[omegaverse] ------Ai cherish you.----- #คุณขอแค่รัก ----อัพบท2 14/3/63
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [omegaverse] ------Ai cherish you.----- #คุณขอแค่รัก ----อัพบท2 14/3/63  (อ่าน 4821 ครั้ง)

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 


Omegaverse

Ai cherish you.

#คุณขอแค่รัก

แนวโรแมนติกดราม่า

สารบัญ
บทนำ
ตอนที่1



 :katai2-1: :katai2-1:
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-03-2020 15:30:48 โดย ็Hollyk »

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
Ai cherish you.

#คุณขอแค่รัก

บทนำ









“สง่างามจริง ๆ เห็นทีไรฉันก็ซึ้งจนน้ำตาไหล” มาเรียน่าพูดพร้อมกับยกชายผ้ากันเปื้อนที่สวมอยู่ขึ้นซับน้ำตาที่ซึมออกมาเพราะความปลาบปลื้มใจ ทอดสายตาดูพระราชพิธีเฉลิมฉลองราชสมบัติครบรอบสามสิบปีของพระเจ้าอิลิธาดอร์เดอะเกรทที่สามในโทรทัศน์อย่างชื่นชม “ดูสิเฌอรีล รูปโฉมท่านงดงามจริง ๆ”

“ใช้คำราชาศัพท์ผิดนะ” ชายหนุ่มรูปร่างสะโอดสะองสวมแว่นตาอันใหญ่ปิดบังใบหน้าเล็ก ๆ พูดขึ้นเนิบ ๆ สายตายังกวาดดูตัวอักษรในหนังสือที่ถืออยู่ “ระวังไว้เถอะ”

“เอ..ก็ฉันแค่อยากชื่นชมบารมีท่านนี่นา” แม่บ้านของหอพักราคาย่อมเยาพูด ตวัดตามองเหมือนค้อนมายังนักศึกษาปริญญาเอกที่ใกล้จะจบอยู่ร่อมร่อ “เอาแต่ท่องหนังสือทั้งวัน ไม่เหนื่อยบ้างหรือไงนะเฌอรีล เป็นโลเทียจะเรียนสูงไปทำไมนักหนา เรียนเท่าไหร่ก็ไม่ได้เป็นเจ้าคนนายคนกับเค้าหรอก สู้เอาเวลาไปหาสามีอิลิเธียดี ๆ สักคนยังดีกว่า”

เฌอรีลเบ้ปาก

“ทำไมฉันจะต้องหาอิลิเธียมาเป็นสามีด้วย คนอย่างฉันพึ่งตัวเองได้อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีอิลิเธีย”

“พูดน่ะพูดได้หรอก แต่ไม่มีใครหนีสัญชาตญาณตามสายเลือดพ้น ชีวิตของเราถูกกำหนดเส้นทางเดินมาแล้วผ่านสายเลือดชาติกำเนิดของเรายังไงล่ะ” มาเรียน่าพูด อันที่จริงเธอถกเรื่องนี้กับเขามาหลายรอบจนเอือมแล้ว “ช่างเถอะ...พูดไปเธอก็คงไม่เข้าใจ เอาเวลาไปอ่านตำราของเธอต่อเถอะนะ ฉันจะรอดูว่าดอกเตอร์โลเทียอย่างเธอจะได้ทำงานในตำแหน่งอะไร อาจจะดีกว่าแม่บ้านอย่างฉันหน่อยนึงล่ะมั้ง”

เฌอรีลพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ โบกมือไล่อีกฝ่ายออกไปจากห้องพักเล็ก ๆ ของเขา กลับมาเพ่งสมาธิอยู่กับธีสิสที่ใกล้จะเสร็จสิ้น อีกไม่นานเขาก็จะได้มีคำว่า ดอกเตอร์ นำหน้าสมใจ

ลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วเดินสามก้าวก็ถึงตู้เย็น ในห้องเล็ก ๆ แคบ ๆ เท่ารูหนูนี้เดินวนสิบก้าวก็ครบทั่วห้อง เขาจำใจต้องเช่าอยู่ที่นี่เพราะมันใกล้มหาวิทยาลัยมากที่สุด และเป็นที่เดียวที่ยอมให้โลเธียเข้าพักอาศัยได้โดยไม่คิดเงินเพิ่ม

ถึงแม้ว่าประเทศอิลิธาเนียจะเปิดกว้างมากแล้วสำหรับชนชั้นโลเธีย แต่อย่างไรก็ตาม...ปฏิเสธไม่ได้ว่าโลเธียยังถูกกีดกันบางอย่าง คล้ายกำแพงของคำว่าจารีตประเพณีที่สืบต่อกันมาทำให้โลเธียไม่สามารถก้าวข้ามกำแพงชนชั้นที่ต่ำต้อยที่สุดในอิลิธาเนียได้ ต่อให้หน้าตาดี เรียนเก่ง นิสัยน่ารัก ทำงานดีมากแค่ไหนก็ตาม

โลกของเราเป็นอย่างนั้น เราถูกกำหนดบทบาทหน้าที่มาแล้ว ...อาจารย์ของเฌอรีลพร่ำบอกเรื่องนี้เสมอในห้องเลคเชอร์ คนที่เกิดมาในชนชั้นอิลิเธีย ถือว่าเป็นคนมีบุญมาตั้งแต่ชาติปางก่อน มีสายเลือดสีทองบริสุทธิ์ดุจทองคำ เกิดมาในชนชั้นปกครองฐานะร่ำรวยสูงศักดิ์อย่างเช่นพระเจ้าอิลิธาดอร์เดอะเกรทที่สามและเหล่าเชื้อพระวงศ์นั่น หรือจะเป็นนายกรัฐมนตรีฟิเลอานั่นก็ใช่ ขณะที่ชนชั้นบีเธียเป็นประชาชนคนธรรมดาทั่วไปแต่ถ้ามีความสามารถก็สามารถก่อร่างสร้างตัวพาฐานะของตนเองขึ้นมาถึงขั้นเศรษฐีที่ใครต่อใครนับหน้าถือตาได้

ส่วนชนชั้นโลเธีย ชนชั้นที่เกิดจากสายเลือดสกปรก จากอิลิเธียที่ใฝ่ต่ำไม่รักดีหรือบีเธียที่หลงงมงายกับมารยาของโลเธีย ทำให้สายเลือดบริสุทธิ์ต้องแปดเปื้อนความผิดบาปของโลเธีย ลูกที่เกิดจากอิลิเธียกับโลเธียมีฐานะต่ำกว่าลูกที่เกิดจากโลเธียกับโลเธียด้วยกันเองเสียอีก

ชาวอิลิธาเนียนยอมให้โลเธียเรียนหนังสือได้ ทำงานได้ แต่อย่าหวังว่าจะก้าวหน้าเหมือนอิลิเธียหรือบีเธียเลยนะ...แค่ได้เงินเดือนก็ควรพอใจแล้ว แต่ก่อนโลเธียทำงานแลกที่อยู่กับเสื้อผ้าข้าวปลาอาหารด้วยซ้ำ...

“นึกว่าจะมาไม่ทันเสียแล้วเฌอรีล กำลังรออยู่เลย” บาลีน่าทักเขาเสียงใส เฌอรีลส่งยิ้มให้เธอ ยกมือขึ้นดันแว่นกลับขึ้นไปบนดั้งจมูก

“รีบวิ่งมาเลยล่ะ โปรเฟสเซอร์ยังอยู่ใช่มั้ย”

“อยู่ ๆ แต่รอก่อนนะ มีแขกมาหาน่ะ”

“โอเค”

เฌอรีลนั่งรออยู่ข้างหน้าห้องนั้นพักใหญ่ก่อนที่ประตูห้องจะเปิดออก ร่างสูงใหญ่ของคน ๆ หนึ่งสวมเสื้อคลุมสีเข้มมิดชิดมองเห็นแค่ผิวขาวจัดแวบเดียวเดินผ่านหน้าเขาไปอย่างรวดเร็ว เฌอรีลมองตามหลังแล้วก็หมดความสนใจเพียงแค่นั้น เขารีบเข้าไปหาอาจารย์ในห้องทันที

โปรเฟสเซอร์โมฮาดูเหนื่อยอ่อนตอนที่เขาเดินเข้าไปหา ชายวัยกลางคนใกล้เกษียณส่งยิ้มให้เขาบาง ๆ ผายมือให้เฌอรีลนั่งบนเก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่

“เฌอรีล ฉันกำลังรออยู่เลย ได้อ่านที่เธอส่งมาให้แล้ว ไม่มีอะไรจะพูดนอกจาก...ดีมาก” เขาพูดด้วยเสียงแหบ ๆ ฟังดูเนิบนาบ “ยินดีด้วยกับความสำเร็จของเธอ ขอให้เธอได้ใช้วิชาความรู้ที่เรียนมาสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาตินะ”

“ขอบคุณครับ” เฌอรีลก้มศีรษะยกมือขึ้นแตะที่อกแทนการทำความเคารพ “ถ้าไม่ได้โปรเฟสเซอร์ ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะได้มีโอกาสเรียนจบสูง ๆ แบบนี้มั้ย ไม่อย่างนั้นตอนนี้อาจจะวิ่งเสิร์ฟอาหารอยู่ในแบริลแล้วก็ได้”

“ไม่มีทาง คนอย่างเธอ...ไม่มีทางหยุดอยู่แค่นั้นหรอก” อาจารย์มหาวิทยาลัยชื่อดังพูดยิ้ม ๆ

เฌอรีลกลับออกมาจากมหาวิทยาลัยด้วยความสดชื่น รู้สึกเหมือนชีวิตใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น โลเทียหนุ่มเดินแกมวิ่งออกมายืนรอรถบัสประจำทางริมถนน โทรศัพท์มือถือดังขึ้น

“...ครับ ใช่ครับ ได้เลยครับ สัมภาษณ์พรุ่งนี้เหรอครับ ได้ครับ” หัวใจเต้นแรง เจ้าหน้าที่จากคณะฯ ที่เขายื่นใบสมัครขอเป็นอาจารย์เอาไว้เรียกตัวไปสัมภาษณ์แล้ว เฌอรีลยิ้มกริ่ม ยังไงเสียตำแหน่งอาจารย์พิเศษก็ต้องตกเป็นของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย ชายหนุ่มดันแว่นสายตาอันโตขึ้นไปบนดั้งจมูกอีกครั้ง

“ถอยไป ๆ หลบไปสิโว้ย” เสียงตะโกนดังขึ้นข้างหลัง เฌอรีลหันไปดูงง ๆ เห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังวิ่งหน้าตั้งตรงมาทางที่เขายืนอยู่ ปากร้องตะโกนโหวกเหวกโบกมือไล่ให้คนหลบ มีคนวิ่งตามเขามาด้วยอีกเป็นโขยง “หลบออกไป”

เฌอรีลถึงจะมีมันสมองอันชาญฉลาดแต่ว่าพระเจ้าไม่ได้ใจดีกับเขาขนาดนั้น นอกจากการเรียนแล้วเขาก็ไม่เก่งอะไรอีกเลย โลเทียหนุ่มขยับตัวหลบอย่างเงอะงะก็เลยถูกผู้ชายคนนั้นชนเข้าเต็ม ๆ จนหลายหลังก้นกระแทกพื้น ข้าวของกระจัดกระจาย

“โทษนะหนู เก็บเองก่อนนะฉันรีบ” ผู้ชายที่ชนเขาพูดเร็วปรื๋อแล้วกระโจนข้ามหัวเขาตรงไปอีกทาง เฌอรีลจุกจนลุกไม่ขึ้น ได้แต่ยกมือขึ้นบังหัวตอนที่คนอีกโขยงวิ่งตามคน ๆ นั้นไปติด ๆ

“หนู เป็นยังไงบ้าง ลุกไหวมั้ย” ผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาช่วยพยุงเขาลุกขึ้น “แว่นตาแตกหมดแล้ว มองเห็นหรือเปล่า”

“เอ่อ..ขอบคุณครับ” เฌอรีลรับแว่นมาดู มันแตกละเอียดเพราะโดนใครสักคนเหยียบเข้าอีกทีหนึ่ง เอกสารวุฒิการศึกษาของเขาปลิวกระจายตกอยู่บนพื้น มีรอยเท้าดำ ๆ ประทับอยู่แทนตรามหาวิทยาลัย ไม่มีใครเข้ามาช่วยเขาเก็บอีก ผู้หญิงคนนั้นช่วยเขาเก็บแว่นแล้วก็หายตัวไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับกระเป๋าสตางค์ของเฌอรีล

“ขโมย เขาขโมยเงินผม” โลเทียหนุ่มพูด โกรธจนน้ำตาคลอ นึกว่าใจดีมีน้ำใจ ที่ไหนได้...อีกฝ่ายกลับเข้ามาช่วยเขาโดยหวังผลประโยชน์ชัด ๆ อย่างว่า...ในเศรษฐกิจตกต่ำแบบนี้ โจรผู้ร้ายชุมเสียยิ่งกว่ายุงอีก

เฌอรีลดันตัวลุกขึ้นตามเก็บของกลับมาจนครบ เขาแกะเลนส์ที่แตกเละออกแล้วเก็บกรอบพัง ๆ เอาไว้ ตั้งใจว่าจะเอาไปให้ช่างช่วยซ่อมให้ เจ็บก้นไปหมดเพราะหงายหลังเต็มแรง ไม่รู้ว่าป่านนี้ผู้ชายที่ชนเขาโดนจับไปหรือยัง ถ้าให้เดาล่ะก็..คงเป็นพวกโจรวิ่งราวหรือพวกลักเล็กขโมยน้อยแน่

ชายหนุ่มเดินขโยกเขยกพาร่างของตัวเองขึ้นรถบัสไปแจ้งความกระเป๋าสตางค์หายที่สถานีตำรวจก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจรับเรื่องเอาไว้แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรมากกว่านั้นอีก เฌอรีลเดินกลับออกมาอย่างเหนื่อยใจ ชาตินี้ก็คงไม่ได้กระเป๋าสตางค์คืนอยู่แล้วล่ะ เขาแค่แจ้งความว่าบัตรประจำตัวโลเธียข้างในนั้นหายไปด้วยแค่นั้น ...ต้องหาเวลาทำบัตรใหม่ให้ยุ่งยากขึ้นไปอีก

ยืนรอรถบัสอีกเกือบชั่วโมงถึงได้มาลงที่ซอยหน้าหอพัก โชคดีที่ไม่มีฝนตกลงมา ไม่อย่างนั้นซอยเล็ก ๆ แห่งนี้ก็คงจะสกปรกไปด้วยคราบโคลนเละ ๆ ดูไม่จืด กระโดดหลบหนูตัวใหญ่ที่วิ่งตัดหน้าเขาไปในระยะประชิด เฌอรีลเดินกระย่องกระแย่งเข้ามาในชุมชนที่แออัดด้วยผู้คนชั้นโลเธียและบีเธียฐานะยากจน

“เฌอรีล อย่าเพิ่งเข้าไปเลย กำลังมีคนตีกันอยู่ท้ายซอยแน่ะ” คุณยายแก่ ๆ เจ้าของร้านอาหารปากซอยเรียกเขาเอาไว้

“ตีกันอีกแล้วเหรอครับ น่าเบื่อจัง” เฌอรีลถอนหายใจยาว หรี่ตาลงพยายามเขม้นดูเหตุการณ์ท้ายซอยแต่เขาเห็นไม่ชัดเพราะสายตาสั้นมาก “ตีกันให้มันได้อะไรขึ้นมา” เขาไม่ชอบความรุนแรงทุกชนิด

“แก็งค์อันตพาลล่ะมั้ง เดี๋ยวนี้มันวางอำนาจเหลือเกิน วันก่อนก็มีคนจะมาเก็บค่าเช่าที่เพิ่มอีก จะขูดรีดกันไปถึงไหน” ยายฟาเรลพูดเรื่องปัญหาการเงินต่อ เฌอรีลฟังจนเบื่อ ยายพูดวนทุกครั้งที่เขามาอุดหนุนอาหารของยาย “เดี๋ยวเข้าหน้าหนาวแล้ว ต้องรีบตุนอาหารอีก ปีนี้ทางการเขาว่าจะหนาวกว่าทุกครั้ง ไม่รู้จะมีหิมะตกแบบปีนั้นหรือเปล่า ที่ฉันเคยเล่าให้ฟังจำได้ไหม ตอนที่เจอกับตาออต้าใหม่ ๆ”

“ครับ” เฌอรีลรับคำงึมงำ

“ว่าจะทัก แล้วแว่นสายตาของเธอไปไหนแล้วล่ะ ทำไมเสื้อผ้าถึงได้มอมนัก ไปทำอะไรมา”

“ตกแตกไปแล้วครับ” เฌอรีลตอบอย่างเซ็ง ๆ

“แล้วมองเห็นเหรอ”

“พอเห็นอยู่ครับ” ถึงภาพจะเบลอ ๆ หน่อยก็เถอะ “เดี๋ยวจะไปเอาแว่นสำรองมาใช้ก่อน”

“ถ้ามีปัญหาอะไรก็มาหาฉันนะ” คุณยายฟาเรลพูดทิ้งท้ายก่อนที่เฌอรีลจะขอตัวเดินออกมา สถานการณ์ในซอยน่าจะสงบลงไปแล้ว เขาไม่ได้ยินเสียงโหวกเหวกอีก ชายหนุ่มค่อย ๆ เดินเข้าไปจนถึงที่พัก ห้องของเขาอยู่ชั้นใต้ดินเพราะไม่มีห้องข้างบนสำหรับโลเธีย เขาเจ็บใจนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร อยู่ชั้นใต้ดินก็ดีตรงที่เขาไม่ต้องแบกของขึ้นบันไดหลายชั้นให้เหนื่อย ถึงจะเจอกับพวกสัตว์เล็ก ๆ และแมลงให้รำคาญบ่อย ๆ แลกกับราคาที่ถูกกว่าที่อื่นแล้วก็พอรับได้

หยิบกุญแจขึ้นมาไขเปิดประตูห้อง เฌอรีลเอื้อมมือไปเปิดไฟสว่างทั่วห้องเป็นอันดับแรก กวาดตามองสำรวจทั่ว ๆ อย่างที่ทำประจำจนแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ในห้องถึงได้ก้าวเข้าไปแล้วรีบล็อกประตู สำหรับโลเทียอย่างเขาต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ โดยเฉพาะช่วงที่ใกล้สิ้นเดือนด้วยแล้วล่ะก็

ลมพัดมาวูบหนึ่ง เฌอรีลขมวดคิ้ว เอื้อมมือไปหยิบขวดน้ำมาถือเอาไว้ เงยหน้าขึ้นก็เจอว่าบนเพดานห้องของตัวเองมีช่องขนาดใหญ่ทะลุลงมาจากด้านบน น้ำหยดติ๋ง ๆ ตามลงมาด้วย ชายหนุ่มอ้าปากค้าง หยิบไฟฉายขึ้นมาส่องดูโพรงมืด ๆ ข้างบนนั้นอย่างตกใจ แต่เพราะเขาไม่ได้ใส่แว่นก็เลยมองไม่เห็นว่าข้างในนั้นคืออะไรกันแน่

“น่าจะเป็นท่อน้ำ หรือส้วมซึมลงมา” เฌอรีลพึมพำ เดินไปยกหูโทรศัพท์ขึ้นต่อไปยังผู้ดูแลหอพัก รอสายอยู่พักใหญ่ก็ไม่มีคนรับ เขาเลยตัดสินใจขึ้นไปตามช่างด้วยตัวเอง

“ช่างไม่อยู่ค่ะ กว่าจะกลับมาคงอาทิตย์หน้า”

“แล้วผมจะนอนยังไงล่ะครับ มีรูเบ้อเริ่มอยู่บนหัวนอน”

“ก็ย้ายที่นอนสิคะ” คนดูแลหอพักตอบอย่างเฉยเมย “เอาไว้ช่างมาแล้วจะแจ้งให้นะคะ”

เจ้าโลเธียเดินกลับไปที่ห้องพักของตัวเองอย่างหงุดหงิดกว่าเดิม นี่ถ้าเขาเป็นคนเช่าชั้นบนก็คงไม่เจอบริการแบบนี้ ถือว่าเขาเป็นแค่โลเธียใช่มั้ย ...เดินกลับที่ไปที่ห้องพักของตัวเอง ปรากฏว่าประตูห้องไม่ได้ล็อก สงสัยไม่กี้เขาคงรีบมากจนลืมล็อกประตู

มัวแต่หงุดหงิด เฌอรีลเดินเข้าไปในห้องน้ำที่ทำเป็นซอกแคบ ๆ มุมห้องเอาไว้แค่พอเข้าได้แค่นั้น เขาเดินชนเข้ากับเสาเต็ม ๆ จนกระเด็นถอยหลังมาหลายก้าว เงยหน้าขึ้นมองเสาต้นใหญ่ที่ตั้งอยู่หน้าห้องน้ำอย่างมึนงง

“เห้ย ...เสาอะไรน่ะ โอ๊ย! ”

เสาที่ว่าเอนล้มใส่เขาเข้าเต็ม ๆ น้ำหนักเททับใส่เจ้าโลเธียจนหายใจไม่ออก เฌอรีลตกใจมาก เขาพยายามดันเสาออกจากตัวแต่มันไม่ขยับเลย

“ช่วยด้วย ...ช่วยฉันด้วย”

“พูดได้ด้วย? ” เฌอรีลตาเหลือก ทั้งถีบทั้งผลักเสาหนัก ๆ นั้นออกไป กว่าจะมุดออกมาจากกองผ้าได้ก็เล่นเอาเหนื่อย พอมาเพ่งมองดี ๆ แล้วเขาถึงพบว่าสิ่ง ๆ นี้ไม่ใช่เสาแต่เป็นคนต่างหาก คนที่สูงใหญ่เหมือนยักษ์ “คุณ...เป็นคนเหรอ”

“ไม่ใช่คนแล้วจะเป็นอะไรล่ะ” อีกฝ่ายตอบกลับมาเสียงแหบแห้ง “เทวดาเหรอ ..มีคนชอบเปรียบเทียบฉันอยู่บ่อย ๆ”

“นี่ออกไปจากห้องของผมนะ” เฌอรีลตั้งสติได้แล้วตอนนี้ เขาหันไปคว้าขวดน้ำคู่มือมาถือเอาไว้แน่น โบกไปโบกมาเหมือนตะบอง “ถ้าไม่ออกไปเจ็บตัวแน่ ผมไม่รับประกันว่าจะรอดออกไปครบสามสิบสองมั้ย” พูดให้ดูโหด ๆ เข้าไว้ อีกฝ่ายตัวใหญ่กว่าเขาชนิดบังกันมิด ถ้าสู้กันจริง ๆ ก็คงโดนเตะคอหักตาย แต่ยังไงเฌอรีลก็ต้องขู่เอาไว้ก่อน

“แค่นี้ฉันก็จะตายอยู่แล้ว เธอยังจะไล่ฉันออกไปอีกเหรอ” อีกฝ่ายพูด ขยับตัวแล้วเปิดผ้าคลุมสีเข้มออก เผยให้เห็นร่างกายที่มีรอยช้ำอยู่ทั่วตัว เฌอริลขยับเข้ามาดูจนชิด ใบหน้าของอีกฝ่ายมีร่องรอยฟกช้ำถลอกปอกเปิก บอกชัดว่าเพิ่งโดนทำร้ายร่างกายมา “ไม่ต้องดูใกล้มากก็ได้ ถึงฉันจะรู้ว่าตัวเองหล่อมากก็เถอะ”

“นี่คุณไปโดนอะไรมาน่ะ อย่ามาตายในห้องผมนะ” เฌอรีลถอยกรูด มองซ้ายขวาหาทางหนีทีไล่ หัวสมองแล่นปราดไปยังเหตุการณ์คนตีกันเมื่อกี้ กวาดตามองผู้ชายตรงหน้าแล้วก็รู้สึกคุ้น ๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน นึกไปนึกมาก็นึกออก “คุณคือคนที่วิ่งชนผมที่ป้ายรถบัสนี่”

“อ้อ...ไอ้หนูคนนั้นนี่เอง” อีกฝ่ายพยักหน้า “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะชน แต่เธอไม่หลบเองต่างหาก”

“คุณเป็นโจรใช่มั้ย” เฌอรีลได้ข้อสรุปกับตัวเองแล้วเรียบร้อย เขาค่อย ๆ ถอยหลังไปให้ถึงประตู นับในใจหนึ่งถึงสามเตรียมจะเผ่นออกมาจากห้อง

“ฉันไม่ใช่โจร แต่ฉันโดนทำร้าย พวกมันต่างหากเป็นโจร ทำร้ายคนบริสุทธิ์อย่างฉัน” อีกฝ่ายพูด “เธอจะใจร้ายทิ้งฉันได้ลงคอเหรอ”

“ผมจะไปตามคนมาช่วยคุณ” เฌอรีลพูด “จะได้พาคุณไปโรงพยาบาลไงล่ะ”

“ไม่ได้” อีกฝ่ายส่ายหน้าหวือ “ฉันไปโรงพยาบาลไม่ได้หรอก ฉัน..ฉันไม่มีสิทธิการรักษาที่นี่”

“ทำไมล่ะ คุณเป็นคนต่างชาติเหรอ” พยายามเพ่งมองร่างสูงใหญ่นั้น เขามองเห็นแค่ผิวขาวจัดตรงส่วนที่ไม่มีรอยช้ำกับคิ้วเข้มพาดตรงอยู่เหนือกรอบตาคมกริบเท่านั้น “ผู้ก่อการร้ายข้ามชาติ...จริงเหรอเนี่ย” พูดออกไปแล้วก็ตัวสั่นเองด้วยความกลัวแกมตื่นตระหนก เฌอรีลนับหนึ่งแล้วข้ามไปสามเลยเพราะรอนับสองไม่ไหวแล้ว รีบเผ่นไปที่ประตู อีกฝ่ายก็ไวใจหายพุ่งตัวมาคว้าเอวเขาเอาไว้ทันควัน “โอ๊ย! ” แรงกระแทกของผู้ชายคนนั้นทำให้เขาล้มทั้งยืน หัวฟาดเข้ากับขอบเก้าอี้ดังโป๊ก

จากนั้นภาพตรงหน้าเขาก็ดับมืด

...........................................................................................



มาเปิดเรื่องใหม่เอาไว้ค่ะ ใกล้จะรวมเล่มเจ้าบู้บี้ #ขอรักแค่คุณ แล้ว ก็เลยมาเปิดเรื่องใหม่เอาไว้ เป็นเรื่องราวของประเทศอิลิธาเนีย ขอไม่สปอยเนื้อเรื่องแล้วกัน อิอิ ช่วงนี้เขียนอยู่สามเรื่องวน ๆ กันไป เจอกันตอนหน้านะคะ

ปล. โอเมก้าเวิร์สเรื่องนี้ขอเปรียบเทียบ อัลฟ่า>>อิลิเธีย, เบต้า>>บิเธีย, โอเมก้า>>โลเธีย

นอกนั้นเจอกันต่อในเรื่อง จะค่อย ๆ เล่าไปนะคะ

#คุณขอแค่รัก

ออฟไลน์ darinsaya

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
เจ้าเฌอรีล จอมเอ๋อ

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
อะ ตามมมม

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
เรื่องใหม่มาอีกแล้วแค่บทนำยังสนุกเลย

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
เจ้าเณอรีล เอ๋ออ๊องไทป์เดียวกับเจ้าบู้บี้เลย น่ารักกก

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เปิดเรื่องใหม่แล้ว จะรออ่านนะคะ

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
ติดตามค้าบบบบ

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
Ai cherish you.

#คุณขอแค่รัก

ตอนที่ 1











เฌอรีลขมวดคิ้วลืมตาขึ้นอย่างมึนงง ความเจ็บปวดแล่นปราดจากด้านหลังศีรษะที่วางอยู่บนอะไรนิ่ม ๆ โลเธียหนุ่มนอนนึกเหตุการณ์อยู่ชั่วครู่ก็เบิกตาโพลง รีบดันตัวลุกขึ้นมานั่งโอนเอน

เขาพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงภายในห้องพักของตัวเอง มีน้ำหยดติ๋ง ๆ มาจากเพดานที่เป็นรูโหว่ข้างบน มันหยดใส่ใบหน้าของเขา

“ฟื้นแล้วเหรอ เธอสลบไปเลย ฉันนึกว่าจะตายแล้ว” เสียงห้าว ๆ ดังขึ้นใกล้ตัวจนเฌอรีลสะดุ้ง เขาพบว่ามีใครอีกคนหนึ่งนั่งพิงตู้เย็นอยู่ข้างเตียงของเขา สีหน้าเหนื่อยอ่อน

“คุณ...ผู้ก่อการร้ายข้ามชาติ” เฌอรีลนึกขึ้นมาได้ ถดตัวถอยมาอยู่อีกฟากหนึ่งของเตียงแคบ ๆ จ้องมองอีกฝ่ายอย่างระแวดระวัง “คุณทำร้ายผม”

“ฉันไม่ได้ตั้งใจ ก็เธอเล่นเผ่นออกไปแบบนั้น ฉันจะทำยังไงได้” คนพูดยักไหล่ “เธอฟื้นก็ดีแล้ว มาช่วยทำแผลให้ฉันหน่อยได้มั้ย ฉันทำแผลข้างหลังไม่ถึง”

“ได้สิ” เฌอรีลพึมพำ คราวนี้เขาจะต้องหาทางหนีอย่างแนบเนียนกว่าเดิม อีกฝ่ายเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าเขาสักสองเท่า ขืนผลีผลามออกไปคงไม่ได้แน่... “ในห้องผมไม่มีอุปกรณ์ทำแผล ขอออกไปซื้อก่อนนะ”

ผู้บุกรุกยิ้มออกมา ดวงตาคมกริบมีประกายรู้ทันแบบที่ทำให้เฌอรีลเม้มปากแน่น

“ฉันเห็นกล่องปฐมพยาบาลอยู่ในตู้ของเธอเลยหยิบมาทำไปพลาง ๆ แล้วตอนที่รอเธอตื่น” ชายหนุ่มแปลกหน้าพูดเนิบ ๆ ดันกล่องใบเล็กที่มีแอลกอฮอลล์และยาครบครัน เฌอรีลเซ็ง ก้าวลงมาจากเตียงอย่างเชื่องช้าจนคนเจ็บขมวดคิ้ว “เธอนี่...ขยับตัวช้าเหมือนพวกสลอธเลยนะ รู้จักไหมตัวสลอธน่ะ”

“ผมหัวน็อคพื้นสลบไปเพราะใครล่ะ จะให้ลุกขึ้นมาวิ่งได้ก็เก่งไปหน่อยมั้ง” เฌอรีลพูดเสียงห้วน อีกฝ่ายส่งยิ้มมาให้เห็นฟันขาวเรียวเป็นแนว เฌอรีลเดินเข้าไปใกล้ผู้ชายคนนั้นอย่างระมัดระวัง เขายังมองหน้าอีกฝ่ายไม่ชัดเท่าไหร่เพราะขาดแว่นสายตาเจ้ากรรม เห็นเพียงแค่คิ้วเข้ม ๆ ฟันขาว ๆ เท่านั้น “จะให้ทายาตรงไหน”

ชายหนุ่มแปลกหน้าดึงเสื้อข้างหลังขึ้นแล้วหันหลังให้เขา แผ่นหลังกว้างนั้นมีรอยฟกช้ำถลอกปอกเปิกให้เห็นชัดเจน คงเป็นเพราะผิวที่ขาวจัดนั้นด้วย เฌอรีลล้างแผลให้อย่างไม่เต็มใจนัก

“คุณชื่ออะไรน่ะ ทำไมถึงโดนซ้อมขนาดนี้ได้” เขาถามอย่างสงสัย

“ชื่อฉันเหรอ” ฝ่ายนั้นเงียบไปครู่ “อัมเบรย์”

“เป็นบีเธียเหรอ” เฌอรีลคาดคะเนเอาจากความน่าจะเป็น รูปร่างสูงใหญ่ของอีกฝ่ายบอกชัดว่าไม่ใช่โลเธียแน่นอน ครั้นจะเป็นอิลิเธีย ก็ไม่น่าจะมีใครกล้าซ้อมอิลิเธียในประเทศนี้ได้

“ใช่..”

“แล้วทำไมโดนซ้อมล่ะ”

“ชนะพนันมา เลยมีเรื่องกับเจ้ามือนิดหน่อย” อีกฝ่ายตอบกลับมากลั้วหัวเราะ “ไม่นึกว่ามันจะเอาจริงขนาดนี้”

“เล่นพนันเหรอ” เฌอรีลเลิกคิ้วสูง อบายมุขเป็นสิ่งที่เขาหลีกเลี่ยงมาโดยตลอด “ระวังจะหมดตัว”

“หมดไปเรียบร้อยแล้วล่ะ” ชายหนุ่มหัวเราะอีกราวกับขบขันเสียเต็มประดา “ไม่มีเงินกินข้าวแล้ว โดนพวกมันเอาไปหมด”

“แล้ว...ทำงานอะไร บ้านอยู่ที่ไหนล่ะ”

“ไม่มีงานทำ...ตกงานอยู่” บีเธียตอบกลับมา “เศรษฐกิจแบบนี้จะไปหางานทำที่ไหน”

“ก็จริง” เฌอรีลเห็นด้วย ชักเริ่มรู้สึกเห็นใจอีกฝ่ายขึ้นมาหน่อย ๆ “เป็นคนแบริลหรือเปล่า”

“เปล่า ฉันอยู่ที่อื่น เพิ่งกลับมาอยู่ที่แบริลได้ไม่ถึงอาทิตย์” ชายหนุ่มตอบ หางเสียงเซ็งเล็กน้อย “โดนที่บ้านเรียกตัวกลับมาน่ะ...งานวันเกิดพ่อ”

“ดีจัง ผมก็อยากไปงานวันเกิดพ่อตัวเองบ้าง” เฌอรีลหลุดปาก

“ทำไมล่ะ...อยากไปก็ไปซิ”

เฌอรีลหัวเราะออกมาแล้วเปลี่ยนเรื่อง

“ทำแผลเสร็จแล้วล่ะ คุณควรจะรีบกลับบ้าน ป่านนี้คุณพ่อคงเป็นห่วงคุณ” โลเธียหนุ่มลุกขื้นยืน “คุณไม่ควรเข้าไปยุ่งกับการพนันอีก ไม่มีใครรวยเพราะพนันหรอกถ้าไม่ใช่เจ้ามือ”

“เห็นหน้าเด็ก ๆ ไม่นึกว่าจะมีความคิดโตเป็นผู้ใหญ่เลยนะหนู” ฝ่ายนั้นว่า หรี่ตามองเจ้าของบ้านอย่างสนใจ “อายุเท่าไหร่แล้ว ได้เรียนหรือเปล่าหรือว่าทำงานที่นี่”

ไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะถามเขาแบบนี้ เฌอรีลบอกตัวเอง รูปร่างของเขามองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นโลเธีย และมีโลเธียน้อยเสียยิ่งกว่าน้อยที่ได้เรียนหนังสือสูง ๆ

“ผมจบดอกเตอร์แล้ว กำลังจะเป็นอาจารย์” เขายืดตัวขึ้นเล็กน้อยด้วยความภูมิใจ คนฟังมองหน้าเขาอย่างประหลาดใจแกมทึ่ง

“จริงเหรอ จบดอกเตอร์? ดอกเตอร์อะไร ดอกเตอร์นวดหรือเปล่า”

คิ้วเรียวยาวของคนฟังขมวดเข้าหากัน แววไม่พอใจฉายชัดบนใบหน้าเล็ก ๆ รูปหัวใจนั้น คนพูดรีบขอโทษ

“ขอโทษ ๆ ฉันล้อเล่น ฉันไม่ได้ตั้งใจจะดูถูกเธอนะ เพียงแต่แปลกใจมากเท่านั้นเองที่ได้เจอดอกเตอร์โลเธียตัวเป็น ๆ ...เธอยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าเธอชื่ออะไร”

“ผมชื่อเฌอรีล” โลเธียตอบ ผายมือไปที่ประตู “เชิญคุณกลับออกไปจากห้องของผมได้แล้ว”

“ฉันขอพักที่นี่ก่อนสักคืนได้มั้ย” อัมเบรย์พูดเสียงอ่อน มองหน้าอีกฝ่ายอย่างขอร้อง “ฉันไม่มีเงินสักบาท ข้างนอกก็มืดมากแล้วด้วย กลับออกไปก็ไม่รู้จะไปยังไง”

“คุณก็กลับบ้านของคุณสิ คุณมีบ้านไม่ใช่เหรอ บ้านพ่อคุณไง”

“ฉันยังกลับไปตอนนี้ไม่ได้” คนพูดมีท่าทางอึดอัดใจเล็กน้อย “ที่บ้านเพิ่งมีเรื่องกันมาน่ะ ปัญหาในครอบครัว.. ฉันเองก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งด้วย”

เฌอรีลหรี่ตาลง อีกฝ่ายเลยขยายความให้โดยไม่ต้องถาม

“คืออย่างนี้ พ่อฉันน่ะรักกับแม่ฉันมาก่อนตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ แล้ว พอโตขึ้นก็สัญญาว่าจะแต่งงานกัน แต่ว่าย่าของฉันน่ะไม่เห็นด้วย พ่อก็เลยต้องแต่งงานกับผู้หญิงที่ย่าหาให้ ทีนี้แม่ของฉันก็ดันตั้งท้องฉันขึ้นมา...จังหวะไม่ดีเลยเนอะ” ชายหนุ่มถอนหายใจยาว “แม่คลอดฉันก่อนที่ภรรยาของพ่อจะคลอดลูกชายไม่กี่วันเอง พ่อก็เลยให้ฉันกับแม่ออกจากบ้านไปอยู่ข้างนอก”

เฌอรีลอ้าปากค้าง

“อ้าว ทำไมทำอย่างนั้นล่ะ”

“นั่นสิ ฉันก็เป็นลูกพ่อเหมือนกันไม่ใช่เหรอ เพียงแค่แม่ฉันไม่ใช่ภรรยาที่ย่าเห็นชอบด้วยเท่านั้น” อัมเบรย์ถอยมานั่งบนเตียงโดยที่เจ้าของเตียงก็ไม่ทันว่าอะไรเพราะมัวแต่สนใจเรื่องที่ชายหนุ่มเล่าอยู่ คนเล่าซ่อนยิ้ม พูดต่อเนิบ ๆ เหมือนเล่านิทานให้เด็กซักคนฟัง “แม่กับฉันต้องออกมาเร่ร่อนอยู่ข้างนอกอย่างยากลำบากหลายปี แม่ทำงานส่งฉันเรียนหนังสือจนจบ เพิ่งมาปีนี้ที่พ่อเรียกให้ฉันกลับบ้าน”

“แล้วคุณเกลียดพ่อไหม” เฌอรีลถามขึ้น

“ฉันน้อยใจเขามากกว่า ทั้งที่ฉันเป็นลูกชายคนโตของเขาแท้ ๆ แต่กลับไม่...” บีเธียหนุ่มหยุดไปนิดคล้ายสะเทือนใจ “อย่างว่าแหละ ฉันเที่ยวเล่นอยู่ข้างนอก มีความสุขกว่าเยอะ ไม่ต้องเจอกับกฎระเบียบน่าเบื่อพวกนั้น”

“บ้านของคุณกฎเยอะเหรอ” เฌอรีลขึ้นมานั่งบนเตียงบ้าง ถามต่ออย่างสนใจ

“ใช่..เยอะมากเลยล่ะ ย่าของฉันเป็นพวกเจ้าระเบียบคร่ำครึ ชอบตั้งกฎเกณฑ์”

“เข้าใจเลย” เฌอรีลพยักหน้า “ย่าของผมก็เหมือนกัน ย่าไม่ชอบแม่เพราะแม่เป็นโลเธีย” เฌอรีลพูดเนิบ ๆ ขยับจะเล่าต่อแต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เขาไม่ควรเปิดเผยเรื่องส่วนตัวของตัวเองกับคนแปลกหน้ามากไปนัก “คุณจะนอนที่นี่ก็ได้ แต่คงไม่ใช่บนเตียงหรอกนะ”

อัมเบรย์หัวเราะออกมา ดูเหมือนเจ้าของห้องจะรู้ตัวเสียแล้ว ชายหนุ่มดีดตัวลุกขึ้นยืน

“นอนที่พื้นฉันปวดแผล..มันระบมไปหมดเลย เหมือนจะมีไข้ด้วย ลองจับดูสิ” เขาจับมือเรียวบางของโลเธียขึ้นมาแตะที่หน้าผากของตัวเอง เฌอรีลรีบชักมือออกจากการเกาะกุมอย่างตกใจ “โอเค ขอโทษที ฉันไม่ได้ตั้งใจ ไม่รู้ว่าเธอเคร่งเรื่องสัมผัสตัว”

“ไม่มีใครชอบให้โดนตัวโดยไม่ขออนุญาตหรอกครับ” เฌอรีลว่า ยื่นผ้าห่มของตัวเองไปให้ “คุณเอาไปปูนอนก่อนก็แล้วกัน ดีกว่านอนพื้นเปล่า ๆ”

เฌอรีลคิดว่าตัวเองแสดงน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์มากแล้ว เขามองร่างสูงใหญ่ขดตัวนอนที่ซอกแคบ ๆ ระหว่างเตียงกับตู้เสื้อผ้าของตัวเองอย่างนึกขันในใจ เอาเถอะ...ถึงอย่างไรตอนนี้เขาก็มีสถานะไม่ต่างจากอีกคนนัก กระเป๋าสตางค์ก็หาย บัตรอะไรก็หายหมด มีแค่สมุดธนาคารที่แอบซ่อนเอาไว้อย่างดีใต้ปลอกหมอนเท่านั้น เฌอรีลล้วงมือเข้าไปคลำตรวจสอบดูอีกทีจนแน่ใจว่ามันยังอยู่ที่เดิมแล้วถึงได้นอนหลับตาลง

เช้าวันรุ่งขึ้นเขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะได้ยินเสียงพูดคุยดังขึ้นข้างหน้าห้องพัก บีเธียตัวใหญ่คนนั้นหายไปจากที่ว่างซอกเตียงแล้ว ประตูห้องของเขาเปิดทิ้งเอาไว้จนลมข้างนอกโกรกเข้ามา เฌอรีลรีบตะเกียกตะกายลงมาจากเตียง

“เฌอรีลมาพอดี ตื่นแล้วเหรอ” คนทักคือบีเธียแปลกหน้าคนนั้นนั่นเอง อัมเบรย์กำลังคุยกับผู้ชายอีกคนหนึ่งที่รูปร่างสูงใหญ่ไม่แพ้กัน “เพื่อนฉันเอง จาเรจ...นี่เฌอรีล คนที่ช่วยฉันเอาไว้เมื่อวาน”

คนที่ชื่อจาเรจหันมามองเขาราวกับประเมิน ดวงตาคมยาวเหมือนเหยี่ยวดูไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย

“ท่าน..คุณอัมเบรย์จะกลับเลยมั้ยครับ”

เฌอรีลเลิกคิ้ว แปลกใจกับวิธีพูดที่แสนสุภาพของเพื่อนอย่างจาเรจ

“ไม่เอาน่า เลิกแกล้งฉันได้แล้ว พูดแบบปกติเถอะ” อัมเบรย์ยกมือขึ้นตบที่ไหล่ของเพื่อนไม่เบานัก “ฉันยังไม่กลับหรอก จะไปเที่ยวกับเฌอรีลเสียหน่อย”

“เที่ยวอะไร” เฌอรีลงง “ผมไม่ได้จะไปเที่ยว ผมมีสัมภาษณ์งานวันนี้ ...จริงสิ นี่กี่โมงแล้ว” เฌอรีลเพิ่งนึกขึ้นได้ เขาปราดเข้าไปในห้องเพื่อดูนาฬิกา ใกล้จะถึงเวลานัดสัมภาษณ์เต็มที โลเธียหนุ่มรีบคว้าเสื้อผ้าเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำแล้วกลับออกมาด้วยความเร็วสูง เฌอรีลคว้ารองเท้ากับกระเป๋าได้ก็เผ่นออกมาจากห้อง “ถอยไป ๆ ผมจะล็อกห้อง”

“เธอมีสัมภาษณ์งานเหรอ ฉันไปด้วยคนสิ เขารับกี่ตำแหน่งน่ะ รับฉันด้วยอีกคนได้มั้ย” อัมเบรย์พูดตามหลังยิ้ม ๆ มองผู้ชายร่างเล็กบางเหมือนเด็กวัยรุ่นอย่างขัน ๆ ท่าทางเร่งรีบนั้นดูตลกดี สะพายกระเป๋าที่ใหญ่กว่าตัวได้ก็วิ่งปรูดออกไปตามทางเดินทันที

“ไม่สมควร...”

“จาเรจ” น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปทำให้ ‘เพื่อน’ หน้าซีดลงเล็กน้อย “ฉันบอกให้กลับก็กลับเถอะน่ะ อย่าให้ฉันลำบากใจเลยนะ”

“แต่ถ้า...”

แววตาคมกริบเป็นประกายวาบ จาเรจถอยหลังวูบ ไม่กล้าท้วงอะไรออกมาอีก ได้แต่มองตามร่างสูงใหญ่เดินตามหลังโลเธียคนนั้นไปอย่างไม่รีบร้อน

...

“จะตามมาทำไมนะ ทำไมไม่กลับไปกับเพื่อนของคุณล่ะ” เฌอรีลถามอย่างรำคาญขึ้นมาหน่อย ๆ บีเธียแปลกหน้าที่ชื่ออัมเบรย์คนนั้นตามเขาขึ้นรสบัสมานั่งข้าง ๆ หน้าตาเฉย

“ก็เธอบอกว่าจะไปสมัครงานนี่ คนตกงานอย่างฉันก็ต้องสนใจเป็นธรรมดา”

“คุณเรียนจบอะไรมาล่ะ” เฌอรีลถาม “ผมจะได้ถามเค้าว่ามีตำแหน่งงานว่างมั้ย” ...ถ้าไม่มีจะได้ต่างคนต่างแยกย้ายเสียที...โลเธียคิดในใจ

“จบ..เอ่อ...เศรษฐศาสตร์” อัมเบรย์เลือกวุฒิที่ดูใกล้เคียงอีกฝ่ายที่สุด เฌอรีลเบิกตาโต

“จริงเหรอ จบที่ไหน”

ชายหนุ่มตอบชื่อมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งส่ง ๆ ไป เฌอรีลพยักหน้ารับ พอจบสาขาเดียวกันก็ชักรู้สึกดีขึ้นอีกหน่อย เขาลองยิงคำถามทดสอบไปสองสามข้อ อีกฝ่ายตอบกลับมาได้หมดทุกข้อ

“คุณเก่งไม่ใช่เล่นเลยนะ ขนาดหลักปรัชญาก็ยังรู้”

“พูดแล้วจะหาว่าคุย...ฉันเป็นที่หนึ่งของรุ่นเลยนะ” อย่างน้อยเรื่องนี้เขาก็ไม่ได้โกหกนะ

เฌอรีลพยักหน้าเนิบ ๆ ยิ้มมุมปาก

“ถ้าผมได้ตำแหน่งอาจารย์พิเศษ จะให้คุณเป็นผู้ช่วยก็แล้วกันนะ”

“ด้วยความยินดีเลยครับท่านอาจารย์” อัมเบรย์ตอบกลับไป มองรอยยิ้มหน้าบานของอีกฝ่ายอย่างขบขัน ..ถ้าไม่ได้เห็นใบรับรองคุณวุฒิของเฌอรีลกับตา เขาคงไม่เชื่อเป็นแน่ว่าเด็กหน้าอ่อนตาโตเหมือนไข่ห่านคนนี้เป็นถึงดอกเตอร์ทางเศรษฐศาสตร์ แค่ชมนิดชมหน่อยก็ยิ้มกว้างดูท่าจะหลอกง่ายไม่ใช่เล่น “ถึงแล้วล่ะ”

“ลงกันเถอะ” เฌอรีลว่า กระวีกระวาดลงจากรถบัสเดินจ้ำเข้าไปในอาคารอย่างเร่งรีบ เขามาทันเวลาพอดีแบบฉิวเฉียด

ไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ธุรการว่ามาสัมภาษณ์งานตำแหน่งอาจารย์พิเศษ ฝ่ายนั้นมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้ารอบหนึ่งก่อนจะบอกให้นั่งรอก่อนที่เก้าอี้ข้างนอก

“ทำไมเขาไม่ให้เข้าไปรอข้างในนะ” อัมเบรย์พูด ยกมือขึ้นบิดขี้เกียจหลังจากนั่งรออยู่นาน “รออะไรอยู่น่ะ เกือบชั่วโมงแล้วนะ”

“เดี๋ยวผมจะไปถามอีกที” เฌอรีลพูด เริ่มรู้สึกกระวนกระวายขึ้นมาในส่วนลึก พอเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ก็บอกให้เขารอก่อน ถ้าถึงเวลาแล้วจะเรียกเอง

เฌอรีลนั่งอดทนรออีกเกือบชั่วโมงเลยเดินไปถามใหม่ คราวนี้ถูกเจ้าหน้าที่คนนั้นวีนกลับมาว่ารอไม่ได้ก็ให้กลับไป

“อ้าวคุณ..ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ ผมก็มาตรงตามเวลานัดนะ ให้ผมรอตั้งสองชั่วโมงแบบนี้ ผมก็ต้องอยากรู้สิว่าให้รออะไร ต้องรออีกนานแค่ไหน”

“แค่นี้รอไม่ได้จะมาทำงานร่วมกับคนอื่นได้ยังไง” เสียงแหบ ๆ ดังขึ้นข้างหลัง เฌอรีลหันกลับไปมอง เขารีบยกมือขึ้นแตะหน้าอกทำความเคารพ

“ศาสตราจารย์แอนดิล่า”

“เธอน่ะเหรอโลเธียที่มาสมัครตำแหน่งอาจารย์พิเศษ”

“ครับ” เฌอรีลก้มศีรษะรับ นึกว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรด้วยอีกทว่าร่างสูงผอมนั้นกลับเดินผ่านเขาไปเสียเฉย ๆ ทั้งอย่างนั้น เฌอรีลอ้าปากค้าง หันไปหาเจ้าหน้าที่อย่างมึนงง “หมายความว่าไงครับ”

“กลับไปนั่งรอก่อนแล้วกันค่ะ เดี๋ยวจะเรียกอีกที”

“ผมสัมภาษณ์กับศาสตราจารย์แอนดิล่าใช่มั้ยครับ”

“ไม่ทราบค่ะ รอก่อนนะคะ”

อัมเบรย์ยกมือขึ้นแตะที่ไหล่ของโลเธียอย่างปลอบใจ เฌอรีลถอยกลับมานั่งที่เดิมด้วยความรู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย เขาอดทนรออยู่อีกเกือบชั่วโมง

“ฉันจะไปถามให้เอง” อัมเบรย์พูดขึ้น ก้าวยาว ๆ ไปยังหน้าห้องธุรการของภาควิชา เจ้าหน้าที่สาวพอเห็นหน้าชายหนุ่มก็ส่งยิ้มให้อย่างอ่อนหวาน

“ติดต่ออะไรคะ”

“เพื่อนผมเขามานั่งรอสัมภาษณ์มาสามชั่วโมงกว่าแล้ว ผมอยากทราบว่าเมื่อไหร่จะได้เรียกเข้าห้องสัมภาษณ์ครับ”

“อ๋อ” เธอลากเสียงยาว “ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะคะ พอดีทางอาจารย์เพิ่งแจ้งมาเมื่อกี้เองน่ะค่ะว่าตำแหน่งเต็มแล้ว ยังไม่รับเพิ่ม”

“เต็มแล้ว? ” เฌอรีลลุกมายืนข้าง ๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ “ทำไมถึงเต็มล่ะครับ เมื่อวานผมยังได้รับโทรศัพท์ให้มาสัมภาษณ์อยู่เลย”

“ไม่ทราบค่ะ” เธอพูดกับเขาคนละน้ำเสียงโดยสิ้นเชิง “แต่อาจารย์ฝากบอกว่าถ้าสนใจตำแหน่งคนทำความสะอาดก็ยังว่างอยู่ค่ะ”

เฌอรีลโกรธจนพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง ใบหน้าเรียวเล็กเปลี่ยนเป็นสีแดงลงมาถึงลำคอ

“นี่คุณพูดแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย เขาเรียนจบดอกเตอร์มาจะให้ไปทำความสะอาดได้ยังไง” อัมเบรย์พูดเสียงแข็ง ฟังดูน่ากลัว “ใช้อะไรจัดตำแหน่งไม่ทราบ”

“ดิฉันไม่ทราบค่ะ ก็แจ้งไปตามที่อาจารย์แจ้งมา อาจารย์คงเกรงว่าจะไม่มีนักศึกษาคนไหนอยากเรียกโลเธียว่าอาจารย์มั้งคะ”

“พูดแบบนี้ไม่เหยียดกันไปหน่อยเหรอคุณ” อัมเบรย์ขยับตัวแต่ว่าคนข้าง ๆ ดึงแขนเสื้อของเขาเอาไว้ ใบหน้าของเฌอรีลซีดเผือด

“ไม่เป็นไร เข้าใจแล้วครับ” เฌอรีลพูดเสียงเบา กระตุกแขนเสื้อคนข้าง ๆ อีกครั้ง “เรากลับกันเถอะ” พูดจบแล้วก็หมุนตัวเดินไปหยิบกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นมาสะพาย เดินฉับ ๆ กลับออกไปจากอาคาร

อัมเบรย์ก้าวยาว ๆ ตามหลังออกมาจนทันกัน เขาเห็นใบหน้าที่ก้มต่ำนั้นเม้มปากแน่น ขอบตาแดงเรื่อ

“เฌอรีล”

“.......” โลเธียหนุ่มเดินแกมวิ่งไปที่ป้ายรถบัส

“ดีแล้วที่ไม่ได้งานนี้ ขืนต้องทำงานกับพวกเหยียดกันขนาดนี้ก็คงไม่มีความสุขหรอก” อัมเบรย์พูดขึ้นเหมือนปลอบใจ ยกมือขึ้นแตะแผ่นหลังบอบบางเบา ๆ “อย่าเสียใจไปเลยนะ”

“......” เฌอรีลนั่งเงียบกริบไปตลอดทางที่อยู่บนรถบัส อัมเบรย์เห็นแบบนั้นเลยพาเขาลงป้ายก่อนถึงหอพัก อีกฝ่ายก็เดินตามหลังมาเรื่อย ๆ อย่างใจลอย




CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk





“แวะเติมพลังก่อนแล้วกันนะ จะได้มีแรง...มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง ตอบแทนที่เธอช่วยฉันเอาไว้” อัมเบรย์พูดเนิบ ๆ ดันหลังอีกฝ่ายเข้าไปในร้านอาหารเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่เฌอรีลไม่รู้จักมาก่อน เจ้าของร้านเข้ามารับเมนูแล้วก็กลับออกไป ทั้งร้านมีแค่พวกเขาสองคน อาจเป็นเพราะไม่ใช่เวลาอาหาร

อาหารมาวางตรงหน้าเรียงราย เฌอรีลคว้าน่องไก่ขึ้นมากัดเข้าปาก เคี้ยวได้สองสามคำก็น้ำตาร่วงจนคนนั่งตรงข้ามตกใจ

“เห้ย ทำไมร้องไห้ล่ะ ไม่อร่อยเหรอ”

“เปล่า อร่อยมากเลย” โลเธียส่ายหน้า น้ำตารินเป็นสายลงมาสองข้างแก้ม ปากก็ยังเคี้ยวเนื้อไก่ไปด้วย “ทำไมอร่อยขนาดนี้”

“ถ้าชอบก็กินเยอะ ๆ นะ” อัมเบรย์ว่า จับตามองอีกฝ่ายเงียบ ๆ เฌอรีลนั่งกินไปร้องไห้ไปเหมือนเด็ก ๆ สูดน้ำมูกฟืดฟาดแล้วก็ตักอาหารเข้าปากต่อ “ระวังสำลัก ค่อย ๆ กินสิ”

“ทำไมนะ เป็นโลเธียทำไมมันยากขนาดนี้” เฌอรีลพูดขึ้น ยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดน้ำตาอย่างโกรธ ๆ “ถ้าผมเป็นบีเธียหรืออิลิเธียก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นใช่มั้ย”

“อย่าคิดมากเลย ช่างเขาเถอะ” อัมเบรย์พูดปลอบ “หางานอื่นทำก็ได้ ไม่ต้องง้อ”

“แต่นี่มัน..งานที่ผมอยากทำมากที่สุดเลยนะ” เฌอรีลน้ำตาไหลพรากออกมาอีก “เขาไม่...ไม่แม้แต่จะสัมภาษณ์ผมสักนิดเลยด้วยซ้ำ ทำไมล่ะ เป็นโลเธียแล้วเป็นอาจารย์ไม่ได้เหรอ”

“คิดเสียว่ายังไม่ใช่วันของเรา” อัมเบรย์ตักอาหารใส่จานให้อีกฝ่ายอย่างเอาใจ “ไปหางานที่อื่นก็ได้ จบมาสูงขนาดนี้ยังไงก็ต้องมีงานทำแน่”

“หรือว่าผมควรไปทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาดจริง ๆ” เฌอรีลพึมพำ “ใคร ๆ ก็บอกว่านั่นคือที่ของโลเธีย”

“แล้วเธอรู้สึกว่ามันคือที่ของเธอหรือเปล่าล่ะ” อัมเบรย์เลิกคิ้ว “ถ้าใช่ก็เอา ฉันเอาด้วย”

“คุณเกี่ยวอะไรด้วยน่ะ” เฌอรีลเพิ่งนึกขึ้นได้ มองหน้าอีกฝ่ายแล้วขมวดคิ้ว “คุณไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมเสียหน่อย บีเธียอย่างคุณหางานได้ดีกว่าผมอยู่แล้ว”

“ฉันถูกชะตากับเธอ” อัมเบรย์พูดง่าย ๆ “เราเป็นเพื่อนกันดีไหม ฉันเพิ่งมาแบริล ไม่มีเพื่อนเลยสักคน”

“อ้าว...แล้วคนที่ชื่อจาเรจเมื่อเช้าล่ะ”

“เขา..ก็เป็นเพื่อนแบบห่าง ๆ น่ะ ไม่ใช่เพื่อนสนิท นึกออกไหม” อัมเบรย์พูดหน้าตาย “ฉันอยากเป็นเพื่อนกับเธอ”

“ผมขอคิดดูก่อน ...คุณจะไม่อายเหรอถ้ามีเพื่อนเป็นโลเธีย” เฌอรีลเคยเจอคนพูดใส่หน้าอย่างรังเกียจมาแล้ว เขาไม่อยากเสียเพื่อนไปเพราะเหตุผลนี้อีก

“โลเธียผิดปกติตรงไหนเหรอ” อัมเบรย์ย้อนถามกลับมา “ทำไมถึงเป็นเพื่อนไม่ได้”

“คนอื่นจะดูถูกคุณ” เฌอรีลว่า “แล้วคุณจะเสียใจทีหลัง”

“ช่างเขาสิ คำพูดคนอื่นฉันไม่เคยเอามาใส่ใจ” อัมเบรย์ยักไหล่แล้วยิ้มออกมา เฌอรีลเพิ่งจะเห็นรอยยิ้มนี้ชัด ๆ ถนัดตาก็ตอนนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่ได้ใส่แว่นก็ตาม เขาหรี่ตาลง นึกบางอย่างขึ้นมาได้

“เพื่อนที่ว่านี่...หมายถึงเพื่อนแบบไหน เพื่อนทั่วไปหรือว่าเพื่อนแบบ...เพื่อนอย่างนั้น” ถ้าเป็นอย่างหลังเขาจะได้เขวี้ยงกระดูกไก่ใส่หน้าหล่อ ๆ นี่แล้วก็เผ่นออกมาจากร้านเสียเลย

“เพื่อนแบบเพื่อนน่ะ...เธอคิดไปถึงไหนกัน เพื่อนนอนเหรอ? ” คนฟังหน้าแดงแล้วกลับซีดเผือดตามเดิม

“โลเธียก็มีสถานะแบบนั้นอยู่แล้วนี่”

“บอกแล้วไงว่าสถานะของเธอขึ้นอยู่กับว่าเธอมองตัวเองเป็นแบบไหน ถ้าเป็นโลเธียผู้ต่ำต้อยก็คงจะต่ำต้อยตลอดไป” อัมเบรย์พูดเนิบ ๆ แล้วยิ้มเผล่ “ฉันเคยได้ยินคนเขาพูดมาน่ะ ไม่ได้พูดเองหรอก”

เฌอรีลพยักหน้า

“ผมก็ว่าอย่างนั้น” เขายิ้มออกมานิดหนึ่ง “เดอ มิเธีย ...เฌอรีล เดอ มิเธีย คือชื่อของผม”

“เดอ มิเธีย... เป็นชื่อตระกูลเก่าแก่ไม่ใช่หรือไง” อัมเบรย์พูดเนิบ ๆ มองหน้าอีกฝ่ายแล้วยิ้ม “ถ้าให้เดา เธอคงเป็นลูกลับ ๆ ของพวกเขาล่ะสิ”

“ก็ไม่เชิง แม่ของผมเป็นคนรับใช้ของตระกูลนั้น” เฌอรีลพูด แก้วตาสีน้ำตาลใสมีรอยเศร้าผ่านไปวูบหนึ่ง “ไม่มีใครยอมรับผมเป็นคนของตระกูล”

“เราคงเหมือนกันสินะ” อัมเบรย์หัวเราะห้าว ๆ ส่งมือไปให้โลเธียตรงหน้าจับ “อัมเบรย์ ...แฮมสตัน ยินดีที่ได้รู้จัก”

“แฮมสตัน ...ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย”

“นามสกุลทางแม่น่ะ มาจากทางเหนือ” ชายหนุ่มขยายความ บีบมือเล็ก ๆ นั้นเอาไว้ครู่หนึ่งแล้วก็คลายออก มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นข้างหน้าประตู อัมเบรย์ลุกขึ้นยืน “จาเรจ ตามเรามาเหรอ”

ร่างสูงใหญ่ของจาเรจก้าวเข้ามาในร้านด้วยท่าทางลำบากใจเล็กน้อย นัยน์ตาคมตวัดมองมาทางเฌอรีลอย่างไม่ไว้ใจ พอ ๆ กับเฌอรีลมองตอบกลับไป

“คุณ..ท่าน..ให้มาตามกลับบ้าน” ชายหนุ่มพูดติด ๆ ขัด ๆ มองหน้าอัมเบรย์เหมือนต้องการจะบอกอะไรสักอย่าง “ด่วน”

“ไม่ล่ะ” อีกฝ่ายตอบง่าย ๆ “กินอะไรมาหรือยัง มากินด้วยกันสิ กำลังอร่อยเลย”

จาเรจถลึงตามองจานอาหารบนโต๊ะของเฌอรีลราวกับเห็นผี อัมเบรย์พูดขึ้นมาก่อนราวกับรู้ทัน

“ไม่เอาน่า นายยังไม่เลิกบ้าความสะอาดอีกเหรอ นี่เฌอรีลเพื่อนฉันเอง ไม่เป็นไรหรอก มานั่งตรงนี้สิ” อัมเบรย์เลื่อนเก้าอี้ให้เพื่อนที่เดินเข้ามานั่งตัวตรงเผ็งเหมือนหุ่นยนต์ เฌอรีลมองอีกฝ่ายอย่างสงสัยแกมไม่ชอบหน้า

“เพื่อนของคุณคงรังเกียจโลเธียสินะอัมเบรย์”

“ไม่ใช่หรอก” อัมเบรย์หัวเราะห้าว ๆ “กินสิจาเรจ กินให้หมดนะ”

จาเรจเริ่มกินเหมือนเปิดสวิชต์ ชายหนุ่มนั่งนิ่งตักอาหารเข้าปากเคี้ยวกลืน พออัมเบรย์ตักอาหารใส่จานให้ จาเรจก็สะดุ้งจนทำส้อมหล่นกระทบพื้น

“.........”

ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนดูไม่ทัน รู้ตัวอีกทีจาเรจก็ลงไปคุกเข่าก้มหัวที่พื้นแล้ว เฌอรีลอ้าปากค้าง มองหน้าอัมเบรย์อย่างตกใจ

“ไม่ต้องเก็บหรอก เดี๋ยวร้านเขาก็มาเก็บเอง” อัมเบรย์พูดยิ้ม ๆ จับแขนอีกฝ่ายเอาไว้ “ลุกขึ้นมาเร็ว เป็นอะไรหรือเปล่า”

“.............” จาเรจลุกขึ้นมานั่งตัวตรงเหมือนเดิม

“เพื่อนของคุณเป็นอะไรมั้ย” เฌอรีลถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจ จาเรจตวัดสายตามองมาทางเขาอย่างถมึงทึง เฌอรีลเลยกลืนน้ำลายลงคอฝืด ๆ มั่นใจแล้วว่าอีกฝ่ายคงไม่ชอบหน้าเขาอย่างรุนแรงทีเดียว โลเธียคิดพลางยักไหล่

“เขานอนไม่พอน่ะ ทำงานหนัก” อัมเบรย์พูดยิ้ม ๆ “ใช่มั้ยจาเรจ นายควรจะต้องพักผ่อนบ้างสิ อยากไปนอนพักสักหน่อยมั้ย”

จาเรจหน้าซีดทันตาเห็น รีบตอบรัวเร็ว

“ไม่เป็นไร...ครับผม”

“พวกคุณคบกันมากี่ปีแล้วน่ะ” เฌอรีลถามเนิบ ๆ มองหน้าทั้งคู่อย่างสงสัย “ทำไมดูเกร็งจัง”

“เขาเป็นแบบนี้แหละ” อัมเบรย์ว่า “ไม่มีอะไรหรอก ความจริง...เรารู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วล่ะ”

“โห แล้วไหนบอกไม่มีเพื่อน” เฌอรีลแย้ง “คบกันมาตั้งแต่เด็กแท้ ๆ”

อัมเบรย์อมยิ้ม เปลี่ยนเรื่องอย่างนุ่มนวล

“เธออยากไปที่ไหนอีกมั้ยวันนี้”

“ผมต้องไปตัดแว่นก่อน ตอนนี้มองอะไรไม่ชัดเลย”

“เอาสิ ฉันก็อยากวัดสายตาอยู่เหมือนกัน”

เฌอรีลไม่ได้ว่าอะไรอีกตอนที่ชายหนุ่มทั้งสองคนติดสอยห้อยตามมาด้วย เขาคิดว่าอัมเบรย์คงไม่ใช่คนร้ายอะไร ส่วนจาเรจ ถ้าไม่นับดวงตาคมเหมือนเหยี่ยวคู่นั้นแล้วก็เป็นคนที่เงียบมาก ไม่พูดอะไรเลยสักคำ จะตอบก็ต่อเมื่ออัมเบรย์ชวนคุยเท่านั้น

เฌอรีลตัดแว่นเสร็จแล้วก็กลับหอพักของตัวเอง อัมเบรย์ไม่ได้ขอพักด้วยอีก พวกเขาบอกลากันง่าย ๆ ที่หน้าหอพักนั้นเอง

“เอาไว้จะมาชวนไปเที่ยวด้วยกันใหม่นะเฌอรีล” ชายหนุ่มพูด มองอีกฝ่ายทั่วตัวแล้วยิ้ม “หวังว่าคราวหน้าจะได้งานทำแล้วนะ”

“แน่นอน” เฌอรีลยืดตัวขึ้น “ถ้าได้งานแล้วจะพาไปเลี้ยงคืนนะ” เขาหมายถึงมื้ออาหารที่อัมเบรย์เลี้ยง

“ตกลง ไปก่อนนะ”

อีกฝ่ายเดินกลับออกไปแล้วพร้อมกับเพื่อน เฌอรีลถึงเพิ่งนึกได้ว่าไม่มีวิธีติดต่อกับอีกฝ่ายเลย แม้แต่เบอร์โทรศัพท์ก็ไม่มี

“ช่างเถอะ” เฌอรีลส่ายหน้า

เขาออกไปสมัครงานอีกหลายที่ตลอดทั้งอาทิตย์นั้น แต่ไม่มีที่ไหนเรียกสัมภาษณ์เลยแม้แต่ที่เดียว แม้ว่าเฌอรีลจะเรียกเงินเดือนต่ำมากแล้วก็ตาม เขาก็ยังแพ้บรรดาบีเธียวุฒิปริญญาตรีทั้งหลายอยู่ดี

“ยังไม่ได้งานอีกเหรอ” มาเรียน่าเข้ามาทำความสะอาดในห้องพักของเขาทักขึ้น “ใกล้จะถึงวันจ่ายค่าเช่าห้องแล้วนะ”

“ฉันรู้แล้วน่า จะทำยังไงได้ล่ะ” เฌอรีลถอนหายใจยาว “สงสัยต้องกลับไปหาอาจารย์โมฮาแล้วล่ะมั้ง เผื่อว่าอาจารย์จะมีงานให้ทำบ้าง”

“ไม่เลือกงานไม่ยากจนหรอกน่ะ เคยได้ยินบ้างมั้ย”

“ฉันไม่ได้ตั้งหน้าตั้งตาเรียนมาเพื่อจะมาถูพื้นล้างห้องน้ำหรอกน่ะมาเรียน่า” เฌอรีลจุ๊ปาก “เก็บเอาไว้เป็นงานสุดท้ายเถอะ”

“สุดท้ายเธอก็จะต้องทำมันเฌอรีล” มาเรียน่าหัวเราะ “ไม่มีตำแหน่งงานดี ๆ ให้โลเธียหรอก ฉันบอกเธอแล้ว”

“อย่ามาพูดให้เสียกำลังใจกันน่า” เฌอรีลถอนหายใจอีกรอบ เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เขารีบเอื้อมมือไปกดรับ “ศาสตราจารย์โมฮานี่ เพิ่งพูดถึงเมื่อกี้นี้เลย”

ศาสตราจารย์ของเขาโทรมาถามข่าวคราวสารทุกข์สุขดิบอยู่พักหนึ่งแล้วก็ถามเรื่องงานของเขา เฌอรีลตอบไปตามตรงว่ายังหางานทำไม่ได้เลย ฝ่ายนั้นเลยบอกให้เขาไปลองสมัครที่มูลนิธิโนเธียดู

“มูลนิธิอะไรนะครับ”

“มูลนิธิโนเธีย” ปลายสายตอบกลับมาเนิบ ๆ “ฉันรู้มาว่าเขาต้องการตำแหน่งเลขาฯ ของมูลนิธิ เธอลองไปสมัครดูสิ น่าสนใจดีนะ”

“ขอบคุณครับอาจารย์”

เฌอรีลค้นหารายละเอียดเกี่ยวกับมูลนิธินั้นแล้วก็พบว่ามันถูกก่อตั้งเมื่อเกือบร้อยปีก่อน โดยโลเธียคนหนึ่งที่ชื่อว่าอาคิล่า อาคิล่าเป็นเหมือนตำนานของโลเธียเลยทีเดียว เขาเป็นโลเธียคนแรกที่ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยและจบออกมาทำงานในเป็นทนาย ไต่เต้าขึ้นมาจนถึงตำแหน่งผู้พิพากษาโลเธียคนแรกในประวัติศาสตร์ จะว่าไปทุกอย่างเกิดขึ้นได้เป็นเพราะเขาได้แต่งงานกับอิลิเธียคนหนึ่งที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในสมัยนั้น

อาคิล่าก่อตั้งมูลนิธิโนเธียขึ้นเพื่อช่วยเหลือโลเธียโดยเฉพาะ เฌอรีลเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนสมัยที่เรียนวิชาสังคมตอนเด็ก ๆ

ตำแหน่งเลขาฯ ของมูลนิธิจำเป็นต้องใช้คนจบดอกเตอร์อย่างเขาเชียวเหรอ...เฌอรีลส่ายหน้า เวลานี้ไม่ใช่เวลาจะมานั่งคิดเรื่องตำแหน่งกับวุฒิการศึกษา เรื่องสำคัญตอนนี้ก็คือหางานทำให้ได้ ก่อนที่เขาจะได้ออกไปนอนข้างถนนจริง ๆ

เฌอรีลเดินไปทางที่มูลนิธิโนเธียในวันรุ่งขึ้น เขากวาดตามองบรรยากาศรอบ ๆ อาคารสีขาวบริสุทธิ์ล้อมรอบด้วยสวนดอกกุหลาบสีแดงสดอย่างพอใจ ถ้าได้ทำงานที่นี่ก็คงไม่เลวเท่าไหร่ ชายหนุ่มจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วก็เดินเข้าไปในตัวอาคาร

“ติดต่อเรื่องอะไรคะ”

“สวัสดีครับ ผมมาสมัครงาน ..ตำแหน่งเลขาฯ ของมูลนิธิครับ” เขาพูดอย่างสุภาพ หญิงสาวยิ้มให้เขา

“คุณเฌอรีลใช่มั้ยคะ”

“ใช่ครับ” เฌอรีลประหลาดใจ

“ท่านกำลังรอพบคุณอยู่เลยค่ะ”

เฌอรีลเดินไปตามทางเดินอย่างกังวลขึ้นมานิด ๆ ท่านที่รอพบเขาอยู่คือใครกัน ...ชายหนุ่มเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องประชุมแล้วยกมือขึ้นเคาะ

“เชิญ” เสียงดังขึ้นจากข้างใน

เฌอรีลก้าวเข้าไปข้างในห้องประชุมขนาดกลางที่ตกแต่งเอาไว้อย่างหรูหราพอสมควร ผู้ชายสูงวัยคนหนึ่งนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะเหมือนรอเขาอยู่ก่อนแล้ว

“สวัสดีครับ”

“ดอกเตอร์เฌอรีล ..เชิญนั่ง” ฝ่ายนั้นพูดเนิบ ๆ ผายมือให้เขาเข้าไปนั่งตรงข้าม “ได้ยินชื่อคุณมาสักพัก ดีใจที่ได้เจอตัวจริงนะ”

“ครับ” เฌอรีลนั่งตัวตรงไม่วอกแวก แม้จะตื่นเต้นมากก็ตาม เขานึกชื่อผู้ชายตรงหน้าออกแล้ว เขาคือ ราฟาเอล อดีตนักการเมืองมือเก๋าที่ถอนตัวออกจากรัฐบาลชุดก่อน

“ลืมแนะนำตัวเองไป ชื่อของฉันคือราฟาเอล เป็นประธานของมูลนิธินี้” ชายสูงวัยพูด ส่งยิ้มให้เขาเล็กน้อย “ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้คุณเฌอรีล ฉันเห็นโปรไฟล์ของคุณแล้วก็เกิดความสนใจขึ้นมาอย่างมาก ตำแหน่งเลขาฯ ของมูลนิธิแห่งนี้ยังขาดคนอยู่พอดี คนเก่าเขาเพิ่งจะลาออกไปน่ะ ฉันเลยอยากชวนคุณมาทำงานด้วยกัน เพื่อเหล่าโลเธียที่ด้อยโอกาสทั้งหลาย”

ราฟาเอลเล่าจุดประสงค์ของมูลนิธิฯ ให้เขาฟังคร่าว ๆ แล้วก็พาเดินชมภายในมูลนิธิฯ แห่งนั้น เจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ เกินครึ่งเป็นโลเธีย ส่วนที่เหลือเป็นบีเธีย คงมีเพียงราฟาเอลคนเดียวในที่นี้ที่เป็นอิลิเธีย

“นอกจากงานในมูลนิธิฯ แล้ว คุณมีหน้าที่ติดตามฉันด้วย บางทีฉันก็จำเป็นจะต้องไปพบปะกับคนอื่นอยู่บ้าง” อดีตนักการเมืองพูดช้า ๆ “ฉันแก่แล้วไม่ว่องไวเหมือนหนุ่ม ๆ อาจจะต้องพึ่งคุณบ้างบางครั้ง”

“ครับท่าน” เฌอรีลก้มศีรษะรับ เขาตอบรับงานนี้อย่างไม่ลังเล แม้ว่าจะไม่ตรงกับสายงานที่เรียนมาก็ตาม อย่างน้อย...ทำงานกับโลเธียและเจ้านายที่ดูน่าเลื่อมใสอย่างราฟาเอลก็คงจะดีกว่าตกงานต่อไปแน่ “จะให้ผมเริ่มงานเมื่อไหร่ครับ”

“พรุ่งนี้ก็ได้ ถ้าคุณสะดวก”

“ตกลงครับ” เฌอรีลว่า พวกเขาเดินมาหยุดที่หน้าสวนดอกกุหลาบแดงก่ำตัดกับสนามหญ้าสีเขียวสดน่าดู มีใครคนหนึ่งกำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ในสวนอย่างสบายอารมณ์ เฌอรีลมองเห็นหน้าเขาถนัดก็เบิกตาโต

“นั่นคนดูแลสวนของเรา ...อัมเบรย์ เพิ่งเริ่มทำงานวันนี้” ราฟาเอลพูดขึ้นราวกับอ่านใจเขาออก

“ครับ” เฌอรีลพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเห็นผู้ชายคนนั้นหันมามองเขาแล้วยิ้มมุมปากเหมือนพอใจอะไรสักอย่าง ใกล้ ๆ กันนั้นมีผู้ชายอีกคนเดินลากสายยางตามหลังมาใกล้ ๆ ...จาเรจนั่นเอง

“คนสวนเรามีสองคน” ราฟาเอลพูดกลั้วหัวเราะเล็กน้อย “เดี๋ยวฉันจะแนะนำคุณให้รู้จักเจ้าหน้าที่ทุกคนในที่นี้”

“ขอบคุณครับ” เฌอรีลพึมพำ ออกเดินตามหลังประธานมูลนิธิฯ ไป รู้สึกได้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองตามมาจนลับตา

...........................................................................

มาอัพต่อนะคะ

เรื่องนี้เราขอเข้าโลกอิลิเธียแบบเต็มรูปแบบเลยนะ

เจอกันตอนหน้า

#คุณขอแค่รัก

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
หลอกแน่ๆ เล่นซะเนียนเชียะ

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
เราขำคนสวนตำแหน่งลากสายยางอ่าา สงสารจาเรจ นางต้องเป็นตัวเกร็ง ตัวฮาในเรื่องนี้ของเราแน่ๆ 55555

ออฟไลน์ badbadsumaru

  • ♡ caramel macchiato
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
โอ้ยยย ขำจาเรจ 55555555

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
เนียนมากกกกกกกกกกก คนสวนที่มีคนสวนอีกคน คอยลากสายยางให้  :laugh:
ขำจาเรจ ต้องมีอะไรฮาๆเพราะจาเรจอีกแน่ๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-03-2020 16:41:06 โดย Ac118 »

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
อะๆ ยังไงสิๆ

ออฟไลน์ smilymoon

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
  เรื่องน่ารักจ้ง  ชอบมาก

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
ชอบเรื่องนี้

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
คนสวน จาเรจ มีตำแหน่ง ลากสายยาง ขำ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ BM_CBC

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 58
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
เจ้าบู้บี้เป็นตำนาน เป็นบุคคลสำคัญของโลกนี้ไปแล้วสินะ เก่งมากเลย
ส่วนอัมเบรย์กับจาเรจกลายเป็นคนสวนไปแล้ว 55555555

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
Ai cherish you.

#คุณขอแค่รัก

ตอนที่ 2









“เป็นอย่างไรบ้างล่ะ งานหนักมั้ย”อัมเบรย์เดินมาทิ้งตัวลงนั่งข้าง ๆ โลเธียหนุ่มแล้วส่งยิ้มให้ “ชอบหรือเปล่า”

เฌอรีลพยักหน้ารับ

“ก็ดีอยู่ งานไม่หนักแต่มีอะไรให้ต้องเรียนรู้เยอะเลย ผมไม่เคยรู้เลยว่างานเลขาฯของมูลนิธิจะต้องทำอะไรมากขนาดนี้ด้วย บัญชีก็ต้องทำงานประชาสัมพันธ์ คิดคำคม คิดโครงการติดต่อประสานงานนู่นนี่นั่น”

อัมเบรย์หัวเราะเบา ๆ

“ชื่อก็บอกว่าเลขาฯนี่นะ ได้เรียนรู้งานหลาย ๆ อย่างไม่ดีเหรอ”

“มันก็สนุกดีนั่นแหละ” เฌอรีลถอนหายใจ “แต่มันไม่ตรงกับสายที่ผมเรียนจบมาเลย ผมรู้สึกเหมือนตัวเองไม่ได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาเท่าไหร่”

“เธอลองเอามาประยุกต์ใช้ดูสิ คิดแบบหลักเศรษฐศาสตร์ ...ฉันก็ไม่ค่อยรู้หรอกนะ วัน ๆ รดน้ำพรวนดินไปก็พอแล้ว” อัมเบรย์พูดแกมหัวเราะ คนฟังขมวดคิ้ว

“จริงสิ ผมว่าจะถามคุณมาหลายทีแล้ว คุณเป็นบีเธียจบปริญญาตรี ทำไมถึงมาทำงานคนสวนของโลเธียล่ะ คุณน่าจะหางานได้ดีกว่านี้นะ จะได้คุ้มค่ากับที่คุณเรียนมา”

อัมเบรย์ยักไหล่

“ฉันชอบงานนี้ ใครบอกว่างานสวนไม่ต้องใช้ความรู้กันทุกวันนี้ฉันต้องคำนวณตลอดว่าจะใช้ปุ๋ยเท่าไหร่ ใช้ดินใช้น้ำแค่ไหนถึงจะได้ประโยชน์สูงสุด ..สิ่งที่เราเรียนรู้มามันอยู่ในงาน อยู่ในชีวิตประจำวันของเรานั่นล่ะ ขึ้นกับว่าเราจะเอามาใช้ได้แค่ไหน”

คนฟังเงียบไป ลมพัดมาวูบหอบเอากลิ่นหอมอ่อน ๆ ของดอกไม้หลากชนิดมาด้วย ละอองดอกไม้เล็ก ๆ สีขาวปลิวมาตามลม เฌอรีลยื่นมือไปจับเอาไว้

“เมล็ดของดอกแดนดิไลออน” อัมเบรย์พูดเนิบ ๆ เอื้อมมือไปจับละอองบางเบาสีขาวเหมือนปุยนุ่นมาไว้บ้าง “มันจะปลิวไปตามลม ถ้าไปตกตรงไหนก็จะงอกตรงนั้น”

“แดนดิไลออน” เฌอรีลทวนคำ“ผมเคยได้ยิน ใช่ดอกเล็ก ๆ สีเหลือง ๆ หรือเปล่า”

“ใช่แล้ว” ชายหนุ่มยิ้ม“ไปดูกันมั้ยล่ะ”

เฌอรีลลุกขึ้นเดินตามร่างสูงใหญ่ในชุดคนสวนนั้นไป อัมเบรย์พาเขามาดูดอกไม้เล็ก ๆ ชนิดหนึ่งสีเหลืองสดใส ใบเป็นหยักแหลม ๆ ข้างกันนั้นเป็นดอกที่กลีบหายไปหมดแทนที่ด้วยปุยสีขาวของเมล็ดพันธุ์ที่พร้อมจะออกเดินทาง

“ลองเป่าดูสิ” อัมเบรย์ส่งให้เฌอรีลถือเอาไว้ “แดนดิไลออนเป็นดอกไม้แห่งความสุขและความหวังเชื่อกันว่าถ้าเป่าเมล็ดของมันออกได้หมดในครั้งเดียว คำอธิษฐานของเธอก็จะเป็นจริง”

เฌอรีลพินิจพิจารณาดูดอกไม้เล็ก ๆ ดอกนั้นอย่างตั้งใจแล้วก็ส่งคืนให้อีกฝ่าย

“ผมยังไม่มีเรื่องที่ต้องอธิษฐานครับ”

อัมเบรย์อมยิ้ม รับมาถือเอาไว้

“แดนดิไลออนสีเหลืองหมายถึงมิตรภาพชั่วนิรันดร์...ฉันขอให้เราเป็นเพื่อนกันจนกว่าจะถึงวันนั้นนะ” ชายหนุ่มพูดจบก็เป่าลม เมล็ดสีขาวปุยหลุดลอยออกจากฐานของดอกไปจนหมดเกลี้ยง เฌอรีลยิ้มกว้าง

“สุดยอดไปเลย” เขาลืมถามไปเสียสนิท ว่าวันนั้นที่อีกฝ่ายว่าน่ะ...หมายถึงวันไหนกันแน่

มีแขกมาหาท่านราฟาเอลในตอนบ่ายเฌอรีลยกกาแฟเข้าไปเสิร์ฟให้ราฟาเอลและแขกผู้นั้น พอเห็นหน้าถนัดโลเธียหนุ่มก็ตกใจไม่น้อย ...เขาคือดอกเตอร์ฟิเลอา นายกรัฐมนตรีของประเทศอิลิเธีย

“ไม่นึกเลยว่าท่านนายกฯจะให้เกียรติมาเยี่ยมฉันด้วยตัวเองถึงที่นี่” ราฟาเอลพูดเนิบ ๆ ไม่ได้ส่งสัญญาณให้เฌอรีลออกไปเขาเลยถอยมายืนอยู่ห่าง ๆ อย่างระมัดระวัง

“ใกล้เลือกตั้งเข้ามาทุกที ผมก็ต้องมาหาท่านอยู่แล้ว”

“ฉันวางมือจากการเมืองไปนานแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก”

คนฟังยิ้มอย่างรู้ทัน

“ใคร ๆ ก็ทราบดีว่าท่านยังมีบทบาทอย่างไรในทางการเมืองโดยเฉพาะ...ความเป็นพระสหายสนิทของฝ่าบาท”

ราฟาเอลหัวเราะขัน ๆ

“แค่เพื่อนร่วมชั้นกันเท่านั้น ตอนนี้ฉันเป็นตาแก่ดูแลมูลนิธิเล็ก ๆ เลี้ยงนกตกปลาไปวัน ๆคุณมาเสียเที่ยวแล้วล่ะ”

“เกรงว่าคำว่ามูลนิธิฯ เล็ก ๆ นี้จะเป็นการถ่อมตัวมากเกินไปนะท่านมูลนิธิฯเล็ก ๆ ที่มีเงินทุนหมุนเวียนมากกว่าครึ่งของงบประมาณประเทศ...” ฟิเลอาพูดเสียงแข็งขึ้นเล็กน้อย “ผมพยายามที่จะขอความร่วมมือจากท่าน ในการเลือกตั้งสมัยหน้า โปรดสนับสนุนผมและพรรคลิมิเธียด้วยครับ”

ราฟาเอลยังคงยิ้มนิด ๆ อยู่เช่นเดิม

“คุณกำลังขู่ฉันเหรอ ดอกเตอร์ฟิเลอา”

“ผมไม่กล้าขู่ท่านหรอกครับ” แขกผู้มาเยือนพูด “ผมเพียงแต่..จับตามองท่านและมูลนิธิฯของท่านอยู่เงียบ ๆ ผมทราบดีว่าท่านอยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงอำนาจทางการเมืองเมื่อหลายปีก่อนที่ท่านจะประกาศวางมือ ท่านและ..เจ้านายของท่าน”

“พวกเราประชาชนของประเทศอิลิธาเนียต่างมีเจ้านายคนเดียวกันไม่ใช่หรือ” ราฟาเอลพูดเนิบ ๆ อมยิ้มนิดหนึ่ง “คิดให้ดีก่อนจะพูดอะไรนะ..ท่านนายกฯ”

อีกคนนิ่งอั้น

“ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น” ฟิเลอาพูดตะกุกตะกัก “ท่านอย่าเข้าใจผิด ผมไม่บังอาจแตะต้องอำนาจส่วนนั้น แต่ว่า...ผมหมายถึงอำนาจแห่งรัฐ อำนาจในการบริหารบ้านเมือง”

“คุณเป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ จะกลัวอะไรไปล่ะ” ราฟาเอลว่า“สิ่งที่คุณควรทำคือหาเสียงกับพี่น้องประชาชนมากกว่าจะมาขอร้องฉันมากกว่ากระมัง”

“บางทีอาจจะกลับกัน” ฟิเลอาพูด“ท่านรู้ดีเราทุกคนต่างรู้ดีว่ารัฐบาลของเราถูก‘เลือก’เอาไว้แล้วตั้งแต่ก่อนที่จะเลือกตั้งจริงเสียอีก”

“ฉันฟ้องเอาผิดคุณได้นะ ท่านนายกฯ” ราฟาเอลพูดกลั้วหัวเราะ

“ผมยอม ถ้าหากท่านเห็นแก่ประเทศชาติ ก็ควรจะร่วมมือกับผม”

“ตลอดชีวิตที่ฉันทำงานมา ฉันได้ยินคนพูดประโยคนี้มานับไม่ถ้วนแล้ว แต่น้อยคนนักที่จะหมายความตามที่พูดจริง ๆ” ราฟาเอลว่า “คุณกลับไปเถอะ ฉันขอยืนยันคำเดิมว่าฉันวางมือจากการเมืองแล้ว”

“ฝ่าบาทจะสละราชย์แล้วนะท่าน” ฟิเลอาพูดด้วยเสียงกระซิบ เฌอรีลเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ ราฟาเอลดูไม่แปลกใจแม้แต่น้อย “ท่านรู้อยู่แล้ว” ฟิเลอาอุทาน

“สักวันหนึ่งก็ต้องมาถึงไม่ใช่เหรอ”

“ท่านก็รู้ว่าเจ้าชายรัชทายาทเป็นอย่างไร” ฟิเลอาหน้าเคร่งขึ้น “คนอย่างเขาไม่มีทางรวบรวมอำนาจได้”

คิ้วสีดอกเลาของราฟาเอลเลิกขึ้นน้อย ๆ

“แล้ว...ใครล่ะที่เหมาะสม”

“โอรสองค์โตที่แท้จริงของฝ่าบาทยังไงล่ะ”

“คน ๆ นั้นละทิ้งบัลลังก์ ไม่ใฝ่หาอำนาจ” ราฟาเอลพูดเนิบ ๆ “คงจะยากหน่อยนะ”

ดอกเตอร์ฟิเลอาสบตาอีกฝ่ายนิ่งนานแล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง ท่าทางเป็นต่อ

“ผมกะเอาไว้อยู่แล้ว ...แสดงว่าข่าวลือเป็นจริงเขากลับมาแล้วสินะ”นายกรัฐมนตรีพูดด้วยท่าทางยินดีอย่างยิ่ง“ท่านอย่าพยายามปกป้องเขาอีกต่อไปเลยถึงอย่างไร...ด้วยสายเลือดของเขาก็จะต้องขึ้นสู่อำนาจแน่” เขาพูดอย่างหมายมั่น “ผมฝากท่านไปบอกเขา ว่าผมพร้อมที่จะสนับสนุนเขาทุกวิถีทางขอแค่อย่างเดียว...ให้ผมเป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกสมัย..แค่นั้น” ดอกเตอร์ฟิเลอาพูดจบก็ลุกขึ้นยืนก้มศีรษะให้ราฟาเอลนิดหนึ่งก่อนจะเดินกลับออกไป

เฌอรีลก้มหน้าลงต่ำตอนที่ท่านนายกฯเดินผ่านหน้าเขาในระยะประชิด ฟิเลอาชะงักฝีเท้า หันมามองเขาเขม็ง

“เธอชื่ออะไร”

“เฌอรีลครับ”

“เลขาฯคนใหม่ของฉันเอง คุณฟิเลอาหวังว่าคุณคงจะไม่ถึงขั้นซักประวัติคนของฉันหรอกนะ” ราฟาเอลพูดขึ้น หางเสียงมีแววแข็งกร้าวเล็กน้อย

“โลเธีย?” ฟิเลอามองอย่างดูถูกแล้วก็ก้าวยาว ๆ ออกไปจากห้อง

เฌอรีลยืนนิ่งขึง นึกโกรธขึ้นมาฉับพลัน

“เป็นคนไม่มีมารยาทเลยนะว่ามั้ย นายกฯของประเทศนี้น่ะ” ราฟาเอลพูดเนิบ ๆ “เฌอรีล ช่วยเอากาแฟไปเก็บทีสิ แล้วก็ไปพักผ่อนก่อนก็ได้นะ ตอนเย็นค่อยเอาแฟ้มเข้ามาคุยกันต่อ”

“ครับท่าน” เฌอรีลเข้าไปเก็บถาดกาแฟ เขาสวนกับอัมเบรย์และจาเรจที่ตรงทางเดิน

“เป็นอะไรไป หน้าบึ้งเชียวโกรธใครมาเหรอ”อัมเบรย์หยุดทัก เฌอรีลส่ายหน้า “หรือว่าหิว...จาเรจ..หาขนมให้เฌอรีลกินหน่อยสิ”

จาเรจที่ยืนนิ่งอยู่เหมือนรูปปั้นรีบเปิดกระเป๋าเสื้อหาของวุ่นวาย

“ไม่เป็นหรอกครับ ผมไม่หิวแค่โมโหนิดหน่อย”เฌอรีลสายหน้า จาเรจรีบยื่นลูกอมมาให้ “ไม่ต้องหรอกนายเก็บไว้กินเถอะ”

“รับไปสิ ท่าน..อัมเบรย์ให้กินนะ” จาเรจพูดเสียงห้วนเฌอรีลเลยรับมาเพราะกลัวว่าถ้าไม่รับแล้วอีกฝ่ายจะกระโจนเข้ามายัดใส่ปากเขา

“เป็นเพื่อนที่พิลึกจริง ๆ นะ” เฌอรีลว่า แกะลูกอมใส่ปาก รสหวานหอมช่วยให้อารมณ์ดีขึ้นมาก “ขอบใจมาก”

“กำลังจะไปที่ไหนเหรอ” อัมเบรย์ถามต่อมาอีก

“ว่าจะไปตลาดเสียหน่อยน่ะพรุ่งนี้มีงานเลี้ยงอาหารกลางวันของโลเธียในชุมชน ผมอยากจะทำอะไรไปเลี้ยงกับเขาบ้าง”

“ฟังดูน่าสนุก” อัมเบรย์อมยิ้ม “จาเรจ นายไปกับเฌอรีลด้วยสิ จาเรจทำกับข้าวเก่งมากเลยนะ เรียกว่ายอดฝีมือเลยล่ะ แถมยังแบกของเก่งด้วยนายไปช่วยเฌอรีลเลือกของแล้วก็ขนกลับมาทำที่นี่แล้วกัน ฉันจะได้ช่วยด้วย”

“..........” จาเรจทำหน้าเหมือนถูกบังคับให้กินยาขม แต่ก็ไม่กล้าท้วง ได้แต่เดินคอแข็งตามหลังเฌอรีลไปอย่างไม่เต็มใจ

อัมเบรย์ยกมือขึ้นเคาะประตูห้องทำงานของราฟาเอลเบา ๆ รอให้เจ้าของห้องอนุญาตถึงได้ก้าวเข้าไปข้างในท่านประธานมูลนิธิเพื่อโลเธียกำลังนั่งอ่านอะไรอยู่ในมืออย่างขะมักเขม้น

“ว่าแล้วว่าจะต้องเสด็จมา” ราฟาเอลพูดแล้วลุกขึ้นยืนทำความเคารพ อัมเบรย์ยกมือขึ้นห้าม

“พูดกับผมปกติเถอะ คำพวกนั้น...ฟังแล้วขนลุก” ชายหนุ่มยกมือขึ้นถูแขน “ตอนนี้ผมเป็นคนสวนของลุงนะ”

ราฟาเอลหัวเราะเบา ๆ

“ถ้าไม่พูด แล้วเมื่อไหร่จะคุ้นเสียทีล่ะ”อดีตนักการเมืองมือฉมังพูดยิ้ม ๆผายมือให้อีกฝ่ายนั่ง“เชิญนั่งก่อนจาเรจไม่มาด้วย...เดาว่าคงติดตามเลขาฯของผมไปที่ไหนสักแห่งสินะ”

“สองคนนั้นไปตลาดกัน” อัมเบรย์พูดอย่างไม่ใส่ใจมากนัก อีกฝ่ายมองอย่างรู้ทัน “เฌอรีลสายตาสั้นมาก ซุ่มซ่ามก็เท่านั้น ผมไม่อยากให้เขาไปทำลายข้าวของที่ตลาดเพิ่ม”

“ไม่ใช่ว่าเป็นห่วงจนต้องให้องครักษ์คอยติดตามหรอกเหรอ”

อัมเบรย์ยิ้มขัน

“จาเรจไม่ใช่องครักษ์ของผมแต่เป็นเพื่อนต่างหาก”

“ก็เข้าใจได้อยู่ ทรงเลือกว่าที่ราชินีองค์นี้มาเองนี่นะ”

คราวนี้คนฟังหัวเราะออกมาเสียงดัง

“พูดอะไรน่ะ” ชายหนุ่มหัวเราะจนน้ำตาไหล “เฌอรีลไม่ใช่ราชีนีหรอก ไม่ใช่เลยสักนิด”

“นี่กระหม่อมดูผิดไปหรอกเหรอ นึกว่าทรงคัดเลือกมาให้กระหม่อมฝึกฝนเสียอีก” ราฟาเอลพูดเนิบ ๆ “ถึงหน้าตาจะดูเด็กไปหน่อย แต่สติปัญญาเฉลียวฉลาดเรียนรู้ได้ไว ที่สำคัญที่สุดคือซื่อสัตย์จริงใจมาก”

อัมเบรย์อมยิ้ม

“ผมแค่เจอเขาโดยบังเอิญ เลยอยากจะช่วยเหลือสักหน่อย ..ขอพูดเป็นครั้งสุดท้าย อย่าใช้คำพวกนั้นกับผมอีก ผมไม่ใช่เจ้านาย เป็นแค่คนธรรมดา”

“ถึงอย่างไรก็ปฏิเสธสายเลือดสีน้ำเงินในตัวไม่ได้หรอกครับ” ราฟาเอลพูด“เมื่อถึงเวลา...ก็จะต้องเป็นแบบนั้น”

“ไม่หรอกครับ” อัมเบรย์พูดอย่างมั่นใจ“ผมจะเป็นคนกำหนดอนาคตของตัวเองไม่ใช่ใครหรือแม้แต่..สายเลือด”

“หมายถึงอนาคตของประเทศนี้ด้วยหรือเปล่า”

“อนาคตของประเทศนี้ก็คือประชาชนทุกคนในอิลิธาเนีย ไม่ได้ขึ้นตรงกับใครคนใดคนหนึ่ง ขออย่างนั้นมันโบราณเก่าคร่ำครึไปแล้ว”

“หมายถึงพระบิดาหรือ” ราฟาเอลขมวดคิ้ว “ขอโทษ...พ่อของท่านหรือ”

“..........” อัมเบรย์ไม่ตอบ

“ท่านคงทราบดีว่าเมื่อสักครู่นี้ฟิเลอามาที่นี่” ราฟาเอลพูด“ใกล้เลือกตั้งเข้ามาแล้ว”

“เดาว่าคงจะมาพูดเรื่องเดิม ๆ สินะนิสัยนักการเมืองนี่แก้ไม่หายเลยจริง ๆ”อัมเบรย์หัวเราะ

“เราคงต้องเร่งมือกันหน่อยแล้วนะครับ” ราฟาเอลพูดอย่างเคร่งขรึม “เป้าหมายของเราก็คงจะรู้ตัวแล้ว งานนี้ใครช้ากว่าก็เท่ากับจบเกม”

“ผิดแล้วราฟาเอล” อัมเบรย์ว่า“ไม่ใช่คนที่เร็วกว่าจะชนะคนที่ครองใจได้มากกว่าต่างหากล่ะ”ชายหนุ่มพูดเนิบ ๆ ทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างแล้วยิ้มกว้าง เห็นโลเธียตัวเล็กบางกำลังชี้นิ้วบงการอะไรสักอย่างกับผู้ชายตัวสูงโย่งท่าทางน่าขัน “ผมต้องการแค่นั้นเอง”

......................................................................................

“ตัวออกใหญ่ทำไมแรงน้อยจัง รีบเดินหน่อยสิจาเรจ” เฌอรีลว่าแบกตะกร้าในมือขึ้นเดินฉับ ๆ ออกมาจากย่านตลาดสด จาเรจหน้างอหิ้วถุงปลาสด ๆ เต็มสองมือตามหลังโลเธียหนุ่มไปอย่างหงุดหงิดกลิ่นคาวปลาตลบอบอวลจนใครต่อใครต่างหลีกหนีแทบไม่ทัน “เรายังเหลือขนมปังกับนมสดอยู่อีกนะ”

“ใครจะกินก็แบกเอาเองสิ” จาเรจว่าขมวดคิ้วใส่โลเธียหน้าอ่อนไม่เข้าใจเลยว่าอัมเบรย์เห็นดีเห็นงามอะไรในตัวโลเธียคนนี้กันแน่

“อัมเบรย์ให้คุณมาช่วยผมถือของนะ”

“.............” พอเอ่ยชื่ออัมเบรย์ อีกฝ่ายก็เงียบกริบไม่มีปากเสียงอีกต่อไป เฌอรีลหัวเราะร่า เดินเข้าไปซื้อขนมปังสองแถวยาวกับนมสดต่อ

“เดี๋ยวผมถือเอง” เห็นจาเรจถือของมากแล้ว เฌอรีลก็ชักสงสารเลยหิ้วขนมปังกับนมสดเอาไว้เสียเองจาเรจทนดูคนตัวเล็กกว่าเดินตัวเอียงไปเอียงมาไม่ได้ก็เลยคว้าของทั้งหมดมาถือเอาไว้ไม่พูดไม่จา “เดี๋ยวสิจาเรจ รอผมด้วย”จาเรจจ้ำอ้าวเดินนำหน้าหนีมาจนเกือบสุดถนนแล้วก็ชะงักกึกเมื่อพบว่ามีลูกสุนัขขนปุยสองตัววิ่งเตาะแตะเข้ามาหา “ดูสิลูกหมาล่ะ พวกมันน่ารักจัง”เฌอรีลย่อตัวลงไปจับตัวลูกสุนัขพวกนั้น

“ระวังแม่ของมันจะมา” จาเรจพูดไม่ทันขาดคำร่างปราดเปรียวของสุนัขโตเต็มวัยตัวหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น มันจ้องดวงตาคมกริบมายังพวกเขาอย่างถมึงทึง เห่าสองทีพวกลูกน้อยก็วิ่งตรงเข้าไปหา “มันมาแล้ว”

“แม่มารับแล้วเหรอ” เฌอรีลถอนหายใจท่าทางแม่สุนัขหวงลูกของมันยิ่งกว่าจงอางหวงไข่เสียอีก มันทำท่าจะกระโจนเข้าใส่มนุษย์ทั้งคู่ “จาเรจถอยไปคุณรีบเอาของกลับไปที่มูลนิธิฯนะ”

“แล้ว...ล่ะ” จาเรจเว้นช่องว่างเอาไว้ให้เติมเอาเองเหมือนกับว่าชายหนุ่มนึกไม่ออกว่าควรแทนตัวเฌอรีลว่าอะไรดี “ผมจะล่อมันเอาไว้เอง”

“อย่าอวดเก่งน่า ลูกหมาแค่นี้ผมจัดการได้สบายอยู่แล้ว” เฌอรีลว่าหันไปคว้าหัวไชเท้ากับนมสดมาถือเอาไว้ กางแขนออกบังจาเรจ พอแม่หมากระโจนใส่เขาก็ฟาดหัวไชเท้าใส่หลังมันแทนการเตือนเบาะ ๆ จาเรจอ้ำอึ้ง จะเดินหนีก็ไม่กล้า ได้แต่หมุนตัวยื่นเท้ายาว ๆ มาช่วยเฌอรีลบ้างจนสุนัขแม่ลูกอ่อนตัวนั้นยอมถอยไป เฌอรีลย่อตัวลงเทนมสดใส่ในชามเก่า ๆ แถวนั้น

“คุณทำอะไรน่ะ”

“ผูกมิตรกับมันเอาไว้ไง เผื่อคราวหน้ามาเจอกันมันจะได้จำได้”

จาเรจพ่นเสียงหึออกมา

“มันเป็นสัตว์ ไม่รู้จักบุญคุณคนหรอก”

“ใครบอก ถ้ามันมีสมองก็ต้องเรียนรู้ได้ทั้งนั้น” เฌอรีลพูดแล้วลุกขึ้นยืน “เอาล่ะรอบหน้าฉันจะหาอะไรที่ดูอร่อยกว่านี้มาให้นะ”




ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk









จาเรจเดินตามหลังเฌอรีลต่อไปเงียบ ๆ เฌอรีลแวะซื้อขนมมาแบ่งกับเขาแล้วก็เก็บเอาไว้อันหนึ่ง บอกว่าจะเอาไปฝากอัมเบรย์ด้วยจาเรจไม่แน่ใจว่าขนมข้างทางแบบนั้นอัมเบรย์จะกินลงไหม ...สำหรับคนที่เติบโตมาแม้จะไม่ได้หรูหราอย่างในพระราชวังแต่ก็เรียกได้ว่าเพียบพร้อมที่สุดเท่าที่คน ๆ นึงจะได้รับ

“อัมเบรย์ ทางนี้”เฌอรีลโบกมือเรียกชายหนุ่มที่กำลังเดินท่อม ๆ เก็บเศษใบไม้อยู่กลางแดดจาเรจแทบจะทิ้งข้าวของที่แบกอยู่ทันทีเพื่อเข้าไปช่วยเพื่อนเก็บใบไม้

“เอาของไปไว้ในครัวก่อน” อัมเบรย์พูดยิ้ม ๆ เดินเข้ามาหาเฌอรีลอย่างไม่รีบร้อน ยกมือขึ้นปัดเศษดินกับเสื้อของตัวเอง ดูสกปรกมอมแมมพอสมควร “ได้อะไรมาบ้างน่ะ”

“ขนมไส้ครีมวอลนัท ผมซื้อมาฝากคุณชิ้นนึงด้วย”

อัมเบรย์ยิ้มกว้าง ยื่นหน้าเข้าไปหาเฌอรีลแล้วอ้าปาก

“ป้อนหน่อย มือฉันเปื้อน”

เฌอรีลส่งขนมเข้าปากอีกฝ่ายอย่างไม่คิดอะไร จาเรจหน้าซีดเผือด หันไปจ้องหน้าเฌอรีลเขม็ง

“...จาเรจมองผมน่ากลัวจัง” เฌอรีลสะดุ้ง เกือบทำขนมหลุดมือทว่าอัมเบรย์ใช้ริมฝีปากและปลายลิ้นตวัดเอาขนมที่เหลือเข้าปากจนหมดรวมถึงปลายนิ้วของเฌอรีลด้วย โลเธียหนุ่มสะดุ้ง “เห้ย ..มือผมเปื้อนนะ เพิ่งกลับจากข้างนอก เดี๋ยวก็ปวดท้องหรอก”

“รู้แล้วยังกล้าป้อน..เขา..อีกนะ” จาเรจพูดเสียงห้วนขมวดคิ้วใส่โลเธียที่บังอาจกล้า

“ไม่เอาน่าจาเรจ” อัมเบรย์หัวเราะห้าว ๆ เอื้อมมือมาช่วยเฌอรีลถือของ“เราเป็นเพื่อนกันนะ ลืมไปแล้วเหรอ”

จาเรจก้มหน้าลงทันที เดินตามหลังพวกเขาไปเงียบ ๆ เฌอรีลเล่าเรื่องที่ตลาดให้อีกคนฟังอย่างเพลิดเพลิน เย็นวันนั้นพวกเขาช่วยกันทำอาหารเตรียมเอาไว้สำหรับไปเลี้ยงอาหารให้เหล่าโลเธียในชุมชน

“จริงสิ ลืมแวะร้านยาเสียสนิทเลย” เฌอรีลยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเอง “มัวแต่ซื้อของ”

“จะซื้ออะไรหรือ เดี๋ยวฉันไปด้วย” อัมเบรย์เสนอ

“ไม่ได้นะครับ” จาเรจขัดขึ้น“ผมจะไปเองคุณไม่ควรออกไปไหนกลางคืนอีก”

เฌอรีลมองหน้าผู้ชายสองคนอย่างมึนงง

“ผมไปเองได้ ไม่ยากหรอกร้านยาในตัวเมืองนี่เองผมไปประจำ” โลเธียว่า “พวกคุณอยู่ที่นี่ช่วยกันคนซุปเถอะ” พูแล้วก็คว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพาย เดินออกมาจากห้องครัวของมูลนิธิฯ

ท้องฟ้าข้างนอกมืดสนิทแล้วเพราะเป็นเวลาหัวค่ำ แสงไฟจากเสาไฟฟ้าส่องให้เห็นทางเดินบนฟุตบาทเรียบ เฌอรีลรีบเดินเร็วขึ้นอย่างระมัดระวัง ได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งเหยาะ ๆ ตามหลังมาจนทันกัน

“รอด้วยสิ เห็นขาสั้น ๆ ทำไมเดินเร็วจัง”

“อย่ามาว่าขาของผมนะ” เฌอรีลขมวดคิ้ว “ออกมาแบบนี้เพื่อนของคุณไม่ว่าเอาเหรอ” คนฟังยิ้มกว้างมองเห็นฟันขาวในความมืดสลัว

“จาเรจไม่ว่าหรอก” อัมเบรย์พูดยิ้ม ๆ “เขาก็เป็นห่วงเธอเหมือนกันนั่นล่ะ”

“เขาน่าจะห่วงคุณมากกว่านะ” เฌอรีลออกความเห็น “จะว่าไป...คุณกับจาเรจคบกันมานานแล้วเหรอ”

“ก็ตั้งแต่จำความได้มั้ง เขาอยู่เคียงข้างฉันตลอดโดยเฉพาะเวลาที่ยากลำบาก” อัมเบรย์เดินข้างเฌอรีลไปเรื่อย ๆ “น่าจะนานเท่ากับอายุของฉัน”

“คุณอายุเท่าไหร่”

“หยาบคายจริง ๆ ใครเขาถามเรื่องอายุกันนะ” อัมเบรย์ตวัดเสียง เฌอรีลหัวเราะ

“อ้าว เห็นมีแต่ผู้หญิงเขาถือกัน คุณก็ถือเหรอ”

“เอาเป็นว่า...ฉันแก่กว่าเธอซัก..สิบกว่าปีได้”

“โห” เฌอรีลตาโต“แก่อย่างงั้นเชียว” โลเธียชะโงกเข้ามามองหน้าอีกฝ่ายใกล้ ๆ “ดูไม่ค่อยออกเลยนะเนี่ย”

อัมเบรย์เอียงหน้าหลบ เขาได้กลิ่นหอมอ่อนจางระเหยออกมาจากเนื้อตัวของโลเธียข้าง ๆ มันชัดเจนยิ่งกว่าเมื่อตอนเช้าเสียอีก

“นี่..ขอถามหน่อยได้มั้ยว่าเธอจะไปซื้ออะไรที่ร้านยาน่ะ” อัมเบรย์ถามขึ้น เฌอรีลพาเขาข้ามถนนมายังอีกฝั่งหนึ่งอย่างคล่องแคล่ว “ไม่สบายเหรอ”

“อ๋อ...เป็นความลับของโลเธีย บีเธียอย่างคุณไม่ต้องรู้หรอกน่ะ” เฌอรีลยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยวแหลม ๆ ที่มุมปากข้างซ้ายรับกับลักยิ้มน่าเอ็นดู ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าแต่อัมเบรย์รู้สึกว่าคืนนี้เจ้าโลเธียดูมีเสน่ห์น่าดึงดูดเป็นพิเศษ “รออยู่ข้างนอกก่อนนะ ผมเข้าไปไม่นาน”

“โอเค” อัมเบรย์ยืนรออยู่ข้างหน้าร้านขายยาแต่โดยดี เฌอรีลอมยิ้มเปิดประตูเข้าไปภายในร้านขายยาที่เขาเป็นลูกค้าประจำมาตั้งแต่สมัยที่เริ่มเข้าวัยรุ่น

“นั่นเฌอรีลหรือเปล่า ...ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ เดือนนี้เธอมาช้าไปสามวันใช่มั้ย” คนขายยาทักเขายิ้ม ๆ เฌอรีลยิ้มตอบ หยิบเงินขึ้นมานับ

“พอดีเพิ่งได้งานที่ใหม่เลยมัวแต่ยุ่ง ๆ น่ะครับ แค่สามวันคงไม่เป็นไร ผมไม่มีอาการอะไรผิดปกติด้วย”

คนขายยาหยิบเอากระปุกยาสูตรพิเศษของร้านขึ้นมานับให้ครบจำนวนแล้วเทใส่ถุง เขียนวันที่กำกับเรียบร้อย

“ยังไงก็ไม่ควรประมาทนะ เธอคงไม่อยากพลาดมีลูกขึ้นมากับคนที่ไม่ได้รัก” คนขายยามัดปากถุงให้เขา “แล้วพ่อหนุ่มที่มาด้วยคนนั้นใครกันล่ะ อย่าบอกฉันนะว่าเธอมีแฟนแล้ว” เขาพยักพเยิดไปยังร่างสูงใหญ่ที่ยืนรออยู่ด้านนอก เฌอรีลหัวเราะ

“เพื่อนของผมน่ะครับ เขาเป็นบีเธียพอดีมาเป็นเพื่อน..”

“บีเธียนิสัยดีมีเยอะมาก ฉันดีใจที่เธอมีเพื่อนดี ๆ เฌอรีล”

“ขอบคุณครับ” เฌอรีลยิ้มจ่ายเงินเสร็จก็รับถุงยามาถือเอาไว้“จริงสิครับ คุณพอจะมียาคลายกล้ามเนื้อ แก้ปวดเมื่อยอะไรบ้างมั้ย”

“พอมีอยู่ ใครเป็นคนกินล่ะ”

“บีเธียครับ ไม่มีโรคประจำตัว” เขาคิดว่าควรจะต้องซื้อยาพวกนั้นไปให้อัมเบรย์กับจาเรจเสียหน่อย คนสวนทำงานหนักชอบมาบ่นปวดนู่นปวดนี่ให้เขานวดอยู่เรื่อย “ขออย่างละสองชุดนะ”

“ได้เลย...อ้าว เกิดอะไรขึ้นน่ะ” คนขายยามองออกไปข้างนอกอย่างตกใจ เงาดำ ๆ หลายเงากำลังมะรุมมะตุ้มกันอยู่ข้างหน้าร้าน เฌอรีลใจหายวาบ ได้ยินเสียงอุทานของอัมเบรย์ดังออกมาให้ได้ยิน “เพื่อนของเธอหรือเปล่าเฌอรีล เฌอรีลอย่าเพิ่งออกไป...”

เฌอรีลพุ่งออกมาจากร้านก่อนแล้วด้วยความเป็นห่วงเพื่อน เขาเห็นอัมเบรย์กำลังต่อสู้อยู่กับผู้ชายชุดดำสามคนอย่างชุลมุนไม่รู้ใครเป็นใคร เขาเขวี้ยงห่อยาในมือใส่คนพวกนั้นแล้วร้องตะโกนลั่น

“ตำรวจ ช่วยด้วยครับช่วยด้วย ไฟไหม้ ไฟไหม้แล้วทุกคน ออกมาเร็ว”

ไม่มีใครอยากยุ่งถ้ามีคนตีกัน แต่ถ้าเป็นไฟไหม้ล่ะก็อีกเรื่องหนึ่ง คนในร้านข้าง ๆ เปิดประตูพรวดออกมาดูพวกเขา เฌอรีลฉวยโอกาสที่พวกคนร้ายหยุดชะงักคว้ามือของอัมเบรย์เอาไว้แล้วลากเขาออกมาจากวงล้อมอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มบาดเจ็บพอสมควร

“อย่าไปทางนั้น” อัมเบรย์รั้งมือของเฌอรีลเอาไว้ “เลาะแม่น้ำไป”

เฌอรีลเลยเปลี่ยนเส้นทางไม่ได้พาเขากลับไปที่มูลนิธิฯอีก แต่ว่าพาวกกลับไปริมแม่น้ำสายหลักที่ตัดผ่านใจกลางเมืองหลวงแบริล อากาศเริ่มเย็นจัดโดยเฉพาะยิ่งอยู่ริมแม่น้ำด้วยแล้ว ลมหายใจของพวกเขาระเหยออกมาเป็นไอทุกครั้งที่หายใจเข้าออก เฌอรีลจับมืออีกฝ่ายเอาไว้แน่น พาถูลูกถูกังมาตามทางอย่างทุลักทุเล

“ไหวมั้ยครับ อดทนหน่อยนะทำไมพวกมันถึงมาทำร้ายคุณล่ะ หรือจะเป็นพวกบ่อนเหมือนคราวนั้น” เฌอรีลถามพลางหอบฮัก เขาเหนื่อยจนชักก้าวขาไม่ออก อัมเบรย์เห็นแบบนั้นก็เลยยึดแขนของโลเธียเอาไว้

“เข้าไปพักใต้สะพานนั้นก่อน พวกมันคงยังตามมาไม่ทันหรอก” เขาลากร่างเล็ก ๆ นั้นเข้าไปหลบข้างใต้สะพานหินที่ทอดข้ามแม่น้ำสายนั้น เสียงรถยนต์แล่นผ่านเหนือหัวไปดังคึ่ก ๆ เฌอรีลหายใจแรง ปกติเขาไม่ค่อยได้ออกแรงมากมายขนาดนี้มาก่อน

“แผลคุณเป็นยังไงบ้าง” เฌอรีลพูด

“ไม่เท่าไหร่” อัมเบรย์ส่ายหน้า “พวกมันคงเป็นพวกบ่อนที่ตามมาทำร้ายฉัน เธอนั่งพักดี ๆ ก่อนเถอะ” กลิ่นหอมประหลาด ๆ กระทบเข้าจมูกจนเขาต้องขมวดคิ้วมองหาสาเหตุ “ได้กลิ่นอะไรมั้ย”

“กลิ่นหอม ๆ ใช่มั้ย” เฌอรีลถามกลับมา สูดจมูกฟืดฟาด“เหมือนกลิ่นดินหลังฝนตก”

“ไม่ใช่ กลิ่นเหมือนชา...ชาของดอกแดนดิไลออนผสมกุหลาบ” อัมเบรย์ตอบอย่างมั่นใจ

“ใครจะมานั่งชงชาที่นี่กัน” เฌอรีลขมวดคิ้วบ้าง ลุกขึ้นยืนกวาดตามองอย่างสงสัย “หรือว่าเรานั่งทับอะไรหรือเปล่า”

“ไม่ใช่” ชายหนุ่มร่างสูงนิ่งชะงัก ลมพัดเข้ามาใต้สะพานหอบเอาไอเย็นฉ่ำมาด้วยน่าขนลุก แต่ในขณะเดียวกันก็พากลิ่นหอมหวานของชาที่เขาโปรดปรานที่สุดมาเข้าจมูก ดวงตาคมกริบเบิกกว้าง มองหน้าโลเธียอย่างตกใจแกมงุนงง “นี่เธอ...”หัวสมองแล่นปราด อัมเบรย์กำต้นแขนของเฌอรีลเอาไว้แล้วลากออกมาจากใต้สะพานทันที

“อะไรของคุณน่ะ ผมเจ็บนะ”เฌอรีลมึนงง ก้าวตามหลังมาอย่างลำบาก “เดินช้า ๆ หน่อยสิ จะไปที่ไหน”

“กินยาหรือยัง” อัมเบรย์พาเขาออกมาจากใต้สะพานแล้วมาหยุดอยู่ที่ตรอกข้าง ๆ ธนาคารแห่งใหญ่ที่สุดของเมืองหลวง “ฉันถามว่ากินยาหรือยัง” เสียงของเขาไม่ได้พูดเล่นเลย เฌอรีลตกใจมาก

“ยะ..ยัง ผมปายาใส่หน้าพวกมันทั้งห่อเลย” เพราะความตกใจเขาก็เลยลืมถามเสียสนิทว่าทำไมอัมเบรย์ถึงรู้ได้ว่ายาอะไร “ยังไม่ได้กิน”

อัมเบรย์ดูโกรธจัดขึ้นมาฉับพลัน ดวงตาคมกริบคู่นั้นเหมือนมีไฟลุกโพลงอยู่ทีเดียวจนเฌอรีลไม่กล้ามองสบตรง ๆ บีเธียหนุ่มถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกคลุมหัวเขาแล้วพาลากมาตามทางเดินด้วยท่าทางงุ่นง่าน กลิ่นดินหอม ๆ หลังฝนตกตลบอบอวลจากเสื้อคลุมตัวนั้นจนเฌอรีลเริ่มรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาบ้าง มันวูบวาบหนาว ๆ ร้อน ๆ เหมือนจะเป็นไข้

“คุณ ...ผม..เดินไม่ไหว” ขาสองข้างสั่นสะท้านไร้เรี่ยวแรงอย่างประหลาด เฌอรีลไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เหงื่อแตกพลั่กเหมือนวิ่งมาสักสิบกิโลเมตรทั้งที่ออกเดินไม่กี่ก้าว อัมเบรย์ดูหัวเสียอย่างเห็นได้ชัด ชายหนุ่มจ้องหน้าเขาอย่างโกรธจัด

“หยุดตรงนี้ไม่ได้ ใครได้กลิ่นเธอเข้าได้แห่กันมาหมดพอดี ไม่รู้หรือไงว่าจะฮีทน่ะ”

เฌอรีลตาเบิกโพลง มองหน้าคนพูดอย่างตกใจ

“อะไรนะครับ ฮีทเหรอ”เขาไม่เคยฮีทมาก่อนเลยในชีวิตนี้เพราะพอเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น เฌอรีลก็กินยาควบคุมฮอร์โมนของตัวเองมาตลอด ไม่เคยปล่อยให้พลาดเลยแม้แต่เดือนเดียว “ไม่...ผมไม่ฮีท”

“ตัวสั่นขนาดนี้ยังจะปฏิเสธอีกเหรอ” อัมเบรย์พูดเสียงแข็ง มือใหญ่กำข้อมือเล็กบางเอาไว้แน่นพาออกเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เฌอรีลก็ขาอ่อนทรุดลงกับพื้น น้ำตาไหลพราก

“ไม่ไหวแล้ว ใจผมมันเต้นแรงมาก ๆ ผมกำลังจะตาย” โลเธียร้องไห้ออกมา

เสียงฝีเท้าดังขึ้นไม่ไกลนัก อัมเบรย์หันขวับไปมอง ...พวกมันตามมาทันเข้าจนได้ ชายหนุ่มกัดฟันแบกโลเธียที่กำลังสติแตกขึ้นทั้งตัวแล้วออกวิ่ง นึกเจ็บใจที่เผลอประมาทไปเพียงนิดเดียว ไม่ทันนึกว่าพวกมันจะลงมือซ้ำรวดเร็วแบบนี้ เขาออกวิ่งเต็มฝีเท้า หัวใจเต้นตึก ๆ รัวแรงเพราะการออกแรงวิ่งและกลิ่นกายของคนที่ฟุบอยู่บนหลัง เฌอรีลรัดคอเขาเอาไว้แน่นเพราะกลัวตก นั่นยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่กว่าเดิม

“เจ้าชาย” จาเรจโผล่ออกมาจากซอกตึกเหมือนเล่นกล อัมเบรย์ถอนหายใจเฮือก

“ทำไมช้า ...เหลือไว้คนนึงให้สอบสวนด้วย” เขาสั่งเร็วปรื๋อ ไม่ได้หันไปมองจาเรจกับลูกน้องที่วูบหายไปราวกับเงาผี เขารู้ว่าจาเรจจะไม่พลาด คนที่ถูกฝึกฝนมาทางด้านการต่อสู้โดยเฉพาะ ผ่านการทดสอบโหดหินทุกหลักสูตรของนานาชาติมาแล้ว เพื่อน...ที่พร้อมจะตายแทนเขา

“ไม่ไหว เหมือนจะตายเลย” เสียงสั่นเครือดังขึ้นจากคนข้างหลัง อัมเบรย์ไม่มีเวลาปลอบใจ ตอนนี้เขาจะต้องหาที่ปลอดภัยกบดานก่อน โลเธียที่ปล่อยกลิ่นหอม ๆ ฟุ้งกระจายไปทั่วแบบนี้ไม่ดีแน่ เขาพาเฌอรีลอ้อมไปอีกทางตรงไปสิ้นสุดที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง ยกมือขึ้นเคาะรัวเร็ว

คนมาเปิดอ้าปากค้าง ถอยให้เขาเข้าไปอย่างรวดเร็ว อัมเบรย์พาเฌอรีลเข้าไปทิ้งเอาไว้ในห้องนอนเล็กใต้บันไดแล้วปิดประตูดังปัง

“ให้ทุกคนออกไปจากบ้านให้หมด” เขาพูดกับพ่อบ้าน

“เกิดอะไรขึ้นน่ะ” เสียงวางอำนาจดังขึ้นตามด้วยร่างผอม ๆ ของเจ้าของบ้านที่เดินลงบันไดมาอย่างเนือย ๆ “อ้อ...นึกว่าใคร ว่าไงสหาย”

“ขอฝากคนเอาไว้หน่อย” อัมเบรย์ตอบเสียงเรียบ “เขาไม่ค่อยสบายเท่าไหร่”

“ถึงฉันจะเป็นหมอแต่ก็ไม่ได้เที่ยวรักษาใครฟรี ๆ หรอกนะ แม้แต่กับเจ้าชายก็ตาม” ดราโก้พูดเนิบ ๆ สูดจมูกฟุดฟิด “โลเธียฮีท...โอ๊ะโอ ดูเหมือนว่าจะเจอตอเข้าแล้วแฮะ จะใช่ว่าที่ราชินีที่เขาเล่าลือกันหรือเปล่านะ”

“เขาเป็นเพื่อนฉัน” อัมเบรย์พูดเสียงห้วน “ถ้าไม่ช่วยก็ถอยออกไป”

ดราโก้หัวเราะด้วยน้ำเสียงเรื่อยเฉื่อย ฟังดูกวนประสาทตามนิสัย เจ้าตัวเดินมาหยุดที่หน้าประตูห้องที่ปิดสนิทนั้น เอียงคอมองอย่างครุ่นคิด

“จะให้ฉันเข้าไปจริง ๆ เหรอ คิดให้ดี ๆ นะ...” ดราโก้พูดเนิบ ๆ “อย่าลืมว่าฉันก็เป็นอิลิเธียเหมือนกัน คงรับปากไม่ได้ว่าจะฝืนทนสัญชาตญาณของตัวเองได้นานแค่ไหน ...ฉันอาจจะตบะแตกเสียเองก่อนจะรักษาเสร็จก็ได้”

“.............” สีหน้าคนฟังเครียดคล้ำ บรรยากาศตึงเครียดจนน่ากลัว ดราโก้ยักไหล่

“ถ้าไม่สนใจจริง ๆ ล่ะก็ ฉันจะจัดการให้เอง จริงสิ...จาเรจอยู่ไหนล่ะ เขายังไม่มีคู่ไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ให้เขา...”

คนฟังกระชากตัวคนพูดออกไปจากหน้าประตูทั้งที่ยังพูดไม่จบ อัมเบรย์เปิดประตูห้องแล้วก้าวเข้าไปเสียเอง เสียงประตูปิดดังปังทำให้เจ้าของบ้านที่เพิ่งดันตัวลุกขึ้นจากพื้นหัวเราะแผ่วเบา

“ยังใจร้อนเหมือนเดิมเลยนะ เจ้าชายอัมเบรียล”

..............................................................................



มาอัพต่อแล้วนะคะ

ชักจะมันส์ล่ะ

เจอกันตอนหน้านะคะ

ใครชอบเรื่องนี้อย่าลืมบอกกันบ้าง อิอิ

#คุณขอแค่รัก


ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
เณอรีลลลล ฮีทครั้งแรกก็พีคเลยลู้กกก จะทรงอดใจไหวไหมเพคะ ทรงหวงดูออก :hao7:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-03-2020 22:43:50 โดย Ac118 »

ออฟไลน์ t152_rakjai

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 305
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
น่าสนุกมากรอนะคะ  o13 o13 o13

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
เฌอรีล จะได้เป็นราชินี ตามเสียงเล่าลือ

ออฟไลน์ MyLavenderLand

  • ฉันสุขใจ เมื่อได้ Log in เล้า
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
ชอบค่าาา  ชอบนายเอกสู้คน ว่าที่ราชินีต้องแบบนี้

ออฟไลน์ tuek

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +214/-3
ชอบๆฮีทครั้งแรกก็จะได้เรื่องเลย

ออฟไลน์ ดาวลูกไก่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด ฟหกด่าสวดัดีบด ไม่รู้จะพูดอะไรแต่แบบนี้ดีมากๆเลยค่ะ ความรักต่างชนชั้นน เป็นกะลังใจให้คุณเจ้าชายนะคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด