EP 4 : อย่าจับผิด(ที่)
“เราเป็นคนให้เบอร์นายกับนิวไปแหละ เห็นบอกว่าจะถามเรื่องบัตรนักเรียนอะไรสักอย่าง” มายด์ตอบหลังจากผมเปิดประเด็นสงสัยขึ้นมากลางวงโต๊ะห้องสมุด “ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่า เจมส์”
ถามเรื่องบัตรนักเรียนหรือหาเรื่องฆ่าหมกศพกันแน่ แต่ก็ไม่อยากดึงเพื่อนต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องสงครามระหว่างผมกับไอ้นิวชัคกี้ ปล่อยให้มายด์อยู่ในโลกแห่งความเรียบร้อยเหมือนกับทรงผมและหน้าตาของมันต่อไปดีแล้ว
“ไม่มีอะไรหรอก พอดีเราเก็บบัตรนักเรียนมันได้ เลยกะจะเอาไปคืนมันอยู่พอดี”
“นี่แสดงว่าพวกมึงสองคนญาติดีกันแล้วใช่มั้ย” ไอ้ปอนด์เด็กรูปร่างอวบผมเรียบพูดขึ้น “ดีแล้วจะได้ไม่ต้องมีปัญหากัน แต่ก็นะ ทำไมมันดูไอ้นิวไม่ค่อยชอบขี้หน้ามึงเท่าไหร่”
จะให้เล่ารายละเอียดทั้งหมด เดี๋ยวต้องร่ายยาวเป็นมหากาพย์
“สงสัยไม่ถูกชะตามั้ง” ผมตอบผ่านๆ
“จริงๆ ก็แปลก ปกติไอ้นิวไม่ค่อยมีปัญหากับใครหรอกนะ มันออกจะทำตัวคูลๆ ไปวันๆ ถ้าเป็นไอ้หมากก็ว่าไปอย่าง”
“ช่างมันเถอะ อย่าไปพูดถึงเลย” ผมไม่อยากได้ยินเรื่องไอ้เด็กเปรตให้ระคายหู “ว่าแต่โรงเรียนจะมีงานอะไรหรอ เห็นเริ่มจัดบูธกันเยอะแยะ”
“อ้อ เด็กใหม่ยังไม่รู้เรื่องนี้นี่หว่า โรงเรียนเราหลังเปิดเทอมจะจัดงานออกบูธเพื่อหานักเรียนเข้าชมรม แต่เจมส์มึงยังไม่มีชมรมอยู่นี่ อยากเข้าชมรมไหนหรอวะ”
“ยังไม่รู้เลยเลยว่ะปอนด์ ไม่เข้าเลยได้มั้ย”
“ไม่ได้หรอก ไม่งั้นนายจะไม่ได้คะแนนกิจกรรมของโรงเรียนนะ” มายด์วางหนังสือติวข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยทันที “งั้นนายลองเข้าไปดูข้อมูลชมรมในกลุ่มเฟซของโรงเรียนก่อนละกัน ถ้านายสนใจชมรมไหนค่อยไปสมัครก็ได้”
“เออ พวกนายอยู่ชมรมไหนกัน มายด์ ปอนด์”
“เราอยู่ชมรมภาษาอังกฤษ”
“ส่วนกูอยู่ชมรมคอมพิวเตอร์ มึงมาอยู่กับกูก็ได้นะ”
“อย่าเลยเจมส์ ระวังมันจะพาไปตีป้อมจนไม่ได้มีเวลาร่ำเวลาเรียน”
“อ้าว ไอ้มายด์ กูก็อยากจะแนะนำสิ่งดีๆ ให้เพื่อนนี่นา”
“ก็จริงนี่น่า ขนาดปีหน้าต้องไปมหาลัยแล้ว ปอนด์มันยังติดROVอยู่เลย”
“กูจะเป็นนักแคสเกมชื่อดังในอนาคตเว๊ย ไอ้มายด์”
“เอาล่ะๆ เดี๋ยวกูขอไปดูอีกทีก่อนแล้วกัน” ผมในฐานะคนอายุเยอะสุดเริ่มห้ามทัพ เห็นแล้วเด็กสองคนแขวะกันก็เกือบหลุดขำ
“แล้วเรื่องรายงานครูก้อย ทำกันไปถึงไหนแล้ว” มายด์ถามขึ้น
ว่าไปผมก็ลืมเรื่องรายงานที่ให้เขียนเกี่ยวกับเพื่อนโต๊ะข้างเสียสนิท
“เกือบเสร็จแล้ว”
“เกือบเสร็จหรือยังไม่ได้ทำ” มายด์ขัดคอไอ้ปอนด์ ส่วนอีกฝ่ายก็ทำท่ากอดอก เชิดหน้า
“เรื่องของมึงกูเขียนแบบเดียวก็เสร็จ ไอ้มายด์”
“เราก็ยังไม่ได้ทำเลยมายด์ ” ผมบอก “ไม่รู้จะเขียนยังไง”
ถ้าต้องเขียนตอนนี้ก็คงกลายเป็นนิยายแค้นฝั่งหุ่นหรือคดีฆาตกรรมในหอพัก
“ถ้าเขียนไม่ออก ก็มาบอกแล้วกัน เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง” มายด์เสนอตัวผมพยักหน้ารับเป็นการขอบคุณ
“เออ ว่าแต่ติดต่อไอ้ตูนได้บ้างไหมวะ มายด์ พอไอ้ตูนย้ายไปก็หายหัวไปเลย เฟซบุ๊คก็ไม่อัปเดต ไอ้นี่ไม่คิดจะติดต่อเพื่อนฝูงบ้างเลย”
“ยังติดต่อไม่ได้เหมือนกัน เมื่อวานโทรไปก็ปิดโทรศัพท์”
ผมสังเกตเห็นสีหน้าไม่สบายใจของมายด์กับปอนด์ ทั้งสามคนคงเป็นกลุ่มเพื่อนที่สนิทกันมาก พอต้องขาดใครสักคนไปคงรู้สึกใจหาย
“เดี๋ยวก็คงติดต่อกลับมาเองแหละ คนเราก็คงมีเหตุผลของตัวเองเนอะ” สิ่งที่ลูกพี่ลูกน้องของไอ้ตูนอย่างผมทำได้ก็แค่ทำให้เพื่อนของน้องสบายใจขึ้นบ้าง
“งั้นเราไปเรียนกันเถอะ คาบบ่ายเรียนอังกฤษ ได้ข่าวจากรุ่นพี่ปีก่อนว่าครูชอบมีเทสหลังเรียนด้วย รีบไปเตรียมตัวกันก่อนเถอะ”มายด์รีบเตือน
ยอมรับเลยว่าการกลับมาเป็นนักเรียนมัธยมปลายของไทยช่างแตกต่างจากชีวิตที่อเมริกาอย่างสิ้นเชิง ขาดอิสระและถูกตีกรอบให้อยู่กับการเรียนและการสอบ ต่างจากการเรียนในอเมริการที่ให้อิสระและเรียนตามความถนัดของเด็ก คิดแล้วก็เซ็ง ไม่อยากเป็นนักเรียนแล้วโว๊ย
หลังจากออกจากหอสมุด ทั้งสามต้องผ่านสนามบาสเก็ตบอล เห็นหมากกับเพื่อนห้องอื่นประมาณสามคนกำลังนั่งพักดื่มน้ำอยู่ข้างสนาม เหมือนเจ้าตัวจะสังเกตเห็นพวกผม
“เฮ้…พวกมึงสามตัวจะไปเรียนแล้วเหรอวะ ทีมกูขาดคนอยู่ มาเล่นด้วยกันเปล่า”
“บ้าหรอ เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงทำไมยังไม่ไปเตรียมตัวไปเรียนอีก” มายด์ทักท้วง
“เดี๋ยวค่อยไปเรียนก็ได้ งานกีฬาสีครั้งนี้กูมีศักดิ์ศรีเป็นเดิมพัน กูจะแพ้ไม่ได้”
“งั้นก็เชิญเลย ไปกันเถอะ เจมส์ ปอนด์”
“โธ่ เอ๊ย ป๊อดนี่หว่าพวกมึง” หมากทำหน้าเหมือนสบประมาท
“ก็ได้” ผมตอบกลับทันที เพราะนี่อาจเป็นโอกาสจะเข้าใกล้ชิดไอ้หมาก
“เจมส์!นายอย่าเลย ไอ้หมากมันเล่นแรงนะ”มายด์ดึงแขนเจมส์
“ไม่ต้องห่วงหรอก เราเคยเล่นมาบ้าง มายด์ ปอนด์ ไปกันก่อนเลย”
“ดูท่าไอ้เจมส์คงอยากเล่นอยากเล่น เอาเป็นว่าอย่าไปห้ามมันเลย เราเข้าห้องเรียนกันก่อนดีกว่า”
หลังจากไอ้ปอนด์ชวนไอ้มายด์ได้สำเร็จ ผมเลยดึงชายเสื้อออกนอกกางเกงพร้อมลุยเต็มที่
“งั้นก็ลงสนามเลย”
หลังจากไอ้หมากประกาศ
สนามก็แทบลุกเป็นไฟ ทีมไอ้หมากเล่นดุเดือดเหมือนกับมายด์พูดไม่ผิด หากเป็นมือใหม่คงถูกชนล้มหน้าหงายไปหลายตลบ โชคดีที่ผมเคยลงแข่งเป็นตัวโรงเรียนสมัยอยู่อเมริกา จึงพอมีวิชารับมือกับไอ้พวกนี้ได้ ตอนแรกก็เหมือนโดนไอ้หมากแกล้ง โยนลูกบาสแรงบ้าง เอาตัวพุ่งชนบ้าง จนหลังเกมส์กลายเป็นเล่นแบบจริงจังขึ้น ทำให้ผมเผลอสนุกไปอย่างไม่รู้ตัว
การแข่งขันก็จบลงด้วยการที่ผมโยนห่วงสามคะแนนได้อย่างสวยงาม
โชคดีที่ฝีมือยังไม่ตก นี่ถ้าไม่ติดแว่นคงทำได้ดีกว่านี้
“มึงนี่ เจ๋งกว่าที่คิดว่ะ ไม่คิดว่าจะเล่นดีขนาดนี้”ไอ้หมากเข้ามากอดคอ กูว่านี่มึงต้องเป็นนักบาสมืออาชีพแน่ๆ เลย”
ผมยิ้มรับน้อยๆ พลางสังเกตเห็นท่าทีและสายตาของไอ้หมากที่มองมาเปลี่ยนไปน่าจะเข้าใกล้เป้าหมายได้อีกนิด
“เออ ตกลงมึงจะเลือกชมรมไหนวะ”หมากถามก่อนยกขวดน้ำขึ้นดื่ม
“ยังไม่รู้เลย”
“เฮ้ย ดีสิ มึงสนใจมาอยู่ชมรมบาสกับพวกกูหรือเปล่า กูอยากหาทีมไปแข่งงานกีฬาสีอีกสองเดือน เทอมหน้ามีแข่งเบญจมิตร ปีนี้ทีมบาสโรงเรียนเราต้องเอาเหรียญทองมาให้ได้”หมากยื่นขวดน้ำให้
“เบญจมิตร?”ผมทวนคำอย่างงงๆ
“นี่มึงไม่รู้จักงานกีฬาเบญจมิตรหรือไง มึงไปอยู่ไหนมาวะ”
พอคิดอีกทีก็นึกขึ้นมาได้ว่าเคยเห็นในอินเตอร์เน็ต ว่าเป็นกีฬารวมโรงเรียนชายล้วนห้าโรงเรียน มีการแข่งกีฬาหลายอย่าง แล้วหาผู้ชนะด้วยการนับเหรียญทองเหมือนพวกโอลิมปิกหรือซีเกมส์
“อืม แต่กูไม่รู้ว่าจะเป็นตัวถ่วงให้ทีมพวกมึงหรือเปล่า”
“นะนะ มึง ไปอยู่ทีมเดียวกับกูก็ได้”ไอ้หมากคะยั้นคะยอ พอๆ กับพรรคพวกอื่น “ไม่ก็มึงเป็นตัวสำรองก่อนก็ได้ นะไอ้แว่น สุดหล่อ หล่อที่สุด ทั้งหล่อทั้งเก่ง”
เป็นไปตามแผนเหยื่อติดกับแล้ว
“งั้นก็ได้”
หมากกระโดดเข้ามากอดผม รู้สึกอึดอัดนิดนึงแต่ก็ต้องปล่อยให้ไปตามน้ำ
“ต่อไปนี้ ถ้าไอ้นิวมาแกล้งมึง กูจะช่วยจัดการให้เอง”
ผมแอบหัวเราะในลำคอ ถ้าช่วยแบบนั้นได้ก็ดี จะได้มีเวลาโฟกัสเรื่องของมึง ไอ้หมาก
“อีกสิบนาทีบ่ายโมงแล้ว รีบไปเรียนกันเถอะ”แต่ตอนนี้ขอทักให้มันออกไปจากตัวก่อน
“เออๆ นั่นสิ รีบไปเถอะ ขี้เกียจฟังวันเพ็ญบ่น พวกมึงพวกกูไปก่อนนะ”
ระหว่างไปอาคารเรียนหมากเริ่มชวนเปิดประเด็นคุย
“เอ่อ ทำไมมึงถึงย้ายมาเรียนที่นี่วะ อีกอย่างย้ายมาทำไมตอนมอหกวะ มึงนี่แม่งแปลก”
“พอดีแม่ย้ายมาอยู่กรุงเทพ อีกอย่างเทอมหน้ากูว่าจะสอบเข้าจุฬาดู” ผมตอบไปตามบทบาท
“เอ่อ ก็แปลกดี แทนที่จะเรียนให้จบแล้วค่อยย้ายมากรุงเทพ แสดงว่ามึงนี่เส้นใหญ่ใช้ได้นะเนี่ย จู่ๆ ถึงเข้ามาเรียนแบบนี้ได้ พ่อเป็นเพื่อนเจ้าของโรงเรียนหรือผอหรือไงวะ” ไอ้หมากหัวเราะ
ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่ความจริงแล้วที่เขามาอยู่ตรงนี้ได้ เพราะหน่วยข่าวกรองจัดการเรื่องเอกสารและการเข้ามาสืบสวนให้เสร็จสรรพ มีคนที่รู้เรื่องนี้ก็แค่ผู้อำนวยการโรงเรียนคนเดียวเท่านั้น เป็นภารกิจลับระดับขั้นสุดยอด และครั้งนี้จะเป็นการเปิดโปงธุรกิจมืดครั้งใหญ่ของประเทศ
“กูไม่อยากยุ่งเรื่องของมึงกับไอ้นิวเท่าไหร่หรอก พวกมึงมีปัญหากันก็จริง แต่อยากให้ใจเย็นค่อยๆ ปรับตัวเข้าหากัน”
ผมหันขวับไอ้หมากรู้เรื่องเขากับไอ้เด็กนั่นได้อย่างไร
“มันเล่าให้กูฟังเองว่ามึง เคยมีเรื่องกับมัน กูก็ไม่รู้รายละเอียดอะไรนักหรอก แต่ก็พอเดาได้ว่าทำไมมันถึงโกรธมึงขนาดนั้น”
พูดมาถึงขนาดนี้ ผมชักเริ่มสงสัย
“ทำไมเหรอวะ”
“ก็เพราะ…”
ไอ้หมากไม่ทันพูดจบ จังหวะนั้นเด็กนักเรียนรุ่นสักประมาณมัธยมสองหรือสามก็มาหยุดขวางตรงหน้าพวกเขา
“พี่หมาก ผมโทรหาพี่ทำไมไม่รับ”
“อ้าว ทะทะโทษทีมึง พอดีกูเล่นบาสอยู่ รอกูแปป เจมส์เดี๋ยวมึงไปห้องเรียนก่อนเลย กูขอคุยธุระกับน้องเขาแปป”
เป้าหมายแสดงอาการปกปิดได้ไม่เนียน เหมือนมีบางอย่างไม่อยากให้ผมรู้ แต่ก็พอเดาได้ว่าเรื่องอะไร
ผมจึงพยักหน้าพร้อมกับปั้นยิ้ม ทำเป็นเหมือนจะไปอาคารเรียน แต่ก็แอบหยุดดูพวกนั้นบริเวณเสา
คราวนี้ต้องได้ข้อมูลสำคัญ จะได้ออกมาจากโรงเรียนบ้านี่สักที
สะกดรอยตามจนหมากกับรุ่นน้องเข้าไปในห้องน้ำข้างอาคารเรียน
ผมแอบมองจากมุมหน้าทางเข้า โชคดีเป็นเวลาใกล้เข้าคาบบ่ายคนจึงไม่พลุกพล่าน
“มึงจะโผล่มาเอาอะไรตอนนี้วะ นัดเอาของไปให้ข้างนอกก็ได้” หมากถามพลางเหมือนค้นกระเป๋า
“ของหมดพอดีพี่ อีกอย่างพี่บอกไม่ค่อยอยากส่งของนอกโรงเรียน มันไม่ปลอดภัยนี่ รอบนี้ขอสองซองละกัน”
“เอานี่ อยู่ได้สองเดือนพอดี หกร้อย” ไอ้หมากรีบยื่นบางอย่างเหมือนลักษณะเหมือนปากกาให้อีกฝ่าย
ผมรีบยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเก็บหลักฐาน
“มึงก็เพลาๆ ลงหน่อยละกัน ถึงบ้านมึงจะรวยแต่ก็อย่าใช้เยอะ ใช้เยอะไม่ดีรู้เปล่า”
“เอาน่าพี่ เวลาเครียดๆ ช่วยได้เยอะ รู้สึกเหมือนไม่ต้องรับรู้อะไร เหมือนได้ขึ้นสวรรค์ ช่วงนี้ขายดีไหมพี่”
“ก็ได้เรื่อยๆ แต่กูก็อดเสียวไส้ไม่ได้ ตอนนี้น่าจะถูกจับตามองอยู่ กูขายให้คนที่ไว้ใจได้เท่านั้นแหละ กูเห็นว่ามึงเป็นรุ่นน้องเพื่อนที่กูรู้จัก กูเลยแนะนำ ถ้าวันไหนอาจารย์ตรวจกระเป๋านักเรียนขึ้นมา มีหวังกูซวย คราวหน้าอาจต้องเปลี่ยนวิธีรับของใหม่”
เดิมทีผู้อำนวยการโรงเรียนมีคำสั่ง แต่ทางหน่วยข่าวกรองขอไว้เพราะไม่ต้องการแหวกหญ้าให้งูตื่น ต้องปล่อยให้ไอ้หมากขายของไปจนกว่าจะรู้ตัวจริงของแม่ข่าย
“ปีหน้าพี่ก็ไม่อยู่แล้วกลัวอะไร หรือจะไปขายต่อในมหาลัยล่ะ”
“เอาเถอะ มึงรีบไป เดี๋ยวคนอื่นมาเห็น”
ว่าแล้วเด็กก็ยกมือไหว้ ก่อนรีบเดินลิ่วออกจากห้องน้ำพร้อมกับไอ้หมาก ผมรีบก้มตัวหลบไม่ให้พวกนั้นเห็น
คิดแล้วแอบแปลกใจ ทำไมเด็กโรงเรียนสภาพแวดล้อมดีอย่างไอ้หมากถึงมาทำงานเป็นเด็กส่งยา ต้องมีเหตุผลอื่นนอกเหนือจากนี้
หลังจากเป้าหมายลับตา ผมรีบลุกขึ้น
ปึก…
เหมือนหัวตัวเองชนกับของแข็งบางอย่าง เงยหน้าขึ้นเห็นเป็นอกกว้างของใครบางคน ใบหน้าคมเลื่อนเข้ามาในระยะประชิด
“ไอ้นิว!”ผมแทบจะหงายหลังก้นจ้ำเบา ดียันผนังไว้ทัน
“มาด้อมๆ มองๆ อะไรแถวนี้ไอ้แว่น”
“มาเข้าห้องน้ำ”ปากรีบตอบไปมือก็รีบเอามือถือใส่กางเกง
“เมื่อกี้กูเห็นมึงแอบถ่ายใครในห้องน้ำ”
“แอบถ่ายอะไร นี่มึงอย่าบอกนะว่าตามสะกดรอยตามกูมา”
มือใหญ่ของอีกฝ่ายพยายามจะล้วงเข้ามาในกางเกง ดีที่ผมปัดมือของมันออกทัน
“นี่มึงจะทำอะไร”
“กูจะดูว่ามึงแอบถ่ายอะไรเมื่อกี้ หรือว่ามึงแอบถ่ายไอ้หมาก”
“เพ้อเจ้อ” ผมสบถ ก่อนทำเป็นไปถี่ที่โถ หากวิ่งหนีตอนนี้คงดูมีพิรุธ
แต่ไอ้นิวยังตามมา
“งั้นก็เอามือถือมาดู ไอ้แว่นโรคจิต” มือของมันพยายามล้วงเข้ามาในกางเกงให้ได้
“โอ๊ย!!” ผมรู้สึกเหมือนมีแรงบีบส่วนล่างเข้าเต็มเปาจนตัวงอ “ทำบ้าอะไรเนี้ย เจ็บนะเว๊ย”
“เอ้า มือถือมึง…”ไอ้นิวทำหน้าเหวอ
“มือถือบ้าอะไร มือถือกูอยู่ฝั่งนี้ นั่นมัน…”คนโดนบีบชี้ไปอีกฝั่งกางเกง
“งั้นมึงอยากจะจับของกูคืนก็ได้นะ” พอรู้ว่าถ้าไม่รับหยุดยั้งสถานการณ์ตอนนี้ มีหวังต้องล้างมือไปทั้งชาติ “ปล่อยมือกู”
“เอ้า นึกว่ามึงจะชอบสักอีกไอ้โรคจิต ของกูใหญ่กว่าของไอ้หมากอีกนะ”
“เมื่อไหร่มึงจะหยุดหาเรื่องกันสักทีวะ”
กริ้งงง…
เสียงสัญญานเตือนเวลาบ่ายโมงดัง ไอ้นิวไม่ได้พูดอะไร นอกจากชิ่งหนีไปก่อน ทิ้งให้ผมพยายามตั้งตัวให้ตรง
ไอ้เด็กเปรต กล้าทำร้ายของรักของหวง อย่าคิดว่าจะได้อยู่อย่างสงบ
โชคดีที่วิ่งฉิวเข้าห้องเรียนทันเวลาครูประจำวิชามาพอดี ไอ้นิวนั่งหน้าสลอนต้อนรับพร้อมกับรอยยิ้มแสยะ
“ขอให้ทุกคนตั้งใจเรียนพาสวันนี้ให้ดี เพราะหลังจากเรียนเสร็จครูจะให้ทุกคนทำโพสเทสต์เก็บคะแนน ใครได้ต่ำกว่าครึ่ง จะต้องคัดแกรมม่ามาให้ครูร้อยจบ ตั้งใจกันนะนักเรียน ปีหน้าพวกเธอต้อไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยกันแล้ว ถ้าใครยังเรียนไม่รู้เรื่องอีกจะลำบากเอา ไม่มีใครมาช่วยเหลือพวกเธอเหมือนมัธยมนะ”
เนื้อหาระหว่างเรียนเป็นแกรมม่าง่ายๆ แต่ค่อนข้างอัดแน่น ผมเคยเรียนมาตั้งแต่เด็ก ครั้งนี้เหมือนได้ทบทวนอีกรอบ ความรู้เก่าก็หลั่งไหลเติมเต็มสมอง ส่วนไอ้คนข้างๆ ได้แต่นั่งเกาหัว ดูแล้ววิชานี้คงไปไม่รอด
หลังจากนั้นครูประจำวิชาก็ทยอยให้นักเรียนส่งข้อสอบ
“ครูให้เวลาทำคนละ30 นาที”
ข้อสอบเป็นปรนัย20 ข้อ สบายมาก ใช้เวลาทำ5 นาทีก็เสร็จ
นาฬิกาเริ่มนับไม่ได้ไม่ถึงห้านาที ไอ้คนข้างตัวก็เริ่มลอกแลก
“ไอ้หมาก ข้อหนึ่งตอบอะไรวะ”
“แปป นึง กูรอลอกไอ้มายด์อยู่”
“พวกเธอสองคนซุบซิบอะไรกัน” เสียงอาจารย์วันเพ็ญดังขึ้น “ถ้ามีเสียงจุ๊กจิ๊กอีกจะให้มาทำข้อสอบที่โต๊ะครูนะ”
สมน้ำหน้า ไอ้นิว ขอให้มึงสอบตกทีเถอะ
แต่เหมือนคำแช่งไม่ได้ผล เพราะไอ้นิวเริ่มหันลูกตามาจับจ้องกระดาษคำตอบของผมแทน
ผมรีบเอากระดาษคำตอบมาปิดเรื่องอะไรจะให้ลอก
“ไอ้แว่น” ไอ้นิวครวญเสียงในลำคอ ถ้าเป็นเวลาปกติคงคำรามขู่ ถ้าขอดีๆ อาจพออนุเคราะห์บ้าง ทำหน้าอย่างกับหมาโกรธ มึงหมดสิทธิ์
จู่ๆ ความคิดบางอย่างก็แวบเข้ามาในหัวผม
ผมจงใจเปิดกระดาษคำตอบให้มันดู ก่อนลงมือจัดการข้อสอบ
ทันทีที่ฝนคำตอบข้อสุดท้าย นาฬิกาดิจิทัลนับเวลาได้ 20 นาทีพอดี ส่วนไอ้นิวก็ทำตัวขยุกขยิกแต่ก็ทำเป็นเก็กวางมาดเหมือนไม่ง้อ แต่ลูกตากลิ้งไปมาแทบหลุดจากเบ้า
เนียนมาก โคตรเนียน
“นักเรียน เหลือเวลาอีก5 นาทีสุดท้ายนะคะ”
ไอ้นิววางกระดาษคำตอบก่อนจะยกแขนขึ้นบิดขี้เกียจ
ลาก่อนไอ้นิว ไอ้เด็กเปรต
ผมคว้ายางลบจัดการคำตอบบางข้อในกระดาษ ก่อนใส่คำตอบไปใหม่
กว่าไอ้คนลอกจะรู้ตัวก็สายไป อาจารย์ประกาศหมดเวลาพอดี
“นี่มึง หลอกกูหรอ”
บอกแล้วอย่าเล่นกับตรู ผมส่งหางตากับรอยยิ้มมุมปากกลับไป
“เปล่า ก็แค่รู้สึกว่าคำตอบผิดเลยแก้ใหม่ เอ้านี่มึงจะลอกทำไมไม่บอกล่ะ”
ได้ยินแค่เสียงหายใจหนักหน่วงกลับมา นี่ถ้าไม่เห็นแก่ครูวันเพ็ญอยากหัวเราะสักสามก๊าก
“ทุกคน ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็เลิกเรียนได้นะ ซียูอาร์เกนเน็กไทม์ ค่ะ”
มายด์รีบลุกนำกล่าว กู้ดบายทิชเชอร์ ซูยูอะเกน…. บรรยากาศแบบนี้ที่จำได้คือตอนประถมหก ถ้าเป็นอเมริกาพอสัญญานดังเด็กคงวิ่งฉิวหนีจากห้องกันจ้าระหวั่น
ครูอังกฤษออกจากห้องยังไม่ถึงนาที
ผมสะดุ้งโหยง เมื่อมีมือดึงอะไรบางอย่างไปจากเก้าอี้
“เฮ้ย ไอ้นิว!”
“อยากได้กระเป๋าก็เอามาคืน”
ไอ้โจรนักเรียนวิ่งฉิวไปอย่างกับนักวิ่งโอลิมปิกแต่ให้วิ่งตามเหมือนเด็กคงไม่ทำแน่
“ไอ้เจมส์แม่งโดนอีกแล้ว โทษทีว่ะ กูช่วยไม่ทัน” ไอ้หมากตบไหล่เจมส์เบาๆ
“มันคงไปที่โรงยิม ไหนๆ มึงต้องไปหามันอยู่แล้ว กูฝากสมุดคืนมันหน่อยละกัน ต้องส่งอาจารย์พรุ่งนี้” โฟกัสเด็กนักเรียนในแก็งไอ้หมาก ไอ้นิวยื่นสมุดมาก่อนรีบสะพายกระเป๋ากีตาร์ “งั้นกูไปซ้อมดนตรีก่อน ฝากด้วยละกัน”
“ส่วนกูก็ต้องไปซ้อมบาสต่อ” ไอ้หมากรีบชิงพูดขึ้นก่อน
“ทำอะไรกัน พวกนายเนี้ย” มายด์บ่น “ป่ะเจมส์ เดี๋ยวไปส่ง”
“ไม่เป็นไร” ผมรีบยกมือห้าม “เดี๋ยวไปจัดการเอง นายกลับไปก่อนเถอะ ต้องรีบไปเรียนพิเศษไม่ใช่หรอ”
เจ้าของกระเป๋าตามไอ้เด็กเปรตมาถึงโรงยิม แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาหัวของไอ้นิว สุดท้ายผมจึงลองเข้าไปถามเด็กในชมรม จึงได้คำตอบว่าวันนี้ไอ้นิวไม่มาซ้อมมวย
นั่น เจอไอ้นิวเล่นเข้าแล้วไง
ผมหมดหนทางจึงต้องหันไปพึ่งโทรศัพท์มือถือ
“ว่าไงไอ้แว่น” มันทักทายด้วยเสียงไม่ค่อยน่าพิศมัย
“อยู่ไหน”
“อยากรู้ก็ลองหาให้เจอสิ”
“เลิกกวนตีนได้แล้ว” เหมือนฟางเส้นสุดท้ายปริ่มจะขาด “เอากระเป๋ามาคืนกูได้แล้ว ไม่งั้นรอเก็บซากขี้เถ้าสมุดของมึงได้เลย”
อีกฝ่ายเงียบไปพักหนึ่ง
“เดี๋ยวกลับมาห้องมึงก็เจอกูเองแหละ”
“เอ้า…” พูดเสร็จมันก็ตัดสายทิ้งดื้อๆ
หรือว่ามันจะบุกเข้าไปที่ห้อง ตายห่าแล้ว
ผมไม่รอช้าติดจรวดบนรองเท้าพุ่งไปห้องทันที แต่พอไปถึงกับไร้วี่แววของอีกฝ่าย โชคดีห้องตัวเองไม่ถูกงัดเข้าไป แต่พอจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดอีกที
เสียงประตูเปิดออกทำให้ผมรีบหันขวับไปห้องตรงข้าม
ใจเริ่มเต้นรัว เมื่อปรากฏร่างใหญ่!
“มาแล้วเหรอไอ้แว่นโรคจิต”
อะไรจะซวยขนาดนี้!
แสดงว่าตอนนั้นไอ้นิวไม่ได้บุกมาหาที่ห้อง แต่บังเอิญดวงซวยอยู่ห้องตรงข้ามกัน!
“มึงอยู่หอนี้หรอ”
“ก็เออน่ะสิ แล้วจะทำไม ทำหน้าเหมือนเห็นกูเป็นผีไปได้”
“เอากระเป๋าคืนมาแล้วเอา สมุดมึงไป”ผมไม่อยากคุยให้มากความ
“มึงก็เปิดห้องสิ”
“หา…ทำไมต้องเปิดห้อง”
“ก็กูมีเรื่องจะคุยกับมึง และจะคุยที่ห้องมึง”
“ขอร้อง อย่ามาหาเรื่องตอนนี้ได้มั้ย”
ไอ้ตัวยักษ์เดินเข้ามาเกือบประชิด ก่อนจะแสดงบางอย่างในมือ
หัวใจผมเหมือนหล่นลงไปอยู่ตาตุ่ม อุณหภูมิร่างกายเหมือนลงสู่จดเยือกแข็งทันที
“คราวนี้มึงจะเข้าไปคุยที่ห้องได้หรือยัง หรือจะคุยกันตรงนี้ให้คนอื่นได้ยิน”
ผมตกเป็นรองจึงรีบเปิดประตูห้อง
“มึงไปเอารูปนั้นมาจากไหน”
“เก็บได้จากห้องมึงเมื่อเช้า” ไอ้นิวขว้างเป้ลงบนโต๊ะ
อยากจะกระโดดตึกตายเพราะความสะเพร่าตอนรีบเก็บพวกเอกสารทำงานไปซ่อน แต่บัดนี้รูปถ่ายของไอ้หมากไปอยู่มือของไอ้เด็กเปรต สถานการณ์แบบนี้ทำพลาดขึ้นมาได้บรรลัยเต็มพิกัดแน่
ผมพยายามนิ่งสงบเพื่อคิดทางออก แต่วินาทีนี้คงไม่เวลาขนาดนั้น
“ตอนเที่ยงกูเห็นมึงแอบถ่ายไอ้หมากที่ห้องน้ำ ตอนแรกก็ยังไม่แน่ใจ พอมาเจอรูปนี้ในห้องมึงถึงรู้ว่ามึงนี่แม่งโรคจิตจริงๆ”
“ไม่ใช่นะ” ผมปฏิเสธทันควัน
หน้าของไอ้นิวโน้มลงมาพร้อมสายตาคาดคั้น ผมพนักพิงเก้าอี้ไว้แน่น
“งั้นมึงก็ลองแก้ตัวมา ถ้าฟังไม่ขึ้นกูจะเอาเรื่องนี้ไปบอกไอ้หมาก”
“ไม่ได้มีหลักฐานสักหน่อยว่ารูปนั้นเป็นของกู”
“ก็ลองดูว่าไอ้หมากจะเชื่อใคร ไอ้แว่น”
ครั้งนี้ผมเป็นฝ่ายเสียเปรียบเต็มประดา จะเสี่ยงให้เรื่องนี้หลุดไปถึงไอ้หมากไม่ได้ คนโดนกดดันเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง ถ้าเป้าหมายไหวตัวทัน ภารกิจจบเห่ไม่เป็นท่าแน่ มีหวังต้องโดนท่านรองเฉดหัวจากสังกัด
“มึงจะบอกไม่บอก กูจะนับ…”
“หนึ่ง”
“สอง”
“สะ…”
“กูชอบไอ้หมาก” ผมโพล่งออกตามสัญชาตญานเอาตัวรอด
“นั่นไง ในที่สุดมึงก็ยอมรับ” ไอ้นิวตบโต๊ะ มือใหญ่ทั้งสองข้างจับไหล่ผมไว้แน่น “งั้นมึงก็ควรรู้ไว้ ว่าไอ้หมากไม่มีวันชอบมึงหรอก อีกอย่างกูไม่มีวันให้ไอ้โรคจิตอย่างมึงมายุ่งกับเพื่อนกูแน่”
เขื่อนความอดทนเหมือนหมดลง ผมผลักไปกลางอกไอ้นิว
“เอาจริงๆ นะไอ้นิว เมื่อไหร่มึงจะเลิกวุ่นวายกับกูซะที ถ้าว่างก็เอาเวลาไปอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาลัยดีกว่ามั้ยวะ”
จู่ๆ ผมโดนมันคว้าคอเสื้อจนตัวยกลอย
“มึงไม่รู้อะไรก็อย่าพูด คนอย่างมึงชอบตัดสินคนที่เปลือกนอก”
“แล้วมึงจะเอายังไง พูดมาเลย”
เรื่องบาดหมางไร้สาระควรจบสิ้นสักที
“มึงต้องมาเป็นคู่ซ้อมมวยให้กูทุกวัน”
“แค่นั้นใช่มั้ย แล้วมึงจะเลิกยุ่งกับกูใช่มั้ย งั้นก็ตกลง”
“ดี งั้นกูก็จะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ จะได้ไม่มีปัญหา”ว่าแล้วมันก็เลื่อนมือมาที่แก้มแล้วหยิกจึก
“โอ๊ย…” ผมกุมแก้มตัวเอง “ออกไปจากห้องกูเดี๋ยวนี้เลย”
ไอ้ชัคกี้ชั่วช้าเหยียดยิ้มก่อนคว้าเอาสมุดกับจิ๊กเอาขนมที่ผมเพิ่งซื้อมา
หลังจากประตูปิดลง ผมถึงกับทุบโต๊ะดังปัง ไม่เคยมีใครทำให้รู้สึกเหมือนกำลังโดนไฟเผาทั้งตัวมานานมาก
อย่างเดียวที่คิดได้ตอนนี้คือรีบกดหมายเลขโทรศัพท์หน่วยข่าวกรอง
“พี่ริน นี่ภพนะ ผมอยากขอย้ายห้องได้มั้ย”