(จบแล้วค่ะ) รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 30 | 03/07/2020
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (จบแล้วค่ะ) รักกว่านี้...ไม่มีแล้ว ตอนที่ 30 | 03/07/2020  (อ่าน 8901 ครั้ง)

ออฟไลน์ YiiM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ตอนที่ 21



"จะไปกี่โมง"





"ขอสักชั่วโมงได้ไหม ใครหิวลงไปกินก่อนเลย เดี๋ยวกูต้องปลุกไอ้อ้วนก่อน"





"งั้นก็ได้ กูจะได้พาจีไปหาข้าวกินก่อน"





"อืม อ้อเดี๋ยว...มึงรู้ไหม ทำไมไอ้อ้วนมันออกไปนอนข้างนอก"





"กูจะไปรู้เหรอ เมื่อเช้ามืดกูตื่นมาอ้วกก็เห็นมันนอนอยู่ก่อนแล้ว อาจจะออกไปอ้วกแล้วนอนที่โซฟาเลยมั้ง"





"งั้นเหรอ"





เสียงพูดคุยกันทำผมขัดใจมาก คนยิ่งง่วงๆ อยู่ แสงไฟในห้องถูกเปิดขึ้น ถึงแม้ผมจะหลับตาอยู่แต่ก็รับรู้ได้ ผมเลยพลิกตัวหนีแล้วใช้ผ้าห่มปิดหน้าเพื่อจะนอนต่อ แต่ดูเหมือนใครอีกคนจะไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น เพราะนอกจากเสียงปลุกของมันแล้ว ยังมีตัวหนักๆ ของมันพาดอยู่บนตัวผมด้วย





"อ้วนนน~ ตื่นได้แล้ววว~"





"..."





"ฮึบ! อยากไปเล่นน้ำไม่ใช่หรือไง ตื่นเร็วเลย" ไม่พูดอย่างเดียว ไอ้ลิเคียวยังดึงผ้าห่มอีกด้วย ทั้งผมและมัน เลยยื้อยุดฉุดกระชากไปมา จนสุดท้ายผมก็ต้องยอมแพ้แรงของมันไป





"มึงจะอะไรนักหนา"





"เอ้า ทำไมพูดอย่างนี้วะ อย่าพึ่งหงุดหงิดแต่เช้าดิ เรื่องที่มึงออกไปนอนนอกห้องยังไม่เคลียร์เลยนะอ้วน" ไอ้ลิเคียวยืนพูด ส่วนผมก็บิดขี้เกียจ ไม่อยากจะฟังมันพูดสักเท่าไหร่ เลยทำเป็นไม่ได้ยินแล้วเดินหนีเข้าห้องน้ำ





ผมไม่รู้ว่าตัวเองควรทำยังไงดี จะไม่คุยกับมันตอนนี้ เดี๋ยวก็หมดสนุกอีก แต่ถ้าจะคุยกับมันแบบปกติ ผมก็ทำใจไม่ได้อ่ะ ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดตัวเองฉิบหาย ทำไมผมถึงโง่แบบนี้วะ





"อ้วน มึงเข้าไปนอนต่อหรือไง ทำไมช้าจังวะ"





"เออ" ผมตอบกลับไปแค่นั้น ก่อนจะเปิดประตูห้องน้ำออกไป ไอ้ลิเคียวมันก็หันมามองนะ เพราะผมพันแค่ผ้าเช็ดตัวออกมา





"อ่อยกูหรือเปล่าเนี่ย" ไอลิเคียวพูดพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้





"ตัวหอมจังวะ"





"อย่าคลอเคลียน่า" ผมบอกแล้วปัดมือมันออก ไอ้ลิเคียวก็ดูเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจที่ผมพูดมากนัก เพราะมันยังจับนู่นจับนี่บนตัวของผมอยู่





ยิ่งมันโดนตัวของผม ผมก็ยิ่งรู้สึกแย่ คำว่าขยะแขยงในตอนนี้ ไม่ได้เกินไปเลยถ้าผมจะใช้พูดออกมา ความคิดในหัวของผมที่มันย้อนแย้งกันอยู่ตลอดเวลา ถ้าจะให้พูดจริงๆ ผมก็รักมันมากในระดับที่จะรักแฟนสักคนได้ พยายามหาข้อกังขาอยู่ในหัว แต่คนเราก็มักจะมีความคิดที่ชั่วร้ายคอยขัดขว้างอยู่





ผมพยายามคิดเข้าข้างตัวเอง ว่าพวกมันไม่ได้นอนด้วยกันหรอก พวกมันคงจะนอนแยกกัน เผลอๆ ก็นอนคนละห้องด้วยซ้ำ คิสก็เป็นเพียงแค่แฟนเก่า ที่กลายมาเป็นเพื่อนของมันแล้วก็เท่านั้นเอง





แต่อีกใจของผม มันก็กลัวเหลือเกิน กลัวความคิดด้านร้ายๆ ของตัวเองจะเป็นจริง จะมีแฟนเก่าที่ไหน ที่ตื่นเช้ามาทำอาหารรอไว้ให้กับอีกคน ทั้งๆ ที่ความสัมพันธ์ก็แค่เพื่อน ที่สำคัญ ไอ้ลิเคียวก็โกหกผมซะด้วย ถ้าไม่มีอะไร ก็ควรจะพูดความจริงสิ

"ลิเคียว"





"หืม ว่าไง"





"มึงมีอะไรอยากบอกกูหรือเปล่า" ผมถาม ทั้งๆ ที่ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว แต่ไอ้ลิเคียวก็ยังพันแข้งพันขาผมอย่างกับมือมันเป็นหนวดปลาหมึกไปได้





"อ้วน มีอะไรสงสัยก็ถามมาเลยสิ มึงจะอ้อมค้อมเพื่อ? " จะไม่ให้อ้อมค้อมได้ยังไง ในเมื่อผมถามมันไปในตอนแรกแล้ว มันนั่นแหละ ที่เป็นคนไม่พูดความจริง





"ช่างเถอะ กูว่าเราออกไปเถอะ เพื่อนๆ รออยู่" ผมบอกปัดๆ ตอนจะเดินออกจากห้อง ไอ้ลิเคียวก็คว้ามือของผมไว้ ทำให้ตัวของผม ต้องหันหน้าไปเผชิญกับมัน เราทั้งสองต่างจองหน้ากันและกัน ในเมื่อคนผิดยังไม่เห็นจะกลัวเลย ผมจึงไม่จำเป็นต้องหลบหน้ามันเหมือนกัน





"กูรักมึง"





ตึก ตึก ตึก





เพียงเพราะคำพูดของมัน เพียงแค่คำบอกรักสั้นๆ มันก็ทำให้ใจของผมเต้นแรงแล้ว





"อืม" ผมตอบรับมันได้เท่านี้ก่อนจะเดินหนีออกมาจากห้องก่อน





ดูเหมือนทุกคนจะเตรียมตัวกันเสร็จแล้ว เราเลยไปขึ้นรถเพื่อเดินทางกันเลย ระหว่างทางก็แวะหาซื้อของกินไปด้วย





"อยากกินอะไรวะอ้วน"





"อะไรก็ได้"





"ลงไปดูด้วยกันสิ"





"มึงลงไปเถอะ กูอยากนั่งรอบนรถ"





"ก็ลงไปด้วยกันดิวะ มึงจะได้เลือกของที่อยากกินด้วย" ไม่พูดเปล่า มันยังใช้แรงดึงแขนของผมอีกด้วย ทำตัวของผมแทบจะลุกเดินตามมันไปอยู่แล้ว





พรึ่บ





"มึงก็เดินไปเองสิวะ! " ผมสะบัดแขนแล้วตะโกนใส่มันเสียงดัง ทำเอาเพื่อนๆ ที่ลงไปก่อนหน้านี้หันมามองเป็นตาเดียวกัน





ปัง





"มึงเป็นอะไร" ไอ้ลิเคียวปิดประตูรถเสียงดังก่อนจะถามผม





"เปล่า"





"เปล่า? แล้วที่มึงกำลังทำตัวงี่เง่าอยู่แบบนี้มันคืออะไร"





"เออ กูมันงี่เง่า"





"ไอ้วา พูดให้มันรู้เรื่องสิวะ"





"แล้วกูพูดไม่รู้เรื่องตกไหน ฮึก กูก็บอกแล้วไงว่าไม่ลงไป ฮะ...ฮึก มึงนั่นแหละที่เอาแต่จะลากกู" ผมบอกกลับไปเสียงดัง ทำไมต้องน้ำตาไหลลงมาด้วยวะ





หมั่บ





"เออๆ ไม่ต้องร้อง กูผิดเอง"





"เออ มึงนั่นแหละผิด มึงคนเดียวเลย ฮื่อออ~"





ในที่สุด ผมก็ร้องไห้ออกมา โดยมีไอ้ลิเคียวนี่แหละที่นั่งปลอบอยู่ข้างๆ ผมที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นก็นั่งทุบมันไปด้วย จริงๆ อยากทำมากกว่านี้อีก อยากต่อยหน้ามันให้แหกเลยด้วยซ้ำ





"หยุดร้องได้แล้ว ไม่ลงก็ไม่ลง เดี๋ยวกูลงไปซื้อเอง" ไอ้ลิเคียวว่าแบบนั้น ผมเลยเอนเบาะรถลงนอน คนอื่นๆ ก็คงจะกำลังซื้อของกันอยู่ ผมไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ ถ้าทำเลอะกับไอ้ลิเคียว คนอื่นๆ ก็คงหมดสนุกได้ด้วย





"ทะเลาะกันเหรอ"





"ไอ้วินเป็นคนแรกที่กลับมานั่งที่รถ"





"กูว่า...กูจะเลิกกับมันว่ะ"





"ทำไม"





"มันปิดบังกู"





"เรื่องสำคัญ? "





"กูคิดว่าสำคัญ"





"เลิกก็ดีแล้ว มีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สอง"





"อืม"





เราจบสนทนากันแค่นี้ เพราะคนอื่นๆ เริ่มทยอยกลับมากันแล้วรวมทั้งไอ้ลิเคียวก็ด้วย ผมรู้ว่าผมกำลังทำนิสัยที่น่ารำคาญโดยการแกล้งหลับและไม่พูดเรื่องที่ตัวเองสงสัย ผมไม่ใช่คนแบบนี้ ทำให้ผมรำคาญตัวเองเช่นกัน





"อ้วน ตื่นได้แล้ว"





"อืม" พอไอ้ลิเคียวเรียก ผมก็ลืมตาขึ้นมาเลย เรามาถึงน้ำตกกันแล้ว





ทุกคนช่วยกันขนของลงจากรถ ส่วนมากก็คงเป็นอาหารที่ซื้อกันมา เพราะดูจะเยอะเป็นพิเศษ ตัวผมที่ไม่ได้ลงไปซื้ออะไรในตอนแรกก็ช่วยถือพวกกระติกน้ำแข็ง และเสื่อเพื่อเอาไปลองนั่ง





"นั่งตรงนี่ไหม" จีออกความเห็น





"เอาสิ งั้นปูเสื่อตรงนี้เลยนะ" ผมบอกแล้ววางกระติกไว้ ก่อนจะปูเสื่อพวกให้ทุกคนเอาของมาวาง





จีกับไอ้ธันวิ่งไปเช่าห่วงยางก่อนเป็นอันดับแรก ไอ้สวยที่ตั้งแต่มาถึงก็ยังไม่ค่อยยิ้มสักเท่าไหร่ก็มัวแต่เล่นโทรศัพท์ ไอ้โซ่ที่เอาไอ้รถถังมาด้วยก็มัวแต่กันไม่ให้ไอ้วินเข้าใกล้ แต่ดูเหมือนไอ้เด็กชุนจะมีฝีมือในการแย่งไอ้รถถังมาให้ไอ้วินตลอด





"เพื่อนมึงนี่วุ่นวายดีเนอะ"





"อืม"





"หิวหรือยัง อยากกินอะไรก่อนหรือเปล่า"





"ไม่"





"อยากลงไปเล่นน้ำไหม"





"ยังก่อน"





"ลาวา" เสียงไอ้ลิเคียวเรียกชื่อของผม เป็นน้ำเสียงที่นุ่มนวลชวนให้ผมต้องหันไปตามเสียงที่เรียก





"..."





"มึงเป็นอะไรหรือเปล่า"





"ก็ไม่"





"แต่วันนี้มึงหงุดหงิดใสกูทั้งวันเลยนะ"





"ก็ไม่มีอะไรนิ"





"เหรอ...ไม่มีก็ไม่มีเนอะ" ไอ้ลิเคียวพูดเสียงนุ่มก่อนจะใช้นิ้วของมันเกลี่ยหน้าม้าที่ลงมาปิดตาของผมออกให้





"กูอยากไปเล่นน้ำแล้ว"





"เอาสิ มึงลงไปก่อน เดี๋ยวกูตามลงไปทีหลัง" ไอ้ลิเคียวบอกแล้วหยิบกระเป๋าเงิน โทรศัพท์และขอต่างๆ ไปฝากไว้ที่ไอ้สวย





ผมที่เดินนำมาก่อนก็ไปเล่นน้ำกับจีที่มีห่วงยางคอยพยุงตัวของเธออยู่ ดูเหมือนน้ำที่นี่จะใสและลึกมาทีเดียว ผมที่พอว่ายน้ำได้แต่ไม่แข็งก็เริ่มรู้สึกเกร็งๆ เหมือนกันแฮะ ยิ่งเวลาที่ขาจุ่มลงไปในน้ำด้วยแล้ว เย็นจนขนลุกเกียวเลยล่ะ





"เธอว่ายน้ำแข็งก็ปล่อยสิ ให้ลาวาจับแทน"





"แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าไอ้วามันว่ายน้ำไม่แข็ง"





"รู้แล้วกัน ลาวามานี่สิ" จีว่าแล้วตีไปที่ห่วงยางของเธอ





ผมรีบว่ายไปหาทั้งคู่ที่ลอยห่างออกไป ทั้งๆ ที่ดูเหมือนจะไม่ไกล แต่ก็ทำให้ผมเหนื่อยหอบมากพอดูเหมือนกัน กว่าจะถึงที่หมายก็เล่นเอาปวดแขนเลยทีเดียว





"มึงต้องออกกำลังกายบ้างนะ"





"เออน่า"





"ดูดิ ว่ายมาแค่นี้ หน้าดำหน้าแดงไปหมดละ" ไอ้ธันมาแล้วยกมือขึ้นมาลูบหน้าของผม ทำเอาผมมองตาขวางเลย





"ลาวานี่น่ารักเนอะ"





"หืม ตรงไหน"





"ก็ตาโตๆ แก้มป่องๆ ไง แถมผิวก็ขาวอีกต่างหาก"





"เราอยากดูหล่อมากกว่าอีกนะ"





"เหมือนไฟอะเหรอ"





"ไม่ เราไม่อยากปากหมา"





"ฮ่าๆ ๆ นั่นสินะ" จีพูดพร้อมกับหัวเราะชอบใจ ไอ้ธันที่อยู่ห่างออกไปรีบว่ายน้ำเข้ามาหาแล้วพาเราไปที่ลึกกว่าเดิม





เท่าที่ดูแล้ว ผมจะเข้ากับจีได้มากกว่าที่คิด จริงๆ เธอก็เป็นคนดีคนหนึ่งเลยทีเดียว ไม่เรื่องมาก ไม่ค่อยพูดหยาบ แค่ห่วงสวยตามภาษาผู้หญิงทั่วไป ส่วนเรื่องเสียงดัง ผมว่าก็เป็นกันทุกคนนั่นแหละ ส่วนเรื่องศัลยกรรม ผมว่าผู้หญิงเกินกว่าครึ่งโลกก็อยากทำทั้งนั้นแหละ ถ้าทำแล้วสวยขึ้น ทำโดยที่ไม่ได้ใช้เงินคนอื่น ผมว่ามันก็โอเคนะ ถึงผมจะไม่ได้ต้องการทำอะไร แต่ถ้าคนรู้จักทำแล้วสวยขึ้น ชีวิตเขาดีขึ้น ผมก็คงไม่ไปติเขาหรอก ชีวิตเขา ความสบายใจของเขา เราไม่ควรเอาตัวเองไปเป็นที่ตั้งในชีวิตคนอื่นอยู่แล้วนิ





"ไอ้ธันๆ "





"อะไร"





"มึงพามาลึกไปหรือเปล่า ขากูเหยียบไม่ถึงแล้วเนี่ย"





"ก็มึงเตี้ย"





"เออยอมรับ แต่พาเข้าฝั่งหน่อยดิวะ"





"มึงกลัวก็ว่ายน้ำกลับไปสิ"





"เธอ อย่าไปแกล้งลาวาสิ ดูเหมือนจะกลัวจริงๆ แล้วนะ"





"ก็ล้อเล่นนิเดียวป่ะ" ไอ้ธันว่าแล้วลากพวกผมวนไปวนมา กว่าจะรู้ตัวอีกที ก็มีคนโผล่เข้ามากอดผมจากด้านหลังเสียแล้ว





"ทำอะไร"





"กลัวจมอ่ะ ขอเกาะหน่อย"





"จมห่าอะไร แค่หน้าอกมึงเองนะ"





"ก็นั่นแหละ เดี๋ยวเพื่อนมึงก็ลากมึงไปที่ลึกๆ "





"ไม่อยากไปมึงก็ปล่อยกูสิ"





"ไม่อ่ะ กูว่ามึงปล่อยห่วงยางแล้วมาเกาะกูดีกว่า" ไม่พูดเปล่า แกะมือของผมที่เกาะห่วงยางอยู่ออกด้วย ทำเอาผมตะเกียกตะกายจนสุดท้าย ต้องหันไปเกาะคอของอีกคน ไม่ใช่ว่าผมยืนไม่ได้นะ เพราะน้ำสูงแค่หน้าอกไอ้ลิเคียว ก็เท่ากับน้ำสูงประมาณปากของผม ซึ่งมันปริ่มๆ อยู่ตรงจมูก ถ้าจะให้หายใจสะดวกๆ ก็ต้องเขย่งนั่นแหละ ซึ่งมันก็ดูลำบากเกินไป ไหนจะหินลื่นๆ ที่เหยียบอยู่อีก เกาะไอ้ลิเคียวไว้นี่แหละ ง่ายสุดแล้ว





"กูจะไปที่ลึกๆ นะ"





"มึงจะแกล้งกูเหรอ" ผมถามแล้วตะเกียกตะกายไปที่ด้านหลังของมัน เพื่อจะได้ขี่หลัง แทนที่จะกอดจากด้านหน้าที่ดูเหมือนลูกลิงแทน





"มึงจะได้เกาะกูเอาไว้ตลอดไง มึงจะได้รู้ว่ากูเป็นที่พึ่งของมึงได้" ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ผมคงจะดีใจกับคำพูดของมันมาก ผมคงจะเขินอาย หน้าแดง และใจเต้นแรก แต่เมื่อเทียบกับความรู้สึกตอนนี้แล้ว เปล่าเลย ถึงใจของผมจะเต้นแรงกว่าจังหวะปกติ แต่ผมไม่ได้เขินอาย ไม่ได้ดีใจ ไม่มีแม้แต่ความสุขที่ได้ยินเลยด้วยซ้ำ





ในสมองของผม จดจำเพียงแต่ คนโกหก คนปิดบัง คนหลอกลวง คนนิสัยไม่ดี นี่เป็นครั้งแรกที่ผมจับได้ แล้วก่อนหน้านี้ล่ะ บางวันที่มันหายไป บางครั้งที่ผมไม่สามารถติดต่อมันได้ ผมยังจะเชื่อใจมันได้อีกเหรอ





"อ้วน"





"..."





"อ้วน! "





"หะ" ผมร้องเสียงหลง ตกใจที่มันเรียกผมซะเสียงดัง





"กูเรียกมึงต้องนาน ที่เงียบนี่หลับหรือไง"





"เปล่า" ผมบอกแล้วใช้เท้าเกี่ยวที่เอวของอีกคน ส่วนมือของผมก็ทำท่าแหวกว่ายไปเลย ในเมื่อมือของไอ้ลิเคียวมันก็จับให้ผมรั้งเข้าหาตัวอยู่แล้ว ทำให้ไม่ต้องกลัวว่าจะหลุดออกจากตัวของมันเลย





ไอ้ลิเคียวพาผมเดินวนไปรอบๆ ผมก็เกาะอยู่บนหลังของมันแบบนั้นแหละ บางครั้งก็ลากไปหาเพื่อน บางครั้งก็พาแยกตัวออกมา จนไอ้โซ่ลงมาเล่นน้ำนั่นแหละ ไม่รู้ว่ามันหายไปไหนมา เพราะมันลงน้ำมาเป็นคนสุดท้าย แถมยังมีลูกบอลสีๆ มาด้วย พวกเราเลยตัดสินใจเล่นลิงชิงบอลกัน





"หิวแล้วอ่ะ"





"งั้นขึ้นเลยไหม"





"กูก็อยากขึ้นแล้ว"





"ดีแล้ว มึงเล่นจนตัวเปื่อยหมดแล้ว" พอลงความเห็นกันว่าให้ขึ้นมานั่งพักและทานอาหารก่อน ทุกคนก็ทยอยกันขึ้นมาจากน้ำ และรวมตัวกันที่ขอบเสื่อ





"มึงเล่นเก่งนี่หา"





"ผมไม่ได้เล่นเก่งหรอก แต่พวกพี่ออกตัวช้ากันเอง"





"ชุนนี่ออกกำลังกายบ่อยใช่ไหม"





"ครับ ผมออกกำลังกายทุกวันนั่นแหละ"





"ถึงว่า....กล้ามเป็นมัดๆ เลย" จีว่าแล้วหัวเราะคิกคัก ไอ้ธันที่ได้ยินอย่างนั้นเลยลงโทษจีด้วยการดีดหน้าผาเบาๆ ไปหนึ่งที แต่จะว่าไป ไอ้เด็กชุนมันก็หุ่นดีจริงๆ นั่นแหละ ถึงจะใสเสื้อยืดธรรมดา แต่พอโดนน้ำจนเสื้อแนบเนื้อ ก็สามารถเห็นได้ชัดเลย กล้ามหน้าท้องที่เป็นลอนๆ ถึงลายสักของมันจะไม่เหมาะกับที่ผมเรียกมันว่าเด็กชุนสักเท่าไหร่ แต่หน้าตามันละอ่อนครับ หน้าตาออกแนวจีนๆ แต่ตาโตกว่านิดหน่อย แถมหน้างี้ใสปิ้งเลย แต่ก็เป็นเด็กโข่งที่ตัวโตมากๆ ดูเหมือนจะสูงกว่าไอ้ลิเคียวซะอีก





เรานั่งกินกันอยู่นาน ดูเหมือนจะมีเพียงผมกับไอ้สวยเท่านั้น ที่ไม่ค่อยร่าเริงสักเท่าไหร่ แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นหรือปัญหา เพราะทุกคนยังหัวเราะและมีความสุขกับการมาเที่ยวครั้งนี้





RRRRRR





"ครับ...เมื่อไหร่...แล้วคุณหมอรัตน์ล่ะ...แล้วเธอไม่รู้เลยหรือไงว่ามีเคสผ่าตัด...ยังไม่มีก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเคสด่วน พวกคุณทำงานกันยังไง อยากให้คนไข้ตายหรือไงหะ...ผมจะรีบกลับไป ยังไงช่วยเตรียมกันให้พร้อมด้วย" ติ๊ด ไอ้วินกดว่างสายไปก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือก





"กูว่ากูคงต้องกลับก่อนว่ะ". ดีนะที่พวกเราเล่นน้ำกันไปแล้ว อาบน้ำแต่งตัวให้กันแล้วด้วย จะเหลือก็แต่พวกผู้หญิงนั่นแหละ ที่ยังอาบน้ำไม่เสร็จกัน





"ได้ยินล่ะ มึงขับกลับไปก่อนเลย เดี๋ยวพวกกูเก็บเสื้อผ้าให้" ไอ้ธันเสนอ





"งั้นกูกลับรถไอ้วินเลยละกัน จะได้นั่งสะดวกๆ "





"ได้ เสื้อผ้าเดี๋ยวกูส่งไปให้ละกัน"





"เออ ขอบใจ" ผมบอกแล้วส่งกุญแจให้ไปให้ไอ้ธัน ก่อนจะเดินนำไปขึ้นรถก่อนใครเพื่อน ไอ้ลิเคียวที่ได้ยินอย่างนั้นก็เดินตามผมมาติดๆ ทั้งของทั้งอาหารก็ไม่ได้เก็บกันหรอก ปล่อยให้พวกที่เหลือจัดการ เป็นไอ้วินก็รีบพอสมควร





"ผมขับเอง"





"อืม" โล่งอกไปทีที่ไอ้เด็กชุนเป็นคนขับ เพราะหลังจากที่เคยนั่งรถโดยมีไอ้วินขับไปครั้งหนึ่งแล้ว ผมก็ไม่ต้องการให้มีเป็นครั้งที่สองอีก ผมยังไม่พร้อมที่จะตายหรือพิการตอนนี้หรอกนะ





"คาดเข็มขัดด้วยนะครับ" ไอ้เด็กชุนบอก ผมที่ไม่ได้ทำตามในตอนแรก ไอ้ลิเคียวเลยจัดการแทนให้ มันเอื้อมตัวมาดึงสายคาดจากที่ด้านข้างของผม เพื่อจะได้นำไปล็อก

ผมที่ไม่อยากหงุดหงิดใส่มันอีกเลยทำได้แต่นั่งเฉยๆ แทน





ตลอดทางมีเพียงเสียงโทรศัพท์ของไอ้วินที่ดัง มันก็รับสายจากพยาบาลแล้วถามอาการของคนไข้ ซึ่งผมก็ไม่ค่อยรู้เรื่องสักเท่าไหร่ เพราะมันพูดภาษาทางการแพทย์ จะมีก็ไอ้เด็กชุนนี่แหละ ที่ดูเหมือนจะเข้าใจ คอยแย้ง คอยถามอยู่ตลอด





"พี่จะผ่าตัดให้เขาไหม"





"กูต้องไปดูอาการของเขาก่อน"





"ให้ผมเป็นผู้ช่วยได้ไหม"





"ไม่ได้"





"แต่ผมช่วยพี่ได้นะ"





"กฎ ยังไงก็ต้องเป็นกฎ มึงจะเก่งแค่ไหน แต่ก็เป็นเพียงนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่1 จะมาเข้าผ่าตัดจริงไม่ได้"





"ครับ" เป็นคนที่รับฟังดีจังเลยนะ





ผมมองทั้งคู่อย่างเพลินๆ ถึงไอ้วินจะไม่อนุญาตให้ไอ้เด็กชุนเข้าห้องผ่าตัด แต่ก็รับฟังคำแนะนำจากอีกฝ่ายอย่างดี ปกติแล้ว คนเก่งๆ อย่างไอ้วิน ไม่จำเป็นต้องมาฟังคำพูดของนักศึกษาปี1 อย่างนี้ก็ได้นะ ถึงอีกคนจะขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนก็เถอะ แต่ดูเหมือนไอ้เด็กชุนนี่คงจะเก่งเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน เห็นพูดว่า เคยผ่าตัดจริงๆ มาแล้วด้วย





"ชุน เร่งหน่อย"





"ครับ"





"เหี้ย / เหี้ย" เสียงอุทานของผมและไอ้ลิเคียวดังขึ้น ขนาดไอ้วินที่เป็นคนบอกให้เร่งเครื่อง ผมยังเห็นมันแอบหายใจเข้าลึกๆ ด้วยเลย คงจะตกใจไม่ต่างกัน ไม่คิดว่ามันจะขับเร็วขนาดนี้ เร็วเท่าๆ กับไอ้วินตอนนั้นเลย เพียงแต่แลดูน่ากลัวน้อยกว่าก็เท่านั้น





ผมนั่งเกร็งมาตลอดทาง เข้าใจว่าไอ้วินมันรีบแค่ไหน แต่ไม่เข้าใจว่าไอ้เด็กชุนมันสามารถขับเร็วได้แค่ไหนเนี่ยสิ เพราะมันเล่นขับอย่างกับนักแข่ง เข้าใจว่ารีบนะ แต่ขับปาดซ้ายปาดขวาแบบนี้ เหมือนกับหนีตายซะมากกว่าอีก





"เดี๋ยวผมกลับมารับ"





"อืม"





กว่าจะถึงโรงพยาบาลก็ทำเอาผมเกือบเยี้ยวเล็ด ขานี่สั่นจนรู้สึกได้ จริงๆ ก็รู้สึกพะอืดพะอมด้วยนะ เหมือนกับไส้ไหลไปรวมกันตรงก้นยังไงไม่รู้ ส่วนเรื่องของไอ้วิน ผมรู้นะ ว่ามันมีคลินิกเป็นของตัวเอง แต่ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่มันทำงานในโรงพยาบาลด้วย เพราะเมื่อก่อนมีหลายโรงพยาบาลเชิญให้มันไปเป็นหมอประจำตั้งเยอะแยะ แต่ไม่เห็นมันจะสนสักนิด





"ให้ผมไปส่งใครก่อน"





"ส่งมึงละกัน" ผมบอกแล้วลงไปนั่งด้านหน้า ไอ้ลิเคียวที่เหมือนจะขัดในตอนแรกก็ต้องเงียบปากไป เพราะผมไม่สนใจจะฟังมันจริงๆ แล้ว ตลอดทางไอ้ลิเคียวก็เป็นคนบอกทางไอ้เด็กชุน จะมีก็ผมนี่แหละ ที่นั่งเงียบกริบอยู่คนเดียว





"ถึงแล้ว จอดตรงนี้แหละ"





"ครับ" ไอ้เด็กชุนตอบรับแล้วเลี้ยวรถไปจอดตรงหน้าบ้านของไอ้ลิเคียว ด้วยความที่กลับมาตัวเปล่า เลยสามารถลงไปได้เลย





"รอกูแป๊บนะ" ผมหันไปบอกไอ้เด็กชุน ก่อนจะเดินลงจากลงตามไอ้ลิเคียวไป





"ลิเคียว"





"หืม ว่าไง"





"กูตัดสินใจแล้ว"





"ว่า? "





"เราเลิกกันเถอะ"





"...พูดเล่นเหรอ ตลกไหมเนี่ยอ้วน กูต้องขำกับมุกมึงไหน"





"ไม่ กูพูดจริง" ผมพูดเสียงเบาลง ทั้งๆ ที่รวบรวมความกล้ามาตลอดทาง แต่ดูเหมือนผมจะไม่เข้มแข็งเอาซะเลย





"ทำหน้าจะร้องไห้แบบนั้นหมายความว่ายังไง กูนี่สิควรจะร้องไห้ ไม่ใช่มึง"





"..."





"แม่ง มีอะไรก็พูดมาดิวะ กูผิดตรงไหน กูทำอะไรไม่ดี มึงเล่นเป็นแบบนี้ แล้วก็จะไปรู้กับมึงไหม"





3...2...1...





ปัง เสียงถังขยะกระเด็น ทุกสิ่งทุกอย่างในนั้นกระจัดกระจายเต็มพื้น





"โธ่โว้ย มึงตลกมากไหมไอ้เหี้ยวาที่ปั่นหัวกูได้ขนาดนี้เนี่ย เป็นเหี้ยอะไรทำไมไม่พูดวะ วันนี้ทั้งวันกูก็เป็นห่วงมึงจะตาย กูเอาใจมึงตลอด แล้วดูที่มึงพูดกับกูสิ อยากเลิกเหรอ มึงอยากให้กูเป็นบ้าขึ้นมาจริงๆ หรือไง! " เสียงเกรี้ยวกราดของไอ้ลิเคียวดังไม่หยุด มันใช้มือลูบหน้าตัวเองแรงๆ





เสียใจเหรอ





หงุดหงิดใช่ไหมล่ะ





แต่ผมอยากจะให้มันรับรู้...ว่าตัวผมเอง ทั้งเสียใจ ทั้งหงุดหงิดยิ่งกว่ามันอีก


ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig4:0.
 :3123:

ออฟไลน์ YiiM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ตอนที่ 22


"มึงต่างหาก มีอะไรปิดบังกูหรือเปล่า"





"ปิดบังห่าอะไรอีกล่ะ มึงพูดออกมาตรงๆ เลยดีกว่า"





"กูต้องพูดอะไรล่ะ ขนาดมึงยังไม่พูดกับกูตรงๆ เลย"





"แล้วมึงจะอ้อมทำเหี้ยอะไรวะไอ้วา กูกำลังจะบ้าเพราะมึงเนี่ย เป็นห่าอะไรทำไมไม่พูด"





"เพราะมึงไม่พูดกับกูแบบตรงๆ ก่อนนะสิ ทำไมกูต้องเป็นคนบอกมึงก่อนด้วย"





"แล้วกูไม่พูดอะไรกับมึงตรงๆ "





"ทำไม มันมีหลายเรื่องที่มึงปิดบังกูหรือไง มึงถึงไม่กล้าพูดความจริงออกมาน่ะ"





"อ้วน มึงหาเรื่องกูจริงๆ ใช่ไหม" ไอ้ลิเคียวกดเสียงต่ำ แถมยังบีบที่แขนผมแรงๆ ด้วย





"โอ้ว ใจเย็นๆ กันสิพี่" ไอ้เด็กชุนที่ลงมาจากรถรีบเข้ามาห้าม





"กูใจเย็นมาทั้งวันแล้ว แต่มึงดูมันสิ หาเรื่องแต่กูนี่แหละ เป็นเหี้ยไรก็ไม่ยอมพูดออกมา"





"ทำไม! มึงจำไม่ได้เหรอ ว่าก่อนที่มึงจะมารับกูไปเที่ยว มึงไปนอนกับใครมา"





"นอนกับใคร? "





"เพื่อนมึงไง เมียเก่ามึงน่ะ" ผมตะโกนใส่หน้าของไอ้ลิเคียวเสียงดัง ดูเหมือนมันจะตกใจไม่ใช่น้อย แรงที่บีบแขนผมในตอนแรก อ่อนลงจนเห็นได้ชัด





"กูไม่ได้อยากรับรู้หรอกนะ แต่กูก็รู้ไปแล้ว ถ้ามึงอยากจะปิดบังกู มึงก็ทำได้ แต่ช่วยทำให้กูไม่รู้ได้ไหมล่ะ" ผมบอกออกไป ไอ้ลิเคียวต้องทำให้เนียนแล้วดีกว่านี้สิ มารู้ทีหลังแบบนี้...มันเจ็บนะโว้ย มันเหมือนผมเป็นไอ้โง่คนหนึ่งที่มันจะบอก จะพูดอะไรก็เชื่อไปหมด ตัวผมแม่งโคตรโง่เลย





"มันไม่ใช่อย่างที่มึงคิดนะอ้วน"





"มึงรู้เหรอ ว่ากูคิดอะไร"





"เพราะกูรู้น่ะสิ กูถึงบอกว่าไม่ใช่อย่างที่มึงคิดไง"





"พอเถอะ มึงจะแก้ตัวอะไร มันก็ฟังไม่ขึ้นสำหรับกูแล้ว"





"แก้ตัวอะไร สิ่งที่กูจะบอก มันก็ความจริงทั้งนั้นแหละ"





"เหรอ...มึงกล้าพูดได้ไง ว่ามึงจะพูดความจริง"





"ก็กูกำลังจะบอกความจริงมึงยังไงล่ะ"





"มึงคิดว่า คนโง่ๆ อย่างกู ควรจะเชื่อคำพูดหลอกลวงของคนขี้โกหก คนกะล่อนปลิ้นปล้อนอย่างมึงอีกใช่ไหม"





"นี่ไง ถ้ากูพูดความจริงออกไปในตอนนั้น มึงก็คงไม่เชื่อกูหรอก"





"มึงถึงเลือกที่จะโกหกน่ะเหรอ"





"...กูขอโทษ"





"เก็บคำขอโทษของมึงไปเถอะ มันสายไปแล้ว" ผมบอกออกไป วันนี้ทั้งวัน ผมคิดตลอดเวลา แล้วผลสรุปก็คือ ผมคงให้อภัยมันไม่ได้ ผมคงจะอยู่กับคนที่โกหกผมไม่ได้ ผมไม่อยากระแวงไปตลอดชีวิต ถึงตอนนี้ผมจะเสียใจมาก แต่มันก็คงเหมือนกับทุกครั้ง พอเวลาผ่านไป เดี๋ยวความรู้สึกเจ็บจี๊ดๆ นี้ก็หายไป แล้วอีกหน่อย ผมก็คงเจอคนใหม่ ใครสักคนที่อาจจะดีจนผมคาดไม่ถึงเลยก็ได้





"ไม่ๆ ไม่นะอ้วน กูรักมึง" ไอ้ลิเคียวบอกแล้วโผล่เข้ามากอดผมแน่น





"มึงเก็บความรักของมึงไว้...ฮึก! ...แล้วไปให้คนอื่นเถอะ คนที่มึงจะรัก จะดูแล ฮะ...ฮึก! ที่มึงจะไม่โกหกเขาน่ะ" ผมบอกแล้วสะบัดตัวเอง แต่ทำยังไงก็ไม่หลุดจากการเกาะกุมของอีกฝ่าย





"ชุน ช่วยกูที" ผมบอกแล้วไอ้เด็กชุนก็เข้ามาช่วยแกะไอ้ลิเคียวออก ดูเหมือนอีกคนจะเสียใจร้องไห้ออกมาเช่นกัน ก็ดีที่มันยังร้องไห้ อย่างน้อยก็คงมีแค่มันคนเดียวนี่แหละ ที่เลิกกับผมแล้วรู้สึกเสียใจ





พอผมขยับถอยห่าง ดูเหมือนอีกคนก็จะขยับเข้ามาหา สายตาที่อ้อนวอนของมัน ทำเอาผมเกือบใจอ่อน ผมตัดสินใจเดินกลับมาที่รถของไอ้ชุน ก่อนจะปิดประตูโดยไม่หันกลับไปมองอีกฝ่าย ได้ยินเสียงตะโกนเรียกตามหลังนะ เสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินคือไอ้ลิเคียวตะโกนบอกว่ารักผม แต่ผมก็ทำเป็นไม่สนใจ



กลับมาถึงบ้าน ดูเหมือนไอ้ไอ้ไฟที่อยู่ในบ้านจะวิ่งออกมาบ่น แต่ผมหรือจะฟัง เข้าบ้านได้ก็รีบวิ่งเข้าห้องอย่างเดียวเลย





"ฮึก...ฮึก...ฮื่อออ~" พอเข้าห้องมาได้ ดูเหมือนกำแพงความเข้มแข็งที่ตั้งไว้ในตอนแรก ได้ถล่มลงมาซะแล้ว อยู่ๆ ร่างกายของผมก็หมดแรงขึ้นมาดื้อๆ ล้มตัวลงนั่งหน้าประตู ปึกๆ ๆ ผมทุบเข้าที่หน้าอกของตัวเอง ทำไมมันเจ็บแบบนี้นะ รู้สึกเหมือนหัวใจจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เลย





"ฮื่อออ~...ฮึก! ...ฮึก! " ผมรวบรวมแรงทั้งหมดเพื่อเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ น้ำตาที่ยังคงไหลลงมาไม่ขาดสาย ดูเหมือนทุกอย่าง จะผิดเพี้ยงไปจากความคิดของผม ก้มลงดูสภาพของตัวเอง แล้วมองเงาสะท้อนในกระจก





"มึงแม่งโคตรน่าสมเพชเลยว่ะ" ผมพูดบอกกับเงาสะท้อนของตัวเอง ก่อนจะลงไปนั่งในอ่างอาบน้ำ เอนตัวลงเพื่อนพิงกับขอบอ่าง ก่อนจะหลับตาลงในที่สุด





ผมพยายามปลดปล่อยสมองจากความคิดทั้งหมด นานหลายนาทีที่ผมนอนอยู่นิ่งๆ หายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ ลืมตาอันบอบช้ำขึ้นเพื่อมองไปยังด้านบน เพดานสีขาว ลวดลายด้านบนที่ถูกตกแต่งเมื่อไม่นานมานี้โดยฝีมือไอ้ไฟ ถึงมันจะพูดมากไปสักหน่อย แต่ฝีมือที่มันมี ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ นะ





ไม่คิดก็แล้ว คิดเรื่องอื่นก็แล้ว แต่สุดท้ายความคิดของผม ก็มาจบลงที่มันคนเดียว ไม่ว่าจะลืมตาหรือหลับตา ในสมองของผม ก็ยังนึกถึงมันอยู่ตลอดเวลา





"เฮ้ย" ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะค่อยๆ ลดตัวลงเรื่อยๆ จนศีรษะของผมลงมาอยู่ใต้นะแล้ว





ปัง พรึ่บ





"แค่กๆ ๆ "





"มึงทำบ้าอะไรของมึงเนี่ย"





"แฮ่กๆ ๆ "





"กูบอกมึงแล้วใช่ไหม ว่าอย่ารักมัน อย่าคบมัน แล้วเห็นไหม มึงเป็นยังไง คิดจะฆ่าตัวตายเพื่อคนคนเดียวเนี่ยนะ"





"มึงน่ะสิบ้า กูรู้ตัวว่ากูผิดที่ไม่ฟังมึง ไม่เชื่อที่มึงบอกกับกู แต่กูก็ไม่ได้บ้าพอที่จะตายเพราะคนคนเดียวหรอกนะ" หลังจากฟังไอ้ไฟบ่นซะเหยียดยาว ผมก็บอกมันคืนบ้า ผมแค่อยากจะทำให้จิตใจของตัวเองสงบลงก็เท่านั้น ไม่ได้คิดจะฆ่าตัวตายสักหน่อย ถ้าจะตาย ก็คงเป็นเพราะมันเมื่อกี้นี้แหละ





อยู่ๆ ก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ ดึงตัวผมขึ้นจากอ่าง ทั้งๆ ที่ผมลงไปได้ไม่ถึง 3 วิเลยด้วยซ้ำ ตกใจจนสำลักน้ำไปหลายอึกเลยเนี่ย





"แล้วมึงทำอะไร"





"กู...คือกู...ยังไงก็ชั่งเถอะ กูไม่ได้คิดจะฆ่าตัวตายแล้วกัน" ผมบอกแล้วสะบัดตัวออกจากอ้อมแขนของไอ้ไฟ





"เออ ไม่คิดแล้วก็ห้ามคิดล่ะ กูออกไปก่อนละ"





"ขอบใจ" ผมบอกแล้วหันหน้าไปทางอื่น จากตอนแรกที่ไอ้ไฟกำลังจะก้าวขาออกไป ก็ต้องชะงักค้าง ใช่ ผมพึ่งพูดขอบใจมันไป





"เรื่อง"





"ไม่รู้" ผมไม่รู้ว่าขอบใจมันเรื่องอะไรจริงๆ ขอบใจที่คอยบอกคอยเตือน ของใจที่อยู่เคียงข้าง ขอบใจที่ไม่ทิ้งกันไปไหน หรือขอบใจที่ช่วยผมเมื่อกี้ ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องเข้าใจผิดก็เถอะ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าผมขอบใจมันเรื่องไหน หรืออาจจะทุกๆ เรื่องเลยก็ได้ รู้เพียงแต่ว่า ตัวเองควรจะพูดคำนี้ออกไปก็เท่านั้น









หลังจากอาบน้ำนอนไปหนึ่งตื่น ผมก็ลุกขึ้นมานั่งกลางดึก มองไปรอบๆ ห้องที่เงียบสงัด ความมืดที่ปกคลุมไปทั่วทั้งห้องนี้ ยิ่งทำให้ผมยิ่งเหงากว่าเดิมอีก





ดีดตัวลุกขึ้น เพื่อเดินลงไปหาอะไรกินด้านล่าง ไม่รู้ว่าป้าชุมจะทำอะไรทิ้งไว้หรือเปล่า ไอ้ไฟกูดูเหมือนจะหลับไปแล้วด้วย





เดินเข้ามายังห้องครัว มึนนิดหน่อย เพราะไม่รู้ว่าตัวเองควรเริ่มจากไหนก่อน เพราะผมแทบจะไม่ค่อยได้เข้ามาในนี้เลย ปกติมีอะไรก็สั่งป้าชุมอย่างเดียว เปิดตู้กับข้าวดู ก็เป็นอย่างที่คิด ไม่มีอะไรเหลือไว้เลย ก้มๆ มองๆ เจอมาม่าอยู่ในตู้ น่าจะเป็นของลุงคนสวนนั่นแหละนะ





"ยืมก่อนนะลุง" ผมพูดลอยๆ ออกไป หยิบออกมาสองซอง เดินไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบไข่ออกมา ดีที่มีผักอยู่ในนี้ด้วย ผมเลยหยิบออกมาหั่นด้วยซะเลย





"ทำอะไร"





เฮือก





"ทำไมมาเงียบๆ วะ"





"ก็ได้ยินเสียงกึกกัก ก็นึกว่าโจรเข้าบ้านน่ะสิ ใครจะไปคิดว่าหมูอย่างมึงจะมาหิวกลางดึกแบบนี้ล่ะ"





"จิ๊" ผมจิกตาใส่ไอ้ไฟ ปากแบบนี้ไง น่าเอาปังตอที่ถืออยู่สับให้แหลก เริ่มจากสับหมาในปากก่อน แล้วค่อยสับปากมันทีหลัง





"ไม่เจ็บโว้ย"





"เจ็บก็เหี้ยล่ะ" ผมบอกออกไป อย่างกับมันได้ยินสิ่งที่ผมกำลังคิดอยู่





"นินทาอะไรกูก็พูดออกมาสิ มึงคิดในใจกูไม่ได้ยินหรอกนะ" ไม่ได้พูดเฉยๆ แต่ทำลอยหน้าลอยตาพูดด้วยไง ดูความกวนตีนของมันสิครับ





"กลับไปนอนไป" ผมบอกแล้วหันมาสนใจกับผักตรงหน้าต่อ





"ทำอะไรกินล่ะ มากูช่วย" ไอ้ไฟบอกแล้ววางไม้เบสบอลที่มันถือมาด้วยลง





"มาม่า"





"มาสิ เดี๋ยวกูหันเอง หันหน้าแบบนี้เมื่อไหร่ผักจะสุกล่ะ" ไอ้ไฟเดินมาแย่งมีดกับเขียงไปจากผม ก่อนที่จะลงมือทำเอง ถึงมันจะไม่ได้ดูเป็นมือโปร แต่มันก็ดีกว่าผมล่ะนะ ที่ยืนหันแบบเก้ๆ กังๆ





"มีมาม่าอีกไหม"





"มี อยู่ในตู้"





"หยิบมาดิ"





"จะกินด้วย? "





"เออสิ ไม่งั้นกูจะพูดเพื่อ"





"จิ๊" ผมได้แต่ส่งเสียงจิ๊จ๊ะ แต่ก็เดินไปหยิบให้มัน ก่อนที่จะคอยเป็นลูกมือช่วย ถึงจะเป็นลูกมือที่ไม่ได้เรื่องสักเท่าไหร่ก็เถอะ เพราะส่วนมากก็ช่วยยืนเกะกะซะมากกว่า





ยืนนานๆ ก็รู้สึกเมื่อย ในเมื่อไม่ได้ช่วยอะไรไอ้ไฟ ผมก็เลยนั่งลง มองไอ้ไฟหันนู่นล้างนี่ไปเรื่อย





"ไม่ใช่ว่านั่งหลับซะล่ะ"





"เออ ไม่หลับหรอกน่า หิวจะแย่แล้วเนี่ย เสร็จยัง"





"จะเสร็จแล้ว นั่งรอเฉยๆ ยังจะบ่นอีกนะมึง" ได้แต่ทำหน้าบึ้งหน้าบูดอยู่ด้านหลังไอ้ไฟ





รอจนเรียกได้ว่านาน ทั้งๆ ที่ก็แค่ต้มมาม่าเท่านั้น ดูเหมือนไอ้ไฟจะใส่อะไรลงไปหลายอย่างเลย ที่เห็นชัดๆ ก็กุ้งกับหมึก ไหนจะผักจะไข่อีก





"เสร็จแล้วๆ " ไอ้ไฟว่า แล้วยกหม้อมาตั้งที่โต๊ะ ผมเลยเดินไปหยิบถ้วยแบ่งมา 4 ห่อที่ไอ้ไฟทำ ดูเหมือนจะเยอะไปหรือเปล่านะ





"น่ากินว่ะ"





"เขาเรียกว่าฝีมือโว้ย"





"ขี้อวด" ผมพูดออกไปอย่างไม่น้อยหน้า





"หึ กินๆ เข้าไป" ไอ้ไฟบอกแล้วขยี้หัวผม ผมก็เบี่ยงตัวหลบแล้วตักมาม่าใส่ถ้วย รู้ตัวเลย ว่ากำลังอมยิ้มอยู่ คิดถึงไอ้แม็กเหมือนกันนะ ตั้งแต่มันไปผมก็ไม่ได้คุยกับมันอีกเลย เพราะถ้ามันอยู่ มันก็จะเป็นคนห้ามทัพระหว่างผมกับไอ้ไฟนี่แหละ





พอพูดถึงไอ้แม็กแล้วก็นึกถึงพ่อ ทำไมท่านถึงหายไปเลยนะ ไม่โทรมา ไม่ติดต่ออะไรมาเลย





"ไฟ"





"อะไร"





"พ่อติดต่อมึงมาบ้างไหม"





"ก็...นานๆ ทีกูก็โทรหาเขาบ้าง ทำไม"





"ปกติพ่อไม่หายไปนานแบบนี้นะ งานมีปัญหาอะไรหรือเปล่า"





"คงงั้นมั้ง ไม่งั้นไอ้แม็กคงไม่รีบกลับไปดูหรอก"





"เหรอ เอาไว้กูจะโทรหาดูละกัน" ผมบอก





"อืม"





ผมหันกลับมาสนใจอาหารตรงหน้าอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเพราะไอ้ไฟทำอร่อยหรือผมหิวกันแน่ ถึงได้กินเอาๆ





"ไม่เหมือนคนพึ่งเลิกกับแฟนเลยเนอะ"





"ทำไม คนที่พึ่งเลิกกับแฟน เขาต้องเป็นยังไงหะ"





"อย่างน้อยก็ไม่น่าอยากอาหารเหมือนมึงอ่ะ"





"กูไม่ได้เลิกกับแฟนครั้งแรกสักหน่อย"





"แต่มันก็ผัวคนแรกของมึงนิ"





"เอ๊ะ พูดให้ได้เหี้ยไรขึ้นมาเนี่ย"





"ให้มึงอยากอาหารน้อยลงไง อ้วนจนกูนึกว่ามีน้องเป็นหมูมากกว่าคนละ"





"กูก็นึกว่ามีพี่เป็นหมาเหมือนกัน ชอบเห่ากว่าพูดซะอีก! " ผมพูดแล้วรีบเก็บจาน อยู่กับไอ้ไฟดีๆ ได้ไม่ถึง 5 นาทีจริงๆ เป็นห่าอะไรไม่รู้ ชอบชวนทะเลาะตลอด





"ล้างจานเสร็จแล้วขึ้นห้องไป มึงอย่าพึ่งนอนล่ะ เดี๋ยวเป็นกรดไหลย้อน"





"เออ รู้แล้วน่า"





"รู้ก็ดี เถียงแบบนี้คงไม่เป็นอะไรมากสินะ"





"กูจะเป็นอะไรล่ะ กลับห้องมึงไปได้แล้ว" ผมบอก เพราะถ้าล้างจานเสร็จ ผมก็คงจะขึ้นห้องของตัวเองเหมือนกัน ตอนนี้ก็แอบยิ้มนิดๆ มันเป็นความดีใจเล็กๆ ที่มีคนเป็นห่วง การมีมันเป็นครอบครัว ก็เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งล่ะนะ

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :3123: :3123: :3123:
ติดตามค่ะ
 :pig4:

ออฟไลน์ YiiM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0

ผมตื่นมาในรุ่งเช้า ความจริงอยากจะนอนต่อด้วยซ้ำ แต่ไอ้ไฟนี่สิ เล่นปลุกซะผมไม่อยากนอนต่อเลย มีอย่างที่ไหน มายืนตะโกนโวยวายเสียงดัง จากที่นอนคว่ำอยู่แล้ว รีบมุดลงใต้หมอนเลยครับ ไอ้ไฟก็เสือกมายื้อยุดฉุดกระชากหมอนผมออกไปอีก เลยมุดตัวลงใต้ผ้าห่ม เสียงของไอ้ไฟเงียบลงไปได้เพียง 3 วินาที แล้วแม่งก็นั่งทับลงมาบนตัวของผมเลย จุกจนต้องลุกขึ้นเลยล่ะครับ





"มึงมีเรียนกี่โมง"





"10 โมง แต่ไม่ใช่วิชาสำคัญอะไร"





"ไม่สำคัญยังไงมึงก็ต้องไปเรียน"





"กูยังไม่อยากไปเลย"





"ทำไม"





"ก็กูไม่อยากเจอหน้ามัน"





"มึงไม่ได้ฉลาดพอที่จะหยุดยาวได้หรอกนะ แล้วที่สำคัญ แค่มึงไม่ไปมหาลัย ไม่ได้แปลว่า มันจะมาเจอมึงที่นี่ไม่ได้ เพราะฉะนั้น มึงไปเรียนนั่นแหละดีแล้ว"





"งั้นกูขอกุญแจรถไอ้แม็กละกัน"





"ไม่ต้อง กูก็มีเรียนเหมือนกัน มึงก็ไปกับกูนี่แหละ แล้วตอนกลับเดี๋ยวกูรอ"





"จิ๊" ไอ้ไฟนี่ก็ขัดใจผมซะทุกเรื่อง ทำเอาผมหงุดหงิดกินข้าวไม่อร่อยแล้วเนี่ย





นั่งอารมณ์เสียเขี่ยข้าวไปมาแทน อาจเพราะพึ่งกินไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วก็ได้ เลยรู้สึกไม่อยากอาหาร ไอ้ไฟแม่งก็บ้า เห็นๆ อยู่ว่าผมไม่ค่อยกิน ก็ตักนู่นตักนี่ให้จนพูนจาก จนตอนนี้เหมือนอาหารหมูมากกว่าอาหารคนอีก





"กินๆ เข้าไปสิ เขี่ยไปมาแบบนี้ มึงจะอิ่มไหม"





"แล้วมึงจะตักอะไรให้นักหนา แดกไม่ลงเพราะมึงตักให้เนี่ย ตักเยอะจนเป็นอาหารหมูละ"





"มึงเป็นหมู กินแบบนี้ก็ถูกแล้วนิ" มองแรงไปที่ไอ้ไฟหนึ่งที กับคนอื่น ไม่เห็นมันจะพูดแรงแบบนี้ กับผมนี่แทบไม่พูดดีด้วยเลย แม่งผมก็น้อยใจเป็นนะ





"เบะหน้าทำเหี้ยอะไร ไม่กินก็ไม่ต้องกิน จะได้ไปเรียนกันปะ" พอเห็นผมเริ่มไม่พอใจ ก็มาพูดอีกแบบ มันน่าตบให้คว่ำดีไหมเนี่ย





สรุปแล้ว ข้าวเช้าผมก็ไม่ได้กิน รถผมก็ไม่ได้ขับ ไอ้ไฟที่ขับมาส่งผม ก็มาส่งถึงหน้าตึกเลย หน้าตึกแบบ...พอเปิดประตูออก ก้าวที่สองก็เป็นบันไดขึ้นตึกขั้นแรกอะครับ





"เลิกเรียนแล้วโทรมา วันนี้กูจะพามึงไปทำธุระ"





"ธุระของกูหรือของมึง ถ้าของมึงกูไม่ไปไม่ได้เหรอ"





"ของมึงนั่นแหละ"





"ของกู! อะไรอ่ะ"





"ยังไม่บอก อยากรู้เลิกเรียนมึงก็โทรหากูเร็วๆ ละกัน" ไอ้อยากรู้ก็อยากนะ แต่ก็ไม่อยากด้วย รู้สึกมีลางสังหรณ์แปลกๆ ผมไม่ได้พูดอะไรต่อ แค่พยักหน้าเข้าใจแล้วปิดประตูรถ ก่อนจะเดินขึ้นตึกมา





"พี่วา" เสียงเรียกชื่อผมจากด้านหลัง พอหันไปดูก็เป็นไอ้เด็กชุนนั่นเอง กำลังเดินมาพร้อมไอ้วินเลย ท่าทางร่าเริงแจ่มใสของไอ้เด็กนั่น ชั่งตรงข้ามกับเพื่อนของผมยิ่งนัก วันๆ มันไม่ค่อยแสดงสีหน้าอะไรหรอกครับ นอกจากนิ่งๆ แล้วก็ผมที่ชอบมาบังหน้าบังตา บังความหล่อของมัน





"มาส่งไอ้วินเหรอ"





"ครับ"





"เรียนหมอนี่ว่างมากเลยสินะ"





"อย่าอิจฉาดิพี่"





"เออ อิจฉา เพราะฉะนั้นมึงกลับไปได้ละ"





"อ้าว ผมว่าจะเดินไปส่งที่ห้อง"





"ไม่ต้อง ไอ้วินมันมีกูแล้ว เดี๋ยวกูเดินไปกับมันเอง มึงกลับไปได้แล้ว"





"โธ่พี่~"





"กลับไปเรียนเถอะ เดี๋ยวกูโทรหา"





"จริงนะ พี่จะโทรหาผมจริงๆ นะ"





"อืม"





"งั้นผมไปเรียนก่อนก็ได้" เชอะ ทีผมไล่ตั้งนาน ไม่ยอมไป พอไอ้วินบอกนิดเดียว ทำตามอย่างกับเป็นลูก อิจฉานะเนี่ย





"ไอ้วิน มึงบอกเคล็ดลับกูหน่อยสิ อะไรที่ทำให้ไอ้เด็กนั่นแลรักและเชื่อฟังมึงมากขนาดนี้" ผมถามออกไป เวลาไอ้วินพูดอะไรนิดหน่อย มันก็เชื่อฟังอย่างว่าง่าย ไม่หือไม่อือ ไม่เถียงหรือแย้งสักคำ





"คงเพราะ...เคยสูญเสียคนที่รักมากไปมั้ง"





"กูก็เคย แต่ไม่เห็นเป็นแบบมันเลยวะ" ผมบอกออกไป





"มึงไม่เข้าใจ สูญเสียของมึงคือเลิกกับเขาไป แต่สูญเสียของชุน คืออีกคนตายจากไป"





"ห๊ะ" แค่ได้ฟังเพียงเท่านี้ ผมก็รู้สึกใจกระตุกวูบแล้ว





"มึงไม่เข้าใจหรอก เพราะมึงยังไม่เคยสูญเสียคนสำคัญไป คนที่เป็นดั่งชีวิต จิตวิญญาณ เป็นทุกสิ่งอย่าง เป็นเหมือนกับอวัยวะชิ้นที่ 33 ของร่างกาย...เพราะขนาดตัวกู ยังไม่เข้าใจมันเลย" อาจเป็นเพราะน้ำเสียงของไอ้วินด้วยล่ะมั้ง น้ำเสียงเศร้าๆ ทำเอาผมขนลุกเกรียวเลย





"แล้วมึงรู้ได้ยังไง"





"มันเป็นคนพูดประโยคนี้กับกูเอง"





"เพราะมันเคยสูญเสีย มันเลยเชื่อฟังมึงมากเหรอ" ผมถามออกไป เพราะเกือบจะเข้าใจละ แต่มันก็ยังไม่เมคเซ้นส์กันอยู่ดี เพราะเคยสูญเสีย เลยทำให้รักมากอ่ะ เข้าใจ แต่เชื่อฟังแทบจะทุกคำพูดแบบนี้ ผมยังไม่เข้าใจ





"มันก็มีหลายปัจจัย เพราะเรื่องที่กูเจอกับมันมาก็ด้วย จริงๆ มันก็ไม่ใช่คนร่าเริงแบบนี้หรอก"





"นั่นสินะ เพราะมึงยังเปลี่ยนไปเลย ทำไมไอ้เด็กชุนถึงจะมีหลายมุมบ้างไม่ได้" คำพูดของผม ทำเอาไอ้วินขมวดคิ้วเข้าหากันเลย





"ไม่เคยสังเกตเลยสินะ ปกติทุกคนก็รู้อยู่แล้ว ว่ามึงเป็นคนพูดน้อย แต่พอมึงพูดเรื่องไอ้เด็กชุนนั่น มึงอธิบายซะยืดยาวเลย ถึงจะไม่ได้พูดมากเหมือนกู แต่ก็พูดยาวกว่าปกติอ่ะ"





"เหรอ" ผมเกลียดมันตรงนี้แหละ มันไม่ได้มีสีหน้าต่างไปจากเดิน เพียงแต่กลับมาเป็นคนเดิมที่พูดน้อยและกวนตีนก็แค่นั้น





หลังจากชวนคุยเรื่องอื่นอีกยาวเหยียด ผมก็ได้รับคำตอบมาไม่ถึง 10 คำด้วยซ้ำ คำถามที่ผมจ่อถามไปตั้งหลายประโยค ถูกตอบรับด้วยคำตอบเพียงคำเดียว ไม่ว่าจะเป็น เหรอ หืม อืม ก็แค่นี้





พอเข้าห้องเรียนมาได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง จากที่ไม่ค่อยได้รับความสนใจอยู่แล้ว ผมกลับถูกแย่งความสนใจจากไอ้วินไปเพราะเต่าตัวเดียว ไอ้รถถังถูกเชิญให้ไปตั้งบนโต๊ะของไอ้วินทันทีที่มาถึง ผมเลยต้องหันมาสนใจอาจารย์กับกระดานตรงหน้าแทน





"โอ้ยหิว ถ้าปล่อยช้ากว่านี้ กูว่าจะย่างเต่าไอ้โซ่กินแล้วเนี่ย"





"อย่าแม้แต่จะคิดนะไอ้สวย"





"งั้นรีบไปกินข้าวกันเถอะ" เสียงดังของไอ้สวยและไอ้โซ่โต้เถียงกัน เพราะอาจารย์ที่สอนคาบนี้เข้าช้า ทำให้กินเวลาพักจากที่ควรจะเป็นไปมากกว่าชั่วโมงครึ่ง ผมยังมีเรียนต่ออีกคาบ ทั้งๆ ที่ปกติจะได้พักตั้ง 2 ชั่วโมง สามารถแวบออกไปกินอาหารนอกมหาลัยยังได้เลย





"กินใต้ตึกนี่แหละ เดี๋ยวเข้าเรียนไม่ทัน"





"มันก็แน่อยู่แล้ว รีบเดินดิ" ไอ้สวยว่าแล้วดันหลังผมให้เดินนำไป





ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่ผมกลับมา เพราะไอ้สวยต้องนั่งรถกลับมากับจี ผมไม่กล้าถามว่ามีเรื่องหรือปัญหาอะไรกันหรือเปล่า เพราะบรรยากาศที่มาคุตอนนี้ มันก็บ่งบอกได้ว่า ทั้งสองคน ไม่ค่อยจะโอเคกันสักเท่าไหร่ ตั้งแต่เจอหน้ากันตอนเข้าเรียนจนถึงตอนนี้ ก็ไม่เห็นว่าทั้งสองคนจะคุยอะไรกันเลย





"มึงกินอะไรวะ"





"กูกินมาม่าดีกว่า"





"เอาด้วยๆ "





"งั้นกูกินข้าวกล่องนี่แหละ เดี๋ยวจะไปนั่งจองโต๊ะให้" ผมบอกเพราะขี้เกียจรอ หยิบข้างกล่องกับน้ำหนึ่งขวด จ่ายเงินแล้วออกมาเลย โต๊ะนั่งที่มีอยู่ แต่ไม่ได้มากสำหรับนักศึกษาพอนั้น ทำให้ผมต้องเดินหาโต๊ะว่างที่เราสามารถนั่งได้ 5 คน ซึ่งมันก็อยู่ไกลจากซุ้มพอสมควร





นั่งแกะข้าวกล่องตรงหน้าแล้วลงมือกินเลย จริงๆ ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เพราะเป็นอาหารที่ทำมาแต่เช้าแล้ว แต่จะให้ยืนรอต่อคิวทำมาม่าเหมือนพวกนั้นก็คงจะนานเกินไป เมื่อเช้าก็ไม่ได้กินข้าวมาด้วย ทำให้ตอนนี้ผมรู้สึกหิวมากเป็นพิเศษ





หมับ





ผมรับรู้ถึงแรงบีบที่ไหล่ของตัวเอง เลยต้องหันไปมองด้านหลัง เพียงแค่เห็นหน้าของอีกคน ก็ทำเอาผมกินข้าวไม่ลงแล้ว ถึงจะพึ่งกินไปได้คำเดียวก็เถอะ





"อ้วน กูว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน"





"แต่กูว่าไม่นะ" ผมบอกแล้วหันกลับมาสนใจข้าวกล่องตรงหน้า ถึงความคิดของผมจะบอกว่าไม่อยากคุย ไม่อยากเห็นหน้ามัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลย ว่าหัวใจของผม กำลังเรียกหา เพราะแค่ผมหันไปมองใบหน้าที่หล่อเหลา หัวใจของผมก็ซื่อสัตย์โดยการเต้นแรงจนผมกังวลว่าอีกคนจะได้ยิน





"ขอโทษ กูขอโทษนะ กูขอโอกาสสักครั้งไม่ได้เหรอ" ผมได้ยิน แต่ทำเป็นไม่สนใจ ผมยังจำความรู้สึกตอนที่รู้เรื่องได้ มันเจ็บนะ เจ็บปวดไปทั้งหัวใจ แถมเรื่องที่เกิดขึ้นมันยังผ่านไปแล้ว ผ่านไปโดยที่ผมไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ จะโวยวายหนักแค่ไหน ผมก็ไม่สามารถลืมไปได้ ว่ามันนอนรวมบ้านกับแฟนเก่ามัน ทั้งๆ ที่พึ่งคบกับผมไปเอง





"กูไม่อยากเจ็บไปมากกว่านี้แล้ว มึงกลับไปเถอะ"





"โธ่อ้วน กูไม่ได้ตั้งใจจริงๆ มึงฟังกูนะ คืนนั้นน่ะ ไอ้คิสไปนอนบ้านกูก็จริง แต่มันนอนห้องน้องกู เพราะมันไปช่วยกูทำบัญชีที่ร้าน มึงก็รู้นิ ว่ากูกำลังทำร้านใหม่ แถมน้องกูยังมาป่วนจนหัวหมุนไปหมด แล้วที่กูไม่บอกมึง เพราะว่ากูไม่อยากให้มึงคิดมาก คืนนั้นมันไม่มีอะไรจริงๆ นะโว้ย กูกับไอ้คิสเป็นเพื่อนกันจริงๆ "





"เหรอ ฟังแล้วรู้สึกดีขึ้นเยอะเลยว่ะ มันก็เหมือนเมื่อคืนสินะ ที่แพรมานอนบ้านกู"





"แพร? แพรไหน"





"เพื่อนกูเอง แต่เคยเป็นเมียเก่ากูเหมือนกัน"





"แล้วมึงให้มานอนทำเหี้ยอะไร! "





"มึงถามตัวเองสิ มาถามกูทำไม" ผมบอกออกไป ทีอย่างนี้มาขึ้นเสียงใส่ผม มันยังโมโหเลยถ้าผมทำแบบนั้น แล้วที่มันปิดบังผม จะไม่ให้ผมโมโหมันได้ยังไง





"อ้วน มึงอย่าเป็นแบบนี้สิ"





"มึงเลิกเรียกกูแบบนี้สักที เลิกก็คือเลิก เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว" ผมบอกแล้วกำช้อนในมือแน่น มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ ที่จะพูดประโยคแบบนี้ออกมาในแต่ละครั้ง การเลิกกันของเรา ไม่ใช่แค่มันสักหน่อยที่เสียใจ ตัวผมเองก็เสียใจไม่แพ้มันเหมือนกันนั่นแหละ





"อ้าวลิเคียว คุณมาทำอะไรที่นี่"





"ด้า"





"ใช่ค่ะ ด้าเอง ด้าพึ่งพูดถึงคุณกับจีอยู่เลย"





"ปล่อยผมนะ คุณไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะมาแสดงความเป็นเจ้าของผมได้แล้ว"





"แหม อย่าพูดแบบไร้เยื่อใยแบบนั้นสิคะ ด้าก็บอกแล้วว่าเรื่องที่ด้าจ้างคนไปพังร้านคุณ ด้าแค่ล้อเล่น ถ้าคุณไม่ทำให้ด้าเสียหน้าก่อน ด้าก็คงไม่ทำแบบนั้นหรอก"





"ด้า คุณจะทำอะไรก็ได้ แต่จะมาทำเป็นเจ้าข้าวเจ้าของผมไม่ได้"





"ทำไมคะ แอบด้ามาหาผู้หญิงอื่นอีกแล้วเหรอ" เธอตอบกลับมาเหมือนไม่สนใจมากนัก ผมไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหน หน้ามึนได้ขนาดนี้มาก่อน





"ด้าพอเถอะ ฉันว่าเรากลับกันดีกว่า" จีที่เห็นว่า ทั้งผม ทั้งไอ้ลิเคียวเริ่มมีสีหน้าไม่ดีแล้ว เธอเลยพยายามที่จะลากเพื่อนของเธอกลับ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล





"โทษทีนะลาวา" จีหันมาบอกผม ผมเลยทำได้เพียงแต่พยักหน้าเข้าใจ





"จะไปไหน"





"ปล่อยกู"





"นี่มันอะไรกันคะ" ทั้งๆ ที่ผมจะเป็นคนเดินออกไปจากสถานการณ์ตรงนี้เอง ไอ้ลิเคียวก็ยังจะมาห้าม





"ด้า กลับเถอะ" จีที่เห็นท่าไม่ดี เลยรีบชวนเพื่อนตัวเองกลับ





"นี่อย่าบอกนะ ว่าแกเป็นคู่นอนอีกคนของลิเคียวน่ะ"





"ไม่ใช่! " ผมบอกออกไปเสียงดังฟังชัด สะบัดมือที่ไอ้ลิเคียวจับเอาไว้แน่นออก จะได้เดินออกไปจากตรงนี้สักที





"ด้าก็คิดแล้วล่ะค่ะ ว่าลิเคียวคงไม่เอาคนแบบนี้มานอนด้วยหรอก" สิ่งที่เธอพูด ทำเอาผมไม่สามารถโต้เถียงได้เลย สายตาที่ดูถูกกำลังจดจ้องมาที่ผม ผมทำได้แต่เพียงกัดปากล่างของตัวเองแน่นเพื่อข่มอารมณ์โกรธ ‘คนแบบนี้เหรอ’ เธอกล้าดียังไงมาใช้คำพูดแบบนี้กับผม เกลียด...ผมเกลียดมากเลย คนที่ไม่รู้จักกัน แต่ดันมาประเมินกันด้วยรูปลักษณ์หน้าตาภายนอก จิตใจคนแบบนี้ ทำมาด้วยอะไรกันนะ





"ด้า ถ้าเธอไม่กลับ ฉันกลับแล้วนะ" เสียงแหลมสูงของจีแทรกเข้ามาก่อนใคร ดูเหมือนเธอจะโกรธกับคำพูดของเพื่อนสาวไม่ต่างจากผม





"เป็นอะไรของเธอน่ะจี"





"ฉันบอกแล้วไง ว่าไม่ชอบที่เธอพูดดูถูกคนอื่น"





"โอเค ฉันขอโทษ แล้วจะไม่รอเจอแฟนสุดหล่อของเธอก่อนเหรอ"





"ช่างเถอะ" ว่าแล้วจีก็เดินกลับไปก่อน โดยมีเพื่อนสาวที่ยืนร่ำลาผู้ชายตรงหน้าผมอยู่นานสองนาน ก่อนจะเดินตามไป





"ด้าไปก่อนนะคะ จะทำอะไรก็อย่าลืมใส่ถุงล่ะ อย่าลืมว่าไม่มีใครคู่ควรแล้วก็ใจกว้างได้เท่าด้าอีกแล้ว แล้วเจอกันนะคะ" ให้ตายเถอะ ทำไมผมต้องมาได้ยินประโยคแบบนี้ด้วย





"เฮ้ย" ผมถอนหายใจออกมาแรงๆ คนต่อไปที่ต้องเดินกลับไปก็คือไอ้ลิเคียว





"มึงก็ควรจะกลับไปได้แล้ว"





"อ้วน กูบอกความจริงมึงไปหมดแล้ว กลับมาดีกันเถอะนะ"





"ลิเคียว...มึงหล่อนะ มึงสูง หุ่นดี รวย มึงไม่ควรมาตามง้อคนแบบกูเลย มีคนอีกหลายพันคนรอให้มึงรักอยู่ ไปหาคนเหล่านั้นเถอะ"





"มึงแม่งไม่ยอมฟังกูเลย กูรักมึงมาก รักไปแล้ว จะให้ไปรักคนอื่นได้ด้วยเหรอวะ!" เสียงของไอ้ลิเคียวดังจนทำให้คนรอบๆ ข้างหันมามอง ผมได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อ มองผู้ชายตัวสูงตรงหน้าค่อยๆ ทรุดตัวลงคุกเข่าตรงหน้าของผม





"มึงทำบ้าอะไรเนี่ย"





"กูขอโทษนะอ้วน มึงอย่าไล่ให้กูไปรักคนอื่นเลย" เหี้ยยย คนอย่างไอ้ลิเคียวเนี่ยนะ คนอย่างมันมานั่งคุกเข่าแบบนี้ คิดอะไรของมันอยู่วะ





"ไปกับกู" เสียงเรียบนิ่งที่ดังขึ้นมาข้างตัวผม ก่อนจะคว้าข้อมือของผมให้เดินออกไปจากเหตุการณ์ตรงนี้





"อย่าหันกลับไป" ไอ้วินพูดอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะลากผมขึ้นมายังห้องเรียน





ผมทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ เดี๋ยวนะ เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น ผมรู้สึกตั้งตัวไม่ทัน ทำไมหัวใจของผม ถึงได้เต้นแรงขนาดนี้วะ





"โกรธไหม ที่กูพาออกมา"





"ไม่"





"แล้วอยากให้กูพากลับไปไหม"





"ไม่...ไม่ต้อง"





"อยากกลับไปคบหรือเปล่า"





"คือกู..."





"ตอบตัวเองเถอะ"





"กูไม่รู้" ผมพูดเสียงเบาลง ถ้าไอ้วินไม่เข้ามา ผมคิดว่าตัวเองคงให้อภัยมันแน่นๆ คนโง่ๆ ที่ใจง่ายอย่างผม มันจะไปใจแข็งนานได้ยังไง





"เรื่องของมึง มึงก็คิดเอา ไม่มีใครดี 100% หรอก แต่เรื่องนอกใจ มันเหี้ย 100% แน่นอน"





"อืม" มันก็จริงอย่างที่ไอ้วินพูดนั่นแหละนะ





ล้มตัวลงฟุบหน้ากับโต๊ะ ทำไมช่วงนี้ผมถึงมีแต่เรื่องแย่ๆ เข้ามานะ สงสัยว่าผมต้องไปทำบุญบ้างซะแล้วสิ



ออฟไลน์ YiiM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ตอนที่ 24

"กูเรียนเสร็จแล้ว มึงจะมารับเลยไหม"





(ลงมาเลย)





"เออ เร็วๆ ล่ะ" ผมโทรบอกไอ้ไฟทันทีที่เลิกเรียน ก็ไม่ได้จะคิดเข้าข้างตัวเองหรอก ว่าไอ้ลิเคียวมันจะยังรอผมอยู่ แต่เท่าที่ดูจากที่มันกล้านั่งคุกเข่าวันนี้ ผมก็คิดแล้วล่ะ ว่าไม่มีอะไรแน่นอนหรอก





"กลับยังไง"





"ไอ้ไฟมารับ มึงอ่ะ"





"ชุน"





"โอเค พวกมึง...กูลงไปก่อนนะ" ผมบอกทุกคนแล้วรีบลงจากตึกมา





ระหว่างที่เดินลงบันไดลงมา ก็มองซ้ายมองขวาด้วย กำลังจะกดเบอร์โทรหาไอ้ไฟ เพราะไม่รู้ว่าต้องเจอกันตรงไหน แต่ก็ต้องชะงักซะก่อน เพราะรถที่จอดตรงหน้ามัน...





"ทำไมมาเร็วจังวะ" เดินลงบันไดขั้นสุดท้ายแล้วก้าวเพียงก้าวเดียวก็เปิดประตูรถขึ้นได้เลย ดูมันจอดสิครับ จะให้เหมือนชาวบ้านชาวเมืองเขาก็ไม่ได้





"มึงโทรมาตอนกูเลี้ยวเข้าตึกมาแล้ว"





"เออๆ รีบออกรถดิ" ผมบอก เพราะคนเริ่มมองกันเยอะแล้ว จะมีใครกล้ามาจอดติดชิดริมทางขึ้นขนาดนี้บ้างไหม จอดไม่กลัวรถถลอกเลย





ไอ้ไฟขับรถออกจากมหาลัยแล้วเลี้ยวไปคนละทางกับทางกลับบ้าน ผมเกือบลืมไปเลยนะ ที่มันบอกว่าจะพาไปทำธุระน่ะ





"ถ้าทำธุระเสร็จ ไปหาอะไรกินกันนะ กูหิวว่ะ"





"ไม่ได้ หลังจากนี้ หลัง 5 โมง มึงห้ามกินอะไร"





"แต่กูหิว ปากก็ปากกู มึงจะมาห้ามอะไรเนี่ย"





"มึงอยากมีวงจรชีวิตแบบเดิมซ้ำๆ หรือไง"





"วงจรชีวิตอะไรของมึง" พูดเหมือนผมเป็นสัตว์เลยแม่ง





"เปลี่ยนตัวเองซะ"





"ทำไมกูต้องเปลี่ยน"





"มึงจะได้ไม่ต้องมาเสียใจในเรื่องซ้ำๆ ซากๆ ไง"





"แต่..." ผมกำลังจะแย้ง แต่พอมาคิดอีกที มันอาจจะดีขึ้นจริงๆ ก็ได้





ตลอดทางผมเลยไม่ได้เถียงอะไรกลับไป จนกระทั่งถึงที่หมายที่ไอ้ไฟพามา เป็นยิมขนาดใหญ่ ซึ่งด้านในคงจะหรูน่าดู เริ่มตั้งแต่ทางเข้า ผมต้องกรอกใบสมัครก่อน เขาก็จับตัวผมชั่งน้ำหนัก วัดนู่นวัดนี่กับเครื่องอะไรสักอย่าง ก่อนที่จะมีใบออกมา เป็นผมวัดของร่างกายของผมเอง





"มึงกินแต่อาหารไม่มีประโยชน์ ดูสิ ทั้งไขมันส่วนเกินตรงพุ่งกับขามึงเนี่ย" เถียงไม่ออกเลยครับ จริงๆ ที่มันชี้ให้ดูก็ดูไม่เป็นด้วย ได้แต่เออออตามที่มันพูด





"เดี๋ยวกูจะให้โค้ชเป็นคนแนะนำ มึงก็ฟังที่เขาบอกแล้วกัน" ไอ้ไฟบอกแบบนั้น แล้วเดินหายเข้าไปในห้องกับคนที่บอกให้ผมกรอกใบสมัคร รอไม่นานมันก็ออกมาพร้อมกับครูฝึกกล้ามโต





"ไม่ต้องให้มันมีกล้ามใหญ่โตอะไรมากหรอกครับ แต่ให้มันไม่อ้วนตัวตันแบบนี้ก็พอ" มองค้อนไปรอบหนึ่ง





"ครับคุณไฟ อยากให้ผมแนะนำส่วนไหนเป็นพิเศษในกับคุณลาวาไหมครับ"





"ผมว่าคุยกับมันเองเลยดีกว่า แล้วก็ช่วยแนะนำมันด้วยนะครับ"





"ได้เลยครับ รบกวนคุณลาวาตามผมมาด้วยครับ"





"ครับ แล้วเอ่อ...ไฟ มึงอ่ะ" ผมหันไปตอบรับจากครูฝึก แล้วหันไปถามไอ้ไฟ เพราะไม่เห็นมันตามมา





"เสร็จแล้วโทรหากูแล้วกัน กูไปธุระที่ฝั่งตรงข้ามนี่แหละ" ไอ้ไฟว่าแบบนั้นแล้วเดินออกไปเลย ปล่อยให้ผมยืนอยู่กับครูฝึกเพียงสองคน





"คุณลาวาไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ผมรับรองว่าไม่เกิน 1 เดือน เห็นผลแน่นอน"





"ครับ ฝากตัวด้วยนะครับ" ผมบอกแล้วเดินตามครูฝึกไป





เริ่มแรก เขาก็ถามความต้องการของผม ว่าอยากจะเน้นส่วนไหนเป็นพิเศษไหม แล้วก็แนะนำว่าส่วนไหน ควรจะเล่นกับอุปกรณ์อะไร ด้วยความที่พึ่งมาเป็นครั้งแรก แถมยังไม่ค่อยได้ออกกำลังกายด้วย เลยได้ยืดเส้นยืดสายเป็นอย่างแรก เหมือนๆ กับออกกำลังกายเรียกเหงื่อซะมากกว่า





"โอเคครับ วันนี้คุณลาวาทำดีมาก พรุ่งนี้ก็เตรียมเสื้อผ้ามาเปลี่ยน และรบกวนทานอาหารตามที่ทางเราได้ให้ตารางไว้ด้วยนะครับ"





"ครับโค้ช ไม่ต้องเรียกผมว่าคุณตลอดก็ได้นะครับ เรียกชื่อเฉยๆ ก็ได้"





"ครับ"





"วันนี้ขอบคุณมากนะครับ" ผมกล่าวลาแล้วเดินออกมาจากห้องฝึก





ไม่เคยออกกำลังกายที่เรียกเหงื่อได้มากขนาดนี้มาก่อนเลย ถ้ากลับบ้านไป มันต้องปวดเนื้อเมื่อยตัวมากแน่ๆ





ผมเดินออกมานั่งรอตรงคอฟฟี่ช็อป นั่งพักให้หายเหนื่อยสักครู่ก่อนจะโทรหาไอ้ไฟให้มารับ ทั้งๆ ที่มันบอกว่าไปแค่ตึกฝั่งตรงข้าม แต่นี่ก็นานไปหรือเปล่า ผมออกกำลังกายไปตั้ง 3 ชั่วโมง มันยังไม่กลับมาเลย





"มึงอยู่ไหน"





(เสร็จแล้วเหรอ)





"เออดิ ทำไมชอบหายวะแม่ง"





(5 นาที เดี๋ยวกูไป)





"เออ" ผมบอกแล้วเดินไปซื้อน้ำเปล่ามาดื่ม พอนั่งรอไม่ถึง 5 นาที ไอ้ไฟก็เดินเข้ามา ดูเหมือนมันจะไปซื้อของมาให้ผมด้วย จำพวกเสื้อผ้า รองเท้า และของใช้ แต่ที่ต้องตกใจก็คงเป็นตอนขึ้นรถมานี่แหละ อุปกรณ์สำหรับออกกำลังกายเพียบเลยครับ พอถามก็บอกเอาไว้ใช้หลังจบคอร์สหรือเวลาว่างๆ ที่อยู่บ้าน ผมไม่คิดว่ามันจะจริงจังกับการลดน้ำหนักของผมขนาดนี้นะ





"คิดนานไหมเนี่ย เรื่องให้กูออกกำลังกายอ่ะ"





"ตั้งแต่กูอยู่ป.6 มึงว่านานไหม" ผมเหลือกตาบนกับคำตอบของมัน ที่ถามก็เพราะประชด แต่คำตอบของมันก็เสือกประชดผมกลับมาไง





"กลับได้ยัง"





"ได้ หลังจากนี่ทุกเย็น กูจะรับมึงมาที่นี่ อาหารก็กินตามตารางที่โค้ชจัดไว้ให้ล่ะ"





"..." ผมไม่ตอบ รู้สึกเพลียๆ ได้แต่นอนหายใจเข้าออกแล้วมองตรงไปด้านหน้า ถนนที่มีรถติดเป็นช่วงๆ แสงไฟข้างทางและร้านอาหารมากมาย กับความรู้สึกของขาและแขนของตัวเองที่เริ่มช้าจนรู้สึกได้ พรุ่งนี้เช้าตื่นขึ้นมา ผมต้องปวดมากแน่ๆ คำถามแรกที่เกิดขึ้นมาในหัว คือทำไมผมต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยนะ ทำไมคนเราต้องยึดติดกับรูปร่างหน้าตาขนาดนี้ จะรักจะชอบใคร ด้วยนิสัยจริงๆ ไม่ได้เลยหรือไงนะ แต่พอผมถามความรู้สึกลึกๆ ของตัวเองแล้ว ผมก็ชอบคนที่รูปร่างหน้าตาดีเหมือนกันนั่นแหละ ผมยอมรับตามตรงเลย ว่าตัวผมเองก็อิจฉาคนที่ชื่อคิสอยู่มาก หน้าตาโคตรจะดี ตัวเล็กๆ ขาวๆ ขนาดตัวผมเอง ยังอยากเป็นแบบนั้นมั่งเลย





ความรู้สึกกับความนึกคิดของคนเรา มันช่างย้อนแย้งกันตลอดเวลาจริงๆ สินะ กว่าจะถึงบ้านก็ทำเอาผมหมดแรงจะยืน ก้าวขาล้าๆ ของตัวเอง เดินตรงไปยังห้องนอน บุญเท่าไหร่แล้วที่ผมยังมีแรงยืนอาบน้ำได้ แต่พอได้ล้มตัวลงนอนเท่านั้นแหละ ทุกสิ่งทุกอย่างที่คิด ค่อยๆ เลือนหายไปจากสมอง แขนขาที่ล้าจากการออกกำลังกาย พอได้พักแบบนี้แล้ว ผมแทบจะไม่อยากขยับตัวหรือกระดุกกระดิกไปไหนเลย เปลือกตาที่กะพริบในความมืดค่อยๆ หนักขึ้น และหนักขึ้น จนในที่สุด ผมก็หลับลงไปอย่างง่ายดายกว่าทุกที





เช้า





ผมลืมตาขึ้นมาพร้อมกับร่างกายที่แทบจะขยับไม่ได้ แต่ก็ต้องฝืนตัวเองแล้วลุกขึ้นอาบน้ำ วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ไอ้ไฟขับรถมาส่งผม ทั้งๆ ที่ตัวมันเองไม่มีเรียนสักวิชาด้วยซ้ำ





"เดี๋ยวตอนบ่ายกูมารับ"





"แล้วกูต้องไปยิมตอนบ่ายเลยหรือไง"





"ไม่ กูแค่บอกมึงไว้ก่อนเฉยๆ ว่าจะมารับ ส่วนจะพามึงไปไหน กูค่อยคิดอีกที"





"เออ สั่งจังนะ"





"ลงไปได้แล้ว กูง่วง" พอขับรถมาส่งถึงหน้าตึกคณะ มันก็ไล่ผมลงทันที หัวกระเซิงกับชุดนอนที่ยังไม่ได้เปลี่ยน เผลอๆ ก็ยังไม่ได้ล้างหน้าด้วยซ้ำ นี่มันอุตส่าห์ไปไหมนะ จริงๆ ให้ผมขับรถมาเองก็ได้นะ





ผมเดินขึ้นตึกเพื่อตรงไปยังห้องเรียนเลย วันนี้เป็นวันที่เรียนเช้า เพราะอาจารย์จะประกาศคะแนนสอบพร้อมกับเฉลยข้อสอบไปด้วย





"มาเช้านะ"





"มึงนั่นแหละ ทำไมสภาพเป็นแบบนี้วะ"





"ช่างเถอะ" ไอ้วินเงยหน้าขึ้นมาทักผม ก่อนจะก้มหน้าหมอบลงกับโต๊ะตามเดิม สภาพของมันเหมือนกับอดหลับอดนอนมา 3 คืนติดเถอะ ผมเลือกนั่งข้างมัน เพราะคนอื่นๆ ยังไม่มา





"อ้วน" ทั้งเสียงและคำเอ่ยทัก ทำให้ผมชะงักค้าง เหมือนกับถูกสาปให้เป็นหิน





"..."





"อ้วน ออกมาคุยกับกูหน่อยสิ" เสียงจากทางด้านข้างเอ่ยขึ้น ผมแน่ใจมากว่าตัวเองจะไม่หันไปมองทางมันเด็ดขาด





"อยากให้กูจัดการให้ไหม" ไอ้วินพูดขึ้น





"ไม่ต้อง"





"อ้วน แค่เรื่องเข้าใจผิดวันนั้น มึงถึงกับให้อภัยกูไม่ได้เลยเหรอ"





"..."





"...ลาวา กูขอล่ะ เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม กูรักมึงจริงๆ นะโว้ย" หึ ผมอยากจะหัวเราะให้ฟันร่วง ไม่ใช่เพราะไอ้ลิเคียวนะ แต่เพราะหัวใจของผมเองนี่แหละ ที่เต้นไปกับคำพูดของมัน





"กูเคยแล้ว กูลองเปิดใจให้มึงแล้ว แต่มึงเองไม่ใช่หรือไง ที่ทำมันพัง" ผมบอกออกไป ก่อนที่จะหันหน้าไปสบตากับอีกฝ่าย ผมชะงักยิ่งกว่าตอนแรกเสียอีก ผมไม่เคยเห็นไอ้ลิเคียวโทรมขนาดนี้มาก่อน ตาโหลๆ หนวดเคราที่ไม่ยอมโกนออก เสื้อผ้าที่มอมแมม เป็นภาพที่ดูไม่ได้เลย





"กูขอโทษนะ กูขอโอกาสจากมึงสักครั้งไม่ได้เลยหรือไง มึงให้อภัยกูได้ไหม นะอ้วนนะ" ทั้งคำวิงวอน ทั้งสายตา ทำเอาผมแทบใจอ่อน





"หึ มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอครับ ผมว่าคำพูดของพี่คงไม่มีค่ามากเท่าไหร่แล้วล่ะตอนนี้"





"แล้วกูต้องทำยังไงล่ะ"





"ก็ลองตามง้อให้มากกว่านี้ ตื๊อให้มากกว่านี้ดูสิครับ ช่วงเวลานี้ พี่ก็ทบทวนตัวเองไปด้วย ว่าพี่จะง้ออีกคนได้มากแค่ไหน เพราะถ้าพี่วายอมให้อภัยพี่ง่ายๆ สุดท้ายมันอาจจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมก็ได้นะครับ"





"แล้วกูต้องทำยังไงล่ะ"





"จีบสิ ตามจีบพี่วาใหม่ ไหนๆ ก็เลิกกันแล้ว"





"กูยังไม่เลิก"





"ก็ไม่ต่างกันนิครับ"





"กวนตีน"





"นี่ผมแนะนำพี่อยู่นะ"





"ชุน มาทำอะไรที่นี่" ผมรีบถามไอ้เด็กชุน ก่อนที่มันจะพูดมากไปกว่านี้





"ผมเอาเอกสารที่พี่วินลืมไว้หลังรถมาให้"





"มันหลับอยู่" ผมบอกแล้วชี้ไปที่โต๊ะที่ไอ้วินหลับอยู่





"งั้นผมฝากไว้กับพี่ละกัน ผมไม่อยากปลุก เมื่อคืนยิ่งนอนน้อยๆ อยู่"





"เออ"





"งั้นผมกลับก่อนละ"





"เอามันไปด้วยสิ" ผมบอกแล้วชี้ไปที่ไอ้ลิเคียว ตัวพวกมันก็เท่าๆ กันนะครับ แต่ไอ้เด็กชุนแม่งแรงโคตรจะเยอะเลย ยังไงมันก็คงลากไอ้ลิเคียวออกไปได้





"แต่กูยังคุยกับมึงไม่จบ"





"ผมว่าพี่ไปกับผมน่ะดีแล้ว อาจารย์ที่จะเข้าสอนเดินตามหลังผมมาติดๆ เนี่ย" ไอ้เด็กชุนพูดยังไม่ทันจบ อาจารย์ก็เข้าห้องมาพอดีเลย





"ไปครับ อย่ากวนคนที่จะเรียนเลย" ไอ้เด็กชุนบอกแล้วลากไอ้ลิเคียวออกไป ถึงมันมีท่าทีขัดขืนอยู่บ้าง แต่ก็ยอมเดินออกไป ไอ้เด็กชุนก็ไม่น่าไปพูดแบบนั้นเลย ผมกลัวว่าไอ้ลิเคียวจะตามผมไม่เลิก ผมได้แต่ถอนหายใจออกมา ผมอยากจะตัดใจนะ ไม่อยากให้มันมีความหวังจากผม แต่ถ้าต้องเจอมันอยู่บ่อยๆ แบบนี้ ได้ยินคำอ้อนวอนแบบนี้ แล้วผมจะลืมมันได้ยังไงกันละ













นอกจากจะเอามือก่ายหน้าผากแล้ว ผมยังอยากจะเอาเท้าขึ้นมากายด้วย หลังจากที่ไอ้เด็กชุนให้คำแนะนำไอ้ลิเคียวไว้ นี่ก็ผ่านมา 2 เดือนแล้ว เป็น 2 เดือนที่แม่งโคตรจะตามติดผมเลย ทุกครั้งที่มันมีเวลาว่าง มันก็จะมานั่งเฝ้าผมตลอด ไม่ว่าจะเวลาเรียนหรือ เวลาที่ผมมายิม มันรู้แม้กระทั่ง เวลาที่ไอ้ไฟจะมารับ มาส่งผมด้วยซ้ำ





"เมื่อไหร่มึงจะเลิกตามกูเนี่ย"





"แล้วเมื่อไหร่มึงจะใจอ่อนสักทีล่ะ"





"มึงไม่คิดว่ามันจะไม่มีวันนั้นบ้างเหรอ"





"โธ่อ้วน กูไม่เคยตามตื๊อใครขนาดนี้เลยนะ มีแค่มึงคนเดียวเท่านั้น นอกจากเวลาเรียนกับนอนแล้ว กูก็ไม่มีเวลาให้ใครอีกนอกจากมึงเลย เชื่อใจกูได้แล้ว"





"ลิเคียว! " ผมเรียกชื่อมันด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนจะเดินลงจากลู่วิ่งที่เพิ่งขึ้นไปได้ไม่ถึง 5 นาที





"กูไม่ชอบที่มึงทำเสียงจริงจังแบบนี้เลย"





"มึงไม่เบื่อเหรอ ที่ต้องมาตามติดกูแบบนี้ทุกวัน"





"ไม่นิ ถึงมึงจะทำเป็นไม่สนใจกู แต่กูก็ไม่เคยเบื่อเลย"





"แต่กู..."





"ลาวาคะ" ผมยังพูดไม่ทันจบ เสียงของฝนก็ดังขึ้นมาจากหน้าประตู





"อ้าว มาแล้วเหรอฝน"





"ค่ะ วันนี้ฝนมาช้า เพราะต้องไปรับน้องฟ้าที่โรงเรียนประถมก่อน"





"อ่อครับ งั้นเรามาเริ่มกันเลยเถอะ" ผมบอกแล้วหันไปสบตากับไอ้ลิเคียวเพื่อบอกเป็นในๆ ให้มันหลบไป





"ดีค่ะ" ฝนตอบรับด้วยรอยยิ้มที่สดใส เธอเป็นคนสวยที่หุ่นโคตรจะดีเลย ด้วยความที่เทรนเนอร์คนเก่าของผมบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทำให้ฝนที่ดูแลอีกห้องหนึ่ง ต้องมาดูแลผมแทน จากตารางที่เธอว่างตรงกับผมพอดี





"ดูเหมือนกล้ามเนื้อจะกระชับกว่าแต่ก่อนนะคะ" ฝนบอกผมพร้อมกับมองเอกสารในมือ





"คงใช่มั้งครับ เพื่อนๆ ของผมก็ทักอยู่ ว่าผมดูผอมลง แถมน้ำหนักก็ลดลงไปหลายกิโลอีกด้วย"





"งั้นวันนี้เล่นเจ้าเครื่องนี้นะคะ แล้วฝนขอตัวไปเปลี่ยนตารางอาหารของคุณให้ก่อน"





"ได้ครับ ขอบคุณมากนะครับ" ผมกล่าว ทำให้ฝนหันมายิ้มให้ ผมไม่ได้อยากจะรู้สึกเข้าข้างตัวเองนะ แต่ผมจะพูดยังไงดีล่ะ มันเหมือนยังไม่ชัวร์ แต่ผมรู้สึกได้ ว่าฝนมีความรู้สึกดีๆ ให้กับผม





"มึงเปลี่ยนเทรนเนอร์ใหม่ไม่ได้เหรอ" หลังจากฝนเดินไป ยังไม่ทันผ่านประตูห้องด้วยซ้ำ ไอ้ลิเคียวก็เดินเข้ามาใกล้ผมแล้วพูดดักขึ้นมาทันทีเลย





"อะไรของมึงเนี่ย"





"กูอยากให้มึงเปลี่ยนเทรนเนอร์คนใหม่ คนนี้กูรู้สึกไม่ดียังไงไม่รู้"





"นั่นเทรนเนอร์กูถูกไหม"





"เออ"





"ส่วนมึงรู้สึกไม่ดี...นั่นก็เรื่องของมึง ไม่ใช่เรื่องของกู เพราะกูรู้สึกดีกับฝนเขามากๆ จบนะ" ผมบอกแล้วผลักไอ้ลิเคียวให้ถอยไป





หมับ





"อะไรของมึงอีก" ผมหันไปถามอย่างหงุดหงิด เพราะไอ้ลิเคียวคว้ามือของผมไว้ ไม่ยอมให้เดินไปไหน





"อ้วน! ถึงมึงจะยังไม่ให้อภัยกู กูก็ไม่ว่า แต่มึงจะมาพูดว่ารู้สึกดีกับคนอื่นแบบนี้ไม่ได้"





"เหี้ย…มึง! " ผมตกใจจนทำอะไรไม่ถูก อยู่ๆ ไอ้ลิเคียวก็พูดบอกผมทั้งน้ำตา ถึงจะแค่หยดเดียวก่อนที่ไอ้ลิเคียวจะเช็ดออกก็เถอะ ผมไม่อยากจะเชื่อเลย คนอย่างไอ้ลิเคียวเนี่ยนะร้องไห้เพราะเรื่องแค่นี้





"ช่างเถอะ กูคงบ้าไปแล้ว" ไอ้ลิเคียวบอกแล้วปล่อยมือผมออก





"มึงเหนื่อยไหม" ครั้งนี้เป็นผมเอง ที่เป็นฝ่ายถามมันขึ้นมา





"อืม กูเหนื่อย แต่กูยังอยากมีมึงอยู่ข้างๆ กูเลยท้อได้ แต่กูคงจะไม่ถอย" คำพูดเหนื่อยของไอ้ลิเคียว ทำเอาหัวใจผมตกวูบไปชั่วขณะ จนได้ยินประโยคหลัง หัวใจของผม ก็กลับมาเต้นแรงอีกครั้ง บอกตามตรง มีหลายครั้งที่ผมเผลอใจอ่อนให้กับมัน อยากจะตอบรับ อยากจะบอกว่าให้อภัย แต่ก็กลัวว่าทุกอย่างจะเป็นแบบเดิม สันดานเป็นเสือ มันก็ยังคงเป็นเสืออยู่วันยังค่ำ ผมถึงยังไม่กล้ายอมรับมันอีกครั้ง





"มึงไม่ต้องสนที่กูร้องไห้หรอก แค่มึงไม่สนคนอื่นก็พอ ดื่มน้ำไหม…อ่ะ"





"อืม ขอบใจ" ไอ้ลิเคียวเปลี่ยนเรื่องพูด ก่อนจะส่งน้ำในมือมาให้ เดี๋ยวนี้มันมักจะเทกแคร์ผม ถึงแม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ผมไม่อยากจะปฏิเสธน้ำใจของมัน เพราะไม่อยากจะฝืนหัวใจตัวเองไปมากกว่านี้เหมือนกันด้วย


ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ YiiM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ตอนที่ 25

"มึงไม่ไปกินข้าวที่คณะมึงวะ"

"ก็กูอยากกินกับมึง" คำตอบของไอ้ลิเคียว ทำเอาผมเหลือกตาขึ้นบน ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นเอามากขนาดนี้ ขนาดมันมีเวลาพักแค่ครึ่งชั่วโมง มันยังอุตส่าห์ขับรถมานั่งกินข้าวกับผมเลย

"มึงมีเรียนต่ออีกไหม" ไอ้ลิเคียวหันไปถามไอ้วิน เพราะถ้ามันถามผม ผมก็ไม่ตอบมันอยู่ดี

"ไม่"

"อ้วน กินข้าวเสร็จแล้วมึงจะไปไหน รอกูสักชั่วโมงได้ป่ะ"

"เรื่องอะไร"

"น่า กูยังมารอมึงเป็นชั่วโมงๆ เลย รอกูชั่วโมงเดียวเอง นะๆ "

"มึงรอกู นั่นเรื่องของมึง กูไม่อยากรอมึง อันนี้เรื่องของกู จบนะ"

"โธ่ ใจร้ายจังวะ" ไอ้ลิเคียวบ่นอุบ ปากก็รีบซัดข้าวซะคำใหญ่ ก็รู้ว่าตัวเองมีเวลาไม่มาก ยังเสือกจะขับรถมากินที่คณะผมอีก กว่าจะไป กว่าจะกลับก็กินเวลาไปหลายสิบนาทีแล้ว

ผมนั่งกินข้าวเงียบๆ เพราะไอ้วินมันนั่งกินข้าวกับไอ้เด็กชุน เพื่อนคนอื่นๆ ก็แยกย้ายกันกลับหมดแล้ว ถ้าผมไม่ติดว่า จะติดรถไอ้วินกลับด้วย ผมคงไม่อยู่เจอหน้าไอ้ลิเคียวเป็นแน่

นั่งอยู่ดีๆ ไอ้ลิเคียวก็ลุกพรวดพราดเดินออกไป ทำเอาผมมองตามเลย ตอนแรกนึกว่ามันจะเดินกลับไปที่รถ แต่เปล่าเลย มันเดินไปที่ซุ้มป้าเพื่อซื้ออะไรบางอย่าง ไม่ใช่ว่า มันจะกินอีกกล่องหรือไงนะ เวลาก็ไม่มีแล้วด้วย

"พี่ลิเคียวจะกินอีกกล่องหรือเปล่า ผมไม่มีเวลาแล้ว ยังไงผมไปก่อนนะ" ไอ้เด็กชุนพูดขึ้น จริงๆ มันมีเวลาพักชั่วโมงหนึ่ง แต่มันต้องไปเตรียมตัวก่อน ไอ้ชุนมันเรียนหมอ ถึงจะดูเถื่อน แต่มันก็เรียนเก่ง แถมยังตรงต่อเวลาอีกด้วย

"อ่ะ อ้วน กูไปก่อนนะ" ไอ้ลิเคียวเดินมาถึงผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เพราะผมมัวแต่มองไอ้เด็กชุนอยู่ มันส่งน้ำเปล่ามาให้ผมขวดหนึ่ง ส่วนของมันถือไว้ในมือ

"เออ" ผมตอบรับมันแค่นั้น ไอ้ลิเคียวก็รีบวิ่งไปที่รถของตัวเอง ก่อนจะสตาร์ทรถออกไป

"กลับเลยไหม" ไอ้วินถาม

"อืม"

"มึงขับนะ" ไอ้วินพูดแล้วโยนกุญแจรถมาให้ผม ผมยอมรับแต่โดยดี ยังไงขับเองก็ดีกว่าเป็นไหนๆ

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ไอ้แม็กไม่ติดต่อมาเลย รวมถึงพ่อผมด้วย โทรไปหาก็รับบ้างนานๆ ที คุยกันแต่ละครั้งนับคำได้เลย

"ไฟ กูอยากคุยกับพ่อ"

"กูก็อยาก"

"เขาโทรหามึงบ้างไหม"

"ก็นานๆ ที"

"ไม่เห็นโทรหากูบ้างเลย"

"มึงอย่างอแงนะ เดี๋ยวกูกินข้าวไม่ลง"

"ก็กูคิดถึงอ่ะ" ผมบอกแล้วทำหน้ามุ่ย กับไอ้ไฟ พ่อยังโทรหามันก่อนเลย ทีกับผม โทรไปก็นานๆ ครั้งรับที

"อย่าเขี่ยข้าว"

"ขี้บ่น"

"ก็กินให้มันดีๆ " ไอ้ไฟพูดเสียงดุ ผมเลยทำหน้าบึ้งกว่าเดิม ถึงจะไม่อยากอาหารเท่าไหร่ แต่ก็สามารถกินได้เรื่อยๆ ไม่งั้นไอ้ไฟคงกินหัวผมแทน

"มึงคุยกับฝนบ้างไหม"

"ทำไม"

"เปล่า กูเห็นว่าเขาก็น่ารักดี ดูเหมือนจะชอบมึงด้วย"

"ทำไม ถ้าเขาชอบกู มึงจะให้กูคบกับเขาหรือไง"

"เมื่อก่อนสเปกมึงก็เป็นแบบนี้" ‘แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว’ คำตอบที่ผมอยากจะพูดออกไป แต่ผมไม่อยากเสี่ยงเจอตีนมัน เพราะฉะนั้นไม่พูดดีกว่า

"กูไม่ได้ชอบเขา"

"แต่ฝนก็นิสัยดีไม่ใช่เหรอ"

"อย่ายัดเยียดใครให้กู ถ้ากูจะชอบใครสักคน กูจะชอบเขาเอง"

"อย่างที่มึงชอบไอ้ลิเคียวอะนะ"

"มึงอย่ามาประชดกูนะไอ้ไฟ ถ้าฝนเขานิสัยดี น่ารัก มึงก็ชอบเขาเองสิ! " ผมพูดไปอย่างเหลืออด จะไม่ชวนทะเลาะสักวันจะได้ไหมวะ โมโหมากจนกินข้าวไม่ลง ผมเลยลุกขึ้นเพื่อจะเดินหนีเข้าห้อง

"เพราะมึงยังคุยกับไอ้ลิเคียวอยู่ใช่ไหม" ผมกำลังจะก้าวขาเดินไป แต่เพราะคำพูดของไอ้ไฟ ทำเอาผมชะงักค้าง

"เปล่า" ไอ้ลิเคียวต่างหาก ที่มาคุยกับผมเอง

"อย่าคิดว่ากูไม่รู้ไม่เห็นนะลาวา"

"มึงไม่ต้องมายุ่งเรื่องของกูได้ไหม" ผมบอกออกไปแล้ววิ่งหนีเข้าห้อง ไม่วายได้ยินเสียงตะโกนตามหลังมา

"แล้วมึงยังไม่เข็ดอีกหรือไง!! "

หึ ก็เพราะว่าเข็ดไง เพราะว่ากลัวว่าตัวเองจะแพ้ให้กับใจที่ไม่รักดี แพ้ให้คนที่ทรยศหักหลังความไว้ใจ ผมถึงต้องทรมานตัวเองอยู่แบบนี้ จะรัก…ก็ไม่ได้ จะไม่รัก…ก็ไม่ได้ ในเมื่อหัวใจมันไม่เชื่อฟังผมอีกต่อไป…ในเมื่อลึกๆ แล้ว ผมยังดีใจที่มันอยู่ข้างๆ ไม่ได้ไปมีใครใหม่ ทุกครั้งที่รู้ว่ามันจะมา ผมก็รอ ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่จำเป็นต้องรอเจอมันก็ได้ แต่เพียงเพราะผมอยากเจอหน้ามันก็เท่านั้น แถมหัวใจของผม ยังเต้นแรงทุกครั้ง ทุกที่ ทุกเวลา ที่มีไอ้ลิเคียวอยู่ด้วย ในเมื่อหัวใจของผมยังเป็นของมันแบบนี้ จะให้ผมทำยังไงได้ล่ะ

ผมปล่อยให้เวลาผ่านไปเรื่อยๆ วันแล้ววันเล่า กับพ่อ ผมยังติดต่อไม่ได้ กับไอ้แม็ก มันก็นานๆ ติดต่อมาที กับไอ้ไฟ ทุกวันนี้ยิ่งเหมือนตาแก่ ขี้บ่นเข้าไปทุกวัน ผมกับมันก็ทะเลาะกันทุกวัน แทบจะไม่คุยดีๆ กันเลย ส่วนกับไอ้ลิเคียว จากที่ผมขับไล่ไอ้ลิเคียวบ่อยๆ จนตอนนี้กลายเป็นว่า ผมชักจะเริ่มชินกับการมีมันอยู่ข้างๆ มากกว่าแต่ก่อนซะอีก ดูเหมือนมันจะหน้าด้านหน้าทน แถมยังมึนเข้าไปทุกวัน เกาะติดผมหนึบยิ่งกว่าเงาซะอีก และดูเหมือนเพื่อนๆ ตัวดีของผม จะเข้าข้างไอ้ลิเคียวเป็นอย่างมากด้วย ไม่พ้นแม้แต่ไอ้เด็กชุน

"ยิ่งผอม พี่ยิ่งดูดีขึ้นนะ"

"ทำไม ตอนกูอ้วน กูดูไม่ดีหรือไง"

"ก็ดูดี แต่ตอนนี้แค่ดูดีกว่า ว่าแต่พี่น่ะ ผอมลงไปเยอะเลยนะ"

"ใช่ป่ะ แต่มึงดูหน้ากูดิ ทำไมมันไม่ลดลงไปด้วยวะ"

"แบบนี้ก็ดูดีแล้ว เนอะพี่วิน"

"อืม" เสียงตอบรับจากไอ้วินที่นั่งเงียบมาตลอดทาง เงียบจนผมคิดว่าตัวเองมากับไอ้เด็กชุนแค่สองคนแล้วนะเนี่ย

"ตอนนี้พี่ยังต้องกินอาหารตามตารางอยู่ไหม"

"ไม่ต้องแล้วโว้ย กูถึงชวนพวกมึงมากินชาบูไง" ผมบอก นานๆ ที กินเยอะๆ บ้างก็คงไม่เป็นไร พอออกกำลังกายแล้ว นอกจากหุ่นที่ลดลง ผมว่าตัวเองสุขภาพดีขึ้นเยอะเลยนะ

"ถึงแล้ว เชิญลงไปจองที่เลยครับ เดี๋ยวผมวนหาที่จองแป๊บ"

"รีบตามมานะ" ไอ้วินพูด

"รับทราบครับผม" ท่าทางทะเล้นๆ ของไอ้เด็กชุน กับรอยสักเต็มตัว ผมว่ามันไปกันยาก แต่พอเวลาผ่านไป ผมว่า…มันก็เป็นเอกลักษณ์ของไอ้เด็กยักษ์นี่ไปเองนะ

"กี่ท่านคะ"

"3 ครับ"

"4 ครับ"

"หืม? "

"ลิเคียวด้วย"

"มึงชวนเหรอ"

"ชุนชวน"

"อ่ออืม"

"ดีกันแล้ว? "

"เปล่า"

"อืม" ผมตอบรับ ไม่โวยวายเหมือนแต่ก่อน ไอ้วินก็ถามเพียงเท่านี้ ไม่ว่ายังไง มันก็ยังคงพูดน้อยและไม่สนเรื่องคนอื่นมากเหมือนเดิม ต่างกับไอ้ไฟ ที่ชอบถามผมในหลายๆ เรื่อง เดี๋ยวนี้มันก็ยังคงไม่ปล่อยผมมากนัก ไม่รู้ว่าจะห่วงอะไรนักหนา แต่ก็ช่างเถอะ มันห่วงผม ก็ดีกว่ามันไม่สนใจผมล่ะนะ

"มารอนานหรือยัง" ไอ้ลิเคียวถาม มันเดินมาพร้อมกับไอ้ชุนเลย

"ว่างเหรอ" ผมถาม

"อืม กูว่างก่อนไปดูร้าน" ไอ้ลิเคียวบอก ดูเหมือนช่วงนี้ น้องๆ ของมันจะช่วยดูที่ร้าน LQ อยู่ ส่วนตัวมัน ต้องไปดูร้านที่เพิ่งเปิดใหม่แทน เพราะยังมีหลายๆ อย่างไม่ลงตัว อันนี้ผมไม่ได้อยากรู้นะ ไอ้ลิเคียวมันเล่าให้ผมฟังเอง

RRRRRR

เสียงโทรศัพท์ของไอ้ลิเคียวดังขึ้น ทำให้ผมหันไปมองตามเสียง หน้าจอโชว์เป็นเบอร์ต่างประเทศซะด้วย

"ใคร" ผมถาม

"กูไม่รู้"

"งั้นก็รับสิ" ผมบอก รู้สึกคันๆ ที่ใจลามมาถึงปากเลยเนี่ย ถ้าไม่ได้อยู่ใกล้ๆ หรืออยู่ด้วยกัน มันจะคุย จะรับสายใคร จะอะไร ผมก็ไม่ว่าหรอกนะ แต่พอต้องมาเห็น มาอยู่ใกล้ๆ มันก็อดไม่ได้

"หึ"

"ยิ้มเหี้ยไร มึงก็รับสายสิ"

"ดีใจที่มึงหึง"

"หึงอะไร มึงอย่ามาบ้าได้ป่ะ" ผมบอกแล้วหันหน้าหนี ผมแค่ถาม ไม่ได้แปลว่าหึงสักหน่อย

"ปากไม่ตรงกับใจเลยนะครับ" ไอ้เด็กชุนพูดออกมา

"เสือก" ผมพูดแล้วเชิดหน้าขึ้น ไอ้เด็กชุนเลยได้แต่นั่งเงียบ แต่ก็ยังอมยิ้มอยู่ ทำหน้าล้อผมอยู่

“ครับ…ได้ครับ ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมจะดูแลอย่างดีครับ…ครับ สวัสดีครับ”

"ใคร" ผมถามพลางจ้องหน้าไอ้ลิเคียว

"อ้วน! "

"ตามึงมีปัญหาเหรอ กูอ้วนตรงไหนไม่ทราบ" ผมกล้าพูดได้เต็มปากและโคตรจะภูมิใจเลย หลายเดือนที่ผ่านมา หยาดเหงื่อที่ผมเสียไป มันไม่ได้เสียเปล่าหรอกนะ นี่ถ้าเล่นอีกนิด ผมต้องมีกล้ามแน่ๆ

"แก้มมึงนี่ไง อ้วน! ไม่เห็นจะลดลงเลย"

"อืมม~ เจ็บ…มึงจะบีบทำไมเนี่ย" ว่าแล้วก็ตีมือไอ้ลิเคียวที่อยู่ๆ ก็ยื่นมือตัวเองมาจับแก้มผมแล้วดึง

"ย้วยเลยมั้งเนี่ย" ผมบอกแล้วลูบแก้มตัวเอง มองค้อนไอ้คนที่ดึงด้วย

"แก้มพี่ย้วยอยู่แล้วนิครับ"

"ชุน! " ไม่ใช่ผมเรียกนะ ไอ้วินต่างหาก เรียกเสียงเข้มด้วย ดี สมน้ำหน้า โดนดุซะมั่ง ผมมองไอ้ชุนแล้วยักคิ้วใส่

"ก็ผมพูดความจริง"

"อย่าเอาเรื่องจริงมาล้อ" ไอ้วินพูดแค่นั้นก่อนจะก้มลงไปดูเมนูอาหารตรงหน้าต่อ จากที่ไอ้เด็กชุนทำหน้าหงอ แม่งยิ้มเลยครับ ดูเหมือนคำดุที่เหมือนจะว่าผมไปด้วยเลย

ก็ใช่สิ ในเมื่อทุกส่วนในร่างกายของผมมันลดลง เหลือเพียงแต่แก้มของผมนี่แหละ ทำยังไงก็ไม่ลดสักที

“ตกลงใคร”

“ไม่มีใคร คุยเรื่องงาน”

“เออ” ก็แค่นี้ ถ้าคำตอบของมันเป็นคนที่มันจะคุยด้วยหรือแฟนในอนาคต อาจจะดีกว่านี้ก็ได้ อย่างน้อย ผมจะได้เสียใจตอนนี้เลย แล้วเจ็บให้มันจบๆ ไป

"เลือกได้หรือยัง"

"ยัง กูอยากกินหลายอย่าง"

"งั้นเดี๋ยวกูสั่งให้เอง เอา…" ว่าแล้วไอ้ลิเคียวก็หันไปสั่งอาหารกับพนักงาน จริงๆ ผมต้องโวยวายไปแล้ว แต่ที่เงียบปากไว้ เพราะงงใจกับไอ้ลิเคียวจริงๆ อาหารที่มันสั่งแต่ละอย่าง เป็นของชอบของผมทั้งหมดเลย ไม่แปลกที่มันจะจำได้บ้าง แต่แปลกตรงที่มันจำได้หมดทุกเมนูเลยจริงๆ เนี่ยสิ

"มึงรู้ได้ไงว่ากูจะกิน"

"กูเก่งใช่ไหมล่ะ"

"เกลียดสีหน้ามึงตอนนี้จริงๆ " ผมบอกแล้วเบนหน้านี้ ก็เพราะมันทำแบบนี้ เป็นแบบนี้ ผมถึงตัดใจจากมันไม่ได้สักที

"กินเสร็จจะไปไหนไหมครับ"

"บ้านไอ้โซ่"

"พี่จะไปขโมยไอ้รถถังทุกเช้าเย็นแบบนี้ไม่ได้นะ" ไอ้เด็กชุนบอก นี่ไอ้วินมันยังไม่เลิกนิสัยแบบนี้อีกสินะ

"งั้นกูไปด้วย"

"ไม่ได้ มึงต้องไปกับกู"

"อะไรของมึงไอ้ลิเคียว กูมากับไอ้วิน"

"แต่มึงต้องไปกับกู นะๆ ไปเป็นเพื่อนกูหน่อย"

"ไปไหน"

"ร้าน"

"ไม่เอา ครั้งที่แล้วมึงก็ให้กูไปนั่งเฉยๆ " ผมเถียง เมื่อไหร่จะเลิกนิสัยบังคับชาวบ้านชาวช่องสักทีนะ ครั้งก่อนก็ให้ผมไปนั่งอยู่ในห้องมันเฉยๆ จนผมเผลอหลับไปอ่ะคิดดู ตัวมันก็ออกไปดูรายละเอียด จัดการสั่งของอะไรไม่รู้เยอะแยะ

"แล้วมึงจะไปบ้านไอ้โซ่ทำไม"

"ไปเล่นเกม"

"ที่ห้องทำงานกูก็มี"

"แล้วมันเหมือนกันที่ไหนล่ะ"

"เหมือน"

"ไม่เหมือน ที่สำคัญ มึงเอากูไปทิ้งไว้ในห้อง ส่วนตัวมึงหายไปทำแต่งาน กูไม่อยู่ตรงนั้นก็ไม่เป็นไรเลย"

"เป็น"

"ไม่เป็น"

"เป็น เพราะกูมีมึงอยู่ด้วยแล้วกูสบายใจกว่าที่มึงออกไปตะลอนๆ ที่ไหนก็ไม่รู้กับเพื่อนๆ มึง" แค่ประโยคนี้แหละ ที่สามารถทำให้ผมเดินตามไปขึ้นรถมันอย่างง่ายดาย แถมยังเปิดประตูเข้าไปนั่งเองอีกด้วย


ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
แฟนเก่า..แค่ได้ยินเบาเบา ก็เจ็บ
ฮืออออออออออ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
อ่านแล้วสงสารสวยรู้ใจตัวเองเมื่อสาย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ YiiM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ตอนที่ 26


คุณเคยมีเพื่อน แล้วเพื่อนยุให้อยู่ห่างๆ จากคนที่เราชอบ เพราะเขานิสัยไม่ดีไหมครับ ผมเคยมีโมเม้นท์แบบนั้นนะ แต่ไม่รู้ทำไม เดี๋ยวนี้ทุกคนถึงได้เข้าข้างไอ้ลิเคียวกันหมด ทำเหมือนผมกับไอ้ลิเคียวคืนดีกันแล้วยังไงอย่างนั้น

"อ้วน ถ้าหิวก็โทรหากูนะ"

"เออ มึงออกไปได้ละ" ผมบอกไอ้ลิเคียวแต่สายตายังคงจ้องอยู่ที่หน้าจอโทรทัศน์ ซึ่งผมกำลังเมามันกับเกมที่ไอ้ลิเคียวต่อเข้าเครื่องให้อยู่

ผมเล่นอย่างไม่รู้เวลาเลย จนลูกน้องไอ้ลิเคียวเคาะประตูเข้ามาถาม ว่าผมจะกินอะไรไหม แต่ผมตอบไปว่ายังไม่หิว ทำไมมันไม่ว่างขนาดจะขึ้นมาถามผมเองเลยหรือไงนะ เล่นเกมก็เริ่มเบื่อแล้วเนี่ย

ผมลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจก่อนจะเดินไปนอนเล่นที่โซฟาตัวยาว จริงๆ ด้านในเป็นห้องนอนด้วย แต่ผมไม่อยากจะเข้าไปนอนสักเท่าไหร่ กลัวว่าตัวเองจะเผลอหลับไปจริงๆ

เปิดเฟซดูความเคลื่อนไหวของเพื่อนๆ ดูเหมือนไอ้ธันก็ไปได้สวยกับจี เพราะแท็กสเตตัสไปเที่ยวด้วยกันอยู่บ่อยๆ ไอ้โซ่ยังคงรับเลี้ยงสัตว์ประหลาดมากมายเข้ามาในบ้าน จนเดี๋ยวนี้ผมไม่ค่อยอยากจะไปหามันสักเท่าไหร่ ข้อความที่มันโพสต์ส่วนมาก มีแต่ด่าไอ้วินซะมากกว่า ชอบแอบเข้าบ้านไอ้โซ่มัน ยิ่งเดี๋ยวนี้มีไอ้เด็กชุน ไม่รู้ว่าไปฝึกวิชานินจามาจากไหน กล้องวงจรปิดของไอ้โซ่ยังจับภาพไม่ได้เลย ส่วนไอ้สวย มันก็ยังมั่นหน้ามั่นใจเหมือนเดิม ถึงจะโดนไอ้ธันหักอกไป แต่มันก็ไม่ได้เศร้ามากมายอย่างที่คิด แถมยังมีหนุ่มๆ มาจีบไม่ขาดอีกด้วย



Liqueur ได้เพิ่มรูปภาพใหม่

3 ชั่วโมง

เด็กอ้วนนั่งเล่นคนเดียว ไม่มีเวลาให้ ขอบใจที่ยังมาอยู่ด้วยกัน

2.5K ถูกใจ 31 แสดงความคิดเห็น

ต้นตอ ใครอ่ะ

Luv Luv ดีกันแล้ว?

Sujitra มาดูสิ@Jane Jai

Porpla นั่นใครอ่ะ แฟนลิเคียวเหรอ



รูปภาพที่ไอ้ลิเคียวถ่าย คือภาพด้านหลังของผม ที่กำลังเล่นเกมอยู่ คงจะถ่ายตอนเดินออกไป เพราะเป็นภาพที่ถ่ายผ่านช่องประตูอีกที เห็นแบบนี้คิดว่าผมดีใจเหรอ เหอะ

"มึงนอนยิ้มอะไรให้โทรศัพท์อ่ะ"

"เหี้ย! ตกใจหมด มาไม่ให้สุ้มให้เสียงวะ"

"กูเคาะประตูแล้วเหอะอ้วน แล้วทำไมไม่กินข้าว"

"ไม่หิว"

"แต่กูสั่งมาแล้ว ลุกขึ้นมากินเลย" ไอ้ลิเคียวว่า แล้วส่งจานข้าวในมือของมันมาให้ผม

"แล้วมึงล่ะ ไม่กินเหรอ"

"กูยังไม่หิว" ไอ้ลิเคียวบอกแบบนั้นแล้วจุดบุหรี่ขึ้นสูบ

ผมลุกขึ้นนั่งก่อนจะรับจานจากมือของมัน ไม่อยากจะเล่นตัวมากนัก ยังไงก็เอามาเสิร์ฟถึงที่แล้ว ยอมกินหน่อยก็แล้วกัน

"นี่นะ ไม่หิว" ไอ้ลิเคียวมองจานข้าวว่างเปล่า ก่อนจะหรี่ตากลับมามองผมอีกครั้ง

"เออ จะให้กูกินทิ้งกินขว้างแบบมึงหรือไง"

"เปล่า กินหมดก็ดีแล้ว ยังหิวอยู่ไหม"

"ก็บอกว่าไม่หิว แต่ตอนนี้อยากดื่มน้ำ" ผมบอกเสียงเบา ไอ้ลิเคียวก็พยักหน้าเข้าใจแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นที่อยู่ไม่ไกล ก่อนจะหยิบน้ำออกมาให้

"ต้องเปิดให้ไหม" ไอ้ลิเคียวถามแบบกวนๆ แต่มือของมันกลับเปิดขวดน้ำให้เลย

"ขอบใจ" ผมยู่หน้าใส่ก่อนจะรับมาดื่ม มองไปทางไอ้ลิเคียวที่เดินมานั่งข้างๆ ผม แล้วมันก็จุดบุหรี่อีกม้วนหลังจากที่บุหรี่มวนแรกเพิ่งหมดไป

"มึงจะสูบอะไรนักหนา"

"มีเรื่องเครียดนิดหน่อย"

"แล้วมึงทำอย่างอื่นแทนไม่ได้หรือไงนอกจากสูบบุหรี่เนี่ย" ผมถามออกไป จะบอกว่าตัวเองจุ้นจ้านก็ว่าได้ แต่ผมไม่ชอบกลิ่นมันจริงๆ นิ ขนาดไอ้แม็ก ไอ้ไฟ พวกมันยังสูบไกลๆ ผมเลย ไม่รู้ว่าเป็นห่วงผมหรือกลัวผมบ่นกันแน่

"ก็ไม่รู้จะทำอะไร"

"ถ้างั้น..."

"เห้ยอ้วน มึงทำอะไรเนี่ย" ผมรีบแย่งบุหรี่จากมือไอ้ลิเคียวแล้วเอามาสูบเข้าเต็มปอด

"แค่กๆ ๆ ก็ลองสูบดูไง เวลาไม่รู้จะทำอะไร กูจะได้เอามาสูบดูบ้าง" พูดเก่งไปอย่างนั้น จริงๆ ผมสูบไม่เป็นหรอก แค่นี้ก็สำลักควันแล้ว

"พอๆ อย่าประชดกูแบบนี้อีกนะ"

"กูประชดอะไรมึง ถ้ากูจะสูบมันก็เรื่องของกูป่ะ"

"เออๆ เรื่องของกูอาจจะไม่ใช่เรื่องของมึง แต่เรื่องของมึง คือเรื่องของกูจังๆ เลยล่ะ" ไอ้ลิเคียวว่าแล้วเขวี้ยงซองบุหรี่ลงถังขยะที่มุมห้อง ผมไม่ได้พูดทักอะไร แต่ก็พอใจในระดับหนึ่ง นี่ก็ไม่รู้ด้วยหรอกนะ ว่าลับหลังผม มันจะยังสูบอีกไหม แต่ต่อหน้าผม แค่ไม่เห็นมันสูบ ผมก็พอใจแล้ว

"เบื่อไหม"

"อืม"

"โทษทีนะอ้วน ทั้งๆ ที่กูควรจะง้อมึง ควรจะทำอะไรให้มึง แต่กูไม่มีเวลาเลย"

"งานหนักเหรอ" ผมถามไอ้ลิเคียว มันเลยถือโอกาสเอนตัวมาพิงผม แล้วพยักหน้าแทนคำตอบ

"มีอะไรให้กูช่วยไหม" ถึงผมจะเรียนไม่เก่ง แต่ถ้าเรื่องงาน ลองสอนผมสักหน่อย ผมก็สามารถช่วยได้นะ

"กอดกูหน่อยสิ"

"ห๊ะ"

"กอดกูหน่อยสิอ้วน" ไอ้ลิเคียวพูดอีกครั้ง ก่อนที่ตัวมันเองจะเป็นคนโอบกอดผมจากทางด้านข้าง ส่วนผมก็ขยับไปโอบมันไว้เช่นกัน

เราต่างคนต่างเงียบ มันคงจะเหนื่อยมากจริงๆ นั่นแหละ ทั้งตามตื๊อผม ทั้งเรื่องเรียน ไหนจะงานของมันอีก เทียวไปที่นู่นที ที่นี่ที ลองไม่ได้น้องมันเข้ามาช่วย ไอ้ลิเคียวคงแย่เอาการแน่ๆ

ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ ผมโคตรจะโกรธมันมากๆ เลย ไม่อยากคุย ไม่อยากเจอหน้า ไม่อยากเห็นแม้แต่เงาด้วยซ้ำ แต่ดูตอนนี้สิ ดีกันหรือก็ยัง ผมยังไม่ให้อภัยมันเลยด้วยซ้ำ แต่ตัวผมเองกลับตามมันตะลอนๆ ใครจะไปคิดล่ะ คนอย่างไอ้ลิเคียวเนี่ย จะตามง้อผมได้เป็นเดือนๆ ทั้งซื้อของ ทั้งพาไปกินอาหารที่ชอบ ทำอะไรให้ ใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เอาจริงๆ ก็คิดว่ามันจะทำได้แค่วันสองวัน ที่ผ่านมามันเป็นคนแบบนี้ซะที่ไหน ที่มันผ่านอาทิตย์แรกๆ มาได้ ผมก็ทึ่งเต็มทนแล้ว นี่มันกี่เดือนแล้วนะ นับจากวันนั้นน่ะ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น แต่คนด้านข้างของผมไม่มีทีท่าว่าจะขยับไปไหนเลย ผมได้แต่มองไปที่ประตู ลุ้นอยู่ว่าใครจะเข้ามา

"อ้าว โทษที" ปัง ผมได้แต่นั่งอึ้ง เลิฟเป็นคนที่ผลักประตูเข้ามา แล้วก็ปิดออกไป นี่ผมยังไม่ได้ว่าอะไรเขาเลยนะ เพิ่งโผล่มาได้แค่หน้าเท่านั้นเอง เลิฟก็ตกใจปิดประตูหนีไปซะละ

พรึ่บ

"ไม่ได้เอากันสักหน่อย จะเกรงใจไปทำไมล่ะ" รอบนี้ประตูเปิดออกพร้อมกับคำพูดเถรตรงของคนที่ผมไม่อยากจะเจอหน้ามากนัก

คิส เพื่อนในกลุ่มของไอ้ลิเคียว คนสนิทที่เป็นรักฝังใจจนผมอิจฉา ผมไม่ได้เกลียดคิสหรอกนะ เพียงแต่...จะว่ายังไงดีล่ะ ไม่อยากเจอหน้านี่ถือว่าเกลียดไหมนะ

"มากันทำไม" ไอ้ลิเคียวพูดขึ้น ขณะที่เรายังอยู่กันในท่าเดิม

"ทำไม เดี๋ยวนี้จะเจอเพื่อนอย่างมึง กูต้องโทรมาขออนุญาตก่อนหรือไง"

"คิส! พูดดีๆ สิ" เลิฟหันไปดุ ก่อนจะยิ้มแหยๆ มาทางผม

"เราชวนมาเองแหละ ก็เห็นว่าช่วงนี้ลิเคียวยุ่งๆ เลยอยากมาช่วยน่ะ"

"ห้องบัญชีอยู่ถัดไป งานอยู่บนโต๊ะนั่นแหละ" ไอ้ลิเคียวว่าแล้วชี้นิ้วไปทางห้องข้างๆ

"งั้นกูกลับก่อนนะ" ผมที่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้นอกจากนั่งโง่ๆ ยังไงมันก็มีเพื่อนมาช่วยแล้ว งั้นผมกลับบ้านไม่ดีกว่าเหรอ จะได้ไม่เกะกะพวกมันด้วย

"ไม่ต้อง" ไอ้ลิเคียวพูดแล้วกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ทำเอาผมที่ทำท่าจะลุก ก็ลุกไม่ได้

"โอเค งั้นลิเคียวพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวเรากับคิสช่วยดูบัญชีให้เอง แคนดี้กับฟลาวก็ช่วยดูงานอยู่ด้านล่างนะ ไม่ต้องห่วง" เลิฟบอกแล้วดันคิสให้ถอยกลับไปยังประตู

"ผอมลงนะ ดูหล่อขึ้นเลย" เลิฟบอกก่อนที่จะออกไป

"จริงเหรอ"

"อืม ^^" ผมดีใจนะที่มีคนชม ยิ่งพอมาได้ยินจากปากของเลิฟด้วยแล้ว ยิ่งดีใจใหญ่เลย

"ยิ้มมากไป" ไอ้ลิเคียวพูดเสียงเข้ม

"อะไรของมึง"

"มึงไม่ได้หล่อขนาดนั้นหรอก แฟนมันหล่อกว่ามึงเยอะ"

"ห๊ะ เลิฟมีแฟนเป็นผู้ชายเหรอ"

"เออ เพราะฉะนั้น มึงเลิกมองมันแบบนั้นได้ล่ะ"

"มองยังไง กูก็มองปกติเถอะ แต่ก็นะ ดีจังที่เลิฟชอบผู้ชาย อย่างนี้กูก็มีหวังน่ะสิ"

"อ้วน มึงอย่ากวนตีน"

"กวนตีนอะไรของมึง" ผมเชิดหน้าใส่ อย่างเลิฟนี่สิ ผู้ชายที่ตรงสเปกผม ทั้งสุภาพ ทั้งพูดเพราะ น่าจะเป็นแฟนที่ดีกว่าใครบางคนเยอะเลย

"เดี๋ยวมึงจะโดนตี"

"ถ้ามึงตีกู กูจะฟ้องไอ้ไฟ อุ๊บ...อืมมม" ไอ้ลิเคียวฉวยโอกาสที่ผมยังไม่ทันตั้งตัว อยู่ๆ มันก็จับคางของผมแน่น ก่อนจะขยับหน้าเข้ามาแล้วจูบผมอย่างจัง ด้วยความที่ยังไม่ทันตั้งตัวและตกใจ ผมเลยทุบไหล่มันไปซะหลายที

"แฮ่กๆ " กว่ามันจะถอนจูบออกไปได้ เล่นดูดจนผมเจ็บไปหมด ความอ่อนหวานนุ่มนวล ไม่มีกับเขาหรอก

"กูมันเขี้ยวมึงจัง" ไอ้ลิเคียวบอก เสียงของมันอยู่ใกล้กับหน้าผมเพียงคืบเดียว มือที่ลื่นไหลเป็นปลาหมึก นี่มันตั้งใจใช่ไหม

"อย่าทำนะมึง" ผมบอกออกไป แล้วกำมือตัวเองแน่น ยอมรับว่าไม่กล้าจ้องหน้ากับไอ้ลิเคียวเลย กลัวตัวเองจะหวั่นไหวและเคลิบเคลิ้มไปกับสายตาของมัน

"แฮ่กๆ " กว่ามันจะถอนจูบออกไปได้ เล่นดูดจนผมเจ็บไปหมด ความอ่อนหวานนุ่มนวล ไม่มีกับเขาหรอก

"ลาวา" ไอ้ลิเคียวในตอนนี้ เหมือนกับเสือโหยที่กำลังจ้องจะกินเหยื่อ แววตาดุดันจนทำให้ผมเอนอ่อนไปได้ง่าย หัวใจเจ้ากรรมของผมก็เหมือนรู้งาน เต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ จนผมเหนื่อยหอบ จากที่ไอ้ลิเคียวนั่งอยู่ข้างๆ ผม ตอนนี้มันขยับมานั่งคุกเข่าที่ด้านหน้าของผมแทน ส่วนตัวผม ก็ยังนั่งอยู่บนโซฟาตัวเดิม กับท่าทางเดิมๆ ที่ตอนนี้เกร็งไปหมดทั้งตัว

"ลิเคียว...ฮึ่ย" ผมร้องเสียงออกมาเพียงเล็กน้อย เพราะไอ้ลิเคียวมันขยับเข้ามาหา ก่อนจะงับที่ปากล่างของผมอย่างจัง ทั้งกัด ทั้งดูดอยู่แบบนั้นเหมือนกับจงใจแกล้ง มันไม่ได้จูบหรือแม้จะสอดลิ้นเข้ามา เพียงแต่ใช้ลิ้นกับฟันของมัน เล่นกับริมฝีปากล่างของผมไม่หยุด

ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่มือของผม วางอยู่ที่ไหล่ของไอ้ลิเคียว แถมยังบีบไหล่ของมันแรงอีกด้วย

พรึ่บ…อัก!

เสียงประตูเปิดออกอีกครั้งพร้อมกับร่างสูงที่เคยนั่งอยู่ตรงหน้าหงายหลังลงไปด้วยแรงถีบจากปลายเท้าของผมเอง

"อุ๊บส์ ยังไม่เอากันอีกเหรอ"

"เข้ามาทำไมเนี่ย" เสียงไอ้ลิเคียวร้องบอก ทั้งๆ ที่ตัวมันยังนอนขดกุมท้องตัวเองอยู่

"ถ้ากูบอกว่ามาเอาของที่ลืมไว้ มึงกับเมียจะทะเลาะกันอีกไหม"

"…" ผมไม่ตอบ ไอ้ลิเคียวก็ไม่ตอบเช่นกัน มันก็ขึ้นอยู่กับว่า ของอะไร ลืมไว้ที่ไหน และทำไมถึงได้ลืม

"แต่เอาเถอะ ยังไงพวกมึงก็ช่วยมาหาสร้อยข้อเท้าเส้นสำคัญของกูทีสิ กูทำตกตอนที่มาค้างวันก่อน" เสียงคิสพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจนัก ผมได้แต่หันไปมองคนที่นอนกุมท้องของตัวเองอยู่ด้านล่าง

"ไอ้คิส มึงก็อธิบายด้วยสิวะ ว่าทำไมมาทำตกไว้ แม่ง เดี๋ยวมันเข้าใจกูผิดอีก"

"เอ้า ก็เห็นไม่ตอบ นึกว่าเข้าใจกันดีอยู่แล้ว"

"ทำไม ยังไงมึงกับกูก็ไม่มีทางเป็นไปได้ มันไม่ได้ตั้งนานแล้ว เมียมึงไม่เข้าใจเองนิ กูทำอะไรผิดล่ะ กูมาช่วยงานมึงแค่นี้ กูต้องขอโทษพวกมึงไหม" คิสรั่วมาเป็นชุด ทำเอาผมอึ้งไปเลย ก็เข้าใจในความเป็นเขานะ ร้ายๆ แรงๆ แล้วก็พูดตรงๆ

"แล้วกูต้องอธิบายด้วยไหม ว่าที่กูทำสร้อยข้อเท้าตกเพราะมาเอากับแฟนกูที่นี่ หรือต้องบอกด้วยว่าเอากันท่าไหน"

"พอๆ มึงออกไปได้ละ เดี๋ยวกูให้คนมาทำความสะอาด ถ้าเจอแล้วจะบอกมึงอีกทีแล้วกัน" ไอ้ลิเคียวรีบไล่คิสออกไป ไม่อย่างงั้น ผมว่าคนอย่างคิส คงพูดออกมาจริงๆ นั่นแหละ

“เออ หาให้ด้วย ของสำคัญ” คิสบอกก่อนจะหันหลังเดินกลับไปทางประตู

ปัง

คิสปิดประตูเสียงดัง เดินหน้าตั้งออกไปเลย จากที่เมื่อกี้ที่มายืนโวยวาย ตอนนี้ห้องทั้งห้องได้เงียบลงไปแล้ว เรื่องคิสไม่คิดอะไรกับไอ้ลิเคียวอ่ะ ผมเข้าใจ แต่กับไอ้ลิเคียวเนี่ยสิ คนมันเคยรักฝังใจ จะเลิกรักกันง่ายๆ ได้เหรอ แถมยังเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน สนิทกันมาก เจอหน้าดันตลอดทุกวันอีกด้วย

"อ้วน คิดอะไรของมึงอยู่"

"อะไร"

"หน้ามึงตอนนี้ บ่งบอกชัดเจนมาก คิดอะไรก็พูดมาดิวะ"

"เปล่า"

"ไอ้อ้วน! "

"ไอ้เหี้ย! " เอาสิ ด่ามาด่ากลับ นี่ถ้าขึ้นเสียงมา จะร้องไห้กลับไปให้ดู

"ยอมๆ โอเค กูยอม" ไอ้ลิเคียวว่า แล้วยกมือขึ้นมาทำท่าว่ามันยอมจริงๆ

"กูชอบมึงนะ"

"ปะ...เป็นบ้าเหรอ อยู่ๆ มาพูดอะไรของมึงไม่รู้ วู้" ทำเฉไฉไปอย่างนั้นเอง จริงๆ ในใจของผมเต้นระรั่ว รู้สึกตัวเบาๆ จนเหมือนกับว่า ตัวเองจะบินได้

"หึ เรื่องกูกับไอ้คิส ชัดเจนแล้วนะ"

"กูไม่รู้"

"ไม่รู้อะไรอีกวะ อ้วน" ไอ้ลิเคียวพูดอย่างหัวเสีย ก่อนจะเด้งตัวขึ้นมาจากพื้น เพื่อขึ้นมากอดเขาผม ก่อนจะซุกหน้าไว้ที่ตัก

"ไม่รู้ก็คือไม่รู้ แล้วนี่เป็นอะไรของมึง" ผมบอกแล้วสั่นขาเพื่อให้มันลุกขึ้น

"ไม่ชอบเหรอ"

"ไม่ชอบ" ที่ไหนกันล่ะ คนหล่อๆ ตอนอ้อนเนี่ย ใครๆ ก็ชอบทั้งนั้นแหละ แล้วนี่มันเรียกว่าอ้อนใช่ไหมวะ

"แสดงว่าไอ้สวยหลอกกูสินะ" ไอ้ลิเคียวพึมพำ มันเลิกกอดเขาผมและเลิกเอาหน้าซุกกับตักแล้ว แต่เปลี่ยนเป็นมานั่งข้างๆ ผมแทน

"ไม่ไปทำงานหรือไง"

"ขี้เกียจ"

"ถ้าอย่างนั้น ส่งกูกลับได้หรือยัง"

"รีบจังวะ"

"ตี 1 เนี่ยนะ ที่มึงบอกกูรีบ"

"เออนั่นแหละ นอนที่นี่เลยแล้วกัน เนอะๆ "

"อย่ามาทำมึนนะไอ้ลิเคียว"

"มึนอะไร ก็นอนที่นี่แหละ ป่ะ" ไม่พูดเปล่า ไอ้ลิเคียวลุกขึ้นแล้วก้มลงมาช้อนตัวของผมขึ้นไปด้วย ทำเอาผมต้องรีบคล้องคอมันไว้เลย

"ไอ้เหี้ย เดี๋ยวตก"

"ไม่ตกหรอกน่า ถ้ามึงไม่ดิ้น เมื่อก่อนหนักกว่านี้กูยังอุ้มมาแล้วเลย" ไอ้ลิเคียวบอกแบบนั้น ทำให้ผมไม่กล้าดิ้นแรง กลัวตกอยู่เหมือนกัน ได้แต่มองค้อนมันแรงๆ ซึ่งไอ้ลิเคียวมันก็ไม่ได้สนใจอะไรผม นอกจากเดินผิวปากสบายๆ จนมาถึงเตียง

"ลาวา"

"อะ...อะไร" ด้วยความที่เราไม่ค่อยเรียกชื่อของกันและกันดีๆ พอมาได้ยินไอ้ลิเคียวพูดแบบนี้แล้วผมรู้สึกแปลกๆ แฮะ

"ทำได้ไหม"

"ไม่ได้"

"กูขอมึงแล้วนะ"

"มึงบังคับกูออกจะบ่อย"

"แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว" พูดเสียงอ่อยแล้วทำหน้างอเชียว

"ทำไม"

"กลัวมึงเสียใจ"

ตึกๆ ตึกๆ

ให้ตายสิ มันพูดอะไรแบบนี้เป็นด้วยเหรอวะ

"เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้วนะ"

"กูขอมึงเป็นแฟนร้อยรอบได้แล้วมั้ง เป็นแฟนกับกูสักทีสิ"

"ไม่"

"ใจร้ายจังวะ ถึงมึงจะบอกว่ากูไม่ได้เป็นแฟนมึง แต่มึงยังเป็นแฟนกูอยู่นะ"

"แฟนมึงมีเยอะแยะ"

"เหลือแค่มึงตั้งนานแล้ว"

"ตอแหล" ผมบอกเสียงเบา แต่ไอ้ลิเคียวมันคงได้ยิน

"จับอะไรของมึงเนี่ย"

"ก็จับไปทั่วนั่นแหละ มันเขี้ยว"

"ไอ้บ้า"

"เมื่อไหร่มึงจะเลิกโกรธ เลิกงอนกูสักทีล่ะ"

"มึงไม่เห็นต้องแคร์กูขนาดนี้เลย"

"ก็รักไปแล้ว ไม่แคร์ได้เหรอ"

"มึงพูดแบบนี้กับทุกคนใช่ไหม"

"อ้วน ทำไมมึงรวนเก่ง"

"เปล่าสักหน่อย อย่าบีบหนักมือนักได้ไหม แดงหมดแล้วเนี่ย" ผมบอกแล้วผลักมันออก แม่งจับอยู่แต่ตรงต้นขาผมเนี่ย

"กูชอบ เวลามึงตัวแดง นี่ไงลองจับดูสิ" ไอ้ลิเคียวบอกแล้วจับมือของผม ไปทาบกับหน้าอกของมัน หัวใจเต้นแรงเป็นเหมือนกันแฮะ

"ทรมานจัง มึงจะให้กูอดทนจริงๆ เหรอ"

"มึงก็ทนมาได้ตั้งหลายเดือน"

"จะฆ่ากันให้ตายจริงๆ ใช่ไหม ไม่สนใจคนที่ตัวเองรักจะดีเหรอ"

"งั้นก็ตายไปเลยไป" ผมบอกแล้วเชิดหน้าใส่

"พูดแบบนี้ กูเสียใจนะ"

"เหรอ งั้นก็ดี เสียใจเยอะๆ ล่ะ ได้ยินแบบนี้แล้วกูก็ดีใจ งืมมม ดึงทำไมเนี่ย" ผมว่าไอ้ลิเคียว เล่นดึงแก้มซะแรงเลย

"ขอกอดหน่อยนะ"

"วันนี้อาการหนักนะมึง เหนื่อยสินะ" ผมถาม เพราะเห็นมันเป็นแบบนี้มาเกือบเดือนแล้ว เดี๋ยวไปเรียน เดี๋ยวมาหา เดี๋ยววนไปร้านนู้น ร้านนี้ จากที่อยู่ๆ ก็หายไป 2-3 วัน พอกลับมาก็กลายเป็นลากผมไปทำงานด้วย ถึงผมจะไม่ได้ทำอะไรก็เถอะ

"อืม กูคงหลงมึงมากไปหน่อย"

"บ้าแล้ว"

"ถ้ายังไม่เลือกกู อย่าเลือกใคร มึงเป็นคนสำคัญสำหรับกูนะ จำไว้"

"กูไม่รู้" ผมตอบแล้วหันหน้าหนี ผมไม่ได้มองใคร ยังคงมองแต่ไอ้ลิเคียวนั่นแหละ เพียงแต่บางเวลา ผมก็ไปเที่ยว ไปกินข้าวกับฝนหรือเพื่อนใหม่บางคนบ้าง

"แค่มึงอยากเอากู มึงจะพูดดีแบบไหนก็ได้ จะชักแม่น้ำทั้ง 5 มา มึงก็ทำได้"

"อย่าพูดแบบนั้นสิ ถ้ามึงไม่อยากให้กูทำ กูไม่ทำก็ได้ แต่ขอกูกอดมึงแบบนี้สักพักก็พอ"

“ช่างเถอะ ทำสิ ถึงมึงจะหลอก กูก็เต็มใจให้หลอก เพราะกูคงไม่น่าสมเพชไปมากกว่านี้แล้วละ”

“อ้วน มึงอย่าพูดแบบนี้ดิวะ กูไม่ได้หลอกอะไรมึงเลยนะ”

“กูคงพูดว่าเชื่อมึงตอนนี้ไม่ได้” ใช่ ผมยังไม่ไว้ใจมัน แต่ก็ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับมันตลอด ผมก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ที่ทำผิดซ้ำซาก หากมีวันไหนที่มันมีคนอื่นจริง ผมก็คงเป็นแค่ไอ้โง่คนหนึ่งเท่านั้นเอง

"ทำเถอะ" ผมบอกแล้วหลับตาลง หลงใหลไปกับคำพูดของอีกคนและไม่สนสิ่งอื่นใด การเป็นคนโง่ก็ไม่ใช่เรื่องแย่สักเท่าไหร่หรอก ยังไงผมก็โง่มาทั้งชีวิตแล้ว ถ้าจะโง่ต่อไป ก็คงไม่ผิดใช่ไหม ในเมื่อหัวใจของผมยังคงเรียกร้องแต่มันคนเดียว


ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
คืนดีกันไปเถอะ คิสก็พูดออกมาซะขนาดนั้นแล้ว แค่ไม่พูดทั้งหมดและเข้าใจผิดไปเองก็ถือว่าผิดกันคนละครึ่งไป คืนดีได้แล้วไอ้อ้วนลาวา

ออฟไลน์ YiiM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ตอนที่ 27


ลิเคียว พาร์ท

"เจ็บ...เบาหน่อย ฮึก" ผมกระแทกตัวเข้าไปในร่างของอีกคน ลงลึกเข้าไปจนสุดความยาว ผมเป็นคนรุนแรงในบางครั้ง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะตลอด สาดส่องสายตามองดูลำตัวที่แดงก่ำของคนที่นอนอยู่ใต้ร่าง ยิ่งทำให้อารมณ์ของผมเดือดจนแทบปะทุ

"ซี๊ดดด...อ้วน มึงอย่ารัดแน่นนักสิ เดี๋ยวกูก็เสร็จพอดี" จากครั้งแรกที่มีอะไรกัน มันนานจนผมอยากจะทำกับมันอีกครั้งมาโดยตลอด หลายครั้งหลายคราที่ผมมักจะลวนลามไอ้วาจนอีกคนบ่นแทบพ่นไฟใส่ แต่ผมก็ไม่สามารถทำได้มากกว่านั้น เพราะดูเหมือนไม่ว่าผมจะทำอะไร ก็ผิดในสายตาของมันตลอด

แต่ก็ไม่แปลกใจหรอกที่มันจะไม่เชื่อในตัวผม ขนาดตอนแรกๆ ผมยังไม่เชื่อในตัวเองเลย ผมที่เคยรักเคยชอบไอ้คิสมานาน จะสามารถเปลี่ยนมารักเพื่อนที่รู้จักกันมาค่อนชีวิตแทนได้ มันน่าอัศจรรย์จริงๆ นะครับ

จะว่าไป จุดเริ่มต้นทั้งหมด ก็เป็นเพราะตัวผมเอง ที่คิดจะเล่นสนุกกับไอ้วา ทำให้ติดเหง็กไปไหนไม่ได้จนถึงทุกวันนี้ อยู่กับใคร คบกับใคร ผมไม่เคยรู้สึกสบายใจขนาดนี้มาก่อน ถ้าพูดถึงเรื่องความรัก ตอนแรกก็ยังไม่ได้รักมันขนาดนี้นะ ถ้าถามว่าชอบไหม ผมพูดได้เลยว่าพอใจในตัวมันมาก

หลังจากที่ไอ้วาบอกเลิกผม ผมยังไม่ช้ำใจเท่าครั้งตอนที่รู้ตัวว่าจะไม่เจอมันอีก อะไรๆ จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป การจะเปลี่ยนสถานะของเพื่อนคนหนึ่ง ให้ขยับกลายมาเป็นแฟน มันไม่ง่ายเลยนะ ยิ่งกับไอ้วาแล้ว ผมคงเป็นพระเอกคนหนึ่ง ที่โดนเพื่อนต่อยบ่อยที่สุดก็ว่าได้

ผมเคยรู้สึกท้อเหมือนกันนะ ไม่เคยต้องมาง้อใครนานขนาดนี้มาก่อน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองต้องเริ่มจากตรงไหน ไปถามใครก็ไม่เห็นจะได้ผลสักอย่าง แต่พอคิดว่าตัวเองจะหยุด หัวใจของผมกลับเจ็บจี๊ดขึ้นมาเลย แค่คิดว่า พรุ่งนี้จะไม่ไปหา ไม่ไปตามดูไอ้วาแล้ว สมองของผมก็ยิ่งสั่งการหนักขึ้นมาทันที

...มันจะทำอะไรอยู่นะ

...มันจะกินข้าวแล้วหรือเปล่า

...มันจะรอผมไหม

...หรือจะมีใครเข้าไปคุยกับมันบ้างไหมนะ

ยิ่งคิดได้แบบนี้ก็ยิ่งกลัว จนสุดท้ายแล้วตัวผมเองนี่แหละ ที่ต้องวิ่งแจ้นไปหามันตลอด เหนื่อยนะ ทั้งเรื่องงาน ทั้งเรื่องเรียน แต่ผมรู้สึกเพียงแค่ว่า ขอให้ได้ไปเจอหน้า ไปนั่งกินข้าวด้วย ให้ตัวผมเองอุ่นใจว่าไม่เห็นมันคุยกับใคร ก็สบายใจแล้ว

ผมรู้ว่าผมเป็นคนผิด ผิดที่ปิดบังมัน ผิดที่ไม่ได้พูดเรื่องไอ้คิสออกไป เพราะกลัวว่ามันรู้ มันจะงอนผม แต่ใครจะไปคิดล่ะว่า ไอ้วามันจะมารู้ทีหลังแล้วถึงกับบอกเลิกผมเลยในครั้งเดียว แต่ก็นั่นแหละ มันทำให้ผมรู้หัวใจตัวเองมากยิ่งขึ้นเหมือนกัน

"อ๊ะ...หยุดก่อน อื่ออ...มึง...ซู๊ดดด" เสียงของไอ้วา ทำให้ผมตื่นจากภวังค์

"ฮึ่ย...โคตรเสียวเลยแม่ง" ผมแทบอย่างจะสบถคำหยาบออกมา เสียวจะเกร็งไปหมดขนาดนี้ จะมาบอกให้ผมหยุดได้ยังไงวะ

"อ๊ะ...สะ...เสียว...เสียวเกินไป...อ๊ะ...อ๊ะ...อ่าาา" คนตัวเล็กใต้ร่าง นอนบิดเร้าอย่างทรมาน เสียงร้องขอให้ผมหยุด แต่มันเองก็ตอดรัดผมจะแทบจะขาดใจ แถมยังเสร็จไปก่อนซะได้ อย่างนี้ต้องลงโทษไหมเนี่ย

"อย่าเพิ่งขยับสิ" ผมบอกแล้วจับไอ้วานอนดีๆ มันเหมือนกับจะบิดตัวหนีการรุกรานจากผม ก้มลงมองสีหน้าเหยเกพร้อมกับฟังเสียงครางหวานหูที่ผมเริ่มบรรเลงอีกครั้ง ก่อนจะก้มตัวลงไปจูบอีกฝ่ายให้หยุดทักท้วง ด้านล่างของผมก็ทำงานไม่หยุด รู้สึกดีจนอยากจะปลดปล่อยออกมาซะเลยตอนนี้ แต่ก็อยากซึมซับความรู้สึกนี้ไว้นานๆ ด้วยเช่นกัน

"จุ๊บ หันหน้ามาสิ" ผมกระซิบบอกข้างหู คลอเคลียอีกคนตั้งแต่ใบหูจนไปถึงสันกราม ถึงมันจะผอมลงแล้ว แต่ใบหน้ายังคงกลมเหมือนเดิม แก้มยุ้ยๆ ของมัน นิ่มใสจนผมอยากกัดให้จมเขี้ยว แต่ก็ทำได้เพียงกัดเบาๆ เท่านั้น

"อย่าทำเจ็บ" คงกลัวว่าผมจะกัดแก้มมันแรงเลยพูดออกมา ผมจูบเข้าไปที่ขมับของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา แล้วเลื่อนลงมายังหาตาที่มีน้ำใสๆ ไหลปริ่มอยู่

"ไม่เจ็บนะครับ" ผมถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน พอมันมานอนอยู่แบบนี้แล้ว ดูน่าทะนุถนอมเข้าไปอีก

"บ้า" อีกคนว่าแล้วหันหน้าหนีไปอีกครั้ง ผมเริ่มซอยเข้าออกด้วยจังหวะที่เบาและช้าลง ดูเหมือนอีกคนคงจะขัดใจ รีบหันมาจ้องหน้าของผมเลย และนั่นแหละเป็นการดี เพราะผมเองก็รอจังหวะนี้อยู่แล้ว

"อ๊ะ...อืมมม" ไม่ต้องอ้าปากบ่น ผมก็สอดลิ้นร้อนเข้าไปไล่วน หยอกล้อกับลิ้นเล็ก ตวัดเกี่ยวดูดไล่วนต้อนลิ้นเล็กไปทั่วทั้งปาก ลิ้มรสความหอมหวามให้นานที่สุดจนอีกคนเริ่มจะทนไม่หายถึงผละออกมา

"แฮ่กๆ จะดูดวิญญาณกูด้วยหรือไง" ไอ้วาร้องบอกออกมาก่อนจะยันตัวขึ้นนิดหน่อย หอบหายใจเข้าปอดลึกๆ หลายที แล้วทิ้งตัวลงกับเตียงอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง

"ลิเคียว กูเมื่อยแล้วนะ"

"งั้นเปลี่ยนท่า"

"มึงควรเสร็จไหม ไม่ใช่เปลี่ยนท่า"

"ก็ยังอยากอยู่"

"แล้วมึงจะทำๆ หยุดๆ ทำเหี้ยอะไร แสบนะโว้ย"

"เออ รอบสุดท้ายละ"

"ตลอดอ่ะมึงอ่ะ" ไอ้วาบ่นแล้วผลักผมให้นอนลงข้างๆ มันแทน

"มึง! "

"กูทำเอง" ไอ้วาว่าแล้ว ขยับตัวอย่างเชื่องช้า ค่อยๆ พลิกตัวขึ้นมานั่งคร่อมผม ก่อนจะนั่งลงมาเต็มน้ำหนัก

"ขยับขึ้นไปด้านบน" เป็นคำสั่งที่ผมทำตามอย่างว่าง่าย ผมค่อยๆ ขยับขึ้นไปทั้งๆ ที่ไอ้วายังคงอยู่ด้านบน มันก็ยังตัวขึ้นนิดหน่อย แล้วขยับตามมาเช่นกัน

เอ็กส์ฉิบหาย ถ้าไม่เกรงว่าพูดไปแล้วไอ้วามันหยุดนะ ผมคงหลุดคำหยาบออกไปมากมาย ปกติผมไม่นิยมผู้ชายสักเท่าไหร่ จะมีบ้างนานๆ ที ตัวเล็ก ร่างบางหน้าตาสวย ผมก็ไม่ถือ ยังไงก็ไม่เสียหายอยู่แล้ว แต่กับไอ้วา ผู้ชายแมนๆ คนหนึ่ง มันไม่ได้ตุ้งติ้งเหมือนผู้หญิง ไม่ได้อ่อนแอเลยสักนิด แต่กลับทำตัวน่ารักและน่าเอาขนาดนี้ ดูสิน้องชายผม แข็งขึ้นมาอีกแล้ว

"ทะลึ่ง" เนื่องจากอีกคนก็มองแท่งร้อนของผมอยู่เหมือนกัน ทำให้ตาโตๆ ของมัน โตขึ้นไปอีก นี่ใหญ่ได้มากกว่านี้อีกนะ

"พร้อมยัง"

"มันใหญ่ไป รอให้เล็กลงก่อน"

"มึงกวนตีนเหรออ้วน" ไอ้วาทำแก้มพองลมเหมือนเด็ก ก่อนจะยกตัวเองขึ้น ผมเลยช่วยประคองสะโพกมันไว้ด้วย

"ซี๊ดดด...ลงมา"

"ลงไม่ได้ มันแน่น"

"มึงยังไม่ทิ้งตัวลงมาเลยนะ" ผมกดเสียงต่ำ ระงับอารมณ์ถึงที่สุด

"ฮึ่ย…ฮึบ…อืมมม" ไอ้วาผ่อนลมหายใจก่อนที่จะค่อยๆ กดตัวลงมา ถึงมันจะคับแน่นอย่างที่ไอ้วาบอกจริงๆ แต่ก็เสียวสุดๆ ไปเลยเหมือนกัน

"หมดแล้ว เก่งมาก" ผมเอ่ยชมคนด้านบนที่ดูเหมือนจะหมดแรงตั้งแต่ยังไม่ได้ทำอะไร จริงๆ อยากจะกระแทกสวนขึ้นไปเองด้วยซ้ำ แต่ยังตัวเองไว้ เพราะอยากให้ไอ้วาเป็นคนจัดการเอง

"อืมมม…ซี๊ดดด…อ่าาา" ไม่รอให้ได้พักนาน คนตัวเล็กก็เป็นฝ่ายขยับขึ้นลงเอง มือข้างหนึ่งจับอยู่ที่หัวเตียง ส่วนอีกด้านกุมอยู่ที่ท้องน้อยของตัวเอง

ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ ผั่บ

"อื่อออ…โคตรดีเลยอ้วน" ถึงจะไม่ได้เร็วเท่ากับตอนที่ทำเอง แต่แบบนี้ทำให้ผมเร้าใจมากกว่า ได้เห็นอีกทำเต็มสองตา ทั้งท่าทางและหน้าตาที่แสนจะยั่วยวน

"อ๊ะ…อ๊ะ…อ๊ะ…" เสียงร้องตามจังหวะขึ้นลง เม็ดเหงื่อจากความร้อนของร่างกายไหลตามตัว ผมย้ายมือข้างหนึ่งจากสะโพกของไอ้วา ขึ้นไปเล่นยังจุกนมที่แข็งขืนอยู่ก่อนแล้ว ทำเอาอีกคนเชิดหน้าขึ้นสูง ร้องเสียงหลงไม่เป็นจังหวะไปเลย

ผมเอนตัวไปข้างหน้า เนื้อตัวที่เมื่อก่อนนุ่มนิ่มยังไง ตอนนี้ก็ยังนิ่มอยู่อย่างนั้น เพียงแต่พุงน้อยๆ ได้หายไปแล้ว สัดส่วนต่างๆ ก็ดูกระจับขึ้นมามากด้วย

ใบหน้าของผมอยู่ห่างจากหน้าท้องของอีกฝ่ายเพียงนิดหน่อย ก่อนจะเล็งเป้าแล้วพุ่งไปยังหน้าท้องเหนือสะดือเพียงคืบ ไล่ลิ้นเลียไปตามร่องน้อยๆ ที่อีกไม่นานอาจขึ้นซิกแพคได้ หากมันยังออกกำลังกายอยู่ ผมเลื่อนริมฝีปากไปยังริมด้านซ้ายแล้วกัดจมเขี้ยวด้วยความมันเขี้ยว

"อ้าก…อืมมม…แฮ่กๆ " ไอ้วาร้องเสียงหลง ประจวบเหมาะกับมันขยับลงมาพอดี ช่องทางด้านหลังจึงกลืนกินแกนกายของผมเข้าไปจนหมด ศีรษะของอีกคนหมอบฟุบลงมาที่ไหล่ของผม เสียงหอบหายใจบ่งบอกถึงความเหนื่อยล้า

ผมกัดไปคำใหญ่ ก่อนจะผละริมฝีปากออกมาก็ดูดให้แดงห้อเลือดไว้ด้วย ทำเอาอีกคนร้องเสียงอื้ออึงในลำคอไม่หยุด

"เหนื่อยหน่อยนะ" ผมบอกแล้วเอนตัวลงน้อย เพื่อที่จะขยับส่วนล่างให้ถนัดยิ่งขึ้น อีกคนที่พิงไหล่ของผมอยู่ก็ล้มตัวเอนอ่อนลงมาทาบทับผมไว้อย่างหมดเรี่ยวแรง

ปึก ปึก ปึก ปึก ปึก

ครั้งนี้เป็นผมเองที่กระแทกสวนขึ้นไป ทั้งถี่และเร็วจนไอ้อ้วนหัวสั่นหัวคอน เสียงแหบร้องระส่ำไม่เป็นภาษาอยู่ตลอด จนผมปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมา

"อึก…อึก…" คนตัวเล็กตัวกระตุกเป็นระยะ ดูผวาจนผมต้องกอดปล่อย ด้วยความที่มันอยู่ด้านบน ผมถึงรับรู้ได้ถึงแรงสั่นของขา คงจะเกิดจากการเกร็งก่อนเสร็จสม

ค่อยๆ ใช้ขาของตัวเอง ยืดขาของอีกคนออกไป เพื่อให้มันนอนราบบนตัวผมได้ถนัด มือทั้งสองข้างของมัน จิกข่วนที่ไหล่ของผมทั้งสองข้างตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เพิ่งรู้สึกว่าแสบก็ตอนนี้เอง

"อืมมม"

"ชู่ววว…เสร็จแล้วครับ" ผมใช้แขนโอบรัดเพื่อปลอบอีกคนให้หายตัวสั่น เลื่อนมือขึ้นมาปัดผมเปียกๆ ที่ปรกหน้าปรกตาออกให้อีกคน จะได้ไม่รู้สึกรำคาญ

"นอนไป เดี๋ยวกูเช็ดตัวให้มึงเอง" ผมพูดบอก ไม่รู้ว่าเพราะเหนื่อยหรือเพราะหลับลงไปจริงๆ มันถึงไม่ตอบรับคำพูดของผม นอนลูบหลังคนตัวเล็กจนอีกคนหายตัวสั่น ผมค่อยๆ พลิกตัวขึ้นและอุ้มมันขึ้นมาด้วย พาไปเช็ดตัวที่โซฟาตัวยาว เพราะเดี๋ยวต้องเปลี่ยนผ้าปู

"เหี้ยเอ้ย เลือด" ผมสบถออกมาตอนที่ตัวเองกำลังเก็บกวาด หลังจากเช็ดตัวให้ไอ้วาเสร็จ ผมก็เดินกลับมาเปลี่ยนผ้าปูที่นอน แต่ก็ต้องหัวเสียกับเลือดที่เลอะอยู่บนผืนผ้า

Thu…Thu…Thu…

ร้อนใจ กลัวว่าไอ้วาจะอาการไม่ดีหรือไม่สบายไปซะก่อน หาโทรศัพท์ได้ก็กดโทรออกหาไอ้สวยทันที

(ว่า…)

"มึงอยู่ไหน"

(ออกมากินโจ๊กกับฟลาว เยื้องๆ ร้านมึงนิดหนึ่งอ่ะ)

"ถ้างั้นก่อนเข้ามา กูฝากซื้อยาหน่อย กูทำไอ้อ้วนเลือดออกว่ะ"

(ทะเลาะกัน?)

"ไม่ใช่ เลือดออกตรงนั้น…"

(รุนแรงไปนะมึง)

“กูก็ไม่คิดว่าเลือดจะออก”

(เข้าใจแล้ว เดี๋ยวซื้อยาเข้าไป)

"ขอบใจ" กดวางสายแล้วหันไปมองหน้าคนที่หลับอยู่บนโซฟา

"ขอโทษนะอ้วน" พึมพำบอกคนที่หลับแล้วไปจัดการกับเตียงนอนให้เสร็จ กว่าไอ้สวยจะกลับมา ผมก็ชำระร่างกายตัวเองเสร็จพอดี

"ให้ช่วยไหม"

"ไม่ต้อง ขอบใจที่ซื้อมาให้ แล้วพวกมึงจะนอนไหนกัน"

"ห้องข้างๆ มีอะไรก็เรียก มึงน่าจะรู้ไว้นะ ตรงนั้นของผู้หญิงกับผู้ชายมันต่างกัน ถ้าไม่ใส่ถุงยาง ก็หาสารหล่อลื่นช่วย เป็นแบบนี้ คนที่แย่คือเมียมึง"

"เออ กูต้องเรียกหมอมาดูไหม" ผมถามหน้าเครียด

"ไม่ต้อง ไม่ได้เป็นเยอะขนาดนั้น แค่กินยาแล้วก็ทายาตรงนั้นก็พอ"

"อืม" ผมพยักหน้าเข้าใจ ไอ้สวยมันผ่านผู้ชายมาเยอะ หมายถึงก่อนที่จะเจอกับฟลาวอะนะ ผมถึงรู้เรื่องแบบนี้ดี

หลังจากที่ไอ้สวยเดินออกจากห้องไป ผมก็ทายาและใส่บ็อกเซอร์ให้ไอ้วา ปลุกมันขึ้นมากินยาด้วย ถึงจะงอแงไปนิด แต่ก็ยังดีที่ตื่นมากิน ไม่นานมันก็หลับไป ผมเลยอุ้มมันกลับไปนอนที่เตียงตามเดิม

ครืด…ครืด…ครืด…

เสียงโทรศัพท์ของผมสั่น มองดูหน้าจอ ว่าจะไม่รับก็ไม่ได้ เบอร์ต่างประเทศที่นานๆ จะโทรมาที

"เออ"

(หายหัว)

"ที่นี่ตี 3 แล้วนะ"

(กูโทรหามึงหลายสาย ทำห่าอะไรอยู่ล่ะ)

"เข้าเรื่องมาเลยดีกว่า ไม่ต้องสนใจเรื่องของกูหรอก"

(น้องกู กูบอกให้ดูแล ไม่ใช่เอาไปเก็บไว้กับตัว)

"ไอ้ไฟโทรไปฟ้องสินะ"

(ถึงมันไม่โทรมา สายของกูก็รายงานว่าไอ้วายังไม่ออกมาจากผับใหม่ของมึงตั้งแต่ตอนเย็น)

"มันนอนแล้ว"

(ทำอะไรมันไปใช่ไหม)

"พวกกูรักกัน"

(อย่ามั่นใจไปนัก ถ้าเมื่อไหร่ที่มันร้องไห้เพราะมึง แม้แต่เงาหัวมึงก็จะไม่มี)

"โทรมาหาเรื่องกูว่างั้น"

(แค่โทรมาเตือน แล้วก็จะบอกว่าพ่อกูอาการไม่สู้ดีนัก)

"ผ่าตัดครั้งนี้ไม่โอเคเหรอวะ"

(แย่ โอกาสน้อยที่ท่านจะฟื้น)

"แล้วจะบอกไอ้วาเมื่อไหร่ กูไม่อยากปิดบังมันเรื่องนี้"

(ยังก่อน กูไม่อยากให้มันเสียใจ)

"ถ้ารู้ทีหลัง มันจะไม่เสียใจกว่าเหรอ"

(บอกไปตอนนี้ก็ทำได้แต่ว้าวุ่นใจ ยังไม่ต้องบอกจะดีกว่า)

"เออ แล้วแต่มึง มีอะไรอีกไหม"

(ฝากดูแลมันด้วย กูไม่ได้ดูแลมันเพราะมัวแต่ยุ่งอยู่ทางนี้ ไอ้ไฟก็หาเรื่องไอ้วาตลอด คงมีแต่มึงที่จะปลอบใจมันได้ ถ้าวันหนึ่งมันรู้เรื่องพ่อ)

"ไม่มีปัญหา" ผมบอกแล้ววางสายไป ตัวผมเองก็พึ่งรู้เรื่องอาการของพ่อมันได้ไม่นาน ไม่ใช่ว่าอยากจะปิดบังไอ้วานักหรอก แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของครอบครัว ในเมื่อพี่มันไม่อยากให้บอก ผมก็คงจะปากโป้งไม่ได้

และถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ ผมคงถูกไอ้แม็กเก็บไปแล้ว ครั้งก่อนก็เล่นผมวะอ่วม ดีที่แฟนเก่าไอ้คิสมาช่วยไว้ทัน ผมรู้มาว่า แฟนไอ้แม็กเป็นนักธุรกิจสาว แต่มารู้ทีหลังจากโดนซ้อมนี่แหละ ว่าเป็นลูกสาวมาเฟียที่นั่นด้วย

ไอ้ไฟที่ไม่อยากยอมรับผม ก็เฝ้าจับผิดอยู่ตลอด คงเป็นเพราะคำสั่งของไอ้แม็ก มันเลยไม่เข้ามาขัดขวางผมกับไอ้วา ถึงแม้จะหาผู้หญิงมาให้ไอ้วาบ่อยๆ ก็เถอะ

เดินออกมารับลมหน้าระเบียง จะหาบุหรี่สูบก็ไม่เจอ หยิบไฟแช็กมาได้ก็นึกถึงคำพูดของไอ้วา หรือว่าผมคงต้องเลิกสูบบุหรี่แบบจริงจังซะแล้วมั้ง

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3393
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
พวกพี่ ๆ น่าจะรีบบอกวา วาจะได้ไปดูใจพ่อด้วยเผื่อเกิดอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้น วาจะได้ไม่เสียใจภายหลัง

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
รักที่ปนความหวาดระแวง
มันจะแอบแฝงความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจกัน

อย่างนี้มันก็มีปัญหาจากความไม่ชัดเจน
รักเก่า ได้ยินเบาๆก็เจ็บ
หุหุ

ออฟไลน์ YiiM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ตอนที่ 28

ผมตื่นขึ้นมาในยามเช้า โดยมีไอ้วานอนข้างกายนานว่าอาทิตย์แล้ว ด้วยความที่ช่วงนี้ผมยุ่งมาก จะปล่อยมันไว้ก็ไม่ได้ ไม่งั้นไอ้ไฟแม่งลากไอ้วาหนีผมไปแน่

"ทำไมตื่นเช้าจังล่ะครับ"

"นอนไม่ค่อยหลับ"

"เหนื่อยหน่อยนะครับ แล้วดีกับพี่วาแล้วเหรอ"

"กูก็ดีกับมันตลอดแหละ มีแต่มัน ที่ไม่ยอมดีกับกูสักที"

"แล้วเอาเขามาไว้กับตัวแบบนี้ มันจะดีเหรอพี่" ฟลาวพูดขึ้นมา ทำให้ผมจิตตกไปเหมือนกัน จะบอกว่าผมบังคับมันก็ใช่ ไม่งั้นมันจะอยากอยู่ที่นี่เหรอ

"พี่ลิเคียวจะกินข้าวไหม พี่คิสทำไว้ให้"

"ไม่ล่ะ มึงก็ยกไปให้ไอ้สวยเถอะ" ผมบอกแล้วเอนตัวพิงเก้าอี้ ฟลาวคงมาเอาข้าวไปให้ไอ เพราะเห็นตักใส่ถาดเอาไว้

เมื่อคืนผมแทบไม่ได้นอนเลย เอาแต่นอนมองไอ้วาหลับแล้วคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีวันนี้ วันที่ยอมสยบให้กับใครสักคนแต่โดยดี

"ลิเคียว มานอนอะไรตรงนี้" เสียงของเลิฟดังขึ้น ผมที่หลับตาอยู่เลยลืมตามอง

"พักสายตา"

"เมื่อคืนคิสเคลียร์บัญชีให้หมดแล้วนะ เดี๋ยวเราตรวจเช็กอีกสักหน่อยก็จะกลับแล้ว"

"กลับยังไง"

"เดี๋ยวพี่ยูมารับคิส เราก็กลับด้วย"

"อืม ขอบใจนะ ที่มาช่วย"

"ไม่เป็นไรหรอก" เลิฟบอกก่อนจะตักข้าวเดินผ่านหน้าผมไป พวกเพื่อนๆ ก็มาช่วยงานผมเหมือนกัน เนื่องจากผมเพิ่งเปิดที่นี่ได้ไม่นาน อะไรๆ มันก็เลยยังไม่ลงตัวสักที

ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้า ผมเองก็นอนดึกมาหลายวันแล้วเช่นกัน มองดูอาหารในหม้อ ก่อนจะตักขึ้นไปให้ไอ้วาที่ตอนนี้ยังคงหลับอยู่บนที่นอนด้านบน

"ไปไหนมา"

"กูตักข้าวมาให้"

"เอามาดิ" ไอ้วายื่นมือมารับข้าวไปแล้วนั่งทานอย่างเอร็ดอร่อย ตั้งแต่ไปออกกำลังกายมา ยอมรับเลยว่ามันผอมลงไปเยอะ แถมยังดูดีขึ้นมากอีกด้วย

"วันนี้มีเรียนกี่โมง"

"ไม่มี อาจารย์ไม่อยู่อาทิตย์หนึ่ง"

"ไม่เห็นบอกกู"

"แล้วนี่กูเห่าอยู่หรือไง" ผมล่ะยอมความขี้เถียงของมันจริงๆ แต่ระหว่างที่พูด มันก็ทำหน้าตาน่ารักด้วย ผมถึงไม่เอาเรื่องหรอกนะ

"อย่าจิ้มแก้มกู"

"อร่อยหรือไง กินแบบนี้ แก้มมึงจะแตกเอานะ" ผมบอกแล้วเปลี่ยนจากจิ้มแก้มใสของไอ้วามาเป็นลูบอย่างแผ่วเบา

"ไปดูหนังกันไหมวันนี้"

"มึงไม่มีเรียนเหรอ"

"ไม่เข้าสักคาบคงไม่เป็นไร"

"นิสัยไม่ดี" ไอ้วาว่าแล้วเคี้ยวข้าวต่อตุ้ยๆ

"ตกลงไปไหม" ผมถามอีกครั้ง

"เลี้ยง? "

"กูก็ออกเงินให้ตลอดนั่นแหละ"

"เพราะมึงเลี้ยงนะ กูไปก็ได้" ไอ้วาพูดแล้วยิ้มดีใจออกมา พามาอยู่แต่ที่นี่ ผมกลัวว่ามันจะเบื่อไปซะก่อน จะไม่พามาอยู่ก็ไม่ได้ เพราะกลัวว่าไอ้ไฟจะหาคนใหม่ที่ดีจนทำให้ใจของมันเปลี่ยนไป แบบนั้นผมคงแย่แน่ๆ

"มึงเลิกทำหน้าดุได้ไหม"

"กูก็ทำหน้าปกติ"

"ปกติกับยักษ์กับผีน่ะสิมึงน่ะ" ไอ้วาบ่นว่าผมทำหน้าดุตั้งแต่ที่มันส่งยิ้มให้สาว มีการไล่ผมไปซื้อน้ำแล้วตัวเองจะเลือกที่นั่งเอง คิดว่าผมไม่เห็นไม่ได้ยินหรือไง

"กูคาดโทษมึงไว้แล้วนะ ถ้ามึงยังส่งยิ้มให้ใครอีก มึงเจ็บตัวแน่" ผมพูดขู่

พอผมบอกว่าวันนี้จะพามาดูหนัง ไอ้วาก็บอกให้ผมไปส่งมันที่บ้านเพราะอยากจะเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วดูที่มันแต่งตัวสิ

"ทำไม กูเป็นคนอัธยาศัยดี ยิ้มแย้มไปเรื่อยนั่นแหละ มึงน่ะคิดมาก" ถ้าคิดน้อยกว่านี้ ผู้หญิงพวกนั้นคงเข้ามาขอเบอร์มันแล้วล่ะ

"โอ๊ยย ทำไมชอบดึงแก้มจังวะ" ไอวาร้องบอกแล้วถูแก้มตัวเองเบาๆ ไปตรงที่ผมดึง

"มันเขี้ยว" สั้นๆ เลยครับ หน้านี่เหมือนปลาทองเข้าไปทุกวัน ตาก็โต แก้มก็กลม นี่ผมเลี้ยงด้วยข้าวนะ ไม่ใช่อาหารปลา

"ฮึ่ย เจ็บนะโว้ย ดึงเอาๆ เดี๋ยวกูจะคิดค่าดึง" ไอ้วาบ่นแล้วเดินนำผมไป

"แล้วมึงจะไปไหน"

"ตามมาเถอะ กูจะคิดค่าดึงแก้ม" ไอ้วาว่า ผมได้แต่เดินตามมันไปอย่างเงียบๆ จะว่าไป มันก็ดูดีจนมีหลายคนมองตามเยอะเหมือนกันนะ

"มึงว่าอันไหนสวย"

"แล้วแต่มึงเลย"

"ช่วยเลือกหน่อยสิ เสื้อสีนี้กูชอบนะ แต่สีนี้กูว่ามันเข้ากับกูมากกว่า"

"งั้นก็ตัวนี้ เลือกตัวที่มึงคิดว่าใส่แล้วดูดี"

"แต่กูชอบสีนี้มากกว่า งั้นกูเอาตัวนี้แล้วกัน" พูดเสร็จก็เดินเอาไปให้พนักงาน ก่อนที่จะเดินไปเลือกกางเกงต่อ เดินวนเดินเวียนอยู่พักใหญ่จนผมบอกให้เลือกไปลอง จะได้ง่ายต่อการตัดสินใจ มันถึงเลือกไปได้ 2-3 ตัว

"มึงว่าตัวนี้สั้นไปไหม"

"ยังจะถามอีกหรือไง"

"ขากูไม่ได้ใหญ่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว แถมยังไม่ค่อยถูกแดดอีก งั้นก็ไม่เป็นไรหรอกมั้งเนอะ" พูดเองเออเองแล้วมันก็หายเข้าไปลองตัวอื่นๆ ผมไม่แน่ใจว่ามันถามผมเล่นๆ หรืออยากจะกวนตีนผมกันแน่

"อันนี้หรืออันนี้"

"อันนั้น" พอผมชี้บอก มันก็มักจะเลือกอันตรงข้ามเสมอ ผมถึงกับส่ายหัวเลย พอไม่เลือกก็บ่นว่าผมไม่ช่วย ไม่สนใจ ผมควรจะทำยังไงกับมันดี

"ร้านนี้มีแต่ของน่ารัก" ไอ้วาว่าแล้วเดินไปเลือกดู ผมมองไปรอบๆ จนไปสะดุดที่ชุดๆ หนึ่ง

"อ้วน" ผมเรียกเพื่อให้มันหันมา

"อะไร"

"อันนี้เหมาะกับมึง" ผมบอกแล้วชี้ไปที่ชุดนอนแฟนซี มีฮู้ดรูปหมูด้านบน ถึงสีจะหวานไปสักหน่อย แต่ก็เข้ากับมันดี

"ตลกไหม ไม่เอา! "

"กูซื้อให้ มึงต้องใส่นะ”

"ก็บอกว่าไม่เอา มึงเห็นไหม กูผอมขนาดนี้ ไม่เห็นจะเหมือนหมูตรงไหน" อยู่กับกูเดี๋ยวก็เหมือน เพราะเดี๋ยวผมจะขุนให้มันอ้วนกว่านี้อีกสักนิด ตัวมันนุ่มนิ่มดีจะตาย

"เอาเป็นว่ากูซื้อให้"

"งั้นมึงใส่ตัวนี้ไหมล่ะ ถ้ามึงใส่กูก็ใส่" ไอ้วาชี้ไปที่ชุดกระต่าย ผมเนี่ยนะกับชุดกระต่าย แต่ช่างเถอะ เดี๋ยวมาดูกัน ว่าใครกันแน่จะได้ใส่

"เออก็ได้" ผมตอบรับ ทำเอาไอ้วาหน้าบึ้งเดินหนีไปเลือกเสื้อผ้าตัวอื่นๆ เลย

"พอแล้ว กูให้เข้าอีกร้านเดียวเท่านั้นนะอ้วน" หลังจากเข้าออกไปเกือบๆ 10 ร้าน ของติดไม้ติดมือคือทุกร้านเลย ผมจึงต้องสั่งห้ามไม่ให้มันซื้อเพิ่มจากนี้อีก

"กูยังสนุกอยู่เลย"

"เลือกเอาว่าจะไปอีกหนึ่งร้านหรือจะกลับบ้านตอนนี้" ผมทำหน้าดุ หนังเหนิงคงไม่ต้องดูกันหรอก

"เออก็ได้ งั้นไปร้านนั้น" ไอ้วาบอก มันมองซ้ายมองขวาแล้วชี้ไปที่ร้านขายกระเป๋า ก่อนที่จะพุ่งตรงไป

"มึงว่าอันไหนสวย"

"แล้วแต่มึงเลย"

"มึงก็พูดแต่แบบนี้" แล้วจะให้ผมพูดแบบไหนกัน ในเมื่อมันเลือกแต่ของที่เหมือนกัน จะต่างกันก็เป็นเพียงแค่สีเท่านั้นเอง

"กระเป๋าเงิน กูก็เพิ่งซื้อให้มึงร้านก่อนหน้านี้ มึงยังจะอยากได้อีกเหรอ"

"ไม่เห็นเป็นไรเลย ซื้อไว้ใช่ว่าของมันจะบูดเน่าซะเมื่อไหร่"

"แล้วทำไมไม่ซื้อทีละอันล่ะ เดี๋ยวแบบใหม่มา มึงก็อยากได้อีก"

"อยากได้อีก ก็ซื้ออีก ไม่เห็นยากเลย"

"รู้จักคุณค่าของเงินบ้างก็ดีนะอ้วน ของในมือกูก็แทบจะถือไม่ไหวแล้ว"

"มึงต้องเป็นคนแก่ปลอมตัวมาแน่ๆ ขี้บ่นฉิบหาย"

"งั้นมึงคงจะเป็นโจรมาก่อนสินะ ถึงปล้นกูขนาดนี้" ผมพูดบ่น ทำเอาอีกคนมองแรงใส่เลย จะไม่ให้บ่นก็ไม่ได้ ในเมื่อของที่มันซื้อก็เยอะจนบางถุงแทบจะขาดอยู่แล้ว

"เอาอันนี้ครับ" ไม่ได้ฟังที่ผมว่าเลย พอเลือกได้ก็ส่งกระเป๋าไปให้พนักงาน พร้อมกับแบมือขอบัตรจากผมไปรูด

"คืนนี้มึงโดนแน่อ้วน" ผมพูดเสียงเบาให้เราได้ยินกันสองคน ก่อนจะยื่นบัตรไปให้พนักงาน ยังมีหน้ามาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีก

"ถ้าดึงแก้มกูอีก กูจะไปร้านนั้น" ไอ้วาว่าแล้วชี้ไปที่ร้านฝั่งตรงข้าม ผมเลยอดดึงแก้ม ได้แต่ทำตาดุใส่

"ป่ะ ได้เวลาดูหนังละ" ไอ้วาบอกแล้วเดินไปหยิบถุงที่ผมซื้อให้เกือบครึ่งไปถือเอง ก่อนจะไปหยิบถุงกระเป๋าที่เพิ่งซื้อจากพนักงานก่อนจะส่งบัตรให้ผม

"ขอบคุณครับ ^^" ยิ้มหน้าบานแล้วขอบคุณผม เชื่อมันเลยจริงๆ

"อะไร ให้กูถือเหรอ"

"เปล่า อันนี้ให้มึง"

"ให้กู? "

"เออ เห็นกระเป๋ามึงแล้วสงสารบัตรข้างในว่ะ ใช้มากี่ปีแล้วเนี่ย" ไอ้วาบ่นขณะที่ผมเก็บบัตรเข้ากระเป๋าเงิน จริงๆ ใบนี้ผมก็ใช้มานานแล้วล่ะ เพราะพ่อของผมเป็นคนซื้อให้

"ชอบใช่ไหมล่ะ"

"ดีใจฉิบหาย...ใช้เงินกู เพื่อซื้อของให้กู" ผมบอกแกมประชด

"เอ้า นี่กูเลือกให้นะ"

"ประทับใจสุดๆ " ผมบอกแล้วยื่นมือของไปรับ

"ไม่อยากได้ก็ไม่ต้องเอา"

"อยากได้ครับ อยากได้มากๆ เลย"

"ประชด? "

"อยากได้สิ มึงอุตส่าห์เลือกให้"

"ให้ก็ได้ มึงใจดีซื้อให้กูตั้งเยอะ" หลังจากยื่นให้ ไอ้วาก็หมุนตัวเดินนำไป ยืนยิ้มให้กับกระเป๋าในมือแล้วเดินไปหยิบถุงที่เหลือเดินตามมันไป

"จะกินหมดไหม"

"หมดสิ หิวจะแย่"

"จะคอยดู"

RRRRRR

"ไอ้ไฟโทรมา" ไอ้วามองหน้าจอโทรศัพท์แล้วเงยหน้าขึ้นบอก

"ก็รับสิ"

"เออ...อยู่กับใครที่ไหนแล้วทำไม...เรื่องของกูน่า...ไม่เอา...เชิญฟ้องไปเลย กูก็บอกฟ้องไอ้แม็กเหมือนกัน ว่ามึงพาผู้หญิงเข้าบ้าน...ทำไม นึกว่ากูไม่รู้เหรอ...ไม่ต้องพูดให้กูดีใจ ถ้ามึงจะซื้อให้กู มึงซื้อให้ตั้งนานแล้วไหม...งั้นเออก็ได้ แค่นี้นะ" ไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน เพราะไอ้วาทำหน้าโกรธได้แป๊บเดียว ก่อนจะวางสาย มันกลับยิ้มดีใจซะได้

"มันว่าไง"

"มันบอกให้กูกลับไปนอนบ้าน"

"แล้วมึงจะไป"

"เออสิ"

"ไม่ได้ มึงไปกูจะนอนกับใครล่ะ"

"แล้วแต่มึงสิ ผู้หญิงสวยๆ สักคนที่มาเที่ยวคืนนี้ไง ใครก็ได้แล้วแต่มึงอ่ะ"

"กวนตีนกูละอ้วน เดี๋ยวกูทำจริง มึงจะร้อง"

"อย่าฝัน ร้องไห้ให้กับคนอย่างมึง ครั้งเดียวก็เกินพอ"

"ไม่ให้กลับ จบนะ"

"ไม่ได้ ถ้ามึงไม่ไปส่ง กูกลับแท็กซี่เองนะ"

"บอกข้อเสนอที่ไอ้ไฟให้กับมึงมาสิ" ผมถามอย่างจับผิด ก่อนหน้านี้ไอ้ไฟโทรมาตามตั้งหลายครั้ง ไม่เห็นจะร้องกลับ ทำไมวันนี้มันถึงอยากกลับขนาดนี้วะ

"พ่อซื้อรถคันใหม่ให้กู"

"มันโกหก"

"ไม่โกหกหรอก เพราะมันบอกให้กูโทรไปถามไอ้แม็กถ้ากูไม่เชื่อ แสดงว่ามันไม่โกหกกูแน่ๆ " ผมล่ะกลัวจริงๆ ไอ้ไฟคงมีแผนอะไรแน่ๆ ด้วยความที่เราเป็นเพื่อนสนิทกันมาก ไม่แปลกที่มันจะรู้นิสัยผมดี แถมผมยังเคยทำไอ้วาร้องไห้มาครั้งหนึ่งแล้ว ต่อจากนี้มันจะขัดขวางผมถึงที่สุดก็คงไม่แปลก

"กูซื้อให้ไหม"

"มึงจะบ้าเหรอ รถนะ ไม่ใช่เสื้อผ้า ตัวกูก็มีคนเดียว จะเอารถไว้ใช้ทำไมตั้งสองคัน"

"กูไม่อยากให้มึงกลับเลย"

"นั่นบ้านกูนะ จะไม่ให้กลับเลยก็คงไม่ได้ มึงนี่อาการหนักแล้วนะ ไปหาหมอบ้างก็ดี" นั่นสินะ ผมคงอาการหนักจริงๆ ถึงพออยู่กับมัน จะเถียงกันบ่อย ต้องง้อมันบ้าง แต่ผมกลับสุขใจที่ได้ทำอย่างบอกไม่ถูก

"มึงกลัวใช่ไหมล่ะ" ไอ้วาถาม

"…"

"อย่าว่าแต่มึงเลย กูก็กลัวเหมือนกัน" ไม่ต้องพูด ไม่ต้องอธิบาย เราก็ต่างเข้าใจกันดี ความกลัวที่เราไม่สามารถควบคุมได้

ผมสำนึกผิด ที่เคยปิดบังมันตอนนั้น จนทำให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดขึ้นมา ผมเองเข้าใจมันอย่างดี เพราะเมื่อก่อน ผมขึ้นชื่อเรื่องเจ้าชู้ คงไม่แปลกที่มันจะเข็ดจนหลาบจำ ในเมื่อตอนนั้น มันเชื่อใจผมอย่างสนิทใจ

ผมอยากเห็นแก่ตัว อยากให้มันบอกว่าผมเป็นแฟน ผมอยากให้ใครๆ รู้ จะได้ไม่ยุ่งกับมัน ส่วนตัวไอ้วา มันยังไม่อยากคบกับผม มันไม่อยากใช้คำว่าแฟน มันไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำเก่า ทำให้ความสัมพันธ์ของเรากลายเป็นแบบนี้ ลึกซึ้งแต่ก็ตื้นเขินในเวลาเดียวกัน เป็นความสัมพันธ์ที่เป็นเส้นบางๆ จะขาดเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ว่าผมหรือมัน เราไม่อาจรู้อนาคตได้เลย

หลังจากกินข้าวเสร็จ ผมขับรถไปส่งไอ้วากลับบ้าน เป็นเรื่องจริงที่พ่อซื้อรถให้มัน ผมมองดูอยู่ไกลๆ เห็นถึงความดีใจและท่าทางร่าเริง มันบอกผมแล้วว่าจะโทรมาหา ผมเลยได้แต่ขับรถกลับมาที่ผับ เพื่อดูแลกิจการในส่วนของคืนนี้ต่อ

ด้วยความที่ผับเพิ่งจะเปิดได้ไม่นาน ทำให้อะไรๆ ยังไม่ลงร่องลงรอยมากนัก พนักงานกว่าครึ่งก็ใหม่ทั้งหมด จะมีพนักงานบางส่วนเท่านั้นที่ทำอยู่ผับเก่าแล้วผมขอให้มาช่วยที่นี่ก่อน เพราะเป็นงานอยู่แล้ว

"น้องมึงโทรมา" ไอ้สวยบอก น้องผมที่ก่อนหน้านี้แม่ส่งให้ไปเรียนที่ต่างประเทศ ตอนนี้ย้ายกลับมาอยู่ไทยแล้ว แถมย้ายกลับมาทั้งคู่ด้วย เรื่องการเรียนกับงาน ผมยอมรับเลยว่าทั้งสองคนทำได้ดี ไม่มีปัญหา แต่เรื่องป่วนชาวบ้าน อันนี้ผมก็รับมือยากจริงๆ

เมื่อก่อนที่ผมคบกับด้า น้องของผมทั้งคู่ก็ไม่ชอบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอรู้ว่าเธอทำตัวยังไงกับผมตอนนี้ ทั้งสองคนเลยเล่นแรงเล่นหนักเลย รวมทั้งป่วนไอ้สวยกับแฟนหนุ่มของมันหนักด้วย

"เรื่อง"

"ดาด้า"

"มีอะไรเสียหายมั่งไหม"

"คงจะเป็นจมูกใหม่เธอนั่นแหละ กี้เล่นชกเข้าให้เต็มเบ้าเลย" ไม่แปลกใจเลย

"เออ ก็คงทำอะไรไม่ได้ เพราะบอกไปหลายทีแล้ว ว่าแต่...น้องกูโทรเข้ามาเบอร์ฟลาวเหรอ"

"เออ" นั่นไง ผมว่าแล้ว มีน้องอยู่ 2 คน คนหนึ่งจะเอาไอ้สวย คนหนึ่งจะเอาแฟนมัน ผมล่ะปวดหัวจริงๆ

"อย่าถือสาน้องกูเลย"

"ก็ไม่ได้ว่าอะไร กูเริ่มชินแล้ว"

"ขอโทษแทนน้องกูด้วย แล้วก็ขอบใจมึงกับฟลาว"

"ช่างเถอะ ยังไงก็ทำอะไรไม่ได้ แต่ที่กูจะบอกมึงคือ กี้คุยกับฟลาวเรื่องที่เธอจะไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น"

"ไม่แน่ใจว่ะ แต่เห็นคุยกับแม่ไว้เหมือนกัน"

"แล้วใครจะช่วยงานมึงที่นี่ ไวน์ก็ยังเด็ก"

"กูยังไม่ได้คิด มีเวลาอีกเทอมกว่าๆ ก็ภาวนาให้ที่นี่ไม่มีปัญหาอะไร กูจะได้เทียวไปเทียวมา"

"อืม มีอะไรก็บอก กูลงไปดูข้างล่างก่อน" ไอ้สวยตบบ่าผมเบาๆ ถ้าไม่ได้พวกมันที่ผมสามารถเชื่อใจได้มาช่วย ผมก็คงแย่เหมือนกัน

ผมเดินขึ้นห้องทำงานเพื่อตรวจดูบัญชี จริงๆ ไอ้คิสควรจะมาเพื่อช่วยผมทำงาน แต่ดูเหมือนติดธุระอะไรสักอย่าง ทำให้วันนี้มาช้ากว่าทุกวัน

Thu...Thu...Thu...

นั่งฟังแต่เสียงรอสายมาพักใหญ่แล้ว ปลายสายโทรติดแต่กลับไม่รับ กระวนกระวายร้อนใจอย่างบอกไม่ถูก ไอ้ไฟมันยิ่งชอบดุไอ้วาอยู่ด้วย ไม่รู้ว่าป่านนี้จะทะเลาะกันบ้านเดือดไปแล้วหรือเปล่า

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

"ลิเคียว หิวไหม เดี๋ยวเราเอาอะไรมาให้กิน"

"ขอกาแฟสักแก้วแล้วกัน"

"บ้าเหรอ เดี๋ยวก็นอนไม่หลับหรอก กินข้าวสิ นี่มันดึกมากแล้วนะ"

"งั้นเอาอะไรก็ได้มา"

"โอเค อ่อ คิสมาแล้วนะ ตอนนี้ไปเข้าห้องน้ำ เดี๋ยวคงจะมาที่นี่ อย่าเพิ่งปวดหัวกับตัวเลขไปซะก่อนละ เดี๋ยวเราจะไปเปลี่ยนชุดแล้วเอาข้าวมาให้" เลิฟว่า ยังคงเป็นคนที่ขยันเหมือนเดิมเลย จริงๆ เลิฟไม่ต้องช่วยอะไรผมมากก็ได้ แต่นี่เล่นแต่ตัวเป็นเด็กเสิร์ฟ แถมยังเดินไม่หยุดอีก นี่ถ้าไอ้คิสเห็นนะ มันต้องบ่นทั้งผม ทั้งเลิฟไม่หยุดแน่ ดูแลเลิฟอย่างกับไข่ในหิน จนเลิฟตัวขาวซีดเผือดไปหมด

ผั๊วะ

เปิดการเปิดประตูที่รู้เลยว่าใครเข้ามา ปกติไอ้คิสก็เป็นคนมีมารยาทนะ แต่กับเพื่อนที่สนิท มันก็ทำตัวเข้านอกออกใน ซึ่งผมเองก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่บางทีที่ผมอยู่กับไอ้วา ก็อยากจะให้มันใจเย็นลงหน่อย มันยิ่งชอบแกล้งไอ้วาอยู่ด้วย คำพูดคำจาก็ร้าย ทำเอาผมนั่งไม่ติดหลายต่อหลายครั้งเวลาที่ทั้งคู่เจอกัน

"ไปไหนมา"

"งานเลี้ยง"

"ไหนบอกไม่ชอบ"

"แม่บังคับ"

"ที่ไหน"

"บ้านคุณหญิงอะไรสักอย่างที่กูจำชื่อไม่ได้แล้ว" ไอ้คิสบอกอย่างไม่สนใจ มันแต่ตัวดูดีด้วยชุดออกงานที่เต็มยศ แต่ตอนนี้กระดุมเสื้อสูทถูกปลดออกจนหมด เสื้อด้านในก็ชายหลุดลุ่ย

"พี่ยูล่ะ"

"กลับไปแล้ว ต้องไปดูน้อง"

"อืม จริงๆ มึงไม่ต้องมาก็ได้นะ" ผมบอก เพราะมันคงเดินทางมาไกล คงจะไม่ได้พักแล้วตรงมาที่นี่เลย ขนาดเสื้อผ้า มันยังไม่ได้เปลี่ยนเลย

"ไม่เป็นไร กูมาช่วยมึงได้ แค่นี้เอง ปล่อยให้มึงทำคนเดียว เดี๋ยวตัวเลขก็เคลื่อน" ไอ้คิสบ่น ใช่ว่าผมจะทำผิดบ่อยสักหน่อย มันก็มีบ้าง บางทีที่เราต้องคำนวณตัวเลขเยอะๆ อะนะ

กว่าจะปิดบัญชีได้ก็ปาไปตี 2 กว่า เพราะวันนี้เป็นวันศุกร์ คนเลยมาเที่ยวเยอะ เลิฟที่คอยเช็กสต๊อกสินค้าให้ก็เพิ่งเช็กเสร็จ ก่อนที่ไอ้คิสจะไล่ไปอาบน้ำ ส่วนไอ้สวยกับฟลาวแฟนมัน กลับไปตั้งแต่เที่ยงคืนกว่าๆ แล้ว หลังจากผับปิด

"แฟนมึงล่ะ"

"อยู่บ้าน"

"คิดยังไงปล่อยกลับ เบื่อแล้ว? "

"มึงเบื่อพี่ยูไหมล่ะ" ผมถามกลับ ไอ้คิสเลยกลอกตาใส่ ใช่ว่าผมจะอย่างให้ไอ้วามันกลับซะที่ไหน โทรกลับมายังไม่โทรเลย มีแค่ข้อความที่ส่งมาเฉยๆ เมื่อชั่วโมงที่แล้ว ว่าจะนอนแล้ว

"อ่ะ" ไอ้คิสยื่นซองบุหรี่มาให้

"อะไร แล้วเอามาจากไหน"

"ขโมยพี่ยูมา ลืมเอาไปทิ้ง นี่กูเห็นว่ามึงชอบสูบนะ เอาไปสิ ตายเร็วๆ จะได้ไม่มีเรื่องให้เครียด"

"กูว่ากูจะเลิกสูบแล้ว"

“ทำไม”

“ไอ้วามันไม่ชอบ”

"หยุดทำไม มึงไม่รู้เหรอ ว่าตัวมึงเอง กว่าจะก่อมะเร็งมาได้ขนาดนี้ มันใช้เวลานานแค่ไหน แล้วมึงจะเลิกง่ายๆ แบบนี้ มันสมควรแล้วเหรอ"

"มึงพูดเหมือนกูไม่ควรเลิกเลย"

"กูเคยพูดแบบนั้นเหรอ"

"มึงเคยบอกให้กูเลิก"

"แล้วมึงทำไหม"

"ไม่"

"นั่นไง มึงไม่เลิก เพื่อผู้ชายคนเดียว มึงถึงกับจะเลิกบุหรี่เลยเหรอ ทั้งๆ ที่มึงสูบมานานอะนะ มึงคิดดูนะ ถ้ามึงเลิกสูบ ปากมึงจะไม่ดำ ฟันมึงจะไม่เหลือง กลิ่นตัวมึงจะไม่เหม็น มึงจะไม่เป็นมะเร็งปอด ที่สำคัญ คนรอบๆ ตัวมึงจะไม่ตายก่อนมึงด้วยนะ"

"ที่มึงพูด มันแปลว่ากูควรเลิกไม่ใช่เหรอ"

"กูพูดขนาดนี้ ถ้ามึงยังคิดไม่ได้ มึงก็โง่เกินคนแล้ว จริงๆ ไอ้ลาวามันอาจจะไม่ได้อยากให้มึงเลิกก็ได้นะ เพราะถ้ามึงตายเร็ว มันจะได้ทรัพย์สมบัติ ไหนจะได้หาผัวใหม่ที่ดีกว่ามึงอีก มีแต่ได้กับได้" ผมเกลียดความขี้ประชดของมันจริงๆ

"แต่ก็เอาเถอะ ขอให้มึงจำไว้อย่าง มึงไม่ควรเลิกสิ่งพวกนี้เพื่อใคร มึงควรเลิกเพื่อตัวมึงเอง กูไปนอนก่อนละ" ไอ้คิสพูดอย่างอารมณ์ดี แล้วเดินออกจากห้องไป ผมรู้ที่มันพูดแบบนี้ เพราะว่ามันเป็นห่วง เป็นความหวังดีเล็กๆ จากเพื่อนที่มันมอบให้กับทุกคน


ออฟไลน์ YiiM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ตอนที่ 29


ลาวา พาร์ท

ผมกลับมาบ้านด้วยความรู้สึกตื่นเต้น ผมชอบขับรถและผมกำลังจะมีรถคันแรกเป็นของตัวเอง ไม่ต้องคอยยืมไอ้ไฟ หรือแอบขโมยรถไอ้แม็กไปขับอีก

ไม่รู้ว่าซื้อให้เนื่องในโอกาสอะไร แต่ยังไงก็ดีใจสุดๆ ไปเลย มองดูกุญแจในมือ ก่อนจะกดถ่ายรูปอัปลงไอจี คันนี้เป็นรถรุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน แถมยังเป็นสีที่ผมชอบอีกด้วย คงต้องโทรไปขอบคุณพ่อสักหน่อยแล้ว

"ดีใจใหญ่เลยสินะ"

"แน่สิ มึงก็รู้ว่ากูอยากได้ตั้งนานแล้ว เอารถไปลองขับได้ป่ะ"

"คืนนี้ไม่ต้องออกไปไหนแล้ว อยากลองค่อยลองพรุ่งนี้เอา เดี๋ยวมึงขับออกไป คงไม่กลับเข้าบ้านอีกแน่"

"ทำไม ไม่เจอหน้ากูอาทิตย์เดียว คิดถึงกูหรือไง"

"อย่าพูดเรื่องน่าอ้วกก่อนจะกินข้าวได้ไหม"

"ถ้ามึงตอบว่าคิดถึง กูก็อยากจะอ้วกเหมือนกันนั่นแหละ" ผมตอบแล้วก้มลงมองกุญแจในมืออีกครั้ง

"เดี๋ยวฝนจะมากินข้าวที่บ้านเราด้วย"

"มึงไม่คบกับเขาไปซะเองเลยล่ะ"

"อย่ากวนตีนกูนะไอ้วา เข้าไปอาบน้ำแล้วลงมากินข้าวด้วย"

"กูกินมาแล้ว"

"แค่กินข้าวกับกูกับฝนสักมือ มึงจะเป็นอะไรไหม"

"เออก็ได้" ผมตอบรับ แล้วเดินเข้าห้องตัวเอง กับฝนผมไม่ได้อะไรนะ ไม่ได้รังเกียจ ไม่ได้โกรธ เพียงแต่ไม่อยากให้ความหวังก็เท่านั้นเอง เพราะถ้าผมไม่ได้คิดไปเอง ผมก็พอมองออก ว่าเธอก็ชอบผมอยู่ไม่น้อย

ว่าจะโทรหาไอ้ลิเคียว แต่คิดไปคิดมา มันคงจะทำงานอยู่ ไว้หลังจากกินข้าว ผมค่อยโทรไปหามันก็แล้วกัน ไหนๆ ก็บอกมันไปแล้วว่าจะโทรหาอะนะ

"มานั่งเร็วไอ้วา" ไอ้ไฟที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหารเรียกผม ด้านข้างเป็นฝนที่ส่งยิ้มหวานมาให้อยู่ก่อนแล้ว ผมก็ส่งยิ้มกลับไปด้วย

"มานานแล้วเหรอครับ" ผมว่าผมไม่ได้อาบน้ำนานนะ

"เพิ่งมาค่ะ"

"อ่อครับ" จบประโยคสนทนาเอาไว้สั้นๆ เพราะผมไม่รู้ว่าจะคุยอะไร จะมีแต่ไอ้ไฟนั่นแหละ ที่ชวนคุยตลอดๆ

"ขอบคุณที่มานะครับ ไอ้วามันไม่กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้ว พอบอกว่าฝนจะมา มันถึงกลับมากินข้าวที่บ้านได้" ไอ้ไฟตอแหลหน้าตาย ผมเนี่ยนะทำแบบนั้น

"จริงเหรอคะ แล้วลาวาไปอยู่ที่ไหนมาคะ ถึงไม่กลับมาบ้าน"

"ผมไปค้างบ้านเพื่อนน่ะครับ"

"สงสัยฝนต้องมาทานข้าวที่นี่บ่อยๆ แล้วมั้งครับ ไอ้วาจะได้อยู่ติดบ้านซะบ้าง" ไอ้ไฟยังคงโกหกคำโต ผมไม่ชอบเลยที่มันทำแบบนี้

"ทานเยอะๆ นะคะ วันนี้วาทานน้อยจัง" ฝนบอกแล้วตักกับข้าวมาใส่จานให้ผม

"ขอบคุณครับ" ผมบอกขอบคุณ จริงๆ ก็กินอะไรไม่ลงแล้วล่ะ เพราะยังอิ่มอยู่เลย

RRRRRR

"ขอตัวก่อนนะครับ" เสียงโทรศัพท์ของไอ้ไฟดังขึ้น แล้วมันก็ลุกออกไป ทิ้งความเงียบและอึดอัดไว้ที่ผมและฝน

"ฝนขอถามอะไรวาหน่อยจะได้ไหมคะ"

"ครับ"

"คือตอนนี้วา ไม่ได้คบกับใครอยู่ใช่ไหมคะ" ฝนถามออกมา

"ครับ ผมไม่ได้คบกับใครอยู่" ผมตอบกลับไป กับไอ้ลิเคียว ถึงจะเอากัน ถึงมันจะขอผมเป็นแฟน แต่ผมก็ไม่คิดจะตอบรับมันหรอก ผมไม่ได้หยิ่ง ถึงตอนนี้ผมจะต่างไปจากเดิม หลายๆ คนมองว่าผมดูดีขึ้น แต่จริงๆ ก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปเลย นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกที่ผมผอมลง แต่เชื่อเถอะ ว่าผมไม่ได้ทำเพราะมัน ผมออกกำลังกายเพราะไอ้ไฟบังคับ และเพื่อสุขภาพที่ดีของผม การที่ผมจะทำให้ตัวเองดูดี ผมคงไม่ทำเพื่อใคร ไม่งั้นผมคงลดความอ้วนตั้งนานแล้ว

"ถ้างั้น...ฝนจีบวาได้ใช่ไหมคะ" เธอยิ้มอย่างอ่อนหวาน ถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคงดีใจไม่น้อย และคงตอบตกลงในทันที

"ผมขอตอบตามความจริง ถึงผมจะไม่ได้คบกับใครอยู่ แต่ตรงนี้ของผม มันมีเจ้าของแล้วล่ะครับ" ผมบอกแล้วชี้ไปที่หัวใจตัวเอง

"มีคนที่ชอบแล้วเหรอคะ"

"ครับ"

"เศร้าเลย ฝนชอบวามากนะคะเนี่ย แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณที่ไม่ให้ความหวังแล้วมาหักอกกันนะคะ"

"ครับ คนอย่างฝน ต้องเจอคนที่ดีและรักฝนมากแน่ๆ ครับ"

"ค่ะ ฝนขอให้วาได้คบกับคนที่เป็นเจ้าของหัวใจนี้นะคะ"

"ขอบคุณครับ" ผมจบบทสนทนาด้วยรอยยิ้ม เจ้าของหัวใจนี้เหรอ คบจนเลิกไปแล้ว แต่หัวใจของผมกลับไม่ได้คืนมาด้วย ได้แต่ฝากมันไว้ก่อน ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะถูกย่ำยีอีกครั้ง คนธรรมดาโง่ๆ ที่เจ็บไม่จำอย่างผม ก็คงเหมือนกับคนอื่นทั่วไป ที่รู้ว่ามันนิสัยไม่ดี แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ

หลังจากทานข้าวเสร็จ ผมอาสาไปส่งเธอที่บ้าน ซึ่งไอ้ไฟก็ไม่ขัดอะไร ฝนยังคงยิ้มและหัวเราะตามปกติ เราไม่ได้อึดอัด ถึงแม้ผมจะเพิ่งปฏิเสธเธอไป แถมเธอยังชวนผมไปทานข้าวที่บ้านเธอบ้างในฐานะเพื่อนด้วย

"ขอบคุณที่มาส่งฝนนะคะ ขับรถดีๆ ด้วยล่ะ" ฝนบอกแล้วเดินลงจากรถ ผมได้แต่พยักหน้าและมองเธอเดินเข้าบ้าน ระหว่างทางก็มีสายจากไอ้ลิเคียวโทรมา แต่ผมไม่คิดจะรับ

ผมขับรถไปตามห้องถนน ด้วยความที่ตอนนี้มันก็ดึกพอสมควร ทำให้ทางโล่งยาว แสงไฟและร้านอาหารข้างทาง ยังคงมีเปิดอยู่ ขับช้าบ้าง เร็วบ้าง จนสุดท้าย รถของผมก็มาจอดปลายทางที่ผับใหม่ไอ้ลิเคียว มา...แบบไม่ได้ตั้งใจ มองไฟหน้าประตูและผู้คนที่ทยอยหลั่งไหลออกมา นี่มันก็ได้เวลาปิดแล้วสินะ

นานนับชั่วโมงที่ผมนั่งอยู่ในรถโดยที่ไม่คิดจะเดินลงไป ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามาทำอะไร หรือที่มา มาเพราะอะไร ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วตัดสินใจขับรถกลับบ้าน ก่อนนอนก็ส่งข้อความหามัน เพราะขี้เกียจจะโทรหรือคุยอะไรแล้ว

"ไปไหนมา ทำไมตื่นเช้า มึงไม่มีเรียนไม่ใช่หรือไง"

"ไปวิ่ง นอนไม่หลับ มึงจะสอบสวนอะไรแต่เช้า"

"คุยดีๆ กับกู มึงจะตายหรือไง"

"ก็ไม่ใช่เพราะมึงเหรอ ที่หาเรื่องกูก่อนตลอด"

"ไอ้วา มึงยังเห็นหัวกูอยู่ไหม"

"แล้วเวลามึงทำอะไร พูดอะไร เคยนึกถึงจิตใจกูบ้างไหมล่ะ กูรู้นะ ว่ามึงเป็นห่วง แต่อยู่ในขอบเขตได้ไหม"

"เพราะมึงดื้อแบบนี้ไง ทำอะไรตามใจตัวเอง แล้วสุดท้ายเป็นไง ใครกันที่ร้องไห้จะเป็นจะตายอยู่ในห้องน่ะ" ผมหายใจเข้าลึกสุดปอด มันก็ใช่ที่ผมทำตัวเองทั้งหมด ผมเอาแต่ใจจนไม่สนไม่ฟังใคร พอมีปัญหาอะไร ก็กลับมาพึ่งครอบครัว แต่กับเรื่องความรัก ไม่ใช่ว่าให้ใครก็ได้มาตัดสินใจไม่ใช่เหรอ ถึงผมจะผิดจะพลาด ผมก็ยังยืนยันคำเดิม ชีวิตของผมเอง ความสุขของตัวผม ผมจะเลือกมันด้วยตัวเอง

"กูจะไม่คุยกับมึงเรื่องนี้อีก กูจะคบกับใครหรือเอากับใคร กูจะเลือกเอง" ผมบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแล้วเดินเข้าห้องของตัวเอง ได้ยินเสียงด่าตามหลัง แต่ใครจะไปสนกันล่ะ

"มึงมันโง่" ใช่ ผมโง่ และผมก็เชื่อว่า คนที่มีความรัก มันก็โง่เหมือนกันหมดนั่นแหละ ในเมื่อหัวใจมีรัก ต่อให้คนที่เรามอบใจให้ มันจะเลวแค่ไหน เราก็ยังคงรักอยู่ดี กับไอ้ไฟ ผมรักและเคารพในตัวมัน และอยากให้มันเคารพในการตัดสินใจของผมเหมือนกัน

วันนี้ทั้งวัน ผมหมกตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่ได้ออกไปไหน ไม่ได้ทำอะไร นั่งๆ นอนๆ เล่นเกมบ้าง ฟังเพลงบ้าง ถึงเวลากิน ก็ลงไปกิน แล้วก็ขึ้นมาบนห้อง ไม่ได้ติดต่อใคร และไม่มีใครติดต่อมา

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

"ครับ" ป้าคงจะเอาขนมมาให้ เพราะผมกินข้าวไปได้นิดเดียว

"สบายจังเนอะ ไม่ติดต่อมาเลยนะ" ไอ้ลิเคียวว่าก่อนจะเดินตรงมาทับผมที่นอนคว่ำเล่นอยู่บนเตียง

อั๊ก

"เหี้ย...หนักนะโว้ย" ผมบอก จะผลักมันออกก็ผลักไม่ได้ เล่นทับมาทั้งตัวเลยแม่ง

"ว่างทำไมไม่ไปหา"

"มึงก็ไม่ติดต่อมาเหมือนกันแหละ"

"เมื่อคืนกูนอนดึก ตื่นแล้วก็อาบน้ำมาหามึงเลยเนี่ย"

"ทำอะไรนอนดึก เพื่อนมึงไม่ได้มาช่วยหรือไง"

"มา แต่มาช้า กูต้องรอมันตรวจบัญชีให้ก่อน ถึงจะนอนได้" ให้ตายสิ เชื่อได้แค่ไหนก็ไม่รู้

"ลงไปดิวะ หนัก! "

"ไปหาอะไรกินเป็นเพื่อนกูหน่อยสิ หิวว่ะ"

"กูกินแล้ว"

"อ้วน ไปนะ กูมารับเนี่ย" ไอ้ลิเคียวว่า ก่อนจะจูบมาที่หลังคอผมเบาๆ มือของมันก็ค่อยๆ สอดเข้ามาเพื่อกอดผม

"..." พอเห็นผมเงียบ มันก็ชักเอาใหญ่ จับตรงนั้นตรงนี้ไม่หยุด พรมจูบไปทั่วทั้งแผ่นหลัง

"ถ้าไม่ไปกินกับกู กูจะกินมึงแทนนะ"

"ทำไม เมื่อคืนยังไม่เต็มอิ่มหรือไง"

"อ้วน มึงอย่ารวน มึงอยู่ที่นี่ กูจะไปเอาใคร"

"เพราะกูอยู่ที่นี่ไง เมื่อคืนมึงถึงจะเอาใครก็ได้" ผมบอก

"เวลากูคบใคร กูเอาทีละคน"

"มึงบอกใคร กูกับมึง เราไม่ได้คบกันซะหน่อย" ผมตอบ ไอ้ลิเคียวคงจะโมโหมากพอที่จะทำให้ไหล่ผมเจ็บ เพราะมันกำไหล่ผมแน่น ก่อนจะผ่อนแรงลง แล้วถอนหายใจออกมา

"โอเค กูไม่ได้มาเพื่อทะเลาะกับมึง กูมาเพราะอยากพามึงไปกินข้าวด้วย"

"งั้นก็ลุกสิ" ผมบอกเสียงเรียบ รู้ว่าตัวเองชวนมันทะเลาะ แถมยังไม่ได้สะใจเลยซะนิด พูดไปจิตใจของผมก็แย่ลงไปด้วย

ตอนออกจากบ้าน ผมไม่เจอไอ้ไฟ มันคงออกไปแล้ว ไอ้ลิเคียวเองก็พาผมมากินอาหารตามสั่งง่ายๆ ซึ่งผมเลือกจะสั่งแค่น้ำเปล่า

"ไม่หิวเหรอ"

"กูเพิ่งกินไป"

"อืม แล้วมึงยังออกกำลังกายอยู่เหรอ"

"กูออกบ้าง ทำบ่อยจนกูเริ่มชนละ"

"ไม่ต้องผอมแล้วไม่ได้เหรอ...กูหวงมึงจัง" ความคิดบ้าๆ คำพูดง่ายๆ แต่ก็ทำให้มุมปากของผมยกยิ้มขึ้นมานิดหนึ่ง

"กูออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงเถอะ" ผมบอกแล้วดื่มน้ำตาม ไอ้ลิเคียวเล่นจ้องหน้าผมตาไม่กะพริบ

"เสร็จจากนี่ ไปซื้อของกับกูหน่อยนะ"

"ไปซื้ออะไร"

"ของที่ร้านหมด จริงๆ กูสั่งไปแล้วล่ะ แค่ไปเอาเฉยๆ "

"ก็ไปสิ" ยังไงก็ว่างอยู่แล้ว เสียอย่างเดียว แดดแรงไปหน่อย

หลังจากที่กินข้าวเสร็จ ไอ้ลิเคียวก็พาผมมาที่ห้างขนาดเล็ก ของที่มันสั่ง ถูกจัดเตรียมไว้แล้ว รอแค่ให้มันมาเช็กเท่านั้น ว่าได้ของตามที่สั่งครบหรือเปล่า

"อ่ะ มึงเอาไปเช็ก"

"ขี้ใช้"

"หรือมึงจะยก"

"ก็เอามาสิ" ผมบอกแล้วยื่นมือไปรับรายการ ก่อนจะช่วยมันเช็กของ มีทั้งเหล้า โซดา ไวน์ รวมทั้งน้ำอัดลมต่างๆ

"มึงไม่ให้คนมาช่วยวะ"

"ก็ไม่มีใครว่าง พี่ที่คอยเช็กสต๊อกเขาขอลากลับบ้าน" ไอ้ลิเคียวบอกแล้วยกลังที่ผมเช็กของแล้วขึ้นรถ

RRRRRR

เสียงโทรศัพท์ของไอ้ลิเคียวดังขึ้น มันหยิบขึ้นมาดู เบอร์ที่โชว์หน้าจอเป็นเบอร์จากต่างประเทศ

"เออ…อยากให้กูบอกมันตอนนี้ไหม…อยู่ด้วยกัน…มึงแน่ใจ…เดี๋ยวกูพามันไปเอง มึงก็โทรไปบอกไอ้ไฟเถอะ…เออ เดี๋ยวกูไป"

"อะไร" ผมถาม เพราะไอ้ลิเคียวจ้องหน้าผม

"มึงตั้งใจฟังกูดีๆ นะ" อยู่ๆ ไอ้ลิเคียวก็ทำสีหน้าจริงจัง

"อะไรของมึง" ผมถาม รู้สึกไม่ไว้ใจเลย

"ตอนนี้พ่อของมึงป่วยหนัก พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล"

"..."

"อ้วน เราต้องบินด่วน มึงได้ยินกูไหม" แรงเขย่าตัวไม่ได้ทำให้ผมหามึนงงได้เลย พ่อของผมเนี่ยนะป่วย ทั้งๆ ที่ขาดการติดต่อไปนานขนาดนี้ พ่อจะได้เจอหน้ากัน ต้องมารับรู้ว่าท่านป่วยหนักเนี่ยนะ

หมับ

ไอ้ลิเคียวดึงผมเข้าไปกอด น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมา ตามด้วยแรงสะอื้นที่บ่งบอกว่าผมเสียใจอย่างสุดซึ้ง

"ของที่เหลือเดี๋ยวผมให้คนมาเช็กต่อ ยังไงรบกวนฝากไว้ก่อนนะครับ วา...ไอ้วา"

"หะ"

"ตั้งสติหน่อย กูรู้ว่ามึงกำลังงง" ใช่สิ พ่อของผมแข็งแรงจะตาย แล้วมาบอกว่าป่วยหนักเนี่ยนะ

"ไม่เป็นไร แล้วทุกอย่างจะดีเอง" ไอ้ลิเคียวพูดปลอบ ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ว่าตัวเองเดินขึ้นรถมาตั้งแต่เมื่อไหร่ มือข้างหนึ่งของผม ถูกไอ้ลิเคียวกุมเอาไว้ตลอดทาง คำพูดปลอบโยนของมัน ผ่านเข้ามาในหัวของผมไม่ขาดสาย

น้ำตาที่ไหลนองหน้า ทำให้ผมไม่ได้สนใจเลยว่าเรากำลังเดินทางไปไหน พอถึงจุดมุ่งหมายปลายทาง ผมถึงได้รู้ว่า เรากำลังอยู่ที่สนามบิน

"ไฟ" ผมเรียกอีกคนเสียงอ่อย ก่อนจะเดินเข้าไปกอด มันมาถึงที่นี่ก่อนผมแล้ว ดูเหมือนจะเตรียมอะไรๆ เรียบร้อยแล้วด้วย

"เออ ไม่ต้องร้อง" ไอ้ไฟกอดปลอบผมอยู่นาน เพราะยังไม่ถึงเวลาเครื่องออก

"พ่อเป็นอะไรมากไหม"

"กูไม่รู้" ไอ้ไฟพูดตัดบท ตาที่แดงก่ำของมัน ดูก็รู้ว่า ผ่านการร้องไห้มาเหมือนกัน

"กูฝากมันหน่อย เดี๋ยวกูมา" ไอ้ไฟบอกไอ้ลิเคียวก่อนจะลุกเดินออกไป ผมก็หันไปโผล่เข้ากอดไอ้ลิเคียว

"ไม่เป็นไรนะอ้วน กูอยู่ตรงนี้" คำพูดปลอบโยน อ้อมกอดและมือที่อบอุ่น ถึงผมจะใจร้อนอยากเจอพ่อมาก แต่ก็สามารถทำให้ผมอุ่นใจได้ในระดับหนึ่ง

"กูเป็นห่วงพ่อ"

"กูรู้"

ระหว่างทาง ผมคุยกับไอ้ลิเคียวเพียงเล็กน้อย มันก็นั่งกุมมือผมมาตลอด บางช่วงอารมณ์ที่ผมอยากปล่อยโฮออกมา มันก็ดึงตัวผมเข้าไปกอด ไอ้ไฟที่นั่งข้างๆ มันก็ลูบศีรษะผมด้วย

"เดี๋ยวก็ถึงแล้ว" ใช้เวลากว่าหลายชั่วโมง จนตอนนี้ผมมาถึงโรงพยาบาลแล้ว เดินลงจากรถแล้วมองไปรอบๆ อย่างไม่รู้ทาง ไอ้แม็กยืนรออยู่ด้านหน้า พอมันเห็นพวกผมก็วิ่งเข้ามาหา

"พ่อเป็นไงบ้าง"

"หมอกำลังตรวจอยู่ ยังไม่ออกมาเลย" ไอ้แม็กบอกแล้วเดินนำพวกผมไปหยุดที่หน้าห้องห้องหนึ่ง ซึ่งมีพยาบาลเดินเข้าออกไม่หยุด

"พ่อเป็นอะไร" ผมถามออกไป

"มะเร็ง" คำตอบของไอ้แม็กทำเอาผมเข่าทรุด ไอ้ลิเคียวที่ยืนอยู่ด้วย ก็พยุงผมมานั่งที่เก้าอี้

"แล้วมึงไม่คิดจะบอกกูเลยเหรอ"

"พ่อไม่ให้บอก ท่านไม่อยากให้พวกมึงเป็นห่วง”

“แล้วทำไมต้องมาบอกตอนที่อาการหนักขนาดนี้วะ”

“กูก็เพิ่งรู้ตอนที่กูบินกลับบ้านตอนนั้น คุณหมอโทรมาบอกกู ว่าอยู่ๆ ท่านก็อาการทรุดหนัก แล้วก็เพิ่งตรวจเจอมะเร็ง แต่กูคิดว่าพ่อน่าจะรู้ตั้งนานแล้ว"

"ฮึก...ฮึก..." ผมได้แต่สะอื้นหนักแล้วกอดไอ้ลิเคียวแน่น มันก็กอดปลอบผมเช่นกัน

"อย่าโทษไอ้แม็กเลย การที่มันรับรู้แต่บอกอะไรมึงไม่ได้ มันก็คงลำบากใจไม่น้อยเหมือนกัน" ผมฟังแล้วพยักหน้าตาม เสื้อของมันเต็มไปด้วยน้ำตาของผมที่ไหลออกมาไม่หยุด ผมกอดอีกคนแน่นโดยที่ซุกหน้าไปที่อก ไม่อยากรับรู้ กลัวว่าผลที่ออกมามันจะไม่เป็นอย่างที่ผมจะขอ

...ขอได้ไหม ขอให้พ่ออยู่กับผมไปนานๆ


ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ลิเคียว..ทำตัวให้มันชัดเจนมากกว่านี้ดิว้อยยยยยยยยย
ลาวา จะได้มั่นใจจนยอมคบเป็นแฟนด้วย
โง่หรือบื้อกันแน่ฟ่ะ ลิเคียว

เชียร์อยู่เหมือนกัน
ทำตัวให้ลาวายอมรับให้ได้

รีบเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ YiiM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
ตอนที่ 30

"หมอขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ" หลังจากเวลาผ่านไปเนิ่นนาน แม้แต่คำบอกลา ผมก็ไม่ได้พูดกับพ่อด้วยซ้ำ

"ฮื่ออออ" คุณหมอเดินไปแล้ว เหลือเพียงแต่พวกผมที่ยืนอยู่ เสียงร้องไห้ของผมและคนอื่นๆ แสดงให้รู้ถึงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง

ผมกอดกับไอ้ลิเคียวไม่ปล่อย ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะลุกขึ้นยืน ผมรู้ว่าสักวัน ยังไงเราก็ต้องจากกัน เพียงแต่ไม่คิดว่า วันนั้นจะมาถึงเร็วแบบนี้

"พ่อมึงไปสบายแล้ว" ไอ้ลิเคียวพูดบอก มันก็กอดปลอบผมแน่นเช่นกัน

ใช้เวลานานกว่าพวกผมจะใจเย็นลง พวกผมกลับมาปรึกษากันที่บ้านไอ้แม็ก มันบอกว่าพ่ออยากจะให้ฝังไว้ที่นี่ เพราะยังไงไอ้แม็กก็คงจะอาศัยอยู่ที่นี่ถาวรเลย และคงจะไม่ได้กลับไปอยู่ไทยแล้ว นอกจากกลับไปเที่ยวหรือเยี่ยมที่บ้าน

"แล้วเรื่องเรียนมึงล่ะ"

"กูคงจะกลับไปดร็อปที่นู่น แล้วมาเรียนต่อใหม่ที่นี่พร้อมกับทำงานที่ค้างไว้ต่อ"

"แล้วพวกกูล่ะ"

"กูแล้วแต่มึงนะไอ้วา กูไม่ได้อยู่กับมึงตลอด กูดูแลมึงไม่ได้ แต่กูก็ยังเป็นห่วงมึงที่สุดอยู่ดี ถ้าถามความเห็นกู กูก็อยากให้มึงมาอยู่กับกูที่นี่" ไอ้แม็กบอก ไอ้ลิเคียวที่นั่งข้างๆ ผม มันไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่จับมือผมไว้แน่น

"ส่วนไอ้ไฟ ถ้ามึงเรียนจบ มึงจะเรียนต่อหรือทำงาน มึงบอกกูทีหลังก็ได้" ไอ้แม็กหันไปพูดกับไอ้ไฟ

"เรื่องเรียน มึงจะกลับพร้อมพวกกูหรือจะตามไปทีหลัง" เพราะถ้าจบเรื่องพ่อ พวกผมก็คงกลับกันเลย

"กลับพร้อมกัน กูจะพาแฟนกูไปด้วย เดี๋ยวพรุ่งนี้กูจะแนะนำให้รู้จักอีกที"

"อืม"

"ไอ้วา มึงจะกลับไปคิดก่อนก็ได้ แล้วค่อยมาบอกกู"

"กูจะอยู่ไทย" ผมบอกออกไป

"มึงแน่ใจ เพราะถ้าไอ้ไฟเรียนจบ ถึงมันจะไม่อยู่ที่นี่ แต่มันต้องบินไป-มา เพื่อช่วยงานกูบ้าง" ไอ้แม็กถามเสียงเข้ม ผมเริ่มลังเล ผมอยากอยู่ไทย เพราะยังไงมันก็เป็นที่ที่ผมเกิดมา ง่ายต่อการสื่อสารและชีวิตประจำวัน ผมกลัวที่ต้องมาอยู่ต่างประเทศ ต้องปรับเปลี่ยนอะไรอีกมาก ซึ่งผมไม่พร้อมกับเรื่องแบบนี้จริงๆ มองหน้าไอ้ลิเคียว มันก็ไม่ได้พูดอะไรแม้แต่นิด นอกจากมือมันที่กุมมือผมไว้ไม่ปล่อย

"ฮึก...ฮึก..." อยู่ๆ น้ำตาของผมก็ไหล แรงสะอื้นเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผมควรทำยังไง ผมอยากอยู่ไทย ผมอยากอยู่กับไอ้ลิเคียว แต่ผมก็อยากจะอยู่กับไอ้แม็ก ไอ้ไฟด้วย มันเป็นครอบครัวของผม พวกเราเกิดมาแทบจะเรียกได้ว่าพร้อมกัน โตมาด้วยกัน เรียนมาด้วยกัน ไปที่ไหนก็ด้วยกันตลอด ถึงจะมีช่วงหลังๆ ที่เราต่างคนต่างเรียน เราอาจจะมีห่างกันบ้าง แต่เราก็คุยและปรึกษากันตลอดเวลา แล้วถ้าเกิดว่า ต้องห่างกันแบบจริงจัง ผมควรจะทำยังไงดี

ผมนั่งเงียบ มีความคิดมากมายเข้ามาในหัว ผมกลัวการที่ต้องอยู่ห่างจากพวกมันนานๆ เป็นความรู้สึกกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจ ผมเคยได้รับความรัก การใส่ใจ การดูแล คำแนะนำ แล้วถ้าเราต้องห่างกันขนาดนี้ ผมกลัวว่ามันจะลืมผมไป ผมได้แต่สับสน จนไอ้แม็กที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เดินมาถึงข้างๆ ผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มันไม่ได้มองหน้าผม เพียงแต่ลูบศีรษะของผมก็เท่านั้น ผมเลยเอนหน้าไปซบที่หน้าท้องของมัน

"ลาวา มึงฟังกูนะ มึงน่ะโตแล้ว พวกกูก็ด้วย กูรู้ว่ามันยาก ถ้าต้องตัดสินใจในเรื่องนี้ แต่มึงต้องใช้ชีวิตของตัวเอง มึงต้องเลือกทางเดินที่มึงคิดว่ามันดีกับตัวมึง พวกกูชี้แนะมึงมามากพอแล้ว หลังจากนี้ ถ้ามึงล้ม มึงต้องลุกขึ้นเอง ถ้ามึงเป็นแผล มึงต้องหายาใส่เอง ถ้ามึงป่วย มึงต้องไปหาหมอเองได้แล้ว"

"ฮึก...ฮื่อออ" ผมหันไปกอดไอ้แม็กเต็มแรง ยิ่งมันพูดออกมา ผมก็ยิ่งกลัว

"พวกกูไม่มีใครทิ้งมึงนะ ถ้ามึงเจ็บ มึงบอกกูได้ ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจ มึงก็แค่โทรหากู มึงสามารถบินมาหากูได้ตลอด มึงอยากจะมาอยู่กับกูตอนไหนก็ได้ ยังไงเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องเกรงใจ สำหรับกู การที่มีมึงเป็นครอบครัว เป็นน้องที่เกิดทีหลังเพียงไม่ถึงนาที มันเป็นสิ่งที่ดี กูชอบที่ได้ดูแลมึง กูดีใจที่เห็นมึงโตมาได้แบบนี้ กูภูมิใจในตัวมึงเสมอ ถึงแม้มึงจะบอกว่าตัวเองไม่ฉลาด มึงมีดีอยู่ในตัว อย่าเอาแต่คิดมาก หลังจากนี้ ถึงเราจะอยู่ห่างกัน มันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพียงแค่กูไม่ได้ดูแลมึงได้อย่างเมื่อก่อนแล้วก็เท่านั้น แต่กูจะเฝ้ามองมึงอยู่ที่นี่ จำเอาไว้"

"กูอยากอยู่กับพวกมึง"

"กูรู้...แล้วจะมาไหมล่ะ" ไอ้แม็กถาม ถึงผมจะพูดไปแบบนั้น แต่คำตอบของผมคือการส่ายหน้า

"ไม่เป็นไร อยู่ที่ไทยก็ได้" ไอ้แม็กบอก มันยิ้มให้ผมแล้วลูบแก้มผมเบาๆ จนผมหายสะอื้น ก่อนที่จะเดินไปหาไอ้ลิเคียว

"มึง" ไอ้แม็กเรียกแค่นั้น ไอ้ลิเคียวก็ลุกขึ้น ก่อนจะโดนต่อยเข้าให้เต็มแรง

ผัวะ

"ไอ้แม็ก! " ผมร้องออกมาอย่างตกใจ ไม่แม้แต่จะพูดอะไรแม่งก็ต่อยไอ้ลิเคียวหน้าหันแล้ว เลือดออกเลยด้วย

"กูบอกมึงแล้ว อย่าเอาไอ้วา แต่มึงก็ไม่ฟังกู" ไอ้แม็กชี้หน้าไอ้ลิเคียว ดูเหมือนกับว่ามันจะไม่พอใจเอามากๆ แต่จะให้โทษไอ้ลิเคียวคนเดียวก็ไม่ได้ ในเมื่อตัวผมเองก็ไม่รักดีเหมือนกัน

ไอ้แม็กคงจะโมโหพอตัว เพราะตัวมันสั่นอย่างเห็นได้ชัด มันจ้องหน้าไอ้ลิเคียวอยู่นาน จนสุดท้ายมันก็ถอนหายใจออกมา

"กูฝากมันด้วย" ไอ้แม็กพูดแค่นั้น ก่อนที่จะเดินหันหลังเข้าไปในห้อง ไอ้ไฟที่เห็นแบบนั้น ก็เดินตามไป

"เจ็บไหม"

"อืม"

"ปากมึงบวม"

"ช่างเถอะ อย่างน้อยกูก็ได้มึงมา" เพราะคำพูดแบบนี้ไง ผมถึงยังตัวติดกับมันอยู่แบบนี้

"แล้วถ้าเกิดกูเลือกที่จะอยู่ที่นี่ล่ะ" ผมเชิดหน้าถาม

"ถ้าตอบตามใจมึง กูก็คงจะบอกว่า กูจะตามมึงมาอยู่ที่นี่ด้วย แต่ถ้าตอบตามจริง กูมีงานต้องทำ มีอะไรที่ต้องรับผิดชอบ มึงก็เห็น ว่าทุกวันนี้ กูยุ่งแค่ไหน น้องกูแต่ละคนก็ยังเด็ก"

"ช่างเถอะ กูเข้าใจมึง" ผมบอกแล้วนั่งดูแผลให้มัน คงจะเต็มแรงเลยสินะ ถึงได้บวมเร็วขนาดนี้ ยอมรับว่าไอ้ลิเคียวเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ผมอยากอยู่ไทย แต่ก็ไม่ใช่ที่สุด ผมบอกแล้วว่าไม่อยากปรับตัว เพราะนี่คือสิ่งที่ยากสำหรับผม รู้สึกขอบคุณไอ้แม็กที่เข้าใจ ดูเหมือนไอ้ไฟก็ไม่ได้แย้งอะไร โดยส่วนตัว ไอ้ไฟมันไม่ได้เกลียดไอ้ลิเคียวขนาดนั้น เพียงแต่เพราะรู้สันดานกันมาก ทำให้ยอมรับได้ยาก ถ้าผมยังคงดื้อด้านที่จะคบ ก็คงจะมีแต่เรื่องปวดหัวในอนาคตล่ะนะ



ปิดเทอม

ดูเหมือนเวลาจะผ่านไปไว้เหมือนกัน ผมยังคงคิดถึงพ่ออยู่ทุกวัน ถึงท่านจะจากไปแล้ว แต่ความรู้สึกของผม ยังคงเหมือนท่านอยู่ข้างๆ ไม่ห่าง

ไอ้แม็กดร็อปเรียนจากที่นี่และไปเรียนต่อที่นู่นแล้ว นานๆ มันถึงจะโทรมาหาผมที ส่วนไอ้ไฟ มันยังคงอยู่กับผม และทำงานหน้าจอคอม เพื่อส่งให้ไอ้แม็ก นานๆ ทีก็บินไปบ้าง ผมก็บินไปด้วย แต่ไม่ค่อยได้ไปช่วยงานพวกมันเท่าไหร่หรอก ไปทีก็ช่วยงานทางฝ่ายแฟนไอ้แม็กซะมากกว่า

ณ ตอนนี้ ผมยังคงอยู่กับไอ้ลิเคียว เทียวไปเทียวมาบ้านมันบ้าง บ้านผมบ้าง ผมตามใจมัน เพราะมันก็ตามใจผมอยู่มาก เว้นก็แต่ เรื่องที่มันขอผมคบล่ะนะ ผมอาจจะบ้าเองก็ได้ เพราะผมรู้สึกว่า สถานะตอนนี้ก็ไม่ได้แย่อะไร ไม่ใช่โสด ไม่ใช่ไม่มีใคร แต่ก็ไม่มีแฟน ถ้าเกิดไอ้ลิเคียวแอบไปมีใครใหม่ ผมก็คงเสียใจไม่แพ้ตอนแรก ผมเบื่อที่จะฟังคำขอโทษของมัน ผมกลัวที่จะบอกเลิกออกไป ผมคงจะทำใจไม่ได้ ถ้าต้องเลิกๆ คบๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า สู้อยู่ไปแบบนี้แหละ คงจะดีกว่า ไม่ต้องคบ ไม่ต้องเลิก เสียใจมากๆ ผมจะหายไปของผมเอง

"อ้วน"

"อะไร"

"ออกไปหาอะไรกินกันไหม"

"ไม่เอา กูกินไปเยอะแล้ว"

"บิงชูไง ของหวานที่มึงชอบ ไม่เอาเหรอ" ไม่พูดเปล่า พลิกโทรศัพท์ในมือมันขึ้นมาให้ดูรูปด้วย ตอนนี้มันนอนหนุนตักผมอยู่

"มึงชอบยัดเยียดความอ้วนมาให้กู"

"ก็กูชอบอ่ะ มึงอ้วนแล้วนุ่มนิ่มดี"

"นุ่มเหี้ยไร กูจะไม่ปล่อยตัวให้อ้วนอีกแล้ว" ผมบอก เพราะทุกวันนี้ ผมยังคงออกกำลังกายอยู่

"มึงดูดี เดี๋ยวก็มีคนมาชอบ"

"มาชอบก็ดีกว่ามาเกลียด มึงจะคิดอะไรมาก คนชอบมึงตั้งเยอะตั้งแยะ กูยังไม่คิดเลย"

"คบก็ไม่คบ หึงก็ไม่หึง กูกลัวนะอ้วน"

"มึงจะกลัวอะไร"

"มึงก็รู้ว่ากูกลัวอะไร"

"กูอยู่กับมึงขนาดนี้ มึงยังจะกลัวอะไรอีก ถ้าจะไป กูไปตั้งนานแล้ว"

"ใจคนมันเปลี่ยนตลอดนั่นแหละ" ไอ้ลิเคียวบอก พลิกตัวเพื่อหันหน้ามาจุ๊บที่หน้าท้องของผม ก่อนจะถูหน้าไปมา

"มึงบอกตัวเองเถอะ แล้วก็เลิกทำตามคำแนะนำของเพื่อนมึงได้แล้ว กูขนลุก" ผมบอก เพราะมันชอบทำตามคำแนะนำของเพื่อนๆ มัน ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบนะ ใจของผมเต้นแรงทุกครั้งที่มันทำ เพียงแต่ไม่คุ้นชินก็เท่านั้น

"ไอ้สวยบอกว่ามึงจะชอบ"

"แล้วกูเคยพูดไหม"

"ไม่ แต่ใจมึงก็เต้นแรง" คงจะแรงจนอีกคนรับรู้สินะ ผมลูบศีรษะมันเล่น ด้วยความที่ปิดเทอมแล้ว น้องๆ ของมันเลยว่างมาช่วยงาน แถมร้านใหม่ก็เข้าที่เข้าทางแล้ว อะไรๆ ก็เลยง่ายขึ้น แถมยังมีเวลาว่างมากขึ้นด้วย

"มึง"

"อะไร"

"ไปเที่ยวกันไหม" ผมชวน

"อยากไปไหนล่ะ"

"ก็...ไปไหนก็ได้ แบบเที่ยวกันหลายๆ คนอ่ะ เพื่อนมึงด้วยก็ดีนะ หลายๆ คนสนุกดี เสียดายเพื่อนกูแม่งไม่ว่างสักคน"

"เอาสิ มึงก็เลือกมาแล้วกัน ว่าจะไปเที่ยวไหน แล้วเดี๋ยวกูจะไปถามพวกมันให้ แล้วค่อยแพลนวัน"

"เย้ ดีใจจัง"

"มีความสุขไหม" อยู่ๆ ไอ้ลิเคียวก็ถาม

"อะไรของมึง"

"ก็แค่อยากได้ยิน ว่ามึงมีความสุขที่ได้อยู่กับกู กูอาจจะชอบบังคับมึง พาไปนู่นไปนี่ แต่กูก็พยายามแล้วนะ กูตามใจมึงเยอะขึ้น เพราะกลัวมึงจะเบื่อ กูมีหลายสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ กูกลัวว่ามึงจะรำคาญ" ไอ้ลิเคียวพูดแล้วก็เงียบไป

"มึงอย่าคิดมาก กูยังมีความสุขดี ถ้าไม่ชอบอะไร เดี๋ยวกูก็โวยวายเองแหละ"

"จริงๆ เหรอ"

"เออ"

"รักมึงนะอ้วน"

"..."

"เหนื่อยจัง ขอนอนก่อนนะ เดี๋ยวพาไปกินบิงชู" เหนื่อยจริงหรือน้อยใจที่ผมไม่พูดกลับไปกันนะ เล่นซุกหน้าจนผมมองไม่เห็นสีหน้าหล่อๆ ของมันเลย หรือกำลังทำหน้าบึ้งอยู่กันแน่

"รักมึงเหมือนกัน" ผมบอกกลับไป และมันก็คงได้ยิน เล่นกอดรัดผมแน่นขนาดนี้

"อ้วน"

"อะไร"

"ทำกัน"

"ทำเหี้ยไร ไม่เอา" ผมบอกแล้วพยายามแกะมือปลาหมึกของมันออก

"ดีใจอ่ะ" ไม่ต้องบอกก็รู้ มันเล่นยิ้มหน้าบานขนาดนี้

"เออ ฮ่าๆ ไม่ให้ทำนะโว้ย" ไอ้ลิเคียวเล่นจั๊กจี้ที่เอวของผม จะไม่ให้หัวเราะก็ไม่ได้แม่งจั๊กจี้ฉิบหาย

"ก็อยาก"

"ไม่เอา มันเจ็บ ฮ่าๆ พอแล้วไอ้ลิเคียว" มันเล่นจี้จนผมแทบจะดิ้นลงไปนั่งกับพื้น เผลอแป๊บเดียวมันก็ขึ้นคร่อมผมละ

จุ๊บ

"เดี๋ยวก็เลยเถิด"

"ไม่ทำแล้ว"

"เชื่อได้เหรอ"

"อืม เดี๋ยวค่อยทำคืนนี้"

"ใครจะให้มึงทำกันเล่า"

"เดี๋ยวก็รู้"

"มึงมันหื่น"

"มึงมันน่ามันเขี้ยว"

"ไอ้บ้า" ผมว่ามัน ยิ้มจนหน้าบานเชียว

จุ๊บ

"พอยัง"

"ยังไม่พอ"

"พอแล้ว ไปกินบิงชูกัน"

"ไหนว่าไม่อยาก"

"อยากแล้ว"

"อยากแล้วงั้นทำนะ"

"ชอบหาว่ากูรวน มึงนั่นแหละ มึนฉิบหาย"

"ฮ่าๆ ๆ โอเคไม่ทำ งั้นก็ลุก" ไอ้ลิเคียวบอก ก่อนที่มันจะเป็นฝ่ายลุกขึ้นก่อน แล้วค่อยฉุดมือผมให้ลุกขึ้นตามด้วย

"วันนี้มาแปลก แต่ไม่ทำก็ดี"

"ตามใจมึงไง เพราะรักนะเนี่ย จุ๊บ"

"อย่ากินแก้มกู"

"มึงชอบทำให้กูมันเขี้ยวตลอดเลย"

"มึงรู้สึกไปเองเถอะ" ผมบอกแล้วยู่หน้าใส่ ทุกวันนี้ มันแทบจะกินแก้มผมไปอยู่แล้ว

"รักมึงจัง ทำยังไงให้มึงมีความสุขทุกวันดี"

"กูก็มีความสุขดีอยู่ทุกวัน มึงไม่ต้องทำอะไรหรอกน่า เป็นของมึงแบบนี้แหละ"

"จริงนะ"

"งั้นจับมือ" ผมบอกแล้วยืนมือออกไปหา

"แค่นี้"

"อืม แค่นี้ก็พอแล้ว" ผมบอกแล้วใช้อีกมือกอดมันไว้ ไม่ต้องมากกว่านี้ ณ จุดๆ นี้ ผมก็มีความสุขและพอใจแล้ว อาจจะมีบางช่วงที่เศร้าบ้าง มีความสุขบ้าง เสียใจบ้าง ร้องไห้บ้าง แต่นั่นก็เป็นสีสันของชีวิตคนเรา ขอแค่มันอยู่ข้างๆ ผม ไม่ไปไหน ก็ไม่มีอะไรสุขใจไปมากกว่านี้

ความรักของผม เกิดขึ้นและจบลงแบบเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า อาจเพราะเหตุผลที่แม่งโคตรจะไม่สมเหตุสมผลเลยก็ว่าได้ ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ มันก็ควบคู่มาด้วยความอยากทั้งนั้น อยากหล่อ อยากสวย อยากรวย อยากเก่ง ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เคยอยากมีแฟนสวยๆ จนสุดท้ายก็ถูกบอกเลิกเพราะเรื่องเดิมๆ ผมรู้ตัว ถ้าไม่ใช่เพราะว่าผมรวย คนอ้วนๆอย่างผม จะมีใครมาสนมาแล และผมก็รู้ด้วยว่าในโลกนี้มีคนที่รักกันด้วยใจ เพียงแต่เราก็ต้องเข้าใจ ว่าเราอาจจะไม่ได้เจอคนแบบนั้นในทันที บางคนอาจอยู่คนละซีกโลก บางคนอาจอยู่ใกล้ตัวจนเรามองผ่าน ดูอย่างผมสิ กับไอ้ลิเคียวเนี่ยนะ ถ้าเป็นเมื่อก่อน อย่าว่าแต่ให้คิดสภาพเลย แค่มองหน้าของมัน ผมก็จะอ้วกแล้ว ไม่เหมือนกับตอนนี้ ยอมรับว่าหน้าหล่อๆของมัน มีผลกับจิตใจของผมมากจริงๆ ก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าต่อไปจะเป็นยังไง ถ้าทะเลาะกัน ใครจะเป็นฝ่ายยอม ถ้ามีเรื่องไม่สบายใจ ใครจะเป็นฝ่ายง้อ อาจจะเป็นมัน หรืออาจจะเป็นผมก็ได้ เราไม่สามารถคาดการได้เลย

"ลิเคียว"

"อะไร"

"รักกูมากไหม"

"มากๆ"

"มากแค่ไหน"

"ถ้ากูบอกว่าไม่รู้ มึงจะโกรธกูไหม"

"..."

"เพราะมันมากจนกูไม่สามารถวัดหรือเอาอะไรมาเทียบเท่าได้ มันอาจจะยากที่จะทำให้มึงเชื่อกูอย่างสนิทใจ แต่กูจะทำให้มึงรู้สึกให้ได้ ว่ากูรักมึงมากๆ...มากจนรู้สึกว่า รักกว่านี้ ไม่มีแล้ว" คนตอบของมัน สีหน้าที่จริงจัง ชอบจัง ผู้ชายแบบมันพูดแบบนี้แล้วโคตรมีเสน่ห์เลย

ก้มลงมองมือของเราที่จับประสานกันไว้ ยิ้มให้กับการเริ่มต้นใหม่ ค่อยๆรัก ค่อยๆเรียนรู้ ไม่ว่าอุปสรรคอะไรในอนาคต ขอเพียงมันไม่ปล่อยมือผม ผมก็จะไม่ปล่อยมือมันเช่นกัน...



จบแล้วจ้าาา ขอบคุณที่ติดตามมาจนถึงบรรทัดนี้...ขอบคุณที่เอ็นดูเด็กอ้วนของยิ้ม 

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
รักกันนานๆนะ

ออฟไลน์ Noonnaja

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 43
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

ออฟไลน์ cutelady

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
อ่านจบทั้ง 2 เรื่อง
คู่ลิเคียว+ลาวา และ คู่ชุน+มาวิน  นารักทั้งสองคู่เลย

ดีต่อใจ..รักนะ..จุ๊บๆ

ขอบคุณนักเขียน  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ allmysecret

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 85
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
น่ารักดีค่ะ

ออฟไลน์ บีเวอร์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด