เรื่องนี้ไม่มีคนโง่ [DRAMA 18+ drugs] 16 (7.10.20) Special short part
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องนี้ไม่มีคนโง่ [DRAMA 18+ drugs] 16 (7.10.20) Special short part  (อ่าน 6486 ครั้ง)

ออฟไลน์ Lambosasha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด  การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐานในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น  ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม  เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
    7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
    7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
    7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-10-2020 16:23:52 โดย Lambosasha »

ออฟไลน์ Lambosasha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
“ผู้คนไม่ได้โง่ แต่โลกมันยาก” – Richard Thaler

(People aren’t dumb. The world Is Hard)



INTRO

“เลือกมาสิวิน ลูกจะอยู่กับใคร”

“อยู่กับแม่” เด็กน้อยโผเข้ากอดเอวแม่ของเขาไว้แน่น ดวงตาสีดำขลับหรุบลง ไม่กล้าสบสายตาผู้เป็นพ่อ ที่กำลังเกรี้ยวกราดจนหน้าแดงก่ำ

“มึงมันโง่ จำคำกูไว้นะไอ้วิน อยู่กับแม่มึง มึงจะมีแต่ความซวย ความฉิบหาย”

“ฮืออออออ”

“คุณเป็นบ้ารึไง ทำไมต้องแช่งลูก” แม่อุ้มเด็กชายเทวินในวัย 5 ขวบขึ้นสู่อ้อมอก เด็กน้อยร้องไห้จ้าเพราะตกใจกลัวเสียงดังของพ่อ แต่พอแม่อุ้มมากอดไว้ ก็เริ่มสงบลง

พลางมองดูพ่อและแม่ที่ยังทะเลาะกันไม่หยุดทั้งน้ำตา

***

เทวินเติบโตขึ้นในบ้านหลังเล็กๆ ที่แม่เช่าไว้ หลังจากหย่ากับพ่อของเขาเมื่อตอนที่เขาอายุเพียง 5 ขวบ แม่ตรากตรำทำงานหนักเลี้ยงดูเขามาตลอด 11 ปีที่ผ่านมา แม้ชีวิตจะไม่ได้สุขสบายเท่าตอนที่อยู่กับพ่อ แต่พวกเขาสองแม่ลูกก็ไม่ถึงกับอดอยาก

จนกระทั่งวันหนึ่ง วันที่แม่พาผู้ชายคนนั้นมา โลกของเทวินก็เปลี่ยนไป

ความลำบากทำให้แม่ตัดสินใจเลือกผู้ชายคนหนึ่งที่มีฐานะ ชาวบ้านแถวนั้นเรียกมันว่า เสี่ยน้อย

มันเป็นลูกชายคนเดียวของพ่อเลี้ยงคนหนึ่งในย่านนั้น เป็นพวกค้ายาและคุมบ่อนกับซ่อง มันมาติดใจแม่ที่ยังสาวและสวยของเขา หลอกล่อแม่ด้วยเงินก้อนโต ทำให้แม่ยอมตกลงปลงใจกับมัน และพาเขาไปอยู่ที่บ้านหลังนั้นด้วยกัน

คำสาปแช่งของพ่อ เริ่มทำงานตั้งแต่นั้นมา

มันอาจจะดูงมงาย และเทวินก็ไม่เคยคิดถึงคำก่นด่าสาปแช่งพวกนั้น เขาลืมมันไปหมดแล้วด้วยซ้ำ เขาคิดว่าการได้อยู่ในบ้านหลังใหญ่โตโอ่อ่าก็สุขสบายดี มีคนรับใช้เรียกเขาว่า คุณหนู และคอยปรนนิบัติอย่างดี แม่กลายเป็นนายหญิงของบ้านนั้น และเทวินก็เต็มใจที่จะเรียกพ่อเลี้ยงคนใหม่ว่า พ่อ อย่างเต็มปาก

“วันเกิดเหรอ เออ อยากได้อะไรล่ะเจ้าตัวเล็ก” คุณปู่คนใหม่ที่ไม่มีหลาน พอได้เทวินมาอยู่ด้วย ก็รักใคร่เอ็นดูมากมาย เขาอยากได้อะไร ปู่ก็หามาให้ทุกอย่าง

เทวินก็ช่างออดอ้อนเอาใจคนแก่ ทั้งบีบนวด หาข้าวหาน้ำมาให้ ราวกับเป็นปู่หลานแท้ๆ

“อะไรก็ได้ครับ คุณปู่ แต่ช่วงนี้ที่โรงเรียนของวินเขาฮิตนาฬิกาแบบนี้กัน” เทวินยื่นสมาร์ทโฟนหลักหมื่นที่ปู่ซื้อให้ไปให้ดู ในรูปคือนาฬิกาแบรนด์ดังระดับไฮเอนด์ ราคาหลักแสน

“โอ้ เด็กสมัยนี้เขาใช้ของแบบนี้กันเลยรึ” ปู่ตาโต วินรีบบีบนวดต้นขาให้คุณปู่อย่างเอาใจทันที แต่หน้าตานั้นสลดลงอย่างชัดเจน

“ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ มันแพงไป วินเข้าใจ”

“โอ๋ๆ หลานรักของปู่ แค่นี้ทำไมปู่จะให้เจ้าไม่ได้ล่ะ ไปซื้อกันวันนี้เลยดีมั้ย” คุณปู่เอง พอเห็นหลานทำหน้าเศร้า ก็ทนไม่ไหว สุดท้ายก็พากันไปซื้อนาฬิการาคาหลักแสนเรือนใหม่มาให้เทวินใส่อวดเพื่อนเล่นๆ

***

“โหววว เรือนนี้เป็นแสนจริงดิไอ้วิน สุดยอดเลยว่ะ ปู่มึงรวยสัสๆ” ไอ้ปริม เพื่อนรักของเทวินตั้งแต่สมัยม.ต้น จนถึงม.4 ตาลุกวาวมองนาฬิกาเรือนใหม่บนข้อมือของเทวินอย่างตื่นเต้น

“ไม่ได้มีแค่นี้นะ เดี๋ยววันนี้พ่อกูกลับมา เห็นบอกว่าจะซื้อของขวัญมาเซอร์ไพรส์ด้วย ไปเที่ยวต่างประเทศกับแม่กูตั้งหลายวัน น่าจะเป็นของจากเมืองนอกแน่ๆ เลยว่ะ ฮ่าๆ” เทวินโอ้อวดให้เพื่อนฟัง ปริมรู้สึกอิจฉา ได้แต่กัดปากมองนาฬิกาของเทวินตาละห้อย ชนชั้นกลางอย่างปริม ไม่มีบุญแม้แต่จะได้แตะของแบบนี้ด้วยซ้ำ

“มึงแม่ง เกิดมาโชคดีจริงๆ”

“ฮี่ๆ” เทวินหัวเราะชอบใจ

ใช่ การที่แม่เลือกพ่อคนนี้ เป็นความโชคดีของเขาจริงๆ

ตกเย็น พ่อเลี้ยงที่เพิ่งกลับจากต่างประเทศก็ตรงมารับเทวินที่โรงเรียนพร้อมรถเบนซ์คันหรูรุ่นใหม่เอี่ยม เพื่อนๆ ของเทวินต่างมองกันตาเป็นมัน เพราะส่วนใหญ่เด็กโรงเรียนนี้จะมีแค่ฐานะปานกลางไปถึงยากจน

“ป๊ะป๋า” เทวินโผเข้ากอดพ่อเลี้ยงด้วยความดีใจ พ่อเลี้ยงของเขาอายุแค่ 30 ต้นๆ ยังหนุ่มมากและหล่อมาก เทวินรักพ่อเลี้ยง ภูมิใจที่มีพ่อเท่ๆ แบบนี้มารับที่โรงเรียน เขาชอบเวลาที่เพื่อนอิจฉาเขากับพ่อเลี้ยง

“เป็นเด็กดีหรือเปล่าเรา” พ่อเลี้ยงกอดตอบเทวินที่สูงอยู่แค่ช่วงอกของตน เจ้าตัวเล็กของพ่อเลี้ยงซุกหน้ากับอกอุ่นๆ พลางพยักหน้า

“เด็กดีก็ต้องได้รางวัล เรารีบกลับไปเปิดของขวัญที่บ้านกันดีกว่าครับ”

“ครับป๊ะป๋า”

กลับมาถึงบ้าน แม่ของเขารออยู่แล้ว พร้อมของขวัญกล่องใหญ่ที่พ่อเลี้ยงบอก เทวินดีใจ รีบวิ่งเข้าไปแกะของขวัญกล่องใหญ่ด้วยความตื่นเต้น เขาไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าเศร้าหมองของแม่เลยแม้สักนิด

ของขวัญที่พ่อเลี้ยงซื้อมาฝากคือ กล้องโทรทรรศน์สำหรับดูดาว เพราะเทวินเคยบอกพ่อเลี้ยงว่าอยากได้

“ว้าว ขอบคุณมากครับ ป๊ะป๋า” เขาโผเข้ากอดพ่อเลี้ยงพร้อมกับหอมแก้มซ้ายขวาด้วยความดีใจสุดขีด พ่อเลี้ยงเองก็หอมแก้มเทวินกลับ และอุ้มเทวินให้นั่งบนตัก แม้เทวินจะอายุ 16 ปีแล้ว แต่เขาขาดพ่อมานาน เลยคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติระหว่างพ่อลูก และแม่ของเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรด้วย

ทุกเช้าก่อนไปโรงเรียน เทวินจะต้องเข้าไปหอมแก้มแม่ พ่อเลี้ยงและกอดคุณปู่ ครอบครัวของเทวินตอนนี้มีแต่ความสุข แถมยังร่ำรวยเงินทอง เทวินมีความสุขจริงๆ ที่ได้อยู่ในบ้านหลังนี้

ที่โรงเรียนเองก็มีแต่เรื่องดีๆ มีสาวน้อยคนหนึ่งที่เรียนชั้นม.ต้น มาบอกชอบเขา เทวินเลยตอบตกลง เพราะเขาไม่รู้ว่าจะปฏิเสธคนที่รักเราทำไม คบๆ ไป ถ้าไม่ใช่ก็ค่อยเลิก

“พี่วินใจดีจัง” สาวน้อยที่มาบอกรักและเขาก็ยอมตอบตกลงคบกัน ชื่อว่า เหมย เป็นลูกอาแปะที่ขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโรงเรียน เทวินไม่รู้สึกรังเกียจคนทำมาหากินด้วยอาชีพสุจริตอยู่แล้ว ขนาดพ่อเลี้ยงเป็นพวกมาเฟีย เขายังไม่รู้สึกรังเกียจเลยสักนิด

คนเรามันตัดสินกันจากภายนอกหรืออาชีพการงานไม่ได้อยู่แล้ว

เทวินคิดแบบนั้น

“ถ้าเหมยเชื่อฟังพี่ พี่จะใจดียิ่งกว่านี้อีกครับ” เทวินยิ้มเท่ให้เหมย จนสาวน้อยใจเต้นแรง หน้าแดงก่ำ

วันนี้เขาซื้อของขวัญมาให้เหมย เป็นกำไลข้อมือทองราคาหลายพันบาท เพราะเขาคิดว่าเธอใส่แล้วจะต้องสวย ผิวของเหมยขาวแบบลูกคนจีน เลยเหมาะกับทอง

ในห้องเก็บของเก่าของโรงเรียนที่ไม่ค่อยมีใครผ่านไปมา และค่อนข้างมืดสลัว เทวินกดร่างของเหมยลงบนเบาะเก่าๆ ที่น่าจะเคยถูกใช้เป็นเบาะรองในคาบพละ หลังจากให้ของขวัญเธอไปแล้ว เขาก็คิดว่า เธอน่าจะยอมเขาทุกอย่าง

เหมือนที่เขารับของขวัญพวกนั้นจากปู่และพ่อเลี้ยง แลกกับการที่เขาทำตัวเป็นเด็กดี และเชื่อฟัง

คนเราน่ะ ไม่ทำอะไรโดยไม่ต้องการสิ่งตอบแทนหรอก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-10-2020 12:30:42 โดย Lambosasha »

ออฟไลน์ Lambosasha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
1
ตอนนี้เทวินอายุ 17 ปีแล้ว จากเด็กชายตัวเล็กๆ เขาเริ่มสูงและตัวใหญ่ขึ้น เพราะอยู่บ้านเสี่ยน้อย พ่อเลี้ยงของเขา ทำให้กินดีอยู่ดี ด้วยความที่เขาหน้าตาดีเหมือนแม่ แถมยังสูงยาวเข่าดี เลยยิ่งมีสาวๆ ในโรงเรียนมาชอบเพิ่มขึ้น พอดีกับที่เขาเริ่มเบื่อเหมยแล้ว

“พี่วิน! ทำไมทำกับเหมยแบบนี้” เหมยกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อ เธอจับได้ว่าเทวินมีอะไรกับเพื่อนของเธอ ในห้องเก็บของของโรงเรียน ห้องเดียวกับครั้งแรกของเธอ

“ถ้าไม่พอใจ ก็เลิกสิ”

เพี๊ยะ!

เสียงฝ่ามือกระทบกับซีกหน้าด้านซ้ายของเขาจังๆ ดังก้องไปทั่วสนามบาสฯ เด็กแถวนั้นต่างหันมามองกันหมด หลายคนเริ่มซุบซิบกันว่าเกิดอะไรขึ้น

“เหมยเกลียดพี่!” เหมยตะโกนใส่หน้าเขาทั้งน้ำตานองหน้า ก่อนจะวิ่งหนีไป

หายไปจากชีวิตกันและกัน ตลอดกาล

“มึงแม่ง ชั่วได้ใครวะ” แม้แต่ปริมก็ยังรับไม่ได้กับสภาพของเพื่อนสนิท แต่ไม่มีใครห้ามปรามเขาได้เลย ไม่ว่าใครก็ตาม

เทวินยังคงใช้ชีวิตเหมือนเดิม คบๆ เลิกๆ ใครเข้ามาก็เอา บางครั้งก็ทำให้มันจบๆ ไป ไม่ได้มีความรักความผูกพันใดๆ ต่อกัน

เขาไม่เคยรักใคร เพราะเขารักแค่ตัวเอง

อะไรก็ได้ที่ทำแล้วตัวเองสบาย ไม่ต้องเจ็บปวด เขายอมทำทั้งนั้น

***
“แม่ มีรอยเพิ่มขึ้นอีกแล้ว” หลังๆ มานี้ เทวินเพิ่งสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงบางอย่างบนร่างกายของแม่ และมันเริ่มจะลามมาถึงใบหน้า

“ก็แค่ล้มธรรมดาน่ะ” แม่ขัดเครื่องเพชรไปพูดไป วันนี้พ่อเลี้ยงของเขาไม่อยู่ เหมือนจะออกไปดูบ่อนแถวนี้ ส่วนปู่ก็นอนกลางวันอยู่ในห้องนั่งเล่น

เขาขมวดคิ้วมองหน้าที่มีรอยฟกช้ำของแม่อย่างหงุดหงิด เขาไม่เคยเห็นพ่อเลี้ยงทะเลาะหรือทุบตีแม่เลยสักครั้ง แต่ก็ไม่แน่ว่าอาจจะทำลับหลังเขาหรือเปล่า เทวินเป็นห่วงแม่ และกังวลว่าชีวิตสุขสบายตอนนี้จะหมดไป หากแม่ต้องเลิกกับพ่อเลี้ยง เขาจึงไม่ถามอะไรอีก ถ้าแม่ไหว เขาก็ไหว

“พรุ่งนี้ผมไปเที่ยวกับพวกไอ้ปริมนะแม่ ไปต่างจังหวัด ป๊ะป๋าบอกว่าให้ยืมรถไปขับด้วย”

“แต่แกยังอายุไม่ถึงนะ ใบขับขี่ก็ไม่มี” สีหน้าของแม่ทั้งห่วงและกังวลอย่างมาก

“ไม่เป็นไรน่าแม่ วินขับได้ จะระวังสุดๆ เลย รับรองไม่ต้องห่วง” เขาว่าพลางกอดเอวแม่และหอมแก้มฟอดใหญ่อย่างเอาใจ

แล้วจะมีใครที่ขัดใจลูกรักของเสี่ยน้อยกับหลานรักของคุณปู่ใหญ่ได้มั้ยล่ะ ตอบ!

วันนั้น เทวินขอยืมรถสปอร์ตคันสีแดงของพ่อเลี้ยงไปขับ พาเพื่อนๆ ไปเที่ยวทะเลที่พัทยา เพราะคิดว่าระยะทางไม่ไกลมาก ไม่น่าอันตราย และแค่ไปเช้า-เย็นกลับ เพื่อนที่ไปด้วยกันมีปริม เพื่อนสนิทตั้งแต่ม.ต้น และต้นตาลกับไผ่ ที่อยู่กลุ่มเดียวกันตั้งแต่ขึ้นม.4

ขาไปไม่มีอะไรผิดปกติ ด้วยความที่พ่อเลี้ยงสอนเขาขับมาอย่างดี เทวินพาเพื่อนเที่ยวทั้งวัน แทบทั่วพัทยา เล่นน้ำทะเลกันสนุกสนานจนตัวเหนียวเหนอะไปหมด แล้วก็ไปนั่งตากลมให้เสื้อผ้าแห้งริมหาด

“มึงๆ คนนั้นสวยว่ะ หุ่นเอ็กซ์มาก” ต้นตาลชี้ชวนเพื่อนให้มองสาวฝรั่งผมทองนางหนึ่งที่สวมชุดบิกินี่โชว์อกและเกือบจะเห็นถึงของสงวนตรงหว่างขา ทุกคนมองตามพลางกลืนน้ำลาย

“เข้าไปจีบดิ” ปริมเอาศอกสะกิดแขนของเทวิน เพราะคนที่เก่งภาษาอังกฤษที่สุดในกลุ่มคือเขา

เทวินเลยอาสาเข้าไปลองจีบสาวฝรั่งให้เพื่อนดู คุยกันไม่กี่คำเธอก็ยอมมานั่งเล่นกับพวกเขาแล้ว เพราะเธออยู่เมืองไทยตั้งแต่เด็ก เลยพูดไทยได้ชัดเจน ระหว่างที่คุยกันเฮฮาและพากันดื่มของมึนเมาตั้งแต่บ่ายโมง ก็มีผู้ชายคนหนึ่งโผล่มาตามสาวฝรั่ง

“อลิส!”

“โอ้ เป๊ป” สาวเจ้ารีบขอตัววิ่งไปหาไอ้หนุ่มนั่นทันที พวกเขามองมันอย่างหงุดหงิด ผู้ชายคนนั้นดูแล้วน่าจะอายุพอๆ กับพวกเขา ตัวไม่สูงมาก แต่รูปร่างดี มีกล้ามเนื้อ สวมเสื้อเชิ้ตฮาวายหลากสีไม่ติดกระดุมสักเม็ด กับกางเกงเลย์ขาเต่อสีเทา หัวยุ่งๆ เหมือนคนเพิ่งตื่นและมีแว่นกันแดดคาดบนหัว

“มันอันตราย ไปคุยกับคนแปลกหน้าได้ยังไง เดี๋ยวพี่จะฟ้องแม่” เสียงไอ้หมอนั่นลอยมาเข้าหู เทวินไม่ค่อยพอใจและไม่ชอบขี้หน้ามันเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่อยากมีเรื่องในต่างถิ่น

“ไม่แปลกหน้าหรอก รู้จักแล้ว คนนั้นชื่อวิน เฮ้ วิน!” อลิสหันมาโบกมือเรียกเขา เทวินส่งยิ้มแกนๆ ให้เธอ เพราะเห็นสายตาดุดันจ้องมาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อของไอ้หมอนั่น

แล้วอลิสก็ดันลากไอ้หน้าหงิกนั่นมาหาพวกเขา เพื่อจะแนะนำให้รู้จัก ทุกคนยิ้มแย้มทักทาย ยกเว้นเขาที่ไม่ค่อยถูกชะตากับมัน

“นี่พี่ชายเรา ชื่อ เป๊ปซี่”

เทวินหลุดขำ น้องชื่ออลิส แต่พี่ดันชื่อเป๊ปซี่เนี่ยนะ

“ขำเหี้ยไรวะ” มันเลิกคิ้วจ้องหน้าเขาอย่างหาเรื่อง เทวินผุดลุกขึ้นปะทะสายตากับมัน อีกฝ่ายตัวเล็กกว่าเขานิดหน่อย ดูจากความสูงของไหล่

“ทำไมกูจะขำไม่ได้ เห็นนกเห็นปลากูก็ขำแล้ว” เขายักคิ้วกวนๆ กลับ

อีกฝ่ายทำท่าจะพุ่งมาคว้าคอเสื้อ แต่น้องสาวมันดึงแขนไว้ก่อน

“ไม่เอาน่าเป๊ป ไม่ทะเลาะกันนะ เป็นเพื่อนกันเถอะ” เพราะอลิสว่าอย่างนั้น พวกเขาเลยต้องยอมรับมันเข้ากลุ่มเป็นการชั่วคราว ไม่อย่างนั้นอลิสก็จะไม่ได้เที่ยวเล่นด้วย แต่ไอ้เป๊ปมันมีมอเตอร์ไซค์ ตัวนิดเดียวแต่ขี่บิ๊กไบค์เสียด้วย เทวินอดหมั่นไส้ไม่ได้

“รถมึงสวยดีนี่” มันชมตอนที่เห็นรถสปอร์ตคันสีแดงของเขา “บ้านรวยเหรอวะ”

เทวินยักคิ้ว “เออ”

ถึงแม้จะรวยเพราะแม่ยอมทนอยู่กับพ่อเลี้ยงก็เถอะ เขาสบถในใจ พอคิดถึงแม่ก็เครียดขึ้นมานิดหน่อย เลยกระดกเหล้าเข้าปากจนหมดขวด

“เฮ้ย ไอ้วิน มึงแดกเยอะไปแล้ว เดี๋ยวขับกลับไม่ไหว พวกกูจะทำไง ไม่มีใครขับได้เลยนะเว้ย” ปริมท้วงเมื่อเห็นเทวินกระดกเหล้าอีกขวด

“กูไม่เมาง่ายๆ หรอกน่า” เขาว่าก่อนจะเปิดขวดที่ 3

เทวินรู้สึกมึนหัวไม่มาก เขาทิ้งตัวลงนอนแผ่หรากับผืนทราย ให้น้ำทะเลเย็นๆ สาดซัดมาที่ปลายเท้า เพื่อนๆ นั่งกินอาหารกับอลิสอยู่ในร่ม มีแค่เป๊ปซี่ พี่ชายของหล่อนที่เดินออกมายืนค้ำบนหัวของเขา

“ไหวมั้ยวะ”

เทวินส่ายหน้า หน้าของเขาแดงก่ำ และรู้ตัวว่าเมามาก

“ขับรถไม่ไหวก็ค้างบ้านกูก่อนได้นะ”

เขาเหลือบตาขึ้นมองหน้าคนพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ จริงอยู่ว่าไม่ชอบขี้หน้ากันในทีแรก แต่ก็ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร เพียงแต่ เทวินไม่ค่อยชอบไว้ใจใครง่ายๆ โดยเฉพาะคนที่เกลียดขี้หน้าแต่แรกเจอ และไม่ได้มีประโยชน์สำหรับเขา

“ไม่เป็นไร กูขับไหว แค่พักอีกสักแป้ป”

เทวินขับรถพาเพื่อนๆ กลับบ้านในตอนเย็น ประมาณ 6 โมงได้ ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีและความมืดค่อยๆ คืบคลานเข้ามา เขายังมึนนิดหน่อย แต่คิดว่าตัวเองไหว เป๊ปซี่ขี่บิ๊กไบค์พาอลิสตามมาส่งจนกว่าจะถึงสุดเขตจังหวัดชลบุรี เผื่อเทวินไม่ไหวจะได้ขอเปลี่ยนไปช่วยขับแทน

เพราะขามาขับมาได้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เทวินจึงย่ามใจและมั่นใจ ทั้งที่เมาแต่ก็ยังฝืนขับ ถนนสองข้างทางแถวต่างจังหวัดมันจะมีบางช่วงที่ค่อนข้างมืด และตัวเขาที่ยังเบลอ ก็เผลอหลับไปเพียงพริบตาเดียวเท่านั้น

มันเป็นแค่ชั่วพริบตาเดียว

ที่เขาจะต้องจดจำไปจนวันตาย

“ไอ้วิน!” “เฮ้ย!” “เหี้ยแล้ว!”

เอี๊ยด!!! โครม!!!!

เสียงรถเบรคดังลั่นถนนพร้อมกับเสียงกระแทกอย่างแรงจนมอเตอร์ไซค์คันหน้าพุ่งกระเด็นไปไกล ไถลไปตามถนนเกือบ 10 เมตร โชคดีที่คนขับสวมหมวกกันน็อค แต่ก็บาดเจ็บสาหัส แต่โชคร้ายที่คนซ้อนท้ายซึ่งเป็นเด็กวัยประถม ตายคาที่

เทวินช็อคจนมือไม้สั่น รถของเขาแค่เบี่ยงเข้าข้างทาง เพื่อนๆ ทุกคนปลอดภัยดี รวมทั้งตัวเขาด้วย

“วิน! วินเป็นอะไรกันรึเปล่า” เสียงเคาะกระจกรถดังจนเทวินสะดุ้ง เขาหันไปมองน้ำตาคลอ เห็นหน้าของเป๊ปเป็นคนแรก เป๊ปดึงเขาลงจากรถ แล้วกอดไว้แน่น ปลอบขวัญเขาที่กำลังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยไม่ได้ต่อว่าเขาสักคำ

อลิสกำลังโทรเรียกรถพยาบาล รถฉุกเฉิน เรียกทุกอย่างเท่าที่นึกออกอย่างร้อนรน รถตำรวจมากันให้วุ่นวาย เทวินกับเพื่อนๆ ถูกพาตัวไปที่สถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุด

พ่อเลี้ยงรีบบึ่งรถมาทันทีที่ตำรวจโทรไปที่บ้าน เตรียมทั้งทนายและเงินสดมมาพร้อม เพื่อประกันตัวลูกชาย

“ป๊ะป๋า ผม ผม...” เขาเอ่ยเรียกพ่อเลี้ยงปากคอสั่น พ่อเลี้ยงโผเข้ากอดเขาไว้ทั้งตัว ลูบหลังลูบหัวปลอบโยนด้วยความรัก

“ไม่เป็นไรนะวิน ไม่เป็นไรครับ มันจะต้องผ่านไป ไม่เป็นไร” น้ำเสียงอ่อนโยนนั้นช่วยปลอบประโลมจิตใจเหลือเกิน เทวินหลับตาลงและปล่อยให้พ่อเลี้ยงกอดปลอบอยู่อย่างนั้นเกือบทั้งคืน

สุดท้ายทนายช่วยไกล่เกลี่ยและประกันตัวเทวินมาได้ โดยพ่อเลี้ยงของเขายอมรับผิดแทน เพราะยังไงรถก็เป็นชื่อของพ่อเลี้ยง บุญคุณครั้งนี้ เทวินไม่รู้จะชดใช้อย่างไรดีจริงๆ

แม้จะยังอดสงสัยไม่ได้ว่า คนดีขนาดนี้ จะทำร้ายแม่ของตนได้ลงหรือ

เหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นเรื่องที่ฝังใจเทวินมากที่สุดแล้ว เขานอนผวาอยู่เป็นเดือน จนพ่อเลี้ยงต้องพาไปพบจิตแพทย์ จึงอาการดีขึ้นบ้าง แม้ไม่ปกติ 100%

เขาจำภาพวันที่ไปงานศพของเด็กผู้หญิงคนนั้นได้ดี พ่อของเด็กต่อยหน้าพ่อเลี้ยงของเขา โวยวายด่าทอสารพัด ส่วนเขาทำได้แค่ยืนตัวสั่นอยู่ข้างแม่

ไม่กล้าแม้แต่จะก้าวขาออกไปยอมรับความจริง

แต่เรื่องเฮงซวยในชีวิตของเทวินไม่ได้หมดลงแค่นั้น มันเหมือนเป็นทั้งคำสาปแช่งของพ่อและบาปกรรมที่เขาทำเด็กคนนั้นตาย

ในคืนที่เทวินนอนไม่หลับ และพ่อเลี้ยงก็ไม่อยู่บ้าน เขาลุกออกจากห้อง เพื่อจะไปหาน้ำดื่มแก้กระหาย และในตอนที่เดินผ่านห้องทำงานของปู่

เขาได้ยินเสียงของแม่

เสียงร้องไห้ เสียงกรีดร้อง มันทรมานจนบาดลึกเข้าไปกลางหัวใจ

เทวินหอบหายใจถี่ แอบแง้มประตูเข้าไปดู แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่ามันคืออะไร

หัวใจของเขาเหมือนแหลกสลายไปแล้วครึ่งหนึ่ง

กับสิ่งที่ได้เห็น

ส่วนหัวใจที่เหลืออีกครึ่ง

มันกำลังร่ำร้อง เรียกร้อง

ให้เขาต้องทำอะไรสักอย่าง
***

เปลี่ยนชื่อตัวละครนิดหน่อย ให้มุ้งมิ้งขึ้นมั้ง 555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-10-2020 11:58:46 โดย Lambosasha »

ออฟไลน์ Lambosasha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
2
ของขวัญวันเกิดของเทวินตอนอายุครบ 18 ปี คือรถยนต์คันหรู New Porsche 718 Boxster สีขาว ราคากว่า 8 ล้านบาท ที่พ่อเลี้ยงทุ่มทุนจ่ายให้เขา ส่วนคุณปู่ใหญ่ให้บอดี้การ์ดมา 1 คน เพราะหลังจากนี้ เทวินจะต้องช่วยงานพ่อเลี้ยง และเขาเพิ่งเริ่มเรียนศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว อาจจะยังช่วยเหลือตัวเองได้ไม่มาก จึงต้องมีคนคอยดูแลไปก่อน

ชีวิตของเขาเหมือนสุขสบายและสมบูรณ์พร้อม แต่มันมากับภาระหน้าที่ที่เขาไม่ได้ต้องการ รวมทั้งเรื่องของแม่ ที่จำต้องทนอยู่ในสภาพเหมือนตายทั้งเป็น แต่ถ้าเขาไม่ทำตามที่ปู่สั่ง ชีวิตของแม่และเขาก็อาจจะตกอยู่ในอันตราย เทวินเรียนรู้หลายอย่างในช่วง 2-3 ปีที่ผ่าน ว่าความใจดีของคนพวกนี้มันมีเหตุผลเสมอ

เพราะเขาคือหุ่นเชิดตัวต่อไป ที่จะต้องทำหน้าที่ขับเคลื่อนความโสโครกโสมมทั้งหลายในชุมชนนี้

และเรื่องไม่คาดฝันในชีวิตของเทวินก็เกิดขึ้นอีกครั้ง

แม่ของเขาตั้งท้อง

แน่นอนว่ามันเป็นลูกของปู่ เพราะเทวินเพิ่งรู้มาไม่นานนี้ว่าพ่อเลี้ยงไม่เคยมีอะไรกับแม่เลย พ่อเลี้ยงไม่ได้รักแม่ คนที่พ่อเลี้ยงหลงรักและต้องการ คือ เขา

ถ้าแม่คลอดลูกชาย เด็กคนนั้นก็จะกลายเป็นทายาทเพียงหนึ่งเดียว เพราะมีสายเลือดของตระกูลจักราอภิวัฒน์ ไม่ใช่เขาที่เป็นแค่ลูกติดของแม่

“แม่ห้ามตายเด็ดขาด แม่ต้องอยู่กับวิน ถ้าแม่ทิ้งวิน ชีวิตของวินพังแน่” ทุกเช้าก่อนไปโรงเรียน เทวินจะมากำชับคำนี้กับแม่เสมอ เพราะระยะหลังมานี้ แม่เริ่มเหม่อลอยและมีอาการคล้ายคนเป็นโรคซึมเศร้าเข้าทุกที เขาสั่งให้บอดี้การ์ดส่วนตัวช่วยดูแลแม่ระหว่างที่เขาไปโรงเรียน ยิ่งแม่กำลังท้อง จิตใจยิ่งอ่อนแอและอ่อนไหว เขากลัวว่าแม่จะคิดสั้น

พอเดินลงมาที่ชั้นล่าง ก็เจอพ่อเลี้ยงที่กำลังจะไปทำงาน พ่อเลี้ยงยิ้มหวาน เดินเข้ามาหาเขา

“จะไปโรงเรียนแล้วเหรอครับ”

เขามองคนที่กำลังคล้องแขนโอบรอบคอตัวเองอยู่ด้วยรอยยิ้มที่ปั้นแต่งมาอย่างดี ทั้งการกระทำและแววตาเหล่านั้น เทวินรู้ตัวมาสักพักแล้วว่าพ่อเลี้ยงต้องการอะไรจากเขา อุตส่าห์เลี้ยงดูทนุถนอมจนเขาเติบใหญ่ขนาดนี้ เป็นผู้ชายในแบบที่พ่อเลี้ยงพึงพอใจ

เทวินยอมตามใจพ่อเลี้ยงเสมอ เขาวางมือบนเอวคอด “ครับ”

“มาให้ป๋าหอมให้ชื่นใจก่อน รถที่ให้ ใช้ระวังด้วยนะ อย่าขับไปชนใครอีกล่ะ”

เทวินยื่นแก้มซ้ายให้พ่อเลี้ยง มันเป็นความเคยชินไปแล้ว กับการทำแบบนี้ และเขาเองก็หอมแก้มพ่อเลี้ยงตอบด้วย

“ผมจะระวังครับ ป๊ะป๋า”

เทวินขับรถคันใหม่มาที่โรงเรียนแต่เช้าตรู่ เพื่อนๆ วิ่งกรูเข้ามาดูรถของเทวินด้วยความตื่นเต้น พวกผู้หญิงมองเขาด้วยความชื่นชมและต้องการ

สมัยก่อนตอนที่อยู่กับแม่สองคน ไม่มีใครสนใจเด็กตัวเล็กๆ ผอมกะหร่องอย่างเขาเลยสักคน ยกเว้นเพื่อนรักอย่างปริม แต่ตอนนี้เขาได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี จนตัวโตขึ้นมาก จากที่สูงแค่ 160 กว่าๆ มาตอนนี้เทวินสูงเพิ่มขึ้นเป็น 177 ซม. และเขาคิดว่ายังคงสูงได้มากกว่านี้อีก รูปร่างก็สมส่วนอย่างชายหนุ่ม ยิ่งเขาออกกำลังกาย เรียนศิลปะการต่อสู้ ร่างกายก็ดูบึกบึนขึ้น พวกสาวๆ เลยกรี้ดกร้าดกันน่าดู

“เรื่องมหาลัย เอาไงกันดีวะ ไอ้วิน มึงจะเรียนต่อมั้ย หรือพ่อมึงให้ไปช่วยงานเลย” ปริมถามขึ้น วันนี้พวกเขาต้องตัดสินใจเลือกมหาวิทยาลัยและคณะที่อยากเข้า เพื่อเอาไปปรึกษาอาจารย์แนะแนว

“เขาบอกให้กูเรียนต่อ แต่จะเข้าที่ไหนก็ได้ แล้วแต่กู”

“แล้วมึงจะเข้าที่ไหน กูได้เลือกด้วย”

เทวินกลอกตา “มึงจะตามกูไปทุกที่เลยหรือไง”

“ทำไมล่ะ กูไม่อยากไปเรียนคนเดียวนี่หว่า” ปริมเบะปาก “เมื่อก่อนกูเคยช่วยมึงตั้งหลายอย่าง ตามึงช่วยเหลือกูมั่งแล้วไง”

เทวินพ่นลมหายใจ พลางคิด เออ ก็จริงของมัน สมัยม.ต้นที่เขาโดนพวกรุ่นพี่ตัวโตๆ รังแก ปริมเคยช่วยไว้หลายครั้งจริงๆ

“กูอยากไปเรียนม.บูรพา”

“อยู่ที่ไหนน่ะมึง ชื่อคุ้นๆ” ปริมทำหน้านึก

“ชลบุรี” เขาตอบก่อนจะโน้ตลงไปในกระดาษแนะแนว

ปริมตาโต “ฮั่นแน่ มึงกะจะไปอยู่ใกล้ๆ อลิสล่ะสิ พูดแล้วก็คิดถึง ไม่เจอกันหลายเดือนแล้วนะ ล่าสุดก็ตอนไปงานปาร์ตี้ที่บ้านไอ้เป๊ป”

“อลิสบอกว่าไอ้เป๊ปก็จะเข้าที่นั่น” เทวินพูดจบก็ลุกขึ้น ถือเอกสารไปส่งที่ห้องแนะแนว

พวกเขายังติดต่อกับอลิสและเป๊ปซี่อยู่บ้าง เป๊ปซี่อายุเท่ากัน เรียนม.6 เหมือนกัน ส่วนอลิสอยู่ม.5 สองคนนั้นเป็นลูกพี่ลูกน้อง ไม่ใช่พี่น้องพ่อแม่เดียวกัน แต่ก็สนิทกันมาก เพราะมีกันอยู่แค่สองคน

[เหยด มึงจะเข้าม.บูจริงดิ? คณะไรวะ] เป๊ปซี่ทำเสียงประหลาดใจผ่านสายโทรศัพท์

“รัฐศาสตร์” เขาตอบสั้นๆ พลางหยิบมันฝรั่งในถุงมาเคี้ยว เอนหลังพิงหัวเตียงคุยโทรศัพท์กับเป๊ปซี่

“มึงล่ะ”

[กูว่าจะเรียนเทคโนโลยีทางทะเล]

“เออ เหมาะกับมึงดีนะ ไปเป็นเงือก” เขาพูดกลั้วหัวเราะ

[เงือกพ่อง เอามาพัฒนาชายฝั่งบ้านกูมั้ยล่ะสัส] เป๊ปหัวเราะตาม

“หวังว่าจะได้เจอมึงที่มหาลัยนะ เป๊ป...ซี่” เทวินลงท้ายคำว่าซี่ด้วยเสียงลากยาวเหมือนล้อเลียน ให้เป๊ปสบถด่าขำๆ อีกรอบ ก่อนที่เสียงเคาะประตูห้องนอนของเขาจะดังขึ้น

“ยังไม่นอนเหรอครับ วิน” พ่อเลี้ยงเดินถือแก้วนมอุ่นมาให้นั่นเอง เทวินขยับตัวลุกขึ้นนั่งดีๆ เพราะชุดนอนเป็นกางเกงบ็อกเซอร์
 
“คุยกับเพื่อนอยู่ครับ” เทวินเอามือป้องสมาร์ทโฟนในมือข้างหนึ่งไว้ “เดี๋ยวก็นอนแล้ว”

“อย่านอนดึกมากนะ ดื่มนมด้วยนะครับ” พ่อเลี้ยงยิ้มหวานให้พลางวางแก้วนมบนโต๊ะข้างเตียง เทวินเห็นว่าสายตาคู่นั้นเหลือบมองเป้ากางเกงของเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

[พ่อมึงน่ารักจังวะ มีเอานมมาให้กินก่อนนอน]

เทวินถอนหายใจ พลางเอ่ยเบาๆ กับตัวเอง “ก็แค่กะแดก”

[ห๊ะ? มึงว่าอะไรนะวิน]

“เปล่าๆ คุยเรื่องอื่นกันดีกว่า” เทวินรีบเปลี่ยนเรื่อง เมื่อกี้ ถ้าเขาไม่ได้คุยโทรศัพท์กับเป๊ปอยู่ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นมั้ย บางทีสายตาของพ่อเลี้ยงก็ทำให้รู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ

***

“วันนี้กูอาจจะกลับดึกนะ” เทวินกลับมาถึงบ้าน ก็เปลี่ยนชุดเป็นชุดไปรเวท เสื้อเชิ้ตลายทางสีเทาขาวกับกางเกงยีนส์ขาลอยหน่อยๆ และรองเท้าผ้าใบสีขาวล้วน วันนี้มีปาร์ตี้กับเพื่อนๆ เพราะเป็นคืนวันศุกร์

“ให้ผมไปรับมั้ยครับคุณวิน” บอดี้การ์ดหนุ่มร่างยักษ์ถามตามหน้าที่

เทวินยืนแต่งผมอยู่หน้ากระจกในห้องนอน “ถ้าเมา เดี๋ยวกูโทรบอกอีกที ฝากดูแม่กู อย่าให้คลาดสายตาด้วย”

“รับทราบครับ” แล้วบอดี้การ์ดก็โค้งให้เขาก่อนจะออกไปจากห้อง

เทวินแต่งตัวทำผมเสร็จ ก็เดินลงไปชั้นล่าง เห็นปู่กำลังคุยกับพ่อเลี้ยง ท่าทางตึงเครียด เขาเลยคิดว่าจะเลี่ยงเดินออกทางประตูหลังบ้าน แต่ปู่ก็กวักมือเรียกไว้ก่อน

เทวินยิ้มหวานให้คุณปู่ “ครับ คุณปู่”

“ได้ดูแม่มั่งหรือเปล่าเจ้าวิน”

เขาชะงัก หยุดยืนนิ่งข้างๆ พ่อเลี้ยง ตรงหน้าปู่ที่นั่งอยู่บนรถเข็น

“ก็ดูนะครับ ให้พงษ์คอยเฝ้าไว้ด้วย”

“ปู่ว่าจะให้แม่หลานไปรอผ่าคลอดที่โรงพยาบาลเร็วๆ นี้ คอยให้กำลังใจกันเยอะๆ ช่วงนี้สุขภาพคนท้องไม่ค่อยดี หมอก็บอกว่าไม่อยากให้เครียด”

“ครับ” เทวินก้มหน้าก้มตา

“แล้วนี่จะออกไปเที่ยวกับเพื่อนอีกแล้วรึ ไปผับของเราเอง แล้วอย่าลืมให้เพื่อนๆ ลองของใหม่ล่ะ”

เขายกยิ้มมุมปาก “แน่นอนครับคุณปู่”

เทวินเดินออกมาที่ลานจอดรถ เตรียมจะขึ้น New Porsche สีขาวคันใหม่ ตอนนี้เขามีใบขับขี่แล้ว และรถคันนี้ก็เป็นชื่อของเขาเองด้วย เลยต้องขับอย่างระมัดระวังยิ่งขึ้น ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำสอง

“วิน จะกลับดึกมากมั้ย” จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงทัก เขาหันไป เห็นพ่อเลี้ยงวิ่งออกมาหา

“ป๊ะป๋ากลัวนอนไม่หลับถ้าไม่มีผมอยู่เหรอ” เขาเอ่ยติดตลก แต่ทำอีกคนถึงกับหน้าขึ้นสี

“ป๋าแค่เป็นห่วงวินต่างหาก”

เขาหัวเราะเบาๆ “ไม่เกินตี 1 ครับ”

“แค่นั้นก็ดึกมากแล้ว ระวังตัวด้วยนะวิน” ชายหนุ่มวัย 30 กว่าๆ ที่ยังดูอ่อนเยาว์ แม้จะมีหนวดเคราบางๆ ปกปิดความเยาว์วัยบนใบหน้านั้นไว้โอบแขนคล้องคอวินเหมือนที่ชอบทำ “มาให้ป๋าหอมแก้มก่อนไป”

เทวินคลี่ยิ้มบางๆ ยื่นแก้มไปให้ แล้วก็หอมแก้มพ่อเลี้ยงคืนหนึ่งที

***

ค่ำคืนของเหล่าวัยรุ่นในแหล่งอโคจร ไม่ได้น่าพิศมัยเท่าไหร่นัก ในสถานที่ที่ทั้งมืดสลัวและแออัดไปด้วยผู้คน กลิ่นเหล้าและบุหรี่อบอวล ซึ่งเขาชินกับสิ่งเหล่านี้ไปแล้ว

ผับแห่งนี้เป็นของตระกูลจักราอภิวัฒน์ ปกติพ่อเลี้ยงเป็นคนดูแล แต่ปู่ยกให้เทวินแล้ว เขาจึงทำอะไรกับสถานที่แห่งนี้ก็ได้ เทวินจึงมักจะใช้จัดปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ที่ส่วนมากเป็นพวกลูกไฮโซที่รู้จักกันตามงานสังคม หน้าที่ของวินที่ปู่มอบหมายคือ ส่งยาให้เด็กพวกนี้ให้มากที่สุด และกอบโกยเงินทองมาให้เยอะๆ

“อืม วินขา แนนนี่เหมือนจะเมาแล้วอ่ะค่ะ พาแนนนี่ไปนอนชั้นสองหน่อยสิคะ” สาวร่างอวบ เนื้อนมไข่แน่นตึงทั้งตัวในชุดแซกสีแดงสด รวมกับลิปสติกและยาทาเล็บสีแดงของเธอแล้ว ช่างดูร้อนแรงจนเทวินรู้สึกร้อนเวลาอยู่ใกล้เธอ ร้อนในแบบที่ความหมายตรงตัว

เธอเข้ามากอดคอเขา เอาหน้าอกหน้าใจทรงโตที่ดันไว้จนล้นขอบเสื้อคอกว้างออกมาดันแก้มของเขา ถ้าเป็นเมื่อก่อน เทวินคงตื่นตัวพร้อมรบไปแล้ว แต่หลังจากนอนกับผู้หญิงมาหลายแบบหลายสไตล์ เขาก็เริ่มชินชา

“เดี๋ยวผมให้ไอ้พีพาไปแล้วกันครับ พี มานี่หน่อย” เขาโบกมือเรียกลูกน้องในร้าน

เด็กหนุ่มหน้าตาบ้านๆ คนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาทั้งสองคน ก่อนจะรับตัวแนนนี่จากเจ้านายไปพยุงไว้

“พาไปนอนชั้นสองที”

“โอเชครับพี่วิน” แต่พอพีจะพาเธอเดินไป กลับโดนสะบัดออกอย่างแรง

“ไม่เมาแล้วย่ะ” แล้วเจ้าหล่อนก็เดินสะบัดสะบิ้งทิ้งพวกเขาไปอย่างเสียอารมณ์

“แล้วนี่พวกมันไปไหนกันหมด” เทวินมองไปรอบๆ พลางถามพี ลูกน้องในร้านของเขาที่อายุมากกว่าด้วยซ้ำ แต่กลับต้องเรียกเด็กมัธยมว่าพี่

“คุณต้นกับคุณไผ่น่าจะอยู่โซน VIP ที่ชั้นลอยนะครับ เห็นว่ากำลังเต้นกับสาวฝรั่ง หุ่นยังงี้เลยพี่วิน” ไอ้พีทำหน้าทำตาและท่าทางประกอบว่าสาวใหญ่ทรงโตเซ็กซี่สุดๆ เทวินส่ายหน้าอย่างเอือมๆ กับเพื่อนของตัวเอง เจอฝรั่งหน่อยไม่ได้ เหมือนจะติดใจแนวยุโปรตะวันตกตั้งแต่เจออลิส

“แล้วไอ้ปริมล่ะ”

“เอ น่าจะอยู่แถวหลังเวที...”

เทวินผุดลุกพรวดขึ้น ไม่รอให้พีนึกนาน ปริมเป็นคนที่คลาดสายตาไม่ได้เลย เพราะมันเป็นพวกซื่อบื้อ ง่ายๆ และใจดีกับทุกคน คนแบบนี้มักจะโดนหลอกล่อง่าย เวลาพามาที่ผับ เขาจะคอยให้พนักงานช่วยกันดูแลเพื่อนๆ ทั้ง 3 คนอย่างดี แม้เขาจะขายให้กับพวกไฮโซทั้งหลาย แต่เขากับเพื่อนจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับมันโดยเด็ดขาด เขาทำเพราะเป็นหน้าที่ที่ปู่มอบหมายเท่านั้น

ทางฝั่งปริม เพราะพลัดหลงกับเพื่อนๆ อีก 2 คนที่ไปติดสาวฝรั่งชั้นลอย เลยมานั่งอยู่กับกลุ่มชายฉกรรจ์หมู่หนึ่ง ดูเหมือนจะเป็นพวกนักบิด เพราะสวมเสื้อหนังลายเดียวกันหมด แถมกำลังสูบบุหรี่เล่นยากันด้วย

“ไอ้ปริม!” เทวินตรงดิ่งเข้าไปกระชากคอเพื่อนขึ้นมา “ทำเหี้ยอะไรเนี่ย”

“เอ๋...เอ๋...ฮ่าๆ” ปริมหัวเราะร่วนเหมือนคนเมา ในมือมียาสูบของพวกแก๊งซิ่ง เทวินนิ่วหน้า ยื่นจมูกไปดมใกล้ๆ

“นี่มันกัญชา...ไอ้ห่าเอ๊ย” เขาสบถเสียงดัง แต่พวกที่นั่งสูบอยู่ไม่ได้สนใจเขา หนึ่งในกลุ่มนั้นยื่นมือมาจับขาปริม

“อ้าว มึงจะไปไหนวะปริม”

“ฮ่าๆ พี่เอก...ฮ่าๆ เพื่อนผมมา...” ปริมพูดไปหัวเราะไป

“นี่เพื่อนมึงเหรอ ดูคนละรุ่นเลยว่ะ มาดูดด้วยกันหน่อยมั้ยน้อง” ไอ้คนชื่อเอกเงยหน้ามองเขา เทวินขมวดคิ้วฉับ ยกเท้าขึ้นยันหลังมัน

“พวกมึงจะทำไรก็ทำ แต่อย่ามายุ่งกับเพื่อนกู”

“อ้าว เฮ้ย ไอ้เด็กนี่วอนตีน” คนชื่อเอกที่โดนยันหลังลุกพรวดขึ้น กระชากคอเทวิน เพื่อนๆ ของมันลุกฮือตาม เด็กในร้านรีบวอร์ตามบอดี้การ์ดหน้าร้านมาช่วยเจ้าของร้าน

“ฮ่าๆ ทำไรวะมึง ฮ่าๆ”

เทวินกัดฟันกรอด เมื่อเห็นปริมยังหัวเราะไม่หยุด เขากระชากมวนบุหรี่ยัดไส้กัญชาในมือปริมทิ้งลงพื้นแล้วเอาเท้าขยี้จนแหลกเละ ส่งผลให้เจ้าของยาสูบเดือดดาลกันยกแก๊ง กรูเข้ามาจะอัดหน้าเทวิน แต่เขาหลบพ้นและตอบโต้กลับไปเล็กน้อย ก่อนที่บอดี้การ์ดจะมาถึง

“หยุดเลยพวกมึง นี่โอนเนอร์ของที่นี่ ถ้ามีเรื่องก็ออกจากร้านนายกูไปซะ” เหล่าบอดี้การ์ดพุ่งมาคว้าตัวพวกแก๊งซิ่งไว้ พวกมันตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ ว่าเด็กหน้าอ่อนอย่างเทวินคือเจ้าของร้าน สุดท้ายก็เลยโดนจับโยนออกนอกร้านไปหมด

“ฝากร้านด้วย กูพาเพื่อนกลับก่อน ส่วนไอ้สองตัวข้างบน ฝากมึงดูแลนะไอ้พี” เทวินบอกลูกน้องทั้งทีมเสร็จ ก็รีบลากตัวเพื่อนตัวดีไปที่รถ

แต่ปริมก็ยังเมากัญชาและหัวเราะไม่เลิก แม้จะขึ้นไปนั่งบนรถแล้ว แถมยังพูดจ้อไม่หยุดปาก

“คาดเข็มขัดดิเว้ย” เขาสบถอย่างหัวเสีย เพราะเพื่อนเอาแต่ขำลูกเดียว เหมือนคนไร้สติ เทวินเลยต้องเอื้อมมือไปคาดเข็มขัดนิรภัยให้ปริม

“ฮ่าๆๆ มึงแม่งโครตจี้ ฮ่าๆ”

เหมือนเส้นเลือดปูดโปนผุดบนหน้าผากของเทวิน หงุดหงิดรำคาญเสียงหัวเราะงี่เง่าของมันจนไม่รู้จะทำยังไง

“มึงโง่หรือบ้าวะ รับของคนแปลกหน้ามาสูบได้ไง”

“ฮ่าๆๆ ไม่แปลกหน้านะ รู้จักกันแล้ว” มุกเดียวกับอลิสเป๊ะ ถ้าเจอคนดีก็เป็นเพื่อนกันไป แต่นี่ดันเจอพวกขี้ยา เทวินกลัวที่สุดคือเพื่อนของเขาจะติดยา

“กูบอกแล้วใช่มั้ยว่ามาเที่ยวได้ แต่ห้ามพวกมึงเล่นยา”

“ไม่ใช่ยาสักหน่อย ฮ่าๆๆ แค่บุหรี่”

เทวินเหลืออด เขากระชากคอเสื้อเพื่อนขึ้น ยกมันจนตัวลอยจากเบาะ

“มึงอย่าแกล้งโง่ไอ้ปริม”

เสียงหัวเราะเหมือนเบาลงเล็กน้อย แววตาของปริมวูบไหว สะท้อนภาพใบหน้าถมึงทึงของเพื่อนรัก และเทวินก็รู้ตัวว่าโมโหมากไปหน่อย เขาไม่ควรจะคุยกับมันตอนเมา ต้องรอให้สร่างแล้วค่อยคุยดีกว่า อาจจะทำให้มีสติและไม่น่าหงุดหงิดเท่านี้

แต่จู่ๆ ไอ้คนเมายาก็เลิกหัวเราะไปดื้อๆ แล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แทน ก่อนที่เทวินจะต้องตกใจจนตาเบิกโพลง

เพราะปริมคว้าใบหน้าของเขาไปและตะโบมจูบเข้าใส่

“อื้อ” เขาร้องอู้อี้ในคอ ยกมือขึ้นดันตัวมันออก ก่อนที่ลิ้นสีแดงสดนั่นจะแทรกเข้ามาในปาก

“ทำเหี้ยไรของมึง” เทวินก่นด่าพลางยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดปากที่เลอะน้ำลายของปริม แต่ไม่มีคำตอบแล้ว เพราะปริมทิ้งตัวลงนอนหลับไปเรียบร้อย ทิ้งให้เขาขับรถพามันไปส่งบ้านด้วยความหงุดหงิด
***

ออฟไลน์ Lambosasha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
3
ความฉลาดกับเหตุผล บางครั้งมันก็ไม่ได้มาคู่กันเสมอไป

คนบางคนอาจจะทำเรื่องโง่ๆ อย่างมีเหตุผลก็ได้


ปริมยังคงทำตัวตามปกติ หัวเราะเล่นหัวกับเขาเหมือนเดิม ไม่มีท่าทีว่าจะจำเรื่องคืนนั้นได้แม้แต่น้อย และเทวินก็ไม่ได้อยากใส่ใจ คิดว่ามันก็แค่เมายา

“คืนนี้ถ้าพวกมึงมีใครเล่นยาอีก กูจะสั่งห้ามเข้าร้านถาวร” เทวินชี้หน้าพวกมันเรียงตัว ยังดีที่ต้นตาลกับไผ่มันพอมีสมอง เลยไม่คิดจะลองสิ่งที่ไม่ควรลอง ห่วงก็แต่ปริม คนเคยลองแล้วครั้งหนึ่ง ถ้าเกิดติดใจขึ้นมา อาจจะกลับไปลองอีก

“ทำไมมึงขายคนอื่นได้ แต่กับพวกกูถึงไม่ได้” พอต้นตาลกับไผ่ไปสนุกกับพวกสาวๆ ที่รออยู่แล้ว ปริมก็เอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย

“เพราะพวกมึงเป็นเพื่อนไง และกูไม่อยากให้เพื่อนกูกลายเป็นพวกขี้ยา”

ปริมทำเสียงขึ้นจมูก “เหอะ ทำเหมือนเป็นคนดีเลยนะ”

“มึงว่าไงนะปริม” เทวินได้ยินไม่ถนัด เลยเขยิบไปฟังใกล้ๆ แต่ปริมก็ส่ายหน้าว่าไม่มีอะไร ก่อนจะเดินแยกไปอีกทาง

เทวินขลุกอยู่กับงาน รายได้จากการขายยาลับๆ ในผับแห่งนี้ ซึ่งมีแค่แขก VIP ที่จะได้ลิ้มลอง นอกนั้นก็มีพวกจากข้างนอกเอามาแอบขายบ้าง ซึ่งเขาไม่ได้คิดจะจัดการอะไร

คนโง่ก็ปล่อยให้แม่งโง่ไป อยากจะเสพจะเมามายแค่ไหนก็เรื่องของพวกมึง

นั่นคือสิ่งที่เทวินคิด เขาแค่อยู่ไปแบบนี้ เอาตัวรอดจากสิ่งโสมม ทั้งที่ตัวเองเป็นคนทำให้มันโสมม แค่นั้นก็พอ

...

ปริมกำลังสนุกกับของเล่นใหม่ ที่พวกพี่ๆ ในผับเอามาให้ลอง มันมีลักษณะเป็นของเหลว บรรจุในหลอดแก้ว เวลาใช้ให้หยดลงบนกระดาษซับที่มีลวดลายและสีสันต่างๆ ดูสวยงามแปลกตา

“มันคืออะไรอ่ะพี่เต้” ปริมกะพริบตาปริบๆ มองดูของใหม่ของวันนี้ ทั้งที่เทวินสั่งห้ามไม่ให้ยุ่งกับสิ่งเสพติดทุกชนิดในร้าน แต่ปริมก็ยังอยากรู้อยากลอง ไม่ใช่เพราะชอบหรือสนใจอะไรขนาดนั้น แต่แค่อยากยั่วโมโหไอ้เพื่อนชั่วเล่นๆ เท่านั้นเอง อยากรู้ว่ามันมีปฏิกิริยายังไง ถ้าคนใกล้ชิดต้องกลายเป็นพวกติดยา เหมือนอย่างที่มันชอบทำกับคนอื่น

“ในหลอดเนี่ยเขาเรียกว่า LSD กระดาษซับนี่คือ Blotter paper เรียกรวมกันง่ายๆ ก็ กระดาษเมา” คนชื่อเต้ที่ไว้ผมยาวรุงรังอธิบาย ปริมพยักหน้าตาม ตาก็มองแผ่นกระดาษสีสันสดใสตรงหน้าด้วยดวงตาเป็นประกาย

“สวยอ่ะ ดูน่าเล่นจัง”

“ลองดิ เอาไปอมไว้ใต้ลิ้น เดี๋ยวมึงจะเคลิ้ม” เต้ยื่นกระดาษเมาให้ปริม เด็กหนุ่มทำตามที่บอก เอาไปอมไว้ใต้ลิ้น ไม่นานเกิน 30 นาที มันก็ออกฤทธิ์ ทำให้รู้สึกมึนเมา ตัวลอย เหมือนอยู่ในความฝัน

“วู้วววว โลกแม่งหมุนติ้วๆ เลยว่ะ”

“ฮ่าๆๆ สนุกมั้ยล่ะน้องปริม”

“สุดยอดอ่ะ” ปริมคึกคักจัด ลุกขึ้นถอดเสื้อแล้วเต้นบนเก้าอี้อย่างเมามัน เสียงคนเชียร์กันยกใหญ่ หลายคนที่เริ่มเมามายด้วยฤทธิ์ยาแบบเดียวกันก็ไม่ต่างจากปริมนัก แม้จะเป็นมุมอับสายตาที่ค่อนข้างมืด แต่ก็ไม่พ้นการสังเกตการณ์ของเด็กในร้านไปได้

“พี่วิน แย่แล้ว คุณปริมเขา” เด็กในร้านที่เห็นอาการของปริมรีบวิ่งมาบอกเขาในห้องทำงาน

เทวินเงยหน้าจากกองเอกสารบนโต๊ะด้วยดวงตาดุดันจนคนมาแจ้งข่าวสะดุ้งโหยง

“พวกลูกค้าประจำเขาให้คุณปริมกินยาอะไรไม่รู้”

เทวินพ่นลมหายใจแรงพลางขบฟันกรอด “เออ เดี๋ยวกูออกไปดูเอง”

เขาลุกออกจากเก้าอี้ เดินนำเด็กที่มาแจ้งข่าวออกไปริมระเบียงบนชั้นสอง ซึ่งมีแค่สำนักงานกับห้องนอนของเขา โซนชั้นลอยคือโซนของพวก VIP ซึ่งอยู่ตรงข้ามกันพอดี

“ตามการ์ดมาให้กูด้วย” เขาสั่งก่อนจะรีบลงบันไดแล้วตรงดิ่งไปยังบันไดทางขึ้นชั้นลอยอีกฝั่ง ใครทักก็ไม่สนใจ

วันนี้เขามาทำงาน และพวกมันบอกว่าอยากตามมาด้วย ก็อนุญาตแล้ว แต่ไม่ดูแลตัวเองกันแบบนี้ ทำให้เขาโกรธและหัวเสียสุดๆ ได้แต่หวังว่าอีกสองคนจะเอาตัวรอดเป็น

“ปริม!” เทวินตะคอกเสียงดัง แต่พวกคนเมาก็ยังหัวเราะกันสนุกสนาน ไม่มีใครสนใจเขาสักคน จนเขาเข้าไปกระชากตัวไอ้คนที่ถอดเสื้อเต้นอยู่บนเก้าอี้ลงมา จนร่างผอมแห้งของมันเซปะทะกับแผงอกของเขาอย่างแรง

“อือ...” ปริมเงยหน้ามองเขาแล้วหัวเราะ “อ้าว ไอ้ควาย มึงมาจากรูไหนวะเนี่ย”

เทวินขมวดคิ้วฉับ ลากแขนเพื่อนตัวดีออกไปจากบริเวณนั้นทันที แม้ว่าคนเมาจะเหมือนขัดขืนเล็กน้อย แต่แรงคงไม่มีพอ บวกกับอาการเมายาที่ยังคั่งค้างอยู่

เขาไม่ได้พาปริมไปที่รถ แต่พาไปบนชั้นสองของร้าน ในโซนที่เป็นห้องนอนติดกับห้องทำงานของเขาเอง เพราะตอนที่ไปถึง เขาเห็นแล้วว่าพวกนั้นใช้ยาอะไร และมันคงออกฤทธิ์อีกหลายชั่วโมงยันสายๆ ของอีกวัน จึงยังพาปริมกลับบ้านไม่ได้ตอนนี้

“แม่งสร้างแต่เรื่องให้กูนะไอ้สัส ไปบอกไอ้พวกนั้นว่าให้กลับไปได้แล้ว กูจะเฝ้าไอ้ปริมเอง” เทวินหันไปสั่งเด็กในร้านที่ตามมาส่งด้วย พนักงานรับคำแล้วรีบวิ่งออกจากห้องไปอย่างลนลาน เพราะดวงตาดุดันน่ากลัวของเทวิน

แต่ด้วยความที่ฤทธิ์ยายังไม่หมด ปริมเลยยังคึก ลุกไปยืนมองบรรยากาศภายในร้านผ่านกระจกหนาที่มองเห็นได้ด้านเดียว แล้วก็เต้นต่ออย่างไม่รู้จักเหนื่อย

เทวินเปิดกูเกิ้ลในสมาร์ทโฟน เซิร์สหารายละเอียดของยาที่ปริมกินเข้าไป เพื่อหาวิธีช่วย ยังดีที่อาการของปริมไม่ถึงขั้นหลอนประสาท แค่เหมือนเมาๆ มึนๆ สนุกไปกับทุกสิ่งรอบตัวอย่างบ้าคลั่ง แสดงว่าได้รับสารเข้าไปไม่มาก เขาถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะรินน้ำใส่แก้ว เอาไปให้ปริมดื่ม เพื่อขับสารพิษออกโดยเร็วที่สุด

“มึงปวดหัวมั้ย กินน้ำหน่อย”

“อือ มันดีอ่ะมึง มันฟิน” คนเมายาหันมาโอบคอเขาไว้ ใบหน้าเคลิ้มฝัน นัยน์ตาหยาดเยิ้ม ริมฝีปากเหยียดยิ้ม

“งั้นก็ดีแล้ว กินน้ำก่อน” เขายัดแก้วน้ำใส่มือมัน แต่ปริมไม่ยอมถือไว้ เขาเลยเปลี่ยนมายกแก้วจ่อปากมันแทน

“ไม่เอาอ่ะ” ปริมส่ายหน้า เอนหัวซบบนบ่าของเทวิน “อยากอยู่แบบนี้ก่อน”

เขาถอนใจอย่างเหนื่อยอ่อน วางแก้วน้ำลงบนโต๊ะข้างๆ ปล่อยให้เพื่อนกอดคอซบบ่าไว้ เพราะรู้ว่าคนเมายาประเภทนี้ ถ้าไปทำอะไรให้เกิดตกใจหรือหวาดกลัวขึ้นมา จะประสาทหลอนและกลายเป็นอาการที่เรียกว่า Bad trip ได้ ปล่อยให้มันเพ้อฝัน เห็นแต่สิ่งดีๆ ที่มันอยากเห็นไปก่อน

“ง่วงมั้ย นั่งพักก่อน” เขาพยายามหาทางหว่านล้อม แต่ปริมเอาแต่ส่ายหน้า แล้วก็ยื่นปากมาหา ทำตาเยิ้มใส่

“อยากจูบ”

“หือ?” คิ้วของเขาย่นเข้าหากันทันที ไอ้ปริมเหมือนคนเพี้ยนไปแล้ว สติสตังไปหมด

“กูบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าเล่นยา ทำไมมึงไม่เคยฟัง”

“อยากจูบ อยากจูบ กูอยากจูบ จูบกูที” คนเมางอแงเหมือนเด็ก 2 ขวบ มันกระทืบเท้าเบะปากส่ายหน้าไปมา จนเขาอ่อนใจ

เทวินผลักร่างผอมลงบนเตียง โน้มตัวลงจนปากแตะกัน แล้วก็ผละออก

“จูบแล้ว กินน้ำเร็ว” เขาเร่งพร้อมคว้าแก้วน้ำส่งให้มันอีก แต่ปริมปัดแก้วตกแตกดังเพล้ง ก่อนจะกระชากคอเสื้อของเขาให้นอนทับลงไปบนตัวมัน

“จูบเยอะๆ กว่านี้” คนเมาครวญ หลับตาพริ้มรอเหมือนเจ้าหญิงนิทรา

เทวินสั่นหัว “ตลกเหอะ ก็จูบแล้วไง จะเยอะอะไรกว่านี้อีก”

“แบบที่มึงจูบผู้หญิงพวกนั้น”

เขาชะงัก นี่มันเมาแน่ใช่มั้ย? ยังเพ้อเจ้ออะไรแบบนี้ได้ ก็คงเมาแหละ แต่มันก็แปลกๆ เขานิ่วหน้ามองปากซีดๆ ของมัน เป็นเพื่อนกันมานาน แค่จูบปากกันเขาไม่รังเกียจหรอก แต่จะให้ทำถึงขนาดเวลาจูบกับผู้หญิงมันก็...

“ถ้ากูจูบแล้วมึงจะยอมกินน้ำใช่มั้ย”

ปริมรีบพยักหน้าหงึกๆ อย่างว่าง่าย ทั้งที่ยังหลับตารอ ขนตาของมันสั่นนิดๆ ตอนที่เขาพ่นลมหายใจใส่ ก่อนร่างผอมบางนั้นจะเกร็งจนสั่น เมื่อริมฝีปากของเขาประกบลงไปอย่างลึกล้ำ

อยากให้จูบนักก็ได้ จะเอาให้ขาอ่อนไปไม่เป็นเลย

“อืมมม” คนด้านล่างครางลั่นในคอเมื่อถูกรุกจูบหนักหน่วง ริมฝีปากร้อนทั้งขบเม้มและดูดดึง แทรกลิ้นสอดไล้คว้านไปทั่วโพรงปาก ดูดเอาลิ้นเล็กๆ ออกมาโลมเลียจนน้ำลายไหลย้อยลงเปรอะคราง ปริมตัวสั่น แต่ก็สู้ไม่ถอย ดูดปากเขากลับ แถมยังใช้ลิ้นเลียแบบเดียวกันด้วย

เขาลืมตามองมัน ใบหน้าของปริมตอนนี้โครตยั่ว แก้มของมันแดงปลั่ง เหงื่อชื้นไรผม แถมยังหลับตาพริ้มตอบรับจูบของเขาไม่ลดละ แม้จะยังไม่ค่อยประสีประสา

ในช่องท้องของเขาเสียวปลาบ ปกติเขาไม่เคยสนใจมองผู้ชายด้วยกันในเชิงนี้เลย แต่มันก็น่าลอง อาจจะได้รสชาติใหม่ๆ ต่างจากสาวๆ ที่ผ่านๆ มาก็ได้ ถ้าไม่ติดว่านี่คือเพื่อนสนิท และกำลังเมา

“พอแล้ว” เขาผละออกมามองหน้ามัน ปริมกะพริบตาถี่ๆ มีหยดน้ำเกาะเล็กน้อยที่ขอบตา ไม่รู้เหงื่อหรือน้ำตา มันยังโอบแขนไว้บนบ่าของเขา ไม่ยอมปล่อย

“ไม่ทำเหรอ มึงของขึ้นแล้ว” ปริมยกเท้าขึ้นแตะกลางลำตัวของเขาที่นูนพองขึ้นมาเล็กน้อย เขานิ่วหน้าจ้องมันอย่างคาดโทษ

“กูไม่เอาเพื่อนตัวเอง อึก ไอ้ปริม...” เทวินตัวงอเมื่อเท้าของปริมเค้นคลึงเป้ากางเกงของเขา มันแสยะยิ้มเหมือนยังเมายา ถกเสื้อตัวเองขึ้นโชว์แผ่นอกเล็กๆ ที่มีเม็ดไตสีน้ำตาลอ่อน และเริ่มบีบหัวนมตัวเองให้เขาดู

“กูรู้ว่ามึงอยากลอง” ปริมอ้าขาออก ให้เขาแทรกตัวเข้าไป เทวินขบเขี้ยวดังกรอด สองมือกดไว้บนที่นอน มองปริมที่กำลังเล่นกับตัวเองโชว์เพื่อน

มันต้องเมายามากขนาดไหนวะเนี่ย!

เขาคิดพลางกลืนน้ำลาย ปริมหยุดใช้เท้าและเปลี่ยนมาปลดกางเกงของเขาออก ล้วงท่อนเอ็นอวบหนาของเขาออกมารูดชักด้วยมือนิ่มๆ ของมัน เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามือของปริมจะนุ่มขนาดนี้

“กูขอกินน้ำหน่อยนะ” ปริมผลักเขาให้นอนหงายแล้วขึ้นมานั่งคร่อมแทน มันเมายา มันไม่มีสติ ส่วนเขานี่สติสัมปชัญญะมาเต็ม แต่กลับปล่อยให้มันทำแบบนี้

เทวินรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ และรู้ด้วยว่ามันผิด มันไม่ควรจะเกิดขึ้น ต้องหยุดไว้แค่นี้ ก่อนที่จะเลยเถิด แต่จิตสำนึกกับความกำหนัดมันก็ฟาดฟันกันในหัวอย่างสูสี

ปริมกำลังอ้าปากอมแท่งเนื้อที่ปูดโปนด้วยเส้นเอ็นของเขา ลิ้นของมันร้อนและสาก แต่รู้สึกดี ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำให้เขาถึงขนาดนี้ ส่วนมากมีแต่เขาที่เป็นฝ่ายทำ ปากกับมือมันต่างกันราวฟ้ากับเหว เขาไม่รู้แล้วว่าหลังจากนี้จะเป็นยังไง ในหัวมีแต่ความอยากที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ

“ปริม...ถ้ามึงไม่หยุด...กูจะ...” เขากัดฟัน “ไม่ทน”

“อือ...” ปริมหลับตาพริ้มดูดเลียแท่งเอ็นของเขาไม่เลิกรา เขาจิกผมมันให้เงยหน้าขึ้น เฝ้ามองสีหน้าของมันตอนกำลังอมให้เขาด้วยหัวใจเต้นรัว ก่อนจะพ่นน้ำสีขุ่นเข้าสู่โพรงปากร้อนของมัน

ปริมสำลัก คายลูกๆ ของเขาออกมาพลางมองด้วยสายตาขุ่นเคือง

“แค่ก จะเสร็จก็ไม่บอก อ่ะ” เขาไม่รอให้มันด่านาน จับมันพลิกลงเตียง กดหัวมันไว้และยกสะโพกมันขึ้น ดึงกางเกงยีนส์สกินนี่สีเข้มของมันลงไปกองที่ข้อเท้า

“ของมึงก็ใช้ได้นะ” เขาว่าพลางลูบๆ คลำๆ ที่บั้นเอวของมัน แท่งร้อนของมันไม่ใหญ่แต่ค่อนข้างยาว และกำลังชูชันท้าสายตา แต่ส่วนที่เขาต้องสนใจไม่ใช่ตรงนั้น ปลายนิ้วโป้งของเขาแหวกแก้มก้นของมันออก เผยให้เห็นช่องทางสีอ่อนที่น่าจะยังไม่เคยมีใครได้ใช้งาน

เขาวนไล้นิ้วโป้งกับส่วนนั้นเบาๆ ก่อนจะดันเข้าไปทั้งนิ้วอย่างไม่บอกกล่าว ไม่มีเจลหล่อลื่นใดๆ

“โอ๊ย! ไอ้เหี้ยวิน...อ๊ะ อย่า...กูเจ็บ”

“รู้สึกเจ็บเหรอวะ ไหนมึงเมายาอยู่ไง” เขาเอ่ยเสียงเย็น มันสะดุ้งแรงเมื่อเขาขยับนิ้วกดไปโดนจุดอ่อนไหวข้างในนั้น

“อ๊า...วิน ...” ปริมน้ำตาไหลพราก สองขาสั่นแทบทรุด แต่เทวินช่วยพยุงเอวไว้ให้ พลางทิ้งตัวลงทาบทับ ขยับนิ้วเข้าออกรัวๆ ปากก็ขบกัดงับตามใบหูและซอกคอ

“กูจะให้มึงกินน้ำให้อิ่มเลย ปริม” เขาพูดพร้อมกับถอนนิ้วออกแล้วยัดเยียดตัวตนเข้าไปในทันที ไม่รอให้ตั้งตัวหรือเตรียมใจใดๆ เพราะเขาเตือนมันแล้ว ว่าถ้าไม่หยุด เขาจะไม่ทน และมันก็ไม่ยอมหยุด นั่นหมายความพร้อมที่จะรับทุกสิ่งทุกอย่างจากเขา

“อ๊า” ปริมกรีดร้องสุดเสียงเมื่อเขากระแทกเข้าไปจนสุด หน้าของมันสะบัดรั้น คลานไปบนเตียงเหมือนหมาตัวเมียที่กำลังติดสัด สองมือจิกหมอนและผ้าปูที่นอนไว้แน่น

เลือดไหลเป็นทางยาวลงมาถึงเข่า

แต่เขาไม่คิดจะหยุด

ภาพของแม่ที่ถูกไอ้แก่ตัณหากลับนั่นกระทำชำเราผุดเข้ามาในหัว เขาหรี่ตาลง พยายามสะบัดไล่มันทิ้งไป และกระแทกกระทั้นใส่ร่างผอมบางนั้นอย่างกระหาย จนเสียงร้องของมันเงียบหายไป...

และหลังจากนี้ เขามีอีกเรื่องที่ต้องทำ

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
 :pig4: :pig4:
น่าติดตามค่ะ

ออฟไลน์ Lambosasha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
4
“ทำไมสั่งห้าม LSD” เสียงของปู่ออกจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก ยาตัวนี้คนนอกนำเข้ามาก็จริง แต่ปู่ของเขากำลังคิดจะให้เสี่ยน้อยไปเจรจาขอส่วนแบ่ง เพราะเป็นยาที่ค่อนข้างได้รับความนิยมจากเหล่านักท่องราตรี โดยเฉพาะชาวต่างชาติ

“ผมว่ามันแรงไป อันตรายไป” เทวินหรุบตาลงมองขอบโต๊ะทำงานของปู่

“ยกเลิกคำสั่งซะ”

เขากลืนน้ำลายลงคอ ในเมื่อไม่มีสิทธิปฏิเสธ “ครับ”

“เรื่องมหาลัยว่ายังไงบ้าง ถ้าหลานต้องไปอยู่ที่นั่นแล้วใครจะดูแลร้าน” น้ำเสียงของปู่สงบลงแล้ว

เขาพรูลมหายใจอย่างโล่งอก “ผมขับรถมาได้ครับ ไหว”

“งั้นก็ดี เรียนจบแล้วก็จะได้บริหารงานเต็มตัว เลือกเรียนกฎหมายไว้น่ะดีแล้ว” ปู่ยิ้มอย่างพึงพอใจ “ปู่ซื้อบ้านหลังใหม่ไว้ให้แล้ว มีแม่บ้านด้วย พาเพื่อนที่นั่นมาปาร์ตี้เยอะๆ ล่ะ”

เทวินรู้ว่าที่ปู่พูดหมายความว่าอย่างไร เขาพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มฝืนๆ ก่อนจะขอตัวออกจากห้องทำงานของปู่

“หน้าเครียดจัง โดนคุณปู่ดุเรื่องสั่งห้ามขาย LSD เหรอวิน” พ่อเลี้ยงรีบเข้ามาลูบหัวเขาด้วยความเป็นห่วง เทวินคลี่ยิ้มบางๆ มองพ่อเลี้ยงที่ดูเป็นห่วงเป็นใยจริงจัง แล้วก็รู้สึกแสบร้อนในอก

“ป๋าเข้าใจนะ มันอันตรายจริง แต่มันขายดีไงครับ ยังไงเราก็ไม่ได้ติดเองเสียหน่อย เนอะ”

เทวินมองรอยยิ้มปลอบประโลมนั้นอย่างหงุดหงิด แต่พยายามไม่แสดงมันออกมาทางสีหน้า เขาโอบเอวพ่อเลี้ยงไว้ ทำให้คนสูงวัยกว่าถึงกับลมหายใจสะดุด

อยากได้กูล่ะสิ

เขาแค่นยิ้มในใจ “ป๊ะป๋าไม่ไปทำงานเหรอครับวันนี้” มือที่โอบเอวเลื่อนลงตรงสะโพก ลูบเบาๆ ให้พ่อเลี้ยงหน้าแดงเล่น

พ่อมึงทำกับแม่กู กูก็จะทำกับมึง

“ไปบ่อนตอนเย็นๆ น่ะ วินอยากไปไหนมั้ย ป๋าว่างทั้งวันนะ”

เขายิ้ม “ไม่ครับ ผมอยากอยู่บ้าน”

สักวัน กูจะขยี้มึงให้แหลกคามือ

***

แม่ของเทวินถูกส่งตัวไปอยู่ที่โรงพยาบาลได้สองวันแล้ว อีกไม่นานน้องชายของเขาก็จะลืมตาดูโลก สายเลือดของไอ้แก่นั่น คนที่เขาเกลียดมันเข้ากระดูกดำ แต่ต้องคอยยิ้มแย้มประจบเอาใจมัน เพื่อมีชีวิตไปวันๆ

“กูไปด้วย” พอบอกจะไปเยี่ยมแม่ ไอ้เพื่อนตัวดีก็ขอไปด้วยทันที

เรื่องคืนนั้น ไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาเปลี่ยนไป...

ไม่หรอก มันเปลี่ยน

แค่เขาไม่ได้สนใจเท่านั้น

“ไปไหว้แม่ผัวเหรอวะ ไอ้ปริม” เสียงพวกต้นตาลแซวดัง เรื่องระหว่างเขากับปริมเป็นที่รู้กันในกลุ่มเรียบร้อย เพราะเช้าวันนั้นพวกต้นตาลกลับมาที่ผับอีกครั้ง ด้วยความห่วงเพื่อน แล้วก็เจอสภาพของปริมที่เกือบเป็นศพ ตัวซีดเซียว เลือดอาบขา ต้องพาส่งโรงพยาบาลกันแทบไม่ทัน

“อยากไปก็ตามมา” เขารีบตัดบท เพราะรู้ว่าปริมอาย ไม่อยากให้เพื่อนแซวมากกว่านั้น ปริมรีบวิ่งตามหลังไปขึ้นรถ

พอขึ้นมานั่งในรถเรียบร้อย เทวินก็ออกรถ ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอม แต่พวกเขายังมาที่โรงเรียนเพื่อติวหนังสือเตรียมสอบเข้ากันบ้าง มาเล่นกีฬาบ้าง

“มึงหายดีแล้วเหรอ” เขาถาม เป็นห่วงมันในฐานะเพื่อน

ปริมอมยิ้ม แก้มแดงระเรื่อ “อือ ไม่ค่อยเจ็บแล้ว”

“ขอโทษแล้วกันที่กู...” เขาไม่อยากพูดถึงเรื่องนั้นอีก เลยละไว้แค่นั้น พลางเลี้ยวรถเข้าไปจอด แล้วลงรถมาพร้อมตะกร้าของฝากกับช่อดอกไม้ที่แม่ชอบ

“คุณสาวิตรี จักราอภิวัฒน์ ห้อง 3210 ค่ะ” พยาบาลสาวบอก สายตาเหลือบมองเทวินตาเป็นประกาย เขาเอ่ยขอบคุณอย่างไม่ใส่ใจ แต่คนที่มาด้วยเหมือนควันจะออกหู มันรีบคว้าแขนเขาไปกอดไว้ จ้องหน้าพยาบาลคนนั้นอย่างกับแค้นเคืองกันมาเป็นสิบปี

“อะไรของมึง” เขาหันไปถามมันงงๆ แต่มันส่ายหน้าแล้วบอกให้รีบไปหาแม่ เขาเลยขี้เกียจถามซ้ำ

แม่ของเขานอนพักอยู่บนเตียงสีขาวสะอาด ท้องของแม่ใหญ่จนน่ากลัว แม่พยายามจะลุกเมื่อเห็นเขา เทวินรีบเข้าไปประคองแม่

“ไม่ต้องลุกก็ได้”

“ไม่เป็นไรน่า” แม่ว่า “แล้วนั่น ปริมเหรอลูก”

“สวัสดีครับแม่” ปริมเดินมาเกาะขอบเตียง มองดูท้องโตๆ ของแม่อย่างตื่นเต้น “ใกล้จะได้เจอน้องแล้ว”

“จ้ะ” แม่ยิ้ม พลางลูบท้องตัวเอง

“หมอว่ายังไงบ้าง ต้องผ่าจริงๆ เหรอแม่” เทวินจับมือแม่ไว้ มือของเขาสั่น และแม่ก็รู้สึกได้

“อืม แม่อายุเยอะแล้ว คงต้องอย่างนั้น”

“มันจะโอเคแน่นะ”

“ไม่ต้องห่วงหรอก แม่จะไม่เป็นไร”

เพราะแม่พูดแบบนั้นนั่นแหละ ที่ทำให้เขายิ่งห่วง เทวินถอนหายใจ ปริมแตะบ่าของเขาเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ

ยิ่งใกล้วันกำหนดผ่าคลอด เขายิ่งเครียด ยิ่งกลัว ความกังวลเข้าถาโถมจนแทบบ้า ไม่มีสมาธิทั้งอ่านหนังสือและทำงานให้ปู่ ไหนจะเรื่องยาบ้าบอนั่นอีก

“ถ้ามึงเล่นยาอีก คราวนี้กูเอาตาย” เขาขู่มันจริงจัง “ตายในแบบที่มึงคิดไม่ถึงด้วย”

ปริมหน้าขึ้นสี จริงๆ ก็อยากจะลองอีกสักรอบ แต่กลัวใจของเทวินอยู่เหมือนกัน คราวก่อนก็เกือบตายจริงๆ มาทีหนึ่งแล้ว ยังดีที่เทวินใจดีกับเพื่อนรัก เลยไม่ได้ห้ามมาที่นี่อีกอย่างที่เคยขู่ทีแรก

“เอาน่าๆ อย่าดุมากคุณพ่อ มันกลัวหดหมดแล้ว เดี๋ยวเที่ยวไม่หนุก” ไผ่ออกโรงปกป้องปริม เขาตวัดสายตามองมือของไผ่ที่โอบบ่าปริม ไม่ได้พูดอะไรอีก นอกจากโบกมือไล่พวกมันให้ไปพ้นๆ จากห้องทำงานของเขา

พอเพื่อนออกไปหมดแล้ว เขาก็กดต่อสายภายในไปที่บาร์ ฝากให้ลูกน้องสองคนคอยตามปริมเป็นพิเศษ ห้ามคลาดสายตา คนอื่นไม่ห่วง เพราะพวกนั้นมันเอาตัวรอดได้ดีจริงๆ มาหลายครั้งแล้ว ไม่เคยมีปัญหา มีแค่ปริมที่ไม่รู้มันตั้งใจกวนประสาทเขาหรือไง ถึงได้กล้าขัดคำสั่งเขาทุกเรื่อง

พวกต้นตาลไปติดสาวผมทองกันอีกแล้ว ปริมนั่งมองเพื่อนสนุกกับพวกสาวๆ อย่างเซ็งๆ เพราะคำสั่งของเทวิน ทำให้มีคนคอยตามแจ เลยไปไหนไม่ได้ พวกไอ้ไผ่ก็คอยจ้องอีก แต่ปริมลองทั้งกัญชาทั้ง LSD ที่ว่าแรงๆ มาแล้ว ก็ไม่เห็นติด มันทำให้รู้สึกย่ามใจ ว่าต่อให้ลองอะไรอีกก็คงไม่ติด

“เบื่อเว้ย” ปริมเอนตัวจมลงไปในโซฟาสีดำอย่างเบื่อหน่าย ที่มาเพราะอยากอยู่กับเทวิน แต่รายนั้นก็มุดหน้าทำงานลูกเดียว ไม่รู้จะขยันอะไรนักหนา ลงมาก็แค่กินเหล้านิดๆ หน่อย แล้วก็คุยกับลูกน้อง ไม่ได้สนใจเพื่อนๆ เลย

พลันสายตาของปริมก็เหลือบไปเจอกลุ่มพี่เต้ ที่เคยให้ลอง LSD เมื่อคราวก่อน ปริมเดาะลิ้นอย่างครุ่นคิด ไม่เสพ แต่ไปสนุกด้วยสักหน่อยก็ได้

“อ้าว? ไงมึง ยังครบ 32?” เต้ทักเอาฮา เพราะคราวก่อนจำได้ลางๆ ว่าปริมโดนใครลากไป

“ครบสิพี่ แต่ก็เกือบแย่แหละ” ปริมยักไหล่ นึกถึงเรื่องคืนนั้นก็พาลหน้าร้อนขึ้นมานิดๆ แต่ในผับมันมืด ไม่มีใครสนใจอยู่แล้ว

“ฮ่าๆๆ แล้วมึงโดนใครลากไปวะ ยิ่งตัวเล็กๆ อยู่ ไม่โดนกระทืบก็โดนปล้ำ มีสองอย่าง”

“ไม่ทั้งสองอ่ะ” ปริมส่ายหน้ารัว “วันนี้เล่นไรกัน”

“อ๋อ พวกกูได้ของใหม่มาพอดี ว่าจะลอง ไม่รู้เป็นไงเหมือนกันว่ะ” เต้ว่าพลางหยิบซองพลาสติกใสที่ใส่ผงสีส้มๆ ไว้ขึ้นมา

“วิตามินซี?”

“พ่อง” เต้ด่าเข้าให้ “ยาตัวใหม่ว่ะ ผับปล่อยของเองด้วย”

“อ้อ” ปริมพยักหน้า ยาของบ้านไอ้วินนี่เอง เขาคิด ก่อนจะยื่นมือไปคว้ามันมาดูใกล้ๆ เต้ไม่ได้ว่าอะไร

“เห็นบอกว่าทำให้ฟินทั้งคืนเลยมึง ไม่รู้ฟินยังไง”

“อืม” ปริมยื่นของคืนให้เต้ “แต่คืนนี้ผมไม่เล่นละ เดี๋ยวพ่อตี”

“พ่อมึง? คงไม่ใช่ไอ้ที่ลากคอมึงไปวันนั้นนะ?” เต้ยิ้มแซว ผู้ชายที่มาลากปริมไป น่าจะเป็นอะไรสักอย่างกับปริมแน่ๆ

“บ้าเหรอพี่ นั่นเพื่อนเว้ย”

“กูเมาๆ แต่จำแม่นนะ มันหน้าอย่างกับจะแดกหัวมึงแน่ะ”

“พูดไป นั่นเจ้าของผับเลยนะ” ปริมกอดอก ขออวดหน่อย

“เฮ้ย นี่มึงเป็นเพื่อนเจ้าของเหรอวะ”

“เออดิวะ พวกพี่เล่นกันเบาๆ หน่อยละกัน วันนี้ผมขอนั่งดูเฉยๆ”

“ไม่ลองจริงเหรอวะ” เต้เข้ามากอดคอ แกว่งถุงยาไปมาตรงหน้า ปริมกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ไอ้อยากลองก็อยาก

“ตายในแบบที่มึงคิดไม่ถึงด้วย”

คำพูดของเทวินลอยเข้ามาในหัว

ภาพในคืนนั้นที่พอจะจำได้ฉายซ้ำขึ้นมาลางๆ

บางอย่างในใจมันเรียกร้อง ต้องการ

คราวนี้...

“นิดนึงแล้วกันพี่เต้” ปริมคลี่ยิ้ม รับยาสีส้มมาไว้ในมือ

เพราะคนโง่ ก็มักจะมีเหตุผลให้ความโง่ของตัวเองเสมอ

คราวนี้...จะโดนอะไรนะ อยากรู้จัง
***
เรื่องนี้เครียดกว่าเรื่องอื่นเลยง่ะ ฮื้อออ ขอบคุณที่ยังมีคนอ่าน 55
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-10-2020 22:51:15 โดย Lambosasha »

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
 :katai5:
สงสารปริมอยู่นะ

ออฟไลน์ Lambosasha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
5

เทวินนั่งกุมขมับ มองไอ้ตัวดีที่กล้าลองดีกับเขาเป็นครั้งที่ล้านอย่างหงุดหงิด ดีที่พนักงานสองคนที่เขาสั่งให้เฝ้ามัน โทรเข้ามาบอกทัน เขาเลยส่งการ์ดไปจับมันขึ้นมาบนห้องทำงานก่อนที่จะได้ลองยาตัวใหม่ที่ปู่สั่งให้เอามากระจายในผับ



ปริมนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น ริมฝีปากเม้มแน่นอย่างสำนึกผิด แม้จะยังไม่ได้ลอง แต่ก็เกือบไปแล้ว



เขาชูซองยาผงสีส้มๆ ขึ้น “อยากกินนักใช่มั้ย” แล้วเทมันลงในน้ำเปล่า ก่อนจะกวักมือเรียกมัน



ปริมรีบลุกมาหาเหมือนลูกหมาตัวน้อยๆ เขาแค่นยิ้ม ยื่นแก้วที่ใส่ยาให้มัน



“กินตรงนี้ ต่อหน้ากู”



ปริมกลืนน้ำลายลงคอ แต่ยังลังเล ไม่แน่ใจ ทำไมเทวินถึงยอมให้กินง่ายจัง มันใช่ยาตัวเดียวกันหรือเปล่า



“กิน” น้ำเสียงนั้นดุดันขึ้นอีกระดับ แต่ไม่ใช่เสียงตะคอก



ปริมสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหยิบแก้วขึ้นมา แล้วตัดสินใจกรอกน้ำเข้าปากจนหมด



ผ่านไป 30 นาที ยังไม่รู้สึกว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลง ปริมนั่งกะพริบตามองหน้าเทวิน



“มึงเอาวิตามินให้กูกินป่ะเนี่ย”



“เดี๋ยวมึงก็รู้” เพราะเขาเป็นคนกระจายยาตัวนี้เอง ทำไมจะไม่รู้ฤทธิ์ของมัน มันเป็นยาที่ไม่อันตรายเท่าตัวก่อนๆ ออกฤทธิ์ช้า แต่รับรองว่ายาวนาน



“แล้ว แล้ว กูจะไม่ติดใช่มั้ยวะ” สีหน้าของมันดูกังวลขึ้นมาในที เขาส่ายหน้า มองนาฬิกาข้อมือ



ใกล้แล้ว



สักพัก ปริมเริ่มขยับยุกยิกเหมือนอยู่ไม่สุข ร่างกายร้อนวาบ มันลอยๆ ฟินๆ เหมือนอยู่ในฝันอีกแล้ว แต่ต่างจากคราวก่อนนิดหน่อย ตรงที่สติยังอยู่ครบถ้วน ไม่ได้อยากลุกขึ้นมาเต้น แต่มันแปลกๆ



มันเหมือน...อยากปลดปล่อย



ทั้งที่ไม่มีใครสัมผัส แต่ร่างกายของปริมเหมือนมีกระแสไฟแล่นแปล๊บๆ ไปทั่ว เหมือนถูกมือที่มองไม่เห็นมาลูบไล้ ปริมตัวสั่น กลางลำตัวโป่งนูนจนแน่นตึงในกางเกง



“หึ”



เหมือนได้ยินเสียงคนที่นั่งทำงานที่โต๊ะหัวเราะในคอ ปริมน้ำตาคลอ



“มะ มึง เอาอะไร ให้ กูกิน” เสียงของมันติดขัด ลมหายใจก็ด้วย เขามองอาการของมันนิ่งๆ ยาที่ให้กินไม่ใช่ยาเสพติด แต่เป็น...



“ยาปลุกเซ็กส์ไง กูทำเองเลยนะ”



“ไอ้เหี้ยวิน...” ปริมด่าเหมือนคราง กำลังจะปลดกางเกงและช่วยให้ตัวเองหายทรมาน หมดสิ้นความอายใดๆ แต่ในหูได้ยินเสียงฝีเท้าที่มาหยุดยืนใกล้ๆ ในตอนนี้สติเริ่มไปแล้ว



“อ๊ะ” สองแขนถูกจับยกขึ้นรวบไว้ด้วยกันก่อนที่จะได้สัมผัสกับความร้อนรุ่มของตัวเอง ปริมตัวกระตุก



“ปล่อยกู...”



“ชอบเล่นยานักใช่มั้ย กูจะให้มึงฟินกับยาของกูไปทั้งคืนเลยปริม” เขาแสยะยิ้มเย็น แต่มันคงไม่รับรู้แล้ว ปริมได้ยินแค่เสียงหัวเราะของเขา ใบหน้าขาวแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ แดงไปหมดทั้งตัว



เขามองมันพยายามเอาขาหนีบกัน ถูไถไปมาเพื่อคลายความกำหนัด อกบางแอ่นเกร็งแม้ไม่มีใครมาสัมผัส เขายืนอยู่ข้างหน้ามัน รวบข้อมือมันไว้ทั้งแบบนั้น



“ของขาดก็มาเอาที่กู กูมียาให้มึงเป็นลัง แดกจนกว่าจะเงี่ยนตายไปเลยก็ยังได้” เทวินยกเท้าขึ้นช่วยขยี้ ปริมน้ำตาไหลพราก กัดปากจนเลือดซึม



“อึก มึง...ปล่อยกู...” ปริมเอ่ยเสียงแหบพร่าแทบจับใจความไม่ได้ ทรมานเหมือนจะตายให้ได้



ตายในแบบที่คิดไม่ถึงจริงๆ



เทวินลากตัวปริมไปมัดไว้กับปลายเตียง ปล่อยให้มันดิ้นทุรนทุรายเหมือนปลาขาดน้ำ ก่อนจะกดโทรออก เรียกลูกน้องมาสองคน



“จับมันแก้ผ้า”



เขาออกคำสั่งพลางนั่งไขว้ห้างบนโต๊ะ มองดูมันที่กัดฟันกรอดๆ จ้องเขาตาแดงก่ำ ไม่รู้ว่าอยากหรือโกรธ



ลูกน้องสองคนที่เรียกมาเอ่ยขอโทษปริมเบาๆ แล้วรีบทำตามคำสั่งอย่างลนลาน เสื้อผ้าของปริมถูกถอดออกจนหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งถุงเท้า มันน้ำตาไหลอาบแก้ม แต่ยังจ้องเขาไม่ลดละ แผ่นอกบางกระเพื่อมไหว หอบหายใจถี่รัว แต่พยายามจะงอตัวหลบสายตาพวกลูกน้องของเขา



สองคนนั้นไม่กล้ามองปริมตรงๆ แต่ก็เหลือบดูบ้างเป็นระยะ ปริมเป็นคนผอม แต่ไม่ได้ดูกระหร่อง ผิวขาวเนียนไปทั้งตัว แต่มองยังไงก็ไม่เหมือนผู้หญิงสักนิด ผู้ชายทั่วไปมองมัน ไม่มีทางเกิดอารมณ์อยู่แล้ว แค่มองเพราะเป็นห่วงมากกว่า



และแน่นอนว่า เทวินก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยกับการจ้องมองปริม



“ถือกล้องไว้” เขาขยับออกจากโต๊ะ ส่งสมาร์ทโฟนที่เปิดกล้องโหมดวิดีโอไว้ให้ลูกน้องคนหนึ่ง ก่อนจะถอดเสื้อเชิ้ตตัวนอกออกเหวี่ยงทิ้งไป เหลือแค่เสื้อยืดสีขาวข้างใน



นรกของมึงมาถึงจริงๆ แล้วปริม



“นี่คือการลงโทษ ที่มึงไม่เชื่อกู” เขากัดคางมันแรงๆ ปริมตัวสั่นเป็นลูกนก เทวินหันไปสั่งลูกน้องอีกคนที่ยังมือว่าง “จับขามันแยกออก”



“หา? คะ ครับ” ลูกน้องคนนั้นทำหน้าเหมือนตกใจ แต่ก็ต้องรีบทำตามที่สั่ง เพราะกลัวสายตาดุดันของเขา



ปริมถูกลูกน้องของเขาจับขาไว้ ลูกน้องของเขามีความลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายหมอนั่นก็ดึงขาของปริมที่งอไว้ยืดออกแล้วจับถ่างกว้าง ปริมร้องไห้ตัวสั่นระริก กัดปากพลางส่ายหน้า



“เอามัน”



“หา?” ลูกน้องคนเดิมหันไปมองหน้าเขาอย่างไม่อยากเชื่อ “อะไรนะครับพี่วิน”



“กูบอกให้มึงเย...มัน” เขาสั่งเสียงดัง นั่งยองๆ มองพวกมัน ลูกน้องของเขากลืนน้ำลายอย่างฝืดเฝือด ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ตามไอ้ปริมไป เขารำคาญเลยคว้าเอวลูกน้องมาดึงกางเกงออกให้



“มึงมาถ่ายใกล้ๆ” เขากวักมือเรียกคนที่ถือกล้อง แล้วหันไปหาลูกน้องที่จับขาของปริมค้างไว้ท่าเดิม



“มะ มันไม่แข็งอ่ะพี่” ลูกน้องหันมามองเขาหน้าตาเลิกลั่ก คงเพราะกลัวเขาด้วยเลยไม่มีอารมณ์



เขาถอนหายใจเสียงดัง ก่อนจะดึงลูกน้องตัวเองให้ลุกขึ้นคุกเข่าตรงหน้าปริม ดันสะโพกมันไปตรงปากของปริมที่ร้องไห้ไม่หยุด เหมือนฤทธิ์ยาจะไม่มีผลเลยด้วยซ้ำ



“อม” เขาสั่งเสียงแข็ง ปริมส่ายหน้าในทีแรก แต่เขากดหัวมันเข้าหาของลูกน้อง ไอ้ลูกน้องของเขาก็หลับตาปี๋ ไม่กล้าขัดขืนใดๆ จนปริมต้องยอมอ้าปาก เลียและอมมันเข้าไป



ความร้อนชื้นจากปากและลิ้นทำให้ร่างกายมีปฏิกิริยาขึ้นมาทันที



เมื่อเห็นว่าพร้อมแล้ว เขาก็สั่งเหมือนเดิมและนั่งกอดอกมองดู ลูกน้องของเขาค่อยๆ สอดใส่เข้าไปในช่องทางตอดรัดปฏิเสธการร่วมเพศอย่างรุนแรงของปริม แต่มันก็ทนได้ไม่นาน เพราะยายังออกฤทธิ์อยู่ ร่างกายที่แข็งเกร็ง เริ่มโอนอ่อน และในที่สุดก็เข้าไปได้ทั้งหมด



เขายื่นมือไปลูบหัวเพื่อนรักที่กรีดร้องจนเสียงแหบแห้ง หลังจากโดนลูกน้องของเขาจัดหนักไปหลายรอบ



“คราวหน้าถ้ามึงกล้าขัดคำสั่งกูอีก มึงจะไม่โดนแค่ของไอ้เอ็มคนเดียว”



***



ปริมปรือตาตื่นมาในตอนสายของอีกวัน ช่วงล่างปวดระบมและเหนอะหนะไปหมด คราบน้ำตายังเกรอะกรัง ไม่รู้ว่าหลับไปตอนไหน แทนที่ตัวจะเบาสบายเพราะยาหมดฤทธิ์แล้ว กลับทั้งเจ็บแสบและร้อนไปหมด



พอกวาดสายตามองหาเจ้าของห้อง ก็ไม่เห็นเงาใครเลยสักคน



ก๊อกๆ



เคาะเสร็จก็เปิดประตูเข้ามาเองเลย ปริมนิ่วหน้าพลางดึงผ้าห่มที่ถีบร่นไปอยู่ปลายเตียงขึ้นมาคลุมถึงเอว



“อ้าว? ตื่นแล้วเหรอครับคุณปริม พี่วินบอกให้เตรียมอาหารเช้าไว้ให้” เป็นพีนั่นเองที่เข้ามาในห้อง พีไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เมื่อคืน และคงไม่รู้เรื่องด้วย ลูกน้องคนสนิทของเทวินวางถาดอาหารให้ปริมบนโต๊ะทำงานของเทวิน



“เสื้อผ้าคุณปริม พี่วินสั่งให้เตรียมให้ใหม่นะครับ ผมวางไว้ในห้องน้ำ อาบน้ำแล้วมาทานข้าวได้เลย มีอะไรก็กด 0 เรียกผมนะครับ” พีเอ่ยอย่างสุภาพ แล้วจะเดินออกจากห้อง



“เดี๋ยว พี่พี” ปริมเรียกไว้ก่อน พีเลยหมุนตัวกลับมา “มันไปไหนแล้ว ไอ้วิน”



“อ๋อ พี่วินไปโรงพยาบาลครับ เห็นมีคนโทรมาว่าแม่พี่วินจะคลอดแล้ว”


***
นี่คือวิธีดัดสันดานของพี่วิน...

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Lambosasha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
6
ปริมรีบอาบน้ำแต่งตัว แม้จะทุลักทุเลไปบ้าง กินข้าวสองสามคำแล้วก็รีบเรียกแกรบคาร์บึ่งไปโรงพยาบาลทันที เป็นห่วงแม่ไม่แพ้เทวิน เพราะรู้จักกันมานาน ตั้งแต่ที่พวกเทวินยังอาศัยอยู่บ้านเช่าหลังเล็กๆ ในชุมชนเดียวกัน

อดคิดถึงสมัยนั้นไม่ได้ เทวินเป็นเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารัก ตัวเล็กเหมือนตุ๊กตา ดูขี้กลัวและหวาดระแวง แถมยังโดนพวกเด็กตัวโตกว่ารังแกประจำ ครั้งไหนที่เขาเห็นก็จะเข้าไปช่วย แต่ก็ช่วยได้แค่พาวิ่งหนีกลับบ้าน ทำแผลให้ หาข้าวให้กิน

ไม่เคยคิดว่าชีวิตของเทวินจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ขนาดนี้ในเวลาอันรวดเร็ว

“วิน!” มาถึงโรงพยาบาล ปริมโทรหาและเดินตามทางมาจนเจอห้องผ่าตัด เห็นวินกับพ่อเลี้ยงอยู่ตรงนั้นแล้ว

“สวัสดีครับคุณป๋า” ปริมยกมือไหว้ผู้ใหญ่ เสี่ยน้อยรับไหว้หน้านิ่ง มองสภาพปริมที่สวมเสื้อผ้า...ของเทวิน

พ่อเลี้ยงจำได้แม่นยำ เพราะเสื้อผ้าของเทวินแทบทุกชุด ตนเป็นคนเลือกซื้อมาให้กับมือ

สายตาคมตวัดมองมือที่เทวินลูบหัว เช็ดเหงื่อบนหน้าผากให้ปริม เรียวคิ้วขมวดปมอย่างสงสัยปนหงุดหงิดเล็กๆ แต่พยายามจะไม่คิดอะไร เด็กสองคนเป็นเพื่อนกันมานาน สนิทกันแบบนี้ก็ไม่แปลก เพื่อนกัน แลกเสื้อผ้ากันใส่ก็ไม่แปลก

ไม่แปลกหรอก

ไม่แปลก

“ทำไมมึงไม่นอนพัก เดินไหวหรือไง” น้ำเสียงของเทวินฟังดูห่วงใย อบอุ่น พ่อเลี้ยงคิ้วกระตุก เหลือบมองเด็กสองคนอีกครั้ง

“กูก็ห่วงแม่เหมือนกันนี่ ไม่มาได้ไง” ปริมยู่ปาก เทวินคลี่ยิ้มบางๆ มือโอบบ่าของปริม พาไปนั่งรอบนเก้าอี้ แต่ปริมเหมือนจะนั่งไม่ค่อยถนัด

แปลกแล้วล่ะ

พ่อเลี้ยงคิดอย่างหงุดหงิด ตนอุตส่าห์เฝ้าฟูมฟักเทวินมา 3 ปี กว่าจะเติบใหญ่เป็นชายหนุ่มที่สมบูรณ์พร้อมได้ขนาดนี้ กะจะค่อยๆ เล็มกินทีละน้อย สร้างสายใย ความผูกพัน แต่นี่อะไร ไอ้เด็กเมื่อวานซืนนี่ดันโผล่มาคาบไปแดกแล้วงั้นรึ ทั้งที่ตอนแรกเห็นเทวินชอบแต่ผู้หญิง ซึ่งตนก็ไม่เคยว่า เพราะมันเป็นไปตามฮอร์โมนเพศ ตามประสาวัยรุ่น แต่ถ้าคิดจะรักผู้ชายด้วยกัน ไม่มีทางยอมแน่

ผู้ชายเพียงคนเดียวที่จะได้เทวินไป ต้องเป็นพ่อเลี้ยงหนึ่งเดียวคนนี้

หมอเปิดประตูออกมาขัดความคิดของพ่อเลี้ยงพอดี

เทวินรีบพุ่งไปหาหมอ

“ยินดีด้วยครับ คุณแม่ได้ลูกชาย สุขภาพสมบูรณ์ดีทั้งแม่และลูกเลยครับ”

เทวินเหมือนจะเข่าทรุดด้วยความโล่งอก เขาพรูลมหายใจยาว สิ่งที่กังวลมาตลอดคลายไปหมดแล้ว

“ผมขอเข้าไปเยี่ยมแม่ได้มั้ยครับ”

“เชิญตามสบายเลยครับ” หมอยิ้มให้ทุกคน ก่อนจะขอตัว

เทวิน พ่อเลี้ยงและปริม เข้าไปเยี่ยมแม่พร้อมกัน ตอนนี้น้องชายตัวน้อยของเขายังออกมาให้พบหน้าไม่ได้ เลยได้แค่คุยกับแม่ไปก่อน แม่ดูอิดโรยเล็กน้อย แต่สีหน้ายิ้มแย้ม

พ่อเลี้ยงจับมือแม่ของเขา ยิ้มให้เหมือนคู่สามีภรรยาที่รักกันมาก

“หมอบอกว่าน้องแข็งแรงดี” เทวินนั่งลงข้างๆ เตียง มองแม่ด้วยความห่วงใย

แม่ยิ้มให้เขา “ดูแลน้องด้วยนะวิน”

ในตอนนั้น เขายังไม่ค่อยเข้าใจ ว่าทำไมแม่ถึงพูดแบบนั้น เพราะถึงไม่ต้องฝากฝัง เขาก็ต้องดูแลอยู่แล้ว แม้สายเลือดครึ่งหนึ่งจะเป็นของคนที่เกลียดก็ตาม

น้องชายของเทวินน้ำหนัก 3 กิโลกรัม ถือว่าเป็นเด็กที่ตัวค่อนข้างใหญ่ ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ และน่าจะเป็นเด็กร่าเริงอารมณ์ดี เพราะตอนที่เขาไปเยี่ยมในวันถัดมา ก็เจอน้องที่คุณพยาบาลพามา กำลังหัวเราะเอิ้กอ้าก

“น่ารักจัง” ปริมว่าพลางเอานิ้วจิ้มแก้มยุ้ยๆ ของเจ้าหนู ปู่เป็นคนตั้งชื่อเด็กคนนี้ว่า ภาคิน แปลว่าผู้มีโชค

“เรียกว่าภา หรือ คิน ดีล่ะ”

“ภามันฟังดูผู้หญิงไปเปล่า เอาคินดีกว่า หรือตั้งชื่อเล่นใหม่ไปเลย” เทวินทำหน้านึก ปู่บอกเขาว่า จะตั้งชื่อเล่นให้น้องก็ได้ แล้วแต่เขา

“อืม งั้นน้องริชชี่”

เขานิ่วหน้า “ทำไมชื่อเหมือนผู้หญิงอีกแล้ว”

“งั้นแค่ริช ก็ได้” ปริมยู่ปาก “จะได้ทั้งรวย ทั้งมีโชคไง”

“ก็ดี” เขาพยักหน้า ตกลงให้เรียกน้องชายว่า ริช

“แล้วชื่อวินหมายความว่าอะไร เทวิน เกี่ยวกับเทพเหรอ” ปริมนึกสงสัยขึ้นมา ไม่เคยถามเรื่องความหมายของชื่อกันเลยสักครั้ง แถมเทวินยังไม่มีชื่อเล่นเป็นทางการ เรียกกันแค่ชื่อท้าย

“มึงดูหน้ากูนะ นั่นแหละความหมาย” เทวินยิ้มกริ่ม ยื่นหน้าไปใกล้ๆ ปริม ใกล้มากจนปริมผงะหนี แก้มแดงระเรื่อ

ปริมพยายามมองหน้าเทวิน หาคำตอบของชื่อนั้น แต่ก็ไม่ค่อยเข้าใจ

“กู...ไม่เข้าใจอ่ะ” ปริมส่ายหน้า

“งั้นก็ไม่ต้องเข้าใจ” เขาตัดบทอย่างขัดใจ พยาบาลมาขอพาน้องไปนอนที่ห้องเด็กอ่อนพอดี เขากับปริมเลยลาแม่ บอกว่าจะไปที่ร้านต่อ เทวินไปทำงาน ส่วนปริมแค่ตามไปเที่ยวเล่น

จากเหตุการณ์ครั้งก่อน เหมือนปริมจะเข็ดหลาบ ไม่กล้าเข้าไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติดทั้งหลายอีก ทำให้เขาวางใจไปได้ส่วนหนึ่ง

“แป้ปเดียวจะเปิดเทอมใหม่อีกละ ขี้เกียจเรียน ขี้เกียจสอบ” ปริมเปรยเบาๆ ระหว่างที่นั่งเล่นเกมในมือถือรอเขาทำงาน

“มึงแค่เรียนแค่สอบ กูยังต้องทำงานไปด้วย ยังมีหน้ามาบ่น” เทวินส่ายหน้าหน่ายๆ เหลือบตามองปริม แล้วก็ก้มหน้าทำงานต่อ งานของเจ้าของผับไม่ใช่ง่ายๆ กว่าเขาจะศึกษาจนเข้าใจแผนงานและการตลาดทั้งหมด ทุกวันนี้อ่านเอกสารเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ ไหนจะเรื่องกฎหมายที่ต้องเรียนรู้ไว้ป้องกันตัวในหลายๆ เรื่อง ปู่ถึงพอใจมากที่เขาเลือกเรียนกฎหมาย แทนที่จะเป็นบริหารธุรกิจ งานบริหารมันเรียนรู้จากประสบการณ์จริงได้ แต่ถ้าเขารู้ช่องโหว่ของกฎหมาย จะทำให้งานใต้ดินพวกนี้สะดวกสบายขึ้นเยอะ

ปริมเบะปาก ก่อนจะเด้งตัวลุกขึ้นจากเบาะ “งั้นกูออกไปเดินเล่น ดูสาวๆ ดีกว่า”

“สาวๆ หรือหนุ่มๆ” เทวินยิ้มเยาะ จากประสบการณ์ของเขากับมันแล้ว คาดว่าปริมชอบผู้ชาย 100%

แต่เขาคาดการณ์ผิดไปนิดหน่อย เพราะปริมไม่ได้ชอบผู้ชายทุกคนที่เห็น หรือสนใจทุกคนที่หน้าตาดี

ปริมนิ่วหน้ามองเขาอย่างหงุดหงิด แต่ไม่ตอบอะไร เปิดประตูเดินปึงปังออกไปเลย

หลังๆ มานี้ เขาไม่ต้องคอยขู่ปริมแล้ว เพราะมันเข็ดหลาบจนตาย ไม่กล้าท้าทายเขาอีก นับว่าเขายังใจดีที่ให้ไอ้เอ็ม ลูกน้องที่ตัวเล็กที่สุดในร้านเป็นคนทำเมื่อครั้งก่อน เขาพรูลมหายใจพลางเอนหลังพิงเก้าอี้ทำงาน ตอนนั้นร้องไห้ทั้งคนทำคนโดนทำ คิดแล้วก็เห็นใจทั้งคู่

เขาอาจจะทำรุนแรงเกินไป ทำร้ายมันทั้งร่างกายทั้งจิตใจ แต่ถ้าไม่ทำ ก็กลัวว่ามันจะไม่เข็ด

***

พักนี้พ่อเลี้ยงเหมือนจะให้ความสนใจเขามากเป็นพิเศษ ปกติก็สนใจมากกว่าที่พ่อเลี้ยงลูกเลี้ยงทั่วไปเขาทำกันอยู่แล้ว แต่นี่มันเกินกว่านั้น

“เปิดเทอมปุ๊ป ก็ขยันปั๊บเลย”

เขากำลังนั่งทำการบ้านอยู่ในห้อง พ่อเลี้ยงก็เข้ามาดู พอเห็นเขาทำการบ้านอยู่ ก็เข้ามาจับบ่ากอดคอ มือไม้จากที่เคยทำแค่กอด เดี๋ยวนี้มันลามไปลูบแถวอก แถวท้อง

“แล้ววินจะเรียนเทควันโด้ต่อมั้ย หรือชกมวย ยูโดก็ดีนะ ชอบอันไหนเหรอครับ”

“ผมอยากลองฟันดาบ” เขาแกล้งพูด พ่อเลี้ยงเหมือนจะถูกใจ ส่งเสียงหัวเราะคิกคัก

“ก็ดีนะ เท่ดี เหมาะกับวินแน่ๆ ยิ่งตอนใส่ชุดรัดๆ น่าจะ...” สายตาคู่นั้นเหลือบลงต่ำไปถึงเป้ากางเกงของเขา ซึ่งเทวินตั้งใจใส่กางเกงขาสั้นมากๆ อยู่แล้ว เขารู้ว่าพ่อเลี้ยงชอบมอง แรกๆ ก็ขยะแขยง แต่ผ่านไปสักพักก็ชินชา และคิดว่าอยากจะยั่วมันให้ตบะแตกสักที จะได้จัดหนักๆ เอาให้ลุกไม่ขึ้นสักสามสี่วันไปเลย

“ป๋าเข้ามาหาผมถึงห้อง มีอะไรหรือเปล่าครับ” เขาเงยหน้าขึ้นยิ้มหวาน

“เปล่าหรอก แค่มาดูว่าวินเป็นยังไงบ้าง ไหนจะเรียน ไหนจะทำงานที่ผับ ไม่มีเวลาให้ป๋าเลยช่วงนี้” คนแก่กว่าส่งเสียงงุ้งงิ้ง เอาหน้ามาซุกกับคอของเขา

เขาหัวเราะเบาๆ “ถ้าป๋าอยากได้เวลา ก็แค่บอก ผมมีให้ตลอดถ้าป๋าต้องการ” พูดเอาใจมันไว้ก่อน

พ่อเลี้ยงเหมือนจะเขิน มันหน้าแดงนิดๆ ยิ้มตาเยิ้มมองเขา แสดงออกชัดเจนขนาดนี้ ถ้าเขาจับมันกดลงเตียงเลย ก็คงไม่ขัดขืนหรอกมั้ง

แต่เขาไม่ทำแบบนั้นหรอก เขาจะรอให้มันทนไม่ไหวแล้วเข้ามางับเหยื่อเอง

อย่างน้อย ถ้าเรื่องรู้ถึงหูปู่ ก็ไม่ใช่ความผิดของเขา

“งั้นป๋าไม่กวนวินแล้วล่ะครับ” มันว่าพลางเหลือบตามองเป้าเขาอีกรอบ จะมองให้มันตั้งเลยรึไงวะ เขาคิดในใจอย่างหงุดหงิด

แต่ก็ยิ้มตอบ “ครับ” ก่อนจะยื่นหน้าไปหอมแก้มมันฟอดหนึ่ง ยังดีที่มันผิวเนียน แถมยังตัวหอม ไม่งั้นเขาคงรังเกียจกว่านี้

ทำการบ้านเสร็จ เทวินก็แวะไปเยี่ยมแม่ที่เพิ่งกลับมาอยู่บ้านได้สักพักแล้ว ปู่จ้างพยาบาลมาคอยช่ววยดูแลทั้งแม่และริช เลยไม่มีอะไรต้องห่วงมาก เพราะเขาเองก็ดูแลคนเพิ่งผ่าคลอดไม่เป็น ไม่รู้เรื่องอะไรเลย เลี้ยงเด็กก็ไม่เคย ทำได้แค่อุ้มน้องนิดๆ หน่อยๆ

“หน้าคล้ายวินเลยนะ วินตอนเด็กๆ ก็หน้าแบบนี้” แม่อมยิ้มมองลูกชายตัวน้อยในอ้อมอก ริชกำลังดูดนมแม่อยู่ โดยมีเขานั่งมองอยู่ใกล้ๆ

เขามองหน้าน้อง เด็กทารกตัวยังแดงๆ หน้ากลมแป้น

เขาจะรักเด็กคนนี้ได้เหรอ

แม้แม่จะบอกว่าเหมือนเขาแค่ไหน

แต่ในหัวใจของเขามันยังรู้สึก

เจ็บปวด

เรียนจบเมื่อไหร่ เขาจะหาทาง พาแม่หนีไปจากนรกนี่ให้ได้ จะไม่ยอมให้มันทำร้ายแม่อีกแล้ว

ส่วนไอ้เด็กนี่...ช่างมันแล้วกัน

***

ปล.เทวิน แปลว่า หล่อ 5555

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
แอบกลัวพ่อเลี้ยงจะไม่ปล่อยเทวินไปนะซิ  และสงสารปริมจังแต่เทวินก็มีเหตุผลไม่งั้นปริมคงไม่ยอมเลิกแน่ๆ  :hao5:

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43

ออฟไลน์ Grey Twilight

  • Moderator
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-17
ในบรรดางานเขียนของคุณ Lambosasha ผมชอบเรื่องนี้มากที่สุดนะครับ อาจจะเพราะตัวพื้นเรื่องเขียนออกมาได้ค่อนข้างดีกว่าเรื่องอื่น การกระทำและมิติตัวละครมีหลักการที่ค่อนข้างสมเหตุสมผลในตัวมันเอง อีกเรื่องหนึ่งคือมีการใส่สารพัดสิ่งยั่วยุและเดินเรื่องในด้านมืดของสังคมได้ดี ไม่ถึงกับชวนเชิญคนอ่านหรือสนับสนุนการอ่านให้เห็นดีเห็นงามกับความมืดของสังคม มี anchor หรือศูนย์ถ่วงทางจริยธรรมที่เขียนสอดแทรกมาในเนื้อเรื่องได้ดี เราเห็นจุดนี้ผ่านม่านหมอกจางๆแห่งความมัวเมาและสีเทาแห่งอบายมุขในเรื่อง

ผมชอบคาแรกเตอร์เทวินนะครับ เป็นคาแรกเตอร์ตัวละครที่ชัดที่สุดในนวนิยายตอนนี้ของคุณแลมโบซาช่าเลย แม้ในเรื่อง ตัวละครเอกจะมีพื้นเพความหลัง มีการดำเนินเรื่องของตัวเอง แต่มิติของตัวละครมันไม่แน่นเหมือนกับเทวิน อีกเรื่องนึงที่ผมชอบคือสไตล์การเดินเรื่องสมกับโทนของเรื่องที่เป็น Drama 18+ ผู้เขียนมีการดำเนินเรื่องที่เขียนออกมาแล้วผู้อ่านติดตามลุ้นระทึก อ่านแล้วบีบเค้นจนบางทีก็อยากจะปาของใส่ตัวละคร หรือบางทีก็ร้องไห้ไปตามตัวละคร หรือยิ้มสู้ด้วยความเข้าใจในสถานการณ์อันบีบคั้นของตัวละคร นี่เป็นสิ่งที่เนื้อเรื่องดรามา 18+ ต้องทำให้ผู้อ่านรู้สึกให้ได้ จึงจะเรียกว่าประสบความสำเร็จในการเขียนเรื่องดรามาอย่างแท้จริง

เทวินเป็นตัวละครพระเอกที่ผมชอบมาก เพราะเขายืนอยู่ในก้ำกึ่งแห่งความดีกับความชั่ว เป็นเด็กผู้ชายที่มีแก่นความเป็นผู้ชายทั่วๆไป แต่ยังมีความรักให้กับสิ่งดีงามที่ควรจะมีให้ เทวินเป็นเด็กผู้ชายที่โตมาในสลัม ครอบครัวแตกแยก แม่พยายามจะทำให้ชีวิตของเทวินดีขึ้น โดยการไปแต่งงานกับพ่อเลี้ยงที่คุมเรื่องยาและบ่อนในชุมชน ซึ่งเป็นคนมีฐานะ ทั้งที่แท้จริงแล้วคนชอบแม่ของเทวินคือผู้ชายอายุราวปู่ เนื้อเรื่องที่ค่อนข้างดาร์ค และการปูเรื่องแบบนี้มันนำไปสู่การที่เทวินพลิกจากคนที่เคยถูกรังแกมาตลอด ขึ้นสู่ความเป็น alpha male ผ่านกระบวนการหล่อหลอมทางด้านมืดของสังคม แต่อย่างไรก็ตาม... เทวินไม่ได้สูญเสียแก่นของความเป็นตัวของตัวเองไป เขาเรียนรู้ที่จะเอาด้านมืดของสังคมมาใช้ให้เป็นประโยชน์กับตัวเอง แม้ว่าตัวเองจะถูกกลืนไปกับสิ่งนั้นด้วยก็ตาม มันเป็นความงดงามที่น่าสนใจของตัวละครนี้นะครับ

เทวิน แม้จะขู่แม่ในระหว่างที่ท้องลูกของปู่ แต่ก็ยังมีความคิดที่จะพาแม่ออกไปจากขุมนรกที่คอยทำร้ายร่างกายบุพการี เทวิน แม้จะสั่งให้ลูกน้องมาข่มขืนปรินที่ตัวเองสั่งห้ามแล้วไม่ให้ยุ่งกับยาเสพติดก็ยังไม่ฟัง แต่ก็ยังดูแลปรินอย่างดีและคอยหวง

มันเป็นการแสดงออกที่ทำให้เราเห็นความซับซ้อนของมิติตัวละครนี้ และทำให้รู้สึกว่าตัวละครนี้มีเสน่ห์ ยิ่งเรื่องปูให้เทวินกลายเป็นหัวหน้าและเป็นผู้นำของผู้ชายผ่านหลายๆคาแรกเตอร์ของ alpha male ที่สมเหตุสมผล (การเคี่ยวเข็ญทางด้านมืด และการพยายามบำรุงรักษาเทวินจากพ่อเลี้ยงที่หวังงาบ มันทำให้เทวินรูปร่างดี มีเสน่ห์ เก่งเรื่องบนเตียง มีความดิบและเด็ดขาด ลักษณะทางกายภาพของผู้ชายเด่น) มันเป็นการเพิ่มความสมเหตุสมผลของเรื่องและทำให้เราลุ้นไปกับเทวิน ว่าพระเอกคนนี้จะทำอะไรต่อไป จะเอาแนวคิดด้านมืดที่หล่อหลอมมาใช้กับอะไร หรือ จะเอาแก่นความเป็นตัวของตัวเองมาเอาชนะสถานการณ์ที่บีบคั้นและจนตรอกของตนเองได้ยังไง

ส่วนตัวแล้ว ผมชอบการที่ตัวละครในเรื่องนี้มีความ ‘มืด’ อยู่หลายคน และแบ่งเป็นฝ่ายได้อย่างชัดเจน ‘ปู่’ เทียมของเทวิน มีความกักขฬะ ชอบทำร้ายร่างกาย แต่ก็เด็ดขาดแบบมาเฟียมุมมืดสมัยเก่า ไม่ได้สนใจสภาพสังคม แถมแก่แล้วแต่ก็ยังสนใจราคะ เป็นตัวแทนของความชั่วร้ายที่รุนแรง ถ้าให้เทียบ symbolism ก็คล้ายๆกับราชาปีศาจมุนดุสใน DmC Remake ให้ออร่าและความรู้สึกเหมือนลาสบอส ส่วนพ่อเลี้ยงของเทวิน ยังไม่เห็นว่าจะสืบความร้ายกาจจากปู่สักเท่าไหร่ เรายังเห็นแต่ความอ่อนโยนและอยากดูแลเทวิน แต่ก็หลอกลวนลาม และที่เห็นชัดเจนว่าอาจสืบความสนใจราคะมาจากปู่คือ ความโกรธที่แวบผ่านประกายตามาเมื่อเห็นว่าคนที่ตัวเองหวังจะงาบ อาจจะชอบคนอื่นและหวังจะตีตัวออกจากตนเอง อันนี้เป็นไปได้ว่าก็อาจจะสืบนิสัยมาจากปู่ แต่เก็บเอาไว้ได้อย่างเงียบและแนบเนียน เพื่อรอเวลางาบเทวิน สังเกตว่าสองคนนี้เหมือนกันอยู่อย่างนึงคือไม่ได้สนใจวิถีของจริยธรรมสังคม ไม่ได้สนใจว่าจะต้องทำอะไร หรือต้องหลอกยังไงเพื่อจะให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ต่างกันตรงที่ปู่ของเทวินรอไม่ได้ ส่วนพ่อเลี้ยงของเทวินนั้นเหมือนจะรอได้ แต่พอเหมือนจะผิดแผน ก็เผยนิสัยที่แท้จริงออกมา ซึ่งอันนี้ก็สมเหตุสมผลกับพื้นเรื่องที่ว่าสองคนนี้มาจากการปล่อยยา คุมบ่อน โดยที่สนใจเงินเป็นหลัก ไม่ได้สนใจว่าโครงสร้างของสังคมจะพังไปขนาดไหน

แต่เทวิน ที่แม้จะโตมาในสภาพการหล่อหลอมแบบนี้ เพื่อให้เป็นตัวตายตัวแทนต่อไป กลับไม่มีนิสัยของการไม่สนใจโครงสร้างของสังคม เทวินยังมีความเป็นตัวของตัวเอง แม้จะถูกแนวคิดด้านมืดทำให้เขาเด็ดขาดและเข้มแข็งขึ้น แต่เขาก็ยังสนใจว่าสิ่งที่ทำจะต้องไม่ทำร้ายสังคมมาก (ฉากที่เทวินสั่งห้ามปล่อยยา แต่ปู่กลับสั่งอีกอย่าง ฉากนี้มันบ่งบอกได้ดีมากครับ) แต่สิ่งที่น่ากลัวคือ พอทายาทแท้จริงของปู่และพ่อเลี้ยงเกิดมา ทรัพยากรต่างๆที่เทวินได้มาและคอยสนับสนุนเขา อาจจะถูกเปลี่ยนมือให้มาสนับสนุนเด็กคนนี้แทน และมันอาจทำให้เทวินสูญเสียอำนาจที่จะเปลี่ยนแปลงสภาพการณ์ต่างๆไปได้

สำหรับเรื่องคู่ ผมชอบเคมีของเทวินกับปริมนะครับ ทั้งสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เทวินยังเป็นเทวินคนเดิม ปริมเป็นคนที่ยืนข้างเทวินเสมอ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ถ้าเทวินแพ้ ปริมก็จะช่วย พอเทวินสูงใหญ่ขึ้น เขาก็ยืนอยู่ข้างๆคอยสนับสนุนด้วยเสียงชื่นชม เป็นคาแรกเตอร์ตัวละครที่เหมาะจะเป็นตัวนางกับเทวิน และผมชอบฉากที่ปริมไม่ฟังเทวิน จนสุดท้ายต้องโดยสั่งให้ข่มขืนนะ ความจริงมันเป็นฉากที่คนอ่านสมควรจะสะอิดสะเอียน หรือว่ารู้สึกเกลียดขี้หน้าพระเอก (เทวิน) และรู้สึกว่าเส้นเรื่องอาจเหวี่ยงออกรึเปล่า แต่ผู้เขียนทำออกมาได้ดีมาก โดยทำให้ผู้อ่านรู้สึกได้ว่ามันเหมือน รับ x รับ แล้วก็ทำให้ฉากมีความซอฟต์ลงมา ทำให้เราเห็นว่าเทวินสั่งอย่างนี้เพราะว่าต้องการดัดสันดานของปริมที่ห้ามไม่ฟัง และการสั่งแบบนี้ก็มาจากพื้นฐานนิสัยที่โดนหล่อหลอมมาจากพ่อเลี้ยงและปู่

การบรรยายของเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีมาก มีการซ่อนปมเรื่องหลายอย่าง มีการอธิบายหลายอย่าง หลบซ่อนอยู่ในการบรรยายที่ไหลไปตามเหตุการณ์ มันเป็นการใส่ข้อมูลและความนัยให้ผู้อ่านรับรู้ หรือเก็บเอาไว้เพื่อเอาไว้ใช้วิเคราะห์ต่อในอนาคต ทำให้ผู้อ่านติดตามเรื่อง สนใจเนื้อเรื่อง และมีความกระหายอยากอ่านต่อ เป็นทักษะการบรรยายที่ผสมผสานปมเรื่องและเขียนขยายคาแรกเตอร์ตัวละครผ่านเหตุการณ์ได้ดีครับ อย่างเช่น เราเห็นว่าลูกน้องที่ข่มขืนปริน แท้จริงแล้วให้ภาพเหมือนเป็นคาแรกเตอร์รับที่ตัวเล็กที่สุดในร้าน เพราะร้องไห้ทั้งคนเอาและคนถูกเอา เราเห็นภาพว่าแม่ของเทวินอาจเป็นซึมเศร้าได้จากการอยู่ในสภาวะแบบนี้ และที่น่าสนใจที่สุด เทวินจะพลิกดึงเอาทรัพยากรทั้งหมดกลับมาเป็นของตัวเอง แล้วจัดการกับคนพวกนี้ยังไง และจะมารักกับปริมได้ยังไง ด้วยวิธีไหน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะเจริญเติบโตยังไง น่าติดตามครับ

ปล. ผู้เขียนเขียนฉากอัศจรรย์หรือฉากแนวนี้ออกมาได้ดีนะครับ ผสมผสานมันกับเส้นเรื่องได้ดีด้วย แสดงภาพของตัวละครผ่านฉากแบบนี้ออกมาได้เห็นภาพ ชัดเจน ฉากที่ผมชอบที่สุดคือฉากกิจกรรมบนเตียงระหว่างเทวินกับปริมครั้งแรกนี่แหละครับ มันแสดงภาพของตัวละครออกมาชัดมาก เราเห็นความดิบเถื่อน ความดุดันและเรือนร่างที่แข็งแกร่งของเทวิน ผ่านฉากอัศจรรย์ฉากนี้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-10-2020 22:43:58 โดย Grey Twilight »

ออฟไลน์ Lambosasha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
7
การสอบเข้ามหาวิทยาลัยผ่านไปด้วยดี เทวินสอบติดคณะและมหาวิทยาลัยที่ต้องการ เขาย้ายไปอยู่บ้านใหม่ที่ชลบุรี ซึ่งปู่ซื้อไว้ให้ เป็นบ้านเดี่ยวริมทะเลแสนสงบ ไกลหูไกลตาผู้คน แม้จะไปอยู่ไกลจากพวกมัน แต่ก็ไม่พ้นสายตาของพวกมันอยู่ดี

“ปู่ว่าจะขยายสาขา ไปเปิดผับให้หลานดูแลที่นั่นอีกแห่ง”

มิน่า ถึงได้อารมณ์ดีนักตอนที่เขาบอกว่าสอบติด

“แต่มันจะมีออพชั่นเสริมมากกว่าที่นี่หน่อยนะ หลานคิดว่าจะดูแลไหวมั้ย หรืออยากให้ใครไปช่วยก็ได้”

เขาส่ายหน้า “ไม่เป็นไรครับ ผมดูแลได้”

“แรกๆ ก็เรียนรู้งานกับป๋าของหลานไปก่อนแล้วกัน จนกว่าจะถึงวันเปิดอย่างเป็นทางการ”

เขาค้อมหัวให้ “ครับ”

และเพราะปู่บอกให้เรียนรู้งานจากพ่อเลี้ยง เทวินจึงต้องใช้เวลาช่วงปิดเทอมก่อนเข้ามหาวิทยาลัยไปกับการเดินทางเยี่ยมชมบ่อนการพนันและ...ซ่องโสเภณี

“อย่างวิน ป๋าว่าดูแลบ่อนสบายอยู่แล้ว แต่เรื่องค้าบริการนี่ จะทำไหวเหรอ” พ่อเลี้ยงไหวไหล่นิดๆ สบสายตากับเขา เทวินคลี่ยิ้มบางๆ

“ไม่รู้สิครับ”

“ป๋าว่าวินยังใจอ่อนกับคนพวกนั้นอยู่นะ” หลายวันมานี้ พ่อเลี้ยงคล้ายจะจับจุดได้ ว่าเทวินค่อนข้างอ่อนไหวกับเรื่องการค้ามนุษย์ ถึงจะอายุ 18 แล้ว แต่เด็กก็คือเด็กอยู่วันยันค่ำ ต่อให้ปลูกฝังความเลวร้ายลงไปแค่ไหน ก็ยังคงมีส่วนที่ขาวสะอาดติดค้างอยู่

“วินจะคุมพวกนั้นไหวเหรอ”

“งั้นผมต้องทำยังไง” เขายืดอกขึ้นถาม จ้องมองพ่อเลี้ยงอย่างตรงไปตรงมา

พ่อเลี้ยงยกยิ้ม ลูบบ่าของเขาและยื่นหน้าไปใกล้ๆ กระซิบที่ข้างหู

“เดี๋ยวป๋าจะสอนให้”

ในตอนนั้น เขายังไม่เข้าใจความหมายของ “การสอน” นั้น

ผ่านไป 1 สัปดาห์ พ่อเลี้ยงพาเขาเยี่ยมชมแหล่งอโคจรต่างๆ ของตระกูลจักราอภิวัฒน์จนครบ บางแห่งก็เป็นเพียงผับและร้านอาหารกลางคืนธรรมดา แต่ลึกลงไปในซอกหลืบของสังคม เต็มไปด้วยแหล่งอบายมุกและค้าบริการ

เทวินต้องทนดูเด็กตัวเล็กๆ หลายคนถูกจับมาขายให้พวกเสี่ยแก่ๆ ไม่เว้นแม้แต่เด็กผู้ชาย ซึ่งขายได้ทั้งกับหญิงและชาย เขานึกถึงตัวเองสมัยเด็ก ที่เคยตัวเล็กและโดนรังแก แต่มันเทียบไม่ได้กับสิ่งที่เด็กพวกนี้โดนกระทำ

ร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยแผลและรอยช้ำ

“ฮือออ” เสียงเด็กหญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งร้องไห้จ้าเมื่อถูกเหวี่ยงเข้ามาในห้องขังเล็กๆ ที่เหม็นอับรวมกับเด็กอีกหลายคน บางคนก็เริ่มโตเป็นสาวแล้ว

เทวินนั่งยองๆ ลงตรงหน้ากรงขังนั้น มองดูเด็กๆ ที่กำลังเศร้าซึมและร้องไห้ บางคนก็เหมือนไม่รับรู้อะไรแล้ว

ในอกของเขาเจ็บแปลบ

“วินต้องชินกับภาพพวกนี้ให้ได้นะครับ เพราะมันคือสินค้า”

เขาฟังพลางหลับตาลง กล้ำกลืนน้ำตาเอาไว้ข้างในอย่างฝืนทน

ภาพของแม่ลอยเข้ามาซ้อนทับกับเด็กพวกนี้

“เดี๋ยวป๋ามีอะไรให้ดูอีกอย่าง ตามมาสิ” เสียงของมันช่างน่ารังเกียจเหลือทน เทวินเหมือนอยากจะอาเจียน แต่เขาพยายามฝืนไว้ แล้วลุกเดินตามมันไป

พ่อเลี้ยงพาเขาเข้าไปในห้องทึบๆ ห้องหนึ่ง ที่มีเพียงเตียงไม้เก่าๆ กับโคมไฟบนเพดานห้อยลงมา เขากวาดสายตามองไปรอบๆ แล้วก็ต้องสะดุ้ง เมื่อจู่ๆ ได้ยินเสียงเหมือนอะไรบางอย่างถูกโยนเข้ามากระทบพื้น พร้อมกับประตูที่ลั่นกลอนลง

เทวินเบิกตาโพลง

“ปริม!”

“เดี๋ยวครับ” พ่อเลี้ยงขยับขามาขวางเขาไว้ มันแสยะยิ้มเยือกเย็นจนน่าขนลุก

“ป๋าทำอะไรมัน! ทำไม...” เขาชะเง้อคอมองปริมที่นั่งคอพับคออ่อนอยู่หน้าประตู

สภาพเหมือนคนเมายา

“มันเป็นวิธีที่ทำให้วินเรียนรู้ได้เร็วที่สุด” พ่อเลี้ยงขยับปากพูดจนดูเหมือนแยกเขี้ยว

เพราะรอเวลานี้มานานแล้ว ตั้งแต่เห็นความสนิทสนมของสองคนที่เหมือนจะเกินความเป็นเพื่อนไปมากโข ผับที่เทวินดูแล พ่อเลี้ยงก็เคยดูแลมาก่อน และมีสายคอยรายงานความเคลื่อนไหวอยู่ในนั้น เรื่องที่เทวินนอนกับปริม ไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะสืบ

“ไม่ต้องห่วงนะครับ เขาแค่เมายากล่อมประสาทระดับต่ำเท่านั้น ไม่รุนแรง และคิดว่าไม่น่าจะติด”

เทวินกลืนก้อนแข็งขนาดใหญ่ลงคอ เขาต้องใจเย็นก่อน เพราะยังไม่รู้จุดประสงค์ของมัน

“ถ้าวินกล้าลงมือกับเพื่อนรักของตัวเองได้ หลังจากนี้ก็ไม่น่ามีอะไรต้องห่วงแล้ว ทั้งเรื่องการค้ามนุษย์หรือทารุณกรรมเด็ก”

มึงมันเหี้ยอะไรมาเกิดวะ!!!

เขากัดฟันกรอด เข่นเขี้ยวอยู่ในใจอย่างเคืองแค้น

“วินแค่นั่งดูอยู่เฉยๆ ก็พอ มาดูกันว่าจะทนได้ขนาดไหน เนาะ” น้ำเสียงของมันเหมือนเย้ยหยัน มันเอียงคอน้อยๆ ด้วยรอยยิ้มราวปิศาจที่บ้าคลั่ง

แต่เขาจะทำอะไรได้ นอกจากทำตามที่มันสั่ง

เทวินนั่งลงบนเตียงกับพ่อเลี้ยง ขาของเขาสั่น บางทีมือก็คงสั่นเหมือนกัน เขากำหมัดแน่น เหงื่อแตกพลั่ก พ่อเลี้ยงแนบหน้าลงกับบ่าของเขา กอดแขนของเขาไว้เหมือนกลัวจะลุกไปช่วยปริม

ลูกน้องของมันมี 3 คน เป็นชายฉกรรจ์ร่างกำยำ พวกมันถอดเสื้อและปลดกางเกงรอแล้ว

“ไม่ต้องรุนแรงมากนะ” เสียงพ่อเลี้ยงออกคำสั่ง

“ทำไมต้องเป็นปริม” เขากัดฟันถาม

พ่อเลี้ยงเงยหน้ามองเขา รอยยิ้มหายไปจากใบหน้านั้น

“แล้วทำไมถึงไม่ได้”

“มันเป็นเพื่อนผม เพื่อนสนิท”

อดทนไว้ ทนไว้ ไอ้วิน ทนไว้

“เพื่อนกันเขาเอากันด้วยเหรอวิน” สีหน้าของมันแปรเปลี่ยน พ่อเลี้ยงหน้าตึงด้วยความไม่พอใจ ผลักเขาลงบนเตียง

“ทั้งที่ป๋าเฝ้าดูวินมาตั้งนาน จู่ๆ จะให้หมาตัวเมียอย่างนั้นคาบไปแดกได้ง่ายๆ งั้นเหรอ” มันนั่งคร่อมลงบนตัวเขา บั้นท้ายวางบนแก่นกายกลางลำตัวได้พอดีเหมือนกะมุมไว้แล้ว

“ป๋าไม่ยกวินให้ใครหน้าไหนหรอกนะ วินต้องเป็นของป๋า” มือของมันลูบไล้ที่แผงอกของเขา เชื่องช้า ทว่าหนักหน่วง

เทวินเอ่ยทั้งริมฝีปากสั่น “งั้นป๋าก็บอกผมดีๆ สิ ถ้าต้องการ ผมก็ให้ได้ ปล่อยเพื่อนผมไปเถอะครับ ผมขอ”

สีหน้าของมันเหมือนไม่พอใจเท่าไหร่ มันเอียงคอ เหลือบตาลงมองเขา เรียวคิ้วขมวดปม

“จะให้ปล่อยเพื่อนของวินงั้นเหรอ”

“ครับ ปล่อยไอ้ปริมไป แล้วป๋าอยากทำอะไรกับผมก็ตามสบายเลย”

เหมือนจะได้ผล เพราะมันคลี่ยิ้มเหมือนปกติแล้ว ไม่สิ หรือไอ้ที่เคยยิ้มๆ หวานๆ ให้เขามาตลอดคือไม่ปกติกันแน่วะ!?

“งั้นเป็นของป๋าคนเดียว ห้ามยุ่งกับคนอื่นอีก วินทำได้มั้ย ห้ามมีมันเข้ามาในชีวิตของวินอีก!”

เขาเก็บกลืนก้อนเหนียวลงคอ พลางพยักหน้า

“โอเค พวกมึง!” มันลุกไปจากตัวเขาแล้ว เทวินถอนหายใจ “เอาไอ้เด็กนั่นกลับไปส่งที่บ้านมัน แล้วขู่พวกมันไปด้วยว่า ถ้าแจ้งตำรวจ คืนนี้กูจะไปเยี่ยมถึงห้องนอน แล้วห้ามไอ้เด็กเหี้ยนี่มายุ่งกับลูกชายกูอีก”

“ครับเสี่ย!” สามคนนั้นขานรับเหมือนทหาร ก่อนจะแต่งตัวเข้าที่แล้วอุ้มร่างผอมบางที่แทบไม่ได้สติออกจากห้องนั้นไป

“แล้วผมจะแน่ใจได้ไง ว่าปริมปลอดภัย” เขาลุกขึ้นนั่ง มองไปทางประตูที่ปิดลงแล้ว

“วินไม่เชื่อใจป๋าเหรอ” มันตวัดสายตามามอง สีหน้าราวตัดพ้อ น้อยใจ?

เขาเม้มปาก “เปล่าครับ ผมแค่เป็นห่วงเพื่อน”

“มันเป็นแค่เพื่อนจริงๆ เหรอ” พ่อเลี้ยงไม่สนใจเรื่องอื่นเลย สนใจอยู่แค่ประเด็นนี้เท่านั้น วินจะรักใครไม่ได้ ถ้าไม่ใช่พ่อเลี้ยงคนนี้

“ครับ แค่เพื่อน” เขาเน้นเสียงอย่างหนักแน่น

“แต่ก็ได้กับมันแล้ว” คนอายุ 30 กว่าเบะปากเหมือนเด็กๆ เทวินมองหน้ามันอย่างอึ้งๆ ปกติก็ดูปัญญาอ่อนนิดๆ แต่ไม่คิดว่าจะทำตัวงี่เง่าได้ขนาดนี้

ตกลงมันเป็นคนยังไงกันแน่ โรคจิตสินะ? โรคจิตชัวร์

เขาคิดแค่นั้น ก่อนจะรีบอธิบาย “แค่ครั้งเดียวครับ เพราะมันเมายา”

“แต่วินไม่ได้เมา”

เสือกรู้ดีอีก แม่งเอ๊ย

“ผมแค่ตอบสนองไปตามสัญชาตญาณ”

พ่อเลี้ยงนิ่วหน้ามองเขา ก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้า เทวินตกใจจนเกือบหยุดหายใจ เพราะมันปลดกางเกงตัวเองออก พร้อมกับถกเสื้อขึ้น

“งั้น...ใช้สัญชาตญาณของวินกับป๋าสิ”

***
ขอบคุณการวิเคราะห์ของคุณ Grey Twilight มากๆ เลยค้าบ ไม่รู้ว่าเรื่องหลังจากนี้จะทำให้ผิดหวังหรือเปล่า แต่เราจะพยายามน้า
ขอบคุณทุกคนที่มาอ่านมาเม้นท์เลย ช่วงนี้เรามีงานแปลด้วย แต่ก็อยากมาอัพเร็วๆ จะพยายามต่อไปน้า

ออฟไลน์ Lambosasha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
8
แม่ดูเหม่อลอยกว่าทุกที เขาเป็นห่วงแม่มากที่สุด แต่ก็ต้องไปเรียนไกล

“ฝากแม่...กับน้องกูด้วย” เขาเอ่ยกับบอดี้การ์ดคนสนิท พงษ์ เป็นบอดี้การ์ดที่ปู่ส่งมาก็จริง แต่เขาไว้ใจมัน อย่างน้อย แววตาของพงษ์ที่มองเขาและแม่ ก็จริงใจกว่าคนอื่น

“ครับคุณวิน” พงษ์ค้อมหัวรับคำนายน้อย ก่อนที่เทวินจะเดินลงบันไดไป

สัมภาระจำเป็นอยู่ท้ายรถเรียบร้อยแล้ว เขาบอกลาแม่กับปู่แล้ว เหลือแค่พ่อเลี้ยง ที่บอกว่าจะขับรถไปส่งเอง ตั้งแต่วันนั้น พ่อเลี้ยงก็แทบไม่ห่างจากเขาเลย เขาติดต่อกับปริมไม่ได้ เพราะโดนจับตาดูทุกฝีก้าว แอบถามผ่านพวกไผ่ ก็รู้แค่ปริมยังสบายดี และเปลี่ยนมาเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนในกรุงเทพฯ แทนที่จะไปเรียนกับเขาแล้ว ที่บ้านมันคงบังคับ เขาเข้าใจ

คนในชุมชนนี้ ไม่มีใครไม่กลัว...จักราอภิวัฒน์

ฉากหน้าดูสวยหรูน่าหลงใหล แต่ข้างในเน่าเฟะ เลวร้ายยิ่งกว่านรก

เขาเองก็ไม่เคยตาย แต่คิดว่านรกอาจจะดีกว่านี้ก็ได้

“ป๋าต้องคิดถึงวินมากแน่ๆ วินห้ามนอกใจป๋าเด็ดขาดเลยนะ ไม่ยอมจริงๆ” พ่อเลี้ยงยังคงขยันทำตัวน่ารัก ทำเหมือนเป็นคนรักกัน ทั้งออดอ้อน เอาใจสารพัด ขนาดเขารุนแรงกับมันแค่ไหน ก็ไม่ปริปากบ่น

ทั้งที่เขาคิดว่าได้แก้แค้น ทำกับมันให้เจ็บแสบเหมือนที่พ่อมันทำกับแม่ของเขา

แต่กลายเป็นไอ้พ่อเลี้ยงห่านี่มันดันชอบอีก

คิดแล้วหัวเสียเปล่าๆ เทวินมองออกไปนอกหน้าต่างรถ ปล่อยให้พ่อเลี้ยงจับมือข้างหนึ่งไว้

“วินจะคิดถึงป๋ามั้ย”

“คิดครับ” เขาตอบสั้นๆ น้ำเสียงรำคาญนิดๆ คิดถึงในแง่อื่นนะ ไม่ใช่โหยหาอยากเจอหน้า

แต่มันคงเข้าใจว่าคิดถึงจริงๆ ถึงได้ยิ้มไม่หุบ จนมาถึงบ้านพักหลังใหม่เอี่ยมของเขา ลูกน้องของมันช่วยกันขนข้าวของของเขาลงจากรถ เอาไปจัดวางให้เรียบร้อย

ส่วนเขา ต้องเอาใจมันในแบบที่มันต้องการอยู่ในห้องนอน

บางที ถ้าวันหนึ่งเขาเกิดตายด้านขึ้นมา ก็คงเพราะมันนี่แหละ

***

“เฮ้ยยยยยยย คิดถึงว่ะ ไอ้วินนนน” เปิดเรียนวันแรก ก็ได้เจอเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่ขึ้นม.6 เป๊ปซี่โผเข้ากอดเขาด้วยความคิดถึง

“เออๆ กูก็คิดถึงมึง” เขาดันเอวเพื่อนให้ออกห่าง ก่อนที่คนจะมองมากไปกว่านี้

“มึงเข้ารับน้องป่าววะ” เป๊ปถาม แต่เขาส่ายหน้า เพราะตั้งใจมาเรียนอย่างเดียว ไม่อยากทำความรู้จักใครทั้งนั้น แม้มันอาจจะยากในการทำงานเป็นกลุ่มก็ตาม

“เออ กูก็ขี้เกียจเข้า ไปแดกเหล้ากันดีกว่า”

“แต่หัววันเลยเหรอมึง”

“ตอนเย็นสิวะ ไอ้ห่า เดี๋ยวกูแนะนำเพื่อนให้มึงรู้จักด้วย” เป๊ปว่าพลางกอดคอเขาเดินไปทางตึกคณะรัฐศาสตร์

เขารู้สึกเหมือนมีสายตาหลายคู่จับจ้อง พอมองไปก็เห็นหลายคนมองพลางซุบซิบคุยกัน แต่จากสายตาพวกนั้นแล้ว มันไม่ใช่การมองอย่างชื่นชมหรืออยากรู้จัก

“ใช่ที่เคยขับรถชนเด็กแถวพัทยาป่ะแก”
“เออๆ เมื่อ 2 ปีที่แล้วป่ะวะ”
“ที่แม่งให้พ่อมันมารับแทน”
“เลวฉิบหาย ไม่มีใบขับขี่ด้วยนี่ตอนนั้น”

เสียงเหล่านั้นไม่เบาและไม่ได้ดังมาก แต่แค่เดินผ่าน เขาก็พอจะได้ยิน แม้เรื่องคราวนั้นจะผ่านมานานแล้ว และเขาแทบไม่ได้สนใจการวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชี่ยลเลย เพราะพ่อเลี้ยงบอกไม่จำเป็นต้องสนใจ แต่การมาเรียนที่นี่ กลับมาที่นี่อีกครั้ง มันอาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ถูกต้อง

“คนรวยทำไรแม่งก็ไม่ผิด”
“กฎหมายทำไรเหี้ยไม่ได้หรอก”


เขาเจ็บจี๊ดขึ้นมาในใจ และตอนที่กำลังพยายามสงบจิตใจ มือของคนที่เดินมาข้างๆ ก็ยื่นมาปิดหูทั้งสองข้างของเขาไว้

“กูไปส่งที่ห้อง มึงเรียนชั้นไหนวะ”

เขานิ่วหน้ามองเป๊ป “มึงปิดหูกูแบบนี้ จะคุยรู้เรื่องได้ไง”

“งั้นกูพูดข้างหูมึงดังๆ” เป๊ปสูดลมหายใจ “มึงเรียนชั้นไหน”

เขาหลุดขำ “ชั้น 3 ห้อง 302”

“โอเค รีบขึ้นลิฟท์” เป๊ปดันเขาให้เดินนำไปโดยที่ยังเอามือปิดหูของเขาไว้

การเรียนวันแรกผ่านพ้นไปด้วยดี มีบางคนที่เข้ามาชวนคุย ถามชื่อ ส่วนคนที่ติดตามข่าวตอนนั้นก็ช่างมันไป ถ้าจะมองว่าเขาเลวที่ฆ่าเด็กคนนั้น เขาก็ยอมรับว่าเขาเลว

ใช่ เขามันเลวจริงๆ

เรื่องที่ทำไม่มีเรื่องไหนดีเลย

อีกหน่อยคงยิ่งกว่าเลว

“แฮ่!”

โป๊ก

“โอ๊ย!” “อูยยย”

จู่ๆ เป๊ปก็โผล่พรวดมาจากข้างหลัง ชะโงกหน้าลงมาหาเขาที่นั่งอยู่ ทำให้เขาตกใจจนเงยหน้าไปชนกับคางมันเต็มๆ ต่างคนต่างร้องด้วยความเจ็บ

“ไอ้เหี้ย เล่นอะไรของมึงเนี่ย” เทวินเอามือลูบหัวตัวเองป้อยๆ เป๊ปก็จับคางตัวเองเหมือนกัน

“มึงแม่ง หัวแข็งฉิบหาย ฟันกูจะหลุดมั้ยเนี่ย”

“ก็เสือกเล่นไม่รู้เรื่อง” เขาบ่นอุบ

“เมื่อเช้ากูลืมถาม ไหนมึงบอกไอ้ปริมก็จะมาเรียนด้วยไง ทำไมมึงถึงอยู่คนเดียวล่ะ” เป๊ปถามพลางนั่งลงข้างๆ เขา มือยังจับๆ ที่คาง

“มันไม่มาแล้ว พ่อแม่ให้เรียนที่กรุงเทพฯ” เขาถอนหายใจ

เป๊ปมองเขาตาปริบๆ “แบบนี้...มึงก็เหงาเลยดิ ไมมีเมียมาให้นอนกก”

“ไอ้สัส” เขาหรี่ตามองมัน “มึงไปเอาที่ไหนมาพูด ใครเมียกู”

“อ้าว? พวกไอ้ไผ่มันเล่าให้กูฟัง” เป๊ปทำหน้าเหรอหรา “มันหลอกกูเหรอวะ”

เขายิ้มขำ “เออ มึงโดนหลอกแล้ว กูกับปริมเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม”

“ทำไมต้องเติมเหมือนเดิม ก่อนหน้านี้ไม่เหมือนเดิมเหรอ แน่ะๆๆๆ” มันทำเป็นชี้เขารัวๆ แต่เขาได้แค่ส่ายหน้าหน่ายๆ

“เพ้อเจ้อ ไปแดกเหล้าป่ะตกลง”

“เออๆ นี่ไง กูมารับมึง มึงเอารถมามั้ย เดี๋ยวขับตามมอไซค์กูไปนะ”

“โอเค”

แม้จะหาเพื่อนในมหาวิทยาลัยยากสักหน่อย แต่คงพอหาลูกค้าให้ปู่ได้จากการเที่ยวกลางคืน กว่าร้านจะเปิดจริงก็อีกอาทิตย์หนึ่งหลังจากนี้ ต้องหาทางกระจายข่าว เลยมาร้านเหล้ากับพวกเป๊ป เพื่อสอดส่องฐานการค้าใหม่

แต่เขาไม่ได้มาคนเดียวอยู่แล้ว มีลูกน้องของปู่สามสี่คนคอยวนเวียนแถวร้านเหล้าด้วย

“อาทิตย์หน้า กูจะเปิดผับใหม่ที่พัทยา เชิญพวกมึงทุกคนนะ”

“โหวววว จริงดิวะ กูไปชัวร์” เพื่อนในกลุ่มของเป๊ปร้องอย่างตื่นเต้น พวกผู้หญิงที่มองๆ เขาตอนแรก ก็ยิ่งมองตาเยิ้มเข้าไปใหญ่ คนรวยใครๆ ก็ชอบทั้งนั้น

ต่อให้แม่งเลวระยำแค่ไหนก็ตาม

เพื่อนของเป๊ปหลายคนก็อยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน เดี๋ยวก็คงเอาไปกระจายข่าวกันเอง เขาแอบกระซิบบางคนด้วยว่า จะมีโปรโมชั่นให้ และพวกมันก็ตาวาว คนพวกนี้ดูไม่ยาก แต่ใครไม่มีท่าทีสนใจ เขาก็ไม่ยุ่ง

“เพื่อนมึง แปลกๆ เนอะ” หนึ่งในกลุ่มของเป๊ปเดินมาคุยกับเป๊ปที่ออกมาสูบบุหรี่อยู่นอกร้านคนเดียว ปล่อยให้เทวินได้ทำความรู้จักกับคนอื่นๆ

“ยังไงวะ” เป๊ปขมวดคิ้ว

“มันดู...เหมือนจะดีก็ไม่ดี จะแบดก็ไม่แบด”

“มันดูเลวเหรอวะ”

“ไม่ขนาดนั้นหรอก แค่มันแปลกๆ”

เป๊ปพ่นควันรอบสุดท้าย ก่อนจะทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นแล้วเอาเท้าขยี้ให้ดับสนิท มือข้างหนึ่งผลักหัวเพื่อนเบาๆ

“มันก็ไม่มีใครดีใครเลวไปทั้งหมดอยู่แล้วป่ะมึง คิดมาก”

***

เทวินยังอดห่วงปริมไม่ได้ แม้จะออกมาอยู่คนเดียวแล้ว แต่เขาก็ยังติดต่อปริมไม่ได้อยู่ดี เขากลัวว่าพ่อเลี้ยงจะรู้ แล้วคนที่เดือดร้อนก็คือปริมกับครอบครัว

[มันมีอะไรวะ ทำไมมึงไม่โทรหามันเอง] ไผ่เกิดสงสัยขึ้นมาจนได้ เพราะเขาชอบโทรถามเรื่องของปริมผ่านเพื่อนคนอื่น

“กูโทรไม่ได้ไง ฝากมึงดูมันให้ที ขอร้อง”

[ไอ้ห่านี่แปลก เมียมึง มึงก็ดูเองสิวะ] ไผ่เอ่ยติดตลก แต่เขาไม่ขำ

“มันไม่ใช่เมียกู แค่ห่วงแบบเพื่อน เข้าใจป่ะวะ” ใช่ เขาห่วงปริม กลัวว่าจะโดนพ่อเลี้ยงทำอะไรอีก

[มันเรียนคนละที่กับกูมั้ยล่ะ ไม่ค่อยเจอด้วย ล่าสุดก็เห็นมันกับเพื่อนที่มหาลัย แต่ไม่ได้เข้าไปทักอ่ะ มันอยู่กันหลายคน]

“งั้นก็ดีแล้ว ขอบใจว่ะ” เขาพรูลมหายใจอย่างโล่งอก ถ้าปริมมีเพื่อนใหม่ๆ ก็หายห่วง อยู่กันเยอะๆ ยิ่งดี

[อะไรของมึง] เสียงของไผ่ทั้งงงทั้งหงุดหงิด [แล้วมึงล่ะ อยู่นั่นเป็นไงมั่ง]

“ก็ดี”

[สั้นเชียว เออ มึงก็ดูแลตัวเองนะเว้ย พวกกูเป็นห่วงเสมอ]

เขานิ่งเงียบ ในอกมันตื้นตัน “อือ พวกมึงด้วยนะ”

“อะไร คุยกับไอ้ไผ่แล้วน้ำตาไหลด้วย”

เทวินสะดุ้ง กดวางสายพอดีกับที่เป๊ปเดินมาแซว เขาเงยหน้ามองเป๊ปที่กำลังทิ้งตัวลงนั่งยองๆ ข้างๆ เขาตรงริมหาด

“ทำไมมึงชอบมาเงียบๆ เป็นผีหรือไง”

“แฮร่ กูเป็นวิญญาณ มึงเห็นมั้ย” เป๊ปทำท่าผีหลอก แต่เหมือนซอมบี้ในเกมมากกว่า

“น่ากลัวตายห่า” เขาหัวเราะ

เป๊ปมองหน้าเขานิ่งๆ “มึงรู้ป่ะ เวลามึงยิ้ม หรือหัวเราะ แม่งดูดีสัดๆ”

“ปกติกูก็หล่ออยู่แล้วนะ” เขาอมยิ้ม เหยียดแขนท้าวพื้นและเหยียดขาไปทางทะเลมืดดำ เป๊ปส่ายหน้ายิ้มๆ กับความหลงตัวเองนั้น

ต่างคนต่างเงียบกันไปสักพัก เป๊ปก็ทำลายความเงียบนั้น

“เรื่องที่มอ มึงไม่ต้องใส่ใจหรอกนะ”

“เรื่องไหนวะ กูลืมไปแล้ว” เขาเงยหน้าขึ้น มองท้องฟ้าที่มีดาวระยิบระยับ “อยู่กรุงเทพฯ ไม่ได้เห็นดาวเยอะแบบนี้เลย ต้องเอากล้องส่อง”

“มึงมีกล้องดูดาวเหรอ”

“มี กูเอามาด้วย อยู่ที่บ้านพัก”

“ไว้ให้กูไปส่องมั่งดิ เอามาส่องสาวแก้ผ้าได้ป่ะวะ” เป๊ปหันมาทำตาลุกวาวด้วยความสนใจ เทวินหรี่ตามองด้วยสีหน้าเอือมระอา

“พ่อง ไอ้หื่น”

“เหมือนมึงไม่หื่น” เป๊ปทำท่าชี้นิ้วใส่เขารัวๆ เหมือนจะเป็นท่าประจำตัวของมัน แล้วก็เอาศอกมาจิ้มแขนเขายิกๆ

“ได้ข่าวว่าใช่เล่นนะเราอ่ะ กูได้ยินจากพวกไอ้ไผ่มาหมดแล้ว”

“มึงก็โง่ โดนพวกมันหลอก” เขาหัวเราะพลางส่ายหน้า

“จริงอ่ะๆ มันบอกมีสาวตบแย่งมึงกันด้วย”

“ตบแย่งกูที่ไหน มีแต่ตบกูคนเดียวเนี่ย”

“ก็ไปหักอกเค้า”

“ก็จริง” เขาทอดสายตามองไปไกลๆ “เพราะกูแม่งเลวไง”

เป๊ปมองแววตาเศร้าสร้อยนั้นโดยไร้คำพูดใด ก่อนจะลุกขึ้นพร้อมกับเอามือขยี้หัวของเขา

“มึงแค่แย่ ไม่ได้เลวเว้ย คนเราแม่งก็ทำเรื่องเหี้ยๆ กันทั้งนั้นแหละ แค่ไม่รู้ตัว แต่มึงยังรู้ตัวไง”

เขาขยับนั่งกอดเข่า ปล่อยให้เป๊ปเอามือลูบหัว

“อย่าคิดมาก”

“อือ” เขาขานรับในคอ พลางหลับตาลง

แม้ว่าเป๊ปอาจจะไม่รู้ทุกเรื่องของเขา แต่มือของเป๊ปที่วางอยู่บนหัวก็อบอุ่นมาก

เขาซุกหน้าลงกับเข่าของตัวเอง

คิดถึงแม่
คิดถึงน้อง

คิดถึงปริม

คิดถึงชีวิตเก่าๆ ที่บ้านเช่าหลังเล็กๆ นั้น

แต่อดีตก็คืออดีต

เพราะตอนนี้ เขาคือ...

เทวิน จักราอภิวัฒน์

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-10-2020 08:45:35 โดย Lambosasha »

ออฟไลน์ PFlove

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 831
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-1
พ่อเลี้ยงนี้มันเลวได้อีก  :a5:
ยังดีที่เทวินยังเห็นแกปริมคือเพื่อน

ปล..แต่งได้ดีค่ะ รอติดตามอ่านค่ะ  o13

ออฟไลน์ Lambosasha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
9
“มันเป็นยังไงมั่ง” เขาเอ่ยถามเมื่อก้าวเท้าเข้าสู่ห้องแถวสีแดงแคบๆ ที่อยู่ลึกเข้าไปจากหลังผับ มันเป็นโซนสำหรับลูกค้า VIP เท่านั้นที่จะเข้ามาได้ แม้มันจะถูกเรียกอย่างหรูหราว่า คลับกุหลาบแดง แต่เรียกง่ายๆ ก็คือ ซ่อง นั่นแหละ

“ยังไม่ฟื้นเลยพี่วิน เมื่อคืนแขกแม่งจัดหนัก พวกซาดิสม์” ลูกน้องของเขาเบ้หน้า

เขาอยากจะตอกหน้ามันว่า ซาดิสม์เป็นรสนิยมทางเพศอย่างหนึ่ง พวกใช้ความรุนแรงอย่างพวกมึงมันเลวยิ่งกว่าอีก แต่ก็เงียบปากไว้จะดีที่สุด แม้จะเป็นลูกพี่ของพวกมัน แต่ยังไงเขาก็เป็นเพียงเด็กมหาลัยธรรมดาคนหนึ่ง อำนาจที่มี เพราะได้จักราอภิวัฒน์คุ้มกะลาหัว

แต่ที่นี่แหละ ที่พัทยาแห่งนี้ จะเป็นอาณาจักรเล็กๆ ของเขา ที่เขาจะค่อยๆ สร้างมันขึ้นมา เพื่อกลืนกินพวกมัน

“กูจะเข้าไปดูสภาพหน่อย พวกมึงรอข้างนอก” เขาพยักเพยิดให้ไอ้ล่ำข้างหลังเปิดประตู มันรีบไขกุญแจให้ พอเขาเดินเข้าไปแล้ว มันก็ช่วยปิดประตูให้อย่างดี

เขาเดินไปหยุดยืนตรงข้างฟูกที่นอนเก่าๆ บนพื้นกระเบื้องสีแดง

“เป็นยังไงบ้าง เจ”

คนที่นอนอ่อนเปลี้ยอยู่บนฟูกค่อยๆ กะพริบตาและตะแคงตัวมาหาเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ

“เจ็บไปทั้งตัวเลย...พี่วิน”

“อีกหน่อยมึงก็ชิน” เขาล้วงถุงยาที่ซ่อนไว้ในกระเป๋าเสื้อสูทด้านในออกมาให้มัน “กูมีแค่ยาแก้ปวด ถ้ามึงมีอาการอะไรมากกว่านี้ให้บอกไอ้ป้อ มันจะโทรบอกกูเอง”

“ขอบคุณพี่”

“กูจะสั่งพวกมันไม่ให้มายุ่งกับมึงสัก 3 วัน พักเยอะๆ” เขาลูบหัวเด็กหนุ่มวัย 17 ปีอย่างเบามือ

เจ ถูกพ่อแม่เอามาขายใช้หนี้พนันเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน มันเป็นเด็กผู้ชายหน้าตาดี ผิวไม่ได้ขาวจัด แต่เนียนสวย พวกไอ้แก่ตัณหากลับทั้งหลายชอบนัก

“หลังจากนี้ กินข้าวให้เยอะๆ กูฝากไอ้ป้อดูแลมึงเต็มที่ มึงจะต้องแกร่งกว่านี้ ถ้าอยากอยู่ที่นี่กับกู” ป้อที่เขาพูดถึง ก็เป็นเด็กที่ถูกขายมาเหมือนกัน แต่อายุมากกว่าเจ รูปร่างสูงใหญ่ เขาเลยเอามาเป็นลูกน้องใกล้ชิด ไม่ได้ส่งมาขาย ให้มันช่วยสอดส่องพวกลูกน้องของปู่ไว้ และดูแลเด็กคนอื่นๆ

“ครับ” มันรับคำอย่างอิดโรย เขายิ้มให้มันอีกครั้ง ก่อนจะออกจากห้องไป

เด็กหลายคนที่ถูกขายให้คลับกุหลาบแดง มักจะได้รับการดูแลอย่างดีจาก “พี่วิน” จนพวกลูกน้องเอาไปลือกันว่า ลูกพี่ของพวกมันเป็นพวกชอบเด็ก

เอาเถอะ กูคงไม่เลวไปกว่านี้แล้วล่ะ

เทวินถอนหายใจในใจ ใครจะนินทาอย่างไรก็ช่าง เขาจะดูแลเด็กพวกนี้ให้ดีที่สุด เพื่อให้พวกมันเติบโตมาแข็งแกร่งอย่างเขา

เราจะต้องไม่อ่อนแออีก

***

เทวินมีเพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นมากมายในเวลาอันสั้น ผับของเขากอบโกยกำไรสม่ำเสมอ การค้ายาและบ่อนพนันเป็นไปด้วยดี เทวินสามารถควบคุมดูแลได้ทุกอย่างตามที่รับปากกับปู่ไว้ แม้จะต้องเรียนหนังสือไปด้วย เพื่อนส่วนใหญ่จะรู้แค่ว่าเขาเป็นเจ้าของผับดัง ชอบจัดปาร์ตี้ที่บ้านริมทะเลทุกคืนวันเสาร์ และเป็นท๊อปทรีของชั้นปีในมหาวิทยาลัย

“ถามจริง มึงเอาเวลาที่ไหนอ่านหนังสือวะไอ้วิน” ทิว หนึ่งในเพื่อนใหม่ที่ชอบมางานปาร์ตี้ที่บ้านของเขาเข้ามากอดคอถามด้วยความสงสัย มันเป็นเด็กอาชีวะ อ่อนกว่าเขา 1 ปี แต่รู้จักกันแบบเพื่อน เลยไม่มีการเรียกพี่เรียกน้อง

“มีเวลาก็แล้วกัน” เขาตอบพลางส่งเครื่องดื่มให้มัน “กูผสมเองกับมือ ลองหน่อยมั้ย”

“ไม่ใส่อะไรแปลกๆ ให้กูหรอกนะ” มันยกยิ้ม แต่ก็รับแก้วไปดื่มอึกๆ “เฮ้ย อร่อยว่ะ ขออีกดิ”

เขาคลี่ยิ้ม เดี๋ยวนี้เขาผสมเหล้าและค็อกเทลคล่องขึ้นมาก เพราะมีพีคอยสอนมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว แต่ตอนนี้พีเป็นผู้จัดการร้านสาขากรุงเทพฯ คอยทำงานแทนเขาหลายๆ อย่าง

ส่วนยาของปู่ เขามักจะให้ลูกน้องของพ่อเลี้ยงเป็นคนเนียนเอาเข้ามาในงาน ทำเป็นว่ามาเที่ยว แล้วก็หลอกพวกหน้าโง่ให้ลอง เรื่องตำรวจไม่ต้องห่วง เพราะปู่จัดการให้หมดแล้ว

โลกเรามันก็แบบนี้แหละนะ แค่มีเงินก็ทำได้ทุกอย่าง

“วินขา ขอค็อกเทลอร่อยๆ ฝีมือวินให้ลินดามั่งสิคะ” ข้างซ้ายเป็นไอ้ทิว ข้างขวาก็มีสาวทรงโตมายืนเบียด ไม่ต่างจากสมัยอยู่ที่กรุงเทพฯ เท่าไหร่

“ได้ครับ คุณผู้หญิง” เขาแกล้งหันหน้าไปอ้อล้อกับหล่อน แค่เขายิ้มปกติ สก๊อยสาวทั้งหลายก็แทบละลายแล้ว

“อร๊าย วินขาอ่ะ เค้าเขิลนะ ข่นบ้า” ลินดาทำเอียงอาย แต่หน้าอกเบียดเข้ากับแขนของเขาเต็มๆ ซึ่งเทวินก็แค่หัวเราะชอบใจ แล้วผสมเครื่องดื่มแก้วใหม่ให้หล่อน สาวเจ้ารับไป มือหนึ่งยกแก้วขึ้นดื่ม อีกมือก็กอดแขนเทวินไว้ ส่ายสะโพกโยกย้ายตามจังหวะเพลงไปด้วย

พอเริ่มดึก เริ่มคึก การส่งยาก็แพร่กระจายไปตามมุมต่างๆ หนุ่มสาวทั้งหลายกำลังถูกมอมเมา และเทวินก็ทำได้แค่ยืนมองอยู่ไกลๆ จากมุมบันได

สนุกกันให้พอ

เขาคิดพลางทอดสายตาออกไปที่นอกระเบียง มองทะเลสีดำและเงี่ยหูฟังเสียงคลื่น

ระหว่างที่กำลังจมดิ่งกับความคิดของตัวเอง พลันสายตาก็สังเกตเห็นร่างเงาของใครบางคน แว้บแรกคิดว่าเป็นอลิส เพราะผมยาวสีทองกับชุดที่ใส่ แต่มองดีๆ แล้วไม่ใช่

เขาขมวดคิ้ว สองขาออกเดินและกลายเป็นก้าวเร็วๆ เพื่อไปให้ถึงตัวคนคนนั้น

มือของเขาเอื้อมคว้า แขนผอมบางขาวผ่องที่โดดเด่นตัดกับความมืดมิดของริมหาด

คนคนนั้นมองหน้าเขา น้ำตาคลอ

“วิน...”

เสียงอันแสนคุ้นเคยดังกังวานใส พร้อมกับแรงกอดรัดของคนตัวเล็กที่โถมเข้าใส่ร่างของเขา คลื่นยังคงซัดสาดเข้าหาฝั่ง เสียงเพลงในปาร์ตี้ดังแว่วมา

แต่ในโสตประสาทของเขา รับรู้แค่เสียงสะอื้นของคนที่กำลังกอดเอาไว้

...

เพราะเป็นเพื่อน ก็เลยห่วง เลยคิดถึง

เขาก็คิดถึงและห่วงเพื่อนทุกคนนั่นแหละ

ใช่

เขาก็เป็นแบบนั้นกับทุกคนอยู่แล้ว

ไม่มีใครที่พิเศษกว่านั้น

ต้องไม่มี

เทวินประคองใบหน้าของคนตัวผอมที่เหมือนจะสูงขึ้นนิดหน่อยไว้ พลางตะโบมจูบอย่างโหยหา เรียวลิ้นกระหวัดเกี่ยวจนอีกคนหูหื้อตาลาย ร่างผอมบางในชุดกระโปรงพื้นขาวระบายลูกไม้สีเหลืองทองของอลิสอยู่ในท่านั่งคุกเข่า ขนาบข้างด้วยขายาวๆ ของเทวินที่นั่งอยู่บนผืนทราย ด้านหลังพุ่มไม้ในสวนของบ้านริมหาด

ปากของเทวินขบเม้มและดูดดึงริมฝีปากเล็กๆ นั้นด้วยแรงอารมณ์ที่ปะทุขึ้นเรื่อยๆ เหมือนไม่รู้จักพอ ผละออกมาไม่ถึงวินาที ก็เอียงหน้าป้อนจูบให้ใหม่ ซ้ำไปมาอยู่อย่างนั้นจนอีกคนหายใจไม่ทัน

“อื้อ...พอก่อน วิน” มือขาวๆ ยกขึ้นดันคางของเขา ก่อนที่จะถูกจูบไม่ยั้งเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่ทันได้นับ ปากบวมเห่อไปหมดแล้ว

เขาจ้องมอง ยิ่งมองก็ยิ่งคิดถึง

“บอกให้พอไงวะ ใจคอจะไม่คุยกันเลยหรือไง” พอเทวินดันหน้าโน้มคอลงมาจะจูบอีก คนตัวผอมก็รีบเอามือดันกลับสุดแรงเกิด แต่พอจูบที่ปากไม่ได้ ก็เลยไถหน้ามาจูบที่ฝ่ามือแทน

“ไอ้วิน...อือออ” คราวก่อนเป็นเพราะฤทธิ์ยาด้วยส่วนหนึ่ง ทำให้ปริมกล้ายั่วเทวินไปแบบนั้น แต่ครั้งนี้สติครบถ้วนดี ไม่เมา ไม่มียา กลับรับสัมผัสได้ดียิ่งกว่า ร่างกายเสียวปลาบไปหมด จะห้ามก็ห้ามได้ไม่เต็มปากเต็มคำ

“ทำไมคิดถึงมึงแล้วต้องอยากจูบด้วยวะ” ไอ้คนหน้ามืดยอมรามือแล้ว แถมยังถามอะไรมึนๆ ออกมาจนปริมหน้าแดงก่ำ

“กูจะไปรู้มึงเหรอ”

เทวินเลื่อนมือลงมากอดเอวของปริม “กูคงไม่ได้หลับอยู่ใช่มั้ย หรือโดนยาอะไรเข้าไป ไม่ใช่ภาพหลอนใช่มั้ยวะเนี่ย”

“ภาพหลอนไอ้สัส ปล่อยได้แล้ว มึงแม่งหลอนเหี้ยๆ” ปริมอยากจะยกเท้าถีบเทวินสักที แต่ติดที่ใส่กระโปรงอยู่

“ขอจูบอีกที จะได้รู้ว่าตัวจริงหรือหลอน” เขายื่นหน้าไปอีก แต่โดนดันกลับจนหน้าแหงนหงาย

“ไอ้เหี้ยนี่! กวนตีนกูป่ะเนี่ย” ปริมชักโมโหหน่อยๆ เทวินเลยต้องยอมเลิกเล่น

“แล้วมึงมาได้ไงวะ”

ปริมหอบหายใจเบาๆ “ไอ้เป๊ปไปรับมา กูเล่าให้มันฟังแล้ว อลิสก็เลยให้ยืมชุดกับวิก จะได้ไม่มีใครจำกูได้”

เทวินนิ่งคิด เป๊ปคงสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เพราะเขาไม่พูด เลยไม่ถามเขา แต่ไปถามปริมแทน

“แล้วพวกมันอยู่ไหน”

“เอากูมาปล่อยทิ้งไว้ แล้วไปไหนเลย”

เทวินอยากจะตบหัวไอ้เพื่อนตัวดี เกิดลูกน้องไอ้เสี่ยปัญญาอ่อนนั่นมันมาเจอแล้วจำได้ว่าเป็นปริมขึ้นมา ได้ซวยแน่ ถึงจะปลอมตัวแล้วก็เถอะ ขนาดเขายังจำได้เลยว่าเป็นปริม

“มันอันตรายมากนะ มึงรู้ใช่มั้ย กูกลัวมึงไม่ปลอดภัย”

ปริมมองหน้าเขาแล้วกะพริบตาปริบๆ

“เดี๋ยวกูโทรบอกให้ไอ้เป๊ปมารับ อย่าออกไปจากตรงนี้นะ” แล้วเขาก็ทำท่าจะลุกไปหยิบสมาร์ทโฟนที่ทิ้งไว้ในบ้าน แต่ปริมคว้ามือไว้ก่อน

“เพิ่งมาถึง ก็จะไล่กันเลยเหรอวะ” น้ำเสียงของปริมติดจะงอนหน่อยๆ เขาก็คิดว่าแปลก ที่หลังๆ มานี้มันทำตัวน่ารักมุ้งมิ้งบอกไม่ถูก น่าจะตั้งแต่หลังคืนนั้น ที่ปริมเมายาแล้วมายั่วเขา

แต่พอมาเห็นใส่ชุดแบบนี้แล้ว...

“แต่งแบบนี้ก็เหมาะกับมึงดีนะ มุ้งมิ้งดี” เขาย่อตัวลงมองมันใกล้ๆ อีกที มืดไปหน่อย แต่ก็พอมองเห็น เพราะมีแสงจากในบ้านส่องมาลางๆ

“มุ้งพ่อมึงสิ” ปริมเขินจนแก้มแดง มือขยำชายกระโปรงจนยับ ตอนออกจากบ้านเป๊ป อายแทบแทรกแผ่นดินหนี ดีที่เป็นตอนกลางคืน แม้พัทยาจะมีคนชอบเที่ยวกลางคืนเยอะก็เถอะ แต่มันก็มืดๆ ไง ไม่ค่อยดูเด่นมาก

“มันเป็นซับเซตของคำว่าน่ารักไง” เขาขยายความ “น่ารักแบบฟูๆ ฟรุ้งฟริ้ง มุ้งมิ้ง”

“พอเลย...มึงเป็นยังไงบ้าง” ปริมเปลี่ยนเรื่อง จริงๆ ต้องเรียกว่าเข้าเรื่อง

“ก็ยังไม่ตาย”

“อย่าพูดแบบนี้ได้ป่ะ” คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยแววตาตัดพ้อ “ที่ผ่านมา กูไม่เคยรู้เลยว่ามึงต้องใช้ชีวิตยังไง กูเคยอิจฉา เพราะคิดว่ามึงได้พ่อเลี้ยงรวย มีปู่ใจดี มีแม่มีน้อง ครอบครัวสมบูรณ์แบบ แต่ตอนนี้กูรู้แล้วว่าพวกมันเป็นยังไง”

เทวินนั่งขัดสมาธิลงกับผืนทราย ไม่สนใจว่าชุดจะเลอะ เขาจับมือของปริมที่กำลังสั่นไว้

“กูเอาแต่คิดว่ามึงแม่ง ทำไมต้องขายยาพวกนั้น ทำไมทำเรื่องเลวๆ แบบนั้น แต่ทั้งที่มึงก็ทำเรื่องเลวๆ ทั้งกับคนอื่น แม้แต่กับกูด้วย แต่ก็เกลียดมึงไม่ลง”

เขาคลี่ยิ้มบางๆ ไม่มีคำพูดใด ไม่มีข้อแก้ตัว เพราะเขาเป็นคนเลือกที่จะทำมันเอง

“พวกมันขู่พ่อแม่กู ให้กูเลิกยุ่งกับมึง แต่กูก็คิดถึงมึงว่ะวิน คิดถึงจนต้องทำขนาดนี้” มันร้องไห้ และเขาก็ทนไม่ได้ที่ต้องเห็นน้ำตานั้น เลยค่อยๆ ใช้ปลายนิ้วเกลี่ยกลบน้ำตาให้อย่างเบามือ

“ตอนเด็กๆ มึงชอบหาว่ากูขี้แย แต่ตอนนี้มึงโครตขี้แยเลยปริม”

“ก็กูคิดถึง...อื้อ” ปริมกะจะเถียง แต่กลับถูกปิดปากอีกครั้งด้วยรสจูบหวานๆ ทั้งที่เมื่อกี้ก็โดนจูบไปหลายรอบแล้ว แต่ครั้งนี้เป็นครั้งที่ทำให้ใจเต้นแรงมากที่สุด

เทวินไม่เคยรักใคร เขาอยู่แค่เพื่อตัวเองมาตลอด เพื่อมีชีวิตรอด

แต่ภาพของปริมตอนนั้น ตอนที่ถูกพ่อเลี้ยงให้กินยาและเกือบจะถูกรุมโทรม ทำให้เขาเพิ่งรู้สึกตัว

ว่าเขายอมตายได้ เพื่อมัน

“ได้เวลากลับแล้ว อย่ามาที่นี่อีก แล้วก็...ลืมกูไปซะ”

ปริมเงยหน้ามองเขาที่ลุกขึ้นแล้วพูดออกมาแบบนั้น สีหน้าของเทวินนิ่งเฉย แต่ในแววตาคู่นั้นสั่นไหว

ต้องไม่ให้ปริมกลับเข้ามาพัวพันกับชีวิตของเขาอีก

“มึงพูดง่ายไปป่ะวะ” ปริมยืนขึ้น แล้วผลักอกเขา หน้าของมันแดงก่ำ “จะให้ลืมง่ายๆ ได้ไง ถ้าลืมได้กูลืมนานแล้ว ไม่ลงทุนมาถึงนี่ในชุดน่าอายแบบนี้หรอก”

“เดี๋ยวมึงก็ลืมได้เอง” เขาว่า ก่อนจะหันหลัง เพื่อไปหยิบสมาร์ทโฟนในบ้าน ครั้งนี้ปริมไม่ได้รั้งไว้อีกแล้ว เพียงแค่ยืนกำชายกระโปรงไว้แน่นแล้วมองแผ่นหลังที่ค่อยๆ หดเล็กลงของเขา

มันเป็นความทรมานที่ไม่มีทางแสดงออกมาได้

เทวินโทรบอกเป๊ปให้กลับมารับปริม และกำชับว่าให้ช่วยพาปริมไปส่งถึงบ้านในวันพรุ่งนี้ด้วย อย่าให้ปริมมาที่นี่อีกเด็ดขาด พอคุยกันเสร็จ ก็เดินกลับออกมาที่เดิม

ทว่า

ที่ตรงนั้น ไม่มีร่างของปริมอยู่แล้ว

“ปริม!” เขาตะโกนเรียก วิ่งไปดูหลังพุ่มไม้ แต่ก็ไม่เจอ

“ปริม! อย่าเล่นแบบนี้นะเว้ย!”

หัวใจของเขาคล้ายถูกบีบรัด

เขารีบโทรหาเป๊ปอีกครั้ง ลนลานบอกเสียงสั่นเครือ ในหัวคิดอยู่แค่เรื่องเดียว วนเวียนซ้ำไปมา

ต้องตามหาให้เจอ ต้องหาให้เจอ

***
นี่ลืมเรื่องคำสาปแช่งของพ่อนางไปเลยนะเนี่ย คิดว่าปริมจะรอดมั้ยให้เดา

ขอบคุณคนอ่านนะคร้าบ

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
 :katai1: พ่อเลี้ยงเลวมาก ตอนแรกก็นึกว่านุ่มนิ่มแต่ที่ไหนได้เลวกว่าปู่อีก
เทวินอย่ายอมให้มันทำอะไรปริมนะ  :ling1:

ออฟไลน์ Lambosasha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
https://www.youtube.com/watch?v=NhCa7lZpeM4
ไม่มีไร ชอบเพลงนี้ 55

10
เทวินขมวดคิ้วกับภาพที่เห็น ใจหนึ่งก็โล่งอก อีกใจก็หงุดหงิด

“โทษที นี่เพื่อนกู” เขาคว้าแขนของปริมแล้วกระชากให้ลุกขึ้น ไอ้พวกขี้เมาทั้งหลายส่งเสียงโห่ร้องไม่พอใจ แต่บางคนก็แค่หัวเราะ คงเพราะเมายา

“อะไรว้า ไอ้วิน พาเพื่อนน่ารักๆ มาไม่บอก ไม่แนะนำมั่งเหรอ” หนึ่งในพวกนั้นลุกขึ้น ยื่นหน้าเข้าหาปริมใกล้ๆ กลิ่นเหล้าหึ่งไปหมด

“เพื่อนจริงเหรอ ทำไมดูหวง ฮ่าๆ” พอมีคนหนึ่งแซว อีกหลายเสียงก็ตามมา แต่เขาไม่ถือสา เพราะพวกมันเมา

เขาปัดมือคนเมาที่พยายามจะเข้ามาจับตัวปริม “พวกมึงสนุกกันต่อเถอะ เดี๋ยวกูพาเพื่อนไปนอนก่อน”

“โหยยยย มันพาไปนอนด้วยอ่ะ”
“วู้ววว ให้กูนอนด้วยดิ 3P เสียวดี ฮ่าๆ”

“อย่าไปสนใจ” เขาก้มลงกระซิบข้างหูของปริม แล้วลากแขนคนตัวเล็กให้เดินตาม มือหนึ่งหยิบสมาร์ทโฟนมาโทรหาเป๊ปอีกที โดนมันด่าใส่จนหูชา เพราะเขาดันทะลึ่งโทรไปบอกว่าปริมหาย ตกใจจนเกือบทำรถกลิ้งลงข้างทาง

แค่เขาคล้อยหลังจากปริมไม่ถึง 10 นาที ไอ้พวกขี้เมาก็โผล่มาตะครุบตัวปริมเข้าไปในงานปาร์ตี้ เพราะมันเล็งไว้ตั้งแต่เห็นเขายืนคุยกับปริมแล้ว คงนึกว่าเป็นผู้หญิง

“โดนทำอะไรหรือเปล่า ไม่ได้กินอะไรเข้าไปใช่มั้ย” ทันทีที่เข้าไปในห้องนอน เขาก็ถามรัว ปริมกะพริบตาปริบๆ มองหน้าเขา

“เปล่า แค่ชวนไปนั่งด้วย”

เทวินพรูลมหายใจอย่างโล่งอก ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง แต่มือยังจับแขนของปริมไว้ข้างหนึ่ง

“ไอ้เป๊ปจะมาแล้ว เดี๋ยวมึงออกไปกับมัน ระวังพวกการ์ดของไอ้ป๋านั่นด้วย ไม่รู้มันจำหน้ามึงได้หรือเปล่า”

ปริมพยักหน้าหงึกๆ

“ห้ามมาที่นี่อีกเด็ดขาด เข้าใจมั้ย”

“สั่งเป็นพ่อกูเลย” ปริมชักสีหน้าอย่างไม่พอใจ พลันหน้าแดงกับสีหน้าจริงจังของเทวิน

“กูพูดเพราะห่วง”

“เออ...” พอโดนบอกตรงๆ แบบนั้น มันก็เขินแปลกๆ แต่ที่บอกไม่ให้มาที่นี่ ติดต่อกันก็ไม่ได้ มันทำให้ใจโหวงๆ

“แล้วเรา...จะไม่ได้เจอกันอีกแล้วใช่มั้ย”

“มันเป็นทางที่ดีที่สุดสำหรับมึง” เขายื่นมือไปลูบหัวของคนที่กำลังก้าวขึ้นมานั่งคร่อมบนตัก แล้วกอดคอเขาไว้แน่น ร่างกายผอมบางกำลังสั่นไหว พยายามฝืนกลั้นเสียงสะอื้นไห้สุดชีวิต

“กูปกป้องมึงไม่ได้ ปริม กูไม่มีอะไรไปสู้กับพวกมันสักอย่าง แม้แต่แม่ กูก็ยังช่วยไม่ได้เลย...”

“เข้าใจ” ปริมเปรยเบาๆ

“ขอให้มึงมีความสุขนะ ตั้งใจเรียนด้วย”

“อือ มึงด้วยนะ” ปริมกอดเขาแน่นขึ้นอีก แต่เขากลับทำได้แค่ลูบหลังมันเบาๆ

ไม่อยากผูกพันไปมากกว่านี้

“กูมาแล้ว ไอ้วิน ไอ้...อ่า” คนที่เปิดประตูเข้ามาถึงกับชะงัก เลี้ยวออกแทบไม่ทัน “โทษๆ เชิญพวกมึงตามสบาย เดี๋ยวกูรอข้างนอก”

“ไม่ต้อง” เสียงของเทวินหยุดมือของเป๊ปที่กำลังจะปิดประตูไว้ “มึงพามันกลับได้เลย” เขาดันร่างเล็กออก แต่ปริมเหมือนจะไม่ยอม

“คุยกันให้จบก่อนก็ได้มึง ดูมันยังอยากอยู่กับมึงนะ” เป๊ปเกาหัว สงสารไอ้ตัวเล็กอย่างบอกไม่ถูก

“คุยจบแล้ว” เทวินว่า “ไปได้แล้วปริม”

“ฮืออออ” ปริมส่ายหน้า กอดคอเขาไม่ยอมปล่อย เห็นแบบนั้นเป๊ปก็อ่อนใจ

“ไว้พรุ่งนี้ค่อยพากลับก็ได้นะ”

“ไม่ได้ ถ้าสว่างแล้ว เดี๋ยวพวกการ์ดมันเห็นหน้าชัด” ก็จริงอย่างที่เทวินว่า เป๊ปถอนหายใจ ก่อนจะเดินเข้าไปจับไหล่ที่ยังสั่นของปริม

“ไปเหอะ ปริม”

ปริมน้ำตาไหลพราก ไม่อยากปล่อยเทวินไว้ตรงนี้ แต่ก็รู้ว่าไม่มีทางที่เทวินจะทิ้งแม่กับน้องแล้วหนีไปจากพวกมัน เทวินดึงมือของปริมออก ผลักไสร่างผอมบางให้ออกห่าง

“ฝากมันด้วย” เขาลุกขึ้น ยืนหันหลัง เป๊ปรับคำแล้วลากพาปริมกลับไป

เสียงประตูห้องปิดลง

เขาทรุดตัวลงนั่งกอดเข่าบนพื้น พลางหลับตาลง

ได้ยินเสียงคลื่นจากไกลๆ

ไกลเหลือเกิน

...

ได้แต่หวัง ว่าหลังจากนี้ เสี่ยน้อยจะไม่ยุ่งกับปริมอีก

เทวินยังคงใช้ชีวิตเหมือนปกติ เรียนตอนกลางวัน ตกเย็นก็ไปทำงานที่ผับ เขามีลูกน้องที่ไว้ใจได้อย่างป้อคอยคุมบ่อนให้ มันเก่งต่อยตี เหมาะกับงานนั้นที่สุดแล้ว ส่วนคลับกุหลาบแดง เขายังหาคนดูแลไม่ได้ เพราะกลัวว่าพวกเด็กๆ จะไม่ปลอดภัยด้วย เลยต้องสละเวลามาคอยดูแลเอง บางวันก็ช่วยสอนหนังสือให้พวกเด็กๆ ในนั้น ส่วนพวกที่เต็มใจมาขายเอง ก็ปล่อยให้ทำมาหากินไป ไม่ได้ยุ่งอะไรมาก แค่สอนให้รู้จักป้องกันตัวไป

แต่เขามีกฎที่ตั้งไว้สำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 15 ปี นั่นคือ ต้องตรวจสอบลูกค้าที่จะซื้อก่อนขายทุกครั้ง ห้ามทารุณและห้ามสอดใส่ เด็กของเขาคนไหนมีรอยแผลแม้แต่นิดเดียว เขาจะจัดการไอ้ตัวคนที่ส่งขายให้มันกลับมาใช้ชีวิตไม่ได้อีกเลย

เทวินไม่ได้ชื่นชอบการฆ่า ถ้าไม่จำเป็น

“วินก็ยังคงเป็นวินอยู่ดี ใจดีกับสินค้าเสมอ” นานๆ ครั้ง เขาจะกลับมาที่บ้าน มาเยี่ยมแม่ และน้องชายที่ตอนนี้เริ่มเดินและพูดได้เป็นคำๆ แล้ว

“พวกเขายังเด็ก” เขาตอบหน้านิ่ง ปล่อยให้พ่อเลี้ยงแทะโลมร่างกายตามชอบใจ กลับมาบ้านนี้ทีไรก็มีแค่เรื่องเดียวที่มันจะทำกับเขา

มือของมันไต่ไปตามแนวไหล่และแผงอก สะกิดยอดอกของเขาผ่านเนื้อผ้าเบาๆ เขากลืนเอาความรังเกียจทั้งหลายลงคอไป พยายามข่มใจไว้

“ป๋าเข้าใจนะ เพราะตอนวินเด็กๆ ป๋าก็เอ็นดู” มันว่าพลางลากลิ้นเลียตั้งแต่ใบหูของเขาลงมาถึงไหปลาร้า ปลดกระดุมเสื้อของเขาออกช้าๆ

“แต่ตอนนี้วินโตขึ้นมากเลย”

เขาสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อมันล้วงแกนกายของเขาออกมาบีบนวดหนักมือ ก่อนที่มันจะค่อยๆ ทรุดตัวลงตรงหว่างขา จ้องมองด้วยดวงตาลุกวาว

“โตขนาดนี้”

เขาหลับตาลง ปล่อยให้มันเล้าโลมไปเรื่อยๆ

ถ้าเขาฆ่ามันตรงนี้...

ไม่ได้หรอก เพราะไอ้แก่นั่นยังอยู่

พวกมันยังมีอิทธิพลอยู่

ยังไม่ถึงเวลา

“ขย่มแรงๆ สิครับ คุณน้อย”

“อ๊า อื้อ วิน” มันแหงนหน้าครางเหมือนสัตว์ ด้านล่างขย่มของเขาอย่างเมามัน เล็บของมันจิกลงบนไหล่ของเขา เลยต้องเอาคืนด้วยการกัดคอมันแรงๆ ให้เลือดไหลซึม พร้อมกับสวนสะโพกใส่ให้มันสะเทือนไปถึงเครื่องใน

มันเป็นแค่การเสพสมทางกาย
...
“จะกลับแล้วรึเจ้าวิน” เสียงแหบเครือ ทว่าก้องกังวาน หยุดขาของเขาเอาไว้ ก่อนที่จะเดินพ้นประตูหน้า

เขาหันไปยิ้มหวานอย่างเอาใจ “ครับ คุณปู่”

“เอานี่ไปด้วย แล้วเลือกมาสักคน หรือจะสองสามคนก็แล้วแต่” มือเหี่ยวๆ แต่ทรงพลังยื่นซองสีน้ำตาลขนาดใหญ่หลายซองมาตรงหน้าเขา

เทวินขมวดคิ้ว แต่ก็รับมาถือไว้

“อะไรเหรอครับ”

“ปู่จะให้หลานหมั้นกับผู้หญิงสักคนในนั้น ถูกใจคนไหนก็เลือกมา”

“หมั้น?” เขายิ่งนิ่วหน้าหนัก

“ใช่ อีกไม่นานหลานก็จะเรียนจบ จะได้แต่งเลย แล้วรีบๆ มีลูกหลาน ถึงไม่ใช่สายเลือด ก็ไม่เป็นไร ยังไงหลานก็ใช้สกุลจักราอภิวัฒน์อยู่ดี” ปู่มองหน้าเขาอย่างคาดหวัง “รอให้เจ้าริชโต ปู่คงตายก่อน อย่างน้อย ได้เห็นหลานแต่งงานสักคนก็ยังดี”

เขานิ่งคิด จะว่าไป ก็ดีเหมือนกันถ้าแต่งงานกับผู้หญิงสักคน ให้ไอ้พ่อเลี้ยงเฮงซวยมันอกแตกตาย เพราะยังไงปู่ก็เป็นคนออกปากเอง เผลอๆ จะได้ตีกันเอง โดยที่เขาไม่ต้องเสียแรง

เทวินคลี่ยิ้ม “ได้ครับ ขอเวลาผมสักอาทิตย์นึงก็พอ”
***

แฮร่
ตกใจกันหมดเลยสิ  :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-10-2020 18:01:18 โดย Lambosasha »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
อ่านแล้วชอบพระเอกเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่น่าติดตามค่ะ
ปูเสื้อรอพ่อเลี้ยงกับปู่ ตีกันเอง เป็นการเอาคืนที่เทวินไม่ต้องลงมือเอง ฉลาดมาก  o13

ออฟไลน์ Lambosasha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
11
คนที่จะมาเป็นภรรยางั้นเหรอ

เทวินนั่งเคาะนิ้วกับโต๊ะทำงานที่อยู่ด้านในสุดของบ่อน ในนี้เก็บเสียงได้ดีมาก ไม่ได้ยินเสียงพวกที่มาเล่นการพนันด้านนอกหรือกระทั่งเสียงดนตรีที่เปิดดังกระหึ่ม และคนข้างนอกก็ไม่ได้ยินเสียงจากในนี้เช่นกัน

เขากำลังนั่งดูรูปและประวัติของผู้หญิงทั้ง 7 คนที่ปู่เลือกมาให้อย่างตั้งใจ เพราะคนที่เขาเลือกจะต้องอยู่กับเขาไปจนวันตาย ต้องเป็นคนที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อเขา ควรเป็นคนที่สวย สง่า พอควงออกงานได้ แต่ไม่ต้องฉลาดมาก หัวอ่อนหน่อยยิ่งดี จะได้อยู่ในโอวาท และเขาไม่ต้องการแต่งงานหลายครั้ง แค่ครั้งเดียวก็เกินพอ เพราะคนที่เขารัก ก็มีได้แค่คนเดียวเท่านั้น

คนเดียวที่จะรักไปชั่วนิรันดร์

...ปริม...

***

“ทำไมต้องรีบร้อนให้วินแต่งงานด้วย ป๊าก็รู้ว่าผม...” ข่าวเรื่องที่เทวินต้องไปดูตัวกับผู้หญิงที่ปู่เลือกมาถึงหูพ่อเลี้ยงในเวลาไม่นาน พอรู้ปุ๊บก็บุกมาถึงห้องทำงานของปู่ทันที

“เพราะรู้ไง ถึงต้องให้มันแต่งงาน!” ชายชราเคาะไม้เท้าลงบนพื้นเสียงดังสนั่น จนคนเป็นลูกถึงกับตัวสั่นขึ้นมาในชั่วพริบตา

“ถ้ามึงยังทำตัวแบบนี้ กูจะยกทุกอย่างให้ริช ส่วนมึงอยากจะไปเป็นเก้งกวางที่ไหนก็ไป แต่อย่าดึงหลานชายกูไปแปดเปื้อน! เทวินเป็นหลานชายคนเดียวของกู!” เสียงแหบเครือนั้นก้องกังวานและทรงพลัง มันสั่นสะเทือนไปถึงเส้นประสาท

เสี่ยน้อยกำหมัดแน่น ทั้งกลัวและเจ็บใจ

แม้จะผ่านมา 30 กว่าปีแล้ว ก็ไม่เคยลืมเลือน ความเจ็บปวดที่ฝังรากลึกถึงก้นบึ้งในจิตใจ

บาดแผลที่แม้ไม่เห็นร่องรอย แต่ยังคงตราตรึงทุกอณูขุมขน

อยากให้มันจบเสียที อยากให้มันสิ้นสุดตรงนี้

แค่ชักปืนออกมา แล้วยิงออกไปที่หัวของมัน

“ครับ ผมเข้าใจแล้ว” แต่สุดท้ายความกลัวก็ทำให้ต้องล่าถอย

...

“โหววว วันนี้พี่วินแต่งหล่อจัง”

เขาเหล่มองคนพูดที่โผล่พรวดพราดเข้ามาในห้องทำงาน คนที่จะเข้ามาโดยไม่เคาะประตู เพราะรู้ว่ายังไงเขาก็ไม่ว่าอะไร มีแค่คนเดียวเท่านั้น

“นัดเดทกับสาวที่ไหนเหรอพี่” มันเดินเข้ามามองเขาใกล้ๆ ดวงตาเป็นประกายอย่างชื่นชม

เทวินอยู่ในชุดสูทเป็นทางการสีเทา มีผ้าเช็ดหน้าที่พับเสียบไว้ตรงอกเสื้อ ผมก็ปัดเสยใส่เจลเรียบร้อย

“ไปดูตัว” เขาตอบสั้นๆ มันตาโต

“อู้ววว จริงดิ มันมีจริงๆ เหรอเนี่ย ไอ้ดูตัวอะไรเนี่ย ผมนึกว่ามีแต่ในหนังในละคร” ป้อทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาสีดำข้างกระจก จ้องมองเขาทั้งตัว โดยเฉพาะใบหน้า

“พี่ผมโครตหล่อจริงๆ นะเนี่ย ถ้าไม่ติดว่าผมมีหำ ก็อยากเป็นเมียพี่อยู่”

เขาหรี่ตาลงอย่างเอือมๆ “ถึงมึงจะมีหรือไม่มี กูก็ไม่เอา”

“ชิ ผมมันไม่ได้ตัวเล็กๆ น่ารักๆ นี่” มันตัดพ้อกวนๆ พลางเอาแขนหนุนหัว เอนตัวพิงโซฟาจนตัวจมลงไป ยกขาขึ้นมาไขว้กัน แถมยังกระดิกเท้าอีก

ที่กล้าขนาดนี้ คงเพราะเขาให้ท้ายมันมากเกินไป รักมันเหมือนน้องชายคนหนึ่ง ทั้งที่จริงก็อายุห่างกันไม่กี่เดือนเท่านั้น

“ฝากมึงดูร้านกับเด็กๆ ด้วยแล้วกัน สอดส่องพวกพ่อเลี้ยงกูด้วย อย่าให้มายุ่งกับเด็ก” เขากำชับมันก่อนจะเปิดประตู มันรับคำแข็งขัน เขาจึงเดินออกไปอย่างวางใจ

“ครับผม!”

...

สถานที่นัดคือร้านอาหารแห่งหนึ่งในตัวเมืองพัทยา เขาไม่ได้เลือกใครเลย แต่ขอปู่ว่า จะลองเจอให้ครบทุกคน เพื่อพูดคุย แล้วค่อยตัดสินใจอีกที

เขาไม่ชอบผู้หญิงเรื่องมาก พูดมาก มั่นใจในตัวเองเกินไป คนหัวอ่อนว่านอนสอนง่ายก็ดี แต่บางทีก็น่าเบื่อไปหน่อย สรุปสั้นๆ ง่ายๆ คือ เขาไม่คิดจะชอบผู้หญิง หรือใครหน้าไหนอีกแล้ว

ก็แค่เลือกๆ ไปสักคน ที่น่าจะพูดกันรู้เรื่อง

ใช้เวลาทั้งหมด 1 เดือนกว่าจะทำความรู้จักกับผู้หญิงครบทั้ง 7 คน และเขาก็เลือกคนที่ดูเรียบร้อย ว่าง่ายที่สุดในกลุ่ม เธอชื่อ แพรพลอย เขาเลยเรียกเธอว่าน้องแพร เพราะอ่อนกว่า 2 ปี เป็นลูกสาวของเจ้าสัวตระกูลดัง เจ้าของธุรกิจเงินกู้ขนาดใหญ่ และมีเบื้องหลังแบบเดียวกับปู่ของเขา ปู่ของแพรพลอยเป็นเพื่อนสนิทของปู่เขา

เขาขอเวลาปู่ครึ่งปี เพื่อคบหาดูใจกับหล่อน แล้วจึงกำหนดวันหมั้น ส่วนกำหนดการแต่งคือทันทีที่แพรพลอยเรียนจบปริญญาตรี

“วันนี้น้องแพรอยากทานอะไรดีคะ” คำพูดหวานหอม หว่านล้อมให้ตายใจ เขาเคยใช้กับผู้หญิงที่เคยนอนด้วยมาแล้วหลายคน และได้ขุดมาใช้อีกครั้งหลังจากหมดความสนใจในเพศหญิงมาเนิ่นนาน

“เอ่อ แล้วแต่พี่วินก็ได้ค่ะ” เธอยิ้มเอียงอาย ท่าทางจะไม่เคยมีแฟนมาก่อน ดูขัดๆ เขินๆ เขาอยู่ตลอดเวลา วันนี้แพรพลอยแต่งตัวในชุดกระโปรงลายลูกไม้สีขาว มีริบบิ้นผูกเอวสีชมพู กระเป๋าสะพายสีน้ำตาลอ่อนยี่ห้อดัง กับรองเท้าส้นสูงไม่มากสีชมพู

ใสซื่อ ไร้เดียงสา แบบที่เขาชอบ

แต่ไม่ได้รัก

และคงไม่มีทางจะรักได้

“น้องแพรให้พี่เลือกตลอดเลยนะคะ” เขาหัวเราะเบาๆ คล้ายเอ็นดูเธอ แกล้งเผลอไปแตะโดนมือบ้าง เอวบ้าง แล้วแต่โอกาส ดูปฏิกิริยาเล็กๆ น้อยๆ ของเธอว่าชอบหรือไม่

หลังจากเจอกัน 3-4 ครั้ง เธอก็ยอมให้เขาจับมือ โอบเอว เข้าถึงตัวได้ง่ายดายกว่าที่คิด จนอดสงสัยไม่ได้ว่าใสซื่อจริงหรือเปล่า จะให้รู้แน่ชัดคงมีทางเดียว คือเรื่องบนเตียง แต่เขายังไม่มีอารมณ์จะทำอะไรผู้หญิงคนนี้

“แพรอยากถ่ายรูปคู่ลง IG ได้มั้ยคะ” สาวน้อยร่างบางเอ่ยขอด้วยท่าทางเขินอาย ทำตัวน่ารักเกินไป เขาคิด แต่ก็คลี่ยิ้มอ่อนโยนให้เธอ

“ได้สิคะ”

“พี่วินกดนะคะ” เธอส่งสมาร์ทโฟนให้เขาถือ เปิดโหมดเซลฟี่ไว้ เขาโอบเอวเธอให้เข้ามมาใกล้ๆ จนแก้มแนบกัน ปลายนิ้วไล้ลงต่ำถึงสะโพก เธอเหมือนจะสะดุ้งนิดๆ แต่ไม่ได้ว่าอะไร ยังยิ้มให้กล้องพร้อมชูสองนิ้วอย่างน่ารัก

หลังถ่ายรูปเสร็จ เธอก็อัพเดทลง IG แท็กชื่อเขาด้วย เพื่อนๆ ของเธอเข้ามาอิจฉากันยกใหญ่ที่เธอมีแฟนหล่อ และท่าทางใจดี

แม้จะแค่เปลือกนอกก็ตาม

“เดี๋ยวแพรซื้อน้ำให้พี่วินเป็นการขอบคุณนะ” สาวน้อยดูอารมณ์ดีหลังจากที่มีแต่คอมเม้นท์ชมแฟนตัวเองจากเพื่อนๆ เธอวิ่งไปซื้อน้ำที่ร้านค้าใกล้ๆ มาให้เขา

“ป้อนพี่ด้วยสิคะ เป็นการขอบคุณไง”

แก้มของเธอขึ้นสีชมพูจางๆ ก่อนจะจับหลอดและยื่นมาให้ตรงหน้า เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย แกล้งเอาปากไปชนกับนิ้วของเธอก่อนจะดูดน้ำ

เป็นโมเม้นท์ของคู่รักที่ราวกับหลุดออกมาจากในนิยายวัยหวาน

และในจังหวะที่เขากำลังจะแกล้งจูบที่นิ้วของเธอตอนผละออกมา สายตาก็เหลือบเห็นปลายเท้าของใครคนหนึ่งที่คุ้นเคย รองเท้าผ้าใบสีน้ำเงินมีรูปดาวสีชมพู หาได้ทั่วไป แต่ลายเซ็นจากปากกากันน้ำที่เขียนไว้ตอนเรียนจบ ไม่มีที่ไหนเหมือนแน่นอน

แก้วน้ำพลาสติกในมือของคนคนนั้นร่วงลงพื้น ทั้งน้ำและน้ำแข็งหกกระจาย

เขาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

“ปริม!”

มันสะดุ้งที่เขาตะโกนเรียก ก่อนจะหันหลังวิ่งหนี เขาปล่อยมือจากแพรพลอยทันที แล้ววิ่งตามไปอย่างไม่คิดชีวิต

“ปริม! เดี๋ยว รอกูด้วย!”

มันคงเป็นภาพที่ประหลาด ที่ผู้ชายแต่งตัวบ้านๆ คนหนึ่งกำลังวิ่งหนี กับอีกคนที่แต่งตัวอย่างกับคุณชายกำลังวิ่งไล่ตาม

กว่าเขาจะวิ่งไล่ทัน ก็ตอนที่มันจนมุมตรงทางเลี้ยวเข้าตรอกแคบๆ ข้างทาง เทวินคว้าแขนของปริมไว้ได้ และคว้าร่างนั้นให้หลบเข้ามาในซอกระหว่างร้านค้า

“วิ่งเอาเหรียญทองโอลิมปิครึไงวะ เหนื่อยฉิบหายไอ้สัส”

“แล้วมึงเสือกวิ่งตามทำเหี้ยไรล่ะ”

ทั้งที่น่าจะเป็นฉากซึ้งๆ แต่กลับพูดจาพ่อขุนใส่กันซะอย่างนั้น สองคนมองหน้ากันแล้วก็หัวเราะจนตัวงอ พวกเขายังเหมือนเดิม ไม่เคยเปลี่ยนแปลงจริงๆ

“3 ปีกว่าแล้ว” เขาโอบเอวมันเข้ามาใกล้ๆ ปริมเหมือนจะอยากขัดขืน แต่สุดท้ายก็ไม่ทำ พลันต้องสะดุ้ง เพราะร่างสูงทิ้งศีรษะซบลงบนไหล่ พร้อมกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น

“กูโครตคิดถึงมึงเลย ปริม”

“เมื่อกี้ เห็นอยู่กับผู้หญิงชัดๆ” มันเอานิ้วดีดต้นแขนเขาแรงๆ “แล้วทิ้งแฟนมาแบบนี้ได้ไง”

“ไม่ใช่แฟน” เขาส่ายหน้า พูดเสียงอู้อี้บนไหล่มัน “แค่คู่หมั้นที่ปู่หามาให้”

“เมียในอนาคตสิงั้น กลับไปหาเขาเถอะ”

“ขออยู่กับมึง แค่แป้ปเดียว แค่นาทีเดียวก็ได้” เขาอ้อนวอน น้ำเสียงสั่นเครือ จนมันใจอ่อน ยอมให้กอดไว้แบบนั้น

พวกเขาไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก เพียงแค่ซึมซาบความคิดถึงที่มีให้กันอยู่อย่างนั้น จนกระทั่ง

Rrr

“แฟนมึงโทรตามแล้วมั้ง” ปริมผลักเขาออก พลางหันหน้าหนี

“ก็บอกว่าไม่ใช่แฟน” เขานิ่วหน้า ล้วงสมาร์ทโฟนออกมาจากกระเป๋ากางเกง ถ้าเป็นเบอร์ของแพรพลอยก็กะจะไม่รับ แต่มันไม่ใช่

“ว่า?”

[พี่วิน! แย่แล้ว ไอ้เจ...ไอ้เจมัน...]

หน้าของเขาถอดสี จนปริมที่เหลือบมองตกใจ

“เป็นไรวะ”

“กูต้องกลับพัทยาแล้ว กูคิดถึงมึงนะปริม กูรักมึงมาก” เขาเอ่ยอย่างร้อนรนจนไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกมาบ้าง ก่อนจะจูบปากปริมเร็วๆ แล้วรีบวิ่งออกไปจากตรงนั้น

ทิ้งให้คนถูกบอกรักยืนอึ้ง หน้าแดงก่ำอยู่ที่เดิม

***
มาไวไปไวอ่ะพี่วิน โรแมนติกผุดๆ ถรุ้ย

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ทุกคนต้องตายหมดอะนะทั้งปู่และะพ่อเลี้ยง วินถึงจะได้หายใจได้จริงๆสักที อีรุงตุงนัง ดำดี ไม่โลกสวย สนุกค่ะสนุก ตามต่อเลย จะเป็นยังไง  :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Grey Twilight

  • Moderator
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-17
เห็นใจทั้งปริมแล้วก็เทวินเลยครับ ก็อย่างที่เทวินบอกไปว่าตอนนี้เขายังไม่สามารถปกป้องใครได้ เลยอยากให้ปริมอยู่ห่างจากเขา ไม่อย่างนั้นอาจจะเจ็บตัวได้ แต่ว่าสำหรับปริม ผมคิดว่าเขาชอบเทวินมากนะครับ ความรู้สึกดีๆที่มันเกิดขึ้นแล้ว และถ้ามันเป็นความรักที่รู้ตัวกันทั้งคู่ การไม่ได้อยู่ด้วยกันมันจะเจ็บปวดมาก (ซึ่งนั่นก็น่าจะเป็นสาเหตุที่ปริมบอกไปว่าคิดถึงเทวินมากๆ ยังไงก็คงจะลืมไม่ได้)

เอาจริงๆอยากให้เทวินมั่นใจในตัวเองเพิ่มมากกว่านี้อีกนิดหน่อยนะครับ แทนที่จะบอกให้ลืม ทำไมไม่บอกให้ ‘รอ’ ให้ปริมรอวันที่เขาจะกลับไปปกป้องปริมได้อย่างสมภาคภูมิด้วยทรัพยากรที่เขามี รอวันที่เทวินจะได้เอาคืนคนที่ทำร้ายแม่ของเขา ผมว่าปริมยินดีรอ ดีไม่ดีจะมาช่วยเทวินด้วยซ้ำ แต่การบอกให้ลืม มันก็ดราม่าจับจิตจริงๆแหละครับ ผมอ่านแล้วยังเจ็บตามไปเลย สนุกครับ

เรื่องการดูตัวแต่งงานเนี่ย ผมหวังว่ามันจะไม่เลยเถิดถึงขั้นนั้น ขอให้เสี่ยน้อยกับปู้ของเทวินมันทะเลาะกันแตกหักไวๆกว่านั้น ซึ่งความจริงคนอย่างเสี่ยน้อย ที่หน้ามืดตามัวด้วยกิเลสตัณหากามราคะพอๆกับปู่ขนาดนั้น มันยอมได้เหรอที่จะให้คนที่ตัวเองฟูมฟักมาหวังงาบ ต้องไปเข้าหอกับผู้หญิงที่สวยและอ่อนหวานกว่า แทบจะเป็นไปได้ยากมาก อีกอย่างที่น่ากลัวคือแพรพลอยเธอเองก็สวยนะครับ แต่ว่าหัวอ่อนแบบนี้ ระวังจะอายุไม่ยืน เพราะถ้าไม่รู้หลบเป็นหลีก เดี๋ยวโดนเสี่ยน้อยเอาไปเก็บแบบเดียวกับที่ทำกับปริมขึ้นมา รับรองว่าปู่ของแพรพลอยไม่ยอมแน่ คราวนี้ล่ะ สงครามระหว่างตระกูลเลย แถมเทวินไม่ต้องโดนอะไรด้วย หรืออาจจะดูดทรัพยากรมาได้อีกต่างหาก /นั่งจิบชารอดู

ภาวนาให้เทวินขึ้นเป็นสุดยอดพระเอกได้ในเร็ววันนะครับ เพื่อจะได้เข้าฉากอัศจรรย์กับปริมสามวันสามคืนไปเลย (หัวเราะ) แค่ฉากเจอกันหลังจากไม่เจอกันสามปียังน่ารักกันขนาดนี้เลย

ออฟไลน์ Lambosasha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
12
ภาพตรงหน้าทำให้เขาเหมือนจะหน้ามืด แต่ไม่ใช่เพราะจะเป็นลม ความรู้สึกคุกรุ่นใกล้ปะทุ เขาทรุดตัวลง จ้องมองรอยแผลมากมายบนร่างกายบอบช้ำของเจ เลือดยังเกรอะกรังบนใบหน้าซีดเซียวนั้น เขายื่นมือไปแตะเบาๆ ร่างนั้นเย็นเฉียบ

“ใครทำ” เขาเค้นเสียงลอดไรฟัน

พวกที่ยืนอยู่ข้างหลังไม่มีใครตอบ คนเดียวที่ก้าวขึ้นมาคือ ป้อ ลูกน้องคนสนิท

“ไม่ทราบครับ!”

คำตอบไม่เป็นที่น่าพอใจ เขาลุกพรวด กำหมัดต่อยหน้าป้อเต็มแรง หน้ามันหัน ตัวเซเกือบล้มทั้งที่มันตัวใหญ่กว่าเขา เลือดไหลซึมออกจากมุมปาก

“พวกมึงอยู่กันตั้งหลายคน ไม่เห็นว่ามันทะเลาะกับใคร หรือมีใครมาพามันไปเลยรึไงวะ!”

“ขอโทษครับ” ทุกคนตอบแทบจะพร้อมกัน

“เช็คกล้องวงจรปิดทุกตัว หาตัวมันมาให้ได้ ถ้าหาไม่ได้ กูจะกระทืบพวกมึงเรียงตัว!” เทวินออกคำสั่งเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินกระแทกเท้าหนักๆ ออกจากหลังร้านไป

เขาเคยสั่งพวกมันแล้ว ว่าห้ามทำใครถึงตายในที่ของเขา ห้ามคนนอกเข้ามาทำร้ายคนของเขา ให้ช่วยกันดูแลให้ดี ทั้งที่ย้ำทุกครั้ง ทุกวัน แต่ก็ยังเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นจนได้

“พี่วิน! เจอตัวแล้ว” ป้อโผล่พรวดเข้ามาในห้องทำงานของเขาเหมือนเคย ก่อนจะสะดุ้งด้วยความตกใจ เพราะมันเพิ่งเคยเห็นเวลาที่เขาโกรธจัด

กับปืนที่อยู่ในมือ

***

เทวินกลับมาที่บ้านของปู่ตอนเที่ยงคืนกว่าๆ และคนแรกที่เขาอยากเจอคือ...

แม่

ประตูเปิดผลัวะ เขาเดินโซเซเข้าไปหาแม่ ซึ่งนอนหลับไปแล้ว ร่างสูงทิ้งตัวลงฟุบหน้ากับแขนของแม่ที่อยู่ในผ้าห่มผืนหนา

น้ำตา...ไม่ได้ไหลมาหลายปีแล้ว

จนตอนนี้ ไม่รู้แล้วว่าการร้องไห้ต้องทำยังไง

เขาสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อรู้สึกถึงมืออุ่นๆ บนศีรษะ

“วินเหรอลูก”

แขนของแม่ยังมีรอยแผลของการถูกผูกรัดจางๆ

มันเจ็บในอก

เจ็บใจ

“ครับ” เขาเอ่ยเสียงเครือ เศร้า แต่มันร้องไห้ไม่ออก

เหงา แต่บอกใครไม่ได้

“ทำไมมาดึกจัง มีอะไรหรือเปล่า” แม่ลูบหัวของเขาแผ่วเบา แม่ทำทุกอย่าง อดทนทุกอย่าง เพื่อเขา

แล้วเขาทำอะไรได้บ้าง

“ผมแค่คิดถึงแม่”

แม่คลี่ยิ้ม เขาคลานขึ้นไปบนเตียง นอนคดตัวอยู่ข้างๆ แม่ ให้แม่กอดไว้เหมือนตอนเป็นเด็ก

“ผม...ไม่ได้อยากทำแบบนี้เลย” เสียงของเขาคล้ายเสียงลมที่พัดผ่านมาแล้วก็จางหายไปในความมืด แม่กอดเขาแน่นขึ้นอีก

ด้วยความรักอันบริสุทธ์

“แม่รู้”

...

เวลาตีงู มันต้องตีให้ตาย เรื่องแค่นี้ใครๆ ก็รู้

“มันยังไม่ตาย ทุบเข้าไป ทุบเข้าไป!” เสียงเพื่อนร่วมชั้นสมัยประถมคอยเชียร์จากหน้าต่างห้องเรียนชั้น 2 สนุกกับการที่เขาต้องมาตีงูที่โผล่มาในกรงไก่ที่เลี้ยงไว้

เขายืดแขนจนสุด เหวี่ยงไม้ลงสุดแรงเกิด ทุบๆๆๆๆ
ทุบจนมันแน่นิ่ง

มันตายแล้ว

“ตายแล้วๆ เฮ” เสียงเฮดังกระหึ่ม เขาปาดเช็ดเหงื่อ เงยหน้าขึ้นส่งยิ้มให้เพื่อนที่โห่ร้องดีใจ

พวกเขาช่วยชีวิตแม่ไก่ไว้ได้แล้ว

...

ปัง!

เขาสะดุ้งตื่นเพราะเสียงปืน เหงื่อกาฬไหลพลั่กราวกับไปวิ่งมาราธอนมา แต่พอมองไปรอบๆ ก็เห็นแค่ห้องนอนสีขาวที่มีแสงแดดส่องรำไร

“ตื่นแล้วเหรอวิน”

แม่เดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับน้องชายตัวน้อย ที่ตอนนี้อายุ 3 ขวบ จะ 4 ขวบแล้ว เข้าเรียนอนุบาล 1 กลางปีนี้ได้พอดี เจ้าตัวเล็กมองหน้าเขาเหมือนคนแปลกหน้า เพราะเขาแทบไม่ได้มาที่บ้านนี้เลยในช่วงหลังๆ แต่พอแม่เรียกชื่อของเขา ริชก็เหมือนจะจำได้

“วิง” ด้วยความที่ยังพูดไม่ชัด เจ้าหนูเลยเรียกเขาผิดไปนิดหน่อย วินหัวเราะเบาๆ แล้วยื่นมือออกไปหาน้อง ริชวิ่งดุ๊กดิ๊กเข้าหาอ้อมกอดของพี่ชาย ให้เทวินได้อุ้มเล่น

“ตัวโตขึ้นเยอะเลยนะไอ้หมูน้อย” เขาบี้จมูกกับแก้มนุ่มนิ่มของน้อง พอเห็นเขายิ้มได้ แม่ก็ยิ้มตาม

พวกเขาควรจะได้มีความสุขอย่างนี้ทุกวัน

“แล้วต้องไปทำงานต่อหรือเปล่า วันนี้วันอาทิตย์นี่” แม่ถามพลางนั่งลงข้างๆ เขา จับมือของเขาที่ยังสั่นนิดๆ ไว้

“ไว้กลับไปตอนค่ำๆ แล้วกันครับ ผมอยากอยู่กับแม่กับน้องก่อน”

วันนั้นทั้งวัน เขาอยู่เล่นกับริช ทั้งวาดรูประบายสีด้วยกัน สอนให้ริชอ่าน ABC นับเลข ร้องเพลงด้วยกัน ในห้องนอนของแม่ จนเย็นย่ำ เขาถึงได้ยอมกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องตัวเอง

ตอนที่เขากำลังยืนแต่งตัวอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า จู่ๆ ประตูก็เปิดเข้ามา ไม่ต้องเดาก็พอรู้ว่าใครที่จะเข้ามาในเวลาแบบนี้

“ทำไมมาไม่เห็นบอกป๋าเลย”

เขาพ่นลมหายใจ “ผมแค่มาหาแม่กับน้อง เดี๋ยวจะกลับแล้วครับ”

มันเข้ามากอดเขา เอาหน้ามาแนบกับไหล่ เขารีบติดกระดุมเสื้อเชิ้ตพลางเอามือสางแล้วขยี้ผมลวกๆ ก่อนจะหมุนตัวไปหามัน

“ไว้วันหลังผมค่อยมาหาป๋านะครับ ปล่อยผมก่อน ผมต้องไปจัดการเรื่องที่พัทยา”

มันคลี่ยิ้ม “2 ศพนั่นน่ะเหรอ จะจัดการศพไหนก่อนล่ะวิน”

“ทั้งสอง” เขาตอบเสียงแข็ง นิ่วหน้าเล็กน้อยอย่างหงุดหงิด มันหอมแก้มเขาฟอดใหญ่ แล้วกระซิบข้างหูด้วยเสียงอันเยียบเย็นจนน่าขนลุก

“อย่าให้เหลือซากล่ะ ที่รัก”

***

เขาขับรถสีขาวคันโปรดที่ใช้มาตั้งแต่สมัยมัธยมออกจากบ้านหลังนั้น ปู่บอกจะซื้อรถให้ใหม่หลายครั้งแล้ว แต่เขาไม่เอา ไม่อยากได้อะไรไปมากกว่านี้อีกแล้ว

ขอแค่ชีวิตแม่ก็พอ

ระหว่างทาง เขาขับผ่านบ้านรั้วสีเขียวอ่อน ทาวเฮ้าส์ 3 ชั้นขนาดไม่กว้างขวางมากมายนัก แต่ดูน่าอบอุ่น บนชั้น 3 เป็นห้องนอนของคนที่เขารัก

เขาจอดรถ และจ้องมองไปยังหน้าต่างบานนั้น

19.42 น. ปริมคงยังไม่นอน อาจจะกำลังอ่านหนังสือ เตรียมไปเรียนในวันพรุ่งนี้ หรือไม่ก็อาบน้ำ อาจจะเล่นเกมอยู่ก็ได้

เขามองดูมือของตัวเอง มันหายสั่นแล้ว ตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้

มือข้างขวาที่ถือวัตถุสีเงินนั่นไว้แล้วเหนี่ยวไกออกไปอย่างไม่ต้องคิด

ไม่มีอะไรต้องคิด

แค่เลือดที่ต้องล้างด้วยเลือด ถ้าไม่ฆ่ามันให้ตาย ตัวเขาก็จะเป็นอันตรายในภายหลัง

เหมือนกับเวลาที่ต้องตีงู

ก็แค่นั้นเอง

ใครที่กล้าทำร้ายคนของเขา มันต้องวอดวาย

ก็แค่นั้นเอง

ง่ายๆ

ไม่เห็นต้องคิดมากเลย

เขาเผลอกำมือทุบลงไปบนพวงมาลัย เสียงแตรดัง และหน้าต่างชั้น 3 ก็เปิดออก เขาสะดุ้ง เงยหน้ามอง พอเห็นปริมชะโงกหน้ามอง ก็รีบออกรถทันที

ปริมจำรถของเขาได้แม่นยำ เพราะมันไม่ใช่รถที่คนทั่วไปจะขับกัน มันโดดเด่น แม้ไม่ต้องมองเลขทะเบียนก็รู้

“วิน! วิน!” ร่างเล็กตะโกนแหวกผ่านอากาศ ก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้อง ลงบันไดมาแล้วเปิดประตูออกไป

แต่รถของเขาไปไกลมากแล้ว

ไกลเกินกว่าจะย้อนกลับมา

***

เพราะเป็นเด็กที่อยู่ในซ่อง เพราะไม่มีพ่อแม่ เลยไม่อาจจัดงานศพให้อย่างคนทั่วไปได้

ทำได้แค่จัดพิธีเล็กๆ ให้ที่หลังผับ กับรูปถ่ายขาวดำในกรอบเรียบง่าย และดอกไม้เพียงช่อเดียวของเขา มีแค่นี้จริงๆ ที่จะทำให้เจเป็นครั้งสุดท้าย ส่วนอีกศพก็เผานั่งยางในป่าไป

เจเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย มันไม่เคยดื้อกับเขาเลย สั่งอะไรก็ทำ ขยันทำงาน ไม่เคยปริปากบ่น ไม่ว่างานหนักแค่ไหน โดนพวกไอ้แก่ตัณหากลับทำรุนแรงแค่ไหน มันก็ทน

แต่ตอนนี้ ไม่ต้องทนอีกต่อไปแล้ว

คนที่มีเรื่องกับมันเป็นลูกน้องของพ่อเลี้ยงสักคนในพัทยา ไม่ใช่เสี่ยน้อยพ่อเลี้ยงของเขา เป็นคนอื่นที่ถูกเรียกแบบนั้น เขาไม่สนหรอกว่ามันเป็นลูกน้องใคร แต่มันฆ่าเด็กของเขา

และเขาต้องจัดการให้สิ้นซาก

ต่อให้มีเรื่องข้ามเขตกันก็ไม่สน เพราะอิทธิพลของจักราอภิวัฒน์ในตอนนี้ขยายกว้างในพัทยาแล้ว แม้แต่ตำรวจก็ไม่กล้าทำอะไรเขา และเทวินไม่เคยกลัวใครหน้าไหนทั้งนั้นในชลบุรี ทุกคนต่างก็รู้ดี แม้แต่มหาวิทยาลัยเองก็ยังไม่กล้าไล่เขาออก เพราะนอกจากจะเป็นมาเฟียคุมพัทยาเกือบทั้งหมดแล้ว เขายังเป็นนักเรียนระดับท๊อปคลาส ว่าที่เกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง คณะรัฐศาสตร์ ในเร็วๆ นี้

แม้ว่าที่บ้านหลังนั้น เขาจะยังต้องยอมก้มหัวให้ปู่กับเสี่ยน้อยก็ตาม

ลูกน้องของปู่ยังคงวนเวียนอยู่รอบตัวเขา แต่ลูกน้องของเสี่ยน้อย ตอนนี้เป็นคนของเขาเกือบหมดแล้ว เพราะพวกมันต่างเห็นว่าเขาบริหารงานได้ดีกว่า แข็งกร้าวกว่า รายได้จากทางพัทยามีมากกว่าบ่อนกับซ่องของเสี่ยน้อยที่กรุงเทพฯ รวมกันเสียอีก

เขาค่อยๆ สั่งสมกำลังคน ค่อยๆ สร้างความไว้ใจ ความผูกพัน และสิ่งที่เขาทำให้ลูกน้องทั้งรัก เคารพและหวาดกลัว คือ ความเด็ดขาด

คนในทะเลาะกันเอง เขาก็จัดการทั้งคู่เท่าเทียม ส่วนมากแค่สั่งสอนเบาๆ ไม่ถึงขั้นบาดเจ็บสาหัสหรือถึงตาย แต่ถ้าเป็นคนนอกที่มาหาเรื่องหรือทำร้ายคนของเขา เทวินก็ลุยแหลก ไม่เว้นหน้าอินทร์หน้าพรหม อย่างครั้งนี้ คนของไอ้พ่อเลี้ยงอะไรนั่น มาทำคนของเขาตาย เขาก็บุกไปยิงมันคาที่ ทีเดียวจบ

ตอนลงมือ เขาไม่เคยมีความลังเลแม้แต่น้อย

แม้สุดท้ายแล้ว ข้างในตัวเขาก็ยังคงเป็นเทวินคนเดิม เป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่อยากมีชีวิตอย่างคนทั่วไป มีครอบครัวที่อบอุ่น

ทุกครั้งที่เขาก้มมองมือของตัวเอง มันเหมือนเห็นเลือดมากมายที่ไม่ใช่ของตัวเขากำลังไหลริน ล้นทะลักออกมา

มันเปรอะเปื้อนไปหมดทั้งเนื้อตัว...

สกปรกเกินกว่าที่จะซักออก

ผ้าผืนนี้

ไม่หลงเหลือสีขาวอีกต่อไปแล้ว

***
คนแต่งได้สละชีพไปแล้ว กับตอนนี้  :ling3:

ขอบคุณคอมเม้นท์ทุกคนเลยจ้า
คุณเกรย์วิเคราะห์โดนใจอีกแว้วววว จับมือๆ รอดูต่อไปง้าบ

ปล.พรุ่งนี้ไม่อยู่บ้าน คงไม่ได้มาอัพรัวๆ แหง่วๆ ว่างจากงานเมื่อไหร่จะรีบมาต่อนะ นี่พยายามเข็นมารัวๆ เพราะเด๋ยวมีงานค้าง ต้องส่งจันทร์นี้ อาจจะไม่ได้มาต่อนาน อ่านวนกันไปก่อน แต่ตอนล่าสุดน่าจะไม่ค่อยอยากอ่านวน 55
รักคนอ่านน้า จุ๊บๆ
เรื่องอื่นต่อหลังงานประจำเราจบละกันน้า

ออฟไลน์ Tanthai23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
รอวันเทวินระเบิด เห็นใจที่สุดและสงสารปริมที่ทนเห็นและทนดูแต่ทำอะไรไม่ได้ :mew3:
เทวินดูเหมาะจะควบคุมและดูแลลูกน้องมากกว่าพ่อเลี้ยงแต่อยากให้เทวินหลุดจากวงเวียนชั่วๆนี้ซะที
ไม่อยากคิดถ้าวินแต่งงานจะยุ่งเหยิงแค่ไหน  :katai5:

ออฟไลน์ Lambosasha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
13
เพราะเกิดเรื่องวุ่นวายเมื่อคราวก่อน ทำให้เทวินลืมแพรพลอยไปเสียสนิท รู้ตัวอีกทีก็ผ่านไป 1 อาทิตย์แล้ว

“แกทำอะไรลงไป เจ้าวิน! จู่ๆ ก็วิ่งหนีน้องไปแบบนั้น อยากให้ฉันมีปัญหากับเจ้าสัวทินกรงั้นรึ!?” ปู่แผดเสียงดังลั่น ทั้งยังใช้ไม้เท้ากระแทกพื้นแล้วลุกขึ้นยืนตัวสั่นด้วยความโกรธ ปกติปู่จะเรียกเขาว่าหลาน และแทนตัวเองว่าปู่แค่เฉพาะเวลาที่อารมณ์ดี และอยากให้เขาทำอะไรให้

วันนั้น หลังจากวิ่งตามปริมไป ก็ต้องรีบกลับพัทยาด่วน และไม่ได้ติดต่อกับแพรพลอยเลย ดูเหมือนเจ้าหล่อนจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องปู่ของเธอ ที่เป็นเพื่อนสนิทของปู่ใหญ่

“ผมขอโทษครับ วันนั้นเกิดเรื่องกะทันหัน” เขาก้มหน้ารับผิด สองมือกุมกันแน่น รู้สึกกดดันทั้งสายตาของปู่และคนของปู่ที่รายล้อมอยู่รอบห้องนี้ แม้จะมองไม่เห็น แต่รับรู้ได้

ปู่เองก็รู้ข่าวอยู่ เลยพรูลมหายใจออกมา “เออ ก็ยังดีที่รู้จักขอโทษ รู้ตัวว่าผิด อย่างน้อยแกก็ว่าง่ายและไม่แข็งข้อกับฉันเท่าไอ้น้อย”

เขาหรุบตาลง มองขอบโต๊ะทำงานของปู่ เสี่ยน้อยเป็นพวกชอบทำอะไรตามอารมณ์และตามใจตัวเอง นั่นคือข้อเสียของมัน ส่วนเขา มักจะวางแผนก่อนเสมอ ยกเว้นฉุกละหุก ต้องรีบตัดสินใจ

“แล้วจัดการเรียบร้อยดีใช่มั้ย ที่พัทยา”

เขาเข้าใจความหมายทันที “ครับ เรียบร้อยดี”

“ดีๆ หลานทำงานดีเสมอต้นเสมอปลาย ปู่ก็ดีใจ แต่คราวหลังจะรีบแค่ไหนก็บอกน้องเขาดีๆ ปู่ไม่อยากมีปัญหากับคนเก่าแก่” ปู่นั่งลงบนรถเข็นเหมือนเดิม “จริงๆ ก็อธิบายทางนั้นไปแล้วล่ะ เขาก็เป็นผู้ใหญ่พอ เข้าใจกันได้ แต่หลานควรเอาของขวัญไปขอขมาเจ้าสัวกับน้องแพรพลอยอีกที”

“ครับ”

***

ด้วยเหตุนั้น เขาจึงต้องหอบของขวัญเป็นกระเช้าราคาหลักหมื่น เพื่อมาขอขมาเจ้าสัวกับแพรพลอย ถึงที่บ้าน

บ้านของเจ้าสัวใหญ่โตพอๆ กับบ้านของปู่ใหญ่ มีคนรับใช้รายล้อม พอเขามาถึงก็ได้รับเชิญให้เข้าไปนั่งรอที่ห้องรับแขกโอ่อ่า ประดับด้วยของใช้สีทองมากมาย

กลัวไม่รู้ว่ารวยล่ะมั้ง

เขาคิดอย่างขำๆ ในใจ เพราะที่บ้านปู่ใหญ่ของเขาตกแต่งเรียบง่ายธรรมดา ปู่ชอบโทนสีดำ เสี่ยน้อยชอบโทนสีแดง ก็เลยจะทึบๆ ไปหน่อย ไม่สว่างไสวด้วยสีขาวและสีทองแบบบ้านนี้

“มาแล้วรึ เทวิน” เสียงทุ้มต่ำก้องกังวานดังขึ้น เขารีบลุกและยกมือไหว้ผู้ใหญ่ สายตาเหลือบมองเด็กสาวที่เดินจับแขนปู่ของเธอเข้ามาพร้อมกัน แพรพลอยไม่สบตากับเขา เพื่อให้รู้ว่ากำลังงอน และเขาควรจะต้องง้อ

“สวัสดีครับ เจ้าสัว น้องแพร คุณปู่ให้ผมเอากระเช้ามาฝาก”

“ไม่ต้องมากพิธี นั่งลงก่อน” เจ้าสัวนั่งและบอกเขาให้นั่งตาม จากที่เห็น เจ้าสัวน่าจะยังไม่สูงวัยมาก คงประมาณ 60 กว่าๆ

“เห็นว่ามีงานกะทันหันใช่มั้ย วันนั้น”

“ครับ ต้องขอโทษด้วย ขอโทษน้องแพรด้วยครับ” เขาค้อมหัวให้เจ้าสัว ก่อนจะหันไปมองแพรพลอย แต่เธอก็ยังไม่ยอมสบตากับเขา ทั้งยังเมินหน้าหนี

“หึหึ ยัยแพรก็อย่างนี้ล่ะ ขี้งอน เราคงต้องง้อน้องนานหน่อยนะ เทวิน” เจ้าสัวพูดกลั้วหัวเราะเหมือนคนใจดี พลางลูบหัวหลานสาว

“ครับ” เขาหรุบตาลง

“ฉันน่ะไม่ติดใจอะไร เพราะเข้าใจว่ามันเป็นงานด่วน ต้องรีบจัดการก่อนที่มันจะสาย งานแบบนี้เราต่างเข้าใจกันดี” เจ้าสัวเอนหลังพิงโซฟาสีขาวขอบทองคำ “ทางนี้ก็มีเส้นสายอยู่บ้าง ที่นั่นน่ะ พอจะรู้เหตุการณ์ จัดการได้เด็ดขาดดี ฉันชอบ”

“ขอบคุณครับ” เขาฝืนยิ้มรับอย่างกล้ำกลืน

“ถ้าได้ดองกัน ฉันก็คิดว่าเหมาะ เทวินน่าจะดูแลยัยแพรได้ ใช่มั้ย” เจ้าสัวมองหน้าเขา เขาเงยหน้าขึ้น สบสายตาเพียงครู่เดียว จากสายตานั้นก็รู้ว่า ไม่มีทางให้ปฏิเสธอยู่แล้ว

“ครับ”

ท่าทางเจ้าสัวทินกร เพื่อนรักของปู่จะถูกใจเขาพอสมควร และอยากได้เขาเป็นเขยอย่างเปิดเผย ถ้าพ่อเลี้ยงรู้ก็ไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า แต่พ่อเลี้ยงคงไม่กล้ามีเรื่องกับเจ้าสัว ถ้าจะมีคงมีตั้งแต่วันแรกที่รู้เรื่องของเขากับแพรพลอยแล้ว

เห็นบ้าบอแบบนั้น แต่ไอ้น้อยมันก็ฉลาดไม่เบา

แล้วแบบนี้เขาจะจัดการอย่างไรกับเรื่องนี้ดี ต้องแต่งงานจริงๆ น่ะเหรอ เทวินครุ่นคิด เจ้าสัวบอกจะไปคุยเรื่องหมั้นกับปู่ให้ อยากให้หมั้นกันเร็วที่สุด จากนั้นก็ขอไปทำงานต่อ ทิ้งเขาให้นั่งคุยกับแพรพลอย เพื่อปรับความเข้าใจ แต่เขาไม่ชอบเลย ที่จะต้องตามง้อหล่อน

อีกแค่ไม่ถึงปี เขาจะเรียนจบแล้ว กว่าจะได้แต่งก็ต้องรอแพรพลอยเรียนจบ ก็คงอีกปีสองปี ยังพอมีเวลา

มันจะต้องจบก่อนที่จะถลำลึกไปกว่านี้

***

กำหนดการหมั้นคือ หลังเขาสอบปลายภาคเสร็จ

เทวินตั้งหน้าตั้งตาทำงาน รวบรวมเอกสารทุกอย่างมาอ่านทวนแล้วทวนอีก ช่วงนี้เสี่ยน้อยไว้ใจเขามาก ให้เขาช่วยดูแลจัดการบ่อนและซ่องที่กรุงเทพฯ บางส่วนด้วย เขาพยายามทำทุกอย่างตามที่พวกมันต้องการ เพื่อรอให้ถึงวันนั้น

วันที่เขาจะทวงคืนทุกอย่างที่ต้องสูญเสียไปจากพวกมัน

“เรียนจบแล้ว มึงก็จะสานต่อธุรกิจครอบครัวเหรอะวะ วิน” เป๊ปถามเขา ในวันสอบวันสุดท้ายของชั้นปีที่ 4 และเขาเอาการ์ดเชิญไปร่วมงานหมั้นให้มัน เป๊ปดูไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ เพราะเขาเคยเล่าให้ฟังไปบ้างแล้ว

“ก็คงต้องแบบนั้น” เขาเอ่ยเสียงเรียบ

“มึงอยากทำจริงๆ เหรอวะ” สีหน้าของมันจริงจังอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน มันจ้องหน้าเขานิ่งๆ เค้นเอาคำตอบจากในก้นบึ้งจิตใจผ่านทางสายตา

เทวินถอนหายใจเบาๆ โดยไม่มีคำตอบ เพียงแค่นั้น มันก็น่าจะเข้าใจแล้ว จึงไม่ได้ถามอะไรอีก เป๊ปมองการ์ดเชิญงานหมั้นของเขาด้วยสีหน้าอึมครึม ก่อนจะตบบ่าเขาสองสามที

“เอาที่มึงสบายใจแล้วกันว่ะ ไม่ว่ายังไง กูก็ยังเป็นเพื่อนมึงอยู่ดี”

เขาสบตากับมัน พยายามจะสื่อสารบางสิ่งเท่าที่ทำได้

“ขอบใจว่ะ”
...

งานหมั้นจะมีขึ้นในอีก 1 สัปดาห์หลังจากนี้ และเทวินคิดว่าพร้อมแล้ว กับงานนี้

“มันช่วยไม่ได้นี่ครับ เพราะเป็นคำสั่งของ คุณปู่” เขาพยายามเน้นย้ำ คีย์เวิร์ดที่เสี่ยน้อยต้องจำฝังหัว มันเป็นหลักจิตวิทยาบางอย่าง เพื่อกระตุ้นอาการทางประสาทของมัน

ใช่ หลายปีมานี้ เขาพอจะรู้แล้วว่า เสี่ยน้อยมีอาการทางประสาท ทำให้มันออกจะไม่เหมือนคนปกติในบางครั้ง

“ผมขัดคำสั่ง คุณปู่ ไม่ได้หรอกครับคุณน้อย” เขาเน้นย้ำ ตอกย้ำ ทุกครั้งที่อยู่กับมัน และมันทำท่าทีไม่พอใจที่เขายอมหมั้นกับแพรพลอย

คล้ายกับบอกเป็นนัยว่า หากไม่มี คุณปู่ เขาก็จะเป็นอิสระจากเรื่องหมั้นและการแต่งงาน

และมันน่าจะได้ผลพอสมควร

ส่วนเรื่องสุดท้ายที่เขาต้องทำ คือหลังจากงานหมั้น ที่คาดว่าเสี่ยน้อยจะต้องแทบคลั่งตาย มันจะต้องค่อยเป็นค่อยไป ตามแผนที่วางไว้มาเนิ่นนาน

หากวันนั้นไม่ได้วนรถกลับมาที่บ้าน หลังจากออกไปไม่นาน แล้วนึกได้ว่าลืมของ เขาคงหาทางแก้แค้นพวกมันไม่ได้

สิ่งที่สั่งสมมา 4 ปีนี้ต้องไม่สูญเปล่า

เขายกมือขึ้นเคาะประตูห้องของแม่ ในกลางดึกของคืนก่อนวันหมั้น

“พี่พงษ์”

คนที่เดินออกมาเปิดประตูคือบอดี้การ์ดร่างใหญ่ที่เขามักจะฝากฝังให้ดูแลแม่และน้องเสมอ

ชายคนนั้นมองเขาด้วยแววตามุ่งมั่น

“เรียกผมแบบนี้ แสดงว่าพร้อมแล้วสินะครับ คุณวิน”

เทวินพรูลมหายใจออกช้าๆ ก้าวเข้าไปในห้องนอนสีขาวบริสุทธิ์ ซึ่งแม่และน้องของเขาอยู่ในนั้น ประตูปิดลง เขามองสบสายตากับพงษ์อย่างแน่วแน่ไม่ต่างกัน

“ครับ ผมพร้อมแล้ว”

***
กลับมาแว้ววววว ไปเที่ยวมา
มาถึงก็ต่อที่ค้างไว้ มาสั้นไปหน่อยน้า
มันใกล้จบแล้วล่ะ คิดว่า พยายามหาทางลงตามพลอตของมันให้ได้อยู่ อิๆ
 :pig4:

ออฟไลน์ Lambosasha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
14
งานหมั้นจัดขึ้นที่โรงแรมหรูระดับ 5 ดาว หนึ่งในธุรกิจของเจ้าสัวทินกร มีแขกเหรื่อมาร่วมงานรวมแล้วกว่า 200 คน

“ช่างเหมาะกันจริงๆ เทวินก็หล่อ ยัยแพรของปู่ก็สวย ดูสิ เหมาะสมมากๆ” เจ้าสัวชื่นชมหลานสาวและว่าที่เขยอย่างอารมณ์ดี

วันนี้ปู่ใหญ่ไม่ได้นั่งรถเข็น แต่ถึงขนาดลงทุนเดินเองด้วยไม้เท้า ที่จริงปู่ไม่ได้อายุมากขนาดเดินไม่ไหว และเขาเพิ่งรู้เมื่อไม่กี่ปีก่อนว่า ที่ปู่เดินไม่ได้ เพราะเคยทะเลาะกับเสี่ยน้อย จนโดนมันยิงเข้าที่ขา สมัยที่เสี่ยน้อยยังอายุแค่ไม่กี่สิบขวบ และมันค้นพบตัวตนของตัวเองว่าชอบผู้ชายด้วยกัน ซึ่งทำให้ปู่โกรธมาก

และตอนที่ปู่รู้ว่าเขากับเสี่ยน้อยได้เสียกันแล้ว ความโกรธของปู่นั้นทวีคูณ เพราะปู่ตั้งใจจะให้เขาทำหน้าที่ทายาทแทนริช จนกว่าน้องจะโต เลยจัดการเรื่องดูตัว เรื่องหมั้น และเตรียมให้เขาแต่งงานกับคนที่ปู่ถูกใจด้วย

แน่นอนว่าเสี่ยน้อยต้องไม่พอใจมาก เพียงแต่ มันยังทำอะไรไม่ได้ เขาไม่รู้หรอกว่ามันวางแผนอะไรอยู่ หรือแค่รอวันที่จะระเบิดอารมณ์ออกมา แต่พงษ์ บอกให้เขาคอยกระตุ้นมันทุกครั้งที่เจอ

“จริงด้วยครับ น้องแพรวันนี้สวยมากเลย” เทวินยิ้มอย่างอ่อนโยน รอยยิ้มที่ไม่เคยมีให้เสี่ยน้อยแม้แต่ครั้งเดียว ฉาบฉายแจ่มชัดบนใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาจ้องมองแต่หญิงสาวในชุดไทยสีครีมข้างกาย ราวกับหลงใหลและรักใคร่เสียเต็มประดา

เสี่ยน้อยที่จำต้องยืนอยู่ตรงนั้นในฐานะพ่อของเขา กำมือแน่นขึ้นทุกขณะ

“พี่วิน ก็หล่อมากเลยค่ะ” หญิงสาวยิ้มรับ มองสบตากันเหมือนโลกนี้มี่แค่เราสอง

“แหม นี่ขนาดยังไม่ทันแต่งนะ เร่าร้อนจนพวกปู่ล่ะเขินแทน” ปู่ใหญ่แกล้งแซว ทุกคนต่างหัวเราะอย่างมีความสุขกับงานหมั้นครั้งนี้

ยกเว้นเสี่ยน้อย ที่ทำได้แค่ฝืนยิ้ม ด้วยแววตาบิดเบี้ยว

...

“ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นระหว่างมึงกับไอ้ปริมวะ ตอนนั้นพวกมึงยังดูรักกันดีอยู่เลย” ไผ่ เพื่อนสมัยมัธยมที่มาร่วมงานหมั้น เอ่ยถามเขาอย่างสงสัย มันแปลกตั้งแต่เทวินพยายามถามเรื่องของปริมจากเพื่อนคนอื่นแล้ว

ทั้งที่คิดว่าเพื่อนสองคนรักกัน แต่กลายเป็นห่างเหิน ไม่คบกันเป็นแฟนไม่เท่าไหร่ ขนาดงานหมั้นของเทวิน ปริมก็ยังไม่ได้รับเชิญ

“ทะเลาะกันเหรอวะ” ต้นตาลก็สงสัย มีแค่เป๊ปที่รู้เรื่องนี้จากปริม แต่ไม่ปริปากอะไร เพราะคิดว่าอยากให้ปริมหรือเทวินเป็นคนพูดเอง

“เปล่า” เขาตอบได้แค่นั้นจริงๆ เหลือบมองเป๊ปกับอลิส ก็เห็นทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

“มึงแม่ง ก็ตอบอยู่แค่นี้ พวกกูเป็นเพื่อนหรือเปล่าวะ” ไผ่ตัดพ้ออย่างน้อยใจ แต่เทวินก็ทำได้แค่ถอนหายใจเบาๆ

“สักวันพวกมึงคงเข้าใจ”

“ปรัชญาเหี้ยไรของมึงล่ะเนี่ย เฮ้อ”

“เอาน่า วันนี้วันมงคลนะ เพื่อนรักได้หมั้นกับสาวสวยทั้งที” เป๊ปรีบเข้ามาแทรก กอดคอทั้งไผ่และเทวินไว้ พร้อมยิ้มหวานให้ต้นตาล พยายามดึงทุกคนกลับมาสนุกกัน

“ฉลองๆ ฉลองเว้ย เอาให้สุด!”

***

เพราะเทวินไม่ต้องการให้เพื่อนเข้ามาเกี่ยวข้องไปมากกว่านี้ อยากให้พวกมันได้ใช้ชีวิตปกติ เขาจึงไม่เคยเล่าเรื่องของตัวเองให้ใครฟัง ปริมรู้ เพราะเสี่ยน้อยไปรังควานถึงบ้าน ส่วนเป๊ปกับอลิสก็รู้เพราะต้องการช่วยเขากับปริม สภาพของเขาช่วงนั้น ตอนไปเรียนที่ชลบุรีใหม่ๆ มันดูแย่มาก จนเป๊ปทนไม่ไหว

แต่ก็แค่รู้ ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับสิ่งที่เขาทำ

สิ่งที่เขาได้ตัดสินใจทำลงไปแล้ว

งานหมั้นจบลงด้วยดี พร้อมเสียงอวยพรจากแขกเหรื่อมากมาย ทั้งที่รู้จักและไม่รู้จัก เทวินอาสาขับรถไปส่งแพรพลอยที่บ้าน พวกปู่ก็เห็นดีเห็นงาม เพราะคิดว่าเขาอยากใช้เวลาอยู่กับหล่อน

“พี่วิน จะไม่เข้าบ้านก่อนเหรอคะ” พอมาถึงหน้าบ้าน เขาก็เปิดประตูให้หล่อนลงจากรถ และขอตัวกลับทันที แต่เจ้าหล่อนก็รั้งแขนเอาไว้

“มันดึกแล้ว ไม่ดีกว่าครับ” เขาเลิกใช้คำหวานพร่ำเพรื่อกับเจ้าหล่อน เพราะมันไม่จำเป็นแล้ว

“แหม งั้นก็ตามใจค่ะ ไว้เจอกันนะคะพี่วิน” แม้จะเสียดาย แต่มันก็ดึกมากอย่างที่เขาว่าจริงๆ แพรพลอยจึงยอมปล่อยมือแต่โดยดี และให้เขาขับรถกลับบ้านไป

...

ปริมนั่งมองรูปถ่ายงานหมั้นของเทวินที่เพื่อนๆ โพสต์ลงเฟสบุ๊ค พลางถอนหายใจ คราวก่อนที่เจอกัน เทวินเหมือนจะบอกรักกันอยู่เลย แล้วจู่ๆ ก็ต้องหมั้นกับผู้หญิงคนนั้น

แม้จะไม่ได้บอกให้รอ แต่ปริมก็เฝ้ารอมา 3 ปีแล้ว ตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เจอกันที่บ้านของเทวินในชลบุรี

รอทั้งที่รู้ว่ามันไม่มีหวัง

เทวินคงไม่อาจหันหลังกลับมามองคนอย่างตนอีกแล้ว

พอคิดแบบนั้น แล้วมองรูปถ่ายที่เห็นเทวินยิ้มหวานให้ผู้หญิงคนนั้น ขอบตามันก็ร้อนผ่าว

แก๊ก

ปริมพยายามปาดเช็ดน้ำตาที่เอ่อท้นออกมา พลันได้ยินเสียงประหลาด คล้ายกับมีบางอย่างมากระทบกับหน้าต่าง เลยลุกไปดู

แก๊ก แก๊ก

เสียงนั้นยังดังมาเป็นระยะ ตอนที่ปริมกำลังเดินไปริมหน้าต่าง พอลองส่องดูดีๆ ก็เห็นเงาคนตะคุ่มๆ อยู่แถวเสาไฟฟ้าอีกฝั่งหนึ่ง มองไกลๆ ปราดเดียวก็รู้แล้วว่าใคร

ปริมเปิดหน้าต่างออกไปทันที

“วิน!”

“ชู่” อีกฝ่ายชูนิ้วที่ปาก ส่งสัญญาณให้เบาเสียงลง ปริมเลยพยักหน้ารับ แล้วรีบย่องลงไปเปิดประตูให้ เพื่อพาเทวินเข้ามาในบ้าน

พอมาถึงห้องนอนของปริมที่ชั้น 3 ของทาวเฮ้าส์ ยังไม่ทันที่ปริมจะได้ไถ่ถามอะไร ร่างสูงก็โถมตัวเข้ามากอดคอไว้จากด้านหลัง วางคางเกยบนบ่าเล็ก

ปริมยืนนิ่ง ใจเต้นระส่ำ “อะ อะไรล่ะ เพิ่งหมั้นมาไม่ใช่หรือไง แล้วมาทำอะไรดึกดื่น”

เทวินซบหน้าลงกับลาดไหล่บาง โดยไร้ซึ่งคำตอบ

คืนนี้ อาจจะเป็นคืนสุดท้ายที่ได้กอดปริมไว้แบบนี้ เพราะฉะนั้น เขาจะไม่ยอมให้เสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว

เทวินผละออกมา จับร่างผอมบางให้หันหน้าเข้าหา เขาประคองใบหน้าเนียนใสอย่างทนุถนอม ก่อนที่ริมฝีปากจะเคลื่อนเข้าประกบไม่บอกกล่าว ปริมตกใจจะผลักเขาออก แต่พอได้รับสัมผัสอ่อนโยนจนหัวใจชาวาบจากเทวิน ร่างกายมันก็อ่อนยวบ สองมือสอดคล้องโอบรอบลำคอหนาอย่างเผลอไผล

“วิน...อืม” ปลายนิ้วโป้งของเทวินดุนดันริมฝีปากล่างของปริมให้ต้องอ้าเผยอ ก่อนจะสอดลิ้นร้อนเข้าพัวพัน ดูดดื่ม เร่าร้อน แต่อ่อนโยนในที เสียงน้ำลายหลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว จูบนั้นยาวนานจนร่างผอมบางเริ่มยืนไม่อยู่ ขาสั่นจวนจะทรุด เขาเลยโอบคว้าเอวบางมาพยุงไว้ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงของปริม ให้ร่างผอมนั่งคร่อมลงมา ทั้งที่ปากยังประกบกันแนบแน่น

ปริมสะดุ้งเบาๆ เมื่อฝ่ามือร้อนผ่าวสอดไล้เข้าใต้เสื้อยืดตัวบาง บีบเค้นหนักมือที่แผ่นอกและขยี้ปลายนิ้วกับยอดอกกระตุ้นอารมณ์วาบหวาม ร่างกายผอมบางสั่นเกร็ง ส่งเสียงครางในลำคออย่างยากจะห้าม

มันต่างจากครั้งนั้นราวฟ้ากับเหว ทั้งที่ปริมไม่ได้กินยากระตุ้นใดๆ แต่ร่างกายกลับเสียวปลาบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า โดยเฉพาะแกนกายลำตัวที่รุ่มร้อนแทบปริแตกออกมานอกกางเกงบ็อกเซอร์ที่ใส่นอน

เขาพลิกร่างผอมบางลงบนเตียงขนาดแค่ 3 ฟุตครึ่ง ร่างกายบดเบียดร้อนรุ่ม ปากงับเม้มตามใบหูและลำคอแดงระเรื่อ มือสาละวนกับหน้าท้องที่หดเกร็งด้วยความเสียวซ่าน เสื้อผ้าถูกถอดทิ้งขว้างจนหมด ร่างเปล่าเปลือยสะท้อนกับแสงจันทร์ที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่าง เทวินจ้องมองราวกับจะกลืนกินร่างบางเข้าไปทั้งตัว ปริมอายจนหน้าแดงก่ำ หัวใจเต้นถี่แรง

เทวินถอดเสื้อสูทกับเสื้อเชิ้ตของตัวเองออกอย่างรีบร้อน ในขณะที่ปริมช่วยปลดกางเกงให้ พลางอ้าขาออกให้ร่างสูงแทรกกาย เขามอบจูบหวานล้ำแก่ปริมอีกครั้งอย่างโหยหา มือนวดคลึงบีบเค้นแกนกายเรียวยาว กดบี้ส่วนหัวให้ปริมส่งเสียงครางหวานๆ ก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนริมฝีปากดูดเม้มตามเรือนร่างผอมบาง แทบทุกซอกทุกมุม ลากปลายลิ้นวนในแอ่งสะดือจนปริมร้องกระเส่า แอ่นสะโพกขึ้นสูงรับสัมผัสด้วยความเต็มใจ ก่อนจะรีบตะครุบปากตัวเองไว้แทบไม่ทัน เมื่อริมฝีปากร้อนครอบครองส่วนอ่อนไหวจนร่างกายเกร็งสะท้าน

เพราะห้องนี้ไม่เก็บเสียง ปริมเลยต้องปิดปากตัวเองกลั้นเสียงร้องเอาไว้ แม้จะเสียวจนต้องจิกเท้าครูดไปกับที่นอน จนผ้าปูยับย่น ความร้อนพุ่งสูง จนมันล้นทะลักออกมาเป็นสาย เทวินผละออกมา หยิบหลอดเจลใสที่พกไว้ในกระเป๋ากางเกงมาบีบเทใส่ฝ่ามือจนชุ่ม

เขาจับขาของปริมขึ้นพาดบ่าข้างหนึ่ง พลางกระซิบเบาๆ ข้างหู

“เจ็บหน่อยนะ”

นิ้วร้อนค่อยสอดแทรก จากหนึ่งเป็นสอง ปริมกอดคอเขาไว้แน่น กัดปากจนซีด เพราะกลัวจะเสียงดังจนคนในบ้านตื่น

เทวินขยับนิ้วทีละน้อย ปากก็จูบเบาๆ บนริมฝีปากที่เม้มแน่นนั้นอย่างปลอบโยน

“อ่ะ...วิน ...มัน...” ร่างผอมบางสั่นสะท้าน เมื่อจุดอ่อนไหวภายในถูกกดดันและกระแทกกระทั้นด้วยนิ้วชี้และนิ้วกลางของเทวินซ้ำๆ เขาเลียริมฝีปากสีอ่อนแล้วประกบจูบ แทรกเรียวลิ้นร้อนเข้าเกี่ยวรัดอีกครั้ง ทำให้ปริมส่งเสียงครางได้แค่ในลำคอ

“อื้ออออ”

หยาดน้ำสีขาวขุ่นกระเซ็นสาดรดหน้าท้องบางและหน้าท้องที่แข็งเกร็งของคนด้านบน ร่างของปริมยังกระตุกเป็นระลอก มือกำท่อนแขนแกร็งไว้แน่น

เขาละริมฝีปากออก ขบเม้มดูดดึงผิวเนื้ออ่อนตรงคอแดงก่ำ ค่อยๆ ถอนนิ้วช้าๆ และแทนที่ด้วยสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าหลายเท่า ร่างผอมบางสั่นสะท้าน แต่ไม่เกร็งฝืน ยอมให้เขาเข้าไปโดยง่ายดาย สองขาเกี่ยวรัดเอวหนา สองมือโอบรัดแผ่นหลังแกร่ง ความอบอุ่นซึบซาบเข้าสู่ร่างกาย

ปริมน้ำตาไหล เมื่อเขากระแทกกายแรงขึ้นตามอารมณ์ที่พุ่งสูงจนยากจะหยุดยั้ง เล็บจิกครูดไปกับแผ่นหลังของร่างสูง ทิ้งรอยแดงเป็นริ้ว

“ถ้าเจ็บก็กัดเลย”

สิ้นคำ เขี้ยวเล็กๆ ก็ฝังลงกับไหล่ของเขา มันทั้งเจ็บและเสียดเสียวไปพร้อมๆ กัน จนปริมไม่รู้จะรู้สึกอย่างไหนก่อนดี อยากร้องออกมาก็ทำไม่ได้ เลยต้องกัดไหล่ของเทวินไว้เพื่อไม่ให้เสียงเล็ดรอด

ร่างกายไหวโยกไปตามแรงกระแทกกระทั้น เสียงเตียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดจนกลัวว่าจะมีใครตื่นมาได้ยินเข้า แต่มันก็ไม่อาจหยุดพวกเขาได้แล้ว

กว่าที่ทั้งสองจะแยกจากกัน ก็เกือบเช้า

...

ปริมปรือตาขึ้นตอนรุ่งสาง จำไม่ได้ว่าหลับไปตอนไหนด้วยซ้ำ มือขยี้ตาแล้วลืมตามองรอบห้อง

ไม่มีแม้แต่เงาของคนคนนั้นแล้ว

...

“ทุกอย่างพร้อมแล้ว เหลือแค่สัญญาณจากคุณวินเท่านั้น” เสียงของพงษ์ดังผ่านเครื่องสื่อสารขนาดเล็กที่เหน็บไว้ตรงหู น้ำเสียงนั้นไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เพราะแค่ทำตามหน้าที่

เทวินรับคำสั้นๆ ก่อนจะเปิดประตู และเดินเข้าไป

ในห้องของพ่อเลี้ยง

ครั้งสุดท้ายแล้ว

มันจะต้องจบ...ในคืนนี้

***


น่าจะคืนพรุ่งนี้แล้วล่ะฮะ 55

ออฟไลน์ Lambosasha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
เอ้า ต่อให้จบ!!!

15
สาวิตรี หรือ สา เป็นผู้หญิงที่โชคไม่ดีเท่าไหร่นัก สามีของเธอ แรกๆ ก็ดี แต่หลังจากมีลูกด้วยกัน เขาก็เริ่มเปลี่ยนไป เขาติดการพนัน ติดเหล้า พอเมาก็ชอบทุบตีทำร้ายเธอและลูกชายตัวเล็กๆ แถมยังมีผู้หญิงคนอื่น สุดท้ายก็ทะเลาะกันถึงขั้นหย่า เธอพาลูกชายวัย 5 ขวบเศษ เด็กชายเทวิน หนีจากบ้านของสามี มาเช่าบ้านหลังเล็กๆ ในชุมชนแออัดแห่งหนึ่ง แม้สภาพมันจะไม่ได้ดีนัก ก็ยังดีกว่าไม่มีที่ซุกหัวนอน

สาขยันทำมาหากิน ทำงานปากกัดตีนถีบ ทั้งงานในโรงงานและขายของตามตลาดนัด เพราะเธอเรียนหนังสือมาแค่วุฒิม.3 เธอเรียนไม่จบมัธยมปลายและไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัย เพราะมีเทวินก่อน จึงต้องแต่งงานกับผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อของเด็ก ความลำบากไม่ได้ทำให้เธอยอมแพ้หรือท้อแท้ แต่ลูกชายเพียงคนเดียวต่างหากที่ทำให้เธอต้องตัดสินใจ

ตอนเด็กๆ เทวินได้รับการเลี้ยงดูมาแบบลุ่มๆ ดอนๆ ตัวเล็ก ผอมแห้ง เนื้อตัวมอมแมม เพราะแม่ไม่ค่อยมีเวลา ช่วงม.ต้น เริ่มโตขึ้นมาหน่อย แต่ยังตัวเล็กกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน ทำให้ถูกเด็กที่โรงเรียนและเด็กในชุมชนจ้องรังแก มีบาดแผลและรอยช้ำกลับมาบ้านเป็นประจำ มันทำให้หัวใจของคนเป็นแม่เจ็บปวดมากที่สุด

เธออยากช่วยลูกชาย อยากให้เขาได้หลุดพ้นจากสภาพเลวร้าย จึงยอมตกลงกับเสี่ยคนหนึ่งในชุมชน เพราะมันเอาเงินมากองให้ เอาความสุขสบายของลูกชายเธอมาเป็นสิ่งล่อใจ โดยที่เธอไม่รู้เลยว่า หลังจากนั้น มันจะเลวร้ายยิ่งกว่า

เมื่อเห็นเทวินได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีจากทั้งปู่และพ่อเลี้ยง สาวิตรีรู้สึกโล่งอก สบายใจ ลูกชายของเธอได้ใส่เสื้อผ้าใหม่ๆ ได้ของเล่นใหม่ คุณปู่ดูจะรักลูกชายของเธอมาก เพราะไม่มีหลานคนอื่น แถมเทวินยังช่างประจบเอาใจคนแก่ เธอวางใจ แม้บางครั้งจะรู้สึกถึงสายตาแปลกๆ ของเสี่ยน้อยก็ตาม

เพราะมัวห่วงแต่ลูกชายเพียงคนเดียว ทำให้เธอลืมสังเกตรอบข้าง และลืมที่จะห่วงตัวเอง

“ขอร้องล่ะค่ะคุณท่าน อย่าทำอะไรฉันเลย” เธอยกมือไหว้ชายแก่ เนื้อตัวสั่นเทา น้ำตาคลอ

มันกระแทกไม้เท้าใส่คอของเธอ เจ็บจุก จนน้ำตาไหลริน ข้อมือสองข้างที่พนมไหว้ถูกมัดด้วยเชือกแน่นหนา บอดี้การ์ดของมันอีก 2 คนลากตัวเธอไปขึงไว้บนเตียง

ร่างกายบอบช้ำก็ยังไม่เท่าจิตใจ

“หล่อนก็รู้ ว่าฉันต้องการทายาทที่เป็นสายเลือดของจักราอภิวัฒน์ สายเลือดของฉัน หล่อนคิดว่าอย่างไอ้น้อยมันมีปัญญาทำงั้นรึ” น้ำเสียงของชายแก่เยียบเย็น ดุดัน มันฉีกกระชากเสื้อผ้าของเธอออกเป็นชิ้นๆ มือหยาบกร้านน่ารังเกียจลูบไปทั่วทั้งตัว

“ทั้งขาว ทั้งสวยอย่างหล่อน ไม่เอาก็เสียดายของ ปล่อยให้แห้งเหี่ยวไม่ได้หรอก จริงมั้ย”

ลิ้นสีแดงน่าขยะแขยงของชายแก่โลมเลีย สาวิตรีร้องไห้จนน้ำตาเหือดแห้ง เจ็บปวดไปถึงขั้วหัวใจ

แต่เธอก็กัดฟันทน เพื่อเทวิน

***

เทวินก้าวเข้าไปในห้องนอนของเสี่ยน้อย โอบกอดรอบเอวของมันพลางเอาคางวางเกยบนบ่า คล้ายออดอ้อน

“หึ ไม่ต้องทำมาเป็นอ้อนป๋าเลย วินจะแต่งงานกับนังนั่นอยู่แล้ว” มันส่งเสียงเง้างอน

“ทำยังไงได้ล่ะครับ มันเป็นคำสั่งของ คุณปู่

ไอ้แก่นั่นอีกแล้ว ไอ้พ่อเฮงซวยที่วันๆ คิดแต่เรื่องเงินกับทายาทห่าเหวอะไรก็ไม่รู้

ชอบผู้ชายด้วยกันแล้วมันยังไง ไม่อยากมีลูกแล้วมันยังไง

แค่อยู่กับคนที่ต้องการก็พอแล้ว

เสี่ยน้อยหน้าบึ้งตึง และบูดเบี้ยว

“ผมไม่ได้รักไม่ได้ชอบน้องแพรเลย แต่ผมทำอะไรไม่ได้ ผมขัดคำสั่งคุณปู่ไม่ได้ คุณน้อยก็น่าจะเข้าใจ” เขาพยายามยั่วยุมัน นิ้วนางข้างซ้ายที่สวมแหวนหมั้นไว้ส่องประกายวาววับ

เสี่ยน้อยจ้องมองแหวนวงนั้นด้วยความเคียดแค้น

“ผมอยากอยู่กับคุณน้อยนะครับ ถ้าผมไม่ต้องแต่งงานก็คงดี แต่มันเป็นไปไม่ได้”

จริงๆ ถ้าไม่มีเรื่องงานแต่งงาน เขาก็ยังคิดไม่ออกหรอกว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไงดี เพราะตั้งใจว่าเรียนจบเมื่อไหร่ จะลงมือทันที ทุกอย่างเขาเตรียมพร้อมไว้แล้ว รอแค่โอกาสและจังหวะ เพื่อให้แม่และน้องหลุดพ้นจากพวกมัน

น้องชายของเขา ที่แม้ครึ่งหนึ่งเป็นสายเลือดไอ้แก่นั่น

แต่อีกครึ่งก็ยังเป็นสายเลือดเดียวกัน เป็นลูกชายของแม่เหมือนกัน

เสี่ยน้อยกำลังโกรธแค้น ชิงชัง มันจ้องแหวนของเขาแล้วคว้ามือไว้ จะถอดแหวนทิ้ง แต่เขาพยายามยื้อแย่งกลับมา

“ไม่ได้นะครับคุณน้อย มันเป็นแหวนที่ คุณปู่ ให้ผมกับน้องแพร”

เสี่ยน้อยหน้าแดงก่ำ กำหมัดแน่น ตัวสั่นพั่บๆ เหมือนอยากจะกรีดร้องออกมาเต็มทีแล้ว เกือบแล้ว

อีกนิดเดียวเท่านั้น

“ยังไงผมก็ต้องแต่งกับน้องแพร เวลาที่เหลือก่อนที่ผมจะต้องออกไปใช้ชีวิตแต่งงาน ให้ผมได้อยู่กับคุณน้อยนะครับ” เขาโอบกอดร่างสั่นเทิ้มนั้นไว้

“น่าเสียดาย ที่ผมคงไม่ได้กอดคุณน้อยอีกแล้ว หากต้องแต่งงานไป”

“ป๋าไม่ยอม! ไม่ยอมๆๆๆ ไม่ยอมให้วินแต่งกับอีชะนีนั่นเด็ดขาด!” มันเริ่มโวยวาย ดิ้นรนออกจากอ้อมกอดของเขา

“แล้วคุณน้อยคิดว่าจะทำอะไร คุณปู่ ได้งั้นเหรอครับ” เขาเอ่ยถามมันด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่เน้นหนักในคำคำเดิม

“ป๋าทำแน่! ทำแน่!” มันกัดฟันกรอดๆ ลมหายใจฟืดฟาด ใกล้ระเบิดเต็มที และทันทีที่ประโยคนั้นออกมาจากปากของมัน เขาก็กดส่งสัญญาณจากเครื่องดักฟังที่ติดไว้ ด้วยรอยยิ้ม

“รออยู่ที่นี่นะวิน ป๋าจะจัดการทุกอย่างให้มันจบเอง”

***

“ทำไมมึงถึงเป็นอย่างนี้! ไอ้ลูกไม่รักดี ของพวกนี้มันพวกผู้หญิงใช้ มึงอยากเป็นกะเทยหรือไง!”
“ก็ผมชอบนี่...ป๊า ผมอยากสวยเหมือนม๊า”
“ยังมางี่เง่าใส่กูอีก ทิ้งไปให้หมด อย่าให้กูต้องเอาไปเผา แล้วอย่าทำตัวตุ้งติ้งเหมือนพวกตุ๊ดแต๋วแบบนี้อีก! ไม่งั้นกูจะกระทืบมึงให้ตายคาตีน!”
“ฮืออออออ”


***

ปัง!

เสียงประตูเปิดผลัวะพร้อมเสียงปืน ชายแก่ที่นั่งอยู่บนรถเข็นเบิกตาโพลง หันมองไปทางหน้าห้อง เห็นลูกชายเพียงคนเดียวกำลังถือปืน เดินดุ่มๆ เข้ามา

“เป็นบ้าอะไรของมึง ไอ้น้อย!” เสียงดุดันตวาดแผดลั่น

“เพราะมึง ผัวกูถึงต้องหมั้นกับอีกะหรี่นั่น!” เสี่ยน้อยเดินไปหยุดตรงหน้าพ่อแท้ๆ ของตน ปากกระบอกปืนจ่อที่กลางหน้าผากชายแก่

“มึง! คิดจะฆ่ากู เพื่อไม่ให้วินแต่งงานงั้นรึ! มึงคิดว่าทำไปแล้ว เจ้าสัวทินกรจะยอมงั้นรึ!” ปู่ใหญ่เอ่ยอย่างเป็นต่อ และยิ่งบีบคั้นหัวใจของเสี่ยน้อยมากกว่าเดิม

“ถ้ากูไม่ยอม ก็ไม่มีใครเอาวินไปจากกูได้! ไม่มี แม้แต่มึง!”

“ไอ้น้อย! การ์ด หายไปไหนหมดวะ ปล่อยมันเอาปืนจ่อหัวกูได้ยังไง การ์ด ไอ้กฤษ ไอ้เวศน์!” ปู่ใหญ่เห็นท่าไม่ดี เพราะแววตาของเสี่ยน้อยที่บิดเบี้ยว ลนลานจะหยิบปืนจากในลิ้นชักออกมา เมื่อเห็นว่าลูกน้องที่เคยรายล้อมเงียบหาย

เสี่ยน้อยแสยะยิ้มเยือกเย็น

รอยแผลที่แม้จะเลือนหายตามกาลเวลา หากแต่มันยังคงฝังรากลึกอยู่ภายในจิตใจ

ไม่มีวันลบเลือน

แต่มันกำลังจะหายไปตลอดกาล

...

“เอกสารพวกนี้ ฝากพี่พงษ์จัดการด้วยนะครับ”

“แน่ใจนะ ว่าต้องการแบบนี้”

“ครับ”


***

ปึก!

“ไอ้น้อย! กูเป็นพ่อแท้ๆ ของมึงนะ!” ปู่ใหญ่แผดเสียงลั่น เมื่อปืนในมือถูกเสี่ยน้อยกระแทกปัดออก แสงสีเงินกระเด็นไปไกล

ปากกระบอกปืนของเสี่ยน้อยทิ่มหน้าผากอย่างแรง ก่อนที่มันจะลั่นไก

ปัง! ปัง!

“อั่ก” เสี่ยน้อยเซตามแรงยิง แขนขวาของมันถูกเจาะทะลุ ปืนในมือหล่นร่วง มันเหลือบมองไอ้แก่บนรถเข็นที่แน่นิ่งไป ตรงหน้าผากเป็นรู เลือดไหลย้อย

แล้วใครยิงกู!

“หยุด อย่าขยับ! นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ”

“ห๊ะ!”

เสี่ยน้อยหน้าซีดเผือด มันมองกลุ่มคนที่โผล่พรวดเข้ามาพร้อมปืนหลายกระบอกจ่อตัวมัน มันถูกเจ้าหน้าที่คนหนึ่งในชุดนอกเครื่องแบบจับข้อมือไพล่หลัง ทั้งที่ยังงุนงง

“เราขอจับคุณในข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา เปิดบ่อนการพนันเถื่อน ค้ายาและค้าประเวณี คุณมีสิทธิจะไม่ให้การหรือให้การก็ได้ และถ้อยคำของคุณ นั้นอาจใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิจารณาคดีได้ และคุณมีสิทธิที่พบและปรึกษาทนายความหรือผู้ที่จะเป็นทนายความ”

“อะไรวะ!” พอตั้งสติได้ มันก็เริ่มโวยวาย ดิ้นรน แต่กุญแจมือล็อคเรียบร้อยแล้ว

เสี่ยน้อยถูกตำรวจพาตัวไปขึ้นรถ เสียงไซเรนเริ่มดังเข้ามาใกล้บริเวณบ้าน คนรับใช้ต่างออกมามุงดู

แม่เดินออกมาจากห้อง

“จะไปแล้วเหรอ วิน” เสียงของแม่สั่นเครือ

เขามองสบสายตากับแม่เป็นครั้งสุดท้าย ด้วยรอยยิ้มบางๆ

.........
......
...


โซ่ตรวนที่มองไม่เห็น ซึ่งพันธนาการตัวเขา

ถูกสะบั้นจนแหลกสลาย

หากแต่ โซ่ตรวนอันเป็นรูปธรรมในความเป็นจริง

กำลังพันธนาการข้อมือและข้อเท้าของเขา

เพื่อให้เขาได้เผชิญกับความเป็นจริง


...


ในศาล

***

 :pig4: :call:


ออฟไลน์ Lambosasha

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ต่อจากข้างบนนะฮ้าบ
***

มันเป็นความผิดของเขาทั้งหมด

ที่ทำให้แม่ต้องเลือกทางผิด

ขับรถชน จนเด็กผู้หญิงคนนั้นต้องตาย

นำพาปริมให้ต้องเข้ามาพัวพันกับสิ่งเสพติดและเรื่องวุ่นวายทั้งหลาย

ต้องทนมองดูเด็กพวกนั้นที่โดนจับมาขาย

ทั้งหมดมันเพราะเขาอ่อนแอ

ช่วยใครไม่ได้เลย

มีแค่ทางนี้เท่านั้น ที่จะชดใช้ความผิดทั้งหมดนั้นได้

“เมื่อคืนวานนี้ ได้มีการบุกจับพ่อค้ายาและโสเภณีเด็กรายใหญ่ในกรุงเทพฯ และพัทยาใต้ นำโดยพลตำรวจโท ภาณุพงษ์ พิทักษ์ไกรพัฒน์ และ...

ผู้ต้องหาคือ นายเกริกไกร จักราอภิวัฒน์ และนาย เทวิน จักราอภิวัฒน์...”

เทวินรวบรวมเอกสารและหลักฐานทั้งหมดเกี่ยวกับบ่อนการพนัน ซ่องโสเภณีและการซื้อขายยาเสพติด เพื่อส่งให้ทางตำรวจอย่างลับๆ มานานถึง 4 ปี ตั้งแต่วันที่เจอพงษ์กำลังช่วยแม่ของเขาให้รอดจากการฆ่าตัวตาย เพราะอาการซึมเศร้า ในคืนหนึ่งที่บ้านหลังนั้น

บอดี้การ์ดที่เขาไว้ใจมากที่สุดและมักจะมองเขากับแม่ด้วยแววตาเห็นอกเห็นใจเสมอ คือตำรวจที่แฝงตัวมาเพื่อหาหลักฐานจัดการกับพวกพ่อเลี้ยง

พวกมันอาจจะมีอำนาจล้นฟ้า แต่ก็ยังต่ำเตี้ยกว่ากฎหมาย

ด้วยความที่เขาคอยทำงานให้ ทั้งปู่ใหญ่และเสี่ยน้อยจึงไว้ใจ ไม่เคยคิดสงสัยอะไรเลย เขากลมกลืนไปกับพวกมันได้อย่างแนบเนียน ทำทุกอย่าง อย่างที่พวกมันทำ

แม้มือจะต้องเปื้อนเลือดบ้างในบางครั้ง ก็ยอม

ตอนที่ปริมเห็นข่าวในทีวี ตอนรุ่งสางของอีกวัน หัวใจของปริมเหมือนหล่นร่วงปลิวหายไปในอากาศ บนจอทีวีฉายภาพของผู้ชายที่รักมากที่สุด และรอมานานกว่า 3 ปี ถูกจับใส่กุญแจมือ ในฐานะอาชญากร

มันเกินกว่าที่คาดคิดไปมาก จนอยากให้มันเป็นแค่ฝันร้าย

ขั้นตอนการสืบสวนสอบสวนเป็นไปตามปกติ พลตำรวจโทภาณุพงษ์ หรือพี่พงษ์ ช่วยให้การเรื่องที่เทวินคอยเป็นสายให้ตำรวจ จนนำไปสู่การจับกุมครั้งนี้ ทำให้ศาลช่วยลดโทษให้ได้บ้าง

การเตรียมการที่พวกเขาลอบทำมาอย่างลับๆ ถึง 4 ปีเต็ม สำเร็จลุล่วงด้วยดี ทว่า...

“ผมขอยอมรับผิดทุกข้อกล่าวหาครับ”

สิ่งที่เทวินกล่าวออกมาในศาลชั้นต้น ทำเอาทุกคนที่ไปรับฟังคำตัดสินนิ่งอึ้ง ทั้งแม่และปริม พวกเพื่อนๆ ที่พากันมาให้กำลังใจ เขาไม่ได้คิดจะเอาตัวรอดเรื่องนี้แต่แรกอยู่แล้ว

บาปกรรมที่ทำมาทั้งหมด เขาต้องชดใช้มัน

“จำเลยทำผิดฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 แต่ปริมาณสารบริสุทธ์เกิน 20 กรัม 66 วรรคสาม โทษจำคุกตลอดชีวิต และปรับ 1 ล้านบาท และความผิดของผู้เป็นเจ้าของกิจการค้าประเวณี ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 ค้าประเวณีตามวรรคหนึ่งมีเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ระวางโทษจำคุก 20 ปี ปรับ 4 แสนบาท

แต่เห็นแก่ที่จำเลยทำไปเพราะสถานกาณ์บีบบังคับ ทั้งยังช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการรวบรวมข้อมูลหลักฐาน ศาลจึงขอ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 15 ปี ปรับ 2 ล้านบาท...”

เทวินถูกพาตัวออกจากศาล เพื่อนำไปฝากขัง ทางด้านพ่อเลี้ยง เหมือนมันจะสติแตกจนต้องส่งรักษาในโรงพยาบาลจิตเวชก่อนตัดสินโทษ

บ้านหลังนั้นถูกปิดตายลงอย่างถาวร

“ผมฝากแม่กับน้องด้วยนะพี่พงษ์” มันเป็นคำขอร้องครั้งสุดท้ายของเขา พงษ์รับคำด้วยสีหน้าจริงจังเหมือนทุกครั้ง

เพื่อนทุกคนมากันพร้อมหน้า แม้แต่พนักงานในร้านที่กรุงเทพฯ ที่เคยสนิทกัน และป้อ ลูกน้องคนสนิทที่เขาให้การว่ามันเป็นแค่เด็กที่โดนขายมา ไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย พวกเด็กๆ ทั้งหมด ถูกส่งไปสถานสงเคราะห์ เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่

เขาอาจจะช่วยทุกคนไม่ได้ แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

แม้ในซอกหลืบของสังคม จะยังกำจัดเรื่องพวกนี้ออกไปไม่ได้ทั้งหมด

แต่เขาพยายามทำดีที่สุดแล้ว

“วิน” คนสุดท้ายที่ยืนรอส่งเขา คือ คนที่เขาอยากจะรักให้มากกว่านี้

เทวินเพียงแค่คลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน มองหน้าคนรักที่ยืนห่างกันเพียงแค่ก้าวเดิน แต่กลับกอดเอาไว้ไม่ได้

“ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้” เสียงของปริมสั่นเครือ น้ำตาเอ่อคลอ

“อย่าร้อง กูเช็ดน้ำตาให้ไม่ได้แล้วนะ” เขายกมือที่ถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวนให้มันดูแล้วเอ่ยติดตลก ทั้งที่เสียงก็สั่น และน้ำตาก็เกือบจะไหล

ปริมยื่นมือออกไป จะเอื้อมคว้าตัวของเขาไว้ แต่ผู้คุมยอมให้ทำแบบนั้นไม่ได้

“ได้เวลาแล้ว รีบไปเถอะ” เสียงผู้คุมดังขึ้น

เทวินส่งยิ้มครั้งสุดท้ายให้ปริม

“ขอให้มึงมีความสุขนะปริม”

เขาหันหลัง เดินจากมา แม้จะได้ยินเสียงร้องไห้ของปริมดังระงม หัวใจมันปวดร้าว เจ็บจนไม่รู้จะทำยังไง อยากหันกลับไปหา อยากกอด อยากจูบ อยากบอกว่า...

รักมากแค่ไหน

“ถึงมึงจะบอกให้กูลืม แต่กูก็จะรอ กูจะรอมึง ไอ้วิน ได้ยินมั้ย กูจะรอ จะอีกสิบ ยี่สิบปี หรือจะทั้งชีวิตนี้ กูก็จะรอมึง!”

เสียงตะโกนนั้นค่อยๆ ไกลห่าง และเลือนหายไป

เทวินหลับตาลง

มันจบแล้ว

***


ฮือออ คนอ่านเงิบไปหมดแล้วยัง อย่าเพิ่งขว้างปาใส่เราน้า
ขอบคุณที่ติดตาม แม้อาจจะทำให้จิตตกกันไปบ้าง

รักคนอ่านน้า
 :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-10-2020 11:26:43 โดย Lambosasha »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด