'◉◉'ความลับของไอ้เพื่อน(รัก)B.F.secret❤️อัปเดตEP12 แลกเปลี่ยน P.2(26/5/63 )
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: '◉◉'ความลับของไอ้เพื่อน(รัก)B.F.secret❤️อัปเดตEP12 แลกเปลี่ยน P.2(26/5/63 )  (อ่าน 9326 ครั้ง)

ออฟไลน์ Payumoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
◉‿◉ ความลับของเพื่อน(รัก) Boy Friend 's secret  ❤

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก


ถ้ามึงรู้ความลับทั้งหมดของกู มึงจะรับได้ไหม ที่สำคัญความรู้สึกของมึงจะยังเหมือนเดิมหรือเปล่า หรือที่ผ่านมาทั้งหมด มันจะหายไปพร้อมกับความจริง


To นักอ่าน

ไรทเตอร์คิดพล็อตไว้ประมาณ 3 ปีแล้ว เพิ่งว่างเขียน แต่สิ่งที่ไรท์เตอร์คาดหวังมากกว่าความฟิน ความสนุก คือ เราได้ค่อยๆ สร้างความผูกพันไปด้วยกัน

รักและขอบคุณที่เข้ามาอ่านจ้า

ปล.แอบบอกตัวละครเด่นทุกตัวมีความลับสุดยอดหมด แค่รอวันเปิดเผย อิอิ
  :กอด1:

สามารถติชมได้เต็มที่เลยนะ น้อมรับฟังจ้า.... :3123: :pig4:



 
◉‿◉ ความลับของเพื่อน(รัก) Boy Friend 's secret  ❤




EP.Intro

ผมชื่อ พิภพ

ผมทำงานเป็นสายให้หน่วยข่าวกรองพิเศษ

ผมอายุย่างเข้า25 ปี

ผมกำลังจะเข้าชั้นมัธยมปลาย

ใช่ คุณฟังไม่ผิดหรอก ผมจำเป็นต้องกลายนักเรียนอีกครั้ง

แต่แล้วชีวิตย้อนวัยของผมต้องเจอความวุ่นวายเพราะมัน

ไอ้นิว ไอ้เด็กเปรต…

ทั้งกวนตีน ทั้งกวนใจ ทั้งโคตรทะลึ่ง

ผมไม่อยากเป็นเพื่อน(รัก) กับมันเลยจริงๆ…






2 เดือนก่อนเจอไอ้เด็กเปรต…
.
.
.
.



“ภารกิจระดับชาติส่งตรงมาจากสำนักงานเบื้องบน ผมกับท่านผอ.เห็นพ้องต้องกันว่าคุณเหมาะกับงานนี้ที่สุด”

รองผู้อำนวยการกองสำนักข่าวกรองทำหน้าจริงจังเหมือนแฝงความกดดัน ผมจึงไม่กล้าอ้าปากแย้ง ได้แต่ค่อยๆ เอาเอกสารลับในซองสีน้ำตาลมาดูให้แน่ใจอีกครั้ง



ภารกิจลับโรงเรียนของเราน่าอยู่



แค่ดูรายละเอียดก็รู้ว่าไม่น่ารอด

“ท่านรองที่เคารพครับ ให้คนอายุจะยี่สิบห้าอย่างผมปลอมตัวเป็นนักเรียนมัธยมปลาย มันไม่ดูแปลกไปหน่อยเหรอครับ”

ท่านรองถอนหายใจเบาๆ แล้วปัดผมดำแซมหงอกดูหรอมแหรม

“คุณกำลังหมายความว่าผมคิดอะไรไม่เมคเซ้นส์งั้นเหรอ”

“ปะเปล่าครับ ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น”

“คุณภพ ถึงคุณจะเป็นมือใหม่ของทีมเรา แต่คุณก็ไม่ได้ไร้น้ำยา หน้าตาก็ยังดูไม่เหมือนคนอายุยี่สิบกว่า นี่เป็นงานที่สองของคุณ ง่ายกว่างานครั้งแรกตั้งเยอะ ถ้าคุณทำไม่ได้ ผมว่าคุณก็คงไม่เหมาะตำแหน่งสายข่าวกรองของผม”

โดนกดดันขนาดนี้ ผมเพิ่งเข้ามารับงานได้ไม่ถึงปีก็ไม่อยากมีปัญหากับบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ จึงต้องยอมรับทำตามแต่โดยดี

“งานนี้ผมต้องทำอะไร” แต่พอเห็นรูปถ่ายในหน้าที่แนบมากับเอกสารก็คงพอเดาได้

“อย่างที่คุณรู้ ไอ้ยาที่เรียกกันว่าPink paradiseหรือสวรรค์สีชมพูเนี่ย สายข่าวกรองของเราจากประเทศเพื่อนบ้านรายงานมาว่า มันถูกนำเข้ามาเพื่อจำหน่ายในสถาบันการศึกษาเป็นหลัก หน่วยข่าวกรองอย่างเราต้องรีบสกัดกั้นและหาต้นตอก่อนเรื่องนี้จะบานปลายเป็นปัญหาระดับชาติ สายสืบพยายามติดตามเด็กในรูปอยู่พักใหญ่ แต่ไม่เห็นการแลกซื้อขายข้างนอก ผมจึงคิดว่าน่าจะมีการซื้อขายกันภายในโรงเรียน ผมอยากให้คุณคอยติดตามดูนายมนต์ธัช หรือนายหมาก และคุณต้องหาหลักฐานเกี่ยวกับเครือข่ายทั้งหมดมาให้ผม”

จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก งานนี้เหมือนถูกสั่งให้ว่ายน้ำไปกลับระยะห้าสิบเมตรพันรอบ

“แล้วทำไม่ท่านไม่ให้ผมปลอมเป็นครูหรืออะไรล่ะครับ”ผมลองเสนอดูเผื่อท่านรองเห็นใจ แต่ท่านรองก็ยิ้มอ่อนกลับมา

“งานนี้บุคคลเป้าหมายเป็นนักเรียน มอ.6 เลยค่อนข้างละเอียดอ่อน ต้องแนบเนียน เพื่อไม่ให้พวกเครือข่ายใหญ่รู้ตัว ที่ผมไม่ให้คุณปลอมเป็นครูเพราะบางทีครูก็เข้าถึงตัวนักเรียนได้ไม่มากนัก ทำอะไรก็ไม่สะดวก ง่ายต่อการถูกจับตามอง เราจะเสี่ยงให้อีกฝ่ายรู้ตัวจนกว่าจะได้หลักฐานครับไม่ได้ ถ้าคุณปลอมเป็นนักเรียนมอ.6 ยังไงก็คงไม่มีใครสงสัยว่าคุณเป็นสายแน่นอน”

เจอเหตุผลหนักกว่าเข้าไป ผมก็แย้งกลับไม่ได้

“ท่านรู้หรือเปล่าว่าใครเป็นแม่ข่ายของนายหมาก”

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ระบบของพวกมันซับซ้อนกว่าที่คิด ผมจึงต้องอาศัยคุณไง” ขณะที่อ่านรายละเอียดในเอกสาร ดวงตาคมก็สะดุดกับบางอย่าง



โรงเรียนจิณณพัฒน์วิทยา!



ผมกลืนน้ำลายเหนียว ฟ้าส่งหรือสวรรค์แกล้งที่ส่งให้ต้องมาทำภารกิจในโรงเรียนของหลายชายตัวเอง สุ่มเสี่ยงมากหากไอ้ตูนมาเห็นพี่ตัวเองในสภาพแอ๊บเป็นเด็กนักเรียน ที่สำคัญเป้าหมายอาจไหวตัวทันจนภารกิจต้องล่มกลางครัน

“แต่ท่านครับ โรงเรียนนี้หลานผมเรียนอยู่นะครับ”

“ก็นั่นแหละ คุณไม่อยากจัดการไอ้พวกที่ทำให้หลานคุณต้องการเป็นเหยื่อของไอ้ยาตัวใหม่นี่เหรอ คุณไม่ต้องกังวลเรื่องตัวตนจะถูกเปิดเผยหรอก เบื้องต้นผมประสานงานกับน้าคุณให้พักการเรียนตูนไปก่อนระหว่างที่กำลังบำบัดอยู่ ช่วงเวลาที่ทำภารกิจหลานคุณจะไม่โผล่หน้าไปให้เห็นแน่นอน อีกอย่างเรื่องนี้จะเป็นความลับสุดยอดที่สุดเพราะเกี่ยวกับข้องกับสถาบันการศึกษา”

ผมไม่ได้ถามต่อว่าท่านรองรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร แต่ระดับท่านรองแล้วรู้การเคลื่อนไหวของลูกน้องเกือบทุกฝีก้าว สมกับเป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรอง แต่คงไม่แปลกหรอกเพราะน้าของผมเองก็เคยเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับท่านรองศักดามาก่อนสมัยเรียนโรงเรียนนายร้อยตำรวจมีอะไรจึงคอยช่วยเหลือกันเสมอ

“ผมสัญญาว่าหลานคุณจะได้รับการคุ้มครองและการบำบัดเป็นอย่างดี”

ผมเปิดแฟ้มหน้าต่อไปก็พบรูปถ่ายถุงใส่ผงยาสีชมพูPink paradise

“ยาตัวนี้ฤทธิ์ไม่รุนแรง แถมตรวจฉี่ไม่เจอ แต่ระยะยาวมีปัญหากับระบบประสาทไม่แพ้น้ำแข็ง รูปนี้สายจากต่างประเทศส่งมาให้ และข้อมูลที่ได้มาเพิ่มเติม โรงเรียนจิณณพัฒน์วิทยานี้จะเป็นแหล่งทดลองปล่อยของที่แรกในไทย”

“ทำไมเราไม่ให้หน่วยสอบสวนจับนายหมากอะไรนี่มาเค้นความจริงล่ะครับ”

“อย่างที่บอก เราจะไม่เสี่ยงใช้ไม้แข็งกับงานนี้เด็ดขาด นายหมากเองยังเป็นเยาวชนหากพวกมันรู้เข้าว่านายหมากถูกจับตัว มีหวังหลักฐานโดนทำลายแน่ คราวนี้เราจะทำงานกันยากขึ้นกว่าเดิม เอาเถอะ คุณจะต้องเป็นนักเรียนมอปลายได้อย่างสมบูรณ์แบบยังไง ผมเชื่อมั่นในตัวคุณ”

อีกอย่างที่ผมกังวลคือประสบการณ์การใช้ชีวิตในรั้วมัธยมปลายของไทย เขาได้เรียนแค่ชั้นประถมศึกษาปีที่6ก่อนต้องย้ายไปพร้อมแม่ที่แต่งงานใหม่กับคนอเมริกัน หลังจากพ่อเลี้ยงเสียแม่จึงกลับเชียงรายถาวร ส่วนเขาก็เรียนปริญญาโทจนจบก่อนมุ่งตามความฝันเข้าสอบตำแหน่งAgentของหน่วยข่าวกรองไทยด้วยคะแนนสูงสุดทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ จนกลายเป็นสายสืบข่าวกรองพิเศษอายุน้อยสุดของรุ่น

“ข้อมูลที่เหลืออยู่ในซองเอกสารทั้งหมด”

“รับทราบครับ” ผมทำความเคารพผู้อำนวยการกองสำนักงานข่าวกรองพิเศษแห่งชาติ

เอาวะ…ภารกิจลับโรงเรียนน่าอยู่ มาลองกันสักตั้ง

...

ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้ อยากบอกว่า ขอบคุณมากเลยจ้า ยังไงฝากติดตามตอนต่อไปด้วยน้าา❤️❤️??”?

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-05-2020 22:43:51 โดย Payumoon »

ออฟไลน์ Payumoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
สารบัญ

EP.2 โลกกลมพรหมไม่น่าลิขิต

EP 3 : โจรขโมยเสื้อ

EP 4 : อย่าจับผิด(ที่)

EP 5 : ศึกวันดวลเหล้า

EP.6  ไปดูบาสที่ห้องกูมั้ย




EP 1 : กอดรัดฟัดผิด



1 สัปดาห์ก่อนเข้าไปรับภารกิจ…



“น้องแกจะให้ชั้นไปสู่ขอสาวให้มัน”

“บ้าไปแล้ว ไอ้ตูนเพิ่งสิบแปดเองนะ”หลังจากฟังประโยคนี้จากปากน้าต่ายทำเอาน้ำโคล่าในปากผมแทบพุ่งพรวดออกมา

“ก็ใช่นะสิ แค่สาวหักอกทำไมมันถึงเพ้อเจ้อได้ขนาดนี้ นี่ก็เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่ค่อยกินข้าวกินปลามาหลายวัน

แล้ว น้ากับน้านงค์พยายามเข้าไปคุยแต่ก็โดนไล่เพราะไม่ทำตามคำขอของมัน เฮ้อ…จนปัญญาจะพูด น้าเลยต้องขอให้แกมาช่วยหน่อย ภพ”ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยของน้องชายแม่แสดงความกังวลอย่างเห็นได้ชัด

“ตูนเห็นภพเป็นทั้งพี่ชายทั้งไอดอลเรื่องการเรียนและการงาน น้าคิดว่าภพน่าจะพอเกลี้ยกล่อมน้องได้ เด็กสมัยนี้ใจร้อน อารมณ์รุนแรง น้ากลัวว่าน้องจะคิดไม่ดีกับตัวเอง” หญิงร่างอวบวัยสี่สิบปลายในชุดกันเปื้อนพูดเสริมพร้อมกุมมือผมแน่น

ผมกอดอกพร้อมถอนหายใจทิ้ง ก่อนหันไปถามน้าต่าย

“มันไปโดนสาวที่ไหนหักอกเอาครับ”

“เด็กผู้หญิงชื่อลูกแก้ว คบกันมาเป็นปีแล้ว น้าเคยเจอสองสามครั้งที่โรงเรียน ลูกแก้วน่าจะเป็นรุ่นพี่ไอ้ตูนปีหนึ่ง พอช่วงใกล้เปิดเทอม จู่ๆ ลูกแก้วก็มาบอกเลิกไอ้ตูน ไอ้ตูนก็เที่ยวตามง้ออยู่หลายรอบแต่ก็กินแห้ว น้าก็บอกให้มันไม่ต้องคิดมาก สาวใหม่สวยๆ ยังมีอีกเยอะ”

“บางทีพี่ก็พูดกับลูกเกินไป เด็กมันใช้อารมณ์เป็นใหญ่ ยังไงก็ไม่ฟังเราหรอก” พอเห็นน้าอนงค์น้ำตาคลอก็อดเห็นใจไม่ได้ หลายปีก่อน ผมสนิทกับไอ้ตูนสนิทมาก เตะบอล แก้ผ้าอาบน้ำด้วยกันบ่อยครั้ง แต่พอตูนเข้าประถมผมก็ต้องย้ายตามแม่ไปอเมริกา ช่วงแรกก็ยังเฟซไทม์คุยกัน เจอกันบ้างตามช่วงโอกาสสำคัญ แต่ช่วงหลังพอไอ้ตูนเริ่มเป็นหนุ่มเราก็เริ่มติดต่อกันน้อย ผมก็ไม่ได้เอะใจเพราะเห็นว่ามันมีแฟน

แต่หลานผมก็ชอบทำตัวงอแงไม่สมกับเป็นลูกของผู้กำกับการ เป็นเด็กร่าเริงแต่วุฒิภาวะต่ำ อาจเพราะการเลี้ยงแบบตามใจของน้าต่ายกับน้านงค์ ตอนเด็กยังเป็นลูกชายคนน้องสุดของตระกูล ตัวจ้ำม่ำแถมขี้อ้อนเก่ง ไม่ต้องก็รู้ว่าบรรดาเหล่าญาติโดยเฉพาะปู่ย่าตายายจะประเคนความเอ็นดูให้มันขนาดไหน

“ได้น้า เดี๋ยวผมขึ้นไปดูมันให้”ผมรับปาก ถึงยังไม่รู้จะพูดกับไอ้ตูนอย่างไร แต่ก็ทำให้สีหน้าของสองน้าดูคลายกังวลขึ้น

ผมจิบโคล่าเย็นเจี๊ยบให้ชุ่มคอเตรียมพร้อมทำภารกิจปราบวัยรุ่นวุ่นวาย

พอผมขึ้นมาชั้นสองของบ้าน น้าต่ายกับน้านงค์ทำทีจะมาสมทบด้วย ผมจึงรีบห้ามไว้ก่อน การเจรจากับวัยฮอร์โมนพุ่งพล่านแห่กันไปทั้งขบวนมีหวังเกลี้ยกล่อมไอ้ตูนไม่สำเร็จแน่

“พวกน้าไม่เข้าไปก็ได้ แต่ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็เรียกได้นะ”

ผมพยักหน้ารับคำน้าต่าย ก่อนเคาะประตูห้องหลายชาย ไม่มีเสียงตอบรับกลับ ผมจึงโทรศัพท์ไปหาตูนแทนแต่ก็ได้ฝากข้อความเช่นกัน ใจผมเริ่มเต้นแรง กลัวน้องจะทำเรื่องไม่คาดฝัน แต่ผมก็พยายามคุมสติไม่ให้ตื่นตูมจนทำให้สองน้าต้องเป็นกังวลกว่าเดิม

สุดท้ายตัดสินใจใช้วิชามารปลดล็อกลูกบิด

“ตูน อยู่ไหม นี่เฮียเองนะ” ผมลองเรียก แต่เหมือนห้องนอนไม่มีคนอยู่ “อยู่ในห้องน้ำหรือเปล่าวะ”

“เฮ้ย! เฮียภพ เข้ามาได้ไง”

ค่อยโล่งอกที่ยังได้ยินเสียงของไอ้ตูน ดีใจที่มันยังมีชีวิตอยู่

ระหว่างเดินเข้าห้องนอนตูน ผมก็กวาดตาไปทั่วห้องเพื่อตรวจสอบสภาพความเป็นอยู่ผมไม่แปลกใจที่แฟนสาวคนแรกจะทำให้ไอ้ตูนถึงกับเฮิร์ทหนัก เพราะดูจากกรอบรูปคู่บนโต๊ะอ่านหนังสือ กล่องใสใส่ดอกไม้แห้ง การ์ดในวันครบรอบแต่ละเดือน เอาใจเก่งขนาดนี้ มิน่าหลานชายผมถึงหลงใหลเธอจนโงหัวไม่ขึ้น

ผมยกเท้าข้ามพวกโมเดลหุ่นยนต์เกลื่อนพื้นไปยังห้องน้ำเพื่อเรียกไอ้ตูน

“ไง ไม่ได้เจอกันตั้งหลายเดือน ออกมาคุยก่อนหน่อยสิ”

“ผมอยากอยู่คนเดียว”

“ไม่อยากออกมาคุยกับเฮียหรือไง อุตส่าห์มาหาเลยนะเนี่ย”

“ป๊ากับม้าบอกให้เฮียมาใช่มั้ย สุดท้ายก็ดีแต่วุ่นวายกับชีวิตผม”

คิ้วผมเริ่มขมวดเป็นปม สงสัยงานนี้คงหนักเกินกว่าสองน้าจะรับมือจริงๆ มีลูกที่ไหนอกหักแล้วพาลยันพ่อกับแม่

“เอ้า จะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูก ป๊ากับม๊าเป็นห่วงแกนะถึงเรียกเฮียมา มีอะไรปรึกษาเฮียได้ ถ้าไม่ยอมบอกเฮียก็จะรออยู่หน้าห้องน้ำนี่แหละ”

“เฮียอย่ามายุ่ง”

อารมณ์เย็นของผมเหมือนถูกโยนลงในหม้อต้มน้ำ ถ้าออกมาพูดกันดีไม่รู้เรื่อง ผมอาจต้องใช้ไม้หน้าสาม

“ตูนฟังเฮียนะ แกจะมางอแงแบบนี้ไม่ได้ แกเพิ่งอายุสิบแปดเอง คิดจะแต่งงานแล้วหรือไง รู้หรือเปล่าว่าชีวิตแต่งงานมันเป็นยังไง อีกอย่างคนมันจะไปอะไรก็รั้งไว้ไม่อยู่หรอก แล้วแกรู้ได้ยังไงว่าฝ่ายหญิงเขาอยากจะแต่งงานกับแก เขาเพิ่งเข้ามหาลัยนะเว้ย”

ไม่มีเสียงตอบรับจากอีกฝ่าย สรุปคือหลานผมเหมือนมโนขึ้นมาเองว่าการแต่งงานจะช่วยยึดตัวผู้หญิงไว้ได้

เด็กหนอเด็ก

“ตูน เฮียรู้ว่าแกเจ็บปวด แต่แกนึกดูคนเป็นพ่อเป็นแม่เห็นแกทุกข์แบบนี้ พวกเขาต้องทุกข์กว่าแกกี่เท่า ถ้าเขาไม่เป็นห่วงแกเขาไม่เรียกเฮียมาคุยกับแกหรอกจริงไหม ฟังฉันนะ อกหักมันก็แค่ทรมาน แต่ไม่เคยทำให้ใครตายหรอก” ผมพยายามเกลี่ยกล่อมให้ไอ้ตูนคิดได้ “เอางี้นะ ถ้ายอมออกมาคุยกับเฮียดีๆ เฮียจะซื้อเพลย์สเตชั่นรุ่นใหม่ให้”

“ผมไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น ผมอยากให้ลูกแก้วคืนมา ผมรักลูกแก้ว”

แผนการหลอกล่อหลานชายหัวแก้วหัวแหวนไม่สำเร็จ ก็ต้องมาดูว่าใครจะทนกว่ากัน

“ถ้าพูดไม่เข้าใจ ฉันก็จะรอนั่งอยู่ตรงนี้แหละ” ว่าแล้วผมก็หมายจะดึงเก้าอี้มานั่งรอมันหน้าห้องน้ำ แค่พนักพิงกลับติดใต้ลิ้นชักโต๊ะ จึงต้องขยับซ้ายขวาเพิ่มแรงดึง



ตุ้บ!

จู่ๆ ก็มีบางอย่างหล่นลงพื้น ยังไม่ทันได้หยิบไอ้เจ้าสิ่งนั้นขึ้นมา หัวใจผมก็เริ่มเต้นแรง ความชาแล่นพล่านไปทั้งตัว หลังจากเข้าประชุมลับหน่วยข่าวกรองพิเศษเมื่อวันก่อน ผมจึงคุ้นตาและจำไอ้ผงเกล็ดสีชมพูอ่อนมีประกายในถุงซิปล็อกใสขนาดเล็กอันนี้ได้

ผมรู้สึกช็อคปนผิดหวังในตัวไอ้ตูนจนขยับตัวไปได้ไปครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายในฐานะที่ผมเป็นพี่ชายก็ต้องไม่ปล่อยผ่านไปง่ายๆ

ผมตัดสินใจสะเดาะกลอนประตูห้องน้ำทันที จนคนข้างในถึงกับแหกปากร้องด้วยความตกใจ ผมไม่รอช้าพุ่งเข้าล็อกหัวพร้อมกับจ้องเขม็งไอ้หลานตี๋หัวเกรียนตัวดี

“ไอ้ตูน บอกเฮียมา มึงไปเอามันมาจากไหน” ผมถามเสียงเข้มพร้อมกับชูซองให้มันดู

แต่ที่ผมได้กลับมาคือหยดน้ำตาไหลอาบแก้มกับคำพูดด้วยเสียงแตกพร่าของมัน

“ช่างแม่งมันเถอะ เฮียไม่ได้เป็นผม เฮียไม่มีวันเข้าใจหรอก”



ใช่ ผมคงไม่เข้าใจเด็กสมัยนี้

แต่ใครจะคิดล่ะ หลังจากนี้2 เดือน ผมต้องย้อนกลับไปเป็นนักเรียนอีกครั้ง










2 สัปดาห์ก่อนเข้าโรงเรียน

เจอไอ้เด็กเปรตครั้งแรก…



เย็นวันนี้ผมนัดเพื่อนรักคนหนึ่งไว้ที่ร้านอาหารอีสานริมทาง เธอดูสวยเท่เหมาะกับชุดเสื้อยืดสีน้ำเงินกางเกงรัดรูปสีขาวสวมรองเท้าส้นสูงกำลังนั่งกดโทรศัพท์มือถือ ผมรีบนั่งตรงข้ามเธอ ใบหน้ากลมมนแต่งแต้มเครื่องสำอางเบาบางเข้ากับผมหยักศกรวบหางม้าก็เงยขึ้น

“อ้าว มาละหรอพ่อคู๊ณ ฉันหิวจะแย่อยู่แล้วเนี่ย”

“โทษทีแกที่ให้รอนาน”

เธอยิ้มแล้วส่ายหัว

“แล้วรถติดหรือไงทำไมถึงมาช้านักล่ะ”

“ก็ใช่ แต่พอดีท่านรองเรียกรับภารกิจด่วนด้วย เลยเลตไปหน่อย ไม่โกรธนะบีบี๋”

“ภารกิจใหม่” ร้อยตำรวจตรีบุรัสกรหรือหมวดบีตาโตขึ้นมาทันที “ภารกิจอะไรหว่า”

“จ้างให้ก็ไม่บอกหรอก”ผมแกล้งคนตรงหน้า เลยโดนเธอแบะปากใส่กลับมา

“จริงๆ ฉันก็ไม่ได้อยากรู้นักหรอก เรามันคนละสายกันอยู่แล้ว นายเป็นสายสืบ ฉันเป็นสายจับ เดี๋ยวพอทางผู้ใหญ่ส่งเรื่องมาเดี๋ยวฉันก็รู้เองแหละ ว่าแต่นี่จะสั่งอะไรกินกันดี ฉันอยากจะกินส้มตำปูปลาร้า ไก่ย่าง ลาบหมู ต้มแซ่บกระดูกอ่อน”

“โห นี่กะสะสมพลังงานทั้งเดือนเลยหรือไง”

“โอ๊ย งานหนักจะตาย บอกเลย ต่อให้กินล่วงหน้าสักสิบวันก็ไม่อ้วนหรอกย่ะ”

ความเป็นกันเอง ความน่ารักแบบนี้ ผมเลยชอบเธอ

“อ้วนก็ดีจะได้ไม่มีคนมาจีบ”

“ก็คงเหมือนแกนั่นแหละมั้ง”

“เออดี เป็นโสดกันทั้งคู่นี่แหละ” ผมแอบแซวพร้อมรู้สึกวูบวาบอย่างบอกไม่ถูก

หมวดบีกับผมเป็นเพื่อนกันมานานตั้งแต่อยู่อเมริกา เธอเป็นตำรวจสาวสุดมั่นและเก่งเกินชาย คงมีผู้ชายมากหน้าหลายตาคอยตั้งร้านขายขนมจีบ ผมก็หนึ่งในนั้นแต่ต้องติดแหง็กอยู่ในสถานะเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อมาตั้งแต่ตอนเรียนไฮสคูล คิดดูแล้วบางทีใจผมควรต้องขยับสถานะบ้าง ไม่งั้นมีหวังได้กินแห้วทุกเช้า กลางวัน เย็น

เดิมทีผมอยากขอเธอเป็นแฟนในร้านอาหารดีกว่านี้ แต่เจ้าตัวเกิดลงแดงอยากสูบฉีดปลาร้าเข้าเส้นเลือด ผมจึงลงเอยต้องสารภาพรักที่ร้านส้มตำ

ผมกินอะไรแทบไม่ลง ตื่นเต้นจนหัวใจแทบทะลุอก ได้แต่มองบีจ้วงข้าวเหนียวส้มตำเหมือนอดอยากมาสามปี

พออาหารทุกอย่างถูกจัดการจนเกลี้ยง

เอาว่ะ เริ่มเลยแล้วกัน

“เอ่อ…บี จริงๆ แล้วเราก็เป็นเพื่อนกันมานานแล้วเนอะ…คือ”

“อื้มแล้วไงอ่ะ”หมวดบีกำลังเช็ดปาก

“ควรถึงเวลาแล้ว…”



“ขโมย ขโมย!!”

เสียงตะโกนของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น หมวดบีรีบทิ้งทิชชู่ลุกขึ้นปฏิบัติหน้าที่ตามสัญชาติญาณ

ผมตามหลังหมวดบีเข้าไปในซอย ในนั้นทั้งสลัวและเปลี่ยวจนน่าขนลุก หมวดบีก็ฝีเท้าปานจรวดจนเธอหายไปจากสายตาผม

ทันใดนั้นผมเห็นผู้ชายคนหนึ่งโผล่มาจากซอยแยก ท่าทีลุกรี้ลุกรนมีพิรุธ

ที่สำคัญมันมีกระเป๋าผู้หญิงอยู่ในมือ!

ไอ้มือวิ่งราวทรัพย์ซ่อนอยู่ตรงนี้นี่เอง อย่าหวังว่ามึงจะหนีไปได้

ผมกระโจนจะคว้าตัวมัน แต่อีกฝ่ายหลบได้ มือผมจึงคว้าได้แค่สายกระเป๋า

“เฮ้ย อะไรเนี่ย”อีกฝ่ายหันขวับมาทำเสียงห้าวใส่ ดูจากลักษณะการตัดทรงสกินเฮดคงเป็นพวกจิ๊กโก๋มอปลาย

“มึงนั่นแหละ เอากระเป๋าคืนมาเดี๋ยวนี้ ไอ้ขโมย”

“หะ ขโมยอะไร”หมอนั่นยังตีหน้าหน้ามึนแถมยังไม่ยอมให้ของกลางคืน

หัวขโมยตัวสูงไม่ยอม ผมเลือกขึ้นหน้า เป็นไงเป็นกัน

แต่ผมลืมไปว่าสายกระเป๋าหนังไม่ใช่เชือกชักกะเย่อ

พรวด…!

ขาดผึงทันที ผมเป็นฝ่ายได้กระเป๋า ส่วนไอ้โจรปากแข็งร้องเสียงหลงพร้อมกับหงายหลังลงไปในอ่างผสมปูนข้างทาง

ผมกำลังจะกลายเป็นฝ่ายชนะ ถ้ามือของมันไม่คว้าแขนพาผมลงอ่าง เอ๊ย ลงเหวไปด้วย

“เชี่ยอะไรเนี้ย”

แต่ผมก็พยายามกอดรวบตัวมันไว้ แต่ร่างใหญ่แรงเยอะดิ้นทีหนึ่งทำเอาน้ำเหม็นปูนสาดกระเซ็นจนเปียกคู่

“ปล่อยกูนะเว๊ย”

“ยอมมอบตัวดีๆ ซะเถอะ” เรื่องอะไรจะปล่อยไปง่ายๆ

“ทำอะไรน่ะ ภพ” หมวดบีกลับมาพอดี คราวนี้มึงไม่รอดแน่ ผมจึงตะโกนกลับไป

“ไอ้นี่แหละคนขโมยกระเป๋า”

“บ้าไปแล้ว หันมาดูนี่”

ผมหันขวับกลับไปตามเสียง เห็นหมวดบีชูกระเป๋าสีแดงแปร๊ด

เอ้า! แล้วกระเป๋าในมือผมตอนนี้คือ?

ก่อนได้คิดอะไรต่อ ผมถูกแรงมหาศาลผลักอกจนได้สติกลับมา จึงรีบตะกายขึ้นยืน ออกจากเขตก่อสร้างให้ไว ขณะที่อีกฝ่ายได้แต่มองมาด้วยสายตาพร้อมขย้ำผมจนตาย

ซวยแล้ว! ไอ้ภพ จับผิดคน

“เอ่อ คือ ขอโทษ” ผมยื่นมือสั่นๆ หวังช่วยดึงเด็กหนุ่มร่างสูงเสื้อขาวเปียกแนบเนื้อจนเห็นมัดกล้ามชัด

ไม่มีท่าทียอมรับการช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น อีกฝ่ายลุกขึ้นเองแล้วกุมมือตัวเองแน่น

ซวยรอบสอง เมื่อผมสังเกตเห็นของเหลวสีแดงสดหยดติ๋งลงพื้น

“ตายแล้ว เป็นไงบ้าง พี่พาไปทำแผลนะ” หมวดบีจะช่วยดูแผล แต่ไอ้เด็กนั่นรีบก้าวถอยห่าง หันมากระชากกระเป๋าคืนจากมือผม ก่อนวิ่งหายไปในซอยสลัว

“เฮ้อ ไอ้ภพ สายสืบคนเก่ง พลาดซะแล้วเพื่อนชั้น”

“ใครจะไปดู เห็นท่าทีพิรุธ นี่นา” ผมยอมรับผิด แต่ก็ยังเชื่อในสัญชาตญานตัวเอง

“ขอให้เด็กนั่นไม่เป็นอะไรมากละกัน” เธอถอยหายใจหนัก สีหน้าเป็นกังวลเริ่มคลาย “เอ่อ…เมื่อกี้จุกเป็นบ้าเลย ลืมตัวว่าเพิ่งกินข้าวเสร็จ แต่ตำรวจสาวแกร่งอย่างชั้นไม่ยอมแพ้ ตามจนโจรมันยอมทิ้งกระเป๋าคิดดู แต่ตอนนี้ชั้นอยากอ้วกมากแก”

“ไม่ไหวก็อย่าฝืน วิ่งตามคนเดียวแบบนั้นเกิดอันตรายหรือเป็นกับดักขึ้นมาจะทำยังไง”

ไม่ทันได้พูดต่อ ก็มีหญิงร่างอวบคนหนึ่งปรี่ตรงเข้ามาหาพวกผม

“กระ เป๋า ป้า” ป้าแกหายใจถี่เหมือนกันใจ

“ป้าใจเย็นนะคะ ค่อยๆ พูดค่ะ เดี๋ยวเป็นลมเป็นแร้ง” หมวดบีเข้าไปประคอง “นี่กระเป๋าป้าค่ะ แต่หนูตามมันไม่ทันจริงๆ ป้าไปแจ้งความไว้ที่โรงพักด้วยนะคะ”

คุณป้ารีบขอบคุณยกใหญ่

“ขอบใจมากจ่ะ โชคดีเงินยังอยู่ครบ ไม่งั้นลูกป้าคงไม่มีตังค์เรียนต่อมหาลัยแน่ แล้วหนูเป็นตำรวจเหรอจ้ะ”

“ค่ะ ออกเวรแล้ว แต่ก็พร้อมรับใช้ประชาชนค่ะ” หมวดบีโชว์ป้ายคล้องคอพร้อมทำตะเบ๊ะ

“ขอบคุณมากๆ เลยนะ ป้าขอบคุณมาก” คุณป้าน้ำตาคลอกุมมือตำรวจสาว

ก่อนแยกจากกันหมวดบียังย้ำให้ป้ารีบไปแจ้งความ

ส่วนผม ตอนนี้เหมือนถูกซอมบี้กินสมองไปแล้ว ว่างเปล่า ไร้ความคิด

ได้ยินแต่เสียง มึงพลาด มึงพลาด ก้องเต็มหัว

“เป็นไรไปแก ไอ้ลูกแมวตกน้ำนิ่งเป็นหินเชียว”

ผมพยายามยิ้มตอบกลับไป แกล้งเป็นสบายดี แต่เพื่อนก็เพื่อน มีเหรอ หมวดบีจะไม่รับรู้ความรู้สึกตอนนี้ของผม

“เอาน่าอย่าคิดมาก มันเป็นการเข้าใจผิด เด็กคนนั้นก็คงไม่ได้ถือสาอะไรแกหรอก คนเรามันก็พลาดกันได้เปล่าวะ” หมวดบีตบไหล่ผม “จริงๆ เรื่องนี้ฉันไม่อยากให้แกยุ่งเท่าไร สายสืบลับอย่างแก เผยตัวมากไป ศัตรูรู้ขึ้นมาจะลำบากเอา”

“ฉันไม่กลัวตายหรอก”ผมรีบตอบกลับทันที พยายามรวบรวมข้อความที่อยู่ในใจส่งผ่านสายตาออกไป “ฉันกลัวเธอตายมากกว่า”

ดวงตากลมโตของหมวดบีนิ่งไปครู่หนึ่ง ผมก็แทบหยุดหายใจ เวลานี้ควรจะพูดเลยดีไหม

“ฮ่าๆๆ” แต่เธอหลุดขำก๊ากใหญ่ ทำเอาผมไปต่อไม่เป็น

“ไอ้ภพ หยุดมองอย่างนั้น ขนลุกว่ะแก ไปๆ กลับไปจ่ายตังค์ค่าส้มตำก่อน ดูจากสภาพแกแล้วควรไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ไว ก่อนเศษปูนจะแห้งติดตัวเอง”

เฮ้อ…ขอสาวเป็นแฟนครั้งก็ต้องกินแห้วจิ้มน้ำตาตก

ถ้ามีอีกาอยู่แถวนี้คงบินผ่านหัวผมเหมือนในการ์ตูน

ดวงโคตรไม่ดี นอกจากไม่ได้แฟนแล้ว ใบหน้าเข้ม สายตาขวางอาฆาตแค้น ที่เด็กคนนั้นทิ้งไว้ให้ก่อนไปยังตามหลอกหลอน

ตีความได้คงประมาณว่า

‘กูพร้อมเอาคืนมึงทุกเมื่อ’

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-05-2020 15:16:09 โดย Payumoon »

ออฟไลน์ Payumoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
EP 2 : โลกกลมพรหมไม่น่าลิขิต
:m25:





เริ่มภารกิจ...





“สวัสดีครับ ผมชื่อนายธีรภพ ปัทมาพิพัฒน์ ชื่อเล่น ชื่อเจมส์ครับ ย้ายมาจากเชียงใหม่ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”

กว่าผมจะมาถึงจุดที่สามารถมั่นใจก้าวเท้าสู่ห้องมัธยมศึกษาปีที่6/5ต้องผ่านการเตรียมตัวครั้งใหญ่เหมือนกับต้องไปเล่นภาพยนตร์

ตัดผมสั้น

สวมแว่นตา

ทำทรีตเมนต์หน้า

โชคดีผมมีผิวขาวแบบคนจีน ตัวสูงร้อยเจ็ดสิบเจ็ด ไม่ผอมแห้งแรงน้อยจึงทำให้ดูอ่อนกว่าวัย ชนิดที่ว่าเดินเนียนในโรงเรียนมัธยมก็ไม่มีคนสงสัยว่าแต่งชุดไปงานเลี้ยงรุ่นมาหรือเปล่า

นอกจากนั้นผมยังต้องฟื้นฟูบทเรียนกับทีมครูพิเศษ เกือบไม่รอดแต่ผมหัวไวจึงกักเก็บความรู้ได้สำเร็จ

ผ่านไปสองเดือนผมจึงรับบทเป็นนาย‘เจมส์’ได้สมบูรณ์แบบ

“ธีรภพเพิ่งย้ายมาอยู่กรุงเทพได้ไม่กี่เดือน ครูขอฝากให้ทุกคนช่วยดูแลเพื่อนใหม่ของเราด้วย” ครูก้อย ครูที่ปรึกษาประจำชั้นพูดด้วยเสียงสดใส “เพื่อเป็นการทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ ครูจะให้ทุกคนแนะนำตัวกับธีรภพ เริ่มจากแถวหน้าก่อน”

นักเรียนในห้องเริ่มทยอยลุกขึ้นแนะนำตัว โชคดีที่กว่า 50 คนต่างดูเป็นมิตร โดยเฉพาะแก้งสาวน้อยร่างชายสามสี่แนะนำตัวแบบออกนอกหน้า

จนกระทั่ง…

คนที่นั่งริมหน้าต่างท้ายห้องลุกยืน

“สวัสดี ชื่อนริศ ชื่อเล่น นิว”

ผมเสียววาบไปทั้งตัวทันที ขนลุกขนชันเหมือนกำลังยืนอยู่ในโรงเรียนร้างหลังจากนั้นก็ต่อด้วยรายการคนอวดผี

แววตา สีหน้า รัศมีอำมหิตที่แผ่ออกมาผมไม่เคยลืม

โลกกลมคนซวยแล้วกู!

“ตรงไหนว่างก็นั่งได้เลยนะ” ครูก้อยบอก

“ตรงนี้ก็ได้ครับครู ข้างผมว่างพอดี”เสียงเข้มฟังดูเชื้อเชิญแต่ก็รู้สึกเหมือนกำลังโดนเพชรฆาตตัดคอ

“งั้นธีรภพไปนั่งข้างนริศก็แล้วกัน”

ผมตั้งสติได้ผมก็ไม่กลัวหรอก ชีวิตผ่านฝนฟ้าลมหนาวมาจนไม่เกรงกลัวอำนาจของเด็กเมื่อวานซืน แต่ที่ผมแอบกังวลคือถ้านายนิวเกิดเจ้าคิดเจ้าแค้นทำตัววุ่นวายผมขึ้นมา ภารกิจคงเพิ่มความหนักขึ้นสามตัน

แต่ดูเหมือนผมจะเลี่ยงไปทางไหนไม่ได้ เมื่อเห็นนายหมากหรือเป้าหมายอันดับหนึ่งนั่งด้านหน้านายนิว โต๊ะว่างก็เหลือแค่ที่เดียว

ผมจึงต้องยอมเลยตามเลย

ลึกๆ ผมตั้งจิตภาวนาขอให้แว่นที่สวมสามารถพรางตัวผมได้เหมือนกับซุปเปอร์แมน

จำไม่ได้ก็ผีละ ว่าที่บัดดี้ข้างโต๊ะดูพร้อมกลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดดูมสเดย์ทุกเมื่อ

“เข้าไปนั่งข้างในดีกว่าเด็กใหม่ วิวตรงหน้าต่างสวยกว่าเยอะ” นิวขยับหลีกทางให้พร้อมเน้นคำว่า วิวสวยกว่าเยอะ

ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว นั่งตรงไหนก็ได้ ดีเสียอีกมุมนี้จับตาดูความเคลื่อนไหวของนายหมากได้ถนัดตา คนที่นั่งคู่นายหมากน่าจะชื่อโฟกัส ดูเหมือนผมกำลังถูกล้อมด้วยแก็งหัวโจก

“ดูแลเพื่อนๆ ดีล่ะ นายนริศ” ครูก้อยกำชับหนักแน่น

“ครับ ผมจะดูแลอย่างไม่ให้ขาดตกบกพ่องเลย”

เหมือนผมจะไม่ได้ยินเสียง ร.จากคำว่าบกพร่อง แต่ก็พยายามสงบสติอารมณ์ ไม่ให้กระโดดขึ้นไปเบิร์ดกระโหลกเด็กเวร

“เอาล่ะ วันนี้เปิดเทอมวันแรก ทุกคนคงพักผ่อนตอนปิดเทอมกันเต็มที่แล้ว ขอให้มีสมาธิเปิดรับความรู้ในเทอมใหม่ อีกอย่างครูมีงานอยากให้พวกเธอทำด้วย”

“โห…ครู วันนี้เปิดเทอมวันแรกเองนะครับ”

เกิดเสียงฮือฮาขึ้นในห้อง

“ก็ไม่ได้จะให้ส่งวันนี้พรุ่งนี้สักหน่อยนี่นายหมาก อย่างเพิ่งโวยวายกันสิ ครูให้เขียนเรียงความเรื่องของเพื่อนที่นั่งข้างกัน เอาไว้เป็นคะแนนเก็บกลางภาค ถ้าใครมีปัญหาจะไม่ทำครูก็ไม่ว่าหรอกนะ ก็อดได้คะแนนไป”

คำพูดของครูก้อยเด็ดขาด ไม่มีนักเรียนคนไหนกล้าแต่รอง แต่คนดูรับงานหนักสุดเห็นจะเป็นผม ต้องเขียนรายงานเกี่ยวกับไอ้คนข้างๆ ที่ดูไม่ชอบขี้หน้าผมเนี่ยนะ

“เออ หวัดดีเด็กใหม่ กูชื่อหมาก คนข้างกูไอ้โฟกัส ส่วนคนข้างมึงนั่น…”

“ไม่ต้องแนะนำหรอก เราสองคนคงรู้จักกันมาก่อน” เสียงของหมากถูกไอ้นิวขัด

ทั้งหมากกับโฟกัสมองหน้ากันเหมือนสงสัย

“นิว มึงรู้จักกับเด็กใหม่หรอวะ” หมากถาม นิวพยักหน้าตอบเรียบๆ

“ใช่ ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวหรอก แต่คงจะได้รู้จักกันมากกว่านี้” นิวพูดก่อนจะวางมือบนโต๊ะ ผมเห็นรอยแผลเป็นบริเวณหลังมือจึงเข้าใจว่างานนี้อีกฝ่ายไม่ปล่อยผมไว้แน่

“เอาล่ะ วันนี้วันแรก ครูจะไม่สอนอะไร ให้พวกเธอเตรียมตัวเตรียมใจกัน คาบหน้าครูจะกลับมาจัดเต็มแน่นอน”หลังจากนั้นครูก่อนก็ออกจากห้อง

“เออ...ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” พอเห็นว่าไม่มีครูอยู่ด้วย ผมก็หาทางหนีห่างจากนิว แต่พอจะก้าวข้ามประตูกลับต้องชะงักเมื่อนักเรียนชายตัวสูงพอๆ เข้ามาทัก

“หวัดดี เราชื่อมายด์ เป็นหัวหน้าห้อง ถ้าเจมส์มีอะไรไม่เข้าใจถามเราได้นะ”นักเรียนคนนี้พูดจาสุภาพ ใบหน้าสะอาด หวีผมเรียบ ตรงตามสเป็คของเด็กเรียนในอุดมคติ

“ขอบใจมากนะ มายด์”ผมตอบกลับไป ถ้าอยากอยู่อย่างสงบและหาคนคุ้มกะลาหัว ผมควรผูกมิตรกับหัวหน้าห้องให้ไว

“แล้วเที่ยงนี้มีเพื่อนไปกินข้าวด้วยหรือยัง ถ้ายังไปกับเราได้นะ”

“ดีเลย กำลังหาเพื่อนกินข้าวด้วยพอดี”

“เดี๋ยว!” จู่ๆ ก็มีแขนกอริลลาทับลงบนไหล่ของผม “ไอ้เด็กใหม่ต้องไปกินข้าวกับพวกกู เพราะพวกเราชวนมันก่อน”

ผมหันไปขมวดคิ้วใส่ ช่วยตอนไหนวะ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายส่งสายตานิ่งพร้อมสีหน้าแกมบังคับ

“ว่าไงไอ้เด็กใหม่”

จริงๆ น่าจะเป็นแผลที่ปากมากกว่าแผลที่มือนะ ไอ้เด็กนิว

ผมเคยเรียนไฮสกูล เวลารับมือกับเด็กเกเรคือต้องไม่แสดงความอ่อนแอออกมา หากยอมครั้งต่อไปก็ต้องยอม สุดท้ายก็ต้องกลายเป็นลูกแกะน้อยรองรับความคึกคะนองของพวกมัน

“ไม่เป็นไร เราไปกับมายด์ดีกว่า พอดีจะคุยเรื่องเรียนด้วย”ผมฝืนยิ้มจางๆ ปฏิเสธกลับไป

“อ้าว พูดแบบนี้หมายความว่าไงวะ”

ดูคู่กรณีผมเหมือนไม่พอใจ ผมไม่เสียเวลาหาเรื่องกับมันหรอก สู้รีบคว้ากระเป๋าไปกินข้าวเที่ยงกับหัวหน้าห้องดีกว่า แต่ก็ไม่วายได้ยินเสียงคุยของพวกมันแว่วตามหลัง

“กูว่าไอ้เด็กใหม่อยากลองดีกับมึงว่ะ” ไอ้หมากจุดประเด็น

“เออ เดี๋ยวได้เห็นดีกัน เตรียมตัวย้ายโรงเรียนได้เลย ไอ้แว่น”



โรงอาหาร

“มายด์ ปกตินายกินข้าวคนเดียวเหรอ”

“เปล่าหรอก ปกติกินข้าวกับปอนด์ วันนี้มันลาป่วย แล้วก็มีอีกคนหนึ่งชื่อตูน แต่เพิ่งรู้จากครูก้อยว่าไอ้ตูนลาออกกะทันหัน”

ชื่อไอ้ตูนส่งผลให้หัวใจผมชะงักเล็กน้อย ผมสังเกตเห็นความเศร้าในแววตาของมายด์ชัดเจน ทำให้ผมยิ่งอยากรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเด็กกลุ่มนี้มากกว่าเดิม

“อ้าวแล้วนายไม่รู้เหรอว่าเพื่อนนายย้ายไปไหน”

“พยายามติดต่อแล้วก็ติดต่อไม่ได้ ไปหาที่บ้านก็ไม่มีใครอยู่ เลยไม่รู้ว่ามันย้ายไปที่ไหน” จู่ๆ มายด์ก็หันมามองหน้าผม “เอ ว่าแต่นายก็หน้าตาคล้ายไอ้ตูนเหมือนกันนะ”

ซวยแล้ว! ผมรีบขยับแว่น หัวเราะในลำคอกลบกลื่นอาการ

“บ้า จะเป็นไปได้ยังไง”

“ก็แปลกดี พอตูนลาออกปุ๊บขึ้นเทอมใหม่ก็มีนายมาปั๊บ”

“ไปซื้อข้าวกันก่อนเถอะ หิวแล้ว” ผมชิ่งตัดบทก่อน ไม่งั้นมีหวังเจ้าหนูจำไมคงเริ่มตั้งคำถามไปเรื่อยเปื่อย

“ได้ๆ คิวน่าจะน้อยแล้ว เดี๋ยวขอไปซื้อน้ำก่อน ว่าแต่นายกินน้ำอะไรเดี๋ยวไปซื้อให้”

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวเราไปซื้อเองดีกว่า”

“ไม่ต้อง ไหนๆ เราก็ไปแล้ว อีกอย่างนายเพิ่งมาใหม่ เราซื้อเองไวกว่า”

“งั้นขอชามะนาวก็แล้วกัน ขอบใจมาก”

ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายที่ต้องมาเจอเพื่อนสนิทของลูกพี่ลูกน้อง ไอ้ตูนมีเพื่อนดีอย่างมายด์ ไม่น่าหลงไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งไม่ดีเลยเพราะความคิดชั่ววูบเรื่องผู้หญิงแท้ๆ

มายด์กลับมาพร้อมกับน้ำสองแก้วผมจึงพักคิดเรื่องปวดหัว ก่อนผมรีบไปต่อแถวเอาก๋วยเตี๋ยวไก่หอมฉุยชามโต



พรวด…แหมะ



เอาก๋วยเตี๋ยวเข้าปากได้ไม่กี่คำ ก็เหมือนมีบางอย่างติดแหมะตรงท้ายทอย

ผมหยิบออกมาดูก็เจอกับไอ้เม็ดสีดำเหนียวนุ่ม

ผมรีบหันขวับกลับหลังทันที

“ขอโทษทีว่ะ ไอ้หมากมันเล่าเรื่องตลกตอนกูกำลังจะดูดชาไข่มุกพอดี”

ไอ้เด็กนิว ไอ้มือปืน ผมต้องนิ่งไว้เพื่อให้มันเลิกสนใจ

ลึกๆ ก็แอบสูดลมหายใจระงับอารมณ์ ก่อนหันกลับมาจัดการก๋วยเตี๋ยวต่อ



พรวด…แหมะ



ลูกที่สองโค้งโพรเจกไทล์แลนดิ้งลงกลางหัวผมอย่างจัง พร้อมกับตามด้วยเสียงหัวเราะคิกคักของพวกแก็งแสบ

“เอ้ย โทษทีว่ะ พอดีกูเผลอจาม”

อยากลุกขึ้นไปต่อยซึ่งๆ หน้าให้จบกันไปข้างหนึ่ง แต่หน้าที่การงานก็คงปลิวด้วยเหมือนกัน

ผมจึงตัดสินใจสลับที่นั่งกับมายด์ ส่วนมายด์มันก็ยอมแบบงงๆ เพราะมัวแต่กินข้าวพร้อมกับอ่านหนังสือติวสอบชีวิตอยู่

คราวนี้ขอประจันหน้ารอดูว่าเด็กแสบจะมาไม้ไหน



พรวด!

ทันทีที่เกิดเป่าแหวกอากาศ มือผมเกิดปฏิกิริยาอัตโนมัติยกขึ้นจับกระสุนไข่มุกไว้ทันก่อนจะถึงหน้ากลางหน้าผาก ทำเอาไอ้สามตัวเหวอค้าง

ทนไม่ไหวแล้วโว๊ย!

ผมหลุดขึ้นพรวดพร้อมกับชามก๋วยเตี๋ยว ตรงไปยังโต๊ะของไอ้นิว ท่ามกลางสายตาลุ้นระทึกของคนรอบข้าง

“ทำไม”ไอ้นิวก็พร้อมบวก

“เฮ้ย ใจเย็นมึง ไอ้นิว”โฟกัสรีบห้าม

“แน่จริงก็สาดมาสิ” ไอ้นิวยืดอกท้าทายผม

แต่ผมไม่ทำเรื่องให้ต้องเข้าห้องปกครองตอนนี้หรอก

ไอ้เด็กอ่อนหัดเมื่อวานซืน ไม่รู้จักใช้สมอง คิดแต่ใช้กำลังคงต้องสั่งสอนให้รู้สำนึก

ดูเหมือนพวกมันจะโฟกัสที่ชามก๋วยเตี๋ยวในมือผมเกินไป

ผมไม่สาด ไม่เท แต่อาศัยจังหวะนี้ยัดไข่มุกสามเม็ดใส่กระเป๋าเสื้อไอ้นิว

“เห็นว่าชอบกิน เลยเอามาคืน” ผมบอกด้วยน้ำเสียงเย็นนิ่งพร้อมกับหน้ามัน

ไอ้นิวอ้าปากค้าง หน้าเริ่มแดง กำลังพุ่งตัวใหญ่ของมันมาหาผมแต่โฟกัสรั้งแขนไว้ก่อน

“อย่าไอ้นิว นี่มันโรงอาหาร ไอ้หมากช่วยจับมันไว้”

ผมแสยะยิ้มแล้วเดินผ่านร่างสูงกว่าอย่างไม่ยี่หระ

ใจจริงอยากปั่วประสาทมันต่อ แต่กลัวผมจะเป็นกลายจุดสนใจของคนทั้งโรงอาหาร จึงรีบหยิบกระเป๋าชวนมายด์ออกจากสถานที่เกิดเหตุ

“อะไรของไอ้พวกนั้นกันนะ ทำตัวนิสัยเสียชะมัด คราวหน้าให้มาบอกเราเดี๋ยวจะจัดการให้เอง” มายด์บ่นอยู่ข้างๆ

“ช่างมันเถอะ คราวนี้คงไม่กล้ามายุ่งกับเราละมั้ง”

แต่ก็แปลกใจที่เด็กสภาพเนิร์ดอย่างมายด์ ถึงส่วนสูงพอกันแต่มายด์ดูบอบบางกว่า หน้าตาสะอาดเกลี้ยงเกลาเหมือนหนุ่มญี่ปุ่น ถึงไม่ตกเป็นเหยื่อพวกเด็กกลุ่มนั้นผมเก็บความอยากรู้ไม่ไหวจริงๆ

“นายเคยโดยพวกมันแกล้งบ้างหรือเปล่า”

“ตอนมอสี่เคยโดน แต่พอเรากลายเป็นหัวหน้าพวกมันก็ไม่ค่อยมายุ่งเท่าไหร่ ลองมาแกล้งดูสิ งานวิชาไหนยากอย่างหวังจะช่วยเลย”

เด็กมายด์เห็นภายนอกดูเหมือนไม่สู้คน แต่รังสีความเป็นผู้นำแผดพุ่งมาก คิดไม่ผิดที่เลือกเกาะติดหัวหน้าห้องไว้



หลังจากเดิมพลังงานให้ร่างกายเต็มเปรี่ยม ผมขอให้มายด์พาสำรวจโรงเรียนเพื่อเก็บข้อมูลสถานที่สำหรับใช้สืบหาเบาะแสของผู้อยู่เบื้องหลังนายหมาก จนถึงบ่ายโมงก็รีบขึ้นอาคารเพื่อนเข้าเรียนวิชาต่อไป

ผมรู้สึกโล่งใจที่ไอ้นิวยังไม่มา แต่ยังเหลือสมาชิกแก๊งอย่างหมากกับโฟกัส

ไม่ทันข้ามธรณีประตู กลุ่มเพื่อนร่วมห้องท่าทางตุ้งติ้งก็ปรี่เข้ามาแนะนำตัว ว่าชื่อ เจน นุ่น โบว์

“เราได้ยินข่าวที่โรงอาหาร เกิดอะไรขึ้นหรอ มีเรื่องอะไรกับพวกนั้นหรอ” นักเรียนตุ๊ดร่างผอมชื่อ‘เจน’ เป็นฝ่ายถาม ส่วนนุ่นกับโบว์ตั้งหน้าตั้งตาฟังตาปริบๆ

“ไม่มีอะไรหรอก” ผมปฏิเสธไม่อยากให้เรื่องยืดยาว

“เอ้าหรอ งั้นก็ดีแล้วล่ะ เราไม่อยากให้ผู้ชายหน้าตาดีๆ ทะเลาะกัน โดยเฉพาะกับแก๊งสามผัวของเรา” นุ่นตุ๊ดตัวอ้วนเอ่ยขึ้น

“แก๊งสามผัว?” ผมงงกับคำว่าแก๊งผัว แต่ตุ๊ดชื่อโบว์ร่างสูง 180 ไม่รอช้าทำหน้าที่ขยายความคำพูดเพื่อน

“อีหนุ่ย มึงเรียกไอ้นิว ไอ้หมาก ไอ้โฟกัสว่าแก๊งสามผัว มันก็มีแต่เราเรียกมะ เจมส์เขาจะรู้ด้วยไหม”

“เอ้า อีเบิ้ม ไหนมึงตกลงกันว่าจะเปลี่ยนชื่อเป็นเจน นุ่น โบว์ไง อีกอย่างไอ้นิวหล่อเท่นักกีฬา ไอ้หมากก็โอปป้า ไอ้โฟกัสก็นักร้องนำโรงเรียน ใครจะอดใจไม่เรียกแก๊งสามผัวหะ”

ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนอาหารเที่ยงกำลังตีย้อนขึ้นที่อก พะอืดพะอมเต็มทีกับการเยินยอความหล่อของไอ้สามตัวนั่น

“สามสาวไปเข้าที่ได้แล้ว อาจารย์จะมาแล้ว เดี๋ยวโดนดุหรอก” มายด์ทำหน้าที่หัวหน้าห้องได้อย่างดีเยี่ยม ถ้าผมเป็นผอ.ผมยกรางวัลนักเรียนดีเด่นให้6 ปีซ้อนเลย

หลังจากผ่านด่านพวกเจน นุ่น โบว์ก็ต้องมาเจอกับไอ้หมากต่อ

“เออนี่ มึงทำไอ้นิวโกรธได้ โคตรสุดยอดเลยว่ะ” มันแอบกระซิบ “นานแล้วที่ไม่เห็นไอ้นิวโกรธใครขนาดนี้”

ผมไม่อยากพูดเรื่องไอ้นิวไม่ชอบผมเพราะไม่อยากให้ไอ้หมากสืบสาวไปถึงเหตุการณ์โจรวิ่งราวกระเป๋าหรือตัวหมวดบีผมแค่จึงยิ้มเบาๆ แล้วส่ายหน้าตอบไป

“ไอ้นิวมานู่นละ” ไอ้โฟกัสเรียก ไอ้หมากจึงพักความสนใจคุยกับผม

ไอ้ตัวใหญ่ทิ้งก้นลงนั่งข้างผมโดยไม่พูดอะไร ยิ่งทำให้ผมต้องระวังตัวกว่าเดิม

โชคดีอาจารย์ประจำวิชาค่อนข้างดุเคร่งคัดกับมารยาทในห้องเรียน ใครขยุกขยิกมีโดนแปรงลบกระดานปาใส่หัว แต่สำหรับผมนั้นกลับผ่อนคลายเพราะสามชั่วโมงนี้คงไม่ถูกไอ้นิวเล่นงาน ทำให้ผมได้ใช้เวลาคิดแผนล้วงข้อมูลจากไอ้หมากได้อย่างเต็มที่

จนกริ่งคาบเรียนสุดท้ายดัง เหมือนผมหลุดพ้นจากพันธนาการ มายด์ชวนผมไปกินข้าวผัดชื่อดังหน้าโรงเรียนก่อนมันจะแยกไปเรียนพิเศษ

แต่ระหว่างทางตั้งแต่อาคารเรียนจนถึงสนามฟุตบอล ผมรู้สึกแปลกเหมือนโดนสายตาหลายคู่จับจ้อง บางครั้งก็ได้ยินเสียงหัวเราะจากคนอื่น จนผมต้องหยุดกึกหันไปถามหัวหน้าห้อง

“มายด์ เรามีอะไรแปลกไปหรือเปล่า รู้สึกเหมือนมีคนมองตลอดทางเลย”

“เอ…ก็ไม่นะ” มายด์เดินรอบตัวผม จู่ๆ มันร้องออกมา “เฮ้ย ข้างหลังนาย”

นั่นไง…บรรลัยอีกแล้ว

ผมรีบดึงไหล่เสื้อเพื่อดูสิ่งที่อยู่ข้างหลัง เหมือนมีข้อความสีแดงบางอย่างติดอยู่ แต่อ่านไม่ออก

ไม่มีทาง ผมไม่ยอมกลับบ้านในสภาพนี้แน่

“มายด์เดี๋ยวมานะ”



ผมแจ้นมาถึงห้องน้ำในโรงยิม คราวนี้ถึงได้เห็นข้อความในกระจกเต็มสองลูกตา

“WTF!”



อัดถั่วดำฟรี



ผมกำหมัดกัดกรามแน่น อาจารย์เนี้ยบก็ไม่สามารถหยุดยั้งความเลวของไอ้นิวได้

“เออๆ มาถึงยิมแล้วเนี้ย ขอฉี่แปปนะ” เหมือนโดนสวรรค์แกล้ง เสียงที่ผมไม่อยากได้ยินตอนนี้ดันใกล้เข้ามา

พอประตูห้องน้ำจะถูกผลัก ไอ้นิวตัวแสบที่เหมือนเพิ่งคุยโทรศัพท์เสร็จก็มองผมด้วยสายตากวนประสาททันที

“เพ้นท์เสื้อเล่นหรอวะ เจ๋งดีนะ สวยดี”

ผมต้องพยายามข่มโทสะไว้เพื่อไม่ให้หันไปสอยฟันไอ้คนร่างสูง คราวนี้ผมต้องลองใช้ไม้อ่อนดู

“คุยกันดีๆ ได้ไหมนิว เรื่องตอนนี้ขอโทษจริงๆ ว่ะ”

ไอ้นิวขยับตัวเข้ามาใกล้ผมต้องถอยชิดขอบอ่างล้างหน้า

“ขอโทษแล้วหายเจ็บไหมล่ะ นี่สำหรับตอนกลางวันที่มึงทำกระเป๋าเสื้อกูเลอะ และกูจะแกล้งมึงไปเรื่อยๆ จนกว่ากูจะเบื่อก็แล้วกัน”

ไอ้เด็กคนนี้ตรงคอนเช็ปดื้อรั้นไม่ยอมคน ถ้ามันไม่หยุดผมก็พร้อมพุ่งชนตามวิธีของผม ผมยืดตัวจ้องหน้าคนสูงกว่าก่อนจะถอดเสื้อนักเรียน

“มึงจะทำอะไรไอ้แว่น”

“เอาไปสิ” ผมยัดเสื้อนักเรียนใส่มือของไอ้นิว “เห็นบอกว่าสวยเลยยกให้ละกัน แต่เก็บไว้ดีๆ นะ เผื่อได้ใช้”

ไอ้นิวแสดงสีหน้างงงวนชัดเจน แต่พูดจบผมก็รีบออกจากห้องน้ำในสภาพท่อนบนเป็นเสื้อกล้ามสีขาวตัวเดียว



นิวซ้อมมวยตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงสองทุ่ม หลังจากอาบน้ำเช็คตัวเสร็จก็ตรงไปยังล็อคเกอร์เพื่อเปลี่ยนชุด แต่มีบางอย่างหายไป

“เฮ้ย พวกมึงมีใครเห็นเสื้อกูเปล่าวะ”

“ไม่เห็นว่ะ ทำไมวะ”เพื่อนอีกคนตอบกลับมา

“กูจำได้ว่ากูเก็บไว้ในนี้นี่นา แล้วกูจะเอาเสื้อไหนใส่กลับบ้านวะ กฎของโรงเรียนเราเข้าออกต้องใส่ชุดนักเรียนนะโว๊ย อีกอย่างบัตรนักเรียนอยู่ในกระเป๋าเสื้อด้วย แล้วกูจะสแกนออกยังไงวะ ลุงยามจับเซ็นชื่อ โดนพ่อฝ่ายปกครองแม่งเล่นแน่” นิวบ่นอย่างหงุดหงิด แต่มือก็ยังค้นล็อกเกอร์

“ไอ้สัด ก็มีกันอยู่ไม่กี่คน ใครแม่งจะขโมยของมึงไปวะ เอ้อ แล้วเสื้อตัวนั้นไม่ใช่ของมึงเหรอวะ กูเห็นมึงเอามาวางไว้ตรงม้านั่ง”

นิวหยิบเอาเสื้อนักเรียนตัวอักษรเปื้อนสีน้ำมันขึ้นพิจารณา เสียงของบางคนก็แวบเข้ามาในหัว



“เห็นบอกว่าสวยเลยยกให้ละกัน แต่เก็บไว้ดีๆ นะ เผื่อได้ใช้”



“ไอ้แว่น มึง!”

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-05-2020 15:39:25 โดย Payumoon »

ออฟไลน์ Payumoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
EP 3 : โจรขโมยเสื้อ


คิดแล้วเพลีย ทำภารกิจวันแรกก็เจอเหตุให้ปวดหัวป่วนจิตไม่น้อย แค่ผมต้องพยายามทำตัวเป็นนักเรียนมัธยมหกกางเกงน้ำเงินก็แทบเกร็งจนทุกส่วนของร่างกายเกือบเป็นตะคริว ยังต้องมาปะมือกับเด็กเปรต อดีตคู่กรณีคนที่ผมดันไปเข้าใจผิดคิดว่ามันเป็นโจรวิ่งราว ทำเอาหมอนั่นเจ็บตัวเลือดซิบ ก็ไม่แปลกถ้าผมจะโดนมันเอาคืน

แค่คำขอโทษ ไม่พอหรือวะ

ผมขมวดคิ้ว มองดูรูปในบัตรประจำตัวนักเรียนของนาย นริศ ปราบปราการ

ทำไมไอ้เด็กนั่นถึงยังไม่ยอมรามือ

ใจจริงก็ไม่ได้อยากมีเรื่องกับคนประเภทนี้นักหรอก หมอนี่ หน้าตาก็ดี หน้าคมแบบฉบับมีความเป็นลูกครึ่ง คิ้วเข้มเชิด จมูกโด่ง  แต่ถ้าไม่ทำให้รู้สำนึกเสียบ้าง เดี๋ยวโตไปจะเป็นเด็กมีปัญหา เอาแต่ใจ ใช้กำลัง กลายเป็นอันธพาลขวางโลก

ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกว่าบัตรประจำตัวมาอยู่ในกระเป๋าเสื้อนักเรียนได้อย่างไร แต่ก็ถือว่าเป็นบัตรสำคัญที่นักเรียนต้องพกไว้เพื่อนสแกนเข้าออกโรงเรียน คราวนี้ไอ้เด็กเปรตคงตามหามันจนหัวปั่น

                ยิงปืนนัดเดียวได้ทั้งเสื้อ ได้ทั้งบัตร

มาเล่นผิดคนผิดคนซะแล้วไอ้น้อง

อย่าหาเรื่องกับสายลับข่าวกรองอันดับหนึ่ง!

                แต่ช่างเถอะ ตอนนี้เอาเวลาไปคิดถึงหมวดบียังชื่นใจเสียกว่า ผมอยากโทรหาเธอแต่ก็กลัวอีกฝ่ายติดงาน จึงได้แค่ส่งสติ๊กเกอร์ไลน์ไปเซย์ไฮ ใจเต้นรอให้คำว่า อ่าน ปรากฏขึ้น ถ้าตอบกลับมาเมื่อไหร่  ผมต้องนัดพับเธออีกครั้งแล้วทำภารกิจขอเป็นแฟนให้สำเร็จ

ผ่านไปหลายวินาทียังไร้วี่แววตอบกลับ ผมจึงเปิดดูเฟซบุ๊คของหมวดบี ดูความเคลื่อนไหวแต่ก็ไม่ค่อยมีการอัพเดทแต่อย่างใด รูปล่าสุดคือตั้งแต่สามเดือนที่แล้ว เป็นรูปของหญิงสาวใบหน้ากลมกับรอยยิ้มสดใสมั่นใจมัดผมหางม้า ตรงสเปคทุกจุด สาวฝรั่งคนไหนก็ไม่สู้บีบี๋

ไม่น่าเป็นเพื่อนสมัยเรียนไฮสคูล ตอนนั้นที่เธอมาในฐานะนักเรียนแลกเปลี่ยน เจอคนไทยด้วยกันเองถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ สนิทและใช้ชีวิตร่วมกันได้อย่างรวดเร็วเหมือนคนรู้จักหน้าค่าตากันหลายปี ช่วงเวลาตอนนั้นแม้ไม่นานหัวใจของผมกับยิ่งพองโตเป็นทวีคูณ จนได้มาเจอกันอีกครั้งเรียนปริญญาโทที่ไทย ความรู้สึกดีๆ ของผมก็ยังไม่เปลี่ยน มีแต่เพิ่มขึ้นทุกวัน

ผมเอนหลังนอนบนเตียงช้าๆ ก่อนใช้นิ้วโป้งแต่ใบหน้าของคนในรูปแล้วเกลี่ยอย่างเบามือ

                คราวหน้าผมนายพิภพคนนี้จะไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือไปอีกแล้ว



                ติ้ง ติ้ง ติ้ง…



“ชิท!”

เสียงสายเข้าทำให้โทรศัพท์ไอโฟนรุ่นใหม่เกือบหลุดมือ อารมณ์กำลังเคลิบเคลิ้มเพ้อฝันดับวูบ

ใครโทรมาวะ เล่นเอาสะดุ้ง สันโทรศัพท์เกือบทำดั้งแหก

หมายเลขที่ปรากฏบนหน้าจอไม่เคยเห็นมาก่อน อีกอย่างเบอร์โทรเครื่องนี้เพิ่งซื้อมาใช้ระหว่างทำภารกิจ คนแรกที่ผมให้เบอร์นี้ไปคือ มายด์ แต่ผมบันทึกชื่อไว้แล้ว

หรือจะเป็นเบอร์ขายประกัน ทำบัตรเครดิต

เผื่อมีเรื่องสำคัญเลยลองกดรับดู

                “ครับ”

                “นี่เบอร์ไอ้เจมส์ใช่มั้ย”

เสียงปลายสายดุเหมือนหมาเห่า ทำให้ผมสะดุ้งลุกขึ้นนั่งทันที

หวังว่าคงไม่ใช่…

                “ไอ้เจมส์ ไอ้แว่น ไอ้เชี่ย มึงกล้าขโมยเสื้อกูไปหรอ”

                ตอนนี้ผมเกิดอยากรับสายคนขายประกันหรือบัตรเครดิตจริงๆ จะยอมทำให้หมดเลย

                “พูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่อง” ผมตอบกลับเรียบนิ่ง

                “อ่อ ไม่รู้เรื่องหรอ อย่ามากวนตีนไอ้แว่น กูรู้ว่ามึงเป็นคนเอาไป มึงนี่แม่งเป็นโรคจิตหรือไง ชอบขโมยเสื้อคนหล่อๆ อย่างกูก็ไม่บอก คราวหน้าถ้าอยากได้บอกดูดีๆ กูจะให้มึงโหลนึงเลย”

                เหอะๆ ผมกำลังเหมือนโดนตราหน้าว่าเป็นโจรโรคจิตขโมยชุดชั้นใน ที่สำคัญมันหลงตัวเอวชิบหาย ไอ้เด็กเวร รู้จักกูน้อยไปซะแล้ว

                “เข้าใจอะไรผิดแล้วม้าง ไม่มีหลักฐานอย่ามาปรักปรำคนอื่นสิ อีกอย่าคิดว่าคนอื่นจะเป็นเหมือนตัวเองหรอไง”

                “ไม่ต้องเลย มีแต่มึงนี่แหละที่อยู่ในห้องแต่งตัวตอนนั้น มึงไม่พอใจที่กูแกล้งมึง เลยแอบสลับเอาเสื้อกูไปใช่ไหม ไม่งั้นมึงจะใส่อะไรกลับบ้านวะ”

                “ถอดเสื้อกลับบ้านมั้ง” ต้องเจอแบบกวนตีนย้อนกลับ “แล้วไง มึงก็อาจแกล้งคนอื่นไว้เยอะนี่นา อาจจะเป็นตัวเวรตัวกรรมเอาไปก็ได้”

                “ตัวเวรตัวกรรมบ้านมึงสิ แล้วมึงรู้ได้ยังไงว่ากูแกล้งคนอื่นไปทั่ว ปากดีนะไอ้แว่น กูจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย เอาเสื้อกับบัตรนักเรียนมาคืนกูเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นกูจะตามไปเอาถึงบ้านมึงแน่”

                “จบหรือยังครับ ถ้าจบแล้วกระผมขอไปอ่านหนังสือต่อนะครับ”

                “ไอ้…” เสียงปลายสายเหมือนถูกส่งเล็ดลอดไรฟัน “มึงคิดว่าจะกวนตีนกูได้หรอ”

                หัวแม่มือกดปุ่มสีแดงทันที ก่อนที่ไอ้เด็กเปรตอารมณ์ร้อนจะได้อ้าปาก

                จริงๆ ผมก็ตั้งใจเสื้อกับบัตรไปคืนให้พรุ่งนี้อยู่แล้ว แต่พอมาเจอแบบนี้ก็อย่าหวังได้คืนง่ายๆ

                 รู้สะบ้างว่าใครเป็นใคร ถึงแม้จะอยู่ในภาพลักษณ์หน้าใส ขาวตี๋ ใส่แว่นดูติ๋มหนิมอาย แต่แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นลูสเซอร์เสมอไป หรอกนะ ไอ้เด็กเมื่อวานซืน      

                แต่ก็เล่นเอาผมต้องนวดขมับ

โชคดีในห้องมีเครื่องชงกาแฟ จึงช่วยให้คลายความรำคาญใจไปได้บ้าง อย่างน้อยก็มีกระจิตกระใจเปิดโน็ตบุ๊คเพื่อดูข้อมูลเกี่ยวกับแผนผังของอาคารเรียนกับข้อมูลส่วนตัวของนักเรียนชื่อหมากเพิ่มเติม

หลักฐานการซื้อขายสารเสพติดผิดกฎหมายในโรงเรียนยังไม่มีข้อมูลแน่นชัด เพราะการส่งมอบของจากเครือข่ายใหญ่และเส้นทางการเงินยังไม่มีใครสามารถตรวจสอบ คาดว่าอาจมีการขายเป็นหน่วยเงินลับหรือการจ่ายเป็นเงินสดทั้งหมด เจ้าของธุรกิจเป็นคนระแวดระวังตัวอย่างแน่นอน

แค่มาเช่าหอพักใกล้ตัวเป้าหมายอาจไม่เพียงพอ อาจต้องสะกดรอยตามเด็กที่ชื่อหมากตอนชั้นชีวิตนอกโรงเรียนด้วย 

                ควรต้องจบภารกิจนี้ให้ไวที่สุด เพราะหมวดบีคงกำลังรอเปลี่ยนสถานะจากเพื่อนเป็นแฟนอยู่



                กรี๊งง….

                นาฬิกาปลุกในมือถือร้องลั่น แต่ผมตื่นก่อนล่วงหน้าเกือบสิบนาที

ใครจะข่มตาหลับสนิทได้ แปลกที่แปลกทาง แถมยังมีข้อสงสัยมากมายตีกันวุ่นวายเต็มหัว

แต่หน้าที่ก็ต้องเป็นหน้าที่

ผมรีบเอาอาบน้ำแต่ตัว รู้สึกแปลกทุกครั้งที่ต้องแต่งชุดนักเรียน ทั้งที่ตัวเองอายุจะยี่สิบห้าปีแล้ว มองตัวเองในกระจกก็นึกสมเพช เพื่อนคนอื่นหรือที่รักบีเห็นเข้าคงพากันขำกลิ้งลงดอยสุเทพ

แต่ถ้าไม่เข้าข้างตัวเองเกินไป ก็ดูจะเดินอยู่ท่ามกลางเด็กมอปลายได้โดยไม่มีใครสงสัย

ผมสวมแว่นแล้วคว้ากระเป๋าขึ้นสะพาย ก่อนคว้าแก้วมอคค่าควันฉุยกลิ่นฟุ้งติดมือไปกินด้วย



เริ่มต้นภารกิจวันที่ 2 ตรูต้องทำได้



หลังจากเรียกความมั่นใจ ยืดตัวตรง เชิดหน้าพร้อมเปิดประตูออกไปเผชิญกับโลกภายนอก

                “เออๆ วันนี้กูต้องรีบไปแจ้งบัตรหายก่อน เดี๋ยวโดนหักคะแนนจิตพิสัย…”

                อึก…

ไม่ทันได้กลืนกาแฟลงคอ เสียงนรกดันดังขึ้นเสียก่อน

เมื่อคืนมันไม่ได้พูดเล่น

ไอ้นิวพุ่งเข้ามา แทบไม่มีเวลาให้ผมหายสำลัก

แต่ผมรู้ทันทีว่าไอ้เจ้าบ้าต้องการอะไร ผมจึงรีบเขาตัวขวางประตู ใช้มือข้างที่ว่างจับลูกบิดไว้

                “รู้ได้ไงว่ากูอยู่ที่นี่”

                “เปิดเดี๋ยวนี้ วันนี้กูจะมาหาหลักฐานจับโจรโรคจิตอย่างมึง ไอ้แว่น” ไอ้เด็กเปรตตัวใหญ่พยายามเข้ามาดันประตู

                “ใจเย็นเดี๋ยวกาแฟหก”

                “อย่ามาลีลา เปิด!” มันทำเสียงข่ม ผมถูกแขนใหญ่ล้อมไว้ทันที อกของมันเข้ามาชิดตัว ได้กลิ่นจากตัวอีกฝ่ายเต็มๆ ลมหายใจลดอยู่ตรงหน้าผาก  อีกนิดคือจะฟิวชั่นร่างกันแล้ว ผมตัวเล็กกว่าได้แต่หลับตาปี๋ตรึงเวลาเพื่อคิดหาทางออก ขืนปล่อยให้ไอ้นิวหลุดเข้าไปในห้องที่มีพวกเอกสารหรือรูปถ่ายสำหรับทำงาน

มีหวังความแตกโป๊ะใหญ่

                แต่คงรั้งไว้ได้ไม่นาน 

                “พอก่อน ยอมแล้วๆ” ในที่สุดคนปกป้องประตูห้องแห่งความลับอย่างผมก็เป็นฝ่ายยกธงขาว “กูเอาเสื้อมึงไปเองแหละ”

                คราวนี้รู้สึกถึงแรงกดทับบนตัวเริ่มเบาลงเพราะไอ้นิวผละตัวออก 

                “ถ้ากูไม่ทำแบบนี้มึงจะยอมรับมั้ย”

“เออ เออ ยอมแล้ว ยอมแล้ว” ผมเหนื่อยจนหายใจไม่ทั่วปอด ไม่นึกว่าต้องมาจนมุมไอ้เด็กคนนี้ เมื่อกี้อยากสาดกาแฟใส่ให้รู้แล้วรู้รอด แต่กลัวมีต่อยมวยยกใหญ่จนได้ไปโรงเรียนสายหรืออาจไม่ได้ไปเลย

ตอนนี้ผมเลยแกล้งยอมไปก่อน

“รออยู่ข้างนอก เดี๋ยวเข้าไปมาเอาให้”

                “แล้วจะรอทำอะไร ก็ไปเอามา” มันยืมกอดอกมองตาขวาง ปากเม้มแน่น

                เจ้าของห้องอาศัยจังหวะนี้ รีบชิงเข้าห้องล็อกประตู ทิ้งหายใจยาวอย่างโล่งอก

เกือบไปแล้ว ไอ้ภพ อันดับแรกต้องรีบเก็บรูปภาพกับเอกสารเข้าลิ้นชัก แต่ก็ดูเหมือนจะนานจนคนข้างนอกไม่ไหว

                “ช้าจังวะ ไอ้แว่น อย่าให้รู้นะว่ากำลังคิดตุกติก”

                “รู้แล้ว แปปนึง” ผมตะโกนบอกมัน

                ทำไมอาชีพสายลับอันดับหนึ่งจะมาจบเห่เพราะเด็กเมื่อวานซีนไม่ได้เด็ดขาด เสียงเคาะประตูของไอ้นิวทำให้ใจผมเต้นรัวเหมือนถูกแก้งมาเฟียดักกระทืบหน้าห้อง  หลังจากซ่อนของสำคัญเสร็จก็รีบหยิบเสื้อนักเรียนพร้อมกับบัตรประจำตัวของไอ้เด็กเปรต

                “ดะ…”

                ไม่ทันได้พูดได้แล้วจนจบคำ ทันทีที่ลูกบิดถูกหมุน ร่างใหญ่ก็พุ่งพรวดเข้ามาประชิดตัวก่อนผลักผมลงบนเตียง

                “จะทำอะไรวะ” ใครจะคิดว่าไอ้เด็กเปรตจะเข้าจู่โจมแบบนี้

                รู้ตัวอีกทีก็ถูกไอ้นิวขึ้นค่อม ทิ้งน้ำหนักลงบนท้องเต็มแรง มือไวของมันพยายามเข้าปลดกระดุมผม เรียกว่าแทบกระชากเสื้อให้หลุดมากว่า

                “มึงคิดว่าจะมันจะจบง่ายๆ หรอไอ้แว่น”

                “มึงจะทำอะไร ปล่อยจะโว๊ย” ผมพยายามล็อกมือของมันไว้ แต่ไม่รู้มันเอาแรงควายที่ไหนมา ขนาดระดับคนที่ฝึกการต่อสู้มาอย่างผมยังต้านไม่ไหว จนกระดุมเสื้อหลุดออกหลายเม็ด

                “วันนี้กูจะจัดการกับตัวกรรมตัวเวรที่มึงบอกไง คิดหรือว่าถ้ากล้ามาท้าทายอำนาจกูแล้วมึงจะรอด มาให้กูถอดเสื้อผ้าซะดีๆ”

                มือของไอ้นิวเลื่อนลงมาที่หัวเข็มขัดผม ทำให้แรงทับบนตัวผมเบาลง ผมอาศัยจังหวะนี้รีบพลิกตัวขึ้นไปล็อกคอไอ้เด็กเปรตแล้วใช้ขาหนีบตัวมันไว้ แต่สุดท้ายกลับโดนมันแก้เกมจับตัวผมทุ่มจนนอนแผ่หลาเหมือนเดิม

                “มึงคิดว่ามึงเป็นเจมส์ บอนด์หรือไงวะ ไอ้แว่นโรคจิต ถ้ามึงโรคจิตนัก กูจะจับมึงแก้ผ้า คราวนี้เสร็จกูแน่”

                เอาแล้ว! ผมในสภาพนอนไม่เต็มอิ่ม ว่างเว้นออกกำลังกายมาเป็นเดือน ยังไงไม่มีทางล้มไอ้เด็กยักษ์ได้แน่

                ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของมันคือต้องการแกล้งผมหรืออย่างอื่น สภาพผมตอนนี้ทำได้แค่โวยวายเรียกสติของมัน

                “มึงน่ะสิ ไอ้โรคจิต จะจับกูแก้ผ้าทำไมวะ อย่าบอกนะว่าจะทำอะไรกู”

                เหมือนจะได้ผล มันลุกพรวดออกจากตัวผม

                “หะ นี่มึงคิดว่ากูจะปล้ำมึงหรอไง ไอ้แว่นโรคจิต”

“แล้วมึงจะมาถอดเสื้อผ้ากูทำไม” ผมรีบติดกระดุมแต่สภาพตัวเองคงเหมือนถูกปู้ยี้ปู้ยำไปแล้ว

“ก็มึงขโมยเสื้อกูไป กูก็จะขโมยเสื้อมึงคืนบ้าง”

                ผมหยุดชะงัก ความร้อนพุ่งพล่านไปทั่วหน้า อยากลุกขึ้นเตะก้านคอไอ้เด็กเปรตสักสองสามตีน

                “อยากได้ก็เอาไปเลย ไปเลือกเอาเลยในตู้เสื้อผ้านู้น”

ไอ้นิวเอียงคอยักไหล่

                “ไม่ กูจะเอาจากตัวมึง”

                เหมือนโดนหยามศักดิ์ศรีถึงขีดสุด คราวนี้เป็นไงเป็นกัน ผมเข้าไปยืนประจันหน้ากับไอ้นิว

                “อยากได้เสื้อกูนักก็เอาเลย กูยืนให้มึงถอดตรงนี้แหละ ถ้ามันจะทำให้มึงพอใจและรับคำขอโทษจากกู” ผมพยายามใช้น้ำเสียงนักแน่น มองหน้ามันด้วยสายตาจริงจัง

                ดวงตาแข็งกร้าวของไอ้นิวดูอ่อนลง แต่แวบเดียวก็กลับไปเหมือนเดิม

                “สำหรับมึง กูไม่จบง่ายๆ หรอก ไอ้แว่นโรคจิต เสื้อของกู กูไม่เอาคืนแล้ว” พูดเสร็จไอ้เด็กเปรตก็ก้มลงเก็บบัตรประจำตัวนักเรียนบนพื้นแล้วออกห้องไป

ทันทีที่เสียงประตูปิดลง ผมชาไปทั้งหน้า เกร็งไปทั้งตัว

ไอ้นี่มันเป็นคน หรือ หุ่นชัคกี้ ถึงอาฆาตแค้นโหดผมนัก

ผมรีบเรียกสติกลับมาด้วยการซัดกาแฟรวดเดียวจนหมดก่อนเขวี้ยงแก้วกระดาษลงถังขยะสุดแรง



...........



 เป็นยังไงกันบ้าง ฝาก comment ติชมหรือติดตามให้กำลังใจด้วยน้าา จุ๊บๆ :katai3: :katai3:


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-05-2020 22:30:38 โดย Payumoon »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
สนุกมากเลยค่ะ จะตามอ่านนะคะ
นิว-ภพ จะรักกันแบบไหนนะ
ลุ้นมากในห้องนึกว่านิวจะทำมิดีมิร้ายกับภพ
ที่แท้จะแก้แค้นด้วยการขโมยเสื้อจากตัว :m20:

ปล.อย่าลืมใส่กฎของเล้าด้วยน๊าาาา :L2:

ออฟไลน์ Windtofree

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อย่าลืมใส่กฏด้วยนะครับ มาต่ออีกนะครับ :3123:

ออฟไลน์ Payumoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
EP 4 : อย่าจับผิด(ที่)
:mew5:

“เราเป็นคนให้เบอร์นายกับนิวไปแหละ เห็นบอกว่าจะถามเรื่องบัตรนักเรียนอะไรสักอย่าง” มายด์ตอบหลังจากผมเปิดประเด็นสงสัยขึ้นมากลางวงโต๊ะห้องสมุด “ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่า เจมส์”

ถามเรื่องบัตรนักเรียนหรือหาเรื่องฆ่าหมกศพกันแน่ แต่ก็ไม่อยากดึงเพื่อนต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องสงครามระหว่างผมกับไอ้นิวชัคกี้ ปล่อยให้มายด์อยู่ในโลกแห่งความเรียบร้อยเหมือนกับทรงผมและหน้าตาของมันต่อไปดีแล้ว

“ไม่มีอะไรหรอก พอดีเราเก็บบัตรนักเรียนมันได้ เลยกะจะเอาไปคืนมันอยู่พอดี”

“นี่แสดงว่าพวกมึงสองคนญาติดีกันแล้วใช่มั้ย” ไอ้ปอนด์เด็กรูปร่างอวบผมเรียบพูดขึ้น “ดีแล้วจะได้ไม่ต้องมีปัญหากัน แต่ก็นะ ทำไมมันดูไอ้นิวไม่ค่อยชอบขี้หน้ามึงเท่าไหร่”

จะให้เล่ารายละเอียดทั้งหมด เดี๋ยวต้องร่ายยาวเป็นมหากาพย์

“สงสัยไม่ถูกชะตามั้ง” ผมตอบผ่านๆ

“จริงๆ ก็แปลก ปกติไอ้นิวไม่ค่อยมีปัญหากับใครหรอกนะ มันออกจะทำตัวคูลๆ ไปวันๆ ถ้าเป็นไอ้หมากก็ว่าไปอย่าง”

“ช่างมันเถอะ อย่าไปพูดถึงเลย” ผมไม่อยากได้ยินเรื่องไอ้เด็กเปรตให้ระคายหู “ว่าแต่โรงเรียนจะมีงานอะไรหรอ เห็นเริ่มจัดบูธกันเยอะแยะ”

“อ้อ เด็กใหม่ยังไม่รู้เรื่องนี้นี่หว่า โรงเรียนเราหลังเปิดเทอมจะจัดงานออกบูธเพื่อหานักเรียนเข้าชมรม แต่เจมส์มึงยังไม่มีชมรมอยู่นี่ อยากเข้าชมรมไหนหรอวะ”

“ยังไม่รู้เลยเลยว่ะปอนด์ ไม่เข้าเลยได้มั้ย”

“ไม่ได้หรอก ไม่งั้นนายจะไม่ได้คะแนนกิจกรรมของโรงเรียนนะ” มายด์วางหนังสือติวข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยทันที “งั้นนายลองเข้าไปดูข้อมูลชมรมในกลุ่มเฟซของโรงเรียนก่อนละกัน ถ้านายสนใจชมรมไหนค่อยไปสมัครก็ได้”

“เออ พวกนายอยู่ชมรมไหนกัน มายด์ ปอนด์”

“เราอยู่ชมรมภาษาอังกฤษ”

“ส่วนกูอยู่ชมรมคอมพิวเตอร์ มึงมาอยู่กับกูก็ได้นะ”

“อย่าเลยเจมส์ ระวังมันจะพาไปตีป้อมจนไม่ได้มีเวลาร่ำเวลาเรียน”

“อ้าว ไอ้มายด์ กูก็อยากจะแนะนำสิ่งดีๆ ให้เพื่อนนี่นา”

“ก็จริงนี่น่า ขนาดปีหน้าต้องไปมหาลัยแล้ว ปอนด์มันยังติดROVอยู่เลย”

“กูจะเป็นนักแคสเกมชื่อดังในอนาคตเว๊ย ไอ้มายด์”

“เอาล่ะๆ เดี๋ยวกูขอไปดูอีกทีก่อนแล้วกัน” ผมในฐานะคนอายุเยอะสุดเริ่มห้ามทัพ เห็นแล้วเด็กสองคนแขวะกันก็เกือบหลุดขำ

“แล้วเรื่องรายงานครูก้อย ทำกันไปถึงไหนแล้ว” มายด์ถามขึ้น

ว่าไปผมก็ลืมเรื่องรายงานที่ให้เขียนเกี่ยวกับเพื่อนโต๊ะข้างเสียสนิท

“เกือบเสร็จแล้ว”

“เกือบเสร็จหรือยังไม่ได้ทำ” มายด์ขัดคอไอ้ปอนด์ ส่วนอีกฝ่ายก็ทำท่ากอดอก เชิดหน้า

“เรื่องของมึงกูเขียนแบบเดียวก็เสร็จ ไอ้มายด์”

“เราก็ยังไม่ได้ทำเลยมายด์ ” ผมบอก “ไม่รู้จะเขียนยังไง”

ถ้าต้องเขียนตอนนี้ก็คงกลายเป็นนิยายแค้นฝั่งหุ่นหรือคดีฆาตกรรมในหอพัก

“ถ้าเขียนไม่ออก ก็มาบอกแล้วกัน เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง” มายด์เสนอตัวผมพยักหน้ารับเป็นการขอบคุณ

“เออ ว่าแต่ติดต่อไอ้ตูนได้บ้างไหมวะ มายด์ พอไอ้ตูนย้ายไปก็หายหัวไปเลย เฟซบุ๊คก็ไม่อัปเดต ไอ้นี่ไม่คิดจะติดต่อเพื่อนฝูงบ้างเลย”

“ยังติดต่อไม่ได้เหมือนกัน เมื่อวานโทรไปก็ปิดโทรศัพท์”

ผมสังเกตเห็นสีหน้าไม่สบายใจของมายด์กับปอนด์ ทั้งสามคนคงเป็นกลุ่มเพื่อนที่สนิทกันมาก พอต้องขาดใครสักคนไปคงรู้สึกใจหาย

“เดี๋ยวก็คงติดต่อกลับมาเองแหละ คนเราก็คงมีเหตุผลของตัวเองเนอะ” สิ่งที่ลูกพี่ลูกน้องของไอ้ตูนอย่างผมทำได้ก็แค่ทำให้เพื่อนของน้องสบายใจขึ้นบ้าง

“งั้นเราไปเรียนกันเถอะ คาบบ่ายเรียนอังกฤษ ได้ข่าวจากรุ่นพี่ปีก่อนว่าครูชอบมีเทสหลังเรียนด้วย รีบไปเตรียมตัวกันก่อนเถอะ”มายด์รีบเตือน

ยอมรับเลยว่าการกลับมาเป็นนักเรียนมัธยมปลายของไทยช่างแตกต่างจากชีวิตที่อเมริกาอย่างสิ้นเชิง ขาดอิสระและถูกตีกรอบให้อยู่กับการเรียนและการสอบ ต่างจากการเรียนในอเมริการที่ให้อิสระและเรียนตามความถนัดของเด็ก คิดแล้วก็เซ็ง ไม่อยากเป็นนักเรียนแล้วโว๊ย

หลังจากออกจากหอสมุด ทั้งสามต้องผ่านสนามบาสเก็ตบอล เห็นหมากกับเพื่อนห้องอื่นประมาณสามคนกำลังนั่งพักดื่มน้ำอยู่ข้างสนาม เหมือนเจ้าตัวจะสังเกตเห็นพวกผม

“เฮ้…พวกมึงสามตัวจะไปเรียนแล้วเหรอวะ ทีมกูขาดคนอยู่ มาเล่นด้วยกันเปล่า”

“บ้าหรอ เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงทำไมยังไม่ไปเตรียมตัวไปเรียนอีก” มายด์ทักท้วง

“เดี๋ยวค่อยไปเรียนก็ได้ งานกีฬาสีครั้งนี้กูมีศักดิ์ศรีเป็นเดิมพัน กูจะแพ้ไม่ได้”

“งั้นก็เชิญเลย ไปกันเถอะ เจมส์ ปอนด์”

“โธ่ เอ๊ย ป๊อดนี่หว่าพวกมึง” หมากทำหน้าเหมือนสบประมาท

“ก็ได้” ผมตอบกลับทันที เพราะนี่อาจเป็นโอกาสจะเข้าใกล้ชิดไอ้หมาก

“เจมส์!นายอย่าเลย ไอ้หมากมันเล่นแรงนะ”มายด์ดึงแขนเจมส์

“ไม่ต้องห่วงหรอก เราเคยเล่นมาบ้าง มายด์ ปอนด์ ไปกันก่อนเลย”

“ดูท่าไอ้เจมส์คงอยากเล่นอยากเล่น เอาเป็นว่าอย่าไปห้ามมันเลย เราเข้าห้องเรียนกันก่อนดีกว่า”

หลังจากไอ้ปอนด์ชวนไอ้มายด์ได้สำเร็จ ผมเลยดึงชายเสื้อออกนอกกางเกงพร้อมลุยเต็มที่

“งั้นก็ลงสนามเลย”

หลังจากไอ้หมากประกาศ

สนามก็แทบลุกเป็นไฟ ทีมไอ้หมากเล่นดุเดือดเหมือนกับมายด์พูดไม่ผิด หากเป็นมือใหม่คงถูกชนล้มหน้าหงายไปหลายตลบ โชคดีที่ผมเคยลงแข่งเป็นตัวโรงเรียนสมัยอยู่อเมริกา จึงพอมีวิชารับมือกับไอ้พวกนี้ได้ ตอนแรกก็เหมือนโดนไอ้หมากแกล้ง โยนลูกบาสแรงบ้าง เอาตัวพุ่งชนบ้าง จนหลังเกมส์กลายเป็นเล่นแบบจริงจังขึ้น ทำให้ผมเผลอสนุกไปอย่างไม่รู้ตัว

การแข่งขันก็จบลงด้วยการที่ผมโยนห่วงสามคะแนนได้อย่างสวยงาม

โชคดีที่ฝีมือยังไม่ตก นี่ถ้าไม่ติดแว่นคงทำได้ดีกว่านี้

“มึงนี่ เจ๋งกว่าที่คิดว่ะ ไม่คิดว่าจะเล่นดีขนาดนี้”ไอ้หมากเข้ามากอดคอ กูว่านี่มึงต้องเป็นนักบาสมืออาชีพแน่ๆ เลย”

ผมยิ้มรับน้อยๆ พลางสังเกตเห็นท่าทีและสายตาของไอ้หมากที่มองมาเปลี่ยนไปน่าจะเข้าใกล้เป้าหมายได้อีกนิด

“เออ ตกลงมึงจะเลือกชมรมไหนวะ”หมากถามก่อนยกขวดน้ำขึ้นดื่ม

“ยังไม่รู้เลย”

“เฮ้ย ดีสิ มึงสนใจมาอยู่ชมรมบาสกับพวกกูหรือเปล่า กูอยากหาทีมไปแข่งงานกีฬาสีอีกสองเดือน เทอมหน้ามีแข่งเบญจมิตร ปีนี้ทีมบาสโรงเรียนเราต้องเอาเหรียญทองมาให้ได้”หมากยื่นขวดน้ำให้

“เบญจมิตร?”ผมทวนคำอย่างงงๆ

“นี่มึงไม่รู้จักงานกีฬาเบญจมิตรหรือไง มึงไปอยู่ไหนมาวะ”

พอคิดอีกทีก็นึกขึ้นมาได้ว่าเคยเห็นในอินเตอร์เน็ต ว่าเป็นกีฬารวมโรงเรียนชายล้วนห้าโรงเรียน มีการแข่งกีฬาหลายอย่าง แล้วหาผู้ชนะด้วยการนับเหรียญทองเหมือนพวกโอลิมปิกหรือซีเกมส์

“อืม แต่กูไม่รู้ว่าจะเป็นตัวถ่วงให้ทีมพวกมึงหรือเปล่า”

“นะนะ มึง ไปอยู่ทีมเดียวกับกูก็ได้”ไอ้หมากคะยั้นคะยอ พอๆ กับพรรคพวกอื่น “ไม่ก็มึงเป็นตัวสำรองก่อนก็ได้ นะไอ้แว่น สุดหล่อ หล่อที่สุด ทั้งหล่อทั้งเก่ง”

เป็นไปตามแผนเหยื่อติดกับแล้ว

“งั้นก็ได้”

หมากกระโดดเข้ามากอดผม รู้สึกอึดอัดนิดนึงแต่ก็ต้องปล่อยให้ไปตามน้ำ

“ต่อไปนี้ ถ้าไอ้นิวมาแกล้งมึง กูจะช่วยจัดการให้เอง”

ผมแอบหัวเราะในลำคอ ถ้าช่วยแบบนั้นได้ก็ดี จะได้มีเวลาโฟกัสเรื่องของมึง ไอ้หมาก

“อีกสิบนาทีบ่ายโมงแล้ว รีบไปเรียนกันเถอะ”แต่ตอนนี้ขอทักให้มันออกไปจากตัวก่อน

“เออๆ นั่นสิ รีบไปเถอะ ขี้เกียจฟังวันเพ็ญบ่น พวกมึงพวกกูไปก่อนนะ”

ระหว่างไปอาคารเรียนหมากเริ่มชวนเปิดประเด็นคุย

“เอ่อ ทำไมมึงถึงย้ายมาเรียนที่นี่วะ อีกอย่างย้ายมาทำไมตอนมอหกวะ มึงนี่แม่งแปลก”

“พอดีแม่ย้ายมาอยู่กรุงเทพ อีกอย่างเทอมหน้ากูว่าจะสอบเข้าจุฬาดู” ผมตอบไปตามบทบาท

“เอ่อ ก็แปลกดี แทนที่จะเรียนให้จบแล้วค่อยย้ายมากรุงเทพ แสดงว่ามึงนี่เส้นใหญ่ใช้ได้นะเนี่ย จู่ๆ ถึงเข้ามาเรียนแบบนี้ได้ พ่อเป็นเพื่อนเจ้าของโรงเรียนหรือผอหรือไงวะ” ไอ้หมากหัวเราะ

ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่ความจริงแล้วที่เขามาอยู่ตรงนี้ได้ เพราะหน่วยข่าวกรองจัดการเรื่องเอกสารและการเข้ามาสืบสวนให้เสร็จสรรพ มีคนที่รู้เรื่องนี้ก็แค่ผู้อำนวยการโรงเรียนคนเดียวเท่านั้น เป็นภารกิจลับระดับขั้นสุดยอด และครั้งนี้จะเป็นการเปิดโปงธุรกิจมืดครั้งใหญ่ของประเทศ

“กูไม่อยากยุ่งเรื่องของมึงกับไอ้นิวเท่าไหร่หรอก พวกมึงมีปัญหากันก็จริง แต่อยากให้ใจเย็นค่อยๆ ปรับตัวเข้าหากัน”

ผมหันขวับไอ้หมากรู้เรื่องเขากับไอ้เด็กนั่นได้อย่างไร

“มันเล่าให้กูฟังเองว่ามึง เคยมีเรื่องกับมัน กูก็ไม่รู้รายละเอียดอะไรนักหรอก แต่ก็พอเดาได้ว่าทำไมมันถึงโกรธมึงขนาดนั้น”

พูดมาถึงขนาดนี้ ผมชักเริ่มสงสัย

“ทำไมเหรอวะ”

“ก็เพราะ…”

ไอ้หมากไม่ทันพูดจบ จังหวะนั้นเด็กนักเรียนรุ่นสักประมาณมัธยมสองหรือสามก็มาหยุดขวางตรงหน้าพวกเขา

“พี่หมาก ผมโทรหาพี่ทำไมไม่รับ”

“อ้าว ทะทะโทษทีมึง พอดีกูเล่นบาสอยู่ รอกูแปป เจมส์เดี๋ยวมึงไปห้องเรียนก่อนเลย กูขอคุยธุระกับน้องเขาแปป”

เป้าหมายแสดงอาการปกปิดได้ไม่เนียน เหมือนมีบางอย่างไม่อยากให้ผมรู้ แต่ก็พอเดาได้ว่าเรื่องอะไร

ผมจึงพยักหน้าพร้อมกับปั้นยิ้ม ทำเป็นเหมือนจะไปอาคารเรียน แต่ก็แอบหยุดดูพวกนั้นบริเวณเสา

คราวนี้ต้องได้ข้อมูลสำคัญ จะได้ออกมาจากโรงเรียนบ้านี่สักที

สะกดรอยตามจนหมากกับรุ่นน้องเข้าไปในห้องน้ำข้างอาคารเรียน

ผมแอบมองจากมุมหน้าทางเข้า โชคดีเป็นเวลาใกล้เข้าคาบบ่ายคนจึงไม่พลุกพล่าน

“มึงจะโผล่มาเอาอะไรตอนนี้วะ นัดเอาของไปให้ข้างนอกก็ได้” หมากถามพลางเหมือนค้นกระเป๋า

“ของหมดพอดีพี่ อีกอย่างพี่บอกไม่ค่อยอยากส่งของนอกโรงเรียน มันไม่ปลอดภัยนี่ รอบนี้ขอสองซองละกัน”

“เอานี่ อยู่ได้สองเดือนพอดี หกร้อย” ไอ้หมากรีบยื่นบางอย่างเหมือนลักษณะเหมือนปากกาให้อีกฝ่าย

ผมรีบยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเก็บหลักฐาน

“มึงก็เพลาๆ ลงหน่อยละกัน ถึงบ้านมึงจะรวยแต่ก็อย่าใช้เยอะ ใช้เยอะไม่ดีรู้เปล่า”

“เอาน่าพี่ เวลาเครียดๆ ช่วยได้เยอะ รู้สึกเหมือนไม่ต้องรับรู้อะไร เหมือนได้ขึ้นสวรรค์ ช่วงนี้ขายดีไหมพี่”

“ก็ได้เรื่อยๆ แต่กูก็อดเสียวไส้ไม่ได้ ตอนนี้น่าจะถูกจับตามองอยู่ กูขายให้คนที่ไว้ใจได้เท่านั้นแหละ กูเห็นว่ามึงเป็นรุ่นน้องเพื่อนที่กูรู้จัก กูเลยแนะนำ ถ้าวันไหนอาจารย์ตรวจกระเป๋านักเรียนขึ้นมา มีหวังกูซวย คราวหน้าอาจต้องเปลี่ยนวิธีรับของใหม่”

เดิมทีผู้อำนวยการโรงเรียนมีคำสั่ง แต่ทางหน่วยข่าวกรองขอไว้เพราะไม่ต้องการแหวกหญ้าให้งูตื่น ต้องปล่อยให้ไอ้หมากขายของไปจนกว่าจะรู้ตัวจริงของแม่ข่าย

“ปีหน้าพี่ก็ไม่อยู่แล้วกลัวอะไร หรือจะไปขายต่อในมหาลัยล่ะ”

“เอาเถอะ มึงรีบไป เดี๋ยวคนอื่นมาเห็น”

ว่าแล้วเด็กก็ยกมือไหว้ ก่อนรีบเดินลิ่วออกจากห้องน้ำพร้อมกับไอ้หมาก ผมรีบก้มตัวหลบไม่ให้พวกนั้นเห็น

คิดแล้วแอบแปลกใจ ทำไมเด็กโรงเรียนสภาพแวดล้อมดีอย่างไอ้หมากถึงมาทำงานเป็นเด็กส่งยา ต้องมีเหตุผลอื่นนอกเหนือจากนี้

หลังจากเป้าหมายลับตา ผมรีบลุกขึ้น



ปึก…

เหมือนหัวตัวเองชนกับของแข็งบางอย่าง เงยหน้าขึ้นเห็นเป็นอกกว้างของใครบางคน ใบหน้าคมเลื่อนเข้ามาในระยะประชิด

“ไอ้นิว!”ผมแทบจะหงายหลังก้นจ้ำเบา ดียันผนังไว้ทัน

“มาด้อมๆ มองๆ อะไรแถวนี้ไอ้แว่น”

“มาเข้าห้องน้ำ”ปากรีบตอบไปมือก็รีบเอามือถือใส่กางเกง

“เมื่อกี้กูเห็นมึงแอบถ่ายใครในห้องน้ำ”

“แอบถ่ายอะไร นี่มึงอย่าบอกนะว่าตามสะกดรอยตามกูมา”

มือใหญ่ของอีกฝ่ายพยายามจะล้วงเข้ามาในกางเกง ดีที่ผมปัดมือของมันออกทัน

“นี่มึงจะทำอะไร”

“กูจะดูว่ามึงแอบถ่ายอะไรเมื่อกี้ หรือว่ามึงแอบถ่ายไอ้หมาก”

“เพ้อเจ้อ” ผมสบถ ก่อนทำเป็นไปถี่ที่โถ หากวิ่งหนีตอนนี้คงดูมีพิรุธ

แต่ไอ้นิวยังตามมา

“งั้นก็เอามือถือมาดู ไอ้แว่นโรคจิต” มือของมันพยายามล้วงเข้ามาในกางเกงให้ได้

“โอ๊ย!!” ผมรู้สึกเหมือนมีแรงบีบส่วนล่างเข้าเต็มเปาจนตัวงอ “ทำบ้าอะไรเนี้ย เจ็บนะเว๊ย”

“เอ้า มือถือมึง…”ไอ้นิวทำหน้าเหวอ

“มือถือบ้าอะไร มือถือกูอยู่ฝั่งนี้ นั่นมัน…”คนโดนบีบชี้ไปอีกฝั่งกางเกง

“งั้นมึงอยากจะจับของกูคืนก็ได้นะ” พอรู้ว่าถ้าไม่รับหยุดยั้งสถานการณ์ตอนนี้ มีหวังต้องล้างมือไปทั้งชาติ “ปล่อยมือกู”

“เอ้า นึกว่ามึงจะชอบสักอีกไอ้โรคจิต ของกูใหญ่กว่าของไอ้หมากอีกนะ”

“เมื่อไหร่มึงจะหยุดหาเรื่องกันสักทีวะ”



กริ้งงง…

เสียงสัญญานเตือนเวลาบ่ายโมงดัง ไอ้นิวไม่ได้พูดอะไร นอกจากชิ่งหนีไปก่อน ทิ้งให้ผมพยายามตั้งตัวให้ตรง

ไอ้เด็กเปรต กล้าทำร้ายของรักของหวง อย่าคิดว่าจะได้อยู่อย่างสงบ



โชคดีที่วิ่งฉิวเข้าห้องเรียนทันเวลาครูประจำวิชามาพอดี ไอ้นิวนั่งหน้าสลอนต้อนรับพร้อมกับรอยยิ้มแสยะ

“ขอให้ทุกคนตั้งใจเรียนพาสวันนี้ให้ดี เพราะหลังจากเรียนเสร็จครูจะให้ทุกคนทำโพสเทสต์เก็บคะแนน ใครได้ต่ำกว่าครึ่ง จะต้องคัดแกรมม่ามาให้ครูร้อยจบ ตั้งใจกันนะนักเรียน ปีหน้าพวกเธอต้อไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยกันแล้ว ถ้าใครยังเรียนไม่รู้เรื่องอีกจะลำบากเอา ไม่มีใครมาช่วยเหลือพวกเธอเหมือนมัธยมนะ”

เนื้อหาระหว่างเรียนเป็นแกรมม่าง่ายๆ แต่ค่อนข้างอัดแน่น ผมเคยเรียนมาตั้งแต่เด็ก ครั้งนี้เหมือนได้ทบทวนอีกรอบ ความรู้เก่าก็หลั่งไหลเติมเต็มสมอง ส่วนไอ้คนข้างๆ ได้แต่นั่งเกาหัว ดูแล้ววิชานี้คงไปไม่รอด

หลังจากนั้นครูประจำวิชาก็ทยอยให้นักเรียนส่งข้อสอบ

“ครูให้เวลาทำคนละ30 นาที”

ข้อสอบเป็นปรนัย20 ข้อ สบายมาก ใช้เวลาทำ5 นาทีก็เสร็จ

นาฬิกาเริ่มนับไม่ได้ไม่ถึงห้านาที ไอ้คนข้างตัวก็เริ่มลอกแลก

“ไอ้หมาก ข้อหนึ่งตอบอะไรวะ”

“แปป นึง กูรอลอกไอ้มายด์อยู่”

“พวกเธอสองคนซุบซิบอะไรกัน” เสียงอาจารย์วันเพ็ญดังขึ้น “ถ้ามีเสียงจุ๊กจิ๊กอีกจะให้มาทำข้อสอบที่โต๊ะครูนะ”

สมน้ำหน้า ไอ้นิว ขอให้มึงสอบตกทีเถอะ

แต่เหมือนคำแช่งไม่ได้ผล เพราะไอ้นิวเริ่มหันลูกตามาจับจ้องกระดาษคำตอบของผมแทน

ผมรีบเอากระดาษคำตอบมาปิดเรื่องอะไรจะให้ลอก

“ไอ้แว่น” ไอ้นิวครวญเสียงในลำคอ ถ้าเป็นเวลาปกติคงคำรามขู่ ถ้าขอดีๆ อาจพออนุเคราะห์บ้าง ทำหน้าอย่างกับหมาโกรธ มึงหมดสิทธิ์

จู่ๆ ความคิดบางอย่างก็แวบเข้ามาในหัวผม

ผมจงใจเปิดกระดาษคำตอบให้มันดู ก่อนลงมือจัดการข้อสอบ

ทันทีที่ฝนคำตอบข้อสุดท้าย นาฬิกาดิจิทัลนับเวลาได้ 20 นาทีพอดี ส่วนไอ้นิวก็ทำตัวขยุกขยิกแต่ก็ทำเป็นเก็กวางมาดเหมือนไม่ง้อ แต่ลูกตากลิ้งไปมาแทบหลุดจากเบ้า

เนียนมาก โคตรเนียน

“นักเรียน เหลือเวลาอีก5 นาทีสุดท้ายนะคะ”

ไอ้นิววางกระดาษคำตอบก่อนจะยกแขนขึ้นบิดขี้เกียจ

ลาก่อนไอ้นิว ไอ้เด็กเปรต

ผมคว้ายางลบจัดการคำตอบบางข้อในกระดาษ ก่อนใส่คำตอบไปใหม่

กว่าไอ้คนลอกจะรู้ตัวก็สายไป อาจารย์ประกาศหมดเวลาพอดี

“นี่มึง หลอกกูหรอ”

บอกแล้วอย่าเล่นกับตรู ผมส่งหางตากับรอยยิ้มมุมปากกลับไป

“เปล่า ก็แค่รู้สึกว่าคำตอบผิดเลยแก้ใหม่ เอ้านี่มึงจะลอกทำไมไม่บอกล่ะ”

ได้ยินแค่เสียงหายใจหนักหน่วงกลับมา นี่ถ้าไม่เห็นแก่ครูวันเพ็ญอยากหัวเราะสักสามก๊าก

“ทุกคน ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็เลิกเรียนได้นะ ซียูอาร์เกนเน็กไทม์ ค่ะ”

มายด์รีบลุกนำกล่าว กู้ดบายทิชเชอร์ ซูยูอะเกน…. บรรยากาศแบบนี้ที่จำได้คือตอนประถมหก ถ้าเป็นอเมริกาพอสัญญานดังเด็กคงวิ่งฉิวหนีจากห้องกันจ้าระหวั่น

ครูอังกฤษออกจากห้องยังไม่ถึงนาที

ผมสะดุ้งโหยง เมื่อมีมือดึงอะไรบางอย่างไปจากเก้าอี้

“เฮ้ย ไอ้นิว!”

“อยากได้กระเป๋าก็เอามาคืน”

ไอ้โจรนักเรียนวิ่งฉิวไปอย่างกับนักวิ่งโอลิมปิกแต่ให้วิ่งตามเหมือนเด็กคงไม่ทำแน่

“ไอ้เจมส์แม่งโดนอีกแล้ว โทษทีว่ะ กูช่วยไม่ทัน” ไอ้หมากตบไหล่เจมส์เบาๆ

“มันคงไปที่โรงยิม ไหนๆ มึงต้องไปหามันอยู่แล้ว กูฝากสมุดคืนมันหน่อยละกัน ต้องส่งอาจารย์พรุ่งนี้” โฟกัสเด็กนักเรียนในแก็งไอ้หมาก ไอ้นิวยื่นสมุดมาก่อนรีบสะพายกระเป๋ากีตาร์ “งั้นกูไปซ้อมดนตรีก่อน ฝากด้วยละกัน”

“ส่วนกูก็ต้องไปซ้อมบาสต่อ” ไอ้หมากรีบชิงพูดขึ้นก่อน

“ทำอะไรกัน พวกนายเนี้ย” มายด์บ่น “ป่ะเจมส์ เดี๋ยวไปส่ง”

“ไม่เป็นไร” ผมรีบยกมือห้าม “เดี๋ยวไปจัดการเอง นายกลับไปก่อนเถอะ ต้องรีบไปเรียนพิเศษไม่ใช่หรอ”



เจ้าของกระเป๋าตามไอ้เด็กเปรตมาถึงโรงยิม แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาหัวของไอ้นิว สุดท้ายผมจึงลองเข้าไปถามเด็กในชมรม จึงได้คำตอบว่าวันนี้ไอ้นิวไม่มาซ้อมมวย

นั่น เจอไอ้นิวเล่นเข้าแล้วไง

ผมหมดหนทางจึงต้องหันไปพึ่งโทรศัพท์มือถือ

“ว่าไงไอ้แว่น” มันทักทายด้วยเสียงไม่ค่อยน่าพิศมัย

“อยู่ไหน”

“อยากรู้ก็ลองหาให้เจอสิ”

“เลิกกวนตีนได้แล้ว” เหมือนฟางเส้นสุดท้ายปริ่มจะขาด “เอากระเป๋ามาคืนกูได้แล้ว ไม่งั้นรอเก็บซากขี้เถ้าสมุดของมึงได้เลย”

อีกฝ่ายเงียบไปพักหนึ่ง

“เดี๋ยวกลับมาห้องมึงก็เจอกูเองแหละ”

“เอ้า…” พูดเสร็จมันก็ตัดสายทิ้งดื้อๆ

หรือว่ามันจะบุกเข้าไปที่ห้อง ตายห่าแล้ว

ผมไม่รอช้าติดจรวดบนรองเท้าพุ่งไปห้องทันที แต่พอไปถึงกับไร้วี่แววของอีกฝ่าย โชคดีห้องตัวเองไม่ถูกงัดเข้าไป แต่พอจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดอีกที

เสียงประตูเปิดออกทำให้ผมรีบหันขวับไปห้องตรงข้าม

ใจเริ่มเต้นรัว เมื่อปรากฏร่างใหญ่!

“มาแล้วเหรอไอ้แว่นโรคจิต”

อะไรจะซวยขนาดนี้!

แสดงว่าตอนนั้นไอ้นิวไม่ได้บุกมาหาที่ห้อง แต่บังเอิญดวงซวยอยู่ห้องตรงข้ามกัน!

“มึงอยู่หอนี้หรอ”

“ก็เออน่ะสิ แล้วจะทำไม ทำหน้าเหมือนเห็นกูเป็นผีไปได้”

“เอากระเป๋าคืนมาแล้วเอา สมุดมึงไป”ผมไม่อยากคุยให้มากความ

“มึงก็เปิดห้องสิ”

“หา…ทำไมต้องเปิดห้อง”

“ก็กูมีเรื่องจะคุยกับมึง และจะคุยที่ห้องมึง”

“ขอร้อง อย่ามาหาเรื่องตอนนี้ได้มั้ย”

ไอ้ตัวยักษ์เดินเข้ามาเกือบประชิด ก่อนจะแสดงบางอย่างในมือ

หัวใจผมเหมือนหล่นลงไปอยู่ตาตุ่ม อุณหภูมิร่างกายเหมือนลงสู่จดเยือกแข็งทันที

“คราวนี้มึงจะเข้าไปคุยที่ห้องได้หรือยัง หรือจะคุยกันตรงนี้ให้คนอื่นได้ยิน”

ผมตกเป็นรองจึงรีบเปิดประตูห้อง

“มึงไปเอารูปนั้นมาจากไหน”

“เก็บได้จากห้องมึงเมื่อเช้า” ไอ้นิวขว้างเป้ลงบนโต๊ะ

อยากจะกระโดดตึกตายเพราะความสะเพร่าตอนรีบเก็บพวกเอกสารทำงานไปซ่อน แต่บัดนี้รูปถ่ายของไอ้หมากไปอยู่มือของไอ้เด็กเปรต สถานการณ์แบบนี้ทำพลาดขึ้นมาได้บรรลัยเต็มพิกัดแน่

ผมพยายามนิ่งสงบเพื่อคิดทางออก แต่วินาทีนี้คงไม่เวลาขนาดนั้น

“ตอนเที่ยงกูเห็นมึงแอบถ่ายไอ้หมากที่ห้องน้ำ ตอนแรกก็ยังไม่แน่ใจ พอมาเจอรูปนี้ในห้องมึงถึงรู้ว่ามึงนี่แม่งโรคจิตจริงๆ”

“ไม่ใช่นะ” ผมปฏิเสธทันควัน

หน้าของไอ้นิวโน้มลงมาพร้อมสายตาคาดคั้น ผมพนักพิงเก้าอี้ไว้แน่น

“งั้นมึงก็ลองแก้ตัวมา ถ้าฟังไม่ขึ้นกูจะเอาเรื่องนี้ไปบอกไอ้หมาก”

“ไม่ได้มีหลักฐานสักหน่อยว่ารูปนั้นเป็นของกู”

“ก็ลองดูว่าไอ้หมากจะเชื่อใคร ไอ้แว่น”

ครั้งนี้ผมเป็นฝ่ายเสียเปรียบเต็มประดา จะเสี่ยงให้เรื่องนี้หลุดไปถึงไอ้หมากไม่ได้ คนโดนกดดันเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง ถ้าเป้าหมายไหวตัวทัน ภารกิจจบเห่ไม่เป็นท่าแน่ มีหวังต้องโดนท่านรองเฉดหัวจากสังกัด

“มึงจะบอกไม่บอก กูจะนับ…”

“หนึ่ง”

“สอง”

“สะ…”

“กูชอบไอ้หมาก” ผมโพล่งออกตามสัญชาตญานเอาตัวรอด

“นั่นไง ในที่สุดมึงก็ยอมรับ” ไอ้นิวตบโต๊ะ มือใหญ่ทั้งสองข้างจับไหล่ผมไว้แน่น “งั้นมึงก็ควรรู้ไว้ ว่าไอ้หมากไม่มีวันชอบมึงหรอก อีกอย่างกูไม่มีวันให้ไอ้โรคจิตอย่างมึงมายุ่งกับเพื่อนกูแน่”

เขื่อนความอดทนเหมือนหมดลง ผมผลักไปกลางอกไอ้นิว

“เอาจริงๆ นะไอ้นิว เมื่อไหร่มึงจะเลิกวุ่นวายกับกูซะที ถ้าว่างก็เอาเวลาไปอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาลัยดีกว่ามั้ยวะ”

จู่ๆ ผมโดนมันคว้าคอเสื้อจนตัวยกลอย

“มึงไม่รู้อะไรก็อย่าพูด คนอย่างมึงชอบตัดสินคนที่เปลือกนอก”

“แล้วมึงจะเอายังไง พูดมาเลย”

เรื่องบาดหมางไร้สาระควรจบสิ้นสักที

“มึงต้องมาเป็นคู่ซ้อมมวยให้กูทุกวัน”

“แค่นั้นใช่มั้ย แล้วมึงจะเลิกยุ่งกับกูใช่มั้ย งั้นก็ตกลง”

“ดี งั้นกูก็จะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ จะได้ไม่มีปัญหา”ว่าแล้วมันก็เลื่อนมือมาที่แก้มแล้วหยิกจึก

“โอ๊ย…” ผมกุมแก้มตัวเอง “ออกไปจากห้องกูเดี๋ยวนี้เลย”

ไอ้ชัคกี้ชั่วช้าเหยียดยิ้มก่อนคว้าเอาสมุดกับจิ๊กเอาขนมที่ผมเพิ่งซื้อมา

หลังจากประตูปิดลง ผมถึงกับทุบโต๊ะดังปัง ไม่เคยมีใครทำให้รู้สึกเหมือนกำลังโดนไฟเผาทั้งตัวมานานมาก

อย่างเดียวที่คิดได้ตอนนี้คือรีบกดหมายเลขโทรศัพท์หน่วยข่าวกรอง

“พี่ริน นี่ภพนะ ผมอยากขอย้ายห้องได้มั้ย”


ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
ภพนี่โคตรแสบเหมือนกันนะ
แกล้งเด็กนิวเรื่องข้อสอบแบบนี้ 5555
น่าช่วยน้องมันซัก2-3 ข้อ.. แต่ก็นะ
อิเด็กนิวมันดันบีบกล่องดวงใจซะขนาดนั้น คงจุกน่าดู  :hao6:

ออฟไลน์ Payumoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ภพนี่โคตรแสบเหมือนกันนะ
แกล้งเด็กนิวเรื่องข้อสอบแบบนี้ 5555
น่าช่วยน้องมันซัก2-3 ข้อ.. แต่ก็นะ
อิเด็กนิวมันดันบีบกล่องดวงใจซะขนาดนั้น คงจุกน่าดู  :hao6:

ขอบคุณที่ติดตามจ้า ภพหรือเจมส์ เป็นคนเดียวที่นิวพยายามเอาชนะแต่ก็รู้สึกเหมือนไม่ชนะ (งงมั้ย555)
ตัวจริงภพแสบ แต่จับตาดูอีหมากให้ดี อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Payumoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
อย่าลืมใส่กฏด้วยนะครับ มาต่ออีกนะครับ :3123:

ใส่แล้วจ้า เพิ่งเคยลงนิยาย มือใหม่เลยอิอิ ขอบคุณน้าา :กอด1:

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
ภพนี่โคตรแสบเหมือนกันนะ
แกล้งเด็กนิวเรื่องข้อสอบแบบนี้ 5555
น่าช่วยน้องมันซัก2-3 ข้อ.. แต่ก็นะ
อิเด็กนิวมันดันบีบกล่องดวงใจซะขนาดนั้น คงจุกน่าดู  :hao6:

ขอบคุณที่ติดตามจ้า ภพหรือเจมส์ เป็นคนเดียวที่นิวพยายามเอาชนะแต่ก็รู้สึกเหมือนไม่ชนะ (งงมั้ย555)
ตัวจริงภพแสบ แต่จับตาดูอีหมากให้ดี อิอิ

จะรออ่านความแสบของอิหมากนะคะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Payumoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
EP 5 : ศึกวันดวลเหล้า


เอาเถอะ

ถ้าผมย้ายออกตอนนี้คงดูมีพิรุธ ถึงอย่างไรเหตุผลส่วนตัวของผมก็ไม่มีน้ำหนักพอให้เปลี่ยนหอพักอยู่ดี อีกอย่างจะหาทำเลที่สามารถมองเห็นห้องของตัวเป้าหมายนั้นไม่ง่าย ถึงไอ้หมากมันจะไม่ค่อยอยู่ห้องก็ตามที แต่ก็ต้องคอยจับตาไม่ให้พลาด

ขืนปล่อยให้ทางหน่วยรู้ว่า รูปภาพเป้าหมายตกไปอยู่ในมือคนนอกแล้วไม่มีปัญญาแก้สถานการณ์ คงต้องจบอาชีพสายสืบในชาตินี้

แต่งานนี้คงไม่ง่ายต่อไป เพราะไอ้นิวชัคกี้ห้องตรงข้าม ถึงหนีไปไหนมันก็คงตามหาผมเจออยู่ดี

ไม่รู้สรุปใครเป็นสายหน่วยข่าวกรองกันแน่

โชคดีที่วันเสาร์ไอ้นิวไม่ตามมาหลอกหลอน ผมจึงมีกะจิตกะใจกับการเตรียมตัวไปดินเนอร์กับหมวดบี

ครั้งนี้ผมไม่ปล่อยให้โอกาสวิ่งหนีอีกแล้ว

ได้เวลาเผด็จศึก

หนึ่งทุ่มตรงเป๊ะ ผมก็อยู่ในชุดเสื้อยืดเทาคลุมด้วยแจ็คเก็ตหนัง ไม่สวมแว่น ใส่หมวกแก๊ปเพื่อไม่ให้ใครจำผมได้

ผมนั่งรอถึงเวลานัด หมวดบีก็มาถึง

ชุดเสื้อคอระบาย กางเกงเข้ารูป มัดผมหางม้า แต่งหน้าเพียงเล็กน้อยส่งให้เธอดูสวยแบบธรรมชาติและน่าหลงใหล

“ยังไงภพ นึกยังไงชวนชั้นมากินอาหารอิตาเลี่ยน แต่ร้านสวยเหมือนกันนะเนี่ย นึกว่าอยู่ในสวนดอกไม้” เธอวางกระเป๋าไว้เก้าอี้ข้างๆ

“เอาน่าบี ตอนอยู่ต่างประเทศก็กินอะไรประมาณนี้กันบ่อยนี่นา ย้อนเวลากันหน่อย” ผมพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง

“แหม ทำเป็นคนอายุเยอะไปได้ แล้วนี่งานแกเป็นไงบ้าง”

“ก็เหนื่อยๆ นิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ยากอะไร” ผมยักไหล่โชว์ความมั่นใจให้สาวดู แต่เหมือนบีจะต้องการอย่างอื่นมากกว่า

“ก็ดีแล้ว รีบสั่งอาหารเถอะ ฉันหิวจะแย่อยู่แล้ว บอกเลย กลับไปอาจซัดข้าวเหนียวหมูปิ้งต่ออีกสักสองสามไม้”

“ไม่ต้องห่วง ที่นี่เขาเสิร์ฟเร็ว” ผมหัวเราะ เพราะเป็นบีถึงกินจุก็ยังน่ารัก

ขณะรออาหารคอร์สแรกมาส่ง ผมจึงเปิดประเด็นคุยฆ่าเวลา

“เอ่อ วันก่อนโรเบิร์ตโทรมา บอกว่าเลิกกับนาเดียแล้ว”

“โอมายก็อด จริงดิ ไม่น่าเลยนะ เห็นคบกันมาตั้งนาน” เธอถอนหายใจ “ก็อย่างว่าแหละ อายุหรือเวลาไม่มีคำว่าตลอดไปหรอก โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอนสักอย่าง”

ผมพยายามกลั้นขำกับคำพูดเธอแล้วแต่ก็อดไม่ไหวจริงๆ

“นี่หมวดบีเพื่อนเราหรือเปล่าเนี้ย ทำไมจู่ๆ ถึงเสี่ยวขึ้นมาแบบนี้”

“แกนี่” เกือบโดนเธอเขกมะเหงก “ถึงฉันจะเป็นตำรวจแต่ชั้นก็อ่อนหวานได้ยะ แล้วโรเบิร์ตสบายดีมั้ย”

“ก็สบายดี มันก็งานยุ่งเหมือนเดิมแหละ”

ตลอดชั่วโมงกว่า ส่วนใหญ่แล้วผมกับบีอัพเดทเรื่องราวชีวิตกันเหมือนเคย เอาจริง ผมแทบไม่ได้จับใจความคำพูดของเธอเลย รอยยิ้มหวานกับความร่าเริงของคนตรงหน้ากับบางสิ่งที่ผมกำลังจะบอกเธอส่งผลให้ใจผมเต้นรัวกว่าเดิม

“คิดแล้วก็อยากไปอเมริกาอีกจัง ไปกันปีหน้าไหม”

“ไปสิ” ผมรีบตกลง อาจเป็นโอกาสดี ขอหมวดบีแต่งงานที่ยิวยอร์คหรือลาสเวกัสเลย “งั้นรีบจองตั๋วนะ”

“ว๊าย ใจเย็นๆ ก่อนจ้ะ ให้เวลาเก็บเงินก่อนมั้ย”

“ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวออกค่าตั๋วให้หมดเลย” ผมโชว์ป๋าทันที

“จ้าพ่อคนรวย ไว้ดูวันว่างอีกทีแล้วเดี๋ยวจะลางานล่วงหน้าไว้เลย เปย์ขนาดนี้สาวๆ หลั่งไหลมาไม่ขาดสายแน่เลย หรือมีแล้วหะ”

บีชี้หน้าผมพร้อมสายตาเหมือนสงสัย ผมรีบคว้านิ้วเธอ

อาหารหมดคอร์สเหมือนสัญญานเตือน ความรู้สึกทุกอย่างในตัวผมกำลังโฟกัสอยู่กับคนตรงหน้า

พร้อมแล้ว! ถึงเวลาต้องทำตามคำส่งหัวใจ

ผมค่อยๆ วางมือเธอไว้บนโต๊ะแล้วบีบมันอย่างนุ่มนวล

“เอ่อ บี เราก็เป็นเพื่อนกันมานานหลายปี บีเป็นเพื่อน เป็นพี่สาว น้องสาว เป็นทุกสิ่งที่ชีวิตภพต้องมี วันนี้ที่นัดแกมาไม่ได้แค่จะมาดินเนอร์ คือเรามีเรื่องอยากจะบอกแก…บีจะรังเกียจไหมถ้า…”

ผมหยิบช่อกุหลาบที่ซ่อนไว้ข้างตัวออกมา ส่วนหมวดบีถึงกับเอามืออุบปาก



ตืดดด ตืดดด ตืดดด!!

What The F…K!

โทรศัพท์ส้นทีน ทำไมถึงมาดังเอาตอนนี้ แถมยังไม่ใช่แค่เครื่องผม ของหมวดบีก็ร่วมประสานด้วย

จังหวะโคตรซิทคอม

“ขอบใจนะแก จำวันครบรอบเจอกันวันแรกที่เมกาได้ด้วย น่ารักที่สุด” หมวดบีรับช่อดอกไม้พร้อมแถมหยิกแก้มผมทีหนึ่ง

“มะไม่ใช่….”

“ขอรับสายแปปนะ เผื่อมีเรื่องฉุกเฉิน” เธอก็เหมือนหลุดจากวงโคจรของผมเพราะกำลังรับสายโทรศัพท์ตัวเอง พอเธอวางสายปุ๊บ

“ตายแล้ว ธุระด่วน ฉันต้องรีบไปก่อน ตอนนี้ก็ดึกแล้วแกกลับไปพักผ่อนเถอะภพ”

เห็นอีกฝ่ายรีบเก็บของลงกระเป๋า ยิ่งเร่งให้ผมต้องดำเนินแผนความรักให้จบ

พูดไปสิไอภพ บอกไปสิ

“ขอโทษทีนะภพ ไว้เจอกัน ครั้งหน้าเดี๋ยวเลี้ยงข้าวคืนนะ”

เหมือนถูกกามเทพดึงลูกศรออกจากกลางอกแล้วแทงซ้ำอีกรอบ

จนรถของบีขับออกไป ผมก็ยังยืนนิ่งเป็นไอ้รูปปั้นอยู่แห้วหน้าร้านพักใหญ่



น้ำตาจะไหลก็ไม่ไหล อาหารจุกขึ้นถึงอกแต่ไม่อ้วก

กว่าสติผมจะแวบกลับมาก็ตอนคนเรียกให้หลบถอยรถ

ผิดหวังอย่างไรผมก็โตพอจะปลอบใจตัวเองให้สู้ต่อ ถึงครั้งแรกแห้ว ครั้งสองแห้ว แต่ครั้งหน้าต้องขอเปลี่ยนผลไม้บ้าง แอปเปิล เชอร์รี่ องุ่น อะไรก็ว่าไป

พอนึกขึ้นได้ว่ามีคนโทรมาแล้วไม่ได้รับ อยากรู้นักว่าเป็นไอ้ผีที่ไหน ถ้าเป็นไอ้นิวจะตามตบกะบาลให้ถึงห้อง

สุดท้ายเป็นเบอร์ไอ้หมาก

ใจจริง ผมไม่อยากโทรกลับ แต่ในเมื่อต้องตีสนิทเป้าหมาย ผมคงต้องทำตัวเป็นคนมีความสัมพันธ์อันดีกับมันหน่อย

“เฮ้ย ไอ้เจมส์ อยู่ไหนวะ มาแดกเหล้ากันหน่อยดิ พวกกูอยู่ที่ร้านเนี้ย” มันไม่รอให้คนโทรได้ตัดสินใจ “มาเลย มึงต้องมา อย่าช้า กูเลี้ยงเองไม่ต้องห่วง”

“ก็ได้ เดี๋ยวเจอกัน” ผมตอบตกลงทันที เห็นเป็นโอกาสดีเผื่อไอ้หมากเมาจะหลุดข้อมูลสำคัญ อีกอย่างผมก็แค่อยากดื่มย้อมใจกับใครสักคน



ไม่กี่นาทีผมก็ถึง ซูเปอร์พลัสบาร์

ร้านนั่งดื่มชิวๆ ตกแต่งสไตล์วินเทจอบอุ่นด้วยเสียงไฟโทนเหลือง วันนี้คนแน่นขนัดตาเกือบทุกโต๊ะ ขณะที่ผมกำลังงุนงงกับบรรยากาศวุ่นวาย ก็เห็นไอ้หมากโบกมือเรียกให้ผมเข้าไปข้างใน

วงเหล้ามีไอ้หมากกับเพื่อนร่วมชมรมบาสเกตบาส 3 คนที่เคยลงสนามกันเมื่อวาน

“โอ้โห วันนี้ไอ้เจมส์แม่งลงทุนแต่วตัวหล่อมากินเหล้ากับกูเลยเว๊ย”

ผมโดนไอ้หมากแซว ส่วนคนที่เหลือก็เฮโลตามกัน ผมได้แต่คิดในใจ แต่งตัวหล่อมากินเหล้ากับผีนะสิ ไปขอสาวเป็นแฟนแต่แห้วแดกต่างหาก ผมก็อุตส่าห์สวมแว่น ไม่ได้เซตผม ดูยังไงก็ไม่ต่างจากตอนชุดนักเรียนตรงไหน

“ไหนๆ ก็ต้องเข้ามาเป็นคนในชมรมเดียวกันแล้ว ต้องดื่มรับน้องสักหน่อย”

จัดมาเลยไอ้หมาก ถึงเมื่อกี้ดื่มไวน์มาแล้ว แต่ระดับผมถูกฝึกให้คอแข็งเพื่อป้องกันการล้วงข้อมูล แค่นี้สบายมาก คราวนี้ผมจะจัดการมอมเหล้าไอ้หมาก

ครู่หนึ่งเหล้าไม่รู้กี่ชอตก็ตั้งตรงหน้าผม ผมรีบยกกระดก ของเหลวสีทองไหลร้อนผ่าวไปทั้งคอ

“เยดด…ไอ้เจมส์แม่งร้าย เห็นแบบนี้ไม่เบานะเนี้ย กูมองมึงผิดไปแล้ว ไอ้เสือ มึงคอเหล้าแน่ๆ เลยกูว่า” ไอ้หมากตัวเราะชอบใจ

“ตอนอยู่เชียงรายก็กินกับเพื่อนบ้าง แต่ก็ไม่บ่อยนักหรอก” ผมตอบก่อนจะยกแก้วพร้อมชนกับมัน

“มาๆ เลย วันนี้กูติวพิเศษมาทั้งวัน แม่งโคตรปวดหัว ตอนนี้ขอทิ้งแม่งให้หมด วันนี้ไม่เมาไม่เลิกโว๊ย ใครเมาหน้าเหมียนหมาโว๊ย”

“สงครามยังไม่จบ ต่างหากไอ้หมาก มึงไปติวกับอาจารย์ไรมาวะ” เพื่อนคนหนึ่งแซว ทำเอาคนที่เหลือฮาครืน

“อะไรก็ช่างแม่งมันเถอะ หมดแก้วโว๊ย”

บางทีผมอาจประเมินบุคคลเป้าหมายของผมต่ำไปหน่อย ไอ้หมากคอแข็งไม่ใช่เล่น ซัดไปตั้งหลายแก้วผิวหน้าเกาหลีของมันยังแค่แดงเรื่อ แต่ผมต้องไม่ยอมแพ้

“ไอ้เจมส์ มึงยังไม่เคยฟังไอ้กัสร้องเพลงใช่มั้ย เดี๋ยวมึงรอฟังเลย เสียงแม่งโคตรรดี เจ้าของร้านเลยให้มันมาเป็นนักร้องประจำร้านวันเสาร์ อาทิตย์ นี่ใกล้ถึงเวลามันขึ้นร้องแล้ว เฮ้ย! โฟกัสมาแล้ว”

ไอ้หมากอวดความสามารถของโฟกัส หนึ่งในแก็งสามผัวหรือคนที่นั่งโต๊ะข้างกันตอนเรียน คงหมายถึงเด็กหน้าตาหล่อเหลาเหมือนนักร้องวันรุ่นชื่อดัง เดอะทง เดอะทอยส์ สักอย่าง เอาจริงความหล่อความเท่ของไอ้โฟกัสก็พอเรียกแม่ยกได้หลายโขยง

“สวัสดีครับ ผมโฟกัส วงไคลแมกซ์เจ้าประจำนะครับ” เสียงทุ้มนุ่มเรียกความกรี๊ดกร๊าดของบรรดาสาวจริงหญิงไม่แท้จนกระจกร้านแทบแตก “ขอวอร์มเสียงด้วยเพลงนี้เลย ใครร้องเป็นช่วยกันร้องนะครับ”

ขณะที่ผมกำลังจะตั้งใจดื่มด่ำกับดนตรีของเพื่อนร่วมห้องอยู่นั้น

“แป ไอ้เชี่ยนิวโทรมา” ไอ้หมากโพล่งออกมา ผมถึงกับหันไปมองหน้ามันทันที

“ไอ้นิวมาด้วยหรอ”

“มาดิไอ้เจมส์ ขาดคนหล่อสุดอย่างไอ้นิวได้ยังไง นั่นๆ มันอยู่หน้าร้านแล้ว กำลังเดินมา”

ซิบหายแล้ว รู้งี้ตรูกลับไปนอนห้องดีกว่า



ทันทีที่ไอ้นิวโผล่เข้ามาในร้าน บรรยากาศเพลงส่งให้มันดูเหมือนมีออร่า



ฉันจะพาเธอลอย ล่องไปในอวกาศ

ที่มีแต่เธอ มีแต่เธอ เธอไม่ต้องกลัว

ฉันจะพาเธอลอย ล่องไปในอันตราย

จะมีแต่เธอ มีแต่เธอแต่ไม่ต้องกลัว…



ตัวใหญ่สูงประมาณ185 ใบหน้าคมสัน จมูกโด่ง ตาคมโต รูปปากชัด เข้ากับผมทรงอันเดอร์คัท มาในเสื้อยืดสกรีนคำว่าEarth กับกางเกงยีนต์ขาดเข่า ล้วนดึงดูดสายตาสาวแท้สาวเทียมในร้าน

หล่อก็ได้วะ แต่ขอไม่พูดถึงนิสัย

“เจมส์มึงขยับมานั่งกับกูก็ได้ ให้ไอ้นิว…”

ไอ้หมากไม่ทันพูดจบ คนเพิ่งมาก็แทรกมานั่งระหว่างกลางผมกับไอ้หมากทันที

ไอ้เด็กนี่ต้องเอาชนะให้ได้ทุกอย่างเลยใช่ไหม

“อะไรของมึงวะ ทำอย่างกับหวงไอ้เจมส์” หมากบ่น แต่ไอ้นิวแค่หรี่ตาหยามผมยังไม่พอแถมยังกวนตีนโฉยแก้วเหล้าผมไปดื่ม

“โทษทีมาช้า กูเพิ่งไปซื้อหนังสือมา กลับถึงหอกูก็รีบวิ่งมาเลย” ไอ้นิวบอก “ไม่รู้ว่ามึงจะชวนไอ้แว่นมาด้วย”

“จะขาดไอ้เจมส์ได้ยังไง ทีมบาสกูกำลังจะมีเทพมาจุติเชียวนะ ท่านเมพเจมส์”

ขนาดนั้นเลยหรือวะ ผมไม่ได้อายที่มันชม แต่ผมเริ่มเกรงใจโต๊ะข้างๆ เพราะเสียงไอ้หมาก

“ไอ้แว่นเนี่ยนะ เก่งขนาดนั้นเชียว งั้นแบบนี้ไอ้แว่นคงดีใจที่ได้อยู่กับมึง”

ผมรีบหันขวับมองหน้าไอ้เชี่ยนิวทันที มันแค่กระตุกยิ้มกลับมา

“กูหมายถึงว่าไอ้แว่นคงดีใจที่ได้อยู่ทีมมึง” ดีที่มันรีบอธิบาย ก่อนไอ้หมากจะเข้าใจอะไรต่อมิอะไรผิดเพี้ยน

“ไอ้เชี่ย มึงรู้แทนมันได้ยังไง ไอ้เจมส์มันยังไม่ได้พูดสักคำ”

“เออช่างมัน ชนเหอะ” ไอ้นิวรีบตัดบท ที่กวนตีนกว่านั้นมันไม่มีทีท่าจะคืนแก้วเหล้าผมแต่อย่างใด



“นิวใช่มั้ย”

เสียงใสของใครบางคนดังขึ้น บทสนทนาวงเหล้าของผมชะงัก หญิงหน้าเรียวผิวขาวใส ผมยาวลอนปลาย หน้าเสื้อกล้ามสีเทาคลุมด้วยเชิร์ตสั้นขาวบาง ทำให้ดูน่ารักและมีเสน่ยั่วยวนอยู่ในทีเข้ามาทักทาย

“ใครอ่ะนิว” หมากกระทุ้งศอกถาม

“ลูกแก้ว” ไอ้นิวตอบก่อนจะลุกไปคุยกับเธอ “เป็นไงบ้าง”

“สบายดี ไม่ได้เจอกันนานเลยเนอะ พอดีแก้วมาเที่ยวกับเพื่อนแต่เพื่อนกลับไปแล้ว แก้วเห็นนิวตั้งแต่เข้าร้านมาแล้วแหละ ตอนแรกไม่แน่ใจว่าเป็นนิว แต่พอเดินมาดูใกล้ๆ ใช่นิวจริงๆ หล่อขึ้นนะเนี่ย”

ลูกแก้ว?

ผมไม่ได้มัวหลงใหลสาวสวยเหมือนกับพวกไอ้หมากกับเพื่อน แต่คุ้นชื่อนี้เลยเกิน ไม่นานคำตอบก็แวบมาในหัว โอ้ หรือเธอจะเป็นลูกแก้วคนที่ทำให้ไอ้ตูนหลานชายผมต้องฟูมฟายจนออกนอกลู่นอกทาง

“นั่งคุยกับเราก่อนก็ได้นะ” หมากรีบยกเก้าอี้มาบริการให้เธอนั่งใกล้นิว

“ขอบใจนะ เราชื่อลูกแก้ว ตอนนี้เรียนอยู่นิเทศปีหนึ่ง”

“เอ้า เป็นรุ่นพี่หรอกหรอ”

“เราห่างกันแค่ปีเดียวเองหมาก คิดซะว่าเป็นเพื่อนกันก็ได้”

“โอเค งั้นผมก็ขอเลี้ยงเหล้าเพื่อนแล้วกัน ทั้งโต๊ะนี้ และโต๊ะลูกแก้วด้วย”

“เบาๆ หน่อยไอ้หมาก” นิวเริ่มปราม

“หมากนี่ตลกนะ” ลูกแก้วขำ “ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเราก็จะกลับกันแล้วแหละ แต่นิวไปส่งแก้วหน่อยสิ”

“แหม ไอ้นิวคนที่ต้องเบาๆ ก็มึงนั่นแหละ”

“แดกเหล้าไปซะไอ้หมาก” นิวต่อยไหล่เพื่อนพร้อมกับกำลังลุกไปส่งลูกแก้ว

ผมก็อยากไอ้ให้นิวรีบไปไกลๆ นั่งด้วยแล้วอึดอัด



แต่จู่ๆ

“ลูกแก้ว มาทำอะไรที่นี่” ไอ้หนุ่มในชุดนักศึกษาจากไหนไม่รู้พุ่งพรวดมาที่โต๊ะ รอยยิ้มหวานของลูกแก้วหายวับทันที

“พี่แฟรงค์!”

“ไหนบอกลูกแก้วจะไปซ้อมหรีดหอเพื่อนไง”

“ก็ซ้อมหลีดกับเพื่อนมาเสร็จแล้วไง”

“แล้วไหนเพื่อนแก้วล่ะ พี่เห็นมีสักคน”

“กลับไปหมดแล้ว”

“อ๋อ แก้วจะบอกว่าเพื่อนกลับไปหมดแล้ว เลยมาอยู่กับไอ้นี่แทน แล้วซ้อมหลีดกับเพื่อนเสร็จ จะไปซ้อมท่าอะไรกับไอ้สัดเหี้ยนี่ต่ออีกล่ะ”

“เอ้า” ไอ้นิวพร้อมประจันหน้า

นี่ผมกำลังได้จะได้ดูอะไรสนุกๆ สินะ ผมรีบเช็ดแว่นแล้วหยิบแก้วเหล้ามาจิบเพิ่มอรรถรสให้ไว รอเสียงระฆังยกแรกดัง

“พี่แฟรงค์ให้กรุณาให้เกีรยติแก้วกับเพื่อนแก้วด้วย” ลูกแก้วรีบเข้ามาขวาง

“แล้วทำไมต้องโกหกพี่ด้วย”

“ก็แก้วบอกว่าไม่ได้โกหก พี่จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ ไม่อยากพูดแล้ว อย่ามาทำนิสัยแบบนี้กับเพื่อนแก้ว พี่กลับไปเถอะ”

“พี่ไม่เชื่อหรอกว่าไอ้นี่มันเป็นเพื่อนแก้ว พี่ไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าพี่จะได้กระทืบเหี้ยนี่ เห็นหน้าก็หมั่นไส้แล้ว”

“ก็มาดิ” คนเลือดร้อนอย่างไอ้นิวมีหรือจะยอม

เอาเลยๆ ผมเชียร์ในใจ



“พี่แฟรงค์ใจเย็นนะครับ” จู่ๆ ก็เหมือนมีเสียงทอลงมาจากสวรรค์ ไอ้โฟกัสนั่นเอง

“ไอ้กัสมาก็ดีแล้ว พี่กำลังจะสั่งสอนไอ้เหี้ยนี่พอดี”

“พี่เข้าใจอะไรผิดแล้ว ไอ้นิวเนี่ยเพื่อนผม ส่วนเนี่ยพี่แฟรงค์รุ่นพี่ที่เคยเล่นดนตรีด้วยกัน ผมว่าเพื่อนผมไม่แย่งแฟนใครหรอกครับ เมียมันก็ไอ้เจมส์นั่นไง”

อึก! ทำเอาเหล้ากับแกล้มในปากผมเกือบพุ่งใส่หน้าเพื่อนไอ้หมาก

“ผมล้อเล่น ฮ่าๆ ไอ้นิวมันนิสัยดี ผมรู้จักมันดี อย่าทะเลาะกันเลยนะ ถ้าเจ้าของร้านเอาเรื่องขึ้นมาเดี๋ยวจะมีปัญหากับโรงเรียน กับมหาลัยนะ”

ดูเหมือนโฟกัสจะช่วยคุมสติของไอ้นิวกับพี่แฟรงค์ไว้ได้

“ผมขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยนะพี่แฟรงค์ มาๆ นั่งกินเหล้ากันดีกว่า เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง” ไอ้หมากรีบเสริม

“เอ้า นั่งๆ พี่ กินกับผมสักแก้วสองแก้วนะ” โฟกัสชวน

โธ่ ผมละอดดูมวยคู่เอก แต่ถึงยังไง ไอ้นิวกับไอ้พี่แฟรงค์ก็ยังมีตึงหน้าใส่กันอยู่

คราวนี้ยิ่งสนุกเมื่อไอ้นิวดื่มเหล้ารวดเดียวหมดแก้วพร้อมส่งสายตาท้า ไอ้พี่แฟรงค์ก็เหมือนไม่ยอมเสียหน้า

เอาล่ะเว้ย เกิดศึกดวลเหล้าชิงนางโว๊ย

สี่แก้ว ห้าแก้ว หกแก้ว เจ็ดแก้วผ่านไป เล่นเอาไอ้หมาก ไอ้โฟกัสกับเพื่อนอ้าปากค้าง

“พอเถอะพี่แฟรงค์ กลับเถอะ” จนในที่สุดเหมือนลูกแก้วเริ่มทนไม่ไหว

“ม่ายต้องมายุ่ง เพ่จะกินเหล้าให้ชนะไอ้เหี้ยเนี้ย” ถึงปากดีแต่ก็เดินโซเซถูกลูกแก้วจูงแขนออกไปนอนร้าน

“ป่ะ แยกย้ายกันเถอะจะเที่ยงคืนแล้ว พวกมึงช่วยพาไอ้นิวไปรอที่รถก่อน เดี๋ยวกูขอเคลียร์บิลแปป” ไอ้หมากยื่นกุญแจรถยนต์มาให้

ขณะที่ไอ้โฟกัสจะเข้าไปช่วยพยุง ไอ้นิวก็โชว์เหนือดูแลตัวเองได้



หลังจากพวกผมรอไอ้โฟกัสไปเอารถ พี่แฟรงค์กับลูกแก้วยังออกมาทะเลาะกันต่อ คราวนี้ไม่มีใครหยุดยั้งฤทธิ์แอลกอฮอร์ในตัวพี่แฟรงค์ได้เมื่อเขาเห็นหน้าไอ้นิว

“ไอ้ สัด กู แดก ตีน กู เถอะ”

“พี่แฟรงค์ ยะ…” ลูกแก้วไม่ทันได้ห้าม

ร่างใหญ่พอๆ กับไอ้นิว พุ่งพรวดตรงเข้ามา งานนี้มันแน่พระเจ้าโว๊ย

แต่เดี๋ยวนะ! หมัดของไอ้พี่แฟรงค์ไม่ได้ตรงไปหาไอ้นิว แต่กำลังตีโค้งมาโดนผม

ผมรีบยกมือตั้งการ์ดขึ้นกัน

ชั่วพริบตาตัวผมไม่ได้โดนกระแทก

“เชี่ย นิว!” เพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งร้อง

“นิว ไม่เป็นไรใช่ไหม” ลูกแก้วรีบเข้ามาประคองร่างใหญ่ที่ล้มลง ก่อนหันไปทำตาเขียวใส่แฟนตัวเอง “พี่แฟรงค์ ทำถ้าทำแบบนี้เลิกคุยกันเถอะ”

“ลูกแก้วพาพี่แฟรงค์กลับบ้านไปก่อนเถอะ เดี๋ยวจะเรื่องจะบานปลายไปกว่านี้”

พอไอ้นิวขอลูกแก้วถึงยอมลากไอ้พี่แฟรงค์กลับไป

ส่วนตัวผมยังยืนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่

ไอ้ชัคกี้นี่นะ เข้ามารับหมัดแทนผม



ไอ้หมากเอาผมกับไอ้นิวมาทิ้งไว้ที่หอ ก่อนจะฝากให้ผมดูแลไอ้ตัวยักษ์นี่ต่อ

อะไรทำไมผมต้องมาลำบนลำบากแบกมันกลับห้อง แถมยังต้องทนดมลมหายใจกลิ่นเหล้าหึ่งของมันด้วย

“ปวดฉี่” ไอ้ตัวดีพูดงึมงำ ดูท่าแล้วเกือบสู่ขิตในไม่ช้า

“มึงว่าอะไรนะ”

“จะฉี่”

“เออๆ รู้แล้ว” ผมประคองมันเข้าไปในห้องน้ำ

“ไอ้แว่น รูดซิปให้หน่อย”

“นี่จะบ้าหรือไง”

จากสภาพไอ้นิวตอนนี้มีหวังราดกางเกงแน่นอน ผมต้องจำใจถอดเสื้อผ้ามันจนเหลือแต่บ็อกเซอร์ ช่วงที่มันถกออกมาถี่ ผมก็รีบออกจากห้องน้ำเพราะไม่อยากเห็นสิ่งอุจาดตา



ตุบ…

เสียงดังมาจากห้องน้ำ ผมกำลังจะกลับอยู่แล้วเชียว

เปิดห้องไปเจอสภาพไอ้นิวนอนหงายอยู่ข้างชักโครก

ผมได้แต่ส่ายหน้าหน่ายใจ แต่ก็คงไม่ใจดำพอทิ้งมันให้นอนเป็นหมาตายอยู่ตรงนั้น

พอมาถึงเตียงไอ้นิวก็จัดการปลดเปลื้องเสื้อ เหลือแต่บ็อกเซอร์สีเทา

เชี่ยแล้ว!

ผมไม่ได้ตกใจกล้ามอกหรือกล้ามท้องของมัน แต่ตัวของไอ้นิวเริ่มมีผื่นแดงขึ้น สีหน้าของมันดูไม่ค่อยสู้ดี

ไอ้นิวแพ้แอลกอฮอล์!

“เฮ้ย! มึงมียาหรือเปล่า”

มันยกนิ้วขึ้นชี้อย่างสะเปะสะปะ

“แล้วจะรู้มั้ยเนี่ยอยู่ตรงไหน”

สุดท้ายผมก็ต้องเป็นฝ่ายหาเจอเองในชั้นวางของ ผมประคองมันลุกขึ้นมากินยาแก้แพ้กับดื่มน้ำ ยังต้องรอดูอาการมันอีกพักใหญ่

“แพ้แอลกอฮอร์แล้วยังโชว์อวดเก่งแข่งกินเหล้าเอาใจสาวอีก” ผมบ่นแต่ก็ไม่คิดว่ามันจะได้ยิน จู่ๆ มือผมโดนมันคว้าไป

“บ่นอาราย กูได้ยินนะ”

“ปล่อยกู จะกลับห้องแล้ว”

ไอ้นิวไม่ฟังแถมยังบีบมือผมแน่น

“เมื่อกี้มึงมารับหมัดแทนกูทำไม” ผมถาม

“มันเรื่องของกู ไม่ใช่เรื่องของมึง” ไอ้นิวตอบทั้งที่ยังหลับตาอยู่

อ้าว! มันน่าโดนอีกสักหมัด

คราวนี้ร่างใหญ่พลิกตัวตะแคงสอดมือผมไปในซอกคอของมัน ลมหายใจร้อนรดลงบนต้นแขนผมจนขนลุก

ผมรีบดึงมือออกทันทีก่อนน้ำลายมันจะหยดเปื้อนมือผม



เดิมทีผมเตรียมจะกลับห้องแล้ว แต่พลันไปเห็นแผลเป็นบนหลังมือของไอ้นิว จึงเกิดใจอ่อนอยู่ต่อ ยังไงผมก็ยังเหลือความเมตตากับมันอยู่บ้าง เพราะถ้าไม่มีปัญหากันมาก่อน ไอ้นิวก็ถือเป็นคนแมนๆ เหมือนกัน

ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน สุดท้ายผมก็ ไม่ทิ้ง ไม่ขว้างมัน แถมยังเอาไอซ์แพ็คมาประคบรอยแดงบนหน้าให้มันอีก

แต่เหมือนสวรรค์ไม่เห็นแก่น้ำใจของผม ไอ้นิวเริ่มตัวร้อนขึ้น

คืนนี้ตรูคงไม่ได้นอน

.........

ฝาก Comment เป็นกำลังใจให้ ไรทเตอร์หน่อยนะ เลิฟ :mew1:

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
ชวดมากี่ครั้งแล้วละภพ ในการที่จะขอสาวเป็นแฟนอ่ะ สงสัยดวงจะไม่ได้สาวละ แต่จะได้หนุ่มมาแทนมากกว่า แค่ก ๆ  :m20:

เรื่องลูกแก้วกับตูนที่เลิกกันเห็นชัดเลยว่าลูกแก้วเจ้าชู้เหลือเกิน เลิกไปแบบนี้ละดีแล้ว แล้วตอนที่พี่แฟรงค์จะต่อยนิว แต่พลาดจะไปต่อยโดนเจมส์แล้วนิวทำไมถึงพุ่งเข้ามารับหมัดแทนละ... นี่แอบชอบเจมส์แล้วอะดิ   :hao3:

รอตอนต่อไปนะคะว่าเกิดอะไรขึ้นหลังเมากัน :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ Payumoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ชวดมากี่ครั้งแล้วละภพ ในการที่จะขอสาวเป็นแฟนอ่ะ สงสัยดวงจะไม่ได้สาวละ แต่จะได้หนุ่มมาแทนมากกว่า แค่ก ๆ  :m20:

เรื่องลูกแก้วกับตูนที่เลิกกันเห็นชัดเลยว่าลูกแก้วเจ้าชู้เหลือเกิน เลิกไปแบบนี้ละดีแล้ว แล้วตอนที่พี่แฟรงค์จะต่อยนิว แต่พลาดจะไปต่อยโดนเจมส์แล้วนิวทำไมถึงพุ่งเข้ามารับหมัดแทนละ... นี่แอบชอบเจมส์แล้วอะดิ   :hao3:

รอตอนต่อไปนะคะว่าเกิดอะไรขึ้นหลังเมากัน :hao6: :hao6:

กำลังรีไรท์อยู่จ้า ตอนต่อไปค่อนข้างยาวเลย

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Payumoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
EP.6  ไปดูบาสที่ห้องกูมั้ย 1
:ruready

   ฤทธิ์แอลกอฮอล์เล่นงานผมเข้าอย่างจัง

ผมพยายามแหกหนังตาหนักอึ้งอยู่หลายครั้ง แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ให้แรงดูดของหมอนกับที่นอนนุ่มสบาย ถึงขั้นเกือบลืมเสียสนิทว่าเมื่อคืนตัวเองซัดเหล้าไปหลายแก้ว ถ้าน้ำย่อยไม่เริ่มทำงานมีหวังผมคงนอนต่อแบบไม่ลืมหูลืมตา จริงๆ ผมก็รู้สึกไม่ได้ผ่อนคลายแบบนี้มานานแล้ว

อีกอย่างบรรยากาศวันนี้เย็นกว่าเมื่อคืนเท่าตัว มีเสียงฝนพรำเปาะแปะกระทบหน้าต่าง มีสัมผัสจากผ้าห่มเนื้อนุ่มนวลแนบกับแก้ม ถึงกลิ่นจะแปลกไปบ้างแต่ก็ไม่เป็นปัญหา บอกเลยว่า โคตรสวรรค์

แต่ความรู้สึกช่างแตกต่างจากที่เคย

ผมจึงค่อยๆ ลืมตา ใจเริ่มเต้นรัว สติส่งเสียงเตือนยิ่งกว่านาฬิกาปลุก

ผมดึงผ้านุ่นนิ่มที่แก้มผมทับไว้ออกมา

อย่านะ ขออย่าให้เป็นอย่างที่คิด

มือสั่นๆ ของผมกลางมันออก

หลังจากผมเล่นเกมทายปริศนา แจ็คพอตแม่งก็แตกเปรี้ยงทันที

ม่ายยยย!! กางเกงใน

ที่สำคัญมันไม่ใช่ของผมด้วย

“เชี่ยแล้ว ของใครวะ” ผมรีบกวาดตาไปทั่วห้องพักสี่เหลี่ยม

เห็นวอลล์เปเปอร์รูปนักมวย กระเป๋านักเรียน เสื้อโค้ชสำหรับเล่นกีฬา ผ้าห่มป้าปูเตียงสีเทา ผมเหมือนโดนปลดคาถาลบความจำทันที

“อะอะไอ้นิว” ผมรีบลุกพรวด

คราวนี้พอผ้าห่มหลุดจากตัว ผมเหมือนถูกแจ็คพอตรายการเกมซวยอีกรอบ เพราะตัวผมเหลือแค่กางเกงบอกเซอร์ลายทางตัวเดียว

ไอ้นิวทำอะไรกับผม ผมจำได้แค่จะงีบตอนไข้ไอ้นิวเริ่มลด ทำไมตอนนี้ผมถึงอยู่ในสภาพเกือบชีเปลือย

โชคดีผมยังไม่ได้ถูกล่วงล้ำ

ผมพยายามเรียกหาไอ้เจ้าของห้องแต่ก็ไร้วี่แววว่า ผมขยี้หัวตัวเองด้วยอารมณ์อยากจะคำรามร้องลั่นหอ ถ้าทำแบบนั้นผมคงโดนข้างห้องกระทีบ ตอนนี้รู้สึกตำหนิตัวเอง ไม่คิดว่าจะถูกไอ้นิวกลั่นแกล้งทั้งที่ผมอุตส่าห์ดูแลมันทั้งคืน

ไอ้คนเนรคุณเอ๊ย

ด่ามันในใจก็ไม่มีประโยชน์ขึ้นมา ผมรีบเก็บเสื้อผ้าตัวเองที่ถูกพับไว้ข้างเตียงด้วยความหงุดหงิด

จู่ๆ ประตูห้องก็เปิดออก

ไอ้นิวในชุดเสื้อวอร์มกางเกงขาสั้นกำลังพับร่มเก็บ มันทักทายผมด้วยเสียหน้านิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ตื่นแล้วเหรอ ไอ้แว่น”

ผมรีบคว้ากางเกงในขาสั้นสีเทาหมายปาใส่หน้าเจ้าของ แต่มันกลับหลบทัน

“อะไรของมึงไอ้แว่น โรคจิตจริงๆ”

“มึงแหละโรคจิต ดูมึงทำสิ”

“โอย กูไปแกล้งอะไรมึง กูยังไม่ได้ทำอะไรมึงซักหน่อย มึงมีตรงไหนเสียหายหรอ มึงพูดมาสิ ไหนกูเชคให้ก็ได้”

“หยุด” ผมสั่ง “รู้งี้ปล่อยให้ตายคาห้องเลยก็ดี กูอุตส่าห์ดูแลมึง มึงแอบฉวยโอกาสถอดเสื้อผ้ากูได้ยังไง”

“กูอุตส่าห์ช่วยให้มึงนอนหลับสบายตัว มึงจะอายอะไรวะ ผู้ชายด้วยกัน ทีมึงยังถอดเสื้อผ้ากูตอนเมาเลย ไม่รู้เห็นอะไรต่อมิอะไรไปบ้าง กูยังไม่ว่าอะไรมึงเลย” มันเดินเข้ามาเกือบประชิดตัวผม สายตาของมันนิ่งเรียบแต่ฉายแววซุกซน “กูบอกมึงแล้วไง ว่าสักวันกูจะมาขโมยเสื้อมึงคืนบ้าง”

ฟังตรรกะป่วยหนักปางตายของมันยิ่งทำให้ผมหน้าชา

“ไอ้นิว นี่ต้องแกล้งกูทุกเรื่องให้ได้เลยใช่มั้ย”

“จะว่าแกล้งกูพูดไม่ได้เต็มปาก ตอนกูถอดกางเกงในไว้ข้างเตียง มึงก็เป็นคนหยิบเอาไปนอนหนุนตอนไหนก็ไม่รู้ มึงแหละโรคจิตโดยสันดาน กูตื่นมาก็เห็นมึงเอาหน้ามุดกางเกงในกู ทำหน้าซะฟินเชียว” ตาคมโตของมันมองผมหัวจรดเท้า “มึงไม่ต้องอายหรอก หุ่นดี ผิวเนียนขนาดนี้ ขาวทั้งตัวด้วย ที่สำคัญของมึงก็ใหญ่ไม่เบาถึงจะเล็กกว่ากูก็เถอะ” ไอ้นิวขำ

ไอ้เหี้ย ผมคำรามในใจ

“ไอ้โคตรพ่อโคตรแม่โรคจิต” ผมไม่รู้จะสรรหาคำไหนด่าใส่หน้ามัน เอาจริงผมไม่ได้อายหรอก แต่เหมือนผมกำลังถูกหยามศักดิ์ศรีมากกว่า

“มึงไม่เคยได้ยินหรอ เวลารับมือกับโรคจิต เราต้องโรคจิตกว่า”

พอกันที เถียงกับมันก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตผมดีขึ้น ผมควรรีบโกยเสื้อผ้ากลับห้องดีกว่า

“เดี๋ยวไอ้แว่น”

ผมทำหน้าบึ้งหันกลับไปหามัน มันต้องการอะไรกับผมอีก

“กูให้ยืมกางเกงในก็ได้นะ”

ฮือ… น้ำตาผมกำลังจะไหลพราก แต่ก็ต้องฮึบไว้ ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ กับไอ้เด็กเหี้ยคนนี้ ผมเหมือนกำลังสูญเสียความเป็นคนวัย 24 ไปทุกที

ผมรีบเปิดประตู อยากออกจากขุมนรกให้เร็วที่สุด

แต่ตอนนี้ เพื่อนร่วมห้องผมอีกคนกำลังยืนอยู่ตรงหน้า

“โฟกัส!” เสื้อผ้าเกือบหลุดจากมือผม

หนึ่งในแก็งของไอ้นิว เห็นผมเหมือนเห็นผี ปากค้า ตาโต ไม่ต้องเดาว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น

“ดะดะเดี๋ยวกูมาใหม่ก็ได้นะพวกมึง” ไอ้โฟกัสถึงกับลิ้นพันกัน

“มาทำไมวะไอ้กัส”

“นิว เมื่อคืนมึงทำมือถือตกไว้ที่ร้าน กูเลยเอามาให้ โชคดีพี่พนักงานเก็บไว้ให้” ปากไอ้เด็กนักร้องสุดฮอตพูดไป แต่ตามันมองผมกับไอ้นิวสลับกัน “พวกมึงนอนด้วยกันหรอเมื่อคืน”

แม่งคำถามสองแง่งามผมควรจะตอบยังไงดี

“คือเมื่อคืนไอ้นิวมันป่วย เลย…”

“เลยต้องให้ไออุ่นกันแบบนี้อ่ะหรอ ที่ร้านเหล้ากูแค่ล้อเล่นขำๆ ไม่นึกว่าพวกมึงจะเป็นผัวเมียกันจริงๆ”

“เก็บปากไว้ร้องเพลงมั้ยเพื่อน เมื่อคืนเสื้อมันเปียก ไอ้แว่นมันเลยถอดตากไว้ คนอย่างกูไม่เอาไอ้แว่นนี่หรอก สวยก็ไม่สวย นมก็ไม่ใหญ่ ให้ฟรีกูยังขอเอาตีนก่ายหน้าผากคิดเลย” ไอ้นิวรีบปฏิเสธ

ถุย! กูก็ไม่เอามึงเหมือนกันไอ้ควายชัคกี้

“กูล้อเล่นน่า ต้องจริงจังขนาดนั้นมั้ยเพื่อน เอาเป็นว่ากูไม่กวนแล้วชวนพวกมึง จุกๆ กันตามสบาย”

“จุกๆ พ่องสิ” ไอ้นิวรีบสวน

หลังจากไอ้โฟกัสกลับไปพร้อมเสียงหัวเราะ ผมก็ได้แต่ถอนหายใจปลงชีวิตตัวเอง ขอกลับห้องไปสงบสติอารมณ์สักหน่อย

“เดี๋ยวไอ้แว่น”

“กูไม่เอากางเกงในมึง” ผมโพล่งออกไม่อย่างทันตั้งตัว

“ไอ้นี่ มึงในหัวมึงยังมีเรื่องกางเกงในกูอยู่หรอ”

เอ่อ ผมเผลอหลุดปาก ตอนนี้สมองตืบตันจนไม่ทันได้คิดอะไร ช่างหัวมันเถอะ

“ไอ้แว่น จำได้มั้ย มึงสัญญากับกูว่าให้กูซ้อม เอ้ย เป็นคู่ซ้อมมวยให้กู วันนี้เจอกันหน้าหอหกโมงเย็นนะ”

“หะ” ผมถึงกับร้อง

“ไม่ต้องมาหะหา ไม่งั้นกูจะไม่ยอมยกโทษให้มึง และกูจะเอาเรื่องที่มึงแอบถ่ายรูปไอ้หมากไปบอกมันด้วย”

เฮ้อ…ผมคงต้องร้องเพลง แล้วผมจะเลือกอะไรได้ไหม เลือกอะไรได้หรือเปล่า เลือกให้ไอ้นิวตายไปได้หรือเปล่า ผมอยากมีไม้กายสิทธิ์เสกลบความจำมันเหลือเกิ้น โลกความจริงโหดร้ายกว่าโลกเวทมนตร์ ไอ้ชัคกี้ ไอ้ผู้เสพความตาย

แต่สุดท้ายผมก็ตอบได้แค่

“เออ”

“ดีมาก ไอ้แว่น” ปากขยับยังไม่พอ มือมันไม่อยู่ไม่สุขพยายามเข้ามาจับของหวงผม

“ไอ้นิว!” คราวนี้ตีนผมทำงานอัตโนมัติ ถีบเข้าไปกลางท้องมันจนไอ้นิวร้องโอ๊ะเซถอยหลัง ผมจึงอาศัยจังหวะรีบปรี่กลับห้อง

แต่ผมต้องหยุดกึกหน้าประตู ความรู้สึกเหมือนโดนเซอไพรส์วันเกิด ไม่ใช่ว่าผมลืมกุญแจหรือมียันต์กันผีติดหน้าห้อง แต่เป็นเพราะถุงโจ๊ก ปาท่องโก๋ และน้ำเต้าหู้ปริศนาที่แขวนไว้กับลูกบิดต่างหาก





ไม่เข้าใจเหมือนไอ้นิวเหมือนกัน บางครั้งมันก็ดูเหมือนไม่ชอบขี้หน้าผม แต่บางครั้งมันก็เหมือนเข้ามาทำดี ผมรู้สึกแปลกอย่างนั้นจริงๆ ไม่ได้เห็นแก่โจ๊กที่ผมซัดจนเกลี้ยงจานด้วยความหิว หรือบางทีไอ้นิวอาจจะเป็นไบโพล่าประสาทแดก เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย หรือไม่ผมอาจมีอคติกับมันเกินไป จนลืมไปว่ามันก็แค่เด็กมัธยมธรรมดาคนหนึ่ง

หกโมงเย็นฝนหยุดตกแล้ว ผมจึงต้องลงมารอไอ้นิวหน้าหอตามนัด ผมพร้อมเล่นกีฬาในชุดเสื้อฟุตบอลกับกางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบ เอาเท่าที่หาได้ เพราะทางหน่วยข่าวกรองไม่ได้เตรียมชุดสำรองไว้ให้ผมมากนัก

ครู่หนึ่งไอ้คนร่างสูงใหญ่ในชุดวอร์มดำก็ซอยเท้ามาจากทางเข้าหอเหมือนกับเพิ่งเสร็จจากการอุ่นเครื่อง

“แล้วจะไปยังไง บีทีเอสหรอ” ผมถาม

“ไม่ กูขี้เกียจเบียดกับคนอื่น กว่าจะถึงสยามมีหวังกูแบนเป็นปลากระป๋องพอดี” มันตอบขณะเดินไปลานจอดรถ ก่อนจะหยุดอยู่ตรงมอเตอร์ไซด์สกูปี้สีขาว

ผมไม่คิดว่าไอ้นิวจะมีรสนิยมวินเทจ น่ารักขนาดนี้ นึกภาพตัวใหญ่อย่างมันขับรถน่ารักไม่ออก

แต่เดี๋ยว ไอ้นิวไม่ได้ขึ้นค่อมคันนั้น มันเดินไปอีกช่องหนึ่งก่อนดึงผ้าคลุมเผยให้เห็นบิ๊กไบค์สีดำยี่ห้อ Yamaha

แม่เจ้า! คันนี้ก็หลายแสนอยู่ ทำไมเด็กมัธยมปลายถึงเป็นเจ้าของมอเตอร์ไซค์ราคาหลายแสนได้ ผมเริ่มเอะใจ ไม่บ้านรวยก็ต้องทำธุรกิจไม่ต่างกับไอ้หมาก

“ขึ้นมาสิไอ้แว่น ยืนทำหน้าเอ๋ออะไร” มันดุพร้อมกับยื่นหมวกกันน็อคให้ผม

ผมรีบขึ้นไปซ้อนท้าย ก้นยังไม่ทันชิดเบาะไอ้นิวก็เร่งเครื่องจนผมเกือบหงายหลัง

“เหวอ….ใจเย็น” มือผมรีบคว้าเอวคนขับแล้วกอดแน่น หลับตาปี๋เอาหน้าแนบหลังกว้าง โชคดีแผ่นท้องของไอ้นิวแข็งแรงจากผ่านการเล่นกีฬามือผมจึงล็อคได้ถนัด เกือบลงไปเล่นสไลเดอร์กับพื้นซีเมนต์แล้วตรู

พวกเราใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็มาถึงโรงยิม Boxing Punch King บริเวณสกาล่าสยามสแควร์

ไอ้นิวให้ผมเปลี่ยนกางเกงบอลเป็นกางเกงมวย แล้วพาผมเข้าไปยังโซนฝึก ที่นี่มีอุปกรณ์เกี่ยวให้ซ้อมหลากหลายแบบ มีลูกค้ามาใช้บริการทั้งชายหญิง ผมเลยยิ่งตื่นตาตื่นใจเพราะตัวเองไม่ได้เข้ายิมยืดเส้นยืดสายมานานมาก ผมเข้าไปจับดูอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยความสนใจ ช่วงที่ไอ้นิวไปทักทายกับคนรู้จัก

“พาเพื่อนมาด้วยเหรอวันนี้”

“คู่ซ้อมผมพี่เอ วันนี้ผมจะให้มันล่อเป้าให้”

คำว่า ล่อเป้า จริงๆ ไม่ได้ฟังดูเหมือนไม่มีจุดประสงค์แฝง แต่มาจากปากไอ้นิวคงเก็บความระแวงไม่อยู่

“เออ หน่วยก้านเพื่อนนิวก็ดีนี่หว่า น้องชื่ออะไร”

“ไอ้แว่น” กูชื่อเจมส์เว๊ย ไม่ใช่ไอ้แว่น

“ไม่ใช่ครับ เจมส์ครับ” ผมหันไปยกมือไหว้ทักทาย

“ถ้าสนใจก็สามารถลงคอร์สได้นะ เดี๋ยวพี่เทรนให้ รับรองชนะไอ้นิวชัวร์” พี่เองพูดปนขำ ส่วนไอ้นิวยักคิ้วข้างเดียวให้ผมอย่างท้ายทาย

นี่ถ้าไม่ติดว่าตัวเองทำภารกิจอยู่ คงจ่ายเงินลงคอร์สไปแล้ว แต่ผมมีเวลาว่างกับเรื่องไร้สาระเช่นเอาชนะไอ้นิวเสียเมื่อไร

“ได้ครับ ผมต้องไปถามพ่อแม่ก่อน”

“โอ้ พี่แค่หยอกไอ้นิวมันเล่นเฉยๆ ไม่ต้องซีเรียสน้อง ช่วงนี้เด็กมอหกต้องเตรียมตัวสอบกันหัวหมุน ไปโฟกัสเรื่องนั้นก่อน” พูดจบพี่เอก็หันไปถามไอ้นิว “เออ แล้วปลายปีนี้มึงจะลงแข่งสมัครเล่นไหม”

“ถ้าไม่ติดอะไร ก็อาจจะลงก็ได้นะพี่”

“เออ กูจะได้ลงทะเบียนแล้วก็เตรียมเป็นพี่เลี้ยงให้มึงด้วย”

“ครับ โค้ชเอ”

แต่พอพี่เอขอตัวไปดูลูกค้าปุ๊บ ไอ้นิวก็หันมาออกคำสั่งอย่างกับผมเป็นลูกน้องทันที

“อ้าว ไอ้แว่นไปเอาเป้ามาสิ กูจะซ้อมแล้ว”

ผมรีบสวมเป้าชกมวยทั้งสองข้างก่อนตั้งการ์ดเตรียมพร้อม มวยผมก็เคยเรียนมาบ้างแต่ก็ไม่ค่อยถนัดเท่ากับพวกเทควันโด ยูโด หรือทักษะป้องกันตัวเอง เพราะอาชีพผมไม่เน้นปะทะด้วยกำลัง แต่เน้นใช้สมอง ความว่องไว และการเอาตัวรอด ผมตอนนี้ถือเป็นคู่ซ้อมมือใหม่ของไอ้ชัคกี้ก็ว่าได้

“ตั้งการ์ดดีๆ ละ เกร็งข้อมือไว้ ไม่งั้นแขนหักแน่” มันเตือนหรือขู่ผมก็ไม่รู้

ไอ้นิวเริ่มขยับตัวฟุตเวิร์คพร้อมแสดงสายตาจริงจังขึ้นมาทันที รู้เลยมันไม่ได้แค่เห่า แต่มันกำลังจะกัดผม

หมัดแรกพุ่งชนเป้าในมือผมอย่างหนักแน่น หมัดสองรุนแรงและแม่นยำ ทำเอาผมเกร็งไปทั้งตัว ไอ้เด็กนี่ไม่ใช่จำพวกเล่นแค่ออกกำลังกายแต่เป็นมืออาชีพหวังคว้าแชมป์ ขนาดเพิ่งหายป่วยยังแรงควายขนาดนี้ ถ้าอยู่ในโหมดฟิตจัดจะแรงช้างขนาดไหน โชคดีผมตั้งหลักไว้มั่น ไม่งั้นมีหวังได้ลงกองกับพื้น

“ไอ้แว่น มึงดูปวกเปียกชักช้าจังเลยว่ะ ไม่ได้เรื่องเลย” มันบ่นพร้อมกับลดแขนลง

“ก็ไม่เคยนี่หว่า” ผมพูดเสียงอ่อน

“ไอ้อ่อนเอ๊ย ก็ตั้งการ์ดประมาณนี้ พอกูถอยหมัดมึงก็ลดเป้าลง” มันเข้ามาจับมือจัดท่าทางผมอีกครั้ง “หัดหลบหลีกบ้าง ถ้ามึงตั้งเป้านิ่งยืนแข็งอยู่ท่าเดียวกูไปเล่นกับกระสอบทรายดีกว่ามั้ย”

“ใครมันจะไปรู้ล่ะ” โอ้ย เรื่องมากจังวะไอ้เด็กฟายเอ๊ย ผมพยายามข่มอารมณ์ไว้ เผื่อให้สถานการณ์ผ่านพ้นไปด้วยดี

“เอาเป้ามานี่ เดี๋ยวกูทำให้ดู” คราวนี้มันสลับเอาเป้าไปสวมแล้วเอานวมให้ผม “ไหน มึงลองชกมาดิ”

ผมตั้งการ์ด มองเป้ามวยให้เป็นหน้าไอ้นิว คราวนี้แหละมึง ผมซัดไปสุดแรง

ปึก!!

โครม!

แต่จู่ๆ ภาพตรงหน้าก็เหมือนถูกหมุนสี่สิบห้าองศา ไหล่ผมกระแทกลงกับพื้นโฟมยาง รู้สึกเจ็บแปลบบริเวณข้อเท้า

ผมถูกเตะตัดขา

“ทำอะไรเนี่ย ตกลงจะเล่นมวยสากลหรือมวยไทยหะ” ผมรีบลุกพรวด

“กูก็แค่ทดสอบความแข็งแรงขามึง แค่นี้มึงยังล้มเลย จะเหมาะสมเป็นคู่ซ้อมกูได้ยังไง”

ทำอย่างกับผมไปกราบตีนขอเป็นคู่ซ้อมมันงั้นแหละไอ้ชัคกี้ขี้โกง คิดแล้วผมเริ่มลมออกหู คราวนี้คงต้องล้มกันไปข้างหนึ่ง ผมพร้อมเป็นกระทิงขวิดมาทาร์ดอร์

“ไอ้แว่น เดี๋ยวมึงคอยดะ…”

ผมไม่รอช้าให้มันพูดจบ ปล่อยหมัดรุกรานทันที



ปึก ปึก ปึก ปึก…

“เออ แรงมาอีก ได้แค่นี้หรอ” ไอ้นิวท้าพร้อมทำหน้าท้าทาย

พอนวมเริ่มคุ้นมือแล้วผมก็จัดให้อีกคูณสิบ ไอ้นิวเหมือนประเมินความสามารถของผมต่ำไป มันคงคิดว่ากำลังเทรนให้เด็กห้าขวบ เดี๋ยวจะรู้ว่ามันคิดผิด

“เฮ้ย!...ไอ้แว่น ดะเดี๋ยว”

ไม่ทันแล้ว หมัดผมชกเปรี้ยงเข้ากลางอกของไอ้นิวจนมันร้องอ๊อก แต่ผมชื่นชมผลงานตัวเองได้ไม่นาน ก็ถูกแขนใหญ่ของมันล็อคคอทุ่มพื้น

“เป็นบ้าอะไรของมึงไอ้แว่น” ไอ้นิวหน้าแดงก่ำเหมือนโกรธ ลมหายใจร้อนผ่าวรดลงบนหน้าผม

“เอ้า ก็บอกให้ชกแรงอีกแรงอีกนี่” ผมรับบทคนใสซื่อตาแป๋ว

“แต่ไม่ได้บอกให้อกกู ไอ้นี่ มึงแกล้งกูใช่มั้ย”

“อาราย ใครจะเป็นแกล้งมึงได้ เป็นนักมวยไม่ใช่หรอ หมัดแค่นี้ยังกันไว้ไม่ได้ ก็น่าคิดนะ” ผมจ้องตามันไม่กระพริบ

“มึงเป็นมวยใช่มั้ยไอ้แว่น มึงแกล้งกูอยู่ใช่มั้ย ถ้าไม่ยอมรับกูจะตุยท้องมึง”

“ก็ลองดูสิ ถ้ากูแหกปากร้องขึ้นมา จะไม่อายคนทั้งยิม”

ไอ้นิวจ้องหน้าผมแล้วนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนกระตุกยิ้ม

“กูไม่ตุยท้องมึงก็ได้ กูขอท้ามึง ถ้ามึงสามารถรับหมัดกูได้สิบหมัด กูจะยกโทษให้มึงและจะเลิกยุ่งกับมึงเด็ดขาด”

“จริงดิ” ผมดีใจเนื้อเต้นจนแทบจะลุกขึ้นมาเต้นเพลงพี่ติ๊ก ซีโร่

คราวนี้แหละ ไอ้นิว กูจะได้เป็นไทสักที



ปึก ปึก ปึก

เกมนี้ไอ้นิวเป็นฝ่ายจู่โจม ถ้าความเร็วระดับนี้ผมยังพอรับมือไหว ผมรีบนับถอยหลังออกมาดังๆ ราวกับเหมือนอีกไม่กี่วินาทีจะถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระ เข้าใจนักโทษที่ใกล้พ้นโทษก็ตอนนี้แหละ

สี่ ห้า หก เจ็ด แปด เก้า…

และหมัดสุดท้าย

ปึก!

“โอ๊ะ” ผมร้องออกมาอย่างไม่รู้ตัว รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะตายไปจากโลก หมัดไอ้นิวไม่โดนเป้า ไม่โดนหน้า ไม่โดนท้อง แต่แม่งล่อเข้าตรงกล้ามเนื้อสุดรักสุดหวงชายชาตรี จุกสะท้านไปทั้งช่วงล่างจนผมล้มลงนอนตัวงอพร้อมกับกุมไอ้ไข่นุ้ยไว้แน่

“มึงแพ้แล้วไอ้แว่น”

“อูย…มึงโกง กู อ๊าก” ผมแทบไม่มีแรงพูด “นะนี่มันมวยสากลนะ”

“ก็กูไมได้แข่งอยู่นี่ กูจะต่อยตรงไหนก็ได้ นี่ก็เบามือให้แล้ว มาๆ เดี๋ยวกูนวดให้”

“อย่ามายุ่ง” ผมใช้แรงที่มีพยายามผลักมันออก

“วันนี้กูขี้เกียจซ้อมกับมึงละ อ่อนหัดจริงๆ ไปต่อยกระสอบทรายยังได้อารมณ์กว่า” ผมทำหน้ากวนประสาททิ้งให้ผมฟื้นฟูสภาพร่างกายตัวเองอย่างเจ็บใจ

ไอ้เด็กเปรต ไอ้สารเลว



ผมอยากกลับหอเต็มที แต่เจอคำสั่งให้รอจนกว่ามันจะซ้อมเสร็จ แถมก่อนกลับมันยังใช้ผมไปซื้อชานมไข่มุก

ยี่ห้อหมาพ่นไฟให้มันอีก

บอกเลยที่ตอนนี้ยอมสวมบทเด็กรับใช้เพราะอยากมาเดินดื่มด่ำบรรยากาศของสยามสแควร์ยามค่ำคืนดีกว่าทนนั่งดูหน้าโชกเหงื่อของไอ้นิว

มาถึงร้านชาไข่มุกก็แทบทำผมเข่าอ่อน คนต่อคิวกันยาวเหยียดชนิดที่ว่าวันนี้ต้องตั้งตั้งเต็นท์หลับรอไปหลายงีบ เห็นทีคงต้องมองหาเจ้าอื่น เตรียมใจว่าอาจถูกไอ้นิวบ่นว่าไม่ถูกปาก แต่ก็ยังดีกว่าบปล่อยให้ปากมันว่างเพราะอาจะสร้างความรำคาญยิ่งกว่าเดิม

ขณะที่ผมจะข้ามถนนไปอีกฝาก จู่ๆ คนร่างสูงในชุดเสื้อพลัสไซส์ขาวกับกางเกงยีนส์ดำก็เข้ามาทัก

“ไอ้เจมส์ มึงมาทำอะไรที่นี่วะ”

ไอ้หมากนั่นเอง ดูจากกระเป๋าสะพายของมันแล้วน่าจะมาเรียนพิเศษ

“อ่อ พอดีมาเดินเล่น” ผมตอบพร้อมกับยิ้มกว้าง

“โวะ ดีจัง กูนี่สิมึนหัวชิปหาย เรียนก็ไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก ไปแดกข้าวกับสาวดีกว่าเยอะ ว่าแต่เมื่อกี้กูเห็นมึงด้อมๆ มองจะซื้อชาไข่มุกหรอ”

“ใช่ แต่คิวน่าจะนาน คิดว่าไปซื้อร้านอื่นดีกว่า”

“อ่ะ กูมีสองแก้วพอดี กะจะซื้อไปฝากสาวสักหน่อย แต่แม่งหนีกลับบ้านไปแล้ว” มันโชว์ถุงชาไข่มุกในมือ “กูแบ่งให้มึงแก้วนึงละกัน”

“เฮ้ย ไม่เป็นไร” ผมรีบปฏิเสธ

“เอาไปเถอะน่า สำหรับว่าเมพเจมส์กูให้ได้อยู่แล้ว ขออย่าเททีมกูละกัน” พูดเสร็จไอ้หมากก็เอาชาไข่มุกของมันไปก่อนจะยัดถุงให้ผมก่อนตบไหล่ผมทีหนึ่ง

“งั้นกูไปก่อนนะพอดีมีเรียนที่สยามกิตติ์ต่อ แล้วนี่เสาร์อาทิตย์มึงไม่ตะไม่ติวอะไรกับคนอื่นหรอ”

“ไม่หรอก คิดว่าน่าจะอ่านเอง” ผมตอบไปเรื่อย คิดบทด้นสดเอาเอง

“แม่งเจ๋งโคตร” ไอ้หมากยกนิ้วโป้งให้ “งั้นกูไปล่ะ”

“ขอบใจที่ให้ชาไข่มุกนะ” ผมเบิกมือให้มัน แต่ก่อนที่มันจะไปไอ้หมากก็หยุดกึกแล้วหันกลับมาหาผม

“เอ่อ เจมส์ สี่ทุ่มมึงว่างหรือเปล่าวะ วันนี้ชิคาโก บูลส์แข่งกับคลีฟแลนด์ มึงไปดูบาสที่ห้องกูเปล่า”

เป้าหมายโยนอ้อยให้ขนาดนี้ ผมในฐานะช้างต้องรีบอ้าปากเคี้ยวทันที โอกาสดีที่ผมจะได้สืบหาหลักฐานในห้องของมันแทบเป็นไปได้ยาก อย่างน้อยถ้ามีจังหวะที่มันเผลอ ต้องมีโอกาสให้ผมได้อะไรดีๆ ติดไม้ติดมือกลับไปรายงานกับหน่วยแน่นอน

“ได้ สี่ทุ่มเจอกัน”

หลังจากผมแยกกับไอ้หมาก ผมก็เดินแกว่งถุงใส่ชาไข่มุกกลับมาที่ยิม ไอ้นิวกำลังยืนกอดอกมองผมพร้อมสายตาถากถาง

“หน้าบานมาเชียวนะมึง อ้าว ไหนชาไข่มุกกูให้ซื้อมาสองแก้ว ทำไมได้มาแก้วเดียว”

“กินหมดไปแล้ว” เรื่องอะไรผมจะบอกว่าหมากเอาให้ มีหวังไอ้นิวกวนส้นตีนผมไม่หยุดแน่

“แล้วใครใช้ให้มึงกินอีกแก้วของกู” มันขึ้นเสียง

“อ้าว ไม่ได้ให้กินหรอ นึกว่าจะมีน้ำใจเลี้ยงกูสะอีก เดี๋ยวกูไปซื้อใหม่ให้ก็ได้ หรือมึงจะเอาตังค์คืนก็ได้นะ” ผมโต้กลับพร้อมล้วงกระเป๋าเสื้อคลุม แต่ถูกไอ้นิวฉุดเอาถุงชาไข่มุกจากมือผมไปเสียก่อน

มันเสียบหลอดดูดไปฟืดหนึ่ง แล้วจู่ๆ ก็ยัดกลับมาใส่มือผม

“น้ำแข็งละลายหมดแล้ว กูไม่กินแล้ว มึงรับผิดชอบกินไปเลย” พูดเสร็จไอ้ตัวใหญ่ก็เดินล้วงกระเป๋าเสื้อวอร์มไปที่จอดรถ

ผมยกแก้วขึ้นดูอย่างละเหี่ยใจ ละลายตรงไหน อะไรของมันวะ

ออฟไลน์ Payumoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
EP. 6 ไปดูบาสที่ห้องกูมั้ย 2
:z6: :a5:
นาฬิกาปลุกโทรศัพท์มือถือเตือน 21.45 น.

หลังอาบน้ำเสร็จผมก็รีบใส่เสื้อบาสสีแดงลายทีมชิคาโก บูลส์ โชคดีที่เอาติดมาด้วยตอนขนเสื้อผ้าเข้าหอ ผมชอบใส่นอนเพราะรู้สึกโล่งแถมยังระบายอากาศเลิศ อีกอย่างเอาใจทีมโปรดของไอ้หมากสักหน่อย ส่วนกางเกงก็ขาสั้นผ้าร่มเรียบๆ เพื่อคืนนี้อาจต้องอยู่ห้องไอ้หมากยาวจะได้เคลื่อนไหวได้สะดวก

ผมรีบล็อกกุญแจห้อง

“จะไปแรดที่ไหนอีกไอ้แว่น ดึกดื่นป่านนี้แล้ว ไม่หลับไม่นอนหรือไง”

ผมต้องถอนหายใจยาวกับเสียงของไอ้เจ้าของห้องตรงข้าม ขนาดผมขี้เกียจออกแรงขยับปากตอบ มันยังกวนตีนเข้ามาขวางผม

“หืม ถามแล้วไม่ตอบล่ะ”

“จะไปนอนห้องเพื่อน ถ้าไม่มีธุระอะไร ขอใช้สิทธิ์เวลาส่วนตัวก่อนนะ” ผมไม่ต่อความยาวสาวความยืด เร่งฝีเท้าห่างจากตัวไอ้ตัวก่อกวนให้ไกลที่สุด



“เข้ามาเลยมึง”

ไอ้หมากยิ้มกว้างผายมือเชิญผมเข้าข้างใน

ห้องพักกว้างกว่าของผมประมาณเท่าตัว ตกแต่งแนวโทนสีแดงขาว ห้องครัว ห้องนอน ห้องน้ำแยกสัดส่วนเหมือนกับคอนโดมิเนียม มีตู้กระจกใหญ่สำหรับตั้งแสดงพวกฟิกเกอร์การ์ตูนนักบาส โปสเตอร์ ไมเคิล จอร์แดน แผ่นใหญ่ติดหรากลางฝาผนังดูสะดุดตา ซึ่งสิ่งของส่วนใหญ่จะเป็นของสะสมเกี่ยวกับชิคาโก บูลส์

ตอนผมเป็นนักบาสโรงเรียน ผมก็เคยชอบทีมนี้เหมือนกัน จนกระทั่งผมโตแล้วเลิกเล่น เรื่องพวกนี้ก็ค่อยๆ เลือนหายไปจากความทรงจำ

ผมยอมรับว่าตื่นเต้นที่ได้เจอบรรยากาศนี้ ความรู้สึกเหมือนได้เดินชมพิพิธภัณฑ์

“เจ๋งไปเลยหมาก”

“ที่มึงเห็นแค่ส่วนหนึ่ง บ้านกูมีเยอะกว่านี้อีก มึงเห็นโปสเตอร์ในกรอบนี้ไหม อันนี้ของรักของหวงกู เป็นโปสเตอร์ของไมเคิล จอร์แดน แล้วก็มีเสื้อทีมชิคาโก บูลส์ สมัยครองแชมป์5 สมัยด้วยนะ” ได้ทีไอ้หมากก็อวดใหญ่ ทำผมเผลอจิตหลุดไปกับมันแวบหนึ่ง

“เอ้า แล้วนี่เพื่อนคนอื่นไม่มาหรอ” ผมจึงรีบเบี่ยงประเด็นถามเรื่องอื่นก่อนจะต้องฟังมันอธิบายเกี่ยวกับของรักของหวงไปมากกว่านี้

“ใครจะมาละมึง วันนี้วันอาทิตย์ ไอ้พวกในทีมก็บ้านไกล ไอ้นิวไอ้กัสแม่งก็ไม่ได้บ้าบาสเหมือนกู กูเลยชวนมึงมาไง”

มันชวนผมไปนั่งบนโซฟากำมะหยี่ตัวใหญ่ บนโต๊ะเพรียบพร้อมด้วยขวดเบียร์และกับแกล้ม ตรงหน้าเป็นทีวีจอใหญ่65 นิ้ว

“ไอ้แว่น มึงเชียร์ชิคาโกหรือครีฟวะ”

ผมจึงชี้เสื้อให้มันดู มันรีบเข้ามากอดคอผม

“แชร้ด ให้มันได้อย่างนี้สิวะเพื่อนรัก แมตช์นี้ทีมวัวเขาเหล็กแม่งต้องชนะ”

“ทำไมถึงชอบไมเคิล จอร์แดน กับทีมชิคาโก บูลส์หรอ” ผมถามขึ้นอย่างสนใจ

“เอาจริงกูก็เกิดไม่ทันตอนจอร์แดนกำลังท็อปฟอร์มหรอก แต่ตอนกูเริ่มเล่นบาสแรกๆ ก็เรียนรู้เทคนิคของจอร์แดนจากคลิปในยูทูปนี่แหละ มึงรู้ไหม ทีม ชิคาโก บูลส์แม่งก็เหมือนชีวิตคน มีทั้งช่วงรุ่งโรจน์มากๆ และตกต่ำสุดๆ พอกูได้ติดตามเรื่องราวพวกนี้มันทำให้กูอินอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งตอนโคบีเสีย ถึงไม่ใช่ทีมโปรดกูก็เถอะ แต่ทำเอากูแดกเหล้าย้อมใจไปตั้งสามวันติดแน่ะ” น้ำเสียงของไอ้หมากดูหนักแน่นจริงจังจนผมประหลาดใจ ก่อนมันจะหันมาถามผมบ้าง “ว่าแต่ตอนนี้มึงเชียร์ใครในทีมวะ

ผมแทบไม่ได้ติดตามวงการบาสมานานแล้ว แต่ก็พอมีคนในใจอยู่บ้าง

“โจอาคิม โนอาห์ คิดว่าเป็นเซ็นเตอร์ที่เจ๋งดี”

“มึงกับกูใจตรงกันอีกแล้ว แม่งชอบคนเดียวกับกูอีก อีกคนที่กูชอบคือ เดนเซล แม่งโคตรเท่”

ผมไม่ทันได้พูดต่อ การแข่งขันบาสเกตบอลNBA ก็เริ่มต้นขึ้นเสียก่อน ผู้เล่นจากสองทีมดังห่ำหั่นแย่งชิงลูกกันอย่างดุเดือด ทำให้ผมเผลอเกือบลืมเรื่องภารกิจไปเสียสนิท

พอชิคาโก บูลส์สามารถทำแต้มช่วงแรกได้ ก็เหมือนเชียร์บอลแหละ ไอ้หมากกับผมลุกขึ้นมาเฮกอดคอกัน

ถึงผมจะสนุกสุดเหวี่ยงแค่ไหน หน้าที่ผมต้องมาก่อนเสมอ ในจังหวะนั้นผมแกล้งเผลอปัดโทรศัพท์มือถือของไอ้หมากตกโซฟา

“เดี๋ยวกูเก็บมือถือแปป”

“เฮ้ย ชนเบียร์หน่อย” ผมพยายามเบี่ยงความสนใจของเป้าหมาย

“เออๆ ชนๆ” โชคดีมันเออออไปตามผม

จังหวะนี้แหละ

ผมรีบก้มลงไปเก็บโทรศัพท์มือถือให้ไอ้หมาก ปกติแล้วไอโฟนรุ่นใหม่ต้องใช้การแสกนใบหน้าเพื่อปลดล็อก แต่ถ้าใบหน้าไม่ถูกต้องต้องใช้รหัสหกหลักแทน ผมจึงต้องแอบทั้งเลื่อนทั้งสไลด์หน้าจอของมันรัวเร็วเผื่อให้ปรากฏปุ่มให้ใส่รหัส

“เอ่อ ขอบใจเพื่อน” ไอ้หมากรับมือถือผมไป ผมจึงแกล้งเอื้อมหยิบเบียร์อีกขวดใกล้ตัวมัน ขณะเดียวกันสายตาเหลือบจับอยู่กับนิ้วไอ้หมาก เพียงพริบตาผมก็จำตัวเลขหกตัวได้โดยอีกฝ่ายไม่ทันสังเกต

จากนี้ผมก็แค่รอจังหวะเท่านั้น

พอรายการตัดเข้าโฆษณา ไอ้หมากก็ลุกขึ้นบิดตัว

“ปวดเหยี่ยวว่ะ เดี๋ยวกูเข้าห้องน้ำแปปนะ”

หลังจากประตูห้องน้ำปิดลง ผมใช้จังหวะนี้ดำเนินการต่อทันที หลังจากเข้ามือถือได้ ผมก็รีบเสียบอุปกรณ์คล้ายแฟลซไดร์ฟที่ได้มาจากพี่รสรินเข้ากับรูชาร์จทันที

ข้อมูลหลายสิบจิกะไบต์อาจต้องใช้เวลาโหลดเกือบสิบนาที ดูท่าแล้วไอ้หมากน่าจะออกจากห้องน้ำในไม่ช้า ผมจึงรีบซ่อนมือถือของมันไว้ใต้โซฟาก่อน

โชคดีที่การแข่งขันควอเตอร์สุดท้ายมาพอดี จึงทำให้หมากสนใจแต่หน้าจอทีวี

“ควาเตอร์สุดท้ายมาแล้วไอ้เจมส์ มือกูเย็นหมดแล้วเนี่ย”

“ไหนวะ” ผมรีบจับมือมันแล้วบีบแน่น ถ่วงเวลาไว้ให้นานที่สุด

มาถึงช่วงสุดท้ายของการแข่งขัน ผมดูแมตซ์นี้ด้วยใจเต้นระทึก ลุ้นทั้งงาน ลุ้นทั้งบาส หัวใจแทบระเบิดจากอกแล้ว ผมอาศัยที่ไอ้หมากจับจ้องอยู่กับจอทีวี ค่อยใช้เท้าเขี่ยมือถือของมันออกมาจากใต้โซฟา แล้วใช้นิ้วเท้าดึงอุปกรณ์ดูดข้อมูลเก็บมาไว้ในกระเป๋ากางเกงได้สำเร็จ

เสียงสัญญานหมดเวลาดัง ในที่สุดทีมชิคาโก บูลส์ก็สามารถเอาชนะคู่แข่งอย่างฉิวเฉียดด้วยแต้ม108/103

คราวนี้ผมจึงปลดปล่อยความดีใจได้เต็มที่ ผมกับไอ้หมากลุกเฮรับชัยชนะ ไอ้หมากเข้ามากอดผมพร้อมกับรัดผมไว้แน่น

“โอ้ว ในที่สุด ชิคาโก บูลส์ก็ชนะโว๊ยย” ไอ้หมากคำรามเหมือนไม่เกรงใจห้องข้าง

ผมลูบหลังมันเบาๆ พร้อมกับแอบถอนหายใจโล่งอกที่ภารกิจลุล่วง

จู่ๆ ไอ้หมากกลับยืนนิ่ง ดวงตาเรียวยาวของมันจับจ้องผม ถ้าผมมองไม่ผิดผมเห็นประกายบางอย่างในนั้น มันจับไหล่ผมแล้วค่อยๆ กดให้ผมนั่งลง ก่อนโน้มตัวเลื่อนมือลงมาแตะแก้มผม

ซวยแล้ว หรือภารกิจผมพลาด ความแตกเหรอ

“มึงนี่แม่ง ทำไมมึงถึงโคตรดีแบบนี้” หมากพูดด้วยเสียงแผ่นเบาและอ่อนโยน

ผมขมวดคิ้ว กับคำพูดไอ้หมาก มือเรียวยาวของมันค่อยเลื่อนจากไหล่ลงมาตรงเอวผม



ก๊อก ก๊อก!!



เสียงเคาะประตูทำให้ไอ้หมากชะงัก เจ้าของห้องต้องรีบไปดูมาว่าใครมา ทิ้งให้ผมขมวดคิ้วกุมมือเอานิ้วโป้งถูกันผมเริ่มกังวลกับท่าทีแปลกๆ ของไอ้หมากเมื่อกี้ ในหัวเริ่มคิดต่างนานา ถ้าแผนแตกแล้วไอ้หมากเรียกคนมาช่วยแล้วจะหนียังไง ถ้าค้นตัวผมแล้วเจอไดรฟ์ข้อมูลคงไม่มีทางรอดแน่ ถึงผมตายไปก็เอาผิดพวกอาชญกรไม่ได้ เพราะสายของหน่วยข่าวกรองถือว่าไม่มีตัวตน ตอนนี้สมองผมเริ่มทำงานหนักจนความรู้สึกแห่งชัยชนะเลือนหายไปทุกที

“ไอ้แว่นอยู่นี่ไหม”

ผมได้ยินเสียงของคนคุ้นเคยทำให้ผมกึงโล่งอกกึ่งเสียใจ แต่ก็ยังดีกว่าภารกิจแล้วเหลว คนเคาะประตูคือไอ้เด็กเปรตนิว แต่ตอนนี้ผมกลับประหลาดใจกับสีหน้าไอ้นิว มันไม่ได้ทักทายไอ้หมากเหมือนเคย แค่ยืนพิงขอบประตูพร้อมกับแสดงสีหน้านิ่งเหมือนรู้ปั้น แต่สายตาของมันไม่อาจซุกซ่อนความไม่พอใจไว้ได้ ก่อนที่ผมจะทันได้วิเคราะห์อารมณ์ของไอ้ชัคกี้ แขนผมก็ถูงแรงมหาศาลดึงไป

“มานี่ไอ้แว่น กลับหอ”

“อะไรของวะ” ผมเริ่มบ่น แต่บรรยากาศระหว่างไอ้นิวกับไอ้หมากเริ่มมาคุพิกล

“เอ่อ…ไอ้นิว คือกู…” ไอ้หมากเกาหัวเหมือนพยายามอธิบายบางอย่าง

แต่ผมไม่ทันได้รอฟังก็ถูกไอ้นิวลากตัวออกมาเสียก่อน จนมาถึงระหว่างทางผมจึงสลัดข้อมือตัวเองให้หลุด

“มึงทำอะไรของมึงวะ”

มันหันขวับมาพร้อมกับเสียงฟ้าร้อง ดูไปราวกับยักษ์ญี่ปุ่น

“นี่ไอ้หมากชวนมึงไปดูบาสใช่มั้ย”

“เออ แล้วจะทำไมวะ อะไรของมึงกันวะนิว กูไม่เข้าใจ”

“กูเคยบอกมึงแล้วว่ากูไม่มีวันให้มึงไม่ยุ่งกับไอ้หมาก ไอ้หมากไม่มีวันชอบมึงหรอก”

ไอ้เด็กนี่เริ่มเพ้อเจ้อไปใหญ่ ผมต้องส่งสอนให้มันเคารพคนอื่นบ้าง

“นี่มึงเป็นบ้าอะไร ถึงมาคอยจับตาดูกูขนาดนี้ กูทำผิดกฎหมายมาตราไหนไม่ทราบ สรุปมันก็เรื่องของกูป่าววะ ข้อตกลงทุกอย่างก็ทำให้มึงหมดแล้ว ต้องการอะไรอีกหรอ”

“มึงนี่แม่ง มึงโง่หรือมึงแกล้งโง่กันแน่ไอ้สมองกลวง มึงรู้หรือเปล่าว่าคำว่าไอ้ไปดูบาสห้องมันเนี่ย หมายความว่าอะไร” ฝนเริ่มโปรยปรายมาแต่ไม่ได้ช่วยให้ไอ้คนตรงหน้าเย็นลงเลย



“ไม่รู้โว๊ย แล้วก็กูไม่ได้อยากรู้ด้วย มึงก็ไม่ต้องมะ…”

ผมไม่ทันได้พูดจบ ก็ถูกสัมผัสนุ่มเข้าปะทะเข้าที่ริมฝีปาก หัวใจผมหล่นลงไปอยู่ตาตุ่มแทบทันที ความเจ็บจากเม็ดฝนลูกใหญ่ดูน้อยนิดเมื่อเทียบกับแรงบดเบียดอันไร้ความปรานีของไอ้นิว ผมหลับตาปี๋กลั้นหายใจ พยายามใช้แรงมันผลัก แต่มือใหญ่ทั้งสองข้างของมันบีบหัวผมไว้แน่น

ทันทีที่ตัวมันผละออก อุณหภูมิเดือดกระจายไปทั่วตัวผมทันที

“มึงทำเชี่ยอะไรของมึง” ผมด่ามันพร้อมกับจ้องริมฝีปากแดงก่ำของไอ้นิว ผมง้างมือจะต่อยหน้าของมันแต่อีกฝ่ายก็หลบได้

“ก็มึงบอกมึงไม่รู้ไง นี่แหละ คือความหมายของคำว่า ไปดูบาสที่ห้องของไอ้หมากไงไอ้แว่น มึงแกล้งโง่หรือมึงโง่จริงๆ มึงถึงไม่รู้”

“ก็ไม่ดีหรอ กูก็ชอบมัน ถ้ามันชอบกูด้วย กูจะได้ไปต้องซ่อนอีกต่อไปไง ว่าแต่มึงเถอะ มึงเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ” ผมตอกกลับไป ไอ้นิวเหมือนชะงัก

“เออ กูไม่เกี่ยวก็จริง แต่มึงคิดว่ามึงฉลาดรู้ทุกเรื่องงั้นหรอ จำไว้ไอ้แว่น กูไม่มีวันให้มึงได้สมหวังหรอก กูจะขัดขวางมึงกับไอ้หมากทุกวิถีทาง”

พูดเสร็จไอ้นิวก็เดินหนี ทิ้งให้ผมยืนทื่อ เปียกปอนไปทั้งตัว ผมอยากจะบ้าตาย ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง งงไปหมดแล้ว ทำไมนักเรียนชายมอปลายไทยมันถึงซับซ้อนขนาดนี้ เรื่องที่ผมโดนไอ้นิวจูบ เอาจริงผมไม่ควรรู้สึกเสียหายเพราะสมัยเรียนไฮสคูลก็จุ๊บเล่นกับเพื่อนผู้ชายอยู่บ่อยครั้ง

แต่ครั้งนี้กับไอ้นิวผมกับรู้สึกเหมือนโดนล่วงเกิน หรือผมเกลียดมันเข้าไส้แล้ว

ยิ่งกว่านั้นเรื่องไอ้คำชวนไปดูบาสของไอ้หมาก ผมต้องเดินตากฝนใคร่ครวญตลอดทางกลับหอ

รอยจูบของไอ้นิวทำให้ผมฉุกคิดขึ้นได้ ถ้าผมไม่อินโนเซนส์เกินไป หรือคำว่าไปดูบาสจะเหมือนกับชวนดูเน็ตฟลิกซ์ เหมือนชวนไปกินรามยอง เป็นประโยคเฉพาะของการชวนไปมีซัมติง

โอ้มายก็อด ผมขนลุกซู่ทันที อ้าปากค้าง นี่ผมเกือบถูกไอ้บุคคลเป้าหมายเล่นจุกๆ งั้นหรอ!?









...................................เป็นยังไงกันบ้าง ฝากคอนเมนต์ให้ ไรท์เตอร์ด้วยนะ เลิฟ^_^

ออฟไลน์ Payumoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Payumoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ขอเสียงคนรอตอนต่อไปหน่อยย :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ Toxicgirl

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ เป็นกำลังใจให้นักเขียนค่ะ

ออฟไลน์ Payumoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
ไอ่หมากกก ที่นัดไปดูบาสสองต่อสอง
ที่แท้แกคิดจะกินเจมส์หรอกรึ
เจมส์ก็ใสซื่ออยากเข้าใกล้เพื่อเอาข้อมูลอย่างเดียวเลย ก็คงไม่คิดแหละว่าเด็ก ม.6 จะกระทำการอะไรแบบนี้
เกือบเสียหนุ่มให้เด็กม.6 ซะแล้ว ดีนะที่นิวเข้ามาขัดจังหวะทัน แต่...​ก็โดนนิวกินปากซะงั้น 55555 หนีเสือปะจรเข้!!! ชัดๆ :hao6:

ออฟไลน์ Payumoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ Payumoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ไอ่หมากกก ที่นัดไปดูบาสสองต่อสอง
ที่แท้แกคิดจะกินเจมส์หรอกรึ
เจมส์ก็ใสซื่ออยากเข้าใกล้เพื่อเอาข้อมูลอย่างเดียวเลย ก็คงไม่คิดแหละว่าเด็ก ม.6 จะกระทำการอะไรแบบนี้
เกือบเสียหนุ่มให้เด็กม.6 ซะแล้ว ดีนะที่นิวเข้ามาขัดจังหวะทัน แต่...​ก็โดนนิวกินปากซะงั้น 55555 หนีเสือปะจรเข้!!! ชัดๆ :hao6:

ขอบคุณน้า เจมส์ไม่ได้คาดคิดว่าจะโดนอิอิ แต่ความลับยังมีอีกเยอะที่ยังไม่รู้

ออฟไลน์ Payumoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ตอนต่อไปเป็น NC อายุไม่ถึงสิบแปดข้ามได้จ้า 555

ออฟไลน์ Toxicgirl

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รออ่านอยู่นะคะ สู้ๆค่ะ ปล.เจมส์นี่สเน่ห์แรงไม่เบานะ จากกลุ่ม3ผัวนี้ มีคนสนใจนางไปแล้ว 2ใน3 คน จะมีหนุ่มมาขายขนมจีบเพิ่มอีกไหมนะ

ออฟไลน์ Payumoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
EP 7. ไอ้นิวออกโรง NC 18
:fire:

ใบหน้าของผู้หญิงที่ผมเห็นฉายแววพริ้มเพรา ดวงตากลมโตปรากฏความเย้ายวน ขณะเดียวกันเรือนร่างได้ทรวดทรงก็ค่อยๆ เลื้อยขึ้นมาบนตัวผม ซอกคอผมถูกปากแดงอวบอิ่มซุกไซ้พร้อมกับสัมผัสลมหายใจถี่รัว สายชุดนอนเบาบางหย่อนหลุดเผยเห็นหัวไหล่ขาวเนียน เนินอกกลมโตขยับขึ้นลงราวกับเรียกร้องให้มือผมอยู่ไม่สุก

นิ้วเรียวสวยวนรอบบริเวณหัวนมของผมสองสามที ก่อนค่อยๆ  เลื่อนผ่านมัดกล้ามเนื้อหกลูกลงสู่อวัยวะส่วนล่าง

                เอ็นท่อนสำคัญของผมชูชันต่อสู้โดยไม่รอช้าเพราะถูกบั้นท้ายกลมกลึงใต้กางเกงในลูกไม้ตัวจิ๋วขยับขึ้นมาบดเบียด แรงเสียดสีขึ้นลงอย่างมีจังหวะทำให้ผมกั้นความเร่าร้อนต่อไปไม่ไหว ผมจึงล้วงมือเข้าไปบีบหน้าเธอแบบไม่ยั้ง

                ร่างกายสูงใหญ่ของผมแข็งแกร็งไปทุกส่วน ไม่มีแรงขัดขืนกับเธอคนที่ผมไม่รู้จัก ถึงไม่ได้สอดใส่เข้าไปจริง แต่ความรู้สึกเสียวซ่านบีบบังคับให้ส่วนล่างของผมต้องยกขึ้นลงกับท่วงท่าของเธอ 

                “นิว นิว” เธอครวญคราวพร้อมกัดริมฝีมาก

                ผมควบคุมตัวเองไม่ได้ มีแต่ยิ่งต้องเร่งเร้ามากขึ้น

อูย..จะไม่ไหวแล้ว

                “นิว”

                จู่ๆ เสียงใสของเธอก็ทุ้มขึ้น

                “ไอ้นิว” แถมยังมีแว่นตาโผล่มาอีก ก่อนใบหน้าอันเย้ายวนจะกลายเป็นหน้าขาวตากลมที่ผมคุ้นเคย

                “ไอ้แว่น!” 

                ผมแม่งเหมือนถูกสาปให้ขยับตัวเอง อยากหยุดแต่ร่างกายไม่ตอบสนอง  แถมยังเร่งจังหวะมากขึ้น ผมไม่ไหวแล้ว หยุดทีไอ้แว่น

                “ไม่ ยะ อย่า อึก อ้า” ผมร้องขณะที่ขากับท้องแกร็งจนตัวลอย

เขื่อนเก็บกักของเหลวในร่างกายแตกทะลักจนรู้สึกอุ่นไปทั่วขา

               

ฝันเหี้ยอะไรวะเนี่ย

                ผมสะดุ้งตื่นขนลุกเกรียวพอนึกถึงหน้าไอ้เจมส์ เปิดผ้าห่มออกก็เห็นบ็อกเซอร์เปียกเป็นดวงใหญ่

ให้มันได้อย่างนี้ จะฝันเปียกทั้งทีจากสาวสวยพอใกล้เสร็จกลายเป็นไอ้แว่นซะงั้น เพราะดันไปจูบมันเมื่อคืนแน่ๆ ถึงโดนมันตามมาหลอกหลอน ไม่น่าเลยกู

                นาฬิกามือถือบอกเวลา 6.35 น. ฝันร้ายขวัญผวาขนาดนี้คงงีบต่อไม่ไหว ผมจึงรีบไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปโรงเรียน

                ขณะที่ผมกำลังแปรงฟันอยู่ก็ไม่สามารถลืมสัมผัสนุ่มที่ฝากไว้บนริมฝีปากได้ ผมยอมรับว่าไม่ชอบขี้หน้าไอ้แว่นตั้งแต่เกิดเหตุตอนนั้นและไม่มีทางพิศวาสมัน แต่ที่ผมจู่โจมจูบเพราะแค่เรียกสติให้มันรู้ตัวก่อนตกเป็นเหยื่อไอ้เพื่อนเพลย์บอยของผม ผมไม่อยากขัดขวางความรักของมัน แต่ก็ไม่อาจทนเห็นไอ้หมากจะกลายเป็นหมาไม่เลือกแดก ที่สำคัญมีความลับบางอย่างที่ไอ้แว่นนั่นยังไม่รู้เพราะถ้ามันรู้และตัวมันมีสำนึกพอ มันอาจต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต

คิดดูแล้วไอ้แว่นเจมส์ก็ประหลาดคน ผมไม่เคยเจอเพื่อนคนไหนที่เหมาะกับคำว่า แปลก ได้เท่ามัน บางครั้งผมก็รู้สึกสัมผัสได้ถึงรังสีลึกลับ ตอนแรกคิดว่าจะหนิมๆ ติ๋มๆ ที่ไหนได้แสบร้อนอย่างกับแผลโดนแอลกอฮอล์ แต่นั่นก็ทำให้ผมไม่สามารถหยุดจับจ้องมันได้เลย

เชี่ยละ!

                ผมเผลอแปรงฟันจนปากเปื่อย ต้องรีบอาบน้ำแต่งตัว

               

                ตึ้ง…

เสียงไลน์ดังขึ้น ผมรีบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดู

               

Group Line  สามพยัคฆ์ จำนวนสมาชิก 3

               

Focus Climax : ตื่นกันยังวะ อินิว อิหมาก

                           

Focus Climax : สติ๊กเกอร์กีตาร์

               

ผมเกลียดการเรียกเพื่อนในไลน์กลุ่มของไอ้โฟกัสมาก

               

                NewNY : มีอะไรวะไอ้กัส

               

Focus Climax : มึงยังไม่ได้เข้าไปดูเว็บของวันเพ็ญเหรอวะ ประกาศผลคะแนนสอบในห้องตั้งแต่เย็นวันเสาร์แล้ว 

               

Focus Climax : olo เหอะ ข่าวดี ตกยกแก็งเลยพวกเรา 555



ก็ไม่ได้แปลกใจเพราะเจอไอ้แว่นเล่นเปลี่ยนคำตอบกลางครัน  ถ้าผ่านผมคงเทพเกินคนแล้ว

               

NewNY : เออ กูลืมดู



Focus Climax : คนสอบตกต้องคัดโครงสร้าง 12 Tenses 100 จบ ส่งพรุ่งนี้

               

NewNY : โคตรบ้า พรุ่งนี้แม่งมีงานรับน้องรหัสกับเปิดโลกชมรม ใครแม่งจะทำทันวะ



Focus Climax : ใครไม่ส่งคัดเพิ่มอีกร้อยจบ

               

NewNY :  สติ๊กเกอร์เท้า



                Focus Climax : แล้วอิหมากตื่นยังวะ นอนตายคาเตียงไปหรือยัง

               

NewNY: เออ เจอกันร้านต้นเลือดหมูหน้าโรงเรียนนะ



                ผมชิงตัดบทก่อนเพราะต้องรีบหาอะไรกินเพื่อเติมพลังงานที่สูญเสียไป



แต่งชุดนักเรียนเสร็จผมก็รีบลงจากหอ อดไม่ได้ที่ต้องเผลอมองประตูห้องตรงข้ามอยู่ครู่หนึ่ง ป่านนี้ไอ้แว่นคงไปเรียนแล้ว แต่ขณะที่ผมกำลังใช้สมองว่าถ้าเจอมันจะเก็กหน้ายังไงดี ก็จ๊ะเอ๋เข้ากับไอ้คนในความคิดกำลังทำตัวน่าสงสัยอยู่แถวพงหญ้าข้างทาง 

ต้องแกล้งเขย่าตัวให้มันตกใจเล่น แต่จู่ๆ ตัวผมกลับแข็งทื่อไม่ยอมทำตามสั่ง

                ไอ้เจมส์หันมาเห็นผมพอดี ผมรีบปั้นหน้าจ้องมันนิ่งๆ แวบเดียวก่อนแล้วรีบเดินผ่านมันไป

               

พอมาถึงร้านก๋วยเตี๋ยวต้มเลือดหมู ก็เห็นไอ้โฟกัสนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

                “เชี่ยหมากเป็นไรวะ ป่านนี้ยังไม่ตอบไลน์กลุ่มเลย”

                “ตื่นสายมั้ง” ผมตอบเรียบๆ แต่เหมือนผมจะซ่อนสีหน้าไว้ไม่ค่อยเก่ง

                “นิว มึงเป็นอะไรหรือเปล่าวะ ทำไมหน้าตาดูซีดๆ หม่นๆ”

                “เปล่า กูแค่นอนไม่หลับ”

                “อย่าบอกนะว่า…จุกๆ”

                “จุกๆ พ่อมึงสิ แดกไปข้าวน่ะ สแกนบัตรช้าเดี๋ยวก็โดนสมศักดิ์ให้วิ่งรอบสนามหรอก”

                “งั้นกูโทรตามไอ้เชี่ยหมากก่อน อยากรู้ว่ามันกำลังตายคาเตียงหรือตายคาอก”



ตัดภาพมาตอนเข้าแถวหน้าเสาธง กว่าไอ้หมากจะมาก็จบเพลงชาติจนต้องถูกอาจารย์สมศักดิ์ฝ่ายปกครองให้ไปยืนโชว์ประจานในกลุ่มคนมาสาย หลังจากนั้นคงโดนลงโทษให้วิ่งรอบสนามต่อเหมือนเคย

แต่เอาจริง มอหกหลายคนเริ่มหย่อนเรื่องกฎระเบียบ กล้าต่อต้านอำนาจอาจารย์ เพราะอีกไม่ถึงปีก็จะได้ดื่มด่ำกับอิสรภาพอย่างเต็มที่แล้ว นึกถึงตอนสมัยตอนมอหนึ่งแล้วช่างน่าสมเพช แค่ตัดผมยังต้องเกรียนไม่เกิดรองหวีเบอร์หนึ่ง ครูพูดอะไรก็รับทราบครับผม แต่ถ้าวันหนึ่งภาพเหล่านี้ต้องหายไป ผมไม่รู้ว่าจะรู้สึกดีจริงๆ หรือเปล่า

หลังจากทนฟังผู้อำนวยการเทศน์เกี่ยวกับวันเปิดโลกชมรมอยู่หลายนาที ทั้งหกชั้นปีก็ถูกปล่อยเข้าห้องเรียน

เช้าอากาศเย็นสบายแต่ อึดอัด รู้สึกร้อนวูบวาบทั่งตัว จะให้สบายใจเฉิบยังไงในเมื่อคนด้านข้างคือคนที่ผมเพิ่งบดขยี้ปากมา ส่วนคนด้านหน้าก็คือไอ้เพื่อนร่วมแก็งที่กำลังจ้องจะกินไอ้คนข้างๆ ซับซ้อนจนผมอยากลุกขึ้นมากระชากคอไอ้หมากเคลียร์ตอนนี้ แต่ติดว่าเรียนอยู่นี่สิ

                จนพักเที่ยงผมจึงรีบสะกิดไอ้โฟกัสกับไอ้หมากไปกินข้าว

                “ตื่นสายตลอดนะมึง เรียนจะจบอยู่แล้วยังเหี้ยเหมือนเดิม” โฟกัสพูดขึ้น

                “เมื่อคืนมีบาสว่ะ”

                ผมที่กำลังสูดเส้นก๋วยเตี๋ยวต้องเงยหน้ามองไอ้หมาก มันแทบหุบยิ้มไม่ทันเหมือนรู้ว่าผมจะเอาเรื่อง

                “เออน่า ไอกัสกูจะพยายามไม่มาสายแล้ว”

                “ก็ให้มันจริงเหอะ กูจะคอยดูนะ” 

                ส่วนผมมองผ่านไอ้หมากกับไอ้โฟกัสไปยังคนข้างหลัง ไอ้เจมส์เดินผ่านมากับเพื่อนพอดี ในมือมันกำลังถือไอศรีมโคน ขณะที่มันกำลังลงลิ้นเลียทำให้ภาพเมื่อคืนแวบกลับมาอีกรอบ 

                “ไอ้นิว”

                “ไอ้นิว”

                “ไอ้เชี่ยนิว”

                “หะหะ เป็นเชี่ยไรไอ้กัส” ผมสะดุ้งรับคำ ก่อนเครื่องหมายคำถามจะปรากฏขึ้นบนหน้าไอ้คนเรียก

                “มือมึงล็อกหรือไง จะกินก็ไม่กิน ได้แต่อ้าปากค้างจนน้ำลายจะยืดอยู่แล้ว ไอ้สัด เสียภาพลักษณ์พี่นิวคนหล่อหมด”

                ผมรีบจัดการเส้นก๋วยเตี๋ยว ขณะที่ไอ้หมากหัวเราะผมเบาๆ ถึงมันพยายามทำตัวปกติกับผมยังไง แต่ผมก็ยังรู้สึกไม่โอเค ยังไงผมก็ต้องสะสางกับมัน

                “หมาก กูมีเรื่องอยากจะคุยกับมึง กินข้าวเสร็จเจอกูที่ศาลาหลังอาคารนะ มึงมาด้วยนะไอ้กัส” พูดจบผมก็ลุกเอาชามไปเก็บทันที



                ผมนั่งกอดอกไขว่ห้างกระดิกเท้ารอไม่ถึง 10 นาที พวกสองตัวก็มาตามนัด

                “พวกมึงมีเรื่องเชี่ยอะไรกันวะ” โฟกัสเอ่ยขึ้น

                “ไอ้หมาก มึงรู้ใช่ไหมว่ากูจะคุยเรื่องอะไร” ผมส่งสายตาจริงไปให้มัน

                “ไอ้นิว เอาจริงนะ กูกับเจมส์แม่งไม่มีอะไรเลยจริงๆ” มันพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

ผมเข้าไปกระชากคอมัน

“แล้วมึงชวนมันไปดูบาสทำไม”

                “เฮ้ย ใจเย็น ใจเย็นไอ้นิว มึงอยากต่อยกูนะ” ไอ้หมากรีบหดหัวยกมือห้าม 

                ผมลดมือลง

                “กูไม่ต่อยเพื่อนหรอก จริงๆ มึงจะเอาใครขึ้นห้องมันก็เรื่องของมึง แต่ไอ้แว่นเป็นเพื่อนร่วมห้องนะเว้ย”

                “มึงก็อย่าคิดมากน่าไอ้นิว กูไม่ได้จะล่วงเกินอะไรไอ้เจมส์หรอก กูแค่ชวนมันไปดูบาส”

“ไอ้สัด มึงชอบมาอวดให้พวกกูฟังจนกูจำได้หมดแล้ว ถ้ามึงชวนใครไปดูบาสดูหนังที่ห้องแม่งไม่รอดสักราย มีนมไม่มีนมถ้าถูกใจแม่งเอาหมด ยิ่งนัดไปแบบสองต่อสองคือไม่พ้นได้เป็นเมียมึงทุกราย”

                “จริงๆ แล้วเมื่อคืนกูกะจะชวนพวกแม่งในทีมไปแต่มันไม่มากันสักคน”

                แถไปได้อีกไอ้เพื่อนเหี้ย ยอมใจจริงๆ ไอ้ความกะล่อนปลิ้นปล้อนปลาไหลติดไอพ่นเนี่ย แต่ผมก็พยายามไม่ไปก้าวก่ายชีวิตมัน ในฐานะเพื่อนก็ทำได้แค่เตือนเท่านั้น

                “จะอะไรก็แล้วแต่เถอะ มึงก็เพลาๆ เรื่องแบบนี้ลงบ้าง”

                “แชร้ด  นี่อย่าบอกนะไอ้หมากชวนไอ้เจมส์ไปจุกๆ”

                “อยากจุกไหมไอ้กัส” ผมโชว์หมัดใหญ่ให้มันดู ไอ้กัสถึงกับรีบถอย ผมเข้าไปเข้าแตะไหล่ไอ้หมากแล้วคุยกับมันอย่างจริงจัง “ถ้าเป็นแต่ก่อนกูคงไม่ยุ่งหรอก แต่ตอนนี้มึงมีแฟนแล้วนะไอ้หมาก อีกอย่างมันก็รักมึงมาก ถ้ามันรู้เรื่องขึ้นมาจะทำยังไงวะ”   

                “เอาน่า ถ้าพวกมึงสองคนไม่พูดมันจะรู้ได้ไง”

                “ไอ้นี่วอนตีนอีกละ”

                “ไอ้สาด กูพูดเล่น กูจะพยายามไม่ยุ่งกับไอ้เจมส์แล้วกันนะ”

                “มึงต้องเลิกยุ่ง” ผมย้ำคำสั่งหนักแน่น

                “มึงเป็นผัวมันหรือไง ถึงต้องเลิกยุ่งกับไอ้เจมส์ ไหนมึงบอกไม่ชอบขี้หน้ามันไม่ใช่หรอไง มึงจะสนใจทำไมวะ”

                เอ้า! ไอ้เพื่อนเชี่ยดันมาย้อนผมซะงั้น

                “กูไม่ได้ห่วงไอ้เจมส์ กูก็แค่แคร์ความรู้สึกของคนที่มึงควรแคร์เค้า”

                “เฮ้ย พวกมึงอย่าทะเลาะกันเพราะเรื่องไร้สาระดิวะ ยังไงเราก็อยู่มาด้วยกันตั้งนาน จะมาแตกคอเพราะเรื่องจิ๊บจ๊อยแค่นี้เหรอวะ” โฟกัสเข้ามากอดคอผมกับไอ้หมากไว้ “นิวมึงก็ใจเย็นๆ หน่อย ผิดถูกก็ค่อยเตือนกันไป ส่วนไอ้หมากก็อย่าเงี่ยนให้มาก ต่อไปนี้มึงห้ามชวนไอ้เจมส์ไปดูบาสสองต่อสองอีก ถ้าอดอยากก็ชวนแฟนมึงนู่น”

                “มันชอบดูกีฬาสะที่ไหนล่ะ เออๆ กูไม่ยุ่งกับไอ้เจมส์แล้วก็ได้ แต่ถ้ากูโสดเมื่อไหร่ก็ไม่แน่”

               

ป๊าบ!

                ไอ้กัสตบหัวไอ้หมากทีหนึ่ง ก่อนไอ้หมากที่ชิงตบคืนได้สองทีแล้วรีบเผ่นแนบ ส่วนผมก็ได้แน่ถอนหายใจเหนื่อยหน่าย

                “ไอ้เชี่ยหมาก อูย ตบกูสะเต็มเหนี่ยวเลย” ไอ้โฟกัสลูกหัวกำลังพร้อมตามไปชำระแค้น แต่จู่ๆ มันก็หยุดกึกแล้วหันว่าผม “มึงก็แปลกไอ้นิว นี่ถ้ากูไม่รู้ว่ามึงห่วงไอ้หมาก กูคิดว่ามึงกำลังหึงไอ้…”

                “หึงเหี้ยอะไรมึง”

                “เอ แต่ถ้ามึงอยากให้ไอ้หมากเลิกยุ่งกับไอ้เจมส์อย่างถาวรก็พอจะมีทางอยู่”

                “ทางอะไรของมึง ทางลงเหวกูไม่เอานะไอ้กัส”

                “ฮ่าๆ กูไม่พามึงลงเหวหรอก” มันกระซิบข้างหูผม หลังได้ยินผมถึงกับปล่อยตัวเงินตัวทองออกมา

                “แผนเหี้ยไรของมึงวะไอ้กัส มึงดูซีรี่ย์วายเยอะเกินไปหรือเปล่าวะ ไปเรียนเถอะ เพ้อเจ้อนะมึง”



                ช่วงพักระหว่างคาบเรียนหัวหน้าห้องอย่างไอ้มายด์ก็เอากระดาษแผ่นเท่าฝ่ามือมาแจกจ่ายเพื่อน พรุ่งนี้จะมีงานปฐมนิเทศนักเรียนมอ.4 ในช่วงเช้าและต่อเนื่องด้วยงานออกบูธของชมรมต่างๆ แต่พิเศษกว่านั้นคือโรงเรียนผมจะมีประเพณีเกม พี่รหัสลับ

น้องม.4 จะได้จับฉลากรับคำใบ้ของพี่ม.6 จากนั้นต้องทำภารกิจตามหาพี่รหัสลับของตัวเอง อย่างห้องผม ม.6/5 ก็จะส่งคำใบ้ให้ห้อง ม.4/5 แต่มีข้อแม้ว่าน้องต้องตามหาพี่เจอก่อน 4 โมงเย็น ไม่เช่นนั้นจะถูกรุ่นพี่จับแปลงโฉม ผมก็เคยมีรูปลักษณ์ฝังใจ แม่งโคตรน่าอาย

                แต่มีกฎอีกข้อ กลับกันถ้าถูกรุ่นน้องเจอตัวก่อน รุ่นพี่ต้องกลายเป็นฝ่ายถูกลงโทษแทน

                ตอนผมอยู่ม.4 ผมได้พี่รหัสลับคนหนึ่ง เป็นน้องชายพี่เอเจ้าของยิมมวยที่ผมไปใช้บริการบ่อยๆ นั่นแหละ และยังเป็นคนชักชวนผมเข้าสู่วงการมวยสากล

                หลังจากที่ผมได้ไอ้เจ้ากระดาษ Mystery card มาอยู่ในมือ ก็ยังนึกไม่ออกจะเขียนยังไงดี



                ชื่อแฝง……

                คำใบ้…….

               

ตอนแรกว่าจะใส่เป็นอักษรตัว น แต่กลัวจะง่ายเกินไป พอคิดอะไรไม่ออกก็ตามสัญชาตญาณหันไปดูตัวอย่างจากคนข้างๆ ถ้าไอ้แว่นน่าจะเขียนเสร็จแล้ว

                “ดูหน่อย” ผมรีบดึงกระดาษมันมา

                “เฮ้ย ทำไรวะ” ไอ้แว่นเจมส์พยายามเอาของมันคืน แต่โทษทีแขนผมยาวกว่า

                “กูขอดูนิดเดียว อย่าขึ้นเหนียวน่าไอ้แว่น”

               

ชื่อแฝง The Frist

            คำใบ้ เจอกันครั้งแรก จำกันให้ได้ มาพบกันหน่อย สมานฉันท์

               

                “แต่งกลอนอะไรของมึงวะ กูสงสารรุ่นน้องจริงๆ จะหามึงเจอมั้ย”

                มันใช้ลูกเงียบใส่ผม แถมยังทำปากบึนอีก ทำให้ผมเริ่มหงุดหงิด ลองดูว่ามันจะอดทนไม่ตอบโต้ผมได้ไหม ผมโน้มหัวไปข้างหูมัน

                “มึงต้องเขียนแบบนี้สิไอ้แว่น จูบกันครั้งแรก จำกันให้ได้…” 

                อ้าว..ผมยังไม่ทันพูดจบ มันลุกพรวดเอากระดาษไปส่งไอ้มายด์

ฝากไว้ก่อนเถอะ

                ผมกลับมาโฟกัสกับกระดาษของตัวเอง น้ำหมึกคงแห้งเสียก่อนผมจะคิดออก จนกระทั่งผมได้ยินไอ้มายด์เร่งเร้าคนที่ยังเขียนไม่เสร็จเพราะครูก้อยกำลังจะเข้าสอนแล้ว

                สุดท้ายก็เขียนโดยใช้อารมณ์ตอนนี้ล้วนๆ

               

ชื่อแฝง ไอ้หมัดหนักกระโดดทีบไอ้แว่นหน้างอ

            คำใบ้ หล่อสุดหยุดที่กู

               

หลังเลิกเรียนผมก็ต้องแวบไปช่วยจัดบูธของชมรมซึ่งตามธรรมเนียมต้องเป็นหน้าที่ของเด็กม. 5 แต่ผมในฐานะรุ่นพี่ก็ต้องไปตรวจสอบความเรียบร้อย หรือถ้าพูดกันตามจริงชมรมผมไม่ค่อยมีคนแห่แหนเข้าเหมือนชมรมดนตรี ฟุตบอล หรือว่ายน้ำ เพราะกีฬามวยเป็นความสนใจเฉพาะกลุ่ม ปีหนึ่งได้คนเข้าชมรมสักห้าหกคนพอให้ไม่โดนยุบก็บุญโขแล้ว ผมจึงต้องไปช่วยอีกแรง

กว่าจะเสร็จก็ปาไปเกือบทุ่ม โชคดีหอผมอยู่ห่างจางโรงเรียนไม่ถึง 1 กิโลเมตร จึงไม่ค่อยมีปัญหาจารจรเหมือนคนบ้านไกล ยังไม่ทันจะถึงหน้าหอก็เจอไอ้ตัวขาวสูงโปร่งกำลังใช้ไม้เขี่ยพงหญ้าอีกแล้ว

ทำอะไรของมันอีกแล้ววะ

ผมอดสงสัยไมได้ อีกอย่างเห็นท่าก้มๆ เงยๆ แล้วก็เกิดคันไม่คันมือ

ผมย่องเข้าไปบีบตูดมันได้สำเร็จ

“ทำไรอยู่วะ ไอ้แว่น”

“ชิท” มันสะดุ้งเด้งหน้าพร้อมกับหันมาด่าผม สำเนียงภาษาอังกฤษเป๊ะเชียว

“ก้นเด้งแน่นเหมือนลูกชิ้นเลยนะมึง”

แต่มันดันเมินผมแล้วเดินหนีไปอีกฝั่งของทางเดิน เรื่องอะไรผมจะยอม

“ทำไม กับกูมึงไม่กระดี้กระด้าเหมือนอยู่กับไอ้หมากหรอ หรือจูบเมื่อคืนทำให้มึงเป็นใบ้ไปแล้ว”

“ไปไกลๆ ไป”

“แหม ทำเป็นไล่ แต่วันนี้มึงจะหนีกลับหอ ไม่ขออนุญาตกูก่อนฮะ มึงสัญญาว่าจะเป็นคู่ซ้อมให้กูนี่”

ไอ้แว่นทิ้งลมหายใจ ฟาดไม้ในมือกับพื้น ผมแอบถอยนิดนึงด้วยความตกใจ แต่ก็ยืดอกสู้ 

“ทำไม มึงจะทำไม”

“จะว่าไป ไหนๆ ไอ้หมากมันก็ดูท่าจะชอบกูแล้ว ถึงมึงจะเอาเรื่องกูไปบอกมันก็ดูจะไม่มีประโยชน์อีกต่อไป งั้นอย่างงี้สัญญาของเราก็ถือเป็นโมฆะแล้วสินะ”

หืม…ไอ้แว่นกล้าหัวหมอกับกูหรอ มีหรือคนอย่างกูจะยอม

“แล้วถ้ากูเอารูปที่มึงแอบถ่ายไอ้หมากไปให้มันดูแล้วละก็ มันจะรับความโรคจิตของมึงได้มั้ยน้า”

“อยากทำก็เชิญเลย ถ้าหารูปเจออ่ะนะ” มันพูดพร้อมจ้องตาผมด้วยความท้าทาย

ผมเริ่มเอะใจบางอย่าง ทำไมไอ้แว่นถึงแสดงความมั่นใจขนาดนี้ รูปใบนั้นผมก็ยังเก็บไว้ที่ลิ้นชักโต๊ะหนังสือ หรือตอนที่ผมน็อคเหล้าวันนั้น

มันจะ… เฮ้ย!

“มึงกล้าขโมยรูปจากห้องกูหรอ”

“อย่าเรียกว่าขโมย เขาเรียกว่าเอาของคืนต่างหาก” ไอ้แว่นยิ้มมุมปากได้น่าตบมาก อย่างนี้ต้องโดนล็อกตัว

“งั้นกูก็จะขโมยตัวมึงกลับห้องกูบ้าง”

“ปล่อยโว๊ย ไม่งั้นกูจะเอาไม้ฟาดมึง” มันพยายามดิ้นแต่ผมก็รัดไว้แน่นแบบมวยปล้ำ แรงแค่นี้เอาผมไม่ลงหรอก

“ไม้เล็กแค่นี้เอาไว้ตีหมาเถอะ หรือจะเอาขึ้นห้องก็ได้นะ จะได้เพิ่มรสชาติตอนกูกับมึงทำกิจกรรมต่อจากเมื่อคืนไง บางทีถ้ามึงอารมณ์ค้างกับไอ้หมาก มาต่อกับกูก็ได้นะ ไอ้ เดอะฟัค เอ๊ย เดอะเฟิร์สตูดขาว”

“Go F…ck Yourself”

“เออ กู F…ck มึงแน่” ผมตอกกลับทันที “แหม เก่งภาษาอังกฤษแบบนี้ ตอนครางขอร้องโอ้มายก็อดให้ชัดนะ”

ตึบ!

               

“โอ๊ย เชี่ย” ส้นเท้าของมันกระทืบเข้ากับนิ้วเท้าผมเต็มแรง จังหวะที่ผมคลายแรงออก ก็เจอฝ่าเท้ามันประเคนให้กลางอก

                “เหวอ…” ผมถึงกับเซลงไปในพงหญ้าข้างทางจนน้ำเปียกแฉะซึมเข้ามาในรองเท้า

                คราวนี้ผมเริ่มหายใจฟึดฟัด หน้าเริ่มชาเพราะความแสบของมัน

                “ไอ้แว่น มึง…”

                ขณะที่ผมพยายามตะกายขึ้นฝั่งอย่างทุลักทุเล มันก็ชิ่งหนีผมเข้าหอไปก่อน

                ไอ้เจมส์ไวอย่างกับลิง ผมต้องรีบถือรองเท้าเข้าไปล้างที่ระเบียงอย่างหัวเสีย

อย่าเผลอเปิดประตูห้องแล้วกัน กูจะจับโยนลงข้างทางบ้าง

โคตรขายขี้หน้า กลายเป็นว่า ไอ้หมัดหนักโดนไอ้แว่นหน้างอถีบเสียเอง

อยากจับมันถอดเสื้อผ้าแล้วบีบขยี้ให้แหลกคามือโว๊ย

 

                ติ๊ง!!

เสียงไลน์เหมือนเป็นระฆังเรียกสติ



                Focus Climax: คัดได้กี่จบแล้วว่ะพวกมึง



“เชี่ยแล้ว เกือบลืมเสียสนิท วันนี้จะทันไหม”

ผมรีบหาสมุดวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐานใต้กองหนังสือ คืนนี้ไม่ต้องได้หลับได้นอนแม่งแล้ว ไอ้นิวเอ๊ย

พอเจอก็คว้าปากกาพร้อมกับเปิดหน้าปก แต่แล้วผมก็ต้องชะงักเหมือนโดนคู่ต่อสู้น็อค

“นี่มันเหี้ยวะเนี่ย” ใจเริ่มเต้นถี่ขึ้น ขนลุกซู่ขึ้นทันที ผมต้องขยี้ตาอยู่สองรอบ

                โครงสร้างทั้ง 12 Tenses ถูกคัดไว้เต็มกระดาษ พอพลิกหน้าถัดไป ก็เห็นว่าครบร้อยจบแล้ว ที่น่าตกใจลายมือยังใกล้เคียงของผม ถ้าไม่ใช่เจ้าตัวก็คงแยกไม่ออก ผมมั่นใจว่าไม่ได้ละเมอลุกขึ้นมาทำแน่นอน อีกอย่างตั้งแต่วันเสาร์ผมยังไม่แตะสมุดของอาจารย์วันเพ็ญเลยด้วยซ้ำ

                ผีหลอกคงไม่น่าใช่ ใกล้เคียงสุดคงเป็นไอ้ผีห้องตรงข้าม ท้องผมเริ่มปั่นป่วนเหมือนความรู้สึกหลายอย่างตีกันวุ่นวายอยู่ในนั้น

ผมคิดเสมอตอนไอ้เจมส์ช่วยดูแลผมในสภาพแพ้แอลกอฮอล์ก็ถือว่าเกินความคาดหมาย เทียบกับโจ๊กที่ผมเอาไปแขวนไว้หน้าห้องมันแทบดูไร้ค่าไปเลย ผมไม่รู้ว่าโดนโชคชะตากลั่นแกล้งท่าไหนผมกับมันถึงเลยเถิดมาถึงขั้นนี้ ความจริงตอนที่ผมรับหมัดไอ้พี่แฟรงค์แทนไอ้เจมส์ไม่ได้จะปกป้องมันด้วยซ้ำ ผมแค่ไม่ต้องการให้ใครมารับลูกหลงจากกระทำของผมเท่านั้น

ทำไมไอ้แว่นแม่งต้องตอบแทนผมซะเกินเบอร์

                ภาพวันที่ผมกับมันกลิ้งเล่นในบ่อปูนแวบกลับมาอีกครั้ง

ผมก้มมองรอยแห่งความเจ็บปวดที่ถูกฝากไว้บนหลังมือ ถึงแผลเป็นจะจางไปมากแล้ว

แต่ผมกลับยังไม่อยากยกโทษให้มัน

.......................................................................................จบไปอีกตอนแล้วจ้า ฝากคอมเมนต์ติดชมได้เต็มที่เลยนะ ขออภัยเรื่องการย่อหน้า พอดีก็อปมาวางแล้วย่อหน้าเคลื่อนไปหมดเลย T_T  :jul1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-05-2020 21:40:49 โดย Payumoon »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด