พิมพ์หน้านี้ - ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่9 [04/09/2563]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: Sirinapa-11 ที่ 18-07-2020 15:43:02

หัวข้อ: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่9 [04/09/2563]
เริ่มหัวข้อโดย: Sirinapa-11 ที่ 18-07-2020 15:43:02
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] บทนำ
เริ่มหัวข้อโดย: Sirinapa-11 ที่ 18-07-2020 15:43:33
บทนำ







ชลธีคือนักธุรกิจหนุ่มไฟแรง พ่วงขึ้นตำแหน่งไฮโซตั้งแต่ลืมตาดูโลกเพราะฐานะทางบ้านของครอบครัว ชายหนุ่มรูปร่างสูง เจ้าของใบหน้าคมคายและลักยิ้มข้างแก้มซ้าย ผิวขาวเนียนละเอียด ทุกระเบียบนิ้วบนร่างกายที่สะอาดสะอ้าน ถือว่าเป็นที่หมายปองของสาวน้อยใหญ่ แต่ถึงแม้จะยังครองคำว่าโสด แต่ข่าวคราวที่ว่ากำลังคบหาดูใจอยู่กับนางแบบชื่อดังก็ช่างหนาหู ไม่มีใครรู้ความจริงได้ดีเท่าคนทั้งสอง ความสัมพันธ์ที่มากกว่าเพื่อนแต่ไม่เคยก้าวไปไกลเกินกว่านี้เสียที



อรดาคงเป็นเพียงผู้หญิงคนเดียวในประเทศ

ที่กล้าปฏิเสธคำขอคบจากผู้ชายอย่างชลธีซ้ำแล้วซ้ำเล่า



“น้องอร เสาร์นี้ไปดูกระเป๋าใบใหม่กันหน่อยไหมคะ พี่เห็นว่ากุชชี่เข้าไทยมาใหม่หลายใบเลยนะ” ภายในภัตตาคารหรู ท่ามกลางแสงเทียนและเพลงบัลลาด ชลธีกำลังนั่งปรนนิบัติตักอาหารให้แก่หญิงสาว ริมฝีปากเล็กอิ่มของอรดาถูกทาเคลือบด้วยลิปสติกสีชมพูอ่อน แก้มของเธอขาวใส ดวงตาคู่สวยที่ดูเข้ากันดีกับขนตางอนยาว



“แต่เสาร์นี้อรอยากไปงานประมูลนาฬิกามากกว่า พี่ธีซื้อของตัวเอง ซื้อให้แต่อรจนลืมตัวเองแล้ว”

“นาฬิกาพี่มีเยอะแล้ว อีกอย่างผู้ชายไม่ต้องคอยเปลี่ยนเครื่องประดับเยอะนัก”

“ฮื้ออ แต่อรเห็นนาฬิกาเรือนนึงที่จะต้องเหมาะกับพี่มากเลย...ไปเถอะนะคะ เดี๋ยวอรไปเป็นเพื่อน” ตอนแรกชลธีก็ปฏิเสธเสียงแข็งแต่เมื่อเจอลูกอ้อนเข้าไปในที่สุดชายหนุ่มต้องยอมใจอ่อน เขาเผยรอยยิ้ม เอื้อมมือไปยีหัวของหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงข้าม มีสายตาจากหลายมุมร้านที่เฝ้ามอง ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย คนทั้งประเทศรู้ดีว่าพวกเขาอยู่ในสถานะไหนถึงจะยังไม่เคยออกไปพูดชัดเจนก็ตาม แต่ชลธีก็ยืนยัน ว่าต่อให้จะตามจีบยากหรือต้องนานอีกเป็นปีเขาก็จะไม่ถอดใจ ผู้หญิงแบบอรดา คือคนเดียวที่เขาขอเลือกให้เข้ามาเป็นแม่ของลูก



“อ้าว คุณอัฐ!” แต่ในระหว่างที่ชลธีกำลังสนใจอยู่กับจานอาหาร เสียงของหญิงสาวตรงหน้าที่ตะโกนเรียกใครบางคนทำให้เขาต้องเงยหน้ามอง อรดากำลังเผยรอยยิ้ม เธอหันไปโบกไม้โบกมือทักทายให้แก่ชายหนุ่มที่น่าจะอายุไล่เลี่ยกันกับเขา

“สวัสดีครับ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะได้มีโอกาสมาบังเอิญเจอคุณอรด้วย”

“อรมากกว่าค่ะ แบบคุณอัฐนี่หาเวลาเจอยากมากกว่าอรซะอีก” คนทั้งสองคุยกันออกรส จนชลธีเริ่มหน้าตึง



“อ๋อ พี่ธีคะ...อันนี้คุณอัฐนะคะ เป็นเจ้าของบริษัทที่เพิ่งจ้างอรไปเป็นพรีเซนเตอร์ผลิตภัณฑ์ให้” เหมือนฝ่ายหญิงสาวจะรู้ตัว เธอหันมายิ้มอ้อนให้ชลธีในเชิงที่บอกว่าไม่มีอะไรระหว่างเธอและชายหนุ่มปริศนาจริงๆ เก้าอี้หัวโต๊ะถูกเลื่อนออก มีสมาชิกเข้ามาเพิ่มนั่นทำให้ชลธีอึดอัด อรดาอัธยาศัยดีเกินไปจนลืมไปแล้วหรือไงว่านี่คือดินเนอร์ที่ควรจะมีแค่เขาและเธอ

“สวัสดีครับ คุณ...”

“ผมชลธี” ตอบอีกฝ่ายไปเสียงนิ่ง



“อัศนีครับ เราน่าจะอายุเท่ากันนะ ถ้าหากว่าเดาไม่ผิด” เมื่อชลธีไม่ตอบทางคนที่คุยด้วยเก้ออย่างอัศนียิ้มมุมปากเล็กน้อย เพราะอาทิตย์หน้าอรดาจะต้องเข้าไปถ่ายงานที่บริษัทของอัศนี ดังนั้นในเวลานี้คนทั้งสองถึงได้คุยกันออกรสเกี่ยวกับเรื่องงานจนเหมือนว่าชลธีแทบจะไร้ตัวตนเลยยังว่าได้ ดังนั้นในระหว่างนี้ชายหนุ่มเลยเหลือบหางตามองอัศนี เขาพอรู้จักชื่อเสียงของบุคคลตรงหน้ามาบ้าง อัศนีค่อนข้างโด่งดังในเรื่องข่าวที่ควงดาราคนนั้นคนนี้ที ชายหนุ่มหน้าตาคมคาย ร่างกายสูงสมส่วน ผิวสีน้ำผึ้งที่ใครหลายคนต่างพูดปากต่อปากว่าแสนเซ็กซี่ หากแต่สิ่งที่ดึงดูดใครต่อใครก็คงหนีไม่พ้นดวงตาคู่พราวระยับ ริมฝีปากกระจับที่เหมือนถูกประณีตทำอย่างตั้งใจ แพขนตาหนาที่งอนยาวยิ่งช่วยขลับให้ดวงตาคู่นั้นดูลึกลับและมีเสน่ห์ จะเรียกว่าอัศนีหล่อเทียบเท่าพวกดาราชายแนวหน้าเลยยังว่าได้



“พี่ธี” เพราะชลธีมัวแต่เหม่อ เขาเผลอกำหมัดและขบฟัน

“.........”

“พี่ธีคะ พี่ธี” กระทั่งที่อรดาเริ่มเพิ่มระดับเสียงทางคนถูกเรียกถึงรู้สึกตัว เขารีบขานรับ



“วันเสาร์นี้คุณอัฐก็จะไปงานประมูลนาฬิกาเหมือนกัน งั้นเราไปนัดเจอกันที่งานดีไหมคะ จะได้มีเพื่อนคุย”

“ตามใจน้องอรเลยครับ พี่ยังไงก็ได้” ถึงแม้ในใจจะบอกว่าไม่ก็ตาม

“ถ้างั้นวันเสาร์นี้ไปเจอกันที่งานนะคะคุณอัฐ”



“ได้ครับ เดี๋ยวผมทักไลน์หาอีกทีนะ” ก่อนจะขอตัวกลับไปที่โต๊ะอัศนีทิ้งประโยคที่ทำให้ชลธีต้องหน้าตึง เขามองตามอีกฝ่ายไปจนลับสายตา เห็นว่าอัศนีหันมาสบตาและเผยแสยะยิ้มให้ เพียงเท่านั้นที่มือของชลธีต้องกำแน่นอีกรอบ

ดูตาเดียวก็แทบจะรู้ว่าคนแบบอัศนีเข้าหาอรดาด้วยจุดประสงค์ใด

ไม่มีทาง เพียงนิดเดียวเท่านั้นแล้วที่อรดาจะยอมใจอ่อนให้เขา

...ชลธีไม่มีทางยอมให้คนแบบอัศนีเข้ามาแย่งเธอไปเด็ดขาด...





# # # # # # # # #

หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] ตอนที่1 [อัพ 18/07/63]
เริ่มหัวข้อโดย: Sirinapa-11 ที่ 18-07-2020 15:44:25
ตอนที่1

#ชิงชังหัวใจ







“ผมให้สิบล้าน”

“สิบห้าล้าน”

“ยี่สิบล้านครับ”



“ผมให้สามสิบล้าน” เพียงจบประโยคเท่านั้นที่ทั้งห้องโถงขนาดใหญ่เกิดเสียงฮือฮา งานประมูลนาฬิกากำลังครึกครื้นเมื่อสองนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงเกิดสนใจในนาฬิกาเรือนเดียวกัน ชลธีได้รับแรงรั้งที่แขนจากอรดาในเชิงห้ามปรามว่าให้ยอมปล่อยนาฬิกาเรือนนี้ให้อัศนีไปเถอะ หากจะต้องเสียเงินสามสิบล้านคงจะไม่ดีเท่าไหร่ ยังมีนาฬิกาเรือนอื่นที่น่าทุ่มเงินมากกว่านี้ หากแต่เหมือนว่าชลธีจะไม่ได้สนใจ ดวงตาของชายหนุ่มจดจ้องอยู่แต่อัศนีซึ่งยืนล้วงกระเป๋าด้วยใบหน้าที่แลดูสบาย ชลธียิ่งนึกหมั่นไส้ เขาขบกรามแน่น



“ห้าสิบล้าน ผมให้ห้าสิบล้าน” ตัดสินใจพูดในประโยคที่เรียกความตกตะลึงจากทุกคนในงาน คงมีเพียงอัศนีที่ยิ้มพลางปรบมือให้ ทางฝ่ายอัศนีชูมือยอมแพ้ นาฬิกาเรือนสวยตกเป็นของชลธี แต่น่าเจ็บใจมากกว่าเมื่อทางผู้แพ้อย่างอัศนีเดินเข้ามาหาด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร



“ไม่คิดว่าคุณจะใช้เงินเก่งขนาดนี้...แต่ที่ผมไปดูมาจากที่ไปต่างประเทศคราวก่อน”

“.........” อัศนีเว้นวรรค ทำหน้าตานึกที่ดูน่าหมั่นไส้

“ถ้าจำไม่ผิด ไอ้เรือนนี้มันขายอยู่แค่ยี่สิบล้านเองนะครับ” เพียงเท่านั้นที่ชลธีต้องพยายามสงบสติอารมณ์ที่คุกครุ่นของตัวเอง ชลธียังคงฝืนยิ้ม



“ไม่เป็นไรหรอกครับ เงินในงานจะถูกแบ่งไปทำบุญให้เด็กยากไร้ด้วย...ผมไม่คิดมากหรอก”

“นอกจากจะหล่อแล้วยังใจดีด้วย น่าชื่นชมมากเลยนะครับ พี่ชายคนสนิทของคุณอรเนี่ย” ประโยคนี้อัศนีหันไปพูดกับอรดา ทางหญิงสาวยิ้มรับ เธอไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติ หรือรู้ แต่แค่ไม่สนใจกันแน่ก็ไม่ทราบ อรดาถูกนักข่าวดึงตัวเพื่อนพาไปสัมภาษณ์ดังนั้นชลธีถึงได้แยกพาตัวเองเข้าไปในห้องน้ำ หวังจะหลบจากความวุ่นวายมาสงบจิตใจ แต่เหมือนจะพลาด เมื่อต้องเข้ามาเห็นใครบางคนที่กำลังยืนรูปซิปกางเกงของตัวเองและมองเขาอย่างน่าไม่อาย



อัศนีเหมือนจงใจเดินเข้ามายืนข้างชลธี

พวกเขามองกันผ่านบานกระจก ในขณะที่มือของคนทั้งสองกำลังล้างทำความสะอาดอยู่ภายในอ่าง

สีผิวของคนทั้งสองตัดกันอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมายืนเทียบกันแบบนี้ ชลธีค่อนข้างหงุดหงิด เขาดูกลายเป็นหนุ่มตี๋ที่ไม่ได้มาดเข้มเท่าอีกฝ่าย ดวงตาคู่สวยของอัศนีกำลังมองท่าทางของชลธีผ่านบานกระจก ไอ้รอยยิ้มมุมปากแบบนั้น ชลธีหละอยากจะจับต่อยหน้าซักที ถึงแม้จะยังคาดเดาไม่ได้เท่าไหร่ว่าถ้าต่อยกันจริง จะเป็นเขาหรืออัศนีที่ต้องร่วงก่อน



“ปกติเวลาว่างเข้าฟิตเนสเหรอครับ ดูรูปร่างคุณดีมาก ขนาดอยู่ในชุดแบบนี้” อัศนีไม่ชมเปล่า แต่ยังจะเอื้อมมือมาจับแผงอกของชลธี เจ้าของร่างกายรีบผละหนี เห็นว่าอัศนีหัวเราะหึ กอดอกแล้วมองเขาด้วยสายตาที่เหมือนคนที่ผ่านโลกมาไม่เท่ากัน



“ผมไม่นิยมกินผู้ชายด้วยกันเองหรอกนะคุณชลธี ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับ”

“ผมเปล่ากังวล” ชลธีเถียงเสียงแข็ง

“งั้นอากาศคงร้อน เพราะดูสิ...เหงื่อเต็มหน้าไปหมดแล้ว” ชลธีไม่ตอบ เขาเตรียมจะเดินหนีหากแต่ขาต้องชะงัก



“กับคุณอรดาเนี่ย ยังไม่ได้ชัดเจนกันใช่ไหมครับว่าคบกันหรือแค่เพื่อน”

“ไม่ใช่เรื่องของคุณ” ชลธีหันกลับมองอัศนีอีกครั้ง



“ตามจีบมาเกือบปีแล้ว แต่ยังไม่เห็นพัฒนากันสักที...แบบนี้เรียกว่าไม่มีหวังมากกว่า”

“........”

“เป็นผมคงถอดใจไปแล้ว ไม่หน้าด้านโง่ให้เขาหลอกเอาเงินอยู่แบบนี้ต่อไปแน่”



“มึง!!” คำหยาบคายคำแรกที่หลุดจากปากของชลธี เขาคว้าหมับเข้าที่คอเสื้อของอัศนี ออกแรงกระชากจนคนที่ไม่ได้ตั้งตัวมีต้องขยับร่างกายตาม หากแต่อัศนียังทำเพียงยิ้มมุมปาก พวกเขาจ้องหน้ากันในระยะใกล้ ใกล้เสียจนอัศนีได้เห็นว่าชลธีขาวจนข้างแก้มเห็นเส้นเลือดสีอ่อน ดวงตาคมกริบคู่นั้น ดูน่าแกล้งไม่น้อยเลยทีเดียว



“ถ้าไม่อยากตายอย่ามาเสือกวุ่นวายกับคนของกู”

“ไม่น่าเชื่อเลยนะครับ ว่าคนแบบคุณจะหยาบคายเป็นด้วย” อัศนีดูไม่สะทกสะท้าน

“ถือว่ากูเตือนมึงแล้ว”



..ผลั้ก!... ชลธีกำลังสติหลุด เขาผลักอัศนีออกก่อนจะเดินหุนหันออกไปจากห้องน้ำ ในขณะที่คนซึ่งถูกทิ้งอยู่ด้านในทำเพียงยิ้มมุมปากและส่ายหน้าเล็กน้อย บุหรี่ในกระเป๋าถูกล้วงออกมาจุดสูบ อัศนีเอนพิงขอบอ่างล้างมือ เมื่อนึกไปถึงใบหน้าหงุดหงิดในตอนที่โดนเขาแกล้งของชลธีแล้วก็อดจะหัวเราะออกมาไม่ได้



ชลธีคือผู้ชายที่มีแรงดึงดูด ใครหลายคนแทบจะตกหลุมรักทั้งที่เห็นเพียงผ่านรูป

ฟังดูไร้สาระดี แต่คือเรื่องจริง และยืนยันด้วยตัวของเขาเองด้วย



.......................................



หน้าจอคอมพิวเตอร์ราคาแพงเลื่อนดูรูปภาพจากไอจีที่มียอดผู้ติดตามขึ้นหลักหลายแสน มวนบุหรี่ถูกเคาะลงกับมุมโต๊ะเพื่อให้ส่วนปลายที่ไหม้หล่นลงถังขยะ ริมฝีปากอ้าคาบมันเอาไว้เมื่อมือต้องกดซูมดูรูปของใครบางคนตรงหน้า ภาพรอยยิ้มที่ปรากฏให้เห็นถึงลักยิ้มข้างซ้าย อัศนีคิดว่าตัวเองคงบ้าไปแล้ว เขากำลังใช้มือลูบมันผ่านหน้าจอ ก่อนสายตาจะเหลือบมองมาที่ใบกระดาษบนโต๊ะ หัวข้อของงานที่ทำให้อัศนีต้องเผยรอยยิ้มมุมปาก



*โปรเจคต์รวมน้ำหอมชื่อดังและรถยนต์ราคาแพงเข้าด้วยกัน*

งานนี้ที่อัศนีเป็นคนเสนอ งานนี้ที่จะทำให้ตัวของเขาได้ก้าวเข้าไปเหยียบบริษัทของชลธี รวมถึงได้ใกล้ชิดอีกฝ่าย



...............................



“พ่อถามผมหรือยังว่าผมโอเคกับโปรเจคต์นี้หรือเปล่า!” ชลธีกำลังโวยวาย ภายในห้องทำงานขนาดกว้างที่มีชายร่างท้วมวัยกลางคนนั่งอยู่ ใบกระดาษที่ถูกปาทิ้งไปก่อนหน้ากำลังปลิวว่อน ชลธีหงุดหงิด เขาคว้ามันมาก่อนจะขย้ำทิ้งลงพื้น

“แกก็รู้ว่าน้ำหอมแบรนด์ของบริษัทของคุณอัสนีเขามีชื่อเสียงแค่ไหน ถ้าหากว่าจะได้มีกลิ่นที่สร้างขึ้นเพื่อให้เหมาะกับดีไซน์รถรุ่นล่าสุดของเราโดยเฉพาะขึ้นมา ทำไมฉันถึงจะต้องปฏิเสธกัน?”



“มันไปกันไม่รอดหรอก มันเข้ากันที่ไหน” ชลธีกำลังหาข้ออ้าง

“ไปกันไม่ได้ยังไง...ดีไซน์รถเราที่เรียบหรู ดูเท่และสุขุม...ถ้ามันจะถูกตีแพร่ออกมาเป็นกลิ่นด้วย มันใช่เรื่องแปลกยังไง”

“.............”

“นี่ฉันว่าจะเอากลิ่นน้ำหอมมาให้ฟุ้งอยู่ในรถด้วย เอาเป็นว่าถ้าแค่ได้กลิ่นนี้ตอนเดินผ่านก็จะต้องนึกภาพออกมาเป็นรถสปอร์ตของเรา...แล้วก็เปิดตัวพร้อมกัน งานน้ำหอมผู้ชายที่ถูกบวกเข้ากับรถ ยังไงยอดขายต้องถล่มทลายแน่ พวกไฮโซทั้งหลายไม่มีทางอดใจไหวหรอก” ประโยคยาวเหยียด ข้อดีที่ถูกยกอ้างทำเอาชลธีจนมุม



“แต่ผม....”

“แกมีปัญหาอะไร นี่มันโปรเจคต์กอบโกยเงินหลักหลายแสนล้านชัดๆ”

“ครับ” ในที่สุดเขาต้องยอมรับคำ ความก้าวหน้าของบริษัทย่อมสำคัญไปกว่าเรื่องส่วนตัว รับแฟ้มใหม่มาจากมือของผู้เป็นพ่อหลังจากที่แฟ้มเล่มก่อนหน้าถูกชลธีปาทิ้งกระจัดกระจาย เขาขบกราม คว้าแฟ้มแล้วพาตัวเองกลับเข้าไปในห้องทำงาน



“แม่งโว้ยยย!!” เมื่ออยู่ตามลำพังเสียงโวยวายดัง ชลธียีหัวตัวเองจนยุ่ง ชุดสูทถูกถอด เหลือเพียงเสื้อกล้ามด้านในและกางเกงผ้ายืดที่ถูกนำมาใส่ มุมด้านหลังที่มีห้องนอนสำหรับพักผ่อน กระสอบทรายและเครื่องออกกำลังกายสองสามเครื่องวางเรียงกันอยู่ แต่ชลธีมุ่งตรงไปที่กระสอบทราย เขาหยิบนวมมาใส่



..ผลั้วะ!!ผลั้วะ!!... เสียงทั้งต่อยและเตะดังขึ้นเมื่อระบายความหงุดหงิด มัวแต่โมโหจนลืมมองว่ามีใครบางคนยืนมองอยู่

..หมับ!.. แรงกอดจากด้านหลังทำให้ชลธีหยุดชะงัก ก่อนจะเผยรอยยิ้มเมื่อจำกลิ่นหอมหวานนี้ได้



“พี่ธีคะ ดาเห็นชุดเครื่องเพชรอันใหม่ด้วย แต่แพงมากเลย”

“น้องอรอยากได้เหรอคะ” ชลธีถอดนวมในมือทิ้ง หันมากอดตอบหญิงสาวที่กำลังออดอ้อน

“อยากได้ค่ะ แต่พี่ธีจะช่วยอรออกสักครึ่งได้ไหม”



“พี่ออกให้หมดเลย”

“จริงนะ!” เธอดีใจ กระโดดอ้าแขนกอดรอบลำคอแกร่งและขยับริมฝีปากเข้าจุ๊บที่แก้มขาว ชลธีกอดเอวคอด ใช้มือลูบตามแนวเว้าของเอวเล็ก แต่อรดาทำเขินอาย เธอผลักชายหนุ่มออกห่างหากแต่กลับไม่สามารถขัดขืนออกจากอ้อมกอดแกร่งได้



“อ๊ะพี่ธี ในเวลาทำงานนะคะ”

“ไม่เป็นไร ไม่มีใครกล้าเข้าห้องพี่แบบไม่ขออนุญาตหรอก”

“คนบ้า” เธอพูดอ้อมแอ้ม จบลงที่แผ่นหลังสัมผัสกับเตียงนุ่ม สองร่างกายที่กอดก่าย เสียงหวีดครางหวานและหน้าอกสวยที่ขยับเคลื่อนตามแรงที่ถูกกระแทก นานนับชั่วโมงกว่าทุกอย่างจะจบลง อรดาเป็นคนที่นอนหมดแรง ซุกกอดอยู่บนแผ่นอกแข็งแรงที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเรียงสวย ก่อนที่เธอจะพล็อยหลับ เหลือเพียงชลธีที่เฝ้ามอง



ความรู้สึกที่อยากถนุถนอมและอยากดูแล

ในวันเกิดปีนี้ของอรดา ชลธีจะขอเธอคบอีกครั้ง อยากจะสร้างครอบครัวด้วยจนอดใจไม่ไหวแล้ว



........................



ปกติชลธีมักจะเป็นสมาชิกประจำอยู่ที่ฟิตเนส ในเวลาว่างอันเล็กน้อยเขามักจะมาที่นี่เสมอ คนค่อนข้างน้อยเนื่องจากสถานที่หรูและราคาเข้าที่แพง นั่นเป็นเรื่องดี มันเลยค่อนข้างส่วนตัว แถมภายในนี้ยังมีแต่บรรดานักธุรกิจที่ทำให้ชลธีรู้สึกว่าได้มาเจอเพื่อนและแลกเปลี่ยนความคิดต่อกัน เขากำลังออกกำลังกายช่วงอก ออกแรงดึงเครื่องขนาดหนัก ได้ยินเสียงเหมือนเทรนเนอร์กำลังเดินแนะนำสถานที่แก่สมาชิกใหม่ ชลธีไม่ได้สนใจ



“คุณอัฐอยากจะเล่นส่วนไหนเป็นพิเศษไหมครับ” หากว่าไม่ได้ยินประโยคนี้ที่เรียกชื่อใครบางคน

แล้วเมื่อหันไปมองก็เป็นไปตามคาด

อัศนีกำลังมองมาที่เขา ด้วยรอยยิ้มที่กวนประสาทเหมือนเดิมไม่มีผิด



“ไม่น่าเชื่อเลย ว่าจะมาเจอคุณในนี้” อัศนีเป็นฝ่ายเดินเขามาทัก แต่ชลธีเดินหนีไปยังเครื่องออกกำลังกายจุดใหม่

“คุณจะเดินตามผมทำไม” หนีกี่รอบก็ยังตามจนชลธีทนไม่ไหว



“ในนี้ผมไม่มีคนรู้จักเลย เจอคุณก็ต้องตามสิ”

“เหอะ”

“อีกอย่างอาทิตย์หน้าก็ต้องทำงานร่วมกัน ควรรู้จักกันไว้สิครับ” ข้ออ้างของอัศนีที่ทำชลธีชักสีหน้า



“น้ำหอมปัญญาอ่อนนั่น ขายกี่ขวดถึงจะได้รถผมคันนึงกัน”

“ปากร้ายดีเหมือนกันนะเนี่ย” อัศนีหัวเราะหลังจากที่ก่อนหน้าอึ้งไปเล็กน้อย



“ผมยังร้ายได้มากกว่านี้อีก ถ้าคุณยังจะมาตามวุ่นวาย”

“ไม่คิดบ้างเหรอว่าบางทีผมอาจแค่อยากเป็นเพื่อนกับคุณ”

“ขอโทษนะ แต่ผมไม่อยากเป็นเพื่อนกับคุณ” พูดจบประโยคชลธีเดินหนี อัศนีหน้าถอดสีนิดหน่อยแต่ก็สามารถปรับคืนสู่ปกติได้ ชลธีเดินไปยังจุดของเครื่องออกกำลังกายที่หนักเกินกว่าคนที่เริ่มเล่นแบบเขาจะเล่นได้ แบ่งโซนกันชัดเจนว่าอยากจะอยู่ห่าง เจอแบบนี้อัศนีเลยเบ้ปากพร้อมยักไหล่



หนีได้ก็หนีไปเถอะ ยังไงก็หนีเขาไม่พ้นหรอก



# # # # # # # #

แซ่บบบบๆกันไปเล้ยยยย><

หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-07-2020 10:29:09
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI]
เริ่มหัวข้อโดย: Chompoo reangkarn ที่ 21-07-2020 13:25:38
 :pig2: :pig2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 21-07-2020 15:56:24
เริ่มจู่โจมแล้วซินะ
หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI]
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 22-07-2020 20:40:44
ว้าวววดูท่าน่าจะมันส์หยดติ๋งๆเลยนะ 5555 ศัตรูหัวใจ แต่ไม่ใช่ชิงคนเดียวกันนะ อีกคนก็คิดว่าเขาจะมาแย่ง ซะที่ไหนละเขาจะมาเอาตัวเองยังไม่รู้ตัวอะคุณธี 5555 เชียร์คุณอัศนีจีบติดนะ รู้สึกถึงความสิ้นเปลืองของการเปย์สาวของพี่แกเหลือเกิน ก็รู้ว่ารวยแต่ก็โง่อยากที่คุณอัศเขาบอกนั่นละ 5555 เออๆมาต่อๆ กำลังสนุก ขอบคุณนะคะที่มาลงในนี้ให้ได้อ่านกัน :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] ตอนที่2
เริ่มหัวข้อโดย: Sirinapa-11 ที่ 22-07-2020 21:35:13
ตอนที่2

#ชิงชังหัวใจ











“ช่วงนี้พี่ธีดูเครียดจังเลย”

“...........”

“พี่ธี...พี่ธีคะ” ชลธีสะดุ้ง เสียงเรียกจากสาวสวยที่นั่งอยู่ข้างกายทำเขาแอบตกใจ ชายหนุ่มรีบเผยรอยยิ้ม ไม่อยากให้อรดาต้องมาคิดมากด้วยเพราะมันเป็นเพียงเรื่องไร้สาระที่ไม่ควรเก็บเอามาเครียดด้วยซ้ำ เขาโตมากพอแล้ว ทำธุรกิจร่วมกับคนที่ไม่ชอบหน้ามาก็นักต่อนัก แต่ไม่รู้ทำไมว่าในรอบนี้ถึงได้กระวนกระวายนัก



ไม่อยากเจออัศนีเลย เขาเกลียดขี้หน้ามันชะมัด

ให้ตายเถอะ ชาตินี้ไม่เคยคิดเลยว่าจะสามารถเหม็นขี้หน้าใครได้เท่านี้มาก่อน



“พรุ่งนี้พี่ธีมีคุยงานกับคุณอัฐใช่ไหมคะ”

“ทำไมถึงรู้?” ชลธีถามกลับ ทางฝ่ายหญิงสาวอึกอัก

“ก็...ก็ข่าวออกจะดังว่าบริษัทของพี่กับคุณอัฐจะร่วมงานกัน แล้วพี่ธีก็บอกเองว่าพรุ่งนี้มีงานตอนเช้า...อรเลยลองเดาค่ะ” เธออธิบายยาวเหยียดเอาซะจนชลธีเชื่อและพยักหน้ารับ แล้วเหตุผลที่ทำเอาทั้งวันชลธีแทบไม่มีสมาธิทำงานมันก็เพราะพรุ่งนี้เช้าทางบริษัทของอัศนีจะเข้ามาเยี่ยมเยือนบริษัทของเขา ทางฝ่ายทีมงานต้องเข้ามาดูรถ ถึงอย่างนั้นแล้วตัวเขาแอบคิดเข้าข้างตัวเองในใจ บางทีอัศนีอาจไม่ต้องถึงขั้นมาเองก็ได้ แค่ส่งเลขาหรือผู้จัดการสักคนมาคงพอ



คิดได้แบบนี้เลยเผยรอยยิ้มออกมาได้นิดหน่อย

สาธุเถอะนะ ขออย่าให้ไอ้คนขี้เก๊กแล้วแถมยังกวนประสาทนั่นได้เข้ามาเหยียบในบริษัทของเขาเลย



...................................

................



“สวัสดีครับ บริษัทคุณนี่...พนักงานอัธยาศัยดี น่ารักมากเลย” แต่เหมือนสิงศักดิ์สิทธิ์จะไม่รับคำขอร้องจากชลธีเอาเสียเลย บริษัทชื่อดังขนาดใหญ่กำลังวุ่นวายแตกตื่นจากพนักงานสาวที่พากันเกาะกลุ่มเพื่อเฝ้ารอการพบอัศนี พวกเธอกรี๊ดกร๊าด ทำยังกับว่าเจอดาราเกาหลีไปได้ คนที่ยืนมองตรงนี้อย่างชลธีได้แต่ชักสีหน้าหมั่นไส้ มองมือของอีกฝ่ายที่ยื่นค้างเพื่อรอจับ



...หมับ... แล้วเขาก็ต้องจำใจจับมือกับอัศนี รอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์แบบนั้นของอีกฝ่าย ชลธีหละแสนไม่ชอบใจ



“คุณใส่น้ำตาลกี่ก้อน” ในฐานะเจ้าของบริษัท ชลธีจำเป็นต้องต้อนรับอีกคนถึงแม้จะไม่เต็มใจ มือกำลังจะคีบน้ำตาลลงแก้วกาแฟให้แต่อัศนีกลับรั้งแก้วกาแฟหนี ทำเอาเขาชะงัก

“ผมไม่ดื่มกาแฟครับ มันไม่ดีต่อสุขภาพ...ขอชาให้ผมด้วย” หลังจากบอกเขาเสร็จอีกฝ่ายหันไปสั่งเลขาของชลธีต่อ

ชลธีถึงขั้นต้องกำหมัด เขาขบกรามแน่นพยายามฝืนยิ้มทั้งที่ในใจร้อนรุ่ม



“หลังจากคุยงานกับผมเสร็จคุณมีงานต่อไหม เราไปฟิตเนสกันต่อไหมครับ”

“ควรสนใจงานก่อน อย่าพูดเรื่องอื่น” ชลธีรีบแขวะกัด

“นี่มันก็เรื่องงานเหมือนกัน ผมบอกแล้วไง...ว่าถ้าเราสนิทกัน งานมันจะง่ายมากขึ้น”



“แต่ผมก็บอกไปแล้วเหมือนกัน ว่าไม่อยากสนิทกับคุณ” เมื่อพูดจบประโยคชลธียิ้มให้ หันไปคว้าชาร้อนที่เพิ่งจะถูกนำมาเสริฟ รินใส่แก้วให้คนซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ดูท่าทางอัศนีจะโปรยเสน่ห์ไม่หยุด แม้กระทั่งเลขาส่วนตัวของชลธียังดูเขินอายเมื่อยืนมองอีกฝ่ายจิบน้ำชา คงมีเพียงชลธีที่โต้แย้งหนัก ยอมรับนะว่าภายนอกดึงดูดจริง แต่เขาว่าก็ไม่ได้อะไรขนาดนั้น ยิ่งบวกกับนิสัยด้วยแล้วทุกอย่างคือติดลบไปเลย



...แกร๊กกก... พวกเขายังไม่ทันจะได้ป้าปากคุยกันต่อด้วยวำ ประตูห้องทำงานกลับถูกเปิดเข้ามา



“ขอโทษค่ะ อรรบกวนเวลางานหรือเปล่าคะ” หญิงสาวคนสวยที่ทำให้ชลธีต้องเลิกคิ้ว อรดาไม่ได้บอกล่วงหน้าด้วยซ้ำว่าจะเข้ามา เขางุนงง เมื่อเห็นว่าฝ่ายสาวสวยที่กำลังดูใจอยู่ด้วยเธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ผมที่ดูตั้งใจลอนกว่าทุกวัน ชุดที่สวยและสั้นกว่าปกติ เมื่อหันไปมองอัศนีพบว่ารายนั้นกำลังยิ้มมุมปาก



“น้องอรไม่เห็นบอกพี่ก่อนว่าจะเข้ามา”

“อรไลน์มาบอกแล้วว่าจะเข้ามาเอากระเป๋าที่ลืมไว้ที่บริษัทพี่” เธอรีบเปิดแชทให้ดู

“ขอโทษทีค่ะ พอดีพี่ติดคุยงานเลยไมได้แตะโทรศัพท์เลย..แล้วนี่เข้าไปเอากระเป๋ามาหรือยัง”



“ยังค่ะ พอดีว่า....”

“ให้คุณอรอยู่ด้วยก็ได้นะครับ ตอนงานเปิดตัวเธอเองก็ไปเป็นพรีเซนเตอร์ให้เราด้วย จะได้ดูงานไปพร้อมกันเลย” เสียงของอัศนีดังแทรกเข้ามา ชลธีหันขวับ เป็นเรื่องจริงที่ว่าพรีเซนเตอร์ของสินค้าล่าสุดตัวนี้คืออรดา แต่มีนายแบบหนุ่มอีกคนที่เป็นพรีเซนเตอร์คู่กับเธอ ซึ่งเอาเข้าจริงเวลานัดตัวพรีเซ็นเตอร์ก็จะเป็นตอนถ่ายแบบเตรียมโปรโมท ไม่ใช่เข้ามาในขั้นตอนการคุยงานที่ควรจะเป็นของฝ่ายเจ้าของมากกว่า



“ตอนบ่ายน้องอรมีถ่ายละครไม่ใช่เหรอคะ?” ชลธีบ่ายเบี่ยง ไม่อยากให้อรดาอยู่ใกล้อัศนีไปมากกว่านี้

“แต่นี่เพิ่งเก้าโมงเช้า อีกตั้งสามชั่วโมงนะคะ”

“แต่น้องอรต้องไปถึงกองตอนสิบโมงนี่ ต้องแต่งหน้าแต่งตัวลืมเหรอคะ”



“พี่ธีอ่ะ” เธอทำหน้างอแง แต่ในรอบนี้ชลธีไม่ใจอ่อน

“อีกอย่างงานในส่วนนี้ยังไม่ใช่ส่วนของน้องอร พี่ว่า...อาจจะทำให้งานพี่เดินช้า”

“พี่ธี” เธอย้ำอีกครั้งหากแต่ชลธีเริ่มมีสีหน้านิ่งเรียบ เจอแบบนี้อรดาต้องเก็บงำความไม่พอใจเอาไว้ ยอมเดินออกไปทั้งที่ใบหน้าหงิกงอ ในขณะที่ชลธีและอรดากำลังเคร่งเครียดทางด้านของตัวต้นเหตุอย่างอัศนีกลับกลั้นหัวเราะจนไหล่สั่น



“คุณหัวเราะอะไร มีเรื่องอะไรน่าตลกไม่ทราบ”

“เปล่า แค่คู่พวกคุณดูน่ารักดี”

“เหอะ” ชลธีแค่นหัวเราะ กางแฟ้มงานก่อนจะยื่นส่งให้ชายหนุ่มตรงหน้า ภายในนั้นคือรูปตัวรถที่ถูกวาดแบบเอาไว้ทั้งด้านในและด้านนอก



“นี่เป็นงานแบบคร่าว...สำหรับคันที่ผลิตจริงมีแล้ว เดี๋ยวผมจะพาเข้าไปดู...แต่ยังไม่ชัดเจนนะว่าจะเป็นแบบนี้เป๊ะ เพราะถ้าทำออกมาแล้วยังมีส่วนไหนที่อยากปรับ ก็ต้องแก้จนกว่าจะได้ต้นแบบที่พอใจ” รีบดึงอัศนีเข้าเรื่องงานเพราะอยากจะรีบคุยรีบจบเสียที แต่เหมือนอีกคนจะไม่ได้สนใจในสิ่งที่ชลธีกำลังเสนอเลย



“คุณเอาแต่มองหน้าผมแล้วจะคุยงานรู้เรื่องหรือไง”

“ผมมองหน้าคุณเหรอ ไม่รู้ตัวเลยนะเนี่ย” คำตอบแสนกวนประสาทที่ทำชลธีชักสีหน้า

“เดี๋ยวผมพาคุณไปดูส่วนที่ผลิตรถจริงเลยดีกว่า” เขาต้องยอมแพ้ ชลธีดึงแฟ้มมาปิด

“ตอนกลางวันเรากินข้าวที่ไหนดี”



“คุณอัศนี ถ้าจะไม่ได้เรื่องขนาดนี้...ส่งเลขามาคุยยังมีประโยชน์มากกว่า” ชลธีหงุดหงิด เขาเหวี่ยงใส่ซึ่งนั่นทำอีกฝ่ายต้องยิ้มขำส่งมาให้ ชลธีเดินนำไปด้วยท่าทีตึงตัง ตึกด้านหลังคือพื้นที่สำหรับประกอบชิ้นส่วนของรถต้นแบบ ปกติคนที่เข้าตรวจและคอยบอกให้ปรับแก้จะเป็นตัวของชลธี แต่เพราะในงานนี้ทำร่วมกับอัศนีด้วยดังนั้นอีกฝ่ายถึงมีสิทธิที่ว่าจะพอใจหรือไม่พอใจกับจุดไหน



“ผมไม่ชอบกระจกข้างเลย เอาเข้าจริงก็ทั้งคัน...มันดูเหลี่ยมเยอะไปหมดจนน่าหงุดหงิด” คำติของอัศนีทำคนที่เป็นฝ่ายนั่งวาดและออกแบบรถคันนี้ด้วยตัวเองต้องหน้าตึง

“บริษัทผมขายรถเจาะกลุ่มตลาดรถหรู จะให้มันดูเรียบง่ายเหมือนรถราคาหลักแสนหรือไง”

“แล้วใครบอกคุณกัน ว่าไอ้ความเยอะมันทำให้รถดูหรู...ผมว่าไม่นะ ดูเหมือนจะเข้าใจผิด”

“.............”

“ยังกับรถหุ่นยนต์ในหนังไซไฟ เหมือนมันจะแปลงร่างได้” ชลธีถึงขั้นสบถคำหยาบในใจ เขานับหนึ่งจนจะถึงร้อยแล้ว!



“คุณไม่ชอบตรงไหนก็เขียนส่งมาแล้วกัน แล้วผมจะไปหรับแก้ให้”

“ทั้งคัน ทุกส่วน”

“มึง....ไอ้...”

“หืม?” เสียงถามย้ำจากอัศนีที่ทำให้ชลธีต้องรีบยิ้มรับ



“เปล่า เอาเป็นว่า...งั้นคุณต้องการให้มันออกมาแบบไหนคุณก็บรีฟงานมา ผมจะพยายามทำให้มันเข้ากับในส่วนความต้องการของบริษัทผม หวังว่ามันจะเข้ากันได้ ถึงมันจะโคตรคนละทางกันเลยก็เถอะ” เขาเห็นว่าอัศนีแอบยิ้มขบขัน ตรงนี้ชัดเจนแล้วว่ากำลังโดนแกล้ง ชลธีพยายามท่องในใจว่ามันคืองาน เขาเคยผ่านอะไรที่หนักกว่านี้มาแล้วแค่นี้จะต้องทนให้ไหวสิ อีกไม่กี่เดือนก็ไม่ต้องมาทนเจอขี้หน้ากันแล้ว แค่งานจบ แค่งานจบทุกอย่างก็จะจบ!



.........................

......................................



“กูจะไม่ไหวแล้วนะโว้ยยยย!!!” เสียงร้องตะโกนลั่น ชายหนุ่มผิวขาวที่ยืนเตะถีบโซฟา

“อะไรที่ทำให้คุณชลธีหัวเสียได้ขนาดนี้วะเนี่ย” ทำเอากลุ่มชายหนุ่มหลายคนที่นั่งเล่นเกมกันอยู่ต้องตั้งคำถาม ภายในห้องชุดสุดหรู มีทั้งสระว่ายน้ำ ห้องภาพยนตร์ และห้องสนุกเกอร์ที่พวกเขากำลังนั่งล้อมวงกันอยู่ข้างโต๊ะสนุ๊ก



“ไอ้เหี้ยอัฐ”

“ใครวะ” คำถามดังกลับมาจากชายหนุ่มที่พ่นควันสีหม่นออกจากปาก

“ไอ้อัศนี พวกมึงไม่รู้จักมันหรือไง”

“อ๋อออ ไอ้นักล่าในตำนานน่ะเหรอ ชื่อเสียงเกรียงไกรจะตายห่า” พูดจบประโยคเมื่อรู้ว่าเป็นใครทั้งกลุ่มชายหนุ่มก็หัวเราะกันด้วยความเจ้าเล่ห์ ผู้หญิงในวงการบันเทิงมีกี่คนกันที่ไม่ผ่านมือของอัศนี ยิ่งในแวดวงอย่างพวกเขาแล้วข่าวคาวยิ่งหนัก ไอ้ไฮโซสุดหล่อที่เบื้องหลังยับเยินเสียยิ่งกว่าอะไรดี



“มันเหมือนตามจีบน้องอร”

“เอาดี โคตรหยามมึงเลยนะถ้ามันทำจริง”

“อืม จริง” ชลธีย้ำชัด ตอนนี้เพื่อนทุกคนหันมาให้ความสนใจ



“มึงก็กระทืบมันสิ ยากอะไรวะ”

“ไม่ได้”

“.......?”

“บริษัทกูทำงานร่วมกับบริษัทมันอยู่ ถ้าทำแบบนั้น...พ่อกูด่าแน่” คำตอบของชลธีทำเอาทั้งกลุ่มหัวเราะครืน เพิ่งจะเคยเห็นอีกคนเครียดเพราะตั้งแต่คบกันมาหากไม่พอใจใครไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะตามจัดการ



“กูทำอะไรออกนอกหน้าไม่ได้ มันจะกระทบงาน”

“แล้วมันกวนตีนมึงขนาดนั้นเลย?”

“เออดิ กูจะบ้าตายอยู่แล้ว”

“สงสัยชอบมึงมั้ง แบบตามแกล้งคนที่ตัวเองชอบเงี้ย” ชลธีแทบอ้วก เห็นว่าเขาสะอิดสะเอียดไอ้พวกนั้นยิ่งพากันหัวเราะใหญ่ ไม่รู้คิดผิดหรือคิดถูกกันแน่ที่มาปรึกษาไอ้พวกนี้ เพราะนอกจากจะไม่ได้ทางออกอะไรแล้วยังโดนกวนประสาทอีก แถมในระหว่างนี้ยังกางโน๊ตบุ๊คแล้วเปิดเสิร์จหาชื่อของอัศนี ก่อนจะตามมาด้วย...



“อื้ออหื้อออแซ่บมากกกก”

“เซ็กซี่มากมึง ตามันสวยมากกกก...ถ้ากูเป็นผู้หญิงนี่คือยอมเป็นเมียน้อยให้เลยนะ”

“หูววว” เสียงซี๊ดซ๊าดที่ดังจากกลุ่มชายหนุ่มนับสิบที่นั่งล้อมโน๊ตบุ๊คเครื่องเดียว ชลธีแอบมอง เพิ่งจะได้รู้ว่าแผ่นหลังของอัศนีเต็มไปด้วยรอยสัก ความแบดบอยยิ่งดูมากขึ้นเท่าตัว ถ่ายแบบถอดเสื้อแก้ผ้าเป็นว่าเล่น



“ถ้าต่อยกันใครจะชนะวะ” เพื่อนเริ่มตั้งคำถาม หันมองชลธีสลับกับคนในรูป

“กูชนะอยู่แล้ว แค่ฟิตเนสหนักๆมันยังเล่นไม่ได้เลย”



“เห้ยแล้วมึงไปรู้ได้ไง” เจอแบบนี้ชลธีอึกอัก

“ก็กูเจอมันอยู่ฟิตเนส”

“จริงเปล่า มีอะไรในกอไผ่ไหมเนี่ย” ชลธีถึงขั้นขากระตุก เขาถีบไอ้คนถามจนแทบล้มหงายลงจากโซฟา ตอนนี้ถือว่าเพื่อนของเขารับรู้แล้วว่าชลธีมีศัตรูเพิ่ม ได้ระบายก็สบายใจแล้วสำหรับชลธี เหตุการร์ถัดไปถึงได้ท้ากันแทงสนุ๊กฆ่าเวลาตามปกติ ใครมาเห็นในเวลานี้คงไม่อยากเชื่อสายตา แต่ทำไงได้หละ เขาเพิ่งเรียนจบมาเองยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นอยู่เลย ปีนี้ก็เพิ่งจะยี่สิบสาม ยังไม่ได้โตอะไรขนาดนั้นสักหน่อย



.....................................

.............



อัศนีกำลังเหม่อ เขามาฟิตเนสหากแต่ต้องรอเก้อเมื่อนั่งจนถึงเวลาใกล้ปิดแต่ก็พบว่าว่างเปล่า คนที่อยากเจอไม่ได้มา เกิดเป็นความน่าเบื่อที่ทำให้อัศนียิ่งหน้าตึงมากกว่าเดิม รังสีความน่ากลัวกำลังแผ่ ไม่มีใครกล้าทักหรือแม้แต่เข้ามาเล่นเครื่องออกกำลังกายที่อยู่บริเวณใกล้เคียง มีเพียงคนมาใหม่ที่เดินยิ้มเร่อหรา ทั้งที่อัศนีจ้องนิ่งแต่อีกฝ่ายยังไม่สนใจ



“ผมเล่นเครื่องนี้ได้ไหมพี่ พี่เอาขาพี่ออกได้ไหม” คือใครก็ไม่รู้ แต่กลับกล้าสั่งให้อัศนีเอาขาหลบ

ตอนแรกอัศนีจะต่อว่า แต่สายตากลับไปเห็นบางอย่าง

...จี้ที่อีกฝ่ายห้อย เป็นแบบเดียวกับที่เคยเห็นชลธีใส่...



“อ๋อ อันนี้เหรอ...สวยหละสิ มันเป็นตราประจำตระกูลผม”

“เหรอ สวยดี” อัศนีเลยยิ้มให้ เขายอมเอาขาออก ให้อีกฝ่ายนั่งลงด้านข้าง

“ผมเขต...ธาราเขต แต่พี่เรียกผมว่าเขตเถอะ”



“ชื่ออัศ...”

“อัศนี ผมรู้จักพี่...แหม่ ดังขนาดนี้ใครจะไม่รู้จักพี่” อัศนีนึกรำคาญในใจ ไอ้เด็กนี่พูดมากกว่าที่คิด

“จี้อะไร พูดเรื่องจี้ต่อสิ”

“พี่ชอบเหรอ” ทางเด็กหนุ่มถามอีก

“ก็มันสวยดี” เมื่อเขาชมทางคนอายุน้อยกว่ายิ่งยิ้มพึงพอใจ



“มันต้องสวยอยู่แล้วก็พี่ชายผมเป็นคนออกแบบ...ก็ไม่ใช่พี่หรอก แต่ว่า ก็คนละแม่กันอ่ะ”

“มีพี่ชายด้วยเหรอ”

“โหมีเยอะ พ่อผมเมียเยอะ” คำตอบที่เรียกรอยยิ้มจากอัศนี

“พี่รู้จักพี่ธีไหมหละ พี่ก็แวดวงธุรกิจ น่าจะรู้จักสิ”



“ชลธี?” อัศนีถามไปด้วยแววตาพราวระยับ

“ใช่...นั่นน่ะพี่ผม  ปกติไม่ค่อยถูกกันหรอกพี่...แต่ช่วงนี้ต้องเจอกันบ่อย เพราะผมต้องไปช่วยงานพี่เขา” ไอ้เด็กปากมากพูดไม่หยุด อัศนีรับฟัง ดูเหมือนวันนี้ต่อให้ไม่ได้เจอชลธีแต่เขาก็ไม่ได้เสียเวลาเปล่า



“เอาไลน์มาหน่อย จะได้นัดมาเล่นฟิตเนสพร้อมกัน”

“ปกติผมเล่นอีกที่นึงแต่วันนี้มันปิดเลยต้องมาที่นี่”

“อ้าว แล้วจะไม่มาเจอกันแล้วหรือไง” อัศนีเสียงอ่อน เอาซะเขตรู้สึกผิด



“มาก็ได้ เอาเป็นว่าถ้าพี่อยากมีเพื่อนเล่นฟิตเนสก็ทักผมมานะ เดี๋ยวผมเข้ามาหา”

“โอเค” ได้สิ่งที่ต้องการมาแล้วอัศนีก็ขอตัวกลับ เขากลับเข้ามานั่งในรถ มองไลน์ที่มีข้อความล่าสุดจากไอ้เด็กปากมากที่ส่งเข้ามาว่าให้ขับรถกลับดีๆ อัศนียิ้มอย่างสบายใจ ขับรถกลับพร้อมฮัมเพลงไปด้วย



ถ้าเขาตีสนิทกับธาราเขตได้

ก็อาจจะมีข้ออ้างใหม่ ที่สามารถเข้าไปนั่งทานข้าวที่บ้านของชลธีได้แล้วสิ จริงไหม?



# # # # # # # #

เชียร์ใครเคะใครเมะกันเหรอ-..-



หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่2 [22/07/2563]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 22-07-2020 22:30:01
คิดจะเข้าทางน้องละซิ
หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่2 [22/07/2563]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 22-07-2020 22:34:08
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่2 [22/07/2563]
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 23-07-2020 12:54:54
เนียนๆ 555
หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่3 [26/07/2563]
เริ่มหัวข้อโดย: Sirinapa-11 ที่ 26-07-2020 14:58:53
ตอนที่3

#ชิงชังหัวใจ







เพื่อความสัมพันธ์ที่ดีทางธุรกิจ ธรรมเนียมปฏิบัติรุ่นต่อรุ่นที่ทำให้ชลธีแทบบ้า มือขาวกำช้อนในมือแน่น เขี่ยข้าวไปมาเหมือนกับเด็กที่ไม่ได้สนใจอยากฟังเสียงพูดคุยกันระหว่างผู้ใหญ่ ดูท่าทางพ่อแม่ของเขาจะถูกใจอัศนีมาก ชมใหญ่แถมยังเอามาเปรียบเทียบกับตัวของชลธีว่าเขานั้นเก่งไม่ได้ครึ่งของอัศนีเลยด้วยซ้ำ ได้ยินแบบนี้คนโดนพ่อแม่สาวไส้ยิ่งหน้าบึ้ง เขาถูกกล่าวหาว่าชอบเที่ยวเละเทะและไม่สนใจงาน ทั้งที่ในเวลาที่ชลธีใช้ไปหาเพื่อนมันคือเวลาเลิกงานแล้วตางหาก



‘นักธุรกิจจะต้องไม่มีเวลาพัก ลูกจะต้องคิดและทำงานตลอดเวลา’ ชลธีแทบบ้า ไปเอาตรรกะอะไรแบบนี้มาจากไหนกัน

“ปีนี้คุณอัฐอายุเท่าไหร่แล้วครับ?”

“ยี่สิบห้าแล้วครับ”



“ก็แสดงว่าเป็นพี่เจ้าธีสองปี”

“คุณชลธีเพิ่งยี่สิบสามเหรอครับ” คำถามนี้อีกฝ่ายหันมาพูดด้วย

“อืม” และชลธีตอบกลับไป เขาได้รู้จากการที่อัศนีคุยกับพ่อแม่ของเขาว่าทางด้านของอัศนีนั้นเสียแม่ไปตั้งแต่ยังเด็ก และในตอนนี้พ่อของอีกฝ่ายก็กำลังป่วย ดังนั้นหน้าที่ธุรกิจทั้งหมดเลยต้องเป็นอัศนีที่ดูแลแทนทุกอย่าง ถึงแม้จะเกลียดขี้หน้ายังไงแต่พอได้ยินแบบนี้แล้วชลธีอดจะชื่นชมในใจไม่ได้ เพราะตัวเขาลำพังแค่บริษัทนี้บริษัทเดียวที่พ่อมอบอำนาจให้ ชลธียังแทบจะหัวระเบิดหลายรอบต่อวัน แล้วนี่อัศนีคนเดียวกับอีกนับเกือบร้อยโครงการที่ต้องดูแล ก็ต้องยอมรับว่าอีกคนเก่งมาก



“หล่อและเพียบพร้อมทุกด้านขนาดนี้ มีใครในใจหรือยังคะคุณอัฐ” แม่ของชลธีกำลังเย้าแหย่ ฝ่ายอัศนียิ้มให้

“ยังหรอกครับ แค่ทำงานก็ไม่มีเวลาไปสนใจอะไรแล้ว”

“เหอะ” ชลธีแอบหัวเราะกับตัวเอง กล้าพูดว่าไม่มีเวลาสนใจอย่างอื่น แล้วงั้นไอ้ผู้หญิงในสต็อกอีกสามแสนคนนั่นมาได้ยังไง ไหนจะเรื่องที่มาตามวอแวอรดาของเขาอีกหละ คิดถึงตรงนี้ทีไรมือขาวกำแน่น เขาจ้องอัศนีนิ่ง



“ช่วงนี้ผมกำลังสนใจเรื่องออกกำลังกาย แต่ไม่ค่อยมีความรู้เลยครับ”

“......!” อัศนีเกริ่นมาแบบนี้ชลธีรีบหันควับ

“นี่ไงครับ เจ้าธีนี่แทบจะนอนอยู่ฟิตเนสมากกว่าบ้านแล้ว...ลองให้เจ้าธีช่วยสิ”



“ได้เหรอครับ ผมก็เคยลองไปฟิตเนส ตอนนั้นเจอคุณชลธีแต่ก็ไม่กล้าทัก” ชลธีสบถคำว่าตอแหลออกมาในใจ

“แลกไลน์กันไว้สิคะ ถ้าวันไหนตาธีจะไปฟิตเนส ก็จะได้นัดคุณอัฐล่วงหน้าไง” แม่ของชลธีสนับสนุนอย่างดี ไม่ได้ถามความเห็นลูกชายเลยสักนิดว่าอยากจะได้ลูกศิษย์เพิ่มไหม รอยยิ้มของอัศนีพราวระยับ ชลธีรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกกลั่นแกล้งอีกแล้ว ถูกบังคับให้แลกไลน์ ไม่พอเท่านั้นยังต้องแลกเบอร์กับอัศนีอีก เขาหน้าบึ้งตึง ทั้งที่อยากจะหลีกเลี่ยงการเจอหน้าอัศนีให้ได้มากที่สุดแต่เหมือนครอบครัวจะไม่เข้าใจ ทานข้าวเสร็จยังมีการสั่งให้เขาเดินไปส่งอัศนีที่รถ



“ยิ้มหน่อยสิ ทำหน้าเหมือนโลกจะแตกไปได้” ระหว่างทางที่อัศนีกวนประสาท

“คุณว่างนักหรือไง เอาเวลาที่คอยแกล้งผมไปทำงานดีกว่าไหม”

“ผมไปแกล้งคุณตอนไหนกัน?” ถามกลับมาด้วยสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ชลธีได้แต่เก็บหงำความไม่พอใจ เดินมาจนถึงรถคันหรูของอีกฝ่ายซึ่งจอดอยู่ด้านหลัง สังเกตเห็นได้ว่ารถของอัศนีเน้นความเรียบง่าย แต่หนักไปทางความหรูหรา รสนิยมชัดเจนว่าไม่ได้ชอบออฟชั่นอะไรที่เยอะแยะ



“พรุ่งนี้หลังเลิกงานไปฟิตเนสกัน”

“ไม่” ชลธีรีบปฏิเสธ

“ทำไม คุณไม่ว่างเหรอ?แต่เมื่อกี๊ที่ผมถามแม่คุณ คุณนายเธอบอกว่า....”



“อย่าเอาแม่ผมมาอ้าง!”

“ก็แล้วสรุปคุณจะไปไหม?” อีกฝ่ายถามย้ำ ตอนแรกชลธีจะเหวี่ยงแต่เมื่อนึกบางอย่างขึ้นได้เขาลอบยิ้มในใจ

“ก็ได้ งั้นพรุ่งนี้หกโมงเย็นมาเจอกันที่เดิม”



“ยอมง่ายแบบนี้สิถึงจะเรียกว่าเด็กดี”

“โตกว่าผมแค่สองปี ไม่ต้องอวดขนาดนั้นก็ได้มั้ง”

“ที่จริงคุณต้องเรียกผมว่าพี่ด้วยซ้ำ”

“ฝันไปเถอะ!!” ชลธีตะโกนลั่น รีบเดินหนีไปด้วยท่าทีตึงตังที่ทำให้คนมองตามต้องหลุดหัวเราะ อัศนีเข้ามานั่งในรถ เขาสตาร์ทเครื่องแต่ยังไม่ได้ออกตัว เปิดกระจกข้างลง หยิบบุหรี่หนึ่งมวนขึ้นมาจุดสูบพร้อมกับมือที่กดเข้าไปดูไลน์ของชลธี



อยากจะทักไปเต็มแก่ แต่เดี๋ยวจะชัดเจนเกินไปว่าเขากำลังจู่โจมอีกฝ่าย

เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ได้เจอกันแล้ว ไอ้เจ้าเด็กหัวดื้อ



...................



อัศนีถูกตั้งคำถามจากเลขาและลูกน้องทั้งวันว่าทำไมดูอารมณ์ดีกว่าปกติ เขาแทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเผลอนั่งยิ้มออกมาบ่อยแค่ไหน เอาแต่หันมองนาฬิกาที่ในตอนนี้เวลาเดินมาจนถึงห้าโมงเย็นแล้ว อัศนีรีบลุกออกจากโต๊ะทำงาน มือคว้าสูทมาพาดแขน เดินผ่านกระจกมีหยุดส่อง มั่นใจพอสมควรว่าตัวเองหน้าตาดีมาก

“นัดสาวไว้แน่เลยใช่ไหมบอส” คำทักท้วงจากเลขาหน้าห้องดังขึ้น

“บ้า มีคุยงานกับลูกค้า”



“แหม่ ไม่เนียนเลยนะคะ” เธอทำงานมานาน พวกเขาสนิทกันแต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ได้เกินเลยจนดูไม่มีกาลเทศะ อัศนีหัวเราะ ถูกจับทางได้เสียแล้ว เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ พาตัวเองลงมายังรถยนต์คันสีดำเงาที่จอดอยู่ จากบริษัทไปฟิตเนสค่อนข้างไกล ใช้เวลาเป็นชั่วโมงแถมในวันนี้ยังรถติด



แต่ไม่ได้มีปัญหาอะไร

ไปสายบ้าง เพื่อให้ชลธีได้รู้สึกว่ากำลังรอเขาไง

เมื่อมาถึงที่หมายอัศนีลงจากรถ เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องแต่งตัว วันนี้ดูคนเยอะกว่าปกติ เพราเขาเห็นรองเท้าและเสื้อผ้าหลายชุดที่วางกองตามเก้าอี้อย่างไม่เป็นระเบียบ นึกตำหนิในใจว่าล็อคเกอร์ให้เก็บก็มีทำไมจะต้องมาถอดวางเกลื่อนกลาดแบบนี้ด้วย คิ้วได้รูปกำลังขมวด เปลี่ยนใส่เสื้อกล้ามและกางเกงขาสั้นเรียบร้อย เขาพอเดาได้ว่าชลธีจะเล่นอยู่ในโซนไหน ภายในห้องด้านใน มุมเครื่องเล่นสำหรับคนที่มีระดับความชำนาญ ปกติต้องคนน้อยที่สุด แต่ในวันนี้...



“มาแล้วๆ” เขาเห็นบางคนกระซิบกระซาบ ขยิบตาและมองอัศนี ทำยังกับเขามองไม่เห็นไปได้

...ตึง..! เสียงวางเครื่องยกน้ำหนัก ชลธีลุกขึ้นนั่งตรงและมองมาที่เขา



“เพื่อนคุณเหรอ” ไม่รอให้อีกฝ่ายพูด อัศนีก็ชิงถามออกไปก่อน

“ใช่ คุณคงไม่รังเกียจนะถ้าในวันนี้เพื่อนผมจะมาด้วย”

“ไม่ได้มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว” เขาไม่ใช่พวกไร้สาระ ถึงแม้จะแอบเสียดายที่ไม่ได้อยู่กับชลธีตามลำพัง เพื่อนของชลธีดูจะคุ้นเคยกับการเข้าฟิตเนส เครื่องเล่นที่ดูหนักก็สามารถเล่นได้กันแทบจะทุกคน



“คุณเล่นโซนนี้ไหวไหม ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวผมพาย้ายไปโซนมือสมัครเล่น” คำถามจากชลธีดัง อัศนีว่ามันไม่ใช่ความเป็นห่วง แต่เหมือนถามย้ำวาเขาคือตัวถ่วงสำหรับวันนี้

“แล้วทำไมต้องเล่นไม่ไหววะ พี่เขาดูแข็งแรงจะตาย” เพื่อนชลธีสมทบ



คำพูดชื่นชม แต่สายตาไม่น่าใช่

เอาหละ อัศนีว่าชัดเจน ไอ้เด็กพวกนี้พร้อมใจกันจะทำให้เขารู้สึกอับอาย



“ผมว่าผมไหว แต่ว่า...ผมอยากลองให้คุณช่วยยกให้ดูก่อน”

..ผลั้ก..! ผลักชลธีให้นอนลงบนเบาะตามเดิมโดยที่มีคานที่ยกน้ำหนักคั่นกลางอก อัศนีเดินไปหยิบตัวถ่วงน้ำหนักมาเพิ่ม หยิบมาทั้งหมดเพิ่มใส่ทั้งสองฝั่ง เขารู้ว่าน้ำหนักขนาดนี้มันหนักเกินคนทั่วไป เพราะขนาดนักยกน้ำหนักในโอลิมปิกยังทำไม่ได้เลย หันไปมองชลธีพบว่าฝ่ายนั้นหน้าถอดสี อัศนีลอบหัวเราะในใจ



“คุณไหวไหม ดูท่าน่าจะไม่ไหวนะครับ”

“ไหว!” คำตอบของชลธีดังสวนกลับมา เพื่อนของชลธีเริ่มซุบซิบกัน ทุกสายตากำลังจับจ้อง

ชลธีใช้มือจับแล้ว เมื่อกำลังจะยกขึ้น

เขาได้ยินเสียงหอบหายใจของอีกฝ่าย ก่อนจะตามมาด้วย..



...เคร้ง!!..

“โอ้ยยย!!!”

“ไอ้ธี!!” หล่นลงจากมือกลางอากาศ เพื่อนของชลธีรีบเข้าไปช่วย อัศนีแกล้งทำหน้าตาตกใจมองคนที่นั่งกุมมือซ้ายของตัวเอง เหตุการณ์วุ่นวายเมื่อหน่วยปฐมพยาบาลของทางฟิตเนสวิ่งเข้ามาหา แต่ชลธีเหมือนยิ่งเสียหน้า หันไปตวาดว่าไม่ต้องมายุ่ง เดินหนีออกไปทั้งที่กุมมือของตัวเองไว้อยู่อย่างนั้น



“มึง” มีเพื่อนของชลธีหนึ่งคนที่เดินมาชี้หน้า

“...?” แต่เพียงแค่อัศนีเลิกคิ้วกลับไปเท่านั้นอีกฝ่ายก็หน้าเสียแล้วรีบวิ่งตามเพื่อนคนอื่นออกไป อัศนีส่ายหน้า นิสัยเด็กมากกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก แต่เขาว่าก็น่ารักดี ถึงแม้วิธีการแต่ละอย่างที่ชลธีจะเอาคืนกันมันดูรุนแรงไปหน่อยก็เถอะ



แอบเป็นห่วงเหมือนกันนะเนี่ย

หวังว่าคงไม่เป็นอะไรมากหรอกนะ



......................



“นี่มันโคตรหยาม มันหยามกันชัดๆ!” เสียงจากหนุ่มวัยรุ่นโวยวาย ชลธีต้องเข้าโรงพยาบาล ผลการตรวจออกมาว่ากระดูกข้อมือเคลื่อน เพื่อนของเขาจะต้องเจ็บตัวเพราะไอ้เวรนั่น ในขณะที่เจ้าตัวอย่างชลธีนั่งหน้าขมวด มองมือซ้ายของตัวเองที่ใส่เฝือกหนาจนไม่สามารถหยิบจับอะไรได้ ดีที่มือขวายังใช้การได้ดี แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำให้ชีวิตเขาลำบากขึ้นได้มากกว่าครึ่ง

“มึงจะยอมมันไม่ได้นะไอ้ธี”

“ใช่ มึงต้องเอาคืน”

“ต้องเอามันให้หนักเลย!” เหมือนเสียงนกเสียงกาที่ดังจอแจเต็มสองข้างหู

“มึงว่าคนอย่างชลธี จะยอมให้ใครมาทำให้เจ็บตัวได้ฟรีๆหรือไง” ถามเพื่อนตัวเองกลับไป หน้าตาของชลธีเคร่งเครียด หากไม่ติดว่าผูกติดกันไว้ด้วยธุรกิจป่านนี้อัศนีได้มานอนแทบเท้าของเขาแล้ว ไม่มีทางที่อีกคนจะมาตามกวนประสาทของเขาเหมือนอย่างในตอนนี้ได้หรอก ยิ่งคิดยิ่งแค้น เขาจะต้องหาทางเอาคืนอีกคนให้ได้เลย!



.....................



..ครืดด!.. กำลังจะหลับตานอนเสียงโทรศัพท์ของชลธีสั่นขึ้นกลางดึก

เขากดเปิดอ่าน ก่อนต้องหงุดหงิดเมื่อพบว่าเป็นใครที่ทักมา



//เป็นอะไรมากไหม ได้ข่าวว่าต้องใส่เฝือก//

//คุณอ่านแล้วคุณก็ควรตอบสิ ผมมาถามอาการคุณนะ//



...เสือก... คำเดียวสั้นห้วนที่ชลธีพิมพ์ตอบกลับไป

//ก็ยังดีที่ตอบ ถึงจะเป็นคำนี้ก็เถอะ//

...คุณต้องการอะไรจากผมกันแน่...



//ผมคือต้นเหตุที่ทำให้คุณเจ็บตัว เพราะงั้นจนกว่ามือของคุณจะหาย ผมจะดูแลคุณเองดีไหม//

...ดูแลอะไรของคุณกัน พูดซะยังกับว่าผมเป็นพวกสาวน้อยไปได้...



//ไม่ใช่แบบนั้น หมายถึงพวกค่าใช้จ่าย ค่ารักษาพยาบาล//

...ได้ วันนี้ผมเสียไปห้าหมื่น คุณโอนเงินมาสิ... ทั้งที่ความจริงชลธีจ่ายไปเพียงสามหมื่นเท่านั้น เขาส่งเลขบัญชีไปให้อีกฝ่าย เพียงไม่นานการแจ้งเตือนว่ามีเงินเข้าก็ดังขึ้น ไอ้บ้านี่ เขาไม่คิดว่าอัศนีจะยอมโอนมาจริง



โง่จริงนะ เดี๋ยวจะปอกลอกให้หมดตัวเลยคอยดูเถอะ

...คุณเลี้ยงข้าวผมเป็นการไถ่โทษสิ...



//ไปกินข้าวกับคุณสองคนเหรอ?//

..ใช่... ชลธีกำลังจะพิมพ์ต่อ

//ได้ ที่ไหนดี วันไหน// แต่อัศนีพิมพ์ตามรัวมาแถมยังตกลงแบบเร็วมาก



...ผมจะทักไปบอกอีกที เตรียมเงินมาให้เยอะหน่อยแล้วกัน... หลังจากนั้นชลธีวางโทรศัพท์ลง เขาไม่ได้สนใจดูด้วยซ้ำว่ามีข้อความอะไรมากมายที่รัวพิมพ์เข้ามาหาอีก ริมฝีปากหยักกำลังยกยิ้มอีกรอบ ในเมื่อไม่สามารถทำร้ายร่างกายอัศนีคืนได้ ถ้างั้นเขาขอเอาคืนโดยการให้อัศนีใช้เงินจำนวนมากมายแทนแล้วกัน ถึงจะรู้ว่าคนแบบอัศนีคงไม่มีทางที่ขนหน้าเเข้งจะร่วง แต่รับรองว่าเขาจะทำให้มีหน้าเสียกันไปบ้างหละ เล่นกับใครไม่เล่น เดี๋ยวได้รู้แน่



 # # # # # # #

ไม่ใช่ไปหวั่นไหวกับเขาแทนซะหละ



หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่3 [26/07/2563]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 26-07-2020 21:45:18
 :katai2-1:



ชอบๆ
หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่3 [26/07/2563]
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 27-07-2020 00:12:52
จะเอาคืนเดี๋ยวก็ได้ตกหลุม(รัก)เขาแบบไม่รู้ตัวนะเออ 555
หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่4 [01/08/2563]
เริ่มหัวข้อโดย: Sirinapa-11 ที่ 01-08-2020 15:13:40
ตอนที่4

#ชิงชังหัวใจ







พวกเขานัดกันออกมาทานข้าในช่วงเย็นวันอาทิตย์ ที่จริงอัศนีมีประชุมแต่เขาเลื่อนออกไปเพื่อยอมมาเจออีกฝ่ายโดยเฉพาะ เวลานัดคือหกโมงเย็น แต่ตอนนี้ปาไปสองทุ่มแล้วแต่ก็ยังไร้เงาของชลธี คนรอเริ่มมองนาฬิกาบ่อยขึ้น ในใจตั้งคำถามว่าหรือการให้เขาคอยเก้อจะคือแผนการของชลธี ใบหน้าของอัศนีฉายแววกังวลใจ หันมองประตูหน้าร้านอาหารหลายต่อหลายรอบแต่ก็พบว่าว่างเปล่า



เข็มนาฬิกาเดินทางจะเข้าสู่เวลาสามทุ่ม อัศนีถอดใจ เขาเตรียมจะเดินออกจากร้าน

แต่แล้วหนึ่งบุคคลที่เดินตรงเข้ามาทำให้อัศนีต้องระบายยิ้มมุมปาก



“...........” ชลธีในชุดเสื้อเชิ้ตสีอ่อน กางเกงขายาวสีครีม การแต่งตัวดูสบายที่ยิ่งขลับให้ฝ่ายให้ดูเป็นชายหนุ่มอบอุ่น อัศนีต้องมนตร์ เขามองนิ่งค้าง ใช้สายตาไล่พิจารณาความงดงามดั่งงานประติมากรรม เมื่อทางฝ่ายนั้นนั่งลงตรงข้ามแล้วเลิกคิ้วเหมือนตั้งคำถามอัศนีเลยอึกอัก รีบส่งยิ้มให้เพื่อทักทาย



“คุณมาช้าไปสามชั่วโมง”

“แต่คุณก็ยังรอผมได้นี่” ชลธีดูไม่รู้สึกผิด แขนข้างซ้ายของอีกฝ่ายยังมีเฝือกดามไว้

“สั่งอาหารเลยไหม คุณอยากทานอะไร”



“ผมเปิดดูเอง” พูดพร้อมมือที่แย่งเมนูอาหารจากมือของอัศนีไป คนตรงนี้ตามใจ นั่งมองฝ่ายคนอายุน้อยกว่าที่กำลังหันไปสั่งอาหารกับพนักงาน เหมือนชลธีไมได้ดูอะไรเลยด้วยซ้ำ เปิดไปดูเมนูหลังสุดที่ราคาแพงสุดของร้าน แต่ละจานราคาเกินหมื่น รวมค่าอาหารไม่น่าต่ำกว่าสองแสน ไหนจะราคาไวน์ที่ขวดละหลายหมื่นนั่นอีก



“คุณใจเย็นก่อน เราจะทานกันไม่หมดนะ” อัศนีเริ่มห้ามปราม

“ทำไม หรือหารกันออกไหม”

“ไม่ใช่แบบนั้น แต่ถ้าสั่งมาแล้วทานไม่หมดมันน่าเสียดาย”

“เสียดายอาหารที่เหลือ หรือเสียดายเงินกันหละคุณอัศนี?” อัศนียอมแพ้ ความหัวดื้อของชลธีนี่ช่างไม่มีใครสามารถปราบได้ ในที่สุดอาหารเกือบยี่สิบจานถูกนำมาวางเรียง ชลธีกินเพียงไม่กี่คำก็วางช้อนลง ทำเอาอัศนีต้องเงยมอง



“คุณอิ่มแล้ว?”

“พอดีผมเพิ่งไปทานข้าวกับน้องอรมา”

“แล้วคุณจะสั่งมาทำไมเยอะแยะ”

“อ้าว ก็คุณบอกจะเลี้ยงนี่” ได้ยินแบบนี้อัศนีชักมีน้ำโห แต่เขายังพยายามปรามตัวเอง



“รินไวน์ให้ทีสิ ผมไม่ถนัดเท่าไหร่เลย” คำขอจากชลธีดังขึ้น คนถูกวานเลยพยักหน้ารับแล้วรินไวน์ลงแก้วให้แก่คนตรงข้าม ส่วนแก้วของอัศนีเป็นน้ำเปล่า ต้องขอบอกเลยว่าเขาไม่ค่อยชอบแอลกอฮอล์นัก ดื่มไปแล้วไร้สติ แถมยังทำให้การตื่นมาทำงานเช้าถัดไปไม่สดใสอีกด้วย มีแต่แย่ เลยเลือกที่จะไม่ดื่มให้จบไปซะ



“คุณดื่มเป็นเพื่อนผมสิ”

“ไม่ดีกว่า ผมไม่ชอบ” อัศนีบอกความจริงไป โดนอีกฝ่ายยิ้มหยันกลับมา

“ทำตัวเหมือนคนแก่อายุสี่สิบไปได้ ห่วงสุภาพมากเลยสินะ”

“ผมห่วงเรื่องงานมากกว่า เป็นผู้นำคน เป็นเจ้าของกิจการ...จะทำอะไรเอาแค่สนุกส่วนตัวไม่ได้”



“เอ๊ะนี่คุณ ว่าผม?” ชลธีถามกลับมา อัศนีส่ายหน้าเหนื่อยใจ

“คุณนี่มันพวกเด็กเลือดร้อนจริงๆเลยนะ”

“ก็คุณหาเรื่องกันชัดๆ ที่แขนผมเดี้ยงแบบนี้ก็เพราะคุณ”

“แต่ผมก็ไถ่โทษโดยการจ่ายค่ารักษาพยาบาลกับเลี้ยงข้าวคุณแล้ว”



“คิดว่าพอหรือไง” ชลธีเสียงเหวี่ยงแต่อัศนีกลับหัวเราะ

“งั้นแล้วจะเอาอะไร ยังเหลืออะไรอีก?”

“........”

“หรือจะให้ผมไปเป็นแฟนคุณเพื่อเป็นการตอบแทนดีหละ นี่มีคนอยากเป็นแฟนผมเยอะมากเลยนะ”

“พูดมาได้!ไม่แขยงปากหรือไง” ชลธีดูหัวเสีย ท่าทางคงจะเริ่มเมาแล้วเพราะเล่นดื่มคนเดียวไปเกือบหมดขวด แก้มขาวที่ขึ้นแสดงเลือดฝาดเต็มไปหมด แลดูน่ารักจนอัศนีต้องลอบมองหลายต่อหลายครั้ง เงินหลายแสนวันนี้ คุ้มมากที่ได้เห็นหน้าของชลธีในระยะใกล้ เขายังคงนั่งอยู่ต่อเป็นเพื่อนของชลธี ตอนนี้เที่ยงคืน ลูกค้าคนอื่นกลับไปหมดแล้วเหลือเพียงเขาทั้งคู่



ชลธีฟุบหลับคาโต๊ะไปแล้ว

คนที่นั่งมองเผยรอยยิ้มขบขัน เริ่มมองรอบด้านเพื่อขอความช่วยเหลือ



“ช่วยพาเขาไปที่รถทีได้ไหม” คำขอจากลูกค้าที่บริกรหนุ่มรีบรุดเข้ามาช่วย อัศนีเดินสูบบุหรี่ตามหลัง มองชลธีที่กำลังถูกหิ้วปลีกจากพนักงานหนุ่มทั้งสองคน รถยนต์ของเขาจอดอยู่ด้านหลังส่วนรถของชลธีคงจะต้องฝากไว้ที่ร้านเพราะสภาพของอีกฝ่ายคือเมาจนหลับไร้สติไปแล้ว เข้ามาในรถกลิ่นไวน์คลุ้งไปหมด เอาซะอัศนีรู้สึกปวดหัว ไม่รู้ว่าดื่มเข้าไปขนาดนั้นได้ยังไงเพราะแค่ได้กลิ่นเขายังรู้เลยว่าปริมาณแอลกอฮอล์ในนั้นมันเยอะมาก



เมื่อมาถึงคอนโดอัศนีก็ให้ยามหน้าคอนโดช่วยพาชลธีขึ้นห้อง

เขาไม่ยอมออกแรงแบกหรอกนะ หนักจะตายชักเสียขนาดนี้



“ตื่นมาจะโวยวายไหมนะ นิสัยยิ่งเด็กๆอยู่” ชลธีพูดทั้งรอยยิ้ม ยืนกอดอกมองคนที่นอนหลับอยู่บนเตียง เขาคิดว่าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ชลธีเพราะท่าทางคงจะหลับไม่สบาย แต่หัวใจกลับเต้นระส่ำ เพียงแค่คิดถึงภาพแผ่นอกและการได้โดนเนื้อตัวอีกฝ่าย ทำไมคนแบบอัศนี จะต้องมาแพ้ให้ไอ้เด็กหัวร้อนคนนี้ด้วย

“ขอโทษที แต่ถ้านอนทั้งแบบนี้คุณจะต้องไม่สบายตัวแน่” อัศนีพึมพำ มือเริ่มแกะกระดุมเสื้อของคนที่หลับ เขากลืนน้ำลาย แผ่นอกขาวกระจ่างประดับต่อสายตา ใบหน้าของชลธีเจือไปด้วยเลือดฝาดจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ยิ่งอยู่มกล้ยิ่งเห็นชัดถึงเครื่องหน้าที่สมบูรณ์แบบ อัศนีเผลอใช้มือลูบเกลี่ยตามโครงหน้าอีกฝ่าย



เขาหายใจไม่เป็นจังหวะ เหมือนจะขาดใจตายเสียให้ได้เลย

ต้องรีบห้ามใจ รั้งตัวเองออกแล้วยืนตั้งสติ



“นี่มันบ้ามาก คุณเล่นของใส่ผมหรือเปล่า” นึกขำตัวเองที่ทำตัวยังกับเจอรักแรกตอนอายุสิบสี่ ตอนนี้ถอดช่วงบนเสร็จเรียบร้อยต่อไปก็เหลือช่วงล่างที่คืองานยาก อัศนีพยายามเบามือ เขาถอดกางเกงของชลธีออกจนเหลือเพียงบ็อกเซอร์ ชะงักทันทีเมื่อสายตาสบเข้ากับเจ้าหนอนตัวน้อยที่กำลังหลับใหลอยู่ใต้กางเกง ห้ามใจไม่ให้มอง รีบดึงผ้าห่มคลุมตัวของชลธี เตรียมชุดใหม่มาเปลี่ยนใส่ให้ ดีที่ตัวของเขาพอๆกันเลยใส่เสื้อผ้าของกันและกันได้สบาย



ทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยอัศนียืนมองผลงาน

เขายิ้ม ก่อนจะเดินออกมาแล้วตรงไปนอนยังอีกห้องนอนซึ่งอยู่ถัดไป



..

..

..



“เชี่ย”  เสียงสบถดังขึ้นในยามเช้า อาการปวดหัวคือสิ่งแรกที่ชลธีได้รับ เขาขยี้ตา ก่อนต้องเบิกตากว้างเมื่อพบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในห้องส่วนตัว ภาพเมื่อคืนย้อนเข้ามา จำได้ว่าออกมากินข้าวกับอัศนี ดื่มไวน์เข้าไปเยอะมาก แล้วก็ภาพตัด...

อย่าบอกนะว่า!!

“แม่งเอ้ย” เมื่อเห็นว่ากรอบรูปบนหัวนอนคือรูปเดี่ยวของใครชลธีสบถ มองเสื้อผ้าที่ถูกเปลี่ยนแล้วหน้าซีด เขาสะดุ้ง รีบจับบั้นท้ายของตัวเองว่ายังโอเคดีไหม แล้วก็ถึงกับโล่งอกเพราะมันยังสบายดี คงแย่มากหากตื่นมาแล้วต้องพบว่าถูกข่มขืน คนแบบอัศนีเดาทางไม่ออก บางทีอาจอยากเอาคืนเขาด้วยวิธีต่ำตมแบบนั้นก็ได้ ชลธีพาตัวเองลงจากเตียง



ได้ยินเสียงคุยกันจากหน้าห้อง

...แกร๊กกก... และเมื่อแอบแง้มประตูไปมอง คนแรกที่เห็นคือชลธีในชุดอยู่บ้าน แลดูสบายจนไม่น่าเชื่อว่าคืออีกฝ่าย กำลังยืนคุยอยู่กับชายหนุ่มอีกคนที่ชลธีค่อนข้างคุ้นหน้า ก่อนเขาจะนึกออกว่านั่นคือทินกร นักธุรกิจคนดังที่ทำไมถึงมาโผล่ที่ห้องของอัศนีได้ตั้งแต่เช้า นี่มันน่าสงสัย สนิทกันแค่ไหนก็ไม่น่าจะดูก้าวก่ายพื้นที่ส่วนตัวได้เท่านี้หรือเปล่า



“ถ้าไม่ว่างไม่เป็นไร เราค่อยไปกันวันอื่นก็ได้”

“แต่วันอื่นอัฐมีประชุมนะ ช่วงนี้งานยุ่ง โปรเจคต์ใหญ่เพิ่งมาน่ะ” ประโยคหลังอะไรไม่รู้ แต่ชลธีชะงักที่ได้ยินอัศนีแทนตัวเองว่าอัฐ ชัดเจนว่าสองคนนี้สนิทกันมาก แต่สนิทกันมากยังไงทำไมถึงไม่เคยเห็นข่าวว่าคือเพื่อนกันเลย



“แล้วอัฐจะว่างช่วงไหน กรดูที่พักไว้แล้ว...ห้องสวยมาก” บทสนทนาเริ่มแปลก

“กร...เราเลิกกันมาก็.....” อัศนีที่กำลังจะพูดต่อ ทางนั้นชะงัก ชลธีเองก็ชะงัก



พวกเขาสบตากัน และนั่นแหละ ถูกจับได้เสียแล้วว่าแอบฟัง....

“คุณตื่นนานแล้วเหรอ” ชลธีพยักหน้ากับคำถามของอัศนี เขาเดินออกมาจากห้อง มองสบสายตาของทินกรที่จ้องมองกันเหมือนไม่พอใจ ทางนั้นเดินหุนหันออกไปแบบไม่บอกกล่าว ทำเอาชลธีงุนงงว่าเขาทำอะไรผิดกัน



“ผมให้คนเอารถคุณมาจอดที่หน้าคอนโดผมแล้ว...ถ้าอยากจะกลับก็กลับได้เลย”

“ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อคืนผมจะนอนห้องคุณ” ชลธีทำหน้าเหมือนแขยง



“ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ...จะทานข้าวก่อนไหม หรือจะกลับเลย”

“ผมจะกลับเลย” พูดจบประโยคชลธีเดินไปคว้ากุญแจรถของตัวเอง เขากำลังจะเดินออกจากห้อง

“เออยืมเสื้อผ้าก่อน ไว้จะซักมาคืน” ทิ้งท้ายประโยคนี้ไว้พร้อมขาของชลธีที่รีบพาตัวเองเดินออกจากห้อง อัศนีมองตาม เขาเผยรอยยิ้มที่ดูเขินอายมากเหลือเกิน เดินกลับเข้าไปในห้องนอนตัวเอง มองเตียงที่ชลธีนอนไปก่อนหน้าก่อนจะยิ้มออกมาอีกครั้ง



..

..

..



“คุณ!!” แต่ชลธีกำลังจะเปิดประตูขึ้นรถเสียงเรียกจากด้านหลังดันดังขึ้นก่อน เมื่อหันไปมองเขาเลิกคิ้ว

ทินกรนั่นเอง

ไอ้คนที่ชลธีเจอบนห้องของอัศนีเมื่อเช้า



“อัศนีไม่เคยจริงจังกับใครหรอก คุณอย่าดีใจไปนักเลยกับการที่แค่ได้นอนค้างห้องเขา”

“............”

“เพราะผมเคยทำมากกว่านั้นอีก” ประโยคและท่าทางไม่เป็นมิตร ชลธีไม่ได้ตอบโต้เพราะเมื่อเดินมาว่าเขาเสร็จทางทินกรก็จากไป คงมีเพียงชลธีที่ตลอดทางขับรถกลับภายในหัวเต็มไปด้วยคำถาม ทินกรกับอัศนี? สองคนนั้น?



“มันเคยคบกันชัวร์!!” เสียงจากกลุ่มชายหนุ่มตอบพร้อมเพรียง ชลธีนั่งอยู่บนโซฟาข้างโต๊ะสนุกเกอร์

“เคยคบกัน?คบกันยังไงวะ ผู้ชายทั้งคู่”

“บนโลกนี้ก็มีคำว่าเกย์ไหม”

“เป็นเกย์?แต่ข่าวมันควงผู้หญิงอย่างมั่ว แล้วทั้งกับน้องอร”



“งั้นมึงก็ควรจะรู้จักคำว่าไบเซ็กชวล” ชลธียิ่งไม่เข้าใจหนัก

“ขยายความมากกว่านี้ได้ไหม”

“โอ้ยย ไอ้โง่เอ้ย เรื่องอื่นนี่ฉลาดเรื่องนี้เสือกโง่” โดนรุมด่าจากทุกทาง ชลธีหละเหนื่อยใจ นี่พวกมันเป็นเพื่อนเขาหรือว่าเพื่อนของอัศนีกัน น่าเบื่อหน่าย ชีวิตของเขาวุ่นวายตั้งแต่คนชื่ออัศนีได้ก้าวเข้ามา



“ก็คือมันได้ทั้งผู้ชายทั้งผู้หญิงไง”

“.........”

“กูบอกแล้ว ว่ามันชอบมึง”

“ก็เหี้ยละ ชอบกูอะไร มึงดูสภาพแขนกูก่อน” ชลธีรีบค้าน



“พนันกันไหมหละ ยังไงมันก็ชอบมึง...ไม่แน่มันอาจจะอยากได้ทั้งมึงทั้งน้องอร”

“..........”

“เอางี้นะไอ้ธี กูว่ามึงควรจะพิสูจน์...ถ้าเกิดมันชอบมึงจริง มึงต้องจัดการมันซะ...กักมันให้ได้ทุกทางเพื่อที่มันจะได้ไม่มีฤทธิ์มายุ่งกับน้องอรของมึงต่อ ไอ้พวกเจ้าชู้ไม่รู้จักพอ มันต้องเจอของจริงบ้าง”



“กูไม่เข้าใจ จัดการยังไง?”

“ก็หลอกเอามันไง”

“เชี่ย!”



“หรือมึงจะให้มันเอา?”

“ไม่โว้ย!”

“เอองั้นมึงก็ต้องเอามัน”



“ก็ไม่อีก กูไม่เอามัน!” ชลธีเสียงแข็ง ตะโกนตอบโวยวายด้วยใบหน้าที่รับไม่ได้

“มันก็เหมือนนอนกับผู้หญิงแหละ ปิดไฟใส่ๆไปก็เสร็จ”



“ขอร้องเลยนะ แต่มึงมีแผนอื่นที่ดีกว่านี้ไหม” หน้าของชลธีดูแย่มากจนเพื่อนพากันหัวเราะ ให้ตายเถอะ เกิดมายังไม่เคยต้องทำเรื่องอะไรที่ดูขืนใจตัวเองขนาดนี้ ให้เขานอนกับอัศนี เอาเขาไปกระทืบให้ตายยังดูน่าสบายใจกว่า



แค่นึกภาพที่ต้องถอดเสื้อผ้าแล้วนัวเนียกันก็พะอืดพะอมจนอยากอ้วก

เขาทำใจไม่ได้ ทำไม่ลงจริงๆ



# # # # # # #

พูดไว้แล้วนะ ถ้าพูดแล้วคืนคำเป็นหมาน้าาคุณธี













หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่4 [01/08/2563]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 01-08-2020 16:13:20
เพื่อนก็ช่างยุ
หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่4 [01/08/2563]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 01-08-2020 19:44:45
 :hao3:
หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่4 [01/08/2563]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 01-08-2020 22:17:06
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่4 [01/08/2563]
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 03-08-2020 00:24:59
จ้าาาาา  :impress2:
หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่4 [01/08/2563]
เริ่มหัวข้อโดย: nightsza ที่ 03-08-2020 01:51:58
เพื่อนยุเก่งกันทั้งนั้น
หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่4 [01/08/2563]
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 04-08-2020 14:45:03
เหล่าเพื่อนนี่ตัวดี​ ยุอะไรเนี่ย5555
หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่5 [06/08/2563]
เริ่มหัวข้อโดย: Sirinapa-11 ที่ 06-08-2020 21:42:41
ตอนที่5

#ชิงชังหัวใจ







อัศนีก้าวขาลงจากรถ เงยหน้ามองบริษัทสูงตระหง่านเบื้องหน้า รอยยิ้มมุมปากปรากฏ เรียกเสียงกรีดร้องและท่าทีเขินอายจากสาวพนักงานน้อยใหญ่ มือหนึ่งข้างที่ล้วงกระเป๋า ส่วนแขนอีกข้างพาดไว้ด้วยสูทราคาแพงสีเข้ม เพียงมีข่าวเกลื่อนถึงหูว่าวันนี้อัศนีจะมาเยือนบริษัทอีกครั้ง เหล่ากลุ่มคลั่งคนหล่อก็รีบแต่งตัวสวยมาทำงานแต่เช้าเพื่อรอพบเจอชายหนุ่มขวัญใจสาวค่อนประเทศ สายตาคู่หวานเชื่อมแสนเจ้าเล่ห์ที่ไล่กวาดมองโปรยเสน่ห์ไม่หยุด



“คุณชลธีรอพบอยู่ที่ห้องรับแขกแล้วครับ มีอาหารเช้ารอไว้ด้วย” เสียงจากเลขาคนสนิทดังขึ้น

“เหรอ ได้แจ้งเขาไปหรือเปล่าว่าผมทานอาหารทะเลไม่ได้”

“แจ้งไปแล้วครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้เลย” ได้ยินแบบนีอัศนีพยักหน้ารับรู้ ก้าวขาเข้าไปในลิฟต์ มองนาฬิกาที่ชี้บอกเวลาแปดโมงเช้า ลิฟต์สำหรับงานฝ่ายบริหารเคลื่อนมาหยุดอยู่ที่ชั้นสูงสุด เมื่อพ้นออกมาภายในตัวอาคารปรากฏถึงภาพชั้นสำหรับรับแขกที่ตกแต่งอย่างหรูหรา กลางห้องมีโซฟาขนาดกว้าง กลางโต๊ะกระจกมีอาหารหลากหลายชนิดวางอยู่ อัศนีลอบยิ้มมุมปาก วันนี้ชลธีใส่ชุดสีน้ำเงินเข้ม เสื้อเชิ้ตด้านในและเนคไทน์ที่ไม่ได้เรียบร้อยนัก แขนเสื้อที่กระดุมก็ไม่ได้ติดแถมยังพับขึ้น หากเป็นแขกคนอื่นที่ไม่ใช่เขาบอกเลยว่าคนแบบชลธีจะต้องโดนตำหนิ



“สวัสดีครับ”

“อืม” ชลธีหันมาครางรับไปหนึ่งครั้ง เมื่อเห็นว่าอัศนีมาถึงแล้วฝ่ายคนที่นั่งรอยืดหลังนั่งตรง อัศนียื่นสูทส่งให้เลขาคนสนิท แต่เมื่อหันกลับมาเจอกับอาหารบนโต๊ะรอยยิ้มของเขาหุบลง มีตั้งแต่ต้มยำกุ้ง ปูผัดผงกระหรี่ ยำปลาหมึก กุ้งเผา อาหารแต่ละอย่างที่หน้าตาหน้ากินแต่สำหรับอัศนีแล้วมันเหมือนนรก เพียงได้กลิ่นที่เขารู้สึกไม่สบายตัว



“คุณอัศนี...” เลขาหนุ่มโน้มตัวกระซิบข้างหู

“ไม่เป็นไร” ซึ่งอัศนีหันไปพูดด้วยก่อนจะหันกลับมามองชลธีอีกครั้ง เห็นว่าคนตรงข้ามยกมือปิดปาก ไหล่สั่นเล็กน้อยอย่างคนที่กำลังกลั้นหัวเราะ อัศนีเลยกวักมือเรียกฝ่ายของเลขาชลธีบ้าง เขากระซิบสั่งบางอย่างกับเธอไป เพียงไม่นานพริกป่นถูกนำมาเสริฟให้ คราวนี้เป็นชลธีที่ต้องเลิกคิ้ว



..พรึบ... พริกป่นจำนวนหลายป้อนถูกตักใส่อาหารทุกชนิด เห็นว่าชลธีกลืนน้ำลายอึกใหญ่



“ผมชอบทานรสจัด ลืมบอกไปครับ” เมื่ออัศนีพูดประโยคนี้มือของชลธีกำแน่น ไม่ใช่เพียงชลธีที่รู้ว่าอัศนีแพ้อาหารทะเล แต่อัศนีเองก็ทราบมาเหมือนกันว่าชลธีไม่สามารถทานเผ็ดได้ ถึงอย่างนั้นแล้วต่างฝ่ายก็ต่างไม่ยอมแพ้ เริ่มลงมือทานอาหาร จ้องหน้ากันนิ่งแบบตักคำต่อคำ ชลธีหน้าแดงจัด เริ่มเหงื่อไหลและร้องขอน้ำเปล่า

“หึ” เสียงหัวเราะจากอัศนีที่เรียกให้คนอายุน้อยกว่าต้องมองตาขวาง ชลธีเริ่มขมวดคิ้ว ท่าทางของอัศนีไม่ได้ดูเดือดร้อนอะไรกับการตักอาหารทะเลเข้าปากเลย มีเพียงแต่ตัวของเขาที่แทบจะเผ็ดตายอยู่แล้ว



“ผมอิ่มแล้ว” จนในที่สุดก็เป็นชลธีที่ยอมแพ้

“หืม แต่คุณเพิ่งจะทานไปไม่กี่คำ...ทานอีกสิครับ” อัศนีกวนประสาท มีการตักอาหารให้ชลธีเพิ่ม

“ผมบอกผมอิ่มแล้ว” คราวนี้ทางชลธีเสียงแข็งกลับมา อัศนีหัวเราะผะแผ่ว ละมือออกจากช้องส้อมแล้วเอื้อมไปคว้าน้ำสะอาดขึ้นดื่ม คนแพ้แบบชลธียิ่งโกรธเคือง แสดงออกทางสีหน้าอย่างชัดเจน



“ผมจะไปเตรียมเอกสารไว้ให้ ตามมาเจอกันที่ห้องทำงานผมแล้วกัน” ทิ้งประโยคเอาไว้ก่อนที่จะเดินหนีออกไป อัศนีมองตามชายหนุ่มเลือดร้อนที่เดินหนีออกไปพร้อมกับเลขาส่วนตัว

“คุณอัศนี!” เสียงเลขาของอัศนีดังขึ้นเพราะในทันทีที่ชลธีเดินจากไป อัศนีก็รีบลุกออกจากโซฟาพร้อมวิ่งตรงไปที่ห้องน้ำ เขาได้ยินเสียงแว่วจากเลขาที่ร้องเรียกแล้วรีบวิ่งตาม เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องน้ำสิ่งแรกที่อัศนีทำก็คือการโก่งคออาเจียน ภาพรอบด้านของเขาเบลอไปหมด ลมหายใจหอบถี่ที่เหมือนหัวใจเต้นรัวจนแทบจะระเบิด เมื่อปลดกระดุมเสื้อออกสิ่งที่ได้เห็นผ่านบานกระจกก็คือผื่นแดงที่ขึ้นเต็มแผ่นอก



“คลีน เอายามา” เพียงอัศนีออกคำสั่งเท่านั้นที่เลขาทำหน้านึกออกแล้วรีบวิ่งกลับไปที่กระเป๋าตัวเอง แล้วยาเม็ดเล็กก็ถูกยื่นให้ อัศนียัดมันเข้าปากโดยไม่ตามด้วยน้ำ เขาพยายามควบคุมลมหายใจ ทรุดตัวนั่งลงกับพื้นห้องน้ำอย่างคนที่เหมือนไม่มีแรง อาการแพ้อาหารทะเลของอัศนีจัดอยู่ในโหมดรุนแรง เขาตายได้หากทานไปมากกว่านี้และไม่มียาคอยช่วย ในกระเป๋าสตางค์ของอัศนีมียาแก้แพ้ยามฉุกเฉินอยู่ตลอดเพราะบางครั้งไม่สามารถคาดเดาได้ว่าในอาหารบางชนิดมีอาหารทะเลปนเปื้อนอยู่ไหม แค่พวกเครื่องปรุงที่ทำจากของทะเลเขาก็ทานไม่ได้



“ไปหาหมอไหมครับคุณอัฐ” เลขาคนนี้รู้สึกผิด คลีนหน้าหงอย เขาไม่ควรให้อัศนีแตะอาหารพวกนั้นเลยด้วยซ้ำ

“ไม่ต้อง วันนี้น่าจะคุยงานไม่นาน...หลังจากนี้ค่อยไป”

“แต่ว่า...”

“ไม่เกินชั่วโมง” อัศนีลุกขึ้นยืน เขาติดกระดุมเสื้อเข้าตามเดิมเมื่อเริ่มรู้สึกว่าตัวเองหายใจสะดวกมากขึ้น หากแต่อาการเวียนหัวยังคงหลงเหลือ จัดแจงตัวเองอยู่นานพอสมควรกว่าที่จะตัดสินใจไปที่ห้องทำงานของชลธี หยุดยืนอยู่หน้าประตูไม้บานหนาพลางคิดในใจถึงไอ้เด็กตัวแสบที่ชักจะแกล้งกันแรงขึ้นทุกที



“ปากบวมแหนะ” แต่เมื่อเขาเปิดประตูเข้าไปเสียงทักทายที่เหมือนคนชนะของชลธีก็ดังขึ้น

“ดูสนุกจังเลยนะครับ นี่เราจะเริ่มคุยงานกันเลย...หรือว่าทำอย่างอื่นก่อนดี” อัศนียื่นหน้าไปใกล้ ชลธีถอยกรูด

“ทำอย่างอื่นอะไร มาคุยงานไม่ใช่หรือไง”

“หึ” เสียงหัวเราะของอัศนีช่างน่าหมั่นไส้ ชลธีหงุดหงิด ที่บอกว่าแพ้อาหารทะเลคือมีอาการแค่นี้น่ะเหรอ แบบนี้อย่าเรียกว่าแพ้เลย ที่เขาเผ็ดแทบตายยังทรมานกว่าเสียอีก ยิ่งคิดยิ่งแค้น เปิดเอกสารด้วยใบหน้าบึ้งตึง



“ออกแบบรถมาใหม่แล้ว ชอบไหม โอเคยัง” คำถามจากชลธีดังขึ้น

“.........” อัศนียังเงียบไม่ตอบ แต่มือกำลังไล่เปิดดูรูปแต่ละส่วนของรถยนต์ที่จะร่วมงานกัน ในตอนนี้หัวใจของชลธีเต้นตึกตัก ตื่นเต้นเหมือนกับว่าออกไปพรีเซ้นต์งานหน้าห้องตอนปีหนึ่ง กระทั่งที่ได้เห็นแววตาพึงพอใจจากอัศนีทางชลธีถึงได้โล่งอก คนอายุมากกว่าเงยหน้าออกจากแฟ้ม



“คุณออกแบบเองเหรอ เก่งนี่”

“...........” ชลธียิ้มแบบว่า เออเป็นไงหละ ฝีมือฉันทั้งนั้น

“แต่ที่จริงของรอบเก่าก็สวยแล้วนะ ผมชอบแบบเดิมมากกว่า...เราใช้แบบเดิมเถอะ” ก่อนรอยยิ้มของชลธีจะต้องหุบลง เขานั่งแก้แบบใหม่มาค่อนคืน ใช้เวลาจดจ่ออยู่กับมันนานนับอาทิตย์จนหัวแทบระเบิด แต่สุดท้ายอัศนีกลับมาบอกว่า ชอบแบบเก่ามากกว่า และจะเอาแบบเดิมมาใช้สำหรับการขาย...



..หมับ!!.. อัศนีเลิกคิ้ว ชลธีพุ่งข้ามโต๊ะเพื่อเข้ากระชากคอเสื้อของเขา

“มึงจะเอาแบบนี้ใช่ไหม มึงจะเล่นกับกูใช่ไหม” เสียงจากอีกฝ่ายเค้นถามแต่อัศนีกลับหัวเราะ



“ใจเย็นสิคุณ ไม่มีอารมณ์ขันเอาซะเลยนะ...ผมก็แค่ล้อเล่นเอง”

“............” ใบหน้าที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวของอัศนี ชลธียังคงกำคอเสื้อของอีกคนแน่น จนเป็นอัศนีเสียเองที่ต้องใช้มือแงะหมัดของอัศนีออก เขาดึงเสื้อเชิ้ตที่ยับ จัดคอปกที่ผิดรูปให้กลับมาเรียบร้อยตามเดิม แววตาของชลธียังคงจ้องกันนิ่ง



“เอาแบบล่าสุดที่คุณทำนี่แหละไปขาย...ไม่ต้องกลับไปแก้แล้ว ถ้ารถตัวแบบคันแรกเสร็จ ผมจะเข้ามาตรวจงานอีกทีนะ” อัศนีเหมือนรีบพูด ลุกขึ้นยืนพร้อมเตรียมจะเดินออกจากห้อง ก่อนจะถึงหน้าประตูเขาได้ยินเสียงฝีเท้าจากคนด้านใน ชลธีกำลังเดินตรงเข้ามาหา แรงกระชากแขนที่ทำให้อัศนีต้องหันกลับไปมองเจ้าของผิวกายขาวอีกครั้ง



“อย่าคิดว่าเป็นเพื่อนร่วมธุรกิจแล้วจะกวนประสาทผมยังไงก็ได้นะ” ชลธีใบหน้ายังโกรธอยู่

“แค่ล้อเล่นเองหน่าคุณชลธี เรายังต้องร่วมงานกันอีกยาวนะครับ”

“ผมไม่ใช่เพื่อนเล่นคุณ”

“โอเคๆ ผมยอมแพ้...รอบนี้ผมขอโทษ โอเคไหม” คำขอโทษของอัศนีดูไม่จริงใจเลยสักนิด ชลธีขมวดคิ้ว



..ผลั้ก... ผลักอีกคนออกแล้วเดินกลับไปนั่งลงยังโต๊ะทำงานของตัวเองตามเดิม ไม่สนใจคำบอกลาจากอัศนีที่ทางนั้นเอ่ยบอก เมื่อเสียงปิดประตูห้องดังขึ้นชลธีทุบมือลงบนโต๊ะ ยกมือยีหัวของตัวเองอย่างคนโมโหที่หาทางระบายไม่ได้

“โว้ยย!!” เสียงโวยวายของอัศนีดังออกมาถึงหน้าห้อง อัศนีหันไปมอง เขาหัวเราะทั้งส่ายหน้า



“คุณอัฐ อาการเป็นยังไงบ้างครับ แล้ว...” เสียงรัวจากเลขาที่ยืนรอหน้าห้องดังถามขึ้น

“ไปรถเถอะ” อัศนีตอบไม่ตรงในสิ่งที่อีกคนสงสัย รู้แค่เพียงว่าตัวเองเดินเร็วมาก ไม่ได้สนใจมองหรือทักทายพนักงานระหว่างทางเหมือนอย่างขามา เมื่อเห็นว่าอัศนียกมือกุมขมับฝ่ายเลขายิ่งร้อนใจ



“เฮ้อออ!!” เพราะในทันทีที่เข้ามาถึงรถสิ่งแรกที่อัศนีทำก็คือการเอนตัวนอนลงบนเบาะ ดวงตาคู่สวยที่ปิดลงแต่ลมหายใจยังคงหอบถี่ ท่าทางแบบนี้ของอัศนีน่าเป็นห่วงมาก แทบไม่ต้องคิดที่จะเหยียบรถตรงไปที่โรงพยาบาล ทุกคนดูแตกตื่นทั้งหมอและพยาบาล คงมีแค่ตัวของอัศนีที่ไม่ได้ตกใจอะไรกับอาการของตัวเองเลย



“อะไรอีกเนี่ย” คุณหมอหนุ่มวิ่งตรงเข้ามาหา ชุดกาวน์ที่เหมือนเพิ่งจะคว้ามาใส่

“คุณอัฐกินอาหารทะเลมาครับ”

“เผลอกินเหรอ ไม่ได้สั่งเขาก่อนหรือไงว่าห้ามใส่เครื่องปรุงอะไรบ้าง”



“ไม่ใช่เครื่องปรุงครับ รอบนี้กินกุ้งกินหมึกเป็นตัวๆ...ตั้งแต่ประมาณ ชั่วโมงที่แล้ว”

“แล้วเพิ่งจะมา!!?”

“ก็คุณอัฐติดงาน...”

“ไม่รอให้มันตายก่อนเลยหละ!” เลขาตัวเล็กหน้าซึม โดนคุณหมอดุเพราะทำหน้าที่ดูแลเจ้านายบกพร่อง อัศนีถูกเข็นนำไปในห้องฉุกเฉิน คลีนเดินไปมารอเป็นชั่วโมงแต่ก็ไม่มีท่าทีว่าเจ้านายจะออกมาเสียที เขายิ่งร้อนใจ เดินวนแล้ววนอีกจนเหมือนคนบ้า ไม่รู้เหตุผลเหมือนกันว่าทำไมอัศนีต้องยอมทานทั้งที่รู้ว่าตัวเองทานไม่ได้



............................



[แกเอาอาหารทะเลให้คุณอัฐทานงั้นเหรอ]

“อะไร ผมเปล่านะ” ตื่นมาตอนเช้าชลธีก็โดนพ่อโทรมาสวดยับ

[อย่ามาโกหกฉัน ฉันเค้นถามจากเลขาแกมาหมดแล้ว!]



“ก็....เขาก็แค่ปากบวมเองนี่ จะมาโมโหอะไรผมเนี่ย”

[แค่ปากบวมบ้านแกสิ ตอนนี้คุณอัฐเข้าโรงพยาบาล...แกไปซื้อดอกไม้แล้วตามไปขอโทษเขาซะ!!]

“พ่อ!มันโกหก เชื่อผมสิ!เมื่อวานมันไม่ได้เป็นอะไรด้วยซ้ำอ่ะ”



[ไอ้ธี!แกเป็นคนผิดนะ!ฉันบอกให้แกตามไปขอโทษไง!!]

“โธ่เอ้ยยย!อะไรนักหนาเนี่ย”

[ชลธี!!!]

“ผมรู้แล้ว!เดี๋ยวไป!” ชลธีตัดสาย หงุดหงิดไม่น้อยไปกว่าพ่อของตัวเองเลย ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมไปโรงพยาบาลที่พ่อส่งข้อมูลตามมาให้ในข้อความ ระหว่างทางที่ชลธีแวะซื้อดอกไม้ ใบหน้าของเขาบึ้งตึง เมื่อถึงโรงพยาบาลก็ตรงไปยังชั้นที่อัศนีพักฟื้นอยู่ ก่อนจะเดินเข้าห้องไม่ลืมส่องผ่านกระจกตรงบานประตู



อัศนีกำลังหัวเราะ คุยอยู่กับคุณหมอที่ดูยังหนุ่ม

อาการดูเหมือนคนป่วยยังไง เขาบอกพ่อแล้วไงว่าคนแบบอัศนีเล่นละครแน่!



...ก็อกๆๆ!... เคาะประตูไปเสียงดัง ก่อนจะเปิดเข้าไปเพื่อพบกับรอยยิ้มของอัศนี ท่าทางของอีกคนดูไม่เหมือนคนป่วยเลย คงมีแค่ต้องยอมรับว่าหน้าดูซีดกว่าปกติเท่านั้น เมื่อเห็นว่าเขาเข้ามาทางฝ่ายคุณหมอเลยขอตัวไปทำงาน ชลธีอึกอัก เขาวางช่อดอกไม้ลงบนหัวเตียง เพิ่งจะเคยได้เห็นในตอนที่อัศนีอยู่ในชุดที่ไม่ใช่ชุดสูทหรือชุดออกกำลังกาย ผมที่ไม่ได้เซตตั้งขึ้นและปล่อยลงยาวปรกหน้าผาก ทำแบบนี้แล้วดูหน้าเด็กลงประมาณสิบปีได้ ตอนนี้เหมือนอีกคนเป็นน้องเขา



“รู้ว่าแพ้แล้วคุณจะกินทำไม”

“แล้วคุณรู้ว่าผมแพ้ แล้วคุณจะเตรียมไว้ทำไม?” อัศนีถามกลับมา ชลธีชักสีหน้า

“ไม่น่ารอดมาเลยนะ”



“ถ้าผมตายคุณคงร้องไห้เสียใจแย่”

“มีแต่จะจัดงานเลี้ยงถ้าเกิดว่าคุณตาย”

“ว้าว น่าสนใจจัง...อย่าลืมสเต๊กปลาของโปรดผมด้วยนะ”

“ได้ จัดสเต๊กปลาทะเลให้เลย” คำตอบของชลธีเรียกเสียงหัวเราะจากคนฟัง



“ใจร้ายจังเลยนะ” เมื่ออัศนียียวนทางคนอายุน้อยกว่าเพียงยักไหล่แล้วทำไม่สนใจ เสียงประตูห้องถูกเปิดเข้ามาอีกครั้งแต่รอบนี้เป็นพยาบาลสาว เธอนำยามาให้ ก่อนจะเดินออกไปเมื่อเห็นว่ามีคนเฝ้าอัศนีอยู่แล้ว ชลธีกอดอกมองคนที่หยิบยาเข้าปาก ก่อนต้องเบิกตากว้างเมื่อสิ่งที่อัศนีทำถัดมาก็คือการถอดเสื้อ



“คุณทำอะไร?” เสียงถามอย่างร้อนรนดังขึ้น

“ถอดเสื้อไง ผมต้องทายานะ” อัศนีตอบกลับมา ช่วงบนของอีกคนเปลือยเปล่า ชลธีนิ่งค้าง ภาพถอดเสื้อของอัศนีที่เคยเห็นเพียงจากภาพที่เพื่อนเปิดตอนนี้อยู่ต่อหน้า รอยสักที่เต็มหลังของอีกคน มัดกล้ามบนแผ่นอกอย่างคนรักษาสุขภาพ อัศนีชำเลืองมองอีกฝ่ายพร้อมลอบยิ้ม เขาทายาช่วงหน้าอกได้ แต่สำหรับแผ่นหลัง



“คุณช่วยผมหน่อยได้ไหม”

“ช่วย?” ชลธีทวนคำ

“ใช่ ช่วยทายาที่หลังให้ผมหน่อยได้ไหม”

“............”

“หรือว่าคุณกลัวว่า...”

“ไม่ได้กลัว” กระตุ้นง่ายมากสำหรับคนแบบชลธี เพียงยียวนนิดหน่อยอีกคนก็แทบจะถลาเข้ามาคว้าหลอดยา แรงยวบของเตียงจากด้านหลัง ชลธียังคงนิ่ง มองแผ่นหลังของอีกคนที่อยู่ใกล้เพียงคืบ รอยผื่นบนหลังมีไม่เยอะมากนัก เพราะแบบนี้เขาถึงได้เห็นลายละเอียดอื่นชัดเจน ชลธีกรอกตาไปมา เขาอยู่ไม่สุขแต่ก็บังคับตัวเองให้บีบยาใส่ปลายนิ้ว



เมื่อสัมผัสลงบนผิวเนื้อสีน้ำผึ้งเบื้องหน้า ลมหายใจของชลธีติดขัด

หัวใจของเขาเต้นรัวเหมือนจะหลุดออกมา รีบทาให้เสร็จ

..ผลั้ก... ผลักอีกฝ่ายออกแล้วลุกหนีจากเตียง



“ผมกลับก่อนนะ!” ทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะคว้ากุญแจรถแล้วเดินออกจากห้องไป

...ปัง!!... เสียงปิดประตูดังลั่น อัศนีหัวเราะเสียงดัง ทิ้งตัวนอนลงบนเตียงด้วยรอยยิ้มที่เปื้อนเต็มใบหน้า ขนาดชลธีรีบเดินหนีแต่อัศนีก็ยังเห็นว่าหน้าของอีกคนแดงจนลามถึงใบหูทั้งสองข้าง ตอนนี้อัศนีลืมอาการเจ็บป่วยเมื่อวานไปหมด จำไม่ได้แล้วด้วยซ้ำว่าตอนเกือบตายหากหมอล้างท้องไม่ทันคืออะไร



แบบนี้น่าจะให้ชลธีแกล้งให้เขาทานอาหารทะเลอีกสักสิบรอบเลยดีกว่า



# # # # # # #

จะตายก่อนจีบติดไหมคะ55555555



หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่5 [06/08/2563]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-08-2020 23:14:14
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่5 [06/08/2563]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 07-08-2020 09:02:01
โห....แกล้งโหดมากเลยนะ ถึงตอนนั้นเบาๆ หน่อยะอย่าทำโหด อิอิอิ
 o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่5 [06/08/2563]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 07-08-2020 21:03:43
จะคุ้มกับการนอน รพ. ไหมเนี้ยะ
หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่6
เริ่มหัวข้อโดย: Sirinapa-11 ที่ 13-08-2020 21:07:46
ตอนที่6

#ชิงชังหัวใจ









เป็นอีกวันที่ชลธีถูกพ่อบังคับให้เข้ามาเยี่ยมรวมถึงการที่ต้องคอยอยู่เป็นเพื่อนของอัศนี เจ้าของผิวกายขาวกำลังเดินทอดน่องทำหน้าตาบึ้งตึง ในมือมีแฟ้มงานที่หยิบติดมาเพื่อเอามาให้อัศนีได้ตรวจสอบ ชลธีแสนเบื่อหน่าย ชีวิตของเขาควรจะไปสนุกลั้ลลากับเพื่อนแต่ดันต้องมาติดแหงกอยู่กับไอ้คนสำออย บ่นให้ตายแต่สุดท้ายก็เดินมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูห้อง เขาสูดลมหายใจเข้าลึก การเจออัศนีแต่ละครั้งไม่เคยคาดเดาได้เลยว่าจะพบกับเหตุการณ์อะไรบ้าง



...แกร๊กกก... เขาไม่ได้เคาะประตูแต่เลือกที่จะเดินเข้าไป พบว่าอัศนีกำลังนั่งพิมพ์งานอยู่บนเตียงคนป่วย

ทางคนในห้องเงยหน้าออกจากจอโน๊ตบุ๊คเพื่อมามอง เมื่อเห็นว่าเป็นใครอัศนียิ้มทักทายให้



“เมื่อไหร่จะออกโรงพยาบาลสักที น่าเบื่อ” ชลธีบ่นขึ้น เขาทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาข้างเตียง

“หมอบอกพรุ่งนี้ก็ให้กลับบ้านได้”

“ดี พ่อผมจะได้เลิกบ้าชอบสั่งให้มาเฝ้าสักที”

“แต่คุณเป็นคนทำผมป่วย ต้องมาเฝ้าก็ถูกแล้วนี่” อัศนีพูดโดยไม่ได้หันมามอง มือที่ยังคงพิมพ์และสายตาที่จดจ่ออยู่กับงาน คงมีเพียงชลธีที่นั่งขมวดคิ้ว จ้องอีกคนเหมือนจะกินเลือดเนื้อ แต่เหมือนในวันนี้ดูอัศนีค่อนข้างจะงานยุ่งเพราะทางคนตรงหน้าไม่ได้ว่างที่จะมากวนประสาท หรือมาแกล้งให้คนอย่างชลธีต้องหงุดหงิด



แบบนี้มันสบายหูก็จริง แต่ชลธีกลับรู้สึกว่าน่าเบื่อ!

นั่งเงียบอยู่ทั้งวันแบบนี้ มีหวังเขาได้ใจขาดตาย

..ครืดดดครืดด... กระทั่งที่ความเงียบนานนับชั่วโมงถูกทำลายลงเมื่อเสียงสั่นจากโทรศัพท์ของอัศนีดังขึ้น



“ไงกรณ์ จะเข้ามาดูแบรนด์ตัวใหม่ตอนไหน” ตามปกติชลธีคงไม่สนใจแต่เพราะเขาจำชื่อนี้ได้ กรณ์ น่าจะมีคนเดียวก็คือทินกร ไอ้ผู้ชายคนเดียวกันกับที่ในวันนั้นเดินเข้ามาท้าทายเขา ชลธียังคงแกล้งทำเนียนว่าไอ้ได้แอบฟังทั้งที่ในความจริงกำลังตั้งใจชำเลืองมองจนตาแทบเหล่



“ไม่ๆ ก็ถ้ากรณ์จะรับล็อตใหม่ไปลงที่ห้างของกรณ์ งั้นกรณ์ก็ต้องเข้ามาเซ็นเอกสารให้อัฐก่อน” ใบหน้าของอัศนีที่กำลังขมวดคิ้ว ชลธียอมรับ ว่าเขาไม่เคยเห็นว่าอีกคนจะแสดงท่าทีแบบนี้ใส่เขามากเลย ขนาดชลธีก็ปั่นประสาทอัศนีตั้งหลายครั้ง แต่อีกคนก็เอาแต่ยิ้มและทำหน้าไม่สะทกสะท้านอยู่ได้

“ไม่ต้องรอเจอที่ห้อง เข้ามาหาอัฐที่โรงบาลตอนนี้เลย” เพียงพูดจบประโยคที่อัศนีกดวางสาย

และคนบนเตียงทีหั่นขวับกลับมามองที่ชลธี รอยยิ้มมุมปาก แววตาแบบนั้น



“แอบฟังผมคุยโทรศัพท์แบบนี้ คิดไม่ซื่อต่อกันหรือเปล่าคุณชลธี”

“บ้านคุณเถอะ ก็ทั้งห้องคุณเสียงดังอยู่คนเดียวผมก็ต้องสนใจไหม” ชลธีอ้างไปเรื่อย ต่อให้ความจริงเขาจะรู้อยู่แก่ใจก็ตามว่าตัวเองแอบฟังอัศนีคุยกับทินกร ส่วนอัศนียิ้มมุมปากเล็กน้อย อยากจะก่อกวนอีกคนมากกว่านี้แต่ไม่มีเวลาเพราะงานตอนนี้ยุ่งมาก ถึงอย่างนั้นแล้วกลับไมได้น่าเบื่อเลย เพราะแค่อัศนีหันไปมองหน้าเง้างอนของไอ้เด็กเอาแต่ใจเขาก็มีกำลังใจทำงานขึ้นมาตั้งเยอะ



“เฮ้อออ...” เสียงถอนหายใจแทบจะรอบที่ร้อยจากชลธี คนตัวสูงลุกออกจากโซฟา เดินตรงเข้าไปที่ห้องน้ำเพราะรู้สึกปวดปัสสาวะขึ้นมา สองแขนท้าวลงบนอ่างล้างหน้า มองตัวเองผ่านกระจกที่สะท้อนภาพหนึ่งชายหนุ่มที่หน้าตาบูดบึ้ง

แต่ในจังหวะที่กำลังจะเดินออกจากห้องน้ำ

มือของชลธีค้างที่การแง้มประตู และสายตาของเขามองลอดออกไปด้านนอก

ภาพเดิมในวันนั้นย้อนเข้ามา ภาพที่ชลธียืนแอบมองอัศนีและทินกรคุยกัน รู้สึกแปลกพอสมควรเพราะอัศนีในตอนที่อยู่กับทินกรใครอีกคนมักจะแสดงท่าทีและสีหน้าที่แตกต่างจากเวลาปกติ ทั้งคำแทนตัวกัน หรือแม้กระทั่งสายตาหวานเลี่ยนที่ทินกรมองอัศนีอย่างแสดงออกนอกหน้า



“ให้กรณ์เซ็นตรงไหน” ทินกรแกล้งถามทั้งที่รู้อยู่แล้ว เขาทิ้งตัวนั่งลงข้างอัศนีและวางคางเกยลงบนไหล่อีกฝ่าย

“กรณ์ ไม่ใช่เวลาเลย...อัฐบอกไปแล้วไงว่า”

“เราเลิกกันไปตั้งนานแล้ว” เป็นทินกรที่ทวนประโยค อัศนีเลยส่ายหน้า

“รีบเซ็นเถอะ ถ้าเสร็จแล้วก็จะได้กลับไปทำงานต่อ”

“ไม่ ช่วงบ่ายกรณ์ว่างทั้งวัน...จะอยู่เฝ้าอัฐที่นี่แหละ” ประโยคนี้ของทินกรที่ทำให้คนแอบฟังแบบชลธีต้องคิ้วขมวด อะไรกันวะไอบ้านี่ โซฟาก็มีอยู่ตัวเดียวจะมาแย่งเขานอนหรือไง จะมาเฝ้าอะไรกันนักหนา อัศนีไม่ได้เป็นอะไรมากเลย



ชลธียืนมองทินกรที่เริ่มใช้ทั้งแขนโอบกอด และใช้ใบหน้าซุกลงบนไหล่ของอัศนี

เห็นแม้กระทั่งในตอนที่ทินกรอ้าริมฝีปากแล้วออกแรงขบเม้มทำรอยบริเวณบ่าของคนป่วย



...แกร๊กกก...! ชลธีทนต่อภาพอุจาดตาตรงหน้าไม่ไหวอีกแล้ว ตัดสินใจเปิดประตูห้องน้ำพรวดเข้าไปทำเอาทินกรตกใจแล้วรีบผละตัวออก เห็นว่าอัศนีแอบยิ้มมุมปาก ทำเอาชลธีแน่ใจว่าอัศนีรู้และจงใจแน่ที่จะให้เขาเห็น



“อัฐ ทำไมอยู่กับมันอีกแล้ว” เสียงโวยวายจากทินกรดัง

“ช่วงนี้ทำงานกับคุณชลธีอยู่น่ะ เลยต้องเจอกันบ่อยๆ”

“ดูก็รู้ว่ามันคิดไม่ซื่อ” เมื่อโดนทินกรใส่ร้ายทางด้านของชลธีเริ่มชักสีหน้า

“นี่ พูดอะไรให้มันดีๆสิ คุณทำตัวนักเลงใส่ผมตั้งแต่ตอนนั้นแล้วนะ” ชลธีชี้หน้า เขาอารมณ์ติดได้ง่ายอยู่แล้วแถมทินกรก็เคยกวนประสาทกันมาก่อนหน้าแล้วด้วย เห็นแบบนี้อัศนีชักเริ่มไม่สนุก ต้องดึงแขนของชลธีไว้



“กรณ์ กลับไปก่อนนะ....แล้วเดี๋ยวอัฐโทรหา” ตอนแรกทินกรไม่ยอม แต่พออัศนีบอกว่าจะโทรหาทีหลัง

เพียงเท่านั้นที่ใครอีกคนยอมเดินออกจากห้องไปทั้งที่ใบหน้ายังดูหงุดหงิด

...ปัง..!! เสียงปิดประตูห้องดังลั่น ชลธีทำท่าไม่พอใจและจะเดินตามออกไปจนอัศนีต้องออกแรงดึงแขนอีกคนให้แน่น



“คุณ ใจเย็นหน่อยสิ”

“ก็มันกวนประสาทผม ไม่เห็นหรือไง!” ชลธีหน้าตาโกรธเคือง ทำเอาอัศนีแสนอ่อนใจ

“เถอะหน่า คุณใจร้อนไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น”



“คบกันเองอยู่สองคน แต่ดันเสือกมาเดือดร้อนใส่ผม...บ้า พวกวิปริตนี่”

“คุณชลธี คุณไม่ควรจะไปดูถูกรสนิยมของใคร” อัศนีเสียงเรียบนิ่ง ใบหน้าที่ดูจริงจัง

“ทำไม คุณเองไม่ใช่เหรอที่ตอนแรกบอกไม่นิยมเพศเดียวกัน แต่ที่ไหนได้...เหอะ” สายตาดูแคลนที่อัศนีไม่ชอบใจเอาเสียเลย ถึงอย่างนั้นแล้วเขาก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะที่ชลธีพูดมันก็คือความจริงทั้งหมด จะให้เถียงอะไรได้



“ที่เข้าใกล้ผมบ่อยๆ เพราะคุณเองก็ชอบผมใช่ไหมหละ” กระทั่งคำถามนี้ที่ทำให้อัศนีชะงัก

“คุณพูดเรื่องอะไร”

“ใครๆก็ดูออกกันทั้งนั้น แต่เสียใจด้วยนะ...ผมไม่ใช่แบบที่คุณคิดซะด้วยสิ” อัศนีพูดไม่ออกเขาเลยเลือกที่จะเงียบ ไม่ได้ทั้งตอบรับหรือปฏิเสธในสิ่งที่ชลธีกำลังยัดเยียดให้ กลับมานั่งทำงานต่อ ทำท่าทีไม่สนใจจนสุดท้ายเป็นชลธีเสียเองที่ต้องหงุดหงิด



“นี่!” เสียงของอีกฝ่ายที่ตะคอกใส่ แต่แน่นอนว่าอัศนียังทำเหมือนไม่ได้ยิน

“คุณอัศนี!”

“.........” และอัศนีก็ยังคงเงียบอยู่

..หมับ!!.. จนที่แขนถูกกระชากแล้วดึงให้จำเป็นต้องหันไปมอง



“ผมคุยกับคุณอยู่นะ!!” ชลธีเสียงดัง ท่าทางเจ้าอารมณ์เหมือนอย่างในทุกครั้งที่เคยเห็น

“เรายังต้องคุยกันอีกเหรอครับ ผมก็คิดว่าเราหมดเรื่องคุยกันแล้วซะอีก”

“.......” ชลธีกำหมัดแน่น อัศนีทำท่าทางกวนประสาทใส่เขาอีกแล้ว

“ในเมื่อคุณรู้แล้วว่าผมชอบคุณ แต่การที่คุณยังเลือกที่จะยืนอยู่ตรงนี้..นั่นคือหมายความว่า”

“.....”

“คุณเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน อย่างงั้นเหรอครับ?”



..ผลั้ก!!!.. แต่เพียงแค่พูดจบประโยคเท่านั้นที่อัศนีถูกอีกคนผลักออก ชลธีขบกรามอย่างไม่พอใจ



“อย่ามาพูดเรื่องไร้สาระ!ผมไม่ได้ชอบคุณ แล้วก็จะไม่มีทางชอบคุณด้วย!”

“โอเค มีอะไรจะพูดอีกไหม?” อัศนีเลิกคิ้วพลางถามกลับมา ชลธีทำฮึดฮัด

“โธ่เว้ย!มึงมันบ้า!!บ้าไปแล้วหรือไงวะ!!” ชลธีสบถ อาการของคนที่ถูกปฏิเสธจากคนที่ชอบมันไม่ควรจะเป็นแบบอัศนีสิ



แถมอีกฝ่ายยังส่งยิ้มให้



“คุณชลธี หรือว่า...คุณอยากจะลองนอกใจคุณอรดา แล้วมานอนกับผมไหม?” สายตาของอัศนีเหมือนกำลังขบขัน

“ความคิดคุณมันทุเรศ”

“แต่คุณก็ยังยืนคุยกับไอ้คนทุเรศแบบผมอยู่”  คราวนี้เป็นชลธีที่อึกอัก



“ก็เพราะต้องยังทำงานร่วมกันไง” เพียงเท่านั้นที่อัศนีหัวเราะลั่น พยักหน้าอย่างยอมรับในความคิดอีกฝ่าย

“ได้ เราจะยังทำงานร่วมกันต่อ...โอเคนะครับ”

“เออเว้ย!” ชลธีเสียงดังอีกครั้ง พอหงุดหงิดเถียงไม่ได้ก็จบลงที่การเดินหนีออกจากห้องไปตามเดิม



...ปัง...! เสียงกระแทกปิดประตูห้องดังอีกครั้ง แต่ในรอบนี้เป็นอัศนีที่ต้องถอนหายใจ

ดูเหมือนว่าชลธีจะเริ่มดูรับมือยากมากขึ้นทุกวัน



เขาคาดเดาไมได้เลย ว่าการที่อีกคนโกรธในแต่ละครั้ง มันจะสามารถรุนแรงขึ้นได้มากสุดถึงขั้นไหน

คิดผิดหรือคิดถูกกัน ที่มาชอบคนที่เหมือนหมาบ้าแบบนี้





# # # # # # #

เอ็งก็เก้วก้าดเกิ๊นนนน
หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่6 [13/08/2563]
เริ่มหัวข้อโดย: k2blove ที่ 13-08-2020 22:19:00
เอาน่า อัศนีดุๆ อย่างนี้แหละ เด็ดมากนะขอบอก อิอิอิ
 :m12: :m12: :m12:
หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่6 [13/08/2563]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 14-08-2020 22:21:02
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่6 [13/08/2563]
เริ่มหัวข้อโดย: Kerberossss ที่ 15-08-2020 07:31:47
ชอบเเนวนี้จัง 555555555 โอ้ยยนคุณธีกับเดอะแก้งค์คือฮามาก

 :angry2:
สายยุแยง
หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่6 [13/08/2563]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 16-08-2020 02:18:14
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่7
เริ่มหัวข้อโดย: Sirinapa-11 ที่ 17-08-2020 10:30:03
ตอนที่7

#ชิงชังหัวใจ







ชลียืนมองตัวเองอยู่หน้าตู้กระจก ภาพที่สะท้อนคือชายหนุ่มรูปร่างสูงหน้าตาดี หากแต่ใบหน้ากลับดูเคร่งเครียดเพราะเรียวคิ้วเข้มที่ขมวดมุ่น รวมไปถึงแววตาคู่คมที่กำลังสะท้อนความคิดวุ่นวายภายในหัว ยกมือขึ้นยีผมอย่างหงุดหงิด อยากจะกระชากภาพของอัศนีออกจากหัวไปให้หมด ภาพในตอนที่อีกฝ่ายนั่งนัวเนียอยู่กับทินกรบนเตียงยังคงติดตา ไหนจะรอยยิ้มยียวน แววตาเชิญชวนที่เหมือนอีกคนแทบจะมองเขาทะลุและเห็นร่างกายของเขาผ่านเสื้อผ้าได้



อัศนีมักทำเหมือนเชื้อเชิญและสนใจ หากแต่ในบางเวลาก็ทำเหมือนเขาเป็นเพียงฝุ่นและไม่มีชลธีในสายตา

คนแบบอัศนีชอบทำเหมือนคนอื่นเป็นของเล่น ดูเหมือนคำนี้จะเป็นความจริงเหมือนอย่างที่ใครต่อใครบอก

...หมับ... แต่แล้วชลธีหลุดออกจากภวังค์ เมื่อแรงกอดจากด้านหลังปรากฏพร้อมภาพในกระจกที่สะท้อนภาพของแม่สาวคนสวย อรดาส่งยิ้มให้ชายหนุ่ม ท่าทางน่ารักที่ทำให้ชลธีสามารถเผยรอยยิ้มออกมาได้



“วันนี้พี่ธีไม่ไปทำงานได้ไหมคะ เราออกไปเที่ยวกันไหม” เธอถามเสียงออดอ้อน

“ไม่ได้หรอกค่ะ ไว้วันหลังนะ ช่วงนี้งานพี่ยุ่งมาก” แต่แล้วรอยยิ้มของอรดาต้องหุบลง คนแบบชลธีไม่เคยที่จะปฏิเสธหรือไม่ตามใจเธอ ขนาดประชุมใหญ่ของบริษัทอีกฝ่ายยังยอมเลื่อนเพียงเพราะอรดาอยากจะไปทานอาหารมื้อหรูเลย หญิงสาวไม่พอใจ แต่เธอไม่ได้แสดงท่าทีอะไรแถมยังฝืนยิ้ม



“ก็ได้ค่ะ งั้นไว้วันหลังเนอะ” เธอไม่อยากหลุดจากภาพลักษณ์สาวเรียบร้อยที่มีต่อสายตาของชลธี หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จชลธีเดินลงมาส่งอรดาที่รถคันสวยที่ทางด้านของชายหนุ่มเป็นคนออกเงินซื้อให้เองกับมือ อรดาขับรถออกไปแล้ว ตอนนี้เหลือชลธีที่กลับขึ้นไปบนห้องเพื่อแต่งตัวเตรียมออกมาทำงาน



มาทำงานตรงเวลาในรอบสองปีแรกเลยก็ว่าได้

แถมสายตายังชำเลืองมองนาฬิกาอยู่หลายต่อหลายครั้ง

..แกร๊กกก.. และในตอนเก้าโมงตรงประตูห้องทำงานถูกดันเปิดเข้ามา แต่เมื่อหันกลับไปมอง ใบหน้าของชลธีนิ่งขึ้นทันที



“เอ่อ...อันนี้เป็นแพคเก็จของน้ำหอมครับ ถ้าคุณชลธี...” คนที่พูดอยู่คือเลขาตัวเล็กของอัศนี

“ไหนคุณอัศนีบอกว่าจะเอาเข้ามาให้ผมดูด้วยตัวเอง”

“คือว่า ช่วงนี้คุณอัศนีเขา...”



“บริษัทคุณนี่ผิดคำพูดกันมาก!บอกว่าจะให้ผู้บริหารเข้ามา แต่ดันกลายเป็นเลขาที่มาแทน!”

..หมับ!!.. ชลธีเดินเข้าไปแย่งแฟ้มในมือของเลขาตัวน้อยที่ยืนตัวสั่น ก่อนจะเดินปึงปังออกจากห้องไป

..ปัง..!! เสียงปิดประตูห้องดังลั่นทำคลีนถึงขั้นสะดุ้ง ริมฝีปากเล็กเบ้ออกจากกัน ใบหน้าจวนจะร้องไห้เต็มทีว่าตัวเองทำอะไรผิด ยกมือขึ้นเกาหัว มองตามหลังของชลธีไปอีกรอบ



“โอ้ย ทำอะไรผิดวะเนี่ยย...” โอดครวญกับตัวเองเสียงอ่อน นึกสงสัยว่าเจ้านายทนเจอชลธีตอนหงุดหงิดไปได้ยังไง

เพราะลำพังแค่เขาเจอไปเมื่อครู่ ขนาดโดนตะคอกใส่แค่นั้นคลีนยังแทบจะฉี่ราดแล้ว

คนแบบชลธียังกับปีศาจในคาบเทพบุตรชัดๆ บรึ้ยย แค่คิดถึงหน้าเขาก็ขนลุกไปหมด



...................................

..................



...แกร๊กกกก!!!.. อัศนีสะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงเปิดประตูห้องทำงานที่ดังขึ้นกะทันหัน เสียงรองเท้าที่เดินตึงตัง เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามที่ชลธีเลื่อนออกเพื่อนั่ง ก่อนจะตามมาด้วยแฟ้มเอกสารที่ทางอัศนีถูกใครอีกคนโยนใส่



“ไหนว่าคุณจะเอาตัวอย่างแพ็คเกจมาให้ผมดูเอง” ชลธีคิ้วขมวด ใบหน้าหงุดหงิดเหมือนอย่างทุกครั้งที่เคยเห็น

“ช่วงนี้ผมยุ่งๆกับเรื่องที่ต้องสั่งผลิตน้ำหอมล็อตใหม่ไปลงที่ห้างxxx” ได้ยินชื่อห้างชลธีย่นจมูก

“อ๋อ ห้างของแฟนเก่าคุณน่ะเหรอ” คนถูกถามอย่างอัศนีชะงัก

“อืม ใช่ครับ” แต่ก็ตอบรับตามตรงเพราะยังไงชลธีก็รู้เรื่องของอัศนีกับทินกรแล้ว

กระทั่งที่เห็นว่าใบหน้าของชลธีหงิกงอ เห็นแบบนี้อัศนีกลั้นยิ้ม



“คุณไม่พอใจที่ผมไม่ไปบริษัทคุณเหรอครับ?” อัศนีวางงานในมือ เงยหน้ามองเพื่อจะได้คุยกับคนที่อยู่ตรงข้าม

“ก็...ก็ไม่เชิง ผมแค่คิดว่า การที่คุณจะผิดคำพูดก็ควรจะแจ้งกันก่อน แบบนี้หยามกันชัดๆ”

“โอเค ถ้างั้นผมขอโทษนะ”

“...........” อัศนีขอโทษง่ายเกินไปแต่ทางชลธีก็พยักหน้ารับ ท่าทางแตกต่างจากก่อนหน้าที่ดูโมโหร้าย

“แล้วคุณได้ดูแพ็คเก็จของตัวน้ำหอมไปหรือยัง ผมพยายามดีไซน์ให้มันดูเข้ากับรถของคุณ”



“ยังไม่ได้ดู” เสียงของชลธีอ้อมแอ้ม เหมือนย้ำว่าตัวของชลธีมัวแต่หัวร้อนจนไม่สนใจงาน อัศนียิ้มอ่อน

“งั้นลองเปิดดูสิ เผื่อถ้าอยากให้แก้ตรงไหนก็จะได้บอกผมเลย”

“อืม” คนอายุน้อยกว่าครางรับ มือขาวเปิดแฟ้มดู ด้นในเต็มไปด้วยภาพน้ำหอมจากหลายมุม มีหลายแบบให้เลือกพอสมควรว่าชลธีจะถูกใจแบบไหน เป็นอัศนีที่เริ่มจะได้เห็นในตอนที่ชลธีคิ้วขมวดเพราะกำลังคิดเรื่องงาน ใบหน้าเคร่งเครียดที่ดูแตกต่างจากตอนโวยวายหรือเอาแต่ใจเป็นเด็ก เขาลอบยิ้ม จนที่ชลธีเงยหน้ามองมาพร้อมตั้งคำถาม



“คุณมองหน้าผมแล้วยิ้มทำไม”

“เปล่า ผมแค่ดีใจที่คุณดูพอใจกับงานของทางผม”

“เหอะ ให้มันแน่”

“วางใจได้คุณชลธี ถึงผมจะชอบคุณ...แต่ผมแยกแยะเวลางานกับเวลาส่วนตัวได้” เหมือนชลธีโดนด่าทางอ้อม ทำเอาคนอายุน้อยกว่าแยกเขี้ยวใส่ ทางอัศนีส่ายหน้า จริงจังได้ไม่เท่าไหร่ชลธีก็กลับมางอแงเอาแต่ใจเหมือนเดิมแล้ว



“ผมชอบอันนี้ แต่ถ้าแก้ตรงมุมขวดตรงนี้ กับตัวฝาสักหน่อย” ชลธีพูดยงไม่ทันจบ

“งั้นเดี๋ยวผมส่งไปให้ทีมออกแบบผมแก้ให้”

“ไม่ต้องเสียเวลาขนาดนั้น ในคอมคุณมีโปรแกรมออกแบบหรือเปล่า” เมื่อถูกถามอัศนีพยักหน้า เพียงเท่านั้นที่ชลธีลากเก้าอี้เข้ามานั่งข้าง มือที่กดเปิดแมคบุ๊คของอัศนี พร้อมการกดเข้าโปรแกรมและแก้แพคเกจสินค้าให้ อัศนีลืมไปสนิทว่าตัวของชลธีเองนี่หน่าที่ออกแบบรถเองทั้งคัน เพราะฉะนั้นกับแค่ลำพังขวดน้ำหอมนิดเดียวคงไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย



“คุณมีพรสวรรค์ด้านนี้นะ” อัศนีชมอย่างจริงใจ ทางชลธียักไหล่

“แล้วคุณหละ เพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาเมื่อวันก่อน กลับมาทำงานได้แล้วเหรอ” คำถามนี้ที่ทำให้อัศนีพยักหน้ารับ

“ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก แถมงานก็เยอะ...ถ้ามัวแต่สำออยคงเสียเงินฟรีไปหลายล้าน”

“คุณแพ้อาหารทะเลขนาดนั้น คุณจะฝืนกินทำไม”

“ก็คุณอยากให้ผมกินไม่ใช่เหรอครับ” อัศนีพูดทั้งกลั้วเสียงหัวเราะ ยิ่งทำให้ชลธีรู้สึกว่าตัวเองคือต้นเหตุ

“โง่กินเองชัดๆ” ชลธีพูดพึมพำ อัศนีไม่ถือสาเพราะเจอชลธีมาหลายรูปแบบจนปลงไปหมดแล้ว นั่งเฝ้าจนชลธีทำงานเสร็จเรียบร้อย ตอนนี้ตัวแบบของทั้งรถและน้ำหอมเสร็จครบทุกอย่าง งานเปิดตัวในอีกเดือนหน้าคงจะใกล้จริงเข้ามาทุกที



“เออใช่สิคุณชลธี ผมทราบแค่ว่าพรีเซ็นเตอร์ฝ่ายผู้หญิงคือคุณอรดา แต่ฝ่ายผู้ชาย”

“ไอ้เขต น้องผมไง” แล้วคำตอบของชลธีทำอัศนีต้องเลิกคิ้ว

“ธาราเขต?”

“ใช่ ไอ้เด็กปัญญาอ่อนคนนั้นแหละ” โลกกลมกว่าที่คิดเอาไว้มาก อัศนีไม่ได้ตอบไลน์ของธาราเขตเพราะไม่ว่าง ทำให้เขาห่างกันออกมาทั้งที่นัดหมายไว้ว่าจะมาเจอกันที่ฟิตเนส น้องชายของชลธีหน้าตาดีไม่น้อยไปกว่าพี่ชาย แต่อัธยาศัยดีกว่ามากแถมยังดูจะชื่นชอบในตัวของอัศนีอีกด้วย แล้วหากว่าชลธีได้รู้ว่าอัศนีรู้จักกับธาราเขตเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว อีกคนจะมีปฏิกิริยายังไงอีกเนี่ย



“ไว้วันหลังผมจะพาคุณไปทานข้าวกับมันแล้วกัน”

“ก็ดีครับ” อัศนียิ้มรับ หากได้เจอธาราเขตอีกครั้งเจ้าเด็กนั่นจะต้องโวยวายที่เขาไม่ยอมตอบไลน์

ตอนนี้งานเสร็จเรียบร้อย ชลธีควรจะกลับได้แล้วแต่อีกคนยังนั่งอยู่เหมือนว่ารอให้อัศนีพูดอะไร

เจอแบบนี้อัศนีหัวเราะในใจ



“ตอนเย็นคุณว่างไหม เราไปฟิตเนสกันหน่อยไหม” แล้วเมื่ออัศนีถามไปทางด้านชลธีแอบลอบยิ้มอย่างผู้ชนะ

“ผมต้องดูก่อน ถ้าว่างจะทักไลน์มาบอกอีกทีแล้วกัน”

“ได้ครับ”

“แต่ผมบอกไว้ก่อนเลยนะ...” ชลธีชี้หน้า

“..........”

“เป็นเพราะยังต้องร่วมงานกัน ผมถึงต้องฝืนอยู่กับคุณ...ถ้าจบงานนี้เมื่อไหร่ คุณกับผมก็แค่คนที่ไม่มีวันญาติดีกันเหมือนเดิม” อัศนีเลิกคิ้ว



“ได้ ตามใจคุณเลย” แต่ก็ยอมที่จะรับปากไปแบบงุนงง ในตอนที่ชลธีจะกลับตัวของอัศนีเดินตามออกไปเพื่อลงไปส่งที่รถ ถือว่าคือมารยาทที่ต้องทำเมื่อมีแขกหรือลูกค้ามาหาถึงบริษัท ตลอดทางมีแต่คนให้ความสนใจ เมื่อเข้ามาอยู่ในลิฟต์กันตามลำพังเป็นอัศนีเองที่อดไม่ได้ที่จะลอบมองใบหน้าของอีกฝ่าย

ยังไม่เคยมีโอกาสได้เห็นลักยิ้มของชลธีเลยสักครั้ง

ทำยังไงถึงจะได้เห็นแบบต่อตาตัวเองเนี่ย



“...........” ชลธีเล่นโทรศัพท์ตลอดทาง แอบเห็นว่าคุยกับเพื่อนในแชทกลุ่ม ทางด้านของอัศนีเดินตามหลัง เขาเห็นแล้วว่ามีแสงไฟจากรถที่สาดเข้ามาแต่เหมือนว่าชลธีจะไม่เห็นเพราะไม่ได้สนใจมอง จนอัศนีต้องเบิกตากว้าง

“....!” ออกแรงคว้าต้นของชลธี

..หมับ!ผลั้ก!!.. ก่อนจะรั้งคนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวให้หลบจากทางของรถยนต์ที่กำลังวิ่ง เกือบไปแล้วนิดเดียวเท่านั้น ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมากจนอัศนีใจหายและหายใจรัวด้วยความตกใจ ถ้าเขาไปคว้าไว้ไม่ทันมีหวังได้มีคนเจ็บตัวแน่ อัศนีมองตามรถคันนั้นไปจนลับสายตา จนเมื่อหันกลับมามองที่ชลธีอีกที



สองแขนของอัศนีที่วางคร่อมคนที่นอนพิงอยู่บนกระโปรงรถ

ส่วนแขนของชลธีคว้าจับอยู่ที่รอบเอวของเขา  อัศนียืนอยู่ระหว่างกลางเรียวขาของคนใต้ร่าง



“คุณจะออกไปได้หรือยัง” กระทั่งที่เสียงจากชลธีดังขึ้นตัวของอัศนีเหมือนได้สติ เขารีบผละออก

“เดินดูรถหน่อยสิคุณ” อัศนีพูดเสียงเชิงห้ามปราม

“ช่างเถอะ ขอบใจแล้วกัน” แต่ทางด้านของชลธีตัดบท เขาเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถ ขับรถออกมาโดยที่สายตายังมองอัศนีผ่านกระจกด้านข้าง เห็นว่าอัศนีเดินกลับออกไปแล้ว ซึ่งในตอนนี้เป็นตัวของชลธีที่ถอนหายใจเฮือกใหญ่



เมื่อกี๊ที่อยู่แนบชิดกับอัศนี เขายอมรับอย่างเต็มปากว่ากลิ่นของอีกคนหอมมาก

รอบเอวของอีกคนที่จับถนัดและเต็มไม้เต็มมือ ตอนนี้ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่ทินกรดูหลงใหลร่างกายของอัศนีนัก

...เพราะผู้ชายแบบอัศนี มีเสน่ห์กับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย..





# # # # # # # # # #

อย่าเพิ่งตกม้าตายนะคะ555
หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่7 [17/08/2563]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-08-2020 23:32:05
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่7 [17/08/2563]
เริ่มหัวข้อโดย: kong6336 ที่ 18-08-2020 00:41:10
คุณชลทีเริ่มหวั่นไหวแล้วสินะ :hao3:
หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่8
เริ่มหัวข้อโดย: Sirinapa-11 ที่ 28-08-2020 19:33:51
ตอนที่8

#ชิงชังหัวใจ









ตกเย็นที่อัศนียืนอยู่หน้าบริษัท ถือเป็นภาพที่ค่อนข้างแปลกตาต่อพนักงานเพราะตามปกติแล้วไม่มีทางเลยที่บอสคนเก่งจะมายืนตากแดดตากลมช่วงเย็นร่วมกับพนักงานในบริษัทที่ต่างก็กำลังยืนรอให้คนมารับกลับบ้าน ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมองหลายต่อหลายครั้ง นัดกับชลธีผ่านไลน์ไว้ว่าให้มาหาตอนหกโมงเย็น แต่นี่ปาไปจะทุ่มแล้วที่ยังไม่มีแม้แต่เงาของอีกฝ่ายโผล่มา



อัศนีชักเริ่มถอดใจ

บางทีเขาอาจจะโดนชลธีแกล้งอีกครั้งก็ได้

..ปี้นๆๆ...!! แต่ความหวังที่ริบหรี่มีปลายทางมาอีกครั้งเมื่อแสงไฟจากหน้ารถสาดกระทบใบหน้าเข้ามา อัศนีลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก้มมองนาฬิกาอีกครั้งสลับกับมองรถยนต์คันตรงหน้า เขาแอบพ่นลมหายใจเพราะยอมรับว่าหงุดหงิดนิดหน่อยที่ต้องนั่งรออยู่ลำพังนานนับชั่วโมง แต่เพียงเปิดประตูเข้าไปนั่งด้านในแล้วเจอหน้าของคนขับเท่านั้นที่ช่วยทำให้อัศนีอารมณ์ดีขึ้นในพริบตา วันนี้ชลธียังคงดูดีเหมือนอย่างทุกครั้ง



“รถติดมาก” ชลธีมีใบหน้าตึงเครียดเหมือนในเวลาปกติ ขับรถออกมาทั้งที่คิ้วขมวด

“บริษัทผมอยู่กลางแหล่งเจริญก็แบบนี้แหละครับ”

“เอ้า แล้วจะบอกว่าบริษัทผมอยู่ในป่าหรือไง” กระทั่งที่ชลธีถามกลับมาด้วยใบหน้างุนงง ทางด้านอัศนีถึงขั้นหลุดหัวเราะ



“ไม่ใช่แบบนั้นครับ แต่แค่หน้างานของบริษัทเรามันก็ต่างกัน...คุณต้องไปต้องอยู่ในพื้นที่นอกชานเมืองอยู่แล้วเพราะต้องใช้พื้นที่ใหญ่สำหรับผลิตรถ แต่ของผมมีแค่ห้องไว้ทดลองกลิ่นน้ำหอมก็รอดแล้ว”

“แต่ได้ข่าวมาว่ากำลังมองหาที่เพื่อจะสร้างโรงงานสำหรับฝ่ายผลิตโดยเฉพาะเพิ่มอยู่นี่”

“อื้มใช่ คุณก็แอบสนใจเรื่องผมอยู่เหมือนกันนะเนี่ย” คำพูดนี้ที่ชลธีแอบเอ๊ะในใจ เหมือนโดนหลอกด่าว่าเสือก

“แล้วคุณได้คิดไว้หรือยัง ว่าจะไปกวาดซื้อแถบไหน” แต่ความอยากรู้ของชลธีก็ทำให้เจ้าตัวยังเลือกที่จะถามออกไปต่อ ช่วงเวลาช่างแตกต่างจากตอนมาเพราถึงแม้รถจะติดเหมือนกันแต่ชลธีกลับไม่ได้รู้สึกเบื่อเลย คงเพราะมีเพื่อนชวนคุยแถมอัศนีก็เป็นคู่สนทนาที่ดี ถ้าหากว่าคุยเรื่องงานนะ ไม่รวมเรื่องไร้สารถที่ชอบกวนประสาท



“ผมอยากได้แถบนอกเมืองหน่อย...แต่ให้คุณทินกรช่วยดูให้แล้วหละครับ”

“..............” แล้วก็ในทันทีที่คิ้วของคนฟังขมวด อัศนีลอบมองปฏิกิริยา ซึ่งเขาอมยิ้ม

“หรือคุณพอจะมีที่ไหนที่แนะนำให้ผมหน่อยไหม” ถามชลธีไป



“คุณเลิกกันไปแล้วแต่ยังเป็นเพื่อนกันได้ แปลกเหมือนกันนะครับ” แต่เหมือนชลธีจะไมได้อยากคุยเรื่องเดิมแล้ว

“เรายังต้องติดต่อกันเรื่องธุรกิจครับ ตัดไม่ได้หรอก...อีกอย่างทินกรเขาก็เป็นเพื่อนที่ดีคนนึงเลย”

“แบบนั้นเรียกว่าคนดี?ไม่น่าใช่นะ” ชลธีเบ้ปาก นึกไปถึงแต่ละครั้งที่เจอแล้วทินกรทำตัวแสนแย่ใส่

“กรณ์ก็เป็นแบบนั้นแหละครับ แต่จริงๆเขานิสัยดีมาก”

“พอๆ เลิกแก้ต่างให้มันเถอะ” ชลธีคิ้วขมวดหากแต่อัศนีกลับกลั้นขำจนไหล่สั่นไปหมดแล้ว บรรยากาศภายในรถไม่ได้แย่นัก อัศนีกล้ายอมรับอย่างไม่เขินอายว่าเขาแอบลอบมองชลธีอยู่หลายต่อหลายหน หัวใจเต้นแรงตึกตัก คาดไม่ถึงว่าจะได้มีโอกาสไปไหนมาไหนด้วยกันสองต่อสองแบบนี้ด้วย หากไม่คิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไป เขาคิดว่าชลธีเองก็แอบรู้สึกดีกับเขาเหมือนกัน เมื่อมาถึงฟิตเนสอัศนีเดินตามหลังของอีกคน ชลธีเหมือนเจ้าถิ่น ทักทายตั้งแต่คนหน้าฟิตเนสจนมาถึงผู้ดูแลหน้าเคาท์เตอร์



“หายไปนานเลยนะมึง” เสียงทักดังมาจากชายหนุ่มที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าเคาท์เตอร์

“ช่วงนี้งานยุ่งนิดหน่อย ไม่ได้แวะเข้ามาเลย” ชลธีแวะยืนคุยซึ่งอัศนีก็ต้องยืนฟังด้วย

“ใช่งานยุ่งเหรอ ไม่ใช่ติดน้องอรของมึงอยู่หรือไง”

“ก็เหี้ยแล้ว นี่ไม่ได้เจอมาตั้งหลายอาทิตย์”



“โหเหลือเชื่อ อย่างมึงห่างเขาได้เกินสามวันด้วยเหรอ” คุยไปมือของเพื่อนชลธีก็จดยุกยิกเพื่อยื่นบัตรสมาชิกให้ แล้วเพราะอัศนีไม่ได้เอาชุดมาเปลี่ยนดังนั้นเลยต้องซื้อใหม่ที่เคาท์เตอร์ ได้ของมาครบแล้วถึงเวลาเข้าไปด้านใน วันนี้คนไม่เยอะนักเพราะไม่ใช่วันหยุด แถมเวลาก็ค่อนข้างดึกพอสมควร เขาเล่นได้นิดหน่อยก็มานั่งเล่นโทรศัพท์เพราะต้องยอมรับว่าเรื่องใช้กำลังนี่อัศนีไม่ชอบเอาเสียเลย ตอนนี้เลยเหมือนนั่งรอชลธี

มองเหงื่อที่ประปรายตามผิวเนื้อขาวสะอาด

มัดกล้ามเนื้อ ใบหน้าที่ขึ้นเห่อแดงเพราะความร้อนและอาการเหนื่อย



“...........” อัศนีต้องจิบน้ำเพราะรู้สึกว่าคอแห้งผาก เขาก้มมองนาฬิกาอีกครั้งก่อนจะพบว่าตอนนี้เกือบห้าทุ่มแล้ว คนอื่นภายในฟิตเนสถยอยกลับไปกันจนหมด ยังเหลือแค่ชลธีที่ตอนนี้อยู่บนลู่วิ่ง ถัดจากนั้นเกือบชั่วโมงเหมือนกันที่ใครอีกคนเดินย้อนกลับมาหาอัศนีที่นั่งรออยู่ อัศนียื่นน้ำให้ เงยมองคนที่อยู่ต่อหน้าซึ่งกำลังกระดกน้ำเข้าปาก

“จะไปอาบน้ำกันเลยไหมครับ” อัศนีถามออกไป เขาว่าตอนนี้เงียบเกินจนแอบวังเวงแล้ว

“ปะสิ จะได้รีบกลับ...ดึกมากแล้ว” เมื่อชลธีเดินนำเข้าไปในห้องน้ำแล้วหากแต่ตัวของอัศนีกลับยังคงนั่งอยู่ที่เดิม เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคออีกครั้ง บอกเลยว่าห้ามใจตัวเองยากมากที่จะไม่ให้คิดไปในทางนั้น เข้ามาในห้องน้ำยิ่งหัวใจแทบวาย เขามองชลธีตั้งแต่หัวจรดเท้ากับภาพที่อีกฝ่ายใส่เพียงผ้าขนหนูที่คลุมช่วงล่าง



“คุณ..จะยืนนิ่งอีกนานไหม เข้าไปอาบน้ำ...นี่ผ้าขนหนู” ได้สติกลับมาเพราะชลธีที่โยนผ้าขนหนูให้

อาบน้ำกันอยู่คนละห้อง แต่ห้องน้ำฟิตเนสยิ่งเป็นของผู้ชายก็คือแทบจะปิดถึงแค่ช่วงต้นขาอ่อน

สายตาของอัศนีมองต่ำ มองเรียวขาขาวที่มีหยดน้ำไหลผ่าน



“ให้ผมไปส่งไหน คอนโดคุณเหรอ” เสียงจากชลธีตะโกนถามมาจากห้องด้านข้าง

“ครับ ไปส่งที่คอนโดผม”

“โคตรไกลเลย”

“งั้นหรือคุณจะค้างกับผมหละ” อัศนีถามไปอย่างหยั่งเชิง

“ฝันไปเถอะ” เป็นไปตามคาดเพราะคนแบบชลธีก็ยังไม่ได้ง่าย อัศนียิ่งรู้สึกท้าทาย เหมือนการที่อีกฝ่ายพยายามวิ่งหนีมันยิ่งทำให้เขารู้สึกชอบอีกคนมากกว่าเดิม เกิดมายังไม่เคยเจอใครเมินใส่เลยไม่ว่าจะทั้งผู้ชายหรือผู้หญิง ชลธีคือคนแรกที่ทำให้อัศนีรู้สึกเหมือนคนที่ต้องคอยวิ่งตามอยู่ตลอด หลังจากอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยต่างฝ่ายต่างเดินออกมา



“ตอนสักเจ็บไหม” คำถามจากคนอายุน้อยกว่าที่ทำให้อัศนีต้องหันหน้ากลับไปมอง

“หมายถึงที่หลังผมเหรอ”

“ใช่ มันดูเหมือนจะเจ็บมาก” หน้าตาของชลธีที่ถอดสีน่าเอ็นดูไม่น้อย



“ถ้าคุณอยากสักบ้าง ลองเริ่มจากลายเล็กๆก่อนจะได้ไม่เจ็บมาก แล้วจะชินไปเอง”

“ไม่เอาอ่ะ ทำไมต้องให้ใครไม่รู้เอาอะไรมาทิ่มด้วย”

“พูดแบบนี้คือถ้าเป็นคนรู้จักแล้วจะยอมให้เขาทิ่มหรือไง” คำถามสองแง่สองง่ามจากอัศนี

เอาอีกแล้ว อัศนีคนกวนประสาทเริ่มกลับมาทำให้ชลธีอยากกรีดร้อง



“ไม่ให้ใครทิ่มทั้งนั้นแหละ คุณอย่ามาทำสายตาแบบนี้” โดนด่ากลับมาอัศนีหลุดหัวเราะในลำคอ เดินตามชลธีจนมาถึงรถที่จอดอยู่ด้านหน้า กลับเข้ามานั่งภายในรถด้วยกันอีกครั้งท่ามกลางบรรยากาศยามดึกที่ยิ่งช่วยทำให้ทุกอย่างดูน่าอึดอัดและเงียบสงบไปในเวลาเดียวกัน อัศนีเอนหัวพิงกระจกรถ เขามองออกไปด้านนอกอย่างเหม่อลอยเล็กน้อย

จนเมื่อชำเลืองมองไปที่ชลธีอีกครั้ง

ทั้งสันจมูก ริมฝีปากได้รูป และลำคอเนียนขาว



“แล้ววันไหนเราจะไปฟิตเนสด้วยกันอีกดี” อัศนีเป็นคนตั้งคำถาม

“คุณมาก็เหมือนไม่ได้มา ไม่เห็นจะเล่นอะไรเลย”

“ผมก็แค่ถือโอกาสออกมาเจอผู้คนบ้าง ไม่ใช่หมกอยู่แต่กับกองเอกสาร”

“แล้วไม่ชวนเพื่อนคุณไป”

“ผมไม่มีเพื่อน” อัศนีไม่ได้โกหก เขาไม่มีเพื่อนที่สามารถไปเที่ยวเตร่ด้วยกันได้ หากไม่นับรวมแค่เพื่อนที่เจอตอนออกงานหรือตอนทำธุรกิจร่วมกัน แต่กับกลุ่มเพื่อนแบบที่ชลธีมี บอกเลยว่าตัวของอัศนีไม่ได้มีมันมาตั้งแต่จบมอปลายมาแล้ว



“ก็ไม่แปลกใจหรอกที่คุณจะไม่มีเพื่อน เพราะเห็นสนิทกับใครแต่ละที...”

“หึหึ ก็คนพวกนั้นอ่อยผมเองตางหาก”

“หล่อตายหละมั้ง” ชลธีแว้งกัด นึกหมั่นไส้คนมั่นหน้าที่นั่งอมยิ้มอยู่ได้ บนรถกลับมาเงียบอีกครั้งโดยที่อัศนียังคงแอบชำเลืองมองคนข้างกายอยู่หลายต่อหลายครั้ง เมื่อมาถึงหน้าคอนโดสูงตระหง่านรถยนต์คันสีดำเงาจอดเทียบที่หน้าทางเข้า อัศนีปลดเข็มขัดนิรภัยออก เขาหันกลับไปมองชลธีอีกครั้ง



“ขอบคุณนะครับที่มาส่ง” เอ่ยคำขอบคุณออกไป

“ไม่เป็นไร คุณรีบลงไปเถอะนี่มันดึกมากแล้ว”

“ผมเลยถามไงว่าจะค้างห้องผมไหม” จากตอนแรกที่จะเปิดประตูลงแล้วก็กลับมานั่งมองหน้าคุยกันอีกครั้ง

คราวนี้ได้สบตาเพราะชลธีไม่ต้องขับรถแล้ว

พึ่งรู้ว่าระยะภายในห้องเครื่องมันแคบ ก็ในตอนที่ต้องหันหน้าหากันนี่เอง...



“ถ้าค้างห้องคุณผมต้องไม่ปลอดภัยแน่ ผมยอมขับรถกลับเองดีกว่า” อัศนีมองคนที่บ่นอุบอิบไม่หยุด

เขายิ้มเล็กน้อย

“แล้วตอนนี้คุณคิดว่าตัวเองปลอดภัยหรือไง?” ถามไปทั้งน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ที่ทำให้ชลธีต้องเลิกคิ้ว

“อย่างน้อยก็ไม่ต้องนอนในห้องของคุณแล้วกัน”



“งั้นเหรอ?” หลังจากอัศนีพูดประโยคนี้เกิดความเงียบขึ้น

“........!” ก่อนจะเป็นชลธีที่ต้องตกใจเมื่อจู่ๆอีกฝ่ายขยับตัวเข้ามาโน้มใกล้ ใบหน้าที่แทบจะแนบชิดจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ หัวใจของชลธีเต้นรัว เขารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองมากถึงมากที่สุด



..กึก.. แล้วเสียงล็อคเข็มขัดนิรภัยดังขึ้น



“คุณไม่ได้คาดเบ้ลต์...อีกอย่างคุณขับรถไวมาก” อัศนีช่วยใส่เซฟตี้เบลต์ให้ แต่กลับยังไม่ยอมขยับใบหน้ากลับออกไป

ตัวของชลธีนั่งเกรง เขาแทบไม่กล้าหายใจเพราะกลัวว่าถ้าขยับเมื่อไหร่ปากจะต้องชนกันแน่

เนิ่นนานพอสมควรที่นั่งสบตากันในท่วงท่าแสนน่าอายแบบนี้



“..........!” แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ชลธีเบิกตากว้าง สัมผัสอุ่นนุ่มที่ริมฝีปาก เริ่มยืดหยุ่นเมื่ออัศนีเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์และเริ่มใช้ปากของตัวเองขบกัดกลีบปากของเขา ตัวของชลธีเกรงไปหมด รู้แค่ว่าหัวใจเต้นแรงมาก แถมสายตาก็กำลังมองสันจมูกของอัศนีที่ทางเจ้าตัวกำลังง่วนอยู่กับการใช้ลิ้นและริมฝีปากหยอกล้อกับทั้งโพรงปากและกลีบปากของเขา

..จ๊วบ... เสียงดูดริมฝีปากก่อนที่อัศนีจะผละใบหน้าออกทำให้ชลธีแทบหัวใจหลุดออกมา

..ปึก.. อัศนีลงจากรถ ปิดประตู

เดินห่างออกไปโดยที่ก่อนจะเริ่มไกลใครอีกคนเอี้ยวหน้ามองกลับมาพร้อมส่งรอยยิ้มมุมปากให้



“เชี่ย!” เช่นเดียวกับคนบนรถที่ได้สติ ชลธีรีบยกมือจับปากของตัวเอง เขาถูเช็ดมันจนแดงช้ำ เอาแต่สบถคำหยาบคายและกรีดร้องไร้เสียงอย่างคนเจอทางตัน มือที่ทุบลงบนพวงมาลัยรถก่อนจะกระชับกำแน่นเมื่อสมองนึกไปถึงภาพเหตุการณ์ก่อนหน้า เขาหน้าขึ้นสีอย่างไร้สาเหตุ



นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับการนับรวมเรื่องจูบ

แต่ถือเป็นครั้งแรกถ้าหากนับเจาะจงไปถึงการจูบกับผู้ชาย!

...เขาถูกอัศนีฉวยโอกาสจนได้!!...



# # # # # # # # # # # # # #

เต็มใจให้เขาจูบเองมากกว่ามะ555

หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่8 [28/08/2563]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 28-08-2020 23:05:41
 :laugh:


เคลิ้มมมมมม
หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่9
เริ่มหัวข้อโดย: Sirinapa-11 ที่ 04-09-2020 12:52:49
ตอนที่9

#ชิงชังหัวใจ







ภายในห้องนอนขนาดกว้างบรรยากาศรอบด้านกำลังร้อนระอุ ร่างกายบนเตียงที่พลิกคร่อมนัวเนีย ริมฝีปากที่อ้างับทั้งดูดดึงซึ่งกันและกัน ลมหายใจหอบหนักจากหญิงสาวกายเพรียวบางที่คร่อมอยู่บนตักของชายหนุ่ม เนื้อตัวระหงที่เหลือเพียงชั้นในตัวบาง เสียงครางอื้ออึงเมื่อริมฝีปากได้รูปไล่เล็มเลียตามแนวลำคอ อรดาสั่นสะท้าน ห่างหายจากการเจอชลธีมาเนิ่นนานจนในที่สุดเป็นตัวของเธอที่ตัดสินใจมาหาอีกฝ่ายถึงห้อง  ระหว่างที่หลับตาพริ้มเคลิบเคลิ้ม



“....!” หญิงสาวขมวดคิ้วเล็กน้อยกับมือหนาของอีกฝ่ายที่ดูจะวุ่นวายกับบั้นท้ายของเธอมากกว่าปกติ

“พี่ธี” อรดาส่งเสียงเรียก ชลธีที่กำลังซุกไซร้เนินอกอิ่มหากแต่มือกลับกำลังล้วงผ่านชั้นในตัวบาง

จนที่เมื่อเธอเริ่มรู้สึกได้ว่าฝ่ายชายหนุ่มจะสอดนิ้วเข้ามาในช่องทางด้านหลังของเธอ...



“ชลธี!!”

..ผลั้ก!.. เธอร้องลั่นขึ้นในที่สุดพร้อมกับมือเรียวที่ออกแรงผลักแผ่นอกกว้างให้ออกห่าง อรดาขยับออกจากตักของชลธี เธอคว้าผ้าห่มมาคลุมร่างกายและมองหน้าอีกฝ่ายอย่างตำหนิ หมดอารมณ์จะทำต่อกับเรื่องอย่างว่า คว้าเสื้อผ้ามาใส่



..ปัง..! ก่อนปิดประตูลั่นแล้วเดินจากออกไป เหลือทิ้งไว้เพียงเจ้าของห้องที่กำลังนั่งแสดงใบหน้างุนงง ชลธีพูดไม่ออก หัวสมองตอนนี้ที่ตื้อไปหมด ยกมือกุมหน้าพร้อมกรีดร้องออกมาในใจอย่างไร้เสียง

“โว้ยย!” เสียงคำรามลั่นจากชายหนุ่มผิวขาว ทิ้งตัวนอนลงบนเตียงอีกครั้ง มองเพดานเลื่อนลอยเหมือนคนไร้ทางออกทั้งที่ยังไม่รู้ถึงปัญหาของตัวเองเลยด้วยซ้ำ ชลธีเม้มปาก ตอนที่จูบกับอรดามีแต่ภาพของอัศนีที่แทรกขึ้นในหัว ชายหนุ่มต้องรีบสั่นศีรษะเพื่อไล่ความคิดบ้าบอออกไป นึกอะไรไม่ได้ก็เลือกจะคว้าโทรศัพท์ออกมาเพื่อกดเข้าไปดูไลน์กลุ่มว่าในวันนี้เพื่อนอยู่ที่ไหน



แต่เมื่อแต่งตัวออกมานั่งกลางผับ

เพลงที่ดังเร้าและรอบตัวที่คนแน่นขนัด



“มึงจะนั่งนิ่งทำไม คิดว่านั่งสมาธิอยู่วัด?” เอาจนเพื่อนสงสัยแล้วตั้งคำถาม

“กูทะเลาะกับน้องอร”

“เรื่อง?” แต่เมื่อทางกลุ่มเพื่อนถามเจาะจงมาแบบนี้ชลธีไม่กล้าตอบ จะให้เขาตอบว่ายังไงหละ ให้ตอบไปว่าเพราะตอนที่มีอะไรกับเธอแล้วเผลอนึกถึงผู้ชายคนอื่นอย่างนั้นเหรอ มันก็ไม่ใช่เรื่องไหม



“เออช่างเหอะ มันก็เรื่องไร้สาระ”

“อะไรของมึง เรื่องไร้สาระแล้วมึงจะมานั่งเครียดทำไม”

“ปล่อยกูไปเถอะจะมาสนใจทำไมวะเนี่ย” ชลธีหัวเสีย ชักสีหน้าพร้อมนั่งกอดอกแล้วมองไปทางอื่น เขาเล่นโทรศัพท์เรื่อยเปื่อยเพื่อหาอะไรทำฆ่าเวลา ไม่มีอารมณ์แม้แต่อยากจะเมา ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้นนอกจากนั่งเซ็งตัวเอง ตั้งแต่เมื่อไหรกั่นที่อัศนีเข้ามามีอิทธิพลต่อตัวของเขา ไอ้ผู้ชายหน้าม่อพันธ์นั้นที่หว่านเสน่ห์เรี่ยราด



“ไอ้ธีๆๆ! กระทั่งที่เสียงเรียกจากเพื่อนดังขึ้นอีกครั้งพร้อมทั้งแรงสะกิดไหล่

ชลธีทำเบื่อหน่าย คิดไว้ว่าคงไม่พ้นสะกิดให้หันไปมองสาว

แต่จนเมื่อลองมองตามไป....



“นั่นไอ้อัศนีนี่หว่า มันมากับผู้ชายด้วย” ไอ้พวกตัวแสบหัวเราะคิกคักในขณะที่ชลธียิ้มไม่ออก

คนนี้ไม่ใช่ทินกรแต่เป็นใครอีกก็ไม่รู้ น่าเจ็บใจ

อัศนีนี่กะจะปั่นประสาททุกคนทั้งผู้ชายผู้หญิงไม่เว้นเลยสินะ



“เห้ยเดี๋ยวเมาหรอก” ขัดใจทำอะไรไม่ได้ชลธีเลยคว้าเหล่ากระดกเช้าปากจนเพื่อนต้องพากันร้องปราม เขาจ้องอัศนีจนทางฝ่ายนั้นเหมือนจะรู้ตัวเพราะหันมาสบตาด้วยหลายครั้ง ชลธีฮึดฮัด กำแก้วเหล้าในมือทั้งในหัวที่คิดไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่ร่วมรักกับอรดาแต่กลับนึกไปถึงหน้าอีกฝ่าย เมื่อเห็นว่าอัศนีลุกขึ้นยืนแล้วเดินตรงไปทางห้องน้ำ

“ไปไหนวะ” ชลธีลุกพรวดพราดตามจนเพื่อนต้องถาม

แต่ทางชายหนุ่มไมได้สนใจ ก้าวขาเร่งรีบจนสามารถตามอัศนีได้ทัน



..หมับ..! คว้าแขนอีกคนได้ต้องรีบลากอัศนีให้เข้าไปอัดกันในห้องน้ำก่อนที่คนอื่นจะตามมาเห็น ทางอัศนีลอบยิ้ม มองคนอายุน้อยกว่าที่กำลังหงุดหงิดหัวเสีย ชลธีเหมือนน้ำท่วมปาก มองอัศนีหลายครั้ง โวยวายทางร่างกายที่กลับยังไม่ได้พูดคำใดออกมา จนอัศนีต้องเลิกคิ้วมองหน้าเชิงถามว่านี่เขายืนรอนานแล้วนะ จะพูดออกมาได้หรือยัง

“เมื่อไม่กี่วันก่อนคุณมาจูบผม...แล้วพอมาวันนี้ดันมาหลอกคนอื่นต่ออีก”

“สรุปคุณโกรธที่ผมจูบคุณ?หรือโกรธที่ผมมากับคนอื่น?” พอโดนถามมาแบบนี้ชลธีชะงัก

“โกรธที่คุณหลอกคนไปทั่วตางหาก!เป็นพวกชอบปั่นประสาทคนสินะ”



“คุณหึงผมอยู่หรือไงกัน คุณชลธี”

“.............” ไม่ถามเปล่าแต่อัศนียังเดินตรงเข้าหาจนชลธีต้องก้าวถอยหลัง

แผ่นหลังของเขาแนบกับผนังห้องน้ำในที่สุด ไร้ทางหนีและต้องหยุดยืนเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย



..หมับ... เมื่ออัศนีวางมือลงทาบบนอกชลธีต้องเบิกตากว้าง

“คุณจะทำอะไร!”

“ทำในสิ่งที่คุณก็คงจะต้องการ...ถ้าหากไม่ชอบ ก็แค่วิ่งหนีออกไปได้เลยนะครับ” อัศนียิ้มให้ เลื่อนมือลงต่ำจนมาถึงส่วนกลางลำตัว ชลธีสะดุ้ง เขายืนเกรงและหอบหายใจหนัก เหมือนอารมณ์ที่ค้างกำลังจะถูกสานต่อจากคนที่เฝ้านึกถึง ทางอัศนียิ่งเมื่อได้เห็นว่าชลธีไม่ขัดขืนแถมยังยืนนิ่ง



“.....!” ออกแรงมือที่ลูบไล้จนชลธีต้องหอบหายใจติดขัด สายตาของอัศนีจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่าย ภาพที่ไม่ได้คิดว่าจะมีโอกาสได้เห็นกำลังปรากฏต่อสายตา ชลธีกำลังแสดงใบหน้าเสียวซ่านจากสัมผัสของเขา

..ครืดดด.. เสียงของซิปกางเกงที่ถูกรูดลง

และร่างกายของอัศนีที่ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่า



“.........” ชลธีใจสั่นรัว มองอัศนีจากมุมนี้ที่อีกฝ่ายเงยหน้ามองมา มุมปากของอัศนีที่ลอบยิ้มเมื่อเห็นว่าแก่นกายภายใต้กางเกงชั้นในของชลธีกำลังแข็งขืน เขารั้งขอบกางเกงในสีขาวลงก่อนต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอเมื่อแท่งเนื้อร้อนของอีกฝ่ายปรากฏต่อสายตา อัศนีใช้มือลูบมัน เจ้าลูกชายสุดรักของชลธีที่ตัวโตเต็มที่จนเห็นรอยหยักของเอ็นเส้นเลือด

“อ่าา” เพียงอัศนีอ้าปากครอบครองเท่านั้นที่ชลธีส่งเสียงคราง ขายาวสองข้างที่เกรง



ลิ้นซุกซนที่ไล่เล็มเลียและวนบดขยี้

ขยับปากออกแรงดูดดึงพร้อมทั้งขยับศีรษะเข้าออก

“ซี้ดดด” เสียงครางของชลธีที่ทำให้อัศนีใจสั่นรัว ผู้ชายที่ตัวของเขามีสิทธิได้แค่มองผ่านรูปภาพ ในตอนนี้กลับกำลังยืนครางกระเส่าอยู่เบื้องหน้า เหงื่อเม็ดเล็กที่ไหลชื้นตามแนวใบหน้าขาว เมื่อชลธีใกล้ถึงจุดหมายอีกฝ่ายใช้มือจับรั้งท้ายทอยของอัศนี กลายเป็นอัศนีที่ต้องขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อชลธีขยับเอวเข้าออกรัวเร็วจนเขาจุกลำคอ



“อ่า!” ในที่สุดเสียงของชลธีดังออกมาอีกครั้งพร้อมกับน้ำรักสีขาวขุ่นที่พุ่งทะลักออกมาจนล้นจากมุมปากของอัศนี

เกิดเป็นความเงียบรอบตัวที่ตามมา สายตาของคนทั้งสองที่ยังสบมองกัน

..ผลั้ก!.. ก่อนที่จะเป็นชลธีที่ทำสีหน้ารับไม่ได้ ออกแรงผลักอัศนีออกแล้วใส่กางเกงของตัวเองขึ้นตามเดิม เดินหนีออกไปโดยไม่แม้แต่จะทิ้งประโยคใดไว้สักคำ อัศนีพ่นเสียงหัวเราะ ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วใช้มือเช็ดมุมปากของตัวเองสำหรับบางส่วนที่ตัวของเขาไมได้กลืนลงไป



เดินกลับมาที่โต๊ะของตัวเองอีกครั้ง

จากตอนแรกที่ชลธีเป็นฝ่ายจ้องมอง ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นอัศนีบ้าง



“รู้จักเหรอ?” ชายหนุ่มที่อัศนีมาด้วยตั้งคำถาม

“อืม เพื่อนร่วมงานน่ะ”

“เพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนร่วมเตียง” ได้ยินแบบนี้อัศนีหัวเราะพรืด

“ไม่ถึงขั้นนั้น แค่กำลังตามหยอกเล่นด้วยอยู่”

“เฮ้ออคุณอัศนี ฮอตเสียจริงเลยนะเนี่ย” ประโยคนี้จากอีกฝ่ายที่อัศนีได้แต่ยิ้มรับ เตวาคือเพื่อนเพียงคนเดียวที่อัศนีค่อนข้างจะสามารถสนิทใจด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ว่างตรงกันบ่อยเพราะต่างคนต่างก็มีการงานที่ต้องทำ ตั้งแต่เรียนจบเลยห่างกันออกมาเนื่องจากเตวาต้องดูแลกิจการโรงแรมซึ่งอยู่ทางใต้ของประเทศ ปีหนึ่งเขาเจอกันไม่ถึงสองครั้ง



แต่กลับมารอบไหนเตวาเซอร์ไพร์สตลอด อัศนีเปลี่ยนคู่ควงเป็นว่าเล่น

ทั้งผู้ชายผู้หญิง เยอะแยะจนเอามาสร้างทีมฟุตบอลได้เลย

“............” เตวากำลังสูบบุหรี่ มองตามสายตาของเพื่อนไปที่ชายหนุ่มร่างสูงหนึ่งคนที่ผิวขาวจะแทบจะเรียกวาออร่า หน้าตาหล่อมากชนิดที่ว่าหาคนเทียบเคียงได้ยาก ถือเป็นสเปคของอัศนีเขาเลยหละ ทางเตวาพ่นควันบุหรี่ออกจากปาก



“แต่กูว่าไอ้นี่ดูไม่ธรรมดา มึงรู้ดีกรีเพื่อนมันแต่ละคนไหม”

“หืม?” อัศนีเลิกคิ้ว หันกลับมามองเตวาอีกครั้ง

“เด็กพวกนี้เป็นลูกเศรษฐีทั้งนั้น กูเห็นมันทำตัวเหี้ยเหนือกฎหมายกันมาจะหมดทุกคน”

“ก็คงจริง นิสัยแย่มาก” อัศนีหัวเราะ ยังจำได้ที่ไอ้พวกนี้รวมหันกันจะแกล้งเขา



“ยังจะขำอีก กูเตือนมึงเพราะกูดูออกว่าไอ้พวกนี่มันไม่ธรรมดา”

“กูยุ่งกับชลธีคนเดียว ไม่ได้ยุ่งกับคนอื่นในกลุ่มเสียหน่อย”

“เออก็นั่นแหละ กูว่ามึงเปลี่ยนเหยื่อเถอะ...ท่าทางไม่น่าง่ายเหมือนคนอื่น” อัศนีไม่ได้ทั้งโต้ตอบหรือคุยด้วย เตวาไม่ได้มารับรู้ว่าเขาคลั่งไคล้ชลธีมานานมากแค่ไหน แล้วตอนนี้ถึงโอกาสทั้งทีจะให้ปล่อยหลุดมือไปได้ยังไง คิดได้แบบนี้เลยมองไปที่ชลธีอีกครั้งพบว่าอีกฝ่ายกำลังนั่งหน้าตึงเครียด ท่าทางที่ทำให้อัศนีหัวเราะในใจ



............................

....................



“ไอ้ธี มึงดูสายตาที่มันมองมึงดิ...แทบจะเข้ามาปล้ำแล้ว” ชลธีคิ้วขมวด เพื่อนก็พูดโคตรมาก

“เป็นกูนะจะจัดให้สักดอก เอาให้จำจนตายไปเลย...ทำไมไม่มาตามจีบกูมั้งหว่า”

“เลิกคิดอะไรที่เป็นไปไม่ได้” ชลธีรู้สึกกระดากปากไม่น้อยที่พูดคำนี้

เพราะก่อนหน้า เพิ่งจะ...



“มีแมวเข้าถ้ำมาหาแต่เสือกูเสือกจำศีลอยู่ซะงั้น” พูดจบประโยคก็พากันหัวเราะครืนทั้งโต๊ะ ชลธีส่ายหน้า

“กูจะแต่งงานกับน้องอร”

“เออจร้ารู้โว้ย...แต่ตอนนี้ก็ยังไมได้แต่งสักหน่อยนี่ แถมแฟนกันก็ยังไม่ใช่”

“..............”

“เอาเลย ถ้ามึงทำพวกกูปิดปากสนิทแบบว่าเรื่องนี้ไม่มีทางถึงหูน้องอร”



“กูไม่ได้ชอบผู้ชาย” ชลธียังยืนยันคำเก่า เขาฟุบหน้าลงกับโต๊ะ หันไปมองอัศนีที่กำลังนั่งคุยหัวเราะอยู่กับผู้ชายคนนั้น ท่าทางสนิทสนมทั้งที่ก่อนหน้าเพิ่งจะใช้ปากกับเขาไปแท้ๆ

คนแบบอัศนีนี่มัน...

น่าหงุดหงิดชะมัด!





# # # # # # # # # # # # # #







หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่9 [04/09/2563]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-09-2020 22:36:26
 :katai2-1:


โถๆๆๆ พ่อธี
หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่9 [04/09/2563]
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 04-09-2020 23:12:39
หึงขนาดนี้ ยังจะปากแข็งอีก
หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่9 [04/09/2563]
เริ่มหัวข้อโดย: nuum ที่ 05-09-2020 20:03:02
แต่งได้สนุกดีครับ
ต้องไปอ่านตั้งแต่ต้น
เพราะยังไม่ทราบเลย
ใครเป็นพระเอกครับ


            :mc1:
หัวข้อ: Re: ชิงชังหัวใจ [DRAMA YAOI] อัพตอนที่9 [04/09/2563]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 04-11-2020 18:54:49
 :pig4:
 o13