ปราบผี ปลูกรัก - update บทที่ 4
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ปราบผี ปลูกรัก - update บทที่ 4  (อ่าน 1061 ครั้ง)

ออฟไลน์ Sub_yo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************

คุณคิดว่าการเกิดมาในครอบครัวที่ไม่เหมือนคนอื่น มันควรจะรู้สึกยังไง ?

อันที่จริงชีวิตผมมันก็ไม่ได้แตกต่างจากคนทั่วไปเท่าไหร่นักหรอก
ผมใช้ชีวิตเป็นปกติในทุกวัน นอน กิน เล่น ไปโรงเรียน มีเพื่อน ชกต่อย จีบสาวตามประสา
แต่มันมีอยู่เรื่องหนึ่งที่ทำให้ผมแน่ใจว่า ผมไม่เหมือนคนอื่นแน่นอน

ครอบครัวสุดหรรษา และตัวผมเองยังไงละ


ปราบผี ปลูกรัก
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-04-2022 00:27:10 โดย Sub_yo »

ออฟไลน์ Sub_yo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
Re: ปราบผี ปรับรัก - บทนำ (up 24/03/2022)
«ตอบ #1 เมื่อ24-03-2022 13:14:23 »

บทนำ



     “ฉันละ งง กับแกมากเลยวะ ไอ้กัส บ้านเราก็พิเศษกันทุกคน ทำไมแกผ้าหล่าผ่ากอ ไปได้”

     จะไปรู้เหรอครับ ได้แต่คิดในใจ ขืนพูดออกไป มีหวังขี้หูได้ไหลมารวมกันแน่นอน
     หึ ทำไมนะเหรอ
     ก็ไอ้คนที่พูดอยู่เนี่ย มันพี่สาวตัวแสบของผมเองแหละ

     “แล้วนี่แกเปิดเรียนเมื่อไหร่”
     “อาทิตย์หน้านะเจ๊”
     “เออ ไปเรียนแล้วก็ช่วยพัฒนาตัวเองให้สมศักดิ์ศรีกับบ้านตัวเองหน่อยนะ”
     “.....”
     “เข้าใจไหมเนี่ย!!!”
     “คร้าบบบ รู้แล้วคร้าบ แม่”
     “เดี๊ยะ ไอ้แม่ที่หน้า เดี๋ยวก่อน”


     พี่แกเล่นง้างมือซะ ตอบช้าอีกนิดสมองผมไหลแน่นอน ฟันธง....

     จะโหดไปไหนวะพี่กู ใจร้อนจริงจังเลยแม่คุณ แบบนี้ชาตินี้จะหาแฟนได้ไหมวะ

     โถ ชีวิต ไอ้กัส


     --- 1 อาทิตย์ต่อมา ---


     “กัส ไอ้กัส ทางนี้”
     “เออ”

     ไอ้นี่ชื่อ วาโย เพื่อนผมเอง ความจริงมันเรียนก็เก่งมากเลยนะ สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ได้สบายเลย แต่ไม่รู้มันคิดยังไง ถ่อ ตามมาเรียนที่นี่กับผมด้วย

     “มานานยังวะ”
     “ตั้งแต่ 6 โมงครึ่งอะ”
     “เชี้ย มาไวไปป่าววะ”
     “ขืนกูไม่รีบออกมาก่อนพ่อแม่กูตื่นนะ มีหวังได้จับกูล่ามกับเตียงไม่ให้กูออกมาแน่นอน”

     ทำไมประโยคมันฟังดู แหม่งๆ วะ

     “ก็ถูกของพ่อแม่มึงไหมวะ เรียนก็เก่ง ทำไมไม่ไปสอบมหาวิทยาลัยดีๆเรียน มาเรียนตามกูทำไม ถามจริง”
     “ก็มึงเพื่อนกู”
     “แล้วไง ถ้าเรียนคนละที่ มึงจะเลิกคบกูเป็นเพื่อนมางั้น”


     ผมส่ายหัวใส่มัน แต่กลับโดนมันตบหัวซะแทบคว่ำ แถมยังเอามือมาขยี้หัวให้ยุ่งไปหมด เป็นอะไรกันนักหนาวะกับหัวกูเนี่ย ที่เรียนไม่เก่งไม่ต้องสงสัย โดนตบแน่นอน


     “ผมยุ่งหมดแล้วไอ้นี่”
     “มึงมาเรียนเพราะมึงต้องการพัฒนาตัวเองถูกไหม”

     ผมพยักหน้า

     “แล้วก็ต้องการลบคำสบประมาทของ เจ๊มึง พ่อมึง แม่มึง”

     ผมพยักหน้า

     “ของชาวบ้านด้วย”
     “เออ....แล้วเรื่องกู มันไปเกี่ยวอะไรกับมึงวะ กูยังงง”
     “ไม่เกี่ยว”
     “โอ้ย ไอ้ยนี่”
     “ใจเย็นดิวะ”
     “.....”
     “ก็มึงเป็นเพื่อนกู กูต้องอยู่เคียงข้างมึง สนับสนุนมึง ช่วยเหลือมึง เป็นเพื่อนมึง”
     “แค่นี้?”

     มันทำท่าส่ายหัว แถมยังทำหน้าได้หน้าถีบมาก

     “No No No มึงก็รู้ว่ากูชอบเรื่องพวกนี้ อยากรู้อยากลอง อยากเก่ง อยากเป็นอาจารย์”
     “.....”
     “พอกูเก่ง กูเป็นอาจารย์ก็จะมีคนนับหน้าถือตา ไปไหนมาไหนก็จะมีคนยกมือไหว้ตลอด ไม่ว่าจะลูกเล็กเด็กแดง คนเฒ่าคนแก่ วัยรุ่นหนุ่มสาว โดยเฉพาะสาวๆ นะ จะต้องมีเข้ามามากมายแน่นอน”


     โถ ไอ้หอกหัก กูก็นึกว่ามึงคือเพื่อนแท้ หลงฟังทำไมวะเนี่ยกู

     อยากจะถีบให้หน้าหงายซะจริงๆ

     กูละไม่เข้าใจมึงจริงๆ ไอ้โรงเรียนนี้มันน่าเรียนน่าสนใจสำหรับมึงตรงไหนวะ ถ้ากูไม่จำเป็นนะ ไม่มาหรอกบอกเลอออ

     พูดจบเงยหน้าเบิ่งสถานที่ตรงหน้าอย่างเต็มตา นับจากนี้ชีวิตน่าจะมีอะไรตื่นเต้นเข้ามาอีกเยอะ

     สัมผัสที่ห้ามันบอกโผมมมม



     Ghost Hunter School
   


ออฟไลน์ Sub_yo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
บทที่ 1 มันๆ วัยรุ่นคุยกัน



     “เปอร์....เปอร์.....ไอ้เปอร์ มึงดูสองคนนั้นดิ  กระหนุงกระหนิงอย่างกับแฟนกันเลยวะ”
     “......”
     “แต่คนเสื้อขาวน่ารักดีวะ”


     “สวัสดีครับนักศึกษาทุกท่าน ผมอาจารย์เกียรติเป็นอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียน Ghost Hunter แห่งนี้ ผมคิดว่าทุกคนที่ตั้งใจมาเรียนที่นี่รู้อยู่แล้วว่าโรงเรียนของเราเป็นโรงเรียนที่สอนเกี่ยวกับอะไร ซึ่งผมคงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก ในเนื้อหาของการเรียนอาจารย์ผู้สอนที่รับหน้าที่ดูแลนักศึกษาในแต่ละชั้นเทอมจะเป็นผู้อธิบายพวกคุณทีหลัง

     ผมจะขอแนะนำในส่วนของโรงเรียนแล้วกัน เรามีอาคารเรียนก 2 อาคารสำหรับคนที่เรียนเทอม 1 และ 2 ใช้ตึก A ด้านขวามือของพวกคุณ ตึก B ทางด้านซ้ายมือสำหรับคนที่เรียนเทอม 3 และ 4 พวกเราจะเรียกคนที่เรียนเทอม 1และเทอม 2 ทุกคนว่าคลาส B จนเมื่อพวกคุณผ่านการทดสอบไปถึงเทอม 3 ได้ พวกคุณจะกลายเป็นคลาส A และ ในเทอมสุดท้ายคือคลาส S

     อาจารย์ที่โรงเรียนมีทั้งหมด 5 คน รวมถึงผมด้วย อาจารย์ริณ ผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่และอาจารย์ภาคทฤษฎี”


     อาจารย์เริ่มแนะนำอาจารย์ท่านอื่นโดยเริ่มจากซ้ายมือ อาจารย์สอนภาคทฤษฎี เป็นอาจารย์ผู้หญิงหน้าตาหมวยๆ น่ารัก ชื่ออาจารรย์ริณ ถัดไปอาจารย์ภักดี ถ้าไม่เห็นว่าแกยืนอยู่ที่โรงเรียนสอนเรื่องผี เรื่องวิญญาณ ผมอาจหลงคิดไปได้ว่าแกเป็นพวกอาจารย์วิทยาศาสตร์ชอบทดลองสิ่งประดิษฐ์ติ๊งต๊อง
     อีกฝากเป็นอาจารย์สมบัติ ชื่อนี้เข้ากับแกจริงๆ นึกว่าสมบัติ เมทะนีมาเอง แล้วก็อาจารย์รัชนก นี่ก็คมเข้มไม่แพ้กัน สอบภาคปฏิบัติและภาคสนาม


     “และตัวผมเองอาจารย์เกียรติสอนภาคปฏิบัติและภาคสนาม แต่ตอนนี้ผมไม่ค่อยได้ลงสอนเท่าไหร่หรอกถ้าไม่จำเป็นอะนะ นักศึกษาทุกคนน่าจะได้รับเข็มกลัดแล้วตั้งแต่วันที่พวกคุณมาสมัคร ตลอดที่คุณอยู่ในโรงเรียนขอให้ติดเข็มกลัดไว้ที่หน้าอกเพื่อที่เราจะได้รู้ว่าพวกคุณอยู่คลาสไหน”


     โห เหมือนจะไม่เคร่งก็เคร่งเหมือนกันนะเนี่ย


     “อย่างที่พวกคุณรู้ โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนทางเลือกที่เปิดถูกต้องตามกฎหมาย พวกคุณจะได้ใบรับรอง ใบประกาศนียบัตร แต่มันไม่สามารถใช้สมัครงานได้ พวกคุณสามารถใช้วิชาความรู้ที่เรียนมาไปประกอบอาชีพของตัวเองได้ แต่ทางโรงเรียนไม่รับรองว่าคุณจะทำมาหากินขึ้นกับวิชาความรู้ที่คุณได้เรียนไปไหม"

     “ห๊ะ”
     “วอชชช”

     แล้วเสียงพูดคุยยังดังต่อเนื่องไปอีกสักพัก

     “ฮะ...แฮ่ม”
     “.....”

     “ตามหลักสูตร และนโยบายของโรงเรียน เราได้ประกาศชัดเจนแล้วว่า เป็นการเรียนการสอนเพื่อเปิดกว้างทางทัศนคติและเพื่อเป็นความรู้เท่านั้น เพราะฉะนั้นคุณอยากจะเรียนจนจบเพราะไม่มีอะไรทำ หรือ คุณอยากถอนตัวออกกลางทางไม่มีใครว่าหรือบีบบังคับคุณได้ทั้งนั้นมันคือสิทธิของพวกคุณ หรือหลังจากจบไปแล้วคุณจะใช้ความรู้ที่เรียนมาไปทำมาหากินนั่นมันก็เรื่องของพวกคุณ จะถูกหรือผิดกฎหมายมันก็เรื่องของพวกคุณเหมือนกัน การกระทำของพวกคุณรับผิดชอบกันเอาเอง แต่ผมขอเตือนพวกคุณไว้อย่างเดียวการกระทำอยู่ที่ตัวเองใครไม่รู้แต่ตัวเรารู้”


     นั่นคือการแนะแนวของอาจารย์ในวันแรก


     “โห อาจารย์แม่งพูดโคตรเก่งอะ แนะแนวทีล่อไปครึ่งวัน ดีนะอยู่ในอาคารเลยไม่ร้อน”
     “ขี้บ่นจังวะ”
     “หรือมึงไม่คิด ไอ้กัส”

     อาจารย์ดูแลพวกคลาส B อย่างผมคืออาจารย์ริณ หลังจากต้องฟังอาจารย์ใหญ่พูดเมื่อเช้า นี่ต้องมาฟังอาจารย์ประจำคลาสแนะแนวต่อ

     โอ้ ก๊อดดดดดดดดดดดดดด

     อาจารย์ริณบอกว่าพวกคลาส B อย่างพวกผมเราจะเรียนแต่ทฤษฏีกันตลอดเทอม 1 แต่เมื่อขึ้นเทอม 2 จะเรียนทฤษฎีกับปฎิบัติควบคู่กันไป แต่ผมได้ยินคนเขาเม้ากันว่าพอขึ้นเทอม 2 ไปไอ้ที่เห็นเรียนกันเยอะๆ อย่างเนี้ยก็เริ่มลดลง ยิ่งเทอม 3 เหลือไม่ถึง 10 คนซักกะเทอม


     “ไอ้กัส มึงว่าเราจะอยู่จนครบ 1 เทอมไหมวะ”
     “อ้าวไอ้นี่ปากหมา ครบดิวะ แต่ถ้ามึงกลัวอยากจะเปลี่ยนใจยังทันนะ”
     “ไม่เว้ยยย กูจะอยู่กับมึง”


     เฮ้อ กลัวผีแต่มาเรียนโรงเรียนผี กูละกลุ้ม

   
     นักศึกษาที่นี่มีไม่มาก ยิ่งเรียนมาก่อนยิ่งเหลือน้อย จากที่ดูก็ เด็กใหม่อย่างพวกผมกะด้วยสายตาน่าจะ 30-40 คน พวกเทอมสองคร่าวๆก็ไม่เกิน 25คน ที่เหลือก็พวกเทอม 3 กับ 4 ให้เด็กอนุบาลนับก็นับได้ 10 ถ้วนพอดิบพอดี

     “สวัสดีค่ะนักศึกษาทุกท่าน ดิฉันอาจารย์ริณนะคะ รับหน้าที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของพวกคุณในเทอมนี้ ซึ่งวิชาที่เราจะเรียนกันในเทอมนี้มี 2 ทฤษฎีเท่านั้น โดยอาจารย์กับอาจารย์ภักดีรับหน้าที่สอนพวกคุณ”

     หลังจากนั้นอาจารย์ก็ใช้เวลาอีกครึ่งชั่วโมงในการแนะนำการเรียนการสอน

     โดยอาจารย์ริณจะสอนทฤษฎีว่าด้วยสิ่งที่เรียกว่าวิญญาณ วิญญาณคืออะไร พลังงานวิญญาณมาจากไหน ลักษณะ ประเภท นิสัย ของวิญญาณแต่ละประเภท รวมถึงความสามารถของวิญญาณ

     ผมก็เพิ่งรู้ว่าวิญญาณก็ต้องจำแนกแยกแยะเหมือนกัน
     ส่วนอาจารยภักดีสอนเรื่องการทำความรู้จัก การเข้าหา วิญญาณในทุกรูปแบบ
     ถามจริง ผมต้องเข้าหาวิญญาณด้วยเหรอวะ ในเมื่อผมอยากจะกำจัดทิ้ง

     “ก่อนอื่น อาจารย์ขอทำความรู้จักพวกเธอก่อน...”

     มนัส – ครับ
     รจนา – ค่ะ
     มนัสวี – ค่ะ
     อุดม – ค่ะ
     .
     .
     .
     กฤตภูมิ – ครับ
     นพพล – ครับ
     กองทัพ – ครับ
     วาโย – ครับ

     “หูยยยยยยยยย ชื่อน่ารักอะ แต่ไม่เข้ากับหน้าเท่าไหร่นะ” ผมหันไปมองไอ้สามคนด้านหลัง ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ ผมได้ยินพวกมันแซวผมกับไอ้โยตั้งแต่อยู่ในแถวตอนเช้า

     “และคนสุดท้ายของห้อง ปิโยรส ชื่อเพราะนะ ความก็ดี ปิโยรส  ลายอันเป็นที่รัก ท่าทางพ่อแม่จะรักมาก ไหนยืนขึ้นให้อาจารย์ดูหน้าหน่อยซิ”

     ทำไมต้องเป็นคนสุดท้าย แถมยังต้องมาทำอะไรที่เป็นจุดสนใจอีกเนี่ย

     “ครับ”

     “ชื่อโคตรเพราะอ่า น่ารักด้วย”
     “เออจริง ใช่ไหม ใช่ปะ เนอะๆ ไอ้คุณกองทัพ”
     “เสียงดัง เงียบปากได้แล้ว”

   

     เจอพวกปากหมาจนได้ ไม่ว่าจะไปที่ไหนคนเรามักจะพบเจอคนใหม่ๆ ตลอดเวลา ในบรรดาคนเหล่านั้นก็มีคนหลายประเภท หนึ่งในคนหลายประเภทก็จะมีคนประเภทนี้อยู่เสมอ

     พวกปากหมา...

     ไอ้โยก็ดูท่าจะไม่ชอบเท่าไหร่ ก็โดนแซวไม่หยุดซะขนาดนั้น

     "ไอ้พวกนี้มันจะตามก่อกวนไปไหนวะ ในบรรดา 3 คนนั้นมีไอ้หน้าหล่อดูแล้วน่าคบอยู่คนเดียว ไอ้สองตัวที่เหลือ โดยเฉพาะไอ้อปป้าขี้เก๊กนั่นแม่งน่าโดนจึ้งซะจริงๆ"
     "อปป้า? แล้วอะไรของมึงวะ จึ้ง?"
     "มีงนี่ไม่เข้าใจภาษาวัยรุ่นเล้ยยย จึ้งอะจึ้ง ก็แบบแทนทุกอย่างอะ"
     "ยังไงวะ?"
     "ก็แบบแทนที่จะพูดว่า เดี๋ยวเตะเลย เดี๋ยวโดนตบเลยเดี๋ยวโดนโน่นนี่นั่น ก็พูดคำเดียว จึ้ง จบ เข้าใจ๋"
     "มึงจะพูดอะไรให้เข้าใจยากวะ"
     "กูว่าที่เข้าใจยากอะ คือมึงมากกว่า"
     "แล้ว อปป้า ใครวะ"
     "ก็ไอ้หน้าขาว ใส่ตุ้มหูข้างเดียว เขียนขอบตาดำ นั่นไง นึกว่าเป็นอปป้าเกาหลี หลุดมาจากไหนวะ"

     อ๋ออออ อปป้าคนนั้นน่าจะหมายถึงคนขวาสุด ถัดไปใส่แว่นดูวิชาการเต็มที่ ริมสุดนั่นน่าจะหมายถึงไอ้หน้าหล่อที่ไอ้โยพูดถึง
หล่อตรงไหนวะ กูหล่อกว่าอีก

     "มองอะไรไอ้กัส"
     "ป่าวววว"
     "แน่ใจ?"

     แหนะ ยังมาทำตาเหลือกใส่กูอี๊กกก

     "ทำไม มึงมีปัญหาอะไร"
     "ก็ปกติมึงไม่ค่อยสนใจใครนี่หว่า ขนาดเดินสวนผ่านหน้ามึงยังไม่ได้มองเขาเลย"
     "รู้ดีนักนะมึง"
     "แน่น้อนน แล้วสรุปมึงมองอะไร"
     "กูก็แค่มองพวกนั้นตามที่มึงพูดแค่นั้นเอง เห็นมึงสาธยายว่าคนนั้นหล่อ คนนั้นน่าคบ ไม่น่าคบ มึงไปรู้เขาได้ยังไง"
     "หึ....ไม่รู้"
     "เอ้า"

     มันกอดคอผมแล้วทำหน้าเจ้าเล่ห์ ก่อนจะกระซิบข้างหูว่า

     "ก็กูหล่อไง คนหล่อเหมือนกันดูกันออกเว้ย"
     "โว๊ะ บ้าบอ"

     หลังจากต้องทนฟังอาจารย์บรรยายตลอดครึ่งเช้า ตกบ่ายพวกผมต้องเริ่มเรียนรู้ไปกับบทเรียนว่าด้วยเรื่องวิญญาณ ซึ่งต้องบอกว่า โคตรยากกกก วิญญาณบ้าบออะไรวะ ทำไมมันต้องแยกแยะให้วุ่นวานด้วย เล่นเอาซะมึนตึบ


     "ไอ้กัส
     .

     ไอ้กัส
     .

     ไอ้กัส"

     "โอ้ย มึงจะเรียกอะไรนักหนาวะ ไม่กินหรือไงข้าว"
     "กิน แต่กูอยากอ้วก หือออออ ทำไมมันยากกว่าฟิสิกส์ เคมีอีกว้าาา"
     "กูบอกแล้ว กลับไปเรียนมหาวิทยาลัยตามที่พ่อแม่มึงต้องการไหม"
     "ไม่!!!"


     "เด็กวะ"

     เอาล้าวววว


     "อะไรของพวกมึงวะ มีปัญหาอะไร"
     "ป่าวววว"
     "กูไม่เชื่ออะ มันต้องมีอะ"
     "เอ้า ก็บอกว่าไม่มีไง มึงคิดไปเองเปล่า"
     "ถ้าไม่มีอะไร แล้วทำไมพวกมึงถึงชอบแซวพวกกูกันจัง"
     "ก็เห็นว่าน่ารักดี ก็เลยอยากขอเป็นเพื่อนด้วยก็แค่นั้น"
     "อยากเป็นเพื่อน? ก็เดินมาคุยกันดีๆดิ เที่ยวเห่าแซวชาวบ้านเขาไปทั่ว เป็นหมาหรือไง"
     "อุ้ยยยย"

     เวลาไอ้โยมันไม่สบอารมณ์ ปากมันจัดยิ่งกว่าผู้หญิงอีก ขนาดผมบางทียังไม่รอด
     ผมเลยเลือกที่จะเงียบ เพื่อนไอ้อปป้าอีกสองคนก็น่าจะรู้ทาง เพราะมันก็เงียบไม่พูดไม่จาเหมือนกัน
     แต่ว่าทำไมผมรู้สึกร้อนหน้าผ่าวๆ เหมือนถูกจับจ้องยังไงก็ไม่รู้วะ ผมเลือกที่จะไม่ทน เลยดึงมือไอ้โยแล้วเตรียมจะลากมันออกมา
 
     "โย พอ ไปเหอะ"
     "ไม่ ถ้ากูยังไม่เคลียร์กูไม่ไป"

     นั่นไง ไอ้นิสัยนี้มาอีกล้าวววว

     "อยากเคลียร์อะไรกับผมหรือครับ"
     "ไอ้กฤตมึงพอได้ละ อยากขอเขาเป็นเพื่อนก็บอกเขาดีๆซิ ไม่แกล้งเขาทำไม"
     "กูพูดดีแล้วนะ แต่เขาอะพูดไม่ดี มึงดูซิ"

     โอ้ยยย กูเพิ่งเคยเห็น ผู้ชายสูง 170 ใส่เสื้อหนังกางเกงยีนส์ ทำตัวอ้อนเพื่อนน

     มายก๊อดดด

     "ว่ายังไงครับ พวกผมจะขอเป็นเพื่อนกับพวกคุณได้ไหม?"

     เป็นไอ้หน้าหล่อที่ถามออกมา แล้วทำไมต้องมาจ้องหน้าผมเหมือนรอคำตอบแบบนั้นด้วยละ ควรจะถามไอ้โยไม่ใช่เหรอ

     "ว่ายังไงครับ"

     มันยังคงถามมองหน้าผมและถามคำถามเดิม
     ไม่ กูจะไม่ตอบ ไม่พูด กูจะเงียบ ข่มใจไว้ไอ้กัส

     ขะ......

     "เออ เป็นก็เป็นซิ พูดกันดีๆ แบบนี้ก็จบไม่นานแล้ว"


     เชี้ยยยยยย ไอ้โย ไอ้เพื่อนเลว กูก็เห็นทำเสียงแข็ง หัวแข็ง กูก็นึกว่ามึงจะไม่เอาด้วย
     เสือกตอบตกลงเขาซะง่ายแบบนั้น


     "ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ผมเปอร์"
     .

     "นพ"  มันบอกชื่อพร้อมกับก้มหน้ามองลอดแว่น นี่มึงอายุ 20 เองนะ ทำไมทำตัวเป็นลุงละวะ
     .

     "ผมกฤตสุดหล่อ"
     .

     "หล่อตายอะ....กู โย"
     .
     .

     "เอ้า ไอ้กัส ก็บอกชื่อเขาไปซิ ยืนบื้ออยู่ได้"


     นี่มึงอารมณ์ค้างช่ะ?


     แต่กูได้ยินว่ามึงบอกชื่อกูไปละนะ


     "เออ กู ออกัส"


     สุดท้ายผมก็ต้องเออออห่อหมก ตามไอ้โยไป เจ็บใจตัวเอง เห้อออออออออ
   

ออฟไลน์ Sub_yo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
บทที่ 2 เดินหน้าหาผี


     1 เดือนของการเข้าเรียนที่ Ghost Hunter ใครว่าชิว ไม่มี๊...........
     นอกจากเหนือหาที่เรียนในห้องเรียน อาจารย์ยังชอบให้การบ้านกลับไปทำ เท่านั้นยังไม่พอ ให้ไปทดลองอะไรแผลงๆ ได้ตลอด อย่างเช่น หวีผมหน้ากระจกตอนเที่ยงคืน หรือจะเป็น ก้มมองลอดใต้หว่างขา หรือจะเดินเข้าวัด ผ่านสุสาน ไม่ก็เมรุ ตอนกลางคืน ซึ่งทุกอย่างจะต้องมีการถ่ายรูประหว่างทำด้วย

     ไหนว่าแค่เรียนทฤษฎีไงครัช 
     
     และที่พีคสุด คือ การบ้านล่าสุดนี่ละครับ และมันกำลังจะสร้างปัญหาให้กับผม

     “ให้นักศึกษาจับกลุ่ม กลุ่มละ 5 คนนะคะ ให้พวกคุณไปหาสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง จะที่ไหนก็ได้ขึ้นอยู่กับพอใจของพวกคุณเลย งานชื้นนี้คือพวกคุณจะต้องทำการทดลอง ติดต่อสื่อสารกับดวงวิญญาณ และคุยกับพวกเขา คุยให้รู้ให้ได้ว่า ทำไมเขาถึงตาย ตายยังไง และทำไมถึงยังติดอยู่ที่นั่น ต้องการความช่วยเหลืออะไรไหม”

     ว๊อชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชชช ?

     อาจารย์ถามผมไหม ว่าผมอยากรู้หรือเปล่า ที่ต้องการความช่วยเหลือน่าจะเป็นพวกผมมากกว่า
     เฮ้อ

     “ตื่นเต้นวะ”
     สงสัยจะเป็นผมคนเดียว
     “ออกสนามครั้งแรก จะเจออะไรบ้างวะเนี่ย โคตรตื่นเต้นเลย เนอะ ไอ้กัส”
     “พวกเราต้องเตรียมอะไรไปบ้างวะ”

     เสียงไอ้โยกับไอ้กฤตกำลังสุมหัวคุยกัน ใช่ครับ ได้ยินไม่ผิดหรอก จับกลุ่ม 5 คน พวกผมกับไอ้พวกกวนประสาทรวมก็ 5 คนพอดี จะบอกว่าบังเอิญมาจับกลุ่มเพราะอาจารย์สั่งก็ไม่ใช่

     เพราะตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน พวกเราก็มาอยู่ด้วยกันไปโดยปริยาย จากที่บ้าบออยู่แล้ว ยิ่งบ้าบอหนักไปกว่าเดิม โดยเฉพาะไอ้สองตัว ไอ้โยกับไอ้กฤต นี่ถ้าใครคนใดคนหนึ่งเป็นผู้หญิงนะ กูว่าท้องไปละ

     “ไอ้กัส เป็นอะไรทำหน้าเหมือนปวดขี้”
     ไอ้นี่ก็อีกคน เห็นท่าทางขรึมๆ สาวๆ ในห้องเรียนก็ปลื้มอกปลื้มใจกับมันเหลทอเกินแต่ไม่รู้ทำไมวุ่นวายชอบสาระแนกับกูจัง
 
     “ไม่ได้เป็น”
     “จริงเหรอ”
     “...................”  มันเริ่มละ เริ่มจะกวนตีนอีกละ
     “อะ คาปูชิโน่ ของชอบของมึง”
     “เออ ขอบใจ ว่าแต่บ้านมึงรวยมากหรือไง ชอบทำตัวป๋าซื้อน้ำมาให้ตลอด”
     “ใครบอกว่าให้กินฟรี”
     “................”
     “นิดหน่อย”
     “................”   กวนตีน!!!
     “เออ แดกไปเหอะ”

     ถามจริง คนอย่างมันเอาตรงไหนมาขรึมน่าค้นหาวะ นอกจากจะทำตัวเจ๊าะแจ๊ะแล้วยังกวนตีนได้โล่ห์ แล้วความกวนตีนของมันเหมือนโรคติดต่อ มันเริ่มเมื่อไหร่ มันจะมีตามมาด้วย

     5

     4

     3

     2

     1

     “แหมมมมมมมมมมมมมมมมมม ไอ้เพื่อนเปอร์ มีแต่ของไอ้กัสเหรอวะ ยังไง ยังไง ครับมึงงง”
     หึ หึ ทำไมกูแทงหวยไม่ถูกวะ  เออเพราะกูไม่ได้ซื้อ ห่วยยย
     “ลาเต้ของมึง นมเย็นไอ้โย ช๊อคโกแลตไอ้นม จบไหม”
     “ครับเสี่ยเปอร์”

     ตุบ  เสียงไททันตัวเขื่องทิ้งน้ำหนักลงที่เก้าอี้

     “ตัวก็ใหญ่ ไปนั่งที่อื่นได้มะ จะมาเบียดอะไรตรงกูเนี่ย”
     “สรุปเลือกกันได้หรือยังว่าจะเอาที่ไหน”  แหนะ สนใจคำพูดที่ไหน
     “ป่าช้าวัดแถวบ้านกูไหม เคยได้ยินว่ามีคนเห็นผีออกมาหลอกคนแถวนั้นบ่อยๆ” ความคิดไอ้โย
     “มึงบ้าหรือเปล่าเตี้ย ป่าช้านะไม่ใช่พารากินมึงคิดว่าพวกผี พวกวิญญาณจะเดินออกมาให้มึงเลือกสวยๆงามๆ หรือไง”
     “ก็ต้องไปหาผี ที่นี่ก็มีผีให้มึงเลือกเลยไง”
     “แล้วมึงคิดว่า ถ้ามันมากกว่า 1 ตัว มึงจะยังยืนเฉยๆคุยกับมันได้หรือไง”
     “เออวะ”

     ความคิดนี้โดนไอ้กฤตตีตกไป

     “โรงพยาบาลร้างแถวชานเมืองไหม ที่ยูทูปเบอร์พวกล่าท้าผีชอบไปกันอะ”
     “เดี๋ยวอย่าบอกนะที่เพิ่งมีคลิปวิ่งหนีผีเกือบโดนรถชนตายกันไปอะ”
     “ใช่”
     “มึงจะบ้าเหรอไอ้ตี๋ ไม่เห็นหรือไงแต่ละคนที่ไปสภาพตอนกลับเป็นยังไง มึงคิดว่าพวกเราจะรอดไหม” ความคิดไอ้กฤตโดยไอ้โยโตกลับไปหนึ่งดอก
     “บ้านร้างในหมู่บ้านกูไหม”

     ------------ เงียบ -------------

     อยู่ดีๆ ความเงียบก็เกิดขึ้น ทุกคนหันไปมองไอ้ยักษ์ไททันที่นานทีจะออกความคิดเห็นหลังจากที่ผ่านมามันอะไรก็ได้ ไม่เคยขัดคนอื่น แต่ทำไมไอ้สองตัวเพื่อนมันต้องมองหน้าตาโตแบบนั้นวะ

     “บ้านร้าง ที่หมู่บ้านมึง ที่มึงเคยชี้ให้พวกกูดูนะเหรอ”
     ไอ้เปอร์พนักหน้าตอบรับ
     “เชี้ยยย อย่างหลอนเลยนะ เอาจริงดิ”
     “ทำไมพวกมึงเคยเจอเหรอ เล่าให้ฟังบ้างดิ” คราวนี้เป็นผมเองที่เกิดอากรู้อยากเห็นขึ้นมาถึงจะกลัว แต่ก็ชอบฟังนักไม่รู้ทำไม
     “ไม่เสือกซิ”
     “อ้าว ไอ้เซ่อ ไอ้ปากหมา”
     “กูชื่อเปอร์ เอาซักชื่อไหม เรียกจนกูไม่รู้ละว่าเรียกกูหรือเรียกใคร”
     “ดีแล้วที่กูไม่เพิ่มยศฐาบรรดาศักด์ให้มึง อยากได้ไหมละ”
     “โหดร้ายวะ”

     เหอะ ผมดึงหน้าใส่มัน ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาทำให้ผมได้รู้อะไรมากขึ้น
     เหี้ย ยกกลุ่ม  ไม่มีตัวไหนดีซักคน

     “เออ กำลังจะบอกอยู่นี่ ใจเย็นดิคร้าบ ตั้งใจฟังกันละ……..ไอ้นพ........เล่า”

     โธ่ ไอ้หอกหัก โยนขี้ให้คนอื่นซะงั้น
     ไอ้นพจับเก้าอี้ขยับให้นั่งในท่าทางที่พอเหมาะ เสร็จแล้วเลื่อนมือมาขยับแว่นจากปลายจมูกจนชิดขอบตา ท่ามากแม่งทุกคนเลยวะ มิน่าถึงเป็นเพื่อนกันได้

     “เรื่องมีอยู่ว่า....ประวัติของบ้านหลังนั้นเมื่อก่อนเป็นครอบครัวครู อยู่กัน 3 คน พ่อ แม่ ลูก ทั้งพ่อและแม่เป็นครูทั้งคู่ ส่วนลูกสาวอยู่ ม.6 เรียนเก่งมาก มีอนาคตดีเป็นความหวังของครอบครัว ที่จะได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยดีๆ มีอาชีพการวานที่ดี แต่อยู่มาวันหนึ่ง อยู่ดีๆ ลูกสาวก็มาหายตัวไป ไม่มีใครรู้ว่าหายไปไหน ไปกับใคร หายได้ยังไง ครอบครัวทั้งแจ้งความทั้งจ้างนักสืบเอกชนให้ตามหาก็หาไม่เจอ เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ผัวเมียที่รักกันดีก็เริ่มทะเลาะกันโทษกันไปกันมา สุดท้ายความตึงเครียดที่สะสมมาเรื่อยก็ทำให้คนเป็นพ่อก่อโศกนาฏกรรมขึ้น ใช้ปืนจ่อยิงแม่ที่หน้าอก ผู้เป็นแม่ก็พยายามกระเสือกกระสนคลานหนีมาจนเกือบถึงหน้าบ้านก็โดนยิงที่หลังอีก 2 นัดจนเสียชีวิตในที่สุด และพ่อเองก็ตัดสินใจยิงกรอกปากตัวเองตายตามไป ลูกก็หาไม่เจอ พ่อแม่ก็ตาย ญาติพี่น้องทั่งสองฝ่ายเข้ามาจัดการเรื่องบ้านก็โดนหลอกหลอนไม่มีใครกล้ามายุ่ง พอจะปล่อยให้เช่าก็ไม่มีใครอยู่ได้ยาวซักราย มากสุดก็ไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ก็ย้ายออกหนีกันไปหมด จะขายก็ไม่มีคนซื้อเพราะกิตติศัพท์ที่ร่ำลือ สุดท้ายบ้านกลายเป็นบ้านร้างจนถึงทุกวันนี้”

     “หลอนสัดอะ พวกมึงเคยเข้าไปไหม”
     “หึ ไม่เคยอะ”
     “อ้าววว”
     “แค่เดินผ่านหน้าบ้านยังหลอน มึงคิดว่าพวกกูจะหาเรื่องใส่ตัวไหม”
     “แล้วนี่มึงคิดยังไงถึงมาเสนอที่นี่วะเนี่ย แค่ฟังยังหลอนขนาดนี้ ถ้าเข้าไปจะไม่เป็นไรเหรอวะ” ผมถามออกไป เอาจริงคือ ผมกลัว บอกตรงๆ เลย
     “ก็คราวนี้คนเยอะดี ผีอาจจะไม่กล้าออกมาหรอกมั้ง” นี่คือเหตุผลของมึงเหรอครัชไอ้ยักษ์ไททัน เวร....
     “แต่กูก็ว่าน่าสนใจนะ” หนะ ไอ้โยเสล่อออกความคิดอีกละ มึงนะคนแรกที่จะวิ่งหนี

     “โอเค งั้นตกลงว่าเป็นที่นี่นะ วันเสาร์นี้เจอกันที่บ้านไอ้เปอร์ ส่วนพวกมึงสองคนเดี๋ยวกูส่งโลเคชั่นไปให้” ไอ้กฤตสรุปเสร็จสรรพแบบไม่ถามสุขภาพกูซ้ากคำ


     วันเสาร์

     “ออกัส จะไม่ไหนอะลูก”
     “ไปกับเพื่อนที่โรงเรียนครับ”
     “วันนี้มีเรียนเหรอลูก”
     “เปล่าแม่ วันนี้พวกผมต้องไปทำการบ้านที่อาจารย์ให้ไว้เป็นงานกลุ่มนะครับ”
     “อ๋อ กับเพื่อนใหม่เหรอลูก แล้วโยละ”
     “มันก็ไปด้วยแหละแม่ แล้วก็เพื่อนใหม่อีก 3คน”
     “เหรอ แม่อยากรู้จักเพื่อนใหม่ของลูกจัง ว่างก็พามาเที่ยวบ้านเราบ้างนะ”

     แหะๆ ได้แต่ยิ้มเฝื่อนๆ เอาไว้ให้ผมพร้อมก่อนน้า

     “ไว้มีโอกาสนะแม่นะ”

     โยขับรถมารับผมแล้วพากันไปบ้านไอ้เปอร์ตามโลเคชั่นที่กฤตส่งมาให้ แค่ทางเข้าบ้านก็บ่งบอกถึงฐานะทางบ้านได้อย่างดี
 
     “โห นี่ประตูเข้าหมู่บ้าน หรือทางเข้าสวนสนุกวะ”
     “ทำไมวะไอ้โย”
     “ก็มึงดูอลังการซะขนาดนี้จนกูคิดว่า กำลังเข้าดรีมเวิลด์”
     “ก็ขยันเปรียบเทียบเนอะ 555”

      ทางเข้าบ้านไม่ซับซ้อนอะไร โคตรจะหาง่าย มองเข้าไปสุดซอยของถนนหมู่บ้านบ้านมันตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงนั้นเอง บ้านหลังสุดท้ายของโครงการ พื้นที่และบ้านใหญ่ที่สุดในโครงการ ไม่ใช่ว่าหลังอื่นไม่ใหญ่ก็ใหญ่โตไม่แพ้กันหรอก แต่รู้สึกว่าบ้านส่วนในสุดของหมู่บ้านจะดูใหญ่กว่าปกติ แล้วในโครงการมีแค่ 20 หลังเท่านั้น ไม่เรียกรวยแล้วเรียกอะไรวะ

     “ข้างหน้าไอ้โยข้างหน้า จอดตรงนั้นเลย”
     “ครับเจ้านาย จัดให้ครับ”

      ไอ้โยขับเข้าไปจอดรถหน้าบ้านต่อจากรถ Civic ของไอ้กฤต พวกผมถือวิสาสะเดินเข้าไปในบ้านเองเพราะเจ้าของบ้านไม่ยอมอกมารับ

     “โห ไอ้เปอร์บ้านมึงแม่งโคตรใหญ่อะ หมู่บ้านคนรวยนี่หว่า”
     “บ้านกูที่ไหน บ้านพ่อแม่กูโน่น กูก็แค่อาศัยอยู่”
     “มึงก็พูดไป ยังไงซะของพ่อแม่ก็เป็นของเรา”
     “ไม่อะ คนอย่างกูไม่เกาะพ่อแม่กิน กูชอบหากินเอง”

     “พวกมึงสองคนเลิกเถียงกันได้แล้ว มาคุยงานต่อให้เสร็จๆ มันจะได้ไม่มืดเกินไป”

     ผมต้องเบรคพวกมันทั้งคู่เพราะคนอย่างไอ้โยลองได้เถียงแล้วมันจะหยุดไม่อยู่

     “เอ๋อ...”

     .

     .

     ”เอ๋อ”

     .

     .

     “ไอ้เอ๋อ”

     ผมหันซ้ายหันขวา อยู่ดีๆ มันก็เรียกใครไม่รู้ หรือมันคุยกับกุมารวะ บ้านสมัยใหม่แบบนี้ หน้าตาแบบมันไม่น่าเลี้ยงกุมารเลยนะ หรือ พ่อแม่มันเลี้ยง ???

     “มองอะไร”
     “มึงเรียกใครอะ” ผมยังหันซ้ายหันขวามองหาอยู่ว่ามันเรียกใคร  “บ้านมึงเลี้ยงกุมารเหรอ”
     “กุมารไรของมึง”
     “แล้วมึงเรียกใครละ”
     “มึงไง.....”

     หืม.............................

     “กู?” มันพยักหน้า
     “มึงบ้าปะเนี่ย ชื่อกูมีไม่เรียก”
     “ถ้ากูบ้า มึงก็บ้า มึงเรียกกูเซ่อ กูก็เลยเรียกมึงว่าเอ๋อ คล้องจองเข้ากันดีออก”

     เข้าพ่องงงงงงงงงงงงงง

     “กูเหนื่อยจะพูดกับมึง”

     “เจ๊าะแจ๊ะ จุ๊กจิ๊กกันอีกละพวกมึงสองคน มาช่วยพวกกูคิดงานก่อนดีกว่าไหมครับ”  ไอ้กฤตไอ้เลววว

     พวกเราใช้เวลาวางแผนกันอยู่เกือบชั่วโมง แบ่งหน้าที่ว่าใคร ทำอะไร
     เราตกลงกันให้ไอ้นพเป็นแนวหน้ามีหน้าที่ส่องไฟเปิดทาง ผมกับไอ้ยักษ์ไททันเดินแถวสอง เราสองคนทำหน้าที่ถือกล้องบันทึกภาพ
     ไอ้โย ไอ้กฤตเดินปิดท้ายคอยระวังหลัง ความจริงคงอาศัยประโยชน์อะไรจากพวกมันไม่ได้เยอะเท่าไหร่ แต่ความป่วนของพวกมันสองตัวก็ทำให้ที่นี่น่ากลัวน้อยลง และอีกอย่างถ้าเอามันสองคนไว้หน้าวันนี้งานคงไม่เสร็จ
     ผมรู้สึกสั่นๆ ยังไงไม่รู้ จนต้องล้วงมือเข้าไปควานหาของประจำกายทั้งกระเป๋าเสื้อ กระเป๋ากางเกง แม้แต่ในเป้ .......

     ว่าแล้วเชียว  ลืมจริงๆ ด้วย

     “หาอะไร เอ๋อ”
     “ไม่มีไร แต่เลิกเรียกกูว่า เอ๋อ ได้ไหม”

     “...............”       ดูแล้วคงไม่

     ผมจะรอดไหมวะดันลืมของสำคัญซะด้วย รู้สึกไม่มั่นใจ ไม่ปลอดภัยเลยวะ

     อยู่ดีๆ ก็รู้สึกถึงแรงกดที่หัว

     “อะไรของมึงเนี่ยมันใช่ที่วางไหม หัวกูนะไม่ใช่ที่เท้าแขน”
     “ก็มันพอเหมาะพอดี”

     ผมปัดมือมันออกพร้อมส่งตาขวางไปให้หนึ่งที แค่นี้กูก็เตี้ยพอละยังจะมากดขี่กูให้เตี้ยลงอีก

     บ้านหลังที่เราต้องไปไม่ไกลจากบ้านไอ้เปอร์ ถัดขึ้นไปแค่สองซอย อุปกรณ์ไม่มีอะไรมากไอ้เปอร์ให้ยืมกล้องของมัน และมือถือของทุกคนเตรียมพร้อมบันทึกภาพและเสียง ไอ้นพเป็นคนเดียวที่ไม่ถือกล้อง แต่ถือไม้เบสบอลเอาไว้แทน เพื่อความปลอดภัยของพวกเรา ไม่ใช่จากผีหรอกนะ กลัวเจอคนกับพวกสัตว์ประหลาดซะมากกว่า

     “เชี้ย แค่หน้าบ้านก็หลอนแล้วอะ” ไอ้โยพูดขึ้น

     ผมมองบ้านที่อยู่ตรงหน้าก็ต้องยอมรับว่าที่ไอ้โยพูดมันจริงทุกประการเลยครับโผมมม

     “มึงเราเข้าไปจะไม่เป็นไรจริงๆ เหรอวะ”
     “ไม่เป็นไร ไม่มีใครออกมาตอนนี้หรอก ยามก็ไม่ผ่านมาด้วย เขากลัวกันหมด”

     แหม ได้ฟังแล้วใจชื้นขึ้นมาเลย

     “นำหน้าเลยครับไอ้คุณนพ” ไอ้เปอร์หันไปบอกเพื่อนมัน
     “กูว่าควรเป็นหน้าที่มึงมากกว่านะไอ้คุณกองทัพ แทนที่มึงจะนำกลับให้เพื่อนนำความคิดมึงแท้ๆ”
     “ความคิดกูแต่เป็นงานกลุ่มแล้วพวกมึงก็โอเคแล้ว ฉะนั้นวางแผนไว้ยังไงก็เริ่มทำซะ”

     ทุกคนจำยอมหันกลับไปสนใจบ้านตรงหน้า พร้อมกับคำพูดในใจ

     กูจะรอดไหมวะ

     .

     .

     ปึงงงงง

     .

     .

     “เหี้ยยยยยย” ห้าคนพร้อมใจกันสบถออกมายังไม่ทันเข้าไปก็ต้อนรับกันดีขนาดนี้เลยเหรอครับ ไม่ต้องเปิดประตูให้ก็ได้ เปิดเองได้คร้าบ

      ประตูเปิดออกเองคล้ายกับจะเชิญชวน ยินดีต้อนรับค่ะ เชิญเข้าบ้านมานั่งรับน้ำอะไรเย็นๆ ก่อนไหมค่ะ

     แหมมมม บริการดีกันขนาดนี้เลย แต่ทำไมขนมันลุกวะ

     นพผู้กล้าหาญเดินกำไม้นำหน้าอย่างมาดมั่น ผมเดินตามขนาบด้วยไอ้ยักษ์ไททัน ซึ่งมองแล้วไม่มั่นใจว่ามันจะช่วยเหลือชีวิตผมได้ไหม และไอ้คู่กัดพริกเกลือก็ยังกัดกันตามหลังมา

     “บ้านอย่างหลอนเลยวะ เปลี่ยนใจทันไหมวะ”
     “รีบถ่ายรีบทำให้เสร็จจะได้ออกไปซักที มึงจะได้เลิกบ่น”

     คู่พริกเกลือยังคงกัดกันตลอดทาง แต่ผมว่ามีพวกมันก็ดีตรงนี้แหละ แทนที่จะน่ากลัวพวกมันทำให้บรรยากาศซอฟลงเย๊อะ

     ขอบคุณนะพวกมึงงง

     จากที่มองด้วยสายตาบ้านหลายๆหลังในโครงการรูปทรงและพื้นที่น่าจะไม่ต่างกันเยอะ มีเพียงโซนด้านหลังโครงการที่ดูจะใหญ่พิเศษกว่าหลังอื่น หนึ่งในนั้นก็บ้านไอ้เปอร์
     ประตูหน้าบ้านด้านหน้าเป็นโรงรถ ซ้ายมือเป็นสวนรกไปด้วยหญ้าและต้นไม้ใหญ่ยืนต้นตายอยู่หนึ่งต้น ด้านขวามือเป็นห้องกระจกน่าจะต่อเติมออกมาจากตัวบ้าน ไอ้นพยังคงเดินนำหน้าโดยที่ไม่กลัวเลยซักนิด
ก็แหงละ ก็มันไม่เชื่อนี่หว่า พวกวิทยาศาสตร์จ๋าอย่างมันแทนที่จะไปเรียนอะไรที่มีประโยชน์อย่างหมอ หรือนักวิจัย นักทดลองอะไรก็ได้ แต่กลับมาสนใจเรียนเรื่องผีเรื่องวิญญาน แล้วไอ้ที่เรียนเนี่ยไม่ใช่อะไรหรอกนะ พยายามจะเอาวิทยาศาสตร์มาหักล้างกับความเชื่อที่หาข้อพิสูจน์ไม่ได้
     สภาพภายในบ้านยังคงมีเฟอร์นิเจอร์ครบทุกชิ้น โซฟา โต๊ะกินข้าว ทีวี ตู้เย็น แต่ทุกอย่างเต็มไปด้วยฝุ่นที่มองแล้วหนาเป็นฝ่ามือ ซึ่งบ่งบอกได้ว่าถูกทิ้งร้างมานานจริงๆ ตรงกลางของบ้านเป็นห้องโถง ด้านในเป็นครัว และขวามือที่เป็นห้องกระจก มีชั้นหนังสือและหนังสือเต็มไปหมด นี่ซินะบ้านของคนเป็นครู

     “เราจะเริ่มกันตรงไหนดีวะ”
     “ตรงนี้แหละ”
     “แล้วเราต้องทำยังไงกันวะ”
     “เอ้า คุยกันมายังไงก็ทำแบบนั้นแหละ เตี้ยเอ้ย มึงงงตรงไหนกัน”
     “ตรงนี้แหละ พอเข้าบ้านมาปุปสมองกูมันก็เบลอทันทีเลย”
     “พวกมึงสองคนจะเถียงกันอีกนานไหม รีบทำรีบกลับ ชักช้าเดี๋ยวยามมาตรวจเวรก็ซวยพอดี”
     “ไหนมึงบอกไม่มีใครมาแถวนี้ไง” ผมแหวใส่
     “แต่เขาก็ต้องทำตามหน้าที่ไหมละเอ๋อ มึงจะเอ๋อทำไมเนี่ย”

     พูดจบไอ้เปอร์ก็คว้าเป้มาจากหลังไอ้กฤต ควานหาของด้านในหยิบธูปออกมา 5 ดอก พร้อมไฟแช๊ค ไอ้เปอร์จุดและแจกจ่ายให้พวกเราคนละดอก ผมรับธูปมาจากมัน มองธูปแล้วก็เหมือนใจถูกเผาตาม นี่ผมต้องทำจริงๆ เหรอวะ มาเรียนเพื่อปกป้อง แต่กลับเป็นฝ่ายเข้าหาเอง

     เห้ออออออ

     วิธีที่ 1 จุกธูปเรียก ซึ่งพวกเราคิดว่าน่าจะได้ผลไวสุดเพราะจากที่ร่ำลือกันเรื่องความเฮี้ยน แสดงว่าวิญญานน่าจะยังอยู่ แค่วิธีแรกนี้ก็น่าจะได้แล้วละ

     และทันทีที่ธูปดอกแรกถูกปักลงในแก้วที่เตรียมมา


     แอ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด


     นี่ไง ทันควันเลย


     “เขาต้อนรับเราไวไปไหมวะ” คราวนี้ไม่ใช่ไอ้โยที่พูด แต่เป็นผมเอง ผมเอาหลังพิงกับไอ้เปอร์เพราะรู้สึกเสียววาบ
     “กลัวเหรอ”
     “เออดิ” นาทีกูจะไม่เก๊กบอกเลย กลัวคือกลัว หืออออออออ

      มันไม่ได้ว่าอะไร แถมมันยังจับมือผมให้ไปจับที่ชายเสื้อมันด้วย

     “ดึงไว้ มีอะไรก็ดึงเลย แล้วอย่าวิ่งละล้มขาแข้งหักไปไม่คุ้ม”  เชี้ยทำไมมึงอบอุ่นจนขนลุกว้า

     หลังจากเสียงแอ๊ดที่ดังมาตอนแรกทุกอย่างยังคงเงียบกริบ ไม่มีสัญญาณอะไรเพิ่ม แม้แต่ลมยังไม่มีผ่านเข้ามาแต่แทนที่อากาศจะร้อนมันกลับเย็นจนหนาวว

     “กูว่าเราขึ้นไปดูข้างบนกันไหม” ไม่นะเปอร์กูขอร้องอย่าเสนอความคิดอะไรอีกเลย
     “กูว่าไม่ดีอะ ตรงนี้ก็พอแล้วมั้ง บ้านมันร้างมานาน อะไรผุพังบ้างก็ไม่รู้ แล้ว....แล้ว ขึ้นไปเดี๋ยวเจ้าของบ้านเขาว่าเอา”
     “มึงมาขนาดนี้แล้ว ยังกังวลเขาจะว่าอีกเหรอวะ อีกอย่างเจ้าของบ้านเขาไม่อยู่แล้วจะมาว่าอะไรมึงได้”

     “ก็.....”  กูกลัวตรงที่มาว่ากูทั้งที่ตายไปแล้วนี่แหละ หือออออออออออออออออออ
 
     “ไม่ต้องพูดมากมึงไปกับกูนี่แหละ แล้วก็จับเสื้อไว้อย่าหลุดละ มีไรเดี๋ยวกูแบกมึงลงมาเอง”
     “เออ ให้มันจริงเถอะ ไอ้เซ่อ”

     ทุกคนยอมทำตามที่ไอ้เปอร์บอก ไอ้นพยังคงนำหน้าเหมือนเดิม ทันทีที่เท้าไอ้นพเหยียบลงบันไดขั้นแรก ความชุลมุนก็บังเกิดขึ้น



     “ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

     ไอ้กฤต......ไอ้กฤต.......ช่วยด้วย.........................หืออออออออออออออออออออออออ

     ปล่อยกู......................ใครจับกูวะ................................................     ปล่อยยยยย........ไอ้กฤตๆๆ ผีจับกู”


     “เตี้ย................เตี้ย..............ไอ้เตี้ย เป็นอะไรของมึง ผีที่ไหนเสื้อมึงเกี่ยวกับเสาอยู่เนี่ย”


     
     ภาพที่เห็นคือ ไอ้โยหลับตาปี๊พร้อมกับโวยวายเสียงดังที่เสื้อมันถูกเกี่ยวไว้กับตะปูที่เสาทำให้มันเดินไม่ได้

     โถ ไอ้ควายยยยยยยยย กูเกือบวิ่งแล้ว


     ลำบากไอ้กฤตต้องไปดึงเสื้อออกให้มันเพราะมันเอาแต่หลับตาเกาะแขนไอ้กฤตเป็นลิง หลังจากจัดการไอ้โยเสร็จพวกเราก็เดินขึ้นไปชั้นบนกันต่อ บันไดก็สร้างบรรยากาศ ส่งเสียง เอี๊ยดอ๊าด ได้ดีเหลือเกิน

     แอ๊ดดดด ปึง ปัง

     เสียงยังคงดังมาต่อเนื่องจากชั้นสองผมตัดสินใจเงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นเป็นประตูบ้านหนึ่งที่กำลังเปิดปิดคล้ายกับลมพัด แต่มันไม่มีลมนะคุณพี่ มันพัดได้ยังไง มือที่ถือกล้องชุ่มไปด้วยเหงื่อ อีกข้างก็กำเสื้อไอ้เปอร์จนยับยู่ยี่ ผมแอบได้ยินมันบ่นพึมพำ ขาดมาซื้อใช้กูด้วย ได้ข่าวมึงบอกให้กูจับเองป่ะ

      ปึงง

     อยู่ดีๆ ประตูบ้านนั้นก็เปิดออกแรงจนตีเข้ากับกำแพงบ้าน โดยไม่ทันตั้งตัว ผมรู้สึกว่าตัวเองลอยแล้วรู้อีกทีตัวเองก็ลงมายืนอยู่ชั้นล่างแล้ว

     “โหย ไอ้สัดเปอร์ ทิ้งเพื่อนไวอย่างเหี้ย แล้วนี่มึงจะแบกไอ้กัสมันลงไปด้วยทำไมวะ”

     ไอ้กฤตโวยวายเพื่อนมันใหญ่ ทั้งที่ตัวมันเองก็วิ่งลงมาหน้าตาตื่นไม่แพ้กันโดยมีไอ้โยขี่หลังอยู่

     “โห ไอ้นพ มึงก็สู้เกิ้นนน ลงมาเถอะเพื่อนเราถอยไปตั้งหลักกันก่อนดีกว่า” ไอ้กฤตหันไปบอกไอ้นพที่ยังคงยืนนิ่งไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับใครเขา
     “ไม่อะ เลื่อนไปอีก ไม่เสร็จซักที พวกมึงก็รีบขึ้นมาให้ไว แค่ประตูตีกับกำแพงจะวิ่งหนีกันทำไมวะ”
     “เออ รีบทำให้เสร็จแล้วเราจะได้กลับ”
     “แหม มึงเองก็วิ่งเถอะไอ้เซ่อ”
     “ก็กูบอกจะแบกมึงเองกูก็ทำแล้วนี่ไง ถ้าไม่รับปากมึงไว้ก็ไม่ทำหรอก”

     หรา ใช่ซี่ ก็มึงมันพวกตายด้านทั้งคู่ ไม่กลัวอะไรเลยนี่หว่า สุดท้ายพวกผมก็ต้องเดินขึ้นไปอีกรอบ รอบนี้ก้าวหน้ากว่ารอบที่แล้วเพราะไอ้คุณนพมันเล่นเดินนำเข้าห้องทุกห้องจนครบอย่างไว แต่ก็ไม่เจออะไรที่อยากเจอ สงสัยจะไม่มีต้องหาที่ใหม่อีกแล้วเหรอวะ

     “ไปพวกมึง ไปเริ่มกันใหม่” นี่มึงยังขจะเอาอีกเหรอวะ



     ไอ้นพพูดแล้วก็เดินนำลงไปข้างล่าง ไอ้โยไอ้กฤตรีบสลับตำแหน่งเดินตามลงไปอย่างไว ทิ้งให้ผมกับไอ้ยักษ์ไททันเดินตามหลัง แต่ไม่มีอะไรให้ต้องเสียวก็เบาใจได้แล้วละ



     “เอ๋อ......”

     .

     .

     “เอ๋อ เขาลงกันไปหมดแล้ว”

     .

     .

     .

     “เอ๋อ...... เป็นอะไรวะ”

     .

     .

     .

     .

     “เฮ้ย......... กัส  ไอ้กัสมึงเป็นอะไร กัส”



     ทำไมเสียงมันแว่วไกลจังวะ

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
Re: ปราบผี ปลูกรัก - update บทที่ 3
«ตอบ #4 เมื่อ06-04-2022 22:57:17 »

 :pig4: :pig4: :3123:

ออฟไลน์ Sub_yo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 56
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
Re: ปราบผี ปลูกรัก - update บทที่ 4
«ตอบ #5 เมื่อ10-04-2022 00:26:09 »

บทที่ 3 เมื่อผมโดนผีสิง



     “ออกไป .................... อ๊า”

     .

     .

     .

     .

     .

     ผมขยี้ตาตัวเอง กระพริบตารัวๆ เพราะแสงไฟดวงใหญ่ตรงหน้ามันแยงจนแสบตา พยายามเอามือดันข้างตัวเพื่อจะลุกขึ้น ทำไมมันแข็งๆ ด้วยสายตายังปรับไม่เข้าที่ไฟข้างหน้าก็ส่องมาจนเคืองตา ทำให้มองคนข้างหน้าไม่ออกว่าใครเป็นใคร แต่ไอ้ที่คุ้นๆ ก็คงจะเป็นน้ำเสียงที่โคตรจะกวนประสาท เหมือนดังแว่วมาจากบ้านให้หลอนหู

     แต่ความจริงที่เห็นคือมันยืนค้ำหัวด่ากูอยู่เนี่ย



     เจ๊โอลีฟ???



     “เฮ้ยยยย เจ๊ ที่นี่ที่ไหนอ่า” ผมถามออกไปแบบมึนๆ
     “ไม่ใช่โรงแรมห้าดาวหรอก แต่เป็นปลาห้าหัวนะ นอนข้างบาทาฉันอยู่เนี่ย”
     “……”
     “ลุกขึ้นมาซิยะ”
     “ช่วยน้องหน่อย”
     “อ้อนตี…….น”


     ทำไมต้องโหดกับน้องด้วยวะ นี่คือเรื่องปกติของพี่น้องอย่างเรา แต่ผมรู้สึกว่าเหมือนลืมอะไรไปซักอย่าง

     ลืมอะไร..........…..



     มันคุ้นว่ากำลังทำอะไรซักอย่าง อยู่ที่ไหนกับใครซักแห่ง แล้วพี่สาวผมโผล่มาได้ยังไง

     ผมหันซ้ายหันขวาสำรวจไปรอบๆ ก่อนจะเจอเข้ากับไอ้โย ถัดไป ก็......เอิ่มมมมมม

     ไอ้อปป้าคู่กัดไอ้โยนี่หว่า ถัดไปก็ไอ้แว่นนพ

     แล้วก็ไอ้เปอร์ ไอ้เซ่อหน้ามึน ขี้เก๊กกวนตีน



     เออใช่ ลืมไปได้ยังไงผมกำลังอยู่ที่บ้านร้างเพื่อทำงานที่อาจารย์สั่งอยู่นี่หว่า



     “เฮ้ยยยยยยย”


     “อะไรของมึงเนี่ยไอ้กัสอยู่ดีๆ ก็ลุกขึ้นมา เมื่อกี้ยังนอนเป็นอัมพาธอยู่เลย”
     “ไอ้โย”
     “เออกูโย อะไรของมึงท่าทางจะเป็นเอามากนะ”
     “......................”
     “แล้วเมื่อกี้มีงเป็นอะไร อยู่ดีๆ ก็ทำตาขวางพุ่งใส่ไอ้เปอร์ ดีนะ เจ๊โอลีฟมาช่วยทัน ไม่งั้นพวกกูแย่ ผู้ชาย 3 คนยังจับมึงไม่อยู่เลยเนี่ย”


     “หะ กู? กูเหรอ”


     “เออก็มึงนะแหละ นี่มึงหันไปดูคอไอ้เปอร์ คอมันยังเป็นรอยมือมึงยู่เลย”



     ผมหันไปกระชากแขนคว้าคอไอ้เปอร์มาสำรวจ


     “เชี้ย จริงด้วยอะ กูขอโทษนะมึง เจ็บไหมอ่า”
     “เจ็บ”
     “ขอโทษ ขอโทษ” ผมพร่ำขอโทษพร้อมยกมือไหว้มันด้วย
     “แต่ไม่เป็นไรหรอก ผิวกูมันด้านแค่นี้ไม่ระคาย ว่าแต่มึงเป็นอะไร ตอนนั้นเหมือนมึงอยู่ดีๆ ก็สตั้นไปเลย กูเรียกก็ไม่ตอบ แล้วสุดท้ายก็คว้าคอกูไปบีบเล่นเนี่ย ดูดิขียวเลย”


     มีการเอียงคอมาให้ดูด้วยนะ น่ารักจนน่าถีบ ทำไมมึงมันสตอแหลเก่งแบบนี้วะ เดี๋ยวเจ็บเดี๋ยวไม่เจ็บ


     “เออ ใช่กูก็อยากรู้มึงเป็นอะไรวะ ขนาดพวกกู 3 คนนะยังสู้แรงมึงไม่ได้เลย ปากก็เอาแต่พูดว่า ออกไป ออกไป ตวาดเสียงดัง ไม่เหมือนเสียงมึงเลยอะ เล่นเอาซะพวกกูกลัว”
     “กูไม่รู้อะ กูจำได้แค่ว่าพอพวกมึงกำลังเดินลงไป กูก็จะเดินตาม แล้วอยู่ดีๆ ก็ภาพตัดไปเลย”



     “แล้วพวกแกมาทำอะไรกันออกัส” พี่สาวผมถามขึ้นมา



     “พวกเรามาทำงานที่อาจารย์สั่งไว้นะครับ” ไอ้นพเป็นคนที่ตอบคำถามเจ๊ผม
     “งานอะไร”
     “งานธรรมดา ธรรมดา นะครับ อาจารย์อยากให้เราติดต่อสื่อสารกับวิญญาณนะครับ”
     “ห๊ะ! งานธรรมดา ธรรมดามากเลยนะ เกือบจะตายกันอยู่แล้วเนี่ยนะ” เจ๊ทำหน้า งง อย่าว่าแต่เจ๊เลย ผมก็ งง คุยกับเด็กวิทย์ทีไรปวดหัวทุกที
     “คืออย่างนี้เจ๊ อาจารย์ให้พวกผมทำงานกลุ่มส่ง ก็คือหาวิธีติดต่อสื่อสารกับวิญญาณ แล้วก็ถามเขาว่า ทำไมเขาถึงตาย ตายได้ยังไง ทำไมยังอยู่ที่นี่ ทำไมไม่ไปเกิด และอยากให้ช่วยอะไร” ไอ้โยรับหน้าที่อธิบายต่อไป
     “พิเรนทร์กันไปใหญ่ละ งานบ้าบออะไร อาจารย์เนี่ยนะสั่งงานแบบนี้ให้พวกแกทำ”
     “ใช่ครับ อาจารย์สั่งมาแบบนี้เป๊ะๆ เลยครับ” เจ๊ผมหันไปทำตาขวางใส่ไอ้นพ ทำไมมันดูครุกรุ่นจังวะ



     “เอ่อ เจ๊….”


     “เงียบไปเลยอีกัส” อุ้ย ขึ้น อีแล่ว แล่ว


     “แกก็รู้ว่าตัวเองจิตอ่อน เจอเรื่องพวกนี้ทีไรไข้ขึ้นไม่สบายทุกที จะทำอะไรทำไมไม่ปรึกษาฉัน หรือไม่ก็ไปคุยกับพ่อแม่ก็ได้ แล้วของของตัวเองแท้ๆ ไม่รู้จักติดตัวไว้ มันน่าปล่อยให้โดนสิงซะให้เข็ด” พูดเสร็จก็โยนของสิ่งหนึ่งลงมาตัก
     “เจ๊ นี่น้องนะ”
     “ก็น้องไง ถึงต้องโดนหนักกว่าคนอื่น แล้วพวกเพื่อนนี่ก็เหมือนกันทำไมไม่ดูแลเพื่อน”



     “เดี๋ยวเจ๊…..”



     เอาแล่ว แล่ว แล่ว ผมดึงเจ๊ลงมากระซิบที่ข้างหู อย่าไปว่าเขา จะไปโทษเขาได้ยังไง น้องแกเองที่ผิดเพราะไม่เคยบอกใครเรื่องพวกนี้



     “อะไรนะ แกไม่ได้บอกเรื่องพวกนี้ให้เพื่อนรู้เลยเหรอ มันเป็นเรื่องสำคัญนะ ถ้าแกดูแลตัวเองไม่ได้ แกก็ต้องบอกคนอื่นให้รู้เพื่อที่จะได้ช่วยกัน ระวังกัน”
     “เจ๊ มันเรื่องของผมหรือเปล่าวะ เราจะไปบอกคนอื่นให้มาคอยดูแลเราได้ไงวะ”
     “ไม่ต้องคอยดูแล แต่ก็ต้องช่วยกันไหม คนเราถ้ามีเรื่องอะไรที่เป็นจุดอ่อน เราต้องบอกคนอื่น พูดให้คนอื่นรู้ เพื่อไม่ให้ตัวเองเสี่ยง ไม่ให้ตัวเองเป็นภาระของคนอื่น และไม่ทำให้คนอื่นลำบากด้วย”


     “เจ๊โอลีฟ พูดเรื่องอะไรกันเหรอครับผม งง อะ”

     “นี่อย่าบอกนะว่า โย ก็ไม่รู้เรื่องอะ” ผมพยักหน้า



     “โอ้ยยยย ฉันจะบ้าตาย”



     “ว่าแต่เจ๊ มาถูกได้ยังไงอะ”


     พี่สาวผมไม่ตอบ แต่ยกมือถือแล้วจิ้มไปที่ แอป ในมือถือ Find my iphone


     “โห เจ๊เป็นสตอคเกอร์เหรอ นี่เล่นติดตามกันอย่างนี้เลยเหรอ”
     “ฉันมันคนฉลาด ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้จะมาเจอแกอยู่ในสภาพนี้ได้เหรอ”
     “สภาพนี้? สภาพไหนอ่า”
     “4 คนหาม 3 คนแห่เลยละมึง” มึงก็พูดเกินไปไอ้กฤต ผมมองคนนั้นที คนนี้ที ก่อนจะมาหยุดที่ไอ้เซ่อ และทำกน้าประมาณว่ามึงนั่นที่ต้องเป็นคนเล่า
     “ตอนที่พวกเราอยู่ข้างบน หลังจากที่ไม่เจออะไร แล้วไอ้นพก็ตัดสินใจกลับลงไปเพื่อจะรวมตัวกันข้างล่างใช่ไหม”
     “อืม”
     “เออ กูก็จะเดินตามพวกมันลงไปแต่เพราะมึงจับเสื้อกูไว้แล้วก็ดึงซะจนเซถอยหลังไปชนกับมึง กูก็ งง กำลังจะหันไปด่า มึงก็ยืนทำตาขวางใส่กู โคตรน่ากลัวเลยอะ"
     “อันนี้มึงตอแหล”
     “เรื่องจริง อะไม่เชื่อถามพวกมันดู ปากมึงเอาแต่พูดว่า ออกไป ออกไป ตัวแค่นี้ไม่รู้เอาแรงมาจากไหน บีบคอกูจนกูขยับตัวไม่ได้ ถามพี่สาวมึงเลยว่าจริงไหม” ทุกคนพยักหน้าหมด รวมถึงพี่กูด้วย
     “จริงเหรอวะ”


     “เออ” แหมประสานเสียงกันตอบเลยนะ


     “แต่ว่าตอนนี้มึงต้องเล่าเรื่องที่มึงกับเจ๊โอลีฟคุยกันให่พวกกูเข้าใจก่อน”



     พวกมันจ้องหน้าผม ส่วนผมก็มองหน้าพี่สาวตัวเอง ซึ่งทางนั้นก็พยักหน้าให้สัญญาณ



     “คือกูอะ พูดว่าไงดีวะ คือแบบ....เป็นพวกมีแรงดึงดูด มีเคมีตรงกับพวกวิญญาณตั้งแต่เด็กแล้ว ถ้าเิกิดกูไปในสถานที่ที่มีพวกวิญญาณอยู่ พวกนี้ก็ชอบเข้ามาแฝงร่าง แต่อย่าถามนะว่ากูเห็นหรือเปล่า”


     ผมขัดไอ้กฤติที่เตรียมจะอ้าปากถาม


     “กูไม่เห็น ไม่เคยเห็นเหี้ยอะไรทั้งนั้น ถ้าเห็นกูคงไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องถูกวิญญาณใครที่ไหนก็ไม่รู้เข้ามาอยู่ในตัวกูหรอก”
     “ไม่เคยเห็นบอกกูเรื่องนี้” ไอ้โยพูดแบบคนน้อยใจ
     “กูขอโทษ มันหายไปนานแล้วไม่คิดว่าอยู่ดีมันจะกลับมาอีก ที่กูมาเรียนที่นี่ก็เพื่อที่จะหาทางรับมือกับเรื่องห่าเหวนี้ให้ได้ ที่จริงกูก็ทำได้มานานพอสมควร แต่ดันมาตกม้าตายตอนนี้”
     “มิน่าละ กูชวนไปเรียนมหาลัยปกติก็ไม่ไป มึงเลือกมาเรียนที่นี่ ไม่ใช่แค่เพราะอยากพิสูจน์ให้พ่อแม่กับพี่เห็นใช่ไหม”
     “ใช่ กูอยากมีชีวิตที่ปกติ อยากเตะเรื่องพวกนี้ออกไปจากชีวิตให้หมด”



     “ไม่มีทางหรอกยะ มันอยู่ในสายเลือด”



     “ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นตามสายเลือดทุกอย่างไหมละ”



     “เดี๋ยวนะ พูดเรื่องอะไรกันวะ ฟังแล้ว งง” ไอ้นพโพล่งถามมากลางวง



     “เอาให้เข้าใจง่าย ก็คือบ้านกูนะก็เป็นพวกแบบมีสัมผัสพิเศษกันทุกคนจะมากจะน้อยก็แล้วแต่แต่ละคน ยกเว้นกู ไม่ได้มีอะไรกับเขาเลย แถมยังเป็นตัวถ่วงอีก”



     ผมมองหน้าพวกมันทุกคนซึ่งบอกตรงก็ไม่รู้ว่าสีหน้าพวกมันคิดอะไรกันอยู่



     “แรกๆ กูกลัวมาก กูเอาแต่เก็บตัวอยู่ที่มุมห้องในห้องของตัวเอง กลัวคนอื่นมองและคิดว่ากูเป็นพวกผิดปกติ เป็นคนบ้า เป็นคนแปลกประหลาด หรือเป็นพวกชอบมโนเรียกร้องความสนใจ แต่จริงๆ กูโคตรอึดอัดเลย”
     “เชี้ยยยยยยยยยย เอาจริงดิ”
     “หืม”
     “แบบ ถ้าเกิดผีตัวไหน หรือวิญญาณไหนเกิดสปาร์คกับมึงแล้วจะมาสิงมึงก็สิงได้เลยอย่างนี้เหรอ”
     “อืม”
     “แม่งน่าน้อยใจวะกูเป็นเพื่อนมึงแท้ๆ แต่ไม่บอกอะไรกูเลย”
     “กูก็อยากบอกแต่ไม่รู้จะพูดยังไง กลัวมึงหาว่ากูบ้า”
     “โคตรบ้าเลยมึงอะ”


     “กูขอโทษษษษษ”



     “อะ พอ พอ” โดนพี่สาวผมเบรคไว้ซะก่อน “ไม่ต้องมาเรียกดราม่าทำซึ้งกันตอนนี้ ทีหลังคิดจะทำอะไรช่วยปรึกษาหรือถามกันก่อนดิ ถ้าเกิดฉันไม่เข้าห้องแกไปแล้วเจอสร้อยของปู่วางอยู่ที่หัวเตียง แล้วไม่ลองเปิดโทรศัพท์หาตำแหน่งแกนะ ป่านนี้จะเป็นอะไรยังไงไม่รู้”


     “แล้วเจ๊รู้ได้ไงว่าผมจะต้องการความช่วยเหลือตอนนี้”
     “ฉันเป็นพี่แกนะ ก็ต้องรู้ซิ”


     ผมมองหน้าแบบไม่เชื่อ


     “ก็พอเห็นตำแหน่งที่แกอยู่แล้วเซ้นต์มันตะหงิดๆ นะ มันไม่ค่อยสบายใจเลยต้องตามมา..........แล้วนี่เพื่อนใหม่ที่บอกเหรอ ไม่คิดจะแนะนำให้รู้จักกันเหรอ”


     ”อ่อ.....เออ......ใช่ นี่ไอ้ปอร์ ไอ้กฤต และนั่นไอ้นพ”



     ”แล้วนี่เราจะเอายังไงเรื่องงานที่ต้องส่งอาจารย์วะ” ไอ้โยถาม

     ”ถ่ายใหม่” ไอ้เปอร์ไอ้นี่กูเพิ่งโดนผีสิงร่างมานะ ไม่สงสารกูบ้างเลย

     ”เลื่อนไปก่อนไหม” ไอ้โยเสนอ

     ”เออ เลื่อนไปก่อนเหอะ” ไอ้กฤตเสริม



     ”อาจารย์ไม่ว่าอะไรเราแน่ ถ้ามีไอ้นี่”  จบข่าว



     กูเกลียดหน้ามึงตอนนี้มาก ไอ้นพ บอกได้เลยไม่มีเรื่องดี





     วันส่งงานอาจารย์



     “ออกไป......

     .

     ออกไป

     .

     ออกไปปปปปปปปปปปปป”




     ผมนั่งจ้องตัวเองที่อยู่ในคลิปในมือถือของไอ้นพ สายตาแข็งทื่อ เรียวแรงมหาศาลอย่างกับยักษ์เหวี่ยงผู้ชาย 3 คนที่ตัวใหญ่กว่าซะกระเด็น ทั้งที่ยกของไม่เกิน 2 โลก็ร้องโวยวายเป็นเด็กแล้วแท้ๆ ผมเห็นตัวเองเอื้อมมือไปคว้าคอไอ้เปอร์ที่จับผม

     มันพยายามดิ้นและดึงมือผมออกแต่ก็ไม่สำเร็จทั้งที่ผมจับมันแค่มือเดียวเองแท้ๆ สีหน้าไอ้เปอร์เริ่มทนไม่ไหว



     “ไอ้กัส.....แคร่กก แคร่ก มึงเป็นอะไร ตะ...ตั้ง สะ...ติ หน่อย.....แคร่ก แคร่ก พวกมึงชะ.....ชะ.....ช่วยจับมัน เร็ว กูจะตายแล้วหายใจไม่ออก”



     ไอ้โย ไอ้กฤต ไอ้นพ ก็พยายามมาช่วยกันดึงก็ยังช่วยอะไรไม่ได้

     แต่ทุกอย่างกลับสิ้นสุดลง เมื่อพี่สาวผมปรากฎตัวขึ้นทันทีที่พี่สาวเอาสร้อยของปู่สวมให้ผม ผมก็ล้มลงกับพื้นทันที





     แปะ แปะ แปะ



     “ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม งานของพวกเธอน่าสนใจและดีกว่ากลุ่มอื่นมาก”
     “งั้นพวกเราก็ผ่านแล้วใช่ไหมครับ”
     “จะว่ายังงั้นก็ได้”
     “เย้............”


     “แต่”


     “...............”


     “ครูยังไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ถ้าจะให้เพอร์เฟคมากกว่านี้ พวกเธอต้องกลับไปทำให้ครบตามคำสั่งของครูนะคะ เข้าใจ๊”



     “ห๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาา”



     โธ่ถัง พระเจ้าช่วยลูกด้วย หือออออออออออออออออออออ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด