ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่9 [04/09/2563]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่9 [04/09/2563]  (อ่าน 3919 ครั้ง)

ออฟไลน์ Sirinapa-11

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-20
    • FicYaoiTH
Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่7
«ตอบ #30 เมื่อ17-08-2020 10:30:03 »

ตอนที่7

#ชิงชังหัวใจ







ชลียืนมองตัวเองอยู่หน้าตู้กระจก ภาพที่สะท้อนคือชายหนุ่มรูปร่างสูงหน้าตาดี หากแต่ใบหน้ากลับดูเคร่งเครียดเพราะเรียวคิ้วเข้มที่ขมวดมุ่น รวมไปถึงแววตาคู่คมที่กำลังสะท้อนความคิดวุ่นวายภายในหัว ยกมือขึ้นยีผมอย่างหงุดหงิด อยากจะกระชากภาพของอัศนีออกจากหัวไปให้หมด ภาพในตอนที่อีกฝ่ายนั่งนัวเนียอยู่กับทินกรบนเตียงยังคงติดตา ไหนจะรอยยิ้มยียวน แววตาเชิญชวนที่เหมือนอีกคนแทบจะมองเขาทะลุและเห็นร่างกายของเขาผ่านเสื้อผ้าได้



อัศนีมักทำเหมือนเชื้อเชิญและสนใจ หากแต่ในบางเวลาก็ทำเหมือนเขาเป็นเพียงฝุ่นและไม่มีชลธีในสายตา

คนแบบอัศนีชอบทำเหมือนคนอื่นเป็นของเล่น ดูเหมือนคำนี้จะเป็นความจริงเหมือนอย่างที่ใครต่อใครบอก

...หมับ... แต่แล้วชลธีหลุดออกจากภวังค์ เมื่อแรงกอดจากด้านหลังปรากฏพร้อมภาพในกระจกที่สะท้อนภาพของแม่สาวคนสวย อรดาส่งยิ้มให้ชายหนุ่ม ท่าทางน่ารักที่ทำให้ชลธีสามารถเผยรอยยิ้มออกมาได้



“วันนี้พี่ธีไม่ไปทำงานได้ไหมคะ เราออกไปเที่ยวกันไหม” เธอถามเสียงออดอ้อน

“ไม่ได้หรอกค่ะ ไว้วันหลังนะ ช่วงนี้งานพี่ยุ่งมาก” แต่แล้วรอยยิ้มของอรดาต้องหุบลง คนแบบชลธีไม่เคยที่จะปฏิเสธหรือไม่ตามใจเธอ ขนาดประชุมใหญ่ของบริษัทอีกฝ่ายยังยอมเลื่อนเพียงเพราะอรดาอยากจะไปทานอาหารมื้อหรูเลย หญิงสาวไม่พอใจ แต่เธอไม่ได้แสดงท่าทีอะไรแถมยังฝืนยิ้ม



“ก็ได้ค่ะ งั้นไว้วันหลังเนอะ” เธอไม่อยากหลุดจากภาพลักษณ์สาวเรียบร้อยที่มีต่อสายตาของชลธี หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จชลธีเดินลงมาส่งอรดาที่รถคันสวยที่ทางด้านของชายหนุ่มเป็นคนออกเงินซื้อให้เองกับมือ อรดาขับรถออกไปแล้ว ตอนนี้เหลือชลธีที่กลับขึ้นไปบนห้องเพื่อแต่งตัวเตรียมออกมาทำงาน



มาทำงานตรงเวลาในรอบสองปีแรกเลยก็ว่าได้

แถมสายตายังชำเลืองมองนาฬิกาอยู่หลายต่อหลายครั้ง

..แกร๊กกก.. และในตอนเก้าโมงตรงประตูห้องทำงานถูกดันเปิดเข้ามา แต่เมื่อหันกลับไปมอง ใบหน้าของชลธีนิ่งขึ้นทันที



“เอ่อ...อันนี้เป็นแพคเก็จของน้ำหอมครับ ถ้าคุณชลธี...” คนที่พูดอยู่คือเลขาตัวเล็กของอัศนี

“ไหนคุณอัศนีบอกว่าจะเอาเข้ามาให้ผมดูด้วยตัวเอง”

“คือว่า ช่วงนี้คุณอัศนีเขา...”



“บริษัทคุณนี่ผิดคำพูดกันมาก!บอกว่าจะให้ผู้บริหารเข้ามา แต่ดันกลายเป็นเลขาที่มาแทน!”

..หมับ!!.. ชลธีเดินเข้าไปแย่งแฟ้มในมือของเลขาตัวน้อยที่ยืนตัวสั่น ก่อนจะเดินปึงปังออกจากห้องไป

..ปัง..!! เสียงปิดประตูห้องดังลั่นทำคลีนถึงขั้นสะดุ้ง ริมฝีปากเล็กเบ้ออกจากกัน ใบหน้าจวนจะร้องไห้เต็มทีว่าตัวเองทำอะไรผิด ยกมือขึ้นเกาหัว มองตามหลังของชลธีไปอีกรอบ



“โอ้ย ทำอะไรผิดวะเนี่ยย...” โอดครวญกับตัวเองเสียงอ่อน นึกสงสัยว่าเจ้านายทนเจอชลธีตอนหงุดหงิดไปได้ยังไง

เพราะลำพังแค่เขาเจอไปเมื่อครู่ ขนาดโดนตะคอกใส่แค่นั้นคลีนยังแทบจะฉี่ราดแล้ว

คนแบบชลธียังกับปีศาจในคาบเทพบุตรชัดๆ บรึ้ยย แค่คิดถึงหน้าเขาก็ขนลุกไปหมด



...................................

..................



...แกร๊กกกก!!!.. อัศนีสะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงเปิดประตูห้องทำงานที่ดังขึ้นกะทันหัน เสียงรองเท้าที่เดินตึงตัง เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามที่ชลธีเลื่อนออกเพื่อนั่ง ก่อนจะตามมาด้วยแฟ้มเอกสารที่ทางอัศนีถูกใครอีกคนโยนใส่



“ไหนว่าคุณจะเอาตัวอย่างแพ็คเกจมาให้ผมดูเอง” ชลธีคิ้วขมวด ใบหน้าหงุดหงิดเหมือนอย่างทุกครั้งที่เคยเห็น

“ช่วงนี้ผมยุ่งๆกับเรื่องที่ต้องสั่งผลิตน้ำหอมล็อตใหม่ไปลงที่ห้างxxx” ได้ยินชื่อห้างชลธีย่นจมูก

“อ๋อ ห้างของแฟนเก่าคุณน่ะเหรอ” คนถูกถามอย่างอัศนีชะงัก

“อืม ใช่ครับ” แต่ก็ตอบรับตามตรงเพราะยังไงชลธีก็รู้เรื่องของอัศนีกับทินกรแล้ว

กระทั่งที่เห็นว่าใบหน้าของชลธีหงิกงอ เห็นแบบนี้อัศนีกลั้นยิ้ม



“คุณไม่พอใจที่ผมไม่ไปบริษัทคุณเหรอครับ?” อัศนีวางงานในมือ เงยหน้ามองเพื่อจะได้คุยกับคนที่อยู่ตรงข้าม

“ก็...ก็ไม่เชิง ผมแค่คิดว่า การที่คุณจะผิดคำพูดก็ควรจะแจ้งกันก่อน แบบนี้หยามกันชัดๆ”

“โอเค ถ้างั้นผมขอโทษนะ”

“...........” อัศนีขอโทษง่ายเกินไปแต่ทางชลธีก็พยักหน้ารับ ท่าทางแตกต่างจากก่อนหน้าที่ดูโมโหร้าย

“แล้วคุณได้ดูแพ็คเก็จของตัวน้ำหอมไปหรือยัง ผมพยายามดีไซน์ให้มันดูเข้ากับรถของคุณ”



“ยังไม่ได้ดู” เสียงของชลธีอ้อมแอ้ม เหมือนย้ำว่าตัวของชลธีมัวแต่หัวร้อนจนไม่สนใจงาน อัศนียิ้มอ่อน

“งั้นลองเปิดดูสิ เผื่อถ้าอยากให้แก้ตรงไหนก็จะได้บอกผมเลย”

“อืม” คนอายุน้อยกว่าครางรับ มือขาวเปิดแฟ้มดู ด้นในเต็มไปด้วยภาพน้ำหอมจากหลายมุม มีหลายแบบให้เลือกพอสมควรว่าชลธีจะถูกใจแบบไหน เป็นอัศนีที่เริ่มจะได้เห็นในตอนที่ชลธีคิ้วขมวดเพราะกำลังคิดเรื่องงาน ใบหน้าเคร่งเครียดที่ดูแตกต่างจากตอนโวยวายหรือเอาแต่ใจเป็นเด็ก เขาลอบยิ้ม จนที่ชลธีเงยหน้ามองมาพร้อมตั้งคำถาม



“คุณมองหน้าผมแล้วยิ้มทำไม”

“เปล่า ผมแค่ดีใจที่คุณดูพอใจกับงานของทางผม”

“เหอะ ให้มันแน่”

“วางใจได้คุณชลธี ถึงผมจะชอบคุณ...แต่ผมแยกแยะเวลางานกับเวลาส่วนตัวได้” เหมือนชลธีโดนด่าทางอ้อม ทำเอาคนอายุน้อยกว่าแยกเขี้ยวใส่ ทางอัศนีส่ายหน้า จริงจังได้ไม่เท่าไหร่ชลธีก็กลับมางอแงเอาแต่ใจเหมือนเดิมแล้ว



“ผมชอบอันนี้ แต่ถ้าแก้ตรงมุมขวดตรงนี้ กับตัวฝาสักหน่อย” ชลธีพูดยงไม่ทันจบ

“งั้นเดี๋ยวผมส่งไปให้ทีมออกแบบผมแก้ให้”

“ไม่ต้องเสียเวลาขนาดนั้น ในคอมคุณมีโปรแกรมออกแบบหรือเปล่า” เมื่อถูกถามอัศนีพยักหน้า เพียงเท่านั้นที่ชลธีลากเก้าอี้เข้ามานั่งข้าง มือที่กดเปิดแมคบุ๊คของอัศนี พร้อมการกดเข้าโปรแกรมและแก้แพคเกจสินค้าให้ อัศนีลืมไปสนิทว่าตัวของชลธีเองนี่หน่าที่ออกแบบรถเองทั้งคัน เพราะฉะนั้นกับแค่ลำพังขวดน้ำหอมนิดเดียวคงไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย



“คุณมีพรสวรรค์ด้านนี้นะ” อัศนีชมอย่างจริงใจ ทางชลธียักไหล่

“แล้วคุณหละ เพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาเมื่อวันก่อน กลับมาทำงานได้แล้วเหรอ” คำถามนี้ที่ทำให้อัศนีพยักหน้ารับ

“ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก แถมงานก็เยอะ...ถ้ามัวแต่สำออยคงเสียเงินฟรีไปหลายล้าน”

“คุณแพ้อาหารทะเลขนาดนั้น คุณจะฝืนกินทำไม”

“ก็คุณอยากให้ผมกินไม่ใช่เหรอครับ” อัศนีพูดทั้งกลั้วเสียงหัวเราะ ยิ่งทำให้ชลธีรู้สึกว่าตัวเองคือต้นเหตุ

“โง่กินเองชัดๆ” ชลธีพูดพึมพำ อัศนีไม่ถือสาเพราะเจอชลธีมาหลายรูปแบบจนปลงไปหมดแล้ว นั่งเฝ้าจนชลธีทำงานเสร็จเรียบร้อย ตอนนี้ตัวแบบของทั้งรถและน้ำหอมเสร็จครบทุกอย่าง งานเปิดตัวในอีกเดือนหน้าคงจะใกล้จริงเข้ามาทุกที



“เออใช่สิคุณชลธี ผมทราบแค่ว่าพรีเซ็นเตอร์ฝ่ายผู้หญิงคือคุณอรดา แต่ฝ่ายผู้ชาย”

“ไอ้เขต น้องผมไง” แล้วคำตอบของชลธีทำอัศนีต้องเลิกคิ้ว

“ธาราเขต?”

“ใช่ ไอ้เด็กปัญญาอ่อนคนนั้นแหละ” โลกกลมกว่าที่คิดเอาไว้มาก อัศนีไม่ได้ตอบไลน์ของธาราเขตเพราะไม่ว่าง ทำให้เขาห่างกันออกมาทั้งที่นัดหมายไว้ว่าจะมาเจอกันที่ฟิตเนส น้องชายของชลธีหน้าตาดีไม่น้อยไปกว่าพี่ชาย แต่อัธยาศัยดีกว่ามากแถมยังดูจะชื่นชอบในตัวของอัศนีอีกด้วย แล้วหากว่าชลธีได้รู้ว่าอัศนีรู้จักกับธาราเขตเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว อีกคนจะมีปฏิกิริยายังไงอีกเนี่ย



“ไว้วันหลังผมจะพาคุณไปทานข้าวกับมันแล้วกัน”

“ก็ดีครับ” อัศนียิ้มรับ หากได้เจอธาราเขตอีกครั้งเจ้าเด็กนั่นจะต้องโวยวายที่เขาไม่ยอมตอบไลน์

ตอนนี้งานเสร็จเรียบร้อย ชลธีควรจะกลับได้แล้วแต่อีกคนยังนั่งอยู่เหมือนว่ารอให้อัศนีพูดอะไร

เจอแบบนี้อัศนีหัวเราะในใจ



“ตอนเย็นคุณว่างไหม เราไปฟิตเนสกันหน่อยไหม” แล้วเมื่ออัศนีถามไปทางด้านชลธีแอบลอบยิ้มอย่างผู้ชนะ

“ผมต้องดูก่อน ถ้าว่างจะทักไลน์มาบอกอีกทีแล้วกัน”

“ได้ครับ”

“แต่ผมบอกไว้ก่อนเลยนะ...” ชลธีชี้หน้า

“..........”

“เป็นเพราะยังต้องร่วมงานกัน ผมถึงต้องฝืนอยู่กับคุณ...ถ้าจบงานนี้เมื่อไหร่ คุณกับผมก็แค่คนที่ไม่มีวันญาติดีกันเหมือนเดิม” อัศนีเลิกคิ้ว



“ได้ ตามใจคุณเลย” แต่ก็ยอมที่จะรับปากไปแบบงุนงง ในตอนที่ชลธีจะกลับตัวของอัศนีเดินตามออกไปเพื่อลงไปส่งที่รถ ถือว่าคือมารยาทที่ต้องทำเมื่อมีแขกหรือลูกค้ามาหาถึงบริษัท ตลอดทางมีแต่คนให้ความสนใจ เมื่อเข้ามาอยู่ในลิฟต์กันตามลำพังเป็นอัศนีเองที่อดไม่ได้ที่จะลอบมองใบหน้าของอีกฝ่าย

ยังไม่เคยมีโอกาสได้เห็นลักยิ้มของชลธีเลยสักครั้ง

ทำยังไงถึงจะได้เห็นแบบต่อตาตัวเองเนี่ย



“...........” ชลธีเล่นโทรศัพท์ตลอดทาง แอบเห็นว่าคุยกับเพื่อนในแชทกลุ่ม ทางด้านของอัศนีเดินตามหลัง เขาเห็นแล้วว่ามีแสงไฟจากรถที่สาดเข้ามาแต่เหมือนว่าชลธีจะไม่เห็นเพราะไม่ได้สนใจมอง จนอัศนีต้องเบิกตากว้าง

“....!” ออกแรงคว้าต้นของชลธี

..หมับ!ผลั้ก!!.. ก่อนจะรั้งคนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวให้หลบจากทางของรถยนต์ที่กำลังวิ่ง เกือบไปแล้วนิดเดียวเท่านั้น ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมากจนอัศนีใจหายและหายใจรัวด้วยความตกใจ ถ้าเขาไปคว้าไว้ไม่ทันมีหวังได้มีคนเจ็บตัวแน่ อัศนีมองตามรถคันนั้นไปจนลับสายตา จนเมื่อหันกลับมามองที่ชลธีอีกที



สองแขนของอัศนีที่วางคร่อมคนที่นอนพิงอยู่บนกระโปรงรถ

ส่วนแขนของชลธีคว้าจับอยู่ที่รอบเอวของเขา  อัศนียืนอยู่ระหว่างกลางเรียวขาของคนใต้ร่าง



“คุณจะออกไปได้หรือยัง” กระทั่งที่เสียงจากชลธีดังขึ้นตัวของอัศนีเหมือนได้สติ เขารีบผละออก

“เดินดูรถหน่อยสิคุณ” อัศนีพูดเสียงเชิงห้ามปราม

“ช่างเถอะ ขอบใจแล้วกัน” แต่ทางด้านของชลธีตัดบท เขาเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถ ขับรถออกมาโดยที่สายตายังมองอัศนีผ่านกระจกด้านข้าง เห็นว่าอัศนีเดินกลับออกไปแล้ว ซึ่งในตอนนี้เป็นตัวของชลธีที่ถอนหายใจเฮือกใหญ่



เมื่อกี๊ที่อยู่แนบชิดกับอัศนี เขายอมรับอย่างเต็มปากว่ากลิ่นของอีกคนหอมมาก

รอบเอวของอีกคนที่จับถนัดและเต็มไม้เต็มมือ ตอนนี้ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่ทินกรดูหลงใหลร่างกายของอัศนีนัก

...เพราะผู้ชายแบบอัศนี มีเสน่ห์กับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย..





# # # # # # # # # #

อย่าเพิ่งตกม้าตายนะคะ555

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
คุณชลทีเริ่มหวั่นไหวแล้วสินะ :hao3:

ออฟไลน์ Sirinapa-11

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-20
    • FicYaoiTH
Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่8
«ตอบ #33 เมื่อ28-08-2020 19:33:51 »

ตอนที่8

#ชิงชังหัวใจ









ตกเย็นที่อัศนียืนอยู่หน้าบริษัท ถือเป็นภาพที่ค่อนข้างแปลกตาต่อพนักงานเพราะตามปกติแล้วไม่มีทางเลยที่บอสคนเก่งจะมายืนตากแดดตากลมช่วงเย็นร่วมกับพนักงานในบริษัทที่ต่างก็กำลังยืนรอให้คนมารับกลับบ้าน ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมองหลายต่อหลายครั้ง นัดกับชลธีผ่านไลน์ไว้ว่าให้มาหาตอนหกโมงเย็น แต่นี่ปาไปจะทุ่มแล้วที่ยังไม่มีแม้แต่เงาของอีกฝ่ายโผล่มา



อัศนีชักเริ่มถอดใจ

บางทีเขาอาจจะโดนชลธีแกล้งอีกครั้งก็ได้

..ปี้นๆๆ...!! แต่ความหวังที่ริบหรี่มีปลายทางมาอีกครั้งเมื่อแสงไฟจากหน้ารถสาดกระทบใบหน้าเข้ามา อัศนีลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก้มมองนาฬิกาอีกครั้งสลับกับมองรถยนต์คันตรงหน้า เขาแอบพ่นลมหายใจเพราะยอมรับว่าหงุดหงิดนิดหน่อยที่ต้องนั่งรออยู่ลำพังนานนับชั่วโมง แต่เพียงเปิดประตูเข้าไปนั่งด้านในแล้วเจอหน้าของคนขับเท่านั้นที่ช่วยทำให้อัศนีอารมณ์ดีขึ้นในพริบตา วันนี้ชลธียังคงดูดีเหมือนอย่างทุกครั้ง



“รถติดมาก” ชลธีมีใบหน้าตึงเครียดเหมือนในเวลาปกติ ขับรถออกมาทั้งที่คิ้วขมวด

“บริษัทผมอยู่กลางแหล่งเจริญก็แบบนี้แหละครับ”

“เอ้า แล้วจะบอกว่าบริษัทผมอยู่ในป่าหรือไง” กระทั่งที่ชลธีถามกลับมาด้วยใบหน้างุนงง ทางด้านอัศนีถึงขั้นหลุดหัวเราะ



“ไม่ใช่แบบนั้นครับ แต่แค่หน้างานของบริษัทเรามันก็ต่างกัน...คุณต้องไปต้องอยู่ในพื้นที่นอกชานเมืองอยู่แล้วเพราะต้องใช้พื้นที่ใหญ่สำหรับผลิตรถ แต่ของผมมีแค่ห้องไว้ทดลองกลิ่นน้ำหอมก็รอดแล้ว”

“แต่ได้ข่าวมาว่ากำลังมองหาที่เพื่อจะสร้างโรงงานสำหรับฝ่ายผลิตโดยเฉพาะเพิ่มอยู่นี่”

“อื้มใช่ คุณก็แอบสนใจเรื่องผมอยู่เหมือนกันนะเนี่ย” คำพูดนี้ที่ชลธีแอบเอ๊ะในใจ เหมือนโดนหลอกด่าว่าเสือก

“แล้วคุณได้คิดไว้หรือยัง ว่าจะไปกวาดซื้อแถบไหน” แต่ความอยากรู้ของชลธีก็ทำให้เจ้าตัวยังเลือกที่จะถามออกไปต่อ ช่วงเวลาช่างแตกต่างจากตอนมาเพราถึงแม้รถจะติดเหมือนกันแต่ชลธีกลับไม่ได้รู้สึกเบื่อเลย คงเพราะมีเพื่อนชวนคุยแถมอัศนีก็เป็นคู่สนทนาที่ดี ถ้าหากว่าคุยเรื่องงานนะ ไม่รวมเรื่องไร้สารถที่ชอบกวนประสาท



“ผมอยากได้แถบนอกเมืองหน่อย...แต่ให้คุณทินกรช่วยดูให้แล้วหละครับ”

“..............” แล้วก็ในทันทีที่คิ้วของคนฟังขมวด อัศนีลอบมองปฏิกิริยา ซึ่งเขาอมยิ้ม

“หรือคุณพอจะมีที่ไหนที่แนะนำให้ผมหน่อยไหม” ถามชลธีไป



“คุณเลิกกันไปแล้วแต่ยังเป็นเพื่อนกันได้ แปลกเหมือนกันนะครับ” แต่เหมือนชลธีจะไมได้อยากคุยเรื่องเดิมแล้ว

“เรายังต้องติดต่อกันเรื่องธุรกิจครับ ตัดไม่ได้หรอก...อีกอย่างทินกรเขาก็เป็นเพื่อนที่ดีคนนึงเลย”

“แบบนั้นเรียกว่าคนดี?ไม่น่าใช่นะ” ชลธีเบ้ปาก นึกไปถึงแต่ละครั้งที่เจอแล้วทินกรทำตัวแสนแย่ใส่

“กรณ์ก็เป็นแบบนั้นแหละครับ แต่จริงๆเขานิสัยดีมาก”

“พอๆ เลิกแก้ต่างให้มันเถอะ” ชลธีคิ้วขมวดหากแต่อัศนีกลับกลั้นขำจนไหล่สั่นไปหมดแล้ว บรรยากาศภายในรถไม่ได้แย่นัก อัศนีกล้ายอมรับอย่างไม่เขินอายว่าเขาแอบลอบมองชลธีอยู่หลายต่อหลายหน หัวใจเต้นแรงตึกตัก คาดไม่ถึงว่าจะได้มีโอกาสไปไหนมาไหนด้วยกันสองต่อสองแบบนี้ด้วย หากไม่คิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไป เขาคิดว่าชลธีเองก็แอบรู้สึกดีกับเขาเหมือนกัน เมื่อมาถึงฟิตเนสอัศนีเดินตามหลังของอีกคน ชลธีเหมือนเจ้าถิ่น ทักทายตั้งแต่คนหน้าฟิตเนสจนมาถึงผู้ดูแลหน้าเคาท์เตอร์



“หายไปนานเลยนะมึง” เสียงทักดังมาจากชายหนุ่มที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าเคาท์เตอร์

“ช่วงนี้งานยุ่งนิดหน่อย ไม่ได้แวะเข้ามาเลย” ชลธีแวะยืนคุยซึ่งอัศนีก็ต้องยืนฟังด้วย

“ใช่งานยุ่งเหรอ ไม่ใช่ติดน้องอรของมึงอยู่หรือไง”

“ก็เหี้ยแล้ว นี่ไม่ได้เจอมาตั้งหลายอาทิตย์”



“โหเหลือเชื่อ อย่างมึงห่างเขาได้เกินสามวันด้วยเหรอ” คุยไปมือของเพื่อนชลธีก็จดยุกยิกเพื่อยื่นบัตรสมาชิกให้ แล้วเพราะอัศนีไม่ได้เอาชุดมาเปลี่ยนดังนั้นเลยต้องซื้อใหม่ที่เคาท์เตอร์ ได้ของมาครบแล้วถึงเวลาเข้าไปด้านใน วันนี้คนไม่เยอะนักเพราะไม่ใช่วันหยุด แถมเวลาก็ค่อนข้างดึกพอสมควร เขาเล่นได้นิดหน่อยก็มานั่งเล่นโทรศัพท์เพราะต้องยอมรับว่าเรื่องใช้กำลังนี่อัศนีไม่ชอบเอาเสียเลย ตอนนี้เลยเหมือนนั่งรอชลธี

มองเหงื่อที่ประปรายตามผิวเนื้อขาวสะอาด

มัดกล้ามเนื้อ ใบหน้าที่ขึ้นเห่อแดงเพราะความร้อนและอาการเหนื่อย



“...........” อัศนีต้องจิบน้ำเพราะรู้สึกว่าคอแห้งผาก เขาก้มมองนาฬิกาอีกครั้งก่อนจะพบว่าตอนนี้เกือบห้าทุ่มแล้ว คนอื่นภายในฟิตเนสถยอยกลับไปกันจนหมด ยังเหลือแค่ชลธีที่ตอนนี้อยู่บนลู่วิ่ง ถัดจากนั้นเกือบชั่วโมงเหมือนกันที่ใครอีกคนเดินย้อนกลับมาหาอัศนีที่นั่งรออยู่ อัศนียื่นน้ำให้ เงยมองคนที่อยู่ต่อหน้าซึ่งกำลังกระดกน้ำเข้าปาก

“จะไปอาบน้ำกันเลยไหมครับ” อัศนีถามออกไป เขาว่าตอนนี้เงียบเกินจนแอบวังเวงแล้ว

“ปะสิ จะได้รีบกลับ...ดึกมากแล้ว” เมื่อชลธีเดินนำเข้าไปในห้องน้ำแล้วหากแต่ตัวของอัศนีกลับยังคงนั่งอยู่ที่เดิม เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคออีกครั้ง บอกเลยว่าห้ามใจตัวเองยากมากที่จะไม่ให้คิดไปในทางนั้น เข้ามาในห้องน้ำยิ่งหัวใจแทบวาย เขามองชลธีตั้งแต่หัวจรดเท้ากับภาพที่อีกฝ่ายใส่เพียงผ้าขนหนูที่คลุมช่วงล่าง



“คุณ..จะยืนนิ่งอีกนานไหม เข้าไปอาบน้ำ...นี่ผ้าขนหนู” ได้สติกลับมาเพราะชลธีที่โยนผ้าขนหนูให้

อาบน้ำกันอยู่คนละห้อง แต่ห้องน้ำฟิตเนสยิ่งเป็นของผู้ชายก็คือแทบจะปิดถึงแค่ช่วงต้นขาอ่อน

สายตาของอัศนีมองต่ำ มองเรียวขาขาวที่มีหยดน้ำไหลผ่าน



“ให้ผมไปส่งไหน คอนโดคุณเหรอ” เสียงจากชลธีตะโกนถามมาจากห้องด้านข้าง

“ครับ ไปส่งที่คอนโดผม”

“โคตรไกลเลย”

“งั้นหรือคุณจะค้างกับผมหละ” อัศนีถามไปอย่างหยั่งเชิง

“ฝันไปเถอะ” เป็นไปตามคาดเพราะคนแบบชลธีก็ยังไม่ได้ง่าย อัศนียิ่งรู้สึกท้าทาย เหมือนการที่อีกฝ่ายพยายามวิ่งหนีมันยิ่งทำให้เขารู้สึกชอบอีกคนมากกว่าเดิม เกิดมายังไม่เคยเจอใครเมินใส่เลยไม่ว่าจะทั้งผู้ชายหรือผู้หญิง ชลธีคือคนแรกที่ทำให้อัศนีรู้สึกเหมือนคนที่ต้องคอยวิ่งตามอยู่ตลอด หลังจากอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยต่างฝ่ายต่างเดินออกมา



“ตอนสักเจ็บไหม” คำถามจากคนอายุน้อยกว่าที่ทำให้อัศนีต้องหันหน้ากลับไปมอง

“หมายถึงที่หลังผมเหรอ”

“ใช่ มันดูเหมือนจะเจ็บมาก” หน้าตาของชลธีที่ถอดสีน่าเอ็นดูไม่น้อย



“ถ้าคุณอยากสักบ้าง ลองเริ่มจากลายเล็กๆก่อนจะได้ไม่เจ็บมาก แล้วจะชินไปเอง”

“ไม่เอาอ่ะ ทำไมต้องให้ใครไม่รู้เอาอะไรมาทิ่มด้วย”

“พูดแบบนี้คือถ้าเป็นคนรู้จักแล้วจะยอมให้เขาทิ่มหรือไง” คำถามสองแง่สองง่ามจากอัศนี

เอาอีกแล้ว อัศนีคนกวนประสาทเริ่มกลับมาทำให้ชลธีอยากกรีดร้อง



“ไม่ให้ใครทิ่มทั้งนั้นแหละ คุณอย่ามาทำสายตาแบบนี้” โดนด่ากลับมาอัศนีหลุดหัวเราะในลำคอ เดินตามชลธีจนมาถึงรถที่จอดอยู่ด้านหน้า กลับเข้ามานั่งภายในรถด้วยกันอีกครั้งท่ามกลางบรรยากาศยามดึกที่ยิ่งช่วยทำให้ทุกอย่างดูน่าอึดอัดและเงียบสงบไปในเวลาเดียวกัน อัศนีเอนหัวพิงกระจกรถ เขามองออกไปด้านนอกอย่างเหม่อลอยเล็กน้อย

จนเมื่อชำเลืองมองไปที่ชลธีอีกครั้ง

ทั้งสันจมูก ริมฝีปากได้รูป และลำคอเนียนขาว



“แล้ววันไหนเราจะไปฟิตเนสด้วยกันอีกดี” อัศนีเป็นคนตั้งคำถาม

“คุณมาก็เหมือนไม่ได้มา ไม่เห็นจะเล่นอะไรเลย”

“ผมก็แค่ถือโอกาสออกมาเจอผู้คนบ้าง ไม่ใช่หมกอยู่แต่กับกองเอกสาร”

“แล้วไม่ชวนเพื่อนคุณไป”

“ผมไม่มีเพื่อน” อัศนีไม่ได้โกหก เขาไม่มีเพื่อนที่สามารถไปเที่ยวเตร่ด้วยกันได้ หากไม่นับรวมแค่เพื่อนที่เจอตอนออกงานหรือตอนทำธุรกิจร่วมกัน แต่กับกลุ่มเพื่อนแบบที่ชลธีมี บอกเลยว่าตัวของอัศนีไม่ได้มีมันมาตั้งแต่จบมอปลายมาแล้ว



“ก็ไม่แปลกใจหรอกที่คุณจะไม่มีเพื่อน เพราะเห็นสนิทกับใครแต่ละที...”

“หึหึ ก็คนพวกนั้นอ่อยผมเองตางหาก”

“หล่อตายหละมั้ง” ชลธีแว้งกัด นึกหมั่นไส้คนมั่นหน้าที่นั่งอมยิ้มอยู่ได้ บนรถกลับมาเงียบอีกครั้งโดยที่อัศนียังคงแอบชำเลืองมองคนข้างกายอยู่หลายต่อหลายครั้ง เมื่อมาถึงหน้าคอนโดสูงตระหง่านรถยนต์คันสีดำเงาจอดเทียบที่หน้าทางเข้า อัศนีปลดเข็มขัดนิรภัยออก เขาหันกลับไปมองชลธีอีกครั้ง



“ขอบคุณนะครับที่มาส่ง” เอ่ยคำขอบคุณออกไป

“ไม่เป็นไร คุณรีบลงไปเถอะนี่มันดึกมากแล้ว”

“ผมเลยถามไงว่าจะค้างห้องผมไหม” จากตอนแรกที่จะเปิดประตูลงแล้วก็กลับมานั่งมองหน้าคุยกันอีกครั้ง

คราวนี้ได้สบตาเพราะชลธีไม่ต้องขับรถแล้ว

พึ่งรู้ว่าระยะภายในห้องเครื่องมันแคบ ก็ในตอนที่ต้องหันหน้าหากันนี่เอง...



“ถ้าค้างห้องคุณผมต้องไม่ปลอดภัยแน่ ผมยอมขับรถกลับเองดีกว่า” อัศนีมองคนที่บ่นอุบอิบไม่หยุด

เขายิ้มเล็กน้อย

“แล้วตอนนี้คุณคิดว่าตัวเองปลอดภัยหรือไง?” ถามไปทั้งน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ที่ทำให้ชลธีต้องเลิกคิ้ว

“อย่างน้อยก็ไม่ต้องนอนในห้องของคุณแล้วกัน”



“งั้นเหรอ?” หลังจากอัศนีพูดประโยคนี้เกิดความเงียบขึ้น

“........!” ก่อนจะเป็นชลธีที่ต้องตกใจเมื่อจู่ๆอีกฝ่ายขยับตัวเข้ามาโน้มใกล้ ใบหน้าที่แทบจะแนบชิดจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ หัวใจของชลธีเต้นรัว เขารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองมากถึงมากที่สุด



..กึก.. แล้วเสียงล็อคเข็มขัดนิรภัยดังขึ้น



“คุณไม่ได้คาดเบ้ลต์...อีกอย่างคุณขับรถไวมาก” อัศนีช่วยใส่เซฟตี้เบลต์ให้ แต่กลับยังไม่ยอมขยับใบหน้ากลับออกไป

ตัวของชลธีนั่งเกรง เขาแทบไม่กล้าหายใจเพราะกลัวว่าถ้าขยับเมื่อไหร่ปากจะต้องชนกันแน่

เนิ่นนานพอสมควรที่นั่งสบตากันในท่วงท่าแสนน่าอายแบบนี้



“..........!” แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ชลธีเบิกตากว้าง สัมผัสอุ่นนุ่มที่ริมฝีปาก เริ่มยืดหยุ่นเมื่ออัศนีเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์และเริ่มใช้ปากของตัวเองขบกัดกลีบปากของเขา ตัวของชลธีเกรงไปหมด รู้แค่ว่าหัวใจเต้นแรงมาก แถมสายตาก็กำลังมองสันจมูกของอัศนีที่ทางเจ้าตัวกำลังง่วนอยู่กับการใช้ลิ้นและริมฝีปากหยอกล้อกับทั้งโพรงปากและกลีบปากของเขา

..จ๊วบ... เสียงดูดริมฝีปากก่อนที่อัศนีจะผละใบหน้าออกทำให้ชลธีแทบหัวใจหลุดออกมา

..ปึก.. อัศนีลงจากรถ ปิดประตู

เดินห่างออกไปโดยที่ก่อนจะเริ่มไกลใครอีกคนเอี้ยวหน้ามองกลับมาพร้อมส่งรอยยิ้มมุมปากให้



“เชี่ย!” เช่นเดียวกับคนบนรถที่ได้สติ ชลธีรีบยกมือจับปากของตัวเอง เขาถูเช็ดมันจนแดงช้ำ เอาแต่สบถคำหยาบคายและกรีดร้องไร้เสียงอย่างคนเจอทางตัน มือที่ทุบลงบนพวงมาลัยรถก่อนจะกระชับกำแน่นเมื่อสมองนึกไปถึงภาพเหตุการณ์ก่อนหน้า เขาหน้าขึ้นสีอย่างไร้สาเหตุ



นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับการนับรวมเรื่องจูบ

แต่ถือเป็นครั้งแรกถ้าหากนับเจาะจงไปถึงการจูบกับผู้ชาย!

...เขาถูกอัศนีฉวยโอกาสจนได้!!...



# # # # # # # # # # # # # #

เต็มใจให้เขาจูบเองมากกว่ามะ555


ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :laugh:


เคลิ้มมมมมม

ออฟไลน์ Sirinapa-11

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 44
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-20
    • FicYaoiTH
Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่9
«ตอบ #35 เมื่อ04-09-2020 12:52:49 »

ตอนที่9

#ชิงชังหัวใจ







ภายในห้องนอนขนาดกว้างบรรยากาศรอบด้านกำลังร้อนระอุ ร่างกายบนเตียงที่พลิกคร่อมนัวเนีย ริมฝีปากที่อ้างับทั้งดูดดึงซึ่งกันและกัน ลมหายใจหอบหนักจากหญิงสาวกายเพรียวบางที่คร่อมอยู่บนตักของชายหนุ่ม เนื้อตัวระหงที่เหลือเพียงชั้นในตัวบาง เสียงครางอื้ออึงเมื่อริมฝีปากได้รูปไล่เล็มเลียตามแนวลำคอ อรดาสั่นสะท้าน ห่างหายจากการเจอชลธีมาเนิ่นนานจนในที่สุดเป็นตัวของเธอที่ตัดสินใจมาหาอีกฝ่ายถึงห้อง  ระหว่างที่หลับตาพริ้มเคลิบเคลิ้ม



“....!” หญิงสาวขมวดคิ้วเล็กน้อยกับมือหนาของอีกฝ่ายที่ดูจะวุ่นวายกับบั้นท้ายของเธอมากกว่าปกติ

“พี่ธี” อรดาส่งเสียงเรียก ชลธีที่กำลังซุกไซร้เนินอกอิ่มหากแต่มือกลับกำลังล้วงผ่านชั้นในตัวบาง

จนที่เมื่อเธอเริ่มรู้สึกได้ว่าฝ่ายชายหนุ่มจะสอดนิ้วเข้ามาในช่องทางด้านหลังของเธอ...



“ชลธี!!”

..ผลั้ก!.. เธอร้องลั่นขึ้นในที่สุดพร้อมกับมือเรียวที่ออกแรงผลักแผ่นอกกว้างให้ออกห่าง อรดาขยับออกจากตักของชลธี เธอคว้าผ้าห่มมาคลุมร่างกายและมองหน้าอีกฝ่ายอย่างตำหนิ หมดอารมณ์จะทำต่อกับเรื่องอย่างว่า คว้าเสื้อผ้ามาใส่



..ปัง..! ก่อนปิดประตูลั่นแล้วเดินจากออกไป เหลือทิ้งไว้เพียงเจ้าของห้องที่กำลังนั่งแสดงใบหน้างุนงง ชลธีพูดไม่ออก หัวสมองตอนนี้ที่ตื้อไปหมด ยกมือกุมหน้าพร้อมกรีดร้องออกมาในใจอย่างไร้เสียง

“โว้ยย!” เสียงคำรามลั่นจากชายหนุ่มผิวขาว ทิ้งตัวนอนลงบนเตียงอีกครั้ง มองเพดานเลื่อนลอยเหมือนคนไร้ทางออกทั้งที่ยังไม่รู้ถึงปัญหาของตัวเองเลยด้วยซ้ำ ชลธีเม้มปาก ตอนที่จูบกับอรดามีแต่ภาพของอัศนีที่แทรกขึ้นในหัว ชายหนุ่มต้องรีบสั่นศีรษะเพื่อไล่ความคิดบ้าบอออกไป นึกอะไรไม่ได้ก็เลือกจะคว้าโทรศัพท์ออกมาเพื่อกดเข้าไปดูไลน์กลุ่มว่าในวันนี้เพื่อนอยู่ที่ไหน



แต่เมื่อแต่งตัวออกมานั่งกลางผับ

เพลงที่ดังเร้าและรอบตัวที่คนแน่นขนัด



“มึงจะนั่งนิ่งทำไม คิดว่านั่งสมาธิอยู่วัด?” เอาจนเพื่อนสงสัยแล้วตั้งคำถาม

“กูทะเลาะกับน้องอร”

“เรื่อง?” แต่เมื่อทางกลุ่มเพื่อนถามเจาะจงมาแบบนี้ชลธีไม่กล้าตอบ จะให้เขาตอบว่ายังไงหละ ให้ตอบไปว่าเพราะตอนที่มีอะไรกับเธอแล้วเผลอนึกถึงผู้ชายคนอื่นอย่างนั้นเหรอ มันก็ไม่ใช่เรื่องไหม



“เออช่างเหอะ มันก็เรื่องไร้สาระ”

“อะไรของมึง เรื่องไร้สาระแล้วมึงจะมานั่งเครียดทำไม”

“ปล่อยกูไปเถอะจะมาสนใจทำไมวะเนี่ย” ชลธีหัวเสีย ชักสีหน้าพร้อมนั่งกอดอกแล้วมองไปทางอื่น เขาเล่นโทรศัพท์เรื่อยเปื่อยเพื่อหาอะไรทำฆ่าเวลา ไม่มีอารมณ์แม้แต่อยากจะเมา ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้นนอกจากนั่งเซ็งตัวเอง ตั้งแต่เมื่อไหรกั่นที่อัศนีเข้ามามีอิทธิพลต่อตัวของเขา ไอ้ผู้ชายหน้าม่อพันธ์นั้นที่หว่านเสน่ห์เรี่ยราด



“ไอ้ธีๆๆ! กระทั่งที่เสียงเรียกจากเพื่อนดังขึ้นอีกครั้งพร้อมทั้งแรงสะกิดไหล่

ชลธีทำเบื่อหน่าย คิดไว้ว่าคงไม่พ้นสะกิดให้หันไปมองสาว

แต่จนเมื่อลองมองตามไป....



“นั่นไอ้อัศนีนี่หว่า มันมากับผู้ชายด้วย” ไอ้พวกตัวแสบหัวเราะคิกคักในขณะที่ชลธียิ้มไม่ออก

คนนี้ไม่ใช่ทินกรแต่เป็นใครอีกก็ไม่รู้ น่าเจ็บใจ

อัศนีนี่กะจะปั่นประสาททุกคนทั้งผู้ชายผู้หญิงไม่เว้นเลยสินะ



“เห้ยเดี๋ยวเมาหรอก” ขัดใจทำอะไรไม่ได้ชลธีเลยคว้าเหล่ากระดกเช้าปากจนเพื่อนต้องพากันร้องปราม เขาจ้องอัศนีจนทางฝ่ายนั้นเหมือนจะรู้ตัวเพราะหันมาสบตาด้วยหลายครั้ง ชลธีฮึดฮัด กำแก้วเหล้าในมือทั้งในหัวที่คิดไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่ร่วมรักกับอรดาแต่กลับนึกไปถึงหน้าอีกฝ่าย เมื่อเห็นว่าอัศนีลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปทางห้องน้ำ

“ไปไหนวะ” ชลธีลุกพรวดพราดตามจนเพื่อนต้องถาม

แต่ทางชายหนุ่มไมได้สนใจ ก้าวขาเร่งรีบจนสามารถตามอัศนีได้ทัน



..หมับ..! คว้าแขนอีกคนได้ต้องรีบลากอัศนีให้เข้าไปอัดกันในห้องน้ำก่อนที่คนอื่นจะตามมาเห็น ทางอัศนีลอบยิ้ม มองคนอายุน้อยกว่าที่กำลังหงุดหงิดหัวเสีย ชลธีเหมือนน้ำท่วมปาก มองอัศนีหลายครั้ง โวยวายทางร่างกายที่กลับยังไม่ได้พูดคำใดออกมา จนอัศนีต้องเลิกคิ้วมองหน้าเชิงถามว่านี่เขายืนรอนานแล้วนะ จะพูดออกมาได้หรือยัง

“เมื่อไม่กี่วันก่อนคุณมาจูบผม...แล้วพอมาวันนี้ดันมาหลอกคนอื่นต่ออีก”

“สรุปคุณโกรธที่ผมจูบคุณ?หรือโกรธที่ผมมากับคนอื่น?” พอโดนถามมาแบบนี้ชลธีชะงัก

“โกรธที่คุณหลอกคนไปทั่วตางหาก!เป็นพวกชอบปั่นประสาทคนสินะ”



“คุณหึงผมอยู่หรือไงกัน คุณชลธี”

“.............” ไม่ถามเปล่าแต่อัศนียังเดินตรงเข้าหาจนชลธีต้องก้าวถอยหลัง

แผ่นหลังของเขาแนบกับผนังห้องน้ำในที่สุด ไร้ทางหนีและต้องหยุดยืนเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย



..หมับ... เมื่ออัศนีวางมือลงทาบบนอกชลธีต้องเบิกตากว้าง

“คุณจะทำอะไร!”

“ทำในสิ่งที่คุณก็คงจะต้องการ...ถ้าหากไม่ชอบ ก็แค่วิ่งหนีออกไปได้เลยนะครับ” อัศนียิ้มให้ เลื่อนมือลงต่ำจนมาถึงส่วนกลางลำตัว ชลธีสะดุ้ง เขายืนเกรงและหอบหายใจหนัก เหมือนอารมณ์ที่ค้างกำลังจะถูกสานต่อจากคนที่เฝ้านึกถึง ทางอัศนียิ่งเมื่อได้เห็นว่าชลธีไม่ขัดขืนแถมยังยืนนิ่ง



“.....!” ออกแรงมือที่ลูบไล้จนชลธีต้องหอบหายใจติดขัด สายตาของอัศนีจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่าย ภาพที่ไม่ได้คิดว่าจะมีโอกาสได้เห็นกำลังปรากฏต่อสายตา ชลธีกำลังแสดงใบหน้าเสียวซ่านจากสัมผัสของเขา

..ครืดดด.. เสียงของซิปกางเกงที่ถูกรูดลง

และร่างกายของอัศนีที่ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่า



“.........” ชลธีใจสั่นรัว มองอัศนีจากมุมนี้ที่อีกฝ่ายเงยหน้ามองมา มุมปากของอัศนีที่ลอบยิ้มเมื่อเห็นว่าแก่นกายภายใต้กางเกงชั้นในของชลธีกำลังแข็งขืน เขารั้งขอบกางเกงในสีขาวลงก่อนต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอเมื่อแท่งเนื้อร้อนของอีกฝ่ายปรากฏต่อสายตา อัศนีใช้มือลูบมัน เจ้าลูกชายสุดรักของชลธีที่ตัวโตเต็มที่จนเห็นรอยหยักของเอ็นเส้นเลือด

“อ่าา” เพียงอัศนีอ้าปากครอบครองเท่านั้นที่ชลธีส่งเสียงคราง ขายาวสองข้างที่เกรง



ลิ้นซุกซนที่ไล่เล็มเลียและวนบดขยี้

ขยับปากออกแรงดูดดึงพร้อมทั้งขยับศีรษะเข้าออก

“ซี้ดดด” เสียงครางของชลธีที่ทำให้อัศนีใจสั่นรัว ผู้ชายที่ตัวของเขามีสิทธิได้แค่มองผ่านรูปภาพ ในตอนนี้กลับกำลังยืนครางกระเส่าอยู่เบื้องหน้า เหงื่อเม็ดเล็กที่ไหลชื้นตามแนวใบหน้าขาว เมื่อชลธีใกล้ถึงจุดหมายอีกฝ่ายใช้มือจับรั้งท้ายทอยของอัศนี กลายเป็นอัศนีที่ต้องขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อชลธีขยับเอวเข้าออกรัวเร็วจนเขาจุกลำคอ



“อ่า!” ในที่สุดเสียงของชลธีดังออกมาอีกครั้งพร้อมกับน้ำรักสีขาวขุ่นที่พุ่งทะลักออกมาจนล้นจากมุมปากของอัศนี

เกิดเป็นความเงียบรอบตัวที่ตามมา สายตาของคนทั้งสองที่ยังสบมองกัน

..ผลั้ก!.. ก่อนที่จะเป็นชลธีที่ทำสีหน้ารับไม่ได้ ออกแรงผลักอัศนีออกแล้วใส่กางเกงของตัวเองขึ้นตามเดิม เดินหนีออกไปโดยไม่แม้แต่จะทิ้งประโยคใดไว้สักคำ อัศนีพ่นเสียงหัวเราะ ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วใช้มือเช็ดมุมปากของตัวเองสำหรับบางส่วนที่ตัวของเขาไมได้กลืนลงไป



เดินกลับมาที่โต๊ะของตัวเองอีกครั้ง

จากตอนแรกที่ชลธีเป็นฝ่ายจ้องมอง ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นอัศนีบ้าง



“รู้จักเหรอ?” ชายหนุ่มที่อัศนีมาด้วยตั้งคำถาม

“อืม เพื่อนร่วมงานน่ะ”

“เพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนร่วมเตียง” ได้ยินแบบนี้อัศนีหัวเราะพรืด

“ไม่ถึงขั้นนั้น แค่กำลังตามหยอกเล่นด้วยอยู่”

“เฮ้ออคุณอัศนี ฮอตเสียจริงเลยนะเนี่ย” ประโยคนี้จากอีกฝ่ายที่อัศนีได้แต่ยิ้มรับ เตวาคือเพื่อนเพียงคนเดียวที่อัศนีค่อนข้างจะสามารถสนิทใจด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ว่างตรงกันบ่อยเพราะต่างคนต่างก็มีการงานที่ต้องทำ ตั้งแต่เรียนจบเลยห่างกันออกมาเนื่องจากเตวาต้องดูแลกิจการโรงแรมซึ่งอยู่ทางใต้ของประเทศ ปีหนึ่งเขาเจอกันไม่ถึงสองครั้ง



แต่กลับมารอบไหนเตวาเซอร์ไพร์สตลอด อัศนีเปลี่ยนคู่ควงเป็นว่าเล่น

ทั้งผู้ชายผู้หญิง เยอะแยะจนเอามาสร้างทีมฟุตบอลได้เลย

“............” เตวากำลังสูบบุหรี่ มองตามสายตาของเพื่อนไปที่ชายหนุ่มร่างสูงหนึ่งคนที่ผิวขาวจะแทบจะเรียกวาออร่า หน้าตาหล่อมากชนิดที่ว่าหาคนเทียบเคียงได้ยาก ถือเป็นสเปคของอัศนีเขาเลยหละ ทางเตวาพ่นควันบุหรี่ออกจากปาก



“แต่กูว่าไอ้นี่ดูไม่ธรรมดา มึงรู้ดีกรีเพื่อนมันแต่ละคนไหม”

“หืม?” อัศนีเลิกคิ้ว หันกลับมามองเตวาอีกครั้ง

“เด็กพวกนี้เป็นลูกเศรษฐีทั้งนั้น กูเห็นมันทำตัวเหี้ยเหนือกฎหมายกันมาจะหมดทุกคน”

“ก็คงจริง นิสัยแย่มาก” อัศนีหัวเราะ ยังจำได้ที่ไอ้พวกนี้รวมหันกันจะแกล้งเขา



“ยังจะขำอีก กูเตือนมึงเพราะกูดูออกว่าไอ้พวกนี่มันไม่ธรรมดา”

“กูยุ่งกับชลธีคนเดียว ไม่ได้ยุ่งกับคนอื่นในกลุ่มเสียหน่อย”

“เออก็นั่นแหละ กูว่ามึงเปลี่ยนเหยื่อเถอะ...ท่าทางไม่น่าง่ายเหมือนคนอื่น” อัศนีไม่ได้ทั้งโต้ตอบหรือคุยด้วย เตวาไม่ได้มารับรู้ว่าเขาคลั่งไคล้ชลธีมานานมากแค่ไหน แล้วตอนนี้ถึงโอกาสทั้งทีจะให้ปล่อยหลุดมือไปได้ยังไง คิดได้แบบนี้เลยมองไปที่ชลธีอีกครั้งพบว่าอีกฝ่ายกำลังนั่งหน้าตึงเครียด ท่าทางที่ทำให้อัศนีหัวเราะในใจ



............................

....................



“ไอ้ธี มึงดูสายตาที่มันมองมึงดิ...แทบจะเข้ามาปล้ำแล้ว” ชลธีคิ้วขมวด เพื่อนก็พูดโคตรมาก

“เป็นกูนะจะจัดให้สักดอก เอาให้จำจนตายไปเลย...ทำไมไม่มาตามจีบกูมั้งหว่า”

“เลิกคิดอะไรที่เป็นไปไม่ได้” ชลธีรู้สึกกระดากปากไม่น้อยที่พูดคำนี้

เพราะก่อนหน้า เพิ่งจะ...



“มีแมวเข้าถ้ำมาหาแต่เสือกูเสือกจำศีลอยู่ซะงั้น” พูดจบประโยคก็พากันหัวเราะครืนทั้งโต๊ะ ชลธีส่ายหน้า

“กูจะแต่งงานกับน้องอร”

“เออจร้ารู้โว้ย...แต่ตอนนี้ก็ยังไมได้แต่งสักหน่อยนี่ แถมแฟนกันก็ยังไม่ใช่”

“..............”

“เอาเลย ถ้ามึงทำพวกกูปิดปากสนิทแบบว่าเรื่องนี้ไม่มีทางถึงหูน้องอร”



“กูไม่ได้ชอบผู้ชาย” ชลธียังยืนยันคำเก่า เขาฟุบหน้าลงกับโต๊ะ หันไปมองอัศนีที่กำลังนั่งคุยหัวเราะอยู่กับผู้ชายคนนั้น ท่าทางสนิทสนมทั้งที่ก่อนหน้าเพิ่งจะใช้ปากกับเขาไปแท้ๆ

คนแบบอัศนีนี่มัน...

น่าหงุดหงิดชะมัด!





# # # # # # # # # # # # # #








ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19
 :katai2-1:


โถๆๆๆ พ่อธี

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
หึงขนาดนี้ ยังจะปากแข็งอีก

ออฟไลน์ nuum

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 256
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-1
แต่งได้สนุกดีครับ
ต้องไปอ่านตั้งแต่ต้น
เพราะยังไม่ทราบเลย
ใครเป็นพระเอกครับ


            :mc1:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด