The october of us [ตอน 7...] 9/5/2020 //จบแล้ว.
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The october of us [ตอน 7...] 9/5/2020 //จบแล้ว.  (อ่าน 2838 ครั้ง)

ออฟไลน์ octobearx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม





------------------------------------------------------------------------------------------------------------
The october of us
Intro

"ยู...ฮึก.......พี่ขอโทษ"

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่วัยสามสิบ ใบหน้าคมเข้ม เต็มไปด้วยหนวดเครารุงรัง กำลังนั่งคร่อมร่างของชายอีกคนที่ดูเด็กกว่า ใบหน้าของชายหนุ่มกำลังเอ่อล้นไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ เขาทั้งตะโกนทั้งร้องไห้ออกมาใส่คนตรงหน้าที่นอนแน่นิ่งอยู่บนถนน ท่ามกลางผู้คนพลุกพล่านที่เดินสวนไปมาบนใจกลางเมือง บ้างก็ยืนมุงดู บ้างก็เดินหน้าต่อไปอย่างไม่สนใจ

"ให้แลกด้วยอะไรพี่ก็ยอม ขอร้อง ...อย่าจากพี่ไปอีกเลยนะ"

ชายหนุ่มยังคงพูดพร่ำ ใช้สองแขนแกร่ง ประคองร่างที่นิ่งสนิทของอีกฝ่ายไว้ในอ้อมกอด ทั้งเนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยของเหลวสีดำที่ไหลอาบเต็มพื้น

"ใคร..กันนะ"

เสียงความนึกคิดจากร่างที่นอนแน่นิ่งนั้น ดังก้องขึ้นมาในหัวของเจ้าตัว เขาพยายามมองดูภาพตรงหน้าที่พร่ามัวไปหมดจนทำให้แยกไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้น หรือแม้กระทั่งคนตรงหน้าของเขา ที่เขาเองก็มองไม่ออกว่าคือใคร

"เมื่อกี้นี้... ตอนที่.. เดินออกมา มีแสงไฟ กับ...เสียงดังโครม"

เขา..พยายามนึกย้อนไปถึงภาพเหตุการณ์ล่าสุดที่เขาจำได้

"อา...นี่เรา ตายแล้วงั้นหรือ"

"แย่จังนะ จะตาย..ทั้งที่ยังซิงอยู่งั้นเหรอ ...แย่ชะมัด"

"ช่างมันเถอะ.."

ชายหนุ่มถอนหายใจพลางหลับตานิ่งสนิทลงก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เลือนหายไป

"ยู..ตื่นเถอะ"

.

.

.

----------------------
  สวัสดีครับ ผม octobearx (อ่านว่า ออค-โท-แบร์) ครับ ปกติเป็นนักวาดการ์ตูนอิสระอยู่
เพิ่งได้ลองมาเขียนนิยายเล่มแรก เรื่องนี้จะเป็นแนวรักเรียบ ๆ นะครับ มีดราม่าบ้าง หวานบ้างปนกันไป
ตัวละครส่วนมากที่เขียน จะเป็นแนวผู้ชายหุ่นหมีมีเครา(ความชอบส่วนตัว 555+)
ฝากตัวด้วยนะครับ ^^

ติดตามงานอื่น ๆ ได้ที่เพจ https://www.facebook.com/octobears
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-05-2020 17:32:40 โดย octobearx »

ออฟไลน์ octobearx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตอน1 คืนฝนพรำ ในวันแรกพบ

ครืนน.......

โครม!!!!

เสียงกัมปนาทจากฟากฟ้า ดังขึ้น พร้อมแสงวาบที่ฉายไปทั่วฟ้า จนทำให้พื้นที่ดำมืดรอบ ๆ สว่างขึ้นอย่างกับเป็นตอนกลางวัน

"เชี่ย!! "

ชายหนุ่มสะดุ้งเฮือกขึ้นมากลางห้องในยามดึก ด้วยเสียงปลุกจากท้องฟ้าและห่าฝน เขามองไปที่ร่างกายของตัวเองแล้วใช้สองมือลูบคลำไปตามร่างกาย เพื่อเช็กว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่

"ฝัน...ไปงั้นเหรอ" เขาถอนหายใจเฮือกหนึ่งเมื่อรู้ว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่ แล้วใช้มือปาดเหงื่อที่หยดซึมตามใบหน้าออกไป เขาสังเกตเห็นว่าเครื่องปรับอากาศบนเพดานนั้นดับสนิท อาจเป็นเพราะถึงเวลาปิดที่ตั้งไว้อัตโนมัติ หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะไฟดับ ซึ่งก็คงไม่แปลกนักในสถานการณ์ที่ฟ้าฝนเป็นเช่นนี้

"ปัง ๆ ๆ " เสียเคาะดึงขึ้นจากประตูหน้าห้อง เขาหันขวับไปที่ต้นเสียงทันทีตามสัญชาตญาณ เขาพยายามเงี่ยหูฟังอยู่ครู่หนึ่ง เพื่อเช็กดูว่าไม่ได้หูฝาดไปเอง

"ปัง ๆ ๆ " เสียงเคาะนั้นยังคงดังขึ้นอยู่ และเริ่มจะรุณแรงขึ้นเรื่อย ๆ

ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าไม่ได้หูฝาดไปเองอย่างแน่นอน แต่ใครกันจะมาเคาะห้องของเขายามวิกาลเช่นนี้ แถมด้านนอกยังมีพายุฝนที่ถาโถมอย่างไม่หยุดอีกต่างหาก

"ใครน่ะ" เขาพูดตะโกนขึ้นขณะที่ยังนั่งอยู่บนเตียงนอนของตนเอง แต่ก็ไร้ซึ่งเสียงตอบรับ แต่ส่งกลับมาเป็นเสียงเคาะระรัวแทน

"ไม่ตลกนะเว้ย" เขาพยุงตัวเองขึ้นจากเตียง พลางใช้ฝ่ามือโบกสะบัดไปมาเพื่อคลายความอบอ้าว แล้วกดสวิตช์ไฟบนหัวเตียง แต่ไฟนั้นยังคงนิ่งสนิท ไร้ซึ่งแสงสว่างใด ๆ เป็นอันแน่ชัดแล้วว่าไฟน่าจะดับ

"โธ่ มาดับอะไรตอนนี้เนี่ย" เขาเดินออกไปเพียงไม่กี่ก้าว จัดการเปิดหน้าต่างไม้บานเก่าออก เพื่อระบายอากาศ ทันทีที่แง้มหน้าต่างออกเพียงนิด สายลมลูกใหญ่ก็พัดโถมเข้ามาในห้องแบบไม่ทันตั้งตัว เขาใช้สลักประตูงัดไว้เพื่อไม่ให้หน้าต่างตีกลับเข้ามา แล้วเดินไปที่หน้าประตู

"เฮ้ย! ถามว่านั่นใคร" เขาตะโกนถามอีกครั้ง เพราะไม่อยากเปิดประตูไปเองก่อนตอนนี้

"ปัง ๆ ๆ " ยังคงเหมือนเดิม ไร้ซึ่งเสียงตอบกลับจากมนุษย์ หรือสิ่งมีชีวิตใด ๆ มีเพียงเสียงเคาะประตูกลับมา

"เอาไงดีวะเนี่ย ประตูที่นี่ก็ไม่มีตาแมวให้มองดูอีก" เขาสบถกับตัวเองอยู่หน้าประตูไม้บานเก่า ที่นี่เป็นห้องพักราคาถูก ที่เช่าเอาไว้พอให้มีที่ซุกหัวนอน ลำพังแค่มีเครื่องปรับอากาศเก่า ๆ สมัยสงครามโลก ให้คลายร้อนนี่ก็ถือว่าแปลกมากแล้ว ฉะนั้นคงไม่ต้องพูดถึงเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยอะไรเลย

"เอาวะ...นับหนึ่ง สอง สาม ฮึบ! " เขาฮึดใจ บิดลูกบิดประตู แล้วผลักออกไปอย่างแรง แต่ก็ต้องพบกับความว่างเปล่าตรงหน้า ทำเอาเขาเริ่มขนลุกไปทั่วตัวโดยไม่มีสาเหตุ เอาจริง ๆ ถ้าเจอคนแปลกหน้า หรือไม่ก็หมาแมวสักตัว ก็ยังคงจะดีกว่านี้

"เพิ่งย้ายมาอยู่ไม่นาน ก็โดนแล้วเหรอกู" เขานึกในใจทันทีที่ไม่มีสิ่งใดอยู่หน้าห้อง แต่แน่ใจว่าเสียงเคาะนั้นเกิดขึ้นจริง ๆ ไม่ได้คิดไปเองแน่นอน เขารีบปิดประตูเข้ามาแล้วลงกลอนให้เสร็จสรรพ แล้วหันขวับกลับไปที่เตียงนอน

"เอี๊ยดดด …..แอ่ดดดดด….เอี๊ยดดดด …แอ่ดดดด"

เสียงแหลม ดังขึ้น มาจากทางหน้าต่างคล้ายกับเสียงของเหล็กเส้นของชิงช้า กำลังเสียดสีกัน ทำให้เขาเผลอหันหน้ากลับไปมองทันที โดยไม่ตั้งใจ

"เปรี้ยง! " แสงวาบจากฟ้าแลบ พร้อมเสียงดังของฟ้าผ่า ดังขึ้นพร้อมกัน ปรากฏเป็นภาพที่อยู่ตรงหน้า

"สิ่ง..สิ่งนั้นมันกำลังใช้มือจับบานหน้าต่างที่แง้มไว้ โยกไปมา พร้อมกับจ้องเขม็งมาที่เขา

ซึ่งปรกติแล้วไม่ควรจะมองเห็นอะไรในเวลามืด ๆ แบบนี้ แต่เมื่อเจอกับแสงวาบที่ทรงพลังของธรรมชาติ ทำให้ทุกอย่างรอบตัว สว่างวาบ เหมือนกลางวันแสก ๆ

ภาพของร่างใหญ่สีดำที่อยู่ตรงหน้า ดวงตาแดงก่ำ ผิวหนังเละเทะ เหมือนอาบน้ำกรดมาทั้งตัวทันทีที่มองเห็น สติของชายหนุ่มก็หมดลงไปทันที เหลือไว้เพียงความมืดมิด

...

เช้าวันรุ่งขึ้น หลังคืนพายุฝนกระหน่ำ ทำให้อากาศค่อนข้างสดชื่น เนื่องจากมีฝนตกทั้งคืน ชายหนุ่มยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียงพลางมองฝ้าเพดาน แล้วนึกทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

"เมื่อคืนนี้มัน...เกิดเรื่องแบบนั้นจริง ๆ เหรอ....หรือเป็นแค่ฝัน" ชายหนุ่มบิดตัวสองสามทีเพื่อคลายกล้ามเนื้อ และสลัดอาการงัวเงียออกจากร่าง

"ปิ๊บ ๆ ๆ " เสียงนาฬิกาปลุกรูปนกสีเหลืองตัวอ้วนบนหัวเตียงร้องลั่นขึ้น พร้อมสั่นหงึก

ชายหนุ่มคว้าเอาเจ้านาฬิกาปลุกเพื่อนยากลงมาดูเพื่อจะกดปิดเสียงที่ชวนหนวกหูนั่นลง เขามองดูตัวเลขบนหน้าปัด ที่บอกเวลา 8.40 น. ทั้ง ๆ ที่มันควรจะเป็นเลข 7 หรือต่ำกว่านั้น

"ฉิบหายแล้ว! จะเก้าโมงแล้วเหรอ!! " ชายหนุ่มตาสว่างทันทีเมื่อได้เห็นดังนั้น ในหัวพลางครุ่นคิดว่าเขาคงจะเผลอตื่นมากดเลื่อนเวลาปลุกไปแล้วรอบสองรอบก่อนหน้านี้

"เก้าโมงครึ่งมีสอบภาษาอังกฤษอีก เวรกรรม" เขารีบลุกจากเตียง แล้วพุ่งไปห้องน้ำจัดการล้างหน้าแปรงฟันแบบลวก ๆ แล้วผลัดเสื้อเป็นชุดนักศึกษาปอน ๆ ตัวเดิมกับกระเป๋าเป้ใบเก่งสีน้ำเงินเข้ม อย่างเร่งรีบ เขารีบลุกออกจากห้องไปพลางใส่เนกไทสีดำเข้าคอเสื้ออย่างลวก ๆ ยังดีที่มันเป็นแบบซิปรูด ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องมานั่งวุ่นกับการผูกปมเนกไทไปเข้าอีก

ด้วยราคาถูกแสนถูกของห้องเช่า มันจึงไม่ใช่แหล่งที่อยู่ใกล้กับตัวมหาลัยนัก กว่าจะใช้เวลาไปถึงก็ต้องต่อรถราอยู่หลายรอบ ทั้งสองแถว แล้วยังรถไฟฟ้า ร่วมถึงช่วงเวลาที่ต้องวิ่งจากสถานีเข้าไปยังมหาลัย

.....

"สายแล้ว ๆ ๆ ๆ " เขาวิ่งเหงื่อเปียกซ่กเข้ามาถึงบนตึกอาคารในคณะ ที่ใช้เป็นสนามสอบ

"เฮ้ย ไอ้ยู จะรีบไปไหนของแกวะ" นักศึกษาสาวตัวเล็ก รวบผมหางม้า ท่าทางแก่นแก้วคนหนึ่งเรียกเขาระหว่างทาง

ยู เป็นทั้งชื่อเล่นและชื่อจริงของเขา ฟังดูแปลกดี แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าหมายความว่าอะไร เพราะตั้งแต่จำความได้เขาก็เคยเห็นพ่อกับแม่เพียงแค่จากในรูปถ่ายเท่านั้นเอง

"เอาไว้ก่อนมึง กูรีบบ"

"เฮ้ย เดี๋ยวก่อนมึง"

"เดี๋ยวเหี้ยไรล่ะ จะไม่ทันเวลาแล้วเนี่ย!!! "

ยูไม่มีเวลาหยุดคุยกับเพื่อนสาว ที่ร้องเรียกเขา ณ ตอนนี้เขาสนใจเพียงเรื่องเดียวคือการไปให้ถึงสนามสอบก่อนเวลา 9.30น.

"แฮ่ก ๆ ๆ ...ถึง..แล้วโว้ยย" ยูหอบแฮ่ก ๆ พลางมองดูนาฬิกาบนข้อมือแล้วก็โล่งใจ ที่เขายังมาทันเวลา

"ปากกา ลิขวิด บัตรนักศึกษา โอเค พร้อม" เขาค้นข้าวของออกมาจากกระเป๋าเป้เพื่อเตรียมเข้าห้องสอบแต่ทว่าเมื่อเขาเงยหน้ามองขึ้นแล้วกวาดสายตาไปรอบห้องสอบที่มืดสนิทไร้วี่แววของผู้คน

"อ้าว? ไปใหนกันหมดวะเนี่ย" เขาพูดพลางยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกาอีกครั้งเพื่อยืนยันเวลา

"อย่าบอกนะ ว่าสอบเสร็จกันไปหมดแล้ว" ยูหน้าซีดเผือดขึ้นเมื่อหันไปก็ไม่เห็นใครอยู่ แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีอะไรบางอย่างมาสะกิดเขาจากด้านหลัง

"ไอ้บ้ายู มาทำอะไรของแกที่นี่ยะ" นักศึกษาสาวคนที่เรียกเขาตรงทางเดินนั่นเอง เธอยืนกอดอกมองเพื่อนชายแล้วส่ายหน้า

"นุ้ย..." ยูทักเพื่อนไปอย่างงงๆ

นุ้ย เพื่อนคนสนิทของยู เขาทั้งคู่รู้จักกันมาตั้งแต่ยังเด็ก จนกระทั่งถึงมัธยมต้น ที่นุ้ยต้องย้ายบ้านไปอยู่ต่างจังหวัดทำให้ทั้งสองไม่ได้พบกันอีกเลย จนกระทั่งกาลเวลาผ่านไปทำให้วนกลับมาเจอกันอีกครั้งในรั้วมหาลัย

"ชั้นเห็นแกรับวิ่งข้ามมาตึกเนี่ย เลยอดสงสัยไม่ได้ว่าจะเกี่ยวกับการสอบ แล้วก็เป็นเข้าจริง ๆ "

"ห๊ะ ยังไงวะ.. เออเนี่ย ชั้นกำลังสงสัยพอดีว่าคนหายไปไหนกันหมด แกรู้เรื่องนี้ป่าว"

"อย่าบอกนะว่าจำไม่ได้แล้ว ว่าอาจารย์เลื่อนสอบ"

"เออ จริงว่ะ ลืมไปเลย..แล้วกันคนอุตส่าห์รีบ"

"ทีหน้าทีหลังหัดอ่านประกาศบ้างนะยะ ชั้นอุตส่าห์ฟอร์เวิร์ดเมลไปเตือนตั้งหลายรอบ"

"เป็นงั้นเหรอ แหะ ๆ ..."

"จ๊ะ!! " นุ้ยกัดฟันตอบรอบเพื่อนคนสนิทที่วัน ๆ คงวุ่นอยู่แต่กับงานพิเศษมากมาย จนเริ่มไม่โฟกัสอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้

"เออ งั้นกลับละนะ.." นุ้ยโบกมือพร้อมเดินออกไป แล้วก็หยุดชะงักหันกลับมาเหมือนจะบอกอะไรบางอย่าง

"แล้วก็อย่าลืมที่นัดกันไว้มะรืนนี้ล่ะ ถ้าคราวนี้แกผิดนัดอีกล่ะก็ ชั้นเอาแกตายจริง ๆ นะยะ"

นุ้ยพูดเตือนถึงนัดหมายของเธอและเขาที่จะไปเที่ยวที่สวนสนุกด้วยกันในวันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งจริง ๆ เคยนัดกันไว้เมื่อสัปดาห์ก่อน แต่ยูดันผิดนัด จนทำให้นุ้ยโมโหไปการใหญ่เลยทีเดียว

"คร้าบบบบ โผ้มม" ยูตะเบ๊ะรับเพื่อนไปที ด้วยท่าทางยียวน

........

ยูเก็บข้าวของเข้ากระเป๋าเป้ พร้อมกับเดินออกจากห้องไปโดยไม่ทันมองด้านหน้าเพราะมัววุ่นอยู่กับการจัดของในกระเป๋า จนกระทั่งชนเข้ากับบางคนเข้าอย่างจัง แรงกระแทกทำให้กระเป๋าเป้ของเขาหลุดมือลงพร้อมกับข้าวของที่กระจัดกระจายลงบนพื้น

"ขอโทษทีครับ ผมไม่ทันได้มอง เอ่อ..." ยูเงยก้มหน้าขอโทษคนตรงหน้าทันที แล้วค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น เขาสบตากับคนตรงหน้า ทันใดนั้นทุกอย่างรอบตัวก็เหมือนจะนิ่งสนิท รวมไปถึงคนอีกคนที่นิ่งไปไม่แพ้กัน

เขา ชายหนุ่มตัวสูงใหญ่ ที่สอดรับกับใบหน้าคมเข้ม กับหนวดเครารกครึ้มบนใบหน้าที่ผ่านการตัดแต่งมาอย่างดี ที่ช่วยเสริมความเป็นชายเข้าไปด้วยกันอย่างลงตัวพอดิบพอดี

"อ่า.. ไม่เป็นไรครับผม ผมก็ไม่ทันได้มองด้วยเหมือนกัน พอดีกำลังเดินหาคนอยู่น่ะครับ" เขาพูดพร้อมกับหยิบสิ่งของต่าง ๆ ของผมที่หล่นกระจายอยู่บนพื้นให้ พร้อมรอยยิ้มบาง ๆ "อ่ะ นี่ครับ"

"ขะ..ขอบคุณครับ" ยูพูดขอบคุณพลางรับสิ่งของมาจากมือของแบบใจลอย ใช่แล้วไม่ต้องสงสัยเลยว่า ชายตัวโตตรงหน้านั้น ช่างโดนใจเขาเข้าไปอย่างจัง

"เอ่อ ว่าแต่" ชายหนุ่มร่างใหญ่เอ่ยปากถาม

"ครับ! " ยู ตอบรับเสียงดังพร้อมกับยืนตัวแข็ง ทำเอาอีกคนแอบยิ้มเล็ก ๆ บนมุมปาก

"พอจะรู้จักที่นี่มั้ยครับ ตึกLH234" เขาพูดถามพร้อมกับยื่นภาพถ่ายใบหนึ่งจากกระเป๋าให้ดู

"อ๋อ อยู่ใกล้ ๆ นี้เองครับ เดินตรงไปทางนี้ แล้วเลี้ยวขวาจะเจอถนนที่มีตึกสองฝั่ง ตึกLH จะอยู่ซ้ายมือนะครับ" ยูพูดอธิบายเส้นทางอย่างคล่องแคล่วเรื่องจากเขาวนมาเรียนอยู่แถบนี้เป็นประจำหลายปี

"ขอบคุณครับ เอ่อ..ว่าแต่น้องชื่ออะไรครับ" ชายหนุ่มถาม

"อะ เอ่อ ผม..ผม ยู ...ชื่อยู ..ครับ"

"ครับ น้องยู พี่ชื่อชยุทธ เรียกยุทธก็ได้" ชายหนุ่มแนะนำตัวเองด้วยรอยยิ้มบาง

"ครับ" ยูตอบรับแบบแก้มแดง ๆ ด้วยความเขินอาย แต่อีกใจก็พลอยสงสัยว่าคนปกติเขาถามชื่อคนแปลกหน้ากันด้วยหรือ

"แหะๆ พี่ก็ถามไปงั้นแหละ เผื่อได้เจอกันอีก จะได้เรียกถูก...."

"อ๋อครับ"

"งั้นพี่ไปก่อนนะครับ ไว้เจอกันครับยู" ยุทธโบกมือสองสามทีแล้วเดินจากไป ยูมองยุทธที่ค่อย ๆ เดินจากไปจนลับสายตา ทิ้งไว้แต่เพียงเขาที่ยืนนิ่งอยู่ด้วยใบหน้าแดงก่ำ

"อ้ากกกก อะไรฟระเนี่ย จู่ ๆ มาเจอคนแปลกหน้า แถมยังถามชื่อเราอีก แถมน่ารักมากซะด้วยฝันไปอีกแล้วรึเปล่าวะเนี่ยกรู อ้ากกกกกกก" ยูร้องลั่นเป็นบ้าอยู่คนเดียว จนเขาตบหน้าตัวเองสองสามทีเพื่อเรียกสติ

"เดี๋ยวก่อนนะ ถ้าวันนี้ไม่มีสอบ งั้นก็ว่างไปทั้งวันเลยน่ะสิ แถมยังเช้าอยู่ด้วย ...ไม่อยากรีบกลับเลยแฮะ" ยูนึกได้พลางเดินเตร็ดเตร่ไปทั่ว ไหน ๆ ก็อุตส่าห์ออกมาแล้ว ยังไม่ต้องรีบกลับไปที่ห้องแคบ ๆ ของเขา คงจะดีกว่า ยังไงซะวันนี้ก็อากาศดีทั้งที เดินเล่นในมหาลัยหน่อยคงจะไม่เลว

"ครืด ๆ ๆ ๆ ๆ " โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของเขาสั่นเครือโดยไร้เสียง เนื่องจากเขาปิดเสียงไว้เพราะกำลังจะเข้าห้องสอบก่อนหน้านี้ เขาคว้ามือถือออกมาดู แล้วรับสาย

"อ้าวพี่มล สวัสดีครับ" ยูพูดทักทายปลายสายด้วยเสียงน้ำเสียงสดใส

พี่มลหรือ มลธิดา คือรุ่นพี่ที่เคยเรียนในคณะเดียวกันกับเขา ทุกครั้งที่รับสายนี้ ยูมักจะได้รับงานพิเศษใหม่ๆ ที่ได้เงินก้อนโตมาทำอยู่เรื่อย

"ฮัลโหล ตายู ช่วงนี้ว่างป่าว พี่มีงานมาให้จ้ะ"

"เอ...ช่วงนี้เหรอ ว่าง ๆ อยู่แฮะ ทั้งงานทั้งเงิน" ยูคิดในใจ

"ยูว่างเสมอ ถ้าเป็นที่มลคนสวยครับ" ยูพูดหยอดใส่

"แหม ปากหวานเชี่ยวนะ"

"แหะๆ ว่าแต่ผมขอรายละเอียดคร่าว ๆ ได้มั้ยครับ เป็นงานแบบไหนเหรอ"

"อ๋อ ก็..เป็นพวกงานจัดอินทีเรียให้ร้านกาแฟน่ะ แล้วก็มีทำอาร์ตนิดหน่อย พอดีมีคนรู้จักคนนึง เค้าจะทำร้านกาแฟ เลยอยากได้คนช่วยออกแบบร้านให้อะไรพวกนี้ ชั้นเคยเห็นงานแกมาสองสามทีว่าเคยทำ เลยลองโทรมาหา"

"โอ้ ได้นะ งานถนัดเลยครับ แล้วให้ผมเข้าไปคุยกับลูกค้าเองเลยมั้ย หรือยังไง"

"บ่ายนี้ว่างมั้ยล่ะ ถ้าว่างก็เข้าไปคุยกับเฮียแกเลย ร้านอยู่แถวๆ มอนั่นแหละ เดี๋ยวพี่ส่งข้อมูลพวกที่อยู่กับเบอร์โทรติดต่อไปให้ในSMS นะ"

"คร้าบบผม เนี่ย มาได้ทันเวลาพอดีเลยครับพี่ ปฏิทินเดือนนี้ผมว้างว่าง"

"จ้า งั้นแค่นี้นะเดี๋ยวส่งข้อมูลไป"

"ครับผม สวัสดีครับ" ยูพูดเสร็จก็กำลังจะกดวางสาย ในขณะมลธิดาพูดสวนขึ้นมาพอดี

"เออ ยู จะว่าไป ลูกค้าคนนี้เนี่ย ...ดูท่าทางจะสเปคแกเลยล่ะ โฮะๆ ๆ "

กรึ๊ก! ยูกดวางสายไปพอดีกับที่มลธิชาพูด ทำให้เขาไม่ได้ยินประโยคสุดท้าย เขาหยิบมือถือขึ้นมาดูรายละเอียดที่เธอส่งเข้ามาให้ทาง SMS แล้วจึงเดินชมนกชมไม้ระหว่างทางไปอย่างไม่เร่งรีบ พลางนึกถึงเรื่องราวดี ๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า

...

ออฟไลน์ octobearx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตอน2 ที่ร้านกาแฟ และยินดีที่ได้รู้จัก

แสงแดดสีขาวอมส้มจาง บอกเวลาบ่ายแก่ ๆ ยูใช้เวลาไม่นานก็เดินทางมาจนถึงจุดหมาย เขาหยุดมองดูอยู่ที่หน้าร้านกาแฟร้านหนึ่ง ภายนอกของร้านตกแต่งด้วยสไตล์ยุโรปแบบเรียบ ๆ ดูสะอาดตา มีกระจกบานใหญ่ที่หน้าร้านมองเข้าไปเห็นด้านในร้าน มีชุดเฟอร์นิเจอร์วางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ แต่ยังไร้ซึ่งสีสันและการตกแต่งใด ๆ ยูเดินเข้าไปใกล้ ๆ เขาลองผลักประตูบานใหญ่หน้าร้านเบา ๆ ปรากฏว่ามันไม่ได้ถูกล็อกไว้แต่อย่างใด เขาจึงตัดสินใจเดินเข้าไปด้านในทันที

ยูเดินดูรอบ ๆ ร้านด้านใน เพื่อเก็บข้อมูล โดยที่ยังไม่ได้พบเจอกับเจ้าของสถานที่แห่งนี้ จนกระทั่งเขาได้ยินเสียงฝีเท้าหนักคู่หนึ่งจากทางด้านหลัง

"ไงน้อง มีธุระอะไรรึ" เสียงทุ้มใหญ่เอ่ยปากถามจากด้านหลัง จนทำให้อีกคนสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ

"อะ เอ่อ..ผะ..ผม..." ยูหันมาตอบเสียงตะกุกตะกัก พลางมองคนตรงหน้า

หนุ่มใหญ่ ร่างสูง ผิวสีเข้มแบบคนใต้ ไว้หนวดทรงครอบปาก ท่าทางดุดันยืนกอดอกนิ่งมองเขาอยู่

"เอ๊ะ น้อง ใช่น้องที่พี่มลติดต่อมาให้รึเปล่า? " หนุ่มใหญ่เอ่ยถาม

"ครับ ผมยู ครับ พะ พี่มลติดต่อมาเมื่อเช้า"

"อ้อ ๆ พี่ยักษ์นะ เป็นเจ้าของที่นี่แหละ" หนุ่มใหญ่แนะนำตัวเองพร้อมกำหมัดทุบหน้าอกตัวเองสองสามที

"นั่งก่อนสิ เดี๋ยวหาอะไรมาให้ดื่มนะ" ยักษ์พูดพร้อมกันเดินไปหยิบน้ำเย็นจากเหยือกในตู้ รินใส่แก้วแล้วยื่นให้กับยูที่นั่งรออยู่บนโต๊ะนั่งบุโซฟาในร้าน

"ขอบคุณครับ" ยูรับแก้วน้ำเย็นเจี๊ยบจากยักษ์มา พลางทำท่าประหม่าเล็กน้อย เอาเข้าจริง ๆ คนตรงหน้าพอได้พูดได้คุยแล้ว ท่าทางจะเป็นมิตรมากกว่าที่คิด ถ้าเทียบกับกับรูปร่างหน้าตาของเขา ยูยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบทีหนึ่งพอชุ่มคอ

"งั้นเดี๋ยวพี่พาเดินดูรอบ ๆ ร้านแล้วกันนะ" ยักษ์เอ่ยปากพร้อมกับเดินนำหน้าไปอย่างช้า ๆ แล้วคอยอธิบายรายละเอียดต่าง ๆ ให้ฟังอย่างคร่าว ๆ สำหรับจะนำไปใช้ประโยชน์ในงานออกแบบของยู เขาตั้งใจฟัง และคอยจดรายละเอียดต่าง ๆ อย่างรอบคอบตลอดการอธิบายด้วยความเคยชิน

"หมับ! " ฝ่ามือหนา กดนวดที่บ่าไหล่ของยูคลึงไปมาเบา ๆ ทำเอาเขาสะดุ้งเฮือก เพราะกำลังจดจ่อกับงาน

"ตัวแน่นเหมือนกันนี่เรา"

"หือ?! "

"ฮ่า ๆ เปล่า ๆ ไม่มีไรหรอก" ยักษ์คลายมือออก พลางหัวเราะร่วน หารู้ไม่ว่าทำเอาอีกฝ่ายยืนตัวแข็งไปหมดแล้ว หลังจากนั้นไม่นานนักก็เดินสำรวจทุกบริเวณร้านจนครบถ้วน ทั้งคู่จึงกลับมานั่งที่โต๊ะตัวเดิม

"เป็นไงบ้าง พอเข้าใจรายละเอียดมั้ย ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนบอกพี่ แต่ว่าไม่ต้องรีบร้อนไปหรอกนะ ไว้คิดไอเดียไรออกค่อยมาบอกพี่เป็นระยะ พี่ยังไงก็ได้ สบาย ๆ " ยักษ์พูดพร้อมโปรยยิ้มบางออกมา

"ครับผม ไม่น่ามีปัญหาอะไรครับ งานไม่ค่อยซับซ้อนอะไรมาก"

"เหรอ ดีเลย แสดงว่าท่าทางทำงานเก่งพอตัวนะเรา"

"เอ๋ ..ไม่หรอกครับ แค่ทำบ่อยจนชินมือน่ะ"

"เก่งแบบนี้ แถมน่ารักด้วย มีคนมาติดตรึมแน่เลยอะดิ"

"มะ ไม่มีหรอกครับ...แฟนสักคนยังหาไม่ได้เลย อย่างผมเนี่ย"

"เอ้า จริงรึ งั้นแบบนี้..." ยักษ์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ

"พี่ก็จีบยูได้น่ะสิ" ยูนั่งนิ่งตาเบิกโพลง ทำตัวไม่ถูก เมื่อเจอกระสุนนัดใหญ่จากคนตรงหน้า

"ฮ่า ๆ แซวขำ ๆ น่า ...แต่ถ้าน้องยูไม่ว่าอะไร พี่จะจีบจริง ๆ นะ" ยูหันซ้ายหันขวาพยายามหาเรื่องอื่นคุยเบี่ยงประเด็น จนไปสะดุดเข้าที่ต้นแขนของคนตัวโต

"โอ๊ะ จะว่าไป รอยสักพี่สวยดีนะครับ ทำที่ไหนมาเหรอ"

"หืม สังเกตเห็นด้วยรึ" ยูแหยะยิ้มในใจ พลางนึกว่า ลายใหญ่เต็มแขนตั้งแต่บ่าไหล่ลงมาถึงข้อแขนขนาดนั้นไม่เห็นสิแปลก

"ผมชอบนะ ลายแบบนี้ เคยคิดว่าจะไปสักเพิ่มเหมือนกัน แต่หาจังหวะไม่ได้สักที ยิ่งช่วงนี้จะเรียนจบแล้ว โปรเจคเข้าเพียบ เวลานอนแทบไม่มี ฮะ ๆ ๆ " ยูพูดร่ายยาว เพื่อหวังจะเปลี่ยนประเด็นในวงสนทนา

"แฟนเก่าพี่เอง..มันเป็นช่างสักน่ะ" ยักษ์พูดพลางเบือนหน้าไปที่กระจกใสบานใหญ่หน้าร้าน

"ดีจัง อยากมีแฟนเป็นช่างสักมั่งเลยนะเนี่ย จะได้สักฟรี ฮ่า ๆ ๆ " ยูพูดจบพลางหัวเราะกลบเกลื่อน ส่วนยักษ์นั่งนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วหันกลับมาจ้องหน้ายู

"เอาป่าวล่ะ เดียวแนะนำให้ อิอิ" ยักษ์เปลี่ยนสีหน้า แล้วพูดด้วยท่าทางร่าเริงเหมือนเดิม

"เห ดีเลยครับ แนะนำหน่อยสิ" ยูพูดตอบรับแบบแกล้ง ๆ อำ หารู้ไม่ว่าอีกฝ่ายนั้นจริงจังกว่าที่เขาคิด

"ลองขึ้นไปดูสิ ร้านมันอยู่บนตึกนี่เอง เดินขึ้นบันไดข้าง ๆ ไปก็เจอเลย" ยักษ์พูดพลางเลิกคิ้วไปที่ทางขึ้นชั้นสอง จนไปเห็นนาฬิกาผนังใกล้ ๆ พอดี

"โอ้ตายละ เวลาป่านนี้แล้วรึเนี่ย ชวนน้องยูคุยยาวเกินรึเปล่าครับ"

"อ๋อ ไม่หรอกครับ วันนี้ผมก็ว่าง ๆ อยู่"

"งั้น..เดี๋ยวเราตามสบายเลยนะ พี่ขอไปทำธุระหลังร้านแวบนึง พอดีอบขนมทิ้งไว้" ยักษ์พูดแล้วลุกออกไป

"ผมขอลองแวะขึ้นไปชั้นสองดูแล้วกันครับ แล้วเดี๋ยวคงกลับเลย"

"โอ้ โอเค ๆ ถ้างั้นพี่ฝากที่เหลือด้วยครับยู ขอบคุณมาก ๆ "

"ครับผม ไว้เจอกันนะครับ ถ้ามีอะไรอัปเดตเดี๋ยวผมเขียนใส่อีเมลมาหาแล้วกันครับ" ยักษ์ส่งยิ้มให้ยูเบาๆ แล้วเดินออกไปหลังร้าน พอดีกับที่ยูเดินออกไปที่ประตูทางเข้าเขาแวะขึ้นบันไดเพื่อไปยังชั้นสองของร้าน มองไปรอบ ๆ สังเกตเห็นว่าสไตล์การตกแต่งเริ่มดูแตกต่างจากชั้นแรก ผนังทางเดินตกแต่งด้วยโปสเตอร์งานดนตรี งานศิลปะต่าง ๆ ส่วนมากเป็นแนวเมทัล หรือพวกงานที่ดูฮาร์ดคอร์ ต่างจากชั้นล่างที่เน้นการตกแต่งแบบเรียบ ๆ และดูอบอุ่นมากกว่า

"คุ้นๆ จังแฮะ" ยูพูดในใจ เมื่อเดินดูรอบ ๆ แต่คงไม่แปลกนักเพราะตัวเขาเองก็คลุกคลีอยู่กับงานแบบนี้อยู่แล้ว ไม่แปลกที่จะเคยเห็นโปสเตอร์เหล่านี้ผ่าน ๆ ตามาแล้ว

ยูเดินมาจนสุดทางเดินที่หน้าประตูไม้เก่า สีน้ำตาลบานหนึ่ง มันมีกระจกบานใหญ่ที่ใช้สำหรับมองทะลุเข้าไปฝังอยู่ในตัวประตู แต่ถูกฝุ่นจับหนาเตอะจนมองไม่เห็นข้างในได้ชัดเจนนัก เขาจึงยื่นมือเข้าไปบิดลูกบิด เพื่อเข้าไปด้านใน แต่ก็ต้องพบว่ามันถูกล็อกเอาไว้อยู่

"ตึก ๆ ๆ " เสียงฝีเท้าทุ้มใหญ่ดังไล่มาทางด้านหลัง จนยูต้องหันกลับไปมอง

"เอ้อ ยู โทษที พี่ลืมบอกไป ว่าไอ้ยุทธ..เอ่อ หมายถึงช่างสักน่ะ มันไปทำธุระข้างนอกวันนี้ เห็นว่าจะกลับคงเช้า ๆ เลย" ยักษ์พูดพร้อมกับยื่นกระดาษแผ่นเล็กให้ "นี่นามบัตร ลองติดต่อผ่านเบอร์นี้ไปก่อนก็ได้"

"yuth tattoo...อ่า โอเคครับผม ขอบคุณนะ ถ้างั้นวันนี้ผมขอตัวก่อนดีกว่า" ยูพูดแล้วเก็บนามบัตรใส่ไว้ในกระเป๋าสตางค์

"ค้าบผม ..มา เดี๋ยวพี่เดินไปส่งหน้าร้าน"

ยูโบกมือลายักษ์ แล้วจึงเดินจากไปพลางหยิบนามบัตรมาพลิกหน้าพลิกหลังดูระหว่างทาง

...

เช้านี้อากาศสดใสเป็นพิเศษ ประจวบเหมาะกับที่ยูได้นัดแนะกันไว้ล่วงหน้ากับนุ้ยที่สวนสนุก ทั้งคู่วางแผนเอาไว้ว่าจะไปเล่นเครื่องเล่นที่สวนสนุกแห่งนั้นกันในข่วงเข้า แล้วไปดูหนังกันต่อที่โรงภาพยนตร์ของสวนสนุก ยูมองดูนาฬิกาแล้วพบว่ายังมีเวลาอีกเหลือเฟือก่อนจะถึงเวลานัด เขาจึงไม่รีบร้อนอะไรนัก เขาเดินอืดอาดเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวรออย่างสบายอารมณ์จนเสร็จสรรพ ยังมีเวลาเหลืออีกนิดหน่อยให้สะสางงานที่ยังคั่งค้าง เขาเดินไปนั่งที่โตะทำงานประจำตัว จัดการเปิดคอมพิวเตอร์ตัวเก่งหนาสามนิ้วของเขาขึ้นมา ถึงแม้มันจะมีอายุมากแล้ว แต่ยูก็ไม่ตัดสินใจซื้อเครื่องใหม่สักที เขาลากเมาส์คลิกที่โปรแกรมสำหรับใช้ทำงานออกแบบขึ้นมา พลางเปิดเอกสารข้อมูลรูปถ่ายต่าง ๆ ที่ได้รวบรวมเอาไว้ตอนที่ไปสำรวจตัวร้าน

“อืมม สไตล์ร้านดูเป็นแนวอบอุ่น เหมาะกับการมาแบบสังสรรค์ในครอบครัว หรือจะมาเป็นแบบคู่รักก็ยังได้ ถ้าเน้นจัดแสงแบบดูโทนอุ่นเข้าไปอีกน่าจะช่วยเสริมอารมณ์ได้ แต่เพิ่มผิวสัมผัสเข้าไปนิดหน่อยก็น่าจะดี ช่วยตัดเลี่ยนไม่ให้ดูเลี่ยนเกินไป” ยูลากเมาส์ไปมาอย่างชำนาญเพื่อตัดแปะวัตถุต่าง ๆ เข้ามาวางบนภาพถ่ายของตัวร้านเพื่อจำลองหน้าตาที่จะเกิดขึ้นจริง ๆ เมื่อทำการตกแต่งตัวร้าน เขาใช้เวลาไม่กี่นาที ก็ได้ออกมาเป็นภาพที่ดูสมบูรณ์ หากดูเพียงผิวเผินแทบจะดูไม่ออกเลยว่าเกิดจากการตัดต่อภาพต่าง ๆ เข้าด้วยกัน

“เอ..แต่ชั้นสองเนี่ยเป็นร้านสักด้วยนี่นะ ถ้าผสมอะไรดิบๆ เข้าไปนิดๆ หน่อยๆ อาจจะเพิ่มความน่าสนใจให้กับงานได้ แถมยังช่วยดึงดูดลูกค้าได้สองทาง เพราะถ้าขึ้นไปชั้นบนด้วยก็ต้องเดินผ่านส่วนร้านคาเฟ่ตรงนี้...” เขาสร้างไฟล์งานขึ้นมาอีกชิ้นโดยการคัดลอกจากไฟล์เดิมขึ้นมา เพื่อจะได้นำมาเปรียบเทียบกัน

“ไม่เลวแฮะ งั้นลองดูอีกนิดว่าจะเป็นไงถ้า...”

“กริ้งงงงง!!” เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นจากมือถือ ยูคว้ามันขึ้นมาดู

“เฮ้ย ทำงานจนเพลินเลยเรา ใกล้ได้เวลาแล้วเหรอเนี่ย”

ยูกดปิดเสียงนาฬิกาปลุก ทำการเซฟไฟล์งานบนคอมพิวเตอร์แล้วปิดเครื่องทันที กว่าคอมพิวเตอร์จะปิดตัวลงจนเสร็จสมบูรณ์ก็ใช้เวลาสักครู๋หนึ่ง เขาจึงคว้ากระเป๋าเป้ที่ใช้ประจำขึ้นมาสะพายแล้วออกจากห้องไปในทันที โดยไม่ปิดสวิตช์ไฟ

...

โชคยังดี ที่ยูมาถึงทันเวลานัด เพราะเขากะเวลาเผื่อล่วงหน้าเอาไว้แล้วตอนตั้งนาฬิกาปลุก วันนี้ที่สวนสนุกมีคนพลุกพล่านเป็นพิเศษ แต่ดีที่อากาศค่อนข้างเย็นสบายเลยไม่มีปัญหาเรื่องที่คนแออัดซักเท่าไหร่นัก เขาเดินไปรอบ ๆ เพื่อมองดูว่านุ้ยมาถึงแล้วหรือยัง

“ยูวววววววววว ทางนี้ ๆ ๆ ” เสียงเล็กแหลมแว่วมาแต่ไกล จนเขาต้องหันควับไปที่ต้นเสียง เห็นนุ้ยยืนกระโดดตัวโบกไม้โบกมือไปมาให้เขา

“มาถึงก่อนกูตลอดเลยนะมึงเนี่ย” ยูทักทายเพื่อนสาวด้วยท่าทางยียวน

“เออ ของมันแน่อยู่แล้วย่ะ ระดับนุ้ยแล้ว ไม่มีคำว่าสายในสารบัญ ไม่เหมือนคนแถวนี้หรอก”

“ดี!” ยูกัดฟันพูดชมเพื่อนผู้ไม่เคยมาสาย ต่างกับเขาที่ตรงกันข้ามตลอด

“เล่นไรกันดี มีเวลาชั่วโมงกว่า ๆ แน่ะ กว่าหนังจะฉาย” นุ้ยจูงมือเพื่อนชายลากไปที่เครื่องเล่นเครื่องนั้นเครื่องนี้ด้วยความตื่นเต้น วันนี้พวกเขาทั้งสองตั้งใจจะมาดูหนังเรื่องหนึ่งซึ่งฉายในระบบสี่มิติ แบบที่มีแต่ที่นี่เท่านั้นที่จะหาชมได้

“อืมม เอาเป็น...” ยูชี้มือไปทางซุ้มเครื่องเล่นม้าหมุน แต่ไม่ทันได้เอ่ย ก็ถูกอีกคนพูดสวนขึ้นมา

“ไวกิ้ง!!” นุ้ยพูดแล้วชี้นิ้วไปที่เครื่องเล่นหวาดเสียวขนาดยักษ์รูปร่างเหมือนเรือลำใหญ่แขวนอยู่บนชิงช้า

“ห๊ะ!?” นุ้ยไม่ตอบกลับ แต่ลากแขนเพื่อนไปที่หน้าเครื่องเล่นทันที

“มึงงง ไม่อาววว ไม่เล่นอันนี้ว้อยยย” ยูส่ายหน้าหงึก เขาไม่ใช่คนที่ชอบเล่นอะไรที่มันท้าทายนัก ยิ่งเป็นช่วงก่อนจะมาดูหนังนี่ยิ่งแล้วใหญ่ ตอนแรกเขาคิดแค่ว่าคงเดินเล่นเบา ๆ ฆ่าเวลาเท่านั้นเอง แต่ก็ไม่เป็นผล เผลออีกทีเขาก็ถูกเพื่อนตัวแสบลากไปเล่นที่นั่นที่นี่จนจวนจะได้เวลา

โชคดีที่นุ้ยจัดการซื้อบัตรเอาไว้แล้วล่วงหน้า จึงไม่มีปัญหาเรื่องการรอคิวซื้อบัตรที่หน้าเคาน์เตอร์ พวกเขาจึงเดินเข้าไปนั่งรอที่นั่งได้อย่างสบายใจ ทั้งคู่เดินไปจนถึงที่นั่งที่จองเอาไว้ มันเป็นที่นั่งแถวหน้าสุด โดยปกติแล้วจะไม่ค่อยมีใครอยากจะได้ที่นั่งตรงนี้มากนัก แต่พวกเขาทั้งคู่กลับรู้สึกดี เพราะการได้นั่งแถวหน้าสุดนั้น ทำให้พวกเขารู้สึกว่ามันดูตื่นตาตื่นใจมากกว่า ทุกครั้งที่แวะมาดูเลยจัดการจับจองที่นั่งตรงนี้เป็นประจำ

.....

ภาพยนตร์ดำเนินไปจนเกือบจะจบเรื่อง ผู้คนทั้งโรงหนังต่างเงียบสงัด จะมีก็เพียงแต่เสียงสูดหายใจเบา ๆ จากผู้ชมที่กำลังนั่งปาดน้ำตา เพราะตัวหนังที่เป็นแนวดราม่า กินใจ ถึงกับทำให้ยู ผู้ซึ่งไม่ค่อยจะอินกับหนังแนวนี้นัก ถึงกับน้ำตาคลอ

“นุ้ย หนังอะไรของมึงเนี่ย แม่ง...โคตรเศร้าเลย” ยูบุ้ยหน้าไปทางเพื่อนสาว แต่ไร้ซึ่งเสียงตอบกลับจากอีกฝ่าย เมื่อยูหันกลับไปมองก็พบว่าเพื่อนของเขากำลังนั่งปาดน้ำตาที่ทะลักออกมาเป็นสายอยู่ ทำเอาเขาเปลี่ยนอารมณ์จากเศร้า ๆ กลายเป็นขำก๊ากทันที

“มึง ขอทิชชูปะ ขอหน่อย” นุ้ยพูดพลางยื่นมือไปที่ยู

“เออมี แปป ๆ” ยูควานหาทิชชูจากกระเป๋าสะพายที่วางเอาไว้ข้าง ๆ แต่ในโรงยังมืดสนิท จนเผลอทำข้อศอกชนเข้ากับผู้ชมที่นั่งข้างๆ

“อ๊ะ?!” คนข้างๆ ร้องตกใจ

“ขะ ขอโทษครับ” ยูรีบเอ่ยปากขอโทษเมื่อรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ทันใดนั้นเองไฟส่องสว่างในโรงหนัง ก็สว่างวาบขึ้นมา เผยให้เห็นใบหน้าของคนที่เขากำลังขอโทษ

“...” อีกฝ่ายนั่งนิ่งไปชั่วขณะ

“อ้าวพี่..คนที่เจอที่มหาลัยวันก่อนนั้นนี่” ยูทักแต่เหมือนอีกฝ่ายจะยังไม่เข้าใจ เขาขยิบตาไปมาเหมือนพยายามโฟกัสอะไรอยู่

“โทษทีนะ ผมมองอะไรไม่ชัดเลย พอดีเมื่อกี้นี้คอนแทกต์เลนส์มันเคลื่อนออก ตอนกำลังใส่ยาหยอดตาน่ะ” เขาพูดจบยูก็หน้าซีดเผือดขึ้น เขาคิดว่าที่ชนไปเมื่อกี้คงจะทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นแน่ ๆ

“ขอโทษครับ สงสัยเป็นผมเอง เมื่อกี้นี้เผลอเอามือไปปัดโดนอะไรสักอย่าง ดะ เดี๋ยวผมหาให้นะครับ น่าจะตกอยู่แถวนี้” ยูเปิดแฟลชจากมือถือแล้วก้ม ๆ เงย ๆ ควานหาคอนแทกต์เลนส์ที่หล่นอยู่บนพื้นจนเพื่อนสาวต้องเข้ามาทัก

“มีไรวะมึง” นุ้ยถาม

“กูทำคอนแทกต์เลนส์พี่เค้าหายว่ะ ช่วยหาหน่อยดิ”

“ห๊ะ?” นุ้ยร้องด้วยท่าทางงงๆ จนเจ้าของคอนแทคเลนส์ต้องเอ่ยปาก

“เอ่อ คือว่า...” หนุ่มใหญ่พูดขึ้นด้วยท่าทางเกรงใจ

“แปปนึงนะพี่ น่าจะอยู่แถว ๆ นี้แหละ” ยูยังคงก้มหน้าก้มตาควานหาคอนแทกต์เลนส์ต่อ จนกระทั่งอีกฝ่ายเอื้อมมือมาแตะที่บ่าไหล่ จนเขาต้องหยุดชะงัก “พี่ว่า ถึงหาเจอ ก็คงจะใช้ไม่ได้แล้วล่ะครับ พื้นมันเป็นพรหมด้วย คงสกปรกแย่ ไว้เดี๋ยวซื้อใหม่ก็ได้ ไม่เป็นไร” เขาพูดพร้อมกับส่งยิ้มบางให้ เป็นสัญญาณว่าไม่ต้องกังวล

“ขอโทษจริง ๆ นะครับ ผมนี่ซุ่มซ่ามตลอดเลยสิน่า” ยูพูดพร้อมกับยกมือขอโทษยกใหญ่

“แล้วแบบนี้จะเดินกลับไหวมั้ยเนี่ยครับ”

“เอ่อ ก็...คงพอได้แหละ ไม่ต้องคิดมากหรอก”

“ขอโทษแทนเพื่อนหนูด้วยนะพี่ มันซุ่มซ่ามแบบนี้เป็นประจำ”

“ไม่เป็นไร ๆ ป่ะ กลับกันเถอะ คนอื่น ๆ เขาออกไปหมดแล้วเนี่ย” ยุทธพูดปนขำ เมื่อมองเห็นว่าในโรงหนังเหลือแค่พวกเขาสามคน กับพนักงานทำความสะอาดที่ยืนมองอยู่ ทั้งสามคนจึงเดินออกไปแบบรีบ ๆ

“ปึก!!” ยุทธเดินชนกำแพงเข้าจังงัง จนยูที่เห็นเหตุการณ์เกือบจะหลุดขำออกมา

“ให้ผมเดินไปส่งแล้วกันนะ” ยูเอ่ยปากเมื่อคิดว่าคงปล่อยให้อีกฝ่ายกลับเองไม่ได้แล้ว เขาเลยตกลงกับนุ้ยว่าจะแยกกันตรงนี้ ซึ่งนุ้ยก็เข้าใจได้ดีว่าเพื่อนชายของเธอต้องการจะสื่ออะไร

“แหะ ๆ งั้นรบกวนด้วยนะครับน้องยู” ประโยคสุดท้ายที่เรียกชื่อ ทำให้ยูต้องสะดุด

“อ้าว จำผมได้แล้วเหรอเนี่ย”

“ก็..เดา ๆ เอาจากน้ำเสียงน่ะ พี่พอจำได้” เขาตอบ

“พี่ชื่อ พี่ยุทธ รึเปล่านะ ผมจำถูกมั้ยครับ? ยูถาม ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วจำได้แม่นไม่ลืม

"ใช่แล้ว พี่ยุทธเอง ที่เจอกันที่มหาลัยวันนั้นไง จริง ๆ พี่ก็พอรู้จักเราคร่าว ๆ แล้วล่ะ ไอ้ยักษ์มันเล่าให้ฟังน่ะ" ยุทธพูดพร้อมกับยิ้มเบาๆ ให้

"พี่ยักษ์? พี่ยุทธ... Y-U-T-H เอ๋ เดี๋ยวก่อนนะ" ยูพูดเสร็จก็ควักกระเป๋าสตางค์แล้วดึงเอานามบัตรใบล่าสุดทีได้รับขึ้นมาดู

"พี่เองแหละ ช่างสักที่ร้านน่ะ เราเคยไปมาแล้ว ..ใช่มั้ยนะ? " ยุทธพูดพร้อมกับยักคิ้วขึ้น แล้วสิ่งยิ้มทำหน้าแป้นแล้นใส่ จนไปกระตุ้นหัวใจให้อีกคน ใจเต้นเบา ๆ

"คะ..ครับ บังเอิญจังเลยเนอะ" ยูทำตัวไม่ถูกจนไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ได้แต่เดินไปเงียบ ๆ จนกระทั่งยุทธต้องเปิดประเด็นอะไรมาพูดแก้บรรยากาศ "หนังสนุกดีนะ แต่เศร้าไปหน่อย เล่นเอาเผลอขยี้ตาจนคอนแทกต์หลุดหายเลยเนี่ย ฮ่า ๆ ๆ "

"พี่น่าจะเห็นเพื่อนผมนะ ร้องโฮยังกะใครตาย เล่นเอาผมไม่รู้จะเศร้าหรือจะขำดี ฮ่ะ ๆ ๆ ๆ " ยูพูดแบบขำ ๆ

"ว่าแต่ ยูชอบฉากอะไรในหนังมั่งเหรอ? "

"อืมม..คงเป็นตอนที่พระเอกสารภาพรักกับนางเอกมั้ง ไม่รู้สิ เหมือนสิ่งที่ทำมาทั้งหมดนั้นมันไม่มีค่าอะไรเลย เพราะถึงสารภาพรักไปพรุ่งนี้นางเอกก็จะความจำเสื่อมแล้วลืมเรื่องราวทั้งหมดไป แต่เขาก็ยังอยากจะพูดคำนั้นออกมา" ยูพูดน้ำเสียงนิ่ง ๆ แล้วอมยิ้มแต่ในใจปนความรู้สึกที่หม่นหมอง

"จริงเหรอ เหมือนพี่เลยอะ" ยุทธยิ้มแล้วยักคิ้วตอบ

"ผมว่า ที่นางเอกจะลืมทุกอย่าง ก็เป็นโอกาสนึงให้กับพระเอกนะ น่าจะอิจฉาออก ทำอะไรก็ได้ จะถูกหรือผิดยังไงซะพรุ่งนี้ก็จะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเงี้ย เหมือนได้โอกาสมาฟรี ๆ ครั้งนึงให้ลองทำอะไรที่อยากทำ"

"ก็จริงนะ.. ไม่เหมือนในชีวิตจริง ถ้าเราเลือกทำอะไรไปแล้ว มันไม่มีโอกาสให้เริ่มใหม่แบบนี้หรอก" ยุทธตอบน้ำเสียงเรียบนิ่ง

"มีสิ ถึงโอกาสแรกมันจะผ่านไปแล้ว กลับไปแก้อะไรไม่ได้ แต่ถ้าเราลองใช้ปัจจุบันทำอะไรใหม่ให้ดีเรียนรู้จากอดีตตอนนั้น ไม่แน่หรอก มันอาจแก้ได้ก็ได้ ถึงจะไม่ทุกเรื่องก็เถอะ" ยุทธได้ฟังแล้วไม่ได้ตอบกลับอะไร มีเพียงรอยยิ้มบาง กับสายตาที่มองไปข้างหน้าเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรในใจ

"แล้วพี่ยุทธกลับยังไงเนี่ย" ยูถามเมื่อนึกขึ้นได้ว่าถ้ายุทธขับรถมาเองก็คงขับรถกลับไปเองไม่ได้แน่ ๆ ด้วยสภาพนี้

"พี่นั่งรถไฟฟ้ากลับครับ ไม่มีปัญหา"

"ป่ะ งั้นผมไปส่ง กลับรถไฟฟ้าเหมือนกัน" ยูพูดจบก็คว้าแขนยุทธเดินก้าวออกไปจากสวนสนุก แต่อีกฝ่ายกลับยืนนิ่ง

"ยู..รีบกลับไหม? " ยุทธยืนนิ่ง แล้วพูดถาม "ไม่นะครับ มีอะไรเหรอ? " ยุทธแอบยิ้มเบาๆ เมื่อได้ยินคำตอบนั้น ก่อน ยกมือขึ้นเกาที่ข้างแก้มแบบเขินๆ ก่อนจะพูดขึ้นมา "ตอนแรกพี่กะว่าจะไปนั่งชิงช้าสวรรค์น่ะ ยูอยากไปด้วยกันไหม พี่คงไปเองไม่รอด คงเดินหลงทางแน่ ๆ แหะๆ "

"ดะ ได้สิ ...ได้แน่นอนครับ" ยูที่ตอบแบบเขินอายไม่แพ้กัน ภายในใจที่คอยเต้นเป็นจังหวะอยู่แล้ว ยิ่งระรัวขึ้นมาใหญ่

"สวนนสนุกกำลังจะปิดแล้วนะคะ เครื่องเล่นทั้งหมดที่ให้บริการได้จะเป็นรอบสุดท้ายแล้ว ท่านที่อยู่หลังคิวนี้ ต้องขออภัยด้วยค่ะ" พนักงานจัดคิวโบกมือผ่าแถวของผู้เข้าชมไปที่ด้านหลังยูทันที จนยุทธต้องหันกลับมาแล้วถอนหายใจ ที่เห็นว่ายูได้ขึ้นไปด้วยกันพอดี ทั้งคู่เดินขึ้นกระเช้าตัวสุดท้าย ไปด้วยกัน

เมื่อพนักงานกดปุ่มเปิดเครื่อง กระเช้าทั้งหมดบนวงล้อ ก็ค่อยๆ หมุน ดันให้ทั้งคู่ลอยล่องขึ้นไปอย่างนิ่มนวล รับกับแสงของอาทิตย์ที่เริ่มคล้อยต่ำลง เปลี่ยนท้องฟ้าให้กลายเป็นอำพัน

"สวยเนอะ อาทิตย์กำลังตกพอดี" ยุทธพูดพลางหันไปมองอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้า

"นั่นสิ สวยมาก ๆ เลย ถ้าจะมีโอกาสได้เห็นวิวสวยๆ ก็ต้องบนชิงช้าสวรรค์นี่แหละ" ยูพูดพร้อมกับมองไปที่จุดเดียวกัน สลับกับแอบมองคนที่นั่งตรงข้ามโดยไม่ให้รู้ตัว

"หืม ละขึ้นไปมองที่อื่นไม่เหมือนกันรึ" ยุทธถาม

"ไม่เหมือนอะ ชิงช้ามันค่อย ๆ ขึ้น ๆ ลง ๆ เห็นมุมมองหลาย ๆ องศาดี ตื่นเต้นกว่า"

"ยูพูดแบบนี้แล้ว พี่นึกถึงคนคนนึงเลย" ยุทธหันมาจ้องหน้ายู เอามือเท้าคางแล้วยิ้มบาง ๆ ให้

"แน่ะ ใครหว่า อยากรู้เลย"

"ม่ายบอก อิอิ" ยุทธยิ้มแป้น ทำหน้าทะเล้น

"ชิ" ยูทำแก้มมุ่ยใส่ จนอีกฝ่ายยื่นฝ่ามือหนาเข้ามาขยี้หัวสองสามทีโดยไม่ทันตั้งตัว

"เฮ้ย โทษ ๆ เผลอไปหน่อย พี่ติดนิสัยน่ะ"

"นิสัย? "

"เวลาเห็นอะไรน่ารักๆ มันอดไม่ได้ที่จะเอามือลูบ ๆ อะ ...!! " ยูพูดจบก็สะดุ้งเอง เมื่อรู้ตัวว่าเขาเผลอพูดอะไรที่ดูพิลึกๆ ออกไป

"...." ยูได้แต่นั่งนิ่งแก้มแดง แล้วเบนหน้าออกไปข้างนอกเพื่อแก้เขิน จนม้าหมุนวนไปครบรอบ ยุทธก้าวออกไปก่อน แล้วหันมายื่นมือให้ยูคว้าไว้แล้วกระโดดลงมาจากกระเช้าม้าหมุน ทั้งคู่เดินออกไปที่สถานีรถไฟฟ้าด้วยกัน โดยมียูเดินนำหน้าและจูงแขนยุทธไว้ตลอดทาง เพราะกลัวว่าจะพลัดหลงกัน จนถึงสถานี

"วันนี้พี่มีความสุขมาก ๆ ขอบคุณนะยู" ยุทธพูดพร้อมกับรอยยิ้ม "เหมือนกันครับ" ยูตอบ

"เออ แล้วก็..ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้ง...แบบเป็นทางการนะ"

"ฮ่า ๆ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ..พี่ยุทธ"

พูดจบทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไปคนละฝั่งขบวนรถ ด้วยรอยยิ้มกันทั้งคู่

"วันนี้..ดีจังเลยนะ"

...

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ octobearx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตอน3 กับรักที่ไม่มีวันเเกิดขึ้นอีก

กลุ่มเมฆสีเทาลอยกรุ่นปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า กับแสงวาบเป็นระยะ ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นหย่อม ๆ ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกหนาวเย็นยะเยือก จากปลายเท้าที่ยื่นออกไปนอกผ้าห่ม

เขาพยุงตัวเองขึ้นจากหมอนแล้วมองไปที่หน้าต่าง เห็นต้นไม้ใหญ่ไหวเอนไปมาตามแรงลม "ฝนตกหนักแน่ ๆ เลยแฮะวันนี้ ช่วงบ่ายต้องเข้าไปเก็บข้อมูลที่ร้านพี่ยักษ์อีกรอบด้วยสิ "

ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองขณะที่มองออกไปนอกหน้าต่าง "หวังว่าจะไม่ต้องผ่าฝนออกไปหรอกนะ"

เขาลุกขึ้นจากเตียง จัดวางหมอนให้เข้าที่ พับผ้าห่มผืนใหญ่ลายการ์ตูนราคาถูกๆ ที่หาซื้อได้ตามตลาดนัด พับเก็บแบบลวก ๆ พอเป็นพิธี เอาจริง ๆ ต้องเรียกว่าแค่ขยำ แล้ววางลงไปที่เดิมมากกว่า

เขาลากสังขารอย่างเฉื่อยชาตรงไปทางห้องน้ำ เขายกเท้าขึ้นเล็กน้อยแล้วดึงเอากางเกงบ๊อกเซอร์ตัวเก่าที่สวมอยู่ออก แล้วใช้เท้าเตะมันไปลงในตะกร้าเก็บผ้าอย่างเคยชิน

เขาใช้เวลาไม่นานในการจัดการอาบน้ำแต่งตัว เร็วกว่าที่จะต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปซักซองให้สุกซะอีก ชายหนุ่มเดินมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวขยี้ผมที่เปียกอยู่ แล้วตรงไปยังคอมพิวเตอร์คู่ใจ

"ตึ่ง ตึง ตึ๊ง!! "

เสียงแจ้งเตือนข้อความบนคอมพิวเตอร์ดังขึ้น พร้อมกรอบสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ บนมุมจอที่เลื่อนขึ้นมาเขาชายตามองไปที่กล่องข้อความนั้นด้วยความสงสัย เพราะปกติคงจะไม่มีเพื่อนหรือใครคนไหนจะส่งข้อความมาหาในเวลาเช้าตรู่แบบนี้

เขากดดูข้อความแล้วพบว่า เป็นข้อความจากใครบางคนที่ใช้ชื่อยูเซอร์เนมแบบง่าย ๆ ทื่อ ๆ ไม่มีตัวอักษรพิเศษ หรืออีโมติค่อน ที่ฮิตใช้กัน เขามองไปที่ชื่อของเจ้าของข้อความนั้น

“^^”

“สวัสดียามเช้าครับ”

“สวัสดีจ้า”

“ตื่นแต่เช้าเลยนะครับ”

“ปกตินะ พี่ตื่นมาเปิดร้านแต่เช้ามืดละ”

“ค้าบบบ :D

“แล้วเราล่ะ ออนไลน์แต่เช้าเชียว ทำไรเนี่ย”

“ก็นั่งทำงานเรื่อยเปื่อยอะคับ”

“พี่ยุทธอะ?”

“ก็นั่งคุยเอ็ม กับเรานี่ไง”

“;P”

“แล้วไม่ไปเรียนรึ? วันนี้”

“อ๋อ วันนี้ไม่มีเรียนน่ะครับ แต่ช่วงบ่าย ๆ จะแวะเข้าไปที่ร้านพี่ด้วยแหละ แต่ดูอากาศไม่เป็นใจเลยเนี่ยวันนี้...หวังว่าฝนจะไม่ตกหนักมากนะ”

“อ้าว เสียดาย วันนี้พี่มีธุระข้างนอกพอดี คงอดเจอเราเลย”

“ว้าาาา เสียดาย”

“T_T”

“เอ๊ะ”

“ว่าแต่ไปได้เอ็มผมมาจากไหนเนี่ย”

“อ้อ จู่ ๆ มันก็ขึ้นมาในรายชื่อเพื่อนอะ งง ๆ เหมือนกัน”

“ก่อนหน้านี้ผมเม็มเบอร์ กะอีเมลพี่ไว้ในบัญชีนี่นา มันคงลิงค์หากันอะไรงี้มั้ง”

“อ้อ น่าจะใช่แหละเนอะ

พี่ไปเตรียมร้านต่อก่อนนะ เดี๋ยวจะเตรียมของไม่ทัน ต้องออกไปนอกสถานที่พอดี”

“ไว้เจอกันงับ > <”

ยูปิดหน้าจอ MSN ลงไปแล้วเปลี่ยนแถบมาที่หน้าต่างอีเมลแทน ไม่นานก็มีอีเมลฉบับใหม่ส่งเข้ามา "ไฟล์ข้อมูลร้านเพิ่มเติม" เขาอ่านรายละเอียดของอีเมล โดยเริ่มจากชื่อของผู้ส่ง...ทศกฤติ วงษ์วิริยะ

“อ้อ พี่ยักษ์นี่เอง”

“คงจะเป็นเมลไฟล์ข้อมูลร้านเพิ่มเติมล่ะมั้ง”

เขากดดาวน์โหลดไฟล์ที่แนบมาพร้อมกับอีเมล แล้วกดเปิดดูไฟล์ด้านใน ภายในอีเมลนั้น และตัวไฟล์ที่โหลดมา ไม่ได้มีข้อความอะไรกำกับมา มีเพียงแต่รูปภาพชุดหนึ่งเท่านั้นเอง

ยูกดดูภาพขึ้นมาใบหนึ่งแบบสุ่ม ๆ เป็นภาพของร้านกาแฟในช่วงกำลังก่อสร้าง ซึ่งยังไม่ได้รื้อโครงสร้างของร้านเก่าออกหมด เผยให้เห็นหน้าตาของร้านเก่า

เขาเลื่อนไปดูเรื่อย ๆ จนไปสะดุดที่ภาพใบหนึ่ง จากการคาดเดาเขาคิดว่าน่าจะเป็นส่วนชั้นสองของร้าน หน้าประตูทางเข้าชั้นสอง

“โอ๊ย!”

จู่ ๆ เขาก็เจ็บแปลบขึ้นในหัว โดยไม่มีสาเหตุ อาการมันค่อนข้ารุนแรง ถึงกับทำให้เขาเผลอน้ำตาเล็ดออกมาเลยทีเดียว

“อะไรวะเนี่ย”

“อ๊าคคคค!!!!”

เขายกมทอขึ้นกุมขมับพร้อมร้องโอดครวญลั่นห้องพัก ความรู้สึกราวกับว่ามีเข็มนับพันเล่มทิ่มแทงเข้ามาในก้านสมอง พร้อม ๆ กับภาพความทรงจำแปลกประหลาดที่แล่นผ่านเข้ามาด้วยความเร็วยิ่งยวด

มันเป็นภาพความทรงจำที่เขาเองก็ไม่เข้าใจว่าคืออะไร หรือเป็นความทรงจำของใคร เขาพยายามเพ่งมองภาพเหล่านั้นในหัว แต่มันรวดเร็วมากจนไม่อาจตามได้ทันแม้แต่จะหยุดคิดว่าคือภาพอะไร กระทั่งทั้งหมดค่อย ๆ พร่าเลื่อนไป พร้อม ๆ กับสติที่ค่อย ๆ หมดลง

“ยู…” เสียงของใครบางคนที่กำลังเรียกเขา มันแผ่วเบามากจนไม่อาจระบุได้ว่าคือเสียงของใคร

“ยู .. ตื่นสิ”

“ยู อยากจากพี่ไปนะ ขอร้อง”

“ฟื้นสักทีสิ”

“ขอโทษ”

“…”

“..”

เสียงนั้นยังคงดังขึ้นเรื่อย ๆ และชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ มันช่างเป็นเสียงที่ยูคุ้นเคยนัก แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้เขานึกออกว่าคือใคร

“ยู!!”





“เชี่ย!!” เสียงเรียกครั้งสุดท้าย ทำให้ยูสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากการหลับฝัน เขาพบว่าตัวเองนอนฟุบอยู่ที่หน้าคอมพิวเตอร์ เนื้อตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อจนเริ่มเหม็นอับ พอมองไปที่นาฬิกา ก็ต้องพบว่าเวลานั้นได้ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว “เที่ยงแล้วเหรอเนี่ย”

“ดีนะ ที่ไม่หลับไปนานกว่านี้”

“มันเกิดอะไรขึ้นกันวะเนี่ย …” ยู พยายามนึกคิดหาสาเหตุว่าอะไรทำให้เขาหมดสติไปแบบดื้อ ๆ

“ช่างเถอะ รับไปก่อนดีกว่า กว่าจะนั่งรถไปถึงที่ร้าน น่าจะทันพอดี” เขาปิดคอมพิวเตอร์แล้วลุกออกจากโต๊ะไป จัดการล้างหน้าล้างตาและเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่ แล้วออกเดินทางไปร้านคาเฟ่ของยักษ์

ยูเดินเข้าไปภายในร้าน บรรยากาศยังคงเงียบสงัด อาจจะเป็นเพราะยังไม่เปิดให้บริการและตัวร้านที่กว้างขวาง รายล้อมไปด้วยชุดเฟอร์นิเจอรครบครัน แต่ไร้ซึ่งผู้คน ยูเดินเข้าไปภายในตัวร้านพลางสำรวจตามจุดต่าง ๆ ในร้านแล้วเก็บรายะเอียดอย่างไม่รู้ตัว เนื่องจากความเคยชินกับการทำงาน ถึงแม้เวลาส่วนตัวของเขาจะดูเป็นคนเกียจคร้าน ง่าย ๆ สบาย ๆ แต่ในเวลางานแล้วกลับเป็นอีกคนที่แตกต่างอย่างสุดขั้ว เขาเดินไปกระทั่งหยุดอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์วางขนมในส่วนท้ายของร้าน

"แฮ่! "

ชายร่างใหญ่พุ่งขึ้นมาจากหลังเคาน์เตอร์ยกมือขึ้นโบกไปมาเพื่อแกล้งคนตรงหน้าให้ตกใจเล่น หากแต่เขาไม่รู้ว่าได้เล่นผิดคนเสียแล้ว

"เหี้ย! "

ในวินาทีนั้นเอง กำปั้นของอีกคนก็สวนขึ้นมาด้วยความเร็วสูง จนปะทะเข้าไปที่เบ้าตาของเขาอย่างจัง "โอ๊ย!!! " หนุ่มใหญ่ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด

"พี่ยักษ์!! " เจ้าของหมัดร้องขึ้น เมื่อรู้ตัวว่าเขาได้ซัดคนที่กำลังเดินหาอยู่ซะจมดิน "ปะ.เป็นอะไรมากมั้ยครับ!! " ยูรีบลุกลงไปหวังจะประคองร่างอีกฝ่ายขึ้นมา

"เจ็บสิว้อย..!! "

ยูชะงักไปเมื่อโดนอีกฝ่ายตะโกนสวนกลับมา สีหน้าของคนบนพื้นดูเจ็บปวดมาก เขาพูดตวาดพร้อมเบิกตาโต

"แต่ สำหรับน้องแล้ว ให้อภัย อิอิ" สีหน้าเดือดดาลเมื่อกี้ จู่ ๆ ก็เปลี่ยนเป็นใบหน้าทะเล้น ทั้ง ๆ ที่ขอบตาเริ่มเจือสีม่วงเป็นจ้ำ ๆ มองดูน่าขัน

"เอ่อ ยังไงก็รีบหายามาทาไว้ก่อนดีกว่านะครับ พอจะมีพวกกล่องพยาบาลอะไรแบบนี้มั้ย เดี๋ยวผมช่วยดูให้"

"อ้อ มี ๆ อยู่ใต้เคาน์เตอร์นี้แหละ" เขาใช้มืออีกข้างชี้ไปที่ลิ้นชักใต้เคาน์เตอร์หินอ่อน

"เดี๋ยวผมหยิบเองครับ ไปนั่งรอบนโซฟาก่อนนะ" ยูพูดแล้วปรี่ไปที่เคาน์เตอร์ทันที ส่วนยักษ์ได้แต่เดินกุมเบ้าตาร้องครางโอดโอยไปนั่งบนเบาะ จนกระทั่งยูเดินตามมาพร้อมกล่องปฐมพยาบาลใบเล็ก พร้อมกับผ้าขนหนูผืนเล็กสีขาว ห่อน้ำแข็งก้อนไว้ด้านใน ส่งให้

"ขอบใจครับยู " ยักษ์รับผ้ามากดไว้ที่เบ้าตาเพื่อประคบเย็น

"ขอโทษครับ เมื่อกี้ผมไม่ทันตั้งตัว" ยูพูดพร้อมสีหน้ากังวล

"ไม่หรอกๆ พี่เล่นพิเรนทร์เองแหละ ไม่ใช่ความผิดของยูเลย ..อีกอย่าง แผลแค่นี้น่ะ นิดเดียวเดี๋ยวก็หายละ พี่น่ะถึกจะตายฮี่ ๆ ๆ " ยักษ์พูดแล้วยิ้มฟันขาว พลางทำท่าแบ่งกล้ามแขน

"จึ๊ก! " ยูนึกสนุกเห็นอีกฝ่ายพูดอวดเบ่ง เลยเอานิ้วจิ้มไปที่ผ้าขนหนูแรงๆ หนึ่งที

"อู๊ววววส์ ยูววววววววว" คนที่ถูกแกล้งร้องโอด ใบหน้าเหยเก

"ก็เห็นบอกแผลนิดเดียว เลยทดสอบดู" ยูยิ้มเยาะทำหน้าตาได้ใจ

"ร้ายนักนะเราเนี่ย"

"หึหึ แน่นอนน"

"ร้ายนัก รักซะเลยดีมั้ยเนี่ย หึ้ม? " ยักษ์พูดแล้วแกล้งโน้มตัวไปใกล้ ๆ จนจมูกแทบชนกัน ทำเอายูที่ไม่ทันตั้งตัวกำลังเหลิงได้ใจ ต้องนั่งตัวเกร็ง "ว่าไง ยอมให้รักปะ? " เขายื่นหน้าเข้าไปไกล้อีก

"เข้ามาใกล้ ๆ อีก คราวนี้ไม่จิ้มแล้วนะ จะต่อยเลย" ยูพูดทำหน้าไม่สบอารมณ์

"เอาซิ ต่อยมาก จูบกลับ" คนเจ้าเล่ห์ยังคงไม่เลิกแกล้ง จนอีกฝ่ายตวัดมือมาหวังจะกดลงไปที่รอยช้ำตามคำกล่าว ในวินาทีนั้นเอง ยูก็ได้สัมผัสถึงริมฝีปากอุ่น ๆ จากหนุ่มร่างใหญ่ ....

ไม่ใช่แค่การแกล้งจูบแบบผิวเผิน แต่กลับมีส่วนอ่อนนุ่มภายในสอดใส่เข้ามาอย่างหนักหน่วง หนวดเคราที่เพิ่งผ่านการโกนมาสองสามวันจนแข็งเป็นตอได้ที่ ทิ่มแทงไปตามไรแก้ม เร่งเร้าอารมณ์ให้พุ่งสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ชั่ววินาทีนั้น เขาทั้งคู่ลบสัมผัสรอบตัวไปจนหมดสิ้น มีเพียงความรู้สึกร้อนรุ่มจากส่วนสัมผัส ที่ตวัดรับส่งไปมาอย่างไม่ลดละ ยูที่เริ่มตั้งสติได้ ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาเขาพยายามเบือนหน้าหนี ก่อนที่การกระทำนี้มันจะสานต่อไปจนถึงจุดที่หยุดไม่อยู่ แต่ก็ต้องพ่ายให้กับฝ่ามือกร้านหนา ที่ยกขึ้นมาโอบรัดใบหน้าของเขาเอาไว้ เหมือนจะไม่ยอมให้หนีพ้นพันธนาการครั้งนี้ไปได้

.....

เวลาล่วงเลยผ่านไปเท่าไหร่ไม่อาจรู้ได้ แต่มันนานมากเพียงพอที่จะให้คนสองคนหยุดการกระทำที่เร่าร้อนลงไปและค่อย ๆ มีสติแล้วมองเห็นภาพของสิ่งอย่างรอบตัว รสสัมผัสที่เอ่อล้นนั้นยังไม่จางหายไปจากคนทั้งคู่ แต่มันก็มากเพียงพอที่จะรู้ว่าถึงจุดที่ควรจะพอ

"..." ยูนั่งนิ่งไปพักใหญ่ เขายังรวบรวมสติมาได้ไม่เร็วเท่าอีกคนที่มีประสบการณ์มากกว่า

"พี่..ขอโทษ ....ยู" หนุ่มใหญ่เอ่ยปากก่อนเพื่อหยุดความเงียบงัน

"...." ยังคงไร้ซึ่งเสียงตอบรับ

"ตั้งแต่วันที่เลิกกับไอ้ยุทธ พี่ก็ไม่ได้ทำแบบนี้กับใครอีกเลย..... พี่คงเก็บซ่อนความรู้สึกนี้เอาไว้มามากเกินไป ....ถึงวันนี้เลยกลั้นมันเอาไว้ไม่อยู่จริง ๆ " ยักษ์โพล่งความรู้สึกที่ปิดบังเอาไว้ออกมา จนยูได้สติกลับคืนมาจนสมบูรณ์

"พี่..ยักษ์ ...มันเกิด....." เขาพูดแล้วหยุดไป กำหมัดแน่นเหมือนมีเรื่องที่อยากจะพูด แต่ยังไม่กล้าจะเอ่ยออกไป

"มันเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ ระหว่างพี่สองคน" เขาสูดหายใจเข้าไปหนึ่งทีแล้วพูดต่อให้จบ

"อืม..ก็" ยักษ์หน้าซีดเผือด ตอนนี้ในหัวของเขากำลังนึกถึงเรื่องราวเก่าๆ ที่เคยเกิดขึ้น เรื่องราวที่จะตอบคำถามนั้นให้กับยูได้หายสงสัย

"อะ..ขอโทษครับ มันคงไม่ดีนักที่จะเล่าให้คนอื่นฟังสินะ ไม่ต้องก็ได้ครับ"

"ไม่หรอก พี่แค่..." ยักหยุดพูดแล้วหันมาจ้องหน้ายูอย่างจริงจัง

"ถ้าเล่าไปแล้ว ยูอาจมองพี่เป็นอีกแบบหนึ่งก็ได้ แต่ถ้ายูอยากจะฟัง พี่ยินดีจะเล่าให้ฟังครับ ดีเหมือนกันถ้าได้ระบายให้ใครสักคนได้ฟังสักที"

"ไม่หรอกครับ ผมจะรับฟังไว้ แล้วไม่ตัดสินอะไร สัญญา" ยูส่งยิ้มบาง ๆ ให้เป็นสัญญาใจ

" เรื่องมันเริ่มขึ้นเมื่อราว ๆ 3 ปีที่แล้ว ตอนนั้นพี่กับยุทธเพิ่งเลิกกันใหม่ ๆ เราทั้งคู่ต่างคนต่างแยกจากกันไปใช้ชีวิตส่วนตัว แต่ก็ยังคงต้องวน ๆ เวียน ๆ อยู่ใกล้ ๆ กันเพราะเรื่องงาน เวลาผ่านไปพักใหญ่ จนกระทั่งไอ้ยุทธมันตกลงปลงใจคบหากับผู้ชายคนนึง ที่รักมันมาก มากกว่าที่พี่เคยจะรักมันซะด้วยซ้ำไป แล้ววันนึงความรักของมันก็ต้องพังลง เพราะพี่เอง ที่ไม่ยอมตัดใจจากมันได้ซักที "

ยักษ์กำหมัดแน่น สีหน้าดูผิดหวังกับเรื่องที่ทำลงไป ยูแอบสังเหตุเห็นว่าดวงตาของเขาเริ่มคลอไปด้วยน้ำตาบาง ๆ ที่เคลือบไว้บนม่านตา แต่ก็ถูกกดเอาไว้จากเจ้าตัวไม่ให้ปลดปล่อยมันออกมา

"เรื่องนั้นที่พี่ทำ เป็นสาเหตุของทุกอย่าง และเกิดขึ้นในวันเดียวกันกับที่ผู้ชายคนนั้นประสบอุบัติเหตุร้ายแรงจนถึงกับความจำบางส่วนเลือนหายไปเลย วันนั้นเองทั้งพี่และยุทธ ก็หายไปจากความทรงจำของเขา เหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลย" ยักษ์เล่ามาถึงจุดนี้ สิ่งที่เขาอดกลั้นเอาไว้ตอนนี้มันถึงจุดที่ไม่สามารถเก็บกดเอาไว้ได้อีก เขาหงายหน้าขึ้นมาจ้องมองดวงตาของยู พร้อมกับน้ำตาที่หลั่งริน อย่างไม่รู้สึกอาย

"เล่าให้ฟังแล้ว ทีนี้พี่คงดูแย่ไปเลยใช่ไหม? " ยักษ์เอ่อยปากถาม เขาเม้มปากเน้นเหมือนกำลังคาดหวังคำตอบหนึ่งที่เขาเองก็ไม่อยากจะคาดหวังมากนัก

"ปล่าวเลยครับ ผมบอกแล้วไงว่าจะไม่ตัดสินอะไร" ยูเลิกคิ้วขึ้นแล้วยิ้ม เพื่อจะบอกอีฝ่ายว่า อย่ากังวล

"ขี้แงเป็นเด็กไปได้น่า ตาลุงเนี่ย" เขายกมือขึ้นปาดน้ำตาที่เอ่อล้นบนแก้มอีกฝ่าย จนเขาหัวเราะออกมา ยกมือขึ้นปาดน้ำตาตัวเองแล้วพยายามสลัดความเจ็บปวดให้หายไป

"ขอบคุณนะ..ยู" ยักษ์ยิ้มดีใจที่อีกฝ่ายไม่ได้แสดงท่าที่รังเกียจเขาออกมา หากแต่ตรงกันข้ามไปเลย ทำให้บรรยากาศรอบตัวเริ่มกลับมาเป็นปกติ ยูเลยเปลี่ยนเรื่องที่คุยกลับไปเป็นเรื่องงานดั่งที่เขาตั้งใจจะมาตั้งแต่แรก ทั้งคู่พูดคุยกันอยู่ยาวจนกระทั่งฟ้าเริ่มจะมืดลง

......

"งั้นผมขอตัวกลับก่อนแล้วกันนะ" ยูลุกขึ้นเก็บของใส่กระเป๋าเป้ใบเก่ง พร้อม ๆ กับยักษ์ที่ลุกขึ้นพร้อมกัน

"ค้าบบ กลับบ้านดี ๆ ล่ะ" ยักษ์พูดตอบแล้วเดินตามหลังมาส่งจนถึงประตูหน้าร้าน ยูยื่นมือออกไปผลักประตูหน้าร้านออก แต่ไม่ทันก้าวพ้นประตูร้าน ฝ่ามือหนาที่คุ้นเคยก็คว้ามาฉุดรั้งเขาเอาไว้ซะก่อน ยูหยุดแล้วหันกลับไปมองด้วยความสงสัย

"มีอะไรเหรอครับ? " ยูถามแล้วเช็คดูร่างกายว่าเขาลืมอะไรรึเปล่า

"จะเป็นไรมั้ย ถ้าคืนนี้...."

.

.

.

"จะอยู่กับพี่ ....ต่ออีกสักหน่อย"

...

ออฟไลน์ octobearx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตอนที่ 4 หลีกหนีจากถนนของอดีต

"จะเป็นไรมั้ย ถ้าคืนนี้... "

"จะอยู่ต่อกับพี่อีกสักหน่อย "

"แค่ซักแป๊บเดียวก็ยังดี" ยักษ์ถามด้วยสีหน้าจริงจัง เขาหวังไว้ว่าอยากจะให้อีกคนอยู่ต่อ แม้สักนิด ก็เพียงพอแล้วในตอนนี้

ยูยืนคิดอยู่แวบหนึ่ง แล้วจึงเอ่ยปาก

"อื้อ..ได้สิ" เขาคิดแต่เพียงว่าคงไม่เป็นไร หากจะอยู่ช่วยปลอบประโลมคนตรงหน้าได้บ้างก็คงไม่เสียหายอะไร เพราะหากเป็นเขาก็คงอยากจะได้ใครสักคนที่อยู่ข้าง ๆ เหมือนกัน

"จริงเหรอ" ยักษ์ถามด้วยสีหน้าท่าทางไม่มั่นใจในคำตอบที่ได้รับ แต่แล้วจู่ ๆ ก็เปลี่ยนเป็นสีหน้าแบบเจ้าเล่ห์ พร้อมกับยิ้มเล็กที่มุมปาก

"แล้วงี้ มาอยู่ดึก ๆ ดื่น ๆ กันสองคน ไม่กลัวพี่จับปล้ำรึ? " เขายังไม่หยุดนิสัยกวนโอ๊ยของตัวเอง

"โป๊ก!! " ฝ่ามือจากคนตัวเล็กกว่าผ่าลงที่กลางหน้าผากเข้าทีนึงเพื่อสั่งสอนไอ้คนขี้เล่น " เอานี่ไป จะได้หายซ่าลงมั่ง คนเขาอุตส่าห์อยู่ต่อเป็นเพื่อน" ยูชักสีหน้าเอือม ๆ ใส่

"โธ่ น้องยูก็..." ยักษ์ทำหน้าหงอ ส่วนยูนั้นได้แต่ยืนมองปนขำในใจ คนอะไรปล่อยช่องให้ไม่ได้ ต้องหยอดมุขตลอด

"แล้วนี่หิวข้าวยัง ฟ้าเริ่มมืดละ"

"ก็..นิดหน่อย" ยูพูดตอบทั้ง ๆ ที่ในท้องนั้นเริ่มสั่นเครือด้วยกรดที่เตรียมจะย่อยอะไรก็ตามที่ตกถึงท้อง

" โครกกกก " ไม่ทันขาดคำ ไอ้กระเพาะตัวดีก็ร้องลั่นออกมา ไม่เกรงใจเจ้านายของมันเลย ทำเอาคนตัวโตยิ้มเยาะ

"หึหึ หิวจนต้องขู่พี่เลยเหรอเนี่ย โกหกไม่เก่งเลยน้าาา ฮิฮิ" คนตัวโตได้ทีพูดเอาใหญ่ จนยูกำหมัดแน่น เตรียมจะง้างใส่ จนเขาต้องผงะออกไป

"ไปหาไรกินมั้ย แถว ๆ นี้ก็ได้ ผมทานได้หมด" ยูพูดขึ้น ไม่ใช่เพราะว่าเกรงใจหรืออะไร แต่เขาทานอะไรก็ได้เลยจริง ๆ

"ม่ายล่ะ" เดี๋ยววันนี้พี่โชว์ฝีมือทำครัวให้ทานเองดีกว่า เห็นงี้ก็ทำเป็นหมดนะ จะของหวาน ..หรือของคาว" ยักษ์พูดเบ่ง โดยเฉพาะคำสุดท้ายนั้นพูดเน้นเป็นพิเศษ

"ก็ดีนะ เดี๋ยวผมช่วยด้วยละกัน"

"เอาสิ ช่วยกัน จะได้..เสร็จไว ๆ " คนตัวโตยังคงหยอดไม่เลิก แต่ยูเริ่มชิน เขาจึงไม่หวั่นกับคำพูดอะไรมากนั่ง แต่กลับเดินทอดน่องไปที่ครัวเลยทันที โดยมียักษ์เดินตามมาทำหน้าหงอย ๆ ที่หยอดแล้วหยอดอีกแต่อีกฝ่ายก็ไม่เออออ ด้วยสักที

....

ถึงแม้ว่าร้านจะยังติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่เสร็จดีนัก แต่เครื่องมือสำหรับทำอาหารพื้น ๆ ก็มีครบครัน รวมถึงของสดที่มีแช่เอาไว้อยู่ในตู้ มากพอที่จะทำเมนูกลาง ๆ ได้สองสามเมนู ทั่งคู่ช่วยกันหยิบจับจานชาม อุปกรณ์ทำอาหารออกมาจัดเรียงให้เรียบร้อย

"เดี๋ยวผมจัดการพวกนี้เองครับ" ยูอาสาจะเช็ดถูอุปกรณ์แทน เพราะมีฝุ่นจับที่เกิดจากการก่อสร้างอยู่พอตัว แล้วบุ้ยให้ยักษ์ไปจัดการเรื่องของสดแทน

"เอ..กินไรดีน้าาา ยูชอบกินพวกเมนูไข่มั้ย? " ยักษ์ตะโกนถามจากหลังร้าน

"ก็ทานได้ ไม่แพ้อะไรครับ" ยูตอบแบบเนือย ๆ

"อืมม เหมือนจะมีไส้กรอกด้วยแฮะ อันเบ้อเร่อแน่ะ เอาด้วยมั้ย" ไอ้ตัวยักษ์ยังคงเล่นลิ้นไม่หยุด

"คับ! " กูกัดฟันตอบ เขารู้ตัวตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วว่าถูกอีกฝ่ายหยอกเย้าไม่เลิก ส่วนเจ้าคนถามนั้นเดินยิ้มสบายอารมณ์

"เชี่ย! " ยูสบถลั่น จนยักษ์ต้องวิ่งปรี่เข้ามาดู แต่ก็ไม่เห็นจะมีอะไรเกิดขึ้น "หืม? .." เขายืนทำหน้างง

ยูอุทานขึ้นมาเพราะนึกได้ว่าเอาจริง ๆ แล้ว เขาไม่เคยเข้าครัวเลยตั้งแต่จำความได้ ตอนเขาตอกไข่ช่วยแม่ในครัวครั้งแรกก็เละไปยกแผง จนแม่ไล่ตะเบิดออกนอกครัว เป็นสาเหตุให้ตั้งแต่นั้นก็ไม่ยอมเข้าครัวอีกเลย ยิ่งโตขึ้นมาในวัยเรียนมหาลัยยิ่งแล้วใหญ่ อยากทานอะไรแค่ก้าวขาออกมาจากหอพักไม่กี่ก้าว ก็มีร้านสะดวกซื้อข้างทานบานเป็นดอกเห็ด อยากทานอะไรก็ชี้นิ้วสั่งลูกเดียว

ยักษ์ที่ไม่สังเหตุเห็นอะไรผิดปกติ จึงยื่นแผงไข่ส่งให้ยู "พี่รบกวน ตอกใส่ใส่ถ้วยไว้รอให้หน่อยสิ" ไม่ทันขาดคำ สิ่งที่เค้าเพิ่งนึกถึงไปก็มาอยุ่ตรงหน้าแล้ว ยูได้แต่ยื่นมือรับมาก่อน เพราะอีกฝ่ายดูเริ่มจะง่วนๆ กับการทำอาหารแบบจริงๆ จังแล้ว เขาหยิบไข่ขึ้นมาฟงหนึ่งแล้วยืนจ้องมันอยู่อย่างนั้น

"เอาวะ ตีเปอร์มาแล้วเป็น ๆ พัน ๆ เส้นมาแล้วยังทำได้ แค่ตีไข่ก็ไม่น่ายากอะไร" เขาพูดกับตัวเองในใจ ตีเปอร์ในที่นี้ หมายถึง เขียนเส้นเปอร์สเปคทีฟ เป็นศัพท์เฉพาะทางของงานสถาปัตยกรรม หรืองานวาด คือหลักการมองเส้น เพื่อการเขียนภาพให้ปรากฏออกมาในลักษณะที่เหมือนการมองเห็นจริง เรียกสั้น ๆ ว่า ตีเปอร์ หรือบางคนก็เรียกว่า เขียนตีฟ แล้วแต่สถาบันนั้น ๆ ไป

เขาหยิบไข่มาฟอง ง้างมือขึ้นเล็งไปที่ขอบถ้วยเซรามิกสีขาวตรงหน้า แล้วฟาดลงไปด้วยน้ำหนักมือกลาง ๆ กะว่าน่าจะทำให้ไข่แตกได้พอดี

"โพล๊ะ!! "

ไข่ใบจ้อยแหลกเละคามือในทันที เขาแอบหันขวับไปหาคนข้างหลัง ที่เหมือนน่าจะยังไม่ทันสังเกตเห็น ยูจึงถอนหายใจเบา ๆ ไปที ที่เจ้าไข่ใบนี้ยังไม่ทำให้เขาเสียหน้าไปซะก่อน เขารีบคว้าผ้าขนหนูผืนเล็ก ใกล้ ๆ นั้นมาเช็ดคราบที่แตกกระจายอยู่เต็มเคาน์เตอร์ กวาดเศษซากทุกอย่างลงถึงขยะแบบเนียน ๆ แล้วหยิบไข่ใบใหม่ขึ้นมาลองอีกครั้ง

หนึ่ง..

สอง..

"โพล๊ะ!! "

เจ้าไข่ใบที่สองที่มีชะตากรรมไม่พ้นกับใบแรก แต่คราวนี้ดันหนักกว่าเพราะยังไม่ทันจะได้ปะทะเข้ากับขอบถ้วย มันก็แหลกเละคามือไปซะแล้ว เขาหน้าซีดลงด้วยความอาย จนกระทั่งฝ่ามือหนาของคนข้างหลังตบลงเบา ๆ ที่บ่าไหล่ ทำเอาเขาสะดุ้งตื่น

"ดะ..เดี๋ยวพี่ทำเอง ยูไปนั่งเถอะครับ แหะ ๆ " ยักษ์พูดแบบรักษาน้ำใจของชายหนุ่ม พร้อมกับใช้ผ้าขนหนูเช็ดเคาน์เตอร์แล้วโกยเอาเศษเปลือกไข่ที่แหลกกระจายนั้นให้พ้นทาง

"ขอโทษครับ ผมนี่ไม่ได้เรื่องเลย.." ยูพูดหงอยๆ

"เอาน่า เดี๋ยวพี่จัดการเอง ไปนั่งรอที่โต๊ะน้าา" ยักษ์ใช้มืออีกข้างที่สะอาด ขยี้หัวของยูสองสามทีแล้วยิ้มกว้างให้ จับพลิกตัวอีกฝ่ายไปแล้วผลักเบา ๆ ให้เจ้าตัวเดินไปนั่งรอที่โต๊ะ ส่วนยูก็ทำตามคำนะนำอย่างเชื่อฟัง

....

เขานั่งรออยู่พักใหญ่ก็เริ่มเบื่อ ๆ เขาหยิบมือถือขึ้นมาเล่นแก้เบื่ออยู่พักใหญ่ ไม่ใช่ว่าจะมีเกมสนุก ๆ อะไรให้เล่นหรอก อย่างหรูก็แค่เกมงูกินไข่โง่ ๆ ที่เขามีติดเครื่องเท่านั้นเอง ก็นั่นก็มากพอจะทำให้เขาลืมวันเวลาไปได้พักใหญ่ ....เขาเล่นอยู่สักพักจนกระทั่งได้กลิ่นหอมชวนหิวลอยมาจากครัว พร้อมคนตัวโตที่เดินถือจานใบสองมาเข้ามาอย่างคล่องแคล่ว เขาวางจานใบใหญ่ลงบนโต๊ะ

"เอ้า เสร็จแว้วว" เขาวางลงแล้วเดินกลับไปหยิบมาเพิ่มอีกเรื่อย ๆ จากก้นครัว

ยูมองไปที่เมนูอาหารตรงหน้าตา ที่เรียงราย มีแต่เมนูที่ดูน่าทานเต็มไปหมด เมนูแรกเหมือนจะเป็นผัดหน่อไม้ฝรั่งกับชิ้นเนื้อที่หั่นเป็นลูกเต๋าคละเคล้ากับไส้กรอกแบบหนังกรุบกรอบน่าทาน กับเมนูไข่ม้วนธรรมดา ๆ ที่ผ่าออกมาแล้วเป็นชีสเหนียวยืด ดูยั่วน้ำลาย วางใกล้ ๆ กับถ้วยซุปสีใส ที่เขาไม่รู้ว่าคืออะไร กับถาดใส่ผลไม้ถาดใหญ่ที่หั่นเป็นชิ้นเรียบร้อยพอดีคำ

" โห เห็นพูดถึงไข่กับไส้กรอก นึกว่าทำอะไรง่าย ๆ แต่นี่มันดูดีสุด ๆ ไปเลยนี่นา" ยูพูดไปน้ำลายสอไป

"หึหึ พวกเมนูหรู ๆ ส่วนมาก ก็มาจากวัตถุดิบธรรมดา ๆ นี่แหละ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะปรุงมันยังไง" ยักษ์พูดพลางตักข้าวสวยร้อน ๆ จากหม้อ ลงไปในจานแล้วส่งให้ยูก่อน

"อีกอย่าง นี่ก็เดทแรกเลยนี่นา ให้ธรรมดา ๆ ได้ที่ไหนกัน"

"เดท? " ยูม่วนคิ้วถาม จนคนตรงหน้ายิ้มหึหึ แต่ไม่ตอบกลับอะไร เขาคิดว่าพูดไปก็คงจะทำให้คนตรงหน้าคิดว่าเขากำลังเล่นลิ้นอยู่เป็นแน่

"เอ้า ทานกันดีกว่า เดี๋ยวเย็นแล้วจะไม่อร่อยนะ" ยักษ์พูดสวน เพื่อเลี่ยงคำถามเมื่อครู่

ทั้งสองคนนั่งทานอาหารด้วยกัน พลางพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันถึงเรื่องต่างๆ นานา อย่างเข้าขา พร้อม ๆ กับทานอาหารตรงหน้า จนเกลี้ยงโต๊ะ ยูไขข้อสงสัยว่าทำไมยักษ์ถึงทำอาหารอร่อยและดูดีได้ขนาดนี้ นั่นเพราะเขาเคยทำงานที่ร้านอาหารชื่อดังในต่างแดนมาก่อน จนกระทั่งมีเงินเก็บมากพอที่จะกลับมาตั้งต้นที่เมืองไทย แต่ก็สู้ความเก๋าของเจ้าถิ่นในแถบนี้ได้ไม่ดีนัก จึงหันมาเปิดเป็นร้านขายขนมหวานและเครื่องดื่มแทน เพราะเขาเองก็มีทักษะด้านนี้ติดมาประมาณหนึ่ง แถมในแถบนี้ยังไม่มีคู่แข่งอีกด้วย

"วันนี้พี่รู้สึกดีมาก ๆ เลย ขอบคุณนะครับยู" ยักษ์เอ่อยปากขอบคุณ ที่ยูอุตส่าห์อยู่เป็นเพื่อน แต่ประโยคนั้นกลับทำให้ยูนึกถึงหน้าของใครอีกคนที่เขารู้จัก ทันใดนั้นความรู้สึกเจ็บแปลบในใจมันก็แทรกเข้ามาในทรวงอก

...เขากำลังคิดถึงยุทธอยู่ ...ทำไมกันนะ

...

"งั้นพี่เอาจานไปเก็บก่อนนะครับ" ยักษ์ลุกขึ้น จัดแจงแยกเศษอาหารไปกองไว้รวมในจานเดียวกัน แล้วกวาดจานบนโต๊ะนั้นให้เข้ากันเป็นคอนโด

"ผมช่วย" ยูอาสาช่วยในทันทีเมื่ออีกฝ่ายลุกขึ้น

"ค้าบ เบา ๆ มือล่ะ ...เดี๋ยวของพี่จะแตก นะครับ ฮิฮิ" ยักษ์หยอดใส่ไปทีตามนิสัย ส่วนยูนั้นยกจานชูขึ้นทำนองจะขว้างใส่ จนยักษ์ต้องวิ่งแจ้นกลับเข้าครัวอย่างไว แล้วตามด้วยยูที่เดินเข้าไปเช่นเดียวกัน ทั้งคู่ยืนล้างจานชามอยู่ด้วยกันเพียงครู่เดียวก็หมด เพราะมีอยู่ไม่กี่ใบ

ยูยกข้อมือขึ้นมองดูนาฬิกา บอกเวลาว่าล่วงเลยไปมากแล้ว เหลือเวลาอีกไม่ถึง2ชั่วโมง ก็จะถึงเวลาปิดทำการของสถานีรถไฟฟ้า เขานั่งนึกพลางพึมพำกับตัวเอง ที่กำลังคำนวณว่าจะทำอย่างไรให้ไปได้ทันก่อนรถขบวนสุดท้ายจะออก

"มีอะไรรึ? " ยักษ์เอ่ยปากถาม

"ลืมดูเวลาน่ะครับ ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว เดี๋ยวรถไฟฟ้ากับรถประจำทางจะหมดซะก่อน เลยคำนวณดูว่าควรทำไงถึงจะไปได้ทัน" ยูพูดอธิบายพลางคิดว่าครั้นจะวานให้ยักษ์ขับรถไปส่งก็คงจะไม่ดีนัก กว่าจะขับไปส่งถึงแล้ววนกลับมาที่นี่คงกินเวลานานโข

"งั้นพักที่นี่เลยสิ ห้องหับว่างเยอะแยะ" ยักษ์เอ่ยปากชวนแบบเป็นกันเอง

"มะ ไม่ดีมั้งครับ ผมเกรงใจ... เดี๋ยวกดมือถือถามเพื่อนแถวนี้ให้มารับก็ได้ครับ" ยูปฏิเสธด้วยความเกรงใจ ถึงยักษ์จะดูไม่ใช่คนไม่น่าไว้ใจอะไร แต่เพิ่งรู้จักกันแค่วันสองวัน เขาคงไม่กล้าที่จะมาขอค้างคืน

ยูคว้ามือถือมากดเบอร์โทรหาเพื่อนที่นึกขึ้นได้ว่าอยู่ใกล้ ๆ นี้ แต่ไม่ทันไรเจ้ามือถือเจ้ากรรมก็ดันมาดับสนิทต่อหน้าต่อตา คงจะเป็นเพราะเขาหยิบมาเล่นเกมก่อนหน้านี้ตอนที่นั่งรอยักษ์ทำข้าวเย็น ยูนั่งมองมือถือของตัวเองที่เหมือนกำลังบอกกับเขาว่า "เราไปละนะ โชคดีจ้าาาา"

"หึหึ พี่บอกแล้ว นอนนี่แหละ คนกันเอง เกรงจงเกรงใจไรล่ะ" ยักษ์พูดเยาะ เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้แค่เกรงใจเขาเป็นแน่ แต่น่าจะเป็นเรื่องอื่นซะมากกว่า

"ผมไม่ได้เอาเสื้อมาเปลี่ยน" ยูพูดหาข้ออ้าง

"ของพี่มีเยอะ เอาไปใส่ก่อนก็ได้"

"แปรงสีฟันล่ะ"

"ในตู้มีสำรองเยอะแยะ แกะอันใหม่มาใช้ได้เลย ตามสบาย"

"เออ..สบู่ไง สบู่ ๆ ไม่มีสบู่อาบน้ำ" ยูยังคงพยายามพูดหาข้ออ้างไปเรื่อยไม่หยุด

"เปลี่ยนเรื่องอีกที พี่จับปล้ำตรงนี้เลยนะ" ยักษ์ที่เริ่มมีน้ำโห พูดตัดบท ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เพื่อจะบอกว่าเขาเอาจริง

"ค้าบบบ ค้างก็ค้าง" ยูยอมจำนนแต่โดยดี

"ดีมาก ฮี่ฮี่" ยักษ์เปลี่ยนสีหน้าเป็นอารมณ์ดีเหมือนเดิม แล้วลูบหัวคนตัวเล็กกว่าสองสามทีด้วยความเอ็นดู

ทั้งคู่จัดการเก็บข้าวของให้เรียบร้อย เพื่อเตรียมจะปิดชั้นล่าง แล้วขึ้นไปที่ชั้นสามของตึกที่เป็นส่วนพักอาศัย ยักษ์เดินไปที่ประตูหน้าร้านจัดการปิดประตูยึดเหล็กด้านนอกร้านแล้วลงล็อกเรียบร้อย จนยูนึกสงสัยเพราะว่าตึกนี้ไม่ได้มีแต่ยักษ์อาศัยอยู่แค่คนเดียว

"อ้าว ล็อกประตูด้านในเลยเหรอ แล้วแบบนี้พี่ยุทธจะเข้ามาได้ไงครับเนี่ย" ยูเอ่อยถามด้วยความสงสัย

"อ้อ..รายนั้นน่ะ เค้าไม่ได้นอนที่นี่หรอก ย้ายออกไปที่อื่นนานแล้ว จะเข้ามาแค่ตอนทำงานน่ะ"

"แบบนี้เอง...." ยูพูดตอบ ในใจแอบนึกเสียดาย ทำไมกันนะ เขาถึงรู้สึกไม่ดีเลย ที่จะไม่ได้เจออีกฝ่าย หรือลึกๆ แล้วเขาแอบหวังไว้ว่าคงได้เจอกันถ้าหากว่ายุทธเสร็จธุระจากงานดังที่เคยพูดไว้

"ป่ะ ขึ้นข้างบนกันเถอะ" ยักษ์พูดชวนแล้วเดินขึ้นไปบนชั้นสามในทันที ส่วนยูที่ยืนนิ่งอยู่พักหนึ่งจนรู้สึกตัว ก็ค่อยเดินตามขึ้นไป

ยูสะบัดหน้าตัวเองสองสามทีเพื่อให้ตัวเองหยุดคิดถึงเรื่องของยุทธ แล้วก้าวเท้าขึ้นบันไดไปยังชั้นสาม ระหว่างทางที่เขาเดินผ่านทางเดินชั้นสองขึ้นมา บรรยากาศของบริเวณนั้นก็ชวนให้เขาหวนกลับไปนึกถึงยุทธอีกอยู่ดี

น่าแปลกที่เมื่อเขามองเห็นส่วนต่าง ๆ ของอาคาร มันกลับมีภาพจาง ๆ ของเขาและยุทธที่ลอยขึ้นมาทับซ้อนกับภาพของโลกแห่งความเป็นจริง ความทรงจำประหลาดที่เขารู้สึกคุ้นเคยราวกับว่ามันเคยเกิดขึ้นมาจริง ๆ เขาพยายามบอกกับตัวเองว่ามันคงเป็นแค่ภาพจากจินตนาการที่ฟุ้งซ่านของตัวเอง ที่เกิดจากจิตใต้สำนึกก็เท่านั้นเอง

เขาเดินขึ้นมาจนถึงชั้นบนสุดของตึก ซึ่งบรรยากาศแตกต่างไปจากชั้นสองอย่างสิ้นเชิง ทั้งวัสดุที่ใช้ สีสัน และการตกแต่งต่าง ๆ ยูเปิดประตูไม้บานใหญ่ที่แกะสลักเป็นลายดูหรูหราแล้วเข้าไปในห้อง ภายในเป็นห้องแบบสตูดิโอขนาดกลางๆ มีกระจกบานใหญ่มองเห็นวิวภายนอก มองดี ๆ แล้วจุดนี้เป็นทำเลที่ดีเลยทีเดียว เพราะไม่มีตึกสูงใหญ่มาบดบังทิวทัศน์ ซึ่งหาได้ยากในเขตเมืองแบบนี้

" ตามสบายเลยนะยู เดี๋ยวพี่ออกไปคุยโทรศัพท์แป๊บนึง " ยักษ์พูดแล้วเดินออกไปยืนคุยโทรศัพท์ที่ระเบียงด้านนอก "ลืมไป เสื้อผ้าพี่จัดไว้ให้แล้ว วางอยู่ข้างๆ ทีวีนะ" ยักษ์ยื่นหน้าออกมาพูดแล้วชี้ไปที่โต๊ะวางทีวีที่โซนห้องนั่งเล่น แล้วถอยกลับไปยืนคุยโทรศัพท์ที่จุดเดิม

ยูจัดการวางข้าวของลงที่โต๊ะไม้ข้าง ๆ ทีวีแล้วเปิดกระเป๋าเพื่อจะเอาของใช้ส่วนตัวออกมา เขารู้สึกเหนียวตัว อยากอาบน้ำให้สดชื่นแล้วจะได้พักผ่อน "อ้าว ไม่มีแปรงสีฟันนี่หว่า" ยูที่นึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ได้พกเอาแปรงสีฟันมาด้วยจึงเดินออกไปที่ระเบียงห้อง

"เอ่อ..พี่ยักษ์ครับ" ยูพูดแบบเกรงใจ

"หืม? " ยักษ์พูดขอเวลานอกเบา ๆ ที่ปลายสาย แล้วหันมาสนใจยู

"มีแปรงสีฟันให้ใช้มั้ยครับ ผมไม่ได้เอามา"

"อ้อๆ ลืมไปเลย มีอยู่ที่ห้องเก็บของข้างล่างน่ะ แถว ๆ ครัว...งั้นแป๊บนะ เดี๋ยวพี่ลงไปหยิบให้" ยักษ์พูดแล้วยกมือถือขึ้นมาจะกดวางสาย "ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมลงไปเอง" ยูรีบพูดขัดก่อนยักษ์จะวางสาย เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังวุ่น ๆ อยู่ อีกอย่างเขาพอจะนึกออกว่าห้องเก็บของอยู่ที่ไหน จากการที่ดูแปลนร้านมาหลายรอบแล้ว "โอ้ ขอบใจมากยู ถ้าหาไม่เจอยังไงเรียกพี่นะครับ"

ยูเดินลงมาที่ชั้นแรก ของร้าน เแสงไฟจากถนนที่สาดส่องลงมาตามช่องหน้าต่างทำให้พอมีแสงในห้องบ้าง ยูเลยเดินไปที่ครัวโดยที่ไม่ได้กดเปิดไฟ เขาแง้มประตูห้องเก็บของออกมา แล้วควานหากล่องแปรงสีฟันอยู่ครู่หนึ่งด้วยความที่ห้องเก็บของนี้ไม่ได้ถูกจัดวางอย่างมีระเบียบมากนัก จนเขาพบกล่องพลาสติกรูปร่างเล็กเรียว ที่คลำดูแล้วน่าจะเป็นกล่องแปรงสีฟัน เขาพยายามดึงมันออกมาอย่างยากลำบากเพราะถูกกล่องใบใหญ่ที่วางซ้อนอยู่ด้านบน ทับเอาไว้

"โครมม! "

กรอบรูปเล็ก ๆ อันหนึ่งที่วางอยู่บนสุดหล่นลงมา ด้วยแรงที่เกิดจากการดึงกล่องที่อยู่ด้านล่าง โชคดีมันทำจากพลลาสติกทั้งตัวกรอบและกระจก ไม่อย่างนั้นมันคงจะแหลกเป็นเสี่ยง เพราะแรงกระทบบนพื้นเป็นแน่ ยูหยิบกรอบรูปนั้นขึ้นมาดู เขาเพ่งมองรูปดูท่ามกลางความมืด เป็นรูปถ่ายแบบหมู่ของคนสามคน

ยูพยายามมองแล้วนึกตามรูปนี้ค่อนข้างเก่าและซีดเลยทีเดียว แต่ก็ยังพอมองออกว่าคนในภาพคือใคร"เอ.. พี่ยักษ์ ...อ๊ะ นี่คงเป็นพี่ยุทธสินะ...เอ๋ ตอนหนุ่ม ๆ นี่ หล่อใช้เล่นนะเนี่ย " ยูพิจารณามองดูภาพยุทธที่ดูหนุ่มกว่าปัจจุบันลงไปซัก 5-6 ปีเห็นจะได้ เขาดูผอมลงกว่าปัจจุบันนี้พอควร ทำให้ดูโครงหน้าดูคมเข้มได้รูป รับกับคิ้วดกหนาชวนหลงใหล ยิ่งบวกกับเคราบนแก้มแล้วช่วยให้มีเสน่ห์ขึ้นไปอีก "แต่ตอนนี้ก็น่ารักอยู่ดีแหละ อิอิ" ยูยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว

"แล้วนี่..ใครนะ" ยูพยายามเพ่งมองรูปของผู้ชายคนที่สามที่ยืนอยู่ตรงกลาง ตรงส่วนใบหน้าของเขาค่อนข้างซีดจาง เหมือนตรงส่วนนี้ของภาพถูกความชื้นหยุดใส่ จนทำให้เกิดเป็นฝ้าบนแผ่นกระดาษขึ้น ยูจึงยกกรอบรูปนั้นไปวางไว้ที่เดิมของมัน เขานึกขึ้นได้ว่าจริง ๆ แล้วมันเสียมารยาทมากที่จะมาแอบดูของส่วนตัวของคนอื่น เขาจึงรีบหยิบแปรงสีฟันออกมาแล้วกลับขึ้นห้องไป

...

" พี่ยักษ์ " ยูพูดเรียกหายักษ์ เมื่อเดินกลับเข้ามาในห้องแล้วไม่เห็นเจ้าตัวอยู่ "พี่ยักษ์ครับ" เขาเรียกหาอีกครั้ง แต่ก็ยังสิ้นเสียงตอบรับ จึงเดินสำรวจที่บริเวณต่าง ๆ ของห้อง ไม่ว่าจะเป็นระเบียง ห้องนั่งเล่น หรือห้องน้ำ "หายไปไหนของเค้ากันนะ"

"สงสัยจะลงไปที่ห้องชั้นสองล่ะมั้ง.." ยูจัดการคว้าอุปกรณ์อาบน้ำและเสื้อผ้าที่ต้องใช้ เดินเข้าห้องน้ำไป จัดการลงกลอนประตูเรียบร้อย แล้วจึงผลัดเสื้อผ้าที่สวมอยู่ออกเพื่อเตรียมจะอาบน้ำ

"เหนียวตัวจะแย่" เขาหยิบแปรงสีฟันขึ้นมาแปรงฟันให้เรียบร้อยก่อนจะเดินไปส่วนของบัวอาบน้ำ ที่มีม่านทึบกั้นเอาไว้อยู่เพื่อแยกโซนเปียกและแห้งออกจากกัน "ดีจังเลยนะ ห้องอาบน้ำหรู ๆ เนี่ย" เขานึกในใจ พลางคิดถึงห้องน้ำของตัวเองที่หอพัก ซึ่งมันก็ไม่ได้แย่อะไรนักหรอก แค่แคบประมาณเมตรครึ่งเท่านั้นเอง ลำพังเวลาอาบน้ำแค่เขายืนอยู่ในห้องน้ำคนเดียวก็อึดอัดแล้ว

"แคว่ก! " เขาใช้มือแหวกม่านกั้นออก แล้วก็พบกับสิ่งที่ไม่น่าจะมีอยู่

"เฮ้ย!!!!! "

ยูตกใจ ผละตัวเองถอยกลับไปตามสัญชาติยาน จนเกือบจะโซเซลงไปจมกองพื้น ถ้าไม่ได้คนตรงหน้าคว้าเอาไว้ หนุ่มร่างสูงใหญ่ หุ่นกำยำ ที่ยืนเปลือยเปล่าอยู่ตรงหน้าเขา ยืนมองแล้วยิ้มอย่างอารมณ์ดี ชายร่างโย ผิวเข้ม ตามตัวแน่นไปด้วยมัดกล้ามตั้งแต่หน้าอกไล่ลงมาจนถึงหน้าท้องเป็นลอนสวยได้รูปแบบกำลังดี ไม่ใช่แบบผู้ชายที่เล่นกล้ามในยิมจนหุ่นลีน แต่เหมือนผู้ชายวัยกลางคนที่ผ่านการทำงานใช้แรงอย่างหนักจนเกิดเป็นกล้ามเนื้อตามธรรมชาติมากกว่า

"เกือบไปแล้วนะครับยู" ยักษ์พูดพลางยิ้มมุมปากเหมือนรู้ล่วงหน้าแล้ว

"พะ พี่ ยักษ์ ..ม่ะ มาได้ไง ...เมื่อกี้นี้..." ยูพูดเลิ่กลั่กพลางหันซ้ายหันขวา จนไปสบตาเข้ากับเจ้ายักษ์ตัวเล็กที่นอนนิ่งสงบอยู่กลางลำตัวของผู้ชายตรงหน้า ...นี่ขนาดว่ามันหลับอยู่ยังใหญ่โตขนาดนี้ เขาแทบไม่อยากจะนึกเลยว่าถ้าเกิดทำมันตื่นขึ้นมาจะเป็นยังไง เขาได้สติก็ดิ้นพล่าน พยายามจะสะบัดมือออกจากแขนของคนตัวโต

"โอ๊ะๆ อย่าดิ้นสิ เดี๋ยวก็หล่นลงไปหัวโขกพื้นหรอก" ยักษ์ค่อย ๆ ประคองยูขึ้นมาให้ยืนได้แบบปกติ

"..."

"อ่า..."

"เอ่อ..." ยูพูดแบบเหวอๆ ไม่เป็นภาษา

"ว่าไงครับน้องยู" ยักษ์ยิ้มกว้าง มองดูคนตัวเล็กกว่าที่ยืนเกร็ง

"ดะ เดี๋ยว เดี๋ยวผม ออกไป..ก่อน....... ค่อยเข้ามาใหม่นะ" ยูพูดกุกๆ กักๆ แล้วหันหลังกลับออกไปช้า ๆ

"โถ่ อาบพร้อมกันเลยก็ได้ ไหน ๆ ก็แก้ผ้าแล้วนี่ ..จะได้ไม่เปลืองน้ำด้วย" ยักษ์พูดแบบมีเลศนัย

ยูได้ยินก็สะดุ้งเฮือก เขายืนนิ้งแล้วกลืนน้ำลายทีนึง จนยักษ์เดินเข้ามาไกล้ ๆ จากทางด้านหลัง

"อายพี่รึ? "

"อ...อือ"

ยักษ์ใช้แขนแกร่งสองข้างโอมล้อมเข้ามาจากทางด้านหลัง "แล้วทำแบบนี้ เขินมั้ย" คนตรงหน้ายังยืนตัวเกร็ง ไม่ตอบอะไร จนยักษ์ได้ที ยื่นหน้าเข้าไปซุกไซร้ที่คอเบา ๆ ใช้หนวดเคราที่แข็งเป็นตอซุกไซร้จนคนตรงหน้าอ่อนระทวย

"พ..พี่ยักษ์ครับ ..อย่าดีกว่า" ยูกลืนน้ำลายที แล้วพูดออกมา เขารู้ดีว่าไม่ควรปล่อยให้อีกฝ่ายล่วงล้ำเข้ามาได้ถึงขนาดนี้ มันคงจะไม่ดีแน่ ๆ ทั้งกับตัวเขาเอง และอีกคน ถ้าเกิดง่ามีอะไรขึ้นมา เขาไม่อยากที่จะให้อารมณ์เป็นตัวกำหนดทุกอย่าง เพราะเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกกับยักษ์ไปมากกว่า คนรู้จักคนหนึ่ง ในตอนนี้หัวใจของยู ไม่ใช่คนที่กำลังโอบกอดเขาเอาไว้ แต่เป็นใครอีกคน ที่เขาเฝ้ารอมาทั้งวันว่าจะได้พบต่างหาก

"นะครับ.." ยูพูดย้ำอีกครั้ง เขาพยายามเจรจากับคนข้างหลังอย่างนุ่มนวล เพื่อรักษาน้ำใจ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะมีทีท่าว่าไม่ปล่อยเขาไปง่าย ๆ แน่

"อย่าหนีไปจากพี่เลยนะยู พี่อยากจะกอดอยู่แบบนี้เอาไว้ ...ปล่อยให้พี่ได้ทำเถอะนะครับ" ยักษ์ที่ยิ่งกอดรัดยูจนแน่นขึ้นกว่าเดิม เหนือสิ่งอื่นใดนอกจากวงแขนที่โอบรัด ยังมีบางสิ่งที่อุ่นร้อน ค่อย ๆ ดุนดันขึ้นมาจากแก่นกลางของร่างกาย เพื่อบ่งบอกความต้องการที่เอ่อล้นเต็มที่

"อย่า...พี่ยักษ์ ใจเย็น ๆ ก่อนนะ ปล่อยผมเถอะ" ยูยังคงปฏิเสธเสียงแข็ง เขาพยายามผละตัวออกจากคนตัวโต เขาเองก็ไม่ใช่เด็ก ๆ เขารู้ตัวดีว่าถ้าขืนปล่อยไว้นานกว่านี้ อีกฝ่ายคงจะเลือกสูบฉีดจนยั้งสติเอาไว้ไม่ได้แน่ ๆ ยูงัดไม้ตายสุดท้าย เขาใช้ข้อศอกกระทุ้งไปที่ด้านหลัง จนโดนเข้าตรงหน้าท้องของคนตัวโตจังเบ้อเร่อ แล้วจึงได้โอกาสผละตัวออกมา

"ยู!! " คนตัวโตร้องเสียงหลงพยายามอ้าแขนมาคว้าคนตรงหน้าไว้ให้ได้อีกครั้ง

"แค่นี้ให้พี่ไม่ได้เหรอวะ! " ยักษ์สติหลุด ตะโกนโวยวายขึ้นมาจนยูต้องตัดสินใจงัดไม้สุดท้ายขึ้นมาเรียกสติของเขา

"เพี๊ยะ!! "

ฝ่ามือเล็กตวัดอย่างรวดเร็ว เข้าไปที่ใบหน้าของคนตัวโตด้วยความแรง จนเกิดเป็นรอยจ้ำสีชมพูจางๆ ขึ้นมา ดูเหมือนจะเป็นผลสำเร็จ ไอ้ตัวโตที่โดนฝ่ามือพิฆาตเข้าไปเหมือนจะได้สติกลับคืนมา เขายืนเหวอไปเลยอยู่พักหนึ่ง

...

"พี่..ขอโทษ" ยักษ์ได้สติก็นึ่งฟุบลงที่ขอบอ่างอาบน้ำ ด้วยสีหน้ารู้สึกผิดในสิ่งที่ได้ทำลงไปเมื่อครู่ ทั้งกริยา..และวาจา

"พี่ยักษ์.." ยูพูดเรียกอีกฝ่ายแล้วยื่นมือออกไป เขากระดิกปลายนิ้วทีสองทีเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายคว้าไว้ ยักษ์ยื่นมือออกไปจับแล้วพยุงตัวเองขึ้นยืน ทันทีที่เขายืนขึ้นได้ คนตัวเล็กก็ดึงมือนั้นเข้าไปแล้วโอบกอดอย่างอ่อนโยน

"ไม่เป็นไรนะ" เขาใช้ฝ่ามือลูบแผ่นหลังคนตัวโตอ่างอ่อนโยน เขาพอเข้าใจว่าอีกฝ่ายคงจะผ่านอะไรมาพอสมควร เขาพยายามปลอบโยนเขาให้ได้ดีที่สุด เท่าที่จะทำได้

"ขอบคุณครับ ...ยู" ยักษ์พูดเสียงสะอื้น

...

เมื่อเคลียเรื่องเมื่อครู่เสร็จ ยักษ์อาสาไปส่งยูที่หอพัก เขารู้และเข้าใจว่าในตอนนี้ ยูคงจะไม่อยากอยู่กับเขาสองต่อสองเป็นแน่ ซึ่งยูก็ตอบรับอย่างเข้าใจเช่นกัน ยูแอบโล่งใจที่เรื่องนี้จบลงไปได้ด้วยดี ถึงแม้ต่อไปนี้เวลาที่เขาทั้งสองพบกันมันอาจมีความรู้สึกแปลกๆ เข้ามาปะปน แต่เวลา คงจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยเยียวยาให้เรื่องนี้ได้ในที่สุด

"ขอบคุณนะครับที่มาส่ง" ยูกล่าวของคุณยักษ์ที่นั่งอยู่ในรถพลางเปิดกระจกคุย

"พี่ต่างหาก ที่ต้องขอบคุณยู..." ยักษ์พูดด้วยรอยยิ้ม

"กลับไปก็รีบนอนซะนะ อย่าให้รู้ล่ะว่าไปนั่งขี้แงร้องไห้ขี้มูกโป่งคนเดียว หึหึ" ยูแอบพูดหยอกเอาคืนบ้าง

"ม่ายล่ะ เดี๋ยวไปนั่งก๊งเหล้าย้อมใจซักยกดีกว่า" ยักษ์พูดติดตลก แต่ก็จะไม่แปลกใจเลยถ้าเขาจะทำจริง ๆ

"ไม่ต้องเลยนะ!! " ยูก้อนหมัดแน่น นี่ถ้ายักษ์ไม่ได้อยู่ในรถ คงจะโดนเขกหัวไปทีแล้ว

"ล้อเล่นค้าบบบ "

"อ่ะ ขับรถดีๆ นะ ไว้เจอกันครับ"

"ว่าง ๆ แวะไปที่ร้านด้วยนะ พี่ยินดีต้อนรับเสมอ"

"ค้าบ เดี๋ยวต้องแวะไปส่งงานอยู่ดีแหละน่า"

"ไปเล่นซี ไม่ใช่ไปทำงาน "

"อื้ออออออออออออออออ รู้แล้วน่า ..ไปละ เดี๋ยวฝนจะตกแล้วเนี่ย" ยูพูดพร้อมกับผละตัวออกมา ไม่งั้นคงได้ยืนคุยกันอีกนาน ระหว่างนั้นเขาสัมผัสได้ถึงลมฝนที่พัดหวิวผ่านมาเป็นระยะ ๆ ตั้งแต่ลงจากรถ

"ฝันดีครับยู"

"ฝันดีครับ"

ยักษ์กดเลื่อนกระจกรถลง แล้วถอยรถออกไปอย่างช้า ๆ โดยมียูที่คอนยืนส่งอยู่จนลับตาไป เขาจึงหันหลังหลับแล้วเดินเข้าไปในหอพัก เขารับรู้ได้ทึกละอองฝนที่หยดลงมาบนตัวเขา จากที่เป็นแค่ละอองเล็ก ๆ ก็ค่อย ๆ เริ่มหนักขึ้นเป็นหยาดฝนเม็ดใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้น จนแปรเปลี่ยนเป็นสายฝนห่าใหญ่ลงมาประจวบเหมาะกับที่เขาก้าวเข้ามา

...


ออฟไลน์ octobearx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
นาฬิกาบนผนังหยุดอยู่ที่ตัวเลข 12 ทั้งเข็มสั้นและยาว เสียงนาฬิกาเดินเป็นจังหวะ ประสานกับเสียงของเม็ดฝน ที่ตกพรำ ที่ตอนนี้เริ่มซาลงบ้างแล้วจากตอนแรก ชายหนุ่มนั่งง่วนอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ หากก่อนหน้านี้ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นป่านนี้เขาคงจะนอนหลับสนิทไปตั้งแต่กลับเข้ามาถึงในห้องแล้ว ในเมื่อนอนไม่หลับ เขาจึงตัดสินใจหยิบงานขึ้นมาทำฆ่าเวลาเลยซะดีกว่า

"โครกกกก"

เสียงสั่นเครือจากกระเพาะร้องระงมด้วยความหิว ยูรับรู้ได้ถึงน้ำกรดร้อนที่กำลังกัดกินกระเพาะของเขา จนต้องเอามือกุมหน้าาท้อง "หิวว จังแฮะ" ยูพูดกับตัวเองพลางชำเลืองไปที่นาฬิกาบนผนัง "ตายละ ดึกขนาดนี้แล้ว....คงมีแต่เซเว่นฯ สินะที่จะหาไรกินได้เวลานี้" เขาไม่รอช้าพยุงร่างตัวเองออกจากคอมพิวเตอร์แล้วไปที่ประตูห้อง เอื้อมมือออกไปหยิบลูกบิดประตู แต่แล้วเขาก็ต้องชะงัก เมื่อมีแรงกดจากด้านนอกผลักประตูเข้ามาในจังหวะเดียวกัน

"เฮ้ย! " เขาร้องลั่นด้วยความตกใจ

ชายร่างกำยำ สวมเสื้อฮู๊ดคลุมหัว ตัวเปียกโชก ท่าทางไร้สติ เขาผละตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว จนยูตั้งตัวไม่ทัน ล้มลงไปจมพื้น "เฮ้ย! คุณ...อะไรวะเนี่ย" ยูร้องโวยวาย พยายามผละตัวชายคนนั้นที่นอนทับร่างเขาอยู่ออกไป

"อืมมมมมม ยู..... ยู" ชายลึกลับใช้แขนและข้อเขากดทับร่างของยูเอาไว้กับพื้น แล้วพูดพึมพำฟังไม่ได้ศัพท์





"....คุณ ออกไปนะ" ยูพยายามใช้กำลังแชนทั้งหมดที่มีผลักร่างของชายคนนี้ออกอย่างยากเย็น เพราะอีกฝ่ายก็ดันมือสู้เขาเช่นเดียวกัน "บ้าชิบ กลิ่นเหล้าเหม็นหึ่งไปหมดเลย" ยูได้กลิ่นน้ำเมาคาวคลุ้งไปทั่วตัวชายคนนี้ ดูจากเสื้อผ้าการแต่งกาย และท่าทาง เขาคงจะเป็นคนจรจัดแถว ๆ นี้ ที่ซัดน้ำเมาเข้าไปเต็มที่จนไม่ได้สติ ยิ่งมาเป็นตอนฝนตกแบบนี้ยิ่งทำให้เขาดูเกรอะกรังเข้าไปใหญ่ ยูพยายามผละตัวของเขาออกอยู่นานจนสำเร็จ ชายไร้สติที่เริ่มจะหมดแรงสู้ค่อย ๆ ลดแรงมือออกจน ยูผละตัวออกไปจากเขาได้ในที่สุด

"รอพี่ก่อนสิ.....เดี๋ยวก่อน........ยู" ชายลึกลับพูดพึมพำอยู่เหมือนเคย เขายกไม้ยกมือขึ้นโบกไปมาช้า ๆ กลางอากาศเหมือนพยายามจะคว้ายูเอาไว้ ส่วนยูนั้นรีบลุกขึ้นแล้วเดินหนีออกมาจากจุดนั้นอย่างเร่งรีบ

"อะไรของเค้าวะเนี่ย สงสัยต้องไปแจ้งพี่ยามหออพักไว้ซะแล้วสิ" ยูเดินออกมา พลางหันซ้ายหันขวามองหาพี่ยามเฝ้าหอพัก ที่ปกติแล้วจะนั่งหลับอยู่ข้าง ๆ ป้อมยาม แต่ดูเหมือนเขาจะไม่อยู่ อาจจะไปทำธุระส่วนตัวที่ไหนซักที่

"กลับมาแล้วค่อยบอกละกัน" ยูเลิกมองหา แล้วมุ่งหน้าเดินออกไปที่ถนน

"ปรี๊ดดดดด!!! " เสียงหวีดแหลมดังขึ้นพร้อมกับแสงวาบสองจุดขึ้นตรงหน้าเขา รถบรรทุกคันใหญ่ที่ขับพุ่งเข้ามาตามแนวถนนด้วยความเร็วสูง ทั้ง ๆ ที่เป็นถนนในซอยที่อยู่อาศัย

"เหวอออออออออออ!! " ยูหมุนตัวหลบได้ทัน

"อยากตายรึไง ไอ้บ้า เดินดูทางมั่งสิว้อยย" คนขับรถบรรทุกเปิดกระจุกออกมาแล้วร้องตะโกนใส่ จากนั้นจึงขับผ่านไปโดยไม่สนใจว่าจะมีใครเกิดอุบัติเหตุขึ้นหรือเปล่า

"ขะ ขอโทษครับ" ยูรีบก้มหัวพูดขอโทษ แต่ก็ไม่ทันเวลา เพราะรถคันนั้นได้วิ่งฉิวผ่านเขาไปแล้ว

......โอ๊ยยยยย วันนี้มันอะไรนักหนาวะเนี่ย ยูร้องโมโหกับตัวเองในใจ

....

ยูเดินกลับมาที่หอพักพร้อมถุงพลาสติกสองสามใบในมือ ไม่รู้ว่าเพราะโมโห หรือเพราะหิว ทำให้เขากว้านซื้อของกินเล่นมาจนแทบเกลี้ยงชั้นวาง เขาเดินมาจนจะถึงหน้าห้องก็เผลอนึกได้ว่าลืมแจ้งพี่ยามเรื่องคนจรจัดลักลอบเข้ามาในเขตหอพัก พูดไม่ทันขาดคำ ชายหนุ่มคนนั้นก็นอนคว่ำหมดสติอยู่หน้าประตูห้องของเขาเสียแล้ว

"ตายห่าไปแล้วรึเปล่าวะเนี่ย? " ยูเดินไปใกล้ ๆ ชายคนนั้น แล้วเช็กดูว่าเขายังมีลมหายใจอยู่รึเปล่า เขาจับพลิกร่างชายคนนั้นขึ้นมานอนหงาย แล้วดึงหมวกคลุมหัวของเขาออก เผยให้เห็นใบหน้าของชายจรจัดที่นอนหมดสติอยู่ คนตรงหน้านี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าที่ไหน กลับกลายเป็นคนที่เขารู้จักดี และเฝ้ารอที่จะได้พบมาทั้งวัน

.

.

.

" พี่....ยุทธ?! "

ยูช้อนแขนที่อ่อนแรงของยุทธขึ้นบนบ่า แล้วพยุงร่างเข้าไปในห้องด้วยความเป็นห่วง โชคยังดีที่เขาสองคนขนาดตัวเท่า ๆ กัน ยูเลยแบกเข้าไปได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

"เป็นไงเนี่ย" ยูนั่งมองคนโตที่นอนหมดสภาพอยู่บนฟูกปิกนิคที่เขารื้อออกมาปูไว้ให้นอน ตอนนี้มันเปียกชุ่มไปพอสมควรเพราะเจ้าคนที่นอนทับอยู่ไม่รู้ไปเล่นฝนจากที่ไหนมา ยูเดินเข้าไปใกล้ ๆ พยายามปลดเสื้อของคนที่นอนอยู่ เพื่อเตรียมจะเช็ดตัวหาเสื้อใหม่มาผลัดให้ ไม่งั้นตื่นมาได้โดนหวัดกินกันพอดี

"ฮือ...ฮือออออ" คนที่นอนอยู่ครางฮือ ๆ ไม่เป็นภาษาอยู่ตลอด ตอนนี้เขานอนอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ยูหยิบชุดเสื้อผ้าที่เปียกชุ่มออกไปพาดไว้บนราวตากผ้าในห้อง หยิบผ้าขนหนูผืนใหม่จากตู้ออกมา แล้วเช็ดตัวให้เจ้าคนตัวโตที่นอนล่อนจ้อนเป็นทารกอยู่ เขาทำไปโดยช่ำชอง ราวกับว่าเคยทำแบบนี้มาแล้วไม่รู้กี่ครั้ง

"พอดูใกล้ ๆ แล้ว หุ่นน่าฟัดเหมือนกันนะเนี่ย อิอิ" ยูเช็ดตัวไปพลางคิดอะไรทะลึ่ง ๆ ตามสัญชาติยาน แต่แล้วก็ต้องตบแก้มตัวเองหนึ่งทีเพื่อเรียกสติกลับมา "ไอ้บ้ายู คิดอะไรของมึงเนี่ย" เขาดุตัวเองไปที แล้วกลับมาตั้งหน้าตั้งตาเช็ดตัวให้เหมือนเดิม

"ร้อนจี๋เลย" ยูเอามืออังหน้าผากอีกคนแล้วรับรู้ได้ถึงไอร้อนผ่าว ที่เริ่มคุกรุ่นขึ้นหลังจากเช็ดตัวจนแห้งสนิท เขาจึงจัดเตรียมกะละมังใส่น้ำ กับผ้าสะอาดมาวางไว้ใกล้ ๆ แล้วคอยเช็ดตัวให้ยุทธอยู่เรื่อย ๆ เพื่อให้คลายความร้อนจากตัว

เขาเช็ดตัวไปพลางโดยไม่ละสายตา ระหว่างเช็ดตัวเสียงหัวใจมันก็เริ่มเต้นถี่ขึ้นเป็นจังหวะเบาๆ จนกระทั่งถี่ขึ้น ถี่ขึ้นเรื่อย ๆ คนที่เขารอคอยมาทั้งวันจนได้พบกัน ใบหน้าคม ที่รกครึ้มไปด้วยหนวดเคราของเขานั้นช่างเร้าใจของคนที่นั่งเช็ดตัวอยู่ซะจริง เขาเช็ดจากหน้าผาก ไล่ลงมาที่แก้ม แล้วหยุดอยู่ที่ริมฝีปากหนา ยูเขยื้อนหน้าเข้าไปใกล้ขึ้น ใกล้ขึ้น จนริมฝีปากของทั้งสองแทบจะแนบชิดติดกัน

จูบที่แสนบริสุทธิ์ เพียงประกบริมฝีบางทั้งคู่ให้แนบชิดติดกัน ไร้ซึ่งการสอดแทรกใด ๆ เข้าหากัน แค่เพียงนี้ก็พอแล้ว ยูค่อย ๆ ถอนริมฝีปากของเขาออกอย่างช้า ๆ นิ่มนวล แต่แล้วไม่ทันได้ห่างกันนัก แขนแกร่งของคนเบื้องล่างก็คว้าที่ข้างแก้มของเขาเอาไว้ แล้วค่อย ๆ โน้มน้าวลงไป แล้วลิ้มรสของกันและกันอีกครั้ง ยูลืมตาขึ้น แล้วก็ต้องใจเต้น เพราะอีกฝ่ายกำลังจ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว เขาส่งสายตาพิจารณาทุกการกระทำเมื่อครู่มาโดยตลอด ยูที่รู้ได้ทันที ส่งให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่านขึ้นจนถึงขีดสุด จนร่างกายเริ่มร้อนผ่าวไปทั้งตัว สูสีกับไอร้อนจากคนเบื้องล่างที่ไม่ยอมกัน

เขาใช้แขนทั้งสองกอดรัดคนด้านบนไว้แน่น พร้อมกับระดมจูบอย่างหนักหน่วง เหมือนปีศาจที่หิวกระหายและไม่มีทางที่จะปล่อยเหยื่อชิ้นนี้ไปจากมือเด็ดขาด เหนือสิ่งอื่นใด แก่นกายร้อน ดุดันที่เบื้องล่าง มันกำลังขยายตัวขึ้น ดันกางเกงในสีขาวบางที่เป็นเหมือนปราการกั้นเอาไว้ จนเกือบจะไม่อยู่ ยูรู้สึกได้ทันทีเพราะตอนนี้มันระเบิดออกมาจนล้น ดุนดันหน้าท้องของเขาเอาไว้ เหมือนข้าศึกที่กำลังใช้ซุงท่อนยักษ์ทุบตีประตูเมือง เพื่อหวังจะเข้าไปทำลายให้ราบคาบ

"พะ...พี่ยุทธ....ครับ " ยูร้องครางไม่ได้ศัพท์เพราะถูกจุมพิตเร่าร้อนกระหน่ำโจมดีอยู่ไม่หยุด

เจ้าคนข้างล่างปิดปากนิ่งไม่ตอบ เพียงแต่ส่งรอยยิ้มบาง ๆ กลับมาให้แทน เขาฉวยโอกาสใช้จังหวะที่ยูกำลังเคลิ้มดันตัวเองขึ้นมาคร่อมบนตัวของยูแทนซะแล้ว ไอ้ปีศาจคลั่งคนนี้ บรรจงปลดเสื้อผ้าของคนที่นอนคร่อมอยู่ออกทีละชิ้นอย่างช่ำชอง พร้อมกับจ้องไปที่ใบหน้าของเขาโดยไม่ละสายตาไปแม้แต่วินาทีเดียว

ยูนอนอยู่ในสภาพเปลือยครึ่งท่อน มีเพียงกางเกงในตัวจิ๋วที่ปกปิดส่วนกลางของร่างกายเอาไว้ เขาทั้งอาย ทั้งเสียวซ่านไปทั้งตัว

ยุทธยิ้มหึ ในลำคอทีหนึ่ง ก่อนจะโน้มตัวลงมาใช้คางที่รกครึ้มไปด้วยเคราเส้นหน้า ซุกไซร้ไปทั่วคอของอีกฝ่าย ไล่ลงมาเรื่อยจนถึงยอดอกที่แข็งเป็นไต แล้วบรรจงใช้ลิ้นสาดตวัดไปมา สลับกับเม้มดูดเบา ๆ "อ๊าาาาห์ อื้อออ" ยูร้องครางไม่ได้ศัพท์ เขานอนตัวเกร็งไปทั้งตัวด้วยความเสียวซ่าน จนต้องโยกเอวลอยขึ้นเป็นจังหวะในบางครั้ง

ไอ้หมีหื่นได้ทีค่อย ๆ ใช้ปลายลิ้น ลากวนมาอยู่ที่ท้องน้อยของอีกฝ่าย เขาใช้ปากขบเม้มไปที่ท่อนเอ็นที่กำลังตื่นตัวอยู่ภายในผ้าผืนบาง จนมันเปียกชุ่มไปหมด เผยให้เห็นสีเนื้อจางๆ ที่ซึมขึ้นมาตามส่วนของผ้าที่แนบชิด

"ยูครับ....จะว่าอะไรมั้ยถ้าพี่..." ไอ้หมีหื่นแหงนหน้าขึ้นมามองแล้วเอ่ยปากถามอย่างไม่มียางอาย

"อื้อ....เอามันออกมาเถอะ" ยูพูดตอบรับอย่างไม่ขัดขืน ความเร่าร้อนในตอนนี้ของเขามันกำลังจะบอกว่า จะให้ทำอะไร....ก็ยอมทั้งนั้น

เสียงเพลงบรรเลงรัก สอดรับกับเสียงจากสายฝนที่โปรยปรายอย่างแผ่วเบา

...

ออฟไลน์ octobearx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตอนที่5 กับเส้นทางที่ถูกขีดจากความเก่า

เช้าวันรุ่งขึ้น ยูตื่นขึ้นมาในห้องของตัวเองเหมือนทุก ๆ วัน เขาพยายามหรี่ตาสองสามทีเพื่อปรับการมองเห็นให้เข้ากับสภาพแสงภายในห้องที่สาดส่องเข้ามาจากข้างเตียง เขามีความรู้สึกไม่คุ้นเคยแปลก ๆ จึงมองไปรอบ ๆ แล้วก็ต้องพบกับคนแปลกหน้าที่นอนอยู่ข้าง ๆ ...แถมสภาพล่อนจ้อน

"เฮ้ย!! " ยูสะดุ้งไปแว่บหนึ่ง จนนึกถึงเรื่องเมื่อคืนได้ลาง เขาจึงสงบสติลงแล้วพยายามปะติดปะต่อเรื่องราว "เมื่อคืน เจอพี่ยุทธหน้าห้อง แล้วก็..." เมื่อนึกไปถึงกิจกรรมยามดึกที่เขาทั้งคู่มีร่วมกัน แก้มของเขาก็แดงก่ำไล่ไปถึงใบหู "มะ..ไม่ใช่ฝันเหรอเนี่ย!! "

"ตื่นเช้าจังครับยู" เสียงทุ้มต่ำจากคนข้าง ๆ ลอยเข้าหูมา เมื่อยูหันไปมองก็เห็นเขากำลังนอนตะแคงข้างใช้ข้อศอกค่ำพื้นไว้พร้อมสายตามองจ้องอยู่

"เฮ๊ะ?! อะ. ...ตะ ....ตื่นแล้วเหรอครับพี่ยุทธ"

"ค้าบบ ตื่นแล้วเนี่ย ไม่ได้ละเมอนะ" ยุทธยิ้มกว้าง แล้วตอบแบบกวน ๆ พลางยื่นมืออีกข้างมาแตะที่หน้าผากของยูท่าทางเป็นห่วง "เป็นไรป่าวเนี่ย หน้าแดง ๆ นะ" เขานึกอยู่ครู่หนึ่ง "หวังว่าจะไม่ได้ติดไข้จากพี่นะ"

"อะ..ปะ..เปล่าสักหน่อยนี่ครับ" ยูปฏิเสธ จับแขนของอีกคนออกไปจากหน้าผากตัวเอง

"หืมม จริงอะป่าวว" ยุทธโน้มตัวเข้ามาใกล้ ๆ ใช้มือหนากุมมือข้างนั้นของยูเอาไว้ แล้วหอมไปฟอดหนึ่งที่แก้ม "ไม่เป็นไรแน่นะ? "

"พี่ยุทธ!! " ยูขึ้นเสียงสูงแก้เขิน

"ค้าบบ ๆ " ยุทธหัวเราะหึ เอ็นดูในความปากแข็งของอีกฝ่าย "ขอบคุณนะครับ เมื่อคืนพี่คงเมามาก ถ้าไม่ได้เราช่วยเอาไว้ ป่านนี้คงนอนตากยุงตากฝนอยู่หน้าห้องแหงม ๆ "

"แล้วไปทำอีท่าไหนมา ถึงเมาเละขนาดนั้น" ยูถามพลางนึกสงสัย "เดี๋ยวก่อนนะ เมาก็ส่วนเมา แต่ไหงมาลงเอยที่หอนี้ได้ล่ะ? " เขานึกสงสัยในใจ

"ก็หลังดื่มเสร็จ ก็กลับบ้านตามปกติ สงสัยคงหนักไปหน่อย เลยไขประตูเข้าผิดห้อง" ยุทธพูดพลางพยายามนึก

"บ้าน...บ้านไหน...ที่นี่? " ยูพูดพลางชี้นิ้วลงบนพื้น

"อือ พี่ก็พักอยู่หอนี้...เหมือนยูแหละครับ ห้องข้าง ๆ กันเนี่ย"

"ได้ไง ผมอยู่มาตั้งนาน ไม่เคยสังเกต" ยูค้อนเสียงแข็ง ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่เขาจะพักอยู่ที่นี่จริง ๆ เพราะยูถึงไม่ได้มาอยู่ที่นี่นานนัก แต่ก็น่าจะนานพอที่จะเห็นหน้าคร่าตาของเพื่อนบ้านบ้าง

"คงเป็นเพราะ..." ยุทธทำหน้าเหมือนหยุดคิดไปครู่หนึ่ง "...เวลาของเราไม่ตรงกัน ส่วนมากพี่ออกไปเตรียมร้านแต่เช้ามืด พอสายหน่อยเราก็ค่อยออกไปเรียนแล้วล่ะมั้ง บางทีก็นอนที่ร้านอยู่บ่อย ๆ หอนี่ไม่ค่อยได้กลับมาประจำหรอก"

"อ้ออ อย่างนี้นี่เอง ผมก็คิดมาตลอดเลยว่าข้างห้องไม่มีใครเช่าอยู่ เห็นปิดเงียบตลอด เดินผ่านทีไรไฟก็ไม่เคยเปิด"

"พี่เอาไว้นอนพักเฉย ๆ น่ะ ส่วนมากก็สิงอยู่ร้าน อย่างที่ว่าไปแหละนะ ...เราเองก็น่าจะเคยไปแล้วนี่ ตึกที่ชั้นล่างเป็นร้านกาแฟเล็ก ๆ น่ะ"

"อ๋อ ใช่ครับ ร้านของพี่ยักษ์ใช่เปล่า เมื่อวานก็ไปมา...น่ะ" ยูพูดเสียงเบา เมื่อฉุกคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนก่อนที่เขาจะกลับมาที่หอพัก

"ครับผม" ยุทธพูดตอบพร้อมรอยยิ้มบาง

"แล้วนี่เป็นไงบ้าง ยังมีไข้อยู่มั้ย? " ยูถามพลางยื่นมือไปแตะตามตัวของอีกฝ่าย ไล่ไปจนหน้าผาก

"หายแล้วล่ะ เมื่อคืน.....ได้คุณหมอฉีดยาดีให้น่ะ อิอิ" ยุทธพูดตอบแบบยียวน เลยโดนกำปั้นเล็กค้อนใส่ไปที

ทั้งคู่ลุกขึ้นจากเสียง จัดการสวมเสื้อผ้าของตัวเองที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้น ส่วนยูที่แต่งตัวเสร็จก่อนก็เดินออกไปเปิดประตูกระจกริมระเบียง เพื่อระบายอากาศ ทันทีที่แง้มประตูออก สายลมจากด้านนอกก็พัดลู่เข้ามาผ่านช่องว่างของประตูในทันที พร้อมกลิ่นหอมจากไอดิน ที่ระเหยขึ้นมาหลังฟ้าฝนหยุดตกเมื่อเช้า ทำให้เช้านี้อากาศถือว่าดีระดับหนึ่ง ลมเย็นกับแดดอ่อน ๆ ปะทะเข้าเต็มร่าง ยูหลับตาสูดหายใจลึกเข้าเต็มปอด

"ยู.." เสียงทุ้มต่ำลอยมาจากด้านหลัง

"ครับ? "

"วันนี้ว่างอยู่ป่าว มีธุระอะไรมั้ย? " ยูใช้มือจับปลายคาง แล้วยืนคิดอยู่ครู่หนึ่งที่ริมระเบียง "เอ..ก็ไม่เชิง มีต้องเข้าไปส่งงานนิดหน่อยที่คณะ ให้ทันก่อนสิบโมงเช้า จากนั้นก็ไม่มีอะไรแล้วนะ"

"เหรอ....ดีเลย....งั้นพี่ขอ.."

ติ๊ดๆๆๆๆๆ

ยุทธไม่ทันได้พูดจบ เพราะมีเสียงนาฬิกาดังขึ้นมาก่อน ทำให้ยูรีบวิ่งมาดู หน้าปัดนาฬิกาบอกเวลา แปดโมงเช้า ทำให้คนที่ดูอยู่ต้องเลิกคิ้วสูง วันนี้เขาต้องรีบเข้าไปส่งงานตอนเช้า หากใช้เวลาเดินทางก็ปาเข้าไปร่วมชั่วโมง "โอ๊ะ สายป่านนี้แล้วรึเนี่ย" เขารับจัดแจงเตรียมอุปกรณ์อาบน้ำแล้วเดินจ้ำอ้าวไปที่ห้องน้ำด้วยความเคยชิน จนลืมไปว่ามีอีกคนที่อยู่นห้องร่วมกับเขาอยู่ ยูหยุดชะงักแล้วเอี้ยวตัวออกมาจากหน้าประตู

"โทษทีครับพี่ยุทธ เดี๋ยวผมต้องรีบอาบน้ำไปคณะก่อนนะ ไว้เดี๋ยวเสร็จแล้วผมโทรหา" ยูพูดลั่นออกไปเพราะกลัวว่าอีกคนจะรอเก้อ แล้วก็ต้องนึกสงสัย "เฮ้ย แล้วทำไมเราต้องโทรหาเค้าฟระ" ยูนึกในใจเมื่อเผลอพูดอะไรแปลกๆ ออกมาโดยไม่รู้ตัว

"ตามสบายครับยู เดี๋ยวพี่ไปแล้วเหมือนกัน ...ไว้เจอกันนะ" ยุทธพูดพลางเดินไปที่หน้าประตูทางออก

"ไว้เจอกันครับ" ยูพูดตะโกนออกมาจากห้องน้ำ

ยุทธยิ้มให้แล้วเดินออกจากห้องไป พร้อมกดล็อกกลอนประตูจากด้านในไว้ให้ ส่วนยูกำลังวุ่นกับกายอาบน้ำด้วยความเร็วสูง เขาจัดการผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนักศึกษาแบบลวก ๆ พลางเดินออกมาจากห้อง พร้อมกับแอบชำเลืองมองประตูห้องข้าง ๆ แล้วอมยิ้มในใจอยู่คนเดียว

ยูวิ่งไปรออยู่ที่ป้ายวินมอไซค์หน้าหอพัก โชคดีนักที่วันนี้ไม่มีคนรอคิวเยอะ เขาโดดขึ้นมอไซค์ของพี่วินเจ้าประจำทันที

"บีทีเอสพี่" ไม่มีเสียงตอบรับอะไรจากวินมอไซ เขาสวมหมวกกันน็อคใบ แล้วบิดคันเร่งพุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วอย่างคุ้นชิน

...

ยูรีบวิ่งเข้ามาจนถึงตึกคณะ พลางมองดูนาฬิกาบนข้อมือแล้วโล่งใจ เพราะมาทันเวลา พอมองไปด้านหน้าที่จุดส่งงาน ก็เห็นเพื่อนคนสนิทยืนรออยู่ก่อนแล้ว

"ไงมึง สายอีกละ" นุ้ยพูดหยอกเพื่อนชาย ผู้มาสายในทุก ๆ งาน

"ไม่สายโว้ย มึงดู ๆ " ยูยกข้อมือขึ้นให้นุ้ยดูนาฬิกา

"จ้า ๆ พ่อคุณ ..อ่ะเอามาเดี๋ยวส่งให้" นุ้ยยื่นมือมารับเอกสารจากยู เพราะเธอยืนต่อคิวอยู่ก่อนแล้ว แถมด้านหลังก็ไม่มีใครมาต่อ เลยส่งพร้อมกันทีเดียวเลยประหยัดเวลา "แล้วเมื่อไหร่แกจะย้ายมาใกล้ ๆ มอวะ ไปอยู่ทำไมตั้งบางนา กว่าจะมาถึงกินเวลาเป็นชั่วโมง" นุ้ยเค้นถามเพราะเห็นเพื่อนต้องวิ่งรถมาเป็นชั่วโมงทุกวัน กว่าจะมาถึงมหาลัย สยาม-บางนา นี่ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลยที่จะทนกับการเดินทางแบบนี้ได้ทุกวัน

"ไม่รู้ว่ะ อยู่แล้วสบายใจดี ..ไม่เข้าใจเหมือนกัน"

"สบายใจ แต่ไม่สบายกาย ตายห่าพอดี"

"เออน่ะ เรียนจะจบปี5ละ จะมาย้ายตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วมั้ง"

"จ้า ตื่นให้มันทันจนเรียนจบละกัน ติดF มาอีกตัวมึงได้สิงคณะต่อไปอีกปีแน่ ๆ เจอจารย์จิ๋วหวดยับไปอีกปีเลยนะเว้ย"

"สัตว์ อย่าพูด ลางไม่ดี...เนี่ยแค่พูดถึงชื่ือ ก็ก็ขนลุกแล้ว"

ยูหน้าซีดเหงื่อตกเมื่อเพื่อนสาวพูดถึงชื่ออาจารย์สุดเฮี๊ยบประจำคณะ ที่ใคร ๆ ก็รู้จัก อาจารย์จิ๋วเป็นผู้หญิงวัยกลางคนตัวเล็กจิ๋วสมชื่อ แต่เรื่องความเฮี๊ยบนี่ไม่เล็กเหมือนตัวเอาซะเลย ยูเคยโดนท่านนั่งบี้แก้งานอยู่ชิ้นเดียวร่วมสัปดาห์ เนื่องด้วยใช้ปากกาเขียนแบบผิดไปเบอร์เดียว!

ระหว่างที่ยูกำลังหน้าซีดอยู่นั้น ฝ่ามือปริศนาก็ตบเข้าทีหนึ่งที่บ่าไหล่ของเขา จนร้องเอ้กอ้ากออกมา เหมือนโดนผีเข้า

"อ้าว ๆ เฮ้ย เชี่ยยูมันผีเข้าหรอวะ" หนุ่มร่างสูงใหญ่ ผิวคล้ำแบบคนใต้ ตัดผมทรงเปิดข้างพร้อมกับย้อมสีทอง ดูเฟี้ยวกว่าใคร พูดเสียงเหวอ ยูหายตกใจแล้วหันไปมองด้านหลัง

"ไอ้เหี้ยพล มาไม่ให้สุ้มให้เสียงตกใจหมด" ยูพูดกราดใส่เพื่อนที่มาแบบไม่ให้สุ้มเสียงจนเขาเหวอไปเบอร์ใหญ่ เขามองไปเห็นเพื่อนอีกคนที่มาพร้อมกับพลด้วย ซึ่งไม่ได้น่าแปลกใจอะไรนัก ที่สองคนนี้จะมาด้วยกัน แต่ที่น่าแปลกคือตามปกติแล้ว มันจะมากันสามคนต่างหาก "อ้าวพล พาย ไหงมึงมากันสองคนวะ เจ้าภีมไปไหนล่ะวันนี้"

"ภีมเค้ามีธุระน่ะ เลยฝากกูเอาเอกสารมาส่งแทน" พาย หนุ่มเซอร์ ไว้ผมยาวมัดรวบ ส่วมแว่น หน้าตากวนบาทา กับความสูงที่ไล่ ๆ กับพลพูดขึ้น เขาพูดถึงภีม หนุ่มผิวขาวจากแดนเหนือ ตัวจ้ำม่ำ อีกคน ที่ดูเผิน ๆ เหมือนแพนกวิ้นตัวอ้วนตุ้ย ที่มักจะไปไหนมาไหนพร้อมกับเขาทั้งสองคน

"นุ้ย ๆ มึงส่งยัง กูฝากด้วย ๆ " พลพูดแล้วยื่นซองเอกสารสามใบส่งให้นุ้ยที่ยืนต่อคิวอยู่ หญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มตอนนี้ยืนส่ายหน้าในความกักขฬะของกลุ่มเพื่อนคนสนิท

...

เมื่อส่งงานเสร็จสิ้นแล้ว ทั้งสี่คนพร้อมใจกันเดินออกมาจากตึกอาคารส่งงาน นุ้ยที่ช่างสังเกตชำลองมองไปเห็นป้ายประกาศสำคัญบนผนังเข้าพอดี

"เฮ้ย วันนี้วันอะไรวะ" นุ้ยถาม

"วันนน...." ยูพูดพลางนึกภาพปฏิทิน ให้ตายสิ พอเข้ามหาลัยแล้ว แทบจะไม่มีใครจำวันจำคืนได้เลยหากไม่ใช้โทรศัพท์มือถือ

"พฤหัส" พายพูดเสียงนิ่ง ถ้าไม่นับเรื่องความกวนประสาท ก็มีความจำเนี่ยแหละที่ให้พายนั้นเป็นที่หนึ่งในกลุ่ม

"พฤหัสที่เท่าไหร่? "นุ้ยถามต่อ "สอง" พายพูดตอบ

"เอ..พฤหัสที่สอง..ศุกร์ที่สาม" นุ้ยพึมพำกับตัวเอง สักพักก็หยุดเดิน

"มีไรวะ? " พลยืนเกาหัวถามเพื่อนด้วยความสงสัย บวกกับรำคาญนิด ๆ เขาเป็นคนประเภทชอบใช้กล้ามเนื้อมากกว่าหัวสมอง เวลามีเรื่องให้ต้องคิดคำนวณทีไรเป็นอันต้องหงุดหงิด

"กูเห็นประกาศเมื่อกี้ เหมือนเขาจะเลื่อนวันสมัครสอบวัดระดับภาษาว่ะ วันนี้วันสุดท้ายละ" นุ้ยพูดขึ้นมากลางวง การสอบวัดระดับภาษาเป็นการสอบครั้งสำคัญครั้งสุดท้ายของเด็กมหาลัย ที่ต้องเข้าสอบให้ได้ ซึ่งเปิดสมัครเพียงเดือนละครั้งสองครั้ง และที่นั่งมักจะเต็มภายในเวลาไม่กี่นาทีที่เปิดระบบให้จอง เพราะเด็กมหาลัยปีสุดท้ายทุกคนจับจ้องไปที่สนามสอบของมหาลัยกันทั้งนั้นเนื่องจากสมัครฟรีแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย หรือหากจะสบายหน่อยต้องไปสอบที่สนามสอบนอกมหาลัยเพื่อนำคะแนนมาเทียบ ซึ่งค่าใช้จ่ายสูงเกือบเท่าค่าเรียนเทอมนึง

"จริงดิ" ยูและพลเบิกตาโพล่งถาม เพราะเขาเป็นหนึ่งในคนที่ยังไม่ได้ทำการสมัครสอบ

"เออดิ...พวกมึงสมัครกันยัง กูสมัครไว้ละนะ" นุ้ยถามเพื่อนที่สามด้วยความเป็นห่วง

"ยังว่ะ" ยูและพลพูดเสียงเดียวกัน ส่วนพายได้แต่หลับตายักไหล่ทำตัวชิล ๆ เพราะไอ้หมอนี่สอบผ่านไปแล้วเมื่อปีที่แล้ว เพราะเรียนวิชาภาษาจบก่อนใคร

"งั้นคืนนี้ต้องรีบแล้วนะมึง เค้าปิดระบบตอนสองทุ่ม อย่าลืมอ่ะ" นุ้ยพูดเตือนเพื่อน

"เออ ฝากโทรเตือนกูด้วยดิ" ยูพูดสีหน้าเป็นกังวล เพราะเรื่องขี้หลงขี้ลืมเนี่ยต้องยกให้ "ได้ ๆ อย่าพลาดล่ะมึง ชวดรอบนี้ต้องรออีกสองเดือนเลยนะ กว่าแม่งจะเปิดสมัครใหม่"

"โอเค ๆ เดี๋ยวคงต้องกลับไปใช้คอมที่หอพักลงสมัคร น่าจะกลับไปซักเย็น ๆ " ยูพูดขอบคุณเพื่อน

"ไม่รีบกลับไปสมัครเลยวะ วันนี้ก็ไม่มีเรียนนี่" พลพูดแทรกขึ้นมา

"ก็..เดี๋ยวแวะนั่นนี่นิดหน่อย ว่าจะไปเดินสยามสักพัก อุตส่าห์เข้ามอมาแล้ว ไม่อยากรีบกลับ" ยูอธิบาย กว่าเข้าจะเดินทางมาถึงกินเวลาเป็นชั่วโมงเพื่อมาส่งงานไม่กี่นาที ให้กลับไปเลยตอนนี้ เห็นทีจะเฉาเป็นแน่

"แน่ะ ๆ เดินห้างจ้าา ไปกะใครเหรอยะ" นุ้ยทำตาเจ้าเล่ห์ถาม

"คนเดียวว้อย"

"โถ่ นึกว่านัดพี่หมีคนนั้นไว้ซะอีก"

"หมี หมีไหนวะ " พลถาม ทำเอาพายที่นิ่ง ๆ อยู่เกิดหูผึ่งอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาด้วย เดินเข้ามาไกล้ ๆ ทำท่าคะยั้นคะยอให้เพื่อนคายเรื่องที่ปิดเอาไว้ออกมา

"นั่น ไม่เชื่ออีก จะไปด้วยกันกะกูมั้ยล่ะ พวกมึงนี่"

"ไม่ล่ะ จะเข้าหอสมุดต่อ ไปหาหนังสือมาทำงาน" นุ้ยปฏิเสธ

"พวกกูก็ขอบาย ต้องกลับไปทำพาร์ทไทม์ต่อ" พลและพายขอตัวเช่นเดียวกัน

"หึ ละทำมาเป็นสงสัย" ยูบุ้ยหน้าพูดใส่เพื่อนทั้งสาม

"ว่าแต่ว่า กับพี่คนนั้นเป็นไงมั่งแล้ววะ" นุ้ยนึกสนุก เค้นถามไม่เลิก

"พี่หนายยยของเมิงงอีกกก"

"ก็พ่อหนุ่มหน้าหนวด ๆ ที่แกหนีไปเดทกันสองคนที่สวนสนุกนั่นไง" นุ้ยพูดหยอด

"ด่งเดทไรฟระ แค่.."

"แค่? "

"แค่เดินไปส่งที่รถไฟฟ้า"

"แล้วก็ไปต่อกันงี้? "

"ยัยนุ้ย!!!!! " ยูค้อนใส่เพื่อน แต่อีกฝ่ายไม่สะทกสะท้านอะไร

"จ้า ๆ ๆ ไม่แล้วแล้ววววว ..แต่กลับไปอย่าลืมเช็กของในห้องล่ะ เผื่อพี่เขาทำอะไรตกหล่นไว้" นุ้ยเบือนหน้าหนีแกล้งทำท่าเหมือนจะไม่สนใจแล้ว

ยูเหลือบตามองขึ้นด้านบน พลางนึกถึงสภาพห้อง "เอ...เหมือนจะไม่ลืมอะไรไว้นะ" แต่แล้วเขาก็ต้องตกใจเฮือกเมื่อเผลอพูดความลับออกมา ยัยนุ้ยนี่แสบจริง ๆ

"แน่ะ ไหนว่าไม่ได้ไปไหนกันต่อไง หึหึ" นุ้ยทำตาเจ้าเล่ห์ใส่ สมกับเป็นยัยเพื่อนตัวแสบ ที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าอะไรก็รู้ทันไปซะหมด "ไม่คุยด้วยละ" ยูเดินดุ่มออกมาจากตึก พลและพายเลยขอตัวแยกกลับไปก่อน ส่วนนุ้ยที่วิ่งตามมาทำหน้าหงอยเมื่อถูกเพื่อนงอน

"โถ่ อย่างอนเค้าน้าา ไอ้เจ้าหมีน้อย" นุ้ยวิ่งตามมาเกาะแข้งเกาะขา

"เกะกะว้อยย" ยูแกะแขนเพื่อนสาวที่เกาะเขาหนึบออก ความจริงแล้วเขาไม่ได้โกรธหรืองอนอะไรจริงๆ จังๆ หรอก แค่รำคาญเลยหาเรื่องผละออกมาก็เท่านั้นเอง

"แล้วนี่มึงจะรีบไปไหนเนี่ย" นุ้ยถามเพื่อนเห็นว่าเพื่อนมายืนหยุดที่ริมถนน

"มารอรถป๊อบ จะไปโรงอาหาร นี่ยังไม่ได้กินไรเลยแต่เช้า" รถป๊อบ หรือรถโดยสารปรับอากาศของมหาลัย ที่ถูกเรียกสั้นๆ จนติดปากว่า รถป๊อบ จากชื่อย่อ ปอ.พ เมื่อก่อนตอนที่ยูอยู่ปี1เคยต้องซื้อตั๋วขึ้นเที่ยวละ2บาท จนตอนนี้เปลี่ยนมาให้บริการฟรีแล้ว

"เมิงอะ กินไรยัง" ยูถาม

"กินแล้วจ้ะ เดี๋ยวเสร็จนี่จะไปหอสมุดต่อ จะไปด้วยกันมั้ยล่ะ จะได้ใช้คอมหอสมุดสมัครสอบเลย"

"น่าสนใจอยู่ ว่าจะแวะไปหาหนังสือมาเป็นเรฟทำงานอยู่วันสองวันละ เดี๋ยวกินข้าวเสร็จค่อยว่ากันอีกทีละกันว่าจะตามไปมั้ย" ยูพูดจบรถบัสคันโตสีชมพูก็วิ่งเข้าเทียบท่า เขาโบกมือลาเพื่อนสาวตัวแสบ แล้วก้าวเท้าขึ้นไปนั่งประจำที่ แอร์ภายในรถเย็นฉ่ำ เขาหลับตานิ้งแล้วปล่อยให้รถเคลื่อนออกไปอย่างนิ่มนวล

...

"ข้าวขาหมูหนัง ๆ พิเศษจานนึงป้า"ยูพยุดที่หน้าร้านขายขาหมูเจ้าประจำ แล้วสั่งเมนูที่คุ้นเคย ที่มาร้านนี้ไม่ใช่เพราะอร่อยหรืออะไรหรอก เพียงแต่เขาไม่ใช่พวกเรื่องมากในการกิน แค่มีไรให้กินก็เป็นพอ ร้านนี้เป็นร้านแรกที่เขามาทานตั้งแต่เป็นเฟรชชี่ เลยติดใจแวะเวียนมาอยู่ประจำอย่างไม่คิดเบื่อ

คุณป้าเจ้าของร้านจัดแจงตักข้าวใสจาน หยิบหมูมาชิ้นแบบไม่ติดมัน ทุบลงบนเขียงให้แบน จัดการสับเป็นชิ้นเล็ก ๆ อย่างคล่องแคล่ว กวาดลงบนจานข้าว พร้อมกับหยิบชิ้นหนังหมูตุ๋นมาอีกแผ่นสับพอลวก ๆ แล้วกวาดลงโปะทับไปอีกรอบ พร้อมผักดองและไข่ต้มที่หั่นไว้เรียบร้อย

"40วิ เป๊ะ ๆ ไม่ขาดไม่เกิน" ยูพูดกับตัวเองหลังจากนับเวลาในการจัดจานของป้าอย่างเคยชิน

"สามสิบ" คุณป้าพูดห้วน ๆ พร้อมกับสีหน้าเรียบนิ่งประจำตัว เห็นแบบนี้ แต่จริงแกเป็นคนใจดีมาก ขายข้าวราคาถูก จานใหญ่อิ่มคุ้ม เด็กบางคนที่ไม่มีกะตังค์ยังขอติดไว้ก่อนได้

"วันไหนผมเรียนตบไป คงคิดถึงข้าวร้านป้าแน่" ยูจ่ายเงินแล้วพูดแซวป้าเจ้าของร้าน

"โว๊ะ เอ็งกะจะมากินร้านป้าไปจนแก่เลยรึไง ไม่เบื่อเรอะ กินมาตั้งแต่ผอม ๆ ตอนนี้ด้วยจะเป็นหมูละ" ยูรับจานข้าวแล้วส่งยิ้มบาง ๆ ให้ เดินออกมาจัดการหาที่นั่ง วันนี้คนในโรงอาหารไม่หนาแน่นเหมือนทุกวัน เพราะเป็นช่วงสาย ๆ เข้าแล้ว แถมใกล้จะปิดเทอมแรกไปทุกที ยูจัดการทานอาหารตรงหน้าอย่างไม่เร่งรีบ

...

"ขอโทษครับ ตรงนี้มีคนนั่งมั้ย? " ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดถาม

"ไม่มี ตามสบายครับ" ยูพูดตอบรับเสียงตรงหน้า แล้วแหงนหน้าขึ้นไปมองเจ้าของเสียงที่นั่งอยู่ตรงกันข้าม

"พี่ยุทธ?! "

"ไงยู" ยุทธพูดแล้วยิ้มให้

"มาไงเนี่ย? "

"มากินข้าว ไม่ได้มาไง" ยูหรี่ตาลงเบา ๆ ใส่คนตรงหน้า เชิงบอกว่าถามจริง ๆ ไม่ได้ถามเล่นๆ จนเขาต้องพูดอีกประโยคแทน

"ก็มากินข้าวแหละค้าบ แหะ ๆ ร้านประจำพี่เลยนะเนี่ย ใกล้ที่ทำงานดี ราคาก็ถูก" ยูนึกถึงที่ตั้งของร้าน ซึ่งก็จริงอย่างว่า มันไม่ได้อยู่ห่างจากมหาลัยเท่าไหร่ ลงจากสถานีที่สยามแล้วเดินต่อมาได้เลยถ้าไม่ขี้เกียจ

"แสดงว่ามาบ่อยสิเนี่ย เหมือนลาง ๆ ว่าเคยเจอพี่แถว ๆ มหาลัยอยู่เหมือนกัน"

"ช่าย ตั้งแต่เรียนจบมา พี่ก็วน ๆ เวียน ๆ อยู่แถวนี้แหละ"

"เป็นผีเจ้าที่เหรอ วน ๆ เวียนๆ " ยูแกล้งหยอก

"ช่าย..ผีทะเล" ยุทธร้องหึในลำคอ

"ผีเมาทะเลน่ะสิ คนอะไรเมาแล้วไปนอนเคาะห้องชาวบ้าน"

"แถมได้เข้าไปจริง ๆ ซะด้วย...เนอะ" ยูทำมุ่ยหน้าโกรธใส่กลบเพื่อนแก้มที่เจือสีแดงขึ้น

"จริง ๆ ก็กะจะออกมาพร้อมยูแหละครับ แต่เห็นรีบ ๆ เลยออกตามมาทีหลังดีกว่า"

"จริงสิ แล้วนี่ไม่เข้าร้านเหรอ สายแล้วนะเนี่ย" ยูถามสงสัยเห็นปกตติดูงานวุ่นตลอด

"วันนี้ลูกค้าเลื่อนนัดน่ะ เลยว่าง ออกมาเดินเล่น มาทานข้าวแถวนี้"

"ชิลจริง ชีวิตฟรีแลนซ์เนี่ย"

"ชิล แต่หนักอยู่เหมือนกัน บางเดือนโล่งมาก บางเดือนแน่นมากจนไม่ได้พัก"

"พอเข้าใจ นี่คิดว่าจบไปผมคงหาทำงานองค์กรมากกว่า"

"ทำไมรึ? "

"เพราะรับงานมาตั้งแต่สมัยก่อนเรียนมหาลัยแล้วล่ะ เลยเข้าใจอะไร ๆ ต้องคอยบริหารจัดการตัวเองตลอดเวลา เป็นฟรีแลนซ์นี่มีฝีมือไม่พอ ต้องมีวินัยสูงมาก ๆ ด้วย"

"ยูอะเก่ง เรียนดี แถมทำงานได้ด้วย ถ้าเป็นพี่นะ สมัยเรียนตกเย็นตั้งวงกินเหล้าเข้าผับ ไร้สาระชะมัดเลยพอนึกดูแล้ว ฮ่า ๆ ๆ "

"ผมนี่ไม่ดื่มเลย เคยเข็ดจากงานเฟรชชี่ไนท์ตอนนั้น ดื่มไปไม่กี่แก้ว นอนคอพับเป็นหมาหน้าเวที โดนเพื่อนถ่ายภาพไปล้อกันอยู่เป็นปี"

"ดี วันหลังพี่จะได้จับมอมเหล้าซะเลย อิอิ"

"ไม่มีทางซะหรอก" ฟังยูเล่าเรื่องแล้ว ยุทธได้แต่ยิ้มตอบเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู แล้วจึงเอ่ยปากถาม "แล้วนี่หลังกินเสร็จจะไปไหนต่อล่ะ"

"ยังไม่มีแพลนเลย ตอนแรกว่าจะกลับบ้าน ไม่ก็แวะ..." ยูนึกถึงคำชวนของนุ้ยที่ชวนไปดูหนังสือที่หอสมุด

เพล้ง!!

เสียงแหลมดังขึ้นมาจากทางด้านหลังห่างไปสามสี่เมตร คงมีใครซักคนทำแก้วหรือจานหล่นแตก เมื่อยูหันไปก็เป็นเพียงคุณป้าคนทำความสะอาด ก้ม ๆ เงย ๆ กวาดเศษแก้วที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น

"เมื่อกี้คุยกันถึงไหนแล้วนะ" ยูถาม

"ก็..พี่ถามว่ายูจะไปที่ไหนต่อรึเปล่า หลังทานข้าวเสร็จ"

"อ๋อ อืม....ยังไม่มีแพลนเหมือนกัน พี่ยุทธล่ะครับ" ยูตอบแบบนั้นทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าจริง ๆ แล้วมีนัดกับนุ้ยไว้โชคดีที่เขายังไม่ได้นัดแบบเป็นทางการ เลยอาศัยจังหวะนี้แอบทำเนียนไป เผื่อมีโอกาสจะได้ชวนยุทธออกไปเดทกันซะเลย "หึหึ แอบร้ายแฮะเรา...โทษทีนะยัยนุ้ย" ยูพูดในใจ

"ถ้าว่าง ไปเดินเล่นกันมั้ย ทางพี่ก็ไม่มีที่ไปอยู่พอดี"

"เอาสิ"

"แล้วยูอยากไปไหนครับ"

"เอ...นั่นสินะ" ยูนั่งคิดอยู่พักหนึ่งพลางมองไปรอบ ๆ แล้วก็นึกออก

"เดินรอบ ๆ มอนี่ก็ได้ ง่ายดี ที่เที่ยวเล่นก็มีไม่น้อย ฮ่า ๆ ๆ " เขาพูดปนตลก แต่ก็เป็นความจริง เพราะมหาลัยนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมือง มีทั้งที่กินดื่ม และสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ มากมายให้ได้เดินชม

"เออจริง พี่ก็ลืมนึกไปเลย ฮ่า ๆ ๆ " ยุทธหัวเราะไปทานข้าวไป ทั้งคู่นั่งทานข้าวคุยกันไปไม่นาน ก็จึงลุกหยิบจานไปวางไว้ทีจุดพัก แล้วออกเดินทางไปเรื่อย ๆ ตามแนวทางเดินรอบมหาลัย อากาศช่วงปลายฝนต้นหนาวในเดือนตุลาแบบนี้ ช่างเป็นใจจริง ๆ กับการเดินเล่นชมนกชมไม้ แสงแดดอ่อน ๆ กับสายลมแผ่วพัดโกรกเบา ๆ ตลอดทาง ให้ความรู้สึกผ่อนคลายจริง ๆ

...

ออฟไลน์ octobearx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อากาศช่วงปลายฝนต้นหนาวในเดือนตุลาแบบนี้ ช่างเป็นใจจริง ๆ กับการเดินเล่นชมนกชมไม้ แสงแดดอ่อน ๆ กับสายลมแผ่วพัดโกรกเบาๆ ตลอดทาง ให้ความรู้สึกผ่อนคลายจริง ๆ

"ว่าแต่ ที่บอกว่าอยู่แถวนี้ตั้งแต่เรียนจบ แสดงว่าพี่ยุทธเรียนจบจากที่นี่เหมือนกันเหรอครับ? "

"ครับ พี่จบดนตรีสากลน่ะ"

"หืม ดนตรีสากล งั้นก็คณะศิปกรรมฯ ข้าง ๆ คณะผมเลยนี่"

"ใช่แล้วล่ะ อิอิ"

"เรียนจบดนตรี ละไหงมาทำงานเป็นช่างสักลายได้ล่ะเนี่ย"

"เรื่องมันยาวน่ะ น่าอายนิดๆ ด้วย แหะๆ "

"เล่ามาสิ อยากฟัง ๆ "ยูทำตาวาวแบบเด็ก ๆ คะยั้นคะยอถาม จนยุทธอดไม่ได้ที่จะเล่าให้ฟัง

ยุทธสูดหายใจเข้าหนึ่งทีแล้วเล่าให้ฟัง

"ก็..สมัยเรียนจบใหม่ ๆ ตอนนั้นพี่ก็ทำงานสายดนตรีนี่แหละ เปิดบ้านรับสอนดนตรีเด็กมัธยม เด็กมหาลัยอะไรงี้ จนวันนึงไปเจอเด็กถาปัตย์คนนึงเข้า ดูแล้วน่ารักดี ตอนนั้นเชามาที่สตูดิโอบ่อย ๆ เพราะตามเพื่อนที่มาเรียนดนตรีกับพี่นี่แหละ ตอนนั้นพี่ไม่รู้ทำไงเลยลองปรึกษาเพื่อนที่เรียนสายนี้มา เห็นมันเล่าให้ฟังว่าลองทำเนียนไปช่วยงานบ่อย ๆ เดี๋ยวก็จีบติด ไม่ยาก ทำนองเนี้ย ฮ่าๆๆ " ยุทธเล่าไปยิ้มไป พลางเกาหัวแกร่ก ๆ ด้วยความเขินอาย

"หึหึ อันนี้คอนเฟิร์ม" เด็กสถาปัตย์ตัวจริงยืนยัน

"ตอนนั้นก็ทำไม่เป็นหรอก พวกงานวาดเขียนอะไรเนี่ย เลยลงทุนไปเทคคอสเรียนพื้นฐานมา จนนานเข้าได้จับงานจริง ดันชอบทำงานแบบนั้นซะงั้น จนเริ่มมาทำจริง ๆ จังๆ จนติดเลย"

"จีบติด? " ยูเอียงคอถาม

"ป่าว ติดวาดรูป"

"เฮ้ย แปลก ฮ่าๆๆ ละกับคนที่จีบคนนั้นอะ เป็นไง"

"ติดเหมือนกัน ..หมายถึงจีบติดนะ จีบไปได้เดือนกว่า ๆ ก็ตกลงคบกันเลย"

"เหๆๆๆๆๆ ชีวิตแฮปปี้เลยล่ะสิ แล้วตอนนี้เป็นไงมั่ง ผมจะรู้จักมั้ยนะ เผื่อเป็นรุ่นพี่ในคณะที่รู้จัก"

"คบกันได้เกือบปี.." ยุทธหันมองไปที่ยูครู่หนึ่ง แล้วเบือนหน้ากลับไปมองถนนด้านหน้าเหมือนเดิม "...ตอนนี้เลิกกันไปได้หลายปีละ" ยูยืนนิ่งไปครู่ ไม่รู้จะปลอบคนข้าง ๆ ได้อย่างไร เลยได้แต่ใช้มือลูบเบาๆ ที่บ่าไหล่เป็นการปลอบใจ

"เฮ้ย ไม่เศร้านะ พี่ทำใจได้นานละ" ยุทธยิ้มกว้างโชวฟันขาวให้ ยูเห็นแล้วก็ใจเต้นขึ้นมา ไม่ใช่ว่ายุทธเป็นคนไม่ชอบยิ้มหรืออะไร แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นเขายิ้มกว้างได้ขนาดนี้ ทั้งๆ ที่เพิ่งเล่าเรื่องเศร้าให้ฟังแท้ ๆ

"ค้าบบ" ยูยิ้มตอบรับ ในใจก็ได้แต่คิดว่าควรจะถามถึงเรื่องราวนั้นเพิ่มมั้ย แต่ก็ฉุกคิดได้ว่าปล่อยให้เรื่องที่ผ่านไปแล้วมันผ่านไปเลยจะดีกว่า คนข้าง ๆ จะได้ไม่ต้องมานั่งรื้อความหลัง

"เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน แล้วไหงเปลี่ยนจากสอนดนตรี มาเปิดร้านสักได้เนี่ย" แต่ไม่ทันไรเขาก็ดันถามคำถามที่คิดว่าจะเลิกถามไปแล้วขึ้นมาซะงั้น

"ก็เฮิท ๆ อยู่ช่วงนั่นแหละ ถึงกับงานการไม่ทำ จนต้องปิดร้านไป ช่วงหลังจากนั้นพอทำใจได้ก็เลยลองกลับมาหัดวาดรูปดู พอได้รู้จักงานสักก็เริ่มศึกษามาเรื่อยจนได้ทำจริง ๆ จัง ๆ ฟังดูชีวิตล่องลอยเนอะพี่เนี่ย ฮ่าๆๆ "

"ไม่หรอก เจ๋งดี ไม่เหมือนผม นอกจากงานเขียนแบบนี้ก็ไม่รู้จะทำอะไรหากินได้"

"เอาดีด้านนี้ไว้แหละดีแล้ว มันไปได้ไกล เผลอ ๆ สักวันอาจเป็นคนดังในวงการ ใครจะไปรู้ ยูน่ะเก่งอยู่แล้ว มีงานทำตั้งแต่ตัวเท่าเนี้ย" ยุทธยิ้มกว้าง พลางยื่นมือหนามาขยี้หัวของคนตัวเล็กอย่างเอ็นดู

ทั้งคู่เดินเล่นมาเรื่อยเปื่อยจากมหาลัย จนมาถึงย่านใจกลางเมือง ภายใต้สถานีรถไฟฟ้าที่รายล้อมไปด้วยห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ยูชวนยุทธไปเดินเล่นบนห้างฯ กันต่อ ยังพอมีเวลาอีกเยอะให้เดินเล่น ขากลับก็ขึ้นรถไฟ้ากลับได้เลย

"พี่ยุทธครับ" ยูพูดน้ำเสียงนิ่ง

"ว่าไง? "

"เอ่อ..ผมขอเบอร์ไว้หน่อยสิ เผื่อ..เดินคลาดกัน จะได้โทรหา" ยูพูดเขิน ๆ ทั้ง ๆ ที่เขาก็พกนามบัตรเอาไว้ตลอดอยู่แล้ว แต่ก็ยังอยากขอเองจากเจ้าตัว

"ฮะๆๆ ได้สิ เบอร์พี่ 085-xxx-xxxx" ยูรีบควักโทรศัพท์ขึ้นมากดเม็มเบอร์ยุทธเข้าไว้ในมือถือ พร้อมกับแอบใส่สัญลักษณ์หัวใจเล็กๆ ไว้ต่อท้ายชื่อที่เม็ม

"เม็มชื่อพี่ว่าคิดถึงก็ได้นะ เผื่อคิดถึงก็กดโทรมา อิอิ" ยุทธแซวคนที่กำลังขะเม้นกับการเม็มเบอร์ของเขาไว้ในมือถือ

"หึยยยย" ยูกดยิงเข้าที่เบอร์นั้นทีหนึ่ง เขาจะได้มีเบอร์ของกันและกันไว้ทั้งคู่

"พี่มีเบอร์ยูอยู่แล้ว ไม่ต้องยิงมาก็ได้"

"อ้าว ไปได้มาไง"

"ม่ายบอกหรอก อิอิ" ยุทธยื่นมือถือของเขาขึ้นมากดไปที่เบอร์ของยูที่เม็มไว้แล้วยื่นให้ดู ที่เบอร์ที่เม็มเอาไว้ว่า "คิดถึง"

...

เรื่อยมาจนถึงชั้นบนสุดของห้างฯ ที่เป็นเกมเซนเตอร์ขนาดใหญ่ มีตู้เกมมากมายจากทั่วโลก ทั้งเกมญี่ปุ่น เกมฝรั่ง ส่งเสียงกึกก้องไปทั่วบริเวณจากเครื่องเล่นเหล่านั้น ยูสอดธนบัตรสีแดงเข้าไปในตู้เพื่อแลกเหรียญโทเค็น สำหรับเล่นเกม จัดการกวาดเหรียญจากตะกร้าในตู้เข้ามือแล้วเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ พับไว้ในกระเป๋าหลังกางเกงอย่างเคยชิน

"เก็บเป๋าตังค์ไว้งี้ระวังหล่นหายนะ ไม่ก็อาจมีคนฉกไป พี่ว่าเก็บไว้ดี ๆ ดีกว่าไหม" ยุทธพูดอย่างเป็นห่วง

"ไม่ต้องห่วงหรอก กระเป๋ามันลึกน่ะ ผมทำงี้ประจำแหละ" ยูตบกางเกงปุ ๆ ทำท่ามั่นใจ ยุทธเลยได้แต่ยิ้มบาง ๆ ให้ด้วยความเอ็นดู ...เห็นทีเขาคงต้องคอยจับตาดูไว้ให้แล้วล่ะ

"แล้วนี่แลกมาเยอะเลย เล่นหมดรึ? " ยุทธถามเมื่อเห็ฯ จำนวนเหรียญที่แลกมา คงเล่นได้เกือบ ๆ ห้ารอบ

"แหะ ๆ มาทีไรมันอดไม่ได้ที่จะเล่นให้หมดทุกตู้เลย" ยูพูดนัยย์ตาเป็นประกาย เมื่อมองไปรอบๆ ที่เครื่องเล่นมากมายรายล้อมอยู่ ยุทธจึงหยิบธนบัตรอีกใบใส่เครื่องแลกเหรียญ แล้วส่งให้ยูอีก "อ่ะ ลุงแถมให้นะไอ้หนู" เขาพูดหยอกคนตรงหน้าที่ทำท่าเหมือนเด็กตัวน้อยก็ไม่ปาน

"ขอบคุณคร้าบบบ" ยูรับมาอย่างไม่ลังเล พร้อมกับยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เป็นเด็ก

เขามองไปรอบ ๆ สองสามทีเพื่อหาเครื่องเล่นเครื่องแรกที่จะเล่น "พี่ยุทธ ๆ เล่นอันนี้กัน" ยูชี้ไปที่เครื่องเล่นชิ้นหนึ่ง แล้วคว้ามือยุทธลากเข้าไปในเครื่องเล่น มันเป็นตู้เกมขนาดใหญ่ที่เล่นได้พร้อมกันสองคน ภายในเป็นห้องมืดกับจอภาพขนาดใหญ่และคันบังคับเป็นปืนสองกระบอก ที่ผู้เล่นต้องใช้ปืนยิงฝูงซอมบี้ในเกม และต้องใช้เท้าเดินบนลู่วิ่งที่พื้น เพื่อบังคับการเดินของตัวละคร ตู่เกมนี้ต้องใช้สองคนเล่น และมาราคาแพงพอตัว เลยไม่ค่อยจะมีใครเข้ามาเล่นนัก ขนาดยูเองที่มาบ่อย ๆ ยังนาน ๆ เล่นที

"พี่ไม่เคยเล่นนะ จะดีเหรอ" ยุทธถามด้วยความเกรงใจ พลางทำตัวเก้ ๆ กัง ๆ หยิบปืนมาพลิกซ้ายพลิกขวาดู

"ไม่ยาก ๆ ทำแบนี้" ยูจับมือยุทธไปวางไว้บนคันบังคับ แล้วอธิบายให้ฟังอย่างตั้งใจ ในตู้เกมนั้นมืดมาก ทำให้เขาไม่สังเกตุเลยว่า ยุทธเองก็ทั้งตัวเกร็ง ทั้งใจเต้นอย่างบอกไม่ถูก ถ้าไม่นับเวลาเมา เขาก็เป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งที่พูดน้อย แถมขี้อายนิด ๆ ด้วย



ยูควักโทรศัพท์มือถือออกมาจากกางเกงแล้ววางไว้บนคอนโซลตู้เกม เพราะจะไม่ถนัดเวลาโยกตัวเดินในเกม มือถือจะแกว่งไปมาตอนเดิน

"ยิงเลยๆๆ นั่นๆๆ ตรงซ้าย ๆๆๆ ขวาๆๆ " ยูตะโกนโหวกเหวกไปตามฉากในเกมอย่างเมามัน โยกซ้ายทีขวาที จนขาข้างหนึ่งถอยไปโดนขอบพื้นที่เป็นทางต่างระดับ

"ยู!! "

หมั่บ!

ยุทธที่ไหวตัวทัน รีบยื่นแขนกร่งทั้งสองข้างพุ่งเข้าโอบรัดเจ้าเด็กน้อยเข้าไปแนบชิดกับตัวเองอย่างว่องไว

ฟึ่บ!

ยูหลับตาปี๋ไม่รู้ตัว รับรู้ได้แต่ว่าตัวเองเซล้มลงไปเมื่อครู่ อ้อมแขนแกร่งคู่หนึ่งโอบจากด้านข้างเอาไว้ ใช้มือกอบกุมอยู่ที่ต้นคอ เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นโคโลนจ์บาง ๆ กับกลิ่นหอมเฉพาะตัวของคนตัวโต พอลืมตาขึ้นมาก็พบว่าทั้งร่างกำลังแนบชิดไปกับอีกฝ่ายเข้าซะแล้ว ที่มากกว่านั้คงจะเป็นใบหน้าที่แนบชิดกันจนแทบจะสัมผัสถึงริมฝีปากหนาที่คราไปด้วยหนวดเครารกครึ้มของอีกฝ่าย

!! GAME OVER!!

เสียงเอฟเฟคบรรยายดังลั่นจากตู้เกม ทำให้ทั้งคู่ได้สติ แล้วค่อย ๆ ผละตัวออกจากกันเบา ๆ โดยไม่พูดอะไรทั้งในใจกลับสั่นระรัว

"แหงะ เกมโอเวอร์แล้ว กะลังหนุกเลย" ไอ้เด็กติดเกมทำหน้าหงอย ๆ จนคนตัวโตได้แต่ยิ้มให้ด้วยความเอ็นดู

ทั้งสองจึงเดินออกมาจากตู้เกมนั้นเพื่อจะไปเล่นที่อื่นต่อ เขาเดินมาจนถึงโซนคีบตุ๊กตา ภายในตู้มีทั้งตุ๊กตาน่ารัก ๆ หุ่นยนตร์ตัวใหญ่ ไปจนถึงของแปลก ๆ ขำขันที่รอคอยให้มีคนมาคว้าไป

"เท่สาดดด" ยูพูดเมื่อสอบตากับกล่องใส่หุ่นฟิกเกอร์ประกอบกล่องใหญ่ใบหนึ่ง

"หืม อันไหนรึ? " ยุทธถามแล้วกวาดสายตามองด้วยความสนใจ

"โน่น ๆ อันโน้นนนแน่ะ ที่สีเขียว ๆ ม่วง ๆ " ยูชี้ไปที่กล่องสีเขียวม่วงตรงหน้า ด้านในเป็นหุ่นยนต์จากอนิเมะญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งที่เขาชอบมาก ๆ ทั้งการออกแบบ และเนื้อเรื่องที่ฉากจบเป็นที่ฮือฮากันไปทั่วโลก

"ลองคีบมั้ย เผื่อได้ คุ้มเลยนะ ท่าทางจะแพงมาก" ยุทธพูดพลางก้ม ๆ เงย ๆ มองดูของในตู้อย่างสนใจ

"ม่ายล่ะ เล่นจนหมดตัวก็ไม่ได้เลยมั้ง ตู้พวกนี้มันอมตังค์จะตาย ฝีมืออย่างเดียวไม่พอ ต้องลุ้นอีกว่าจะตกรอบแจคพอตที่คนออกแบบเค้าโปรแกรมเอาไว้รึเปล่า" ยูพูดแล้วเดินออกมาจากตู้นั้นอย่างเสียดาย พลางแอบมองกลับไปกลับมาสองสามที จนยุทธสังเกตเห็นท่าที ..เขาคงอยากได้มันเอามาก ๆ

"เล่นอันนู้นนกันเถอะ" ยูเลิกสนใจของในตู้ แล้วลากยุทธไปเล่นตรงนั้นตรงนี้อยู่นาน จนเหรียญในกระเป๋าหมดเกลี้ยง "อ้าวว หมดซะละ" เขาทำหน้าหงอยเมื่อมองดูกระเป๋า

"ฮ่าๆ ไอ้เด็กอ้วนเอ้ย" ยุทธยิ้มเยาะ ใช้มือหนาขยี้หัวคนที่ทำท่าเป็นเด็กเล่นสองสามที

"ครายอ้วน อย่ามาว่าอ้วนนะ ไม่อ้วนซักนิดเล้ยย" ยูแขม่วงท้องทำท่ายืดอกแบบนักกล้ามโชว์ให้ดู

"แล้วที่ย้วย ๆ นี่อารายย" เขาใช้มือจิ้ม ๆ ที่พุงคนตรงหน้าสองสามที จนคนที่แขม่วพุงเอาไว้กลั้นไม่อยู่

"ฮุ่ยย จั้กจี้อะ อย่าจิ้มสิ โอ๊ยๆๆๆ " ยูร้องบ้าจี้อย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะโดนอีกฝ่ายกระหน่ำจี้เล่นไปตามพุง ตามรอบเอว เขาเป็นคนที่บ้าจี้เอามาก ๆ แค่โดนลูบ ๆ นิดหน่อยก็ร้องลั่นไปนานเลย

"หิวอะ หาไรกินมั้ย? " พอตั้งสติได้ไอ้เด็กอ้วนก็ร้องหิวขึ้นมาเลย

"เอาสิ กินไรดี"

"อยากกินอาหารญี่ปุ่น ไม่ก็พวกข้าว ๆ อะไรทำนองเนี้ย พี่ยุทธล่ะ? "

"พี่กินได้หมด เอาที่ยูอยากกินอะคับ"

"เย้ งั้นกินร้านนี้กัน" เขาเดินจูงมือยุทธไปที่ร้านอาหารญี่ปุ่นที่อยู่ชั้นล่างจากชั้นโซนตู้เกม วันนี้ลูกค้าไม่เยอะเลยไม่ต้องต่อคิว ไปเดินไปถึงหน้าร้านก็เข้าไปจับจองที่นั่งได้เลย ยูพลิกดูเมนูนานสองนาน เลือกไม่ถูกว่าจะทานอะไรดี พลิกไปหน้าไหนก็ดูน่าทานไปหมดทุกเมนู

"รับอะไรดีคะ ^ ^" พนักงานสาวสวย ยืนส่งยิ้มอยู่ที่หน้าโต๊ะ



"ข้าวหน้าเนื้อที่นึงครับ เครื่องดื่มรับเป็นชาเขียวเย็น" ยูพูด

"เอาเหมือนกันครับ แล้วก็เอาทาโกะยากิใส่หมึกจานนึงด้วยนะครับ" ยุทธพูดเสริม พนักงานสาวที่กำลังจดรายการอาหารหยุดคิดครู่หนึ่ง แล้วพูดพร้อมกับรอยยิ้มว่า "คุณลูกค้าคะ พอดีตอนนี้ทางโปรโมชัน ทาโกะฟินวินเทอร์เลิฟ สำหรับคุณลูกค้าที่มาเป็นคู่ สำหรับชุดของทานเล่น ถ้ารับเป็นทาโกะสองชุดเลย จะได้รับเครื่องดื่มรีฟิล2แก้ว ไม่ทราบว่าจะรับไปด้วยเลยมั้ยคะ? "

"อะ..เอ่อ.." ยูพูดกุกกักเพราะเขินเมื่อฟังรายละเอียดโปรโมชันนั้น เขาแอบลังเลเพราะอยากทานทาโกะด้วยเหมือนกัน แต่ก็แอบเกรงใจคนตรงข้าม

"รับครับ ^^" ยุทธพูดตอบพนักงานสาวอย่างไม่ลังเล "ได้เลยค่า" พนักงานจดแล้วทวนรายการอาหารอย่างคล่องแคล่วจากนั้นจึงกลับไปที่ห้องอาหาร

"เป็นไรอะเรา หิวจนแก้มแดงเลยรึ" ยุทธแกล้งพูดหยอก เขารู้ดีว่าที่แก้มแดงนั่นไม่ใช่เพราะหิวหรอก

"บ้า ไม่ได้หิวอะไรขนาดน้านน"

ใช้เวลาไม่ถึงสิบห้านาที พนักงานสาวคนเดิมก็เดินเสิร์ฟอาหารมาให้แต่ไกล "ขอโทษที่ให้รอนะคะ อาหารได้แล้วค่ะ ข้าวหน้าเนื้อสองที่ ทาโกะไส้หมึกสองจาน กับชาเขียวเย็น ขอให้อร่อยนะคะ" พนักงานสาวส่งยิ้มบางให้แล้วเดินจากไป

"พี่ยุทธ ชอบกินทาโกะหรอ" ยูเอ่ยปากถามเมื่อเห็นยุทธจิ้มทาโกะเข้าปากเป็นคำแรก ก่อนเมนูหลักด้วยซ้ำ

"ของโปรดเลยล่ะ ให้กินทั้งวันเลยยังได้"

"เห...มีมุมแบบเด็ก ๆ กับเขาด้วยรึเนี่ย คิดไม่ถึงเลย" ยุทธไม่พูดตอบอะไร ได้แต่ยิ้มแล้วทานทาโกะอย่างเอร็ดอร่อย ไม่รู้ว่าทำเนียนแก้ขัดหรืออร่อยจริง ๆ เพราะเห็นกินเอา ๆ ไม่พูดไม่จา "น่ารักชะมัด" ยูได้แต่นึกในใจ

บทสนทนาครามื้ออาหารนั้นผ่านไปอย่างเนิ่นนาน นี่น่าจะเป็นครั้งแรกเลยที่ทั้งสองได้พูดคุยกันนานขนาดนี้ ไม่นานอาหารตรงหน้าก็เกลี้ยงจาน

"อ่ะ ยูทานเลย" ยุทธคีบทาโกะลูกสุดท้ายให้กับยู จนเขาต้องมอง

"ให้ผมจะดีเหรอ ของโปรดพี่นี่นา"



"ก็เพราะชอบมากไง เลยอยากให้ยูทาน..อ่ะอย่าคิดมาก อ้าาก" เขาคีบทาโกะลูกนั้นเข้าปากอีกคนอย่างไม่รีรอ "ดีมาก เด็กดีๆ อิอิ" ฝ่ายคนคีบอาหารให้ยิ้มร่าอยู่คนเดียว จนยูเขินแก้มแดงไปถึงใบหู เขามองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นว่าคนอื่น ๆ ในร้านจะสนใจอะไร หาแต่รู้ไม่ว่า พนักงานสาวคนนั้นแอบยืนยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่คนเดียวมานานสองนาน

"คิดเงินด้วยครับ" ยูโบกมือเรียกพนักงาน

"ทั้งหมด 495 บาทค่ะ มีบัตรสมาชิกมั้ยคะ? "

"ไม่มีครับ อ่ะนี่..ไม่ต้องทอนนะ" ยุทธยื่นธนบัตรสีม่วงหนึ่งใบให้พนักงาน

"นี่ของผมครับ" ยูรีบควักธนบัตรอีกใบส่งให้ยุทธ "ไม่ต้อง พี่เลี้ยงนะ" ยุทธปฏิเสธ

"เฮ้ย ไม่ได้ดิ มื้อนี้ผมเป็นคนชวนนะ" ยูคะยั้นคอยอส่งเงินให้อีกฝ่าย

"เอาน่ะ ไว้มือหน้ายูค่อยเลี้ยงพี่" ยุทธทำหน้าจริงจัง พลางจะบอกว่าเขาจริงจัง แล้วส่งยิ้มให้ตบท้าย

มื้อหน้า...แสดงว่าต้องได้กลับมาทานด้วยกันอีก "...ดีใจจัง" ยูคิดในใจพลางแอบยิ้มบางๆ

"ป่ะ กลับกันเถอะ" ยุทธพูดแล้วพละตัวขึ้นจากที่นั่ง "ค้าบบ" ไอ้เด็กอ้วนลุกตามมาหลังไว ๆ พลางดูนาฬิกาบนข้อมือ

"เสียดายจัง แปปเดียวค่ำละ"

"อื้อ ไว้มากันใหม่เนอะ"

"แล้วนี่กลับพร้อมกันเลยมั้ย ผมจะนั่งบีทีเอสกลับหอเลย"

"อะ...เอ่อออ.....เดี๋ยวพี่ไปอีกสาย ต้องกลับไปร้านแปปนึงอะ เสร็จละเดี๋ยวตามไป ถึงละจะโทรบอก.." ยูเว้นช่วงประโยคไว้แว่บหนึ่ง

"...เผื่อแวะไปเล่นที่ห้อง" ประโยคหลังทำเอาไอ้เด็กอ้วนคิดหน้าคิดหลังไปไกล

...

ยุทธโบกมือลา ให้ยูที่แตะบัตรแล้วขึ้นไปบนชานชาลารอรถ เขาเดินขึ้นมาก็เห็ฯ ว่าประตูรถเปิดรอแล้วจึงรีบวิ่งเข้าไปทันที ประตูรถไฟฟ้าปิดลงอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางผู้คนแน่นขนัด เพราะเป็นช่วไพรม์ไทม์ เขายืนเกาะราวจับบนขบวนรถแล้วนั่งคิดนั่นนี่เรื่อยเปื่อย

"ต้องรีบกลับไปห้อง ใช้คอมสมัครสอบนี่กว่า..เอจำได้ราง ๆ ว่าทุ่มหรือสองทุ่มนี่นะ จะปิดระบบรับสมัคร" เขายกนาฬิกาขึ้นมาดู หน้าปัดบอกเวลา เกือบ ๆ จะ1ทุ่มตรง แล้วก็เหงื่อแตกพลั่ก "โทรไปถามนุ้ยให้แน่ใจดีกว่า" เขาคว้านหาโทรสัพท์ในกระเป๋ากางเกงแต่ก็ไม่เจอ วินาทีนี้เขาเริ่มลนลานทำอะไรไม่ถูก ควานหาโทรศัพท์ไปทั่วตัว คุ้ยหาในกระเป๋าเป้แล้วก็ยังไม่มี

"ฉิบหายละ ไปลืมเอาไว้ที่ไหนวะเนี่ย" เขาหลับตาพยายามตั้งสติแล้วทบทวนว่าครั้งล่าสุดที่หยิบมือถือคือตอนไหน

"ตอนเดินจากมหาลัยก็เหมือนจะมีอยู่ พอมาถึงห้างก็ยกมาเม็มเบอร์พี่ยุทธ..."

"ไปเดินเล่น ถึงเกมโซน เข้าตู้เล่นเกมยิงผี แล้วก็...." เขานึกภาพตอนอยู่นตู้เกม นึกได้ว่าควักมือถือออกมาวางไว้บนคอนโซลตู้เกม พอเสร็จแล้วก็เดินออกมาเลย เพราะมัวตกใจกับตอนที่ล้มเซใส่ยุทธ



"โอ๊ยยยยย ตอนนั้นนั่นเอง" เขาร้องในใจ เอามือกุมหัว หงุดหงิดในความสะเพร่าของตน

"สยาม ประตูรถจะเปิดออกทางด้านขวา doors will ope........"

เมื่อสิ้นเสียงประกาศจากรถไฟฟ้า เขารีบแหวกตัวออกมาจากประตูแล้วสวนทางเพื่อย้อนกลับไปที่ห้างฯ อย่างเร่งรืบ

"อย่าหายนะๆๆๆ ขอร้องล่ะ ถ้าหาเจอ ลูกสาบานเลย ใครมาขอให้ทำอะไรก็จะยอม สาาาาาาาธุ" ยูพูดเลิ่กล่ก สวดภาวนาในใจเป็นคนบ้า พลางวิ่งจ้ำอ้าวเข้าไป ตอนนี้เขาไม่ได้คิดเรื่องสมัครสอบแล้ว ในหัวมีแต่เรื่องมือถือซะมากกว่า เขาวิ่งมาถึงหน้าตู้เกม แล้วก็รีบพรวดเข้าไปทันที โชคดีที่ไม่มีคนในตู้เกม



..

"โฮฮฮฮฮ ขอบคุณสวรรค์ ฮือออออออออออออ" วินาทีนั้นเขารู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก ความกังวลในใจมันหลุดโพล่งออกไปจนหมด

"เก็บเป๋าตังค์ไว้งี้ระวังหล่นหายนะ ไม่ก็อาจมีคนฉกไป พี่ว่าเก็บไว้ดี ๆ ดีกว่าไหม"

เสียงพูดเตือนของยุทธในตอนนั้นดังก้องในหัว ทำให้เขาต้องกุมมือถือเอาไว้แน่น จัดการเก็บใส่กระเป๋าเอาไว้อย่างดี แล้วเดินออกมาจากตู้เกมกระทั่งได้ยินเสียงพูดของคนสองคนที่คุ้นเคยดังมาจากอีกฟากของตู้เกม



.

.

"ยุทธ มึงจะเอางี้จริง ๆ เหรอวะ? "

"กูตัดสินใจแล้ว มึงไม่เกี่ยว"

เสียงของชายสองคนที่เขาคุ้นเคยดี ยิ่งเมื่อมองลอดไปก็ยิ่งชัดเจนว่าคือยักษ์ และยุทธที่กำลังยืนคุยกันอยู่หน้าตู้คีบตุ๊กตานั่นที่เขาเคยเดินผ่าน ทั้งคู่ดูท่าทางซีเรียส ยูเลยได้แต่แอบฟังอยู่ไกล ๆ "พี่ยุทธบอกจะกลับไปที่ร้านนี่นา แล้วไหงมาอยู่ที่นี่ได้" เขาได้แต่นึกในใจ

"แล้วเรื่องนั้น ที่มึงกับกูทำเอาไว้ " ยูสะดุ้งเฮือก เมื่อได้ยินประโยคที่พูดนั้น ไม่รู้ทำไม แต่เขารู้สึกว่าตัวเองคือบุคคลในบทสนทนานั้น



"มึงไม่ต้องมาพูดดี มึงเองก็เหมือนกับกูไม่ใช่เหรอวะ" ยุทธพูดสวนกลับ

"กูไม่ได้คิดอะไรจริงจัง ไม่เหมือนมึง.."

"ไอ้สัตว์!! มึงนี่มัน"

"ถ้าเกิดเค้ารู้ความจริง มึงไม่คิดเหรอว่าเค้าจะทำใจไม่ได้"

"เออ! แล้วมึงให้กูทำไง กูพยายามแล้ว พยายามมานาน แต่สุดท้ายเค้าก็จำอะไรไม่ได้อยู่ดี แล้วมึงจะให้กูทำไง"

"ตัดใจเหอะยุทธ ตอนนี้ยังทันนะ" ยักษ์ใช้ฝ่ามือกดที่บ่าไหล่ของยูเพื่อขอให้เขาล้มเลิกสิ่งที่ทำอยู่ แต่ก็ต้องถูกอีกฝ่ายปัดมืออกพร้อมด้วยโทษะที่กำลังเดือดดาล "ไม่!! "

"งั้นกูจะเป็นคนบอกความจริงกับน้องเอง" ยักษ์ทำท่าจะเดินออกมาจากตรงนั้น แต่ถูกยูใช้แขนคว้าเอาไว้

"มึงหยุดความคิดนั่นของมึงเลยนะ ไม่ต้องมาเสือกเรื่องของกู" ยุทธคว้าคอปกเสื้อของยักษ์เอาไว้ มืออีกข้างง้างหมัดแน่น

"มึงเองก็ทำเหมือนกูไม่ใช่เหรอวะ กูรู้นะ ที่ร้านคืนนั้นน่ะ..."

"กู.."

"ไอ้สัตว์เอ้ย มึงกับกูแม่งก็พอ ๆ กันล่ะวะ"

"กู..ขอโทษ"

"เรื่องทั้งหมดแม่งก็เป็นเพราะมึง ถ้ามึงไม่ทำเรื่องเหี้ย ๆ แบบนั้น วันนั้นกูกับยูก็คงไม่ต้องมาเป็นแบบนี้"

ยูหัวใจสั่นกึกก้อง เมื่อได้ยินชื่อของตัวเองในประโยคสนทนา เขามั่นใจแล้วว่าที่ทั่งคู่กำลังพูดนั้น หมายถึงตัวเขาอย่างแน่นอน

"แต่มึงเองก็...

"มึงอย่า...กูไม่เคย ไม่เคยแม้แต่คิดจะกลับไปเอากับมึง ทั้งหมดนั่นเกิดจากแผนชั่วของมึง แล้วมาโทษกู" ... ยักษ์นิ่งไป น้ำตาเริ่มคลอเบ้า แต่ยังแข็งจไม่ปล่อยมันออกมา

"เออ กูผิด ผิดเอง ผิดที่ยังรักมึง กูอิจฉามึง เวลาที่มึงมีความสุขกับคนอื่นที่ไม่ใช่กู แต่แล้วไง ถ้ามึงทำแบบนี้ต่อไป ซักวันเขาต้องรู้ความจริง แล้วคนที่เจ็บ ก็จะไม่ได้มีแค่มึง.."

"กู.." ยุทธนิ่งไปครู่ เมื่อฉุกคิดได้ว่า ผลสุดท้าย คนที่จะเจ็บที่สุด อาจไม่ใช่ตัวเขา แต่เป็นคนที่เขารักต่างหาก

"กูะไร มึง... มึงไม่กล้า ไม่กล้าบอกความจริง ว่าเราทั้งคู่คือต้นเหตุ ที่ทำให้ยูโดนรถชน จนจำห่าอะไรไม่ได้งั้นเหรอ"



...

"พี่ยุทธ..." ยูเดินออกมาจากจุดที่ซ่อนตัวอยู่ เมื่อเขารู้สึกทนไม่ได้แล้วที่ต้องคอยแอบฟังอยู่แบบนี้

"ยู..." ยักษ์ยืนตะลึง เมื่อมองมาเห็นยูที่ด้านหลังของยุทธ แล้วยุทธก็ต้องหันหลังกลับไปมองเช่นเดียวกัน "ยู....!! "

"มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ผม...ไม่เข้าใจ" ยูยืนขาสั่นอยู่ เขาทำตัวไม่ถูก ในสมองมันสับสนไปหมด เรื่องราวต่างๆ ก่อนหน้านี้ เหตุการณ์ประหลาด ๆ ที่เขาได้พบ มันเร่มพรั่งพรูเข้ามา พยายามที่จะปะติดปะต่อเรื่องราว

"ยู ฟังพี่นะ" ยุทธเอื้อมมือมาแตะที่แขนของเขาที่ยืนตัวสั่นเทา "อย่า!! " ยูเดินจ้ำออกมาจากตรงนั้นอย่างไร้สติ ในหัวมันคิดแค่ว่าอยากจะออกไปจากตรงนี้ให้ได้ซะก่อน "ยู...เดี๋ยว! รอพีก่อน" ยุทธวิ่งไล่หลังตามยูที่เดินผละออกไปจากช้าๆ เป็นเร็วขึ้น และเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จนเริ่มทิ้งระยะห่างจากกัน

"ยูหยุดนะ อย่าเดินไปตรงนั้น....อันตราย!!!! "



..



..

" ปรี้ดดดดดดดดดดดดดดดด "

เสียงแตร จากยานยนต์คันโต ดังลั่นบริเวณนั้น ตามด้วยเสียงเสียดสีของล้อยางกับพื้นถนนจนเป็นรอยดำตามทาง



..

“ เอาจริงๆ เวลามาทีไรก็ทำให้พี่นึกถึงคนคนหนึ่งเสมอเลยนะ”

“เรื่องมันเริ่มขึ้นเมื่อ3ปีก่อน”

“พี่ไปเจอเด็กถาปัตย์คนนึงเข้า น่ารักดี”

“วันนึงไอ้ยุทธมันคบกับแฟนใหม่ที่มันรักมาก”

“..ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้ง อย่างเป็นทางการนะ”

“ ก็คบกันได้เกือบปี...ก็มีเรื่องนึงขึ้น ”

“เลยพลั้งมือทำบางสิ่งลงไป”

“เรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวกับตัวพี่และยุทธหายไปจากความทรงจำของเขาคนนั้นตลอดกาล “

“เลยเลิกกันไปสักพักใหญ่ละ”

ประโยคต่าง ๆ ที่ยูเคยได้ยิน มันดังระงมขึ้นมาในหัว และปะติดปะต่อเรื่องราวเข้าด้วยกันจนสมบูรณ์ สิ่งต่าง ๆ ที่เขาพบ ได้ยิน หรือฝันไป มันเคยเกิดขึ้นจริง ๆ กับตัวเขาในอดีต และทั้งหมดเกี่ยวข้องกับคนสองคน ที่เขาเพิ่งรู้จัก...หรือจะพูดจริง ๆ คือ คนที่รู้จักกันมาก่อน

ตูมมมมมม!!



เสียงปะทะกันระหว่างรถเหล็กคันโต กับร่างของชายหนุ่ม ดังลั่นท่ามกลางเสียงกรีดร้องจากผู้คนที่อยู่รอบข้าง

สิ้นเสียงสุดท้ายนั้น ยูสัมผัสได้ถึงร่างกายที่ลอยอยู่กลางอากาศ จนกระทั่งกระทบลงไปบนพื้นแข็ง เขาไม่รู้สึกเจ็บปวดใด ๆ คงเป็นเพราะร่างกายนั้นชาไปแล้วทั่วตัว เพื่อปกป้องตัวเองจากความสาหัส เขามองเห็นแสงสว่างวางเพียงชั่วครู่ ก่อนจะค่อยมืดดับลงไปจนสนิท

"อา...เป็นแบบนี้อีกแล้วสินะ"

"แบบนี้ก็..กลับไปสมัครสอบ....ไม่ทัน ...อีกแล้วสิ" ยูพูดกับตัวเองในใจด้วยสติที่หลงเหลืออยู่ในห้วงลึกของจิตใจ ตามด้วยเสียงของใครอีกคนก่อนที่เขาจะหมดสติไป



.



.



.



"ยู...ฮึก.......พี่ขอโทษ"

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่วัยสามสิบ ใบหน้าคมเข้ม เต็มไปด้วยหนวดเครารุงรัง กำลังนั่งคร่อมร่างของชายอีกคนที่ดูเด็กกว่า ใบหน้าของชายหนุ่มกำลังเอ่อล้นไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ เขาทั้งตะโกนทั้งร้องไห้ออกมาใส่คนตรงหน้าที่นอนแน่นิ่งอยู่บนถนน ท่ามกลางผู้คนพลุกพล่านที่เดินสวนไปมาบนใจกลางเมือง บ้างก็ยืนมุงดู บ้างก็เดินหน้าต่อไปอย่างไม่สนใจ

"ให้แลกด้วยอะไรพี่ก็ยอม ขอร้อง ...อย่าจากพี่ไปอีกเลยนะ"

ชายหนุ่มยังคงพูดพร่ำ ใช้สองแขนแกร่ง ประคองร่างที่นิ่งสนิทของอีกฝ่ายไว้ในอ้อมกอด ทั้งเนื้อตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยของเหลวสีดำที่ไหลอาบเต็มพื้น

"ใคร..กันนะ"

เสียงความนึกคิดจากร่างที่นอนแน่นิ่งนั้น ดังก้องขึ้นมาในหัวของเจ้าตัว เขาพยายามมองดูภาพตรงหน้าที่พร่ามัวไปหมดจนทำให้แยกไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้น หรือแม้กระทั่งคนตรงหน้าของเขา ที่เขาเองก็มองไม่ออกว่าคือใคร

"เมื่อกี้นี้... ตอนที่.. เดินออกมา มีแสงไฟ กับ...เสียงดังโครม"



เขา..พยายามนึกย้อนไปถึงภาพเหตุการณ์ล่าสุดที่เขาจำได้

"อา...นี่เรา ตายแล้วงั้นหรือ"

"แย่จังนะ จะตาย..ทั้งที่ยังซิงอยู่งั้นเหรอ ...แย่ชะมัด"

"ช่างมันเถอะ.."

ชายหนุ่มถอนหายใจพลางหลับตานิ่งสนิทลงก่อนที่ทุกอย่างจะค่อยๆ เลือนหายไป

"ยู..ตื่นเถอะ"



.



.



.




ออฟไลน์ octobearx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตอนที่6 บนถนนสีเทากับเราสองคน

ยูรู้สึกตัวขึ้นจากการหลับฝัน ค่อยลืมตาตื่นช้า ๆ เพื่อปรับแสงให้เข้ากับสภาพภายในห้อง ที่เป็นสีขาวสะอาดดูแปลกตา ในวินาทีนั้นเขารับรู้ได้ถึงร่างกายที่หนักอึ้ง และไร้เรี่ยวแรง จะทำได้ก็เพียงกระดิกมือเท้าเบา ๆ พอให้รับรู้ว่าเส้นประสาทยังทำงานตามปกติ เขามองไปรอบ ๆ รู้สึกไม่คุ้นเคย ที่นี่ไม่ใช่ที่ห้องของเขาอย่างแน่นอน ผนังสีขาวดูสะอาดตา กับหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่มองออกไปเห็นวิวของสวนกว้างสีเขียวสดภายนอกดูสบายตา บรรยากาศในห้องเย็นสบายกำลังดีจากเครื่องปรับอากาศตัวใหญ่บนผนัง เขาเหลือบไปเห็นผู้ชายตัวโตคนหนึ่งที่กำลังนอนฟุบอยู่ที่โซฟาข้างเตียง

"เกิดอะไรขึ้น ทำไมมาอยู่..โรงพยาบาล" เขาพูดกับตัวเอง นึกถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ก่อนหน้านี้แล้วก็รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นที่สมอง จนต้องหลับตาปี๋ พยายามผ่อนคลายตัวเองให้หายจากอาการเมื่อครู่ ไม่ทันได้ลืมตา ก็มีฝ่ามือหนาก็เข้ามาประกบที่หน้าผากของเขาซะแล้ว "ตัวร้อนอีกแล้วนี่" เสี่ยงทุ้มต่ำของชายคนนั้นพูดขึ้น เจ้าของเสียนั้น ใช้มือคลำอยู่สองสามที แล้วเปลี่ยนมาบีบนวดเบา ๆ ตามต้นแขน แล้วจึงลุกออกไป ยูที่ค่อย ๆ แอบลืมตาขึ้นมองไปตามเจ้าตัวเห็นเขากำลังเข้าไปทำอะไรบางอย่างอยุ่ในห้องน้ำ ไม่นานก็ออกมาพร้อมถังใบเล็กที่ใส่น้ำพอค่อนถัง เขารีบหลับตาปี๋ ทำเนียนว่ายังไม่ได้สติ

"เดี๋ยวเช็ดตัวให้นะ จะได้สบายตัว" เสียงทุ้มต่ำของยุทธพูดขึ้น พลางบิดน้ำออกจากผ้าขนหนูผืนเล็กให้หมาด แล้วลูบไล้ไปตามฝ่ามือ ไล่ขึ้นมาถึงบ่าไหล่ของคนที่นอนอยู่ เขาเปลี่ยนไปลูบตามจุดต่าง ๆ ทั่วร่างกายที่อยู่นอกเหนือเสื้อผ้าตัวบางที่เจ้าของร่างสวมอยู่จนครบ เขาจุ่มผ้าขนหนูลงในถังน้ำอีกรอบ บิดไปหมาดอีกทีแล้ววางพาดไว้บนขอบถัง ยูถอนหายใจโล่งคิดว่าคงจะพอแค่นี้ แต่ก็ไม่ใช่ตามที่เขาคิดไว้ มือหนาทั้งสองข้างนั้นกลับเคลื่อนมาปลดปมเชือกที่ปีกเสื้อของเขาออกทีละจุด แล้วค่อยพยุงตัวเพื่อถอดเสื้อออกให้เขาอยู่ในสภาพเปลือยครึ่งท่อน เขาคว้าไปหยิบผ้าผืนนั้นมาอีกครั้ง ลูบไล้ไปตามส่วนของร่างกายที่เปิดเผยอยู่ แล้วเช็ดวน ๆ จากยอดอก ลงมาอยู่ที่ตรงท้องน้อย เจ้าของร่างสะดุ้งเฮือกด้วยความเกร็งจนอดไม่อยู่ ยิ่งไปกว่านั้นคงจะเป็นส่วนกลางของร่างกาย ที่ซื่อตรงซะยิ่งกว่าอะไร มันลุกขึ้นชูชันทักทายคนข้างบนได้อย่างหน้าไม่อาย

"ตื่นมาทักทายพี่แต่เช้าอีกแล้วนะ อิอิ" ฝ่ายที่นั่งพิจารณาตรงส่วนนั้นอยู่พูดอมยิ้ม แล้วใช้มือล้วงไปที่ขอบกางเกงตัวบางแล้วจัดการดึงรั้นมันลงมา...ใช่แล้วเขายังมีอีกหลายส่วนที่ยังไม่ได้เช็ดทำความสะอาดให้เรียบร้อย

หมั่บ!!

ฝ่ามือของเจ้าของร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่ คว้าหมับเข้า เพื่อรั้งไว้ไม่ให้ไอ้มือจอมซนนี่รุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวของเขาไปได้อีก

"พี่เช็ดให้ครับ เดี๋ยวตัวเหม็นนะ" เสียงทุ้มพูดหยอกด้วยความเอ็นดูปนแกล้งล้อ เขาพูดไปโดยไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูกอีกฝ่ายใช้มือคว้าเอาไว้จริง ๆ

"ยะ..อย่า" เจ้าของร่างพูดเสียงสั่นเครือ ซึ่งเป็นผลจากการที่เขาไม่ได้พูดออกเสียงมานานจนเส้นเสียงชักเริ่มจะตึงไปหมด

"โธ่ ไม่ต้องอายน่า พี่ทำให้ยูมาหลายวันแล้วครับ" เสียงทุ้มต่ำพูดพลางไม่สนใจ ดึงดันจะฉุดรั้งส่วนนั้นออกมาให้ได้ "ยอมให้พี่เช็ดตัวซะนะคนดี....อะ..เอ๊ะ?! "

"เฮ้ย ยู! ...ฟะ........ฟื้นแล้วเหรอครับ" ยุทธก้มตัวลงมากอดอีกฝ่ายเอาไว้แน่น "ฮือออ พี่นึกว่ายูจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกซะแล้ว ยู...." ไอ้ตัวโตร้องลั่นน้ำตาคลอเบ้าไม่สนความดิบเถื่อนบนหน้าเอาซะเลย

"......." ถึงกระนั้นก็ยังไร้ซึ่งเสียงตอบรับใด ๆ จากคนที่เพิ่งฟื้นตัว

"ยูหลับไปตั้งสามอาทิตย์เลยนะครับ รู้มั้ย" เขาพูดน้ำเสียงสั้นเครือไม่หยุด พลางโอบกอดให้แน่นขึ้นไปกว่าเดิม

"สะ..สาม แค่ค ๆ ๆ " เขาพูดไป สำลักไปจึงค่อยกลืนน้ำลายทีหนึ่งแล้วพูดต่อ "สาม อาทิตย์?! "

"อื้อ สามอาทิตย์ครับ ยูเป็นไงบ้าง มียังรู้สึกเจ็บหรือแปลก ๆ ตรงไหนบ้างมั้ย" ไอ้ตัวโตทำหน้าไม่ถูกทั้งดีใจ ทั้งตกใจในคราเดียวกัน เขาสำรวจไปมาตามร่างกายของคนรัก

"......."

"พูดอะไรหน่อยสิครับ.." เขาขอร้อง แต่อีกฝ่ายกลับเบือนหน้าหนีแล้วหลับตานิ่งไม่สนใจ

"ยังโกรธพี่อยู่ สินะ.....พี่ขอโทษครับ ...ยู" คนตัวโตทำหน้าหงอย ล้มฟุบลงข้างเตียง เขาทำได้แต่เพียงใช้มือกร้านนั้นกุมมืออีกฝ่ายเอาไว้แน่น ภาวนาให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม ยูที่รู้สึกได้ถึงมือของเขาที่เปียกชุ่มด้วยของเหลวใสร้อนผ่าวที่ไหลอาบแก้ม "พี่ยุทธ....กำลังร้องไห้" เขานึกในใจ

"ถ้ายู....ฮึก..ยังไม่อยากคุยกับพี่ตอนนี้ก็ไม่เป็นไร ไว้เดี๋ยวหายดีเราค่อยมาเริ่มกันใหม่นะ"

"พี่สัญญาครับ พี่จะดูแลเราเอง พี่จะไม่มีวันทำอะไรผิดพลาดอีกแล้ว ....นะครับยู" ไอ้คนตัวโตพูดพร่ำเพ้อ เขาไม่รู้ว่าอีกคนจะได้ฟังที่พูดมั้ยแต่ก็จะพูดออกไปให้ได้ ส่วนยูนั้น เขารับรู้ และได้ยินทุกอย่างทุกคำพูด มันรู้สึกเจ็บ เจ็บในใจ เขาไม่ได้อยากให้อีกฝ่ายเสียใจ แต่มันแค่ยังทำใจให้กับเรื่องทั้งหมดได้ในเวลาเดียวกัน

...

หลังจากวันนั้นสัปดาห์ ร่างกายของยูก็หายดีเป็นปกติ ตอนนี้เขามีสติรับรู้ทุกอย่างทั้งปัจจุบัน และอดีต รวมถึงร่างกายที่พร้อมจะกลับไปใช้ชีวิตด้วยตัวคนเดียวได้อีกครั้ง เขาเองก็รู้สึกแปลก ๆ กับความทรงจำใหม่ที่ได้รับมา มันไม่ใช่อะไรใหม่ แต่เป็นสิ่งเก่า ๆ ที่เพิ่งกลับมาได้ใหม่ เท่านั้นเอง

วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วสำหรับการพักฟื้น ช่วงบ่ายหลังจากเคลียเอกสารและรับยาเสร็จ เขาก็พร้อมจะกลับบ้านได้เลย ช่วงเวลาที่เขาได้สติที่โรงพยาบาล ยุทธเป็นคนที่มาคอยเฝ้าไข้ของเขาอยู่เกือบทุกวัน จะมีบ้างเท่านั้นที่เปลี่ยนเป็นนุ้ย เพื่อนคนสนิทมาทำหน้าที่แทนเพราะยุทธต้องจัดการเรื่องงานสำคัญ ๆ

ทุกช่วงเวลาที่มีในโรงพยาบาลยุทธคอยเอาใจใส่เขาอย่างดีในทุกเรื่อง แต่กระนั้นเองไอ้คนปากแข็งก็นิ่งเงียบไม่ยอมปริปากพูดอะไรกับเขาสักคำ มีช่วงหนึ่งที่ยักษ์เข้ามาเยี่ยมไข้ ในตอนนั้นเองเขาได้มาขอโทษกับทุกเรื่องที่เคยทำลงไป และเล่าความจริงทั้งหมดที่เหลือให้ยูฟังตามลำพัง ทำให้ยูเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดจากทุกด้าน และพบว่ายุทธไม่ใช่คนผิดอะไรเลย คนที่เป็นต้นเหตุทั้งหมดคือยักษ์ที่ก่อเรื่อง ซึ่งยักษ์ก็ขอโทษ และขอเพียงอย่างเดียวคือขอให้ยูเข้าใจและให้อภัยยุทธแล้วเริ่มต้นกันใหม่

ยูยังไม่รับปากอะไรกับเรื่องนั้น เขาเพียงแต่บอกให้อภัยยักษ์ และพร้อมที่จะกลับไปเป็นพี่ชายน้องชายที่ดีต่อกันดังเดิม ส่วนยุทธนั้นเขาขอเวลาตัดสินใจอีกสักครั้ง เป็นครั้งสุดท้ายเพื่อพิสูจน์ความรักทั้งจากที่เขามีให้กับยุทธ และจากยุทธที่จะมีให้ได้กับตัวเอง หากว่ามันลงเอยด้วยดี เขาจะไม่มีวันปล่อยมือไปได้อีก

"ยู กลับถึงบ้านแล้วพี่โทรหา ได้มั้ย" ยุทธส่งกระเป๋าเป้ใบสุดท้ายที่ถือเอาไว้อยู่ให้กับยู แล้วเอ่อยปากถาม

"อย่าเลยครับ ผมยังไม่พร้อมจะคุยอะไรตอนนี้" อีกฝ่ายทำสีหน้าเฉยชาพูดตอบ

"อื้อ ได้ครับ พี่จะให้เวลายูครับ พี่จะรอ ไม่ว่าจะนานแค่ไหน" เขาตอบพร้อมรอยยิ้มที่จริงใจ เขาไม่ได้เสียใจเลยที่ถูกปฏิเสธ แต่แค่อีกฝ่ายยอมพูดด้วย แค่นี้ก็ถือว่าก้าวหน้าไปบ้างแล้ว

"ครับ" ยูตอบเสียงห้วนพลางนึกในใจ "จะคอยดู ว่าจะรอได้นานแค่ไหนกันเชียว หุหุ"

"เดี๋ยวหนูรับช่วงต่อเองค่ะพี่ ไปทำงานต่อเถอะ" นุ้ยพูดส่งยุทธ ที่กำลังจะกลับไปที่ร้าน เพราะติดลูกค้าสำคัญพอดี ต้องรีบกลับไปทำงานต่อ

"ขอบใจมากนะนุ้ย มีอะไรโทรหาพี่ได้ตลอดนะครับ" ยุทธยิ้มแล้วโบกมือลาทั้งสองไป "ค่าาาา" นุ้ยตอบพลางโบกมือลาหน้าตายิ้มแย้ม เหลียวไปด้านหลังเห็นอีกคนทำหน้ามุ่ยใส่อยู่ "อารมณ์ดีจังนะมึง ..."

"อะไร ก็ปกติปะ" สาวเจ้าพูดตอบแบบแกร่งกล้า

"ไปรู้จักกันตอนไหน"

"ก็ตอนมาเฝ้าไข้นี่ไง ไม่รู้เหรอพี่เค้ามาเฝ้ามึงทั้งวันทั้งคืน จนเกือบเดือนแล้วเนี่ย เห็นว่าเลื่อนงานลูกค้าไปหลายราย เพื่อมาเฝ้ามึงเลยเนี่ย ชั้นเห็นใจเลยสับเปลี่ยนมาเฝ้าให้แทนบ้างบางวัน"

"เรื่องของเขา ไม่ได้ขอสักหน่อย พยาบาลที่นี่ก็มีเยอะแยะ"

"จ้า ๆ ปากดีนัก ระวังเค้าหมดใจไปซะ มานั่งร้องห่มร้องไห้ใส่ชั้นไม่ปลอบนะค้าา"

"ไปเลย อยากไปก็ไปเลย ถ้าแค่นี้ทนไม่ได้ เค้าก็ไม่ใช่คนที่คู่ควรกับกู"

นุ้ยส่ายหน้า ใส่เพื่อนจอมปากแข็ง "จ้า ๆ ..อ่ะ มีคนฝากมาให้" เธอยื่นกล่องสีม่วงเขียวใบหนึ่งให้ มันเป็นกล่องที่ยูคุ้นตาดี

"เฮ้ย! นี่มัน"

"พี่เค้าฝากเอามาให้ตั้งแต่ที่หามเข้าโรงพยาบาลวันแรกละ เห็นบอกว่าฟื้นเมื่อไหร่ให้ฝากไว้ที่แกอะ"

กล่องกระดาษใบใหญ่ ด้านในบรรจุฟิกเกอร์หุ่นยนต์ที่ยูอยากได้มาก ตั้งแต่วันนั้น ที่เกมเซนเตอร์ เขาถึงกับบางอ้อเลยว่าทำไมพอกลับไปอีกรอบถึงเจอยุทธที่นั่น คงจะแอบกลับไปนั่งคีบมาจนได้ ยูหยิบกล่องใบนั้นมาพลิกซ้ายพลิกขวาดู แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

"ยิ้มไร หายป่วยเลยเป็นบ้าแทนงี้" นุ้ยพูดหยอกเมื่อเห็นว่าเพื่อนเปลี่ยนสีหน้าเป็นอย่างกับคนละคนกับเมื่อกี้นี้

"เสือก"

"ค่ะ ชั้นไปจัดการเรื่องเอกสารกับยาให้ก่อนละ เดี๋ยวมา แพคของไรให้พร้อมด้วย เสร็จเรื่องแล้วจะได้ไปส่งที่หอเลย ...หายหัวไปสามอาทิตย์ งานเข้าแน่แก"

"ฉิบหายล่ะ! เรื่องสอบล่ะ" ยูหน้าซีดทันที การที่เขาหายไปจากมหาลัยร่วมเดือน นั่นหมายความว่า มีงานคั่งค้างอยู่เป็นเดือนรอเขาอยู่นั่นเอง

"ไม่ทันละค่าา ลงใหม่เดือนหน้านะ" นุ้ยพูดยิ้มเยาะแล้วเดินออกจากห้องไปอย่างอารมณ์ดีทิ้งไว้แต่เพื่อนที่นั่งกุมหัวอยู่ในห้องผู้ป่วย เมื่อจินตนาการถึงงานที่ต้องทำให้หมด

...

ชายหนุ่มกำลังนั่งง่วนอยู่กับการทำงานที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ หากสังเกตจากบริเวณขอบใต้ตาจะพบว่ามันเป็นรอยคล้ำสีหม่นเป็นวง เป็นสัญญาณว่าเขาทุ่มเททั้งร่างกายและจิตใจทั้งหมดที่มี เพื่อสะสางภาระงานที่คั่งค้างมาร่วมเดือน จู่ ๆ เขาก็หยุดชะงักทุกอย่าง แล้ววางมือจากแป้นพิมพ์ ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นฟ้าแล้วเหยียดจนสุดแขน เสียงกระดูกและเส้นเอ็นที่ขดตัวกันอยู่ คลายออกเป็นเสียงเปาะแปะ

"หึหึ ดีนะที่เกิดมาเก่ง " เขาพูดชมตัวเองพลางหัวเราะหึ ในลำคอ ถึงแม้ว่าหน้าตาของเขาจะอิดโรยไปมากก็ตาม

ตึ่ง ตึง ตึ๊ง!

เสียงข้อความจากโปรแกรม MSN ดังขึ้นมาจากคอมพิวเตอร์ พร้อมกับหน้าต่างสนทนาบานเล็กที่ผุดขึ้นมาจากมุมจอ

"อย่าลืมทานข้าวด้วย ถ้าไม่ไหวก็พักน้าา" ข้อความนั้นไม่ใช่จากใครที่ไหน นอกจากคนตัวโตที่กำลังพยายามตื๊อเขาอยู่ทุกวันผ่านทางข้อความ เพราะเป็นสิ่งเดียวที่เขาจะเข้าถึงอีกคนได้ในตอนนี้ ยูกดเลื่อนดูข้อความนับร้อย ที่ส่งเข้ามาทุกวี่วัน แต่ไร้ซึ่งการตอบกลับใด ๆ จากปลายทาง เขาเห็นว่ามันผ่านเลยมาหลายวันแล้ว วันนี้จะยอมตอบกลับสักคำแล้วกัน

"-*-" ยูตอบกลับข้อความไปสั้น ๆ ด้วยการใช้อิโมติคอน

"เย้ อ้วนยอมตอบเอ็มแล้ว ...ดีใจมากเลย"

"-0-"

"เคลียงานเสร็จหมดยังครับ? "

"อื้อ หมดละ"

"เก่งมาก"

"อือ"

"แบบนี้ต้องตกรางวัลให้แล้วสิ เอาเป็นอะไรดีค้าบ"

"ไม่เอาหรอกครับ"

"โถ่ ..งั้นถ้าอยากได้อะไร ค่อยบอกพี่นะ อิอิ ......ว่าแต่นี่ ทานอะไรรึยังครับ"

"ยังอะ"

"อยากกินไร เดี๋ยวพี่แวะซื้อเข้าไปให้ กำลังกลับหอพอดี"

ยูกำลังพิมพ์ปฏิเสธไป แต่ไม่ทันได้กดปุ่มส่งข้อความ เสียงคำรามดังก้องจากท้องของเขาก็ร้องขึ้นมา เหมือนจะย้ำว่าอย่าดื้อด้านนักเลยน่า ...ยูนั่งคิดดูแล้วก็นึกได้ว่า จะออกไปหาอะไรกินตอนนี้ก็คงไม่มีแรงมากนัก ถ้ามีคนซื้อมาให้ก็น่าจะดีกว่า รอนานหน่อย แต่ประหยัดแรง

"ต้มยำทะเลพิเศษ ไม่ใส่เห็ดฟาง ถุงนึง เอาข้าวสวยด้วย เลือกเอาข้าวหอมมะลินะ ข้าวอย่างอื่นไม่กิน แล้วก็ชาเขียวเย็นสองแก้ว หวานน้อย ใส่ไข่มุกเยอะ ๆ " เขาร่ายรายการอาหารยาวเหยียด ไม่ใช่ว่าจะแกล้งอีกคนหรอกนะ แต่นั่นคือสิ่งที่เขาอยากจะทานจริง ๆ ตอนนี้

"กินน้อยจัง เอาอย่างอื่นอีกไหม" ยุทธตอบกลับมา เพราะรู้ดีว่า แค่นี้ไม่น่าจะพอ เขายังจำได้ว่าตอนที่เคยเห็นยูโหมงานแบบนี้มาทีหนึ่ง เขากินเป็นบ้าเป็นหลัง จนต้องออกไปซื้อมาเพิ่มให้อีกเที่ยวเลย

"เอาพิซซ่า ...ซัก 5 ถาดละกันงั้น" เขาตอบส่ง ๆ ไปแบบยียวน ถึงจะหิวมาจากไหน แต่ 5 ถาดนี่คงจะเกินไปหน่อย

"ค้าบบผม รอแป๊ปน้าา จะรีบไป" สิ้นสุดข้อความสุดท้าย ดวงไฟสีเขียวบนอวต้าของยุทธก็ดับไปเป็นสีเทาทันที เขาคงจะรีบปิดคอมพิวเตอร์แล้วกลับมาที่นี่ให้เร็วที่สุด ยูพอกะเวลาคร่าว ๆ แล้วว่ากว่าจะนั่งรถไฟฟ้ามาถึง แล้วแวะซื้อข้าวที่ตลาด ก็ราว ๆ ชั่วโมงได้ คิดได้อย่างนั้นเขาจึงนั่งเล่นอินเทอร์เน็ตต่อเพื่อฆ่าเวลา

...

ก๊อกๆ!

"หือ? เร็วไปมั้ยเนี่ย" เสียงเคาะประตูดังขึ้น ยูแปลกใจเมื่อดูนาฬิกาบนผนัง จากตอนนั้นเพิ่งผ่านไปเพียง 20 นาทีเศษ ๆ เท่านั้นเอง อีกคนไม่น่าจะมาถึงเร็วขนาดนี้ เขารีบลุกจากโต๊ะ ใส่กางเกงบอลตัวนึงที่วางกองอยู่ที่พื้น แล้วเดินไปเปิดประตูอย่างไม่เร่งรีบ เขาปลดล็อกกลอน แล้วผลักประตูเข้ามา

"อะ อ้าว? " ยูประหลาดใจเมื่อพบว่า ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่ยุทธ แต่เป็นผู้ชายแปลกหน้าสวมชุดโปโล พร้อมหมวกแคปสีเขียว ท่าทางทะมัดทะแมงยืนอยู่ สังเกตจากโลโก้บนหมวกแล้วท่าทางจะเป็นพนักงานส่งของจากบริษัทพิซซ่าชื่อดัง

"คุณยู ใช่มั้ยครับ? " พนักหนุ่มเอ่ยปากถาม

"คะ..ครับ? "

"ซีฟู๊ด ค็อคเทลถาดกลาง ห้าถาด แถมฮาวายเอี้ยนถาดเล็กอีกสอง ได้แล้วครับ" พนักงานหนุ่มร่ายทวนรายการอาหารให้ฟัง แล้วยื่นถุงบรรจุกล่องพิซซ่าถุงใหญ่ให้ ไม่ใช่ใหญ่ธรรมดา แต่มันใหญ่มากเพราะบรรจุถถาดพิซซ่าถึง เจ็ดถาด!

"อะ เอ่อ....น่าจะมาส่งผิดแล้วล่ะครับ ผมไม่ได้สั่ง" ยูพูดปฏิเสธที่จะรับของในมือ

"เอ๋ ไม่น่าจะผิดนะครับ ในบิลเขียนว่า ส่งที่คุณยู ที่หอพัก XXX ห้อง XXX ส่วนค่าอาหารจ่ายผ่านบัตรเครดิตเรียบร้อยแล้วครับ" พนักงานหนุ่มยกใบเสร็จขึ้นมาอ่านทวน

"เอ .....อ้อ!! " ยูพอจะนึกออกแล้วว่าใครที่เป็นคนสั่งมา

"ครับ? " พนักงานหนุ่มพยักหน้าถามแบบงง ๆ

"ปะ..เปล่า ๆ ของผมเองแหละครับ ขอบคุณนะครับ"

"ขอบคุณครับ ยินดีให้บริการครับ ขอให้อร่อยนะคร้าบบ " พนักงานหนุ่มส่งยิ้มให้แล้วเดินจากไป ทิ้งให้ยูได้แต่ยืนมองอยู่แบบงง ๆ พลางคิดถึงหน้าไอ้คนที่สั่งมาให้ ตาบ้านั้น ดันบ้าจี้สั่งมาจริง ๆ ซะด้วย ยูเดินไปที่ครัววางกล่องพิซซ่าทั้งหมดไว้บนโต๊ะอาหารแบบเนือย ๆ

"จะกินยังไงให้หมดฟระเนี่ย...."

"อ๊ะ จริงสิ เอาไปฝากป้าพรดีกว่า" เขานึกขึ้นได้ว่าน่าจะเอาไปแบ่งให้ป้าพร คุณป้าเจ้าของหอพัก เขาจำได้ตอนที่ไปจ่ายค่าห้อง เห็นคุณป้าจะชอบสั่งอาหารฝรั่งมาทานบ่อย ๆ พิซซ่านี่ก็น่าจะชอบทาน ถ้าไม่ก็เอาฝากไว้ให้หลาน ๆ แกก็ยังดี ดีกว่าจะปล่อยทิ้งไว้ให้เย็นชืดจนเสียรส ยังไงซะเขาก็ทานไม่หมดเพียงลำพังอยู่แล้ว ยูหยิบพิซซ่ามา 2 ถาดใส่ถุงแยกไว้

"ฮืมม... ทางนั้นรู้สึกจะมีคุณป้า คุณลุง กับหลานชายอีก 3 คนสินะ เอาไปเพิ่มอีกแล้วกัน " ยูหยิบพิซซ่ามาอีกสองถาด รวมกับที่เหลือเป็นสี่ถาด แล้วเดินไปที่ออฟฟิศหอพักที่ด้านหน้า ซึ่งใช้เป็นที่พักอาศัยของเจ้าของหอไปในตัว ยังดีที่เขาเห็นว่าไฟยังเปิดอยู่ แสดงว่ามีคนเฝ้า

"ป้าพร สวัสดีครับ" ยูยกมือไหว้ทักทายอย่างเป็นกันเอง

"อ้าว หนูยู สวัสดีจ้ะ ว่าไงมีอะไร ..ลืมกุญแจเข้าห้องเหรอลูก? " ป้าพรทักเรื่องกุญแจหอพักเลยทันที เพราะปกติแล้วยูเป็นคนขี้ลืมมาก มักจะได้เดินมาขอกุญแจสำรองไปไขประตูอยู่บ่อย ๆ จนป้าพร หรือคนดูแลคนอื่นนั้นเคยชินไปแล้ว

"ป่าวครับ แหะ ๆ พอดีผมเอาพิวว่ามาฝาก ซื้อมาเยอะแล้วเค้าแถมให้อีกน่ะครับ เกรงว่าจะทานกันไม่หมด" ยูพูดแล้วยื่นถุงใบใหญ่ส่งให้คุณป้า

"อ้าวเหรอ ๆ ขอบใจมากจ้ะลูก" ป้าพรพูดรับแล้วมองดูด้านในถุง "โอ้โห เยอะเกินไปมั้ยลูก ป้าทานไม่หมดหรอกเนี่ย"

"เก็บเอาไว้ให้ เจ้าสามเกลอนั่นทานก็ได้ครับป้า เยอะขนาดนี้รับรองไม่มีแย่งกัน ฮ่า ๆ ๆ " ยูพูดถึงหลานชายตัวแสบสามคนของป้าพร ที่ชอบแย่งของกินของใช้กันเป็นประจำ

"จ้า ๆ ยังไงก็ขอบใจมากนะจ๊ะ"

"ไม่เป็นไรครับป้า"

"เอ..แล้วนี่หายดีแล้วเหรอ เหมือนได้ยินข่าวว่าเข้าโรงบาลไปสามอาทิตย์ เมื่อซักปลายเดือนที่แล้วนู่นน่ะ" ป้าพรถามอย่างเป็นห่วงถึงอุบัติเหตุครั้งนั้น

"หายดีแล้วครับป้า เอ๊ะ แล้วนี่ไปได้ยินข่าวมาจากไหน ยัยนุ้ยมาบอกเหรอ? "

"เปล่า ๆ ก็พ่อหนุ่มห้องข้าง ๆ เราไง ช่วงนั้นเค้าแวะมาทำธุระเรื่องห้องให้แทนยู เมื่อต้นเดือนนี้เอง เห็นเทียวแวะมาเก็บเสื้อผ้าอะไรเราอยู่หนสองหนน่ะ บอกว่าจะเอาไปไว้ให้ใช้ที่โรงพยาบาล ป้าเห็นสองคนรู้จักกันมานานเลยให้กุญแจห้องไป"

"เห สิ้นเดือนเหรอ....เฮ้ย! ผมยังไม่ได้จ่ายค่าห้องเลยนี่นา" ยูตกใจเมื่อเขานึกขึ้นได้ว่ากลับมาอยู่ที่ห้องก็กลางเดือนแล้ว แถมตอนนี้ก็ผ่านมาจนจะวนมาครบเดือนอีกรอบ ตั้งแต่เข้าโรงพยาบาล

"จ่ายแล้วนะ ก็ยูฝากพ่อหนุ่มนั่นมาจ่ายไม่ใช่เรอะ? "

"เอ๋ ...อ๋อ แบบนี้เอง"

"โธ่ เรียนหนักจนลืมหน้าลืมหลังแล้วนะเราเนี่ย พักบ้างนะลูก" ป้าพรพูดแล้วมองยูที่สนิทราวกับเป็นหลานชายอีกคน ด้วยความเป็นห่วง

"ค้าบบ งั้นผมขอตัวก่อนนะป้า"

"จ้า ๆ "

ยูเดินกลับไปที่ห้อง พลางนึกถึงอีกคน ตานั้นคงต้องวิ่งวุ่นมากแน่ ๆ ระหว่างที่เขาอยู่ที่โรงพยาบาล ยิ่งคิดยิ่งเริ่มเห็นใจคน เห็นทีเขาคงต้องเลิกเล่นแง่ แล้วหันมาทำดีกับเขาเป็นการตอบแทนซะแล้วล่ะ

...

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ octobearx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ก๊อก ๆ

เสียงประตูดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้หวังว่าจะมาถูกคนสักทีนะ ยูนึกในใจ เขาเริ่มหินจนจะทนไม่ไหวเข้าแล้ว ยูเปิดประตูรับอีกคนเข้ามา แต่แล้วก็ต้องถูกไอ้ตัวโต วิ่งพรวดเข้ามากอดรัดซะแน่น

"อ้วนนนนนนนนน" ยุทธร้องดีใจ พลางกอดรัดคนในห้อง เหมือนเขาไม่ได้พบเจอกันมานาน

" ปล่อย ๆ ๆ ปล่อยก๊อนนนน หายใจไม่ออก" ยูร้อง ใช้มือตบที่แขนแกร่งของคนตัวโตให้เขาคลายออก จนอีกฝ่ายทำตามแต่โดยดี เขาสิ่งยิ้มให้ทีแล้วรีบจ้ำเข้าห้อง เหมือนกลัวจะไม่ได้เข้า ทั้ง ๆ ที่เจ้าของห้องยังไม่ได้เชื้อเชิญเลยด้วยซ้ำไป

"โห ไม่ได้เจอพักเดียว ผมลงไปตั้งเยอะ" ยุทธใช้สองมือบีบเค้นเบา ๆ ไปตามลำตัวของยู ซึ่งจริง ๆ แล้วก็ไม่ได้ผอมลงมากนักหรอก แค่โทรมลงไปมาก ก็เท่านั้นเอง

"รอนานป่าว? "

"ไม่หรอก แค่.." เขาพูดพลางยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา มันเพิ่งผ่านไปแค่ 30 นาทีนิด ๆ!

"เค้าขับรถมาเองเลย ไม่อยากนั่งรถไฟฟ้า กลัวนานเกินไป เดี๋ยวหมูอ้วนจะหิวจนล้มพับไปซะก่อน" ไอ้ตัวโตพูด ทำตัวเป็นเด็ก ไม่เข้ากับคาแรคเตอร์เอาซะเลย

"เวอร์น่ะ" ยูพูดด้วยสีหน้าระอา "แล้วก็เลิกใช้สำเนียงเป็นเด็กง้องแง้งได้แล้ว ไม่เข้ากะหน้าเอาซะเลย" เขาพูดไป แต่ไอ้ตัวโตได้แต่ยิ้มหน้าแป้นแล้น

"แล้วนี่ทานไปยัง พิซซ่า พี่กลัวรถติดแล้วจะมาช้า เลยโทรสั่งมาให้ทานเล่นก่อน "

"ยังอะ...ก็กะจะรอกิน ...พร้อมกัน" ยูมุ่ยหน้าพูด

"หืม อะไรนะ? " ไอ้ตัวโตเอียงคอพูดแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ ทำท่าไม่ได้ยิน

"ป่าว กลัวกินไม่หมด เลยเอาไปฝากป้าพรหน้าหอ" เขาพูดย้ำอีกครั้งให้ฟัง แต่คนละประโยคกับเมื่อกี้นี้

"อ้าว ก็หิวแย่อะดิ ..งั้น มาทานกันเถอะ" คนตัวโตพูดจบก็แกะถุงแกงบนโต๊ะอาหาร แล้วจัดลงจานอย่างคล่องแคล่ว พร้อมอุปกรณ์ทานอาหารอื่น ๆ เรียบร้อย เหมือนพร้อมประเคนให้อีกฝ่ายด้วยความเต็มใจ

"อ้าวเฮ้ย ไม่ได้บอกจะกินตอนนี้ ยังไม่หิว..... โครกกกกกกกกกก" เสียงท้องร้องเจ้ากรรมแหกปากขึ้นมากลางห้อง ไม่เกรงอกเกรงใจเจ้าของร่างที่เพิ่งปฏิเสธไปหยก ๆ

"มามะ ทานข้าวกันเถอะ คนดี" ยุทธพูดพร้อมกับโอบไหล่ของยู ดันให้มานั่งที่เก้าอี้

"กินเยอะ ๆ น้าา จะได้กลับมาตุ้ยนุ้ยเหมือนเดิม ทำงานจนซูบลงไปเยอะเลยนะเราน่ะ" ไอ้ตัวโตพูดพลางตักอาหารในจานให้ ทั้ง ๆ ที่ในจานข้าวของอีกฝ่ายก็มีกับข้าวอยู่มากมายแล้ว

"ยุ่งจริง ผอมลงก็ดีแล้วไม่ใช่รึไง"

"ก็พี่ชอบแบบตุ้ยนุ้ย น่ารัก ๆ มากกว่านี่นา อิอิ"

"ดี งั้นเดี๋ยวจะไปเข้ายิมละ ฟิตหุ่นลีน ๆ ซะเลย"

"ก็ไม่แลว จะได้สุขภาพดีไปในตัว จะอ้วนจะผอมพี่ก็ชอบทั้งนั้นแหละ ถ้าเป็นยู"

" .... " ยูขเม้นคิ้วใส่ อีตานี่จะดักทางไปซะทุกอย่างเลยรึไงฟร้า

"แฮ่" ยุทธไม่พูดตอบ ได้แต่ส่งยิ้มกว้างจนเห็นไรฟันขาว ทั้งคู่ทานข้าวไปเรื่อยด้วยความเงียบ มีพูดแทรกขึ้นบ้างเล็กน้อย บางจังหวะ จนกระทั่งทุกอย่างหมดไปจากโต๊ะ เขาลุกขึ้นช้วนจานชามในมือแล้วไปที่อ่างล้างจาน

"พี่ช่วย" ยุทธรีบลุกขึ้นเก็บอุปกรณ์ทานอาหารที่ยังเหลืออยู่แล้วเดินตามไปอย่างเร่งรีบ จนเดินไปกระทบสันหลังของคนข้างหน้าเข้าเบา ๆ ในวินาทีนี้เขาไม่รู้เลยว่าได้ทำให้ยูรู้สึกวูบวาบขึ้นมาในใจ

.

.

...นานเท่าไหร่แล้วนะ ที่ไม่ได้ใกล้ชิดกันแบบนี้

"ไม่..เป็นไร" คนโตกว่าเบียดตัวเข้ามายืนข้าง ๆ แล้วจัดการหยิบจานชามที่วางเกยอยู่ไปล้างน้ำสะอาดรอบสุดท้าย จัดการเช็ดให้แห้งแล้ววางกลับเข้าชั้นวางอย่างเป็นระเบียบ

"กริ้งง~! "

เสียงริงโทนจากมือถือของยูดังขึ้นจากทางด้านหลัง เขามองซ้ายมองขวา จำได้ว่าวางมือถือทิ้งไว้บนโต๊ะอาหาร แต่ในมือก็พลางถือชามที่ยังล้างไม่เสร็จอยู่ "ไปรับเถอะ เดี๋ยวพี่ทำต่อเอง" ยุทธอาสาแล้วยื่นมือมาคว้าจานในมือของยูกลับไปล้าง เจ้าตัวจึงได้แต่ล้างมืออย่างลวก ๆ ขยุ้มมือใส่ชายเสื้อตัวเองสองสามทีพอให้แห้ง แล้วเดินไปรับโทรศัพท์

เขาอ่านชื่อที่โชว์บนหน้าจอมือถือแล้วกดรับสายทันที "ว่าไง นุ้ย"

"ทำไรอยู่วะ" ปลายสายพูดถาม น้ำเสียงดูตึง ๆ

"ก็คุยโทรศัพท์กับเมิงนี่ไง"

ปลายสายแจ๊บปากทีด้วยความรำคาญเพื่อนที่มาเล่นเส้นในเวลานี้ "โอ๊ย..เออช่างเถอะ มีเรื่องจะบอกว่ะ คือรถยนต์ที่จะไปค่ายเชียงรายอะขาดคันนึง พอดีรถไอ้โยมันไม่ว่าง แม่งขับไปชนแมวข้างถนนเมื่อวาน เลยได้ส่งเข้าอู่อยู่ แล้วคงจะซ่อมเสร็จไม่ทันวันงานอะ" นุ้ยแจ้งข่าวเรื่องรถเดินทางที่ยูและเพื่อนจะใช้เดินทางไปออกค่ายอาสาพัฒนาชุมชนแห่งหนึ่งที่เชียงราย ในอาทิตย์หน้า"

"อ้าว แล้วเอาไงดีวะ งี้รถก็ไม่พอขนของกับคนอะดิ"

"เออ พวกชั้นก็คิดอยู่เหมือนกัน คงต้องลองถามหาคนอื่นที่มีรถ พอจะยืมมาใช้ได้ ..แกพอรู้จักใครบ้างมั้ยอะ" ยูนั่งนึกพลางถือสายโทรศัพท์ไว้ ถ้าจะถามหาญาติมิตรที่ไหนในเมืองกรุงนี้ก็คงจะไม่มี ที่พอจะนึกออกก็มีพี่ยักษ์ แต่จะไปรบกวนก็กระไรอยู่ เพราะไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น จะมีอีกคนก็....

"ไม่มีเลยว่ะ" ยูพูดปฏิเสธไป ทั้ง ๆ ที่ในใจนึกออกอยู่อีกคน

"เออ ๆ ไม่เป็นไร เดี๋ยวลองหาดูก่อนละกัน ยังพอมีเวลาอยู่ ถ้าไม่ได้จริง ๆ ค่อยมาประชุมกันเผื่อมีอะไรตัดได้ก็ตัดออกไปก่อน"

"ตัดกูออกไปก็ได้ เดี๋ยวนอนเป็นกำลังใจให้จากบ้าน ฮิฮิ" ยูหยอกล้อเพื่อนปลายสายไป ในใจก็แอบขี้เกียจ ๆ อยู่เหมือนกัน เขาไม่ใช่คนประเภทที่ชอบนั่งติดรถทางไกลซักเท่าไหร่

"ตบมะ" นุ้ยค้อนเสียงสูงใส่ "เออ แค่นี้แหละ บาย"

"บาย" ยูกดตัดสายไปแล้วลุกไปนั่งที่โซฟาใกล้ ๆ เพราะเห็นว่ายุทธล้างจานที่ครัวเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว และกำลังเดินตามมา

"มีไรเหรอ? " ยุทธเอ่ยปากถาม เมื่อเห็นอีกคนทำหน้าตึง ๆ

"งานที่มหาลัยน่ะ ไม่มีไรมาก"

"อ่า..." ยูตอบเสียงห้วน ๆ ทำเอาอีกคนไปไม่ถูก "พี่ล้างจานเสร็จละนะ มีไรให้ช่วยอีกป่าว"

"มี ไปกวาดห้อง ถูพื้น ล้างห้องน้ำ ซักผ้า ซักเสร็จแล้วเอาไปตากให้ด้วย" ยูร่ายรายการงานบ้านยาวเหยียดตั้งใจหยอกคนตัวโต ขยันนักนะ ไปทำให้หมดเลยละกัน อิอิ

"โอเค" คนโตเดินดุ่ม ไปหยิบไม้กวาดเตรียมจะลงมือทำจริงตามที่ยูพูด จนเขาต้องรีบวิ่งมาห้ามปราม "เฮ้ย! ล้อเล่น ๆ เขาคว้าเอาไม้กวาดจากมือยุทธออกมาจนอีกฝ่ายยืนเอียงคอทำหน้างง

"อ้าว? "

"ทำจริงจังไปได้ โธ่" ยูม้วนคิ้วยิ้ม ใส่คนโตที่ทำท่าน่าเอ็นดูแปลก ๆ

"ถ้าเพื่อชดใช้ให้ยู ขอแค่บอกมา ยูให้พี่ทำอะไร พี่็จะทำ พูดจริง ๆ นะ" เขายื่นมือมาจับที่บ่าไหล่ แล้วพูดสีหน้าจริงจัง แล้วพูดกับตัวเองในใจ... หรือไม่บอกพี่ก็จะทำให้

"แค่นี้ก็มากพอแล้วน่ะ ผมทำเองได้ ไม่ได้เป็นง่อยนะ" ยูพูดจบทำเอาคนโตหน้าหงอย เมื่อรู้ว่าไม่มีอะไรจะทำให้ได้แล้ว เขาเพียงแค่ต้องการอยู่ที่นี่ต่ออีกสักนิด ถ้ามีอะไรให้ทำ มันก็คงจะช่วยต่อเวลาให้ได้

"เดี๋ยวผมต้องกลับไปทำงานต่อแล้ว เอาไว้...ค่อยมาใหม่...นะ" ยูพูดเอาใจอีกฝ่ายบ้าง เพราะคิดไปว่าเมื่อกี้คงจะเผลอพูดอะไรแทงใจอีกฝ่ายมากเกินไป เขาพอมองสถานการณ์ออกว่าเกิดอะไรขึ้น ทันทีที่พูดจบคนโตก็ยิ้มหน้าใจชื้นขึ้นทันที

"กะ...กลับได้แล้ว" ยูมุ่ยหน้าใช้มือยืนคนโตออกไปทางประตู

"ค้าบ ๆ " คนโตตะเบ๊ะรับแล้วทำท่าจะเดินออกไป แต่แล้วเขาก็หยุดเดินแล้วหันขวับกลับมา "ยู..."

"หืม? "

ยุทธใช้จังหวะเปิดประตู หันกลับมาหายูแล้วหอมที่แก้มไปฟอดหนึ่ง ก่อนส่งยิ้มให้แล้วเดินออกไป ทิ้งไว้แต่ไอ้คนปากแข็งที่ยืนนิ่งอยู่ พลางมองแผ่นหลังกว้างค่อยๆ ลับตาหายไป ทั้งที่เพิ่งไล่เขาไปแท้ ๆ แต่ทำไมกันนะ ในใจมันเหมือนอยากจะยื่นมือออกไปคว้าไว้ แล้วพูดว่า ..."อย่าเพิ่งไป"

"เห้อ..." ยูถอนหายใจเฮือกแล้วนั่งนิ่งบนโซฟา แหงนหน้าขึ้นมองเพดานแล้วนึกถึงคนข้างห้อง ในขณะที่อีกฝ่ายก็ทำเช่นเดียวกัน อยู่ที่อีกฟากฝั่งของกำแพง

...

อากาศหนาวเย็นของช่วงพลบค่ำในหน้าหนาว ประกอบกับลมเย็นพัดเอื่อย ที่พัดผ่านเอาเศษใบไม้แห้งบนพื้นปลิวไหวส่งเสียงระงมไปทั่วบริเวณ ท้องฟ้าสีน้ำเงินเข้มที่เริ่มพอมองเห็นดวงดาวจุดเล็ก ๆ อยู่บ้างบนแผ่นฟ้า หากมองไปที่ทิศตะวันตกจะเห็นสีส้มอมชมพูปนอยู่เล็กน้อย เป็นสัญญาณบอกเวลาว่าตะวันกำลังจะลาลับ ตอนนี้เวลาผ่านไปแล้วหนึ่งสัปดาห์จากวันนั้น จนถึงวันนี้ที่จะต้องออกค่ายอาสากับเพื่อน ๆ ของยูในมหาลัย โชคดีที่นุ้ยหารถกับคนขับมาแทนได้ทันเวลา กิจกรรมค่ายจึงดำเนินไปต่อได้อย่างราบรื่น ยูกับเพื่อนช่วยกันขนของใส่รถอยู่ครู่ใหญ่จนเสร็จ ส่วนมากเป็นอุปกรณ์จำพวกสันทนาการ อาหารแห้ง และเครื่องนุ่งห่ม ที่จะทำไปแจกจ่ายให้กับเด็ก ๆ บนดอย รวมไปถึงอุปกรณ์ก่อสร้าง และทาสี ที่จะใช้ซ่อมแซมอาคารเรียนและเครื่องเล่นต่าง ๆ ที่โรงเรียน เหล่านั้นได้จัดใส่รถคันโตสุดเอาไว้แล้วตั้งแต่วานก่อน เสียงปรบมือสามทีจากสาวตัวเล็กเรียกความสนใจจากเพื่อน ๆ ทั้งกลุ่มให้หยุดการกระทำแล้วหันไปมอง

"กิ๊ฟ ฟาง เบสท์ กับพาย ไปรถไอ้พลนะ" นุ้ยประกาศลำดับการประจำที่นั่งของเพื่อนแต่ละคนให้ฟัง เพราะต้องเปลี่ยนแผนใหม่เนื่องจากเพิ่งหารถคันใหม่และคนขับมาสับเปลี่ยนได้

"ทำไมกูต้องนั่งรถเชี่ยพลวะ สาสส ขับที เหยียบยังกะจะรีบไปตาย" ไอ้พาย หนุ่มแว่นผมยาวมัดรวม หน้าตาเซ็ง ๆ ยืนร้องโวยวาย นิสัยของพายและพลไม่ค่อยจะเข้าเส้นกันนัก แต่ถึงกระนั้นก็ดันเป็นเพื่อนที่ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด จนเพื่อนหลายคนเคยซักถาม แต่เจ้าตัวเองก็ไม่รู้สาเหตุเหมือนกัน

"ก็แกเป็นผู้ชาย อีกสามคนผู้หญิงหมด จะให้มาอัดรถชั้นหมดเลยก็ไม่ได้ย่ะ รถแต่ละคันให้มีคนขับเป็นติดไปสองด้วย จะได้ผลัดกันขับครึ่งทาง" นุ้ยวาดมือไปที่รถฟอร์จูนเนอร์คันโตสีแดง ที่มีสติ๊กเกอร์คำคมสีจี๊ดจ๊าดแปะรอบรถ บอกถึงคาแรคเตอร์ของคนขับ มีอยู่ชิ้นหนึ่งที่แปะไว้ตรงท้ายกระบะว่า ..รถคันนี้สีขาว "ไปย่ะ ขึ้นรถ อย่าพูดมาก" นุ้ยพูดย้ำอีกครั้งให้เพื่อนชายปฏิบัติตาม

"อุตส่าว่าจะได้นั่งข้าง ๆ ภีม เห้ออออออออ.....ภีมจ๋าา" ไอ้แว่นผมยาวเดินไปกอดแขนเพื่อนตัวตุ้ยนุ้ย ทำท่าคลอเคลียเหมือนลูกแมว ไม่ยอมเดินไปขึ้นรถตามเพื่อนสั่ง จนเจ้าของรถต้องเดินมาตวาด

"เรื่องมาก เดินไปเองเลยมั้ย ไอ้เหี้ย" หนุ่มผิวเข้มตัวสูงใหญ่ พูดดุด้วยเสียงทุ้มต่ำ แต่นั่นไม่ทำให้คนที่โดนสะทกสะท้าน แถมยังหันหน้ามาทำตาขวางใส่ "ควาย" ไอ้แว่นพูดกวนโอ๊ยตอบ

"ขึ้นมาเร็ว ๆ เสียลา" พลพูดอีกครั้งแบบห้วน ๆ รถของพลจะออกล่วงหน้าไปก่อนเพื่อน เพราะต้องแวะเติมน้ำมันรถที่ปั๊มทางออกเมืองเขาเลยไม่อยากจะเสียเวลาอยู่ตรงนี้มากนัก ทำให้พายต้องเดินต้อย ๆ ไปตาม เปิดประตูแล้วไปนั่งด้านหลัง

"อีพาย ไปนั่งหน้าเลย มึงตัวใหญ่" ฟาง เพื่อนสาวที่นั่งอยู่ก่อนแล้วพูดไล่คนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ให้ย้ายที่นั่ง "จิ๊" ไอ้แว่นแจ๊บปากทำหน้าไม่สบอารมณ์ที่เสียฟอร์ม ต้องไปนั่งข้างไอ้ทองแดงตัวโต พายชอบเรียกเขาว่า ไอ้ทองแดง เพราะตอนเจอครั้งแรก ๆ ไอ้พลชอบพ่นสำเนียงทองแดงใส่รัว ๆ ด้วยความเคยชินจากการเป็นคนใต้แท้ ๆ มาทั้งชีวิต จนเริ่มเรียนรู้จากคนกรุงได้สักพักถึงเริ่มเปลี่ยนสำเนียงไป แต่ก็มีบ้างที่เผลอติดสำเนียงมา

"หึหึ" พลร้องหึในคอ เมื่อเห็นพายทำหน้ามุ่ยเดินมานั่งหน้า "ขำไร ทองแดง" ไอ้แว่นพูดกวนประสาทไม่เลิก ส่วนอีกคนได้แต่เหยียดยิ้มใส่ แล้วค่อยๆ เหยียบคันเร่งเคลื่อนรถออกไปเพราะไม่อยากตอแยไอ้คนกวนประสาท

นุ้ยทวนดูลำดับรถในมือแล้วพูดแจง "ส่วนภีม แพร์ แล้วก็กุ้ง มารถเรา คันนี้รถเล็ก แล้วของก็เยอะแล้ว เอาคนไปแค่นี้พอ"

"โอเคจ้า" กุ้ง แพร์ และภีม ตอบรับอย่างว่าง่าย

"เราอ้วน ...เรานั่งหน้านะ" ภีมชี้หน้าตัวเองแล้วเดินไปเปิดประตูรถ ทำเอาสาว ๆ ที่เหลือยิ้มเอ็นดูให้กับความว่าง่ายของเพื่อนชายคนนี้ ช่างต่างจากไอ้กักขฬะสองสามตัวที่เหลือจริง ๆ สามสาวเดินตามขึ้นรถไปเตรียมจะเดินทาง จนลืมไปว่ามีอีกคนที่ยืนเก้ออยู่

"อ้าว แล้วกูอะ" ยูพูดแล้วชี้ใส่หน้าตัวเอง พลางคิดว่านุ้ยลืมอะไรรึเปล่า

"คันโน้นนน รอคนขับแปป เดี๋ยวก็มาละมั้ง" นุ้ยชี้ไปที่รถเก๋งสไตล์คลาสสิคคันเล็กสีดำเมี่ยม ที่จอดอยู่ใกล้ ๆ ที่ก่อนหน้านี้รถของพลจอดบังอยู่ เลยไม่ทันสังเกต เขาเดินตามไปที่รถ สังเกตดูภายนอก ถึงแม่จะดูเก่า แต่ไม่มีฝุ่นจับอยู่เลย ตามขอบกระจกที่เป็นโลหะ ก็ถูกขัดมาอย่างดีจนเงาวับ แสดงให้เห็นว่าเจ้าของรถคันนี้ต้องดูแลมันอย่างดีมาตลอดอายุใช้งาน

"รถใครวะ ให้กูขับไปเองหรอ ขับไม่เป็นนะ" เขาพูดด้วยสีหน้าประหลาดใจกับที่เพื่อนสาวจัดไว้ให้

"เตรียมรถพร้อมคนขับให้แล้วค่า โอ๊ะ โน่นไง มาละ" นุ้ยพูดแล้วชี้ไปที่ด้านหลังของยู เขาหันขวับไปมองแล้วก็ต้องเหวอ "เฮ้ย! มาไง"

"ไง" คนตัวโตยกมือทักทาย

"นุุ้ย! " ยูหันไปหาเพื่อนสาวตั้งท่าจะถาม แต่อีกคนดันพูดทิ้งท้ายแล้ววิ่งแจ้นกลับไปที่รถ "ไปละน้าา ฝากไอ้ยูด้วยนะคะพี่ยุทธ แล้วเจอกันที่เชียงรายค่า อิอิ" ยูกัดฟันกรอดเมื่อมองเพื่อนสาวที่ขึ้นรถได้ก็เหยียบคันเร่งออกไปจนลับสายตา ...ยัยตัวแสบ

"ป่ะ" ยุทธพูดชวนขึ้นรถพร้อมเปิดประตูให้

"...อะไร? "

"ก็ไปค่ายไง มาเร็ว เพื่อน ๆ เขาไปกันหมดแล้วนะ" คนโตไม่พูดพร่ำ เดินจ้ำเข้าไปในรถแล้วลดกระจกลงมองดูอีกคนที่ยังยืนนิ่ง

"มาได้ไง"

"เอาน่ะ ขึ้นมาก่อนแล้วจะเล่าให้ฟัง" คนฟังได้แต่เดินเข้ารถไฟ ดังสายคาดเข็มคัดนิรภัยให้เข้าที่ แล้วรถก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกไปอย่างนิ่มนวล

"ว่าไง" ยูท้วงถามคำตอบเมื่อครู่

"หืม? ...อ๋อ! ก็วานก่อนนุ้ยโทรมาหาพี่น่ะ เห็นว่าขาดคนมาช่วยงาน เลยโทรมาวานให้พี่ช่วยขับรถไปเชียงรายให้ พี่ว่าง ๆ อยู่ก็เลย..."

"โกหก" ยูตอบเสียงห้วน ทำเอาคนขับกลืนน้ำลายเฮือก เขารู้ดีน่ะว่ายุทธกุเรื่องขึ้นมา คนอะไรจะว่างขนาดนั้น งานการไม่ต้องทำรึไง

"แหะ ๆ " คนโตไม่พูดอะไร ได้แต่ยิ้มแหะ แก้เก้อ

"ช่างเถอะ ไหน ๆ ก็มาแล้วนี่...ดีกว่านั่งรถไปกับคนที่ไม่รู้จักสองต่อสอง" ยูพูดตัดบท เพราะอีกใจก็กลัวคนขับจะเสียน้ำใจ แต่พอเหลือบไปมองอีตานี่ดันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ซะงั้น

"แอร์เย็นมั้ย ถ้าร้อนปรับขึ้นได้นะ"

"ไม่เป็นไร กำลังดี" ยูยื่นมือไปเปิดวิทยุบนหน้าคอนโซลรถ หมุนหาคลื่นสถานีอยู่สองสามที แต่ก็มีแค่เสียงซ่ากลับมา คงจะเริ่มออกตัวเมืองแล้ว ทำให้วิทยุในรถจับสัญญาณไม่ค่อยจะได้

"ฟังเทปแทนมั้ย เหมือนจะมีสองสามตลับในนี้" ยุทธคว้านมืออีกข้างมาค้นหาตลับเพลง โดยสายตามองไปที่ถนนข้างหน้า "ผมหาเอง" ยูแตะมืออีกฝ่ายให้กลับไปควบคุมรถ แล้วคุ้ยหาตลับเทปในช่องเก็บของตรงกลางรถ ด้านในมีเทปปอน ๆ สีออกเหลืองจากอายุใช้งาน ด้านหน้าสกรีนลายกระดาษสีขาว กับปากกาหมึกหัวตัดเขียนเอาไว้บนเทปว่า "รวมฮิต สตริง3"

"ไม่มีพวกอัลบั้มเดี๋ยวนะ พี่ชอบอัดเพลงรวม ๆ กันไว้ฟังเองน่ะ" เขาพูดบอกพลางเพ่งมองไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง เขาอยากจะให้คนรัก..เดินด้วยความปลอดภัยมากที่สุด

ยูหยิบอัลบั้มเพลงมาแบบสุ่ม เพราะไม่รู้อยู่ดีว่าด้านในเป็นเพลงอะไร มองดูจากกรอเทปแล้วเหมือนจะถูกเล่นไปแล้วครึ่งม้วน แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรแค่อยากจะหาอะไรฟังคลอ ๆ แก้บรรยากาศเงียบ ๆ นี่ก็เพียงพอ เขาสอดเทปเข้าไปในเครื่องเล่นแล้วกดปุ่มเล่น

“ยัง หวัง แม้ห่างไกล

ฉัน ก็เหมือน เดิม

เป็น อย่างนี้

แม้ รู้ดี ทุกอย่าง

รู้ ว่าแสน ไกล

หมด หนทาง

ไกลกัน ราวฟ้า กับดิน”

เสียงเพลงดังขั้นแผ่ว ๆ จากเครื่องเล่น เป็นแนวร๊อคแบบเบา ๆ เริ่มจากเสียงรีดกีตาร์ขึ้นมาคลอ ตามด้วยเสียงกลองเป็นจังหวะเบา ๆ แล้วตามด้วยเนื้อร้อง ฟังไปก็แอบคุ้นเหมือนกัน ...เหมือนเคยได้ยินพ่อเปิดฟังบ่อย ๆ เวลาอยู่ที่บ้าน “สตริงตรงไหนฟระ เพลงรุ่นพ่อชัด ๆ ” ยูนั่งนึกในใจ

"ไม่มีหวัง แต่ยังหวัง ทั้งทั้งต้องผิดหวัง จะยอมรับ เธอคนเดียว" เสียงทุ้มต่ำฮัมเพลงมา จากคนขับ ถึงจะร้องเล่น ๆ แต่ก็ไม่ผิดเลยสักคีย์ สมแล้วกับที่เคยเป็นนักดนตรีเก่ามาก่อน

"เพราะดีนะ" ยูพูดชม

"ไม่หรอก ร้องไปตามประสานั่นแหละ ฮิฮิ"

ยูครางหึในคอหนึ่งที "หมายถึงเนื้อเพลงหรอก"

"แหงะ" ยูนั่งฟังเพลงต่อ พอฟัง ๆ ไปแล้วเพราะจับจิต ถึงเนื้่อร้องจะเศร้ามากก็เถอะ

"ไม่มีหวัง แต่ยังหวัง

ทั้งทั้งต้องผิดหวัง

จะยอมรับ ยูคนเดียว"

คนโตยังร้องฮัมตามจนจบเพลง แถมมีแอบเปลี่ยนเนื้อร้องไปบ้าง จนยูต้องยื่นมือไปบิดเร่งเสียงเพลงขึ้นเพื่อกลบ จนคนโตหัวเราะร่วนไปตลอดทางบนถนน กับเพลงเก่า และพวกเขาทั้งสองคน

...

ออฟไลน์ octobearx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตอนที่ 7 เหล่าหยาดฝนบนหมู่ดาว

แสงตะวันสีเหลืองอ่อนสาดส่องเข้ามาตรงเกือบระดับสายตาของคนนั่งด้านหน้า ยูหรี่ตาลงเล็กน้อยเพื่อหลบแสง ยื่นมือขึ้นไปปัดก้านบังแดดลงมาช่วยบดบังแสงจ้าได้เล็กน้อย อากาศที่หนาวเย็นเยือกจากช่วงกลางคืน ตอนนี้ค่อย ๆ อบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อยจากแสงอาทิตย์ยามเช้าตรู่

ขณะนี้ผ่านมาแล้วกว่าสิบสามชั่วโมง นับตั้งแต่ออกรถมา ยูเหลือบไปจ้องมองคนขับด้วยความเป็นห่วง เพราะขับรถคนเดียวติดต่อกันมากว่าสิบชั่วโมง ถึงแม้ว่าจะมีพักหยุดแวะบ้างตามปั๊มน้ำมันใหญ่ข้างทางเพื่อเติมพลัง ระหว่างที่จ้องใบหน้าคมอยู่นั้น ฝ่ายโดนจ้องก็กลับหันมามองเขาเข้าพอดี ทำให้ยูต้องรีบเบือนหน้าหนีไปด้านหน้าของรถในขณะเดียวกัน ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วยุทธแค่หันมามองกระจกด้านข้างก็เท่านั้นเอง

ยูมองดูป้ายข้างทางเพื่อเทียบกับแผนที่ในมือ โดยระหว่างทางที่ผ่านมานี้เขาทำหน้าที่เป็นคนคอยดูทางและโทรสอบถามกับภีมอย่างละเอียด เนื่องจากรายนั้นเป็นฝ่ายจัดการเรื่องเส้นทางเดินทาง

โดยเดินทางนั้นให้มาบนถนนสายหลักเรื่อย ๆ ก่อนจะถึงตัวเมืองเชียงราย ต้องเปลี่ยนเส้นทางไปอีกเส้นเพื่อวนมาทางขึ้นเขาแทน เรื่อย ๆ มาตามทางสักพักจะเป็นป้ายเขียนว่าจุดทางขึ้นดอยกาดผี จุดชมวิวชื่อดังของจังหวัดเชียงราย จนมาถึงทางแยกสามทางจุดนี้ยูไม่มั่นใจว่าควรเบี่ยงไปเส้นทางไหน เขาจึงให้ยุทธหยุดรถเพื่อแวะถามทางชาวบ้านในเขตนี้

ยูมองเห็นบ้านหลักเล็กหลังหนึ่ง เหลือบไปมองเห็นมีคนนั่งอยู่หน้าบ้าน เป็นคุณยายท่าทางใจดีกำลังนั่งม้วนชานหมากอยู่บนแคร่หน้าบ้าน เขาจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหาเพื่อถามทาง

"คุณยาย สวัสดีครับ" ยูเดินเข้าไปทักทาย พร้อมยกมือไหว้สวัสดี แต่ไม่มีเสียงตอบรับจากคุณยาย แกทำท่าทางเงี่ยหูฟังว่าเขาพูดอะไร

"เอ่อ คือผมอยากจะถามทางไปที่นี่น่ะครับ" ยูยื่นโปสต์การ์ด,โพสต์การ์ดในมือที่มีรูปของโรงเรียนให้ดู

"ห๊า? " คุณย้ายพูดพร้อมเอียงหูมาทางยู ใช้มือป้องไว้ เหมือนพยายามจะฟัง ยูพอมองออกว่าแกคงจะหูไม่ดีนัก เขาเลยตั้งใจพูดช้า ๆ ชัด ๆ

"คือว่า...ผมจะ....ไป....ที่นี่" เขาพูดช้า ๆ ด้วยน้ำเสียงที่เกือบจะเป็นการตะโกน แล้วยื่นรูปภาพในมือให้ จนคุณยายรับไปแล้วก้ม ๆ เงย ๆ ดู

"ที่ไหนละเนี่ย? " คุณยายพูด

"เอ่อ...ผมก็ไม่รู้ครับ ถึงได้มาถามคุณยายนี่งาย..." ยูพยายามสื่อสารกับคุณยายอยู่พักหนึ่ง กระทั่งมีคุณป้าอีกคนที่ท่าทางจะรู้เรื่องกว่าเดินเข้ามาจากทางหลังบ้าน

"ไง พ่อหนุ่ม มีอะไรเหรอจ๊ะ? " คุณป้าท่าทางทะมัดทะแมงเดินเข้ามายิ้มทักทาย

"พอดีผมแวะมาถามทางน่ะครับป้า ที่นี่อะคับ พอดีไม่มั่นใจว่าต้องไปแยกไหน"

"อ๋อ...เอ้า นั่งพักก่อน ๆ " คุณป้าดูรูปแล้วร้องอ๋อ จึงชวนให้ยูนั่งลงบนแคร่ก่อน แล้วเดินลับไปทางหลังบ้าน จนยูได้แต่นั่งเก่าหัวแกร่ก ๆ จากนั้นพี่ยุทธก็เดินเข้ามาตาม "ไงยู ได้เรื่องไหม? " ยูยักไหล่ แล้วส่ายหน้าสองที

ไม่ทันไรคุณป้าคนนั้นก็เดินออกมาพร้อมกาน้ำกับแก้วเปล่าสองใบ จุดการยกการินใส่แก้วแล้วส่งให้ทั้งคู่ "ดื่มก่อน ๆ จะได้สดชื่น" ยูและยุทธกล่าวขอบคุณ แล้วยกชาอุ่น ๆ ในมือขึ้นมาดื่ม

"ดี ๆ ใบชาเนี่ยป้าเก็บมาเองกับมือเลยนะ..."คุณป้าพูดอวด "เอ่อ..ว่าแต่เรามาทำอะไรนะ" ยูได้ฟังแทบหัวล้มคะมำ

"ผมมาถามทางครับ พอดีกำลังจะไปที่นี่" ยูยกภาพในมือให้ดู "เมื่อกี้ถามคุณยายแล้ว แต่เหมือนจะคุยไม่รู้เรื่องนี่ครับ แหะ ๆ "

"อ๊อ ยายแกแก่แล้ว คุยกับใครไม่รู้เรื่องหรอก วัน ๆ ก็มานั่งเคี้ยวหมากอยู่หน้าบ้านนี่แหละ" คุณป้าพูดพลางหัวเราะ "นี่ ขับไปทางนี้ ตรงไปเรื่อย ๆ จะเจออนามัยหมู่บ้าน แล้วก็จะเจอโรงเรียนเอง มีป้ายใหญ่หน้ารั้ว หาไม่ยากหรอกหนุ่ม" คุณป้าวาดมือบอกทางให้ "แล้วนี่มาเที่ยวกันเหรอเรา แปลกดีนะ ปกติตรงนั้นไม่มีนักท่องเที่ยวหรอก"

"เปล่าครับ พอดีพวกผมมาทำค่ายอาสาที่โรงเรียนกับพวกเพื่อน ๆ ในมหาลัยน่ะครับป้า"

"อ้าว พ่อหนุ่มเองรึ ใช่คณะเดียวกับหนูภีมใช่มั้ยจ้ะ? " คุณป้าพูดถึงภีม ทำให้ยูตะลึงเล็กน้อย "รู้จักภีมด้วยเหรอครับ? "

"รู้จักสิ รู้จัก คุณหนูภีมน่ะ เป็นลูกเจ้าของไร่บนเขาแถบนี้ ใคร ๆ ก็รู้จักกันหมดแหละจ้า วานก่อนเห็นส่งจดหมายมาว่าจะมาทำค่ายอะไรนี่แหละ เลยนึกออก"

"เห...แบบนี้เองเหรอ นึกไม่ถึงเลยนะครับ"...คุณหนูภีมงั้นเหรอ ยูพูดในใจพลางนึกสงสัยที่มาที่ไปของเพื่อนคนนี้ ที่รู้ก็รู้แค่ว่าเป็นคนแถบนี้ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นคนใหญ่คนโต แถมพอได้ยินคำว่าคุณหนู ยิ่งรู้สึกขำแปลก ๆ

"ขอบคุณมากครับป้า งั้นพวกผมไปต่อแล้วนะ ชาสดชื่นมากเลย ขอบคุณครับ" ทั้งคู่ยกมือไหว้ขอบคุณเตรียมเดินทางต่อ "จ้าๆ เดินทางกันดี ๆ นะจ๊ะ"

...

ยุทธขับมาตามเส้นทางเดิมไม่กี่เมตรเปลี่ยนเส้นทางอีกรอบตามที่คุณป้าบอก เพื่อเข้าสู่เขตตำบลห้วยชมพูด้วยเส้นทางอีกสายที่แคบกว่า จนในที่สุดก็มาถึงที่โรงเรียนเล็ก ๆ แห่งหนึ่งบนเขา เป็นตึกอาคารสองชั้นที่ตีขึ้นจากไม้แผ่นหนา ส่วนชั้นล่างเป็นผนังปูนหลากสีสัน แต่ซีดเซียวตามอายุ ถึงจะดูท่าทางเก่าแก่ แต่ก็ยังคงดูแข็งแรงดี

มีสนามกีฬาด้านหน้าโรงเรียน ส่วนเส้นทางมาที่นี่นั้นถึงจะไม่สะดวกสบายนัก บางส่วนเป็นทางลาดยางอย่างดี บางส่วนเป็นซีเมนต์ผุๆ แต่ก็ยังนับว่าโชคดีที่ขับรถขึ้นมาได้ ไม่ต้องลงรถแล้วแบกของขึ้นมาเอง ยูยังแอบเห็นว่าระหว่างทางที่มา มีโฮมสเตย์เล็ก ๆ แห่งหนึ่งตั้งอยู่ด้วย ดูดีเลยทีเดียว ไว้มีโอกาสอาจจะแวะเวียนมาเที่ยวเองดูสักครั้ง

...

ยูเปิดประตูรถและลงไปสูดอากาศบริสุทธิ์ด้านนอก เหยียดตัวสองสามทีคลายความเหนื่อยล้า ทันทีเท้าเหยียบลงพื้น แล้วสูดหายใจเข้าเต็มปอด มันช่างสดชื่นเสียยิ่งกว่าอะไร บรรยากาศธรรมชาติรอบตัว รายล้อมไปด้วยภูเขา ต้นไม้ และสัตว์ป่า ที่หาไม่ได้ในเมืองหลวง

"โห สวยเนอะ" ยุทธที่เดินลงรถมาตาม เดินเข้ามใกล้ "อื้อ อากาศดีมาก ๆ ด้วย" ยูพูดขณะชูมือขึ้นยืดลำตัว จังหวะเดียวกันกับที่ได้ยินเสียงร้องโหยจากคนด้านหลัง

"อูยยยยย" ยุทธยืนโก้งโค้ง ไขว้มือไปลูบที่สันหลังของตัวเอง

"หืม เมื่อยเหรอ? "

"นิดหน่อย ไม่ได้ขับรถยาว ๆ แบบนี้มานานน่ะ แหะ ๆ " ยุทธพูดพลางใช้มือบีบนวดตัวเอง เขาบิกตัวไปมา จนได้ยินเสียงกระดูกดังกรอบแกร่บ

"ขอบคุณ..นะ" ยูพูดขอบคุณ ที่อีกฝ่ายอุตส่าห์ดั้นด้นพามาถึงที่นี่ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ธุระของเขา

"ขอเปลี่ยนคำขอบคุณ เป็นหอมแก้มทีนึงได้ปะ อิอิ" ยุทธพูดพลางเอานิ้วจิ้มแก้มป่อง

"มาใกล้ ๆ สิ" ยูกวักมือเรียก จนอีกฝ่ายรีบเดินจ้ำมาอย่างไว "หลับตาก่อนสิ" คนโตหลับตาลง ยูเดินอ้อมไปด้านหลังของเขา แล้วใช้ฝ่ามือบีบนวดบ่าไหล่กว้างให้แทน "จุ้บด้วยมือแทนละกันนะ" ยูตั้งใจบีบนวดให้อีกฝ่ายอย่างเต็มใจ

"อู๊วววววว ซี๊ดดดดดดดดด ดีจุง" คนโตร้องครางไม่เป็นภาษา กล้ามเนื้อที่ตึงตัว ค่อยๆ คลายออกจากกันจากแรงกดนวด "อ่ะ อ๊ะ อ๊าาาาห์ อื้มมมมมม" เขายังร้องครางฮือไม่หยุด

"ไอ้บ้า ร้องไรเสียงดัง น่าเกลียด เดี๋ยวคนผ่านมาเค้าเข้าใจผิดกันหมด" ยูพูดปรามเมื่อรู้ตัวว่าอีกคนแกล้งร้องคราง "โอ๊วววว อู๊ววววววส์" ไอ้ตัวโตยังแกล้งร้องไม่เลิก เลยโดนฝ่ามือจ้วงลงไปแรง ๆ บนหลังทีนึง "โอ๊ยย! "

"อ่ะ หายเมื่อยแล้วสินะ" ยูบีบข้อนิ้วที่มือดังกร่อบ

"ค..ค้าบบ" ไอ้ตัวโตทำฝืนยิ้มตอบอย่างเห็นได้ชัด จนยูร้องหึในลำคอ

แบ๊ก ๆ!!

เสียงเล็กแหลมจากสิ่งมีชีวิตตัวน้อยดังมาจากในพุ่มไม้ด้านหลัง ยูหันขวับไปทางต้นเสียง เห็นเจ้าหมาตัวดำผอมกะหร่อง ยืนตัวโก่ง ทำหางตรง ขู่พวกเขาทั้งสองคน

"ไง ไอ้ตัวเล็ก" ยูเดินเข้าไปใกล้ ๆ

แบ๊ก ๆ!! เจ้าตัวเล็กยังคงยืนจ้องตาไม่กะพริบ

"จริงสิ" ยูนึกอะไรขึ้นได้ จังเดินไปที่รถแล้วหยิบห่อขนมปลาเส้นอบในรถออกมา เป็นห่อที่ทานไปแล้วบ้าง แต่ยังไม่หมด "นี่ ๆ อยากกินป่าว"

แบ๊ก ๆ!! เจ้าตัวเล็กขานรับ ตอนนี้มันเปลี่ยนจากแววตาข่มขู่ เป็นสายตาของลูกหมาขี้อ้อน พลางกระดิกหางไปมาด้วยความสนใจ ยูเทปลาเส้นออกมาลงบนพ่อพลาสติก แล้ววางไว้ที่พื้น พลางใช้นิ้วเขี่ย ๆ ส่งสัญญาณให้เจ้าตัวเล็กมาทาน มันวิ่งเข้ามาแล้วเคี้ยวหยับ ๆ อย่างหิวโซ

แบ๊ก!! มันเห่าสั้น ๆ ให้ด้วยน้ำเสียงอีกโทน จัดการกินของตรงหน้าจนเกลี้ยง แล้วกระโจนเข้ามาหา ใช้ลิ้นตวัดเลียเข้าตามหน้าแข้งของยู "ฮะ ๆ ๆ เดี๋ยว ๆ ๆ " ยูอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมาด้วยความเอ็นดู

"ดูแล้วแกก็น่ารักนะเนี่ย มีเจ้าของรึเปล่าเนี่ยเรา หืม? " เขามองหาปลอกคอจากเจ้าหมา แต่ก็ไม่พบ แสดงว่ามันไม่มีเจ้าของ

"คงเป็นหมาจรแถวนี้ล่ะมั้ง แต่ดูเชื่องดีนะ" ยุทธเดินเข้ามาดูใกล้ ๆ ด้วยอีกคน

"เฮ้ ใจเย็น ๆ " ยูชูเจ้าหมาขึ้นสูงเพราะไอ้ตัวเล็กนี่ระดมลิ้นเลียแผล็บเข้าที่หน้าของเขาจนชุ่ม ยูยกมันออกจากหน้าทันทีกับที่เห็นรถคันโตสองคันขับเข้ามาเทียบท่า เป็นรถของเพื่อนอีกสองกลุ่มที่ล่วงหน้าออกมาก่อน ส่วนเจ้าหมาน้อยนั้น หันไปอีกทีก็เห็นมันวิ่งหายวับไปแล้ว สงสัยจะกลัวคนกลุ่มใหญ่ที่เพิ่งลงมา

"อ้าว ไหงมาช้ากว่าเนี่ย ออกมาก่อนตั้งนาน" ยูทักทายเพื่อนที่ลงจากรถ "แหม ก็รถพวกชั้นขนของเยอะนี่ยะ มาเร็ว ช่วยกันขนของลง" นุ้ยพูดตอบขณะถือของเต็มไม้เต็มมือ

ยุทธเดินเข้าไปช่วยรับของอย่างไม่รีรอ "พี่ช่วยอีกแรงนะ"

ทุกคนจัดการขนของลงจากรถคนละไม้ละมือ ส่วนนุ้ยกับภีมเข้าไปติดต่อกับผู้ใหญ่จากทางโรงเรียนอยู่ในตัวอาคาร ไม่นานก็ออกมาสมทบ พร้อมกับมีชาวบ้านพร้อมเด็ก ๆ กลุ่มหนึ่งเดินออกมาตาม แล้วช่วยขนของกันอีกแรงอย่างแข็งขัน

ภีมเป็นลูกหลานของคนที่นี่การติดต่อจัดการอะไรต่าง ๆ ก็เลยสะดวก เพราะคนในหมู่บ้านก็รู้จัก และรักภีมเหมือนลูกหลานตัวเอง

"ภีม แบกคนเดียวไหวเหรอนั่น มา เราช่วย" พายเดินเข้าไปหยิบกล่องสองสามใบจากภีม เพราะเห็นอีกฝ่ายเดินโงนเงน ดูท่าทางจะไม่รอด ทั้ง ๆ ที่ตัวเขาเองก็ถือของหนักอยู่แล้วในมือ "ขะ ..ขอบใจ" ภีมกล่าวขอบคุณเพื่อนที่ดูท่าทางแข็งแรงกว่าตน ขณะเดียวกัน ไอ้หนุ่มตัวโตอีกคนก็เดินมาจากด้านหลัง แล้วแผ่รังสีอำมหิตใส่ไอ้แว่นผมยาว

"อวดเก่ง ไอ้สัตว์" ไอ้ตัวโย่งที่เที่ยวเดินทักทายคนนั้นคนนี้อยู่ เดินมาพวกแขวะเพื่อนที่ทำแมนถือของคนเดียว "เสือกไร ทองแดง รีบ ๆ เดินไปสิมึง มัวทักทายคนนั้นคนนี้อยู่ได้" คำพูดสวนกลับของไอ้แว่น ไม่ทำให้อีกคนสะทกสะท้านเลยซักกะนิด เขาร้องหึในคอแล้วเดินนำหน้าตามยู และยุทธที่เดินล่วงหน้าไปไกลสุดในกลุ่มเพื่อน

"เฮ้ย ไอ้ยู" พลกระซิบถามระหว่างทาง ยูเลยเดินให้ช้าลงแล้วหันมามองเพื่อน ทำให้ยุทธเดินนำหน้าออกไปอีก

"พี่ชายคนนั้น กับมึงเนี่ย คือยังไงว้าา"

"คืออะไรของมึง" ยูขมวดคิ้วใส่

"อย่ามาไขสือน่า มึงก็รู้ กุหมายถึงอารายย" ไอ้พลใช้ไหล่อีกข้างชนเบาๆ เข้าที่ข้างแขนของยูปั่กๆ

"กะ...ก็รู้จักกัน แค่นั้นแหละ" ยูพูดกุกกัก ช่วงเวลาที่เขาและยุทธรู้จักกันแรก ๆ ยูยังไม่สนิทกับกลุ่มนี้มากนัก เพื่อน ๆ ทั้งหมดเลยไม่รู้จักยุทธมาก่อน ยกเว้นแต่นุ้ย ที่เคยเห็นผ่าน ๆ ตามาบ้าง แต่ก็แค่ช่วงหนึ่ง แล้วพักหลังยุทธก็หายไปเลยไม่เคยเห็นมาอยู่ป้วนเปี้ยนกับยูเหมือนช่วงแรก

"รู้จักกันเฉย ๆ แต่ขับรถพามาถึงเชียงรายเนี่ยนะ"

"เออ" ยูตอบเสียงห้วน

"หราาาา ค้าบบบบ คุณยูววว" ไอ้โย่งทำน้ำเสียงยียวน

"อ้าวเหรอ ระ เรานึกว่าเป็นแฟนกันซะอีกนะเนี่ย" ภีมที่เดินตามหลังมาแบบเงียบ ๆ พูดขึ้น ยูสะดุ้ง ไม่รู้สึกตัวมาก่อนว่าทั้งสองคนข้างหลังจะเดินตามมาทันกัน

"เฮ้ย ๆ อะไรนะ ใครแฟน แฟนใคร แฟนไอ้ยูเหรอ" ไอ้พายเดินแหกปากมาแต่ไกล กับเรื่องแบบนี้ล่ะหูดีจริง ๆ ไอ้สามตัวเนี่ย

"ไม่มีไรทั้งนั้นว้อยย" ยูพูดแล้วเร่งฝีเท้าขึ้น

"โด่ว บอกมาตรง ๆ น่า เพื่อนกัน กูรู้หรอกว่ามึงเป็น มาอายไรพวกกูวะ" ไอ้พลพูดแหย่ ถึงยูจะไม่ใช่เกย์ประเภทที่ชอบแสดงออกอะไรมากนัก แต่การที่เป็นเพื่อนกันมานาน ทำให้ทุกคนก็ค่อนข้างดูออกว่าเขาชอบอะไรแบบไหน

"สาสส ไม่คุยด้วยละ เอ้า รีบ ๆ แบกของตามมา" ยูเดินจ้ำอ้าวออกมา กลัวเจ้าสามตัวนั่นจะรู้ว่าตัวเองหน้าแดงไปถึงหูเข้าแล้ว

"เห้อ อิจฉาว้อย อยากมีแฟนมั่ง" พลพูดแล้วถอนหายใจ

"หน้าเหี้ยอย่างมึงอะ ฝันไปเลย" ไอ้แว่นพูดตอกย้ำเพื่อนตัวโตจนมันหันขวับกลับมาทำตาหรี่ใส่

"ปากดี เดี๋ยวกูจับมึงทำเมียแทนดีมะ"

"ควาย แน่จริงก็ลองดูดิวะ"

"ใจเย็น ๆ น้าา อย่าทะเลาะกัน" คนที่ใจเย็นในสุดพูดปรามเพื่อน

"หรือภีมจะมาร่วมวงด้วยกันอีกคนล่ะ หื้มมม? " ไอ้พลทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่เพื่อนตุ้ยนุ้ย

"เหี้ยพล เลิกแกล้งเลย ภีมมันตัวแดงเป็นกุ้งแล้วเนี่ย" พายพูดปกป้องเพื่อน...คนสำคัญ

"เฮ้ยมึง ขนของมาเร็วดิ๊ มัวแต่เล่นอยู่นั่น" เสียงเล็กแหลมดังมาแต่ไกล จากเพื่อนสาวตัวเล็กที่เดินดูอยู่จากด้านหลัง เห็นไอ้สามตัวนี้เดินอุุ้ยอ้ายหยอกล้อกันอยู่ได้

"ค้าบบบบบบ" สามหนุ่มพร้อมใจกันประสานเสียง แล้วเดินจ้ำไปอย่างไว

...

เมื่อขนของเสร็จกันหมดแล้ว ทั้งหมดจึงไปรวมตัวกันที่แคร่ไม้ใต้ร่มของต้นจามจุรีต้นใหญ่ เพื่อนั่งพัก และฟังคำกล่าวต้อนรับจากผู้อำนวยการโรงเรียน ผู้ชายผิวขาว ตัวผอมสูง หน้าตายิ้มแย้ม ท่าทางเป็นกันเอง สวมเสื้อยืดคอจีนผ้าลินินสีขาวตัวโปร่ง กับกางเกงเลขายาวสีคราม ดูไม่คล้ายกับครูใหญ่ในเมือง ที่ส่วนมากมีแต่ตาลุงพุงโลหัวล้าน ส่วมเสื้อผ้าราคาแพง

พอรวมตัวกันได้ไม่นาน ก็มีชาวบ้านสองสามคนสวมใส่ชุดพื้นเมืองสีแดงดำที่ทำจากผ้าฝ้ายทอมือ ดูประณีต เราเรียกคนพื้นถิ่นที่นี่ว่า “อิ้วเมี่ยน” ผู้อำนวยการเล่า “ปกติคนจะติดการเรียกว่า ชาวเย้า แต่ถ้าเรียกให้ถูกต้องเรียกว่าอิ้วเมี่ยน จะเรียกว่าเมี่ยนเฉย ๆ ก็ได้” คนหนึ่งหิ้วกาน้ำสีทองเหลืองในมือสองใบ ส่วนอีกคนหิ้วตะกร้าที่มีจอกใบเล็ก ๆ อยู่ด้านใน แล้วจัดการรินชาในกาส่งให้เราคนละจอก

ยูและยุทธหันมองตากัน นึกถึงคุณป้าที่แวะถามทาง สำหรับที่นี่ “หาเก้าอี้ให้นั่ง รินชาให้ดื่ม” เหมือนจะเป็นประเพณีการต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองอีกอย่างหนึ่ง ที่ไม่ว่าจะไปบ้านหลังไหนก็จะได้เจอภาพแบบนี้อยู่ร่ำไป แม้ว่าเราแค่จะแวะถามทางเท่านั้นเอง

เมื่อพักเหนื่อยกันเรียบร้อย นุ้ยก็เรียกรวมตัวแล้วพูดย้ำถึงแผนการอีกครั้งให้ฟัง พวกเราจะมาออกค่ายที่นี่กันสามวัน กิจกรรมในวันแรกช่วงบ่ายจะเป็นกิจกรรมสันทนาการรู้จักชุมชน ทำความรู้จักกับชาวบ้าน และเด็ก ๆ แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมประเพณีกัน

วันที่สอง ตอนเช้าผู้อำนวยการจะพาเดินชมทุ่งดอกเก๊กฮวย ตกมาสายๆ จะเป็นกิจกรรมบำรุงสถานที่ ซ่อมแซมอาคารส่วนเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่สามารถทำกันเองได้ และทาสีตกแต่งรอบ ๆ ตัวอาคาร ทางเดิน และลานเด็กเล่น ส่วนเช้าวันที่สามก็เดินทางกลับ ส่วนที่พักพวกเราตัดสินใจว่าจะกางเต็นท์นอนกันเองที่ลานกว้างใกล้ ๆ โรงเรียน

"เอ้า เด็ก ๆ หายเหนื่อยกันแล้วก็ไปกันเถอะ เดี๋ยวครูจะพาเดินชมในหมู่บ้าน " ผู้อำนวยการลุกขึ้นจากแคร่ แล้วหวักมือเรียกให้ทุกคนเดินตามไป "พวกเราโชคดีนะมาถูกช่วง ตอนนี้ในหมู่บ้านมีพิธีแต่งงานพอดี เดี๋ยวครูจะพาไปดูด้วยที่นี่เราให้ความสำคัญกับพิธีกรรมต่าง ๆ มันคือวิถีชีวิตของเราตั้งแต่วันเกิดจนวันที่ตายจากไป"

เราเดินมาถึงบ้านหลังใหญ่ ดูคล้ายกับพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมที่ตีขึ้นจากไม้ รอบ ๆ เต็มไปด้วยแขกผู้มาร่วมงานพิธี วันนี้เป็นพิธีกรรมวันที่สามของการแต่งงาน จึงไม่มีพิธีการอะไรมาก ส่วนมากจะเป็นการฉลอง กินดื่ม เล่นดนตรี สนุกสนานรื่นเริงมากกว่า

ยูมองไปเห็นเจ้าสาวและเจ้าบ่าวยืนรับแขกอยู่ในงานสวมชุดพื้นถิ่นเต็มยศ ชุดของเจ้าสาวคล้าย กับชุดของชาวบ้านสองคนที่นำน้ำชามาให้เราดื่มที่โรงเรียน แต่ดูละเอียดมากกว่าหน่อย และมีหมวกใบใหญ่ มีริ้วผ้าสีแดงประดับ ส่วนเจ้าบ่าวเป็นชุดคล้ายเสื้อหม้อฮ่อมเรียบ ๆ สีคราม สวมหมวกเช่นเดียวกัน

ฝ่ายเจ้าภาพเห็นพวกเรายืนเกาะกลุ่มกันอยู่พร้อมผู้อำนวยการก็เดินเข้ามาต้อนรับอย่างสนิทชิดเชื้อ และเชิญชวนให้เข้าไปร่วมงานด้านใน เนื่องจากผู้อำนวยการได้นัดแนะไว้แล้วก่อนหน้า พวกเราแยกไปนั่งที่แคร่ไม้ใต้ร่ม ห่างจากเต็นท์งานออกมาหน่อย เพราะคนเยอะนั่งกันไม่หมด ไม่นานเจ้าบ่าวและเจ้าสาวก็ถือกาน้ำชาออกมาต้อนรับ ยูกับยุทธมองตากันเหมือนรู้ใจ สงสัยวันนี้เราคงได้ดื่มชากันอีกทั้งวันจนตาแข็งเป็นแน่

"อาจารย์คะ หนูเคยได้ยินมาว่าปกติชาวเผ่าจะมีพิธีการขั้นตอนซับซ้อนในการแต่งงานแล้วสำหรับที่นี่การที่คนสองคนจะแต่งงานกันได้นี่ ต้องมีขั้นมีตอนอะไรบ้างคะ? "แพร์ ที่สนอก สนใจพิธีการเป็นพิเศษ เพราะเธอทำโปรเจควิจัยเกี่ยวกับงานออกแบบพื้นเมือง พูดซักถามอย่างไม่เคอะเขิน

"ก็...สำหรับคู่นี้พบกันคืนเดียว ก็แต่งกันเลย " ผู้อำนวยการพูดเสียงเรียบ

"ห๋า! " แพร์รวมถึงเพื่อนคนอื่น ๆ พร้อมใจกันกันหันมาร้องเหวอ เห็นผู้อำนวยการร้องหัวเราะเบา ๆ เขาเคยเห็นภาพนี้มานักต่อนักแล้ว "ฮะๆๆ คงจะแปลกใจล่ะสิ "แพร์พยักหน้าหงึก

"มันเป็นเรื่องของดวงชะตาน่ะ ชาวเมี่ยนไม่ถือว่าการที่คนสองคนจะตกลงปลงใจได้จะต้องประสบพบเจอกันยาวนานหรืออะไรแบบที่อื่น ที่นี่สำหรับบางคู่พบเจอกันแค่คืนเดียว แต่รู้สึกชอบพอกันทั้งสองฝ่ายก็แต่งกันได้เลย แต่ก็มีกฎระเบียบอยู่บ้างเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น ต้องเป็นคนต่างแซ่ แต่ถ้าชอบพอกันจริง ๆ ก็อนุโลมได้ แต่สำคัญคือทั้งคู่ต้องดูดวงชะตาว่าสมพงษ์กันหรือไม่ หากดวงชะตาเข้ากันไม่ได้ ก็ไม่สามารถแต่งงานกันได้ "

“ดูความเรียบง่าย แต่ก็แอบซับซ้อนแฮะ” ยูนั่งกุมคางมองขึ้นฟ้า เผลอเผยอปากออกมาเล็ก ๆ มองเหม่อลอยพลางคิดถึงเรื่องที่ผู้อำนวยการเล่าให้ฟัง จนคนข้าง ๆ ขยับต้นขามาสะกิด จนต้องมองไปหาเจ้าของ

"ดูเหม่อลอยนะเรา น้ำลายจะยืดละ ดื่มชาจนง่วงหรอ" ยุทธพูดท้วง ไอ้คนเหม่อเลยมุ่ยหน้าใส่ไปที "ยุ่งน่ะ"

ผู้อำนวยการพาทั้งหมดเข้าไปเดินชมด้านในบ้าน เจ้าของบ้านหลังนี้ชื่นชอบงานศิลปะมาก ๆ เขาสะสมงานต่าง ๆ ไว้ทั่วทั้งศิลปะอิ้วเมี่ยน และศิลปะจากชนเผ่าอื่น ๆ จุดนี้เป็นจุดที่พวกเราส่วนมากให้ความสนใจกันพิเศษ ภีมยกกล้องขึ้นมาถ่ายภาพด้านในเก็บไว้จนหมดฟิล์มไปหลายม้วน หลังจากนั้นก็ได้ออกไปเดินชมอีกหลายแห่งในหมู่บ้าน ทั้งตลาด ทั้งวัด และไร่สวนของชาวบ้าน กิ๊ฟ กับฟาง สองสาวนักช๊อปได้ของติดไม้ติดมือมาหลายชิ้นจนเกือบหิ้วไม่ไหว ทั้งของที่ซื้อมา และชาวบ้านมอบให้เป็นของที่ระลึก จนกรรมตกไปอยู่ที่ไอ้พายกะไอ้พลที่ต้องแบกให้แทนเผลออีกทีก็ล่วงเลยไปเกือบเย็นแล้ว พวกเราไหว้ลาผู้อำนวยการ ที่เดินมาส่งที่โรงเรียน แล้วแยกย้ายกันไป

"เอ้า ๆ ก่อนจะมืดค่ำซะก่อน เดี๋ยวจะจับคู่นอนให้ตามนี้นะ ผู้ชายสามคน ไอ้พล ไอ้พาย กับภีม ไปนอนเต็นท์ใหญ่ด้วยกัน" นุ้ยพูดแจงรายการจัดกลุ่มนอนให้เพื่อนทั้งหมดฟัง

"เอ๊า ไรวะ.." ไอ้พายเจ้าเห่าแหกปากขึ้นมาสวน จนนุ้ยยกมือขึ้นทำท่าปราม "สต๊อปค่ะ อย่าเพิ่งขัด...อะแฮ่ม ๆ ....ส่วนผู้หญิงนอนกันเป็นคู่ เรากับแพร์ ฟางกับกิ๊ฟ เบสท์กับกุ้ง" สาว ๆ ทั้งห้าพยักหน้าหงึก ๆ อย่างดินดี

"ส่วนไอ้ยู ไปนอนคู่กับพี่ยุทธ เคนะ" นุ้ยขยิบตาให้ยุทธหนึ่งที เหมือนส่งสัญญาณบางอย่างให้กัน ยูแอบเห็นจึงหันขวับไปหาไอ้คนโต ที่ยิ้มแหะๆ เป็นการตอบรับนุ้ย หารู้ไม่ว่า ยังมีอีกห้าสาว ที่กำลังพากันแอบอมยิ้มจับจ้องทั้งคู่อยู่

"หืม? " ยุทธหันมามองยูที่จ้องเขาอยู่

"ไร" ไอ้คนจ้องหน้าทำปากแข็ง

"ก็เห็นมองหน้าพี่"

"เปล่าหนิ ไม่ได้มอง"

"แล้วไป หึหึ"

นุ้ยปรบมือสองสามทีเรียกสติทุกคน "เอ๊า โอเคนะ แยกย้ายกางเต็นท์ค่าา จะมืดแล้ว " จากนั้นจึงแยกย้ายกันไปจับจองจุดวางเต้นท์กันโดยเราจะนอนกันที่ใกล้ ๆ ริมเนินลาดลงที่อยู่ถัดจากโรงเรียนมานิดหน่อย เพราะเป็นลานโล่งๆ สามารถก่อไฟได้สะดวก และมีวิวที่ด้านหน้าให้ชม ยิ่งตอนนี้ที่พระอาทิตย์กำลังคล้อยต่ำลง มองๆ ดูแล้วสวยเหลือเกิน

"พาย นายกางเต็นท์แบบนี้เป็นป่าว เราทำไม่เป็นอะ" ภีมชูชุดห่อใส่อุปกรณ์กางเต็นท์ให้ดู มันเป็นแบบก้าน ที่ต้องค่อย ๆ สอดโครงเข้ากับผ้าเต็นท์แล้วสลักลงพื้น ปกติภีมเคยแต่ใช้แบบสำเร็จรูปที่พับ ดัด เป็นวงกลม พอจะใช้ก็แค่บิดออกมาก็เสร็จเลย แต่กิ๊ฟขอแลกเปลี่ยนมาเพราะทางนั้นเองยิ่งแล้วใหญ่

"อะ..เอ่อ"พายรับห่อเต็นท์มา แล้วทำหน้าเลิ่กลั่ก

"หึหึ กางไม่เป็นสิมึง"พลยิ้มเยาะ

"ไอ้สัตว์ ของแค่นี้...ไม่เห็นจะยาก" พายพูดทำท่ามั่นใจ แล้วค่อย ๆ คลี่อุปกรณ์ในห่อออกมาเรียงบนพื้น แล้วพิจารณาดูส่วนประกอบต่าง ๆ หยิบมาทีละชิ้นแล้วค่อย ๆ ประกอบดูแบบลองผิดลองถูก

"โอยยย จะได้นอนมั้ยเนี่ย คุณพายยย" ไอ้ตัวโย่งที่ยืนถือท่อนไม้สำหรับก่อไฟอยู่ พูดล้อเลียนอีกคนที่ก้มหน้าก้มตาประกอบเต็นท์อยู่นาน ส่วนภีมได้แต่ยืนเอาใจช่วยอยู่ข้าง ๆ

"ดูไปเงียบ ๆ พูดมาก สัตว์" พายพูดไปทำไป แต่ดูท่าทางจะไม่รอด

"ขอโทษด้วย ที่ช่วยอะไรไม่ได้นะพาย ฮือ" ภีมหยีตาขอโทษเพื่อน

"เฮ้ย ไม่เป็นไร แค่นี้….โอ๊ย! " พายพูดยังไม่ทันจบ โครงเต็นท์ในมือก็ดีดเข้าที่หน้า จนเริ่มมีรอยแดงขึ้นซึม ๆ "พาย! " ภีมตะโกนร้อง

"เฮ้ย มึง! " พลทิ้งท่อนไม้ในกำมือลงพื้น แล้ววิ่งพรวดเข้ามาหาพายอย่างรวดเร็ว

"ซี๊ดดดดด" พายทำหน้าเจ็บแสบ มือกุมที่เบ้าตา

"ไหน กูดูหน่อย" พลแกะมือเพื่อนที่กุมเบ้าตาอยู่ออกอย่างแผ่วเบา แล้วยื่นหน้าคมเข้าไปไกล้พิจารณาอยู่ทีสองที โชคยังดีที่แค่เฉียด ไปที่ปลายคิ้ว ไม่ได้โดนเข้าตาเต็มๆ

"โดนตามั้ยพล" ภีมเดินเข้ามาดูด้วยความเป็นห่วงเพื่อน

"ไม่หรอก แค่ถาก ๆ น่ะ หนังหน้าหนาอย่างมัน เดี๋ยวก็หาย" พลพูดแกมกวนประสาทไอ้คนที่ร้องดิ้นพล่าน

"อ้าว ไอ้สัตว์ ด่ากูว..อู้วววว"พายด่าเพื่อนไม่ทันเสร็จก็ต้องร้องซี๊ด เพราะเจ็บแสบที่แผลขึ้นมา

"ภีมม่วยพามันไปหานุ้ยหน่อย กล่องยาอยู่กับนุ้ย เอาผ้าม้วน ๆ ประคบน้ำแข็งกดไว้ก่อนซักครึ่งชั่วโมง เดี๋ยวกูจัดการเรื่องเต็นท์ต่อเอง" พลออกคำสั่งให้เพื่อนแบบมีสติ ภีมมองเพื่อนที่ทำหน้าเข้ม ทั้งมือที่พะวนกับการปฐมพยาบาลเพื่อน ยังสามารถมีสติจัดการออกคำสั่งได้อีกไปพร้อม ๆ กัน เขาดูแล้วรู้สึกทึ่ง และปลื้มใจ... ทั้งตัวสูงใหญ่แข็งแรง ดูเป็นที่พึ่งพาของทุกคนได้ แถมยังมีสติรับมือเรื่องต่าง ๆ ได้ดี ช่างต่างจากตัวเขา ที่ทำอะไรเองไม่ได้ดีสักอย่าง

"โอเค.. ป่ะ พาย " ภีมประคองเพื่อนไปที่เต็นท์ของนุ้ย แล้วจัดการประคบเย็นให้

"ทำให้ห่วงอยู่เรื่อยเลยมึงเนี่ย" พลพูดพึมพำกับตัวเอง พลางเป็นห่วงคนอีกคนที่ไม่รู้อะไรเอาซะเลย..

...

ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าหายไป และกลับกลายเป็นหน้าที่ของดวงจันทร์ที่ต้องมามอบแสงสว่างยามค่ำคืนให้แทน เหมือนนัดกันไว้ ทุกคนนั่งล้อมวงกันรอบกองไฟใกล้ๆ เต็นท์ยกเว้น ฟาง กิ๊ฟท์ เบสท์ และกุ้ง สี่สาวขี้เซาที่หลับไปตั้งแต่หัวค่ำ บอกว่าเก็บแรงไว้ปาร์ตี้วันสุดท้ายพอ จึงเหลือกันแค่ ห้าหนุ่มกับสองสาวที่แรงเหลือเฟือ

พลหยิบขดยากันยุงไปจ่อไว้ที่กองไฟพอติด แล้ววางไว้รอบๆ

"โห เตรียมพร้อมจริง ๆ ไอ้พล" ยูพูดแซวเพื่อน

"แน่นอน ไม่งั้นเดี๋ยวมีคนแถวนี้ยุงหามตายก่อนค่ายเสร็จ"พลพูดพลางชำเลืองไปที่พาย ที่นั่งคลุมโปงอยู่ ท่าทางขี้หนาว

"ไรสัตว์" พายจ้องตาเขม็งกลับเมื่อรู้ว่าตกเป็นเป้าสายตาของคนตัวสูง

"บนเขาแบบนี้ พอได้มาเข้าจริง ๆ ก็หนาวกว่าที่คิดเนอะ ดีนะที่พกเสื้อหนาวมาหลายชั้น"

นุ้ยที่นั่งข้าง ๆ พยักหน้าหงึก "ใช่ ยิ่งดึกๆ ทั้งหนาวทั้งมืดแบบเนี้ย พวกมึงรู้ป่ะ เค้าว่ากันว่า…"

"หยุดเลยนุ้ย ห้ามเล่าเรื่องผี" ยูยกมือขึ้นปรามเพื่อน มาเล่าเรื่องผีแนวบนดอยแบบนี้ เป็นรางไม่ดี

"อ้าว แล้วกัน ...ชิ" นุ้ยบุ้ยปาก อุตส่าห์แอบเตรียมเรื่องมาเล่าให้ฟังตั้งเยอะแยะ

"ยูกลัวผีเหรอ" ยุทธหันหน้ามาถามคนข้าง ๆ พลางใช้ไหล่สะกิดเบา ๆ

"เปล่าซักหน่อ…"

"กลัวขี้หดตดหายเลยค่า" นุ้ยพูดขัดก่อนยูจะปฏิเสธ

"อื้อ ไม่เล่าอะดีแล้วนุ้ย เรากลัวผี เดี๋ยวคืนนี้นอนไม่หลับ" แพร์พูดเสริม

"แหงะ..." นุ้ยเล่าไม่ลงเมื่อเห็นเพื่อนสาวทำหน้าเหยเก

ตริงง~

เสียงดีดจากกีตาร์ตัวจิ๋วหนึ่งที ลอยมาเบา ๆ จากคนตัวโต ทำสายตาของทุกคนจับจ้องไปยังเจ้าของเสียง

"มา ฟังเพลงเปลี่ยนบรรยากาศกันดีกว่า" ยุทธยกกีตาร์ตัวเก่งมาอวด เขามีตัวหนึ่งติดท้ายรถไว้พอดี เลยได้ทียกมาเล่นด้วย

"เย้ จัดมาเลยค่าา"

เสียงเชียร์เกรียวกราวกันยกใหญ่จากทุกคน พี่ยุทธก้มโค้งลงเล็กน้อยเพื่อเป็นการกล่าวทักทายเหมือนเวลานักดนตรีทำบนเวที แล้วเริ่มบรรเลงเพลงเบา ๆ แล้วร้องเสียงทุ้มต่อคลอเบา ๆ สมแล้วกับที่เคยเล่นดนตรีมาก่อน ทุกคนในวงต่างเคลิ้มไปกับเสียงเพลงยามค่ำคืนที่ประดับประดาไปด้วยดาววับวาวเต็มท้องฟ้า

...

ออฟไลน์ octobearx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
“เดี๋ยวไปเข้านอนแล้วนะค้า/คร้าบ แล้วเจอกันพรุ่งนี้”

ทุกคนที่เริ่มง่วง ต่างแยกย้ายกันไปเข้าเต็นท์นอนหลังจากร้องรำทำเพลงกันมาสักพัก แต่ไว้แต่พี่ยุทธที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมกับกีตาร์ตัวเล็ก ผมเดินไปเข้าห้องน้ำที่ในโรงเรียน พอเดินออกมาทุกคนก็เข้านอนกันหมดแล้ว พอเดินเข้ามาใกล้ ๆ เต็นท์ก็ได้ยินเสียงเพลงแผ่ว ๆ ดังมากับสายลม

“หากความรักเป็นเหมือนลม

คงพร่างพรมอยู่ข้างเธอ เฝ้ารอคอย

เสียจนเก้อ คิดถึงเธออย่างจริงจัง

แต่พอไม่นานรักก็ผ่านสะบัด

เหมือนลม พัดเลยผ่านไป

หากเธอยังจำเพลงนี้ได้...

นี่คือลมหายใจของความคิดถึง”

คนตัวโตที่ยังคงไม่เข้านอน แต่ยังนั่งร้องเพลงอยู่ที่เดิมหน้ากองไฟ "ไม่ไปนอนเหรอ" ยูเดินมาใกล้ แล้วถามคนที่นั่งอยู่คนเดียวข้างกองไฟ "ยังไม่ง่วงเท่าไหร่น่ะ แล้วก็นั่งรอยูไปเข้าห้องน้ำด้วย" เขาเดินไปนั่งลงข้างๆ

"อยู่ต่อหน่อยก็ดี ยังไม่ง่วงเหมือนกัน"

ยูนั่งเหม่อดาวบนท้องฟ้า ท่ามกลางกองไฟที่ใกล้จะมอดลงเรื่อย ๆ แต่ยังคงพอมีเปลวไฟริบหรี่พอให้แสงสว่างและความอบอุ่นได้พอคลายหนาว

"ได้มาดูดาวด้วยกันสักทีเนอะ" ยุทธพูดแล้วยิ้มบาง

"ทำไมเหรอ? "

"...จำไม่ได้ล่ะสิ"

"ผมเคยบอกว่าอยากมาเหรอ? "

"เคยสิ ยูเคยบอกพี่ว่า อยู่ในเมืองมองไม่เห็นดาวเหมือนอยู่ที่บ้าน ถ้าสักวันได้ออกมาด้วยกันคงจะดี"

"งั้นเหรอ…"

"น่าจะเป็นช่วงนั้น ตอนที่พี่พายูไปดูดาวที่ท้องฟ้าจำลอง เราชอบใจใหญ่ แล้วก็บ่น ๆ มาตลอดว่าอยากไปนั่งดูของจริง จริง ๆ "

"ก็ดีจริง ๆ นะ ได้ดูดาวบนฟ้าทีไร ใจมันสงบแปลกๆ "

"เราคงชอบมาก ชวนพี่ไปดูตั้งหลายรอบเลย แทบจะทุกครั้งที่มีหนังเรื่องใหม่ ๆ ในนั้นมาให้ชม"

"จริงอะ งี้กลับไป ต้องไปดูแล้วล่ะ จำไม่ได้แล้วว่าดูล่าสุดไปตอนไหน"

"พี่ไปดูกับเราบ่อยจนรู้วิธีดูดาวเลยล่ะ เราอะยังดูเป็นอยู่มั้ย"

"อืมม.." ยูยื่นมือออกไป ทำมือทาบบนท้องฟ้า บิดข้อมือขึ้นลงไปมา "ฮ่ะ ๆ ๆ คืนครูหมดแล้ว"

"นี่งาย แบบนี้" ยุทธใช้ฝ่ามือหนาขับที่มือของผมวาดไปตามท้องฟ้า "เห็นดาวเจ็ดดวงนี้มั้ย เขาเรียกว่าดาวหมีใหญ่ แต่มันไม่ได้เรียงเป็นรูปหมีนะ จะเป็นรูปเหมือนกระบวยตักน้ำ" ยุทธดึงนิ้วชี้ของยูออกมา แล้วไล่เรียงไปตามดาวทั้งเจ็ดดวง ที่สว่างสุกใสเป็นพิเศษ

"ทีนี้เราก็มาหาดาวสองดวงแรกของปลายกระบวยตักน้ำ มันจะชี้ไปที่ดาวเหนือแบบนี้" นิ้วชี้ของยูชี้ไปที่ดาวสองดวงที่เรียงต่อกันแล้วลากยาวลงมาประมาณสี่เท่า ก็เจอกับดาวอีกดวงที่สุดสว่างไม่แพ้กัน ยุทธยังจับมือเขาไว้แน่น

"เฮ้ย ทำได้จริงด้วยเว้ยเฮ้ย" ยูร้องตะลึงเมื่อเขามองหาดาวได้จริง ๆ

"แล้วจุดนี้นอกจากดาวเหนือ มันยังเป็นส่วนหางของกลุ่มดาวอีกกลุ่ม หน้าตาเหมือนดาวหมีใหญ่ แต่เล็กกว่า เขาเลยเรียกว่ากลุ่มดาวหมีเล็ก ...ยูเคยชอบจนเอาไปวาดรูปแล้วให้แทนของขวัญวันเกิดพี่เลยนะ"

"อ๋อ จำได้ละ ที่ผมวาดจุดกลม ๆ เอามาเรียงต่อกันเป็นหน้าพี่ ยื่นแขนมาจับมือผม เหมือนดาวหมีเล็กกับดาวหมีใหญ่ "

"ยูบอกว่าไม่รู้จะซื้ออะไรให้ดี ครั้นจะซื้อของแพงๆ ให้ เราเองก็ไม่มีกะตังค์ "

"ฮ่าๆ พูดแล้วก็อาย ตอนนั้นเพิ่งเข้ามหาลัยใหม่ ๆ งานเสริมก็ทำไม่เป็น ลำพังค่าใช้จ่ายแต่ละวันก็แทบจะไม่พอกินแล้ว หันมาดูทุกวันนี้สิ พอทำงานเป็นเข้าหน่อย วัน ๆ ซื้อนั่นนี่กินไม่ยั้ง"

"พี่ชอบนะ ชอบยู ที่เป็นยูแบบนั้น ของแพงๆ พี่ไม่อยากได้หรอก แค่ยูให้มา จะอะไรก็ดีใจทั้งนั้น"

"อื้อ.."

"พี่ยังเก็บเอาไว้อยู่นะ...รูปนั้น เอาใส่กรอบไว้อย่างดี กับอย่างอื่น ๆ อีก พี่เก็บเอาไว้ หมดเลย"

"คิดถึงมันเนอะ"

"เหมือนกัน พี่ก็คิดถึง ..คิดถึงทุกวินาทีที่เรามีกัน” ทั้งคู่เปลี่ยนจากมองดูดวงดาวมามองตากันนิ่ง

"ขอจูบได้มั้ย" ยุทธยื่นใบหน้าหล่อเข้ามาใกล้ จนปลายจมูกสัมผัสกัน

"พี่ยุทธ…" ยูยกมือขึ้นวางทาบหน้าอกของยุทธ แล้วผลักดันมันออกอย่างแผ่วเบา พลางกุมมืออีกฝ่ายแน่น

"พี่ยุทธ…"

"ครับ"

"ถามไรหน่อยดิ…"

"ครับ"

"ตอบมาตามจริงนะ ถามโกหกด้วย"

"สัญญาครับ" ยุทธชูสามนิ้วแบบลูกเสือ

"ที่มาที่นี่ เพราะเรื่องงานจริงหรือเปล่า"ผมถามออกไป ด้วยความที่อยากจะพิสูจน์ให้แน่ใจอะไรบางอย่าง กับอีกคน

"ปล่าวหรอก พี่แค่…อยากช่วยอะไรที่พอจะช่วยยูได้ …..กับอยากมา อยู่ใกล้ๆ ยู เท่านั้นเองแหละ"

"มันจะดีเหรอ ที่พยายามทำมาทั้งหมดเนี่ย"

"ดีสิ พี่จะไม่คิดเสียดายทีหลังแน่นอน"

"ถึงแม้ว่าอาจจะทำไปเท่าไหร่ มันก็ไม่มีวันได้ผลอะไรกลับคืนมาน่ะเหรอ? "

"ครับ"

"…พี่ยุทธ"

"หรือว่ายู อยากจะให้พี่เลิกทำแบบนี้มั้ย...คือว่านะ...พี่รู้แหละว่าสิ่งที่ทำ มันอาจทำให้ยูรำคาญใจ แต่หัวใจพี่มันไม่ยอมหยุด มันไม่ยอมปล่อยยูไปสักที"

"พี่ยุทธ…" ยูมองตายุทธ แล้วรู้สึกเห็นใจอีกฝ่ายจริง ๆ

"แต่ถ้ายูอยากจะให้พี่ไป แค่พูดมาคำเดียว พี่พร้อม พี่พร้อมจะยอมรับมัน ถ้าหากว่าทำให้ยูสบายใจ"

"ผม..." ยูปวดแปลบ ๆ ที่ใจ เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะเปิดทางให้ได้หลุดพ้นจากเขาสักที ทั้ง ๆ ที่พูดว่าจะทำมาตลอด แต่ทำไม เมื่อรู้ว่าถ้าพูดออกไปแล้ว อีกฝ่ายจะไม่ได้กลับมาอีก พอเอาเข้าจริง ก็เป็นตัวเขาเองต่างหาก ที่ปล่อยยุทธไปได้

...

"ขอเวลาผมหน่อยได้ไหม…ขอเวลาผมอีกนิด…ให้ผมได้มั่นใจ..กับหัวใจของตัวเองจริง ๆ ..." ยูพูดออกมาจากใจ เขาไม่ได้โกรธ ได้เกลียดยุทธอีกต่อไปแล้ว แต่เขายังอยากให้หัวใจของเขาได้มั่นใจอีกครั้ง ว่าเขาพร้อมแล้วจริง ๆ ที่จะก้าวต่อไป กับคนที่เขารัก โดยไม่มีการเคลือบแคลงใจในตัวเอง ทั้งนี้ก็เพื่อตัวเขาเอง และอีกฝ่ายทั้งคู่

"ได้สิ...พี่รอได้เสมอ"

"ขอบคุณ..นะครับ" ยูกุมมือยุทธไว้แน่น อีกฝ่ายก็ตอบรับด้วยการกุมมือแน่นกลับมา ทั้งสองพูดคุยเรื่องต่าง ๆ กันอยู่นานพักใหญ่ เหมือนไม่ได้คุยกันมานานมาก จนเริ่มสังเกตได้ว่าท้องฟ้าค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีม่วง สีแดงตามลำดับ จนรู้สึกถึงแสงแดดอุ่น จากด้านหลัง หันหลังกลับไปจึงพบว่า เขาทั้งคู่คุยกันเพลินจนเช้า และได้เวลาที่ต้องเริ่มทำกิจกรรมวันแรกกันแล้ว คนอื่น ๆ ก็ทยอยตื่นขึ้นมาตามๆ กัน

"เฮ้ยยู ตื่นเช้าจังวะ" ไอ้พล ที่ตื่นก่อนเพื่อน เดินมาทักทาย

"แหะ ๆ " ยูไม่อธิบายตอบ ปล่อยให้เพื่อน ๆ ออกมานั่งชมพระอาทิตย์ขึ้นกันพร้อมหน้าพร้อมตากัน ไม่นานก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำแต่งตัว เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้อำนวยการก็เดินเข้ามาทักทายแต่เช้าตรู่ แล้วเล่าว่าจะพาไปเก็บดอกเก๊กฮวยกัน ตอนเช้าๆ บรรยากาศดีแบบนี้

"เด็ก ๆ เดี๋ยวตามครูมาทางนี้นะ เราจะเดินไปชมไร่ดอกเก๊กฮวยบนเนินเขากัน เป็นแปลงที่ชาวบ้านช่วยกันปลูกไว้เพื่อส่งออก แล้วเดี๋ยวจะให้ได้ลองเก็บกันสด ๆ จากต้นด้วย" ผู้อำนวยการว่าพร้อมกับชี้ไปที่โกดังเก็บของใกล้ ๆ "เอ้า ไปหยิบกระบุงในโกดังคนละใบนะ แล้วตามครูมาเลย"

เราหยิบกระบุงมาคนละใบ เป็นกระบุงสานามีสายสะพายพร้อม เราจับพาดใส่หลัง ดูคล้ายภาพของชาวเขาเวลาออกเก็บใบชาที่เคยเห็นตามหนังสือ แล้วเดินตามผู้อำนวยการโรงเรียน ที่เดินนำหน้าขบวนไปอย่างมีความสุข พลางเล่าที่มาที่ไปของสถานที่ต่าง ๆ รอบ ๆ ทางเดิน ยูมองเห็นทุ่งดอกไม้สีเหลืองสวยอยู่ด้านหน้าไม่ไกลนัก แต่พอเดินมาจริง ๆ ก็แอบเหนื่อยเอาการเหมือนกัน นอกจาก ผอ. และพวกเรา ยังมีเด็ก ๆ ในหมู่บ้านสองสามคนที่สนอกสนใจพวกเราเป็นการใหญ่ เดินเจี๊ยวจ๊าวกันมาทักทายพวกพี่ ๆ เบสท์ กับกุ้ง ดูชอบใจใหญ่ เพราะสองคนนั้นเจอเด็ก ๆ ตัวเล็ก ๆ ทีไร เป็นต้องเข้าไปกอดไปเล่นด้วยทุกที ต่างกันกับไอ้พาย ไอ้พล ถึงมันจะตีกันตลอด และไม่เคยชอบอะไรเหมือน ๆ กัน แต่เรื่องไม่ถูกชะตากับเด็กเล็กนี่ เหมือนกันเด๊ะ ผมเดินไปตามขบวนอยู่สักพักก็รู้สึกเหมือนมีอะไรมาดึงที่ชายกางเกง เมื่อหันไปมองก็เจอเด็กตัวเล็ก ๆ ผอม ๆ คนหนึ่ง สวมชุดเสื้อยืดปอน ๆ ตัวโคร่งสีเขียว หน้าตาดูเหม่อลอย ยิ่งบวกกับคราบขี้มูกแห้งกรังที่เขรอะอยู่ตามใบหน้ายิ่งแล้วใหญ่

"พี่ๆ " เด็กคนหนึ่งเดินมาทักทายยู

"หืม? "

"พี่มาทำอะไรกันเหรอ" เด็กน้อยถามพลางใช้นิ้วชี้ถูไถไปมาที่ปลายจมูก น่าเอ็นดู

"พี่มาทำค่ายอาสาคับ " ยูพูดแล้วยิ้ม

"ค่ายอาสาคืออะไร"

"เอ..ก็ มาช่วยซ่อมแซมอาคารเรียน มาเล่นกับน้อง ๆ หรือเอาของที่คนในเมืองเขาฝากมาบริจาคให้ ประมาณนี้คับ"

"โห้ ดีจังเลย หนูจะได้มีห้องเรียนใหม่สักที เรียนอยู่ห้องเดิม ๆ มาตั้งแต่ป.1 จนตอนนี้ป.4แล้ว" เด็กน้อยพูดด้วยแววตาใสขึ้นมานิดหน่อย

"อะ..เอ่อ ก็ ไม่ถึงขนาดสร้างห้องเรียนให้ใหม่หรอก ถ้าซ่อมอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เป็นรอยรั่ว แตกหัก ก็พอได้จ้ะ" ยูพูดแล้วหัวเราะร่วน ใช้มือขยี้หัวเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู

"อ้าว…. เหรอ" แววตาใสดูหม่นลงไปเหมือนตอนแรก ท่าทางผิดหวัง

"อ๊ะ..ใช่สิ พี่วาดรูปเก่งนะ พอช่วยทำพวกสนามเด็กเล่นที่เล่นบนพื้นบนผนังอะไรงี้ได้นะ พวกตั้งเต กระไดงู ตากระโดด อะไรแบบนี้ เคยเล่นไหม? "

"โฮ้ เคย ๆ ๆ เมื่อก่อนก็เล่นกับไอ้แสงบ่อย ๆ แต่ตอนนี้สีมันเริ่มลอกแล้ว ขี้เกียจเอาสอสีมาขีดเวลาจะเล่นใหม่"

"รอดูได้เลย เดี๋ยวพี่จัดให้ เอาสวยๆ เลยคับ"

"เย้ ดีจัง หนูชอบค่ายอาสา" เด็กน้อยท่าทางดีใจขึ้นมาอีกครั้ง แต่ใบหน้าก็ยังดูเหม่อ ๆ เหมือนเคย ยูลูบหัวเด็กเบา ๆ ด้วยความเอ็นดูอีกครั้งหนึ่ง "แล้วนี่ชื่ออะไรล่ะเรา ถ้าจำไม่ผิดเมื่อวานเหมือนจะไม่เห็นมา ไม่ได้อยู่แถวนี้หรอ"

"ชื่อจี๊ด แต่เพื่อนชอบเรียกว่าจืด จะเรียกเหมือนเพื่อนก็ได้ ส่วนนั่นไอ้ต้น กับไอ้ดิน เมื่อวานมาไม่ได้ ต้องลงกาดไปช่วยแม่ขายของ" เด็กน้อยชี้ไปทางเพื่อนอีกสองคนที่กำลังเล่นอยู่กับพี่สาวอยู่ข้างหน้า "อ๊ะ ถึงแล้วๆ " เด็กน้อยร้องตะโกน ยูหยุดเดินแล้วมองไปรอบ ๆ ตัว ก็เป็นทุ่งดอกเก๊กฮวยสีเหลืองสวยอยู่เนินด้านหน้า มองไปมองมาดี ๆ ตอนนี้เรากำลังยืนอยู่บนยอดเขา มองเห็นวิวทั่วทั้งหมู่บ้าน พอหันกลับไปก็เห็นโรงเรียนที่เดินจากมาอยู่ลิบตา

"สวยเนอะ" ยูพูดแววตาใส "อื้อ หนูชอบแอบมาเล่นบ่อย ๆ ยิ่งตรงนี้ถ้าตอนกลางคืนนะ จะมองเห็นดาวเต็มฟ้าเลย สวยที่สุดในหมู่บ้านเลยแหละ ไม่มีต้นไม้บังตาด้วย แต่เคยโดนป้าจับตีก้นลายมาทีแล้ว เข็ดเลย ไม่กล้าแอบมาอีก แหะๆ " เด็กน้อยพูดอวด แล้วยิ้มแหยๆ

"ไว้พี่แอบมามั่งดีมะ ฮ่า ๆ " ยูหัวเราะร่วน เราแยกกันเก็บดอกเก๊กฮวยกันอยู่พักหนึ่ง จนได้มาคนละกระบุง นำมาเทรวมกันลงถาดเพื่อตากแห้ง มีแมลงตัวเล็กตัวน้อยปนมาบ้างก็ต้องช่วยกันคีบออก ผอ.เล่าว่าเดี๋ยวจะส่งต่อให้ผู้ใหญ่ในหมู่บ้านช่วยจัดการต่อให้ เสร็จแล้วจะแพ็คให้คนละห่อกลับไปใช้ชงดื่มที่บ้าน จากนั้นจึงพากันเดินกลับไปที่โรงเรียน จัดการเตรียมกิจกรรมสำหรับวันนี้กันต่อในช่วงสาย


ออฟไลน์ octobearx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตะวันคล้อยต่ำลง กิจกรรมออกค่ายได้สิ้นสุดลงไปอย่างมีความสุข พวกเด็ก ๆ บางคนจากเมื่อวันแรกกับชาวบ้าน ก็เข้ามาร่วมด้วยช่วยกันซ่อมแซมอาคาร คนไหนไม่ถนัดงานหนักก็แบ่งแปรงกันไปคนละด้าม ช่วยกันทาสี ที่ดูจะสนุกที่สุดคงจะเป็นแก๊งสามเกลอของไอ้จืด ดูจะตื่นเต้นใหญ่กับภาพตัวการ์ตูนที่พวกผมช่วยกันวาดลงไปตามผนังอาคาร เพื่อเพิ่มชีวิตชีวาให้กับโรงเรียน เด็ก ๆ เกรียวกราวกันใหญ่บ้างขอให้วาดตัวการ์ตูนที่ตนชอบลงไปในผนัง

ยูแอบเห็นรอยยิ้มของพวกเขาก็รู้สึกอิ่มเอมไปตาม ทั้ง ๆ ที่ปกติไม่ใช่คนที่ชอบเล่นกับเด็กสักเท่าไหร่ แต่เด็กที่นี่นั้นช่างแตกต่างจากในเมืองเป็นอย่างมาก เขาไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนี้อย่างไรดี คงคล้าย ๆ กับได้เห็นความบริสุทธิ์ที่ออกมาจากจิตใจของเด็ก ๆ เรื่องธรรมดา ๆ หลายเรื่องที่คนเมืองอย่างเราเคยคุ้นชิน กลับกลายเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับที่นี่ พลันหวนคิดถึงวัยเด็กของตัวเอง นึกย้อนมาจนถึงปัจจุบัน พอเราเป็นผู้ใหญ่แล้ว การมองโลกช่างแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง โลกที่เคยสดใส มีแต่ความสนุกสนานกับการพบเจอสิ่งใหม่ ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยเรื่องราว ที่หม่นหมอง เมื่อก่อนเราเคยเฝ้ารอคอยให้มีเรื่องตื่นเต้นใหม่ ๆ

เข้ามา ในตอนนี้เรากลับเฝ้าภาวนาให้ไม่มีเรื่องน่าตื่นเต้นอะไรเลยเข้ามาในชีวิต กระนั้น แม้จะมีเรื่องราวดี ๆ เข้ามาบ้าง แต่มันไม่อาจเทียบกับเรื่องดี ๆ ที่เคยจำได้เมื่อวัยเด็กเหลือเกิน ยูพูดพลางคิดถึงหน้าเด็กเหล่านั้น “พอโตขึ้น พวกเขาจะกลายเป็นเหมือนผู้ใหญ่อย่างเรา ๆ ด้วยมั้ยนะ” เขาพูด พลางเก็บอุปกรณ์ชุดสุดท้ายที่ใช้จัดกิจกรรมให้เป็นที่เป็นทาง ระหว่างที่คนอื่น ๆ แยกกันไปเตรียมอาหารเย็น

"ยู เก็บของเสร็จยัง ทานข้าวกันเถอะ" ภีมเดินเข้ามาเรียกไปที่จุดรวมตัวรอบกองไฟที่เดิม แล้วดวงตะวันก็ลาลับขอบฟ้าไป ทิ้งหน้าที่ไว้ให้ดวงจันทร์สีนวลารับหน้าที่แทน

"โห จัดเต็มว่ะ" ยูมองอาหารตรงหน้า วันนี้ดูจัดเต็มเป็นพิเศษ เพราะเป็นคืนสุดท้ายแล้วที่เราจะได้อยู่ที่นี่กัน ทั้งของปิ้งย่าง ขนม เครื่องดื่ม ที่พวกเบสท์ กับกุ้ง แม่ครัวประจำกลุ่มเป็นคนจัดการ โดยมีไอ้พายเป็นคนพาไปซื้อมา เลยไม่แปลกใจเลยที่จะมีเครื่องดื่มสีอำพัน แพกลมมาเยอะกว่าปกติ

"เผลอแปปเดียว พรุ่งนี้ก็ต้องกลับแล้วเนอะ" นุ้ยพูดพลางหยิบของในมือไปเตรียมไว้

"เนอะ คิดถึงเด็ก ๆ อยากมาเล่นด้วยกันทุกวันเลย" กุ้ง สาวสวยผู้ถือคตินางงามรักเด็ก พูดตอบ

"หาผัวเป็นคนที่นี่เลยดิ จะได้อยู่ยาว ๆ " ไอ้พายพูดแหย่ใส่

"เออ จริงด้วย หนุ่มเหนือก็น่ารักเหมือนกันนะ ตัวขาวๆ ตี๋ๆ เนี่ยๆ เหมือนภีมเลยเน้อออ" กุ้ง ไม้สะทกสะท้าน พลางพูดตอบปากตอบคำกลับได้อย่างช่ำชอง เจ้าหล่อนใช้นิ้วเรียวบีบเคล้นที่พุงพลุ้ยของเพื่อนเล่น แล้วยังไม่พอเอาหน้าเข้าไปคลอเคลียที่หน้าแขนของภีมต่อ

"เป็นแมวรึไงวะ ออกไปเลยมึง ชิ่ว ๆ " พายดึงเพื่อนสาวแยกออกจากแขนของคนตัวขาว "ไรยะ ทำมาหงมาหวง หึ"

"ช่าย หวงมาก ภีมเป็นของกู "พายพูดเสียงแข็ง ไม่รู้ว่าเพราะจริงจังหรือเพราะน้ำเมา แต่ประโยคนั่นก็ดังพอที่จะทำให้คนสองคนสะดุ้งเบา ๆ ในใจ อีกคนแอบสุขจนล้นใจ ส่วนอีกคน...แอบเจ็บจนปวดใจ

"นี่ๆ สักเที่ยงคืนออกไปดูดาวกันมั้ย ได้ยินมาว่าถ้าไปตรงทุ่งดอกเก๊กฮวยเมื่อวาน ตรงนั้นจะสวยมากเลย" ยูพูดเสนอเพื่อนในกลุ่ม หลังจากได้ข้อมูลจากเจ้าเด็กสามเกลอเหล่านั้นมาเมื่อตอนเช้า

"จะดีเหรอ มันมืดแล้วนะ" นุ้ยพูดปราม เพราะเห็นว่ามืดแล้ว แถมพวกเราทุกคนยังไม่ชินทางซักเท่าไหร่นัก

"ไม่เป็นไรมั้ง ถ้าไปด้วยกันเป็นกลุ่ม ถึงทางเดินจะแคบหน่อย แต่ก็ไม่ได้อันตรายอะไรมาก"

"พี่จำทางได้นะ ไม่น่ามีปัญหา...เนอะ" ยุทธพูดพลางมองมาทางยู

"ปายๆ กูปาย อยาก ดู ดาว เฮื้อก! " พลพูดลากเสียง พลางยกแก้วขึ้นชี้โงนเงน "ฮ่าๆ กูว่าสภาพมึงไม่น่าไหวนะ พล"

"หวาย หวาย กูหวายยยยยย....อ้าว โชน ชนๆๆ "

เสียงเฮเกรียวกราวกันจากวัยรุ่นกลุ่มใหญ่ท่ามกลางหุบเขา ในกลางวงสนทนามันอาจฟังดูคึกครื้น แต่หากก้าวออกมาเพียงนิด ท่ามกลางปราการสายลมที่เป็นเหมือนกำแพงกั้น ไม่ให้เสียงใด ๆ เล็ดลอดออกมาได้ไกล เหลือไว้เพียงความเงียบสงัดท่ามกลางหุบเขากับทะเลของเหล่าดวงดาวใส

ค่ำคืนดึกสงัด จากที่เคยมีเสียงเฮฮาอยู่นิด ตอนนี้กลับมีเพียงความเงียบสงัด เหมือนกองไฟที่ค่อย ๆ ริบหรี่ลง เหลือเพียงแสงสีส้มปนดำ กะพริบแผ่ว ๆ จนดับลงสนิทบนเถ้าถ่าน ยูนั่งมองเพื่อน ๆ ที่ค่อย ๆ ขอตัวกลับไปนอนทีละคน แก๊งสาวๆ แยกย้ายกันไปนอนโดยยังมีสติครบ จะแย่หน่อยก็ไอ้พลที่เมาเละจนไอ้พายกับภีมต้องช่วยกันหิ้วปีกไปล้างคอที่ห้องน้ำ บอกว่าเสร็จแล้วจะพากลับมานอนเอง ทุกคนแยกย้ายกันไปหมดแล้ว เหลือไว้แค่ผมกับไอ้คนตัวโตที่นั่งรออยู่ข้าง ๆ ไม่ห่างไปใหน

"เห้อ บอกจะไปดูดาวด้วยกัน ดันคอพับกันจนหมด ทำไมกลุ่มนี้มันมีแต่พวกขี้เมาฟระ" ยูบ่นอุบ เพราะตัวเองเป็นคนเดียวที่ไม่ดื่ม เลยยังตื่นตัวอยู่

"ไปกัน..สองคน ม้าย? " พี่ยุทธเอ่ยปากชวน น้ำเสียงช่วงแรก ๆ ดูมีสติดี แต่ไอ้คำหลัง ๆ นี่อะไร

"จะไหวเหรอ พี่ก็ดื่มไป อยู่หน่อยนี่นา"

"หวาย เดี๋ยวนั่งพักแปปนึง...ก็สร่างเมา"

"จ้ะ เก่งจริง พ่อคุณ"

"เดี๋ยวกลับกรุงเทพไปมานั่งงอแงเสียดายไม่ได้นะ"

"บ้า งอแงไร ไม่ใช่เด็กห้าขวบนะ"

"ฮ่า ๆ " ยุทธหัวเราะ พลางยื่นมือมาขยี้หัวอีกฝ่ายเบา ๆ สองสามที ให้ตายสิเจอแบบนี้ทีไร ...เขาใจเต้นทุกที

"แล้ว จะไปมะ" คนตัวโตลุกขึ้นแล้วมองมาพร้อมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พร้อมยื่นมือส่งมาเหมือนจะช่วยพยุง

"ไป..." ยูเตะฝ่ามือหนาแล้วพยุงตัวยืนขึ้น "อย่าพาหลงนะ"

"ครับ พ๊ม" ยุทธวาดนิ้วสามนิ้วขึ้นแตะปลายคิ้วตะเบ๊ะท่า

สองคนเดินตัวติดกันมาเรื่อยตามทาง รอบ ๆ ตัวมืดสงัดไร้แสงไฟจากอุปกรณ์ไฟฟ้าแบบในเมืองหลวง แต่ยังพอคลำ ๆ ทางได้ ด้วยอาศัยแสงจากดวงจันทร์กลมโต กับไฟฉายด้ามโตในมือ ลมพัดแผ่ว จนใบไม้แห้งตามทางปลิวว่อน ส่งเสียงกรอกแกรกไปมาเบา ๆ บ้างเสียงนกฮูกร้องโหวกเหวกมาเป็นระยะ

"ใกล้ถึงยังนะ" ยูพูดถามคนตัวโต พอทางข้างหน้ามืดสนิทจนจำทางแทบไม่ค่อยได้แล้ว เพราะตอนเดินมาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรรอบข้างมากนัก แค่เดินตามกลุ่มที่นำอยู่ข้างหน้าไป

"ใกล้แล้วล่ะ ต้องเดินอ้อมจุดตรงนี้ ลงไปอีกแป๊บเดียวก็น่าจะถึงละ" ยุทธพูดพลางกุมมือเขาไว้แน่น "อื้อ..."

"เดินระวังนะ ตรงนี้ขอบทางมันไม่ค่อยดี" ยุทธเตือนให้ระวังขอบทางที่บางจุดทรุดตัวลงไปเป็นทางสไลด์ยาวลงจนไม่เห็นพื้นด้านล่าง

แซ่ก ๆ!!

"หือ? " ยูหันไปมองที่ต้นเสียง "มีไรเหรอ? " ยุทธหันมาถาม ยูได้ยินเสียงแปลก ๆ ดังมาจากด้านหลัง แต่คิดว่าคงเป็นเสียงใบไม้กระทบกันนั่นแหละ เลยไม่ได้ใส่ใจอะไร ก้าวขาออกไปพลางหันมองไปด้านหลัง "เปล่า ๆ ไม่มีอาไร…."

พรืดดด!!!

ยูก้าวขาโดยไม่ทันระวัง จนไม่เหยียบเข้ากับพื้นที่ลาดเอียงลง "เหี้ย ๆ ๆ ๆ ๆ "

เขาเสียหลักสไลด์ตัวลงไปด้านล่าง รอบตัวมันมืดไปหมด ผมพยายามตั้งสติแล้วคว้ามือไปทั่ว หวังว่าจะมีรากไม้ หรืออะไรพอให้จับยึดไว้ได้ ผมคว้ารากไม้เส้นหนึ่งเอาไว้ได้ แต่ไม่ทันได้พักหายใจ รากไม้นั้นก็หักดังแคว่กเพราะรับน้ำหนักไว้ไม่ไหว ไหนจะแรงเฉื่อยจากการสไลด์ตกลงมาอีก “เวรเอ๊ย! รู้งี้ไปฟิตหุ่นให้ผอม ๆ มาซะก็ดี” ผมสไลด์ลงมาอยู่สักพักจนทางส่วนที่ลาดชันเริ่มหมดลงกลายเป็นทางราบแทน

"แสบ…" ยูลูบเบา ๆ ที่ต้นแขนไล่ขึ้นไปถึงหัวไหล่ที่มีเลือดซิบออกมา จนแสบไปหมด หากปล่อยไว้นานกว่านี้ คงเริ่มบวมและปวดมากขึ้นแน่ ๆ "บ้าเอ๊ย ตกลงมาไกลแค่ไหนเนี่ย"

เขามองขึ้นไปด้านบนไม่เห็นแสงไฟหรือสัญญาณอะไรจากยุทธ เลยคิดว่าคงจะตกลงมาจากที่สูงเอาการ ยูนับหนึ่งถึงสามในใจ แล้วพยุงตัวเองขึ้นมายืน มองไปรอบ ๆ ก็พบว่าตัวเองอยู่ในป่าที่ไหนสักแห่ง มันไม่ได้ทึบมาก ยังพอมองขึ้นไปเห็นดาวบนฟ้า แต่ก็ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าอยู่ส่วนไหนของพื้นที่

"เฮ้! มีใครอยู่แถวนี้บ้างม๊ายยยยยยยยยยยยย!! .....พี่ยุทธ ได้ยินม๊ายยย" ยูยกมือป้องปาก แล้วตะโกนสุดเสียงแต่ก็ไร้วี่แววตอบกลับ เลยเดินไป ตะโกนเรียกหาความช่วยเหลือไปเรื่อยจนเสียงเริ่มพร่า "พี่..ยุท" เขาใช้เสียงสุดท้ายพยายามตะโกนเรียกชื่อคนที่น่าจะอยู่ใกล้ที่สุดออกมา แต่ก็เหมือนพูดในใจ เพราะไม่มีเส้นเสียงใดเปล่งออกมาจากลำคอ

แบ๊ก!

ยูลืมตาโพลงทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น เจ้าหมาตัวจ้อยที่เราเคยเจอกันเมื่อวานก่อน แถมมันไม่ได้มาตัวเดียว แต่มาพร้อมกับผู้ชายตัวโตอีกคนที่คุ้นตา "เฮ้ย มาได้…." ไม่ทันพูดจบ คนตัวโตก็เข้ามากอดรัดแน่น เหมือนกลัวผมจะหายไป

"เป็นห่วงแทบแย่ ฮืออ" ทำไมนะ ทำไมต้องมาเจอแบบนี้อยู่เรื่อย...ยุทธสบถกับตัวเองในใจ

"พี่ยุทธ..."

"พี่ไม่อยากเสียยูไปอีกแล้ว รู้มั้ย" ...ถ้าไม่มียู พี่คงอยู่ไม่ได้ คนตัวโตร้องไห้งอแงเป็นเด็ก

"โอ๋ๆๆ ….ไม่เป็นไรนะ.." ยูใช้ฝ่ามือลูบ ที่หลังของคนตัวโตที่ร้องระงมไม่เป็นศัพท์

"รู้ไหมทุกวันพี่เฝ้ามองยู แอบมองอยู่ห่างๆ คอยห่วงอยู่คนเดียว ตลอดสี่ปีที่ผ่านมา พี่เจ็บใจที่ไม่อาจรับรู้ได้เลยว่ายูต้องผ่านเรื่องราวอะไรมาบ้างพี่ทำได้แค่มองเห็นยู ได้ใช้ชีวิตของตัวเอง ได้เห็นยูเติบโตขึ้น ทุกวัน ทุกวัน โดยไม่มีพี่อยู่ตรงนั้นวันนั้น วันที่พี่ได้เจอ ได้คุย ได้กอดยูอีกครั้ง พี่ดีใจมาก จนพี่แอบคิดว่ามันคงเป็นแค่ความฝัน ที่พอตื่นขึ้นมาก็ต้องพบว่าตัวเองอยู่คนเดียวเหมือนเดิม แต่พอรู้ว่ามันไม่ใช่ฝันพี่เลยตัดสินใจทำเรื่องพรรค์นั้นลงไป พี่หลอกยู ตัดสินใจไม่บอกความจริงกับยู คิดตื้น ๆ ว่าทำเป็นลืมเรื่องนั้นไปซะมันก็คงจะไม่เป็นอะไร พี่ขอโทษ ยู พี่…."

"พอแล้ว…" ยูใช้นิ้วทาบลงไปที่ริมฝีปากของพี่ยุทธ "ผมอยู่นี่ไง" เขากอดคนตัวโตให้แน่นขึ้นไปอีก "ผมอยู่นี่แล้ว จะไม่หนีไปใหนอีกแล้ว สัญญา..."

"ขอบคุณครับยู พี่รักยูนะครับ"

"อื้อ..ผมก็รักพี่ยุทธครับ"

แบ๊ก! เจ้าหมาตัวจ้อย ก้มแอ่นตัว กระดิกหางรัวๆ ใส่

"ฮ่าๆๆๆ เออๆ แกด้วย ไอ้หมาน้อย"

"ถ้าไม่ได้เจ้านี่ พี่คงหายูไม่เจอแน่ ๆ ต้องตอบแทนมันยกใหญ่แล้วล่ะ"

"นั่นสินะ ..ให้รางวัลเป็นอะไรดีเนี่ย หื้ม" ยูพูดพลางเดินไปพร้อมยุทธที่รู้ทางออกจากป่า พอเราเดินหลุดออกมาภาพตรงหน้าก็ทำเอาตะลึง แผ่นฟ้ากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ประดับประดาไปด้วยดวงดาวระยิบระยับบนฟ้า เขาเคยเห็นแบบนี้แต่ในหนังสือภาพ

มองดี ๆ ไปจุดหนึ่งเห็นกลุ่มเมฆสีขาวอยู่ลิบตา "เมฆเหรอ...ไม่สิ นั่นมัน! "

"ทางช้างเผือกไง" เสียงทุ้มต่ำจากยุทธพูดข้างหู

"ทางช้างเผือก ทางช้างเผือกล่ะ! " ยูอ้าปากค้าง พลางเขย่าแขนยุทธไปมา ตอนแรกกะว่าแค่จะเห็นแค่ดาวธรรมดา ๆ แต่กลับได้เห็นทางช้างเผือกจริง ๆ กับตา ซึ่งหาดูได้ด้วยตาเปล่ายากเอามาก ๆ จะมองเห็นได้เฉพาะที่มืดสนิทจริง ๆ และฟ้าฝนเป็นใจเท่านั้น

"หึหึ" ยุทธหัวเราหึในคอ จนไอ้เด็กอีกคนหน้าแดง "หัวเราะไร"

"แค่นึกย้อนไปน่ะ เหมือนได้ยูคนเก่า กลับคืนมา"

"เหรอ.." พี่ยุทธยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ "ต้องให้พูดมั้ยว่า ยูคนเก่า หรือคนใหม่ พี่ก็รักเหมือนกัน

"ถามทำไมก็พูดแล้วนี่"

"หึหึ" คนตัวโตยกฝ่ามือหนาแตะที่แก้ม "ขอจูบได้มั้ย" เจ้าของริมฝีปากนุ่มยังไม่ทันได้ตอบ ริมฝีปากหนาของคนโตก็แนบลงมาที่เรียวปาก สอดปลายลิ้นเข้าพัวพัน จากเบาบาง ค่อยกลายเป็นดูดดุนส่วนอ่อนนุ่มภายในอย่างหิวกระหาย ฝ่ายถูกจู่โจมรีบผละตัวออกมาพูด

"ยังไม่ทันบอกเลยว่าจะให้"

"เลยชิงลงมือก่อน กลัวจะปฏิเสธ"

"เคยพูดที่ไหนล่ะ" ยูพูดจบ ก็ยกมือขึ้นกดอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ ๆ แล้วลงมือจูบก่อนที่อีกฝ่ายจะตั้งรับทัน

"หึหึ" อีกฝ่ายแอบยิ้มมุมปากเล็ก ๆ ก่อนจะสอดปลายลิ้นเข้ามาซอกไซร้ด้านในอีกครั้ง แต่นุ่มนวลกว่าก่อนหน้านี้ ฝ่ามือหนาลูบไล้ไปมาบนหน้าอกของผม ส่วนมืออีกข้างค่อย ๆ ประคองที่ด้านหลัง แล้วอุ้มผมลงนอนบนพื้นอย่างแผ่วเบา "อื้อ…" ฝ่ามือหนาค่อย ๆ ซุกไซร้เข้ามาในเสื้อ คอยใช้นิ้วบิดไปมาบนยอดอกสีชมพู

"อ๊าา..พี่ยุทธ..."คนตัวโตค่อย ๆ ผละหน้าอก แล้วเปลี่ยนมาซุกไซร้ที่ซอกคอ สลับกับขบเบา ๆ ที่ใบหู หนวดเครารุงรังเบียดเสียดกับช่วงบ่าไหล่ของอีกคนจนเสียวซ่าน แล้วใช้มือถลกเสื้อตัวเองขึ้นเหมือนจะบอกอีกฝ่ายว่า “ขอมากขึ้นอีกได้ไหม”

"ครับ" จู่ ๆ คนตัวโตก็พูดตอบออกมา เหมือนอ่านใจได้ว่าอยากจะให้ทำอะไร "ฮะ..ฮ๊าา" ยูเสียววาบเมื่อลิ้นชุ่มเข้าดูดดุนยอดอกที่แข็งเป็นไต ยุทธดูดดุนสลับกับใช้ลิ้นลากวนไปมารอบ ๆ ทั้งลิ้นทั้งหนวดเคราทำเอาเสียวซ่านมากขึ้นกว่าเดิมจนบางจังหวะต้องแอ่นอกรับไปเองโดยไม่ตั้งใจ ยุทธถกเสื้อของตัวเองออก แล้วนอนคร่อมผมอยู่ด้านบน แสงจันทร์สาดส่องลงมา เผยให้เห็นแผงอกกำยำ กับต้นแขนแกร่งแบบคนออกกำลังกาย ที่ไม่ได้ลีนจนเห็นซี่โครง แต่เป็นไขมันที่แซมอยู่บ้างระหว่างกล้ามเนื้อ

"อ้วนขึ้นนะ" ยูพูดหยอก พลางใช้นิ้วจิ้มที่พุงของคนด้านบน

"ซอยบ่อย ๆ เดี๋ยวก็หายเอง"

"ไอ้…" พูดไม่ทันจบอีกฝ่ายก็ประกบปากลงมาอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง

"ได้มั้ย….." ยูไม่พูดตอบ แต่ใช้ฝ่ามือรวบใบหน้าของอีกฝ่ายลงมาจูบแทนการพูดตอบ

ยูไม่มีความเคลือบแคลงใจใด ๆ กับความสัมพันธ์ในครั้งนี้อีกต่อไป ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหน ยุทธคือคนที่คอยอยู่ข้าง ๆ เขามาเสมอ ไม่ว่าจะตอนที่เขารับรู้หรือไม่รับรู้ก็ตาม คนนี้คือคนสำคัญที่เขาอยากจะเดินก้าวต่อไปด้วยกันจริง ๆ เขาสัญญากับตัวเองว่า ต่อไปนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็จะไม่ปฏิเสธมันอีกต่อไป...

สายลมแผ่วยาวค่ำคืนที่พัดผ่าน ยังต้องพ่ายให้กับความร้อนรุ่มของเราสองคนที่บรรจงละเลงเป็นเพลงแห่งรัก...

“เพียงอยู่ในวงแขนคุณอบอุ่นในหัวใจ

เพียงได้เดินเคียงข้างคุณดั่งมีพรมละมุน

ทอดพาดวงใจเราไปยังนภาฟ้าที่แสนไกล

ที่ไม่มีใครเคยก้าวลํ้าข้ามผ่านพ้นไป

เก็บดวงดาวที่ลอยเกลื่อนฟ้า

จับมาเรียงร้อยเป็นมาลัยคล้องใจ

ทอดพาดวงใจเราไปยังนภาฟ้าที่แสนไกล

ที่ไม่มีใครเคยก้าวลํ้าข้ามผ่านพ้นไป

เก็บดวงดาวที่ลอยเกลื่อนฟ้า

จับมาเรียงร้อยเป็นมาลัยคล้องใจคู่กัน”





จบ.

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
Re: The october of us [ตอน 7...] 9/5/2020 //จบแล้ว.
«ตอบ #14 เมื่อ23-05-2020 15:42:30 »

ก็ได้กลับมารักกันใหม่อีกครั้งกับความทรงจำใหม่ เดินหน้าต่อเลยนะพี่ยุทธ 55 ความรักอยู่ที่ใคร ใจก็อยู่กับคนนั้นละนะ อิอิ สนุกดี อ่านรวดเดียว ขอบคุณนะคะที่แต่งจนจบ รอตามผลงานหน้า  :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด