ตอนที่ 15
ไม่เป็นไรนะ
[/size]
ทะเลโทรมาหาตอนสองทุ่มเพื่อเตือนให้กินข้าวกินยา เสียงเครื่องเสียงและดนตรีดังทะลุผ่านลำโพงมือถือมา เขาคงออกมาไม่ไกลจากหอประชุม ผมก็ได้แต่ยืนยันว่ากินข้าวกินยาไปตั้งแต่หัวค่ำ เขาก็ถามอาการว่าดีขึ้นหรือเปล่า ผมก็ได้แต่เงียบ รู้สึกแย่เหมือนกันที่ชีวิตเฟรชชี่ปี 1 ไม่ได้เข้าร่วมงานปฐมนิเทศอย่างเป็นทางการ แถมยังถูกตัดสิทธิ์ประกวดดาวเดือนที่ซ้อมมาร่วมเดือนอีกต่างหาก
(เป็นอะไรทำไมเงียบ)
“แค่เสียดายที่ไม่ได้ไปงาน ที่งานสนุกมั้ย”
(อื้อ ก็ดี ไม่เป็นไร ปีหน้าค่อยมาใหม่)
“มันเหมือนกันที่ไหนล่ะ ช่างเถอะ แล้วนี่ทะเลกินข้าวยัง”
(ไม่มีเวลากิน เลิกงานค่อยว่ากัน มึงรีบนอนเถอะ)
“นอนข้างล่างนอนไม่หลับแน่เลย”
(หึ ไม่รีบนอนผีจะมาหลอกมึง)
“วางไปเลย!!”
(เดี๋ยวใกล้เที่ยงคืนจะโทรหาอีกรอบ มึงต้องกินยาอีก ตื่นมารับโทรศัพท์ด้วย ถ้าไม่ตื่นจะไปหลอกหลอนถึงบ้าน)
“ขอให้มาเหอะ ซันนี่กันตูดแน่!”
(จะกัดหรือจะเล่นด้วยกันแน่)
“นี่ทะเล...ดูแลตัวเองนะ” ผมพยายามพูดให้ดูเป็นปกติมากที่สุด
(ทำไม มีอะไรหรือเปล่า ชักจนะสงสัยแล้วนะนุ่มนิ่ม)
“เปล่า เอาว่าตามนั้นนะ บาย!”
เขาหัวเราะหึ ๆ แล้ววางสายไป ไม่วายยังไลน์มาเตือนให้ผมตั้งนาฬิกาปลุกไว้ด้วย เป็นคนเข้มงวดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็สัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่เขาส่งผ่านน้ำเสียงทุ้มได้นะ แม้ว่าเรื่องที่เจอมันจะเลวร้ายและน่ากลัว พอรู้ว่ายังไงทะเลก็อยู่ด้วยมันก็วางใจไปหมดเลย แต่ถึงยังไงตัวเขาเองนั่นแหละที่น่าเป็นห่วง
“ไงมึง จะให้กูนอนเป็นเพื่อนมั้ย” มิวถามขึ้น พวกมันนั่ง ๆ นอน ๆ กับผมที่โซฟาในห้องรับแขกมาตั้งแต่เย็น หลังจากที่ตกลงว่าจะสืบเรื่องกวินให้
“ไม่เป็นไร พวกมึงมีเรียนพรุ่งนี้ กลับไปเหอะ กูอยู่ได้”
“กูว่าจะแวะไปที่มอหน่อย เผื่อกวินมันจะเคลื่อนไหวอะไร” พีทพูดขึ้น “แต่กูจะไปส่งมึงที่คอนโดก่อน ไม่ต้องมาหูตั้งว่าจะได้ไป”
“โหยยยย กูก็อยากไปดูลาดเลาอะ”
“มึงมีควิซพรุ่งนี้ อย่ามาเนียน อ่านจบแล้วหรือไง”
“กูไม่อยากให้มึงไปคนเดียวไง มีกูไปเป็นเพื่อนมันอุ่นใจกว่าเป็นไหน ๆ” มิวมันกำลังอ้อนพ่อมันอยู่
“มึงไปก็เป็นภาระกูเปล่า ๆ” และก็โดนไอ้พีทออลคิลจนได้
มิวเบะปากแต่ก็สุดจะต้านทานเมื่อเห็นสายตาจริงจังของมิว รู้หรอกว่าพีทมันเป็นห่วง ไอ้มิวเด๋อ ๆ ด๋า ๆ คงกลัวไปทำอะไรที่กะโตกกะตากแล้วเรื่องจะวิ่งเข้าตัวพวกมันแทน กวินน่ากลัวพวกมันน่าจะพอรู้อยู่บ้าง ยิ่งพอเรื่องเกิดขึ้นกับผม คนรอบครอบแบบพีทก็ต้องยิ่งระวังตัว
“มึงระวังตัวนะพีท”
“อืม มึงก็พักผ่อนนะ”
“พีท..”
“หื้อ”
“ฝากดูทะเลด้วยนะ”
“มันจะไม่เป็นไร”
ผมพยักหน้าและบอกลาพวกมัน ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนโซฟาตัวยาว แม่ขนผ้าห่มและเครื่องนอนที่ใช้ประจำมาให้แล้ว คุณนายเข้ามาดูผมเป็นระยะเพราะกลัวจะเบื่อ ยิ่งกว่าความเบื่อคือความกังวลที่มันรบกวนในใจนี่แหละ รู้สึกไม่ดียังไงก็ไม่รู้ ขอให้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเถอะนะ
(ทะเลอยู่โรงพยาบาลว่ะ)
“ห้ะ!!---------------------------------------
3 ชั่วโมงก่อนหน้านี้
“ก่อนที่เราจะมาประกาศผลรางวัลทูตประชาสัมพันธ์มหาวิทยาลัยประจำปีนี้นะครับ จะขออนุญาตประกาศรางวัลป๊อปปูลาร์โหวตนี้ปีนี้ก่อน ซึ่งจะเป็นเสียงที่ได้จากน้อง ๆ ปีหนึ่งทุกคน ร่วมถึงการกดไลก์รูปผ่านผ่านแฟนเพจของเราด้วย และรางวัลได้แก่...”
เสียงซาวด์ดนตรีขึ้นขึ้นให้ตื่นเต้น แต่ละคณะตะโกนชื่อดาวเดือนที่ตัวเองเชียร์เสียงดัง “น้องคิม คิมหันต์ สหสวัสดิ์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ครับ!”
เสียงปรบมือดังเกรียวกราว แต่ทุกคนในที่นี้รู้อยู่แล้วว่าเจ้าของชื่อไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมคืนนี้ คนที่ขึ้นไปรับแทนจึงเป็นพี่เลี้ยง และเดือนคณะศิลปกรรมปีที่แล้ว ทานตะวันพูดขอบคุณแทนคิมหันต์สำหรับการโหวตและจะเอารางวัลไปมอบให้น้องถึงมือ
กลับเป็นทะเลที่นั่งโต๊ะคณะกรรมการที่รู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย เพราะการที่ทะเลได้รางวัลนี้ปีที่แล้วก็ทำให้ตัวเขาเองไม่ได้มีชีวิตปกติสุข คนทั้งมหาวิทยาลัยรู้จักเขาในข้ามคืน ไปไหนก็มีแต่คนมอง แถมยังมีคนเข้าหาทั้งเพื่อผลประโยชน์และความสัมพันธ์ เป็นไปได้ว่าคิมหันต์ก็คงประสบชะตากรรมไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก
ที่สำคัญคงเป็นที่เพ่งเล็งของคนขี้อิจฉาอย่างกวินไปอีก
ทะเลหันไปสบตากับลูกชายนักการเมืองที่นั่งห่างกันไปสองเก้าอี้ อีกฝ่ายยักคิ้วให้อย่างกวนประสาท แล้วลุกออกจากโต๊ะกรรมการก่อนที่จะประกาศรางวัลใหญ่ ทะเลเกือบจะไม่สนใจ ถ้าจู่ ๆ ไลน์จากพี่ชายไม่เด้งมาก่อน
[Wind : ดูคาติสีดำ ไม่ติดป้าย คนขับใส่ชุดนักแข่ง]
[Wind : sent a video]
[Sea : มีแค่นี้หรอ แทบไม่รู้อะไรเลยนะ]
[Wind : ใจเย็นไอ้สอง ระดับพี่มึง]
[Wind : เชนมันไปให้ลูกพ่อมันที่อยู่หน่วยสืบสวนดู บอกว่าคนที่จะเล่นรถรุ่นนี้มีไม่กี่คนในไทย เพราะนำเข้าแค่ 15 คัน]
[Sea : รีบพิมพ์ได้ป่ะวะ ไม่งั้นจะโทรไป]
[Wind : ใจร้อนฉิบหาย เออ ๆ โทรมา]
ทะเลเดินตามกวินออกไปติด ๆ เพราะอีกฝ่ายได้รับโทรศัพท์จากใครสักคน
“เร็วเลยลม”
(เชนมันบอกแค่รถราคาแพงไม่เท่าไหร่ แต่แต่งแบบนี้มีที่เดียวที่ทำว่ะ และเจ้าของอู่ก็คือนักการเมืองแถวฝั่งธน เจ้าของรถเป็นใครไม่ได้นอกจากลูกนักการเมือง)
“ไอ้สัส!”
(นี่มึงไปมีเรื่องกับใคร อย่าทำอะไรผลีผล่ามโดยไม่บอกกูกับเหนือนะเว้ย ถ้ามีเรื่องป๊าเล่นมึงแน่นะไอ้เล)
“งั้นมึงมามอด่วนเลย ลูกนักการเมืองคนนั้นคือกวิน”
(ไอ้เหี้ยนั่นยังไม่เลิกยุ่งกับมึงอีกหรอวะ)
“มันรู้แล้วแน่ ๆ ว่าเรารู้ สายพ่อมันทั้งนั้นตำรวจ”
(แล้วคนที่โดนชนคือใครวะ?)
“คิมหันต์ มึงจำได้มั้ย”
(เดี๋ยว เพื่อนมึงสมัยมอปลาย ที่มึงเคยชอบ มาเรียนที่นี่หรอวะ)
“เอออย่าเพิ่มถาม มึงรีบมาเหอะ”
ทะเลวางสายจากสายลมก่อนจะรีบเดินตามกวินออกไป โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายมีจุดมุ่งหมายที่ไหน บรรยากาศสงัดในมหาวิทยาลัยขนาดพันกว่าไร่ แม้คืนนี้จะมีกิจกรรมที่รวมนักศึกษาเกือบหมื่นอยู่ที่นี่ แต่ก็แค่ในส่วนของหอประชุมเท่านั้น ทะเลเดินตามกวินไปอยู่เงียบเชียบ ก่อนที่เห็นว่าอีกฝ่ายหยุดในมุมตึกของอาคารที่กำลังก่อสร้าง เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังคล่อมดูคาติคันเดียวกับในกล้องวงจรปิด
ทะเลส่งโลเคชั่นไปหาสายลม และถ่ายรูปภาพที่เห็นตรงหน้าเอาไว้เพื่อเป็นหลักฐานในการมัดตัว เรื่องนี้ถึงมือตำรวจและเขาจะไม่ยอมให้กวินทำอะไรไปมากกว่านี้ ระหว่างที่เขาแอบหลังต้นไม้ใหญ่ก็รู้สึกว่ามีของแข็งตีเข้าที่หัวอย่างแรง
“โอ้ย!!”
แต่ความแรงไม่ถึงกับทำให้ทะเลสลบไป แค่รู้สึกเจ็บที่ศีรษะมากเท่านั้น คนตัวสูงหันกลับไปก็เจอผู้ชายร่างสูงสองคนในชุดซาฟารีสีดำ คุ้นว่าเคยเห็นมารับส่งกวิน คงเป็นบอดี้การ์ดแน่ ๆ ทะเลใช้วิชาหมัดมวยที่ป๊าส่งเรียนมาตั้งแต่เด็กป้องกันตัวกลับไป ยังดีที่ทั้งสองคนไม่ได้ตั้งตัวว่าทะเลจะสามารถต่อสู้กลับได้ทันท่วงที ทะเลใช้โอกาสที่คนตัวสูงถลาตัวออกห่างเพราะแรงถีบ เข้าสวนหมัดใส่คนที่ตัวเล็กกว่า ก่อนที่อีกฝ่ายจะล้มลงพื้น
“เห้ย! มึงทำอะไร” เสียงผู้ชายที่คุ้นหูดังขึ้น กวินเร่งเท้าเดินเข้ามาในวงล้อมความชุลมุน
“คุณกวินมันมาด้อม ๆ มอง ๆ คุณ”
“อ๋อ ไอ้เหี้ยทะเล มึงมาแล้วหรอ”
ทะเลถอยหลังเพราะคิดว่าถ้ามีอีกคนคงสู้ไม่ไหว กวินก็เป็นนักกีฬาและมีพละกำลังมากพอตัว ถ้าอีกฝ่ายเป็นมวยเขามีสิทธิ์โดนรุม
“ปอดแหกหรอวะ กลัวหรอ มึงก็ทำได้แค่นี้ ทำเป็นเก่งแต่ก็แค่ไอ้กระจอกคนหนึ่ง”
“มึงแค้นอะไรกูกวิน กูไปทำอะไรให้”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ” กวินหัวเราะรวน บอดี้การ์ดของเขาลุกขึ้นมาได้แล้ว และทำท่าจะพุ่งเข้ามาทำร้ายทะเลอีก แต่กวินยั้งไว้ก่อน “นี่ไงความกระจอกของมึง มึงทำเหี้ยกับใครไว้ยังจำไม่ได้เลย”
ตาของกวินแทบจะถลนออกมาตอนเขาหัวเราะ เสียงอันทรงพลังและเต็มไปด้วยความน่ากลัว มันสั่นประสาทคนที่ได้ยินอย่างมาก ท่าทางของกวินเต็มไปด้วยความสับสนราวกับว่าเขาควบคุมตัวเองไม่ได้ ทะเลสังเกตเห็นมือของกวินที่สั่น มือไม้ลอกแล่กเริ่มจัดระเบียบร่างกายตัวเองไม่ได้
“ถ้าล้มมันได้ กูได้พวกมึงคนแสน”
พอได้ยินคำสั่งทั้งสองคนก็กรูกันเข้ามาหาทะเลอีกรอบ ทะเลรู้สึกว่าหลังคอเปียกชื้น จึงเอามือจับที่บริเวณนั้น ปรากฏเลือดแดงฉานเต็มมือ และกำลังไหลลงมาที่หน้าผาก แย่แล้วทะเลคิดในใจ
คนตัวสูงเข้ามาสวนหมัดใส่หน้าทะเลแต่เจ้าตัวหลบได้ทัน เลือดที่ไหลลงมากำลังจะบดบังทัศนวิสัยเขา คนตัวเล็กเล่นทีเผลอเข้ามาจับตัวทะเลจากด้านหลัง คนตัวใหญ่ได้ทีต่อยท้องทะเลหลายครั้ง ถึงหมัดจะไม่ได้หนักเท่าครูมวยที่ทะเลเคยขึ้นสังเวียนด้วย แต่ก็ทำให้จุกได้เหมือนกัน
“ทะเล!!!!” เสียงพี่ชายที่คุ้นหูทำให้ทะเลถอนหายใจออกมา “ไอ้พวกเหี้ยทำอะไรน้องกู!”
ไม่ใช่แค่ทะเลที่ป๊าส่งไปเรียนมวย สายลมก็ได้คาราเต้สายดำและอดีตเยาวชนทีมชาติหวังว่าสนิมคงไม่ขึ้นหรอกนะ สายลมวิ่งมาถีบคนตัวเล็กที่จับน้องชายของเขาเต็มแรง จนอีกฝ่ายกระดอนออกไป ก่อนจะมาจัดการคนตัวสูงพยายามจะออกหมัดสกัดอดีตนักคาราเต้ แต่โดนฝ่ามือปัดและสันมือปัดเข้าที่ต้นคอ น้ำหนักและแรงกำลังยังไม่ต่างตอนที่ไปแข่ง อีกฝ่ายถอยกรูเพราะแทบจะหายใจขาดห้วง
ปัง!!เสียงปืนจากด้านหลังดังขึ้นทำให้คนที่กำลังชุลมุนหยุด สายลมรีบเข้าไปประคองทะเลที่ล้มกุมหน้าท้อง
“เหอะ ขนาดนี้มึงก็ยังมีคนมาช่วยหรอวะ! ทำไมคนอย่างมึงต้องได้รับความช่วยเหลือ ได้รับทุกสิ่งทุกอย่างด้วย ในขณะที่กูโดนทิ้งขว้าง โดนปฏิเสธมาตลอด!” กวินถือปืนทิ้งลงข้างตัวด้วยมือที่สั่นคลอน เขาพยายามจะควบคุมสติอารมณ์แต่เหมือนกลับยิ่งปะทุนรุนแรง กวินพูดเร็วและรัวเสียคนแทบฟังไม่ทัน
“...”
“มึงทำให้ชีวิตกูพัง พัง!! มึงรู้ตัวมั้ย!!!” คนที่ดูสติวิปวาสเล็งปืนที่ทะเล
“มึงใจเย็น น้องกูไปทำอะไรให้มึง!” สายลมเอาตัวเองบังน้องชายไว้
“มึงจำไอ้เคลได้มั้ย มันยังเหลือในเศษเสี้ยวความทรงจำของมึงมั้ย”
“เคล?”
“เออไอ้เหี้ย เคลไอ้เด็กที่เคยถูกไล่ออกจากไฮสคูลเพราะมึงเอาเรื่องกัญชาไปโพทะนาไง ไอ้เหี้ย!! มึงมันเหี้ย มึงทำลายชีวิตกูแค่ไหนมึงรู้ไหม!!” กวินถือปืนไม่นิ่ง แถมสีหน้าของคนไร้สติยังราวกับจะร้องไห้ ไม่หลงเหลือมาดคุณชายลูกนักการเมืองที่เจิดจรัสอีกต่อไป เขาถอนหายใจ ก่อนจะกลืนน้ำลายและพยายามกลั่นคำพูดพยาบาทออกมา แต่แล้วก็ได้ยินเสียงเอะอะของคนจำนวนมากวิ่งมาทางนี้
“คุณกวินครับ เราไปกันก่อน ไปเถอะครับ ถ้าคุณพ่อรู้เราจะแย่นะครับ” บอดี้การ์ดพยายามพยุงตัวเองและรวบตัวเจ้านายของพวกมันไป ก่อนที่จะมีคนมาเห็นเหตุการณ์มากไปกว่านี้ ทั้งสองถูลู่ถูกังเจ้านายของพวกมันอย่างยากลำบากเพราะก็เจ็บตัวพอควร รถแวนสีดำตรงเข้ามารับอย่างรวดเร็วก่อนจะขับออกไป
มึงไม่รอดแน่ไอ้กวิน ทะเลคิดในใจ คราวนี้หลักฐานมัดตัวและตัวกวินก็ทำความผิดหลายกระทงที่สำคัญอยู่ในมหาวิทยาลัยด้วย
“ทะเลมึงเป็นไง เจ็บมากป่าววะ หัวแตกด้วยไอ้ห่าเอ้ย มึงเตรียมตอบคำถามป๊าได้เลย”
“เออเรื่องนี้กูไม่ผิดไม่ต้องห่วง พอจะรู้แล้วว่ามันแค้นอะไรหนักหนา”
“นักศึกษาตรงนั้น! เกิดอะไรขึ้น” ผู้ชายสวมสูทเดาว่าคงเป็นอาจารย์ และรปภ.สามคน รวมถึงนักศึกษาอีกสองสามคนกำลังวิ่งมาทางนี้
“น้องผมโดนทำร้ายครับ เรียกรถพยาบาลให้ที”
“ทะเล!” เสียงทานตะวันทะเลจำได้ “ทะ ไม ใครทำอะไร”
ทานตะวันรุดเข้ามาประคองคนเจ็บ น้ำเสียงสั่นเมื่อครู่คล้ายกับจะร้องไห้ แต่ทะเลไม่สามารถโฟกัสอะไรได้เท่าไหร่ เพราะเลือดกำลังไหลอาบที่หน้าที่สำคัญมันเข้าตา “ลมเช็ดเลือดให้หน่อยได้มั้ย มันเข้าตา”
“เชี่ยเลือดออกโคตรเยอะ เจ็บมากเปล่าวะ”
“ชามากกว่าไม่เจ็บเท่าตกจักรยานตอนเด็กหรอก”
“เลิกเอาเรื่องนี้มาทับถมพี่มึงสักที”
สายลมควานหาผ้าที่พอจะเอามาซับเลือดของน้องชาย แต่ก็ไม่เจอ ทานตะวันเลยถอดเนกไทด์ของตัวเองอย่างทุลักทะเลแล้วส่งให้สายลม “อาจจะไม่สะอาดเท่าไหร่ แต่ก็ดีกว่าให้เลือดไหลเยอะกว่านี้”
เสียงรถพยาบาลวิ่งเข้ามามหาวิทยาลัยอย่างรวดเร็ว เพราะโรงพยาบาลประจำมหาวิทยาลัยอยู่ห่างจากตรงนี้ไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร เสียงอาจารย์สั่งพี่รปภ.ให้รีบไปดูที่เกิดเหตุ และแจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั่วมหาวิทยาลัยให้ตรวจรถเข้าออกทุกคัน “นักศึกษาจำหน้าคนร้ายได้หรือเปล่า”
“ครับ จำได้แม่นเลย”----------------------------------
มีต่อ