ตอนที่ 19
วันนี้เป็นวันที่ไอ้ลิเคียวจะพาผมและเพื่อนๆ ไปเที่ยว มันบอกว่าจองที่พักเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เป็นที่พักที่ใกล้ๆ กับน้ำตกที่เราจะไปเล่นนั่นแหละ
เพื่อนๆ นัดรวมตัวกันที่บ้านของผม ซึ่งตอนนี้ก็มากันครบแล้ว เราจะเอารถกันไป 2 คัน จากตอนแรกที่ผมจะนั่งไปกับไอ้วินและไอ้ชุนแฟนของมัน จำเป็นต้องเปลี่ยน เพราะไอ้สวยจะตีกับจีตายก่อนถึงที่พักแน่ๆ
รถคันแรกจึงเป็นผมที่นั่งที่คนขับ และไอ้ลิเคียวนั่งข้างๆ ถึงรถจะเป็นรถไอ้ลิเคียวก็เถอะ แต่ผมอยากจะขับมากกว่าและมันก็ตามใจผมด้วย ด้านหลังเป็นไอ้ธันและจีทำนั่งหน้าบึ้งสุดฤทธิ์ ส่วนรถคันที่สองไอ้ชุนแฟนไอ้วินเป็นคนขับ เพราะเอารถของมันไปเอง นี่ถ้าไม่ติดเรื่องจีกับไอ้สวยนะ รถคันนั้นผมคงได้ขับแล้ว คนเหี้ยไรวะ มีแต่รถเจ๋งๆ ขับตลอดเลย แถมยังเปลี่ยนไปเรื่อยอีกต่างหาก
"เมื่อเช้ากินอะไรหรือยัง"
"ยังอ่ะ" ผมบอกออกไป เพราะมัวแต่ยุ่งๆ กับการเก็บของอยู่ ผมเลยไม่ได้ลงมาทานข้าวเลย แต่ก็ไม่ค่อยกินเป็นปกติอยู่แล้ว ดูเหมือนเดี๋ยวนี้ไอ้ไฟจะไม่ค่อยมาอะไรกับผมมากเหมือนก่อนหน้านี้แล้วด้วย อยากรู้นะ ว่าไอ้ลิเคียวมันไปคุยอะไรกับไอ้ไฟ หรือว่าจริงๆ แล้ว ไอ้ไฟจะรู้สึกผิดกับผมกันแน่ มันถึงหายเงียบไปแบบนี้ ไม่มาบ่น ไม่ว่า ไม่วุ่นวาย มันเหมือนอยากจะคุยกับผมนะ แต่ผมไม่เปิดโอกาส เอาจริงๆ ผมโคตรเสียความรู้สึกกับไอ้ไฟมันมากๆ เลย ผมถึงยังไม่อยากคุยกับมันตอนนี้
"กูซื้อน้ำเต้าหู้มาสองถุง มึงก็แบ่งกับเพื่อนเอาแล้วกัน"
"มึงกินแล้วเหรอ"
"เออ เมื่อเช้าไอ้คิสทำกับข้าว" ไอ้ลิเคียวพูดออกมา ซึ่งมันเป็นเหมือนประโยคธรรมดาทั่วไป แต่สำหรับผม มันไม่ใช่ ผมรู้มาว่าคนที่ชื่อคิสคือคนรักเก่าของมัน ซึ่งตอนนี้คือเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ผมยังรู้มาว่าคนที่ชื่อคิสมีคนที่รักอยู่แล้วด้วย แต่นั่น ก็เป็นเพียงสิ่งที่รู้มา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนและเมื่อเช้า ผมไม่อาจรับรู้ได้เลย
"ทำไมคิสถึงทำกับข้าวไว้ให้มึงได้ล่ะ" ผมไม่ใช่คนดีที่จะเก็บความสงสัยของตัวเองเอาไว้แล้วระเบิดออกมาทีเดียว ผมเป็นคนขี้สงสัย และถ้าผมต้องการที่จะรู้ มันก็ต้องอธิบาย
"ไอ้เหี้ยวา ขับช้าดี จีกลัวนะโว้ย" เสียงโวยดังมาจากข้างหลัง ทำเอาสติของผมกลับมาเลย นี่ผมเหยียดคันเร่งขนาดนี้เลยเหรอ ดีนะที่ไม่จนใครเข้าสักคัน
"ขอโทษที" ผมบอกจีแล้วลดความเร็วลง มือที่บีบพวงมาลัยแน่นก็คลายออกด้วย
"ขับดีๆ " เสียงไอ้ลิเคียวบอกออกมา แต่สิ่งที่ผมอยากได้ยินไม่ใช่ประโยคนี้ ผมอยากได้ยินคำตอบที่ผมถามมันไปมากกว่า
"จิ๊"
"เมื่อคืนไอ้คิสมันมาทำบัญชีให้กู กูเลยให้มันนอนที่ร้านเลย"
"แล้วมึงไปนอนไหน! " ผมถามมันอย่างหาเรื่อง
"พูดดีๆ สิ" ยิ่งมันตอบผมช้า ผมก็ยิ่งหงุดหงิด ถึงจะบอกว่าเป็นแค่เพื่อน แต่ก็คงไม่มีแฟนใหม่คนไหนชอบให้แฟนของตัวเองอยู่กับแฟนคนเก่าหรอก ผมไม่ชอบและกำลังไม่พอใจอย่างมาก
"มึงก็ตอบกูมาสิ"
"อย่าหาเรื่องได้ไหม"
"กูหาเรื่องอะไร มึงก็แค่ตอบกูมาเนี่ย"
"เฮ้ย กูก็กลับไปนอนบ้านน่ะสิ" ไอ้ลิเคียวถอนหายใจออกมาก่อนที่จะตอบ
"มึงก็ตอบกูมาแค่เนี้ย! " ผมตะคอกมันกลับไป ดูเหมือนคนบ้าอยู่คนเดียวเลย แต่ไม่สนหรอก ก็คนมันสงสัยนิ นี่ก็ยังโมโหอยู่นะ ยิ่งตอนที่เห็นมันถอนหายใจนะ เหมือนกับมันรำคาญที่จะตอบผมเลย
ผมยังคงขับรถต่อไป ไม่มีการพูดคุยอะไรกันทั้งนั้น จนกระทั่งถึงโรงแรมที่จองเอาไว้เลย ไอ้ลิเคียวเป็นคนเดินไปเช็กอินห้องพัก ส่วนที่เหลือก็ขนของลงจากรถ ไม่นานไอ้ลิเคียวก็ถือกุญแจมา มีทั้งหมด 2 ห้องใหญ่ ผมยังไม่เห็นห้องด้านใน เลยยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะนอนห้องไหนกันดี
"กูถือให้"
"ไม่ต้อง กูถือเองได้"
"ตามใจ" เออแม่ง ดีฉิบหาย ผมไม่เคยอยากจะกระโดดเตะก้านคอใครเลยจนถึงตอนนี้ ไอ้เหี้ยลิเคียวแม่งเป็นคนแรกเลยเนี่ย
"เป็นอะไร" ไอ้วินเดินมาถามผม
"นั่นดิพี่ ทำหน้าเหมือนผัวไม่รักเลย"
"พอดีกูกำลังอยากให้เพื่อนเลิกกับผัวเด็กของมันอยู่ เลยหน้าเครียดนิดหน่อย" ผมตอบกลับไอ้ชุนไป จนมันหน้าเหวอเลย ผมไม่ได้เกลียดมัน ไม่ได้ถือสาอะไรที่มันพูดแบบนี้ด้วย แค่อยากจะกวนตีนมันกลับไปก็เท่านั้นเอง
"โหพี่ แรงอ่ะ แค่นี้เพื่อนพี่ก็รักผมน้อยอยู่แล้ว ถ้าพี่ยุเนี่ย เขาเลิกกับผมจริงจังแน่" ไอ้ชุนบอกแล้วเดินมาคล้องแขนไอ้วินไว้ ท่าทางหน้าตาของมันก็แลดูเด็กอยู่นะ แต่รอยสักกับความสูงของมันเนี่ย ทำให้มันดูเหมือนเด็กโข่งมากกว่า
"กวนมันทำไม"
"ก็ไม่อยากให้พี่วาเครียดนิครับ"
"อย่ากวนมัน"
"โอเค" ทำไมพวกมันเป็นคู่ที่ง่ายๆ กันจังวะ คนหนึ่งพูดออกมาเนือยๆ อีกคนรับฟังคนสั่งอย่างร่าเริง เท่าที่ดู ไอ้วินก็คงรักไอ้เด็กชุนมากกว่าที่ไอ้ชุนมันพูดเมื่อกี้แหละนะ เพราะคนอย่างไอ้วิน ถ้าไม่ชอบ ไม่รัก ก็คงไม่ยุ่งด้วยแต่แรกอยู่แล้ว
เราเข้ามาดูกันที่ห้องแรกก่อน ซึ่งมันเป็นห้องที่ใหญ่พอสมควร มีห้องนอนแยกในตัวอีก 3 ห้อง และห้องนั่งเล่นที่กว้างพอควร แน่นอนว่าการเลือกห้องครั้งนี้ เอาจีและข้าวสวยเป็นตัวหลักให้การแบ่ง จริงๆ พวกผมเป็นผู้ชาย นอนง่ายๆ ยังไงก็ได้อยู่แล้ว ตัวกับผู้หญิงนี่สิ ผมล่ะกลัวใจพวกเธอจริงๆ
"จริงๆ เรานอนด้วยกันก็ได้นะ กู ไอ้โซ่ ไอ้ธัน แล้วชายหมู่อย่างพวกมึงนอนด้วยกัน" ไอ้ข้าวสวยเสนอ
"อย่าดีกว่า กูมีเรื่องจะคุยกับไอ้วิน" ไอ้โซ่รีบแย้ง
"มีเรื่องก็มาคุยกันด้านนอกได้นิ ยังไงก็อยู่ด้านนอกมากกว่าในห้องอยู่แล้ว" ข้าวสวยบอก เอาจริงๆ มันก็เป็นแบบนี้ก็ได้ แต่ถ้าก่อนหน้านี้ ทั้งคู่ไม่ใช่ว่ากระโจนใส่กันท่าเดียวอะนะ ถึงไอ้สวยจะไม่ได้เริ่มก่อน แต่มันก็มีบ้างบางครั้งแหละนะ ที่มันจะทนไม่ไหว
"มึงก็อย่างเรื่องมากสิ"
"กูเรื่องมากอะไร กูก็แค่เสนอ พวกมึงนั่นแหละ เป็นห่าอะไรกันนักหนา"
"เป็นผู้หญิง พูดดีๆ ดิวะ" ผมเตือน ไม่ได้ว่าอะไร เพราะผมก็ไม่ใช่คนพูดจาดีอะไร แต่ไอ้สวยมันกำลังใส่อารมณ์เข้าไปด้วย
"เออๆ แล้วแต่พวกมึงแล้วกัน กูจะนอนห้องนี้แหละ" ปัง แล้วไอ้สวยมันก็เดินเข้าห้องเล็กไปเลย มันคงจะอารมณ์เสียไม่น้อย
"กูพูดมากไปหรือเปล่าวะ" ไอ้โซ่ที่ยืนหน้าเสียอยู่บ่นออกมา
"ไม่หรอก ดีกว่ามาตีกันทีหลัง" ไอ้วินบอกพร้อมกับเดินไปตบบ่าไอ้โซ่เบาๆ
"จะนอนห้องไหน" ไอ้ลิเคียวเป็นคนถามผม ผมเลยมองหน้าพวกมัน จริงๆ มันก็ไม่ได้ยากอะไรหรอก เพราะห้องไหนๆ มันก็เหมือนกันนั่นแหละ
"งั้นกูไปนอนห้องโน้นนะ" ไอ้ธันว่า มันขอกุญแจจากไอ้ลิเคียวแล้วเดินนำไปก่อน ทีนี้ก็เหลือผม ไอ้ลิเคียว ไอ้โซ่ ไอ้วิน แล้วก็ไอ้ชุน ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วว่าไอ้วินกับไอ้ชุนต้องนอนด้วยกัน
"งั้นก็นอนห้องนี้ละกัน" ไอ้โซ่เลือกห้องที่อยู่ติดกับไอ้สวย ไอ้วินก็เดินเข้าห้องฝั่งตรงข้ามไปโดยไม่พูดอะไร ไม่แม้จะบอกไอ้ชุนเลยด้วยซ้ำ
"เฮ้ยพี่รอด้วย" ไอ้ชุนร้องบอกแล้ววิ่งตามไปดันประตูไว้ก่อนที่ไอ้วินจะปิดได้ทัน มันทำเหมือนกันลืมเลยว่ามาด้วยกัน ผมมองพวกมันแล้วตลกดี ทีนี้ก็เหลือแค่พวกผมแล้วสินะ
ไม่สนใจอีกคนหรอก ผมยังโกรธมันอยู่ ก็แค่ถาม เป็นใคร ใครก็ถามใช่ไหมล่ะ มีเรื่องสงสัย จะให้เก็บไปคิดเองเออเองหรือไง ผมเชื่อที่มันบอกนะ แต่ไม่พอใจในกิริยาการตอบของมันเท่านั้นเอง
"อ้าว พวกมันนอนห้องโน้นกันหมดเลยเหรอ"
"เออ แล้วมึงจะไปไหน"
"ลงไปดูข้างล่าง จีหิวน้ำด้วย เลยจะเดินไปสำรวจสักหน่อย"
"โอเค มึงนอนห้องนี้ใช่ไหม" ผมถามแล้วชี้ไปที่ห้องฝั่งซ้าย
"เออ มึงก็เลือกแล้วกัน ว่าจะนอนกันห้องไหน" ไอ้ธันว่าแล้วจับมือจีเดินออกไป ผมสงสารไอ้ธันมันนะ มันเป็นคนกลางที่ดูลำบากใจ ไอ้สวยก็เพื่อน จีก็แฟน หลายครั้งที่มันดูแล เทคแคร์จี แต่ก็ยังคงห่วงไอ้สวยอยู่ ผมไม่ได้อยากว่ามัน เพราะไอ้ธันมันก็ชัดเจนในระดับหนึ่ง และแสดงออกให้เห็นชัดๆ เลยว่ารักจี
ตัวผมเองก็ไม่ได้ไม่ชอบเธอ ถึงแม้จีจะพร้อมที่จะตบไอ้สวยอยู่ตลอดเวลาก้เถอะ ผมอยากจะให้เธอเบาๆ ลงหน่อย เพราะคนห้ามอย่างพวกผมก็หนักใจทุกครั้ง แถมตอนนี้ ที่ผมอยู่กับไอ้ลิเคียวนะ ยิ่งแล้วใหญ่เลย ดูเหมือนทั้งคู่จะเข้าหน้ากันไม่ติดสักเท่าไหร่ เหตุคงมาจากเพื่อนสาวคนสวยของเธอ ที่ดันเป็นอดีตคู่หมั้นของไอ้ลิเคียวซะได้นี่สิ
ผมยืนมาห้องว่างสองห้องไปมา อีกคนก็ยืนรออยู่ด้านหลัง จริงๆ ห้องมันก็เหมือนกันนั่นล่ะนะ ไหนๆ ก็เหลือสองห้องละ นอนมันคนละห้องเลยแล้วกัน
ผมเดินเร็วเพื่อไปเข้าห้องที่อยู่ไกลกว่า นี่เสียสละเลยนะ พอเปิดประตูได้ปุบก็รีบปิดประตูลงกรปรับ อีกคนที่เดินตามมาทำได้เพียงหยุดอยู่หน้าประตู
"อ้วน มึงจะล็อกประตูทำไมเนี่ย"
ปัง ปัง ปัง
"เฮ้ย อ้วน" เรียกให้คอแหกไปเลย ยังไงผมก็ไม่เปิดหรอก
ผมเดินสำรวจห้องนี้ มันไม่ได้กว้างมากนัก มีที่สำหรับว่างเตียงขนาดคิงไซต์ กับโคมไฟเท่านั้นเอง ปลายเตียงมีโทรทัศน์กับเครื่องเล่นดีวีดี ก็ไม่ได้แย่นักถ้าเทียบกับการที่มีถึงสามห้องเล็ก
เสียงเคาะประตูเงียบไปแล้ว มันคงยอมแพ้แล้วที่จะเรียกผมต่อ ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่ มันจะฟังดูบ้าไหม หรือจะเรียกว่าโรคจิตดี ผมไม่ใช่พวกชอบทรมานคนอื่น แต่กับไอ้ลิเคียว ผมแค่อยากเอาแต่ใจ อยากให้มันง้อ เพราะถ้ามันทำแบบนั้น ผมจะรู้สึกว่ามันแคร์ผมมากก็เท่านั้นเอง
ผมล้มตัวลงนอน การขับรถเป็นเวลานานทำให้ผมล้ามากเหมือนกัน เราไม่ได้นัดกันจะไปไหน ตอนนี้จึงเป็นช่วงเวลาของการพักผ่อน ผมนอนมองดูเพดาน เพียงเวลาแค่ไม่กี่สัปดาห์ แต่ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัว มันกลับมีมากยิ่งนัก
ผมยกมือขึ้นแล้วมองปลายนิ้วของตัวเอง เวลาสามวันที่ไม่ได้กินอะไร มันทำให้ผมซูบลงก็จริง แต่หลังจากที่ไอ้ลิเคียวมาหาผมวันนั้น ผมก็เริ่มกลับมากินอย่างบ้าคลั่งเลยล่ะ ดูเหมือนว่าผมจะอ้วนขึ้นกว่าแต่เก่าด้วยซ้ำ จากที่ไอ้ลิเคียวบอกว่าผมผอมลง แต่เมื่อเช้า ไม่มีใครทักผมแบบนั้นเลย เหมือนกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น แถมจียังทักว่าผมอ้วนขึ้นอีก เพราะจากตอนที่ผมเจอเธอครั้งนั้น มันก็หลายอาทิตย์มาแล้ว
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อเปิดเพลงฟัง มาพักผ่อนทั้งที ผมก็อยากผ่อนคลายให้มากๆ หลับตาลงจากความเหนื่อยล้า พักสมองและหยุดคิดทุกเรื่อง ปล่อยตัวเองอยู่กับปัจจุบันและไม่นึกถึงอนาคต ดีจังเลยนะ ถ้าอยู่แบบนี้ตลอดไปได้ ผมได้แต่คิดแบบนี้จนเคลิ้มหลับไป
ปัง ปัง ปัง
เสียงเคาะประตูทำให้ผมสะดุ้งสุดตัว คงเพราะผมหลับไปนาน อารมณ์เสียนะ ผมไม่ชอบเวลาใครมาปลุกแบบนี้เลย อยากนอนต่ออีกสักนิดแล้วลุกขึ้นตื่นเองมากกว่า แต่คนด้านนอกคงจะไม่คิดและไม่ยอมให้ผมทำแบบนั้น เพราะมันเล่นเคาะไม่หยุด แถมยังตะโกนเสียงดังโหวงเหวงอีกด้วย
"ไอ้วาโว้ย ทำห่าอะไรอยู่วะ"
ปัง ปัง ปัง
ผมถึงกับเหลือกตาบนขึ้น ถอนหายใจยาวๆ เคาะเรียกซะนึกว่ามีแผ่นดินไหวเถอะ ผมลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูแทบจะทันที ดีที่มันไม่บ้าทุบประตูไม่หยุด ไม่งั้นมันคงเคาะหัวผมด้วยแน่ๆ
"อะไรของมึงเนี่ย" ผมถามออกไปทันที
"มึงนั่นแหละ อะไรของมึง" ไม่พูดเปล่า ชี้นิ้วไปที่ข้างประตูด้วย
"เหี้ยยยย"
"เออเหี้ย มึงโคตรเหี้ยเลย ไอ้ให้เขามานอนรอมึงแบบนี้ได้ไง ตอนแรกกูก็ไม่อะไรนะ แต่ตอนนี้กูว่า มึงจะงอนเขานานไปละ"
"มันนอนตรงนี้ตลอดเลยเหรอ"
"ก็ก่อนที่กูจะเข้ามาอ่ะ"
"แล้วนี่กี่โมงแล้ววะ"
"จะหกโมงแล้ว" ไอ้ธันวา ผมมาถึงที่นี่ตอน 11 โมงกว่า กว่าจะเข้ามาได้ก็เกือบๆ เที่ยง แสดงว่าไอ้ลิเคียวมันนอนรอผมตรงนี้ตั้ง 5-6 ชั่วโมงเลยเหรอวะ
"ตกใจเหี้ยไร ตั้งใจทิ้งเขาไว้แบบนี้เองไม่ใช่หรือไง"
"กูนึกว่ามันจะไปนอนอีกห้องนี่หว่า"
"มาด้วยกัน แฟนก็แฟนมึง ทำไมต้องนึกด้วย นี่มึงมาเที่ยวหรือมาทะเลาะ กูเห็นตั้งแต่บนรถแล้วนะ" ไอ้ธันว่าผมออกมา มันก็จริงหรอก แต่เพราะไอ้ลิเคียวไม่ใช่หรือไงเล่า
"ธัน อย่าไปว่าลาวาสิ" จีเป็นคนบอกแล้วเดินมาลากไอ้ธันเข้าห้องไป
ผมยืนมองอีกคนที่นั่งหลับอยู่ข้างประตู ไม่แปลกหรอกที่มันจะไม่ได้ยินเสียงไอ้ธัน มันเล่นใส่หูฟังเอาไว้อย่างนี้นิ แล้วทำไมต้องทำให้ผมรู้สึกผิดด้วยวะ แทนที่จะไปนอนในห้องดีๆ หรือไปนอนที่โซฟาตรงห้องนั่งเล่นก็ได้
"ลิเคียว...ไอ้ลิเคียว" ผมยื่นมือออกไปถอดหูฟังของมันออกแล้วเขย่ามือของมันเบาๆ อีกคนค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา มันมองผมนิดหน่อยก่อนจะสะบัดหัวเล็กน้อย
"หายงอนกูแล้วเหรอ"
"เออ เข้าไปนอนในห้องดิวะ" ผมบอกแล้วลุกขึ้นยืน ไอ้ลิเคียวมันเลยยกยิ้มขึ้น ก่อนจะยื่นมือมาทางผม
"อะไร"
"ช่วยหน่อย"
"ลุกเองดิ"
"ก็นั่งนาน ขาชาไปหมดแล้ว"
"แล้วใครบอกให้มานั่งแบบนี้เล่า" ผมบ่นมัน แต่ก็ยื่นมือตัวเองออกไปช่วยมันอยู่ดี ตัวก็หนัก ดึงแทบจะไม่ขึ้นอยู่แล้วเนี่ย
"ยิ้มอะไร เดินเข้าไปสิ"
"อย่าอารมณ์เสียสิ หยุดขมวดคิ้วได้แล้ว" ไอ้ลิเคียวบอกแล้วจิ้มมาที่หน้าของผม
"ก็มึงอ่ะ...อ๊ากกกก" ผมยังพูดไม่ทันจบ ไอ้ลิเคียวก็อุ้มผมขึ้นซะสูงเลย
"ฮ่าๆ ๆ "
"ไม่เอา ไม่ขำนะโว้ย วางกูลงเลย เห้ย...เดี๋ยวกูตก" ผมแทบจะตะเบงสุดเสียง กลัวจริงๆ นะ ทุกครั้งที่มันอุ้มผม นี่ถ้าตัวเล็กๆ เบาๆ จะไม่บ่นเลย แต่ผมตัวหนักจะตาย
"ทำไมต้องกลัวด้วย กูเคยทำมึงตกหรือไง"
"ถึงไม่เคยก็กลัวอยู่ดีนั่นแหละ" ผมบอกแล้วเกาะไอ้ลิเคียวแน่นเพราะมันไม่ยอมปล่อยผมลง แถมยังพาเดินมาถึงเตียงอีกด้วย
"นั่งรอก่อนนะ หิวหรือเปล่า"
"อืม" ผมตอบรับ เพราะหิวจริงๆ นั่นแหละ ไอ้ลิเคียววางกระเป๋าไว้ปลายเตียงแล้วเอาของออกมาจัด
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น จีเป็นคนเปิดประตูเข้ามา
"เอ่อ หิวกันหรือยัง"
"จะไปแล้วเหรอ"
"เปล่าๆ ก็รอไปพร้อมกันนั่นแหละ" จีรีบปฏิเสธ ดูเหมือนเธอจะหิวมากล่ะมั้ง ถึงเดินมาบอกขนาดนี้
"งั้นไปเลยก็ได้นะ" ไอ้ลิเคียวบอก มันเดินมาตรงผมแล้วแตะที่ใบหน้าเบาๆ
"อยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า" ผมส่ายศีรษะเป็นคำตอบ อยู่ๆ ก็ทำตัวแบบนี้ ผมไปไม่เป็นเหมือนกันนะ
"งั้นเราไปรอด้านนอกนะ" จีพูดเบาๆ แล้วปิดประตูให้
"งั้นไปกินร้านใกล้ๆ นี่ก็ได้"
"ทำไมมึงดูรู้ทางจัง"
"กูก็ต้องศึกษามาก่อนป่ะละ จะเดินทางสุ่มสี่สุ่มแปดได้ไง"
"เออๆ เสร็จยังเนี่ย กูหิวละ"
"งั้นไปกัน" ไอ้ลิเคียวหยุดจัดของแล้วเดินมาหาผม นี่อย่าบอกนะว่าจะอุ้มผมอีกน่ะ
"กอดอกทำไม"
"แล้วมึงเดินมาทำไมเล่า"
"กูแค่อยากจับมือเองนะอ้วน" ไอ้ลิเคียวบอกแล้วยิ้มกับท่าทีของผม จิ๊ ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ
ผมลุกขึ้นแล้วเป็นคนยื่นมือไปจับมันเอง นี่ก็เดินหน้าเชิดนำมันออกมาก่อน ถ้ามีสายคล้องอีกนิด ผมก็คิดว่าตัวเองจูงหมาแล้วนะ พอเปิดประตูออกมาก็เห็นจีกับไอ้ธันยืนรอคุยกันกะหนุงกะหนิงอยู่ก่อนแล้ว
"กว่าจะออกมาได้นะมึง"
"ก็จัดของอยู่ แล้วพวกนั่นแหละ"
"ลงไปรอข้างล่างแล้วมั้ง" แสดงว่าคุยกันก่อนแล้วสินะ
พวกผมเดินมาถึงด้านล่างก็เจอคนอื่นๆ ยืนรออยู่ก่อนแล้ว ดูเหมือนทุกคนจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันหมดแล้วด้วย คงมีแต่ผมกับไอ้ลิเคียวนี่แหละ ที่ยังใส่ชุดเดิมอยู่
ครั้งนี้เราใช้รถของไอ้ชุนขับออกมาคันเดียว ถ้าไม่รวมกระเป๋าเดินทาง พวกเราก็สามารถนั่งกันได้แบบพอดี ไอ้ลิเคียวทีที่รู้ร้านแต่ไม่รู้ทางเป็นคนขับ ผมที่นั่งด้านข้างจึงต้องเปิดจีพีเอสเพื่อดูและคอยบอกทาง ดีที่ร้านไม่ได้อยู่ไกลมาก ทำให้ใช้เวลาเพียงสิบกว่านาทีในการขับรถเท่านั้นเอง
ร้านอาหารที่ไอ้ลิเคียวบอก บรรยากาศดีใช้ได้เลย ดูเหมือนเพื่อนๆ ของผมจะชอบมากด้วย มีเพลงเปิดคลอเบาๆ ที่หน้าร้านติดป้ายบอกเวลาเอาไว้ แถมยังกำกับเอาไว้ด้วย ว่าตอนหนึ่งทุ่ม จะมีดนตรีสดมาเล่น
"ไปนั่งตรงนั้นกัน" ไอ้สวยชี้ไปที่ระเบียงด้านนอก เป็นที่นั่งแบบปูพื้น
ด้วยความที่มากันหลายคน พวกเราเลยต้องต่อโต๊ะกัน เพราะไม่อยากนั่งแยก มันเป็นเหมือนโต๊ะญี่ปุ่นขนาดเล็กๆ มีเบาะลองสำหรับนั่งให้แต่ละคนด้วย ร้านอาหารด้านในจะเป็นแอร์ครับ เราสามารถมองเข้าไปได้ เพราะมันเป็นกระจก แต่เลือกด้านนอกเพราะดนตรีสดกับบรรยากาศนี่แหละ
"อ้วน จะกินสเต๊กหรือสลัด"
"อยากกินสปาเกตตี"
"แล้วน้ำล่ะ"
"ช็อกโกแลต เฟรปเป้" ผมบอกไอ้ลิเคียว แล้วไอลิเคียวก็หันไปสั่งพนักงานอีกที คนอื่นๆ ก็ต่างคนต่างสั่งไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะส่วนมากก็เป็นอาหารจานเดียว
"ลองกินไหม อร่อยนะ" ไอ้ลิเคียวถาม หลังจากอาหารมาเสิร์ฟ พวกเราก็กินกันอย่างดุเดือดเลยครับ อันนี้คือหิวจริงจัง ข้าวเที้ยงก็ไม่ได้กิน หรืออาจจะมีบางคนที่กินก็ได้ เพราะพอแยกห้องนอนแล้ว ก็ต่างคนต่างอยู่ ผมก็หลับอย่างเดียวเลย
"ไม่เอามะเขือเทศ" ผมบอกแล้วไอ้ลิเคียวก็ตักมาให้ หรือจะพูดให้ถูกก็ป้อนนั่นแหละ
"หวานแหวว...อ้าม" ไอ้สวยแซว แล้วทำท่าล้อผม แต่การที่มันล้อ มันดันตักแล้วยื่นไปทางไอ้ธันนี่สิ ทุกสายตาเลยหันไปมองที่จีแทบจะหมดทุกคนเลย
"ไม่เอาน่า มึงก็กินไปสิ" ไอ้ธันบอกปฏิเสธ ผมคิดว่าจีคงไม่พอใจมากอยู่เหมือนกันนั่นแหละ แต่ครั้งนี้เธอทำเหมือนกับไม่สนใจและเสมองไปทางอื่นแทน
"ชิส์" ไอ้สวยส่งเสียงจิ๊จ๊ะไปตามภาษา ถ้าพูดแบบไม่เข้าข้างใครเลยนะ ไอ้สวยมันก็เป็นของมันแบบนี้ คือมันเล่นกับไอ้ธันเป็นปกติอยู่แล้ว เลยอาจจะเป็นนิสัยก็ได้ แต่ถ้าพูดถึงความเหมาะสม ผมว่ามันไม่ควรเลย
มีหลายครั้งที่ไอ้สวยแหวะจี จนพวกผมหายใจหายคอกันไม่ทั่วท้อง แต่น่าแปลกที่จีกลับทำไม่สนใจ เพราะถ้าเป็นปกติคงได้ตบกันคนละฉาดสองฉาดไปแล้ว
"พี่ๆ เขาจะเริ่มเล่นดนตรีสดกันแล้ว" เสียงไอ้ชุนบอกแล้วชี้ไม้ชี้มือไปตรงที่เขาจัดที่ไว้สำหรับแสดง
"พี่ดูดิ มือกลองเป็นผู้หญิงด้วย โคตรเท่เลย" ผมหันมองไปตามที่ไอ้ชุนพูด
"โอ้ย อะไรเนี่ย" ผมร้องออกมาเพราะไอ้ลิเคียวดันล็อกคอผมไว้
"รีบหันเชียวนะ"
"หรือมึงไม่มอง"
"แล้วเห็นกูมองหรือไง"
"แล้วกูจะรู้กับมึงไหมล่ะ" ผมเถียงกลับไป เพราะไม่รู้ว่ามันมองหรือเปล่า พอจ้องหน้ามันอย่างเอาเรื่องมากๆ กลายเป็นมันจับตัวผมให้เอนตัวพิงไปกับตัวมันเฉยเลย
"ไม่อยากทะเลาะ อยากดูก็ดูไป" ไอ้ลิเคียวบอก ทำไมช่วงนี้มันถึงยอมผมตลอดเลยวะ แถมผมยังรู้สึกผิดอีกด้วย หลายๆ ครั้งที่มันพูดกับผมด้วยน้ำเสียงปกติ แต่จะมีก็แต่ผมนี่แหละ ที่ชอบเสียงดังใส่มัน
"ทำไมเดี๋ยวนี้ดีกับกูจัง"
"ที่ถามแบบนี้เพราะอยากโดนกูตีใช่ไหม"
"อะไรของมึงเล่า ผีเข้าแล้วไง"
"อ้วน! "
"เออๆ กูก็แค่อยากรู้นิ เมื่อก่อนมึงทั้งออกคำสั่ง ทั้งดุกู พอมึงมาเป็นแบบนี้ กูก็แปลกใจนิ"
"ก็มึงเป็นแฟนกูนิ"
"แค่เพราะเป็นแฟนอะนะ" ผมถามแล้วเงยหน้าไปสบตากับมันถ้ามันดีกับแฟนแบบนี้ แสดงว่ากับคนก่อนๆ ก็คงทำดีแบบนี้สินะ
"กูไม่จำเป็นต้องเทกแคร์เพื่อนขนาดนี้ ยังไงกับคนที่เป็นแฟน มันก็ต้องพิเศษกว่าอยู่แล้ว"
"งั้นกับแฟนคนเก่าๆ มึงก็ดีกับเขามากสินะ"
"...ก็...ไม่นะ"
"อ้าว" อะไรของมันวะ ไม่รู้ว่าผมงงหรือมันงงกันแน่
"กูหมายถึง...กูดีเฉพาะกับคนที่กูรักต่างหาก" คำตอบของไอ้ลิเคียวทำให้ผมหมดความสงสัยไปเลยครับ การที่ผมมาเป็นแฟนกับมัน ทำให้ผมเห็นมุมที่ผมไม่เคยได้เห็นขนาดนี้เลยเหรอ กับคนเก่าๆ ผมไม่รู้ว่ามันเป็นไง แต่กับผม ผมว่ามันก็ชัดเจนพอดูเลยนะ