9
“ยังจำกันได้หรือคะ คลาสเตอร์”
หน้าสวยเหมือนนางฟ้า หากแต่แววตาที่หล่อนมองมาทางคนตัวเล็กราวกับจะฉีกร่างให้กลายเป็นชิ้นๆ
“ตามผมมาหรือไง”
คลาสเตอร์ถามด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ตอนนี้เขามีคิมห์ตะวันแล้ว ต่อให้มีคนที่สวยน่ารักหรือดีแค่ไหนมาอยู่ตรงหน้าก็ไม่คิดจะสนใจทั้งนั้น ตรงกันข้ามกับคนตัวเล็กที่จ้องมองผู้หญิงสวยไร้ที่ติอย่างหวาดหวั่น เริ่มกลัวใจคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ขึ้นมานิดๆ ยิ่งทั้งคู่พูดจาเหมือนเคยรู้จักกันมาก่อนใจก็ยิ่งสั่น
“เดียตามคลาสมาตั้งแต่อยู่ที่ห้างแล้วล่ะค่ะ อยากจะรู้ว่าตอนนี้ชีวิตของคุณเป็นยังไงบ้าง แต่ดูเหมือนคลาสจะไม่เห็นหรือมัวแต่สนใจอย่างอื่นอยู่ก็ไม่รู้”
พูดพร้อมกับจิกตาไปที่คนตัวเล็ก คลาสเตอร์หันมามองใบหน้าหวานนิดนึง ก่อนจะหันกลับไปพูดกับนาเดียอีกครั้ง
“นี่คิมห์ตะวัน ภรรยาผม เราจะหมั้นกันเร็วๆ นี้”
คลาสเตอร์ตอบออกไปอย่างชัดเจน
“อย่ามาโกหก เดียได้ยินนะที่คลาสเพิ่งจะขอคบกับมัน แล้วจะหมั้นกันได้ยังไง”
นาเดียตอกกลับอย่างเดือดดาล ไม่เคยมีใครกล้าปฏิเสธเธอ แต่ดูคลาสเตอร์ทำกับเธอสิ ยิ่งเขาไม่สนใจเธอก็ยิ่งรักและต้องการเขามากขึ้น
“ผมกับตะวันอยู่กินกันมาสักพักแล้ว ผมต้องรับผิดชอบ”
เป็นคำพูดเรียบๆ แต่ยิ่งทำให้นาเดียโกรธ ส่งเสียงกรี๊ดดังลั่นจนคนที่เดินผ่านไปมามองเป็นแถบ เพราะรับผิดชอบคือคำที่เธอต้องการจากเขามากแต่เขาไม่เคยใยดี
“มันมีอะไรดีกว่าเดีย เด็กผู้ชายแบบนั้นจะมาสู้ผู้หญิงจริงๆ ได้ยังไง เดียทั้งสวยทั้งสาว เดียให้คุณได้ทุกอย่างแม้แต่ชีวิต กลับมาหาเดียเถอะนะคะ คลาส”
ประโยคสุดท้ายถูกเอ่ยออกมาอย่างตัดพ้อ น้ำตาที่ไม่เคยเสียให้ชายคนไหนเอ่อคลอขึ้น รู้สึกเจ็บปวดมากกับการกระทำของเขาที่ดูเหมือนไร้เยื่อใย
“ผมไม่ต้องการอะไรจากคุณทั้งนั้น”
เหมือนมีมีดกรีดลงกลางหัวใจของหญิงสาว ตะวันที่ไม่ได้โดนเองยังรู้สึกเจ็บแทน ถ้าสักวันหนึ่งเขาพูดแบบนี้กับผมบ้างล่ะจะเป็นยังไง เมื่อวันหนึ่งที่เขาไม่ต้องการเขาจะเฉดหัวผมทิ้งแบบนี้เหมือนกันใช่ไหม
“กลับบ้านกัน”
คลาสเตอร์หันมาพูดกับคนตัวเล็ก จับจูงมือเนียนและพาให้เดินออกมาจากตรงนั้น ไม่ต้องการให้คนตัวเล็กรับรู้อะไรอีก เพราะยิ่งรู้อดีตของเขามากเท่าไรหนุ่มน้อยก็อาจจะหมดความเชื่อมั่นในตัวเขาไปเลยก็ได้
“เดียไม่ยอมปล่อยให้คลาสเสวยสุขกับมันแน่”
นาเดียตะโกนไล่หลังทั้งคู่ที่เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองหล่อนเลยอย่างปวดร้าว
คิมห์ตะวันนั่งเงียบกริบอยู่บนรถคันหรู ยังไม่กล้าพูดอะไรตอนนี้เพราะร่างสูงกำลังขับรถด้วยความเร็วจนดูน่ากลัว นี่ถ้ารถเกิดอุบัติเหตุก็คงไม่ต้องตามหาสาเหตุกันแล้วล่ะ
“ตะวัน เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเงียบ”
“พี่คลาสขับรถช้าๆ ได้มั้ยครับ ตะวันกลัว”
คลาสเตอร์ชะลอความเร็วลงทันทีเมื่อได้ยินคำเอ่ยบอก คนตัวเล็กถอนหายใจเบาๆ อย่างผ่อนคลาย ทั้งคู่ยังคงเงียบกันตลอดทางที่นั่งอยู่บนรถ ต่างคนต่างไม่รู้จะพูดอะไรจึงเลือกที่จะเงียบเอาไว้ก่อน รถยนต์ขับมาได้สักพักก็เลี้ยวเข้าซอยที่ดูยังไงก็ไม่ใช่ซอยทางเข้าคอนโดของชายหนุ่ม ก่อนที่รถจะเข้ามาจอดนิ่งสนิทภายในบ้านหลังหนึ่ง
“นี่บ้านใครครับ”
คนตัวเล็กเอ่ยถาม พลางมองสำรวจไปรอบๆ บริเวณ
“ลงไปเดี๋ยวก็รู้”
จบประโยคคนตัวโตก็เปิดประตูรถและก้าวออกไป ตะวันเดินตามมาติดๆ มองบ้านขนาดกลางหลังงามที่ถูกตกแต่งไว้เป็นอย่างดีด้วยความสนใจ
“เข้าบ้านเถอะ”
คนใช้ทั้งแก่และสาวต่างออกมาต้อนรับเขาราวกับคุณชาย
“คุณคลาสเตอร์ ตะวัน”
เสียงคุ้นหูทำให้ตะวันหันไปมองด้านหลังอย่างว่องไว
“พ่อ”
ดวงตากลมโตนิ่งค้างอย่างดีใจปนตกใจ ความรู้สึกตีกันไปหมดจนยุ่งเหยิง น้ำตาเอ่อคลอคิดถึงคนเป็นพ่อจับใจ ก่อนจะรีบวิ่งไปสวมกอดพ่อที่รัก
“พ่อ ฮือๆ เป็นยังไงบ้างครับ ตะวันคิดถึงพ่อ”
คิมห์ตะวันร้องไห้งอแงเป็นเด็กน้อย เช่นเดียวกับผู้เป็นพ่อที่ร้องไห้เพราะคิดถึงลูกชายสุดที่รักเหมือนกัน มือหยาบลูบหัวเล็กๆ เบาๆ อย่างอ่อนโยน
“พ่อสบายดีลูก แล้วตะวันล่ะ เป็นยังไงบ้าง”
“ตะวันสบายดีครับ ฮึก พ่อ”
หนุ่มน้อยยิ่งร้องหนักกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าพ่อก็ร้องไห้ คลาสเตอร์ยืนมองอยู่อย่างเงียบๆ ปล่อยสองพ่อลูกคุยกันให้หายคิดถึง
“ตะวัน”
แม่ของตะวันเดินออกมาหลังจากที่เพิ่งทำอาหารเสร็จ พอเห็นลูกชายตัวน้อยก็รีบวิ่งเข้ามาสวมกอดอีกคน ทั้งสามคนพ่อแม่ลูกกอดกันกลมจนดูกลายเป็นครอบครัวที่อบอุ่นไปเลย
“ตะวันคิดถึงพ่อกับแม่ที่สุดเลย”
หน้าใสแย้มยิ้มอย่างน่ารักให้พ่อกับแม่ ก่อนจะเดินเคียงข้างกันเข้าไปภายในห้องนั่งเล่น และนั่งลงที่โซฟาสีดำตัวยาว
“พี่คลาส เอ่อคุณคลาสเตอร์ไม่ได้ทำอะไรพ่อกับแม่ใช่มั้ย”
ตะวันเริ่มเปิดประเด็นเพื่อไขข้อสงสัย
“ไม่เลยลูก แถมยังยกบ้านหลังนี้ให้เราอีก”
“อะไรนะครับ”
ดวงตาโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“จริงๆ ลูก คุณคลาสเตอร์ยกบ้านหลังนี้ให้พวกเรา แล้วลูกล่ะ เขาไม่ได้ทำอะไรลูกใช่มั้ย”
คนเป็นพ่อถามลูกชายอย่างเป็นห่วงไม่ต่างกัน
“ไม่ครับ เขาดีกับตะวันมากๆ เลย”
คิมห์ตะวันไม่กล้าเอ่ยบอกเรื่องที่ตัวเองกับคนตัวโตคบหากัน กลัวว่าพ่อกับแม่จะไม่สบายใจ
“ดีแล้วลูก ลูกรู้มั้ยว่าเขายกหนี้ให้เราแล้วด้วยนะ”
“จริงเหรอครับ”
หนุ่มน้อยถามย้ำอย่างตื่นเต้นดีใจ
“จริงสิ ลูกคงไม่ได้ไปทำอะไรใช่มั้ย”
แม่เริ่มคาดคั้นและมองลูกชายตัวน้อยอย่างจับผิด ก็มันจะเป็นไปได้ยังไงล่ะเงินตั้งหนึ่งล้านอยู่ดีๆ ใครบ้างจะมายกให้ฟรีๆ ไหนจะบ้านหลังนี้อีก จะต้องมีเรื่องอะไรสักอย่างที่เป็นเหตุเป็นผลมากกว่าการที่มาเฟียหนุ่มจะกลับกลายเป็นเทพบุตรภายในเวลาไม่กี่วันอย่างแน่นอน
“พ่อก็ว่ามันง่ายไปนะ อยู่ดีๆ ทำไมคุณคลาสเตอร์ถึงเป็นแบบนี้ไปได้”
“พ่อกับแม่เอาเงินไปใช้ทำอะไรตั้งหนึ่งล้านครับ”
ตะวันไม่ตอบ แต่ถามกลับในสิ่งที่อยากรู้มานาน
“เอ่อ พ่อ”
“พ่อไปติดหนี้พนันบอล”
เมื่อคนเป็นพ่ออึกอัก แม่จึงต้องตอบแทน
“พ่อ ไหนพ่อบอกว่าเลิกเล่นแล้วไงครับ”
“พ่อสำนึกแล้วลูก พ่อจะไม่กลับไปเล่นอีกแล้ว”
“พ่อครับ ตะวันขอร้องนะครับ พ่ออย่ากลับไปเล่นมันอีก ถ้าคนที่พ่อไปยืมเงินไม่ใช่คุณคลาสเตอร์ ป่านนี้ตะวันจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”
คิมห์ตะวันกุมมือหยาบของพ่อเอาไว้อย่างอ้อนวอน
“พ่อสัญญา แล้วเรื่องของลูกล่ะ ตกลงว่ายังไงกันแน่”
ตะวันถึงกับนิ่งเงียบไป เมื่อพ่อถามกลับอย่างไม่ทันตั้งตัว
“ตะวัน เอ่อ ตะวันคบกับคุณคลาสครับ”
“อะไรนะ คบกันหมายความว่ายังไงน่ะ”
ทั้งพ่อและแม่ต่างอุทานเสียงดังด้วยความตกใจ
“ก็เอ่อ แบบเป็นแฟนกัน คบหากัน ประมาณนั้นน่ะครับ”
“ตาเถร”
คนเป็นแม่ทำไม้ทำมือเหมือนจะเป็นลม
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะลูก แล้วตะวันรู้มั๊ยว่าคุณคลาสเตอร์เป็นมาเฟีย มันไม่ปลอดภัยเลยนะ”
“ตะวันรู้ครับพ่อ แต่ว่า .. พี่คลาสดีกับตะวัน”
คิมห์ตะวันก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิดที่ทำให้พ่อกับแม่ไม่สบายใจ รู้ดีอยู่แล้วว่าเรื่องแบบนี้คงไม่ใช่จะมีใครสามารถทำใจยอมรับกันได้ง่ายๆ ขอบตาเริ่มร้อนผ่าวและเอ่อคลอไปด้วยหยาดหยดน้ำใสที่ใกล้จะรินไหลลง
“ร้องไห้ทำไมลูก พ่อเขาไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย”
แม่ดึงร่างเล็กๆ ไปสวมกอดไว้อย่างอ่อนโยนเพื่อปลอบประโลม ตั้งแต่เล็กจนโตลูกชายของเธอเป็นเด็กดีมาตลอด ไม่เคยมีสักครั้งที่จะทำให้เธอและคนเป็นพ่อต้องเสียใจ
“ลูกจะคบจะรักกับใคร พ่อไม่ว่าหรอกนะ ขอแค่ให้เขารัก ดูแล และปกป้องลูกของพ่อได้ก็พอ”
ดวงตาโตลุกวาวเมื่อได้ยินคำบอกของพ่อ รู้สึกดีใจจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
“จริงเหรอครับ ตะวันคบกับพี่คลาสได้เหรอครับ”
“ได้สิ แต่เราต้องเจียมตัวไว้ด้วยนะลูก เรากับเขา มันคนละชั้นกัน”
“ครับ ตะวันจะจำไว้ ขอบคุณครับพ่อ ขอบคุณครับแม่”
หนุ่มน้อยโผเข้าไปสวมกอดผู้เป็นพ่อและแม่ด้วยความรู้สึกอุ่นใจ อย่างน้อยก็หมดอุปสรรคเรื่องพ่อกับแม่ไปหนึ่งเรื่องแล้ว
“เดี๋ยวตะวันมานะครับ”
ร่างเพรียวรีบลุกขึ้นและวิ่งหายออกมาด้านนอก เดินตามหาชายหนุ่มรอบๆ บริเวณบ้าน ก่อนจะเอ่ยถามสาวใช้ถึงได้รู้ว่าเขาอยู่ที่หลังบ้าน
คนตัวโตนอนหลับตาอยู่บนเก้าอี้ยาว ลมเย็นๆ พัดมาเอื่อยๆ คิดถึงแต่เรื่องของคิมห์ตะวัน ตลอดเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันเขามีความสุขมาก เขาชอบรอยยิ้มสดใส คำพูดที่ไม่เสแสร้ง แล้วก็เรื่องบนเตียง
เอ๊ะ .. หรือว่าเขาจะเริ่มตกหลุมรักคนตัวเล็กเข้าโดยไม่รู้ตัวกันนะ
ดวงตาคู่คมลืมขึ้นจากสัมผัสนุ่มละมุนที่ประทับลงบนผิวแก้ม มองเห็นใบหน้าหวานที่ยิ้มเขินๆ ปากบางอมชมพูอยู่ใกล้ๆ จนน่ากระชากมาจูบเสียจริงๆ
“ขโมยหอมแก้มพี่เหรอครับ หืม”
แขนแข็งแรงรวบตัวหนุ่มน้อยมานั่งบนตักกว้าง หอมแก้มใสซ้ายทีขวาทีอย่างหยอกล้อ แต่คนตัวเล็กกลับหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ
“เดี๋ยวนี้กล้านักนะ กลับห้องเมื่อไรจะจัดหนักให้ดู”
รอยยิ้มร้ายเหมือนปีศาจบนหน้าหล่อเหลาแสดงให้เห็นว่าเขาจะทำอย่างที่พูดจริงแท้และแน่นอน
“เหรอครับ”
ตะวันลอยหน้าลอยตาถามอย่างยียวน
“มัดจำไว้ก่อนแล้วกัน”
พูดพร้อมกับจูบปากบางหนักๆ หนึ่งที
“อื้อ พี่คลาส พ่อกับแม่อยู่ในบ้านนะครับ”
มือเนียนผลักร่างสูงออกห่าง เมื่อคิดได้ว่าในสถานที่แห่งนี้ไม่ได้อยู่กันเพียงตามลำพังเท่านั้น
“ก็ดีสิ จะได้รู้ไปเลยว่าเราเป็นอะไรกัน ไหนมาจูบอีก”
คลาสเตอร์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้อย่างซุกซน ในขณะที่คนตัวเล็กพยายามดันหน้าหล่อเอาไว้อย่างไม่ยินยอม
ภาพที่ทั้งสองหยอกล้อกันด้วยท่าทางสนุกสนานและรักใคร่ อยู่ในสายตาของผู้เป็นพ่อและแม่ของหนุ่มน้อยตลอด
“พ่อ พ่อคิดว่าคุณคลาสเตอร์จะรักลูกเราจริงๆ หรือเปล่า”
แม่เอ่ยถามสามีด้วยความสงสัย สีหน้าบ่งบอกว่าหนักใจไม่ใช่น้อย
“เรื่องนี้ไม่มีใครตอบได้หรอก แต่ตอนนี้ให้เขาเอ็นดูตะวัน ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือไง”
“มันก็ใช่ แต่ถ้ามาเฟียคนนี้หลอกลูกเราล่ะพ่อ”
“อืม พ่อก็กลัว แต่พ่อก็ไม่เคยเห็นตะวันมีความสุขขนาดนี้ อะไรที่เป็นความสุขความสบายใจของลูกก็ปล่อยไปเถอะ อย่าไปคิดมากเลย ลูกเหนื่อยกับเรามามากแล้ว”
ผู้เป็นแม่ไม่พูดอะไรต่อเพียงแต่พยักหน้ารับ ถ้าลูกของเธอมีความสุข เธอก็พลอยมีความสุขไปด้วย
He’s dangerous MAFIA