮ่า”

   “ไอ้ขี้เหล้าเอ้ย...”

   วันนี้ผมมีเรียนแค่ช่วงเข้า ส่วนดนตรีจะย้ายของมาช่วงเย็นเพราะมีเรียนทั้งวัน ผมเลยตัดสินใจกลับห้องไปทำความสะอาดซักเล็กน้อยพอเป็นพิธี ผมได้ไลน์ของมันมาหลังในวันรุ่งขึ้นหลังจากที่คุยกับแม่ ผมพึ่งรู้ว่ามันเปลี่ยนทุกอย่างใหม่หมดเลย ขนาดอยู่มหาลัยเดียวกันผมยังไม่รู้เลย แอบน้อยใจอยู่เหมือนกันนะที่มันไม่ยอมบอกอะไรผมเลย

   ผมกับดนตรีเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เกิดเลยก็ว่าได้ เพราะเกิดก่อนมันแค่เดือนกว่าๆเท่านั้นเอง แถมบ้านก็อยู่ติดกันเลยเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก เรียนมาด้วยกัน อยู่ห้องเดียวกัน คงจะเหลือแค่มีแฟนคนเดียวกันละมั้ง แต่เรื่องนั้นผมว่าอย่าเลยจะดีกว่า ว่าไปแล้วอีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะได้เจอมันก็รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกันนะ

   จากที่ผมจะแค่ทำความสะอาดพอเป็นพิธี กลายเป็นว่าพิธีเล็กนี่มันก็หนักเอาการอยู่เหมือนกันนะ นี่ห้องผมรกขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย พอมองดูนาฬิกาเวลาก็ล่วงเลยมาจนจะสี่โมงแล้ว

   ติ้ง!

   เสียงไลน์จากโทรศัพท์ของผมดังขึ้น ซึ่งมันคือข้อความจากดนตรี

   

   ‘ภูมิกูเรียนเสร็จ เดี๋ยวกำลังจะไปที่ห้องมึงนะ’

   ‘โอเค กูเก็บกวาดห้องเสร็จพอดี’

   ‘แล้วของมึงเยอะป่าว ให้กูไปช่วยขนม่ะ’

   ‘ไม่เป็นไร มีไม่เยอะกูเตียมไว้หมดแล้ว’

   ‘มึงมาถูกรึป่าว ให้กูไปรับไหม’

   ‘ไปถูก เดี๋ยวอีกประมาณชั่วโมงนึงเจอกัน’

   ‘เคร เจอกัน’

   

   หลังจากนั้นผมที่รอให้ดนตรีมาถึง ก็เข้าไปจัดเตรียมข้าวของในห้องในมัน ห้องของผมเป็นของลุงที่ให้แม่ผมไว้ มันมีห้องแยกสองห้องพอดี ปกติผมจะใช้ห้องห้องเก็บของไม่ก็ห้อง... ห้องเชือดนั้นแหละ หลังจากนี้การระบายอารมณ์ของผมคงจะเปลี่ยนไปพอสมควรเลย คงต้องคิดกันใหม่อีกทีแล้วละ

   หลังจากผ่านไปประมาณชั่วโมงตามที่ดนตรีบอก ก็มีเสียงกดกริ้งที่หน้าประตูดังขึ้น ผมลุกจากโซฟาและเดินไปเปิดประตู ผู้ชายตัวสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้า แต่ก็ยังไม่สามารถสูงไปกว่าผม ร่างที่บางกว่า แล้วใบหน้าที่คุ้นเคย

   “เป็นไงไอ้ตรี ไม่ได้เจอกันนานเลย”

   ผมกล่าวทักทายเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันซะนาน ดนตรีเงยหน้ามองผมแล้วยิ้มกว้างให้ผมเห็นหนึ่งที แต่มันก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา จากนั้นผมก็ช่วยมันขนสัมภาระเข้ามาไว้ข้างในห้อง

   ติ้ง!

   เสียงไลน์ดังขึ้นอีกครั้ง และเมื่อผมยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบว่ามาเป็นข้อความของ...

   ...ดนตรี

   

   ‘ห้องไหนคือห้องของกูเหรอ’

   

   ผมอ่านข้อความแล้วเงยหน้าขึ้นมามองคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างงุนงง ทำไมมันยังส่งข้อความหาผมอยู่ ทั้งที่ตอนนี้มันก็ยืนอยู่ตรงนี้ ในห้องของผม ตรงหน้าผม หรือมันเป็นพวกติดโทรศัพท์กัน?

   “ห้องนู้น” ผมยังไม่ได้ถามอะไรมันแล้วชี้นิ้วไปยังที่มันต้องอยู่ ดนตรีหันไปตามทางที่ผมชี้ จากนั้นมันก็เปิดประตูแล้วเอาข้าวของเข้าไปเก็บข้างใน และจากนั้นไม่นานเสียงไลน์ก็ดังขึ้นครั้ง

   

   ‘ห้องมึงสวยนะเนี่ย’

   ‘ไม่ได้เจอกันตั้งนาน แล้วต้องมาอยู่ด้วยกันแบบนี้...’

   ‘กูก็รู้สึกเขินๆว่ะ ฮ่าฮ่า’

   ‘สติ๊กเกอร์หัวเราะ’

   

   ข้อความถูกส่งเข้ามาในแชทรัวๆจนในที่สุดผมก็ทนไม่ไหวตะโกนออกไปเสียงดัง

   “เฮ้ย ไอ้ตรี!” เสียงตะโกนของผมทำให้เดินออกมาจากห้องพร้อมกับทำหน้าสงสัย “มึงจะพิมพ์ไลน์มาทำไมว่ะ อยู่ใกล้กันแค่นั้นเอง พูดกับกูด้วยปากก็ได้!”

   พอผมพูดออกไปแบบนั้นด้วยความรำคาญ หน้าดนตรีก็เศร้าลงจนเหมือนกับว่าจะร้องไห้ จากนั้นมันก็เดินเข้าไปในห้องอีกครั้ง และออกมาพร้อมกับสมุดหนึ่งเล่มกับปากกาเมจิกหนึ่งด้าม

   ดนตรีเปิดสมุดแล้วเขียนอะไรบางอย่างลงไป ผมสังเกตเห็นมือของสั่นระหว่างที่เขียนลงบนสมุด เขียนเสร็จมันก็หันสมุดมาทางผมบนกระดาษปรากฏข้อความ...

   

   ‘ขอโทษ’

   

   “ขอโทษ... ขอโทษกูเรื่องอะไร” ดนตรีหันสมุดกลับเข้าหาตัวเพื่อเขียนอีกครั้ง คราวนี้หน้ามันเหมือนกันจะร้องไห้ซะยิ่งกว่าตอนแรกเสียอีก ไม่นานนักมันก็หันสมุดกลับมา เป็นข้อความที่ทำให้ผมสะอึก

   

   ‘ขอโทษที่กูพูดไม่ได้...’



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-03-2022 01:33:51 โดย MarinG »

ออฟไลน์ MarinG

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: l’m Say & You Write [Drama,18+] : Page #2 ข้อความ {30/3/22}
«ตอบ #2 เมื่อ30-03-2022 01:25:00 »

Page #2 ข้อความ







‘ขอโทษที่พูดไม่ได้’

ข้อความบนกระดาษทำให้ผมเกิดความสงสัยมากมาย พูดไม่ได้... คือหมายถึงพูดกับผมไม่ได้ หรือว่า... ผมสบตากับมันอยู่นาน เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อไปดี

“เออ... พูดไม่ได้ คือมึงหมายความว่าไงว่ะ คือถูกให้ห้ามพูดกับกูงี้อ่ะหรอ” ดนตรีได้ยินคำถามของผม แล้วก็ลงมือเขียนข้อความลงบนกระดาษ ความเร็วในการเขียนของมันนั้น แค่ดูก็รู้ว่าชำนาญมากขนาดไหน

‘ไม่ใช่แค่มึง กูไม่สามารถพูดกับใครได้เลย’

“มะ มึงหมายควา-” ไม่ต้องให้ผมถามจบ ดนตรีก็เขียนคำตอบเสร็จแล้ว

‘กูประสบอุบัติเหตุ’

ประโยคนั้นทำให้ผมไม่สามารถพูดอะไรต่อไปได้เลย ทั้งห้องเงียบลงกลางคัน เมื่อดนตรีเห็นว่าผมไม่พูดอะไรต่อ มันจึงไปนั่งทำหน้าจ๋อยอยู่ที่โซฟา เอายังไงดีว่ะเนี่ย ผมดันไปพูดอะไรไม่เข้าท่าซะแล้ว นี่เป็นสิ่งที่ผมแก้ยังไงก็ไม่ดีขึ้น ไอ้เรื่องปากที่ชอบพูดอะไรไปก่อนจะได้คิดเนี่ย

“อะ เออ ไอ้ตรี” ผมพูดออกมาเสียงอ่อย จากนั่งก็นั่งลงที่ข้างๆมัน “กูขอโทษนะเว้ย กูไม่พูดออกไปอย่างนั้น.. กูแค่สงสัย... เออ กูขอโทษ”

‘ไม่เป็นไรกูเข้าใจ’

‘กูก็ผิดเหมือนกันแหละ ที่ไม่ได้บอกมึงก่อน’

ดนตรีเขียนให้ผมอ่านพร้อมกับส่งยิ้ม และใช้มือตบบ่าผมเบาๆ แต่ว่าความสงสัยในใจของผมมันยังไม่หมดไป ก็เลยเผลอพูดสิ่งที่คิดอยู่ไปโดนไม่ตั้งใจ

“แล้ว...อุบัติเหตุที่ทำให้มึงเป็นแบบนี้นี่คืออะไร...” อ่า... ผมที่อยากจะตบปากตัวเองให้มันเจ็บจนพูดไม่ได้ซะจริง “อะ เออ กะ กูโทษ มึงลืมๆไปเถอะ ถือว่ากูไม่ได้ถามอะไรละกันนะ”

ในขณะที่ผมกำลังจะลุกหนีความผิดของตัวเอง แขนของผมก็ถูกมือของของดนตรีจับไว้ซะก่อน จากนั้นก็เขียนความให้ผม

‘ไม่เป็นไร กูเล่าให้ฟังได้ นั่งสิ’

ผมกลืนน้ำลายหนึ่งทีก่อนที่จะนั่งลงบนโซฟาอีกครั้ง รู้สึกผิดมันก็รู้สึกอยู่นะ แต่ไอ้ความอยากรู้นี่มันก็มีมากโขอยู่ แย่จริงๆเลยตัวผม

“เออ มึงจะแชทไลน์ก็ได้นะ กูไม่ว่าอะไรมึงแล้ว”

‘ไม่เป็นไร ปกติกูก็เขียนใส่กระดาษแบบนี้อยู่แล้ว’

‘กูไม่ได้มีไลน์ทุกคนหรอก’

ดนตรีใช้วิธีฉีกกระดาษที่มีข้อควาทแล้วมาวางไว้ตรงหน้าผม พอผมอ่านข้อความในแผ่นแรกจบ แผ่นต่อไปก็วางรออยู่ตรงหน้าแล้ว

‘เมื่อประมาณสามปีก่อน’

‘หลังจากที่มึงย้ายไปแล้ว’

‘กูก็โดน///// เจออุบัติเหตุทางรถยนต์’

แผ่นนี้ค่อยข้างแปลก เพราะดนตรีขีดบางตัวอักษรเข้มจนผมเดาไม่ได้ว่าเขียนอะไร แต่บางทีอาจจะแค่เขียนผิดละมั้ง

‘กูโชคดีที่ยังรอดมาได้’

‘แต่ก็ต้องเสียอะไรหลายอย่าง’

‘อย่างเสียงของกู’

‘ผลกระทบทางประสาท’

‘กับความกลัวตอนเจออุบัติเหตุ’

‘ทำให้ตอนนี้กูไม่สามารถออกเสียงได้’

นั้นคือข้อความแผ่นสุดท้าย หลังอ่านจบผมก็เงยหน้ามองดนตรี จากนั้นก็เขยิบตัวเข้าไปกอดปลอบมันเบาๆ

“แล้วนี่มันมีทางรักษารึป่าว” ดนตรีนิ่งไปครู่นึงก่อนที่จะพนักหน้ารับ “ถ้าอย่างมึงก็อย่ายอมแพ้นะเว้ย สักวันมึงต้องกลับมาพูดได้แน่นอน”

ผมพูดพร้อมกลับกุมมือของดนตรีเอาไว้ เพื่อเป็นการให้กำลัง จากนั้นรอยยิ้มของมันก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ใช่แล้วรอยยิ้มน่ะเหมาะกับมึงที่สุด

‘ขอบคุณนะ’

“ขอบคุณบ้าอะไร กูยังไม่ได้ทำอะไรเลย แถมยังเกือบทำมึงร้องไห้ตอนแรกด้วย กูจะชดใช้ให้มึงยังไงดี...” และแล้วก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “ไอ้ตรี มึงกินเบียร์หรือเหล้าม่ะ”

ที่ผมถามเพราะว่าเท่าที่จำได้ ผมเคยเห็นแต่มันแต่พวกค๊อกเทล ไม่รู้ว่าตอนนี้มันกินได้รึป่าว ดนตรีมองหน้าผมด้วยความสงสัย จากนั้นก็เขียนข้อความตอบผม

‘ก็กินได้ มีไร?’

“งั้นรอกูแปปนึง เดี๋ยวกูมา” ผมลุกขึ้นพร้อมกับยินโทรแล้ว แล้วเดินเข้าไปในห้องของตัวเอง จากนั้นก็ต่อสายถึงไอ้แจ็ค “ฮัลโหล ไอ้แจ็ค”

[ว่าไงจ๊ะ พี่ภาคสุดหล่อ]

“คืนนี้มึงยังจะไปอยู่ม่ะ”

[นั้นไง! กูว่าแล้ว! ทำไมกูไม่ซื้อหวยให้ถูกแบบนี้ว่ะ! แม้ง กูเดาได้ตั้งแต่เห็นเบอร์มึงแล้ว]

“พล่ามเยอะจังนะมึง แล้วสรุปว่าไง ยังจะไปม่ะ”

[ไม่จ๊ะ... ไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว วู้ฮู้]

“ได้ๆ เออ! เดี๋ยวก่อนไอ้แจ็ค กูมีเพื่อนไปด้วยคนนึงนะเว้ย เป็นไรป่ะ”

[เพื่อน? อ้อ รูมเมทมึงรึป่าวว่ะ]

“ใช่ รูมเมทกูนั้นแหละ”

[ได้สิว่ะ ไม่เห็นเป็นไร กูจะได้รู้จักเอาไว้ด้วย]

“เคร แต่กูมีเงื่อนไขนิดหน่อยว่ะ เดี๋ยวกูพิมพ์ส่งไปทางแชทไลน์”

[หืม เงื่อนไขอะไรว่ะ เออช่างเหอะ มึงส่งมาละกัน งั้นคืนนี้เจอกันสามทุ่มที่เดิมนะ]

“เจอกันเพื่อน”

หลังจากว่างสายไอ้แจ็ค ผมก็พิมพ์ข้อความเงื่อนไข เกี่ยวกับดนตรีลงในแชทไลน์ แล้วกดส่งให้ไอ้แจ็ค ผมเดินออกมาตากห้องแล้วไม่พบตัวดนตรี ก็เลยเดินไปถือวิสาสะเปิดประตูห้องมัน ดนตรีที่กำลังจัดข้าวของอยู่นั้น พอมีเสียงเปิดประตูเข้ามาก็หันทางผมแล้วทำหน้างุนงง

“ไอ้ตรีคืนนี้เราไปเที่ยวกัน” ดนตรีได้ยินแบบนั้นแต่ก็ยังคงทำหน้างงอยู่ “คืนนี้ไปเที่ยวผับกัน เดี๋ยวกูเลี้ยงมึงเอง แทนคำขอโทษจากู ตกลงนะ ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธ”

ปัง!

ไม่ทันให้ดนตรีได้เขียนข้อความตอบใดๆ ผมก็รับชิงปิดประตูซะก่อน ใบหน้าสุดท้ายที่เห็นของมันคืองุนงงขั้นสุดเห็นแล้วตลกชะมัด

ติ้ง!

เสียงไลน์ดังขึ้น และแน่นอนมันคือของ...

‘มึงเป็นเหี้ยไรเนี่ย’

“ฮ่าฮ่าฮ่า” ผมหัวเราะออกมา นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้หัวเราะสนุกสนามขนาดนี้...

ผมกับดนตรีมาถึงที่นัดหมายประมาณสามทุ่มกว่าๆ ส่วนไอ้แจ็คน่ะเหรอ มันมาเมาก่อนพวกผมได้ประมาณครึ่งแล้ว ผมพาดนตรีเดินไปยังโต๊ะของเรา พอไอ้แจ็คเห็นผมมันก็ชูเหล้าขึ้นเหนือหัวเป็นการบอกจุด

“เหอะ เมาเร็วจริงนะมึง” ผมพูดแซวเพื่อนที่อยู่ในอาการดีดเกินความจำเป็น “พวกมีงนี่รูทเมทกูดนตรี”

“สวัสดีดนตรี! ฮ่าฮ่าฮ่า” เพื่อนทั้งโต๊ะกล่าวทักด้วยความดีดเต็มที่ นี่พวกมันมาก่อนครึ่งชั่วโมงจริงรึป่าวเนี่ยชักเริ่มสงสัย

“หืม ไอ้เมฆวันนี้มึงมาด้วยเหรอว่ะ”

“นานๆทีก็ต่องสังสรรค์กันบ้าง”  ผมพาดนตรีเข้าที่นั่ง โต๊ะนี่มีอยู่เก้าคนรวมผมกับดนตรี ไอ้เมฆ ไอ้แจ็ค แล้วก็ไอ้ปาร์คที่ไอ้เมฆบอกว่าไปเข้าห้องน้ำ แล้วก็สาวๆอีกสี่คนที่ผมไม่รู้จัก น่าจะเป็นคนจากคณะอื่นที่/อ้แจ็คมันชวนมา

โดนปกติเป้าหมายของสาวๆ ไม่เป็นผมก็ไอ้เมฆ ส่วนไอ้ปาร์คนั้นก็อยู่ที่ตัวมันจะใช้เทคนิคม่อสาวได้สำเร็จรึป่าว และไอ้แจ็คที่ตกรอบเสมอ

แต่คราวนี้มันต่างกันออกไป เรารู้สึกได้ว่าสายตาของพวกเธอสามในสี่จ้องไปที่ดนตรีเพียงคนเดียว อ่า เสน่ห์แรงเหมือนกันนะเนี่ยเพื่อนกู ในขณะนั้นผมก็มองเห็นคนรู้จักอยู่ห่างไปสองสามโต๊ะ เลยตั้งใจจะไปทักทายซักหน่อย

“ไอ้ตรีเดี๋ยวกูมานะ ไอ้เมฆฝากดูแลเพื่อนกูดเวยนะเว้ย” จากนั้นผมก็เดินไปทักทายตามโต๊ะต่าง แต่ที่ผับแห่งนี้มีนักศึกษาจากมหาลัยผมมากันเยอะ เพราะงั้นจากที่จะแค่ชนแก้วนิดหน่อย มันเลยต้องเดินต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะกลับมาที่โต๊ะของตัวเองก็หมดไปเกือบสิบนาที

พอกลับมาถึงโต๊ะผมก็พบกับไอ้ปาร์คนั่งจ๋อยอยู่คนเดียว สาวคนหนึ่งนั่งคุยกับไอ้เมฆ ไอ้แจ็คที่กำลังไปออกลวดลายที่กลางฟลอร์ แล้วที่เหลือก็กำลังรุมล้อมดนตรีอยู่ พวกเขาดูคุยกันสนุกสนามดี ไอ้ปาร์คลุกขึ้นมากระซิบข้างหูผม

“ปกติมีมึงกับไอ้เมฆก็กูแทบจะไม่ได้แดกใครอยู่แล้ว นี่ยังมีเพื่อนมาแย่งเพิ่มขึ้นอีกนะ” ผมเขกกระโหลกมันไปหนึ่งที

“อ้าว คุยอะไรกันอยู่เอ่ย ผมขอตัวดนตรีคืนหน่อยสิครับ” ผมพูดพร้อมกับใช้แขนโอบไหล่ดนตรีเอาไว้ แล้วดึงเข้ามาอยู่ใกล้ตัว

“ภาคอ่ะ! ยังคุยกับตรีสนุกอยู่เลย” พวกเธอบ่นไม่พอใจ

“ดนตรีมันไม่ค่อยได้มาที่แบบนี้บ่อยนะ เดี๋ยวมันก็ตกใจกลัวหมดหรอก” ผมพูดพร้อมกับยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม

“เชอะ! ก็ได้ งั้นเดี๋ยวพวกเราไปห้องน้ำก่อนนะตรี” พวกเธอบอกและเดินไปทางห้องน้ำ

“แหม เสน่ห์แรงเหลือเลยกินนะมึง” ดนตรียิ้มให้กับคำแซวของผม จากนั้นก็ถามผมกลับ

‘เดี๋ยวนี้ทุกคนเรียกมึงว่าภาคหรอ’

อ่า ตั้งแต่ขึ้นมหาลัยผมก็แนะนำกับคนอื่นว่าชื่อภาคหมดเลยนี่นะ คนที่เรียกผมว่าภูมิตอนนี้ก็คนที่แค่ครอบครัวแล้วก็ดนตรีละมั้ง

‘กูต้องเรียกมึงว่าภาคด้วยม่ะ’

“ไม่ต้องเลยมึง” ผมพูดพร้อมกับขยี้ผมของมัน เห็นมันมีความสุขขึ้นแบบนี้ผมก็สบายใจ “เอ้า! ชนแก้วกันหน่อย”

เคร้ง!



...







“แหวะ!” เสียงอ้วกของแจ็คทำให้ทุกคนต้องเดินหลบอย่างแขยง

หลังจากที่ดื่นกันอย่างหนักในที่สุดก็ถึงเวลากลับห้องสักที ภาคภูมิถูกเมฆาหิ้วพยุงออกจากร้าน หมดสภาพไม่เหมือนกับตอนที่มาถึงเลยสักนิด

“ภาคมันเมาแอ๋แบบนี้ แล้วพวกนายจะกลับกันยังไง”

เมฆาหันไปถามดนตรีที่ยืนอยู่ข้างๆ

‘ไม่เป็นไร’

‘เดี๋ยวผมขับรถเอง’

เมฆาอ่านข้อความแล้วก็สบายใจ เพราะเขาจะได้ไปจัดการพาคนเมาอีกคนไปส่งที่ห้องได้

“นายเนี่ยคอแข็งเหมือนกันนะ”

ดนตรียิ้มให้เมฆา ก่อนจะรับร่างหมดสภาพของภาคภูมิ แล้วพยุงไปที่รถ ดนตรีจัดการเอาภาคภูมิไปนั่งที่ข้างคนขับเสร็จ เขาก็อ้อมกลับมานั่งฝั่งคนขับอย่างเหน็ดเหนื่อย

“เห้อ...”

ดนตรีถอนหายใจหนึ่งทีก่อนที่จะสตาร์ทรถ แต่ก่อนที่เขาจะขับรถออกจากที่จอด เสียงของภาคภูิก็ทำให้เขาต้องหยุด

“...ไอ้ตรี”

ดนตรีหันไปทางคนที่เรียก สงสัยจะว่าจะละเมอละมั่งดนตรีคิด

“...ไอ้ตรี”

เป็นอีกครั้งที่เขาหันไปตามเสียงเรียก แต่คราวนี้ภาคภูมิกำลังลืมตา และมองมาที่เขา ด้วยตาของทั้งประสานกัน ดนตรีได้แต่หยุดนิ่งเพื่อรอว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร...

“มึง...”

.

.

.

“มึงยังรักกูอยู่รึป่าว”

ไม่ว่าภาคภูมิจะยังมีสติอยู่รึป่าวก็ตาม แต่เมื่อดนตรีได้ยินคำพูดนั้น เขาก็รู้สึกเหมือนหายใจติดขัด แน่นหน้าอก เหงื่อไหล และร่างกายที่สั่นเทา สีหน้าของดนตรีเหมือนกับกำลังนึกถึงเรื่องบางอย่างอยู่

บางอย่างที่อยากลืม แต่ก็ลืมไม่ลง...

เขาเขียนข้อความบางอย่างลงกระดาษ แต่ไม่ได้ให้ภาคภูมิดู เขาเอาแต่จ้องข้อความนั้น ข้อความที่เขียนว่า...

‘ยังรักสิ’







« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-03-2022 01:34:33 โดย MarinG »

ออฟไลน์ MarinG

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: l’m Say & You Write [Drama,18+] : Page #3 เผลอ {10/4/22}
«ตอบ #3 เมื่อ10-04-2022 12:15:10 »


Page #3 เผลอ









‘ภูมิๆ’

‘มีอะไรหรอตรี’

‘ถ้าเกิดเราโตขึ้นไปเราจะแต่งงานกันได้ไหม’

เด็กน้อยถามเพื่อนที่กำลังเล่นด้วยกันอยู่

‘ไม่ได้หรอก เราแต่งงานกันไม่ได้หรอกตรี’

เพื่อนตัวน้อยตอบกลับ นั้นทำให้เกิดความสงสัยในใจของเด็กน้อยดนตรีเหลือเกิน

‘ทำไมละภูมิ แม่เราบอกว่าถ้าเรารักละก็จะผู้ชายหรือผู้หญิงก็ไม่เป็นไรหรอก’

‘เหมือนที่พ่อของตรีเป็นผู้หญิงเหมือนกับแม่ของตรีน่ะเหรอ’

‘...’ เมื่อได้ยินดังนั้นนั้นเด็กน้อยถึงกับพูดอะไรไม่ออก

‘หรือตรีเป็นกะเทยอย่างงั้นเหรอ’

‘...’

.

.

.

‘นี่มึงเป็นเกย์จริงด้วยสินะ’











“ว้ากกกกกกก!” ผมสะดุ้งตื่นขึ้นจากฝัน มันคือเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อสมัยเด็ก ตอนนั้นผมยังไม่ต่อยรู้เรื่องอะไรเท่าไหร่นัก พอเป็นตอนนี้เป็นอยากกลับไปตบกระบาลตัวเองให้หายปาดกเสียสักทีเหลือเกิน...

โดยเฉพาะคำพูดสุดท้าายในฝันนั้น...

ผมจำได้ดีมันคือตอนดนตรีบอกรักผม ทั้งที่ตอนนั้นผมไม่ควรจะพูดแบบนั้นออกไปแท้ พอนึกขึ้นมาได้แบบนี้แล้วมันรู้สึกผิดชะมัด

ก๊อกๆ

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

“เข้ามาเถอะ” สิ้นเสียงของดนตรีก็เปิดประตูก่องเข้ามาด้วยสีหน้าตกใจ

‘มึงเป็นอะไรรึป่าว’

‘กูได้ยินเสียงมึงร้อง’

‘ก็เลยเข้ามาดู’

“อ่อ ไม่มีอะไรหรอก แค่ฝันร้ายน่ะ” ผมลอกปัดไป ไม่อยากจะให้ดนตรีรู้ว่าทำนึกถึงเรื่องเมื่อสมัยก่อน ดนตรีตอนนี้อยู่ในชุกนักศึกษาแล้วสวมผ้ากันเปื้อนสีฟ้าสดใสทับ “ว่าแต่ มึง...ทำกับข้าว?”

‘อืม’

‘ทำเสร็จแล้วละ ไปอาบน้ำแล้วมากินสิ’

‘เดี๋ยวจะได้ไปเรียนทันตอนบ่าย’

ผมหันไปดูนาฬิกา ตอนนี้ก็เกือบจะเที่ยงแล้ว นี่เมื่อคืนผมคงเมาหนักน่าดู ตอนนี้ยังรู้สึกปวดหัวตุ๊บๆอยู่หน่อยๆเลย

“รู้ได้ไงเนี่ยว่ากูมีเรียนตอนบ่าย”

‘เมฆไลน์มาบอก’

ไลน์... ไอ้เมฆเนี่ยนะ ขนาดเพื่อนอย่างผมมันยังไม่ให้ไลน์เลยนะ แล้วทำไมดนตรีถึงมีได้เนี่ย ยังไม่ทันได้ถามต่อดนตรีก็ปิดประตูใส่ผมซะก่อน

ผมลุกไปอาบน้ำแต่งตัวตามที่ดนตรีบอก เมื่อผมออกมาจากห้องก็เห็น กับข้าวหน้าตาน่าทานวางอยู่เต็มโต๊ะ ดนตรีนี่มันก็มีฝีมือเรื่องงานบ้านเหมือนกันนะเนี่ย ไม่เหมือนกันผมที่ห้องนี่มีครัวไว้ประดับ เพราะไปหาของกินที่ขนาดนอกตลอด ไม่เคยคิดที่จะทำอาหารเองหรอก กลัวว่าเดี๋ยวเสียเงินเข้าโรงพยาบาลอีกมันจะไม่คุ้ม

“มึงทำอะไรเยอะแยะเนี่ย กูว่ามึงกับกูกินไม่หมดหรอก” อาหารที่อยู่บนโต๊ะ มีทั้งหมดสี่อย่างแถมแต่ละอย่างนี่เต็มจานทั้งนั้น

‘กินไม่หมดก็เก็บไว้กินตอนเย็นสิ’

“ก็ปกติตอนเย็นก็ซื้อเข้ามากินนิ”

‘เออๆ ไม่กินก็เก็บเข้าตู้เย็นละกัน’

‘เดี๋ยวพรุ่งนี้กูกินเอง’

หืม พรุ่งนี้เหรอ ผมนึกว่ามันงอนผมแล้วบอกว่าจะมากินเองเย็นนี้ซะอีก ด้วยความสงสัยผมจึงถามมันไป “อ้าวแล้วมึงไม่กินเย็นนี้เหรอ ทำไมอ่ะ?”

‘เย็นนี้กูมีนัด’

อะไรว่ะ เมื่อคืนชวนไปเที่ยวหน่อยเดียวเย็นนี้มีนัดซะละ มันนี่ก็ไม่เบาเหมือนกันนะเนี่ย

“นัดสาวไว้ป่าวว่ะ กูไปด้วยได้ป่าว?” ผมพูดแซว

‘ไม่ใช่หรอก’

‘นัดไอ้หมอไว้น่ะ’

“ไอ้หมอเหรอ!”  เพื่อนกลุ่มเดียวกันกับผมและดนตรี ผมรู้ว่ามันตอนนี้เรียนแพทย์อยู่ที่มหาลัยในกรุงเทพ แล้วผมก็ไม่ได้เจอมันมานานแล้วเหมือนกัน ก็อยากเจออยู่เหมือนกัน “เฮ้ย ถ้างั้นกูไปด้วยสิ”

‘จะดีเหรอ’

“แล้วทำไมถึงจะไม่ดีละ... หรือมึงไม่อยากให้กูไป” ผมพูดเสียงอ่อย

‘ป่าว จะไปก็ได้’

‘แค่นึกว่ามึงอาจมีนัด’

‘กับแฟนอะไรแบบนั้น’

“แฟนอะไรละ กูไม่มีหรอก” ดนตรีทำท่าเหมือนอยากเขียนอะไรซักอย่าง แต่เขาขย้ำกระดาษหน้านั้นทิ้งแล้วยักใส่กระเป๋าเสื้อ

‘ถ้างั้นเดี๋ยวเย็นนี้’

‘เรียนเสร็จจะทักไป’

“โอเคเลย” จากนั้นผมกับดนตรีก็ทานข้าวแล้วเดินมาไปที่มหาลัย แต่ก็เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้น เมื่ออาจารย์ของดนตรีประกาศ

ยกคลาส

...ตอนแรกดนตรีมันบอกจะไปนั่งรอที่ห้องสมุด แต่ผมก็ไม่อยากให้มันไปนั่งรอคนเดียว สุดท้ายก็เลยจบด้วยการให้มันมานั่งเรียนในคลาสของผมด้วย โชคดีที่วิชานี้เรียนรวมห้องใหญ่ แถมอาจารย์ก็ใจดีเลยไม่ได้ว่าอะไร

“อ้าว ทำไมดนตรีมาอยู่ที่นี่ละ” ไอ้เมฆเดินส่งเสียงมาจากด้านหลัง จากนั้นมันก็แทรกตัวผ่านหน้าผม แล้วไปนั่งที่ข้างๆดนตรี ปกตินี่แม่งไม่เคยหรอกนั่งข้างๆอ่ะ ไม่นั่งด้านหน้าก็ด้านหลัง เหตุผลคือไม่อยากโดนรบกวน “ผมนั่งนี่ได้ใช่ไหม”

‘อืม ไม่มีใครนั่งหรอก’

‘พอดีอาจารย์ยกคลาสน่ะ”

‘ภูมิเลยให้มานั่งเรียนด้วย’

“อ่อ กำลังคิดถึงอยู่พอดีเลย” ห๊ะ เมื่อกี้ไอ้เมฆามันพูดว่าอะไรนะ ผมได้ยินไม่ค่อยชัดเท่าไหร่

แล้วตลอดการเรียนนั้นผมก็เห็นไอ้เมฆานั่งก้มหน้าอยู่แต่กับโทรศัพท์ทั้งคาบ ดนตรีเองก็หัวเหราะคิกคักอยู่ในลำคอให้ได้ยินเป็นช่วง ผมก็พยายามจะแอบดูละนะว่ามันคุยอะไรกัน แต่พอดีดนตรีมันติดฟิล์มกันเสือก ผมก็เลยมองอะไรไม่เห็นสักนิดเดียว

“เหอะ จีบกันสนุกเลยนะพวกมึง” ผมเผลอพูดออกไปด้วยความหมั่นไส้ ทั้งเมฆและดนตรีก็เลยหันมามองผมเป็นตาเดียว

“มึงมีอะไร” แม่ง... สองมาตรฐานจนอยากจะลุกไปต่อย

“คุยกันกะหนุงกะหนิงจังนะพวกมึง ไอ้เมฆมึงพึ่งเจอดนตรีแค่วันเดียวมึงก็จะจีบมันแล้วเหรอว่ะ”

“ถ้ากูจะจีบแล้วมึงจะทำไม”

“นี่มึงเป็นเกย์หรอ!”

ด้วยความลืมตัวผมเลยเผลอพูดเสียงดัง จนเพื่อนที่อยู่แถวถัดไปสามสี่แถวยังหันมา นั้นทำให้ผมรีบหุบปากไม่พูดอะไรต่ออีก จากนั้นก็มีแรงสะกิดที่แขนเสื้อผมสองสามที

‘ขอโทษ’

“เออ คือ...กู...” ผมผมนั่งมองข้อความนั้นของดนตรี ทั้งที่คิดว่าควรจะพูดอะไรซักอย่าง แต่อยู่ดีๆคำพูดมันก็ผลุบหายเข้าไปลำคอ นึกแล้วก็โทษตัวเอง ไม่ว่าจะครั้งไหนผมก็พูดคำนั้นออกมาไม่ได้ แค่คำว่าขอโทษง่ายๆ ผมนี่แม่งโครตเหี้ยเลยเนอะ

เหี้ยมาตั้งแต่เมื่อสมัยก่อนแล้ว...









...เมื่อประมาณ 3 ปีก่อน

วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการสอบในภาคเรียนที่สอง หลังจากวันนี้ไปภาคภูมิจะต้องย้ายบ้านไปอยู่จังหวัดอื่นไกลจากที่นี่มาก ดนตรีอาจจะมีโอกาสได้เจอกับภาคภูมิยากขึ้น หรือถ้าโชคร้ายหน่อยก็อาจจะไม่ได้เจออีกเลย

ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังนั่งพักเหนื่อยอยู่อัฒจรรย์ เวลานี้ไม่ค่อยมีนักเรียนอยู่แล้ว จะมีก็คงพวกเขากับพวกผู้ชายกลุ่มอื่นที่เล่นฟุตบอลอยู่ที่สนาม

“อ่า เหนื่อยชะมัดเลยแหะ” ภาคภูมิพูดพร้อมกับยกน้ำขึ้นดื่ม

“วันนี้มึงคึกอะไรเนี่ย เอ้า” ดนตรียื่นผ้าเช็ดเหงื่อให้

“ขอบใจ ก็ต้องคึกหน่อยสิว่ะ ก็...” ภาคภูมิมองไปที่รอบ ตั้งแต่วันนี้เขาก็ะไม่ได้กลับมาที่คุ้นเคยแห่งนี้อีกแล้ว “กูเหงาน่าดูเลย”

“งั้นก็อย่าไปสิ...” นั้นคำพูดหยอกที่ภาคภูมิได้ยิน แต่เขาไม่รู้หรอกว่าดนตรีภาวนาให้มันเป็นจริงขนาดไหน “ภูมิ...”

“หืม..”

“มึงจำตอนเด็ดๆได้ม่ะ ตอนนี้กูถามว่าถ้าโตไปแล้วเราจะแต่งงานไปกันได้ไหม”

“กูเลยถามมึงกลับไปว่ามึงเป็นกะเทยเหรอ”

“แล้วก็โดนกูเอาของเล่นฟาดจนร้องไห้”

“ฮ่าฮ่า/ฮ่าฮ่า”

“ตั้งแต่ตอนนั้นกูก็เข้าใจอะไรมากขึ้นหลายอย่างแล้วละ” ดนตรีพูดพร้อมกับยิ้มอย่างมีความสุข พร้อมมองไปยังภาคภูมิ

“ถ้างั้นกูจะรอไปงานแต่งมึงละกันนะ”

“มึงคงไม่ได้ไปหรอก... ไอ้ภูมิ” ภาคภูมิเงียบเพราะนัยน์ตาของดนตรีที่มองมาที่เขา

“...กูรักมึง”

หลังจากคำนั้นออกมาจากปากของดนตรี ทั้งสองคนก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนทีจะมีเสียงของคนหนึ่งดังขึ้น

“นี่มึงเป็นเกย์จริงๆสินะ” ดนตรีหน้าตึงไปหมด “ไอ้ตรีมึงเป็นเกย์จริงๆด้วย กูว่าแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่า!”

เสียงของภาคภูมิดังไปทั่วสนามบอล ทำให้ผู้คนหันมาทางเขา ดนตรีหน้าเสียอายจนอยากกลั้นใจตามมันตรงนั้น คำพูดของภาคภูมิยังคงออกมาเรื่อยๆ จนหมอกับไกด์ต้องเดินมาห้าม

“ไอ้เหี้ยภูมิ! มึงเงียบปากเดี๋ยวนี้!” หมอเอามือปิดปากภาคภูมิอย่างแรง

“ตรีมึงไหวรึป่าว” ไกด์เข้าไปดูดนตรีที่ร่างสั่นเทาไปทั้งตัว “มึงกลับไปก่อไป เดี๋ยวพวกกูจัดการไอ้ภูมิเอง”

ดนตรีสะพายกระเป๋าแล้วเดินเข้าไปใกล้ๆภาคภูมิ ก่อนที่จะพูดออกมาเบาๆ

“ขอโทษ...”

จากนั้นเขาก็รีบวิ่งเพื่อออกไปจากที่ตรงนี้ ภาคูมิใช้แรงแกะปิดที่ปิดปากตัวเองเอาไว้ออก

“มึงปิดปากกูเอาไว้ทำเหี้ยไรเนี่ย!”

“มึงยังจะมีหน้ามาถามมีนะไอ้ชาติหมา มึงดู! มึงดูสิ่งที่มึงทำลงไป!” ภาคภูมิกวาดสายตาดูเหล่าผู้คนที่มองมายังตัวเอง และเมื่อกี้ดนตรีเองก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกัน “มึงจะประกาศให้คนอื่นเค้ารู้ทำไม! ไอ้เหี้ย!”

“กู...ไม่ได้ตั้ง ก็กูรู้สึกเขิน”

“แล้วไอ้ตรีมันเขินกับมึงไหมห๊ะ ชิบ! ไอ้เหี้ยภาคภูมิมึงจะไปไหน!” พาคภูมิอาศัยจังหวะที่หมอคลายแรง สลัดให้หลุดจากการถูกล็อค เขารีบตรงไปทางที่ดนตรีวิ่งไปทันที “ไอ้...!”

หมอหมดคำพูดที่จะด่า จะตามไปก็คงไม่ทันเพราะงั้นก็เลยทำได้แค่เก็บกระเป๋าเอาให้ ภาคภูมิวิ่งตามด้วยความเร็วที่มากกว่าของดนตรี ทำให้เขาตามได้ไม่นานนัก

“ไอ้ตรีรอกูก่อน!”

แน่นอนว่าคำพูดคงทำไม่ได้ ภาคภูมิจึงเร่งฝีเท้าให้ไวขึ้นจนพอที่จะคว้าแขนของดนตรีเอาไว้ได้ แรงทำให้ดนตรีเสียหลัก โชคดีที่ภาคภูมิใช้อ้อมแขนรับไว้ได้ทัน ดนตรีเงยหน้าที่คราบน้ำเปรอะตรงแก้มขึ้น เขารีบผละออกจากภาคภูมิ แล้วให้แขนเช็ดน้ำตาอย่างแรงจนใบหน้าแดงก่ำ

“ตรี คือ.. กูขะ” ยังไม่ทันทีจะได้พูดเขาก็ถูกเสียงของดนตรีแทรกขึ้นมาก่อน

“ไม่ มึงไม่ต้องขอโทษ ฮึก.. กูผิดเองแหละ”

“ดนตรี...”

“กูขอถามอะไรมึงหน่อยได้ไหม..”

“...”

“มึงกับกูจะยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมได้รึป่าวว่ะ’

“...ทำไมมึงพูดแบบนั้นว่ะ”

“มึงก็รู้อยู่ว่าที่กูพูด...มันหมายถึงอะไร”

“เฮ้ย ทำไมพูดแบบนั้นว่ะ ถึงมึงจะเป็นอะไร มึงก็ยังเป็นเพื่อนกูเหมือนเดิมนั่นแหละ”

“กูขอโทษ...”

“ขอโทษ? ขอโทษเรื่องอะไรว่ะ?”

“ขอโทษที่กูเป็นแบบนี้...”

“…”

“ขอโทษที่กูรักมึง” การกล่าวโทษตัวเองของดนตรียังคงดำเนินต่อไปเรื่อย “ขอโทษที่กูเป็นเกย์! ขอโทษที่กูไม่เคยว่ากับมีงแค่เพื่อน! ขอโทษ...!”

เสียงของดนตรีหายไปเมื่อริมฝีปากเขาไปอาจขยับได้อีก เพราะมันได้ถูกประกบโดยคนที่อยู่ตรงหน้า ดนตรีตกใจมากเกินกว่าที่จะตอบสนองอะไร เมื่อภาคภูมิถอนริมฝีปากออก ดนตรีก็ยังคงยืนนิ่ง

“กูนึกไม่ออกว่าทำให้มึงหยุดพูดยังไง... ทีนี้มึงจะได้ฟังกูพูดบ้าง”

“...”

“มึงเป็นเพื่อนคนสำคัญของกู กูผิดเองที่พูดออกไปแบบนั้น กูก็แค่... เออ กูเขินน่ะ ที่มึงมาพูดกับกูตรงๆแบบนั้น”

“...”

“แต่ตอนนี้กูคงตอบรับรักของมึงไม่ได้จริงๆ...”

“มึงนี่มันเหี้ยจริงๆ ฮึก มาให้ความหวังกูแล้วก็มาหักอกกันแบบนี้”

“เออ ด่ากูมาเถอะ ...!”

คราวนี้เป็นดนตรีที่ประกบปากของภาคภูมิอย่างไม่ให้เขาตั้งตัว ก่อนที่จะผละออกมา น้ำตาของดนตรียังคงไหลอแกมาอยู่เรื่อย แต่มันต่างไม่จากเมื่อกี้

“กูจะถามมึงอีกครั้ง... กูกับมึงจะยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมอยู่รึป่าว”

“เหมือนเดิมสิ” ภาคภูมิยืนยันอย่างหนักแน่นให้สมกับชื่อจองตัวเอง

“แต่เพื่อนเขาไม่จูบกันหรอกนะ”

“ถือว่าจูบให้กับมิตรภาพของเราละกันนะ”

“หึหึ แล้วกูจะตัดใจจากมึงยังไงดีละเนี่ย ไอ้บ้า”

รอยยิ้มและเสียงหัวเราะปรากฎบนใบหน้าของดนตรีอีกครั้ง ดนตรีน่ะเหมาะกับรอยยิ้มและความสุขมากที่สุด

แต่สิ่งที่ภาคภูมิยังไม่เข้าใจนั้นก็คือจูบแรกที่เขา เผลอทำไปโดยไม่ได้คิดนั้น สรุปแล้วมันมีความหมายว่าอะไรกันแน่ มันใช่จูบเพื่อปิดปากอีกฝั้งจริงๆเหรอ...

...ใช้ความรู้สึกของเพื่อนจริงๆรึป่าว












 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด