ผมเห็นแมลงสาบแล้วร้องไห้ ไม่ใช่เพราะกลัวแต่คิดถึงเขาที่เคยมาไล่มันให้ (จบ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ผมเห็นแมลงสาบแล้วร้องไห้ ไม่ใช่เพราะกลัวแต่คิดถึงเขาที่เคยมาไล่มันให้ (จบ)  (อ่าน 3817 ครั้ง)

ออฟไลน์ แยมส้มขมคอ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-2
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



************************************************************************************************************
Share This Topic To FaceBook

ออฟไลน์ แยมส้มขมคอ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-2

ผมเกลียดแมลงสาบ


ทั้งเกลียดทั้งกลัวจนไม่อาจหายใจร่วมกับสิ่งมีชีวิตตัวเล็กสีดำได้ภายในรัศมี 5 เมตร

ถ้าบังเอิญเจอในระยะใกล้ สิ่งแรกที่ทำคือร้องเสียงหลง สิ่งต่อมาคือหนีเท่านั้น

การสู้กับมันไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในหัวผมเลย

ตอนอยู่บ้าน คนที่ช่วยผมได้คือแม่ แม่จะหยิบหนังสือพิมพ์มาม้วนเป็นอาวุธ เล็งสิ่งมีชีวิตน่าเกลียดน่ากลัว ค่อยๆ ย่องเข้าไป แล้วฟาดเข้าให้

แมลงสาบแบะแบนตายค่าที่ บ้างอาจมีแขนขาและหนวดขยับยุกยิก ซึ่งแม่ก็จะฟาดซ้ำให้สิ้นฤทธิ์ แล้วยกมือพนมแผ่เมตตา ขอให้ไปสู่สุขคติ

แม่ทำอย่างนั้นได้หน้าตาเฉยราวกับเรื่องปกติ จนผมรู้สึกว่าแม่ช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่ง และเป็นแม่ที่แข็งแกร่ง

แม่ผมเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวตั้งแต่ผม 5 ขวบเพราะพ่อทิ้งไปกับชายชู้ที่แอบคบมาได้ 3 ปี

ย้ำว่าชายชู้ เพราะพ่อผมเป็นเกย์

ผมถึงได้รู้สึกว่าแม่เป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่ง ถึงแม่จะไม่พูดถึงพ่ออีกเลยก็ตาม

ผมเติบโตมาอย่างเด็กทั่วไป แม้มีแม่คนเดียว ผมได้รับความรักตามสมควร หัวใจและรูปกายสมส่วนไม่อ้วนท้วนแม้ว่าแม่ผมจะทำขนมขายเป็นอาชีพ

ขนมหลักๆ ที่แม่ทำคือคุกกี้ เพราะเป็นเบเกอรี่ที่เก็บได้นาน และมักส่งกลิ่นหอมอบอวลชวนน้ำลายสอ กลิ่นคุกกี้ที่ผมชอบที่สุดคือกลิ่นเนย แต่ขณะเดียวกันผมก็กินมันจนเบื่อแล้ว เพราะหลังจากสูตรคงที่ แม่ก็ไม่เปลี่ยนสูตรอีกเลย

กลายเป็นว่ากลิ่นคุกกี้รสเนยของแม่ทำให้ผมรู้สึกปลอดภัย เป็นคอมฟอร์ตโซน ผมจึงค่อนข้างติดบ้านพอดู

เข้าช่วงวัยรุ่น ผมรู้จักคำว่าอินโทรเวิร์ตเป็นครั้งแรก และคิดว่ามันนิยามตัวผมได้พอดี

ตรงที่สุดก็ตรงที่อินโทรเวิร์ตมักสังเกตคู่สนทนาและวิเคราะห์อย่างละเอียดเพื่อหาทางหลีกเลี่ยงการพูดคุย ผมจึงได้คุณสมบัติมองคนเก่งมาโดยไม่รู้ตัว

โชคที่ผมก็มองแฟนใหม่แม่ไม่ผิด

เขาเป็นลูกค้าประจำของแม่ สั่งคุกกี้เป็นขนมสำหรับขายในร้านกาแฟ และเป็นคนรักกาแฟตัวจริงเสียงจริงแต่ไม่เคยคุยโอ่ว่าฉันรู้ฉันเก่งเหมือนพวกวอนนาบี ถ้าถามเขาถึงกาแฟสักสายพันธุ์ เขาจะไล่เรียงออกมาทีละลำดับถึงการปลูก การเก็บเกี่ยว การเก็บรักษาเมล็ด การคั่ว และการปรุงรสชาติ น่าติดตามฟังราวกำลังสอนวิชาปรุงยาวิเศษ

พอจะเข้าใจว่าทำไมแม่ชอบเขา และผมก็ไม่ได้ว่าอะไรถ้าแม่มีความสุข แต่การไปมาหาสู่ระหว่างกันที่มากขึ้นจนบ้านแม่เหมือนบ้านเขา และบ้านเขาเหมือนบ้านแม่ก็ทำให้ผมที่เป็นอินโทรเวิร์ตเริ่มอึดอัด

พอเข้ามหาวิทยาลัย ผมจึงขอแยกตัวออกไปอยู่หัว แม้บ้านแม่จะอยู่ชานเมืองที่นั่งรถตู้ต่อเดียวก็ไปถึงมหาวิทยาลัยก็ตาม

ด้วยความเป็นอินโทรเวิร์ต ผมอยู่หอคนเดียวได้สบาย

แต่ที่แย่มีอย่างเดียว

แมลงสาบ

ผมมั่นใจว่าผมดูแลห้องสะอาด แต่หอค่อนข้างเก่า และมันอาจเล็ดลอดมาจากห้องอื่น ซึ่งนั่นถือเป็นปัญหาใหญ่มาก

ตอนที่ผมเจอมันเกาะอยู่บนกำแพงเหนือหัวเตียง ผมร้องเสียงหลง วิ่งออกมาจากห้องเพื่อเอาชีวิตรอด แล้วก็พบว่าไม่รู้จะเอายังไงต่อ เพราะมันก็ดึกแล้วด้วย

จะกลับเข้าห้องก็ไม่กล้า ต่อให้ไม่เห็นตัวมันก็ไม่กล้าเข้าข้างว่ามันออกไปแล้วหรือแอบอยูอย่างสงบ ผมคงนอนตาค้างทั้งคืน จะไปค้างกับเพื่อน ผมก็มีเพื่อนสนิทไม่กี่คนและส่วนใหญ่พักอยู่บ้านกันหมด

จะกลับบ้านก็รู้สึกว่าปัญญาอ่อน แถมเวลานี้รถตู้หมดแล้ว ค่าแท็กซี่ก็แพงเกินไป

สุดท้ายผมได้แต่นั่งกอดเข่าพิงกำแพงประตูห้องอย่างเซ็งๆ

ถ้าถามว่าทำไมไม่นั่งพิงประตูก็เพราะกลัวมันเดินลอดใต้ประตูออกมาไต่ตัวผมน่ะสิ

สุดท้ายผมได้แต่นั่งกอดเข่าเหมือนคนไม่มีที่ไป และเป็นคนประหลาดท่ามกลางสายตาของคนร่วมหอที่เดินผ่านห้องผมไป

แต่มีคนหนึ่งที่หยุดยืนมองผมที่กอดเข่าก้มหน้าอยู่ รู้สึกได้จากที่มีขาคู่หนึ่งใส่กางเกงยีนส์และรองเท้าผ้าใบสีขาวมายืนตรงหน้า

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยถาม ผมเงยหน้าขึ้นมอง พบชายหนุ่มในชุดเสื้อฮาวาย น่าจะเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันกับผม ผิวขาว คิ้วเข้ม กรอบหน้าชัด ใส่แว่นกรอบเงินทรงหยดน้ำ ไว้ผมรองทรงต่ำแต่ผมด้านบนยาวหยักศกดูยุ่งนิดๆ

เขาถามผมด้วยสีหน้าประหลาดใจและสงสัย ไม่ใช่สีหน้าเป็นห่วง ซึ่งไม่แปลก ที่แปลกคือมีเขาคนเดียวแหละที่ทักผม

“แมลงสาบอยู่ในห้อง ผมไม่กล้าเข้าไป”

ผมตอบอย่างสิ้นหวัง

เขาได้ฟังก็จ้องหน้าผมนิ่ง ก่อนที่มุมปากจะค่อยๆ ยกยิ้มขึ้นมาทีละระดับแล้วระเบิดหัวเราะออกมา

“ฮ่าๆๆ ผมนึกว่าคุณทะเลาะกับแฟนซะอีก”

“ไม่ตลกนะคุณ” ผมว่า “อีกอย่างผมไม่มีแฟน”

คำตอบทำให้เขาพยายามหยุดหัวเราะ แต่ก็ยังมีหลุดมาบ้าง จนเขาต้องยกมืออังปาก

“โทษทีๆ” เขาว่า “งั้นผมขอเข้าห้องคุณหน่อย”

“เข้าห้องผมน่ะเหรอ”

“ใช่ ผมจะจัดการมันให้ คุณมีหนังสือพิมพ์หรือชีทที่ไม่ใช่แล้วไหม”

พอเขาบอกแบบนั้น หัวใจที่ไม่อ้วนท้วนของผมก็นุ่มฟูขึ้นมา

แล้วผมกับเขาก็เริ่มรู้จักกัน



**



ในวันที่เราเจอกันครั้งแรก สุดท้ายเขาก็ต้องหยิบชีทที่ไม่ใช้แล้วจากห้องตัวเองที่อยู่ถัดไปอีก 2 ห้องเพราะผมไม่กล้าเข้าห้องตัวเอง

ตอนที่เขาเริ่มปฏิบัติการ ผมนึกถึงแม่

เขาม้วนชีทหนาๆ ให้เป็นอาวุธ เมื่อเดินเข้าห้องและระบุพิกัดแมลงร้ายได้ว่าอยู่ตรงประตูห้องน้ำ เขาค่อยๆ ย่องเข้าไปก่อนฟาดเปรี้ยงทีเดียวตาย

“เรียบร้อยครับ”

เขาหันมาบอกผม ฉีกยิ้มเห็นฟันขาวเรียงเป็นระเบียบ เป็นยิ้มที่สวยงามมากทั้งที่เพิ่งพิฆาตหนึ่งชีวิตทิ้ง

แต่หลังจากเขากวาดซากแมลงสาบใส่ที่โกยผง เขาก็ยกมือพนม

“อย่าถือสากันเลยนะ ชาติหน้ามีจริงก็ไปเกิดให้เป็นที่รักของคนรอบข้างล่ะ”

เขาพูดกับซากแมลงสาบด้วยสีหน้าแบบช่วยไม่ได้

ขณะเดียวกันผมรู้สึกประทับใจ

เขาเหมือนแม่ของผมอย่างบอกไม่ถูก

และให้ตาย

ผมใจเต้นกับการขอขมาแมลงสาบ

เป็นฉากการตกหลุมรักที่บ้าบอมากแต่ก็เป็นไปแล้ว

หลังจากเขาช่วยเคลียร์ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เขาก็ขอตัวกลับ ตอนนั้นผมอยากหาอะไรตอบแทนเขา แต่การนัดไปกินข้าวไม่ใช่นิสัยต่อให้ผมประทับใจและเริ่มสนใจเขาก็ตาม อีกอย่างมันคงประหลาดพอดูกับการชวนไปกินข้าวตอบแทนที่ฆ่าแมลงสาบตัวเดียว พลันประจวบเหมาะที่สายตาผมเห็นคุกกี้ของแม่ที่วางบนโต๊ะคอมพ์พอดี

ผมยกคุกกี้ให้เขาไปห่อหนึ่ง จุ 250 มิลลิกรัม พอกินเล่นได้หลายวันถ้าไม่เพลินเกิน ตอนแรกเขายิ้มกว้างแต่ปากบอกเกรงใจ สุดท้ายก็รับไปจนได้พร้อมคำพูดที่ชวนให้ผมหน้าแดงหน่อยๆ

“รับไว้ก็ได้ครับ การช่วยฆ่าแมลงสาบน่าจะสำคัญกับคุณมากจริงๆ ฮ่าๆ”

ใช่ หน้าแดงเพราะอับอาย ไม่ใช่เขินอาย

ผมปิดประตูห้อง ทรุดลงนั่งกอดเข่าเหมือนตอนสิ้นหวัง ถอนหายใจ คิดสมเพชตัวเองว่าผมคงดูตลกมากในสายตาเขา ผมค่อนข้างเซ็ง ถึงแม้ผมไม่คิดจะสานต่ออย่างจริงจังก็เถอะ

ผมรู้ตัวว่าเป็นเกย์ตั้งแต่ช่วง ม.ปลาย เพราะแอบประทับใจครูพละวัยหนุ่มตอนวิเคราะห์สมรรถภาพร่างกายของนักเรียน

การทดสอบกระโดดไกลดูเป็นอะไรที่ธรรมดาสำหรับผม แต่มีเพื่อนคนหนึ่งกระโดดถึง 3 รอบก็ยังได้ไม่ไกล

ถ้าเป็นครูพละแก่ๆ พุงพลุ้ยๆ เพราะเบียร์ คงพูดเหน็บเล็กน้อยว่าเป็นผู้ชายแต่มีแรงแค่นี้เหรอ พอจินตนาการก็แทบได้ยินเสียงมาเลย แต่ครูหนุ่มคนนั้นพูดด้วยเสียงราบเรียบ

“ก่อนกระโดดเธอควบคุมลมหายใจได้ไม่ดีเลย ระบบหายใจอาจมีปัญหา เสี่ยงเป็นหอบ ลองไปตรวจดูนะ”

ตอนนั้นผมยังไม่ได้คิดอะไรมาก แต่คาบพละสัปดาห์ถัดมา เพื่อนคนนั้นหิ้วขนมมาถุงใหญ่เพื่อขอบคุณครูพละที่แนะนำให้ไปตรวจร่างกาย และก็พบว่าเป็นโรคหอบจริงๆ ทำให้รักษาตามอาการได้ก่อนจะแย่กว่าเดิมถ้าปล่อยไว้

ฉากที่เฉลยว่าครูวิเคราะห์ได้เฉียบขาดและใส่ใจทำเอาผมใจเต้นอย่างบอกไม่ถูก หลังจากนั้นผมก็อดคิดถึงสีหน้าเรียบๆ ของครูพละไม่ได้แม้แต่ตอน...สำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง แน่นอนผมรู้สึกผิดต่อครูมากจนละอายใจทีเดียว

ผมคงชอบตกหลุมรักจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ แถมยังดูเป็นฉากที่แปลกๆ อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ผมไม่เคยสานต่อความสัมพันธ์และปล่อยให้มันจางหายตามกาลเวลา

ผมหลีกเลี่ยงเพราะไม่รู้จะบอกแม่ยังไงก็ส่วนหนึ่ง อีกส่วนก็เพราะไม่เก่งเรื่องความสัมพันธ์ ที่สำคัญอินโทรเวิร์ตอย่างผมจะแก่ตายคนเดียวก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

กับชายหนุ่มผู้พิชิตแมลงสาบก็เหมือนกัน

ถ้า...สัปดาห์ถัดมาเขาไม่มาเคาะประตูห้องผมน่ะนะ...

แน่นอนว่าตอนนั้นผมยังใจเต้นที่เห็นเขา และอดมองฟันสวยๆ ตอนเขาฉีกยิ้มไม่ได้

“ผมทำคุกกี้มาฝาก” ตอนที่เขาพูดพร้อมยื่นกล่องคุกกี้มาให้ ทำเอาผมงงไปเหมือนกัน “ผมชอบทำขนมเลยเอามาให้คุณลองชิมน่ะ คุณน่าจะชอบกินขนมใช่ไหม”

“คุณทำคุกกี้เหรอ?” ผมถามทวนทั้งที่เขาก็พูดชัดเจน

“ใช่ ผมชอบกลิ่นคุกกี้”

อ่า...แถมคำตอบก็ทำให้รู้สึกว่าเขาไม่ได้เหมือนแค่แม่ผม แต่เหมือนผมด้วย

“บังเอิญจัง แม่ผมก็ทำคุกกี้ขาย”

“แม่คุณทำด้วยเหรอ? อย่าบอกนะว่าคุกกี้ที่ให้มาก็แม่คุณทำ”

“ใช่เลย”

พอผมตอบแบบนั้น ผมเห็นแววตาใต้เลนส์แว่นหงอยลงเล็กน้อยแต่ก็ยังยิ้มอยู่

“โห...ว่าจะบอกอยู่ คือมันอร่อยมากอะ ผมอายของตัวเองเลย ไว้คราวหน้าผมหาอย่างอื่นมาฝากแล้วกัน” ว่าพลางเก็บคุกกี้ในมือที่ยื่นอยู่กลับไป

โดยอัตโนมัติ ผมยื่นไปแย่งมาทันที จนมือเราสัมผัสกัน ตาสบประสาน

“คุณทำอะไรมาผมก็อยากกินทั้งนั้น”

พูดจบ ต่างคนต่างอึ้งชะงักไป แต่เหมือนว่าเขาเป็นฝ่ายรู้ตัวก่อน ค่อยๆ ถอนมือออกจากกล่องคุกกี้ให้ผมเป็นคนถือไว้ แล้วใช้มือข้างหนึ่งเกาหลังคอ ดูเก้กังเงอะงะ

“ดีใจจัง” เขาพูด พร้อมฉีกยิ้มที่ดูสวยที่สุด

ผมหน้าแดง

คราวนี้ไม่ใช่อับอาย แต่เขินอาย

พลางคิดว่าอินโทรเวิร์ตอย่างผมเริ่มไม่อยากแก่ตายคนเดียวแล้ว



**



เขาเรียนคณะวิทยาศาสตร์สาขาเคมี ส่วนผมเรียนคณะสาธารณสุข ดูเป็นสายวิทย์เหมือนกันน่าจะเข้ากันง่าย แต่เปล่า เรื่องที่ทำให้เราพูดคุยกันมากที่สุดในช่วงแรกๆ คือเรื่องการทำคุกกี้

เขาบอกว่าอยากทำคุกกี้ขายเป็นอาชีพ พร้อมกับหัวเราะสดใส

เราจึงแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องขนมเท่าที่มีให้กันและกันฟัง

เอาจริงก็น่าตลกเหมือนกันที่ผมและเขาจีบกันด้วยคุกกี้ แถมคุกกี้ต้นเรื่องก็เป็นคุกกี้ของแม่ที่ถูกพ่อทิ้งไปเพราะเป็นเกย์

อย่างไรก็ตาม แม้แต่ตอนที่เขาขอผมเป็นแฟน เขาก็ใช้คุกกี้ในการขอ

มันคือคุกกี้เสี่ยงทายที่มีข้อความอยู่ข้างใน พอหักตรงกลางของรูปทรงพระจันทร์เสี้ยว ผมก็พบกระดาษชิ้นเล็กอัดแน่นด้วยข้อความยาวๆ ว่า

‘อยากให้ช่วยชิมคุกกี้ของเราไปตลอดชีวิต’

“คุณเกลียดผมเหรอ?” ผมถามหลังจากได้อ่าน

“ฮะ?” เขาทำสีหน้างง

“ชิมไปตลอดชีวิตก็เบาหวานพอดี”

“อ้าว” เขาร้องงงๆ ยกมือขึ้นเกาหลังคอ “ถ้างั้น...”

“แต่ผมยอมนะ”

“ฮะ?” เขาทำสีหน้างงอีกครั้ง

“อยู่กับคุณให้เป็นอะไร...ก็ได้”

ในตอนแรกที่ตอบ ผมคิดว่ามั่นใจ แต่ที่เสียงแผ่วท้ายประโยคไม่ใช่เปลี่ยนใจ เป็นเพราะเพิ่งรู้สึกว่ามันเลี่ยนกว่าคุกกี้ที่เขาเอามาให้ชิมครั้งแรกเสียอีก

แต่ถ้ามันทำให้เขายิ้มสวยๆ ออกมาได้ ผมก็ดีใจ

เราเป็นแฟนกันหลังคุกกี้ชิ้นนั้น และพูดคุยกันหลากเรื่อง ราวกับได้คุยกันทุกเรื่องบนโลก

เราคุยถึงของที่ชอบ ของที่ไม่ชอบ ของที่เคยชอบและเลิกชอบ ของที่เคยไม่ชอบแต่ตอนนี้ชอบ เรื่องไร้สาระทั่วไป ไปจนถึงเรื่องสำคัญอย่างการอยู่ด้วยกันในอนาคต

พอพูดถึงเรื่องนี้ เขาพาผมไปเจอที่บ้านโดยไม่บอกกล่าวใครล่วงหน้า แน่นอนว่าอินโทรเวิร์ตอย่างผมเกร็งมาก แต่ครอบครัวของเขากลับดูเป็นกันเองมาก และทั้งที่เป็นครอบครัวใหญ่ อยู่กันหลายคนตั้งแต่ปู่ย่า ลุง พ่อแม่ พี่น้อง ผมกลับค่อยๆ คลายความอึดอัดลงทีละน้อยเพราะความขี้เล่นและยิ้มเก่งของคนในบ้าน

ผมรู้เลยว่าเขาได้รอยยิ้มสวยๆ มาจากไหน

“เขาเล่าเรื่องเราให้ฟังเยอะเลย”

ยิ่งผมได้ยินประโยคนี้จากหลายๆ คนในครอบครัวเขา ก็ทำให้ผมพลอยยิ้มไปด้วย

แต่พอคิดว่าแม่ของผมจะยอมรับได้อย่างนี้ไหม มุมปากของผมก็ลดระดับลง

ซึ่งในความเป็นจริง แม่ของผมไม่ได้เป็นปัญหาในความสัมพันธ์ของเรา

ตอนผมพาเขาไปบ้านครั้งแรก ผมตั้งใจพาไปในฐานะเพื่อน อยากให้แม่ค่อยๆ รู้จักเขาก่อน ซึ่งก็เป็นไปด้วยดีเพราะความหลงใหลในการทำขนมเหมือนกับแม่ จนแม่อยากจะบอกสูตรลับให้กับเขาตั้งแต่เจอกันครั้งแรกด้วยซ้ำ

นี่อาจเป็นอิทธิพลของมนุษย์เอ็กโทรเวิร์ตที่มีรอยยิ้มเจิดจ้าราวกับดวงอาทิตย์ก็ได้

แต่ทุกอย่างก็หยุดชะงักเหมือนเหยียบเบรกเมื่อเขาพูดสิ่งที่ไม่คาดคิด

“เดี๋ยวเรียนจบเราจะเช่าบ้านอยู่ด้วยกันนะครับแม่”

แม่หยุดมือที่กำลังปั๊มคุกกี้ เงยมองหน้าเขา ยิ้มน้อยๆ แต่ผมดูออกว่าเป็นยิ้มแกนๆ แล้วหันมาสบตาผม จ้องนิ่งอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่มือจะปั๊มคุกกี้ลงบนถาดต่อ แล้วละสายตาไปโดยไม่พูดอะไร

เหมือนกับที่แม่ไม่เคยพูดอะไรถึงพ่อเลย

เย็นวันนั้น หลังจากเราสามคน ผม เขา และแม่ กินข้าวเย็นด้วยกันด้วยความพยายามทำตัวเป็นธรรมชาติ ผมก็พูดกับเขาตอนที่ล้างจานด้วยกัน 2 คนในครัว

“ทำไมทำอะไรไม่ปรึกษาก่อน” ผมถามเขา ขณะส่งจานที่ล้างน้ำยาให้เขาล้างต่อ

“เรื่องอะไร” เขารับจานพลางถาม

“ก็ที่บอกแม่แบบนั้น และก็ที่เราจะเช่าบ้านอยู่ด้วยกันหลังเรียนจบ”

“แล้วไม่อยากเช่าอยู่ด้วยกันเหรอ” เขาถามกลับ หันมายิ้ม

“ประเด็นไม่ใช่ตรงนั้น”

“เอาน่า ก็ถือว่ารู้แล้วไง” เขายิ้มกว้าง “นี่ผมคิดแล้วนะว่าอยากปลูกต้นไม้อะไรในบ้านบ้าง”

“พอเลย...”

ผมว่า เขาหัวเราะ

สุดท้ายเมื่อเราเรียนจบก็เช่าบ้านอยู่ด้วยกันตามแผนที่เขาวางไว้จริงๆ



**



ออฟไลน์ แยมส้มขมคอ

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +136/-2
เรายังคงคุยกันได้ทุกเรื่องเหมือนเดิมแม้แต่เรื่องหยุมหยิมอย่างถกเถียงกันว่าวันนี้ฝนจะตกไหม จมูกผมที่ได้กลิ่นก่อนฝนตก กับการสังเกตก้อนเมฆของเขา อันไหนจะแม่นกว่ากัน ไปจนถึงเรื่องความฝันที่สำคัญในชีวิต

“ที่เลือกเรียนเคมีก็แค่อยากเรียนสิ่งที่หาเรียนนอกห้องเรียนไม่ได้น่ะ อย่างทุกคุกกี้ลองผิดลองถูกเอาเองก็ถูไถได้อยู่ แต่เคมีเนี่ย ศึกษาเองคงไม่เวิร์ค ต้องมีคนสอนคนติว แล้วก็มีห้องแล็บด้วย”

“แล้วทำไมต้องเคมีอะ ในเมื่อเรียนเฉพาะทางอย่างอื่นแบบพวกเภสัช หมอ วิศวะ ก็ได้นี่”

“อ๋อ การทดลองทางเคมีเหมือนการทำขนมจะตายไป ใส่ส่วนผสมพลาดนิดเดียวนะ...บึ้ม!!”

“โอ๊ย! ตกใจหมด”

“ฮ่าๆๆ” เขาหัวเราะ เผยรอยยิ้มที่เห็นฟันขาวเรียงสวยเป็นระเบียบ


“หัวเราะเก่งไปไหมคุณ” ผมแกล้งแซวด้วยท่าทีเซ็งๆ แต่เขาก็รู้ว่าผมไม่ได้จริงจังอะไร “แต่คุณดีนะ ความฝันและเป้าหมายชัดเจนมาก ดูอย่างผมตอนนี้ หนีจากโรงงานมาได้ก็ต้องทำงานในโรงพยาบาลแบบแค่ทำให้ผ่านไปวันๆ เท่านั้นเอง ชื่อตำแหน่งนักวิชาการ แต่ขลุกอยู่แค่กับงานเอกสารอะ ไร้ฝันมาก อันที่จริงผมก็ไม่มีความฝันชัดเจนแต่แรกล่ะนะ”

“ใครว่าคุณไม่มีความฝัน ฝันของคุณคือการได้อ่านหนังสืออยู่บ้านท่ามกลางกลิ่นหอมของคุกกี้รสเนยในเตาอบไม่ใช่เหรอ”

“นั่นมัน...เรียกว่าความฝันได้เหรอ เล็กน้อยมากเลยนะ”

“จะเล็กน้อยแค่ไหนก็เป็นความฝันหมดแหละ หรือต่อให้ไม่มีความฝันเลยก็ไม่เห็นเป็นไร”

เขาพูดพร้อมกับยิ้ม ทั้งที่ปกติแล้วรอยยิ้มของเขาดูสดใสเจิดจ้าราวกับพระอาทิตย์ แต่ตอนนี้ดูอบอุ่นละมุนละไม

ผมไม่แปลกใจเลยที่ผมรักคนคนนี้

ในตอนนั้นผมคิดแบบนั้น

ความเป็นจริงแล้วรอยยิ้มเจิดจ้าซ่อนจุดกระดำกระด่างไม่ต่างจากดวงอาทิตย์เลย

ที่เราคิดว่าคุยกันได้ทุกเรื่อง จริงๆ แล้วไม่

ความจริงจุดเล็กๆ จุดนี้ผมน่าจะเห็นได้ตั้งแต่เขานึกจะพูดอะไรก็พูดกับแม่ผมแล้ว

ที่ว่าเราเช่าบ้านอยู่ด้วยกันหลังเรียนจบ ผมมารู้ตัวว่าเขาเลือกเช่าบ้านหลังไหนก็ตอนที่เขาพาผมไปดูแล้ว ที่เลือกเผื่อความต้องการของผมก็แค่ใกล้โรงพยาบาลที่ทำงานของผมเท่านั้น

ตอนผมทักท้วง เขายิ้ม หัวเราะสดใสแล้วบอกว่าเป็นเซอร์ไพรส์ไง พอผมบอกว่าไม่ชอบที่ไม่คุยกันก่อน เขาก็เงียบไป

ตอนซื้อเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ทีวี พัดลมแอร์ โคมไฟ เขาก็บอกแค่ว่าเขาไม่ได้ทำงานประจำ เวลาว่างเยอะกว่าเลยซื้อให้เลย พอผมทักท้วงว่าไม่ชอบที่ทำแบบนี้ เขาก็เงียบ

ตอนที่เขาทำคุกกี้เสร็จแล้วไม่ยอมเก็บล้างอุปกรณ์ในวันเดียวกัน ชอบปล่อยข้ามคืนจนบ้านมีแมลงสาบมาเยือน เขาก็หัวเราะแล้วบอกว่าเดี๋ยวจัดการให้ พอผมบอกว่าจะดีกว่าไหมถ้าไม่มีแต่แรก เขาก็เงียบ

ตอนที่ผมถามว่าทำไมไม่ครีเอกคุกกี้รสอื่นนอกจากรสเนยบ้างเพราะยอดขายเริ่มตกแล้ว เขาก็เงียบ

รวมถึงปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ต่างๆ ที่ผมไม่พอใจ เขาก็เงียบ

เงียบเหมือนที่แม่ไม่เคยพูดถึงเรื่องพ่อ ไม่เคยพูดถึงเรื่องที่ผมเป็นเกย์

ผมว่ามันเป็นความเงียบแบบเดียวกัน

ความเงียบที่ทำให้เราไม่รู้จักกัน

จนกระทั่งวันที่ผมเจอมรสุมในการทำงาน ผมทำเอกสารสำคัญผิดพลาดจนกระทบทุกหน่วยงานในโรงพยาบาล โดนหัวหน้าด่าแบบสาดเสียเทเสีย พอเลิกงานผมตั้งใจกลับไปนอนพักที่โซฟาสักงีบ แต่เข้าบ้านไปหยิบน้ำจากตู้เย็นในครัวออกมาดื่มก็พบซากถาดจานชามที่ใช้ทำคุกกี้วางกองไว้เหมือนเดิมตั้งแต่เมื่อคืน ไม่รู้ว่าคนทำหายไปไหน แต่ผมเหนื่อยจนขี้เกียจโทรตามหรือล้างจานให้ จึงเดินไปนอนพักที่โซฟาตามที่ตั้งใจ

ความเงียบและลมเย็นจากพัดลมแอร์ทำให้ผมผ่อนคลายใกล้เคลิ้มหลับ แต่แล้วก็รู้สึกถึงอะไรยุกๆ ยิกๆ อยู่บนใบหน้า

มันเป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่กำลังเดิน...

ผมลืมตาโพลงทันที แล้วก็ได้เห็นสิ่งที่ไม่อยากเห็น เส้นยาวๆ สองเส้นขยับอยู่ในระยะสายตา ทำให้แม้ไม่ต้องเห็นตัวสิ่งที่เกาะแก้มอยู่ก็รู้ว่าคืออะไร

แมลงสาบ

ผมร้องลั่นบ้าน มือปัดสิ่งที่ผมเกลียดสุดชีวิตออกโดยอัตโนมัติ แต่มันทำให้แมลงสาบกางปีกบิน ผมร้องเสียงหลงยิ่งกว่าเดิมและลนลานหนักจนตกโซฟา

“คุณ! ใจเย็น!”

เสียงของเขาดังขึ้นพร้อมกับมือที่เข้ามาจับไหล่ผมไว้ ผมตกใจจนไม่รู้ว่าเขาเข้าบ้านมาตอนไหน

“เพราะมึงนั่นแหละ!”

ผมโมโหมากจนยั้งไม่อยู่ ถึงขั้นขึ้นมึงขึ้นกู ตะโกนใส่หน้าเขาอย่างที่ไม่เคยทำ ผมเห็นเขาอึ้งไป แต่ก็พยายามกู้สถานการณ์

“เดี๋ยวผมตีมันให้”

“ไม่ต้องแล้ว! เดี๋ยวกูออกไปเอง! บอกกี่รอบแล้วว่าเกลียดแมลงสาบ ยังจะปล่อยให้บ้านสกปรกอีก”

“คุณ... ใจเย็น พูดกันดีๆ ก่อน” เขาพยายามดึงรั้งที่ผมดึงดันจะลุกหนี

“พูดเหรอ?” ผมมองหน้าเขา รู้สึกตอนนั้นเองว่ากลัว โกรธและโมโหจนน้ำตานองหน้าเพราะมองหน้าเขาได้ไม่ชัด “ที่ผ่านมากูพูดอะไรไปมึงก็เอาแต่เงียบหนี เงียบๆๆ เงียบจนไม่สนใจฟังด้วยซ้ำว่ากูเกลียดแมลงสาบแค่ไหน”

“ผมรู้ว่าคุณเกลียดแมลงสาบ”

“ไม่! มึงไม่รู้หรอกว่ากูเกลียดมันถึงขนาดยอมตายถ้าต้องอยู่ร่วมกับมัน เพราะอะไรรู้ไหม?! เพราะตอนเด็กๆ พ่อกูฉีดยาฆ่าแมลงลงท่อน้ำ แล้วฝูงแมลงสาบ...ฝูงแมลงสาบแม่งบินขึ้นมา เกาะตัวกูเต็มไปหมด ตอนนั้นพ่อกูก็ร้องลั่น ไม่ใช่เพราะห่วงกู แต่เขาก็กลัวแล้ววิ่งหนีออกจากบ้านไป ทิ้งกูไว้อะ กูที่ตอนนั้นยังไม่ถึง 5 ขวบด้วยซ้ำ!”

ผมไม่รู้ว่าเขาทำสีหน้ายังไงอยู่ เพราะภาพยังพร่าเลือนด้วยน้ำตา แต่เขายังเงียบ ผมจึงยิ่งโมโห

“ทุกครั้งที่เห็นแมลงสาบ ความทรงจำแย่ๆ ก็ผุดขึ้นมา มันไม่ใช่แค่แมลงสาบ มันหมายถึงพ่อกูด้วย! พ่อที่แม่ไม่เคยพูดถึงเลย กูอยากให้แม่พูดถึงเขาบ้าง จะข้อดีหรือข้อเสียอะไรก็ได้ เพราะสิ่งเดียวที่กูจำเขาได้คือเรื่องแมลงสาบ!”

พอพูดถึงตรงนี้ผมปล่อยโฮออกมา ผมสัมผัสได้ถึงอ้อมกอดของเขาที่พยายามกอดปลอบใจ ทั้งลูบหัวและลูบหลังจนผมเริ่มจะเย็นลง

“คุณไม่เคยบอกผมเลย...”

แต่แล้ว...อารมณ์ของผมก็พุ่งปรี๊ดขึ้นมาอีกรอบ

“แล้วมึงเคยฟังกู คุยกับกูเหรอ?” ผมถาม ผละจากอ้อมกอดเขา “พอกูจะเคลียร์ปัญหา มึงเอาแต่หนี เอาแต่เงียบ ทุกเรื่องเลย ตั้งแต่เล็กไปจนถึงใหญ่ ทำไมวะ ไอ้เรื่องที่ทำอะไรโดยไม่บอกนี่ก็ที่สุดเลยว่ะ คิดว่าสิ่งที่ทำอะดีแล้วจริงเหรอ ทำโดยไม่ปรึกษาเนี่ย คิดว่ากูจะพอใจใช่ไหม แต่สุดท้ายก็เห็นตลอดนี่ว่ากูไม่พอใจ พอกูพูด มึงก็เงียบ มึงก็หนี วิธีแก้ปัญหาของมึงแม่ง...โคตรทำร้ายกูเลยว่ะ หรือว่าจริงๆ แล้วมึงรับไม่ได้ที่สิ่งที่มึงทำน่ะมันแย่ มันห่วย แล้วมึงก็อ่อนแอเกินกว่าจะรับฟัง มึงแม่งห่วยว่ะ ห่วยกระทั่งคุกกี้ที่มึงทำนั่นแหละ!”

ผมตะโกนใส่หน้าเขาราวสำรอกความไม่พอใจตลอดระยะเวลาหลายปีออกมา เหมือนเดิมที่ผมไม่เห็นสีหน้าเขา แต่เขาไม่ได้เงียบอีกต่อไป

“ถ้าผมแย่ขนาดนั้น ผมก็จะไม่อยู่ให้คุณเสียใจแล้วกัน”

ผมเดาอารมณ์ในน้ำเสียงเขาไม่ออก แต่เห็นว่าเขาลุกออกไปจากที่เรานั่งกองกันอยู่ที่พื้นหน้าโซฟา ผมจึงยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกให้เห็นชัดๆ

เขาเดินออกไปจริงๆ โดยไม่หันหลังกลับ

“เออ ไปได้ก็ดี”

ผมพูดไล่หลัง จะได้ยินหรือไม่ได้ยินผมไม่ใส่ใจ และหลังจากเขาเดินออกไปแล้ว ผมมองหาว่าแมลงสาบที่กระตุ้นให้ผมระเบิดอารมณ์นั้นอยู่ไหนจะได้หลีกเลี่ยง แต่ผมก็ไม่เห็นตัวมันอีก

ถึงจะไม่เห็น แต่ผมก็ตัดสินใจเดินออกจากบ้านเพราะไม่อยากอยู่ร่วมกับแมลงสาบ ผมอาจจะไปค้างที่อื่นสักสองสามวันแล้วค่อยกลับมา ป่านนั้นเขาคงกลับมาล้างอุปกรณ์ทำขนมให้สะอาดเรียบร้อยแล้ว และแมลงสาบก็คงหายไปแล้ว

ผมคิดแบบนั้น โดยที่ไม่รู้ว่าเขาจะไม่กลับมาที่บ้านหลังนี้อีกเลย



**



สองเดือนหลังจากที่เราเลิกกันโดยไม่มีคำบอกเลิก ผมย้ายออกจากบ้านเช่ากลับมาอยู่บ้าน ในเมื่อพยายามติดต่อเขาแล้วไม่เป็นผล ยิ่งรู้ข่าวจากเพื่อนเขาว่าเขาสบายดี เขาแค่ไม่กลับมา ผมเลยยิ่งทำตามอำเภอใจ ในเมื่อเขาทิ้งทุกสิ่งไม่กลับมาเอา ผมจึงทิ้งข้าวของเขาหมด ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ตุ๊กตา ครีม ที่ชาร์ตแบต จานชาม อื่นๆ อีกสารพัดตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน ยกเว้นก็แต่อุปกรณ์ทำขนมอย่างเตาอบ เครื่องตีแป้ง ถาด จานชามทั้งหลาย ผมเอากลับบ้านเพื่อให้แม่ใช้งาน เหมือนเดิมที่แม่รับไปโดยไม่พูดอะไร ผมก็ไม่พูดอะไร

การกลับมาบ้านคือการใช้ชีวิตแบบวันๆ ตื่นเช้าไปทำงาน เย็นเลิกงานกินข้าวนอกบ้านบ้าง ในบ้านบ้าง หมกตัวไม่สุงสิงกับใคร ไถมือถือดูฟีดขาว ง่วงก็นอนให้จบไปอีกวัน

เสาร์อาทิตย์ไหนที่แม่ไปบ้านแฟนก็จะไม่มีกลิ่นคุกกี้ที่บ้าน แต่ถ้าแม่อยู่ กลิ่นหอมของคุกกี้จะอบอวบไปทั่ว

แล้ววันหนึ่งแม่ที่เงียบเรื่องสำคัญมาตลอดก็พูดขึ้นมา

“ลูกไม่เคยบอกแม่เลยนะว่าชอบกลิ่นตอนอบคุกกี้รสเนยที่สุด”

“แล้ว...แม่รู้ได้ไง”

“เขาบอกแม่”

“เขานี่ใคร”

“จะใครซะอีก ก็แฟนลูกไง”

คำพูดของแม่ทำให้ใจที่ไม่อ้วนท้วนของผมรู้สึกสะอึกหลายประเด็น

ประเด็นแรก แม่ยอมรับได้ว่าผมชอบผู้ชายจากปากแม่เอง

ประเด็นที่สอง เขา...ที่เอาแต่ทำคุกกี้รสเนย

ไม่หรอก มันคงไม่ใช่เหตุผลงี่เง่าแบบนี้ที่ทำให้เขาทำแต่คุกกี้รสเนย

“ผมเลิกกับเขาไปแล้ว”

ผมเอ่ยบอก หนีกลิ่นคุกกี้รสเนยที่ชื่นชอบขึ้นห้องไป

ผมใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่นโดยไม่มีเขา และมันคงเป็นอย่างนี้ไปได้เรื่อยๆ จนผมตายอย่างที่เคยคิดไว้ว่าอินโทรเวิร์ตอย่างผมแก่ตายคนเดียวก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร

แต่ปัญหาก็เกิดขึ้นเร็วกว่าที่คิด เมื่อแฟนของแม่อาหารเป็นพิษอย่างหนักจนต้องแอดมิท ทำให้แม่ผละจากครัวที่กำลังอบคุกกี้อยู่ ผมเองเลิกงานก็รีบไปเยี่ยมเช่นกัน พบว่าอาการเขาทรงตัว เหลือแค่รอให้ดีขึ้น ผมก็โล่งใจ แต่แม่ขอนอนเฝ้าแล้วไล่ผมให้กลับบ้าน

ผมทำตามที่แม่บอกเพื่อมาเก็บบ้านให้เรียบร้อย ตอนที่เปิดไฟห้องครัวก็เห็นว่าจานชามที่ใช้ทำคุกกี้กองพะเนินที่ซิงค์ล้าง ผมถอนหายใจเล็กน้อย แล้วเอื้อมมือไปหยิบฟองน้ำขึ้นมาเพื่อเริ่มทำความสะอาด

แต่พลันก็ต้องร้องลั่นบ้าน ฟองน้ำกระเด็นหลุดมือไปไกล เมื่อผมเห็นแมลงสาบตัวหนึ่งเดินขึ้นมาจากซิงค์ ไต่บนกำแพงแล้วยืนนิ่ง ขยับแค่นวดสองข้างไปมาเหมือนชั่งใจว่าผมเป็นอันตรายต่อมันหรือเปล่า

แน่นอนว่าไม่

แค่ผมได้เห็นมัน ใจก็กระตุกวูบ ความทรงจำอันเลวร้ายตอนเด็กผุดขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มีความทรงจำอื่นแทรกกลบเข้ามาจนผมได้แต่ยืนนิ่ง และน้ำตาเริ่มคลอ

ภาพของเขาที่หันมายิ้มแย้มหลังใช้ม้วนกระดาษตีแมลงสาบตายแวบเข้ามาในหัว ตามด้วยภาพของเขาที่พนมมือขอขมาชีวิตที่คร่าไป

ผมเคยคิดว่าฉากนั้นที่ทำให้ผมใจเต้นแม่งโคตรบ้าบอ โดยไม่เคยคิดว่าจะเจอสิ่งที่บ้าบอกว่า เพราะตอนนี้ผมเห็นแมลงสาบแล้วร้องไห้ ไม่ใช่เพราะกลัวแต่คิดถึงเขาที่เคยมาตีมันให้

ผมรีบเดินหนีออกจากครัว เป็นครั้งแรกที่ผมไม่ได้วิ่งหนีแมลงสาบทันทีที่เห็น มองกลับไปก็เห็นสิ่งมีชีวิตสีดำยังอยู่ที่เดิม เหนือซิงค์ล้างจานที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ทำคุกกี้

ส่วนใหญ่เป็นของเขา

ผมยิ่งน้ำตาแตก เพราะใจผมปิดซ่อนมันไม่ไหวอีกแล้ว มันเป็นสิ่งเดียวที่ผมไม่กล้าทิ้ง ไม่ใช่เพราะเสียดายเลยเอามาให้แม่ใช้หรอก

ผมอยากขอโทษเขาที่บอกว่าคุกกี้ของเขามันห่วย ทั้งที่คุกกี้รสเนยของเขาอร่อยกว่าคุกกี้รสเนยของแม่ด้วยซ้ำไป

ผมอยากบอกว่าขอบคุณที่ทำสิ่งต่างๆ ให้ด้วยความหวังดี ถึงจะบกพร่องตรงที่ไม่เคยปรึกษากันก่อนก็ตาม

เอาจริงข้อบกพร่องเหล่านั้น ทั้งไม่ปรึกษากันก่อน ทั้งชอบเงียบชอบหนีปัญหา นึกขึ้นมาทีไรก็ยังโกรธ แต่มันเป็นความโกรธ...ที่อยากจะเคลียร์กันให้หายโกรธ

เพราะผมไม่ชอบในส่วนนั้นของเขา แต่ตอนนั้นผมทำอะไรไม่ได้ เคลียร์ก็ไม่ได้ ผมจึงพยายามเข้าใจในสิ่งที่เขาเป็น แล้วมันก็กลับกลายเป็นว่าเขาดูเป็นคนอ่อนแอไม่ได้เรื่อง เพราะมันทำให้ผมคิดว่าผมได้เข้าใจความคิดความรู้สึกเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง และได้รู้จักเขาในส่วนที่เขาไม่ยอมให้ผมรู้จัก

ซึ่งความจริงอาจไม่ใช่เลย

ผมไม่รู้หรอกว่าผมเข้าใจเขาผิดหรือถูก รู้แค่ว่าผมมองเขาในแง่ที่เลวร้ายไปแล้ว

ขณะเดียวกันผมก็คิดว่าผมมีสิทธิ์ที่จะมองแบบนั้นเพราะเขาทำให้ผมเจ็บปวด

ไม่มีทางลงให้ความรู้สึกเหล่านี้เลย

แต่คิดไปก็ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อเขาไม่กลับมาแล้ว

ผมมองกลับไปที่ครัวอีกครั้ง ข้าวของของเขายังอยู่เหมือนเดิมชวนให้ใจสลาย แต่สิ่งที่กระตุกใจได้ดีกว่าก็คือ...แมลงสาบหายตัวไปแล้ว

หมดซีนอารมณ์ทันที เพราะไม่รู้ว่ามันจะโผล่มาอีกทีตรงไหน เมื่อไหร่ ผมตัดสินใจหยิบกระเป๋าเงินและกุญแจบ้านเพื่อออกจากบ้านทันที แต่ก็ได้เห็นว่ามีแขกคนหนึ่งยืนลังเลหน้าประตูรั้วบ้านตอนค่ำคืนว่าจะกดกริ่งดีไหม

แขกคนนั้นใส่เสื้อเชิ้ตฮาวายแขนสั้น กางเกงยีนส์ รองเท้าผ้าใบ คิ้วเข้มรับแว่นทรงหยดน้ำ และเรือนผมหยักศกยังดูยุ่งนิดๆ เหมือนเดิม

แขกคนนั้นคือ ‘เขา’

ตุบ!

แล้วจังหวะนรกก็เกิดขึ้นเมื่อกุญแจในมือหล่นพื้น เป็นตัวแทนเสียงหัวใจของผมที่หล่นไปที่ตาตุ่ม

เขาหันมามองทันที เราสบประสานสายตากันชั่วครู่

“คุณ” แล้วเสียงนุ่มทุ้มของเขาก็เอ่ยเรียกผม

“มา...มาเอาของเหรอ” ผมถาม ตะกุกตะกัก ทั้งที่เมื่อครู่คิดคำพูดไว้เต็มหัวสมองไปหมด

เขาส่ายหัวปฏิเสธ

“มาหาคุณน่ะแหละ”

ใจผมเต้นระรัวพร้อมรวดร้าวเมื่อได้ยิน

“ผม...ว่าเราควรทำความรู้จักกันใหม่”

“ทำไมล่ะ...” ผมถาม

“ที่ผ่านมา เราคบกันมาก็หลายปี แต่จริงๆ แล้วเราสองคนยังไม่รู้จักกันจริงๆ เลย คุณ...ยังอยากรู้จักผมไหม ผมอยากรู้จักคุณนะ”

น่าแปลก ทั้งที่ไม่มีแม้แต่คำขอบคุณ ขอโทษ เสียใจ แต่สิ่งที่เขาพูดดูเป็นสิ่งที่ลงที่ตัวสุดสำหรับความสัมพันธ์ของเราตอนนี้

ผมไม่ตอบเขาทันที ก้มลงหยิบกุญแจที่พื้นขึ้นแล้วเดินไปที่ประตูรั้วบ้าน

ทุกย่างก้าวเหมือนจังหวะเต้นหนักหนืดของหัวใจ

ในที่สุดผมยื่นกุญแจบ้านให้เขา บ่งบอกให้เขาไขเข้ามาเอง แล้วพูดสิ่งที่ไม่ใช่คำตอบแต่ทำให้เขายิ้มกว้างเผยฟันขาวเรียงเป็นระเบียบ

รอยยิ้มที่งดงามเพราะเปรียบดั่งดวงอาทิตย์ที่เจิดจ้าแต่ก็มีจุดกระดำกระด่างในตัวมันเอง

“มีแมลงสาบอยู่ในบ้าน คุณเข้าไปจัดการให้หน่อยสิครับ”








*********************************************
สวัสดีค่ะ ขอบคุณที่อ่านเรื่องสั้นแมลงสาบๆ นี้จนจบนะคะ 555
ใครชอบคอมเม้นติชมได้นะคะ หรือ...
#เห็นแมลงสาบแล้วคิดถึงเขา

ใช้เป็นแท็กในทวิตก็ได้ค่ะถ้าไม่สะดวกเม้น

ขอบคุณทุกคนนะคะ :mew1:


ปล. พลาดตรงกลิ่นคุกกี้นิดหน่อย เพราะแทบทุกรสมันเบสกลิ่นเนยอยู่แล้วนี่นะ หยวนๆ ไปแล้วกันนะคะ แง

ออฟไลน์ oddly

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
โอ๊ย เหมือนนั่งรถไฟเหาะมากเลยครับ บอกเลยว่าอ่านไปก็หายใจไม่ทั่วท้องไป ยิ่งตอนที่ทะเลาะกันแล้ว (เพิ่งนึกออกว่าคุณคนเขียนไม่ได้ให้ชื่อตัวเอกไว้นี่นา หรือตั้งใจจะเล่นกับที่บอกว่าทั้งสองคนยังไม่รู้จักกันจริงๆนะครับ ฮ่าๆๆ ออกนอกเรื่องไปใหญ่แล้ว) คุณอินโทรเวิร์ตถึงกับขึ้นคำหยาบใส่คุณเอ็กโทรเวิร์ต โอโห ตอนนั้นคือใจหายวาบเลย

ดีใจที่เรื่องจบแบบนี้ คิดถึงคุณคนเขียนเสมอเลยครับ รออ่านผลงานใหม่อยู่นะครับ

ออฟไลน์ mister

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
    • https://www.facebook.com/JJSonkFanclub
น่ารักดี เป็นเรื่องสั้นที่จะอยู่ในใจอันดัยต้นๆเลย :impress2:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
โง้ยยยยเรื่องดีมากเบยค่า อินมมก เราอ่านแบบค่อยๆซึมซับอารมณ์ของตัวละครทีละนิด คิดว่าจะมาสายตลกเอาฮาเสียแล้ว ที่แท้มีหลายอารมรมาก เขียนดีมากเลยค่า

ออฟไลน์ TheDoungJan

  • ขอบคุณนักเขียนที่คนที่สร้างทุกตัวละครขึ้นมานะคะ(♡˙︶˙♡)
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 682
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
กลัวจบเศร้ามากค่ะ ตอนที่อ่านคือกำลังอยู่บนรถไฟ แล้วเพื่อนสะกิดให้ไปดูแมลงสาบ ถึงกับหลุดขำออกมาเลย :กอด1:

ออฟไลน์ GDNEE

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 45
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เศร้าจังเลยค่ะ แต่ก็น่ารักมากเลยค่ะ  :hao5:

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ latte_cream

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ประทับใจมากเลยค่ะ อ่านแล้วชอบการเขียนแนวนี้
ดีที่อีกคนยังกลับมาสร้างโอกาสเรียนรู้กันใหม่เน้อ

ออฟไลน์ StarPasO

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 101
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชอบมาก การที่ค่อยๆไต่ระดับอารมณ์ไปเรื่อยๆ แล้วค่อยมาเผยปมที่ผูกไว้มันทำให้แบบ อ่านแล้วไม่มีอะไรค้างคา อินตามมากกก ชอบตั้งแต่ชื่อเรื่องแล้ว ดีใจที่เขากลับมาคุยกัน ทำเอาอยากให้มีต่อเลย  :katai1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด