พิมพ์หน้านี้ - UP! | SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | 15_ไม่เป็นไรนะ [03-05-20]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: mifengbee ที่ 26-01-2020 19:51:45

หัวข้อ: UP! | SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | 15_ไม่เป็นไรนะ [03-05-20]
เริ่มหัวข้อโดย: mifengbee ที่ 26-01-2020 19:51:45
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ



SUMMER KISSED THE SEA  ☀ ฤดูร้อนของทะเล
[/size]



ดวงดาวสีฟ้าที่กว้างใหญ่ไพศาลตั้งแต่ผืนฟ้าจรดผืนดินไม่มีส่วนใดที่เครื่องมือของมนุษย์สำรวจไม่ถึง

แต่ทว่าทะเลคือพื้นที่เดียวที่มนุษย์ไม่เคยสำรวจว่าจุดลึกที่สุดอยู่ที่ไหน

ความลึกน่าที่ฉงนไม่มีใครรู้ว่ามีสิ่งใดอยู่ตรงนั้น ลึกเทียบเท่ากับหัวใจของคนที่ยากจะหยั่งถึง

กระนั้นความสวยงามของผืนน้ำบนท้องทะเลก็ยังล่อลวงชวนให้คนมาสัมผัส

ความทุกข์ที่ใครต่างก็เอามาทิ้งไว้ที่นี่ ทะเลจะรับไว้และส่งคืนความสบายใจกลับไปให้แค่เพียงหายใจทิ้งไว้

หยินและหยางคือขั้วตรงข้าม

ทะเลก็มีทั้งสุขและทุกข์อยู่ในตัวของมัน

และทะเลไม่เคยใจร้าย


#ฤดูร้อนของทะเล



สารบัญ

Prologue  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69394.msg4024636#msg4024636)
ร้อนลาเต้  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71511.msg4023233#msg4023233)
ร้อนเลคเชอร์  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71511.msg4023973#msg4023973)
ร้อนติวเตอร์  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71511.msg4024863#msg4024863)
ทะเลไม่เคยบอกอะไร  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71511.msg4025682#msg4025682)
ทะเลไม่ใช่เขา  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71511.msg4026487#msg4026487)
ทะเลมีแต่คลื่น  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71511.msg4027132#msg4027132)
ร้อนไออุ่น  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71511.msg4027892#msg4027892)
ร้อนจนแผดเผาไปทั้งใจ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71511.msg4028592#msg4028592)
ร้อนนี้ไม่มีเธอ  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71511.msg4029272#msg4029272)
ร้อนที่คิดถึง  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71511.msg4030165#msg4030165)
ที่รอมาตลอด  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71511.msg4031158#msg4031158)
ตัวละครลับ  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71511.msg4032268#msg4032268)
นุ่มนิ่ม  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71511.msg4034219#msg4034219)
ปกป้อง  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71511.msg4035115#msg4035115)
ไม่เป็นไรนะ  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71511.msg4036071#msg4036071)
เจอพ่อ  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71511.msg4038879#msg4038879)

เปิดเรื่องใหม่นะคะ ฝากด้วยค่าาา
[/b]






-----------------------------------------



นิยายของ mifengbee

เรื่องยาว  you are my day 1◑│กาลครั้งที่รักคุณ (จบแล้ว)  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66867.0)
เรื่องยาว  Thank you, Next มาทีหลังรบกวนต่อคิว (in process)  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69394.msg3933937#msg3933937)
เรื่องสั้น   OPEN RELATIONSHIT : ไม่ใช่รัก (จบแล้ว)  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=69097.0)

เรื่องสั้น  SUMMER KISSED THE SEA | ฤดูร้อนของทะเล  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=71351.0)

หัวข้อ: Re: ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | Up : Prologue [26-01-20] เปิดเรื่องใหม่ :)
เริ่มหัวข้อโดย: mifengbee ที่ 26-01-2020 20:13:56
Prologue
[/size]



ดวงดาวสีฟ้าที่กว้างใหญ่ไพศาลตั้งแต่ผืนฟ้าจรดผืนดินไม่มีส่วนใดที่เครื่องมือของมนุษย์สำรวจไม่ถึง


แต่ทว่าทะเลคือพื้นที่เดียวที่มนุษย์ไม่เคยสำรวจว่าจุดลึกที่สุดอยู่ที่ไหน


ความลึกน่าที่ฉงนไม่มีใครรู้ว่ามีสิ่งใดอยู่ตรงนั้น ลึกเทียบเท่ากับหัวใจของคนที่ยากจะหยั่งถึง


กระนั้นความสวยงามของผืนน้ำบนท้องทะเลก็ยังล่อลวงชวนให้คนมาสัมผัส


ความทุกข์ที่ใครต่างก็เอามาทิ้งไว้ที่นี่ ทะเลจะรับไว้และส่งคืนความสบายใจกลับไปให้แค่เพียงหายใจทิ้งไว้


หยินและหยางคือขั้วตรงข้าม


ทะเลก็มีทั้งสุขและทุกข์อยู่ในตัวของมัน


และทะเลซื่อสัตย์เสมอ





“กูรักมึง”

“...”

“กูรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้” น้ำเสียงทุ้มต่ำกลืนน้ำลายอึกหนึ่งก่อนจะพูดสิ่งที่ยากลำบากออกมา แม้จะรู้ว่าหากกล่าวออกไป ทุกอย่างจะไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิม

“แต่พอรักแล้วก็ทำเป็นไม่รักอีกไม่ได้”

“...”

“มึงรู้มั้ยว่าทะเลไม่เคยโกหก ในฤดูฝนทะเลจะบอกเสมอว่าอย่าออกจากฝั่ง ในฤดูพายุทะเลจะตะโกนบอกด้วยคลื่นที่ถาโถม และในฤดูร้อนมันจะบอกรักด้วยการต้อนรับแสงแดดเสมอ”

สายตาคนที่กำลังฟังสั่นไหว เขาเข้าใจทุกอย่างที่คนพูดพยายามบอก และนั่นยิ่งทำให้อกข้างซ้ายเจ็บปวดราวกับโดนขย้ำก้อนเนื้อที่กำลังเต้นด้วยแรงบีบเต็มกำลัง

เขาเจ็บเพราะฤดูร้อนที่ก็อยากบอกทะเลด้วยคำนั้นเหมือนกัน

แต่ถ้าแสงแดดร้อนแรงในช่วงไม่กี่เดือนเลือกที่จะโกหก นั่นอาจจะหมายความว่าทะเลจะไม่ได้เจอฤดูร้อนอีกเลยก็ได้ เขาจะฝ่าพายุฝนที่โหมกระหน่ำตลอดไปได้อย่างไร ทางเลือกที่จะให้ทะเลได้ไปเจอฤดูร้อนที่งดงามกว่านี้คงจะดีแล้ว

ดีที่สุดแล้ว


“ถ้ายืนยันที่จะเป็นแบบนี้”

“...”

“กูคงเกลียดหน้าร้อนตลอดไป”









#ฤดูร้อนของทะเล

-------------------------------------



กรี๊ดดดด ได้ฤกษ์เปิดเรื่องใหม่แล้วววว

เปิดมาด้วยดราม่าแต่ยืนยันว่าไม่ดราม่าควีนแน่นอนนนน

เพราะไม่ถนัดจริงจี๊งงงงงงง5555555

ยังไงฝากด้วยนะคะ จุ๊บบบบบ

#ฤดูร้อนของทะเล

@mifengbeexx
หัวข้อ: Re: ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | Up : Prologue [26-01-20] เปิดเรื่องใหม่ :)
เริ่มหัวข้อโดย: mifengbee ที่ 26-01-2020 21:29:15
SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀
ตอนที่ 1

ร้อนลาเต้
[/size]



“อันนี้รวมกันเรียกพันธะอะไรนะลูก”
“ไอออนิกค่า คร้าบ”
“ถูกค่ะ ถูกค่ะ ไปข้อต่อไปค่ะ”

อะไรอะ ยังอ่านโจทย์ไม่ทันจบเลยทำไมรีบตอบกันจัง คนนั่งหน้านี่มีแต่คนเก่ง ๆ หรือไง หรือควรย้ายที่ดี แต่ไม่เอาดีกว่า ไม่ใช่คนเรียนเก่งอยู่แล้ว นั่งตรงไหนก็เหมือนกันแหละ เนอะ

“มึงยิ้มอะไรวะคิม”

“ป่าวนี่”

“เรียนจนบ้านะมึง” เมธาวินเพื่อนสนิทตัวติดกันยิ่งกว่าเหาฉลามถามขึ้น ทั้งที่มันก็ไม่ได้ตั้งใจเรียนไปกว่าผม

“ใช่ แต่ก็ไม่เห็นได้อะไรนะ ฮ่า ๆ ๆ”

รู้ตัวว่าเรียนไม่เก่ง และไม่เก่งอะไรเลย เป็นเด็กผู้ชายธรรมดาที่โชคดีเกิดในบ้านพรั่งพร้อม และให้โอกาสชีวิตผมดีกว่าเด็กคนอื่น ๆ ในประเทศนี้ ถ้ามีคนถามว่ามีโอกาสทำไมไม่ทำให้ดี ก็ถามตัวเองมาหลายครั้งแล้ว แต่สุดท้ายก็รู้ตัวว่าทำให้ดีกว่านี้ก็ยากเหลือเกิน

‘คิมหันต์’ มาจากฤดูร้อนของฮาวายที่พ่อและแม่ไปให้กำเนิดเขาที่นั่น พวกท่านรักกลิ่นอายแดดและคลื่นทะเล ความร้อนแรงที่สดใสมันช่างเป็นรสสัมผัสที่พอเหมาะ ท้องฟ้าสีฟ้าที่สุดในห้วงเวลาแค่ไม่กี่เดือน เป็นที่มาของชื่อที่เต็มไปด้วยความรัก

อ้อ แต่สิ่งหนึ่งที่บอกได้ว่าถนัดอย่างเต็มปากคือวาดรูป

พันธะเคมียุ่งเหยิงกำลังแปรเปลี่ยนเป็นรูปการ์ตูนสุดแสนจะเป็นเอกลักษณ์ สัญลักษณ์ทางเคมีถูกเติมหู ตา จมูก และร่างกายส่วนอื่น จนกลายเป็นเรื่องราวลายกราฟิตี้ที่ใครเห็นก็ต้องว้าว และนั่นถูกบรรจงจรดด้วยดินสอกดแท่งสีชมพูแทบทุกหน้ากระดาษ

แม่เห็นต้องภูมิใจในตัวเขาแน่!

“สวยนะคะน้องคิม”

“ฮะ คะ ครับ”

งานเข้าแล้วมั้ยทำไมเพื่อนตัวดีข้าง ๆ ไม่บอกวะเนี่ย เขาน่ะโดนอาจารย์อุ้มจ่อไมค์หลายคาบแล้ว คราวนี้เดินมาถึงโต๊ะเลย ไม่อยากโดนล้อว่าเป็นคนดังห้องสดแล้วนะ

“กล้องตามครูมาหน่อยค่ะ นี่มาดูสิ ทุกคนมันสวยมากเลยว่ามั้ยคะ”

“...” ใบหน้าขาวหน้าเจื่อน หนังสือเคมีถูกยกขึ้นที่กล้อง ทุกคนในห้องจดจ้องไปที่มัน เสียงฮือฮาทำเอาห้องเรียนไม่สงบ

“ถ้ามีอะไรสวย ๆ แบบนี้นักเรียนคงตั้งใจเรียนน่าดูเลยนะคะ”

“เอามาซีร็อกหน่อย จะเอาไประบายสี” เสียงใครบางคนตะโกนจากหลังห้องอีกฟากมา และทุกคนพากันหัวเราะขำขัน

“...” เจ้าของผลงานก้มหน้ากว่าเดิม เพราะอับอายกับสิ่งที่ทำลงไปในหนังสือเรียน รู้งี้วาดในสมุดสเก็ชก็ดี

“หนังสือเรียนปีหน้า ครูขอให้น้องคิมมาวาดให้หน่อยนะคะ”

“คะ ครับ”

“เดี๋ยวไว้ว่ากันเนอะ มาค่ะเด็ก ๆ เราถึงไหนกันแล้ว”

“มิว ครูว่าไงนะเมื่อกี้”

“ให้มึงวาดปกหนังสือเรียนปีหน้า”

“จริงป่ะ!! หื้อออ ไม่ได้หูฝาดใช่ป่ะ”

“เออ”






---------------------------------------





คนที่โดนทาบทามให้มาเป็นคนวาดรูปหน้าปกหนังสือเรียนปีหน้าดูจะตื่นเต้นจนไม่เป็นอันเรียน รอยยิ้มกว้างประทับลงบนใบหน้า ที่ผมนิยามให้ว่า ‘นุ่มนิ่ม’ เขาเหมือนมาร์ชเมลโลสีขาวเนียน และจินตนาการได้ไม่ยากว่าถ้ากัดลงไปจะละมุนลิ้นแค่ไหน

คิมเด็กห้องสดผู้โด่งดัง

ได้เจอตัวจริงสักที


ลงทุนย้ายจากห้องวิดีโอแถวโรงเรียน มาเรียนใจกลางเมืองเพื่อที่จะได้เจอนุ่มนิ่มตัวจริงเสียงจริง ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกันยังหานิยามให้ตัวเองไม่ได้ว่าทำแบบนี้ทำไม

รู้แค่ถูกชะตา

เวลาเห็นเจ้าของรอยยิ้มสดใสในห้องสดที่ตัวเองกำลังดูอยู่ก็ยิ้มตามออกมาดื้อ ๆ ทั้งที่บางทีเขาก็ไม่ได้ทำอะไร นอกจากควงปากกา แอบหลับในห้อง หรือตั้งใจเขียนอะไรยุกยิกในหนังสือเรียน

“นี่มึงชวนกูมาเรียนที่นี่แต่กูยังไม่เห็นมึงเขียนอะไรเลยไอ้เล”

“เออกูตั้งใจฟังอยู่ไง ถ้าสำคัญก็จำได้เองอะ”

“จ้า พ่อทะเล พ่อคนเก่ง พ่อจีเนียส”

“มึงเงียบ ๆ ดิ๊เตี๋ยว กูตั้งใจฟังอยู่”

ไอ้ที่ตั้งใจฟังน่ะ คือฟังว่านุ่มนิ่มคุยอะไรกับเพื่อนเขาต่างหาก

‘ทะเล’ ใช่ ทะเลน้ำเค็มนั่นแหละ ชื่อผมเท่อะดิ ก็เหมาะกับคนเท่ ๆ แบบผมนะ ไม่ได้จะอวยตัวเองแต่ผมเป็นคนเท่จริง ๆ เรียนชายล้วนมีแฟนคลับเป็นแก๊งค์นางฟ้า และรุ่นน้องแฟนบอยเต็มโรงเรียน แม้จะไม่ได้พิศมัยขนาดนั้นก็ตามที

ถ้าจะให้ถ่อมตัวหน่อยก็ต้องบอกว่าจริง ๆ เป็นเด็กกิจกรรมเลยเสนอหน้าทำมันทุกอย่างที่โรงเรียนให้เข้าร่วม ทั้งสภานักเรียน นักฟุตบอล นักร้องประจำโรงเรียน ทำมันทั้งหมด การได้ทำกิจกรรมคือการได้เพื่อน ได้พี่ ได้น้อง การถูกรายล้อมด้วยผู้คนทำให้เราได้เจอประสบการณ์อะไรหลายอย่าง

จะชมว่าเท่ก็ได้นะ

“มึงกลับไงวันนี้”

“เดี๋ยวว่าจะกลับเอง ขี้เกียจรอพี่สม”

“ได้ไงวะ วันนี้คุณหนูทะเลจะกลับบ้านเอง”

“คุณหนูก็เหี้ยละ กูไม่ได้เป็นง่อยมั้ยก็กลับเองได้”

“งั้นเดี๋ยวกูกลับก่อนละกัน พี่เจจะมารับ”

“พี่ชายข้างบ้านมึง? บางนาสยามใกล้ดี”

“นี่มึงทำไมชอบแซวเรื่องนี้วะ”

“ก็เปล่า เขาดูห่วงมึงดี”

“แน่ดิก็กูน่ารัก”

ทะเลยกยิ้มมุมปากกับการยอมรับว่าตัวเองน่ารักของกนกกรหรือก๋วยเตี๋ยว มันเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน เด็กผู้ชายตัวเล็กกว่าเด็กหนุ่มทั่วไป ที่แน่ ๆ ตัวเล็กกว่าทะเลที่สูงได้มาตรฐานนักกีฬาร้อยแปดสิบต้น ๆ แต่เพื่อนตัวเล็กดันหยุดโตตั้งแต่ร้อยหกสิบห้า ผิวดี ขาวจั๊วเหมือนเส้นก๋วยเตี๋ยว สุดท้ายก็เลยยอมรับว่าตัวเองน่ารักได้ตอนมอห้า

และก็ทำตัวน่ารักมาก ๆ กับพี่เจของมัน

คนเขามองออกทั้งโลก ยกเว้นเจ้าชื่อที่ชวนหิวนั่น

หลังจากที่โบกมือลาก๋วยเตี๋ยวเสร็จก็มายืนเต๊ะท่าที่หน้าโรงเรียน ใส่หูฟังทั้งที่ไม่ได้ฟังเพลงอะไร สายตาจับจดไปที่ประตูรอให้คนที่อยากเห็นหน้าเดินออกมา

“มึงเลิกยิ้มได้ละคิม”

“ก็กูดีใจนี่”

นั่นไงเดินออกมาแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเขาชัด ๆ ไม่ใช่ผ่านจอสี่เหลี่ยมในห้องเรียนพิเศษหรือจอมือถือที่แอบฟอลไอจีเขามาสักพัก และมันยิ่งกว่าที่คิดไว้ มาก…

ผู้ชายตัวสูงสมส่วน ผิวขาวเนียนอมชมพู ดวงหน้าแต้มยิ้มตลอดเวลา ตากลมโตเป็นประกาย รับกับแพขนตาหนายิ่งขลับให้ภาพรวมใบหน้าหวานเกินกว่าผู้ชายทั่วไป อาจจะผอมบางไปหน่อยแต่ก็สมสัดส่วนดี เสื้อรีดเรียบคมกริบ และกางเกงสีน้ำเงินสั้นเลยเข่า เข็มกลัดเอกลักษณ์และกระเป๋าบ่งบอกถึงสถาบันที่ไม่ใช่เด็กธรรมดาจะเข้าได้ ถ้าไม่ใช่อัจฉริยะ ก็บ้านมีเงินระดับเศรษฐี เหมาะกับเขาดีไม่ใช่หรือไง

ยกมือกุมหน้าอกจากใจที่เต้นแรงจนจะทะลุออกจากอก

เกินจินตนาการไปมาก

จังหวะการเดิน กระชับกระเป๋า หรือกระทั่งยิ้มให้เพื่อนเขามันเป็นธรรมชาติที่ใครก็ไม่เหมือน เวลาเขายิ้มตาโตของเขาจะยิ้มไปด้วย รอยเล็ก ๆ ที่แก้มสามขีดเหมือนหนวดแมวไม่ผิดเพี้ยน ไม่เคยชมผู้ชาว่าน่ารัก นี่จะเป็นครั้งแรกในชีวิต

น่ารักจนเจียนจะบ้า






------------------------------






วันเสาร์ที่ต้องไปเรียนพิเศษนี่มันช่างหดหู่จริง ๆ แกล้งไม่สบายแต่แม่ก็จับได้อยู่ดี ทำไมคนเราต้องเรียนเยอะขนาดนี้ด้วยนะ แค่ที่โรงเรียนก็จะแย่แล้ว นี่เสาร์อาทิตย์ยังต้องไปเรียนอีก เฮ้อ คนอื่นเขาจะขี้เกียจแบบนี้มั้ยนะ

“ไปเลยตัวดี วันนี้ขับรถไปแล้วกัน แม่ขี้เกียจไปรับ”

“เนี่ยแม่อ่า คิมก็ขี้เกียจ”

“ขี้เกียจเรียนอะสิ”

“รู้ทันอะ” ผมย่นจมูกใส่ผู้หญิงที่ผมรักที่สุด และรู้ทันผมที่สุดอีกคนเหมือนกัน

“รีบไปได้แล้ว จะสายแล้วเนี่ย” คุณนิภาพรรณยื่นกุญแจรถให้ และก็ต้องจำใจยอมรับมาแต่โดยดี กดกุญแจปลดล็อก BMW series 5 ก่อนจะขับออกมาจากหมู่บ้าน คิมหันต์ขับรถเป็นตั้งแต่ช่วงมอต้น แต่เพิ่งได้ขับจริงจังหลังจากทำใบขับขี่ ก็ชอบขับรถนะ ได้พาที่บ้านไปนู้นไปนี่ ได้พาเพื่อนไปในที่ ๆ อยากได้ ยกเว้นขับไปเรียนนี่แหละ

ค่อนวันที่ต้องใช้เวลาไปกับสูตรคณิตศาสตร์อะไรไม่รู้ ตีกันยุ่งเหยิง เว็กเตอร์คืออะไรยังไม่เข้าใจเลย แล้วเอาไปใช้ทำอะไร เหอะ ๆ

“มึงจะกลับเลยป่ะคิม”

“ทำไมอะ เหมือนมึงจะชวนไปไหน”

“แหม่ก็มึงเอารถมาทั้งที ไปกินขนมกันป่ะ” เมธาวินจอแจทุกทีที่เขาเอารถมา

“นั่นดิ ไปป่ะ กูอยากไปร้านที่เขารีวิวกันอะ” พิสิษฐ์ก็อีกคน

“นะคิมนะ น้าาา”

“กูไม่ใช่ผัวมึงมั้ยมาอ้อนอยู่ได้ เออไปก็ไปจ้า”

“เนี่ยทำเป็นเล่นตัว คิมของกูแม่งใจดีอยู่ละ ป่ะ ๆ เร็ว ๆ สิมิว มึงรอพ่อมาตัดริบบิ้นหรือไง”

เมธาวินและพิษฐ์เป็นเพื่อนสนิทที่กวนประสาทตลอดเวลา เรารู้จักกันตั้งแต่เรียนอนุบาล เขาเป็นคนมีเพื่อนเยอะ แต่เพื่อนสนิทจริง ๆ ที่โรงเรียนคงมีแค่สองคนนี้แหละ

เมธาวินอยู่ห้องเดียวกันตอนมอปลาย ส่วนพิสิษฐ์เพิ่งมาแยกกันตอนมอหกนี่แหละ เพราะเกรดดีจนได้ย้ายหนีไปห้อง Gifted ไม่รั้งรอเราสองคนอีกต่อไป อนาคตหมอรั้วสีชมพูคงไม่ไกลเกินเอื้อมสำหรับเขา ส่วนนายคิมหันห์กับนายพิสิษฐ์แล้วแต่ชะตาฟ้าลิขิตละแล้วกัน

ขับรถมาไม่ไกลจากที่เรียนพิเศษเท่าไหร่ ผู้โดยสารสองคนนั่งเถียงกันเรื่องซอยที่จะต้องเข้าไปจอดรถอยู่นาน จนสารถีสังเกตเห็นว่ารถคันหนึ่งออกจากที่จอดหน้าร้านพอดี เลยได้โอกาสเข้าไปจอดแทน พวกมันเลยเลิกเถียงกันให้หนวกหู

“มึงกินอะไรคิม” พิสิษฐ์ดูจะตื่นเต้นกับการตกแต่งร้านจนเดินไปถ่ายรูปมาแล้วรอบหนึ่ง เพื่อนตัวสูงคนนี้ถ่ายรูปสวยมาก เก่งไปหมดทุกอย่าง จนนึกอิจฉา

“โกโก้แล้วกัน กูขอหวานน้อยนะ”

“ส่วนกูขออเมริกาโน่ผสมน้ำส้มแล้วกัน”

“โหหหห สะเออะแดกของดีด้วย แล้วกินกาแฟเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”

“กินเป็นวันนี้แหละ เดี๋ยวจะเป็นเฟรชชี่ละต้องทำตัวคูล ๆ ไว้”

“แน่ใจว่าจะสอบเข้าได้?” พีททำสีหน้าล้อเลียน

“เชี่ย ไอ้เหี้ยพีทกูโกรธมึงแล้ว” ส่วนมิวไม่เล่นด้วยซะแล้ว

การเป็นเด็กมอหกที่ต้องมารับแรงกดดันจากการสอบหฤโหด นี่เปิดเทอมมาเดือนเดียวต้องสมัครสอบไปแล้วสองสนาม ยังไม่รวมสนามกลางที่จะต้องลงทะเบียนอีกเร็ว ๆ นี้ ทำไมเด็กอายุแค่ 18 ปีต้องมาเลือกทางเดินทั้งชีวิตด้วยวัยแค่นี้ด้วย

และก็ไม่ใช่แค่เมธาวินที่เครียด คิมหันต์เองก็ด้วย

พ่อและแม่บอกแล้วว่าสอบไม่ติดก็เรียนเอกชนได้ แต่เขาจะทำให้พ่อแม่ภูมิใจไม่ได้เลยสักครั้งหรือไง ค่าเทอมที่ได้เข้ามาเรียนที่นี่ตั้งแต่เด็กไม่ใช่ถูก ๆ แต่ก็ยังไม่ตั้งใจให้สมกับความทุ่มเทของพ่อและแม่

“เห้ยกูล้อเล่น” พิสิษฐ์หน้าเจื่อนเพราะไม่คิดว่าคำพูดธรรมดา ๆ จะกระทบใจคนฟังขนาดนี้ “มิว กูขอโทษ”

คนกลางได้แต่ส่ายหัวให้กับความบ้าบอของพวกมัน วางสิบบาทเลยเดี๋ยวคนปากพล่อยก็จะเดินไปสั่งชีทเค้กบลูเบอร์รี่มาง้อเพื่อนสนิทของมัน นั่นไงคิดผิดที่ไหนมันดุม ๆ ไปหน้าเคาน์เตอร์เรียบร้อย เมธาวินที่นั่งฟังเพลงด้วยแอร์พอดเสียงดังตาโตขึ้นทันทีที่เห็นของโปรดวางตรงหน้าด้วยพนักงานจำเป็นของร้านที่หน้าตาสุดคุ้น

เห้อ

นี่มีเพื่อนยังไม่จบปอสี่หรือไง

ร้านนี้ค่อนข้างเงียบสงบ แม้จะมีคนจับจองเต็มร้านก็ตาม มีป้ายงดใช้เสียงสีเหลืองพร้อมรูปยิ้มติดตามโต๊ะ ค่อนข้างเล็กแต่ก็มองเห็นชัดเจน ทุกคนจึงต่างนั่งเงียบ ๆ ทำงาน อ่านหนังสือ จิบกาแฟ และคุยกันด้วยเสียงกระซิบ ท่ามกลางดอกไม้และต้นไม้หลากหลายชนิดที่ประดับรายล้อมร้าน ทั้งดอกไม้สดและดอกไม้แห้ง กระทั่งต้นไม้ในกระถ่างน้อยใหญ่ก็ถูกจัดเรียงเป็นระเบียบและเข้ากันดี

ดอกไฮเดรนเยียในตู้กระจกข้างหลังเคาน์เตอร์คือจุดดึงดูดให้ใครต่างมุ่งหน้ามาที่นี่ เพราะไม่ใช่ที่ไทยจะได้เห็นดอกสีม่วงช่อใหญ่นี่ได้ตามรั้วเมื่อไหร่ มันต้องถูกนำเข้าและเลี้ยงดูอย่างดี แต่ที่นี่ไม่ได้ให้เข้าไปจับหรือถ่ายรูปใกล้ ๆ ต้องสร้างคอนเท็นต์ผ่านกระจกเท่านั้น

“ไหน ๆ ก็ว่างแล้ว กูจะถามเรื่องค่ายบริหารของพี่ไอ้อ้นมันอะ คือถ้าเราจะไปมันจะได้บอกพี่มันให้กั๊กที่ให้” เมธาวินถามเพื่อนหลังจากที่เขาจัดการดูดนมชมพูหมดแล้ว อเมริกาโน่ผสมน้ำส้มอะไรนั่น ดูดคำแรกก็แทบหาน้ำล้างปากไม่ทัน เท่แดกไม่ได้จริง ๆ ครับ

“ทำไมเราไม่สมัครกันเองอะ งี้จะไม่กันที่คนอื่นหรอ” คิมหันต์ไม่ชอบความ privileged เท่าไหร่นัก เพราะคนอื่นอาจจะอยากไปมากกว่า เขาพยายามแต่สุดท้ายก็ดันมีคนแบบนี้ตัดหน้า

“ไม่เป็นไรหรอกน่าาา คนกันเอง”

“แต่ไม่เคารพสิทธิคนอื่น”

“เป็นไงโดนน้องคิมด่าเลย สมหน้ามึงไอ้พีท” เพื่อนเจ้าของลักยิ้มทำหน้าล้อเลียน หายโกรธเพราะเค้กชิ้นเดียว นี่ก็กำลังจะตีกันใหม่อีกรอบ

“งั้นพวกมึงจะไปมั้ย จะได้สมัครพร้อมกัน”

“ทำไมมาค่ายบริหาร ไม่ไปหมออะ”

“หญิงเยอะ”

“ควาย”






มีต่อ






หัวข้อ: Re: ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | Up : Prologue [26-01-20] เปิดเรื่องใหม่ :)
เริ่มหัวข้อโดย: mifengbee ที่ 26-01-2020 21:35:37
นี่มันเป็นวันเสาร์ที่โคตรจะแช่มชื่นในหัวใจ เหมือนได้ยืนบนไหล่เขาที่ซาปา ไม่คิดเลยว่าการมานั่งติสต์แตกคนเดียววันที่ร้านกาแฟเปิดใหม่จะได้เจอสวรรค์ก่อนตาย อ่า ความจริงมานั่งรอพี่ชายมารับกลับบ้าน รายนั้นไปทำรายงานกับเพื่อนที่คณะของมหาวิทยาลัยไม่ไกลจากตรงนี้

ไม่ได้ติ๋มที่จะขับรถไม่ได้นะ

แค่ยังสอบใบขับขี่ไม่ผ่าน

ก็ไปสอบเองที่กรมขนส่งมันเลยยากกว่าสอบที่โรงเรียน



กลับมาที่สวรรค์บนดินของดีกว่า นุ่มนิ่มในชุดเสื้อยืดสีขาวของ pual smith และกางเกงยีนส์ขาเต่อ รองเท้าผ้าใบ้ น่ารักเท่าโลกทั้งใบเลย อยากจะตะโกนสิ่งที่มันจุกในอกแต่ทำได้แค่ดูดลาเต้ในแก้วแก้อาการประหม่า ทั้งที่ยังไม่รู้จักเขาเลย

“ทะเล ทะเลป่ะ”

“อ้าวพี่เชน สวัสดีพี่”

“เออหวัดดี ทำไมมานั่งคนเดียววะ”

ราเชนทร์เป็นเพื่อนของสายลมพี่ชายอีกคน เคยไปที่บ้านหลายครั้ง ก็ด้วยเพราะเรียนสถาปัตย์มันต้องช่วยกันตัดโมเดลบ่อย ๆ ที่บ้านก็พอมีพื้นที่ ช่วงทำโปรเจ็กต์บ้านก็จะกลายเป็นสมรภูมิกระดาษลัง

“มารอพี่ลมอะ แล้วพี่ไม่ได้ไปทำงานกับพี่ลมหรอ”

“ไปดิ นี่มาแวะซื้อกาแฟให้พวกมันนี่แหละ แม่งกูไปสายแค่นิดเดียวได้โอกาสใช้กูเลย”

“เขานัดกันสิบเอ็ดโมงไม่ใช่หรอ” ตอนนี้จะบ่ายโมงแล้วครับ

“อะ เออ ก็ไม่ได้นานมากป่ะวะ เออกูไปสั่งกาแฟก่อน ขี้แซะทั้งพี่ทั้งน้อง”

ทะเลหัวเราะเล็กน้อยแล้วก็สอดส่องสายตาไปหาเป้าหมายเดียวต่อ เจ้าของรอยยิ้มสดใส หัวเราะกับการนั่งดูเพื่อนอีกสองคนเถียงกัน เหมือนได้กลิ่นดอกคาโมมายด์ออกมาจากตัวเขายังไงไม่รู้ มันผ่อนคลาย เย็น ๆ แค่มองยังรู้สึกสบายตาสบายใจ

นี่โคตรเป็นเอามาก

ราเชนทร์ทักทายน้องชายของเพื่อนก่อนเดินกลับออกไป เขาชะงักเล็กน้อยเมื่อเดินผ่านโต๊ะของเด็กผู้ชายสามคน ก่อนที่ทั้งสามคนยกมือไหว้กันใหญ่ แถมยังเสียงดังจนลืมตัวก่อนจะดึงแขนแกร่งนั่นให้นั่งเก้าอี้ว่าง นุ่มนิ่มดูดีใจกว่าใครที่เจอเขาา จู่ ๆ ทะเลก็ขมวดคิ้วอัตโนมัติ รู้จักกัน?

จู่ ๆ ก็คิดอะไรดี ๆ ออก ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว รวบของทุกอย่างใส่กระเป๋าเป้แล้วรีบเดินไปให้ถึงโต๊ะเป้าหมาย ก่อนจะเรียกรุ่นพี่เสียงเบา

“พี่เชน ติดรถไปด้วยดิ จะไปรอลมที่คณะ”

“อ้าวมึงเอางั้นหรอวะ อีกนานนะกว่าจะเสร็จ”

“ถ้านานจะกลับก่อน ขี้เกียจรอคนเดียว”

ทะเลคุยกับราเชนทร์แต่ตาแทบจะไม่นิ่ง ลอกแลกไปมาไม่มีจุดโฟกัส จะมองหน้าพี่ชายคนข้าง ๆ ก็ทำได้ไม่เต็มตาเพราะอยากเห็นคนที่นั่งข้างเขาใกล้ ๆ จะหลบตาก็ดูจะมีพิรุธ โอเคใจเย็น ๆ ทะลคนคูลต้อง keep claim ทั้งที่ใจเต้นจนจะทะลุอกก็ตาม

“งั้นมึงนั่งกับพวกนี้ก่อนดิ เดี๋ยวกูมารับ ต้องเอารถไปขนของก่อน”

“เอ่อ มะ ไม่เป็นไรพี่ งั้นเดี๋ยวกลับไปนั่งที่เดิม” ทะเลไม่ได้คิดให้เรื่องมันเป็นแบบนี้สาบานได้ ทำไมเพื่อนพี่ชายทำกับเขาแบบนี้

“นั่งด้วยกันได้ ๆ มีที่พอดี” คิมหันต์พูดกับทะเลด้วยประโยคธรรมดา ๆ  แต่คนฟังน่าจะจำไม่ลืม

“เออนั่งดิ ชิล ๆ น่า” เพื่อนอีกคนเอ่ยตาม ผู้ชายตัวสูงกับเสื้อ Gucci คอลเล็กชั่นใหม่

“มึงนั่งกับพวกมันนี่แหละ น้อง ๆ กูทั้งนั้น นี่ไอ้มิว พีท แล้วก็คิม นั่นทะเล มันเรียนที่เซนต์รอแยล น่าจะอยู่มอเดียวกันแหละ งั้นกูไปก่อนนะ เดี๋ยวกูมารับไอ้เล”

“...” คนตัวโตยังไม่ทันได้พูดอะไรกระทั่งด่าเพื่อนพี่ชายสุดเจ้ากี้เจ้าการ ทั้งที่วิธีง่าย ๆ คือแค่ให้เขากลับไปนั่งที่เดิมมันก็ไม่ทำ ดันต้องมานั่งที่โต๊ะรวมกับคนที่อยากเจอ แต่ไม่พร้อมจะเจอที่สุด

ไปนอนบ้านครั้งหน้า จะให้ให้ตุ้ยไล่กัด

“ดี นั่งดิ”

“ขอโทษนะที่ต้องรบกวน แต่กลับไปนั่งที่เดิมดีกว่า”

“เราว่าไม่น่าทันแล้วป่ะ มีคนนั่งไปแล้วอะ” นุ่มนิ่มพยักเพยิดไปทางด้านหลัง เลยหันไปเจอที่นั่งตำแหน่งดีโดนเสียบไปเรียบร้อย โชคดันมาเข้าข้างอะไรเวลานี้

“งั้นจะนั่งเงียบ ๆ นะ คุยกันต่อเลยไม่ต้องเกรงใจ”

“คุยกับไอ้คิมไปนะ ทางนี้กับมิวต้องกลับไปเรียนพิเศษต่อว่ะ หรือโดดดีวะมิว”

“โดดบ้านมึงดิ มึงต้องเข้าเรียนกับกูแล้วมาติวให้กูด้วย หรือมึงจะไปเรียนคนเดียว มีแค่สองช้อย”

“เออ ๆ ไปก็ไป แม่งมีแต่เพื่อนตัวดี ๆ ทั้งนั้น พวกกูไปนะน้องคิม”

นะ น้อง คิม...

“บายคิม ไว้เจอกันนะทะเล”

ทะเลยกมือให้ทั้งสองคนที่โบกมือมาให้ก่อน รู้จักกันไม่ถึงสองนาทีก็ต้องจากกันซะแล้ว แถมทิ้งระเบิดลูกใหญ่กว่าบิ๊กแบงไว้ให้ด้วย เหลือบสายตาไปมองคนตรงข้ามแว้บนึง แว้บเดียวจริง ๆ ไม่กล้ามองตาโตขนตาเป็นแพนั่นน่ะ กลัวใจเต้นจนเขาได้ยินเสียง

“แล้วนี่ไม่ไปไหนหรอ” บังคับตัวเองไม่ให้เสียงตกร่องแม้มันจะยาก แต่จะหลุดเด๋อทั้งที่ลุคเท่ขนาดนี้ไม่ได้

“ไม่อะ เราแค่ขี้เกียจขับรถกลับ เดี๋ยวว่าจะอ่านหนังสือ” พอเขาพูดคำนี้จบก็ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะค้นหาอะไรในกระเป๋าแล้วเปิดมันออกมากาง พร้อมอุปกรณ์เครื่องเขียนเล็กน้อย น่าแปลกใจที่เขาไม่ใช้ปากกาสี ๆ เหมือนคนอื่น

เห็นเขาทำแบบนี้ก็เลยว่าจะหาทางออกด้วยการทำแบบเขาเหมือนกัน ต่างคนต่างอ่านหนังสือคงเป็นทางเลือกเดียวจริง ๆ ที่จะหลุดรอดจากสถาการณ์นี้ไปได้ ทะเลเปิดไอแพดของตัวเองและไล่อ่านสิ่งที่เพิ่งเรียนพิเศษไปเมื่อเช้า

“โห ใช้ไอแพดด้วยหรอ”

“แปลกหรอ” คนตรงข้ามดูตื่นเต้นนิดหน่อย ตาโตนั่นเบิกกว้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้มากมาย

“เปล่า ๆ เคยอยากได้ แต่คิดไปคิดมาก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรนอกจากเล่นเกม โทษทีไม่กวนละ”

คิมหันต์ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อ เขาเองก็ไม่ได้ตอบกลับอะไรไป เอาจริงไม่กล้าตอบมากกว่า แค่คนตรงข้ามพยายามที่จะพูดคุยด้วยทั้งที่เพิ่งรู้จักกันก็น่ารักฉิบหายแล้วไม่ใช่หรือไง ยังรู้สึกว่าตัวเองมีปฏิสัมพันธ์แย่มากกับคนตรงหน้า

เรานั่งเงียบ ๆ ร่วมยี่สิบนาที ทะเลแทบไม่กล้าเงยหนาขึ้นจากจอสี่เหลี่ยมขนาดสิบนิ้วนี้เลย ทั้งที่ไอ้ที่กำลังอ่านอยู่ไม่เข้าหัวสักประโยคเดียว ส่วนคนตรงข้ามเหมือนจะไม่ได้อ่านหนังสือแต่กำลังวาดอะไรสักอย่างลงหนังสือเล่มขนาดเท่าฝ่ามือ โดยไม่ได้สนใจหนังสือที่เอาออกมาก่อนหน้าอีกแล้ว และไม่นานเขาก็ฟลุบตัวลงไปกับโต๊ะ

และกำลังจะนอน…

ฉิบหาย

ปากกาไอแพดที่กำลังถืออยู่ถึงกับร่วงออกจากมือ แก้มเนียนละเอียดแนบที่แขนขาวเนียน ก้อนกลม ๆ นั่งกองอยู่กับแขนของเขา เส้นผมเล็กลู่ลงกับกรอบหน้า เสียงลมหายใจเริ่มสม่ำเสมอ เขาาเข้าสู่ห้วงนินทราโดยสมบูรณ์

นุ่มนิ่มที่ปกติก็ทำลายล้างอยู่แล้ว

นุ่มนิ่มตอนนอนหลับคือฆ่าคนทั้งโลก

...

ทำไงดี แค่ได้รู้จักเขามันก็ดีแค่ไหน ดันต้องมาเจอเหตุการณ์ที่ชวนให้อยากรู้จักเขามากขึ้นไปอีก ทะเลคนคูลไม่เคยเสียอาการขนาดนี้มาก่อนในชีวิต

“...”

เจ้าของส่วนสูงร้อยแปดสิบสองกระพริบตาไล่ความคิดอกุศลที่จะแอบถ่ายรูปคิมหันต์ตอนหลับ ทั้งที่เพิ่งรู้จักกันได้แค่ไม่กี่นาที ถ้าเขารู้ต้องโดนฟ้องแน่ทะเล คนวิตถาร บ้ากาม

ครับทะเลเป็นคนนั้น ถ่ายรูปเขาไปแล้ว

อยู่ไม่ได้แล้ว รีบเก็บอุปกรณ์ที่เอาออกมาจากกระเป๋ากลับเข้าที่เดิม ลุกออกจากโต๊ะพะว้าพะวงว่าจะทำแบบนี้ดีไหม ใจป๊อดมาก แต่ถ้าอยู่เจอหน้าเขาก็คงทนไม่ไหวแน่ ๆ ทำชั่วขนาดนี้

จัดการเขียนโน้ตแล้วฝากให้พนักงานร้านเอาไปให้เขาพร้อมนมเย็นและขนมเค้กอีกนิดหน่อยตอนที่เขาตื่น รู้ว่ามันไม่ได้เป็นวีธีการที่ดีเอาซะเลย แต่คิดออกแค่นี้ หวังว่าคงไม่โกรธที่ไปโดยไม่ลา

โครตเชี่ยเลยเจอกันครั้งแรกก็ไม่ประทับใจแล้ว

จบเห่







—————————————————







“หื้ออออ ฮ้าวววว หลับตอนไหนวะ อ้าวหายไปไหนแล้ว” คิมหันต์มองหาคนที่ควรนั่งอยู่ตรงนี้ หรือเขาจะไปเข้าห้องน้ำ แต่ข้าวของอะไรก็ไม่อยู่ตรงนี้ พี่พนักงานผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งกำลังเดินมาที่โต๊ะ กำลงจะเอ่ยปากถาม แต่เขากลับเสิร์ฟของในถาดลงบนโต๊ะ

“พะ พี่ครับ อ้าว ยังไม่ได้สั่งเลยครับ”

“พอดีเพื่อนน้องที่นั่งตรงนี้สั่งไว้ให้ มีโน้ตฝากว้ด้วย”


‘พอดีเรามีธุระต้องรีบไป ขอโทษที’

‘ทะล’


“ซะงั้น ก็น่าจะปลุกกันหน่อย นอนเพลินเกือบสี่โมงเลยเนี่ย”

“กิน!”

คิมหันต์จิ้มบานอฟฟี่เค้กนุ่มละมุนก่อนจะตักเข้าปาก ความหอมของกล้วยหอมและความหวานของเค้กเข้ากันพอดิบพอดี เท็กเจอร์แต่ละชั้นก็ถูกวางมาอย่างพอดี มันเลยกลมกล่อมไปซะหมด เชฟให้ผ่าน! หายกันแล้วกันที่ไม่ปลุก ตื่นเต้มตาเลยทีนี้!

พลันสายตามองเห็นอะไรบางอย่างอยู่ที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม คล้ายสมุด เลยลุกเดินไปดูเพราะอาจจะเป็นของมิวหรือพีท ปรากฏว่าไม่ใช่ทั้งคู่ เป็นสมุดปกสีเหลืองลายโดนัลดักและน่าจะเป็นลิมิเต็ดอิดิชั่นด้วย เพราะเขาเองก็เคยอยากได้แต่มันผลิตแค่ครั้งเดียวตอนฉลองครบรอบเมื่อปีที่แล้ว ของใคร? ทะลหรอ

Thalay Phanichcheewawin

อ่าใช่จริง ๆ ด้วย

จะเอาไปคืนยังไงทีนี้

คิมหันต์คิดถึงราเชนทร์น่าจะพอช่วยได้ หื้อ มีไลน์และเบอ์โทรด้วย? คนอะไรเขียนข้อมูลส่วนตัวไว้ที่หน้าสมุดกัน หรือมันสำคัญกับเขามาก

[Summer : ทะเลลืมสมุดไว้ที่ร้านกาแฟ จะให้เอาไปคืนยังไง]

[Summer : sent a photo]





——————————————————————————————



ลงตอนแรกเลยแล้วกัน5555555555555
ของมันร้อนต้องลงต้องเผาใหม่ ๆ
เปิดตัวแฟนเด็กแห่งชาติน้องทะเล และลูกชายแห่งชาติน้องคิมค่าา
เอ็นดูน้องเยอะ ๆ น้าาา
งุงิ
#ฤดูร้อนของทะเล
@mifenbeexx















หัวข้อ: Re: ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | Up : ตอนที่ 2 ร้อนเลคเชอร์ [26-01-20]
เริ่มหัวข้อโดย: mifengbee ที่ 01-02-2020 20:11:57

SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀
ตอนที่ 2

ร้อนเลคเชอร์
[/size]



คิมหันต์ไลน์ไปหาเจ้าของสมุดเล่มสีเหลืองตั้งแต่วันก่อน วันนี้ก็ยังเงียบ ไม่แน่ใจว่าไอดีไลน์ที่เขาเขียนไว้ผิดหรือโทรศัพท์พัง ทั้งที่คิดว่าน่าจะสำคัญขนาดเขียนคอนแท็กไว้คงเผื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ แต่ก็ดันติดต่อไม่ได้ซะนี่ คงต้องพึ่งคนที่พอช่วยได้อย่างราเชนทร์ แต่รายนี้ก็ติดต่อยากยิ่งกว่าดาราตัวท็อป ไลน์ไปก็ไม่ค่อนอ่าน แถมโทรไปก็ไม่เคยรับ

แต่ดันอัพไอจีสตอรี่

เอ้อ คนยุคนี้เป็นยังไงกัน


ตู๊ดดดด ตู๊ดดดด


นั่นไงคิดผิดที่ไหน

ไว้ก่อนแล้วกัน ถ้ามีโอกาสคงได้คืน

“คิมสมุดอะไรวะ กูเห็นมึงหยิบเอามาดูตั้งแต่วันก่อนแล้วว่าจะถาม”

“ของทะเลอะ จำได้มั้ยทีเจอกันที่ร้านกาแฟ” เมธาวินถามขึ้นหลังจากคาบเรียนที่สามจบลงและกำลังจะลงไปพักกลางวัน คงสงสัยตามประสาคนช่างเผือก

“อ๋อออ เด็กเซนต์ แม่งคนอะไรตัวอย่างกะยักษ์”

“ไปว่าเขาอย่างกับมึงตัวเล็ก”

“ไหนเอามาดูดิ๊สมุดอะไรวะ”

“เห้ย อย่าไปเปิดของขาดูเสียมารยาท”

“ไม่เป็นไรหรอกน่า มันไม่รู้หรอก”

“แต่ระ เรา รู้…”

ไม่ทัน ไม่เคยทัน ทำไมไม่สูงกว่านี้สักหน่อย เพื่อนไซส์หมีขั้วโลกแย่งไปจนได้ มารยาทมันสวนทางกับครอบครัวผู้ดีเก่าเหลือเกิน

“เชี่ยยยย มึง ไอ้คิม ขุมทรัพย์ว่ะ”

“พอเลยมิว มึงแม่งนิสัยไม่ดี” คิมหันต์พยายามจะเข้าไปแย่งสุดจากมิวที่กำลังตาโตเพราะอะไรสักอย่างที่เห็นในสมุดของคนอื่น

“มึงมาดูก่อน เชี่ยยยย” คนตัวเล็กกว่าหลับตาเพราะไม่อยากเป็นคนเสียมารยาทแบบเพื่อน “มึงงง ขอร้องดูก่อน ไม่งั้นมึงเสียใจแน่ ๆ”

“ไอ้คิม” เมธาวินเขย่าตัวเพื่อนที่หลับตาปี๋เบา ๆ เป็นสัญญาณขอร้อง ถามว่าไม่อยากรู้หรอว่าในสมุดเขียนอะไร ทำไมจะไม่อยากรู้ ตัดใจไม่เปิดอยู่หลายวัน แต่ก็ไม่อยากเสียมารยาทไปมากกว่านี้

เออเอาก็เอาวะ อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะมีอะไรที่ทำให้เพื่อนไซซ์ยักษ์ตื่นเต้นขนาดนี้

“มึงดูดิ นี่ และนี่ นี่อีก”

“...” คิมหันต์กำลังอ้าปากค้างกับสิ่งที่เห็น

“ใช่ป่ะ นี่แม่งขุมทรัพย์อะ”

“เขาเป็นอัจฉริยะแน่ ๆ”

“หรือไม่ก็พวกเราโง่เอง”

เจ้าของลักยิ้มพยักหน้ารับกับสิ่งที่เพื่อนสนิทพูด ตัวเลขที่ปรากฏต่อสายตา ไม่ใช่แค่เลคเชอร์หลังจากเรียน แต่นี่สามารถเรียกว่าเป็นตำราได้เลย สูตรลัดในการทำโจทย์ ทริคเล็ก ๆ จดประกอบแทบทุกตัวอย่าง เจ้าของส่วนสูงร้อยเจ็ดสิบเจ็ดรู้สึกมาตลอดว่าคณิตศาสตร์คือยาขม แต่สำหรับคน ๆ นี้มันน่าจะเป็นเกมที่เขาอยากเล่นให้ไปจนถึงด่านบอส

ไม่ใช่คน

ไม่ใช่คนแน่ ๆ

“มึงว่าเราเอาไปซีร็อกส์ดีป่ะ”

“มันเหี้ยมิว พอได้แล้ว กูจะฝากพี่เชนไปคืนเขา”

“เห้ยคิม นี่อาจจะเป็นความหวังเดียวที่เราจะสอบติดมหาลัยที่เราอยากเข้านะเว้ย”

“...”

“...”

“เราไม่ติดมหายลัยเพราะวิชาเลขตัวเดียวป่ะ”

“ข้างหลังกูเห็นมีฟิสิกส์กับเคมี และแกทเชื่อมโยง”

“ไอ้มิว นี่มึงเปิดดูถึงไหนเนี่ย!” แม้จะตัวสูงน้อยกว่า แต่ก็แย่งสมุดคืนมาได้ และเอาสันคม ๆ ตีตัวมันไปที

“น่าคิม กูอยากสอบติด กูไปเรียนไม่เคยเข้าใจเลย แต่กูเข้าใจโจทย์ข้อเมื่อกี้เพราะอ่านที่ทะเลเขียน”

“แต่มันไม่ต่างจากขโมย มึงจะภูมิใจหรือไงที่สอบติดเพราะขโมยเลคเชอร์คนอื่น”

คิมหันต์รู้ว่าเพื่อนเครียด เขาก็ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ จะสอบอีกไม่กี่อาทิตย์ยังรู้สึกกลวงแทบจะไม่มีอะไรอยู่ในหัวเลย จับใจความอะไรไม่ได้สักอย่าง ไม่รู้วิชานี้ต้องอ่านอะไร เน้นตรงไหน มันเคว้งคว้างไปหมด นี่เป็นประกายความหวังแรกเลยที่มองเห็น

แต่ถ้าทำแบบที่เมธาวินบอกมันก็จะไม่ถูกต้อง และจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด มันจะต้องมีวิธีที่ดีกว่านั้นสิ

[Sea : นี่ใครหรอ เก็บได้ที่ไหน]
[Sea : สะดวกให้ไปรับคืนได้มั้ยครับ พอดีมันสำคัญมาก]

“มันต้องมีวิธีที่ดีกว่านี้มิว”






———————————————-




รู้ไหมว่ารู้สึกยังไงที่จู่ ๆ ก็มีคนแอดไลน์มา ด้วยรูปดิสเพลย์เป็นคนที่เพิ่งจะหนีเขามาเมื่อไม่กี่ชั่วโมง

หนีมาแบบผู้ชายห่วย ๆ เขาทำกัน

มือสั่นเหมือนคนเป็นพากินสันจนต้องเดินออกมาจากคณะสถาปัตย์ของสายลม ทะเลจะหนีไปไหนได้นอกจากจะมาหาพี่ชายที่คณะ เพราะต้องการที่พักใจก่อนจะกลับบ้าน ตอนสายลมเห็นหน้ายังสงสัยว่าไม่สบายหรือเปล่า หน้าซีดเหมือนกำลังช็อคกับอะไรสักอย่าง แต่ก็ทำได้แค่บอกปัดว่าเดินมาอากาศร้อน พี่ชายพยายามถามอะไรต่อแต่ไม่ได้ฟังเดินไปนั่งที่โต๊ะใต้คณะไม่ไกลจากที่มันทำงานเท่าไหร่

แล้วก็ช็อคอีกระลอกที่หาสมุดเลคเชอร์ของตัวเองที่เพียรเขียนมันมาหลายปีไม่เจอ กระวนกระวายเจียนจะร้องไห้ เพราะนั่งคือสิ่งที่พกติดตัวตลอดสองปี เป็นสิ่งที่เขียนสรุปด้วยตัวเอง ทำความเข้าใจเอง และบางเรื่องก็ได้ทริคจากคลิปติวต่างประเทศ ซึ่งถ้ามันหายไปก็ยังไม่รู้เลยว่าจะไปเอาเรื่องพวกนั้นมาเรียบเรียงใหม่ยังไง

แล้วจู่ ๆ ก็มีคนแอดไลน์มา

และใช่ ผู้ชายคนเดียวกันกับที่ทำให้ใจเต้นไม่เป็นระส่ำเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน

[Summer : ทะเลลืมสมุดไว้ที่ร้านกาแฟ จะให้เอาไปคืนยังไง]

[Summer : sent a photo]


ซัมเมอร์หรอ โคตรจะน่ารัก แสงแดดอุ่น ๆ ตอนเช้าน่ะ ใช่ เขานั่นแหละ

ว่าแต่ทำไมถึงต้องเป็นซัมเมอร์?

ช่างไปก่อน เรื่องสมุดโดนัลดักสำคัญกว่าเห็น ๆ แต่ประเด็นพอเป็นคน ๆ นี้เก็บได้ก็คิดหนักว่าจะตอบกลับไปว่ายังไง

ควรไปเจอเขาแล้วให้เขาคืนสมุด?

หรือให้เขาเอาสมุดมาคืน?


วนคิดแบบนี้มาสองวัน

เป็นคนอื่นคงทิ้งสมุดไปแล้วแหละ แต่นุ่มนิ่มไม่ใช่คนแบบนั้น  มีแต่ผู้ชายที่ชื่อทะเลที่ขี้ป๊อดเอง แค่ตอบไปง่าย ๆ ก็จบ

เอาวะ

[Sea : ขอโทษทีพอดีเราเพิ่งเห็น เดี๋ยวเราไปเอาเอง สะดวกที่ไหนหรอ] โอเคใจเย็นทะเลคนคูลค่อย ๆ นะ ค่อย ๆ

[Summer : หน้าโรงเรียนเคได้มั้ย พอดีวันนี้เราเรียนตอนเย็น]

[Sea : ได้ ๆ เราก็เรียนที่นั่นเหมือนกัน] ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องถ้ำมองเหมือนก่อนแล้ว

[Summer : จริงดิ]
[Summer : พอดีเรามีเรื่องอยากคุยด้วยอะ เลิกเรียนว่างหรือเปล่า]

เขาขอนัด…

แค่หายใจหายใจผิดจังหวะเลย แค่เขาขอนัดเจอ ความรู้สึกไม่ต่างจากเด็กอนุบาลที่ต้องขึ้นเวทีแสดงทั้งที่ตัวเองก็มีแต่ความประหม่าและกลัว พอเป็นเรื่องของเขาทำไมมันอ่อนไหวขนาดนี้

[Sea : อ๋อได้ ๆ ขอบคุณนะที่เก็บสมุดไว้ให้]
[Sea : sent a sticker]

เหมือนคนไปวิ่งรอบสนามฟุตบอลประมาณสิบรอบ เหงื่อซึม เหนื่อยหอบไม่รู้มาจากไหนทั้งที่ขยับแค่นิ้วโป้ง อยากให้ถึงตอนเย็นเร็ว ๆ อยากรู้ว่าเขาจะคุยเรื่องอะไร แค่คิดถึงลักยิ้มจาง ๆ ที่แก้มข้างขวาก็ยิ้มตามอีกแล้ว



“ทะเลมึงเป็นไรเนี่ย กูเห็นมองมือถือมาเป็นสิบนาทีละ มีอะไรน่าสนใจกว่าคาบฟิสิกส์สุดโปรดของมึงด้วยหรอ”

“ยุ่ง ได้ทีไม่เรียนอะดิ”

“ควาย อาจารย์ปล่อยแล้วโว้ย ไปแดกข้าว”

ได้ทีกนกรบ้างสินะ เราเรียนสายวิทย์ห้อง Gifted อยู่ห้องนี้มาตั้งแต่มอต้น ก็บอกแล้วว่าทำทุกอย่างที่โรงเรียนมีให้ทำ รู้ว่าตัวเองมีพรสวรรค์เรื่องเรียนก็ตอนประถม เพราะแม่พาไปเช็กไอคิวแล้วมันดันสูงกว่าเด็กปกติ ทางสถาบันนั้นแนะนำให้พ่อแม่ส่งผลไปเรียนต่างประเทศเพราะที่นั่นสามารถสนับสนุนเด็กพิเศษได้ แต่พ่อแม่ผมท่านไม่ได้เชื่อสักเท่าไหร่ ซึ่งก็ดีแล้วไม่งั้นผมก็ต้องไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศคนเดียวทั้งที่ยังเด็กมาก คงทำให้ชีวิตวัยรุ่นเงียบเหงาน่าดู การได้ใช้ชีวิตปกติธรรมดาเป็นเส้นทางที่พ่อแม่เลือกให้ดีที่สุดแล้ว

“แล้วสรุปมึงมีไรวะ”

“ไม่มีอะไร เออเย็นนี้กูไปเรียนนะ”

“เดี๋ยว วันนี้มึงมีซ้อมร้องเพลงไม่ใช่หรอวะ ไหนว่าจะไม่โดด” กนกกรถามขึ้นทั้งที่กำลังตักเส้นใหญ่ราดหน้าเข้าปาก

“เออกำลังจะไปบอกจารย์ป๊อกนี่แหละว่าไม่ว่างแล้ว”

“ไหงงั้น ปกติกูเห็นมึงเลือกร้องเพลงก่อนเรียนตลอด”

“อย่าเสือกน่า”

“ไอ้เหี้ยทะเล แม่ง ทำไมต้องว่ากูด้วย” คนตรงข้ามยู่ปากทำแก้มพอง คือมันก็น่ารักแหละ แต่ดันมาทำใส่คนที่ไม่ใช่พี่เจ ก็เก็ทป่ะน่าถีบมากกว่า



“เห้ยทะเล แดกข้าวเร็ว ๆ กูขาดปีกขวา” อะตอมเพื่อนห้องซี ตะโกนเข้าจากสนามบอลเข้ามาที่โรงอาหาร เจ้าตัวอยู่ทีมฟุตบอลของโรงเรียนเหมือนกัน และมีอีกหลายคน นักรบ แทนไท และอีกหลายคน

ไม่ได้มีเพื่อนแค่ไอ้ก๋วยเตี๋ยวเมื่อไหร่

และการไม่บอกเรื่องนุ่มนิ่มตอนนี้น่าจะเป็นทางที่ปลอดภัยมากที่สุด ไม่งั้นโดนล้อจนยับแน่นอน จินตนาการออกมั้ยเด็กผู้ชายโรงเรียนชายล้วนไม่เคยปราณีปราศรัยเวลามีเรื่องอะไรแบบนี้เกิดขึ้นหรอก




@K tutor


ทะเลไม่ได้จดจ่ออยู่กับโจทย์เคมีตรงหน้าสักเท่าไหร่ เพราะมัวแต่นั่งจ้องนาฬิกาโรเล็กซ์ที่ข้อมือว่าเมื่อไหร่จะถึงเวลาเลิกเรียน มันนับถอยหลังจนเหลืออีกแค่สิบนาที สิบนาทีเท่านั้น ช่วงเวลาที่รอคอยกำลังคืบคลานเข้ามาแล้ว แผ่นหลังของผู้ชายที่นั่งมองยังคงสงบนิ่งและไม่ได้ทำอะไรนอกจากมองไปที่กระดานหน้าห้อง วันนี้คนตัวขาวรวมเสื้อกันหนาวของ givongchy สีขาวสปริงคอลเล็กชั่นเมื่อปีที่แล้ว และนั่นยิ่งทำให้เขาโดดเด่นสู่สายตาของทุกคนที่นี่ แต่คิมหันต์ไม่เคยรู้ตัวเอาเสียเลย

“น้องทะเลคะ CH3COOCH3 อ่านว่าอะไรนะคะ” ครูอุ้มเรียกชื่อและพลางเขียนโจทย์บนกระดานไปด้วย

“ครับ” ฉิบหายแล้วมาเรียนได้ 2 คาบ โดนเรียกเฉยเลย แล้วทำไมครูอุ้มจำชื่อนักเรียนเก่งนัก

“เอ่อ เมทิลเอทาโนเอต ครับ”

“เรายังเรียนไปไม่ถึงเลยนะคะ” ทั้งห้องเงียบกริบทันที

“...”

“นาฬิกาไม่หายหรอกเนอะ มองมาที่ครูบ้างก็ได้ค่ะ” เธอพูดจบแล้วยิ้มหวานให้ที

คนในห้องมองมาที่ทะเลเป็นสายตาเดียว รู้เลยว่าเขาไม่ได้สนใจสิ่งที่ครูอุ้มสอนเลยสักนิด โป๊ะแตกเพราะดันตอบโจทย์ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เรียนได้ทั้งที่คนหน้าห้องยังสอนไม่ถึง ทำไงก็มันจำได้เอง เคยอ่านผ่าน ๆ ที่ไหนสักที่เนี่ยแหละ จู่ ๆ สายตาก็ปะทะเข้ากับดวงตากลมโตที่เอี้ยวตัวมามองผม เขายิ้มให้บาง ๆ ก่อนจะหันกลับไป

เพราะคุณเลยนุ่มนิ่ม




เลิกเรียนทะเลยืนรอที่หน้าประตูทางออก ไลน์ไปบอกคนที่นัดเจอว่าจะรอตรงนี้ เขาอ่านแล้วส่งสติ๊กเกอร์ตอบกลับมา รอไม่นานเขาก็เดินออกมา แล้วโบกมือลาเพื่อนที่เจอกันครั้งที่แล้ว สงสัยว่าทำไมเขาไม่ชวนเพื่อนไปด้วย จะไปกันแค่สองคนจริง ๆ หรอ ไม่ค่อยปลอดภัยเอาเสียเลย

หมายถึงไม่ปลอดภัยสำหรับใจเท่าไหร่

“ดีทะเล”

“ดีคิม”

เรายกมือทักทายกันแบบที่คิดว่าเป็นธรรมชาติที่สุด ไม่มีเก้กัง เงอะงะ หรือตื่นเต้นเลยสักนิด ไม่มีเลย...

“พอดีเราหิวข้าว ไปหาร้านกินข้าวแล้วคุยได้เปล่า” เขาเอ่ยปากชวนก่อน เราเดินขนาบข้างกันไปยังห้างที่คุ้นเคย

“อ่อได้ดิ เราไม่รีบไปไหน”

“ดีล!”

คิมหันต์เดินขึ้นบันไดห้างไปยังชั้นที่มีร้านอาหารขาย เขาเดินดุ่มเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่นร้านหนึ่งที่คนไม่เยอะมาก สงสัยคงหิวจริง ๆ อย่างที่ว่าสังเกตเห็นว่าเขาอ่านแจ้งเตือนจากหน้าจอมือถือแล้วส่ายหัวเบา ๆ แต่กลับไม่กดเข้าไปอ่าน นิสัยเหมือนกันเลย

“อะนี่ คืนให้” หลังจากได้โต๊ะคนตงข้ามก็รีบเปิดกระเป๋าแล้วหยิบสมุดโดนัลดักสีเหลืองคืนให้ พร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ “ทำไมถึงซื้อลายนี้ทัน ตอนนั้นเราเข้าไปในเว็บก็หมดแล้ว”

“สมุดนี่หรอ ตอนนั้นเราอยู่ญี่ปุ่นพอดี เลยหาไม่ยากเท่าไหร่” ไม่คิดว่าเขาจะชอบเป็ดเสียงน่าเกลียดเหมือนกัน

“คือ...เรื่องที่เราจะคุยน่ะ”

“คุณลูกค้ารับอะไรดีคะ”

เรามองหน้ากันทันทีที่ได้ยินเสียงบริกรสาวมารับออเดอร์ “สั่งข้าวก่อนก็ได้ เราไม่รีบ”

คิมหันต์พยักหน้าแล้วสั่งอาหารที่อยากกิน ทะเลเองก็ด้วย คงไม่หิ้วท้องกลับไปกินที่บ้าน

“ไม่รู้ว่าจะกินด้วยอะ เลยไม่ได้ถามว่ากินอะไร”

“ไม่เป็นไร กินได้”

คิมหันต์ขบริมฝีปากก่อนจะยกมือขึ้นมาวางบนโต๊ะแล้วกุมไว้หลวม ๆ “คือเราขอโทษนะที่เสียมารยาท”

“แค่ไม่ถามว่ากินข้าวหรือเปล่าไม่ใช่เรื่องใหญ่”

“ไม่ใช่เรื่องนั้น คือ...เราเปิดดูสมุดของทะเลอะ” คนตรงหน้ายกมือไหว้เหมือนอยากจะขอโทษจริง ๆ จนแอบตกใจ ยกมือไหว้คนรุ่นเดียวกันเพื่อที่จะขอโทษ อยากจะขำก็ขำ แต่ก็เอ็นดูมากกว่า

“ไม่ต้องไหว้ ไม่เป็นไร” ทะเลยกมือปัดป่าย

“คือมันเป็นไรแน่ ๆ เพราะเราดูหมดเลยอะ”

“ห้ะ!” ทะเลถึงกับต้องอุทาน เพราะหน้าท้าย ๆ มันมีชื่อของเขาและลายเส้นห่วย ๆ ที่วาดรูปเขาไว้ด้วย

“เราขอโทษ ขอโทษจริง ๆ นะ”

“มะ ไม่ ๆ แล้ว เห็นอะไรบ้าง” พยายามควบคุมน้ำเสียงให้ดูปกติที่สุด แต่มันยากเพราะถ้าเขารู้เขาอาจจะไม่ชอบใจเท่าไหร่ คิดดูว่ามีคนวาดรูปตัวเองให้หนังสือเลคเชอร์ คือโคตรโรคจิต

“ก็คลังขุมทรัพย์ เฮ้ย ไม่ใช่ ๆ หมายถึงคลังความรู้”

“...” ทะเลคล้ายจะเป็นใบเพราะไม่รู้จะต้องรู้สึกยังไง ขุมทรัพย์...อะไร?

“ทะเล ติวให้เราได้มั้ย!”







มีต่อ
หัวข้อ: Re: ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | Up : ตอนที่ 2 ร้อนเลคเชอร์[26-01-20]
เริ่มหัวข้อโดย: mifengbee ที่ 01-02-2020 20:15:45
“ห้ะ!!”

รู้ว่าตะโกนเสียงดังในร้านอาหารมนเสียมารยาท แต่ตกใจกับท่าทางที่เหมือนมาขอรับรองตัวเป็นศิษย์ คือเขาเอามือของแนบกับโต๊ะ และเอาหัวโค้งลงมา เหมือนพวกซามูไรเขาขอฝากตัวเป็นลูกศิษย์อาจารย์ยังไงอย่างงั้น

“คะ คิมไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้”

“ตกลงมั้ย ถ้าไม่ตกลงเราจะทำแบบนี้ต่อไปเลย!”

“คือพอดีพี่เขาจะเสิร์ฟข้าว”

ไม่ได้อยากทำให้เขาเสียหน้า แต่ว่าก็ไม่รู้จะจัดการกับเหตุการณ์ตรงหน้ายังไง เขาคงเกลียดกันแล้วแหละที่เมินการทำอะไร ๆ น่าอายขนาดนี้ คงรวบรวมความกล้ามามากเลยสินะ

น่ารัก...

“ฮื้อ” เขายกมือปิดหน้าปิดตา

“อยากให้ติวให้จริง ๆ หรอ คือไม่เคยติวให้ใครเลย”

คิมหันต์พยักหน้าทั้งที่ยังใช้มือปิดหน้าปิดตานั่นแหละ

“ถ้าเราตอบตกลงจะเลิกเอามือปิดหน้าใช่มั้ย” เขาพยักหน้าอีกรอบ คราวนี้ช้าลง “ตกลง ทีนี้ก็เอามือออก ข้าวมาแล้ว”

คนตัวขาวที่ตอนนี้กลายเป็นสีชมพู ค่อย ๆ เอามือออกจากใบหน้า แล้วช้อนตาแล้วสบตากับทะเลที่นั่งตรงข้าม แก้มเจื่อสีจากอาการเคอะเขินที่ต้องทำอะไรเหมือนเมื่อครู่ “อย่าล้อนะ ขอร้องเลย”

คนตัวโตพยักหน้ารับแต่ก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปาก ความน่ารักที่เป็นอนันต์ของเขามันทำให้จินตนาการไม่ออกเลยถ้าต้องรู้จกกันมากกว่านี้ จะต้องสำลักความน่ารักแบบนี้ตายเข้าสักวัน

คิมหันต์อมลมจนแก้มสองข้างบวมขึ้นเล็กน้อย มันก็คงน่าแปลกที่ผู้ชายสองคนจะต้องมาทำอะไรแบบนี้ต่อหน้ากัน ทั้งที่เพิ่งเจอกันสองครั้งเท่านั้น เราจึงเลือกที่จะนั่งกินข้าวกันเงียบ ๆ ไม่มีใครพูดอะไร ราเมนของชาบูตงยังคงรสชาติถูกปากเหมือนเดิม และวันนี้มันยิ่งอร่อยเพราะมีคนตรงหน้ามาร่วมมื้ออาหารด้วย

กินเสร็จเราเรียกพนักงานเช็กบิล ทะเลใช้บัตรเครดิตจ่ายเพราะไม่มีเงินสด คิมหันต์ที่กำลังนับเงินสดเพื่อจะจ่ายก็ทำหน้างงเล็กน้อย แต่พอบอกเขาว่าไม่มีเงินสดก็กำเงินยัดใส่มือมาทันที ซึ่งทะเลก็รับไว้ เราไม่ควรเลี้ยงอาหารคนที่เพิ่งเจอกัน และไม่ได้มีสถานะอะไรต่อกันเลยไม่ใช่หรอ

มันออกจะแปลก ๆ หน่อยว่ามั้ย

“เรื่องที่จะติว จะให้เริ่มเมื่อไหร่”

“คือเราเกรงใจทะเลมาก ๆ เลยนะ จะคิดเงินเราก็ได้นะ”

“ไม่เอา ถ้าจะให้คิดเงิน ขอปฏิเสธตอนนี้เลย” จะบอกว่าตัวเองไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงินก็จะดูโอ้อวดไป แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาจริง ๆ นั่นแหละ จะติดเรื่องเวลามากกว่า

เราพูดคุยขณะที่กำลังเดินไปอีกฝั่งของสยาม ไม่รู้ว่าเราจะเดินไปไหน เพียงแต่เดินข้างกันไปเรื่อย ๆ

“งั้นจะให้เราตอบแทนยังไง เกรงใจว่ะ”

“ไว้ค่อยว่ากัน เอาเรื่องสถานที่ก่อนดีกว่า”

“บ้านเรามั้ย? แต่อาจจะไกลหน่อยนะ” อย่าว่าแต่บ้านเขาเลย แค่ได้ใกล้ ๆ แบบนี้ก็เจียนบ้า ถ้ายิ่งต้องไปเหยียบที่ ๆ เขาใช้ชีวิตทุกวัน คงไม่มีกะจิตกะใจจะติวอะไรทั้งนั้น

“คณะพี่เรา ไม่ไกลจากที่นี่”

“มอซีอะหรอ”

ทะเลพยักหน้าให้ เขาเผลอสบตากับคนข้าง ๆ ใบหน้าเนียนละเอียดกำลังครุ่นคิดตกกระทบกับแสงไฟที่จัดแสดงของห้าง ทำให้ทะเลไม่อยากละสายตาจากคน ๆ นี้เลยแม้แต่วินาทีเดียว “พอดีเราไปที่นั่นทุกเสาร์ ช่วงบ่ายอยู่ที่นั่นตลอด”

“อ่อ ที่วันนั้นรีบกลับก็เพราะงี้อะหรอ รู้ป่ะเราตื่นตั้งเกือบสี่โมง” เขาหันมามองด้วยการหรี่ตานิด ๆ

“ขอโทษนะที่กลับก่อน พอดีรีบแล้วไม่กล้าปลุก”

“พอเข้าใจได้ รีบจนทำสมุดตกเอาไว้”

“...”

“...”

“งั้นเดี๋ยวเรากลับก่อนนะ” แทบจะไม่ทันได้สังเกตเลยว่าเราเดินมาถึงรถไฟฟ้าแล้ว ทำไมเวลามันผ่านไปไวนัก

“แล้วกลับยังไงหรอ” เขาถาม

“เดี๋ยวที่บ้านมารับ”

“อ๋อ งั้นเรากลับก่อนนะ ขอบคุณมากนะ ไว้เจอกันวันเสาร์นี้”

“เจอกัน”

ใจเต้นเหมือนมีคนมารัวกลองข้างใน ถ้าไปตรวจชีพจรตอนนี้คงเข้าข่ายคนเป็นโรคความดันแน่ ทะเลยกมือขึ้นแนบอกตัวเองเบา ๆ หลังจากมองคนที่แตะบัตรแรบบิทเดินเข้าไปในสถานีเรียบร้อย ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีคนที่มาทำให้หัวใจเต้นแรงขนาดนี้มาก่อน จริง ๆ ก็เคยมีแฟน

แต่ความรู้สึกมวนท้องเหมือนมีผีเสื้อเป็นหมื่นตัววนเวียนในนั้น มันเพิ่งเคยเกิดขึ้นก็ตอนที่พบกับคน ๆ นี้

คงต้องยอมรับว่าชอบผู้ชาย

แต่ใครจะแคร์

ชอบก็คือชอบไม่เห็นต้องสนกฏเกณฑ์อะไร







----------------------------------






เข้าบีอีทีเอสรีบโทรหาเมธาวินเพื่อนชั่ว ที่เสนอให้มาทำอะไรแบบนี้ มันไม่รู้หรอกว่าต้องอับอายแค่ไหนกับการทำอะไรแบบนี้ต่อหน้าคนที่เพิ่งเจอ คือแค่รู้ว่าเขาเก่งมาก ๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองเล็กเป็นฝุ่น PM 2.5 อยู่แล้ว ยังต้องมาขอร้องให้เขาติวให้ แถมยังทำท่าทางประหลาด ๆ ต่อหน้าอีก ทะเลคงคิดว่าเขาโง่แถมติ๊งต๊องอีก

“ไอ้มิว ไอ้คนชั่ว”

[เห้ยใจเย็น ๆ เพื่อนรัก เกิดไรขึ้นวะ ทะเลไม่ตกลงหรอ เชี่ยทำไมใจดำจังวะ กูว่าจะไม่เหยียดนะเว้ยแม่งผิวแทนใจก็สีเดียวกันหรอวะ]

“มึงหยุดก่อนมิว ฟังกู”

[แม่งโมโหว่ะ ทำไมคนเก่งต้องเห็นแก่ตัววะ ขอแค่ติวเอง มึงบอกมันยังว่าเราจ่ายเงินให้มันก็ได้]

“ไอ้เหี้ยมิว! ฟัง! กู!” คิมหันต์พูดเสียงดังขึ้น คนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ในขวบวนหันมามองเล็กน้อย ปกติไม่ค่อยชอบใช้เสียงดังหรือตะคอกใส่ใคร แต่เมธาวินมักได้รับเกียรตินั้นเสมอ เพราะมันทำตัวแบบนี้ไง

[อ่า เออโอเคน้องคิมว่ามาเลยครับ]

“ถ้ามึงพูดแทรกกูตัดสาย” ปลายสายเงียบ “ทะเลตกลงจะติวให้ แต่เพราะวิธีของมึงทำให้กูดูแย่มาก ท่าคารวะของมึงแม่งห่วยมาก ๆ ๆ กูเหมือนคนโง่ในสายตาเขาไปแล้ว”

[ฮ่า ๆ ๆ ๆ นี่มึงทำจริง ๆ หรอน้องคิม กูล้อเล่นเว้ย ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ]

“ไอ้มิว ไอ้ชั่ว กูเกลียดมึง”

คิมหันต์ตัดสายมันทันที เกลียดที่เป็นคนเชื่อคนง่าย โดนเพื่อนสองคนแกล้งแบบนี้มาตั้งแต่อนุบาลก็ไม่เคยจำ

โง่จริง ๆ

คิมหันต์คนโง่










-----------------------------------


น้องทะเลมาแล้วจ้าแม่ ๆ
เรื่องนี้ใสใสไม่มีดราม่า
อ่านเพลิน ๆ ขั้นเวลาได้


 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:


#ฤดูร้อนของทะเล

@mifengbeexx
หัวข้อ: Re: SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ |Up : ตอนที่ 3 ร้อนติวเตอร์ [08-02-20]
เริ่มหัวข้อโดย: mifengbee ที่ 08-02-2020 20:36:37
SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀
ตอนที่ 3

ร้อนติวเตอร์
[/size]


วันเสาร์ที่รอคอยก็มาถึง คิมหันต์นัดแนะทะเลเรียบร้อย ไม่กี่วันก่อนติวเตอร์เฉพาะกิจไลน์มาถามว่าอยากให้ติววิชาไหนเป็นพิเศษ เขาจะได้เตรียมตัว และหาข้อสอบมาให้ลองทำดู คนเก่งเป็นแบบนี้นี่เอง ทำไมนะทำไมไม่ตั้งใจเรียนตั้งแต่เนิ่น ๆ

แต่ถ้าให้ย้อนกลับไป เชื่อไหมว่าก็คงทำแบบเดิมอยู่ดี

มีความเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วมันดีเสมอ

และคิมหันต์ก็เลือกแล้ว

“คิมมึงแน่ใจนะว่าไม่เป็นไร”

“เออกู...ก็ไม่รู้”

ไม่ได้บอกทะเลหรอกว่าเมธาวินจะขอมาติวด้วย แต่คงไม่ใช่ทุกวีค เพราะเพื่อนตัวดีคงโดดเรียนมาไม่ได้ตลอด ไม่งั้นโรงเรียนสอนพิเศษยกหูโทรไปหาหม่อมแม่แน่ ๆ เห็นเพื่อนคนนี้เซ่อ ๆ ซ่า ๆ ก็มีแม่เป็นถึงหม่อมหลวงนะแต่เพราะพ่อไม่ได้มีเชื้อเจ้า ก็เลยได้เป็นแค่นายเมธาวินเท่านั้น

ส่วนนายคิมหันต์กำลังเหงื่อตกเพราะกำลังเดินเข้าไปใกล้จุดหมายปลายทางที่นัดทะเลไว้ทุกที นอกจากจะเสียมารยาทเปิดดูสมุดเขาแล้ว ขอร้องให้เขาติวให้ด้วยท่าทางประหลาด แถมยังกล้าพาเพื่อนมาด้วยทั้งที่ไม่แม้แต่ปริปากบอกสักคำ

“เฮ้อ”

“น้องคิมมึงอย่าถอนหายใจแบบนี้ กูใจไม่ดี ทะเลจะต่อยกูมั้ยวะ”

“เงียบมิว เงียบ!”

“ไอ้คิม! ไอ้มิว!”

ราเชนทร์ตะโกนทักเขาเสียงดังลั่น…จบกัน คนจังหวะนรก

“มาทำไรที่นี่ มาติวหรอ กับคณะไหนวะ”

สายตาของคิมหันต์มองผ่านไปยังใต้คณะตามที่ทะเลบอก สังเกตเห็นแผ่นหลังกว้างของผู้ชายนั่งหันหลังทางมาทางนี้ และเพราะเสียงดังของราเชนทร์ทำให้เขาหันมาเห็นเหตุการณ์นี้พอดิบพอดี

“พอดีมาให้ทะเลติวอะ”

ยกมือทักทายคนตัวสูงที่กำลังเดินออกจากโต๊ะที่เขานั่ง เมธาวินก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน แต่หน้าแหยเหมือนทำความผิดแล้ววิ่งหนีไม้เรียวแม่ออกมาจากบ้าน

“เออพวกมึงนี่น้องที่โรงเรียนกู” คนถูกแนะนำตัวยกมือไหว้พี่ ๆ ประมาณ 5 คนที่นั่งล้อมวงกันทำอะไรสักอย่าง กระดาษลังและอุปกรณ์รายล้อมจนแทบไม่มีที่นั่ง พอมองไปโต๊ะอื่น ๆ ก็มีคนจับจองและมีสภาพไม่ต่างกัน

“พี่เต พี่พราว พี่น้อยหนึ่ง พี่คุณ และนั่นพี่สายลม พี่ไอ้ทะเลมัน”

“น้องหรอที่ทะเลจะติวให้ ลำบากหน่อยนะมันเรียนเก่งแต่สอนคนอื่นไม่ได้เรื่องหรอก”

“ลมเงียบน่า”

ทะเลในชุดเสื้อแขนยาวสีกรมลายมิกกี้เมาส์ที่คิมหันต์เองก็มีเหมือนกันอีกแล้ว เป็นคอลเล็กชั่นซาร่าที่ชอบมากจนซื้อมาทุกแบบเลย คนตัวโตก็คงชอบดิสนีย์เหมือนกันสินะ

“คือทะเล พอดีถ้ามีเพื่อนเราอีกคนมาติวด้วยได้หรือเปล่า มันไม่ได้มาบ่อยหรอก...นะ” เจ้าของลักยิ้มเอ่ยขึ้นอย่างเกรงใจ

“สวัสดี จำเราได้มั้ย” เมธาวินยกมือทักทายทะเลอีกครั้ง

“ได้ดิ แต่ไม่ได้ปริ้นท์ชีทมาเผื่อนะ เดี๋ยวดูในไอแพดก็ได้”

“จริงหรอ ได้จริง ๆ หรอ!” เพื่อนหัวเกรียนดีใจจนออกนอกหน้า ทะเลยิ้มมุมปากกับอาการบ้าบอและโอเวอร์ของคนประสาทเสียคนนี้ คิมหันต์ถอนหายใจออกมาเบา ๆ ทะเลใจดีกว่าที่คิดไว้เยอะเหมือนกัน แม้ภายนอกเขาจะดูเป็นคนนิ่ง ๆ และไม่ใช่คนช่างพูดสักเท่าไหร่






“แพทหนึ่งปีนี้น่าจะออกเรื่องนี้เยอะ เพราะจากที่ไปดูข้อสอบเก่า ๆ ย้อนหลังแล้วเขาจนวนออกเรื่องตามหลักสูตร”

“...”

“...”

“ทำไมมองแบบนั้น?”

“คะ คือนาย เอ่อ ทะเลอ่านข้อสอบแพทย้อนหลังหมดเลยหรอ”

เมธาวินอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน ไม่ต่างจากคิมหันต์เท่าไหร่ คนอะไรจะย้อนไปอ่านข้อสอบทั้งหมด แถมยังวิเคราะห์ได้อีกว่าจะออกอะไร คือต้องทำสถิติเลยนะนั่น

“มึงกูก็ได้ไม่ติดหรอก กระดากปากเหมือนกัน” ทะเลพูดขึ้น เขาคงอึดอัดไม่ต่างจากเพื่อนที่นั่งถัดไปเท่าไหร่

“เฮ้ย เกรงใจน่า”

“มึงอึดอัดมิวกูรู้”

“แฮะ ๆ เออก็ได้ กูอึดอัดจะตายห่าละเนี่ย แต่ที่มึงบอกคือยังไงนะ มึงไปดูข้อสอบมาหมดแล้วหรอวะ แล้วคือทำสถิติไว้หรอ”

“...” คิมหันต์เองไม่รู้จะพูดอะไร กำลังทึ่งกับสิ่งที่คาดคิดว่าทะเลทำแบบนั้นได้จริง ๆ คงไม่ใช่คน กำลังคุยอยู่กับลูกหลานไอน์สไตล์หรือไง

“ใครจะว่างขนาดนั้น มาสเซอร์ฝึกสอนบอกมา ตอนแรกก็ไม่เชื่อแต่ลองไปรื้อข้อสอบเก่า ๆ มาดูก็เป็นงั้น” นี่คงเป็นประโยคยาวที่สุดที่คนตรงหน้าพูดให้ได้ยิน คงไม่อยากให้เข้าใจผิดไปมากกว่านี้

“อ๋อออออ” คิมหันต์และเมธาวินถึงบางอ้อ

ค่อยโล่งใจที่ไม่ได้คุยอัจฉริยะ ไม่งั้นคงดูโง่มากกว่านี้ ทั้งที่ก็โง่ปกติอยู่แล้ว

“ไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอก”

“ฮ่า ๆ พอทะเลพูดงี้กูยิ่งดูเป็นขี้ว่ะ เชื่อป่ะที่มึงพูดมาเมื่อชั่วโมงที่แล้วอะ จำได้แค่ว่าเรียนแล้ว แต่ไม่เคยเข้าใจอะไรสักอย่างเลย”​ เมธาวินมองทะเลด้วยดวงตาเปล่งประกาย ตอนนี้ทะเลไม่ต่างจากพระเจ้า คล้ายกับเห็นแสงมะลังมะเลืองเป็นลำแสงราศีพุ่งออกมาจากตัวของทะเล อีกนิดน่าจะลงไปกราบ

แต่ยอมรับเลยว่าทะเลนอกจากจะเป็นคนรับความรู้ที่ดีแล้ว ยังเป็นคนถ่ายทอดได้ดีอีกต่างด้วย โจทย์ที่เขาหามาให้มันไม่ได้ง่ายหรือยากจนเกินไป ทริคต่าง ๆ ที่บอกแม้มันอาจจะงงช่วงแรก แต่พอเขาลองแก้โจทย์ให้ดูก็กลับเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่ง มันไม่เคยเกิดขึ้นเลยตลอดชีวิตการเรียนของคิมหันต์

น่าแปลกใจเหมือนกัน

อาจจะเป็นเรื่องการไว้วางใจหรืออะไรไม่แน่ใจ แต่พอมันเป็นคนที่เราคิดว่าเขาไม่ได้มีศักดิ์หรือเกียรติที่มากกว่าเรา แม้จะมีภูมิที่เราเอื้อมไม่ถึง แต่เขาไม่เคยยกตนเหนือคิมหันต์และเพื่อนข้าง ๆ เลยสักคำที่ถ่ายทอดออกมา มันทำลายกำแพงอะไรบางอย่างในใจสลายสิ้นไปหมด

ภูเขาเอเวอร์เรสที่ไม่เคยคิดจะปีนขึ้นไป วันนี้มองเห็นยอดเขาแล้วไม่ถอดใจเหมือนที่เคยแล้ว







“วันนี้มิวไม่ได้มานะ” นี่ก็สัปดาห์ที่สามแล้วตั้งแต่ที่ติวมา เมธาวินอยากมาด้วยใจจะขาดแต่ดันขาดเรียนฟิสิกส์ไปสองคาบแล้ว ถ้าขาดติดต่อกันอีกคาบโรงเรียนคงโทรไปหาหม่อมแม่แน่ การลาโดยบอกว่าไม่สบายสามสัปดาห์ก็คงเหลือแค่มะเร็ง

“ครับ เริ่มเลยมั้ย” ทะเลหยิบชีทออกจากกระเป๋าเป้สีน้ำเงินสด วันนี้เขาใส่เสื้อยืดลายไดโนเสาร์จากทอยสตอรี่ คิมหันเริ่มสงสัยว่าคนตัวโตตรงหน้ามีเสื้อลายการ์ตูนดิสนีย์กี่ตัว อย่าว่าแต่ทะเลวันนี้ตัวเองก็ใส่เสื้อลายดัมโบ้

“นี่...ถามอะไรหน่อยสิ ทำไมไม่ใช่กูมึงกับเราเหมือนที่ใช้กับมิวอะ” ตอนแรกก็ว่าจะเพิกเฉย แต่มันก็ตะขิดตะขวงใจอยู่นั่น

“ทำไมล่ะ”

“ก็ไม่รู้สิ มันดูเราไม่สนิทกันมั้ง”

“คืออยากสนิทกันหรอ”

“แล้วทำไมเราจะต้องไม่สนิทกันอะ”

ทะเลอมยิ้มเล็กน้อยแล้วเลื่อนชีทที่จะเรียนวันนี้มาให้ ก่อนจะเปิดไอแพดให้ตัวเองและลูกศิษย์ในนามดูไปด้วย วันนี้จะมาว่าด้วยเรื่องของชีววิทยา ซึ่งเป็นวิชาที่คิดว่าถนัดที่สุดในบรรดาวิทย์ทั้งหมด เพราะไม่มีตัวเลขใช้ความจำล้วน ๆ เลยพอจะเข้าใจอยู่บ้าง แต่พอเรียนมาสามปีมันก็เลยหลงลืมไปเยอะ ทะเลเลยหาข้อสอบยาก ๆ ที่ออกบ่อย ๆ มาให้

ว่าแต่ลืมเรื่องกูมึงอะไรนั่นไปก่อนแล้วกัน ปลุกพลังสมองสักหน่อย สู้มัน!







---------------------------------






นักเรียนของทะเลพึมพำกับตัวเองในขณะกาข้อสอบที่หามาให้ เขาคงกำลังสับสนว่าข้อนี้ควรจะตอบอะไร เพราะมันก็ดูเหมือนจะถูกไปหมดเลย “ถ้าไม่แน่ใจทำข้ออื่นก่อนดีกว่า มันน่าจะเสียเวลา”

“อ่อ อื้อ”

เชื่อฟังดีมาก ๆ

การเจอกันอาทิตย์ที่สามพัฒนาไปมาก พัฒนาในทีนี้คือไม่มีมานั่งประหม่า เงอะงะ มีพิรุธอะไรอีกต่อไป ทะเลคนคูลกลับมาแล้ว

ทะเลคิดว่าตัวเองสามารถรับมือกับตาโต ๆ ที่มองมาอย่างใจจ่อใจจ่อกับสิ่งที่พูด...ไม่หลบสายตาคู่นี้อีกแล้ว

ไม่ชักมือหนีตอนที่เราสัมผัสตัวกันเล็ก ๆ น้อยบนโต๊ะคับแคบตัวนี้

ยิ้มรับกับอาการงอแงของคิมหันต์ที่ไม่เข้าใจกับสิ่งที่พยายามจะบอก

และรู้สึกว่ามีภูมิต้านทานรอยยิ้มกว้างเวลาที่เขาทำโจทย์ถูก


แม้มันจะน่ารักเท่าโลกเหมือนเดิม และเพิ่มพูนในความรู้สึกมากขึ้น แต่จะไม่ทำให้เขาอึดอัดเวลาที่ต้องมาเจอกัน

การค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไปน่าจะเหมาะมากกว่า

คิมหันต์และเมธาวินไม่ใช่เป็นคนที่โง่แบบที่พวกเขาชอบบอกตัวเอง เพียงแต่จับประเด็นเรื่องที่เรียนหรือ main idea ของแต่ละเรื่องไม่ได้ ทีนี้มันเลยตีสลับกันมั่วไปหมด พอได้ทริคเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกเขาก็เข้าใจทำโจทย์ได้เกือบทั้งหมดเลย การไปเรียนพิเศษ ครูที่หน้าห้องหรือในวิดีโอไม่ได้มารู้หรอกว่าเด็กแต่ละคนเข้าใจมาแบบไหน ก็เลยคิดว่าเด็กทุกคนเข้าใจในแบบที่ตัวเองสอนได้หมด ทั้งที่จริง ๆ ไม่ใช่เลย พ่อแม่ที่ส่งไปเรียนก็ไม่ได้มารับรู้หรอกว่าเงินที่จ่ายไปไม่ได้คุ้มค่าขนาดนั้น

แล้วคิดดูเด็ก ๆ ที่เขาไม่ได้มีโอกาสสิ ว่าเขาต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหน

นี่แหละปัญหาเชิงโครงสร้างของระบบการศึกษาไทย

จ๊อกก จ๊อกกก

“อ่า โทษทีเรายังไม่ได้กินข้าวกลางวัน พอดีมัวแต่แวะไปซื้อสมุดเล่มใหม่เลยกลัวมาไม่ทัน”

“ไม่เห็นต้องรีบขนาดนั้น ถ้าจะมาสายก็ไลน์มาบอกได้”

“ที่นี่มีเซเว่นมั้ย เดี๋ยวเราไปซื้ออะไรเร็ว ๆ แล้วจะรีบมานะ”

“ไปกินข้าวดี ๆ ที่ร้านอาหารใต้หอในก็มี”

“มันช้าไง เดี๋ยวเราไปแป๊บเดียวนะ”

คิมหันต์คว้ากระเป๋าสตางค์และมือถือเตรียมจะรีบลุกเดินออกไปอย่างที่เขาบอก ทะเลเลยคว้าข้อมือขาวไว้แล้วลุกขึ้นยืนพร้อมถือกระเป๋าสตางค์เหมือนกัน “ป่ะ ไปกินข้าว”

ทะเลลากแขนคนหิวข้าวออกมาผ่านโต๊ะที่พี่ชายนั่งอยู่ แต่แล้วก็จำใจปล่อยเพราะพี่ชายตัวดีกำลังมองมาทางนี้อย่างจับผิด ตาคมหรี่มองอย่างกับทำอะไรไม่ดี ทั้งที่มันก็ไม่ได้มีอะไร เกลียดที่มันรู้ทัน

“ทะเลจะผ่านเซเว่นมั้ย กูฝากซื้อนมชมพูหน่อยสิ”

“มันมีขายด้วยหรอวะ”

“อ้าวมึงไม่ได้มองเห็นนมสีขาวเป็นสีชมพูแล้วหรอวะ”

“กวนตีน”

ดีที่วันนี้ราเชนทร์ไม่ได้มาไม่งั้นได้ลูกคู่อีกคน ยิ่งเป็นคนขี้เผือกด้วยแล้ว อีกอย่างดูสนิทกับคิมหันต์พอสมควร ไม่รู้ว่าถ้าเคลือบแคลงจะคิดยังไงกับเรื่องนี้ อาจจะไม่ได้รู้สึกดีก็ได้ เรื่องนี้ไม่ได้ปกติเลยสักนิด

“ถามอะไรหน่อยสิ”

คิมหันต์เอียงคอ พร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย “คือปกติจะเป็นเราที่ถามทะเล แต่วันนี้ทะเลถามเราแฮะ”

“แปลกอีกแล้วหรอ”

“ไม่ใช่ ๆ ถามได้”

“ทำไมถึงใช้ชื่อไลน์ว่าซัมเมอร์”

“อ๋อออ คำถามนี้เอง ตอบบ่อยแต่ก็อยากตอบนะ ชอบ”

“...”

“คิม มาจากคิมหันต์ แปลว่าฤดูร้อนไง จริง ๆ เราอยากชื่อเล่นว่าซัมเมอร์แต่แม่บอกว่ามันมีตัวกาลกิณีไม่เหมาะที่จะเอามาตั้งชื่อเราอะ ก็เลยเอามาใช้เป็นชื่อในไลน์แทน จริง ๆ ก็ใช้ชื่อนี้ทุกชื่อในโซเชียลเลยนะ”

“มีที่มา”

“มาแลกไอจีกันมั้ย เดี๋ยวเราฟอลทะเลไปก็ได้ ชื่ออะไรหรอ”

ทะเลเหงื่อตก ถ้าคนตรงเห็นไอจีเขาต้องรู้สิว่าทางนี้ฟอลเขาอยู่แล้ว เพราะดันตั้งไอจี privated

“เดี๋ยวฟอลไป” รีบกดมือถือแล้วอันฟอลคนตรงหน้าอย่างรวดเร็ว กดออกมาหน้าเสิร์จชื่อไอจีแล้วยื่นให้เขา

“ทะเลรู้จักไอจีเราอยู่แล้วนี่ ตรงช่องเสิร์จมันขึ้นชื่อเราอะ”

ฉิบหาย....ตอนนี้ใจเต้นไม่เป็นระส่ำเลย เพราะแอบส่องไอจีเขาทุกวัน ดูรูปเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ดูสตอรี่ที่เขาทำเป็นไฮไลท์วนไปวนมา แถมยังมีไอจีตัวเองกดไลก์เขาแทบทุกรูปอีกต่าง ไม่เนียน ถ้าโกหกต่อต้องเป็นการโกหกต่อไปเรื่อย ๆ แน่นอน

“ฟอลไอจีมาสักพักแล้ว...คิมเป็นคนดังนะ...” พยายามพูดแบบให้เป็นธรรมชาติ ดูปกติที่สุด พลางพลิกเมนูร้านอาหารไปด้วย ทั้งที่สายตาไม่ได้จับจดที่ตัวหนังสือแม้แต่นิด

“คนดัง?” เขาทำหน้างงหนัก เพราะในรุ่นเดียวกันก็มีผู้ชายที่มียอด followers ประมาณนี้นับไม่ถ้วน ไม่รู้จะแถไปทางไหน เพราะน่าจะโป๊ะไปซะหมด

“แล้วทำไมอันฟอลแล้วล่ะ”

“มันจะแปลกมั้ยที่ฟอลไอจีคิม แล้วทำเป็นไม่รู้จัก”

“ก็อืมมม แปลกล่ะมั้ง แต่ไม่เป็นไรต่อไปนี้เราก็ฟอลไอจีกัน แบบที่รู้จักกันจริง ๆ”

ทะเลพยักหน้ารับ แล้วรับมือถือคืนมาพร้อมกดฟอลโล่วคนที่กำลังยิ้มตาหยีเหมือนเดิม ทำไมเป็นคนที่คิดอะไรไม่ซับซ้อนแบบนี้นะ ก็เพราะเขาเป็นคนดีไง ถ้าวันหนึ่งรู้เขาคงโดนมองไม่ต่างจากสโตกเกอร์

“สั่งอาหารด้วยค้าบบบ”

คิมหันต์ทำลายบรรยากาศชวนอึดอัด ด้วยการสั่งอาหารง่าย ๆ อย่างข้าวผัด และนักเก็ตไก่ทอด ทะลเองก็สั่งคะน้าหมูมานั่งกินเป็นเพื่อน ทั้งที่กินข้าวไปแล้วเมื่อกลางวัน แต่ถ้าไม่กินด้วยก็คงรีบกินตามนิสัยขี้เกรงใจ จากสังเกต คิมหันต์ชอบซื้อของหรืออะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ติดมือมาให้เสมอ อย่างวันนี้ก็ซื้อเคสแอร์พอดมาให้ เพราะเห็นอันที่ใช้อยู่ดำเป็นถ่าน

“ไม่กินผัก?”

“ไม่กินบางอย่างน่ะ จริง ๆ กินได้แค่บางอย่างจะดีกว่า” คนที่กำลงเขี่ยผักออกจากจานยักไหล่ ราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่จริง ๆ  โตไปเด็กหลายคนก็ผักได้เอง

“ตักมาดิ เรากิน” เหมือนที่อยู่ ๆ ทะเลก็ชอบกินผักในวัยสิบแปดขึ้นมาเฉย

“ไม่รังเกียจใช่มั้ยเนี่ย”

“ต่อไปนี้ถ้าไม่กินผักก็ตักมา”

คนตัวขาวอมยิ้มแล้วค่อย ๆ ตักนานาผักที่เขี่ยไว้ข้างจานใส่จานของคนที่อาสากินมันเอง

“นี่...จริง ๆ แล้วเราก็ไม่ค่อยถนัดที่จะใช้เรา ๆ อะไรแบบนี้เท่าไหร่หรอก” ทะเลเปิดประเด็น เพราะอยากให้รู้สึกว่าสนิทกันได้กว่านี้ ไม่ได้หวังสูงอะไรหรอก แค่ได้เป็นเพื่อนกับเขาก็ดีมากแล้ว

ที่สำคัญไม่รู้เลยด้วยว่าเขาจะสามารถชอบกันได้ในแบบที่ผู้ชายสองคนรู้สึกเหมือนกัน

ถ้าสุดท้ายแล้วมันเป็นไปไม่ได้

เป็นเพื่อนก็ยังดีไม่ใช่หรอ

“ก็ว่าอยู่นะ โรงเรียนชายล้วนปลูกฝังอะไรให้เราเยอะแยะเลยแหละ ตามสบายเลยนะจริง ๆ เราไงก็ได้อะ”

“โอเคแน่นะ”

เขายักไหล่เล็กน้อยแล้วตักข้าวเข้าปากไปเรื่อย ๆ เหมือนมันไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร จริง ๆ มันควรจะเป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรกไม่ใช่หรือไง เหมือนกับเพื่อนของเขา

แต่เพราะอะไรไม่กล้าเข้าข้างตัวเอง

ว่าลึก ๆ เขาจะรู้ว่านี่คือความพิเศษที่อยากให้เขารับไว้









มีต่อ




หัวข้อ: Re: SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | Up : ตอนที่ 2 ร้อนเลคเชอร์ [01-02-20]
เริ่มหัวข้อโดย: mifengbee ที่ 08-02-2020 20:39:53
“ทะเลวันนี้กลับก่อนเลยนะ กูน่าจะดึกว่ะ”

“เออ เบี้ยวนัดม้าหรอ”

“เดี๋ยวโทรไปบอกม้าเอง อย่าไปใส่ไฟอะไรกูก็พอละ” สายลมเดินมาหาน้องชายที่โต๊ะ ไม่มั่นใจในความสัมพันธ์นี้สักเท่าไหร่ ไม่ได้เอ่ยถามเจ้าน้องชาย และคิดว่านี่คือเรื่องของน้อง และก็คงรับรู้เมื่ออีกฝ่ายพร้อมจะบอก

“ไปละ กลับบ้านดีดีนะน้องคิม”

“อวยพรน้องมึงด้วยก็ดี”

สายลมเดินกลับไปตัดโมเดลต่อ มือพันพลาสเตอร์หลายนิ้วเพราะต้องกดคัตเตอร์ตัดกระดาษ ใจหนึ่งก็แอบสงสาร นี่แค่ปีสองยังหนักหน่วงขนาดนี้ เห็นว่านี่เป็นงานกลุ่มเลยไม่อยากไปรบกวนที่บ้าน มาคลุกที่คณะสะดวกกว่า

“ทะเลดูสนิทกับพี่สายลมเนอะ”

“ทะเลาะกันเนี่ยหรอ”

“กูก็สนิทกับพี่สาวนะ แต่ไม่ขั้นนี้” พอคิมหันต์เริ่มแทนตัวเองแบบนี้ถึงจะดูแปลกแต่เขาดูผ่อนคลายขึ้น เด็กผู้ชายที่ไหนจะมาพูดเรา ๆ เธอ ๆ ว่ามั้ย

“พอดีที่บ้านมีแต่ผู้ชายสี่คน เลยเป็นแบบนี้”

คิมหันต์พยักหน้า เราทั้งคู่เดินข้างกันไปเรื่อย ๆ บรรยากาศยามเย็นในมหาวิทยาลัย แสงแดดสีส้มลอดผ่านต้นไม้ใหญ่กระทบกับใบหน้าขาวเนียน อดไม่ได้ที่จะลอบมองเพราะเลือกที่จะเดินเยื้องหลังเขามาหน่อย จะได้แอบมองได้อย่างไม่ต้องระวังว่าเขาจะหันมาเจอ

“ทะเลกลับไงอะ” คนตัวขาวถามขึ้นหลังจากที่เดินผ่านคณะอักษรศาสตร์

“เดี๋ยวเดินไปขึ้นบีทีเอสที่สยาม”

“รู้จักกันมาตั้งนานยังไม่เคยถามเลยว่าบ้านอยู่แถวไหน” คิมหันต์กระชับกระเป๋าผ้าลายกรีนแมน เขาไม่ได้มองหน้ากันแต่กลับก้าวจังหวะช้าลง

“อยู่ไม่ไกลสีลมนี่เอง”

“อ้าวหรอ ทางผ่านเลย กูอยู่ฝั่งธนแหละ กลับด้วยกันมั้ยเอารถมาวันนี้”

ทะเลก้าวขาไกลกว่าเดิมเพื่อที่จะได้เดินในระยะที่พอดีกัน มองหน้าอีกฝ่ายแล้วเลิกคิ้วเล็กน้อย ประมาณว่าเอาจริงหรอ

“อื้อจริงดิ กูขับรถเก่งนะ”

“ถ้าไม่กลัวรถติดกูได้หมด”

“สบ๊าย”

BMW Series 5 สีดำทะเบียนสวยจอดตรงกลางพอดิบพอดีกับเส้นขอบของลานจอดรถ ไม่เบี้ยวสักเซนเดียว ทะเลพยักหน้ากับตัวเองน้อย ๆ ที่เจ้าของรถบอกว่าขับรถดีก็คงไม่ได้พูดเกินจริงเท่าไหร่ คงต้องหาโอกาสไปฝึกมือขับรถให้ดีเท่าเขาซะแล้วมั้ง มันไม่ควรที่เขาต้องไปส่งตลอดหรือเปล่า

‘อากาศชื้นนะคืนนี้
ระวังหนาวนะแบบนี้
ก่อนเข้านอนเป่าผมให้ดีฉันกลัวเธอจะไม่สบาย’


“ฟังวงนี้ด้วยหรอ” ทะเลที่นั่งเงียบในรถอยู่นานถามขึ้น เพราะชอบเพลงของวงนี้มาก ๆ เคยร้องกับวงที่โรงเรียนตั้งแต่เพลงก่อน ๆ ไม่น่าชื่อว่าสารถีก็ฟังเหมือนกัน

“ก็เพราะดี ฟังได้หมดแหละ ไม่ค่อยเจาะจง มึงดูชอบมากอะ เห็นพึมพำตั้งแต่ดนตรีขึ้นละ” ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะขับรถดีจริง ๆ อย่างที่บอก จังหวะเข้าโค้งตอนกลับรถนุ่มมากเหมือนนั่งรถวีไอพี แถมไม่มีเบรกให้ชวนเวียนหัว

“ชอบ เจ๋งดี อยากให้เพลงแมส อยากให้เขาทำเพลงไปเรื่อย ๆ”

“เพื่อนกูชอบบอกว่าไม่ชอบฟังเพลงแมส ถ้าเขาไม่อยากทำเพลงให้แมสเขาจะทำทำไมวะ คือทำงานก็ต้องให้คนเสพงานดิ ใช่ป่ะ”

“ไม่เถียงสักคำ”

“ไม่ได้มีอารมณ์เลยนะจริง ๆ”

“เชื่อ ๆ ไม่งั้นไม่เหยียบหนีไฟแดงหรอก”

สารถีหัวเราะออกมาเบา ๆ และขับตรงไปยังถนนที่จะมุ่งหน้าสู่บ้านของทะเล แสงไฟริมทางยังส่องสว่างในช่วงเวลาย้ำค่ำที่เพิ่งจะโคจรมาถึง ยังคงเป็นค่ำคืนอีกยาวนานหรือแสนสั้นสำหรับใครบางคน เมื่อคิมหันต์รู้จักทางลัด เขาตบไฟเลี้ยวเข้าหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว ทั้งที่ถ้าไปอีกทางรถน่าจะติดอีกไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง

สั้นไปจริง ๆ

“เดี๋ยวจอดตรงรั้วสีดำที่มีสิงโตข้างหน้า”

สารถีชะลอและจอดเทียบหน้าประตูรั้ว ที่มีรูปปั้นสิงโตสีดำขนาดใหญ่ขนาบสองข้างของประตูบ้าน พอดีที่บ้านมีธุรกิจด้านสถาปนิกนิดหน่อย เลยมีไว้ประดับให้เหมาะสมกับที่ทำธุรกิจด้านนี้ อีกอย่างป๊าบอกว่าส่งเสริมบารมี

“บ้านสวย นี่สิงโตเอาไว้เชิ้ตตอนตรุษจีนด้วยเปล่าเนี่ย ทำไมตัวใหญ่ขนาดนี้”

“เอาไว้ให้...คนมาถาม”

“โหทะเล จะเล่นกันซะแล้วอ่อออ ได้ดี๊”

“แต๊งกิ้วที่มาส่ง ยังไง...ถึงบ้านแล้วก็บอกด้วย เจอกันเสาร์หน้า”

ทะเลปลดล็อกประตูและกำลังจะก้าวขาลงจากรถ คนข้าง ๆ ก็ดันเรียกไว้ซะก่อน สีหน้าเขาดูมีความกังวลใจ คนรอให้ถามเอียงคอเล็กน้อยให้เป็นภาษากายว่าเขามีอะไรจะพูดหรือเปล่า พูดมาเลย พร้อมจะทำให้ทุกอย่างแหละสำหรับคน ๆ นี้

“ทะเล...คือพอดีกูจะมีควิซเคมีวันพุธนี้ คือจะให้ช่วยติวจะรบกวนไปเปล่า”

เรื่องแค่นี้ยังเกรงใจ เป็นน่ารัก “วันไหนอะ”

“สักจันทร์ได้มั้ย”

“อืมมม น่าจะติดไหว้พระจันทร์ป่ะวันนั้น”

“เออว่ะ ออกไปข้างนอกแม่ด่าแน่ ๆ”

“เฟซไทม์ก็ได้ ใช้ชีทที่ให้ไปอะ”

“อ้อ เอ้อ ได้ ๆ ขอบใจนะมึง”

“อื้ม บาย กลับดี ๆ”



ก้าวหน้าไปอีกสเต็ป จากที่เจอกันแค่วันเสาร์และที่โรงเรียนเรียนพิเศษ ก็จะได้เจอเขาผ่านจอมือถือตอนกลางคืน ก็บอกแล้วว่ามันต้องค่อยเป็นค่อยไป ถ้ามันไม่ใช่อย่างน้อยก็ยังเป็นเพื่อนกันได้

ทะเลยิ้มกับตัวเองหลังจากมองรถคันสวยขับเคลื่อนออกจากหน้าบ้านไปแล้ว เขาไม่ได้คาดหวังอะไรไปมากกว่าได้มองเห็นคน ๆ นี้อยู่ในสายตา แค่ได้เมียงมอง พูดคุย และช่วยแต่งเติมความหวังของเขาให้สำเร็จอย่างเต็มความสามารถ

แค่นี้แหละ

พอแล้ว








-------------------------------

#ฤดูร้อนของทะเล

เป็นตอนเรื่อย ๆ เอื่อย ๆ แต่ละมุน ๆ 5555555555
บอกแล้วว่าใสใสไม่มีอะไรใจเจ่บบบบ
แต่ตอนหน้า เอ่อออ ไม่รู้ดีกว่าาาาาาา


บายยยย

เจอกันเสาร์หน้าค้าบ

@mifengbeexx
หัวข้อ: Re:UP! | SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | 04_ทะเลไม่เคยบอกอะไร [15-02-20]
เริ่มหัวข้อโดย: mifengbee ที่ 15-02-2020 20:14:56
SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀
ตอนที่ 4

ทะเลไม่เคยบอกอะไร




หลังจากที่เราเฟซไทม์กันครั้งแรก และมันก็มีอีกหลายครั้งตามมา คิมหันต์เกรงใจเพราะไม่อยากกวนเวลาพักผ่อน แต่แน่นอนการได้เห็นหน้าเขาก่อนนอนมันยิ่งกว่าการได้ไปนอนตากอากาศบนยอดเขาที่ดอยซะอีก

ไม่ใช่แค่เฟซไทม์แต่เรายังมีพูดคุยถามเรื่องทั่วไปกันในทุกวัน

‘กินข้าวหรือยัง
วันนี้กว่าจะได้พักเที่ยง
ห้องสมุดเหม็นกลิ่นถุงเท้าอีกแล้ว
มาสเซอร์สอนสังคมพูดเหมือนยุงเลย
วันหลังมากินร้านนี้ดิอร่อยดี’


กลายเป็นเราแชร์หลายเรื่องในชีวิตประจำวันกันไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

ถ้าหวังให้มันไปได้ไกลกว่านี้ได้หรือเปล่านะ

หรือนี่ก็แค่เรื่องปกติที่ใครก็ทำกัน


“เฮ้ยทะเล ประชุมสภาพรุ่งนี้มึงห้ามโดดนะเว้ย ครั้งสุดท้ายก่อนส่งงานให้น้องแล้ว” พิภพประธานสภานักเรียนของปีที่แล้วตะโกนดังเข้ามาให้สนามบอล

“เออไม่เบี้ยวหรอกน่า กูอยากให้น้องมารับตำแหน่งวันนี้ด้วยซ้ำ” ทะเลตะโกนบอกกลับไป ก่อนคนฟังจะยกมือให้แล้วเดินสะพายกระเป๋าออกจากโรงเรียน

“ไงวันนี้เป๋เลยไอ้ห่า ก็บอกแล้วอย่าทุ่มเทไม่ได้ไปแข่ง ไอ้ห่าเล่นแถแถดเลย”

“แพลงเฉย ๆ น่ากูไม่เป็นไร”

นักรบกัปตันทีมพูดขึ้นหลังจากทำหน้าตาสมเพสปนสงสารทีไปที ก็เล่นเอาตัวเองไถสนามเพราะจะรีบจะเข้าไปทำประตู แต่หญ้าตรงนั้นไม่เรียบก็เลยเจ็บที่ข้อเท้า ตอนแรกคิดว่าไม่หนักมาก แต่ตอนนี้เริ่มปวด กนกกรที่เอาน้ำแข็งมาประคบให้ก็ยังไม่ได้รู้สึกดีขึ้นัก

ก๋วยเตี๋ยวไม่ได้เป็นนักฟุตบอลหรอกสบายใจได้ เขาไม่ถนัดเล่นกีฬาอะไรทั้งนั้น ที่มานั่งเจ๋อในสนามเพราะมารอพี่เจมารับต่างหาก

เหม็นความรักว่ะ

“เห้ยนั่นพี่นนท์ป่ะวะ” แทนไทที่นั่งเป็นหมาหอบแหกใต้สแตนด์ชี้โบ้ชี้เบ้ออกไปที่ลานจอดรถมาสเซอร์ในโรงเรียน

“พี่นนท์ไหนวะ” เป็นคนขาเจ็บถามขึ้น เพราะไม่คุ้นหน้าคนที่ใส่ชุดนักศึกษาปลดกระดุมสามเม็ด และใบหน้าหล่อจัดคนนี้เอาซะเลย

“เออกูไม่แปลกที่มึงจะไม่รู้จัก เขาเคยเรียนที่นี่แหละ แต่ย้ายไปตอนมอปลายเพราะได้ทุนไฮสคูลที่อังกฤษอะไรนี่แหละ กลับมาแล้วหรอวะ เหี้ยหล่อฉิบหาย เห้ยละนั่นพี่เอยป่ะ ดาวแมรี่อะ” ทะเลไม่รู้จักเพราะเข้ามาเรียนที่นี่ตอนมอปลาย

“เชี่ยยย คนหล่อสวยนี่โลกเขาดึงดูดกันหรือไงวะ พี่เอยโคตรสวย หัวใจนะครับ” แทนไทแทบจะเลื้อยกับหญ้าสนามให้กับผู้หญิงผมยาวถึงกลางหลัง ดัดลอนธรรมชาติ และใบหน้าสวยหยาดหยด พี่นนท์ประคองแผ่นหลังของเธอก่อนจะเปิดประตูออดี้ให้ขึ้นไปนั่ง

“เขามาทำไรวะ” นักรบถามขึ้นแทนใจผม

“มาหาลุงเขามั้ง มาสเซอร์ณรงค์”

“สัส นั่นผอ.มั้ย”

โปรไฟล์ดีขนาดนี้ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่ทุกคนจำได้ ทะเลไม่ได้สนใจเท่าไหร่ เพราะคนนวดมันเอาแต่มองนาฬิกาข้อมือ ว่าทำไมคนที่จะมารับไม่โทรมาสักที เลยแอบกรอกตาให้มันเป็นที





—————————————-





“ทำไมเดินเป๋ ๆ อะ” เวลาสามทุ่มตรงของทุกวันกลายเป็นรูทีนของชีวิตประจำวันไปเสียแล้วที่จะต้องได้รับสายเฟซไทม์จากทะเล หรือบางครั้งก็เป็นตัวเองที่โทรไป

[Sea : เตะบอลวันนี้อะดิ ลื่น ไถแถด ๆ เลย]

“ฮ่า ๆ เจ็บมั้ยล่ะนั่น”

[Sea : ไกลหัวใจว่ะ สบายมาก เดี๋ยวก็หายช่วงนี้ก็โดนล้อว่าเป๋ไปก่อน]

“เห้ย กูไม่ได้ล้อซะหน่อย”

[Sea : เอาเลยครับย้ำยีกันให้พอ]

“เว่อร์ ๆ เมื่อไหร่จะเช็ดผมเสร็จอะ อยากรู้เรื่องที่ถามไว้เมื่อกลางวัน”

[Sea : ใจเย็นดิ ไม่เกรงใจกันแล้วหรือไงวะช่วงนี้]

“ไม่ละ เพราะทะเลบอกว่าไม่ต้องเกรงใจ ฮ่า ๆ ๆ”

จะว่าไปนี่ก็เกือบเดือนแล้วเหมือนกันตั้งแต่วันที่เริ่มกิจวัตรนี้ แรก ๆ ก็มีเขิน กันบ้างที่เด็กผู้ชายตัวโตสองคนต้องมามองหน้าตากันผ่านจอคอมพิวเตอร์

แต่ตอนนี้ดันเริ่มรู้สึกว่าวันไหนถ้าไม่ได้ทำก็คงรู้สึกแปลก ๆ

แต่มันเป็นความแปลกที่มีความหมายนะ

ความรู้สึกที่มันค่อย ๆ เกิดขึ้น


ทำไมจะไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร ไม่ใช่เด็กอนุบาลที่จะต้องมานั่งอธิบายทุกการกระทำเหล่านี้ เพียงแต่มันไม่ใช่สิ่งที่จะพูดหรือแสดงออกไปได้ง่ายขนาดนั้น

ไม่ใช่หรือไง

[Sea : พอจะเข้าใจมั้ยวะ คือเรื่องนี้กูก็ว่ามันยากถ้าพื้นฐานแกรมมาร์ยังไม่แน่นพอ]

“ที่อังกฤษข้อสอบยังไม่ยากขนาดนี้เลยเหอะ”

[Sea : ก็นี่คนออกข้อสอบเขาไม่ได้วัดภูมิเด็ก เขาวัดภูมิครูด้วยกัน]

“ร้ายว่ะ”

ทะเลเป็นคนสุภาพพอสมควร เขาจะใช้คำหยาบแค่กับเพื่อนหรือคนสนิท พอพูดถึงเรื่องอื่น เช่น การสอบหรือการเมือง เขาจะกลายเป็นคนสุภาพที่พูดตรงแต่เจ็บแสบที่สุด เราเคยนั่งคุยเรื่องปัญหาการศึกษาไทยกันได้เป็นชั่วโมง เพราะเราทั้งคู่เคยไปแลกเปลี่ยนกับประเทศที่เจริญแล้ว ที่นู้นกลับมองการศึกษาไม่เหมือนบ้านเรา

อย่างน้อย ๆ ก็ไม่เหลื่อมล้ำขนาดที่ค่าสอบเข้ามหาลัยแพงจนเด็กที่ไม่มีโอกาสอยู่แล้ว กลับโดนตัดโอกาสทั้งที่ยังไม่ลงสนาม

ถ้าทะเลได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา ไม่แน่ว่าการศึกษาไทยคงพัฒนาขึ้น อย่างน้อย ๆ ก็คงดีกว่าตอนนี้

“จริงทั้งหมดแหละที่พูด ถ้าระบบมันดีกว่านี้ มึงก็ไม่ต้องขวนขวายขนาดนี้หรอกจริงป่ะ”

“จริงจ้าพ่อ นี่ถ้าเรื่องที่เราพูดออกสู่สาธารณะก็บอกลาชีวิตมหาวิทยาลัยเลยนะ นอนคุกแน่ ๆ”

“ประเทศแห่งความกลัว”

“พอแล้วจ้าพ่อ ฮ่า ๆ ๆ”

“ไปนอนเหอะ พรุ่งนี้เจอกันเวลาเดิม”

“เฮ้ยจะบอกว่าพรุ่งนี้อะเรามีธุระแหละ เลยจะไปไม่ได้นะ”

“อ่อ ได้ ๆ โอเค แล้วจะเฟซไทม์มั้ย”

“เดี๋ยวบอกได้เปล่า ไม่รู้ว่าจะเสร็จกี่โมง”

“อ่าฮะ ได้เสมอครับคุณคิม”

“กวนตีนอีกละ ไปนอนละนะ กู๊ดไนท์”

“บาย ฝันดี”



ความรู้สึกเหมือนได้ละเลียดสายไหมในวัยเด็ก มันไม่มีอะไรนอกจากหวาน แต่เป็นหวานที่ได้ชิมเมื่อไหร่ก็ตื่นเต้น มันคือความสุขที่ไม่ว่าจะได้สัมผัสเมื่อไหร่ก็รู้สึกไม่ต่างจกครั้งแรกที่ได้ลอง และทะเลกำลังทำให้คิมหันต์รู้สึกแบบนั้น

ผู้ชายตัวโตผิวแทนจากการกรำแดดด้วยเพราะเล่นกีฬาหลายอย่างจากที่ฟังเขาเล่าเวลาพูดถึงกิจกรรมออกแรงที่เขาชอบ ดวงตาคมเป็นประกายขึ้นมาทุกครั้งที่ได้เอ่ยถึงมัน สันจมูกคมรับกับปากกระจับสีแดงเข้ม

การจดจำรายละเอียดของติวเตอร์จำเป็นได้ขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องดีเอาเสีย

เพราะกำลังทำผิดอย่างมหันต์

ครืด ครืด

“ฮะโหยว”

(ไงเราจะนอนหรืยัง)

“ยังเยย ว่าจะโทรหาคุณพอดี”

(ให้มันจริงเหอะเด็กแสบ ผมเพิ่งกลับมาก็ไม่มีเวลาให้กันเลยสักวัน)

“พรุ่งนี้ไงงับ เดี๋ยวก็จะได้เจอกันแล้ว ให้เวลาคุณหมดเลย”

(เพราะมันเป็นของผมหมดตั้งนานอยู่แล้วครับ)

อยู่ ๆ ก็รู้สึกแปล๊บในอก หลังจากวางสายจากคนสำคัญ และเขาก็ยังเป็นมาตลอด ไม่เคยจะไม่รู้สึกกับคน ๆ นี้ ความลุ่มหลง คลั่งไคล้ และปลาบปลื้มให้เขายังคงชัดเจนมันไม่เคยเป็นอื่นเสมอมา ตั้งแต่วันนี้ที่เจ็บในอกก็เพราะมันกลับมีภาพอีกคนเลือนลางในห้วงความรู้สึก แม้มันจะคลุมเครือเหมือนหมอกยามเช้า แต่หลอกตัวเองไม่ได้เลยว่าไม่ใช่

ทำไมถึงเป็นคนไม่ดีแบบนี้คิมหันต์

ใจคนเรามันเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วเหมือนจิ้งจกเปลี่ยนสีได้ขนาดนั้นหรือไง เป็นไม่ได้หรอก ก็แค่จะต้องห้ามใจ อาจจะเป็นเพียงคลื่นความเหงาและโหยหาตัวแทนใครคนสำคัญ เป็นความมืดดำส่วนลึกในใจก็เท่านั้น ทางที่ดีคือต้องหาทางออกมา

และยุติมันให้ได้ก่อนที่เขาจะทำให้ใครเสียใจ

กระทั่งตัวเอง

แดดก่อนเที่ยงในประเทศกรุงเทพฯ ร้อนแรงละเลียดผิวของคิมหันต์ยามที่เขาต้องเดินออกจากลานจอดรถของห้างชื่อดังของโรงแรมแห่งหนึ่ง ‘คนสำคัญ’ ของเขาชอบร้านอาหารญี่ปุ่นที่นี่มาก และมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจับจองคิว แต่เป็นเพราะ ‘คุณธนนท์ ภูษิตาลัย’ ไม่เคยทำให้เรื่องเหล่านี้เป็นจริงไม่ได้

“ไงคุณ”

“งายคุณ”

คิมหันต์ไม่รีรอที่จะกอดผู้ชายคนนี้แม้นี่จะอยู่หน้าห้างและคนค่อนข้างพลุกพล่าน การแสดงออกถึงความรักเป็นเรื่องที่เขาคิดว่าไม่ควรจะกักเก็บไว้ เพราะไม่งั้นคนรักของเราก็อาจจะไม่รับรู้ก็ได้ ซึ่งเขาก็รักที่ธนนท์กอดเขากลับเช่นกัน

“คิดถึงจัง”

“ผมไปแค่สองเดือนเองครับ”

“ก็คิดถึงตลอดแหละ”

“ปากหวาน จะเอาอะไร”

คิมหันต์ส่ายหัวรับ เพราะไม่ได้อยากได้อะไรจากคนรักเท่ากับการได้ทำให้เขารู้ว่ายังคงรักเขาไม่เปลี่ยนแปลง “อยากอยู่กับคุณ”

“หึ เดี๋ยวจะไม่ได้กลับบ้าน”

ธนนท์ผู้ชายที่ทำให้ใจเต้นเสมอเวลามองตากัน นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมักจะมองกันด้วยความรักและเอ็นดูเสมอ แม้เราอายุห่างกันปีเดียวแต่เขากลับเป็นผู้ใหญ่มากกว่าที่เห็น ความสุขุม สุภาพ และความซื่อสัตย์ มันแสดงออกผ่านทุกการกระทำมาตลอดหนึ่งปีที่เราคบกัน

และเด็กมอหกคนนี้ก็รักเขามาก

อาจจะมากกว่าที่เขารู้


โอมากะเสะชิ้นพอดีคำถูกส่งจากเชฟดินแดนอาทิตย์อุทัย จนตอนนี้คิมหันต์อิ่มแปล้เหมือนกินช้างเข้าไปทั้งตัว สองคำสุดท้ายต้องยกให้ผู้ชายข้าง ๆ ที่ยังสามารถกินอาหารญี่ปุ่นฝีมือปราณีตได้อย่างเรื่อย ๆ ราวกับว่าจะไม่มีวันอิ่มอย่างนั้น

“คุณยังกินเยอะเหมือนเดิม”

“คุณก็ยังกินเหมือนแมวดม ผมว่าคุณผอมลงไปอีกแล้วนะ”

“ก็ช่วงนี้อ่านหนังสือเยอะ ขยันมากกกก บอกเลย”

“ชักอยากจะเห็นติวเตอร์คนนั้นแล้วดิ มีอะไรดีให้แฟนผมขยันขนาดนี้”

“มีเวลาสักสามวันไหม จะเล่าให้ฟัง”

“คุณจะชมผู้ชายคนอื่นต่อหน้าผมหรอวะ”

“ล้อเล่นคร้าบบบ ทะเลเก่งจริง ๆ แบบอัจฉิยะเลย คนอะไรได้ไอคิวตั้ง 180 แหนะ จริง ๆ เขาไปสอบเขาฮาวาร์ดได้ด้วยซ้ำหรือเปล่านะ”

ธนนท์เบ้ปากให้คนตรงข้ามเล็กน้อย ก่อนจะหยิบซูชิหน้าอูหนิเข้าปากแล้วเคี้ยวแรง ๆ เหมือนไม่ชอบใจที่พูดถึงทะเลสักเท่าไหร่ ได้แต่หัวเราะกับท่าทีประชดประชันแบบตลก ๆ ของเขา เสียงหัวเราะและรอยยิ้มเกิดขึ้นง่ายเสมอถ้ามีผู้ชายคนนี้อยู่ด้วยกัน เป็นเรื่องไม่ยากใช่ไหมล่ะที่จะเลิกคิดในแง่นั้นกับทะเลได้ง่ายขึ้น

ธนนท์น่ารักที่สุดในโลกของคิมหันต์แล้วล่ะ

เราเดินเล่นให้ห้างนิดหน่อยเพราะอ้อนเขาให้พาไปดูไอแพด เห็นทะเลใช้แล้วก็ดูสะดวกดี แถมตอนนี้ก็คิดได้แล้วว่าจะเอามาทำอะไรนอกจากเล่นเกม จุดมุ่งหมายที่อยากจะลองทำอะไรสักอย่างให้สำเร็จมันพลุ่งพล่านอยู่ในทุกเซลล์ของเขา ยิ่งพอมาเจอทะเลมันก็ยิ่งเหมือนได้แรงขับเคลื่อนที่มีไฟร้อนพร้อมลุกโชนได้เสมอ

อ่า ควรเลิกคิดถึงทะเลได้แล้ว

ธนนท์เรียกให้คนขับรถที่บ้านมาขับรถของคนรักกลับไปที่บ้านของเขา เพราะอย่างไรวันนี้ก็จะดึงดันไม่ให้เขากลับบ้านง่าย ๆ เลยตกลงกันว่าจะมาหาอย่างอื่นทำ ด้วยการดูหนังเรื่องที่เคยคุยกันว่าจะต้องมาดูพร้อมกัน ธนน์ขับรถมาสยามที่ที่เราเจอกันครั้งแรก และเดทแรกด้วยการดูการ์ตูนอนิเมชั่นที่คิมหันต์ชอบ ธนนท์มักจะชอบจับมือหรือกอดคอคนรักในที่สาธารณะ และเพิกเฉยต่อสายตาใครก็ตามที่มองมา ไม่เคยขอให้ใครมาเข้าใจหรือสนใจ ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องไปอธิบายให้ใครฟัง มีปัญหาก็คือปัญหาของคนนั้น ไม่ใช่ที่เรา

และเขายังเป็นธนนท์คนเดิมมาโดยตลอดไม่เปลี่ยนแปลง

คอนโดหรูริมโค้งน้ำเจ้าพระยาเป็นอสังหาริมทรัพย์ราคาแพงแต่ถูกจับจองเต็มตั้งแต่เปิดขายไม่กี่ยูนิต บางทีสิ่งขอราคาสูงก็ถูกสร้างและคิดว่าเพื่อกลุ่มทาร์เก็ตที่มีกำลังซื้อ ดังนั้นการไม่ไปวุ่นวายกับการใช้เงินของใครน่าจะเป็นเรื่องดี อย่างเช่นทายาทเจ้าของหุ้นส่วนคอนโดหลังนี้ ครั้งแรกที่มาก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมคนเราต้องมีคอนโดราคาแพงทั้งที่จะเป็นทรัพย์ของเราแค่ครึ่งชีวิต แต่พอได้รับรู้ความจริงที่ชวนขนลุกกว่านั้นก็ตอนที่นนท์บอกว่าที่นี่เป็นของเขา ไม่ใช่แค่ห้องนี้แต่เป็นทั้งหลัง

กลิ่นห้องคุ้นเคยบอกได้ดีว่าเขาไม่เคยเปลี่ยนนน้ำหอมที่ใช้สำหรับปรับอากาศภายในห้องเลย ยังคงเป็นกลิ่น English oak ที่คิมหันต์ชอบ ครั้งแรกที่เจอกันฉีดน้ำหอมกลิ่นนี้จนเขาจำและไปตามหามัน ก่อนจะซื้อและลองฉีดตัว และมาบ่นมาทำไมไม่เหมือนกับที่อยู่บนตัวเด็กมอห้าคนนั้น เจ้าตัวหงุดหงิดก็เลยเอามาฉีดที่ห้องทั้งที่ราคาของมันไม่ควรจะเอามาฉีดห้องกว้างขนาดนี้ด้วยซ้ำ สุดท้ายเขาเลยเลือกที่จะมาคลอเคลียเวลาที่คิมหันต์ใช้น้ำหอมกลิ่นนี้แทน

“หอม” เสียงกระซิบข้างหูทำเอาสะดุ้งนิดหน่อย ปลายจมูกคมสัมผัสเบา ๆ ที่ต้นคอ ก่อนจะสูดลมหายใจลึกให้ได้ยิน และประทับลงที่ซอกคอ แขนกว้างโอบกอดคนตัวเล็กกว่าจนจมเข้าไปในอก ใช้ความสูงและร่างกายกำยำกักเก็บไว้ไม่ให้ขยับตัวได้อีก

“กำลังสำรวจหรือไงว่าผมพาใครมาที่นี่หรือเปล่า” เสียงทุ้มกระซิบชิดข้างหู

“ไม่ใช่เหอะ กำลังหาของฝากต่างหาก” ใช้มืออุ่นกว่าของตัวเองลูบเบา ๆ ที่มือเย็นที่โอบเอวตัวเองอยู่

“ไม่มี แต่จะมาขอของขวัญจากคุณ ผมไปเรียนอย่างหนักหน่วง จะไม่มีอะไรให้หน่อยหรอ”

ยู่ปากให้เขาไปที คนตัวโตใช้ลำคอที่พาดไหล่จากด้านหลังส่งสายตาออดอ้อน ความหมายเดียวที่เขาจะสื่อทำไมจะไม่รู้ คบกันมานานก็พอจะแปลความหมายภาษากายเหล่านี้ออก “อยากได้อะไรเล่า ไม่ได้เตรียมอะไรมา”

“คุณไง”

คนถูกกอดหลับตาด้วยความขวยเขิน ฟังประโยคพวกนี้ทีไรก็ไม่เคยชิน ความวาบหวามแผ่กระจายอบอวนไปทั่วห้องรับแขกขนาดใหญ่ หมู่มวลแห่งความต้องการปกปิดไม่มิด ธนนท์ดึงแขนคนรักเขาไปห้องนอน ความร้อนแรงของคนตรงหน้ายังทำให้เขาใจหวิว ทุกครั้งที่เห็นร่างกายกำยำและเรือนร่างอันสมส่วน กล้ามเนื้อที่ถูกปั้นแต่งด้วยการออกกำลังกาย วีไลน์ตรงสะโพกยิ่งทำให้อีกคนเซ็กซี่จนแทบตาพร่า ไม่นานร่างปลือยเปล่าของคนตรงหน้าก็จัดการกับคนที่โดนผลักล้มลงไปที่เตียง

โคมไฟสีส้มสร้างบรรยากาศชวนฝันให้ทุกอย่างลงตัว จุมพิตที่ได้รับเมื่อไหร่ก็ชวนให้ใจเต้นระรัวราวกับมีคนรัวกลองอยู่ในนั้น เขาละเลียดฉกฉวยทุกอย่างไปจากคนน่ารักได้ไม่อยาก ถ้ากลืนวิญญาณได้ก็คงทำไปแล้ว มันไม่เคยเร่งเร้า แต่กลับค่อย ๆ บรรเลงด้วยจังหวะจะโคนที่เป็นของสองเรา

ไม่ว่าครั้งแรก หรือครั้งไหน
ธนนท์ก็มักจะทำให้เขาลืมไม่ลง
และยิ่งจมดิ่งไปกับความเป็นเขาในทุกเวอร์ชั่น
เซ็กซ์ทำให้คนรู้จักกันมากขึ้น
คงเป็นยิ่งอย่างว่า






—————————————






มีต่อ


หัวข้อ: Re:UP! | SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | 04_ทะเลไม่เคยบอกอะไร [15-02-20]
เริ่มหัวข้อโดย: mifengbee ที่ 15-02-2020 20:19:09
วันเสาร์ที่ต่างออกไป สำหรับช่วงเกือบสองเดือนที่ผ่านมา ทะเลไม่ต้องนั่งอ่านหนังสือคนเดียวที่ใต้คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ทั้งที่ก่อนหน้าเขาก็ทำมันได้อย่างไม่ติดขัด รู้สึกสบายใจด้วยซ้ำที่ตรงนี้มีสมาธิกว่าที่อื่น อย่างร้านกาแฟหรือคาเฟ่ที่หลายคนชอบไป แม้จะได้ยินเสียงเลื่อยไม้หรือตอกตะปูบางครั้งก็ตาม แต่วันนี้กลับไม่เป็นอย่างเคย คงเพราะไม่มีใครอีกคนมานั่งตรงข้ามกัน เขาหายไปเลยไม่แม้กระทั่งไลน์มาถามไถ่เหมือนทุกวัน ผมเห็นกิจกรรมวันนี้ผ่านไอจีสตอรี่และก็ได้แต่ยิ้มตามที่เขาได้พักจากความเครียดได้บ้าง

แววตาสดใสเวลาถามคำถามในสิ่งที่ตัวเองอยากรู้ แต่ก็จะเศร้าสร้อยทันทีถ้ารู้ว่าทำโจทย์ผิด ทั้งหมดนั้นฉายชัดความกังวลและเครียดบางอย่างออก เขาไม่ค่อยปกปิดความรู้สึกผ่านสายตา จะบอกว่าเขาอ่านง่ายก็ไม่เชิง แต่หลายครั้งที่มักจะเห็นสายตาของเขามองมาที่ด้วยความหมายที่ไม่กล้าแม้แต่จะคิด

ความรู้สึกที่เขาไม่ได้มองทะเลคนนี้เป็นแค่เพื่อนหรือติวเตอร์เหมือนวันแรก ๆ ที่รู้จักกัน

ไม่กล้าเข้าข้างตัวเอง

ทั้งที่ควรจะดีใจ แต่ทำไมพอมันเกิดขึ้นจริง ๆ แล้วกลับรู้สึกว่าเขาไม่ได้ตั้งใจยังไงก็ไม่รู้

ความเบื่อหน่ายที่จะต้องจมกับโจทย์และตัวหนังสือ พยายามหาอย่างอื่นทำก็ไม่เป็นผล เลยบอกพี่ชายว่าจะขอกลับบ้านก่อน เพราะอยากจะไปซื้อะไรบางอย่างที่สยาม ทางนั้นตอบรับด้วยการพยักหน้าแล้วหันกลับไปเขียนรายงานต่อ เห็นว่ารีพอร์ตที่ทำมาหลายอาทิตย์จะต้องส่งจันทร์นี้แล้ว ถ้าไม่บอกว่าจะกลับก่อนมันก็คงไล่เร็ว ๆ นี้ เพราะอาจจะต้องไปนอนที่สตูของคณะ

สยามตอนเย็นคลาคร่ำไปด้วยผู้คนทั้งไทย ต่างชาติ ต่างมุ่งหน้ามาห้างใจกลางเมือง อดคิดไม่ได้ว่าทำไมบ้านเรามีดีแค่ห้าง แต่พอทบทวนแล้วก็ไม่ควรคิด พาลจะหัวเสียกับสภาพสังคมตอนนี้ไปเสียเปล่า แอร์ในห้างปะทะเข้ากับหน้าอย่างจังและก็รู้สึกดีขึ้นจากการเดินระยะไกลและเหงื่อไคลเริ่มซึมตามเสื้อ นี่อาจจะเป็นเหตุผลซัพพอร์ตปัญหานั้นก็ได้

เลือกแก้เบื่อด้วยการซื้อตั๋วหนังเรื่องที่อยากดู มันเป็นหนังนอกกระแสที่มีฉายแค่ไม่กี่โรงในไทย และโชคดีที่เข้าที่นี่และดันมีโรงเดียวรอบสุดท้ายของวัน เงยหน้าจากแก้วป๊อปคอร์นรสชีสก่อนจะสังเกตเห็นบางคนลักษณะคุ้นตา ยืนกอดอกรอใครสักคนออกจากห้องน้ำ และถ้าไม่ได้ตาฝาด

คิมหันต์

ผู้ชายหุ่นสมส่วนในชุดเสื้อเชิ้ตดูดี กางเกงขากระบอกสีขาว และรองเท้าแตะแอร์เมส เดินออกจากห้องน้ำชายมาควงแขนผู้ชายที่ยืนอยู่หน้าห้องน้ำ ผู้ชายใบหน้าหล่อจัดที่เจอเพียงครั้งแรก็จำติดตา “พี่นนท์”

มือของคนตัวเล็กกว่าคว้ามือคนตัวใหญ่มาจับไว้หลวม ๆ ก่อนจะเดินเข้าโรงหนังเดียวกับที่ตั๋วในมือที่ถืออยู่ เจ้าของส่วนสูงร้อยแปดสิบสองชักไม่มั่นใจว่าตัวเองควรเดินตามเข้าไป หรือทิ้งตั๋วแล้วกลับบ้านไปซะ

ทั้งที่ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าความสัมพันธ์ของทั้สองคนเป็นอะไร

แต่แค่เห็นความเจ็บแปล๊บก็เล่นมาที่อกจนมือชาไปหมด

เหตุผลนี้หรือเปล่าที่การรอแชทไลน์วันนี้มันเปล่าประโยชน์


เขาเลือกนั่งที่หน้าโรงหนังเงียบ ๆ โดยที่ไม่ได้ขยับตัวไปไหน ป๊อปคอร์นพร่องไปครึ่งแก้ว และไม่มีท่าทีจะลดลงอีก กลิ่นชีสและรสเค็มติดปลายลิ้นที่ชอบกลับทำให้เขาไม่อยากอาหาร พลางคิดถึงภาพเมื่อครู่ก็มานั่งคิดมากเป็นตุเป็นตะ ทั้งที่พยายามบอกตัวเองแล้วว่าไม่ว่าจะยังไงก็จะยอมรับความรู้สึกสุดท้ายที่เรามีให้กัน

คนเริ่มทอยอออกมาจากโรงหนัง เสียงแซงแซ่พูดคุยกับฉากในโรงที่ตัวเขาเองไม่ได้เข้าไปดู มุมที่นั่งอยู่ถ้าไม่ทันสังเกตจะไม่มีทางเห็นว่าเป็นเขา และนั่นผู้ชายสองคนที่ไม่ได้สนใจสิ่งที่รายล้อมอยู่ เหมือนว่าโลกทั้งใบตรงนั้นมีแค่เขาสองคน

มือขาวนุ่มนิ่มที่เคยเฉียดสัมผัสกันตอนหยิบกระดาษโน้ต กำลังจับกับมือแกร่งแนบแน่น คนตัวสูงใบหน้าหล่อจัดยิ้มขณะที่ฟังคนตัวเล็กพูดเจื้อยแจ้ว มองจากพระจันทร์ยังรับรู้ถึงความสัมพันธ์ที่มากกว่าเพื่อน

ทะเลคงไม่เหมาะกับหน้าร้อนทุกฤดูหรอก

จริงมั้ย





[KT : ทะเลมึงอย่าลืมจัดกระเป๋าไปค่ายพรุ่งนี้นะเว้ย]

[Sea : ไม่อยากไปแล้วว่ะ]

[KT : เห้ย ไม่ได้นะเว้ย ไหนว่าออกเข้าที่นี่ไง คนแย่งกันเป็นร้อย อย่าทิ้งกันดิ]

[Sea : กูไม่มีอารมณ์]

[KT : ขอร้องอย่ามาไม่มีตอนนี้ ฮืออ]

[Sea : ก็ไม่ต้องไปกันทั้งหมดนี่แหละ]

[KT : ได้ไง ไปเถอะคิดว่าไปเที่ยวก่อนสอบ คลายเครียด กูไปถามพี่เจมาแล้วเขาบอกสนุก นะ ๆ ๆ]

[Sea : เออ ๆ ไปก็ได้ ไงมึงโทรมาปลุกกูด้วยแล้วกัน]

ทะเลถอนหายใจใส่มือถือรอบที่สามร้อย เป็นอาทิตย์นับตั้งแต่วันที่เขาได้เห็นภาพแห่งความจริง ราวกับเทปกรอกลับไปมาในหัว ลบทิ้งจากความคิดไม่ได้เลย

จะบอกว่าเสียใจก็คงพูดได้ไม่เต็มปาก เพราะอีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทีชัดเจนขนาดที่จะตีความไปได้ว่ารู้สึกเหมือนกัน แต่คงเป็นความเสียดายที่ตัวเองยังไม่ได้เริ่มพยายามอย่างที่ควรทำ แต่พอคิดอีกทีก็ดีแล้วยังไม่ถลำไปขนาดนั้น เพราะสุดท้ายแล้วก็คงแพ้ราบคาบกลับมา

แพ้ให้กับความรักของฤดูร้อน

มองไปทางไหนก็เห็นแต่ตัวเองถูกแผดเผาราวกับว่าทะเลผืนจะไม่สามารถสร้างความสุขให้ใครได้อีกแล้ว

ต้องเอาตัวเองออกมาก่อนจะไม่หลงเหลืออะไรในความสัมพันธ์ที่แทบจะไม่มีชื่อเรียกนี้

เสียงเฟซไทม์เข้ามานิ้วเรียวกดรับก่อนจะยิ้มให้อีกฝ่าย คิมหันต์ยังทำตัวเป็นปกติเหมือนเดิม สังเกตว่าบางทีเขาไม่ได้อยู่ในห้องนอนของตัวเอง แต่ก็ไม่กล้าถาม ได้แต่ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างดีที่สุด

เพราะสุดท้ายแล้วก็คงทำให้ได้แค่นี้






---------------------------------


#ฤดูร้อนของทะเล




อ้าวเป็นงงงงง ยัยน้องมีแฟนซะแล้วหรออออ
อูยยยย ที่บอกว่าจะไม่มีดราม่าเอาน่านิดนึงง พอเป็นกระสัย5555555555
แต่ไม่ยาวนานสาบานได้เรยยยย

เป็นกำลังใจให้น้องทะเลโด้ยยยย


เจอกันใหม่เสาร์หน้าค่า

@mifengbeexx
หัวข้อ: Re: UP! | SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | 04_ทะเลไม่เคยบอกอะไร [15-02-20]
เริ่มหัวข้อโดย: lolli_candy99 ที่ 18-02-2020 14:12:02
ฮือออออ ดีมากกกกกกก ตามๆๆ เป็นกำลังใจให้คนแต่งค้าบบ
หัวข้อ: Re: UP! | SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | 04_ทะเลไม่เคยบอกอะไร [15-02-20]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 18-02-2020 19:10:23
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: UP! | SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | 04_ทะเลไม่เคยบอกอะไร [15-02-20]
เริ่มหัวข้อโดย: MScholohist ที่ 19-02-2020 07:59:01
ชอบมากเลย สงสารทะเลและเข้าใจทะเลมาก ยัยน้องคิมมมม!!
หัวข้อ: Re: UP! | SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | 05_ทะเลไม่ใช่เขา [22-02-20]
เริ่มหัวข้อโดย: mifengbee ที่ 22-02-2020 20:39:18
SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀
ตอนที่ 5

ทะเลมีแต่คลื่น
[/size]




ผู้ชายรูปร่างสมส่วนกระชับกระเป๋าเป้สีดำก่อนจะวิ่งเหยาะ ๆ เพราะรู้ตัวว่าสายแล้ว ในตารางกำหนดการบอกว่าควรมาไม่เกิน 8 โมง และตอนนี้อีก 5 นาทีจะถึงเวลานัด ก็นาฬิกาปลุกเจ้ากรรมดันไม่ทำงานในวันหยุดเป็นปกติ แปลกใจที่ตัวเองไม่ได้เอะใจอะไรเลยต่างหากเมื่อคืน

น่าโมโหชะมัด

ระหว่างที่กำลังวิ่งไปที่นัดหมายหางตาก็เห็นผู้ชายอีกคนกำลังวิ่งอยู่อีกฝั่งของถนนในมหาวิทยาลัย เขาสายตาสั้นแต่ท่าทางและรูปร่างที่คุ้นตาทำให้เขารู้ได้ทันทีว่านั่นคือผู้ชายที่เขาเฟซไทม์ด้วยเกือบทุกคืน

ทะเลมาค่ายบริหารเหมือนกันหรอ

“ทะเล!” คิมหันต์ตะโกนแข่งกับอาการหอบ

“อ้าว!” อีกฝ่ายตกใจไม่แพ้กัน เขายิ้มกว้างให้ ไม่บ่อยนักหรอกที่ทะเลจะยิ้มแบบนี้ ครั้งล่าสุดคงเป็นตอนที่บอกว่าสอบเคมีครั้งล่าสุดได้เกือบเต็มนั่นแหละ

รอยยิ้มของทะเลเป็นเหมือนความเวิ้งว้างที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา คือแหล่งพักกายพักใจและละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างได้ในเวลาอันสั้น สมกับที่ชื่อทะเล

“มาด้วยหรอ”

“รีบไปเถอะอีก 2 นาที”  คนขายาวกกว่ายกนาฬิกาขึ้นมาดูและรีบวิ่งผ่านถนนมาเพื่อสาวเท้าขนาบข้างกันไปให้ทัน




รถบัสติดชื่อมหาวิทยาลัยจุคนในรถร่วม 50 คน มีที่ว่างข้างหน้าเหลือแค่หนึ่งคู่เท่านั้น ทำให้ผู้ชายสองคนที่เหนื่อยหอบทิ้งกายลงบนเบาะอย่างไม่มีสิทธิ์เลือก เสียงลมหายใจประสานกันก่อนที่จะขำเบา ๆ ช่างเป็นเช้าที่ทั้งคู่คาดไม่ถึงกับการต้องออกแรงตั้งแต่ยังไม่ถึงค่าย

เสียงโทรโข่งจากพี่สาวหน้ารถบอกถึงกำหนดการและสถานที่ที่เรากำลังจะเดินทางไป เป็นวิทยาเขตของมหาวิทยาที่รถบัสกำลังเคลื่อนตัวออกจากรั้ว ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่สักเท่าไหร่ แต่ที่นั่นกว้างและมีพื้นที่ให้ทำกิจกรรมได้มากกว่า และเราจะค้างที่นั่นหนึ่งคืน

“น้ำมั้ย”

พี่ผู้ชายหน้าตาดีใส่เสื้อสีแดงสดยื่นขวดน้ำที่แกะจากแพ็คให้ ทะเลรับก่อนจะส่งให้อีกคนที่นั่งด้านใน เขาคิดไม่ถึงว่าจะมาเจอคิมหันต์ที่นี่ ตั้งแต่วันนั้นก็พยายามตัดใจและพาตัวองออกมาจากวงจรชีวิตประจำวันของอีกฝ่าย และทะเลเองก็รับรู้ว่าอีกฝ่ายก็พยายามที่จะทำแบบนั้นเช่นกัน

หรือเป็นเรื่องที่คิดไปเอง

ตอนนี้ไม่มั่นใจอะไรเลย

“ไม่เห็นบอกเลยว่าจะมาค่ายนี้ด้วย อยากเข้าบริหารหรอ” คิมหันต์กระซิบ คงเพราะไม่อยากให้พี่ที่พูดหน้ารถรู้สึกว่าเราไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าไหร่

“ก็ดู ๆ อยู่ มึงก็ไม่เคยบอกว่าจะเข้าป่ะ”

“เออเนอะ แล้วมีเพื่อนคนอื่นมาป่ะ”

“มันนั่งอยู่หลัง ๆ ปนกับพี่ ๆ เขานั่นแหละ”

“วงไพ่อะนะ”

ทะเลหัวเราะเบา ๆ เพราะเพื่อนเขามันเป็นคนประเภทนั้นจริง ๆ  โดยเฉพาะแทนไท วิชาเลขซ่อมจนเหนื่อย แต่นับเลขป๊อกนี่เกรดสี่ “แล้วเพื่อนมึงอะมาป่ะ”

“มา ๆ มิวกับพีท จำได้ป่ะ”

ทะเลพยักหน้าก่อนจะมองไปที่พี่สาวที่เพิ่งได้ยินว่าแทนตัวเองว่าแนน และเขาควรตั้งใจฟังให้มากกว่าการแอบมองหน้าจอแชทไลน์ของคนข้าง ๆ ที่ตอบคนในแชทด้วยสติ๊กเกอร์รูปหมีกระโดดกอด ไม่นานก็แกล้งหลับตาและใส่แอร์พ็อดเพื่อตัดตัวเองออกจากโลกโดยรอบ

ด้วยความที่ไม่ได้หลับจริง ๆ ทะเลรู้สึกว่าไหล่ข้างซ้ายตัวเองหนักขึ้นอย่างมีนัยยะ หรี่ตามองก็เป็นดั่งคิด คนตัวขาวหลับจนตัวเอียงมาเบียดเขาอย่างช่วยไม่ได้ ปากเล็กนั่นอ้าน้อย ๆ ราวกับหลับลึกนักหนา เขาโมโหตัวเองที่รู้สึกดีทั้งที่ควรพลักหัวทุยให้ไปพิงกระจกหน้าต่าง แต่ดันจับให้อีกคนนอนสบายขึ้น

ถ้านุ่มนิิ่มรู้ตัวก็คงไม่ทำแบบนี้ ให้มันเป็นนิทราที่ไร้ความจริงนั่นแหละดีแล้ว

รถบัสจอดเทียบที่หน้าคณะบริหารปลายทางของกิจกรรมครั้งนี้ พี่ ๆ แนะนำสถานที่เราจะใช้ชีวิตที่นี่หนึ่งคืนหนึ่งวัน อาทิ ห้องทำกิจกรรม ห้องน้ำ และบริเวณอาคารนอน ที่จัดเฉพาะจากห้องแล็กเชอร์แยกชายหญิง เก้าอี้พับถูกแทนที่ด้วยฟูกสีขาวน่านอน

“พี่ ๆ เตรียมป้ายชื่อที่อยากให้ทุกคนติดที่มุมซ้ายของเสื้อตลอดเวลาที่เราอยู่ที่นี่นะคะ โดยสีของแต่ละคนจะบ่งบอกถึงพี่เลี้ยงขอแต่ละกรุ๊ป”

ทะเลและคิมหันต์แยกกันตั้งแต่ลงจากรถ เจ้าของลักยิ้มเดินไปรวมกับกลุ่มเพื่อน ส่วนทะเลก็ทำเช่นนั้นเหมือนกัน คิมหันต์จะไม่มีวันได้รู้ว่าทะเลมองตัวเองด้วยสายตาแบบไหนตลอดทางที่เดินทางมานี่ที่

“อ้าว ได้อยู่สีเดียวกันเลย” คิมหันต์ทักขึ้นก่อนหลังจากแบ่งแยกกันเป็นกลุ่มสีแล้ว ทะเลยังคิดว่ามันจะบังเอิญไปอีกกี่ครั้งกัน

“ดีค่ะน้อง ๆ พี่เอยนะคะ”

เสียงเล็กน่ารักแนะนำตัวจากด้านหลังของทะเล เขาไม่คาดคิดว่าจะเจอแจ็คพ็อตขนาดนี้ เพราะคือเอยเดียวกันกับที่เคยเจอที่โรงเรียน และอยู่กับพี่นนท์ ผมสีดำขลับสลวยและใบหน้าเนียนใสที่ใครก็ต้องจำได้ปรากฏต่อหน้าเขา

ภาพวันที่พี่นนท์ประคองผู้หญิงคนนี้ขึ้นรถออดี้ยังอยู่ในความทรงจำ เขาไม่มั่นใจว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่คืออะไร มันไม่ได้ชัดเจนเท่ากับของคนที่เอ่ยทักเขาเมื่อครู่ แต่ที่แน่ชัดคือพี่นนท์อะไรนั่นไม่ค่อยน่าไว้วางใจ และยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะถ้ามันไม่มีอะไรจริง ๆ เขาก็เป็นคนนอกอยู่ดี

ที่แน่ ๆ คิมหันต์ไม่รู้จักพี่สาวคนนี้มาก่อน เพราะเขาไม่ได้เอ่ยทักทายกันอย่างคนรู้จักเลยสักนิด




กิจกรรมละลายพฤติกรรมมักถูกนำมาใช้เปิดค่ายเสมอ และพี่ ๆ ในค่ายก็เอ็นเตอร์เทนเก่งมาก ทะเลคนยิ้มยากหัวเราะกับท่าเต้นของพี่ที่ออกตัวว่าเป็นตุ๊ดไม่หยุด เพลงป๊อปชื่อดังถูกแปลงเนื้อสองแง่สองง่ามกับเสียงปรบมือ และลูกคู่ของพี่เลี้ยงในค่ายทำเอาทุกคนเอ็นจอยและผ่อนคลายมากขึ้น

“เอาล่ะค่ะ มาเล่นกิจกรรมสร้างความร้าวฉานกันเถอะ เอ้ยสร้างความสามัคคีค่ะ ขอตัวแทนแต่ละกลุ่ม 2 คนนะคะ มาเลยค่ะ ไป ไป ไป๊”

พี่ที่ชื่อต้นอ้อ คนเดิมกับที่เต้นเมื่อครู่เป็นคนนำกิจกรรมนี้ ในกลุ่มสีแดงของพี่เอยมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เพราะทั้งกลุ่มมีแต่ผู้หญิง มีผู้ชายสองคนนั่นคือทะเลและคิมหันต์ จนพี่เลี้ยงประจำกลุ่มต้องเดินมาของร้องให้ผู้ชายที่น้อยนิดออกไปร่วมกิจกรรม

“ไม่ต้องกลัวนะ ต้นอ้อไม่น่าจะทำกิจกรรมไม่น่าไว้ใจ...มั้ง”

ผู้หญิงหน้าหวานยิ้มเจื่อนเล็กน้อย เธอไม่แน่ใจเพราะเอาแน่นอนกับเพื่อนคนนี้ไม่ได้เท่าไหร่ ผู้ชายตัวแทนของกลุ่มออกไปด้านหน้า ดูท่าจะเป็นผู้ชายคู่เดียวที่ออกมาทำกิจกรรมนี้

“น้องทะเลลลล ลูกกกก กินข้าวกับอะไรทำไมหล่อขนาดนี้ละคะ”

“อิต้นอ้อ อย่าเต๊าะน้อง เดี๋ยวกูจะแจ้งงงง”

พี่ผู้ชายที่ยืนหลังห้องตะโกนข้ามมา ทุกคนในห้องขำกับสิ่งนี้ ผู้หญิงที่มีจำนวนมากกว่าผู้ชายในห้องซุบซิบกันใหญ่ เจ้าตัวได้แต่ยิ้มรับแบบเจื่อน ๆ เขาไม่ค่อยชินกับการถูกแซวในที่สาธารณะสักเท่าไหร่ ปกติแก๊งค์นางฟ้าที่โรงเรียนแซวก็ยังไม่ชินเลย คนข้าง ๆ ก็ยิ้มไปกับเขาด้วย

“อย่ายิ้มดิ”

“เขินหรอ หล่อก็ต้องโดนแซวเป็นธรรมดาแหละ”

“น้องคิมลูก พกหลอดไฟมาด้วยหรอคะ พี่แสบตาไปหมดแล้ว ค่ายปีนี้ได้แสงสว่างเหมือนบรรลุธรรมเลยว่ามั้ยคะพี่ ๆ”

คนโดนแซวยิ้มรับ ทะเลเลยได้ส่งสายตาแกมล้อเลียนมาให้ เหมือนเดจาวูในชั่ววินาที

“เอาล่ะค่ะ พี่จะแจกกระดาษให้หนึ่งใบนะคะ คู่ไหนสามารถทำตามโจทย์ครบจะได้รับการ์ดวิเศษ ซึ่งพี่จะอธิบายว่ามันพิเศษยังไงหลังจบเกมนี้ เพราะเรามาค่ายทั้งทีจะมาฟังแต่อะไรที่เป็นวิชาการได้ไง เราต้องได้เรื่องไร้สาระกลับบ้านไปด้วย ฮ่า ๆ ๆ”

“โจทย์แรกนะคะ ทำยังไงก็ได้ห้ามให้กระดาษใบนี้ตกพื้น และห้ามใช้มือจับ”

ทะเลมองหน้าคนข้าง ๆ อย่างงง ๆ เกมอะไรวะเนี่ยคือคำพูดที่คู่ของเขาคงอ่านออกจากใบหน้า จู่ ๆ คิมหันต์ก็จับมือทะเลแล้วค่อย ๆ วางกระดาษเอสี่เรียบ ๆ ลงที่แขนของเรา และจับมือกันไว้ เพียงเท่านี้กระดาษก็ค้างเติ่งไม่หล่นพื้นแล้ว

“ได้อะไรไม่รู้แต่อยากชนะอะ” คิมหันต์หัวเราะเบา ๆ เขาดูจะสนุกกับเกมและการเอาชนะคงจะเป็นเรื่องที่เขาถนัดพอดู

ทีมอื่นก็มีท่าทางหลายอย่าง มีกระทั่งเอาแก้มแนบกันโดยที่มีกระดาษบาง ๆ ขั้นอยู่ จู่ ๆ ทะเลก็คิดว่าเมื่อครู่คิมหันต์คิดท่านี้เขาคงได้ทำหน้าประหลาดให้ทุกคนเห็น ใครจะมันจะทำอะไรแบบนั้นทั้งที่ใจคิดไม่ซื่อกับเขาขนาดนี้ได้วะครับ

“อุ้ย ๆ กระดาษหล่นนะคะ ตกรอบไปค่าทีมสีเขียวและสีเหลืองแหม่ท่ายากขนาดนี้เนาะลูก คิดได้ไงเอาไปวางบนไหล่ หื้มมม”

“มาค่ะ โจทย์ต่อไป คราวนี้จะขอตัดกระดาษออกครึ่งหนึ่งนะคะ โจทย์ง่ายมากค่ะ ห้ามให้กระดาษแผ่นนี้อยู่ต่ำกว่าไหล่ และห้ามใช้มือจับนะคะ”

คิมหันต์อุทานด้ายคำหยาบเบา ๆ เขาลังเลเล็กน้อย แต่เพราะอยากชนะเขาเลยเรียบเอากระดาษแปะที่หน้าผากของตัวเองและดันตัวคนตัวโตให้ก้มลงมาโดยใช้ส่วนเดียวกันประคองกระดาษไว้ ด้วยที่กระดาษแผ่นเล็กลงทำให้มันกั้นแค่ช่วงใบหน้าได้เท่านั้น

เสียงอื้ออึงในห้องดังขึ้น แต่คนเล่นเกมไม่สามารถหันไปมองได้ และทะเลก็ภาวนาในใจให้โจทย์นี้ผ่านพ้นไปสักที ลมหายใจจากคนตรงข้ามทำเอาเขาใจระส่ำ เพราะนี่คือความใกล้ชิดมากที่สุดตั้งแต่รู้จักกัน

กระดาษสีขาวเมื่อแสงลอดผ่านมันทำให้เห็นเงาคนตรงข้าม ดวงตากลมโตกำลังมองมาที่เขาเหมือนกัน ทะเลจ้องทะลุกระดาษบางแผ่นนี้ไป เขาจะรู้ไหมว่าสายตาที่มองจากตรงนี้มันไม่เคยมองเขาเป็นเพียงเพื่อนธรรมดา

“เอาล่ะค่ะ ก่อนที่ทุกคนในห้องจะหัวใจวาย ตอนนี้เราได้ผู้ชนะแล้วค่ะ! น้องทะเลและน้องคิมค่า ให้เขาไปเลยค่ะ อยากจะให้การ์ดอีกใบ ประทับใจพี่มาก สาววายอย่างชั้นใจมันสั่นนน”

อย่าว่าแต่พี่ต้นอ้อใจสั่นเลย ทะเลที่ไม่เคยสะทกสะท้านแม้พายุลูกใหญ่จะก่อตัวเป็นคลื่นยักษ์ ก็ไม่เคยถาโถมเท่าเหตุการณ์เมื่อครู่แม้แต่น้อย ราวกับว่ามันพังทลายการหักห้ามใจทั้งหมดทั้งมวลที่คิดจะทำ

แม้จะรู้ว่าการแอบรักแฟนคนอื่นมันผิด แต่ถ้ามีแค่เขารู้คนเดียว
เขาก็จะขอให้ความผิดบาปติดตัวเขาไปตลอดก็แล้วกัน





“มึงรู้จักเด็กปรินซ์หรอวะ” กนกกรถามขณะเรานั่งแยกกลุ่มกันกินข้าวกลางวัน

แทนไทก็คงทดความสงสัยตั้งแต่เช้าเหมือนกัน “เออกูเห็นมึงคุยกับเขาตั้งแต่ขึ้นรถละ”

“ก็รู้จักกัน” ทะเลตอบไปเรียบ ๆ เขาไม่ได้อยากบอกว่าที่จริงมันมากกว่าแค่รู้จักผิวเผิน เพราะไม่ได้อยากจะผูกมัดอะไร และไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะยินดีหรือไม่ที่ตัวเขาจะบอกความสัมพันธ์ที่ไม่น่าโคจรมาพบกันได้ และอีกอย่างทะเลก็ขี้เกียจอธิบายซ้ำไปอีก

เพื่อนสองคนพยักหน้าและตักข้าวผัดกุ้งแห้ง ๆ เข้าปาก แทนไทเหมือนอยากจะถามต่อ ก๋วยเตี๋ยวสะกิดเพื่อนผมเกรียนเลยไม่ได้เอ่ยปากถ คงเพราะอารมณ์ที่ไม่ค่อยคงที่ของทะเลที่มันค่อนข้างชัดเจน

ตกบ่ายมีคลาสเวิร์คช้อปและการเตรียมตัวเข้าเรียนคณะบริหาร บอกไปถึงหลักสูตรและการคำนวนหน่วยกิตในการเรียน ที่สำคัญความเข้าใจในภาพรวมของศาสตร์การบริหารที่หลายคนมักเข้าใจผิด อาทิ คิดอะไรไม่ออกก็มาเรียนบริหาร ทุกคนก็จะขำเพราะถ้าคิดออกจากไม่เรียนนบริหารแต่แรก เพราะหลักสูตรภาคอินเตอร์ของที่นี่จะต้องไปแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศอย่างน้อย 2 ครั้งกับการสะสม GPA  รวมให้ถึงเกณฑ์ หลายคนที่มาค่ายเริ่มเลิกลั่กเมื่อรู้ข้อจำกัดของเรื่องนี้

ทะเลอยากเรียนบริหารเพราะเขามีเป้าหมายที่อยากจะสร้างธุรกิจของตัวเองให้ได้เหมือนที่พ่อทำ งานที่บ้านพี่เหนือฟ้าและสายลมคงรับผิดชอบ ส่วนเขาอยากให้เริ่มทุกอย่างด้วยตัวเอง แม้มันจะดูยิ่งใหญ่ แต่ในเมื่อเกิดมาพิเศษกว่าคนอื่นแล้วก็ขอทำให้สมกับที่พรสวรรค์ที่ได้มา

พอเห็นทุกคนเครียดพี่ ๆ ก็รีบแก้ต่างว่ามันไม่ได้เกินกว่าความตั้งใจและรู้จักแบ่งเวลา และที่นี่พร้อมจะช่วยเหลือกระทั่งอาจารย์ ไม่มีใครเคยเรียนครบโควต้า 8 ปีแน่นอน

[อยากกลับบ้านว่ะ] หน้าจอมือถือแจ้งเตือนเป็นคนที่นั่งถัดไปไม่ไกล เราไม่ได้คุยกันด้วยท็อปปิกอื่นนอกจากเรื่องเรียนสักเท่าไหร่ ก็ตั้งแต่วันนั้นนั่นแหละ

“ทำไมล่ะ?”

[ยาก ทำไม่ได้หรอก คงได้ไปเรียนที่อื่นแน่เลย 5555 ]

“มันมีอะไรยากถ้ามึงพยายามมากพอด้วยหรือไง”

[มึงพูดได้เพราะมึงเก่งไง]

“กูจะทำให้มึงเข้าใจ ว่าคนอย่างมึงทำได้มากกว่าที่ตัวเองคิด”

สบสายตากับคนที่เพิ่งคุยในไลน์ เขายิ้มให้บาง ๆ ก่อนจะเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกงแล้วไปตั้งใจฟังต่อ ก็ในเมื่อตัดใจไม่ได้แล้วก็เดินหน้าทำตามใจตัวเองแล้วกัน อย่างน้อย ๆ ถ้ามันจะจบก็จะเป็นความทรงจำของช่วงสำคัญของชีวิต ที่เราทั้งคู่คงไม่ลืมมันง่าย ๆ







มีต่อ
หัวข้อ: Re: UP! | SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | 04_ทะเลไม่เคยบอกอะไร [15-02-20]
เริ่มหัวข้อโดย: mifengbee ที่ 22-02-2020 20:45:54
ตกเย็นพี่ ๆ ตั้งใจจัดปาร์ตี้เล็ก ๆ น้อย ๆ มีบุฟเฟ่ต์อาหารและเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ มีเซทเวทีพื้นสูงกว่าระดับปกติ และไมค์รวมถึงเครื่องเสียงสำหรับการสังสรรค์

การ์ดที่ทะเลและคิมหันต์ได้คนละใบ เป็นการ์ดที่เรียกว่า Easy Pass  ไม่ใช่เอาไว้ใช้สำหรับผ่านด่านทางด่วนนะ แม้ตอนแรกจะเข้าใจว่าแบบนั้น แต่มันคือบัตรที่เอาไว้ใช้เล่นเกมสำหรับคืนนี้ จริง ๆ มีบัตรหลายประเภท ทุกคนที่ไม่ได้เล่นเกมจะถูกสุ่มจับบัตร บางคนได้บัตรให้คนข้าง ๆ เล่นแทน หรือเล่นคู่กับคนข้างหน้า มีกระทั่งขอเล่นแทนคนอื่น และแน่นอนกติกามันคงไม่ได้ต่างจากตอนเช้าเท่าไหร่

“อื้ม กำลังจะกินข้าวกันอะ เดี๋ยวมีเกมอีกรอบแหละเหมือนที่เราเคยเล่นกันจำได้มั้ย”

“...”

“เธอน่าจะมาด้วย น้องคิมน่ารักมากเลย...ไม่ได้ชมผู้ชายคนอื่น นนท์โอเวอร์อีกละนะ ฮ่า ๆ”

สาบานว่าไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ กับสิ่งที่ได้ยิน กำลังจะเดินมาตามก๋วยเตี๋ยวกับแทนไทที่มันแอบมาสูบบุหรี่หลังอาคาร แต่ในมุมมืดกลับเห็นเงาของผู้หญิงยืนกอดอกอยู่ กำลังจะเดินผ่านไม่คิดอะไรกลับได้ยินเสียงคุ้นหูและชื่อของผู้ชายคนยังติดในใจของทะเล

สรุปผู้ชายคนนี้เป็นคนยังไงกันแน่

ถ้าความสัมพันธ์ของสองคนนี้เป็นแค่เพื่อนทำไมต้องแอบมาคุยโทรศัพท์ในมุมมืดแบบนี้ แถมยังเอ่ยชื่อคิม มันไม่ประหลาดไปหน่อยหรือไง ทะเลเลือกจะเดินอ้อมมาอีกทาง และตัดเรื่องที่ได้ยินออกไปจากหัว

“จะมารับ? คืนนี้? บ้าน่าเธอ มีกิจกรรมที่เราต้องทำอีกพรุ่งนี้นะ เอาแต่ใจริง”

แม่งชั่วแล้วถ้าแบบนี้

ถ้ายังยอมให้ผู้ชายคนนี้เยียบย้ำน้ำใจของคิมหันต์ก็คงจะต้องลาออกจากการเป็นทะเล

จะปกป้องฤดูร้อนที่ควรสดใสไว้ให้ได้

ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่








————————————-







คิมหันต์หัวเราะจนกรามจะค้างกับกิจกรรมที่กำลังเล่น เมธาวินและพิสิษฐ์ก็ตีไหล่กันจนแสบไปหมด ไม่เคยเอ็นจอยกับการพบเจอคนแปลกหน้าในระยะเวลาสั้น ๆ แบบนี้มาก่อน เป็นค่ายที่สนุกที่สุดแล้วตั้งแต่เคยไปร่วมมา

พี่ต้นอ้อและเพื่อน ๆ ที่กำลังเต้นคัฟเวอร์เพลงเกาหลีชื่อดัง จู่ ๆ เพลงก็ดับแล้วก็ขึ้นโจทย์ที่จอโปรเจ็กเตอร์ด้านหลัง ว่าคนที่ถือบัตรสีชมพูต้องขึ้นมาเล่นกิจกรรม ซึ่งในมือของเมธาวินมีบัตรสีนี้ และมันดันเขียนว่าให้คนทางซ้ายขึ้นเล่นแทน

ซึ่งก็คือคิมหันต์

สาบานได้ว่านี่คือการเต้นคัฟเวอร์ที่แย่ที่สุดแห่งวงการนักเต้นไทยเลย นอกจากจะเต้นไม่เป็นแล้ว ยังโดนพี่ ๆ แกล้งด้วยการยิงสปอร์ไลท์ลงมาที่เขาคนเดียว เขินจนอยากวิ่งหนี แต่เกมคือเกมการเล่นตามกติกาคือสิ่งที่ทุกคนควรทำ แม้มันจะน่าอายมากก็ตามที

“ทำไมมึงไม่ใช่บัตรที่มีวะ” พิสิษฐ์ทักเพื่อนหลังจากทำเรื่องน่าอายเมื่อครู่ ทั้งที่มันมีบัตรที่ดีกว่าคนอื่นแท้ ๆ

“เชี่ย เออว่ะ โอ้ยยย”

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ” เมธาวิผสมโรงขำเพื่อน

“บัตรสีชมพูออกมาร้องเพลงด้วยค่ะ ฮั่นแน่ พี่จำได้ว่าคนมีบัตรนี้คือน้องทะเล ใช่มั้ยคะ” ทะเลที่นั่งกับเพื่อนอีกสามคนพยักหน้าและยกยิ้ม เขาชูบัตรขึ้นมาก่อนจะยืนขึ้น “น้องทะเลจะใช้สิทธิ์ Easy Pass มั้ยคะ อย่าใช้เลยน้าาา พี่อยากได้ยินเสียงน้ำทะเลกระทบฝั่ง”

“อิต้นอ้อ อิเลว”

“ต้นอ้อ มึงแย่มาก!”

“กูจะแจ้งปวีณา”

“โอ้ยย เพื่อน ๆ คะเลิกด่ากูก่อนนนน พี่ขอโทษค่ะทะเลที่ทำให้คิดเยอะ แต่พี่อยากฟังทะเลร้องเพลงนะคะ” ต้นอ้อ กระพริบตาปริบ ๆ เหมือนมีอะไรเข้าไปทำให้ระคายเคือง

อาจจะเป็นเพราะความใจดีของทะเลหรืออะไรก็แล้วแต่ เขาขย้ำบัตรสีชมพูแล้วยัดลงกระเป๋า ก่อนจะก้าวเดินออกไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ มุมปาก ทุกคนที่รอคอยไม่ต่างจากพี่ต้นอ้อ ก็ปรบมือกันเกรียวกราว สาว ๆ ที่มีจำนวนมากต่างยกยิ้มและส่งสายตาให้กำลังใจผู้ชายที่กำลังยืนอยู่หน้าไมค์โครโฟนขาตั้ง

“เชิญค่ะลูก ต้องการแด๊นซ์เซอร์มั้ยคะ”

“ไม่เป็นไรครับ” คนตัวโตเดินไปพูดกับพี่ผู้ชายที่คุมเสียง ก่อนที่เขาจะพยักหน้าเบา ๆ แล้วเสิร์จหาอะไรบางอย่างในคอมพ์ คงเป็นเพลงที่ทะเลจะร้อง

“จริง ๆ ที่จะร้องเพลงนี้ไม่ใช่เพราะมันเป็นเพลงที่มีชื่อตัวเอง”

“...”

“แต่เพราะทะเลไม่ใช่เขา”

แค่เสียงดนตรีขึ้นคนที่กำลังรอฟังก็กรี๊ดจนคอแทบแตก คิมหันต์ยิ้มและปรบมือเบา ๆ เขาเองก็ไม่รู้ว่าทะเลจะร้องเพลงเป็นอย่างไร เพราะตัวเองก็ไม่เคยได้ฟัง แต่คนอัจฉริยะอย่างทะเล เขาก็มั่นใจว่าคงทำอะไรก็เก่งไปหมด

“ฉันเป็นทะเลไม่ใช่เขา
ต่อให้ทำยังไงเธอคงจะไม่รักเรา
เพราะเขานั้นคือทุกสิ่ง
ที่ทำให้เธอไม่เหงาคงเป็นเขา
ที่สุดท้ายได้หัวใจของเธอ”

“ใช่สิฉันมันเป็นทะเล
ก็เลยถูกทิ้งถูกเทตลอด
ไม่รู้ว่าเขานั้นอยู่สูงเพียงใด
ที่ไม่รู้เพราะไม่เคยขึ้นไปบนนั้นสักที”


เสียงของทะเลไม่ใช่แค่คนร้องเพลงได้ แต่นี่มันระดับนักร้องไม่ใช่หรือไง เพื่อนของนักร้องจำเป็นป้องปากตะโกนเชียร์บอกเพื่อนผม เพื่อนผม ตามประสาเด็กผู้ชาย บรรยากาศสุดคึกครื้นมาจากความประหลาดใจของทุกคน เสียงที่ไม่ใช่แค่เพราะ แต่เต็มไปด้วยพลัง และความเป็นตัวเอง หลายคนในที่นี้คงเคยได้ยินเพลงนี้ในเวอร์ชั่นต้นฉบับ แต่พอทะเลร้องมันดันกลายเป็นเพลงของผู้ชายตัวสูงหน้าเวทีซะงั้น

“อยู่ตรงนี้คนเดียวมานาน
อยู่กับฟ้ากับฝูงปลาวาฬ
อยากมีรักเหมือนเขาสักที
แต่ไม่เคยไม่เคยจะมีสักคนมาสนใจ

ไม่มีอะไรหรอก
ฉันแค่อยากจะบอกว่าฉันก็รักเธอ”



จู่ ๆ สายตาของคนด้านล่างเวทีก็ปะทะกับคนที่กำลังร้องเพลงอยู่บนเวที คิมหันต์ไม่แน่ใจกับการสื่อความหมายจากนัยน์ตาของผู้ชายตัวสูงเท่าไหร่ เขาเป็นคนอ่านยากเหมือนกันว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่คราวนี้มันมีมวลแห่งความชัดเจนอะไรบางอย่างอยู่ในนั้น

“ฉันเป็นทะเลไม่ใช่เขา
ทำให้ตายยังไงเธอคงจะไม่รักเรา
เพราะเขานั้นคือทุกสิ่ง
ที่ทำให้เธอไม่เหงาคงเป็นเขา
ที่สุดท้ายได้หัวใจของเธอ”


คิมหันต์ไม่อาจละสายตาจากดวงตาคมกริบที่มองอย่างตรงไปตรงมาได้ ทะเลรู้อะไรอย่างนั้นหรือ เขาไม่เคยบอกอีกฝ่ายว่ามีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว ทั้งที่หลายครั้งก็เฝ้าถามตัวเองว่าทำไมถึงไม่พูดออกไป หรือเพราะกลัวว่าทะเลจะมองคิมหันต์คนนี้เปลี่ยนไป มันจะไม่ใช่สายตาเดิมแบบที่เคยมองกัน

ก็เพราะว่ารู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ปกติ

ทะเลไม่เคยมองเพื่อนคนอื่นด้วยสายตาแบบที่กำลังมองกันอยู่แบบนี้

ทั้งที่เขาควรเป็นคนบอกทะเลด้วยตัวเองแต่ก็ไม่เคยคิดจะทำ

ทะเลลงจากเวทีไปแล้วแต่กลับทิ้งความสงสัยปนความงุนงงให้กับทุกคนในค่ายบริหาร บรรยากาศเงียบงันลงอย่างเห็นได้ชัด แต่พี่ต้นอ้อก็ทำให้มันกลับมาสนุกสานไม่กระอักกระอ่วนใจเหมือนไม่กี่นาทีก่อนหน้า เจ้าของเสียงเพราะไม่ได้ทำให้คิมหันต์อึดอัดใจ แต่เป็นฤดูร้อนคนนี้ที่รู้สึกผิดที่ไม่เคยพูดมันออกไป

ไม่น่าเลยจริง ๆ

“คิม ทำไมทะเลมองมึงแบบนั้นวะ” พิสิษฐ์ใช้ศอกกระทุ้งถามเพื่อนที่เหมือนเป็นใบ้ไปแล้ว

“เออนั่นดิ หรือว่าพวกมึง” เมธาวินตาโต เพราะพักหลังเขารู้สึกว่าคิมหันต์สนิทกับทะเล ถึงขั้นติวนอกเวลาและไม่มีเพื่อนอย่างเขาอยู่ด้วย

“ไม่ใช่เว้ย!”

“แต่มึงมีแฟนแล้วนะ” เป็นพิสิษฐ์ที่พูดคำนี้ออกนมา นั่นสิ ควรจะคิดถึงแค่ธนนท์ไม่ใช่หรือไง

“กูไม่ได้คิดแบบนั้นกับทะเลมั้ย!”

“คิดแบบไหนหรอ”

“...”

“คิดแบบเดียวกันหรือเปล่า”

คิมหันต์ไม่กล้ากันไปปะทะกับเสียงทุ้มของคนด้านหลัง เขาจะทำยังไงให้ความพิลึกพิลั่นนี้หายไปจากอก อาการใจเต้นระส่ำและความกลัวเกาะกุมทุกความรู้สึก

ฤดูร้อนไม่ควรหลงใหลทะเลทั้ง ๆ ที่ก็มีพระอาทิตย์อยู่แล้ว








--------------------------------------------




#ฤดูร้อนของทะเล

เธอคิดเหมือนชั้นหรือเปล่าบี1 ชั้นคิดเหมือนเธอบี2
แงงงง น้องทะเลลลล คิดจะรักผู้ชายคนแรกแต่เขาก็มีเจ้าของซะงั้น
มาซบอกพี่นี่มาาา เตือนว่าจะหม่น ๆ อีกสักสองสามตอนนะค้าาา
จะไม่หม่นนานแน่นอน ผ่านช่วงนี้ไปได้เตรียมสำลักความหวานหยด
แค่ก ๆ


เจอกันใหม่อาทิตย์หน้าค่าาา
จู้บบบ

@mifengbeexx
หัวข้อ: Re: UP! | SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | 05_ทะเลไม่ใช่เขา [15-02-20]
เริ่มหัวข้อโดย: lolli_candy99 ที่ 23-02-2020 03:58:28
รอคอยวันเสาร์ อยากให้เค้ารักกันเเล้ววววว
หัวข้อ: Re: UP! | SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | 05_ทะเลไม่ใช่เขา [15-02-20]
เริ่มหัวข้อโดย: mifengbee ที่ 29-02-2020 20:15:08
ตอนที่ 6
ทะเลมีแต่คลื่น





สายลมเอื่อยพัดผ่านยอดไม้ในเวลาที่ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยสีดำสนิท ราวกับใครเอาผ้าสีดำผืนใหญ่คลุมโลกทั้งใบเอาไว้ ความเย็นสบายของคืนเดือนมืดยิ่งทำให้วังเวงและได้ยินเสียงสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ชัดเจนขึ้น ใบไม้เสียดสีกันรับความแรงลมที่พัดพาเอาความรู้สึกหน่วงเต็มหัวใจ


“กูไม่ได้คิดแบบนั้นกับทะเลมั้ย!”

“คิดแบบไหนหรอ”


“...”

“คิดแบบเดียวกันหรือเปล่า”

น้ำแดงที่ทะเลตั้งใจจะเอาไปให้ละลายในน้ำแข็งจนสีเจือจางไม่น่ากิน เราทั้งคู่กำลังนั่งที่ม้าหินข้างอาคาร มีไฟสีส้มหลอดเล็กติดไว้สำหรับล่อแมลงอยู่ไม่ไกล ต้นหูกวางแผ่กิ่งก้านสาขาใหญ่โตปกคลุมเราทั้งคู่จากความมืดมิดของค่ำคืนไร้ดาว

“ไม่โดนยุงกัดนะ” เสียงทุ้มเปิดประโยคแรก เป็นความเงียบงันที่เนิ่นนาน นานเสียยิ่งกว่าทำข้อสอบฟิสิกส์เสียอีก

“ไม่นะ” คิมหันต์ตอบไปทั้งที่ยังไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายเลย

“...”

“...”

“ที่พูดแบบนั้นไม่ได้อยากให้คิดมากนะ แต่พอได้ยินมึงพูดแบบนั้นแล้วก็พูดออกไปเองว่ะ”

“...”

“ลืมมันไปก็ได้”

“...”

“...”

ความเงียบโอบล้อมผู้ชายสองคนอีกครั้ง จนได้ยินเสียงแมลงตัวเล็ก

“กูมีแฟนแล้ว”

“รู้”


“...” คิมหันต์ก็ยังไม่กล้าหันไปสบตา แม้จะรู้ว่าอีกคนมองมาก็ตามที เขาไม่มั่นใจว่าจะเจออะไรในดวงตาคมคู่นั้น ไม่กล้าคิดว่าอีกฝ่ายจะเสียใจ หรือผิดหวัง เพราะเขาไม่อยากให้มันเกิดขึ้นกับทะเลเลยด้วยซ้ำ

“ไม่ต้องคิดว่ามึงทำอะไรให้กูคิดหรอก เพราะมึงไม่เคยทำ กูคิดไปเอง”

“กูว่ากูทำทั้งที่ไม่ควรทำ แล้วยังไม่บอกมึงเรื่องนี้อีก”

“ช่างมันเหอะ”

“...”

“แล้วมึงก็ไม่ต้องคิดว่ากูจะไม่ติวให้เพราะเรื่องนี้ คนละเรื่องกัน”

คิมหันต์รู้ว่าทะเลพยายามจะตัดบท เพราะทะเลเป็นคนดีเกินกว่าจะให้เขาต้องกังวลหรือคิดมากกับความรู้สึกของตัวเอง ทั้งที่จริง ๆ ความผิดมันไม่ใช่จากร่างสูงทั้งหมด แต่มันมาจากเขาด้วยที่ไม่ได้ปฏิเสธหรือพยายามจะออกมาจากความรู้สึกนั้น

ทั้งที่ไม่ควรให้มันเกิดแต่แรก

คิมหันต์รวบรวมความกล้าหันไปมองคนที่นั่งกุมมือตัวเองข้าง ๆ ทะเลมองไปตรงหน้าอย่างไม่มีจุดหมาย สายตาแห่งความเวิ้งว้างและห่างไกลปรากฏ นัยน์ตาคมกำลังบ่งบอกว่ามีหลายความรู้สึกตีรวนอยู่ในนั้น ทั้งที่รู้ว่าไม่ควรทำอะไรให้อีกฝ่ายต้องคิดมาก แต่เพราะคิมหันต์เองก็ไม่ใช่คนซับซ้อน หวังเพียงให้อีกคนเลิกทำสีหน้าแบบนี้เสียที

มือเย็นวางลงที่มือแกร่ง แค่วางมันลงไปไม่ได้จับหรือบีบอะไร แค่วางบนนั้น ความอุ่นของผิวเนื้อแทรกเข้ามาแทนความเย็นจนรู้สึกได้ ทะเลหันมามองคนข้าง ๆ ที่มองอยู่ก่อนแล้ว ก่อนจะยกยิ้มให้ อย่างน้อย ๆ การที่คิมหันต์เลือกทำแบบนี้ก็คิดว่าทำให้ความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้นเมื่อครู่หายไปจากสายตาของคนตัวสูงได้บ้าง

ม้าหินหินตัวเล็กเมื่อมีผู้ชายสองคนนั่งก็ยิ่งดูเล็กมากขึ้น จู่ ๆ ทะเลก็เปลี่ยนมาจับมือของคิมหันต์แน่นขึ้นด้วยมือเดียว ก่อนจะวาดแขนอีกข้างขึ้นมากโอบทั้งตัวของคนตัวเล็กกว่าอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างมันเกิดขึ้นในเสี้ยววินาทีที่คิมหันต์ไม่ทันได้เตรียมใจอะไร

“ขออยู่แบบนี้แป๊บเดียว”

และเป็นคิมหันต์เองที่ไม่ได้ปฏิเสธ คนในอ้อมกอดกลับเบียดตัวเองเข้าไป และอิงกับอกเจ้าของหุ่นนักกีฬาเบา ๆ

ให้มันเป็นครั้งสุดท้ายที่ต้องจากลาจากความรู้สึกที่ผิดแผก ความไม่ถูกต้อง ทั้งที่ใจของทั้งคู่เต้นเป็นจังหวะเดียวกันราวกับถูกไวทยากรณ์ควบคุมให้บรรเลงไปตามโน้ตด้วยเมโลดี้เดียวกัน แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่ามันไม่คู่ควรเอาเสียเลย




แม้ทั้งคู่จะนั่งในจุดที่ถ้าไม่สังเกตก็ไม่มีทางเห็นในเวลากลางคืน แต่แล้วก็ไม่พ้นสายตาของแทนไทคนที่หูตาไวที่สุดในทีมนักฟุตบอลของโรงเรียน เจ้าของผิวแทนใช้มือลูบขาตัวเองเล็กน้อยเพราะโดนยุงกัด เขาคิดไว้ในใจอยู่แล้วว่าเพื่อนพูดน้อยคนนี้มีหลายเรื่องแปลกไป ทั้งกลับบ้านเร็ว ขาดซ้อมร้องเพลง หรือกระทั่งชอบมองหน้าจอมือถือราวกับรอให้ใครบางคนตอบข้อความหลายครั้ง จนในวันนี้เขาก็รู้

ส่วนตัวเฉย ๆ กับการที่เพื่อนจะชอบพอใคร เพศไหน เพียงแต่แทนไทไม่มั่นใจกับทัศนติของเพื่อนคนอื่น ๆ เท่าไหร่ เหตุนี้ก็ได้ที่ทะเลไม่เคยปริปากบอกเรื่องนี้กับเพื่อนคนไหนเลย แม้แต่ก๋วยเตี๋ยว

“แทน! มึงมาทำไรตรงนี้เนี่ย กูง่วงไปนอนกัน ขี้เกียจรอไอ้เลละ”

“ชู่ววว จะเสียงดังหาพ่อมึงหรอ เงียบ!”

ก๋วยเตี๋ยวไม่เห็นเพื่อนตัวโตที่ฟูกนอนข้างกัน เลยออกมาตามหาที่ริมระเบียง จนเลยมาถึงใต้อาคารที่จัดกิจกรรม ก็เห็นเงาตะคุ่มของเพื่อนหัวเกรียนตัวยักษ์กำลังเกาะประตูทางเข้าอาคารอยู่

“อะไรวะ”

“มึงไม่รู้เรื่องนี้ใช่มั้ย” ก๋วยเตี๋ยวมองตามนิ้วของแทนไทออกไปข้างนอก ก็ต้องอุดปากตัวเองแทบไม่ทัน เขาส่ายหัวทันทีเพราะไม่เคยรู้เรื่องนี้ แม้จะสนิทกับทะเลแค่ไหน แต่ไม่เคยเห็นท่าทีสนิทกับคนดังของเซนต์ปีเตอร์เลยสักครั้ง

“จริงหรอวะ” คนตัวขาวถามด้วยเสียงที่แทบจะกระซิบ

“มึงว่าไงล่ะ แต่กูไม่อะไรนะเว้ย เพื่อนชอบใครก็เรื่องของมัน”

“หรือมันจะคิดว่าเรารับไม่ได้วะ”

“กูว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น”

แทนไทหรี่ตาแบบใช้ความคิด สมองกำลังประมวลผลกับสิ่งที่เห็นและได้ยิน คนที่อยากรู้อะไรก็ต้องรู้ไม่อยู่นิ่งกับเรื่องนี้แน่ อย่างน้อย ๆ เขาก็ต้องรู้ให้ได้ว่าทำไมเพื่อนเขาถึงมีสายตาที่ดูเศร้าหมองในขณะที่กอดผู้ชายน่ารักคนนั้น






-----------------------------







“ฝันดีนะ”

“อื้ม ฝันดีเหมือนกัน”

ทะเลเดินมาถึงห้องเลคเชอร์ที่ถูกแปรสภาพเป็นห้องนอน เขาและคิมหันต์นอนแยกห้องกัน ตามการจัดของพี่ ๆ ที่ดูแล เพราะสถานที่ไม่สามารถจุเด็กผู้ชายมอปลายตัวโตให้นอนแออัดห้องละ 10 คนได้

“...” ทะเลรอจนคิมหันต์เดินเข้าห้องไป เขามองแผ่นหลังกว้างสมส่วนหายเข้าไปในความมืด แสงไฟจากระเบียงพยายามจะสาดส่องเข้าไป เขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ไหล่ตั้งตรงนี้ไม่ต้องห่องุ้มจากความทุกข์ใจใดใด โดยเฉพาะเรื่องคนรักของเจ้าของลักยิ้มน่าพิศมัย เขาจะไม่ต้องเสียใจนานกว่านี้

มันไม่ใช่หน้าที่ของคนนอกอย่างเขา ทะเลรู้ดี แล้วใครที่จะปกป้องรอยยิ้มสดใสของนุ่มนิ่ม แสงแดดที่ร้อนแรงคงดับวูบหากรับรู้เรื่องที่เหนือการควบคุม การนอกใจไม่ใช่เรื่องที่จะยอมรับได้ คนตัวสูงถอนหายใจแรง แม้จะลำบากใจแต่วันหนึ่งคิมหันต์จะต้องรู้ความจริง

คงทนไม่ได้ที่จะเห็นรอยยิ้มที่สดใสราวกับดอกตะวันรับแสงอาทิตย์ต้องหายไป

จะทำยังไงดีนะ





รสบัสจอดเทียบที่หน้าคณะบริหารฯ ของมหาวิทยาลัยเหมือนตอนขามา น้อง ๆ มอปลายโบกมือลาและกอดกับพี่ ๆ ที่ได้ร่วมกิจกรรมตลอดหนึ่งวันสองคืน รอยยิ้มและหยาดน้ำตาแห่งมิตรภาพโอบล้อมไปทั่วลานกว้างแห่งนี้ พี่ ๆ ยืนล้อมวงก่อนจะร้องเพลงประจำมหาวิทยาลัยปลุกใจเหล่าน้อง ๆ นักล่าฝันที่อยากจะเข้าคณะนี้ แรงกระตุ้นเฮือกใหญ่ทำให้ใจเด็กมอปลายทุกคนลุกฮือและพร้อมจะสู้กับศึกชิงอนาคต

คำสัญญาของเด็กม.หกที่ให้กับพี่ ๆ นักศึกษา ทว่าไม่ใช่เป็นแค่คำสัญญาระหว่างกัน แต่ถือเป็นคำสัญญาของตัวเองว่าต้องมาเจอพี่ ๆ อีกให้ได้

ทะเลมองภาพบรรยากาศที่สวยงามและเต็มไปด้วยพลัง เขายกมือไหว้พี่ ๆ ที่รู้จักกันเมื่อวาน แต่ราวกับว่าเราเจอกันมาไม่ต่ำกว่าสามเดือน ความประทับใจ และสบายใจที่ได้รับ ทำให้เขาตัดสินใจไม่ยากที่จะสอบเข้าคณะนี้อย่างที่ตั้งใจแต่แรก

พี่เอยยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มสวยสด บังเอิญวันนี้เธอจำเป็นต้องสวมเสื้อยืดของคณะ นั่นจึงทำให้รอยช้ำเล็ก ๆ ที่ไหปลาร้าโผล่พ้นคอเสื้อออกมา เขากำมือแน่นกับภาพที่เห็น เพราคนที่ทำคือผู้ชายที่กำลังยืนรอผู้ชายอีกคนในฐานะแฟนอยู่ไม่ไกล

“ทะเลมึงมองอย่างกับโกรธใคร” แทนไทถามขึ้นเพราะเห็นสายตาวาวโรจน์พวยพุ่งออกมาจากดวงตาคม

“ไม่มีอะไร” หนุ่มนักกีฬาบอกปัด เขาละสายตาจากภาพตรงหน้า ก่อนจะเดินตามใครบางคนที่ตรงไปหาคนมารับ

ทั้งสองคนยิ้มให้กันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก เขาที่สังเกตพี่เอยอยู่ก่อนหน้า เธอมองภาพสองคนนั้นด้วยสายตาที่ไม่ต่างจากเขาสักเท่าไหร่ เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเธอรู้อยู่เต็มอกว่ากำลังเป็นชู้กับแฟนของคนอื่น

สังคมนี้มันฟอนเฟะแค่ไหนกัน

“ไง เหนื่อยหรือเปล่า”

“ไม่เลย สนุกมากกกก”

“บอกแล้ว ทีแรกก็มางอแงว่าจะไม่ไป” พอคิมหันต์ยืนข้างธนนท์ก็รู้เลยว่าไม่ต่างจากยืนข้างเขาเท่าไหร่ ธนนท์สูงพอกับทะเล หุ่นที่ดูแลตัวเองทำให้มีมัดกล้าสมส่วน รับกับใบหน้าราวฟ้าประทานก็ไม่ยากที่เอาไว้ล่อให้ใครต่อใครติดกับ

“คิม!” ทะเลพูดกึ่งตะโกน

“อ้าว ทะเล”

“ลืมหูฟังตกไว้ที่เบาะ เราขึ้นไปเอาของอีกรอบเลยเก็บมาให้” ทะเลจงใจมองคิมหันต์ด้วยสายตาที่ต่างออกไป ความเอ็นดู และชื่นชม ที่มักจะเก็บไว้ในใจเสมอ วันนี้เขาถ่ายทอดมันออกมาทางสายตา เพราะเขาอยากให้เจ้าของใบหน้าหล่อรู้ว่าการได้รอยยิ้มของคิมหันต์ไปครอบครองมันมีค่ากว่าที่รุ่นพี่คนนี้คิด

“อ่อ ขอบคุณนะ”

“คุณ นี่ทะเลไง ที่เป็นติวเตอร์ให้เรา”

ธนนท์มองเด็กผู้ชาย ม.6 คนนี้ด้วยสายตาที่กำลังประเมินอะไรบางอย่าง คนตรงหน้าตั้งใจมองคนของเขาด้วยสายตาแบบนั้น ทะเลดูสุขุม เคร่งขรึม และดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าที่คิด “สวัสดีครับทะเล ขอบคุณนะที่ติวให้คิม”

“ครับ ยินดีมาตลอด”

“กลับด้วยกันมั้ย พี่ไปส่งได้” ธนนท์พยายามจะยกตนเหนือ ด้วยการปลดล็อคออดี้คันสวย แล้วเปิดประตูคนขับเชิญชวน

ทะเลปฏิเสธด้วยการส่ายหัวแล้วยกยิ้ม “ไปส่งคิมเถอะครับ ไม่เป็นไร”

“งั้นกูกลับก่อนนะทะเล ขอบคุณสำหรับนี่นะ ไว้...ค่อยเจอกันนะ”

หนุ่มนักกีฬายิ้มกว้างให้กับคิมหันต์ สายตาที่อีกฝ่ายมองมาก่อนจากลาเต็มไปด้วยความอาวรณ์ที่ฉายชัด แน่นอนว่านุ่มนิ่มรู้เต็มอกว่าความสัมพันธ์ของเราไม่ปกติมานานแล้ว และเขาเองก็ไม่ได้อยากรู้สึกเช่นนี้ คนดีอย่างฤดูร้อนคนรู้สึกผิดเต็มอกราวกับนอกใจแฟน ทั้งที่มันยังไม่เกินเลยขนาดนั้น

แต่แฟนเขาต่างหากที่ทำระยำยิ่งกว่านั้น

“เดี๋ยว!” ทะเลพูดเสียงดังก่อนที่ออดี้จะได้ทะยานออกตัว เขาเดินไปทางประตูรถด้านคนโดยสาร คิมหันต์ลดกระจกลงมาเพื่อจะถามทะเลว่ามีเรื่องอะไร คนตัวสูงเหนือหลังคารถหลายเซ็นโค้งตัวลงมาก่อนจะเอ่ยประโยคที่ได้ยินทั้งคัน

“คาดเข็มขัดด้วยสิมันอันตราย”

“...”

“อะ อ้อ อื้อ ขอบใจนะ”

“ขับรถดี ๆ นะครับ” ทะเลพยักหน้าให้สารถี ก่อนจะผละตัวออกไป แววตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจฉายชัดบนหน้าของธนนท์ ทะเลอมยิ้มแล้วโบกมือลา ก่อนที่ออดี้จะออกตัวไปข้างหน้าด้วยความเร็วของแรงม้าที่ดังกระหึ่ม

ไม่ต้องถึงกับมาชอบกัน

แค่เลิกชอบคนอย่างมันก็พอ











มีต่อ

หัวข้อ: Re: UP! | SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | 05_ทะเลไม่ใช่เขา [15-02-20]
เริ่มหัวข้อโดย: mifengbee ที่ 29-02-2020 20:20:26
ทะเลยังคงทำหน้าที่ติวเตอร์อย่างเต็มความสามารถ อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันสอบแกทแพทรอบแรก ซึ่งคิมหันต์ดูเครียดอย่างเห็นได้ชัด ก็คณะที่อีกฝ่ายอยากเข้าเพิ่งประกาศเกณฑ์ในรอบรับตรงไปเมื่อไม่กี่วันก่อน และต้องยื่นคะแนนแกทแพทรอบนี้เพื่อพิจารณารวมกับพอร์ตฟอริโอด้วย และคะแนนวิชาคณิตศาสตร์ดันสูงพอสมควร ทำให้เจ้าของลักยิ้มแทบไม่ยิ้มเลยตลอดหลายวันมานี้

“อยากกินอะไรมั้ย เดี๋ยวกูจะไปใต้หอ” ทะเลถามคิมหันต์ก่อนจะเลิกคิวถามเมธาวินและพิสิษฐ์ที่วันนี้มานั่งอ่านหนังสือด้วยกัน

“กูไม่เอาขอบใจ” ผู้ชายหัวเกรียนส่ายหัว ก่อนจะหันไปมองจอไปแพดต่อ

“กูฝากซื้ออะไรหวาน ๆ ให้หน่อยดิ ขอหวานแบบตัดขาเลยนะ ไม่ไหวว่ะจะอ้วก” เมธาวินพูดด้วยสีหน้าอ่อนแรง เพื่อนตัวโตของนุ่มนิ่มคนนี้คิดแล้วว่าจะเรียนนิเทศฯ ส่วนมหาลัยที่อยากเข้าก็นี่แหละที่เราใช้พื้นที่ติววันนี้ และคะแนนก็โหดไม่ต่างกันเท่าไหร่

“คิมล่ะ เอาอะไรไหม?”

คนผมยุ่งทำท่าคิดนิดหน่อยก่อนจะลุกขึ้น “ไปด้วยดีกว่า อยากไปเดินยืดเส้นยืดสาย”

ทะเลพยักหน้ารับคนที่หัวยุ่งไม่ได้รู้ตัวว่าตอนนี้กำลังอยู่ในสภาพไหน ใบหน้าเหนื่อยหล้า ดวงตาที่ดูบอบช้ำจากการนอนน้อย และใช้สายตามากเป็นพิเศษ ผมเผ้ายุ่งเหยิงเพราะชอบขยี้หัวเวลาคิดไม่ออก เลยทำให้ตอนนี้คิมหันต์ดูเป็นฤดูร้อนที่อ่อนแสงริบหรี่เต็มทน

ทะเลอดไม่ได้ที่ยื่นมือไปจัดผมและลูบมันเบา ๆ ให้เข้าที่ทั้งที่ไม่ได้หยุดเดิน คนถูกสัมผัสสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ห้ามอะไร “มึงดูเหนื่อยมากนะ พักหน่อยมั้ย ได้นอนกี่ชั่วโมงเมื่อคืน”

“ไม่แน่ใจว่าหลับตอนไหน ตื่นมาอีกทีก็ต้องอาบน้ำมาที่นี่แล้วอะ”

มือใหญ่ใช้โอกาสนี้ลูบเบา ๆ ที่ศีรษะของคนตัวเล็กกว่า เส้นผมนุ่มมีน้ำมันผสมนั่นแสดงว่าเขาแทบไม่ได้ดูแลตัวเองเลยกระทั่งสระผม ทั้งที่เป็นคนรักความสะอาดมากแท้ ๆ เมื่อก่อนคิมหันต์ชอบบ่นว่าร่างสูงซกมกเพราะไม่อาบน้ำเลยหลังจากถึงบ้าน ทั้งที่ไปเล่นบอลมาแท้ ๆ แต่เดี๋ยวนี้กลายเป็นคิมหันต์ที่ละเลยมันแทน

นานแล้วที่เราไม่ได้เฟซไทม์กันอย่างเคย เหมือนเราเองก็รู้ว่าไม่ควรทำและเข้าใจกับคววามรู้สึกที่เกิดขึ้น และรู้ดีควรเลี่ยง ไม่ให้มันกลับเข้าอิหรอบเดิมแล้วจะต้องมีนั่งเคลียร์ความรู้สึกกันอีก

“มึงอย่าหักโหมนักเลย ถ้ารอบนี้คะแนนไม่ดี ก็รอแอดก็ได้”

“กูไม่อยากเป็นคนเดียวที่รอแอด ถ้าเพื่อนติดสอบตรงกันหมดแล้ว”

“กูรอมึงได้”

“...”

แม้ความหมายที่ทะเลพูดในบริบนี้คือรอสอบพร้อมคิมหันต์ แต่แท้จริงเขาหมายรวมถึงรอทุกอย่าง รอแค่ไออุ่นฤดูร้อนจากคน ๆ เดียว

“กูมั่นใจว่ามึงจะติด มึงมั่นใจให้ตัวเองเหมือนที่กูมั่นใจดิ”

“เฮ้อ ทำไมไม่ตั้งใจเรียนตั้งนานแล้วนะ”

“ถ้ามัวแต่คิดถึงเรื่องที่…”

“ผ่านมา เราก็จะไม่มีวันก้าวไปข้างหน้า” คิมหันต์พูดประโยคที่ทะเลมักจะเตือนสติเขา “พูดเป็นรอบที่ล้านกูก็ยังปลงไม่ได้”

“ทะเล มึงจะรอแอดพร้อมกูจริง ๆ หรอถ้ากูไม่ติด”

“อืมดิ ยังไงกูสอบรอบไหนก็ติด”

“โอ้ยย ยังจะมีหน้ามาขิงอีกนะ!”

“อ้าวก็พูดเรื่องจริง”

ทั้งคู่เดินข้างกันไปโดยที่คิมหันต์ไม่รู้ตัวเลยว่าโดนมือใหญ่แอบลูบหัวไปกี่ครั้งแล้ว และหนุ่มนักกีฬาก็ย่ามใจที่ได้ทำแบบนี้ เขาไม่ได้คิดให้อีกคนรู้สึกเหมือนกัน แต่ก็จะไม่เก็บความรู้สึกของตัวเองลงกล่องแพนโดร่าแล้วปิดตายหรอก ยังไงกับคนนี้ก็คงไม่ล้มเลิกไปง่าย ๆ แน่

ออดี้ป้ายทะเบียนคุ้นตาจอดเทียบฟุตบาธไม่ไกลจากเซเว่นใต้หอใน คิมหันต์ชะงักเท้าก่อนจะมองป้ายทะเบียนแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย ทะเลไม่ได้ถามเพราะรู้อยู่แล้วว่าเป็นรถของใคร คนที่เคยเป็นตุ๊กตาหน้ารถกำลังสงสัยอย่างปิดไม่มิด

“มีอะไรหรือปล่า”

“รถพี่นนท์น่ะ มาทำอะไรที่นี่”


“แก ชั้นเห็นน้องนนท์มาส่งน้องดาวคนนั้น”

“ขึ้นไปส่งได้ไงนี่หอหญิงนะ”

“ไม่ได้ขึ้นไปส่ง ขับรถมาส่งที่หอ แล้วเดินไปกินข้าวร้านนู้นน่ะ”



เสียงผู้หญิงสองคนคุยกันจากโต๊ะด้านหลัง ทะเลสังเกตว่าคิมหันต์กำลังเงี่ยหูฟังกับสิ่งที่ได้ยิน และนั่นทำให้มือขาวกำแก้วกาแฟแน่นจนผิวขึ้นสี เจ้าของลักยิ้มเดินไปร้านที่ว่านั่นและยืนมองอยู่ไกล ๆ แดดแรงตอนกลางวันกำลังแผดเผาผิวเนียน ทว่าเขาไม่แม้แต่ขยับตัวเพียงแค่ยืนมองภาพผู้ชายและผู้หญิงยิ้มหยอกล้อกันในร้านอาหารสุดน่ารัก

“ไปกันเถอะ”

“เดี๋ยวสิ จะกลับทั้งอย่างนี้หรอ”

“อื้ม ไม่มีอะไรหรอก คงเป็นเพื่อนนั่นแหละ”

“...”

“พี่นนท์เขาไม่ทำแบบนี้กับกูหรอก”

เสียงที่กำลังสะท้อนความเจ็บปวดอย่างปิดไม่มิดพูดออกมา ทะเลจับปลายเสียงที่สั่นเทานั่นได้ เขาเองก็ไม่คิดว่าเรื่องมันจะแดงขนาดนี้ ทั้งที่เขายังไม่ทันได้ทำอะไรเลย แต่เพราะความชั่วมันมักเปิดเผยเสมอในเวลาที่ความจริงต้องการมัน

อย่าเจ็บปวดไปกว่านี้เลยนะคิมหันต์

อย่าทนเป็นคนที่โดนทำร้ายต่อไปอีกเลย

อย่าพรากรอยยิ้มไปจากตัวเอง


เป็นไปอย่างที่คิด คิมหันต์ทำตัวเป็นปกติราวกับเรื่องที่รับรู้ก่อนหน้านี้ไม่ได้เกิดขึ้น ยังคงตั้งใจอ่านหนังสือและตั้งคำถามกับโจทย์ที่แก้ไม่ได้ และห้ามทัพไม่ให้เพื่อนสนิทตัวเองทะเลาะกันก็แย่งขนมที่ซื้อมาไม่พอ นุ่มนิ่มก็ยังคงเป็นนุ่มนิ่มที่ไม่เคยปล่อยให้ความไม่สบายใจกัดกินคนอื่นไปด้วย เขาเป็นคนแบบนั้นแหละ

“ฝนใกล้จะตกแล้ว กลับกันมั้ย?” ทะเลดูนาฬิกาแล้วเห็นว่ามันเกือบจะสองทุ่มเข้าแล้ว สายลมเย็นพัดผ่านเริ่มรุนแรง ใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นปลิวสไวไปทั่ว จึงเอ่ยปากชวนคนอื่น และวันนี้ทุกคนก็เหน็ดเหนื่อยมามากแล้ว

“อื้มกลับกันเถอะ พวกมึงจะติดรถกูไปลงสยามไหม”

“เอาดิ กูเหนื่อยจนอยากจะนอนตรงนี้อยู่แล้ว” เมธาวินโอดครวญ

“แล้วมึงขับรถไหวแน่นะ หน้าตามึงดูเหนื่อยมาก” พิสิษฐ์เป็นห่วงเพื่อนที่ตัวเล็กที่สุดในวงโต๊ะนี้

“สบายมาก กูขับไหว ไม่มีหลับใน เดี๋ยวกูไปส่งทะเลที่บ้านด้วย ถ้าหลับในกูไม่ตายคนเดียวแน่” คิมหันต์หัวเราะขืน เพราะใบหน้าที่ล้ามาก ๆ ทำให้เจ้าตัวแทบจะหัวเราะไม่ออก เป็นอีกวันที่หนักสำหรับเขาเหลือเกิน ไม่ใช่ผู้ชายที่ตัวเล็กมาก แต่พอมาอยู่ในกลุ่มที่ห้อมล้อมไปด้วยผู้ชายตัวสูงใหญ่สามคน คิมหันต์ก็ตัวเล็กไปโดยปริยาย

“เออ ป่ะ กลับบ้านกันโว้ย ช่างแม่งแล้ว” เป็นเพื่อนหัวเกรียนตะโกนฝ่าเสียงลมออกไป ก่อนจะรีบเดินไปขึ้นรถเพราะอีกไม่นานฝนคงตก

บีเอ็มคันสวยจอดเทียบริมถนนใต้สถานีรถไฟฟ้า สายฝนเทกระหน่ำอย่างไม่ลืมหูลืมตาในวันหยุดชวนคนที่ออกมาใช้ชีวิตหงุดหงิดเพราะรถติด กว่าจะขับฝ่าสายฝนมาส่งเพื่อนสองคนนี้ได้ก็กินเวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมง สารถีที่เหน็ดเหนื่อยจากการพักผ่อนน้อย และโหมอ่านหนังสือ เริ่มหาวหลายครั้ง ทะเลเห็นท่าไม่ดีเลยเอ่ยปากขอขับรถแทน

“งั้นกูไปส่งมึงที่บ้านแล้วจะนั่งแท็กซี่กลับ” ทะเลได้ใบขับขี่มาไม่กี่วันก่อนอาสาอย่างมั่นใจ

“ไม่เป็นไร ๆ ขับไปบ้านมึงนั่นแหละ เดี๋ยวของีบแป๊บเดียวแล้วจะขับกลับเอง”

“มึงคิดว่ากูจะให้มึงทำงั้นมั้ย”

คิมหันต์หาวใส่ก่อนจะสายหัว “ก็ได้ ๆ เดี๋ยวไปส่งที่คอนโดเคตรงซอยสามนะ”

ทะเลไม่ได้ถามว่าที่นั่นเป็นที่อยู่ของใคร เพราะถ้าให้เดาก็คงไม่ยากเท่าไหร่ เขาพยักหน้าแล้วหันไปกดแมพค้นหาเพื่อดูเส้นทาง ไม่ทันไรคนที่นั่งข้าง ๆ ก็ผลอยหลับไปเสียแล้ว ทะเลสงสารจับใจแต่เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากนี้ อย่างน้อย ๆ คิมหันต์ก็จะถึงที่หมายอย่างปลอดภัย

ฝนตกและรถติดเป็นสิ่งที่คู่กันสำหรับเมืองหลวงที่การจราจรไร้ประสิทธิภาพอีกที่หนึ่งในโลก เลยพอมีเวลามากพอที่ให้ทะเลได้พิจารณามองใบหน้าของคนหลับได้อย่างพินิจ ช่วงนี้คิมหันต์ผอมลงและซูบอย่างเห็นได้ชัด ไม่ต้องเดาว่าอีกฝ่ายทุ่มเทกับการสอบครั้งนี้แค่ไหน และทำไมกัน ทำไมคน ๆ นั้นถึงกล้าเอาเวลาไปมีความสุขทั้งที่แฟนตัวเองต้องการกำลังใจขนาดนี้

ใจมันทำด้วยอะไร

มืออุ่นลูบหัวของคนหลับเบา ๆ พลางคิดในใจว่าทำไมคนดีอย่างนุ่มนิ่มถึงต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ด้วย ความรู้สึกผิดที่คิดว่าตัวเองนอกใจ มันไม่เหมาะกับผู้ชายไร้สำนึกคนนั้นด้วยซ้ำ

ถ้าวันหนึ่งมีโอกาส สาบานกับตัวเองเลยว่าจะไม่มีทางทำให้คน ๆ นี้ต้องเสียใจ

ไม่มีวัน

“คิม ถึงแล้ว”

“หื้อออ ถึงแล้วหรอ” คิมหันต์ขยี้ตาและพยายามพรี่ตามองว่าทะเลพาเขามาส่วนไหนของที่หมาย “มาจอดในที่จอดรถเลยหรอ”

“อื้ม ยามให้เข้ามาเลย มาบ่อยหรือไง”

“ก็บ่อย” สายตาของคิมหันต์กำลังตอบมากกว่าคำถามที่สารถีจำเป็นถาม เพราะเขากำลังบอกว่าที่นี่คือที่ไหน บ้านของธนนท์

“งั้นกูกลับนะ”

“ฝนหยุดแล้วหรอ”

“ซาแล้ว”

“กลับดี ๆ นะ ขอบคุณที่มาส่ง ทั้งที่มึงก็เหนื่อยแท้ ๆ”

“ไม่เป็นไร มึงก็รีบนอนวันนี้ไม่ต้องอ่านแล้ว เข้าใจมั้ย”

“อยากอ่านแค่ไหนก็ไม่ไหวแล้วแหละ ตื้อไปหมด”

“ดี ทีหลังจะได้เลิกดื้อ”

ทะเลเปิดประตูลงจากรถ คิมหันต์ก็ลงมาเหมือนกัน คนตัวโตล็อครถแล้วยื่นกุญแจให้ ก่อนจะยกมือเชิงบอกลาแล้วเดินไปกดลิฟต์ลงไปชั้นหนึ่งเพื่อกลับ วินาทีที่ลิฟต์กำลังงับตัว เขาส่งยิ้มให้คนอีกฟากเพราะอยากให้รู้ว่าจะยังอยู่ตรงนี้เสมอ แม้มันจะไกลจากความรู้สึกมาก แต่ขอให้มันใกล้พอให้คิมหันต์ยิ้มตอบรับมาก็พอ

เกือบสี่ทุ่มเข้าไปแล้ว ที่บอกว่าฝนซาดูไม่น่าใช่ สายธาราจากฟ้ามืดยังคงโหมกระหน่ำรุนแรงและไม่มีท่าทีจะออมแรงเลยสำหรับคืนนี้ ยามที่ยืนเฝ้าหน้าประตูล็อบบี้เดินมาทักทายก่อนจะอาสาเรียกแท็กซี่ให้ ทะเลยิ้มรับแล้วขอบคุณ ก่อนที่รีเส็ปชั่นจะเดินเอาน้ำชาอุ่นมาให้ สมกับเป็นคอนโดราคาหลายสิบล้าน

ฝนเริ่มซาแต่ยังไม่มีแท็กซี่เลี้ยวเข้ามา เจ้าของร่างสูงเริ่มหิวเลยเดินออกมาหาอะไรกินที่ร้านอาหารใจกล้าที่ยังเปิดอยู่ ทั้งที่รอบ ๆ ปิดหมดแล้วเพราะคงคิดว่าไม่มีใครฝ่าฝนมากิน ก๋วยเตี๋ยวริมทางเป็นทางเลือกเดียว

ใจจริงทะเลแค่ประวิงเวลา เพราะรู้สึกทะแม่ง ๆ ในใจ คิมหันต์มาหาธนนท์ในวันที่เห็นภาพแบบนั้น เป็นไปได้ว่ามาเคลียร์ และเขาอยากอยู่ให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายจะไม่ขับรถกลับออกมา ในสภาพที่เขาพอจะจินตนาการออก

“บะหมี่แห้งครั้บ”

“นั่งเลยครับ”

ทะเลบอกที่บ้านไปแล้วว่าวันนี้จะไปติวกับเพื่อนและจะกลับดึก หรือไม่ก็จจะนอนที่บ้านเพื่อน  แต่ความจริงกำลังนั่งเคี้ยวเส้นบะหมี่รสชาติดีกลางดึกแบบนี้

“อยู่คอนโดนี้หรอครับ” เจ้าของร้านบะหรี่เฟรนไชน์ชื่อดังถามขึ้น บรรยากาศค่ำคืนที่เงียบสงัดหลังฝนตกก็ทำให้อีกฝ่ายเหงาพอดู และลูกค้าก็มีแค่เขาคนเดียว

“เปล่าหรอกครับ แค่มาส่งเพื่อน แล้วยังไม่มีแท็กซี่รับ”

“งั้นหรอครับ แย่เลยนะ แท็กซี่สมัยนี้ก็ยังไง ฝนตกแทนที่จะรับคนให้เขาไปกลับบ้าน ก็ดันกลัวไปลำบาก ถ้าเป็นผมนะอาศัยจังวะนี้แหละรีบรับคนเยอะ ๆ เลย”

“ผมก็อยากให้แท็กซี่คิดได้แบบนี้” ยังไม่ทันจะได้คีบลูกชิ้นลูกสุดท้ายเข้าปาก หางตาก็เห็นรถบีเอ็มคันคุ้นกำลังจะเลี้ยวออกมาจากคอนโด ทะเลรีบวางตะเกียบแล้วควักเงินให้เจ้าของร้าน

“อ้าวน้อง อิ่มแล้วหรอ!”

ทะเลไม่ตอบอะไรเพราะจะวิ่งไปให้ทันก่อนที่รถคนหรูจะเลี้ยวออกถนน เป็นอย่างที่คิดว่าคืนนี้ไม่มีทางจบแบบราบรื่น ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ได้เห็นรถคันที่เขาเพิ่งขับไปจอดไม่กี่ชั่วโมงพุ่งตัวออกมาแบบนี้

“คิม!” หนุ่มนักกีฬาวิ่งเร็วและตะโกนเสียงดังจากริมทาง หวังให้คนในรถเห็นและได้ยินเสียงของเขาบ้าง

บีเอ็มคันหรูเบรกเต็มแรง ก่อนที่ประตูคนขับจะเปิดออกมาแล้วสารถีพุ่งตัวออกมาจากรถ สายฝนเส้นบางสาดกระเซ็นเข้าคนตัวบางจนเสื้อเริ่มเปียกเป็นจุด แต่ก็ไม่ทำให้อีกคนหยุดวิ่งเพื่อตรงเข้ามาหาคนเรียก ก่อนจะพุ่งตัวเข้ามากอดคนที่วิ่งมาเหมือนกัน

“ฮึก ทำไมเขาทำแบบนี้”

คิมหันต์ร้องไห้

“ใจเย็น ๆ นะ”

“ทะเล ทำไมวะ ทำไม ฮือ”


แค่อยากจะรู้ว่าตรงที่เธอยืนนั้นมีฝนตกไหม
สบายดีไหม
เธอกลัวฟ้าร้องหรือเปล่า
ถ้าหากตรงนั้นไม่มีใคร
ฉันพร้อม ฉันพร้อมจะไป
ในคืนที่ฝนโปรยลงมา



อย่างน้อยคืนนี้ก็ไม่ต้องหนาวเหน็บเพราะฝนตกคนเดียว










-----------------------------------------------------


#ฤดูร้อนของทะเล

น้องทะเลมันสุดปังน้าาาาาา
บทจะสู้ก็สู้ขึ้นมาดื้อ ๆ อิอิ
ยัยน้องนุ่มนิ่มก็ยั้งงงง เมื่อไหร่จะมู้ปอรลูกกกก
เอาล่ะะะะะะ เจอกันตอนหน้า

อย่าลืมคอมเมนต์น้าาาา

เยิ้บ

@mifengbeexx
หัวข้อ: Re:UP! | SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | 07_ร้อนไออุ่น [29-02-20]
เริ่มหัวข้อโดย: mifengbee ที่ 07-03-2020 20:47:36
ตอนที่ 7
ร้อนไออุ่น
[/size]




เจ้าของร่างบางเดินหาวออกมาจากลิฟต์ เจ้าตัวลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเมื่อกลางวันเห็นภาพอะไร คิดแค่อย่างเดียวคือได้นอนบนเตียงนุ่ม ๆ ที่คุ้นเคย มีเจ้าของห้องนอนข้าง ๆ กัน คิมหันต์ใช้นิ้วปลดรหัสล็อคประตูอย่างคุ้นเคย แอร์เย็นเฉียบปะทะหน้าเข้าอย่างจัง เขาง่วงจนไม่ได้โทรบอกเจ้าของห้องว่าจะมาหา แต่ปกติแล้วเขาจะมาที่นี่เมื่อไหร่ก็ได้ในเมื่อสแกนเข้าห้องได้ขนาดนี้

“...”

ปลายเท้าของเขาเหยียบอะไรบางอย่างที่พื้น เจ้าของลักยิ้มวางกระเป๋าสะพายข้างก่อนจะสังเกตว่าที่ตัวเองเหยียบคืออะไร

ยางรัดผม?

ไม่ใช่เส้นยางธรรมดา แต่เป็นแบบเกลียว ๆ ที่ผู้หญิงชอบใช้กัน เพราะเคยสังเกตเห็นพวกผู้หญิงใช้เวลาไปเรียนพิเศษวันหยุด แล้วมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?

เวลานี้คิมหันต์ตื่นเต็มตา ภาพเมื่อกลางวันรีเพลย์ให้เขาคิดอะไรได้ชัดเจน แม้จะอยากลืมและไม่เชื่อในสิ่งที่ตาตัวเองเห็น แต่พอมาคิดทบทวนดูแล้ว ความผิดปกติที่เขาพยายามคัดค้านในใจว่าไม่มีอะไรมันกลับยิ่งเป็นตัวบีบคั้นหัวใจให้เริ่มเจ็บ

พี่นนท์ของเขาจะกล้าทำแบบนี้หรอ จะกล้าทำกับคิมจริง ๆ หรอครับ เจ้าตัวคิดในใจ

“คิม?”

เจ้าของร่างกายกำยำสูงสง่าไร้เสื้อเดินออกมาจากห้องนอนด้านบนที่เจ้าตัวไม่ค่อยได้ขึ้นไปใช้นัก สีหน้าเขาดูแปลกใจที่ร่างบางมายืนอยู่ตรงนี้ในเวลาดึก ทั้งที่ตัวเองเป็นคนบอกเองแท้ ๆ ว่าจะมาที่นี่ตอนไหนก็ได้ โดยไม่ต้องบอกเจ้าของห้องก่อน

แต่ทำไมธนนท์ถึงได้ดูแปลกใจขนาดนี้

“อื้อ คุณไม่สะดวกหรอ”

“มะ ไม่ ๆ แค่ปกติถ้าจะมาก็จะโทรมาก่อนไง”

“แล้วนี่คุณใช้ยางรัดผมแบบนี้ด้วยหรอ?” คิมหันต์ไม่ปล่อยให้อะไรมันคาราคาซัง เพราะเขาไม่ใช่คนที่ชอบให้ปัญหามันคลุมเครือ ถ้าจะต้องทะเลาะกันคืนนี้มันก็ควรจะจบไม่ใช่มองข้ามและให้มันผ่านไปราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาอยากรู้ว่าจริง ๆ แล้วผู้ชายตรงหน้าเขาตอนนี้เป็นใครกันแน่ ที่ผ่านมาเคยรู้จักกันจริง ๆ หรือเปล่า

“ของแม่มั้ง” ผู้ชายตรงหน้าไม่สบตากันอย่างชัดเจน เขากำลังเริ่มโกหก

“แม่คุณผมสั้น”

“...”

“...”

“เฮ้ คุณกำลังเข้าใจผิดนะ ผมไม่รู้ว่ายางรัดผมนี่มาอยู่ในห้องได้ยังไง” ธนนท์เร่งฝีเท้าเดินเข้ามาหาคนที่ยืนไม่ไกลจากประตู แต่อีกฝ่ายหลบตัวและเดินเข้าไปในห้องนอนชั้นบนด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะมาพบกับสภาพห้องนอนเละเทะเหมือนเพิ่งผ่านศึกสงครามมาก็ไม่ปาน ร่างบางตรงไปยังลิ้นชักเพื่อค้นหาว่าสิ่งที่ใช้ป้องกันยังไม่พร่องไปจากเดิม

คิมหันต์ภาวนาว่าขอให้มันไม่จริงอย่างที่เขาคิด

3 จาก 8

มือของคนที่จับซองสีเงินสั่น เขาไม่คิดว่าเรื่องที่กลัวจะเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา ไม่เคยวาดฝันว่าผู้ชายที่น่ารักและมีสายตาซื่อสัตย์กับเขาเสมอจะเล่นละครเก่งมาเป็นปี ความรู้สึกของเขาที่เกิดขึ้นมันจริงหรือเปล่า รักกันไหมตลอดเวลาที่ผ่านมา

“คิม!”

“พี่ทำกับเราแบบนี้ได้ไงวะ!”

“คือมันอธิบายได้ ก็แค่สนุกกัน ไม่ได้รู้สึกอะไร”

“แล้วที่ไปส่งที่หอ ไปนั่งกินข้าวด้วยกัน” คิมหันต์แทบกลั้นหายใจขณะพูด เพราะภาพเหล่านั้นวนเวียนเข้ามาไม่หยุด ไหนจะสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องนี้ เขาไม่กล้าจะจินตนาการถึงมันด้วยซ้ำ ไม่นานน้ำตาแห่งความเสียใจก็เริ่มรินไหลออกมาจากดวงตากลม ความรู้สึกเจ็บแปล๊บแล่นขึ้นที่หัวใจ ปลายนิ้วชาไปหมด นี่สินะอกหัก

แตกสลายไม่มีชิ้นดีเลย

“คิมฟังพี่ก่อน มันไม่ใช่อย่างนั้น” ร่างสูงลุกลี้ลุกรน พยายามจะเดินเข้ามาหา แต่อีกฝ่ายขยับหนีเพราะไม่อยากอยู่ใกล้กันเกินไป คิมหันต์ไม่รู้ว่าอกหักมันเจ็บแค่ไหน มันรู้สึกยังไง แต่ถ้าจะให้อธิบายคือเขาไม่อยากอยู่ตรงนี้ ไม่อยากมองหน้าคน ๆ นี้ ไม่อยากอยู่ใกล้อีกแล้ว แค่ได้ยินเสียงหัวใจยังเจ็บไปหมด

“ฮึก ฮือ พี่จะโกหกอะไรกันอีก ที่ผ่านมามันไม่มีค่าเลยหรอ เราให้พี่ไม่มากพอหรอ”

“คิมพี่รักคิมนะ ขอร้องอย่าร้องไห้แบบนี้”

“ก็พี่แม่งเหี้ยอะ!!”

คิมหันต์ปากล่องถุงยางที่ถืออยู่ใส่คนตัวสูงอย่างแรง แต่มันก็คงไม่มากพอที่จะทำให้เขาเจ็บปวดเหมือนที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่ คนตัวเล็กกว่าเดินออกจากห้องโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น สาวเท้าลงบันไดมาทั้งที่มือก็ปาดน้ำตาที่ไหลไม่หยุด

“เดี๋ยวสิคิม ฟังพี่ก่อน” แม้จะเร็วแค่ไหนแต่ก็ไม่ทันคนที่ขายาวกว่าอยู่ดี มือใหญ่ออกแรงดึงข้อมือขาวไว้ เขากำมันไว้แน่นเพราะกลัวคนที่กำลังร้องไห้จะรีบหนีกันไปก่อนที่จะได้อธิบาย ทั้งที่หลักฐานมันก็ทนโท่และยากจะปฏิเสธ แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ยอมเสียคิมหันต์ไปแน่ ๆ

ไม่มีวัน

“ยังจะมีอะไรอธิบายอีกหรอ แค่นี้เราเจ็บไม่พอใช่ป่ะ”

“พี่ขอโทษ”

แค่ได้ยินคำนี้ก็เท่ากับเขายอมรับความหมดทุกอย่างว่ามันเกิดขึ้นจริง นั่นยิ่งทำให้น้ำตาที่กำลังรินไหลยิ่งพลั่งพรูมากกว่าเดิม

ไม่เคยคิด
ไม่มีภาพนี้ในหัว
ไม่อยากจะเชื่อ


ธนนท์นอกใจเขาจริง ๆ

“ฮึก ฮือออ ทำไมทำกับเราแบบนี้ ฮือ”

“คิมพี่ขอโทษ พี่รักคิมนะ แต่พี่เลวเองพี่ไม่พอเอง คิมขอร้อง...อย่าร้องไห้แบบนี้”

“ฮือออ ที่จู่ ๆ พี่เอยหายไปจากค่ายตอนเย็น แล้วที่เราเห็นรถพี่ที่ค่ายเราตาไม่ฝาดใช่มั้ย”

ในวันเข้าค่ายคิมหันต์สังเกตว่าพี่เลี้ยงกลุ่มของตัวเองหายไป แต่ไม่มีใครถามถึง ส่วนตัวเขาก็ไม่ได้เอ่ยถามใครเพราะคิดว่าคงมีธุระอาจจะกลับบ้านไปก่อน แต่พอตอนเช้าเขาเห็นออดี้ทะเบียนคุ้นตาจอดเทียบหน้าคณะทั้งที่เจ้าตัวเรียนอีกวิทยาเขต หรือจะมารับทั้งที่นัดเจอกันที่กรุงเทพฯ ทว่าไม่มีข้อความหรือโทรมาล่วงหน้า คิมหันต์พยายามบอกตัวเองว่าตาฝาด อาจจะเช้าเกินไปสำหรับการเพ่งมองอะไร

แต่แล้วมันก็ถูกยืนยันจากภาพเมื่อกลางวัน ว่าเช้าวันนั้นธนนท์ไปส่งพี่เอยที่วิทยาเขตนั้นจริง ๆ แต่เชื่อมั้ยคิมหันต์ก็ยังไม่ปักใจเชื่ออีก คิดว่าไม่มีอะไร อาจจะเป็นเพื่อนกันแล้วต้องทำกิจกรรมของมหาวิทยาลัยด้วยกันก็ได้ แต่พอมาเห็นเหตุการณ์ที่ห้องของเจ้าตัวกับตา จบแล้วความรักของฤดูร้อน

แสงอาทิตย์ของเขาหลับใหลไม่มีวันตื่นมาให้แสงสว่างได้อีก
กลายเป็นเพียงพายุโหมกระหน่ำที่ทำให้เจ็บช้ำใจ

“คิม..พี่”

“คุณไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เราไม่อยากรู้แล้ว”

“...”

“เลิกกันเถอะ”

คิมหันต์สะบัดข้อมือตัวเองเพราะจะให้หลุดจากการเกาะกุมของร่างสูง จู่ ๆ ผู้ชายที่มีส่วนสูงสมส่วนก็แรงน้อยขึ้นมาเสียอย่างนั้น ร่างกายกำยำดึงเขาเข้าอ้อมอกและกอดไว้แน่น แม้จะพยายามดื้นรนเท่าไหร่ก็ไม่สามารถออกจากกรงขังนี้ได้เลย เสียงร้องไห้คร่ำครวญยังคงลอยวนปะปนกับอากาศเย็นในห้อง ห้วงเวลาแห่งการแตกสลายโอบล้อมเราทั้งคู่ กลิ่นกายที่เคยหลงใหลและอบอุ่น ตอนนี้กลับร้อนระอุจนรู้สึกแสบผิวไปเสียหมด

เปลี่ยนไปแล้ว
ทุกสิ่งทุกอย่าง
โดยเฉพาะความรู้สึก


ความเงียบเข้าปกคลุมสถาการณ์ เนิ่นนานกว่าเสียงร้องไห้สะอื้นจะจางหาย คนตัวบางโอนอ่อนยอมมานั่งที่โซฟากลางเพนเฮาส์ แต่กระนั้นก็ยังไม่มองหน้าร่างสูงที่พยายามพะเน้าพะนอขอให้อีกคนฟังเหตุผลของเรื่องที่เกิดขึ้น

“พี่ต้องการมันมาก มากเกินไป จนกลัวว่าคิมจะรู้สึกแย่ที่พี่มีรสนิยมแบบนี้”

“...”

“พี่กลัวคิมรับไม่ได้”

“ใช่เรารับไม่ได้ แต่ไม่ใช่เรื่องที่พี่มีความต้องการ”

“...”

“แต่รับไม่ได้ที่พี่ไปนอนกับคนอื่น เข้าใจป่ะ! มั่วขนาดนี้มานานแค่ไหนแล้ววะ!”

“คิม พี่ป้องกันตลอด พี่ขอโทษนะคนดีครับ”

“เรายังไม่อยากฟังอะไรเลย เรารับไม่ไหวจริง ๆ ขอร้อง เราอยากกลับบ้าน” ร่างบางลุกขึ้นเพื่อยืนยันว่าตัวเขารู้สึกแบบนั้นจริง ๆ และให้อีกคนเลิกอธิบายอะไรก็แล้วแต่ เพราะยิ่งพูดมันยิ่งทำให้ธนนท์ดูแย่ยิ่งกว่าเดิม ราวกับคนไม่รู้จักกัน

“งั้นก็ได้ พี่จะไปส่งบ้านนะครับ”

“ไม่ต้อง เรากลับเอง ขอร้องล่ะ”

ธนนท์ได้แต่พยักหน้าช้า ๆ สายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกผิด ส่งมาถึงคิมหันต์ แต่แน่นอนคราวนี้เขาไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้าคือความจริงหรืออีกฝ่ายเพียงแค่เล่นละครให้ได้รับการยกโทษ ทั้งที่กลับกันถ้าคนที่นอกใจเป็นเขา อีกฝ่ายคงโกรธแทบจะบีบคอกันเลยด้วยซ้ำ

พอกันทีความรักที่มีแต่ความลวง
เลิกโง่งมซะที




ร่างบางกดลิฟต์ลงมาชั้นจอดรถด้วยความรู้สึกเหม่อลอย ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังร้องไห้อีกแล้ว หรือเพราะความเจ็บปวดมันมากเกินจนความรู้สึกมันอดกลั้นไม่ไหว จึงกลั่นเป็นน้ำตาออกมา คิมหันต์ไม่รู้ว่าเขาเจ็บตรงไหนกันแน่ สมองที่มีแต่ภาพของธนนท์ผู้ชายที่แสดงออกว่ารักเขาตลอดเวลา ภาพแววตาของความซื่อสัตย์เหมือนลูกหมารักเจ้าของ หรือเจ็บหัวใจที่ที่มันมีแต่เขา และตอนนี้กำลังโดนมือแกร่งบีบ ทุบ จนมันแตกสลายในนั้น

เจ็บจนแทบหายใจไม่ออก
เจ็บจนไม่อยากหายใจ

“ฮึก ฮือ ทำไมวะ ทำไม” คำถามที่ไม่มีคำตอบเปล่งออกมาด้วยความรู้สึกอัดอั้น ทำไมเขาต้องมาเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้ ทำไมแค่จะมีความรักที่ดีมันถึงยากนัก แค่รักกันมันไม่พอจริง ๆ ใช่มั้ย คำถามยุ่งเหยิงตีรวนในหัวของผู้ชายวัย 18 ปีเมื่อไม่กี่เดือน ทำไมมันถึงหนักหนาเหลือเกิน

คิมหันต์ตั้งสติสตาร์ทรถออกจากคอนโด และเขาสัญญากับตัวเองว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะมาเยือน เขาอาจจะเป็นเด็กที่ใช้อารมณ์เป็นใหญ่ในการตัดสินใจ แต่แล้วยังไงหรอ? ในเมื่อคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่ายังไม่แคร์ความรู้สึกกันเลย มีเหตุผลอะไรที่จะตัดใจจากผู้ชายคนนั้นอีก ไม่รู้ว่าลับหลังเขาเกิดอะไรขึ้นบ้าง แค่จินตนาการว่าเปลี่ยนคนนอนด้วยไม่ซ้ำหน้าก็ขยะแขยงเต็มทน

“คิม!”

เขาหูแว่วหรือก็ไม่น่าใช่ มองผ่านม่านน้ำตาไปเห็นผู้ชายที่เพิ่งขับรถมาส่งเมื่อไม่กี่ชั่วโมง วิ่งตรงจากฟุตบาธเพื่อเรียกชื่อของเขาสุดเสียง

ทะเล

ใครก็บอกว่าพอไม่สบายใจก็ให้ไปทะเล
แต่ตอนนี้ทะเลกำลังมาหาเขา
ที่พึ่งสุดท้ายของโลกที่กำลังจะดับมืด






------------------------------------------







มีต่อ
หัวข้อ: Re: UP! | SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | 06_ทะเลมีแต่คลื่น [29-02-20]
เริ่มหัวข้อโดย: mifengbee ที่ 07-03-2020 20:54:07
ทะเลอาสาขับรถให้เพราะคนข้าง ๆ ยังร้องไห้ไม่หยุด เขาไม่รู้จะปลอบอะไรได้มากมาย เพราะไม่ได้อยู่ในฐานะจะพูดอะไรได้ ทำได้เพียงรับฟังสิ่งที่เจ้าตัวพูดเพ้อออกมา ส่วนมากมักจะเป็นคำถามที่ไม่มีใครรู้คำตอบนอกจากเขาทั้งสองคน

เป็นคนนอกที่เจ็บปวดไม่แพ้กัน

ความเจ็บแล่นแปร๊บจากปลายประสาทเข้าสู่กลางหัวใจ เมื่อได้ยินชื่อผู้ชายคนนั้นออกจากปากของฤดูร้อนที่กำลังอ่อนแสง เพราะดันเจอพายุโหมกระหน่ำเข้ามาแทน มันรุนแรงและบ้าคลั่งเพราะหลงฤดู ทะเลที่ทำได้ซัดคลื่นลูกแล้วลูกเล่าหวังให้กำลังใจ แต่แล้วก็เป็นเพียงเสียงแห่งความเงียบงัน เพราะฤดูร้อนเอาแต่คิดถึงพายุลูกนั้นตลอดเวลา

แววตาที่มองยังไงก็ไม่เคยเห็นทะเลในนั้น
แววตาที่มีเพียงธนนท์เสมอ และยังเป็นมาตลอด
แววตาที่ตอนนั้นก็เป็นแค่ความสับสน
ไม่ใช่เรื่องจริง


มือใหญ่ละจากเกียร์รถแล้วกอบกุมมือเย็นไว้แน่น เสียงสะอึกสะอื้นทำเอาแทบขาดใจตามไปด้วย คนตัวบางไม่ต่างจากลูกนกปีกหักค่อย ๆ เอียงตัวมาซบไหล่หนาราวกับหาที่พึ่ง ก่อนจะเอาหน้าซุกที่อกของทะเลแล้วร้องไห้ออกมาอีก

เจ็บแค่ไหนกันนะอกหัก
จะเจ็บเหมือนที่เขากำลังรู้สึกหรือเปล่า
ถ้าเจ็บแทนได้ ขอรับไว้คนเดียวได้ไหม
ทรมานเหลือเกิน


ทะเลไม่รู้จะพาคนที่เพิ่งหยุดร้องไห้ไปส่งที่ไหน เขาไม่กล้าแม้จะเอ่ยปากถามทางบ้านเจ้าตัว คิดเอาเองว่าคงไม่อยากกลับบ้านด้วยสภาพนี้สักเท่าไหร่ เลยไลน์ไปถามพี่เหนือว่าอยู่คอนโดหรือเปล่าจะขอนอนที่นั่น แต่ยังเป็นโชคดีที่เจ้าตัวบินไปดูงานที่ฮ่องกงพอดี เลยพอมาที่ซุกตัวคนโรยแรงได้สักคืน

“เดี๋ยวคืนนี้นอนนี่แล้วกันนะ คอนโดพี่ชายกูเอง”

คิมหันต์พยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงที่โซฟากลางห้อง ทะเลไม่ได้ถามไถ่อะไรเพียงแต่เข้าไปหาอะไรอุ่น ๆ ให้อีกฝ่ายดื่ม เขาเข้าครัวและชงชาคาโมมายด์กลิ่นหอมและเดินเอามาวางที่หน้าคนที่นั่งมองสายฝนด้านนอก

“กินอะไรอุ่น ๆ จะได้ดีขึ้น” ทะเลกำลังจะหันไปจัดการเสื้อผ้าสำหรับคนที่จะมาค้างคืนนี้ แต่แล้วก็ต้องชะงักเพราะคนด้านหลังเรียกไว้ ไม่พอยังคว้ามือของเขาไว้อีก

“ทะเล”

“อื้อ ฟังอยู่” ทะเลถูกดึงให้นั่งข้างอีกคน คิมหันต์เอนหัวมาซบที่ไหล่กว้าง คนตัวโตไม่ได้ขัด ถ้านี่จะเป็นวิธีปลอบเขาก็ยินดี และยินดีเสมอถ้าทำให้ความเศร้าคลายและมลายหายไปจากความรู้สึกของคนที่บอบช้ำ

“ขออยู่แบบนี้แป๊บนึง...ได้มั้ย”

ทะเลไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่นั่งนิ่ง ๆ ให้คนที่ขอร้องได้ทำอย่างที่ใจต้องการ เขาไม่ได้รู้สึกดีกับสิ่งที่คิมหันต์เผชิญ แม้จะเห็นโอกาสอันเลือนลางว่าตัวเองจะได้คว้าเอาไว้ ความคิดด้านเดวิลเผยตัวตนออกมา เป็นความชั่ววูบที่แสนชั่วเสียจริง ทะเลคิด เขาไม่ควรไขว่คว้าโอกาสในช่วงเวลาแบบนี้ ความอ่อนแอและเจ็บปวดมันง่ายต่อจะรู้สึกใหม่กับใครก็จริง แต่กับคนอย่างคิมหันต์

คนที่มอบความรักให้กับธนนท์มากมายจนแทบไม่เหลือให้ตัวเอง คงไม่มีทางจะรู้สึกดีกับความฉาบฉวยที่เกิดขึ้น


ถ้าจะต้องรอ เขาจะรออย่างที่ไม่ถ้วงถามถึงวันสิ้นสุด แม้มันจะเป็นวิธีการที่โง่เขลา แต่เมื่อรักใครแล้วการรอก็เป็นอีกอย่างที่ควรทำให้เป็นไม่ใช่หรือไง ความรักแบบผู้ใหญ่เป็นยังไงทะเลก็ไม่ประสา แต่ถ้าเป็นแบบของเขาแล้ว เขายินดีเสมอที่จะรอให้ใจของคิมหันต์ไม่มีธนนท์ในนั้น และเขาจะมอบทั้งชีวิตให้คน ๆ นี้อย่างไม่ลังเลสักนิดเดียว

“ทะเลรู้หรือเปล่าว่าทำไมความรักมันถึงต้องเจ็บ”

คำถามเลื่อนลอยราวกับเพ้อรำพันของคนที่นั่งนิ่งไม่ไหวติง “ความรักไม่ได้ทำให้เราเจ็บ แต่คนที่ทำให้เจ็บไม่ใช่ความรัก”

“ทำไมมันยากจังเลย ความรัก”

“ถ้ามันง่ายก็คงไม่มีใครอกหักล่ะมั้ง”

“แล้วทะเลเคยอกหักมั้ย”

“เคยสิ” ก็ตอนนี้ไง อกหักทั้งที่เขาไม่รู้ เจ็บปวดโดยที่ไม่สามารถพูดออกไปได้ แถมยังต้องมานั่งปลอบคนที่ทำให้ตัวเองอกหัก เพราะอีกคนอกหักจากคนรักมา ซ้ำซ้อนจนไม่รู้จะเรียบเรียงยังไงให้เข้าใจ

“หรอ นานมั้ยกว่าจะหาย”

“บางคนก็วันเดียว บางคนก็เดือนหนึ่ง บางคนก็ปีหนึ่ง หรือตลอดชีวิต”

“...”

“...”

ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง บทสนทนามาถึงทางตันเพราะปลายทางของทั้งสองคนไม่ได้บรรจบที่เดียวกัน ราวกับบทกวีที่ถูกแต่งไม่จบ ไม่เชื่อมโยง และไม่ได้มีความหมาย ถูกตัดจบด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นของทั้งคู่ ทั้งที่นั่งข้างกันแค่นี้แต่ทำไมรู้สึกว่าห่างไหลเหลือเกินจากความรู้สึก

จู่ ๆ คนหนุ่มนักกีฬาก็เอี้ยวตัวไปกอดคนที่นั่งนิ่งมาเนิ่นนาน ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงทำแบบนี้ รู้แค่เพียงถ้าอยากให้ความเศร้าหายไปเขาจะต้องทำ อย่างน้อยก็ให้ร่างกายของเขาบอกความรู้สึกให้อีกฝ่ายได้รู้ ว่ายังไงก็จะยังมีเขาอยู่ตรงนี้ เวลานี้ และทุกครั้งที่ต้องการ ทะเลกอดคนตัวบางแน่น

“อย่าเศร้าได้มั้ย ไม่ชอบเลย”

“...”

“รู้นะว่ารักเขามาก แต่ก็อย่ามากจนไม่รักตัวเองได้หรือเปล่า”

“ทะ ทะเล”

เจ็บเหมือนกันนะที่ต้องเห็นมึงเจ็บขนาดนี้ ทะเลได้แค่คิดไม่ได้พูดออกไป มันน่าจะทำให้อีกฝ่ายหนักใจและกระอักกระอ่วน เขาจะเป็นเพียงเพื่อนที่จะคอยอยู่ตรงนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เป็นที่พึ่งสุดท้ายที่คิดออกก็ยอม ยอมจริง ๆ ไม่อยากเห็นน้ำตาอีกแล้ว

คิมหันต์กอดตอบทะเลแน่นราวกับโหยหาสัมผัสที่จะช่วยให้ความรู้สึกทุเลา เจ้าของร่างกายกำยำไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเอง เขาเข้าใจดีกว่าตอนนี้คนที่กำลังกอดตอบรู้สึกอย่างไร การตัดความรู้สึกมันยาก แต่ก็ต้องทำ และไม่ลืมที่จะบอกความจริงที่รู้นานแล้วให้คิมหันต์รู้ ไหน ๆ เรื่องมันก็มาถึงตรงนี้แล้ว

“คิมฟังกูนะ ไม่ได้อยากซ้ำเติม แต่กูเคยเห็นเขาพาผู้หญิงไปที่โรงเรียน”

“หรอ นานหรือยัง”

“ก่อนที่กูจะเห็นมึงกับเขาไปดูหนังกัน”

“งั้นก็ก่อนที่จะมาเจอกูหลังจากที่กลับจากอังกฤษ หึ เขาเลือกผู้หญิงคนนั้นมากกว่ากูอีกเนอะ”

ทะเลผละตัวออกจากอ้อมกอด และจับต้นแขนทั้งสองข้างของคนที่กำลังทำท่าจะร้องไห้อีกครั้ง “กูไม่เข้าไปก้าวก่าย แต่มึงมีสิทธิ์รู้ความจริง สุดท้ายแล้วยังไงมึงตัดสินใจ”

“อื้อ กูเข้าใจแล้ว ขอบคุณนะที่บอก”

“มึงร้องไห้กับกูได้ทั้งคืน แม้กูจะไม่อยากเห็นน้ำตามึงก็ตาม”

“ฮึก กูจะพยายามนะ กะ กูจะไม่ร้องแล้ว แต่มันหยุดไม่ได้เลย”

ทั้งคู่โผเข้ากอดกันอีกครั้ง มือใหญ่ลูบผมของคนที่กำลังร้องไห้เบา ๆ ทะเลอยากมีเวทมนต์จะเสกให้ความเจ็บที่คิมหันต์กำลังเผชิญหายไปในพริบตา แต่เมื่อมันไม่มีเขานี่แหละจะเป็นโล่วิเศษที่คุ้มกันและปกป้องไม่ให้เจ้าของลักยิ้มสวยต้องเจอเรื่องแบบนี้อีก

สัญญากับตัวเองเลย

เนิ่นนานทีเดียวกว่าคิมหันต์หยุดร้องไห้ พอได้สติเขาก็จิบชาไร้ควันเพราะหายร้อนไปนานแล้ว ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำในห้องนอนใหญ่ สวมเสื้อผ้าที่ทะเลพอจะหาไซซ์เจอ แต่มันก็ยังใหญ่ไปสำหรับคนตัวบาง ยิ่งพอมาเห็นแบบนี้คนที่เคยสมส่วนกลับดูตัวบางลงไปอีก เพราะเสื้อผ้าไซซ์ XL ของพี่เหนือมันหลวมโคร่งสำหรับแขกคืนนี้

“เดี๋ยวมึงนอนบนเตียงแล้วกัน กูนอนข้างล่าง”

“นอนด้วยกันเถอะ แค่นี้ก็เกรงใจมากแล้ว”

ทะเลไม่อยากขัดคนที่หน้าตาบวดแดงไปหมด ทั้งตา จมูก และปาก ด้วยการร้องไห้ต่อเนื่องยาวนานหลายชั่วโมง พรุ่งนี้อีกคนต้องปวดหัวแน่ ๆ น้องชายเจ้าของห้องเลยเข้าไปรื้อยาในลิ้นชักที่จำได้ลาง ๆ ว่าพอจะมีอยู่

“กินยาหน่อย เดี๋ยวพรุ่งนี้ปวดหัว เดี๋ยวไปเอาผ้าอุ่นมาให้ประคบตา”

คนที่สูดน้ำมูกรับยาเม็ดสีขาวคุ้นตาและขวดน้ำมา ก่อนจะกลืนยาเม็ดขมลงคอด้วยความว่าง่าย และนั่งรอด้วยท่าทีซึม ๆ ไม่ต่างจากคนหลับใน ช่วงนี้คิมหันต์ใช้ร่างกายเปลืองเหลือเกิน เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็เกือบเช้า วันนี้จะมาเจอเรื่องหนักหนาอีก ร่างบางโงนเงนเตรียมจะพับหลับไปตลอดเวลา

“นอนลงเถอะ เดี๋ยวทำให้”

“เพิ่งรู้ตัวว่าง่วงมาก”

“แหง่ล่ะ แล้วดราม่าอยู่ทำไมนาน” มือใหญ่จับปลายผ้าขนชุบหนูอุ่นวางเบา ๆ ที่ตากลมซึ่งตอนนี้บวมแดงจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม

“เดี๋ยวมันคงดีขึ้นเนอะ” คนที่นอนหลับตานิ่งพูดขึ้นราวแทบจะไม่ได้ยินเสียงราวกับละเมอ เพราะเรี่ยวแรงที่เหลือไม่ถึง  1% กำลังจะดับวูบลง มือใหญ่ยังคงทำหน้าที่อย่างดี อยากให้คนที่เจอกับเหตุการณ์ที่หนักหนาวันนี้ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ แม้จะไม่เคยทำอะไรแบบนี้ให้ใคร ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามือหนักไปหรือเปล่า ไม่รู้วิธีที่ถูกต้อง แต่ก็ทำไปด้วยใจนำพาล้วน ๆ

ทำให้ได้แค่นี้นะตอนนี้

คิมหันต์หลับใหลสู่ห้วงนิทราที่เจ้าตัวปรารถนา คนตัวโตยังคงนั่งมองใบหน้าเหนื่อยล้าต้องแสงโคมไฟในห้อง ตั้งคำถามว่าอะไรที่ทำให้เขาหลงรักผู้ชายคนนี้ขนาดที่ยอมทำอะไรไม่เป็นตัวเอง สุดท้ายคำตอบคือคำถามนั่นแหละ ก็เพราะรักถึงได้ทำแบบนี้ ถ้าไม่รักก็คงไม่ทำ

ร่างสูงสอดตัวนอนอีกฝั่ง ใช้หมอนข้างกั้นกลางระหร่างเราทั้งคู่ จะได้ไม่ประดักประเดิดเวลาตื่นมาเจอหน้ากันตอนเช้า

“ทะเล” น้ำเสียงแผ่วเบาเอ่ยขึ้นจากอีกฝั่งของหมอนข้าง “ยังอยู่หรือเปล่า”

“อื้อ อยู่”

มือเล็กควานหาอะไรบางอย่างทั้งที่ยังไม่ลืมตา มือใหญ่จึงจับเอาไว้หลวม ๆ “อื้ออออ อยู่ใช่มั้ย”

เขาว่าคนเสียใจมักจะตกอยู่ในห้วงของความหวาดระแวง กลัวกระทั่งการนอนหลับและฝัน กลัวว่าจะต้องเผชิญกับความโหดร้ายนั้นอีก หลายคนเลยมักนอนไม่หลับต้องพึ่งตัวช่วยอย่างยานอนหลับ หรืออาจจะเข้าขั้นหนักจนต้องพบแพทย์

“ไม่เป็นไรนะ กูอยู่ตรงนี้”

“...”

“ฝันดีนะ ฤดูร้อนของกู”

ทะเลไม่ได้อยากฉวยโอกาส แต่ตอนเด็ก ๆ เวลาเขาฝันร้ายถ้าแม่ทำแบบนี้เขาก็จะนอนหลับฝันดี หรือบางคืนก็ไม่ฝันอะไรเลย และเขาหวังว่าจุมพิตเบา ๆ ที่หน้าผากมนจะทำให้คนที่กำลังหลับใหล ไม่จมในฝันร้ายและพบเจอแต่ฝันดีตลอดราตรีนี้






 #ฤดูร้อนของทะเล




-------------------------------------


ยัง ยังไม่พ้นดราม่าอีกหรอออออออ555555555555555
อีกนิดเดียวอดทนกันหน่อยน้าาา แค่อยากให้เห็นที่มาที่ไป
แล้วทุกคนจะเข้าใจว่าทำไมทุกอย่างต้องเป็นแบบนี้
คราวนี้จะ #ทีมทะเล หรือ #ทีมฤดูร้อนดี อิอิ
วงวารคู่

เจอกันเสาร์หน้าค่าาาาา เยิ้บบบ
ขอเมนต์ให้กำลังใจด้วยน้าาาา


@mifengbeexx




หัวข้อ: Re:UP! | SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | 07_ร้อนแผดเผาไปทั้งใจ[14-03-20]
เริ่มหัวข้อโดย: mifengbee ที่ 14-03-2020 20:21:25
ตอนที่ 8
ร้อนแผดเผาไปทั้งใจ
[/size]




เช้าวันหยุดที่ต่างไปจากเดิม ทะเลตื่นตั้งแต่เช้าทั้งที่ปกติก็ไม่ใช่คนตื่นเช้าสักเท่าไหร่ แต่เพราะไออุ่นจากคนข้าง ๆ ที่เบียดทำให้รู้สึกร้อนจนต้องเขยิบตัวออกห่างมา หมอนข้างเจ้ากรรมโดนเขี่ยกระเด็นตกขอบเตียงไปเมื่อไหร่เขาเองก็ไม่มั่นใจ รู้แค่คนตัวบางที่หลับสนิทนอนดิ้นในระดับสูงกว่ามารตรฐานใช้ได้ทีเดียว

นั่นก็แปลว่าเขาหลับสนิทดี และไม่ฝันร้าย
อย่างน้อย ๆ ก็เป็นช่วงเวลาที่เขาไม่ต้องเสียใจ

แสงยามอาทิตย์อรุณไม่สามารถทะลุผ่านม่านสีทึมที่พี่เหนือเลือกมาไว้ที่ห้องนอนได้ เจ้าตัวรักการนอนและไม่ยินยอมให้อะไรมาปลุกทั้งนั้นนอกจากเสียงนาฬิกา และเขาก็รู้สึกดีที่มันสร้างบรรยากาศการนอนได้อย่างมีคุณภาพ จนได้ยินเสียงหายใจแรงของคิมหันต์

ทะเลลอบมองใบหน้าเนียนของคนที่หายใจเข้าออกเป็นจังหวะม่ำเสมอบนหมอนข้างกัน ระยะห่างของใบหน้าไม่กี่เซนติเมตร ทำให้เขามองเห็นขนตาแพหนา จมูกโด่งเป็นสันโค้งมน รับกับปากกระจับสีสด ทะเลไม่มั่นใจว่าอะไรที่ทำให้เขาสามารถมองสิ่งมีชีวิตนี้ได้นานร่วมครึ่งชั่วโมงตั้งแต่ตื่น

เป็นความรู้สึกหลายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สงบ อบอุ่น รู้สึกดี แค่อยากได้อยู่ใกล้กับคน ๆ นี้เขาคิดว่าชีวิตมันก็แค่นี้แหละ แค่ได้มีคนที่อยู่ด้วยแล้วได้วางใจแบบนี้

แต่คงไม่ใช่ตอนนี้หรอกนะ
ต้องรอหน่อย




เก้าโมงกว่าหนุ่มนักกีฬาเดินออกมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และสั่งอาหารผ่านแอพง่าย ๆ เป็นอาหารเช้าสำหรับสองคน เขาไม่ได้ปลุกคิมหันต์เพราะคิดว่าควรปล่อยให้คนที่ใช้พลังจนไม่เหลือแบตได้ชาร์จพลังอย่างเต็มหลอด ก่อนจะต้องตื่นมาเจออีกหลายเรื่องให้ต้องขบคิด

ทะเลออกมาดูสวนกระบองเพรชเล็ก ๆ ริมระเบียง เขาเป็นคนซื้อเป็นของขวัญย้ายเข้าคอนโดของพี่ชายวันแรก คิดว่าน่าจะเหมาะกับคนที่ไม่ชอบดูแลใคร แต่ดูออกว่าเหงาตัวเท่าบ้าน ให้พี่ชายยิ้มยากได้พอจะมีเพื่อนที่ไม่ต้องแวะเวียนมาหาบ่อย ๆ แค่ไม่ลืมเจ้าพวกหนามเขียวนี่ก็พอ

“ทำไมตื่นเช้าจัง ห้าววว”

เสียงคนเอ่ยทักงัวเงียตายังไม่ลืมดี แสงแดดยามเช้าจากริมระเบียงพาดขนาบไปที่ใบหน้าขาว ผมฟู เสื้อยืดไหล่ตกไซซ์ใหญ่กว่าตัว คือความรู้สึกที่หลากหลายจนทะเลไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เห็นภาพนี้ แม้จะไม่ได้อยู่ในสถานะที่ชวนฝันได้ขนาดนั้น แต่ขอตักตวงมันไว้หน่อยเถอะ

“โดนเบียด ร้อน”

“เฮ้ย ก็ไม่ได้นอนดิ้นขนาดนั้นป่าว”

“มึงตื่นมาเห็นหมอนข้างป่ะล่ะ”

“...” คนถูกถามส่ายหัว

“อืม มันตกข้างเตียง”

มือขาวยกมือขึ้นลูบหน้าและถอนหายใจออกมาเบา ๆ “ขอโทษนะ นอนหลับสบายใช่ป่าววะ ไม่ได้กวนอะไรใช่มั้ย”

“ก็ไม่นะ” ยกเว้นกวนให้หัวใจของหนุ่มนักกีฬาเต้นไม่เป็นจังหวะหลายต่อหลายครั้งตลอดคืนที่ผ่านมา





ทะเลและผู้มาเยือนนั่งกินโจ๊กเจ้าอร่อยและปาท่องโก๋กันเงียบ ๆ คิมหันต์อาบน้ำแล้วใส่เสื้อยืดสีพื้นที่ทะเลพอจะหาเจอจากตู้พี่เหนือ กับกางเกงมีเชือกรูดพับขา ส่วนเสื้อผ้าที่เปียกฝนเขาส่งแม่บ้านของที่นี่ซักไปเรียบร้อย คงบ่าย ๆ กว่าจะมาส่งคืน นั่นแปลว่าคนตัวขาวจะต้องอยู่ที่นี่อย่างน้อยผ้ามาส่ง

น้องชายเจ้าของห้องลอบมองคนที่กำลังเคี้ยวอาหารเช้าด้วยอาการเริ่มเหม่อลอย พอหายงุนงงจากการตื่นนอนภาพในหัวคงแฟลชแบ็คกลับมาไม่หยุด

“อร่อยมั้ย”

“อะ อ่อ อื้อ อร่อยดี”

“กูไม่รู้ว่ามึงไม่ชอบกินอะไรนอกจากผัก ก็เลยสั่งแค่ไม่ใส่ผักให้”

“ไม่เป็นไรกินได้หมด ยกเว้นผักนั่นแหละ ขอบใจนะมึง”

ทะเลพยักหน้ารับ เขาอยากชวนคุย อยากหาเรื่องพูดให้อีกฝ่ายไม่ต้องคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ตัวเองก็ดันไม่ใช่คนช่างพูดช่างเจรจาสักเท่าไหร่ ยากจังแฮะ ทะเลคิด

“มึงอยากทำอะไรหรือเปล่า ระหว่างรอผ้ามาส่ง ไม่เอาอ่านหนังสือนะ” คนถามดักทาง เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายเครียดกับเรื่องสอบจนแทบไม่เป็นอันทำอะไร เขาอยากให้คิมหันต์ผ่อนคลาย ทั้งจากเรื่องเรียนและเรื่องที่เพิ่งประสบเจอมาเมื่อคืน มันคงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เขาคิดว่ามันก็คงไม่อยากเกินถ้าเขาจะเป็นคนเริ่ม

“อืมมม ไม่รู้สิ นอนมั้ง” คิมหันต์ตอบพลางเขี่ยโจ๊กในถ้วยที่เหลือเศษข้าวติดนิดหน่อย

“ดูหนังกันมั้ย”

“ออกไปดูในโรงหรอ”

“ดูที่นี่แหละ ห้องเรามี Netflix”


“เหยยย ชวนผู้ชายดูเน็ตฟลิกซ์ว่ะ” สายตาคนพูดเจ้าเล่ห์ขึ้นมา ทั้งที่แววตาไม่ได้รู้สึกขี้เล่นสักเท่าไหร่ มันยังฉาบไปด้วยความหม่นหมองจนปิดไม่มิด

“เออชวนผู้ชาย จะไปมั้ยล่ะครับ”

“ครับ ๆ เอาไงเอากันครับ”

“กวนตีน”

พี่เหนือมีห้องเล็ก ๆ ข้างห้องนอนที่เอาไว้ดูหนัง ทำงาน และอ่านหนังสือ มีโซฟาตัวยาวและพรมสีขาวนุ่มปูด้านหน้า กับจอโทรทัศน์ 52 นิ้วตั้งตระหง่านติดกำแพงฝั่งตรงข้าม คิมหันต์จองโซฟาตัวยาว เขานอนเหยียดขาจนสุด เพราะน้องเจ้าของห้องอาสานั่งที่พรมให้เอง ด้วยเหตุผลนอนที่โซฟานี้แล้วปวดหลังทุกที ทั้งที่ราคาของมันเกือบจะซื้อมอเตอร์ไซค์ได้หนึ่งคัน และคนนอนเอาแขนเท้าหัวข้างหนึ่งยังสงสัย โซฟานุ่มขนาดนี้เอาอะไรมาปวดหลัง เหตุผลนานาที่บอกไปจะเทียบอะไรกับการที่ทะเลอยากให้คิมหันต์ได้นอนสบาย ๆ และได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ก็เท่านั้น

เรานั่งดูหนังเยอรมันที่ดูทีเซอร์แล้วน่าสนใจดี เป็นเรื่องราวของหนุ่มนักธุรกิจที่จู่ ๆ ก็ต้องไปเกี่ยวพันกับคดีฆาตกรรม ที่ตัวเองดันไปอยู่จุดเกิดเหตุ แต่เจ้าตัวปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว หนังเล่าย้อนรอยเรื่องที่เกิดขึ้น และมันมีแต่ปมที่น่าสงสัย

“ทนายนี้แปลก ๆ ว่าป่ะ” คนบนโซฟาถามขึ้นมา

“ทำไมคิดงั้น”

“ไม่รู้อะ รู้แค่แปลก ๆ หนังหลอกเราไปแล้วรอบนึงนะ” ทะเลไม่ได้หันไปมองคนพูด เขานั่งกอดตุ๊กตาหมูตัวใหญ่ จะว่าไปก็คล้าย ๆ กับคนพูดเหมือนกัน นุ่มนิ่ม

“ไม่อยากเดาอะไร เดี๋ยวหนังจะหลอกอีก”

“เนี่ยอย่าให้หนังหลอกเราดิ ต้องจับผิด กูชอบจับผิดเวลาดูอะไรพวกนี้ตลอดเลย พอหนังจบก็จะรู้สึกชนะ”

หนุ่มนักกีฬากอดตุ๊กตาหมูแน่นขึ้น เขาคิดถูกที่หากิจกรรมนี้ให้คนโหมดเศร้าทำ อย่างน้อย ๆ ก็มีเวลาคิดเรื่องอื่น นอกจากเรื่องนั้นบ้าง การที่เป็นคนความจำดีมันมักจะเป็นตัวช่วยในหลายเรื่องได้จริง ๆ คิมหันต์เคยพูดว่าชอบดูหนังแนวสืบสวนพอ ๆ กับอะนิเมชั่น เป็นการพูดผ่าน ๆ ครั้งเดียว แต่นั่นแหละทะเลจำได้ขึ้นใจ

อะไรที่เกี่ยวกับนุ่มนิ่มแค่ได้ยินผ่าน ๆ เขาจำได้ทุกรายละเอียด

หนังดำเนินเรื่องมาใกล้ถึงจุดจบ คนบนโซฟาลุ้นตัวโก่งจนลุกขึ้นมานั่งก่อนจะหย่อนข้างลงข้าง ๆ คนที่นั่งบนพรม แววตาลุ้นระทึกและเอาจริงเอาจังฉายชัดบนดวงตากลมโตคู่นี้ ทะเลลอบมองจากด้านล่าง เขายิ้มกับท่าทีจริงจังของอีกฝ่าย และเขาก็ได้เรียนรู้อีกสิ่งหนึ่งคือคิมหันต์รักการดูหนังมาก เขาวิเคราห์ เข้าใจในมุมกล้องและเรื่องภาพได้ลึกซึ้ง

“นั่นไง! กูว่าแล้ว”

จุดจบของหนังทำเอาคนลุ้นตัวโก่งฟาดมือลงที่หน้าขาตัวเองเบา ๆ เขาคิดถูกที่ทนายในเรื่องคือแม่ของผู้ชายวัยรุ่นที่ถูกฆ่า และกำลังมาทวงความยุติธรรมให้ลูกชายด้วยการปลอมตัวมา หนังเล่าเรื่องได้ดีจริง ๆ ทำเอาคนดูแทบจะตามเกมไม่ทัน แต่คงใช้ไม่ได้กับคิมหันต์ เขายิ้มที่มองออกตั้งแต่กลางเรื่อง

“เนี่ยเห็นป่ะ ป้าคนนี้ไม่ใช่ทนาย กูทายถูกอะ” มือขาวจับที่ไหล่ของทะเลพร้อมเขย่าเบา ๆ เขาทำได้แค่ยิ้มรับกับปฏิกิริยาของคิมหันต์ที่ไม่เคยเห็น เสื้อสีพื้นคอกว้างจนตกไปที่ไหล่อีกฝั่งทำเอาคนมองต้องเสหลบสายตา ขนาดห้องที่แสงน้อยยังมองรู้ว่าคนตัวบางขาวขนาดไหน และนั่นทำเอาทะเลทนไม่ไหวจนต้องขยับไปดึงคอเสื้ออีกฝ่ายให้อยู่ในระดับปกติ

“อะ เออ กูว่ากูเย็น ๆ”

“ไซซ์นี้เล็กสุดแล้วที่พี่เหนือมี เขาสูงกว่ากูและตัวใหญ่กว่า”

“นี่บ้านมึงเรียกกันสรรพนามคนหรือหมี”

“มึงจะเรียกเป็นตัวก็ได้ ไม่กัดหรอก”

“แง่ม ๆ” คิมหันต์ทำมือเป็นกรงเล็บแล้วขย้ำเบา ๆ ลงบนไหล่กล้างของเจ้าของหุ่นนักกีฬา ไวกว่าความคิดเจ้าของมือใหญ่คว้ามือและกอบกุมเอาไว้ เขาไม่มั่นใจว่าสัญชาตญาณอะไรบอกให้ทำ รู้แค่ถ้ายังทำเฉยหรือเลี่ยงการพูดกันตรง ๆ ก็คงไม่มีโอกาสพูดอีกเลย

“กูเสียใจที่มึงเสียใจนะ”

“...”

“แต่กูไม่ได้จะฉวยโอกาส แม้จะเคยคิด แค่อยากให้มึงสบายใจ ไม่ต้องร้องไห้ให้เขาอีก”

“...”

“กูจะอยู่กับมึงแบบนี้ เหมือนเดิม ที่เคยเป็นมา”

“กะ กูยังมูฟออนไม่ได้”

“กูไม่ได้ขอให้มึงมูฟออนจากเขาวันนี้ พรุ่งนี้ แต่มันต้องมีสักวันที่มึงจะใช้ชีวิตได้โดยที่ไม่ได้เขา”

“ทะเล…”

“ให้กูอยู่ตรงนี้ในฐานะอะไรก็ได้”

ครืด ครืด 

เสียงโทรศัพท์ของคนที่กำลังตั้งใจฟังสั่นขึ้น เขาสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะขยับมือบางออกจากการเกาะกุม แล้วมองหน้าจอมือถือชื่อคนที่ไม่อยากเห็นและไม่อยากรับรู้ก็ปรากฏหราที่หน้าจอ คิมหันต์กดตัดสายก่อนจะเห็นว่าธนนท์โทรมาหาเขาหลายสิบสายแต่ไม่ได้รับ อาจจะเพราะเสียงจากหนังที่กำลังตั้งใจดู

ความเงียบก่อตัวขึ้นจนได้ยินเสียงแอร์ดังชัดเจน ทะเลลุกขึ้นกำลังจะเดินออกจานอกห้อง เขาแค่อยากเปิดโอกาสให้คนข้างหลังได้เคลียร์ในสิ่งที่ค้างคา และเขายินดีจะรอฟังคำตอบข้างนอก โดยไม่อิดออด

“กูรอข้างนอกแล้วกัน”

มือบางจับข้อมือใหญ่ อุณหภูมิอุ่นแผ่ซ่านให้กับคนมือเย็น “ขอบคุณนะสำหรับทุกอย่างเลย”


มือบางจับข้อมือใหญ่ อุณหภูมิอุ่นแผ่ซ่านให้กับคนมือเย็น “ขอบคุณนะสำหรับทุกอย่างเลย”

ทะเลไม่ตอบอะไร แค่พยักหน้าแล้วเดินออกจากห้องมาเงียบ ๆ มืออุ่นไม่ได้รั้งอะไร เขาหวังว่าคงไม่ได้ยินเสียงใครก็ตามร้องไห้จากห้องนั้นออกมา ทะเลใช้เวลารอด้วยการอ่านหนังสือที่ที่พี่เหนืออ่านค้างไว้ เขาเห็นมันจากโต๊ะกินข้าวตั้งแต่เมื่อเช้า เป็นนวนิยายของฝรั่งเศสที่แปลเป็นอังกฤษ

ความรักที่สวยงามเกิดขึ้นได้แม้กระทั่งชีวิตไร้ความหวังที่สุดอย่างในคุก

กว่าชั่วโมงที่ทะเลพยายามใช้สมาธิกับเรื่องราวของชายหนุ่มอดีตนักแสดงโอเปร่ากับหนุ่มฉกรรจ์เจ้าของภัตราคารทั้งคู่เป็นแพะในคดีของนายทุนกลุ่มหนึ่งที่เกี่ยวพันกัน นอกจากชะตาจะพาทั้งคู่มาเจอกันแล้ว ยังพบเจอเรื่องราวโหดร้ายจากคนชนชั้นนำที่ทำให้ต้องมาอยู่ในเรือนจำเดียวกัน การต่อสู้ท่ามกลางความยากลำบากในคุกที่โหดร้าย กับการทวงถามความยุติธรรมของตนเอง กลายเป็นสายใยความรักที่จุดติดในสถานการณ์ที่ดับมืดที่สุด

สายตาของหนุ่มนักเรียนมอปลายจ้องมองไปยังห้องเล็กข้างห้องนอนทุกสิบนาที ก็ยังไร้รี่วี่แววความเคลื่อนไหว จนเขาอ่านหนังสือมาได้ครึ่งเรื่อง ประตูห้องนั้นก็ถูกเปิดออกจากคนด้านใน ตาโตแดงและบวมเล็กน้อย ร้องไห้อีกแล้วสินะ ภาพที่ทะเลไม่อยากเห็นก็เกิดขึ้นอีกจนได้ เขาลุกเดินขึ้นไปหาจ้องลึกเข้าไปในนัยน์ตาสีดำสนิท ก่อนจะใช้ปลายนิ้วลูบเบา ๆ ที่แก้มที่ยังเปียกชื้นหยาดน้ำ

“เราต้องไปก่อน เขาจะมารับ”

“ตัดสินใจแล้วหรอ” แม้จะกลัวคำตอบ แต่ก็ต้องถาม ไม่อย่างนั้นก็คงคาราคาซัง

“ยัง ยังไม่ตัดสินใจ คุยกันทางโทรศัพท์มันไม่เหมือนเห็นหน้านี่ จริงมั้ย” ตากลมโตที่แดงก่ำมองลึกเข้ามาที่ดวงตาของคนตัวสูง ไม่รู้ความหมายของมันคืออะไรกันแน่ ขอโทษ อาวรณ์ หรือแค่เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เขาไม่รู้เลย

เสียงกดออดที่ประตู ทำให้การประจันสายตาต้องหยุดลง ทะเลมองที่นาฬิกาก่อนจะพบว่าล่วงเลยมาจนบ่ายโมงเข้าแล้ว แม่บ้านของคอนโดคงเอาเสื้อที่ฝากซักมาส่ง เขาเดินไปรับก่อนจะกลับมาส่งคืนให้เจ้าของ “แต่งตัวเถอะ เดี๋ยวลงไปส่ง”

บรรยากาศในลิฟต์เงียบเชียบราวกับไม่ได้บรรจุผู้โดยสารทั้งสองคนในนั้น คิมหันต์และทะเลยืนข้างกันแบบเว้นระยะห่าง สิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อคืนจนตอนนี้มีหลายอย่างที่อธิบายมไม่ได้ เป็นความรู้สึกที่เขาทั้งคู่เหมือนจะเข้าใจ แต่แล้วพอพยายามหาคำตอบก็ไม่เข้าใจมันอยู่ดี แน่นอนทะเลชัดเจนกับความรู้สึกของตัวเอง แต่เขาก็ไม่อาจก้าวล่วงเลยคำว่าเพื่อนที่ให้กับคนข้าง ๆ ได้ ในขณะเดียวกัน เขาก็ไม่แน่ใจว่าคนตัวสูงเลยไหล่ของเขาจะรู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราสองคน

แต่สิ่งที่ยืนยันได้แน่นอน คือ เขากำกลังกลับไปหาผู้ชายคนที่ทำให้เขาร้องไห้








มีต่อ
หัวข้อ: Re:UP! | SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀| 07_ร้อนแผดเผาไปทั้งใจ [14-03-20]
เริ่มหัวข้อโดย: mifengbee ที่ 14-03-2020 20:27:27
ออดี้จอดแน่นิ่งตรงที่จอดรถสำหรับ visitor เจ้าของรถยืนกอดอกพิงกระจกสีดำด้วยท่าทีเรียบเฉย เสียงเดินของคนสองคนทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมามอง เสื้อเชิ้ตสีขาวติดกระดุกสองเม็ดล่าง กับกางเกงยีนส์ขาดเข่าก็ยังคงทำให้เขาหล่อจัดเหมือนเดิม สายตาคมมองมาที่ผู้ชายสองคนที่กำลังเดินใกล้เข้าไปถึงตัวทุกที รอยยิ้มบางปรากฏบนหน้าหล่อพร้อมสายตาที่จับจ้องไปที่คนของตัวเอง

ทะเลหยุดเดินอีกประมาณ 30 เมตรจะถึงที่หมาย แต่เขาไม่ได้ยินดีที่จะมาส่งคนตัวบางคืนให้ ฉะนั้นจะไม่มีการบอกลา เพราะเขาคาดหวังว่ายังไงนี่จะไม่ใช่การเจอกันครั้งสุดท้าย แม้ว่าเขาจะไม่ได้บริสุทธิ์ใจกับคิมหันต์ แต่ไม่เคยทำอะไรที่มุ่งหมายให้เขาตอบรับความรู้สึกที่ตัวเองรู้สึก ไม่บีบบังคับ ไม่หักหาญน้ำใจ ไม่ก้าวล่วง

ผลของการตอบแทนคือทะเลคนนี้จะยังเป็นเพื่อนกับคิมหันต์ได้ต่อไป โดยที่บุคคลที่สามไม่สามารถเอาเรื่องนี้มาบีบบังคับคิมหันต์ได้

คิมหันต์หันหลังมามองคนที่หยุดเดิน ทะเลยิ้มให้บาง ๆ ก่อนจะหันหลังแล้วเดินย้อนกลับไปในทางที่มา เขาไม่อยากเห็นภาพอะไรที่จินตนาการไว้ เพราะเอาเข้าจริง ๆ ก็คิดว่าคงรับไม่ไหวกับสิ่งที่จะได้เห็น แค่นุ่มนิ่มยิ้มให้คนที่ทำให้เขาต้องร้องไห้ มันก็บาดใจให้เจ็บกว่าที่เป็นอยู่

เขาจะรอ
รอทั้งที่ไม่รู้ว่าจุดสิ้นสุดคือตรงไหน
รอเหมือนที่นักร้องโอเปร่าและเจ้าของภัตราคารรออิสรภาพ แต่ไม่รั้งรอที่จะมอบความรักให้กัน






“อีกสองวันจะสอบเสือกชวนมาร้านนิ่งชิล” เป็นแทนไทพูดด้วยสีหน้าสุดเซ็ง ร่างสูงสุดงงที่ถูกตามตัวในวันหยุด ทั้งที่ปกติวันเสาร์ไอ้เพื่อนตัวดีของเขามันแทบจะไม่ติดต่อใคร

“ร้านนิ่งชิลมึงคือร้านหมูกระทะด้วยไอ้สัส” ก๋วยเตี๋ยวทำหน้าเซ็งไม่แพ้กัน เขาก็เทนัดพี่เจไปเพราะนาน ๆ ที่เพื่อนคนเก่งจะส่งสัญญาณ Emergency

“เออกูมีเรื่องที่คิดไม่ออกว่ะ”

“ห้ะ!”

“ห้ะ!”

“เชี่ยเบา ๆ พวกมึงแม่งประสาทว่ะ กูคิดถูกป่ะวะที่ชวนพวกมึงออกมา” ทะเลกุมขมับเพราะคนในร้านช่วงค่ำหันมามองเด็กผู้ชายวัยรุ่นสามคนคุยกันเสียงดัง

“คนอย่างทะเลอะนะมีเรื่องที่คิดไม่ออก กูไม่อยากเชื่อหูตัวเอง” เป็นไอ้หัวเกรียนที่ตกตะลึงงันเหมือนไม่เคยเห็นเพื่อนตัวเองในมุมนี้มาก่อน ทะเลผู้ฉลาดเฉลียวอีคิวสูงกว่าเด็กมหาลัยบางคน ก็มีเรื่องที่คิดไม่ได้เหมือนกัน

“มึงไม่สบายป่าววะทะเล กูเป็นห่วงมึงนะ” ก๋วยเตี๋ยววางตะเกียวแล้วใช้หลังมือทาบที่หน้าผากของทะเลเบา ๆ คนตัวเล็กถึงกับร้อนรนเพราะไม่เคยเห็นเพื่อนตัวเองเป็นอย่างนี้มาก่อน “มึงโอเคแน่นะ”

“กูโอเค ก็เรื่องที่ว่ามันใช่สูตรคณิตไม่ได้ไง”

“ใช่เรื่องเด็กเซนต์ปีเตอร์หรือเปล่า”

“ไอ้แทนมึงรู้...”

“เออ ไอ้เตี๋ยวด้วย”

“นี่พวกมึง”

“กูเห็นที่ค่าย” ก๋วยเตี๋ยวที่นั่งเงียบตั้งแต่ชื่อโรงเรียนของผู้ชายน่ารักคนนั้นออกจากปากแทนไท เพราะตั้งแต่กลับจากค่ายเพื่อนคนเก่งก็มีอาการซึมลงอย่างเห็นได้ชัด ทะเลไม่เคยไม่ตั้งใจเรียน ไม่เคยลืมทำการบ้าน และไม่เคยไม่อยากร้องเพลง แต่มันดันปฏิเสธทุกอย่างในช่วงที่ผ่านมา

“เออ เขาชื่อคิม กูติวให้เขามาสักพักแล้ว”

“นั่นไงกูว่าแล้วเชียว มันต้องมีอะไรมากกว่าที่กูเห็น มึงเล่ามาให้หมดเลยนะไอ้เล ไอ้เตี๋ยวมึงก็ไม่ได้เรื่องให้สืบอะไรก็หายต๋อม”

“เอ้า โทษกูได้ไง มึงขี้เสือกมึงยังไม่รู้เลย”

“สรุปพวกมึงจะตีกันใช่มั้ยกูจะได้กลับ” ทะเลตั้งท่าจะลุกจะโต๊ะ เพราะเริ่มรำคาญเพื่อนสองคนที่มันชอบตีกันเสียเหลือเกิน ทั้งที่รู้จักกันมาตั้งแต่มอต้นแท้ ๆ

“เห้ยย ใจเย็นครับเพื่อน” หนุ่มนักฟุตบอลคว้ามือเพื่อตัวสูงแทบไม่ทัน ก่อนที่จะประคองให้ทะเลนั่งลงที่เดิม และสงบปากสงบคำไม่วิวาทะกับเพื่อนตัวขาวอีก

พอได้นั่งลงก็ถอนหายใจใส่พวกมัน ที่ทำเอาแทบหมดอารมณ์เล่า “เรื่องของเรื่องคือ…”

“...”

“คือ…”

“กูชอบเขา”

“นั่นไง”

“กูว่าแล้ว”

เสียงลูกคู่ของเพื่อนตัวแสบที่นั่งตรงข้ามกัน มันยื่นมือไปเช็กแฮนด์กันด้วย แต่ไม่ยักพูดอะไรต่อแล้วก็หันกลับมาตั้งใจฟังอย่างจริงจังอีกครั้ง ควันจากหมูกระทะโอบล้อมพวกเราสามคน แต่ไม่ยักมีใครสนใจหมูที่เริ่มไหม้บนเตา เพราะเรื่องที่ทะเลกำลังเล่าซีเรียสกว่าหมูเกรียมกระทะ

“แต่เขามีแฟนแล้ว ที่สำคัญแล้วแฟนเขานอกใจ”

“เชี่ยยยยย” แทนไทและกนกกรตาโตพร้อมกัน ทะเลไม่ได้เล่าลงดีเทลในส่วนของความรู้สึกอีกฝ่ายที่คิดแบบเดียวกัน เพราะอย่างที่รู้เขาไม่ได้อยากเข้าข้างตัวเอง และไม่ได้อยากทำให้อีกฝ่ายดูไม่ดี จึงเล่าอะไรที่รู้เห็นจริงเท่านั้น รวมถึงความรู้สึกของตัวเองด้วย

“แต่กูไม่รู้ว่าเขาจะเอายังไง หายไปหลายวันแล้ว” น้ำเสียงของคนพูดเบาลงอย่างเห็นได้ชัด ความรู้สึกอัดอั้นมันถาโถมมาหลายวันแล้ว อยากจะถามหาความชัดเจน แต่ก็รู้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในฐานะจะทวงถามอะไรได้

ทำได้แค่รอเท่านั้น

“ไอ้เหี้ยเรื่องใหญ่กว่าที่คิดว่ะ” เจ้าของผมเกรียนกุมขมับ ไม่ต่างจากเพื่อนอีกคนที่นั่งขมวดคิ้ว แม้จะรู้ว่าตัวเองเป็นแค่เด็กมอปลายที่กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย แต่ก็ไม่คิดว่าเพื่อนในวัยเดียวกันจะต้องมาเจอเรื่องราวที่ซับซ้อนขนาดนี้

“แล้วคิมเขารู้มั้ยว่าแฟนเขานอกใจ”

“รู้”

“แล้วเขากลับไป?” ก๋วยเตี๋ยวละล้าละลังที่จะถาม เพราะพอจะคาดเดาคำตอบได้ ไม่งั้นเพื่อนตัวเองคงไม่ซึมกระทือขนาดนี้

“ครั้งสุดท้ายที่เจอกัน พี่นนท์มารับเขากลับไป”

“อ่าาาา นี่สินะที่ทำให้คนอย่างทะเลคิดไม่ออก” กนกกรพึมพำ

แทนไทเสริมทัพเข้าให้อีก “มันไม่ใช่มึงคิดไม่ออก แต่มึงไม่รู้เลยต่างหากว่าจะออกทางไหน”

ทะเลถอนหายใจพยักหน้าอย่างคนหมดหนทาง เพื่อนสองคนมองหน้ากัน พวกเขาทั้งคู่ไม่เคยเห็นคนที่เก่งและมั่นใจในตัวเองเหี่ยวเฉาขนาดนี้มาก่อน ทะเลมีสิ่งแวดล้อมที่มีพลังเสมอให้คนรอบข้าง แต่พอเจ้าตัวไร้กำลังแบบนี้ มันยิ่งน่าหดหู่ใจไม่ใช่หรอ

“เออเมื่อวันก่อนกูเจอพี่นนท์มาที่โรงเรียน ไอ้เหี้ย เขายืนทะเลาะกับพี่เอย เดี๋ยว! นี่นนท์เดียวกันมั้ย”

“อ่าฮะ มึงไม่ต้องปะติดปะต่อ มันเป็นอย่างที่มึงคิดแทน”

“ฉิบหาย มึงรู้มั้ยว่ากูได้ยินพี่เอยพูดว่าไง เขาด่าพี่นนท์ว่าเหี้ย นอนกับผู้หญิงคนอื่น”

ทะเลหลับตาหลังจากที่ได้ยินสิ่งที่แทนไทพูด เขาคิดว่าตลอดว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนไม่ดี อย่างน้อย ๆ ก็กับแฟนตัวเอง แต่คิดว่าจะหยุดแค่กับพี่เอย ยังมีคนอื่นอีก “F*ck แม่งไม่ได้มีแค่พี่เอยหรอวะ ชั่วฉิบหาย”

หนุ่มนักกีฬาปาตะเกียบลงพื้นอย่างแรง จนเพื่อนร่วมโต๊ะตกใจ ทะเลไม่ใช่คนเจ้าอารมณ์ และมักไม่เคยแสดงอาการโกรธ เกลียด หรือไม่ชอบใจอะไรอย่างรุนแรง นี่เป็นครั้งแรก ซึ่งให้เพื่อนสนิทสองคนตกใจกับสิ่งที่เห็น

“ทะเลมึงใจเย็น ๆ ถ้าเราเอาเรื่องนี้ไปบอกคิม กูว่าเขาน่าจะตัดสินใจได้ง่ายขึ้น”

“เออจริงด้วย ถ้าคิมรู้เรื่องนี้กูว่าเขาคงคิดเยอะขึ้นนะ”

“แต่เราไม่มีหลักฐาน มันจะเป็นการกล่าวหา” ทะเลพูดขึ้น เพื่อนสองคนเลยฉุกคิดขึ้นได้ สายตาคมวาวโรจน์ปิดไม่มิด ความใจเย็นของทะเลอาจจะทำให้นุ่มนิ่มเผชิญกับสภาวะเลวร้ายไปเรื่อย ๆ ก็ได้ เขาจะต้องทำอะไรสักอย่างที่จะหยุดวงจรอุบาทว์นี่ “คนชั่วแม่งเก็บหางตัวเองไม่มิดหรอก”

“...”

“...”

แทนไทและกนกกรมองหน้ากันพร้อมกลืนน้ำลาย รู้จักกับทะเลมาก็หลายปี แต่ไม่เคยเห็นคนตัวโตแสดงออกมาโกรธแบบนี้มาก่อน ขนาดตอนแข่งบอลแล้วฝ่ายตรงข้ามจงใจเล่นสกปรกศูนย์หน้าคนนี้ยังไม่เคยฉุนเฉียว แค่เล่นตามเกมไปก็เท่านั้น

เพื่อนสามคนนั่งหาเบาะแสจากโซเชียลมิเดียของธนนท์และพี่เอย แต่แทบจับต้นชนปลายอะไรไม่ได้เลย ทั้งคู่ปกปิดและไม่แสดงอะไรให้โลกโซเชียลรู้ด้วยซ้ำว่ารู้จักกัน เพียงแค่ฟอลไอจีเท่านั้น ไม่มีคอมเมนต์ ไม่มีแท็กรูป แค่กดไลก์กันบางรูปเท่านั้น แต่มันก็ไม่แปลกเพราะทั้งสองคนเรียนคณะเดียวกันปีเดียวกัน

“เห้ยมึง เหมือนที่นี่มันคือที่เดียวกันป่ะวะ ที่หัวหิน กูจำได้” แทนไทเด็กหนุ่มที่ใคร ๆ ต่างตั้งฉายาว่าขี้เสือกได้เบาะแสแรก

“ใช่รูปนี้ป่ะ พี่เอยก็ลง เมื่อสองเดือนที่แล้ว แต่คนละวัน” กนกรก็ได้อะไรเหมือนกัน

“เออใช่ กูว่าเขาไปด้วยกัน ชัวร์”

“พวกมึงว่าไงนะ สองเดือนที่แล้ว? พี่นนท์ไปแลกเปลี่ยนที่อังกฤษ”

“เชี่ยยยยย แล้วคิมจะไม่รู้หรอวะ แฟนลงรูปที่ไทยนะ กูเริ่มงงแล้ว” เพื่อนหัวเกรียนกุมขมับ พอจะหาอะไรเจอก็ดันซับซ้อนปะติดปะต่ออะไรยากไปหมด

“น้องครับ พอดีร้านจะปิดแล้วนะครับ”

ทะเลมองนาฬิกาข้อมือปรากฏว่านี่ก็เกือบจะสี่ทุ่มแล้ว ร้านหมูกระทะได้เวลาปิด พวกเขาใช้เวลาหลายชั่วโมงแต่ไม่ได้อะไรเลย จึงชวนกันกลับ ทะเลอาสาขับรถไปส่ง วันนี้เจ้าตัวเองเบนซ์ c-class ของที่บ้านมา ทั้งสามคนเดินผ่านร้านเหล้าแล้วสังเกตเห็นผู้หญิงคนนึงเดินไม่ตรงออกมาจากร้าน และมีผู้ชายคนหนึ่งประคองมา ถ้าสองคนเป็นแฟนกันสิ่งที่ประหลาดคือสาวเจ้าทำทีปัดป่ายการช่วยเหลือ

“ปะ ปล่อยยย จากลับบบ”

“เดี๋ยวเราช่วยไง นะครับ”

“ม่ายยย ใครเนี่ย ไม่ต้องมายุ่ง”

“เชี่ย พี่เอยป่ะวะ” เป็นแทนไทที่สายตาดีจนสังเกตเห็น

“กูว่าไม่ดีละ เอาไงดีวะทะเล”


ทะเลไม่ได้ตอบอะไร แต่เดินดุ่มไปที่พี่สาวคุ้นหน้า กับผู้ชายอีกคนที่พยายามลวนลามเธอ โดยที่เธอไร้กำลังจะปกป้องตัวเอง “โทษนะครับนี่พี่สาวผมเอง พี่เป็นใครครับ”

“มั่วป่ะน้อง พี่น้องมานั่งคนเดียวนานแล้ว ทำไมเพิ่งมารู้จักเอาตอนนี้ หลบไป อย่าเสือก!”

“พี่เอย พี่เอยครับ ทะเลเอง”

“หะ หื้ออ ทะเล ทะเลเองหรอ ช่วยพี่ด้วย”

ทะเลไม่รีรอรีบเข้าไปพยุงพี่เอย เพื่อนอีกสองคนรีบปรี่เข้ามาช่วยอีกแรง แทนไทเป็นรับบทบอดี้การ์ดกันผู้ชายคนนั้นออกไป เขาไม่ได้มีท่าทีจะคุมคามเพราะเห็นฝั่งเรามีเยอะกว่า ทำท่าทีกระฟัดกระเฟียดแล้วเดินจากไปด้วยสายตาที่ไม่พอใจนัก เพื่อนทั้งสามคนเลยตกลงกันว่าควรรอให้พี่เอยสร่างเมาแล้วค่อยถามไถถึงสิ่งที่เกิดขึ้นคงดีกว่า

ทะเลประคองให้เธอนอนบนเบาะข้างคนขับ กนกกรและแทนไทอาสาเดินไปซื้อน้ำ ผ้าเย็น และกดน้ำอุ่นจากร้านสะดวกซื้อมาให้ด้วย ก๋วยเตี๋ยวรับหน้าที่เช็ดหน้าและให้พี่เอยกินน้ำอุ่น เพราะมันมือเบาที่สุดในกลุ่ม ไม่นานผู้หญิงหน้าตาสะสวยที่หมดสภาพเมื่อครู่ก็ดูสดใสขึ้นมา

“ขะ ขอบคุณนะ ทะ ทะเล น้อง ๆ ด้วยนะ”

“ครับ นี่เกิดอะไรขึ้นทำมาเมาคนเดียว”

“พี่ทะเลกับ ไม่รู้จะเรียกว่าอะไร แฟน คู่นอน หรืออะไรไม่รู้” เธอเล่าไปเสียงเริ่มสั่น น้ำตาคลอที่เบ้า

“พี่นนท์?” แทนไทพุ่งเข้าประเด็น เพื่อนทั้งสามมองหน้ากัน และคิดว่าควรจะใช้โอกาสนี้แหะลถามหาความจริงจากปากคนต้นเรื่อง “ผมเห็นพี่สองคนทะเลาะกันที่โรงเรียน และจะว่าผมเสือกก็ได้ แต่ได้ยินว่าพี่นนท์มีคนอื่น”

“ฮึก อื้อ คะ คนอื่น ที่ไม่ใช่แฟนเขา ฮือ พี่เป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ น่ารังเกียจจริง ๆ ฮือ”

“...”

“นนท์มาขอเลิกกับพี่ บอกว่าจะกลับไปหาแฟนของเขา แต่พี่จับได้ว่าเขาเพิ่งไปนอนกับรุ่นพี่คณะเดียวกันมา” พี่เอยพยายามไม่ให้ตัวเองสะอื้น และเรียบเรียงเรื่องที่เกิดขึ้นให้เด็กผู้ชายสามคนฟัง “เราเถียงกันและพี่บอกเขาว่าจะเอาเรื่องนี้ไปบอกแฟนเขา นนท์ขู่พี่ว่าบอกไปแฟนเขาก็ไม่เชื่อ ผู้หญิงที่กล้าเป็นชู้กับแฟนของเขาจะหวังดีได้ยังไง ฮึก”

“เหี้ยฉิบ!” แทนไทสบถออกมาก ทะเลและก๋วยเตี๋ยวยืนกอดอกที่ข้างรถ โดยไม่ได้ออกความเห็นอะไร ความรู้สึกหลากหลายตีรวนกันไปหมด สงสารผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อของผู้ชายเลว ๆ คนเดียว

“พี่รู้มาตลอดว่าพี่นนท์มีแฟนแล้ว ใช่มั้ยครับ” ทะเลถามเสียงนิ่ง เอาเข้าจริงเขาก็โกรธที่เธอเป็นอีกหนึ่งต้นเหตุที่ทำให้คิมหันต์ต้องเสียใจ และตกบ่วงแห่งความเละเทะนี้

“ฮือ ค่ะ ใช่ พี่รู้มาตลอด และพี่เข้าใจแล้วว่าการโดนนอกใจมันรู้สึกยังไง”

“ที่บอกว่าพี่รู้ว่าเขาไปนอนกับคนอื่น พี่รู้ได้ไงครับ”

“พี่มีแชทที่เขานัดเจอกันค่ะ พี่แอบดูตอนที่นนท์มาหาเมื่อไม่กี่วันก่อน ที่สำคัญเขาแอบถ่ายรูปพี่และอีกหลายคนที่เขานอนด้วย รวมทั้งน้องคนที่เป็นแฟนเขา…”

“ไอ้สัส!”

ทะเลกำหมัดแน่นกับสิ่งที่ได้ยิน มันเกินกว่าที่เด็กอายุ 18 ปีจะรับไหว แต่ยังไงเขาก็จะต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกคิมหันต์ ไม่ใช่การกล่าวหาลอย ๆ แน่นอน ไอ้คนชั่วจะต้องหายออกไปจากชีวิตของฤดูร้อนอย่างที่ไม่มีวันได้กลับเข้ามา แม้ว่ามันจะอยากกลับเข้ามา เขาก็จะทำทุกวิถีทางให้มันหายไป

ฤดูร้อนของเขาจะไม่ต้องเสียใจอีก





#ฤดูร้อนของทะเล

---------------------------------------------------------------



อีกอึดใจเดียว555555555555555555 สัญญาว่านี่คือเฮือกสุดท้ายแล้ว
ให้เวลาน้องนุ่มนิ่มหน่อย เขารักและคบกันมานานนะ
ที่ทะเลทำได้แค่นี้เพราะรู้ดีว่าตัวเองทำได้แค่นี้อะ
ขอเวลาหน่อยยยยยยยย

หนังที่เด็ก ๆ ดูชื่อเรื่อง The Invisible Guest นะคะ สนุกมากกกกก

เจอกันวันเสาร์หน้าค่าาาา

อย่าลืมเมนต์ให้กำลังใจจจกันนะ :impress2:

@mifengbeexx
หัวข้อ: Re: UP! | SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | 07_ร้อนไออุ่น [07-03-20]
เริ่มหัวข้อโดย: lolli_candy99 ที่ 16-03-2020 03:26:23
กอดน้องคิมมมมมมมมมมมม
หัวข้อ: Re: UP! | SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | 09_ร้อนนี้ไม่มีเธอ [21-03-20]
เริ่มหัวข้อโดย: mifengbee ที่ 21-03-2020 20:37:10
ตอนที่ 9
ร้อนนี้ไม่มีเธอ
[/size]




ทะเลเป็นฝ่ายที่อดทนรอต่อไปอีกไม่ไหว เลือกที่จะไปดักรอหน้าโรงเรียน โดยการอ้างกับครูที่ปรึกษาว่าจะขอไปงานโอเพ่นเฮาส์ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ทั้งที่ความจริงไม่ได้มีกิจกรรมที่ว่าเลยแม้แต่น้อย อาศัยความเป็นเด็กกิจกรรมและอดีตสภานักเรียน มาสเซอร์เลยไม่สงสัยอะไรปล่อยตัวมาง่าย ๆ

พ่วงด้วยเพื่อนสนิทอย่างกนกกรและแทนไท ทั้งสองติดสอยห้อยตามมาเพราะไม่อยากให้ทะเลต้องเผชิญกับเรื่องนี้คนเดียว แม้เรื่องที่เจอมันจะอลเวงสับสน แต่ก็ต้องยอมรับว่าพวกเขาเป็นแค่นักเรียนมอปลายเท่านั้น การตัดสินใจเรื่องยาก ๆ แบบนี้ยังไงก็ต้องอาศัยความเห็นของเพื่อนด้วยน่าจะดีกว่าต้องคิดคนเดียว

โรงเรียนชื่อดังย่านใจกลางเมืองเวลาเลิกเรียนคราคร่ำไปด้วยเด็กนักเรียนหลายระดับ ร้านค้าริมทางคึกคักจากอาการหิวโหยของเด็ก ๆ ที่เพิ่งเลิกเรียน ผู้ชายตัวโตสองคนและคนตัวเล็กกว่ายืนใต้ต้นไม้ใหญ่ริมถนน จับตาเป้าหมายที่น่าจะออกจากโรงเรียนเวลานี้ เพราะต้องไปเรียนพิเศษ

“นี่มันจะสี่โมงแล้วนะเว้ย ทำไมยังไม่ออกมาอีกวะ” ก๋วยเตี๋ยวร้อนรน พวกเขายืนตรงนี้มาเกือบชั่วโมงแต่ยังไรวี่แววผู้ชายน่ารักคนนั้น

“จะไปเรียนพิเศษทันหรอวะ ไหนมึงว่าเขามีเรียน”

“ปกติเขาเรียนวันนี้นะ”

“หรือเขาจะไม่มาเรียนวะ มึงโทรหาเลยเหอะ ไหน ๆ ก็มาขนาดนี้แล้ว”

“แต่กู..” ทะเลยังไม่ทันพูด แทนไทก็สะกิดเพื่อนทั้งสองคนยิก

“เห้ย มาแล้ว ๆ ใช่มั้ยวะ”

ทะเลโฟกัสหาคนตัวขาวที่ไม่เจอมาร่วมสัปดาห์ แต่เห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน ร่างบางทั้งซูบทั้งผอมลงอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าเล็กดูตอบลงทั้งยังหม่นหมอง ใต้ตาดำคล้ำราวกับคนที่ไม่ค่อยได้นอน

“คิม!” หนุ่มนักกีฬาตะโกนเสียงดัง จนทำให้กลุ่มนักเรียนที่ยืนซื้อของประปรายหันมามอง เขาวิ่งเหยาะ ๆ เพื่อมาหาคนที่ต้องการเห็นหน้ามาหลายวัน “พอดีเราแวะมาหา”

“ทะเล…”

ดวงตากลมโตที่เคยเต็มไปด้วยความสดใส และเปล่งประกายความสุขเสมอ ตอนนี้แสงในนั้นริบหรี่จนแทบจะมอดดับ มีวูบหนึ่งที่ทะเลมองเห็นความดีใจในนั้น แต่แล้วมันกลับถูกความหม่นหมองกลืนหายไป

“อื้ม กูมาหา เห็นมึงหายไป โอเคหรือเปล่า”

“กูดีใจที่มึงมาหา รีบมั้ยไปเดินเล่นกัน” คิมหันต์พยายามฝืนยิ้ม รอยยิ้มที่ฝืนเคือง ไร้ความสุข แม้จะยิ้มกว้างแค่ไหน แต่มันแทบไม่มีความรู้สึกปะปนในนั้นเลย

คนตัวสูงกว่าพยักหน้าแล้วเดินขนาบข้างกันไป ทะเลไลน์บอกเพื่อนสองคนที่รออยู่ให้กลับไปก่อน แล้วยังกลับไปเล่าให้ฟัง ก่อนจะเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า เงยหน้ามาเห็นแผ่นหลังกว้างที่บัดนี้ห่อตัวเล็กลงอย่าห่อเหี่ยว

ทั้งคู่เดินมาถึงสวนสาธารณะแห่งหนึ่งไม่ไกลจากโรงเรียนคนตัวบาง ลำแสงอ่อนแรงจากช่วงบ่ายทำให้ผู้คนเริ่มออกมาใช้ชีวิตกลางแจ้ง สายลมเอื่อยพัดผ่านยอดไม้จนเอนเอียงลู่สายลม ใบไม้แห้งที่ร่วงโรยปลิวไหวไร้ชีวิต

เด็กผู้ชายในชุดนักเรียนอนุบาล กำลังปั่นจักรยานสามล้อแข่งกับผู้เป็นพ่อ ควมเร็วของจักรยานสามล้อในจินตนาการของเด็กอยู่ไม่เกินห้าขวบ คงรวดเร็วมกมายเมื่อเทียบกับจักรยานเสือผู้เขา ที่ปั่นตามหลังเอื่อยและไม่คิดจะแซงหน้า

“มึงรู้ป่ะว่ามีอย่างหนึ่งที่คนอย่างกูทำไม่ได้” ทะเลไม่รู้จะเริ่มต้นเรื่องราววุ่นวายที่รับรู้ได้อย่าง จนเขานึกได้ตอนเห็นเด็กผู้ชายคนนั้นขี่จักรยาน

“อะไรหรอ?”

“ปั่นจักรยาน”

“ถามจริง ฮ่า ๆ ๆ นี่มึงแพ้น้องอนุบาลคนนั้นหรอ” อย่างน้อย ๆ คิมหันต์ก็หลุดหัวเราะกับสิ่งที่ได้ยิน

“คนเรามันต้องมีเรื่องที่ทำไม่ได้ป่ะวะ”

“กูสอนเอาป่ะ”

“?” สีหน้าสงสัยปรากฏต่อหน้าผู้ชายตัวสูง

“จริง กูแชมป์ขี่จักรานตอนประถมนะเว้ย”

“ทั้งสนามมีกี่คน”

“สอง”

“ฮ่า ๆ ๆ”

ผู้ชายสองคนประสานเสียงหัวเราะดังลั่นสวน ก่อนจะเดินไปที่จุดเช่าจักรยาน ตัดสินใจเช่าแค่คันเดียวเพราะจุดมุ่งหมายคืออยากสอนผู้ชายไอคิว 180 ขี่จักรยานเท่านั้น

“มึงขึ้นไปจับแฮนด์ทั้งสองข้าง กำเบรกไว้ด้วย ลองทรงตัวแล้วปั่นดู”

“มึงห้ามปล่อยมือนะ กูไม่อยากเข่าแตก”

“ครับ ๆ ไม่ปล่อย เอ้าเอายังอะ”

“ทำใจแป๊บ”

“ฮ่า ๆ ไม่น่าเชื่อเลยว่าคนอย่างทะเลจะทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้”

“มา!  พร้อมละ ค่อย ๆ นะ”

ผู้ชายตัวเล็กประคองเบาะหลังเพื่อให้คนที่กำลังเริ่มปั่นมั่นใจว่าจะไม่มีทางล้ม ทะเลไม่ได้ใช้ความเร็วมากเพราะกลัวเป็นทุนเดิม แต่คิมหันต์กลับเร่งความเร็วด้วยการผลัก คนที่ทรงตัวไม่เป็นละล้าละลังแขนเริ่มไม่มีแรงบังคับแฮนด์จักรยาน จนไถออกนอกรันเวย์ คนเข็นที่เอาแต่สนุกตกใจรีบประคองรถแต่ไม่ทันเพราะแรงคนตัวโตพารถล้มลงไปแล้ว

“เห้ย! ทะเลเจ็บหรือเปล่า”

“ไม่ ๆ ๆ ไม่เป็นไร”

คิมหันต์ตกใจเพราะรู้ดีว่าตัวเองเป็นต้นเหตุ ทะเลไม่ได้เจ็บอะไร แค่หัวเข่าถลอกนิดหน่อยเท่านั้น แต่เจ้าของลักยิ้มดูตกใจเกินเรื่อง หนุ่มนักกีฬาล้มที่สนามบอลมานักต่อนัก

“กูโอเค ไม่เป็นไร”

“นี่มึงขี่ไม่ได้ขนาดนี้เลยหรอ”

“อืม หนักเนอะ”

“ถามได้ป่ะว่าทำไม” สีหน้าคนถามดูผ่อนคลายขึ้นกว่าตอนที่เดินออกมจากโรงเรียน แต่ยังคงอ่อนล้า และเหน็ดเหนื่อยอยู่พอสมควร

“ตอนเด็กพี่เหนือมันเคยสอน แล้วกูล้มจนกระดูกแตก ป๊ากับม้าก็เลยไม่เคยให้ขี่อีก พี่เหนือมันเลยลงโทษตัวเองขี่ให้ซ้อนมาตลอด”

“สุดท้ายน้องก็เลยขี่ไม่เป็นเลยดิ”

“มึงก็เห็นแล้วหนิ”

ทะเลจูงจักรยานแล้วนั่งลงที่ม้านั่งไม่ไกลจากจุดที่เทกระจาดเมื่อครู่ คนตัวโตก้มลงดูแผลที่หัวเข่าเล็กน้อย ยกยิ้มเยาะให้ตัวเอง เพราะอย่างนี้ถึงทำอะไรง่าย ๆ อย่างคนอื่นเขาไม่ค่อยเป็น ครูจำเป็นนั่งลงข้างกันก่อนจะมองหน้าคนเจ็บด้วยความรู้สึกผิด

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องรู้สึกผิดขนาดนั้น ไม่เจ็บ”

“...”

“กูทำอะไรง่าย ๆ กับเขาไม่ค่อยเป็นหรอก อย่างวาดรูปท้องฟ้าภูเขา ตัดกระดาษให้เป็นรูปหัวใจต่อกัน หรือผูกเชือกเงื่อน”

“แล้วทำไง”

“จ้าง”

“สมเป็นมึง”

“...”

“...”

“เย็นแล้ว กลับกันมั้ย”

“ทะเล”

“หื้ม”

“คงมาสอนให้ขี่เป็นไม่ได้แล้วนะ”

“ทำไม?”

“เราว่า….เรารักเขาว่ะ ถึงจะเสียใจแต่เราก็ยังเลิกรักเขาไม่ได้เลย” คนพูดเสียงสั่นและไม่นานน้ำตาก็ไหลอาบที่แก้มขาว “ถึงจะบอกเลิกแต่ยังไงก็ยังรักอยู่”

“ที่กูมาหาวันนี้เพราะมีเรื่องมาบอก เขาไม่ได้นอกใจมึงแค่ครั้งเดียว เขาทำ..”

“อีกหลายคน กูรู้ทะเล รู้ทั้งหมดนั่นแหละ รู้ว่าสิ่งที่เขาทำมันเหี้ย ตะ แต่ ฮึก ก็ยังเลิกรักไม่ได้เลย”

“แล้วทำไม…” คนที่กำลังช็อกกับสิ่งที่ได้ยินถามด้วยน้ำเสียงยากจะบรรยาย มันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่แสนจะสับสน

“ทำไมยังไม่เลิกรักผู้ชายคนนั้นหรอ...ก็เพราะเขาไม่เคยไม่รักกูไง แม้เขาจะทำแบบนั้น แต่สุดท้ายเขาก็ยังรักกูอยู่ดี ฮึก กูรู้นะว่ามันดูโง่ โง่มาก ๆ แต่กูก็ทำใจไม่ได้ที่จะไม่มีเขาในชีวิต ฮึก” มือขาวปาดน้ำตาออกจากใบหน้าตัวเอง

“...”

“ฮึก ขอโทษนะ ที่เป็นแบบนี้”

“ถ้าขอโอกาสให้กูได้หรือเปล่า” ทั้งที่ทะเลรู้ว่าไม่ควรจะเอ่ยประโยคนี้ แต่ปากก็พลั้งพูดออกไปแล้ว เขาหวังแค่ไม่อยากให้คนข้าง ๆ ต้องร้องไห้อีก ถ้ามีแค่ 1% ที่พอจะมีความรู้สึกดีให้กันบ้าง เขาจะใช้โอกาสนั้นทำให้ดีที่สุด

“...”

อีกฝ่ายเงียบที่ได้ยินประโยคนี้จากปากของเขา ทะเลกลืนน้ำลายลงคอ เม้มปากแน่น หลับตารับฟังกับคำตอบที่พอจะคาดเดาได้ เขาไม่ควรพูดสิ่งนี้ออกไป บอกตัวเองมาตลอดว่าจะไม่มีวันที่จะทำให้อีกฝ่ายต้องรู้สึกอึดอัด แต่พอเจอกับเหตุการณ์นี้ คำสั่งในหัวก็สั่งในเขาพูดออกไปเอง

“...”

“กูไม่คู่ควรที่จะได้รับหรอก อย่าเสียเวลาเลย”

“ทำไมถึงคิดว่าจะเสียเวลา ทั้งที่ตอนนี้มึงก็ทั้งเสียใจ เสียเวลา เสียไปหมดทุกอย่าง” เสียงของผู้ชายตัวโตเพิ่มระดับขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

“แต่กูรักเขาไง ไม่ใช่มึง”

สิ้นสุดแล้ว ความสัมพันธ์เพราะแค่เพื่อนคิมหันต์ก็ไม่สนิทใจที่จะได้รับมันอีก

“...” ทะเลเข้าใจวันนี้ว่าการยอมรับความจริงในเรื่องที่ไม่ได้จินตนาการไว้มากยาก ไอคิวสูงของเขาไม่ช่วยบรรเทาความรู้สึกเจ็บที่ปวดหนึบในหัวใจไม่ได้เลยแม้แต่น้อย มือใหญ่กำเข้าหากันแน่นเพราะกำลังชากับสิ่งที่ได้ยิน มันแล่นตรงเข้าสู่หัวใจ ก่อนจะสั่งให้น้ำจากนัยตาไหลคลอที่ดวงตาคม

“ขอโทษนะ ตะ...แต่เราไม่ควรมาเจอกันอีก ฮึก”

“...” เสียงสะอื้นจากคนข้าง ๆ กระตุ้นให้คนที่พูดไม่ออกหลั่งน้ำตาออกมาอย่างไม่อับอาย แม้จะไม่เคยพูดว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร แต่การกระทำหลายอย่างในเวลาที่ผ่านมามันก็ชัดเจนจนอีกฝ่ายเอ่ยปฏิเสธกันไร้เยื่อใยแบบนี้ ทั้งที่คิมหันต์ถูกคนใจร้ายแบบนั้นทำให้เสียใจมา แต่ก็ยังรักเขาอย่างนั้นหรอ ทะเลไม่เข้าใจจริง ๆ ความรักมันยากขนาดนี้ได้ยังไง

“อื้ม งั้นก็โชคดีนะ”

“อื้อ ฮะ ฮึก ขอบคุณนะ สำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา แล้วก็ขอโทษจริง ๆ ...”

คนฟังพยักหน้าลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะหันไปมองคิมหันต์ที่ยังคงก้มหน้าร้องไห้อยู่ตรงนั้น ใจหนึ่งก็สงสารจับหัวใจ แต่อีกใจหนึ่งก็สงสารหัวใจตัวเองที่เจ็บจนแทบไม่กล้าเต้นอีก

“งั้น...ไปก่อนนะ” คนพูดปลายเสียงแผ่วลงขาดห้วง ไม่เคยคาดฝันว่ามันจะต้องจบแบบนี้ ไม่เคยคิดว่ามิตรภาพที่ดีจะต้องสิ้นสุดลงอย่างไม่ทันตั้งตัว แม้แต่ความเป็นเพื่อนก็เหลือใ้ห้กันไม่ได้อีก คิมหันต์ใจร้ายกับเขา ใจร้ายจริง ๆ

เราสบตากันไม่กี่วินาที มีหลายอย่างที่ทะเลบอกผ่านดวงตาคู่นี้ ทุกความรู้สึกที่อยากพูด ทุกอย่างที่อยากทำ ทุกความคิดที่อยากให้อีกคนรู้ เขาฝากมันไว้และไม่คิดจะขอคืน ให้มันอยู่ตรงนี้ เวลานี้ กับคน ๆ นี้ แค่คิมหันต์ แค่ฤดูร้อนอันอบอุ่นนี้เท่านั้น

ฤดูร้อนที่ไม่มีเธอเหมือเก่า
คงมีความสุขได้ในสักวัน
หวังว่าแบบนั้น










มีต่อ
หัวข้อ: Re: UP! | SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | 09_ร้อนนี้ไม่มีเธอ [21-03-20]
เริ่มหัวข้อโดย: mifengbee ที่ 21-03-2020 20:42:08
2 Years Later

“พี่ทะเลคะ เอ่อ เดี๋ยวรบกวนเซ็นต์ตรงนี้ให้หน่อยนะคะ เอกสารที่ะเสนอคณะดีค่ะ”

“ครับ ตรงไหน”

“นี่ค่ะ”

“น้องเขียนชื่อพี่ผิด รบกวนแก้ก่อนนะครับ”

“คะ อ่อ ค่ะขอโทษนะคะ” เลขาชมรมรับกระดาษแล้วถอยหลังกลับไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เจ้าของชื่อที่เขียนผิดจะนั่งอ่านกำหนดการประชุมในมือต่อ

ทะเลในตำแหน่งประธานชมรมวิชาการของมหาวิทยาลัย ทั้งที่เรียนอยู่แค่ปีสอง แต่ได้รับการโหวตจากทุกคนในชมรมอย่างเอกฉันท์ เขาโดดเด่นด้วยคะแนนสอบเข้าสูงที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ของคณะ และติดหนึ่งในสิบของคนที่มีคะแนนสูงที่สุดในประเทศอีกด้วย จึงไม่แปลกใจที่จะได้มารับตำแหน่งนี้ทั้งที่ปกติจะเป็นของพี่ปีสี่

ผู้ชายร่างสูงในชุดนักศึกษาถูกระเบียบ เนื่องจากต้องเข้าประชุมกับอาจารย์หลายท่านในช่วงเย็น ชมรมนี้ตั้งเพื่อการเพิ่มงานวิจัยที่มีคุณภาพให้กับมหาวิทยาลัย เพื่อการแข่งขันช่วงชิงการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโลก แม้ทะเลจะไม่ค่อยอยากสร้างค่านิยมการจัดอันดับอะไรแบบนี้ แต่พอถูกอาจารย์หลายท่านพูดและเกลี่ยกล่อมก็เข้ามรมแบบงง ๆ ทั้งที่เขารักการเตะฟุตบอลมากกว่า จนจับพัดจับผลูมาเป็นประธานนี่แหละ แต่พอได้รับการเลือกก็จะทำอย่างที่ดีสุดให้สมกับนายทะเล

หนุ่มบริหารอินเตอร์ปีสอง รั้งตำแหน่งป๊อปปูลาร์โหวตจากเวทีประกวดดาวเดือนทั้งที่ไม่ได้ลงแข่ง แต่ดันได้รับการโหวตจากเสียงของนักศึกษาอย่างล้นหลาม จนเวทีประกวดต้องมอบรางวัลนี้ให้ ส่วนคนได้รับก็งุนงงไปตาม ๆ กัน ทะเลไม่ใช่เด็กผู้ชายมอหกที่พูดน้อย แต่อัธยาศัยดี เขากลับกลายเป็นคนเคร่งขรึมและเข้าถึงยาก จนได้รับฉายาทะเลภูเขาน้ำแข็งจากเพจคิวท์บอยของมหาลัย

ครืด ครืด

“ว่า”

[เย็นชากับเพื่อนได้อีกนะไอ้เล]

“มีไรแทนรีบพูด ไม่งั้นวาง”

[เออ ๆ รีบแล้ว ตอนเย็นประชุมเสร็จไปไหนมั้ย มาหากูที่คณะหน่อยดิ]

“มีไร กูอยากกลับเร็ว”

[น่านะ มาเหอะ วันนี้ไอ้เตี๋ยวก็มา]

“ดูก่อนถ้าเสร็จเร็วจะไป แต่ถ้าไม่ไปคือยังไม่เสร็จ แค่นี้นะ”

ไม่รู้ว่าตัวเองเปลี่ยนไปอย่างที่คนอื่นบอกหรือแค่พยายามเป็นอีกคนที่จะไม่กลับไปอ่อนแออย่างวันเก่า ๆ อีก กว่าจะผ่านมันมาได้ไม่ง่ายเลยสำหรับความรู้สึกที่ถาโถมมากขนาดนั้น จมอยู่กับสิ่งที่คิดซ้ำแล้วซ้ำอีก มีคำถามว่าทำไมวกวนเหมือนคนพายเรือในอ่าง ผ่านมานานแล้วแต่ไม่ได้หมายความจะจดจำมันไม่ได้ ยังคงไหลเวียนเป็นส่วนหนึ่งในตัวเขาอย่างแยกกันไม่ขาด

ไม่ได้กลัวความรัก
แต่กลัวที่จะรัก
กลัวความรู้สึกที่ต้องโดดเดี่ยวให้ห้วงความคิดถึงอีก


“ก๊อก ๆ ฮัลโหลววว ทะเล!”

“ตะวัน มาทำไม”

“กูเอาข้าวกลางวันมาให้ รู้ว่ามึงยังไม่ได้กินอะไร นี่ข้าวผัดร้านป้ามะลิที่มึงชอบ กูไปต่อคิวรอมาให้เลยนะคร้าบ”

“กูไม่ได้ชอบ แค่กินบ่อย”

“แล้วไม่ได้แปลว่าชอบหรอวะ”

ทะเลถอนหายใจกับคำตอบที่กลายเป็นคำถามจากเพื่อนแสนจะร่าเริง ตะวันหรือชื่อเต็มทานตะวัน เป็นผู้ชายที่สดใสสมชื่อเขานั่นแหละ รู้จักกันในวันแรกพบ ก่อนที่จะป้วนเปี้ยนตามทะเลไม่ห่าง นับนิ้วได้ก็เข้าปีที่สองแล้ว

ไม่ใช่ว่าทะเลไม่รับรู้ความรู้สึกมากกว่าเพื่อนที่ตะวันแสดงออก เพียงแค่เขาไม่ได้รู้สึกกับอีกคนในแบบนั้น แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธความรู้สึกนั้นของอีกฝ่ายได้ ราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นกระจกสะท้อนภาพในอดีตของเขาเอง ความเจ็บปวดที่ได้รับมันไม่ควรเกิดขึ้นกับใคร

กลัวว่าการปฏิเสธซึ่ง ๆ หน้าจะทำให้เขาเจ็บปวดเกินกว่าจะทำใจได้
เพราะตัวเองก็เกือบไม่รอด

ทะเลมองหน้าจอมือถือเป็นการจ้องไปที่วอลล์เปเปอร์ด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก รูปภาพที่ใช้กล้องมือถือถ่ายง่าย ๆ ปรากฏรูปวาดสุดปราณีตและบ่งบอกถึงความเป็นตัวเองได้อย่างดี หลังจากวันนั้นทะเลไม่ได้ติดต่อกับคิมหันต์อีกตามที่อีกฝ่ายต้องการ แต่ไม่กี่วันต่อมาก็มีพัสดุส่งมาหาเขาที่บ้าน ไม่ได้จ่าชื่อผู้ส่ง  เปิดออกดูก็พบว่ามันคือสมุดสเก็ทช์ภาพที่มีรูปวาดเต็มไปหมด กับจดหมายเล็ก ๆ แนบมาด้วย ทะเลอ่านจบก็ยิ่งคิดไม่ตกว่าจะเลิกคิดถึงคนเขียนได้ยังไง



SEA

ไม่รู้จะตอบแทนยังไงสำหรับที่ผ่านมา เลยตั้งใจวาดรูปพวกนี้ให้ ตอนแรกกะจะให้ในวันที่ติดมหาลัย แต่คงไม่มีโอกาสแล้ว ขอบคุณและขอโทษจริง ๆ นะ จะทิ้งมันไปก็ได้ แค่เปิดดูสักหน้าก็พอ

Summer
[/i]


ตัวการ์ตูนคาแร็กเตอร์ของทะเล ในอิริยาบถต่าง ๆ ส่วนมากจะอยู่ในมาดติวเตอร์ ก็เราสองคนเจอกันในฐานะนั้นบ่อยที่สุด และคิมหันต์ก็วาดตัวเองเป็นดวงอาทิตย์ที่คอยแอบตามมุมตามซอกของภาพ พร้อมคำบรรยายที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในภาพ

ทะเลยิ้มทุกครั้งที่ได้เปิดอ่าน และเขาชอบรูปขณะที่เรานั่งใต้ต้นหูกวางตอนไปค่ายที่สุด คนไม่เคยวาดคาแร็กเตอร์ของตัวเองเป็นคน แต่เขากลับวาดรูปนี้ที่มีตัวเขาเองอยู่ในนั้น มุมมองจากด้านหลังจะเห็นว่าทะเลโอบไหล่คิมหันต์อยู่ไกล ๆ เขาเลยเลือกที่จะถ่ายรูปนี้แล้วตั้งเป็นวอลล์เปเปอร์

จะบอกว่าเขาไม่มูฟออนจากความสัมพันธ์ครั้งนั้นก็คงใช่
แต่ไม่คาดหวังอะไรอีกแล้ว
เพราะหมดหวังไปตั้งนานแล้ว

“ไอ้เล ไอ้เหี้ยกว่าจะมา มึงเกือบจะพลาดเรื่องใหญ่แล้วมั้ย!” แทนไทเปลี่ยนจากเด็กหัวเกียนเป็นหนุ่มทรงผมทันสมัย สีควันบุหรี่ ทั้งล้มเลิกการไปเรียนรด.ต่ออีกสองปี เพราะไม่อยากตัดผมสั้นรองทรงเบอร์ 1 อีก การไปจับใบดำใบแดงก็ดูจะเป็นอะไรที่ท้าทาย คนตัวสูงกว่าทะเลเคยบอกไว้

“ถ้าไร้สาระกูกลับ ง่วงฉิบหาย เพิ่งได้นอนตอนตีสอง” ทะเลพูดพลางหาวยืนยัน

“ใหญ่แน่ นี่มึงดู เห็นปีหนึ่งตรงนั้นมั้ยจ้ะ คุ้นมั้ยจ้ะ”

“ทะเล!! มึงต้องไม่เชื่อสายตาแน่ กูอยากกรี๊ด” ก๋วยเตี๋ยววิ่งมาสมทบ และพูดเสียงดัง ทะเลมองผ่านไหล่ของก๋วยเตี๋ยวไปยังน้องปีหนึ่งที่นั่งหน้าคณะศิลปกรรมศาสตร์เรียงราย ขณะทำกิจกรรมรับน้องแบบสร้างสรรค์ด้วยการจำชื่อเพื่อนทั้งเอกให้ได้ภายในหนึ่งวัน เป็นกิจกรรมที่เด็กปีหนึ่งที่นี่ทุกคนต้องทำได้ เป็นการละลายพฤติกรรมและสร้างความสามัคคี น้อง ๆ จะมีเวลาหนึ่งวันตั้งเช้าจรดเย็น การทดสอบจะเป็นการเรียกทีปีหนึ่งละคนให้ลุก แล้วจิ้มเพื่อนสักคนแล้วต้องบอกชื่อให้ถูก ไม่ถูกก็จะโดนทำโทษเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นเต้นเพลงสันทนาการ

“น้องคนที่ผมสีน้ำตาล น่ารัก ๆ อะครับ ยืนขึ้นหน่อย ทีนี้น้องตังเมบอกพี่หน่อยครับว่าเพื่อนคนนี้ชื่ออะไร”

“โหพี่ ง่ายม้ากกกกก มียากกว่านี้มั้ยคะ” เด็กผู้หญิงในชุดนักศึกษาถูกระเบียบอารมณ์ดีและดูจะกล้าแสดงออกใช้ได้ สมกับที่เลือกเรียนคณะศิลปกรรมศาสตร์ “คิมหันต์ค่าาาา!!”

ผู้ชายที่ยืนไกลจากระยะที่ทะเลยืนอยู่ประมาณ 50 เมตรเห็นจะได้ ยืนละล้าละลังกลางกลุ่มเพื่อนด้วยท่าทีขวยเขิน เขากมือขึ้นถูใต้จมูกเล็กน้อยก่อนจะยิ้มแล้วแนะนำตัวเอง

“สวัสดีครับ คิม คิมหันต์ มาจาก ปรินซ์ปีเตอร์ครับ”เสียงโห่แซวจากเพื่อนรอบทิศทางดังขึ้นหลังจากเขาแนะนำตัว

ทะเลเหมือนคนหูดับ ประสาทกับรับรู้เดียวที่เหลืออยู่คือดวงตาตา เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ภาพผู้ชายตรงที่มองเห็นยังคงเหมือนเดิม สองปีที่ผ่านไม่ได้เปลี่ยนอะไรในตัวเขาได้เลย ยกเว้นทรงผมสีน้ำตาลอ่อน ดวงตากลมโต ใบหน้าขาว และปากกระจับสีแดงเข้ม ยังคงเป็นคิมหันต์คนเดียวกันในความทรงจำของทะเลที่ไม่เคยเลือนหาย

เขากลับมาแล้ว
มาอยู่ตรงหน้า
ฤดูร้อนกลับมาแล้ว




“ทะเลมึงพูดอะไรหน่อยสิ อย่าเงียบแบบนี้”

“เออไอ้เหี้ยใจไม่ดีเลย ปกติมึงก็เงียบเหมือนกูคุยกับกำแพงอยู่แล้ว”

ทะเลเดินออกจากตรงนั้นหลังได้สติ แน่นอนคนที่เขาจ้องมองไม่ได้เห็นว่ามีผู้ชายสามคนที่เคยรู้จักสมัยมอปลายยืนดูเขาอยู่ตรงนั้น คนตัวสูงสาวเท้าก้าวออกมาจากตรงนั้นด้วยความรวดเร็ว ใจเต้นระส่ำเพราะเรื่องที่ได้เห็นเกินจินตนาการ มือใหญ่กำหมัดแน่นเข้าหากันพยายามระงับสิ่งที่กำลังปะทุในใจทั้งที่ยากเหลือเกินที่จะรับมือ เขาผ่านมันมาได้แล้วใช่ว่าจะอยากกลับไปทรมานอีก

“...”

“มึงไม่ดีใจหน่อยหรอวะที่เห็นคิม” แทนไทถามขึ้นหลังจากที่ทะเลเดินมาหยุดที่อาคารจอดรถของคณะ

“นั่นดิ กูรู้นะว่ามึงรอเขามาตลอด ตอนนี้เขามาอยู่ตรงนี้แล้วไง มึงจะไม่…” กนกกรยังพูดไม่จบ ประธานชมรมวิชาการก็ขัดขึ้น

“ให้กูทำอะไร ในเมื่อพวกมึงก็รู้ทุกอย่าง เขาก็แค่มาเรียนที่นี่”

“แต่มึง…”

“มันก็มีแค่กูที่ยังอยู่ตรงนี้ ไม่ได้หมายถึงเขา จริง ๆ เขาไม่เคยอยู่แต่แรก พวกมึงเลิกพยายามเหอะ กูกลับแล้วนะ” ทะเลเดินตรงเข้าไปที่อาคารจอดรถด้วยความรวดเร็วโดยไม่ได้หันกลับไปมองเพื่อนสองคนอีก คนตัวสูงปลดเนกไทด์ออกจากคอลวก ๆ แล้วรีบกดลิฟต์ไปที่ชั้นจอดรถของตัวเอง

เขาไม่เคยคาดคิดว่าวันหนึ่งคิมหันต์จะกลายมาเป็นรุ่นน้องมหาวิยาลัยของตัวเอง แถมยังเป็นรุ่นน้องในคณะของแทนไทอีก ส่วนกนกกรรายนั้นเรียนทันตะ พวกเราเรียนที่เดียวกันรวมถึงกัปตันด้วย รายนั้นเรียนวิศวะ แต่ช่างเถอะตอนนี้ทะเลไม่อยากคิดเรื่องนี้ แค่สิ่งที่เขาเห็นก็ไม่รู้จะสลัดมันออกจากหัวยังไง ใบหน้าของคนที่ไม่ได้เจอมาเกือบสองปี

ความทรงจำ
ความคิดถึง
ความรัก


มันรวมอยู่ในคน ๆ นั้นมาเสมอ การได้เห็นหน้าเขา ยิ่งตอกย้ำว่ามันไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปสักวินาที

คนตัวสูงปลดล็อก C-Class คันเดิมก่อนจะยัดตัวเองเข้าไปในนั้น แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ราวกับไปวิ่งมาราธอนมา ก้อนเนื้อเท่ากำปั้นยังเต้นด้วยจังหวะรุนแรง เหมือนหัวใจดวงนี้มันร่ำร้องถึงวันนี้มาเสมอ แค่ได้เห็นหน้าก็เหมือนได้เติมเชื้อเพลิงแห่งความปรารถนา มาชดเชยในช่วงเวลาที่เหือดแห้งยาวนาน มันจบลงแล้ว

“เฮ้อ ทะเลมึงนี่มันเก่งแต่ปากจริง ๆ” เขาพร่ำตำหนิตัวเอง คนเย็นชา เข้มแข็ง และเก่งกาจ เป็นหน้ากากที่เขาใช้ปกป้องตัวเองมาหลายปี แต่แล้วมันก็แตกสลายราวกับกำแพงนั้นใช้ไม่ได้กับคิมหันต์เลย ทำไมถึงมีอิทธิพลขนาดนี้นะ แค่เรื่องเด็ก ๆ เองไม่ใช่หรอ ทะเลถามตัวเอง

คนตัวสูงสตาร์ทรถแต่ยังไม่ได้ขับออกจากลานจอดรถ ด้วยที่อยากสงบสติอารมณ์ให้เสถียรก่อน คนใจเย็นที่ทุกคนเห็นเป็นอีกเรื่องที่เข้าใจผิด แค่ระงับความโกรธ และใจร้อนของตัวเองได้ดีกว่าคนอื่นก็เท่านั้น แต่พอควบคุมไม่ได้มันก็จะเป็นแบบนี้


ปิ๊บ ปี๊บ


เสียงปลดล็อกรถคันข้าง ๆ ทำให้คนหลับตาฟังเพลงอยู่ลืมตามามอง และก็แทบไม่เชื่อสายตาที่เห็นคนที่ทำให้ใจเต้นเมื่อครู่มายืนเก็บของข้าง ๆ รถของเขา ด้วยความปรารถในส่วนลึกของจิตใจหรือแรงกล้าที่กำลังปะทุถูกกระตุ้น ทะเลปลดล็อกประตูก่อนจะออกไปปรากฏตัวต่อหน้าผู้ชายที่กำลังก้าวตัวเข้าไปในรถ

“คิม” เสียงพูดที่ทะเลมั่นใจว่าคนฟังได้ยิน นั่นเพราะเสียงนี้ทำให้คนจับประตูรถหันกลับมามองทางต้นเสียง

“ทะเล…”


การพบกันครั้งนี้หวังว่าจะไม่ต้องพบเพื่อจากอีก

ฤดูร้อนกาลใหม่มาถึงแล้ว








#ฤดูร้อนของทะเล

---------------------------------------

ต้องขอโทษเรื่องชื่อโรงเรียนของน้องคิมด้วยค่า เขียนผิดตั้งแต่ตอน 5 แก้ไขแล้วนะคะ
และขอแสดงความยินดีที่ดราม่าหลักน่าจะจบลงแล้วววววววว
เยยยยยย้  จุดพลุ!! 555555555555555
แต่ก็น่าจะพอมีอีกกรุบกริบบ ยังไงก็อย่าเพิ่งใจแฟ่บหยุดอ่านไปก่อนน้า
เดี๋ยวจะเติมน้ำตาลให้เอง รอได้เลยยย อิอิ
หัวข้อ: Re: UP! | SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | 10_ร้อนที่คิดถึง [21-03-20]
เริ่มหัวข้อโดย: mifengbee ที่ 28-03-2020 20:57:45
ตอนที่ 10
ร้อนนี้ที่คิดถึง
[/size]



เสียงไฟจากหลอดนีออนหลายดวงติดหลังคารถเข็นบะหมี่เฟรนไชน์กลางเก่ากลางใหม่ ให้แสงสว่างกับลูกค้าที่มายืนรอซื้ออาหาเย็น และลูกค้าที่จับจองโต๊ะสำหรับดินเนอร์มื้อนี้ ผู้ชายในชุดเสื้อนักศึกษาไร้เนกไทด์ ตรงข้ามมีหนุ่มนักศึกษาแต่งกายถูกระเบียบตั้งแต่หัวจรดเท้า เดาไม่ยากว่าอยู่รั้วมหาวิทยาลัยเดียวกัน มีโต๊ะสีแดง ตะกร้าเครื่องปรุง และกล่องใส่กะเกียบกั้นระหว่างพวกเขา

ทว่าความรู้สึกไม่ได้ถูกกั้นขวางอีกต่อไป
จะบอกว่าจบสิ้นระยะแห่งการรอคอยก็คงไม่ผิดนัก
เพระมันสิ้นสุดแล้วในความรู้สึกของทะเล

สิ้นสุดเสียงเรียกของทะเลในลานจอดรถ แม้คนถูกเรียกจะดูตกใจ แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีหลีกหนีการพบเจอโดยบังเอิญครั้งนี้ คิมหันต์เป็นฝ่ายปิดประตูรถที่เปิดค้างไว้ก่อนจะเดินอ้อมมาหา เขาเดินตรงมาด้วยใบหน้าไร้อาการตื่นตระหนก ไม่มีความกังวล ไม่มีกระทั่งความสับสนในนั้น กลายเป็นทะเลที่รู้สึกแทนไปซะทุกอย่าง

คิมหันต์ไม่ได้พูดอะไร พอกันกับคนที่ยืนตัวแข็งไม่กล้าขยับไปไหน สายตาคมประสานรับกับดวงตากลมโตที่นานแล้วที่ไม่ได้จ้องมองเข้าไปในนั้น ทะเลพยายามหความหมายที่ปรากฏในนั้น เขาไม่กล้าคิดว่าอีกฝ่ายก็ดีใจที่ได้เจอกันในวันนี้ มันช่างต่างจากวันที่เราต้องบอกลากันอย่างไม่ยินดี

ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของอีกคิมหันต์และธนนท์เป็นอย่างไรจากวันนั้น แต่คนตรงหน้าตัดสินใจเลือกแล้ว ก็คงดีอย่างที่ทะเลคาดไม่ถึงเลยล่ะมั้ง

“จ๊อกกก จ๊อกกก”

เราทั้งคู่ย้มให้กัน เสียงร้องทักราวกับระฆังเวลาลั่น ทว่าเป็นเสียงท้องร้องจากคนตรงหน้านี้เอง “กินข้าวกันมั้ย

ประโยคแรกที่หลุดจากปากผู้ชายร่างสูง ก่อนจะหลุดหัวเราะน้อย ๆ กลัวจะเสียมารยาท แค่นี้ก็ประดักประเดิดพอแล้วกับการได้กลับมาเจอกันในลาดจอดรถอากาศอบอ้าวแบบนี้

“อื้ม ไปกินข้าวกัน”

ทั้งที่มันควรเป็นคำว่าสวัสดีหรือสบายดีไหม กับกลายเป็นประโยคชวนกินข้าวได้ยังไง แต่พอมองเห็นคิมหันต์กำมือก่อนจะป้องปากหัวเราะออกมา ก็คิดว่าดีแล้วที่มันเป็นประโยคนี้ ไม่งั้นภาพความทรงจำสุดท้ายคงทำเราทั้งคู่มวนท้อง ตระหนก และสิ้นสุดคำทักทายก็ต่างแยกย้าย ซึ่งมันควรพอสักที

เสียงกิจกรรมสุดคึกครื้นของยามเย็นในมหาวิทยาลัยทำให้ทั้งคู่เดินข้างกันอย่างไม่อึดอัดนัก จุดมุ่งหมายคือร้านก๋วยเตี๋ยวข้างรั้วมหาวิทยาลัยที่เปิดขายเฉพาะตอนเย็น เป็นร้านยอดฮิตของนักศึกษาและคนทำงานแถบนี้ ทั้งที่ไม่ได้มีการตกลงว่าจะกินร้านไหนแต่ก็เดินมาถึงจุดมุ่งหมายเดียวกันราวกับอ่านใจออก

“เล็กน้ำไม่งอกครับ”

“ใหญ่โฟต้มยำครับ”

จากนั้นเราก็ไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่นั่งรอก๋วยเตี๋ยวที่สั่งไปเงียบ ๆ จุดเริ่มต้นที่ต้องถามไถ่มันต้องเริ่มจากอะไร ทะเลไม่ถนัดจริง ๆ หากจะรอให้คนตรงถามเปิดประเด็นก็ดูจะขี้ขลาดเกินไปหน่อย

“เล็กน้ำไม่งอก ใหญ่โฟต้มยำจ้าหนุ่ม ๆ”

“ขอบคุณครับ/ขอบคุณครับ”

เจ้าของร้านวัยเลยสี่สิบยกก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟขัดความประดักประเดิดพอดี นั่นเลยทำให้เราทั้งคู่เงยหน้ามาสบตากันขณะที่กำลังแจกจ่ายตะเกียบและช้อน ทะเลหาตะเกียบคู่ที่พอดีส่งให้ เช่นเดียวกับคิมหันต์ที่หยิบช้อนให้

“ไม่ปรุงหรอ” เจ้าของผมสีน้ำตาลถามขึ้น

“ร้านนี้ไม่ต้องปรุงก็อร่อย ลองดูดิ”

คิมหันต์ตักน้ำซุปใสขึ้นซดตากลมโตเบิกขึ้นราวกับไม่ได้ลิ้มลองรสชาติอะไรแบบนี้มาก่อน “เหย อร่อยอะ ถึงว่าคนเยอะมากเลย”

ทะเลพยักหน้าและเริ่มกินของตัวเองบ้าง ทั้ง ๆ ที่มันควรมีความประหม่รกว่านี้สักหน่อย แต่กลายเป็นทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ เนิบนาบ และธรรมชาติอย่างคาดไม่ถึง อาจเป็นเพราะสิ่งแวดล้อมรอบตัวของคิมหันต์มักเปล่งประกายความสะบายใจ และพลังบวกให้คนรอบข้างเสมอก็ได้

หนุ่มประธานชมรมวิชาการมองผู้ชายตรงหน้าที่กำลังก้มหน้าก้มตากินก๋วยเตี๋ยวด้วยความหิวโหย ราวกับว่าไม่ได้กินอาหารมานานอย่างนั้น “กินข้าวครั้งล่าสุดเมื่อไหร่”

“อ๋อ เอื้อเอ้า (อ๋อ เมื่อเช้า)”

“เคี้ยวก่อนค่อยตอบ”

“อื้อ เมื่อเช้า ก็ยุ่ง ๆ ทั้งวันเลย โดนเรียกตัวไปคัดหลีดคณะ แล้วก็เดือนคณะอะไรไม่รู้วุ่นวายไปหมด ไม่รู้ต้องทำแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่ ตอนกลางวันจะแอบออกไปซื้อขนมก็ไม่ทัน โดนเรียกไปก่อน นี่ก็เลยรวบเป็นมื้อกลางวันกับเย็นไปเลย” คนที่เคี้ยวก๋วยเตี๋ยวหมดปากพูดยาวเหมือนอัดอั้น

“แล้วตกปากรับคำพวกรุ่นพี่หมดเลยดิ”

“อ่าฮะ ก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงอะ อีกอย่าง...เป็นแค่ปีหนึ่งไม่ทำจะโดนเพ่งเล็งมั้ยอะ” หลังจากพูดจบคิมหันต์คีบลูกชิ้นกุ้งเข้าปาก

“ไหวก็ทำไป แต่ถ้ามันรบกวนชีวิตการเรียนก็บอก จะคุยให้”

“จริงอะ ไหนบอกมาหน่อยซิ ว่าคุณทะเลจะพูดยังไง”

“ก็เอาตำแหน่งป๊อปปูลาร์โหวตปีที่แล้วไปคุย”

“เหยดดดดดดดดด อย่างขิงเหอะ”

นี่ไงทะเลไม่ได้คิดไปเองคนเองที่บรรยากาศมันดูสบายเกินไปแล้ว จนเขาแอบดีใจที่มันเป็นแบบนี้ ถ้าหากมันจะกลับมาเป็นเหมือนเมื่อสองปีก่อนเร็วกว่าที่คิด ไม่กล้าคิดไปไกลกว่านั้น และไม่กล้าให้เขารู้ว่ายังไม่ลืม ไม่มีทางลืม ไม่มีวันลืม คนตรงหน้าได้แม้แต่วินาทีเดียว

“คิม...สบายดีนะ” สุดท้ายมันเหมือนถึงจุดที่ต้องคุยกันอย่างจริงจังบ้าง ไม่เช่นนั้นก็คงมีมวลที่ทำให้มวลท้องไม่หายไปสักที

“อื้ม สบายดีนะ ทะเลอะ” คนถูกถามอมยิ้ม และแน่นอนมันสื่อออกมาถึงดวงตาของเขา ว่าหมายความอย่างที่พูดจริง ๆ ไม่หลงเหลือคิมหันต์คนล่าสุดที่เจอกันอีกแล้ว

“ก็ดี” ทะเลพยักหน้ารับ พร้อมเขี่ยลูกชิ้นปลาในถ้วยไปด้วย การไม่สบตาคิมหันต์ถือว่าผิดมหันต์เลยล่ะ เพราะเจ้าตัวไม่เชื่อทันทีที่ทำแบบนั้น

“หรอ ทำไมสบายดีต้องหลบตากันด้วยอะ”

“กินเหอะ เส้นจะอืดหมดแล้ว”

คนถามหรี่ตาเพราะแทนที่จะได้รับคำตอบ คนถูกถามกลับเบี่ยงเบนประเด็นไปเรื่องอื่น แน่นอนคนเฉไฉมีท่าทีไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร นอกจากจับตะเกียบแล้วกินก๋วยเตี๋ยวที่เหลือในชามต่อไป มันน่าจะไม่ใช่จังหวะที่มาอธิบายความรู้สึกของตัวเองเท่าไหร่นัก ทะเลคิด

ไม่จบแค่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยว คนที่หิวยังสามารถกินของหวานตามได้อีก จึงชักชวนคนตัวโตที่กินก๋วยเตี๋ยวไปสองชามนั่งกินขนมหวานกันต่อ “เอาซาหริ่ม ขนุน แล้วก็ทับทิมกรอบครับ น้ำกะทิ ทะเลกินด้วยกันสิ”

“เอาอะไรก็ได้ครับที่กินกับน้ำลำใยอร่อย”

“ทำไมถึงสั่งน้ำลำใยอะ”

“ดูอ้วนน้อยสุดแล้ว”

“เฮ้ย นี่ว่าเราอ้วนหรอ!” คิมหันต์ใช้กำปั้นกระแทกไหล่ของทะเลไม่แรงมาก เจ้าตัวยกยิ้มขำที่โดนล้อว่ากินอาหารอ้วน ๆ ส่วนทะเลก็ทำได้แค่ยิ้มเหมือนกันเท่านั้น

เราทั้งคู่ไม่ได้นั่งกินที่ร้านแต่เลือกที่จะเดินกลับมาที่อาคารจอดรถ เพราะระยะทางไกลพอสมควร อีกอย่างท้องฟ้าก็ดูไม่ปกติ ดูเหมือนฝันกำลังตั้งเค้าและทำท่าจะตกลงมาในไม่ช้า เปิดเทอมในช่วงฤดูฝนก็แบบนี้แค่วันแรก็เหมือนจะเปียกชุ่มต้อนรับกันแล้ว

“ครืด ครืด”

“ครับม้า กำลังจะกลับครับ มีอะไรหรือเปล่า...ลมน่าจะอยู่คณะ งั้นเดี๋ยวแวะไปให้ครับ ครับ”

“...”

“เดี๋ยวต้องแวะไปหาลมก่อนนะ กลับก่อนเลยก็ได้”

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวเดินไปด้วย” ทะเลพยักหน้ารับ และเคี้ยวขนมต่อ “นี่วอลเปเปอร์หน้าจอ ใช่รูปที่เราวาดให้หรือเปล่า”

“...”

คนช่างสังเกตอย่างคิมหันต์เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะมองไม่เห็นหน้าจอโทรศัพท์มือถือขนาดหน้าจอ 6.5 นิ้ว ทะเลตั้งรับไม่ทันไม่รู้จะตอบกลับยังไง ทำได้แค่ตักขนมเข้าปากแก้เก้อ และรีบเดินนำไปก่อน ขายาวสาวเท้าเร็ว ๆ เพื่อเดินไปคณะสถาปัตย์ที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนี้สักเท่าไหร่

“อย่าเดินเร็วดิตามไม่ทันแล้ว!”

ทะเลไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งแต่ดันหยุดเดินเฉย ๆ “เฮ้ย! ฉิบหาย”

แต่ลืมคิดไปว่าอีกคนก็ถือถ้วยขนมหวานอยู่ และเป็นอย่างที่คิดว่ามันหกเลอะเทอะเสื้อนักศึกษาของทะเลเต็มไปหมด เศษเครื่องเคียงและน้ำกะทิราดลงบนเสื้อสีขาวเป็นวงกว้าง คนทำตกใจพอสมควร แต่คนหยุดเดินหัวเราะออกมาเสียงดัง

“ฮ่า ๆ ๆ”

“ยังมีหน้ามาหัวเราะอีก ซาหริ่มหกหมดเลยเนี่ย ยังไม่ได้กินเลยนะ”

“ก่อนห่วงขนมห่วงนี่ก่อนมั้ย เสื้อผมเลอะไปหมดแล้วนะครับ”

“ช่วยไม่ได้ป่ะวะ อยากแกล้งทำไม” มือขาวเก็บเศษขนมหลากสีที่หกเลอะหลังเสื้อลามไปถึงกางเกงลงถ้วยขนมที่เดิม ปากเล็กบ่นงึมงำที่ตัวเองไม่ได้กินขนมเลยแม้แต่นิด เพราะจะเก็บไว้กินทีหลังเพราะเป็นของโปรด “อยู่นิ่ง ๆ เลย แม่งยังจะมาหัวเราะอยู่ได้”

ทะเลเอี้ยวตัวมามองว่าอีกคนกำลังจะทำอะไร ก็เห็นว่าเขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกจากกระเป๋ากางเกงและกำลังจะเช็ดรอยเปื้อนออกให้

“ไม่เป็นไร ๆ ช่างมัน เดี๋ยวไปเข้าห้องน้ำล้างเอา”

“เฉย ๆ เหอะน่า”

“ผ้าเช็ดหน้าจะเปื้อน”

“แล้วจะให้ประธานชมรมวิชาการไปเจอคนอื่นสภาพนี้หรือไง”

“รู้? รู้ได้ไง”

“รู้แล้วกันน่า ยืนนิ่ง ๆ ดิ”

ทะเลคิดว่าการที่จะปล่อยให้ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำความรู้จักกันใหม่เริ่นต้นที่ฐานะเพื่อนไม่น่าจะแย่เท่าไหร่ แต่กลายเป็นว่ามันมีอะไรหลายอย่างที่ทะเลเริ่มไม่แน่ใจ และสับสน คนที่กำลังหลบสายตาขณะใช้ผ้าเช็ดหน้าสีพื้นเช็ดเสื้อของเขามันน่าจะมีคำตอบหลายอย่าง ถ้าไม่รีบคุยกันอย่างเปิดอก ทะเลน่าจะต้องอกแตกตายไปก่อน

สองปีที่อยู่ตรงนี้อย่างที่ไม่เคยรู้อะไรเลย
คิดว่ามันสบายหรือทรมานมากกว่ากัน
จินตนาการไม่ออกหรอกครับ ถ้าไม่เคยเจอ








-----------------------------------------




มีต่อ
หัวข้อ: Re: UP! | SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | 09_ร้อนนี้ไม่มีเธอ [21-03-20]
เริ่มหัวข้อโดย: mifengbee ที่ 28-03-2020 21:03:03

แผ่นหลังในชุดนักเรียนค่อย ๆ ไกลออกไป พร้อมกับแสงยามเย็นที่กำลังลับขอบฟ้า อีกไม่นานความมืดกำลังจะปกคลุมโลกทั้งใบให้มืดมิดเข้าสู่ราตรีกาลอีกวัน ไม่ต่างอะไรกับหัวใจของคิมหันต์ที่กำลังดับมืดลงพร้อมกับคำกล่าวลาที่ไม่มีคำว่าลาในนั้น

ทะเลจากเขาไปแล้วอย่างไม่มีวันหวนกลับ

จากไปทั้ง ๆ ที่ไม่อยากให้ไปไหน
จากไปทั้ง ๆ ที่ยังอยากให้อยู่ตรงนี้
จากไปทั้ง ๆ ที่ใจอยากรั้งให้อยู่มาตลอด


การเลือกวิธีนี้น่าจะเป็นผลดีกับทุกฝ่าย และถูกต้องที่สุดเท่าที่เด็กอายุ 18 คนหนึ่งจะคิดออก คิมหันต์บอกเลิกธนนท์อย่างเด็ดขาด การกลับไปหาอีกฝ่ายในวันนั้นเป็นการเจอกันครั้งสุดท้าย ยอมรับว่าตัวเองเสียใจไม่น้อยที่มารู้เรื่องราวมากมายที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดกับตัวเอง

ในห้องดูหนังที่คิมหันต์ทำเป็นไม่สนใจโทรศัพท์มือถือทั้งที่เป็นคนติดขนาดนั้น ก็เพราะหน้าแจ้งเตือนมันดันมีรูปที่ชายตามองก็รู้ว่าเป็นใคร ที่สำคัญมันเป็นรูปที่คนของเราเป็นคนกดถ่ายและมีทั้งผู้หญิงผู้ชายของข้าง ๆ ไม่ซ้ำหน้า เจ้าของชื่อฤดูร้อนเลยพยายามทำตัวปกติทั้งที่จิตวิญญาณแทบจะแหลกสลาย เหตุผลเดียวเพราะไม่อยากให้ทะเลไม่สบายใจ และรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้

และเพราะหลักฐานที่มันมัดตัวจนอีกฝ่ายปฏิเสธไม่ได้ ก็เลยใช้เป็นเครื่อมือเดียวที่จะตัดความสัมพันธ์หนึ่งปีทิ้งไปได้ง่ายกว่าที่คิด ทั้งที่ใจมันปวดร้าวไปหมด คล้ายกับมันไม่ยอมรับความจริง ทั้งที่ทุกอย่างมันยิ่งกว่าจริงซะอีก บอกลาความรักจอมปลอมแล้วเดินออกมาอย่างที่ไม่คิดจะหวนกลับไปหามันอีกต่อไป

ช่วงเวลาที่ยากกว่านั้นคือไตร่ตรองเรื่องราวทั้งหมด และตกตะกอนทุกอย่างเพื่อให้ปมที่ตัวเองสร้างคลายออก ปลดปล่อยความรู้สึกให้หลุดพ้นจากความทุกข์ที่ดึงเขาเข้ามาเสียใจ ทะเล...ไม่ควรต้องเข้ามาอยู่ในวังวนแต่แรกถ้าเขาจริงใจกับอีกฝ่าย

และพอถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจจริง ๆ น้ำตาของผู้ชายร่างสูงที่เข้มแข็งและมั่นคงเสมอกลับทำให้เขาอยากจมธุลีไปเดี๋ยวนั้น

“ขอโทษนะ ตะ...แต่เราไม่ควรมาเจอกันอีก ฮึก”

“...”

“อื้ม งั้นก็โชคดีนะ”

“อื้อ ฮะ ฮึก ขอบคุณนะ สำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา แล้วก็ขอโทษจริง ๆ ...”

“งั้น...ไปก่อนนะ”

คิมหันต์ไม่สามารถมองภาพตรงหน้าได้อยากเต็มสายตา หัวใจของเขาบีบคล้ายกับมีมือปริศนาขย้ำมันอย่างไม่ออมแรง ตั้งใจจะให้เขาขาดใจตายให้ได้ตอนนี้ เดี๋ยวนี้ วินาทีนี้ เจ้าของชื่อฤดูร้อนปล่อยโฮอย่างไม่อายใครเมื่อภาพของผู้ชายในชุดนักเรียนเดินลับสายตาไปแล้ว

ไม่มีอีกแล้ว
ทะเลจากไปแล้ว

ความเจ็บปวดที่เผชิญอยู่มาจากการขอโอกาสจากผู้ชายที่ดีที่สุด หรือเจ็บเพราะที่เขาไม่พยายามรั้งให้มากกว่า ความคิดที่น่ารังเกียจที่ผุดขึ้นชั่ววูบนี้ ทำให้คิมหันต์ไม่กล้าแม้แต่จะคิดคำบอกลาให้ดีกว่าที่ควร ยอมที่จะให้ตัวเองกลายเป็นคนใจร้าย ดีกว่าเห็นแก่ตัวให้ทะเลต้องมาจมปรักและรอคอยคนที่ไม่ได้จริงใจกับเขาแต่แรก ไม่อยากดึงให้คนดี ๆ มาเป็นเหตุผลให้ธนนท์หาเรื่องเหลวไหลมาเบลม เพราะพอเกิดเรื่องนี้ขึ้นเขาก็ได้เห็นธาตุแท้และสันดานอีกด้านของผู้ชายคนนั้นในแบบที่ไม่เคยรู้จัก คิดเอาเองว่าคนระดับนั้นคงทำอะไรได้หลายอย่างที่เขาคาดไม่ถึงเลย และทะเลจะมาเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้ไม่ได้ คิมหันต์ไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นแน่

สิ่งสุดท้ายที่เลือกจะทำให้ผู้ชายร่างสูงผิวแทนแดดที่ยังติดในความทรงจำ คือให้ของตอบแทนเล็กน้อยที่พอจะทำได้ มันคือสิ่งที่คิมหันต์วางแผนกับตัวเองมาตั้งแต่เริ่มติวกับทะเลใหม่ ๆ ทะเลคงไม่ยอมรับของราคาแพง และรู้ว่าตัวเองมีความสามารถนี้ที่พอจะทำอะไรตอบแทนได้บ้าง เขาเริ่มวาดทะเลในจินตนาการมาได้สักพัก ลายเส้นเอกลักษณ์ที่รังสรรค์เป็นทะเลในแบบของฤดูร้อนคนนี้ ทุกการจรดปากกาเป็นการถ่ายทอดความทรงจำที่มีต่อร่างสูง ตัดสินใจในตอนสุดท้ายวาดตัวแทนตัวเองลงไปด้วย หวังในหัวใจเพียงเสี้ยวว่าเขาคงจะไม่ลืม...แค่ไม่ลืมในตอนนี้ก็พอ

คิมหันต์ไม่คาดหวังอะไร เขาทำหน้าที่รอ รอเวลา รอให้มันถึงตอนที่เหมาะสม เพราะเขาเชื่อว่าความรักที่ดีมันไม่ใช่แค่คนสองคนรักกัน แต่มันจะมาในช่วงเวลาที่ถูกต้อง ถูกคน และถูกใจด้วยเสมอ

ฤดูร้อนใช้เวลาอีกไม่กี่เดือนตั้งใจเรียนอย่างสุดความสามารถ พยายามจะไม่เอาตัวเองในอยู่ในที่ที่ทะเลจะเห็น ไม่อยากให้เขาต้องอึดอัด และรู้สึกเกลียดกันไปมากกว่านี้ ฉะนั้นตลอดเวลาสองปีที่ผ่านมาทะเลไม่เคยรู้เลยว่ามีคน ๆ ที่แอบมองเขาจากมุมที่เขาไม่เคยเห็นมาตลอด

ตามส่องไอจีของทะเลทุกวัน
เลียบเคียงถามเพื่อนที่เซนต์รอแยลเป็นระยะ
แอบมองตอนติวเพื่อนที่คณะของพี่สายลม
แม้กระทั่งเข้ามหาลัยคิมหันต์ยังมาแอบดูตอนทะเลรับน้อง

ทะเลอยู่ในสายตาระยะไกลมาตลอดสองปี คิมหันต์แค่อยากเห็นว่าทะเลยังเป็นทะเลที่สดใส กว้างใหญ่ และเข้มแข็งเสมอ แต่พอเห็นเขาอยู่ได้อย่างสบายดี ในใจกลับไม่ได้เป็นสุขอย่างที่ควร ความหวังที่มันก่อตัวมันไม่ได้ยินยอมให้คิมหันต์พอใจแค่นั้น มันจะดีแค่ไหนถ้าความสุขของทะเลมีคิมหันต์อยู่ในนั้นด้วยนะ เจ้าของลักยิ้มคิดในใจกับตัวเองหลายล้านครั้ง มันจะถึงเวลาได้หรือยัง…

ความอุสาหะของคิมหันต์ตลอดหลาเดือน ทำให้เขาสอบติดคณะบริหารของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง แน่นอนไม่ใช่ที่เดียวกับทะเลเพราะคะแนนสูงจนเขาไม่กล้ายื่นคะแนน จริงอย่างว่าที่ทะเลสอบติดตั้งแต่การยื่นคะแนนครั้งแรก แต่แล้วเจ้าตัวก็ขอยื่นคะแนนตอนแอดมิดชั่นอีกครั้งโดยที่คิมหันต์เองก็ไม่รู้เหตุผล และการเรียนในคณะบริหารช่วงสามเดือนแรกทำให้ฤดูร้อนค้นพบแล้วว่าตัวเองไม่เหมาะกับการเรียนคณะนี้เลยสักนิด

จึงใช้เวลาหลังจากซิ่วเพื่อเตรียมตัวสอบในคณะคิดว่าตัวเองถนัดและมีพรสวรรค์ด้านนี้ คณะศิลปกรรมศาสตร์คือเป้าหมายใหม่ของเขา นี่เป็นช่วงเวลาที่เจ้าของลักยิ้มรู้แล้วว่ามันเป็นจุดทะลายกำแพงของตัวเอง กาลเวลา และการรอคอย มันจะสิ่นสุดถ้าเขาสอบติดคณะนี้ มหาวิทยาลัยเดียวกับทะเล

และตอนนี้มันสิ้นสุดแล้ว
เวลาที่ใช่ ยาวนานเหลือเกินนะ 
:)




“แล้วจะให้ประธานชมรมวิชาการไปเจอคนอื่นสภาพนี้หรือไง”

“รู้? รู้ได้ไง”

“รู้แล้วกันน่า ยืนนิ่ง ๆ ดิ”

สายตาของทะเลที่มองมามันเต็มไปด้วยคำถาม มีไม่กี่เรื่องที่คิมหันต์ไม่รู้เกี่ยวกับทะเลในมหาวิทยาลัยนี้ หนึ่งคือทะเลชอบกินข้าวร้านไหน สองทะเลชอบกินแฟร้านไหนในมหาลัย สามทะเลชอบทานตะวันเพื่อนที่ติดติดกันหรือเปล่า นอกนั้นคิมหันต์คิดว่าตัวเองรู้หมด

ไม่ว่าจะตารางเรียน ชมรมที่ทะเลสังกัด งานอดิเรกที่อีกฝ่ายชอบทำหลังเลิกเรียน จะบอกว่าตัวเองเป็นสต๊อกเกอร์ก็จะยอมรับแต่โดยดี ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากเพื่อนของเจ้าตัวเขาก็ไม่มีวันรู้ความเคลื่อนไหว กนกกรรับอาสาตั้งแต่วันที่เขาทักไปถามว่าทะเลติดคณะอะไร อีกอย่างที่รู้คือ

ทะเลไม่เคยพูดเอ่ยปากพูดชื่อคิมหันต์เลยสักครั้งตั้งแต่วันนั้น

แหงล่ะก็เล่นใจร้ายใส่เขาขนาดนั้น คิมหันต์รู้ทั้งหมดว่ามันเสี่ยงกับการกลับมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย แต่เขาก็พร้อมจะเสี่ยง ถ้ามันจะทำให้เขาได้ลองทำอะไรเพื่อทะเลสักครั้ง เหมือนที่อีกฝ่ายเคยพยายามมาตลอด ความจริงใจในครั้งนี้มันจะบริสุทธิ์ ไม่มีปกปิด ไม่ต้องเคลือบแคลง เพราะหัวใจของเขารอคอยทะเลมาตลอดด้วยความสัตย์ตรง

“เสร็จแล้ว เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง” เจ้าของผ้าเช็ดหน้าพูดเบา ๆ พร้อมถอยให้ระยะห่างเพิ่มขึ้น เก็บผ้าเช้ดหน้าชื้นของหวานเข้ากระเป๋ากางเกง

“เฮ้ย เก็บแบบนั้นก็เหนียวอะดิ”

“ไม่เป็นไร รีบไปหาพี่สายลมเถอะ”

“แต่..”

“จะรอ ไม่ไปไหนหรอก ไม่ไปไหนแล้ว” คิมหันต์หมายความตามที่พูดทุกประการ เพราะจะให้เขาไปเขาก็ไม่มีที่ไปแล้วเหมือนกัน

แรกเริ่มจากความรู้สึกผิด
มันกลายเป็นความผูกผันที่ตามติดเรื่องราวของคน ๆ หนึ่งมาตลอดสองปี
เป็นความหวังดีที่ต้องการให้คนนี้มีความสุข
นี่จะกลายเป็นความรักได้ในอีกไม่ช้าใช่หรือเปล่า


คิมหันต์นั่งที่โต๊ะหินตัวเดิมที่เขาและทะเลเคยใช้มันติวเมื่อสองปีก่อน น่าแปลกใจที่มันไม่ได้ถูกเปลี่ยนรุ่นหรือทำให้ใหม่ขึ้น ยังเป็นโต๊ะม้าหินเล็ก ๆ เหมือนเดิม แม้ตอนนี้ความมืดมิดยึดครองพื้นที่เต็มรูปแบบ แต่ความทรงจำที่เกิดขึ้นมันยังฉายชัดเสมอ เด็กผู้ชายสองคนหรือบางครั้งสามตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือกันอย่างขมักเขม้น ใครจะรู้ว่าเขาทั้งหมดจะติดมหาวิทยาลัยเดียวกัน

พิสิษฐ์และเมธาวินก็เรียนที่นี่ แต่เหมือนทะเลจะไม่รู้ อีกฝ่ายไม่ได้สนใจใครเป็นพิเศษนอกจากสิ่งที่ตัวเองทำ ตั้งใจทำ และอยากทำ นอกจากชมรมวิชาการแล้ว ทะเลก็ไปแค่สนามฟุตบอล และห้องซ้อมร้องเพลงเท่านั้น

เป็นไปตามคาดที่พิสิษฐ์จะติดหมอ ส่วนเมธาวินเรียนวิศวะ คนหลังตอนมันติดมันก็ยังไม่เชื่อตัวเองสักเท่าไหร่แต่ก็เรียนมาจนปีสองแล้ว ทั้งที่ปากบ่นยากอยากจะซิ่วอยู่ทุกวัน ทั้งที่เกรดก็ไม่แน่ ว่าที่คุณหมอเข็นมันอยู่ด้วยไม่มีทางที่มันจะได้ซิ่งไปไกลหนูไกลตาหรอก

คิมหันต์รู้มาสักพักว่าหนึ่งในสองคนของเพื่อนเขาไม่ได้คิดแค่เพื่อน แน่นอนว่าเมธาวินไม่เคยรู้

แปะ! อากาศอบอ้าวลมไม่ค่อยถ่ายเท แมลงตัวเล็กอย่างยุงก็ออกหากิน และอาการอันโอชะคือผู้ชายที่มานั่งมืด ๆ คนนี้แหละ เขาจำได้ว่าเมื่อก่อนมันเคยมีสปอร์ตไลท์นี่นา แต่ตอนนี้หายไปไหนซะแล้ว

แปะ! คราวนี้ไม่ใช่เสียงจากมือตบของคิมหันต์ เป็นผู้ชายร่างสูงที่มายืนข้างหลังเมื่อไหร่ไม่แน่ใจ “มานั่งมืด ๆ ทำไม ยุงได้หามพอดี”

“จำได้ว่าเมื่อก่อนเคยมีไฟไม่ใช่หรอ ตอนนี้ทำไมไม่มีแล้ว”

“นโยบายมหาลัยไม่ให้นักศึกษาอยู่มหาลัยดึก”

“ว้อท!! ไร้สาระมาก คณะสถาปัตย์ถ้าไม่มาทำงานที่สตูแล้วจะให้ทำที่ไหน”

“ก็คนออกกฏไม่ได้เรียนสถาปัตย์นี่ จะมารู้อะไร กลับเถอะก่อนเด็กศิลกรรมจะเป็นโรคไข้เลือดออก”

คิมหันต์อมยิ้มกับความปากหนักของคนเป็นห่วง แม้ภายนอกจะดูเฉยชาขึ้น ไร้อารมณ์มากกว่าเมื่อก่อน แต่สายตาของทะเลก็โกหกได้ไม่เนียนเหมือนเคย ไม่รู้เหตุผลที่คนตัวสูงมีนิสัยเปลี่ยนไป แต่ถ้ามันมาจากเขาก็คงรู้สึกผิดกว่าเดิม

“คิม คุยกันหน่อยมั้ย”

“คุยอะไรอะ”

“ก็คุย...ไม่รู้คิดว่าต้องคุยหรือเปล่า” ทะเลยกไหล่ เสมือนว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่มือที่ลูบขากางเกงสแล็คเนื้อดีอย่างประหม่า

“มีเงื่อนไข ถ้าคุยกันแล้วต้องเคลียร์ ไม่โกรธ ไม่อิกนอร์ ไม่เมินกันอีก”

“อยู่ในฐานะอะไรครับถึงกล้ามาต่อรอง” ทะเลเปลี่ยนจากถูกางเกงมายืนล้วงกระเป๋าด้วยท่าทีสบาย ๆ เพราะคิดว่าตัวเองเหนือกว่าเลยใช้อำนาจนี้ข่มกัน

“ก็ฐานะ...คนที่กำลังจะคุยกัน”

“...”

เหมือนคนฟังช็อคกับสิ่งที่ได้ ตาคมเบิกขึ้นราวกับเห็นสิ่งประหลาดปรากฎตัวต่อหน้า

หมดยุคทองของทะเลที่ต้องคอยเดินตามแล้วล่ะนะ เพราะฤดูร้อนคนนี้จะเดินเกมรุดหน้า ไม่รอเวลาอีกต่อไป เพราะแค่สองปีมันก็นานเกินจะทนแล้ว

ฤดูร้อนที่รอทะเลมาเสมอ
มันอุ่นมากนะบอกเลย :)










#ฤดูร้อนของทะเล


------------------------------------



มาแล้วค้าบยุคทองของทะเลและฤดูร้อน
พวกเธอเห็นความมะลังมะเลืองนั้นแล้วใช่มั้ย55555555555
ก็บอกให้อดใจรอกันหน่อยยยยยยย
ตอนหน้าไม่สปอยด์แต่พูดเลยว่าของดีย์
อย่าลืมเมนต์ให้กำลังใจกันนนน

เยิ้บบ

@mifengbeexx
หัวข้อ: Re: UP! | SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | 11_ที่รอมาตลอด [04-04-20]
เริ่มหัวข้อโดย: mifengbee ที่ 04-04-2020 20:09:33
ตอนที่ 11
ที่รอมาตลอด
[/size]



Summer’s Part

ผมไม่รู้สารถีจะพาไปคุยที่ไหน เดินถึงลานจอดรถอีกคนก็แบบมือขอกุญแจรถไปดื้อ ๆ แล้วเดินไปรถตัวเองถือกระเป๋าเป้มาโยนไว้ที่หลังรถของผมโดยที่ไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะล็อครถตัวเองและพยักเพยิดหน้าให้ผมที่เป็นเจ้าของรถขึ้นไปนั่งเบาะข้างคนขับ ทะเลที่ไม่แสดงสีหน้าอะไรเดาใจยากเหมือนกัน และผมคนมีชนักก็ไม่อาจหืออืออะไร

แค่พูดคำหน้าอายนั้นออกไปก็แก่แดดแค่ไหนแล้วสำหรับนายคิมหันต์

“อยู่ในฐานะอะไรครับถึงกล้ามาต่อรอง”

“ก็ฐานะ...คนที่กำลังจะคุยกัน”


แค่คิดก็หน้าร้อนขึ้นมาเฉย ๆ ทั้งชีวิตไม่เคยจีบใครก่อนเลย มันก็เขินตัวเองเหมือนกันนะเนี่ย แต่ถ้าไม่จีบมีหวังทะเลไม่จีบอีกแล้วแน่เลย เป็นผมผมก็ไม่จีบอะ มั่นหน้าเนอะที่ให้เขาจีบทั้งที่ตัวเองมีแฟนแล้ว รู้อยู่แก่ใจแต่ก็ไม่คิดจะปฏิเสธ ถ้าบอกพี่นนท์นอกใจผมก็คงไม่ต่างกัน ในเมื่อใจมันเต้นกับคน ๆ นี้ตอนไหนไม่รู้

“ขับรถเร็วแบบนี้ตลอดเลยหรอ”

“เฉพาะตอนถนนว่าง”

“ว่างแค่ไหนอะ ว่างเหมือนใจเราหรือเปล่า”

"..."

ทะเลขมวดคิ้วนิดหน่อยแล้วกลับไปมองถนน “ฮ่า ๆ ๆ แค่แกล้งเองอะ ซีเรียสอะไรขนาดนี้เนี่ย”

มือใหญ่ละจากพวงมาลัยมาอังหน้าผากผมอย่างไม่ทันตั้งตัว “ไม่สบายหรือเปล่า โอเคใช่มั้ย”

“สบายดีเหอะ” ผมปัดมือใหญ่ออกไปจากหน้าผาก จริง ๆ ก็เขินที่มาแตะตัวกันทั้งที่ยังเจอกันไม่ถึงสามชั่วโมงด้วยซ้ำ ความเป็นธรรมชาติที่เกิดขึ้นมันแอบน่ากลัวกับใจตัวเองเหมือนกันนะว่ามั้ย

“แล้วทำไมพูดอะไรแบบนี้อะ ไม่ชินเลย ทำตัวปกติเถอะ”

“จำได้หรือไงว่าปกติของเราคืออะไร”

“ที่แน่ ๆ ไม่เล่นมุกอะไรแบบนี้”

“หรอ เหมือนกันอะ ทะเลที่เรารู้จักไม่ใช่คนเย็นชาแบบนี้”

“...”

“...”

จู่ ๆ ความเงียบก็เกาะกุมบรรยากาศในรถขึ้นมา นิ้วเรียวกดลดเสียงเพลงที่กำลังเล่นให้เบาลง ราวกับเป็นสัญญาณว่าเราควรพูดเรื่องที่ควรพูดจริงจังได้สักที ถ้าหลีกเลี่ยงมันกว่านี้ก็คงไม่มีทางที่ทำให้ความขุ่นมัวบางอย่างในกะตอนความคิดจางหายไป

“ทะเลที่ผ่านมา มันแย่มากเลยใช่มั้ย”

สารถีหันมามองหน้าก่อนจะสบสายตาแล้วพูดออกมาเหมือนรู้กัน “ขอจอดข้างหน้าหน่อยดีกว่า”

ผมพยักหน้ารับก่อนที่เขาจะขับรถเข้าไปจอดในปั๊มน้ำมันขนาดใหญ่เส้นทางก่อนออกจากเมือง ยังไม่รู้หรอกว่าปลายทางจะเป็นที่ไหน แต่ถ้าไปถึงแล้วความรู้สึกสับสน และตะขิดตะขวงใจไม่ได้ถูกกำจัดออกไป สุดท้ายแล้วไม่รู้เลยว่าปลายทางนั้นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้ไปด้วยกันหรือเปล่า แม้จะประหม่าและไม่รู้ผลลัพธ์ว่าจะออกมาแบบไหน ก็พร้อมจะยอมรับมันให้ได้

“คิม…”

“อื้ม”

“ที่ผ่านมา...ทำอะไรอยู่บ้าง แล้วซิ่วมาเรียนที่ได้ยังไง สบายดีใช่มั้ย”

ผมยิ้มกับคำถามที่ไม่ได้เร่งรีบที่จะพูด เป็นเพียงคำถามที่ถามด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ นุ่มนวล เขาไม่ได้หันหน้ามาทางผม ยังคงมองไปยังหน้ารถ มือใหญ่ยังไม่คลายจากพวงมาลัยทั้งที่จอดรถได้สักพักแล้ว มันแสดงให้เห็นว่าเขากำลังพยายามปิดกั้นความรู้สึกของตัวเองอยู่

“ไปเรียนบริหารที่เอยูมาสามเดือน ไม่ชอบก็เลยซิ่วแล้วไปเรียนศิลปะเพิ่ม แอดใหม่มาติดที่นี่แหละ ช่วงนี้ก็รับวาดรูป ขายงายตัวเอง มีคนตามงานเราครึ่งแสนเลยนะ อ้อ สบายดีมั้ย ช่วงแรก ๆ ก็ไม่ดีหรอก” ผมพูดด้วยความจังหวะเร็วกว่าปกติ ไม่รู้ว่าตื่นเต้น หรือเพราะจะต้องพูดเรื่องนั้นแล้วจริง ๆ หรือกังวลว่าอีกฝ่ายจะยอมรับไม่ได้มากกว่ากัน

“...”

“เราเลิกกับเขาแล้ว...ตั้งแต่ตอนนั้น”

“ตอนไหน” คนที่มองตรงไปด้านหน้า ค่อย ๆ หันมาสบตากับผม คิ้วขมวด สายตาที่เต็มไปด้วยความสับสนและงุนงง ดวงตาคมกำลังพยายามเร่งเร้าให้ผมคลายความจริงออกมา

“ตอนที่ทะเลไปส่งเรา มันเป็นการเจอกันครั้งสุดท้าย ระ...เราบอกเลิกเขาตั้งแต่ตอนนั้น...”

“แล้วทำไม…”

ผมหายใจเข้าก่อนจะรวบรวมคำพูดที่อยากอธิบายมันมานานแล้ว แต่ไม่เคยมีเวลาที่เหมาะสม นี่อาจจะเป็นจุดจบของเรื่องนี้สักที

“ทำไมเราถึงปฏิเสธใช่มั้ย...เราคิดเอาเองว่าถ้าทำแบบนั้นแล้วทุกอย่างจะจบ เราคิดเอาเองว่าทะเลจะไม่ต้องมาเดือดร้อน คิดเอาเองว่าถ้ามันมาในเวลาที่ไม่ใช่ยังไงมันก็ไม่ใช่”

“แล้วไม่ถามเราเลยหรอ”

“...” ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ผมคิดเอาเองทุกอย่างโดยที่ไม่เคยถามทะเลเลยสักคำ ทั้งที่เขาก็คอยอยู่ข้าง ๆ มาเสมอ ทั้งที่เขาจริงใจกับผมอย่างไม่มีข้อแม้ ไม่ได้หวังผลอะไรไปกว่าความสบายใจระหว่างเราที่จะเกิดขึ้น แต่ผมก็เลือกที่จะผลักไสโดยไม่เคยคิดถึงจิตใจของทะเล ที่สำคัญไม่แม้แต่จะอธิบาย ไม่ต่างจากตอนปิดบังเรื่องพี่นนท์เลยสักนิด

“รู้มั้ยวันนั้นสิ่งที่กูเสียใจมากที่สุดคืออะไร”

“...” ผมก้มหน้าลงก่อนจะส่ายหัวเบา ๆ

“มันไม่ใช่เพราะมึงกลับไปหาเขา แต่เพราะมึงเสียใจกับสิ่งที่เขาทำ แต่ก็ยอมรับความเสียใจนั้นไว้” ทะเลคงอึดอัดกับการใช้สรรพนามที่ไม่คุ้นปาก แม้เขาจะดูโตขึ้น และสุภาพมากขึ้น แต่ผมกลับรู้สึกดีที่เขาแทนตัวเองเหมือนเมื่อก่อน

“...”

“แล้วกูทำอะไรไม่ได้เลย มันเจ็บที่เห็นมึงเจ็บ” ทะเลพูดจบก็เสหน้าออกไปมองข้างรถ มือใหญ่กำเข้าหากันแน่นที่หน้าขา ราวกับว่าความรู้สึกวันนั้นย้อนกลับเข้ามาทำร้ายเขาอีก

ผมตัดสินใจเอื้อมมือไปจับมือแกร่งที่กำลังกำแน่นหวังจะให้เขาทุเลาจากความรู้สึกในอดีต รู้ดีว่าสิ่งที่ทำตอนนั้นโง่เง่า และคิดน้อย การที่บอกว่าดีต่อทุกคนนั้น มันหมายถึงแค่ตัวเอง เพราะเห็นแก่ตัวเลยเลือกทางที่ตัวเองเจ็บน้อยที่สุด โดยไม่ได้คิดถึงคนข้าง ๆ เลยสักนิด

“ถ้าจะขอโทษอีกครั้ง มันจะดูงี่เง่ามั้ย”

ทะเลหันมาสบตากัน สายตาที่เต็มไปด้วยความเสียใจเปล่งประกายให้เห็นอย่างเด่นชัด เล่นเอาหัวใจเจ็บแปล๊บขึ้นมา นี่ผมทำร้ายคน ๆ หนึ่งมานานแค่ไหนกันนะ “กูไม่เคยโกรธ ไม่เลยสักนิด ไม่ต้องขอโทษแล้วมันไม่ใช่ความผิดมึง ถ้าเป็นกูกูก็คงทำแบบนั้นเหมือนกัน”

มือใหญ่อีกข้างเอื้อมมาลูบผมของผมเบา ๆ “ถ้าตอนนั้นกูไม่ใช่เด็กสิบแปด ไม่ใช่ทะเลคนนั้น กูคงไม่มีทางปล่อยมึงไปง่าย ๆ”

“...”

“เพราะถ้าเป็นทะเลตอนนี้ ไม่ว่ามึงจะไล่ให้ไปไหน กูก็คงเค้นให้มึงอธิบายทุกอย่างก่อน”

“มันยากมากเลยใช่มั้ยที่ต้องอยู่กับเรื่องนี้มาโดยตลอด”

“หึ สิ่งที่ยากมันคือการที่กูได้แต่คิดว่ามึงเป็นยังไง สบายดีหรือเปล่า ทำอะไร อยู่ที่ไหน กูไม่รู้สักอย่าง” มือใหญ่เลื่อนจากลูบผมมาประคองที่หน้า ความรู้สึกที่ส่งมาหลากหลายปะปน แต่เต็มไปด้วยความคำนึงหา เหมือนเขากำลังสะกดจิตให้มองเข้าไปหาความหมายที่สื่อจากนัยน์ตาของเขา

“มันคงยากพอ ๆ กับที่เรารู้เรื่องของทะเลทุกอย่าง แต่ก็ทำได้แค่เฝ้ามองเหมือนกัน”

“มึงมันใจร้ายคิม” ทะเลพูดประโยคนี้ด้วยรอยยิ้มไปถึงตาของเขา นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้เห็นมัน ความอ่อนโยนอย่างจริงใจที่มาจากผู้ชายแสนอบอุ่นคนนี้ นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้ยิ้มแบบนี้ ถ้าเหตุผลนั้นมันมากจากผมก็จะขอศิโรราบกับความผิดอย่างจำนน แต่ถ้าทะเลยิ้มเพราะผมก็จะขอเก็บมันไว้โดยไม่ให้ใครได้รับมันอีก

ผมพุ่งตัวเข้าไปกอดผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่คิดอะไรอีก รู้แล้วว่าการตัดสินใจครั้งนั้นมันทำร้ายคนรอแค่ไหน หลายความรู้สึกผสมปนเปกันไปหมด เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น รู้สึกผิดที่ไม่เคยอธิบาย และดีใจที่เขายังอยู่ที่เดิม ไม่ว่าจะรู้สึกเหมือนเดิมหรือเปลี่ยนไป แต่แค่เขาอยู่ตรงนี้ก็ดีแค่ไหนแล้ว

“ก็ถ้าไม่ใจร้าย ก็ไม่รู้จะได้กล้ากลับมาเจอมั้ย ขอบคุณนะที่เข้าใจ”

“ถ้าไม่เข้าใจจะอยู่ที่เดิมทำไมตั้งสองปีวะ” เสียงอู้อี้จากผู้ชายที่โดนกอดแน่นแต่มันดังและชัดเจนในโสตประสาทของผม ตอนแรกว่าจะไม่ร้องไห้แต่แล้วคำพูดแค่ไม่กี่คำก็สั่นสะเทือนความรู้สึกอย่างรุนแรง ความหวังอันน้อยคิดแค่ให้ทะเลไม่เกลียดเท่านั้น แต่เขาก็ยังอยู่ที่เดิม รอทั้ง ๆ ที่ไม่รู้จะสิ้นสุดที่ตรงไหน

“รอกันอยู่จริง ๆ ใช่มั้ย ไม่ได้เกลียดเราไปแล้วใช่มั้ย”

“ใครจะเกลียดมึงลงนุ่มนิ่ม”

“หื้อ อะไรนะ”

“เปล่า ๆ ไม่มีอะไร”

ผมได้ยินไม่ถนัด แต่ก็ไม่ได้อยากเซ้าซี้อะไร เพราะอยากจดจำช่วงเวลาที่รอคอยให้ได้มากที่สุด ราวกับถูกปลดล็อคจากพันธนาการบางอย่างที่ผูกมัดรัดแน่น แต่วันนี้มันถูกคลายออก ปลดเปลื้องให้ทุกอย่างเป็นอิสระ หายใจโล่งในรอบสองปีที่ผ่านมา น้ำตาแห่งความยินดีไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง ไม่มีเสียงสะอื้น น้ำตาที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มของผมหวังว่ามันจะปรากฎบนหน้าของคนที่กอดกันอยู่เหมือนกัน

“นี่ร้องไห้หรอ” ทะเลผละอ้อมกอดออกมา แล้วหันไปมองไหล่ของตัวเองที่ชุ่มไปด้วยน้ำ เขาคงรู้สึกชื้นจากน้ำตาที่รินรดลงไป

“มันร้องเองอะ ไม่ได้อยากร้องเลยนะ แล้วก็ไม่ได้เสียใจเลยถ้าจะถาม” ผมเห็นทะเลจะอ้าปากถาม ราวกับอ่านใจออกเพราะคนข้างหน้าเขาไม่เคยมั่นใจอย่างที่แสดงออกสักเท่าไหร่

“รู้ได้ไงว่าจะถามอะไร”

“ก็ถ้าคิดว่าเสียใจหรือเปล่ากับสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้ บอกเลยนะว่าไม่เลย ดีใจมากกว่า”

“อืม กูก็ดีใจ”

“นี่หน้าตาดีใจแล้วหรือไง” ผมเยาะเพราะเขาพูดคำว่าดีใจด้วยสีหน้าเรียบเฉย ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยเท่านั้น กลายเป็นคนยิ้มยากขนาดนี้ไปได้ยังไง

“ต้องร้องไห้เหมือนมึงหรอ” นิ้วเรียวค่อย ๆ ปาดน้ำตาออกจากแก้มผมช้า ๆ แล้วมองลึกเข้ามาดวงตาของผม เขาไม่ได้พูดอะไรนอกจากเช็ดน้ำตาให้เงียบ ๆ แล้วลูบผมสองสามที ผมยู่ปากกับความปากหนักของคนตรงหน้า

รอยยิ้มเมื่อไม่กี่นาทีก่อน
จะทำให้มันกลับมาให้ได้
และจะต้องได้เป็นเจ้าของมันคนเดียว









“นี่จะพาไปไหนสรุป”

“เดี๋ยวก็รู้”

“ขนาดเพิ่งเจอกันไม่กี่ชั่วโมงจะพาไปต่างจังหวัดละหรอ รุกแรงเหมือนกันนะ” ผมหรี่ตาใส่สารถี เพราะเห็นป้ายบอกทางว่านี่คือเส้นทางไปสายใต้ เดาไม่อยากหรอกว่าจะไปที่ไหน แต่ไม่พูดดีกว่า ไหน ๆ เขาก็ตั้งใจจะปิดแต่แรก

“กอดผู้ชายที่เพิ่งเจอกันไม่กี่ชั่วโมง รุกแรงเหมือนกันนะ”

ผมจิ๊ปากที่เขาย้อนใส่ “เกลียดที่ยอกย้อนแต่หน้านิ่งมากอะ”

ทะเลหันมามองนิดหน่อยก่อนจะตั้งใจขับรถต่อ เราซื้อของกินจากร้านสะดวกซื้อในปั้มติดรถมา ผมจำได้ว่าเขาชอบกินน้ำอัดลมยี่ห้อหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังชอบอยู่หรือเปล่า “กินมั้ยจะเปิดให้”

“โค้ก? จำได้หรอ”

“เดาเอามั้ง”

“เหอะ บอกว่ากูกวน มึงก็เอาใหญ่นะ”

ผมหัวเราะออกมาก็อกใหญ่ ไม่รู้สิมันเต็มตื้นไปหมด อัดแน่นทุกอนูความรู้สึกดี อยากจะยิ้มและหัวเราะกับเรื่องเล็กน้อยที่เกิดขึ้นไปหมด บรรยากาศในรถมันอบอวลไปด้วยอะไรไม่รู้ผมก็อธิบายไม่ถูก แต่มันโคตรจะรู้สึกดี ดีมาก ๆ

จู่ ๆ คนขับรถก็หักพวงมาลัยยูเทิร์นกลับรถ จนผมรู้สึกสับสน คิดว่าเขาจะพาไปที่ไหนสักที่ในคือนี้อย่างเช่นทะเล แต่เขาดันหักพวงมาลัยรถกลับเข้าเมืองซะอย่างนั้น “อ้าว สรุปจะไปไหนกันแน่”

“พามาขับรถเล่นเฉย ๆ อยากให้รู้ว่ากูขับรถเก่งกว่ามึงแล้ว”

“อะ อ้าว คิดว่าจะพาไป…”

“ไปไหน”

“ก็เช่น ทะเล”

“หึ แก่แดดขึ้นเหมือนกันนะ หวังอะไรอยู่ครับ เจอกันไม่กี่ชั่วโมงอยากให้ผู้ชายพาไปค้างคืนแล้วหรอ”

“เฮ้ย! ไม่ใช่นะเว้ย ก็พาขับรถมาทางนี้ เป็นใครก็คิดป่ะ!”

“ยังไม่ถึงเวลา ต้องดูพฤติกรรม”

“พฤติกรรมอะไร” ผมขมวดคิ้วใส่คนพูด เขาทำเหมือนผมเป็นเด็กทั้งที่เราก็อายุเท่ากัน น้ำเสียงทุ้มต่ำและราบเรียบ มันยิ่งทำให้เขาดูเหมือนผู้ใหญ่ที่พยายามจะสั่งสอนเด็ก ซึ่งเด็กคนนั้นก็คือผมเอง เหอะ มันน่าหมันไส้จริง ๆ ก็แค่ตัวเองอยู่ปีสองป่ะ

“สองปีมันไม่น้อยนะที่กูรอ การที่มึงจงใจกลับมาแบบนี้ มันไม่ได้หมายความมึงจะกลับมาจีบกูหรอ หรือเข้าใจผิด”

“โอ้ยทะเล! ไม่ต้องพูดออกมาก็ได้ป่ะ”

“ถ้าไอ้มุกเสี่ยวเมื่อกี้ที่เล่นเป็นหนึ่งในสิ่งที่วางแผนไว้ ก็พยายามต่อไปนะ เพราะกูยังไม่รู้สึกว่ามันจะทำให้ใจเต้นได้เลย”

“...”

“ถ้าเป็นตอนที่มึงกอดก็ว่าไปอย่าง”

“เชี่ยแม่ง!” ผมมือฟาดแขนเขาไปอย่างแรง แต่คนแข็งแรงกล้ามแขนแข็ง ๆ นั่นทำผมเจ็บมือมากกว่าที่เขาจะเจ็บซะอีก สารถียกยิ้มมุกปากแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาขับรถเข้าเมืองโดยไม่ได้ปัดป้องมือผมที่ตีแขนเขาถี่ ๆ หลายทีเลยด้วยซ้ำ

ทำไมกลายเป็นคนแบบนี้ไปซะได้นะ ทะเลที่ยิ้มง่าย ขี้เล่น และแสนอบอุ่นหายไปตั้งแต่ตอนไหน แต่เอาเถอะเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลมันก็น่าจะเกิดขึ้นเพราะผมทั้งนั้นแหละ ความเจ็บปวดในตอนนั้นคงทำให้เขาพยายามป้องกันตัวเองด้วยการทำเป็นคนไร้ความรู้สึก แม้จะปรับความเข้าใจกันแล้ว แต่นั่นก็เคลียร์กันแค่ในส่วนนั้น มันไม่ใช่เรื่องของปัจจุบัน

ทะเลพูดถูก ผมจงใจที่จะกลับมาหาเขา
ซิ่วแล้วพยายามสอบเข้ามาเรียนที่นี่ก็เพราะเขา
เรื่องเดียวที่ไม่ได้ตั้งใจคือการที่เขามาจอดรถข้าง ๆ วันนี้นี่แหละ










มีต่อ


หัวข้อ: Re: UP! | SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | 10_ร้อนที่คิดถึง [28-03-20]
เริ่มหัวข้อโดย: mifengbee ที่ 04-04-2020 20:12:20
ผมเริ่มคุ้นตากับถนนในเมืองหลวงมากขึ้น กว่าสี่ทุ่มถนนบางสายรถยังแน่นขนัด ผู้คนยังใช้ชีวิตในเวลาค่ำคืนอย่างจอแจ เสียงเพลงผ่านวิทยุในรถยังคงดังต่อเนื่อง ดีเจเสียงคุ้นหูยังคงดำเนินรายการได้อย่างดี  และทำนองของเพลงถัดไปก็เริ่มต้นช่วงต่อไป

ยังเดินผ่านทุกวัน
ที่ที่เราพบกันเมื่อก่อน
ยังจำซ้ำซ้ำได้ทุกตอน
ราวกับมีใครมาหมุนย้อนเวลา


แต่ก็คงจะหมุนย้อนได้แค่ในความคิด
ในชีวิตจริงคงไม่เจอกันอีกแล้ว
ยืนอยู่ตรงที่เดิม
แต่ไม่มีวี่แวว
เธอจากไปแล้ว
และคงไม่ย้อนคืนมาหา


“เหอะ” เสียงของผู้ชายข้าง ๆ สถบออกมาเบา ๆ

“อะไรอะ อยู่ ๆ ก็เหอะ อะไรของเธอ”

“เกลียดเพลงนี้”

“อ้าวทำไมไปเกลียดเพลงพี่แสตมป์เขาล่ะ ออกจะเพราะ”

“ก็เพราะว่ามันเพราะไง มันเข้าใจกูไปหมดตอนนั้น ตอนที่มึงทิ้งไว้แต่ความคิดให้กู เหมือนคนจะเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ”

ผมยู่ปากพอได้ยินเหตุผลของคนขับรถ เกลียดเพราะว่าเพลงมันจริงเกินไปสินะ ตอนนั้นก็ฟังบ่อยเลยล่ะเคยฟังแล้วน้ำตาไหลออกมาเองด้วยซ้ำ ทั้งที่ยังไม่ทันได้คิดอะไรเลย แต่เพลงนี้มันเหมือนกำลังอ่านใจเรา ค่อย ๆ เผยความรู้สึกเบื้องลึกที่เจ็บปวดให้คลายออกมา พี่แสตมป์แต่งเพลงนี้ด้วยความรู้สึกแบบไหนนะตอนนั้น จะใช่คิดถึงแต่ไปไม่ถึงหรืเปล่า

“แต่เรากลับชอบเพลงนี้มากเลย ฟังทีไรก็คิดถึงทะเลตลอดเลยนะ”

ทะเลหันมามองทันทีที่พูดจบ “เริ่มแล้วหรอ”

“อื้มว่างั้นก็ได้ ได้ป่ะล่ะ ใจเต้นยัง” ผมหันไปยิ้มหวานให้ทีเป็นการประชด ไอ้ที่ทะเลบอกว่าจะจีบนี่ก็ยังไม่รู้หรอกนะว่ามันต้องทำยังไง เห็นในละครเขาก็หยอดกันแบบนี้แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้ผลหรือเปล่า ที่ผ่านมาก็มีแฟนแค่คนเดียวนี่หว่า

“ไม่อะ ก็บอกว่าเกลียดจะเอาอะไรมาโรแมนติกให้ใจเต้น”

“ก็ว่าอยู่ แต่มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง มันจะนานมาแล้วแต่เหตุการณ์นี้มีความหมายและทำให้เรารู้ว่าถ้าความคิดถึงมันยังวนเวียนในหัวแบบนี้เราควรจะทำยังไงดี” ในขณะที่เพลงยังคงเคลื่อนไหวไปตามเนื้อร้องและทำนอง ภาพความจำในตอนนั้นก็ฉายชัดในหัวไม่เลิกรา

“วันที่ทะเลขึ้นร้องเพลงที่ให้เหล้ามันเล่าวันแรก เรา มิว และพีทนั่งอยู่ไกล ๆ บนชั้นลอยของร้าน และโชคดีที่ทะเลไม่เคยมองขึ้นมา ไม่รู้จะจำได้หรือเปล่าว่าวันนั้นพูดอะไร แต่เราจำได้ดีเลยนะ”

ผมลอบมองใบหน้าด้านข้างของผู้ชายที่หันข้างให้ ดวงตาคมมองตรงไปข้างหน้าอย่างที่ไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไร เพียงแค่มองตรงไปเฉย ๆ ผมเลยไม่แน่ใจกับสิ่งกำลังจะพูดมันจะทำให้เขาใจเต้นได้อย่างที่อยากได้ยินหรือเปล่า

“ความรักถ้ามันต้องการเรามันจะใจดีกับเรา แต่ถ้าใจร้ายให้จำว่าไม่ใช่เพราะความรัก แต่เพราะคนในนั้น”

“...”

“ก่อนที่จะเริ่มร้องเพลงทะเลบอกว่า เพลงนี้ไม่ค่อยอยากร้อง แต่จะร้องเพราะมีคนขอ และจะร้องครั้งสุดท้ายขอร้องว่าอย่าขออีก แล้วทะเลก็ร้องเพลงความคิด”

ไฟแดงหยุดรถพอดี และประจวบเหมาะกับเพลงเล่นมาถึงท่อนนี้พอดี

อยากเจอเธอเหลือเกิน
เพราะก่อนที่เราต้องเดินแยกทาง
ฉันมีความคิดหลายหลายอย่าง
หลายอย่างเหลือเกินที่ฉัน
ไม่ได้พูดไป


ทะเลถอนหายใจก่อนจะเริ่มพูดหลังจากที่ฟังมานาน “กลายเป็นว่ากูอยู่ในสายตามึงแต่มึงไม่เคยปรากฏตัวให้เห็นเลย”

“ตอนแรกก็กะว่าจะทำแบบนั้นไปตลอดนั่นแหละ แต่เพราะไม่อยากเป็นคนใจร้ายในความทรงจำของทะเลตลอดไป ก็เลยพยายามนี่ไง”

“...”

“พอจะได้มั้ยอะเรื่องนี้”

“...”

“ใจเต้นบ้างยัง”

“อืม”


ผมยิ้มกว้างกับสิ่งที่ได้ยิน และไม่เซ้าซี้ว่าใจเต้นเพราะประโยคไหน เพราะเดี๋ยวจะโดนคนข้าง ๆ ทำหน้าตาดุใส่อีก แค่นี้ก็พอจะเริ่มมีความหวังแล้ว มาถูกทางแล้วฤดูร้อนอย่าไปยอมแพ้ไอ้คนหน้าตึงนี่

ความเจ็บปวดที่เคยทำไว้
จะทำให้มันหายไปนะทะเล
อย่าเพิ่งรอไม่ไหว







“ที่นี่ที่ไหนอะ”

“คอนโดกู”

“เฮ้ย! เดี๋ยวทำไมจู่ ๆ ถึงพามาที่นี่อะ”

มือใหญ่ผลักหัวผมเบา ๆ “คิดทะลึ่งอีกแล้วหรือไง ก็มาให้รู้ว่ากูอยู่ที่ไหน ไม่ต้องคิดว่าจะได้ขึ้นไปหรอก”

“บะ บ้า ใครจะอยากขึ้นไปกัน เดี๋ยวดิ แล้วนี่ขับรถเรามาเพื่อจะมาส่งตัวเองเนี่ยนะ”

“เปล่าแวะมาบอกเฉย ๆ บ้านอยู่ไหน เดี๋ยวไปส่ง กูจะได้เห็นบ้านมึงซะที”

“กลัวว่าถ้าเราหายไปจะตามหาไม่ได้อะดิ กิ้ว ๆ ๆ”

“ทานโทษนะ นี่คุณกำลังคุยกับประชาชมรมวิชาการนะครับ การจะขอดูทะเบียนนักศึกษาคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องยาก”

ไอ้ที่กิ้ว ๆ ๆ ไปเนี่ยเก้อเลยนะ ทำได้แค่กรอกตาให้ไปทีหนึ่ง มารอบนี้ไม่ได้ง่ายเหมือนเมื่อก่อนแล้วอะ ตอนนั้นไม่เห็นต้องทำอะไรเลยทำไมทำให้ทะเลรู้สึกได้นะ หรือจริง ๆ ทะเลอาจจะคิดไปเองว่าชอบเราหรือเปล่าวะ ประมาณว่าสับสน ถ้าอย่างนั้นจะแน่ใจได้ไงว่าตอนนี้จะยังรู้สึกแบบนั้นอยู่

ทำไงถึงจะรู้
อยากแน่ใจ
อย่างน้อย ๆ ก็จะได้มั่นใจ
ว่าตอนนั้นที่ทะเลรู้สึก
ไม่ใช่แค่สับสน


ความคิดหลายอย่างทะลักเข้ามาให้หัว เป็นความกลัวที่คาดการณ์ไว้เหมือนกันว่าจะเจอ แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้เหมือนกัน ตอนนั้นทะเลคงรู้สึกแบบนี้สินะ การคาดหวังอะไรไม่ได้ ไม่รู้เลยว่าเขาคิดยังไง หรือไม่รู้กระทั่งตอนนี้เขามีคนที่ชอบแล้วหรือยัง แม้จะมั่นใจว่ายังก็เถอะ แต่ผมไม่ได้ตามติดเขาแบบรายการเรียลลิตี้หรือเปล่า ไม่มีทางที่จะรู้ทุกเรื่องได้ขนาดนั้นหรอก มันเลยทำให้ยิ่งต้องคิดมากขึ้นมา

“เป็นไรอยู่ ๆ ก็เงียบ”

“ไม่มีไร เดี๋ยวเลี้ยวเข้าหมู่บ้านข้างหน้าเลย”

“อ้าวก็ไม่ไกลกันเท่าไหร่นี่ ดีพรุ่งนี้มึงมารับกูด้วย มีเรียนแปดโมง”

“เดี๋ยวก่อน ๆ บอกจะ...เอ่อ...จีบ แต่ไม่ใช่ต้องมาเป็นคนขับรถป่าวครับ”

“รถอยู่มอไง ก็รู้หนิ”

“แล้วใครกันที่คิดจะขับรถกูมาวะ” ผมพูดกับตัวเองคนเดียว ก่อนจะยิ้มแห้ง ๆ ให้เขา “ก็ได้ ๆ ดีนะที่มีเรียนเหมือนกัน ถ้าไม่มีบอกเลยว่าไม่มีทางไปหรอกนะ”

“ก็ดี ไหนอะหลังไหน”

“ซ้ายมือ รั้วสีขาวอะ”

“อ้อ คุณหนูคิม” ทะเลชะเง้อคอเข้าไปมองที่บ้านนิดหน่อย ก่อนเขาจะปลดเบลท์แล้วดับเครื่อง

“บ้านผมหลังเล็ก ๆ ครับ ไม่ใหญ่เท่าบ้านคุณทะเลหรอก” ผมก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน เพราะพี่แจงคงได้ยินแล้วว่าผมกลับมาถึง อีกไม่นานคงมาเปิดประตูรั้วให้ ทะเลเปิดประตูรถลงไปก่อนจะหยิบกระเป๋าสัมภาระที่โยนไว้เบาะหลังขึ้นสะพาย 

ผมที่ลงจากรถยืนล้วงกระเป๋ามองเขา “แล้วนี่จะกลับยังไง”

“เรียกแกร๊บ” ผมพยักหน้ารับ เห็นอีกฝ่ายกดมือถือไม่ยุกยิกก็ไม่ได้จะคุยอะไรต่อ ทั้งที่ก็อยากจะถามเรื่องที่ควรถามแต่ก็ได้แต่กลืนมันลงไป เพราะยังไงพรุ่งนี้ก็คงจะได้เจอกันอีก
 
โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง

“ซันนี่! ไม่ต้องออกมาเลยนะ มันดึกแล้ว แล้วก็อย่าเห่าด้วย” ผมดุสุนัขพันธุ์โกลเดนท์รีทีฟเวอร์ที่เห่าเสียงดังในยามวิกาล เดี๋ยวข้างบ้านจะแจ้งยามมาดุอีก แต่ยังดีที่มันดันฟังภาษาคนรู้เรื่อง ทำได้แค่นั่งจ๋องอยู่ในรั้วเท่านั้น

“น่ารักดี”

“เราหรอ”

“หมา”

“แม่ง!”

“แล้วพรุ่งนี้จะมากี่โมง”

“ถึงเมื่อไหร่ก็ตอนนั้นแหละ” ผมกอดอกที่อีกฝ่ายชมหมาน่ารักมากกว่าผม เหอะ

“เอาเบอร์มา เดี๋ยวพรุ่งนี้จะได้ติดต่อได้”

เหมือนทะเลอ่านใจกันออก นี่แหละเรื่องที่ควรถามแต่ก็ไม่กล้าจะพูดขึ้นซะที จะบอกว่าทุกอย่างของผมมันก็ยังเป็นเหมือนเดิมมาเสมอ การที่เขาบอกว่าไม่รู้ว่าผมเป็นยังไง สบายดีมั้ย ทุกอย่างมันจะจบถ้าเขากดโทรมาเท่านั้น แต่ผมก็เข้าใจนะ โดนปฏิเสธไปแบบนั้นก็คงคิดว่าตัวเองไม่ได้สำคัญอีกต่อไปแล้ว การจะโทรหาคนที่ตัดเยื่อใยกัน มันไม่ใช่วิถีอย่างคนแบบทะเลจะทำ เพราะมันลูซเซอร์เกินไป

“ใช้เบอร์เดิมอะ ลบไปยัง”

“อ่อหรอ”

“ถามหน่อยสิ เคยคิดจะกดโทรมาป่ะ”

“แล้วมึงคิดว่ากูควรกดโทรไปหรอ”


ผมยักไหล่ แม้คำตอบจะมีความโกรธเจือปนจนรู้สึกได้ แต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกแย่เลยที่เขาตอบแบบนั้น ดีเสียอีกที่ทะเลโกรธผมบ้าง โทษผมบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ทำตัวปกติ และต้อนรับผมกลับมาด้วยความรู้สึกยินดี ทั้งที่ควรจะชี้หน้าด่ากันด้วยซ้ำ

“รถมาแล้ว กลับก่อนนะ”

“อื้อ เจอกันพรุ่งนี้”

“...”

ทะเลเรียกแกร๊บวิน คงเห็นว่ามันไม่ไกลกัน และตอนนี้รถก็ยังติดไม่เลิกรา ขณะที่เขากำลังก้าวขาคร่อมมอเตอร์ไซค์ ผมก็ไม่ควรเสียโอกาสในการเต๊าะเขาก่อนไป ให้อีกฝ่ายหัวเสียเล่น ๆ

“ฝันดีนะทะเล!”

“ชู่วว จะตะโกนเพื่อ”

“อย่าลืมฝันถึงเรานะ!”

“พี่ไปเลยครับ รีบไปเลย”

ผมหัวเราะกับความลนลานของเขา พี่วินก็ขำด้วย มองผู้ชายตัวโตไปจนลับสายตา แหงนหน้าขึ้นมองฟ้าที่แทบจะมองไม่เห็นหมู่ดาวเพราะฝุ่นควันในเมืองหลวง และความสว่างของไฟนีออนที่บดบัง แต่พระจันทร์คืนนี้กลับเปล่งประกายเป็นพิเศษ แม้มันจะอยู่ไกลเหลือเกินในความเป็นจริง แต่ผมกับรู้สึกว่าราวจะจับมันได้อย่างนั้นแหละ นี่หรือเปล่าคนที่กำลังมีความสุข มันจะเพ้อพกเห็นอะไรก็เข้าข้างตัวเองไปหมด

ถ้าให้ฤดูร้อนของปีนี้มาเร็วหน่อย
ทะเลจะต้อนรับกันใช่มั้ยนะ








#ฤดูร้อนของทะเล




----------------------------------------


พอจะหวานมั้ยนะ5555555555555555
คราวนี้พี่ทะเลของเราเอาคืนแรงเหมือนกัน
ส่วนยัยน้องคิมก็รุกแรงไม่แพ้กัน
ตอนหน้ามาดูการเดินหน้าจีบของนุ่มนิ่มกัน
แต่บอกไว้ก่อนว่า..........กล้าที่จะ.......

อิอิ

เจอกันเสาร์หน้าค่า :hao7: :hao7: :hao7:


@mifengbeexx
หัวข้อ: Re: UP! | SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | 12_ตัวละครลับ [13-04-20]
เริ่มหัวข้อโดย: mifengbee ที่ 13-04-2020 20:44:06
ตอนที่ 12
ตัวละครลับ
[/size]




ผมตั้งนาฬิกาปลุกเช้ากว่าทุกวัน เพราะวันนี้มีภารกิจที่จะต้องไปรับคุณชายทะเลที่คอนโด แม้มันจะไม่ได้ไกลมากแต่ต้องเสียเวลาไปกลับรถพอสมควร เช้านี้เลยมีเวลากินโจ๊กไข่ฝีมือแม่ คุณนายแปลกใจที่ผมตื่นแต่เช้าและดูกะปรี้กะเปร่าในการไปมหาวิทยาลัยวันนี้ เธอหรี่ตาและกอดอกมองผมในชุดเสื้อกันเปื้อนด้วยความสงสัย

“แม่มองเหมือนคิมแต่งตัวเป็นไอออนแมนอะ”

“ถ้าคิมแต่งแม่ว่าดูปกติกว่าอีก”

ผมถอนหายใจใส่ผู้หญิงขี้สงสัย เมื่อมัธยมผมก็ตื่นไปเรียนได้ก่อนแปดโมง เรียนมหาลัยทำไมจะตื่นไม่ได้ล่ะ จริงมั้ย อ้าวไม่จริงหรอครับ “ก็ได้ ๆ คิมต้องไปรับเพื่อนก่อนไปมหาลัย”

“ว้าว ไปเรียนไม่กี่วันมีเพื่อนแล้วหรอ ดีจัง”

“อื้อ เพื่อนสมัยมอปลาย” ผมพูดพลางตัดโจ๊กไข่ไปพลาง ผมชอบเมนูที่สุดเลย แม่ต้มโจ๊กพร้อมไข่แล้วมันมีกลิ่นไหม้นิด ๆ เป็นอะไรที่กินตอนเช้าแล้วทั้งวันจะรู้สึกดีไปตลอดวันเลย มันสุดยอดที่สุดแล้วอาหารฝีมือแม่

“งั้นเพื่อนก็ต้องอยู่ปีสองแล้วสิใช่มั้ยคะ”

“ช่ายเรียนบริหาร เรียนโคตรเก่งเลยนะแม่ ก็ตอนมอปลายเคยติวให้คิมด้วย ติดยูเอก็เพราะเขานี่แหละ”

“อ่อคนนั้น งั้นไม่น่าใช่เพื่อนสินะคะ”

“แม่!!”

ผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้แม่ฟัง แน่นอนว่าแม่รู้เรื่องผมกับพี่นนท์ดี และก็เข้าใจว่าผมมีรสนิยมทางเพศแบบไหนมาตลอด และนั่นก็เป็นความโชคดีของผมมาก ๆ ที่ตอนนั้นมีแม่คอยรับฟังแล้วเข้าใจมาเสมอ ส่วนพ่อก็เหมือนกัน มันทำให้ผมผ่านช่วงเวลานั้นมาอย่างไม่โดดเดี่ยว แต่ไม่รู้ว่าทะเลจะมีใครที่รับฟังไหม หรือเขาจะสามารถปรึกษาใครสักคนได้หรือเปล่า

“กลับไปคุยกันได้ปกติแล้วหรอ”

“ก็ไม่เชิง มันไม่เหมือนเดิมเท่าไหร่ในความรู้สึกนะ แม้ว่าเขาจะดูปกติดีก็ตาม”

“ก็เล่นทำเขาไว้เยอะนี่คะ สวยมากตอนนั้น”

“แม่! เลิกล้อคิมได้แล้ว ไปดีกว่า”

แม่หัวเราะเล็กน้อยก่อนจะเดินไปหยิบกล่องทัปเปอร์แวร์มาให้ “อะนี่ แม่ทำไว้ให้ ก็คิดว่าจะตื่นสายจนไม่ได้กินข้าว เอาไปฝากเขาแล้วกันนะคะ จะได้ทำคะแนน”

“เฮ้อ”

ผมถอนหายใจให้ความขี้เล่นของแม่ ก่อนจะหยิบกล่องทัปเปอร์แวร์แล้วยัดลงกระเป๋าผ้าลายยีราฟใบใหม่ที่เพิ่งเพนท์และสั่งโรงงานตัดเมื่อไม่กี่วันก่อน เป็นรายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ จากความสามารถของตัวเอง

“เห้ย! คิมตื่นก่อนพ่อหรอแม่”

“โอ้ย ไปดีกว่า ๆ ๆ พอกันเลยทั้งพ่อทั้งแม่ บ้านนี้มันอะไรกับการตื่นเช้านัก!” ผมรีบใส่รองเท้าแล้ววิ่งออกจากตัวบ้านไปโรงจอดรถ พ่อแม่บ้านนี้มันยังไงกัน ทำไมชอบล้อลูกอยู่เรื่อย ผมว่าผมไม่เด็กแล้วนะแต่พ่อแม่ก็ยังทำเหมือนเดิมเหมือนผมเป็นเด็กเสมอ ก็นะพ่อกับแม่นี่เนอะ




ผมขับรถมาถึงคอนโดของผู้ชายที่ให้มารับประมาณเจ็ดโมงสิบห้า จริง ๆ รู้สึกสายไปด้วยซ้ำ เพราะรถหน้ามหาลัยเวลานี้คือความบรรลัยทั้งปวง จึงต่อสายหาทะเลทันทีจะได้รีบไปก่อนจะเข้าคลาสแรกสาย ได้ข่าวจากรุ่นพี่ว่าวิชาเลกเชอร์นี้ถ้าเข้าสายคะแนนหายไปกว่าครึ่งแล้ว

“ฮาโหลลล มอร์นิ่งค่า มอร์นิ่ง”

(...)

“เป็นชาวเน็ตเกรดซีนะเรา มาถึงแล้ว เสร็จยังอะ นี่จอดรถตรงทางเข้านะ”

(อืมเสร็จละ เดี๋ยวรีบลงไป ตรงนั้นเขาไม่ให้จอดนาน)

“โอเค ๆ รีบลงมานะ ยามมองหน้าแล้ว”


ทะเลในชุดนักศึกษาสบาย ๆ เขาไม่ได้ใส่เสื้อเชิ้ตตามระเบียบมหาลัย แต่ดันใส่เสื้อสีขาวคอจีนมีกระดุมสามเม็ดบน ผมขมวดคิ้วเขาแต่งตัวแบบนี้ไปเรียนในฐานะประธานชมรมวิชาการได้ด้วยหรอ แถมกางเกงยังเป็นยีนส์สีเข้ม รองเท้าหนังสีน้ำตาลอีกด้วย

เขาเปิดประตูด้านหลังก่อนโยนกระเป๋าไปไว้ที่เบาะ “มองไม่วางตาเลยนะ รู้ว่าหล่อ”

และเดินมาเปิดประตูข้างคนขับและคาดเบลท์ด้วยท่าทีสบาย ๆ “เหอะ แต่งตัวแบบนี้ได้หรอ”

“ได้สิครับ ผมอยู่ปีสองแล้วจะแต่งแบบไหนก็ย่อมได้”

“ในฐานะประธานชมรมวิชาการอะนะ”

“ชุดมันไม่เกี่ยวกับมันสมอง”

“อ่า โอเค้” ผมก็เถียงไม่ออกอีกแหละ มหาวิทยาลัยของเราไม่ได้เคร่งเรื่องกฎระเบียบแบบนี้สักเท่าไหร่ ผ่านช่วงเดือนแรกไปคงไม่ใส่เนกไทด์นี่แล้วล่ะ อึดอัดจะแย่

“มีอะไรสงสัยอีกมั้ยครับ เชิญออกรถ ไม่งั้นคลาสแปดโมงของคุณคนขับและผมไม่ต้องหวังว่าจะได้เข้าห้อง”

“จ้า ๆ ไปแล้วจ้า”

ผมละล้าละลังกับกล่องแซนวิชที่เบาะหลังไม่รู้จะใช้จังหวะไหนบอกเขา แม้เขาจะเข้าใจว่าจีบ แต่การที่เจอกันวันที่สองก็ยื่นกล่องอาหารเช้าให้แล้ว นี่มันค่อนข้างหวานเลี่ยนเกินไปหน่อยหรือเปล่า ถ้าบอกว่าแม่ทำเผื่อแล้วไม่ได้กินเขาจะเชื่อมั้ยนะ

“ทะเลกินอะไรมายัง”

“ยัง ถ้ารีบไปก็ยังพอมีเวลา จะชวนกิน…”

“มีแซนวิชอยู่เบาะหลัง”

ทะเลพยักหน้าและเลิกคิ้วเล็กน้อย คงรู้สึกว่าไม่เหมือนที่คิดไว้สักเท่าไหร่ คิดว่าผมจะชวนกินข้าวเช้าสินะ ใครจะหิ้วท้องรอล่ะครับ มื้อเช้าสำคัญที่สุดไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองหิวระหว่างขับรถแน่นอน

“แม่ทำเผื่อไว้ให้ แต่ว่าเราตื่นเช้าเลยได้กินข้าวที่บ้านน่ะ อันนี้ก็เลยเอามาติดรถไว้เฉย ๆ”

ทะเลเอี้ยวตัวไปหยิบกล่องแซนวิชแล้วเปิดฝาออก “อ๋อ ถึงว่าน่ากินเชียว”

“ไม่คิดว่าเราทำหรอ”

ทะเลเลิกคิ้วก่อนจะพูดประโยคยาว ๆ “มึงไม่มีทางสลักมะเขือเทศก่อนหั่น ต้มไข่จับเวลาแปดวิจนมันไม่สุกเกินไป ที่สำคัญหั่นขอบขนมปังได้คมกริบขนาดนี้”

“สบประมาทกันเกินไปป่ะ” ผมเหยียบเบรกเพราะไฟแดงแยกนรกที่มาไม่ทัน และต้องรออีกประมาณ 180 วินาที

“แล้วจริงมั้ย”

“จริง! ใครจะมานั่งประดิษฐ์ประดอยอะไรแบบนี้ ตื่นเช้าก็ดีแค่ไหนเหอะ”

“หึ คิดว่าจะลงทุนทำคะแนน”

“แล้วถ้าทำมาให้จะใจเต้นป่ะ”

“เต้น”

“จริงป่ะ!” ผมหูผึ่ง แม้ว่าคนตอบจะไม่ได้มองหน้ากันเลย เอาแต่พิจารณาแซนวิชหน้าตาดีในกล่องทัปเปอร์แวร์

“ไม่เต้นก็ตายดิ” คิดไว้แล้วไม่มีผิดที่คนข้าง ๆ จะตอบแบบนี้

ทะเลกินแซนวิชและเล่นมือถือไปด้วย สบายใจเสียจริง เห็นแบบนี้แล้วก็มีเรื่องที่สงสัยมาตลอดว่าทำไมเขาถึงไม่เคยอัปเดทอะไรในไอจีเลย การที่เขาบอกว่าไม่รู้เลยว่าชีวิตผมเป็นยังไงทั้งที่ผมก็อัปไอจีตลอด หวังให้เขาเข้ามาเห็นแต่แล้วก็ไม่เคยได้รับการกดไลก์หรือมาดูไอจีสตอรีเลย

“ถามอะไรหน่อยสิ ทำไมถึงไม่เคยโพสต์อะไรในไอจีเลย” ทะเลที่กำลังเคี้ยวแซนวิชอยู่เงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอมือถือก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่าง และกัดแซนวิชาคำสุดท้ายก่อนจะกลืนมันลงคอไป

“ไม่รู้เหมือนกัน แค่อยู่ ๆ ก็ไม่รู้จะโพสต์อะไร” ผมหยิบขวดน้ำที่ยังไม่ได้เปิดข้างประตูรถให้เขา ทะเลขอบคุณเบา ๆ ก่อนจะรับน้ำไปดื่มแล้วพูดต่อ “เมื่อก่อนที่เล่นไอจีมีเหตุผลอยู่ไม่กี่อย่าง มันเป็นโลกคู่ขนานของความเป็นจริง แต่วันหนึ่งก็รู้สึกว่าแล้วทำไมเราไม่อยู่ในโลกจริง ๆ ไปเลยวะ ไปอยู่ในนั้นทำไม”

“แล้วเหตุผลไม่กี่อย่างของทะเลคืออะไรอะ”

“ก็ปกติคนอื่นก็ไว้ดูชีวิตคนที่อยากเห็น ไม่ใช่หรอ”

“หมายถึงใคร เพื่อนหรอ” กลายเป็นผมที่เข้าไปส่องไอจีเขาตลอดสองปีที่ผ่านมา กระทั่งตั้งแจ้งเตือนถ้าเขาโพสต์อะไรหรืออัปเดทอะไรผมจะได้รู้ทันที แต่แล้วก็ไม่เคยมีวันนั้น เข้าไปดูจนจำได้ว่าเขามี following แค่ 17 คน มีแค่เพื่อนที่โรงเรียนและผมเป็นหนึ่งในนั้น

“อืม เพื่อน...ก็เขาให้แค่นั้น”

“หื้อ”

ผมขมวดคิ้วกับสิ่งที่ได้ยินปลายเสียงไม่ค่อยถนัดนัก สายตาที่มองตรงไปยังหน้ารถไม่ได้สื่อความหมายอะไรเป็นพิเศษ เพียงแค่มองเท่านั้น ทะเลที่มักจะเปิดเผยความรู้สึกผ่านสายตาเสมอในวันวาน ต่างออกไปจากวันนี้ที่แปลความหมายอะไรผ่านสายตาคู่นั้นไม่ได้เลย สิ่งที่ต้องเผชิญมันคงหนักหนาสำหรับเขา ต้องทำยังไงความเจ็บปวดในนั้นจะหายไปได้ ผมจะยอมทำทุกอย่าง

รถยนต์ที่จอดแน่นิ่งจากปราการไฟแดงถูกปลดพันธนาการด้วยสัญญาณไฟเขียว และเมื่อไม่มีสิ่งใดหยุดการเคลื่อนไหวอีกแล้ว ทุกสรรพสิ่งที่เคยแน่นิ่งก็เคลื่อนไหวไปตามวิถีทางที่เลือกจะไป ไม่ต่างจากผมที่เลือกแล้วเหมือนกันว่าจะไม่ยอมปล่อยให้เวลาผ่านไปนานกว่านี้






“อีกสิบนาทีพอมีเวลา แวะซื้อกาแฟมั้ย” ผมถามคนที่เดินสะพายกระเป๋าเป้ข้าง ๆ เขาพยักหน้าแล้วออกเดินนำไป พอดูแบบนี้แล้วเขาดูโตกว่าผมเยอะเลยแฮะ อย่างน้อย ๆ ก็มีอิสระในการแต่งตัวกว่าเยอะเลย ในขณะที่ผมแต่งตัวถูกกระเบียบทุกกระเบียดนิ้ว เพราะตอนเย็นต้องไปกิจกรรมดาวเดือนอะไรนั่น

“ลาเต้โนไซรัปครับ”

“มัทฉะลาเต้หวานน้อยครับ”

“ชวนกินกาแฟแต่ไม่กินกาแฟ?”

“เยส ก็ร้านเครื่องเขียนไม่มีชาเขียวขายหนิ”

“กวนตีนแต่เช้า”

“ทะเล!”

“อะ อ้าวตะวัน”

“มาซื้อกาแฟหรอ เราว่าจะแวะซื้อไปให้ก่อนเข้าคลาสพอดี ไลน์ไปทะเลไม่อ่านอะ” ผู้ชายใส่แว่นทรงกลม ผมสีน้ำตาลอ่อน ใบหน้าน่ารัก ตัวสูงสมส่วน แต่งตัวสบาย ๆ ไม่ต่างจากผู้ชายที่เขาทักทายเท่าไหร่ ผมถอยหลังมายืนห่างจากทะเลนิดหน่อย เพราะบทสนทนาที่ดูจะเข้าไม่ถึงและห่างไกลจากการล่วงรู้ของผมเหลือเกิน

“โทษทีไม่ได้จับมือถือ ไม่ต้องซื้อไปให้ทุกวันก็ได้ เป็นคนใช้หรือไง”

“เราอยากให้ทะเลใช้ทะเลก็ไม่เคยใช้นี่ เรียกว่าอาสาแล้วกัน”

ผู้ชายผิวแทนส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะหันไปสั่งพนักงาน “ขอคาราเมลมัคคีอาโต้เพิ่มช็อตเอสเปรสโซ่ครับ”

“วันนี้กูเลี้ยงแล้วกัน ค่าแวะซื้อกาแฟอาทิตย์ก่อน”

“น้อมรับไว้อย่างเต็มใจครับพี่ทะเล”

“เฮ้อ เลิกเรียกกูพี่เหอะ”

“อ้าวก็เราเด็กกว่าทะเลสองปีไม่ให้เรียกพี่ได้ไง” ผู้ชายที่ชื่อตะวันสดใสสมชื่อของเขา เหมือนมีแสงพระอาทิตย์ส่องแสงเปล่งประกายออกมาจากรอยยิ้ม แววตา และใบหน้าน่ามองนั้น

บาริสต้าทำเมนูของทะเลเสร็จแล้วแต่แล้วเขายังยืนคุยกับเพื่อนของเขาอยู่ ผมเลยอาสาหยิบให้ “อะนี่กาแฟ”

“อ่อ แต๊ง”

“เอ่อ นี่มาด้วยกันหรอ” ตะวันยิ้มให้แล้วถามด้วยความสงสัย

“เออลืมแนะนำ นี่คิมเพื่อนกูสมัยมอปลาย คิมนี่ตะวันเพื่อนที่คณะ” ผมยิ้มให้ผู้ชายที่โบกมือเบา ๆ ทักทายผมเช่นกัน

“เพื่อน? ปีหนึ่งหรอ”

“เราซิ่วมาเรียนศิลกรรมที่นี่อะ บริหารไม่ไหวปวดหัว” ผมตอบกลับไปด้วยท่าทีสบาย ๆ สวนทางกับความรู้สึกอึดอัดแปลก ๆ จากบรรยากาศที่เกิดขึ้น ความสนิทสนมที่ไม่เคยรับรู้ ไม่มีในข้อมูลตลอดสองปีที่ทะเลเรียนที่นี่ และแววตาของตะวันก็ชัดเจนจนผมยังรับรู้ได้ว่าเขาตกหลุมรักทะเลไม่ต่างจากฤดูร้อนเลยสักนิด

“อีก 2 นาทีถ้าวิ่งหน่อยจะทันนะ” เป็นทะเลที่ยก Patek Philippe ขึ้นมาเช็กเวลา “งั้นกูไปเรียนก่อนนะ”

“อื้ม” ผมยิ้มให้และยกชาเขียวขึ้นดูด ทั้งที่แทบไม่รับรู้รสชาติเลยสักนิด

“มึงถืออะไรมาเยอะแยะวะ เรียนบริหารหรือสถาปัตย์” เสียงทุ้มของทะเลพูดหลังเขาเดินไปผลักประตูให้อีกคนเดินออกไปก่อน แล้วคว้าถุงพลาสติกใบใหญ่มาถือไว้แทน

“ก็วันนี้ที่ชมรมมีประชุมละครถาปัตย์นี่แหละ”

เสียงบทสทนาที่มีแต่เขาสองคนเข้าใจไกลออกไปเรื่อย ๆ ภาพของผู้ชายสองคนที่ส่วนสูงไล่เลี่ยกันเป็นภาพที่ดูดีเสียจริงในสายตาของคนที่มองจากด้านหลัง คำพูดที่ผมไม่ได้ยินแต่มองเห็นว่าทะเลมองคนพูดอย่างตะวันทุกประโยค ไม่ต่างจากทานตะวันลู่ลำต้นเข้าหาพระอาทิตย์

ความกลัวเกาะกุมหัวใจผมเฉียบพลัน
ไม่ได้กลัวที่ตะวันน่ารักขนาดนั้น
แต่กลัวหัวใจของทะเลจะเห็นว่าตะวันน่ารักขนาดไหน

ผมบอกแล้วไงว่าไม่มีอะไรการันตีได้ว่าการที่เขาไม่มีใครตลอดปี 2 มันไม่ได้หมายความเขาจะไม่รู้สึกชอบใคร แม้ภายนอกทะเลจะดูเปลี่ยนไป แต่สิ่งหนึ่งที่เขาเปลี่ยนไม่ได้ คือเขาไม่ใช่คนเฟรนด์ลี่ขนาดให้คนที่ไม่สนิทมาอยู่ใกล้ตัวขนาดนี้

กระทั่งรู้ว่าอีกฝ่ายชอบกินกาแฟแบบไหน
แสดงว่ากับตะวันก็สนิทกันมาก


ห่อเหี่ยวแต่เช้าเลยให้ตายสิวะ!









มีต่อ











มีต่อ

หัวข้อ: Re: UP! | SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | 12_ตัวละครลับ [13-04-20]
เริ่มหัวข้อโดย: mifengbee ที่ 13-04-2020 20:48:47
“เฮ้ยคิม!!!” พักเที่ยงโรงอาหารกลางที่เต็มไปด้วยนักศึกษาหลายคณะมากินอาหารกลางวันที่นี่ และทุกคนหันมามองที่ไอ้มิวตะโกนตั้งแต่ประตูทางเข้า มาที่ร้านข้าวมันไก่ร้านที่สี่ ซึ่งไกลจากจุดที่มันยืนอยู่ร้อยเมตรได้ ปวดหัวกับความเล่นใหญ่ของมันจริง ๆ ให้ตาย

“มึงจะตะโกนทำไมเนี่ย กูอายเขาเป็นมั้ย”

“ดีใจนี่หว่า เปิดเทอมได้ตั้งเป็นอาทิตย์เพิ่งได้เจอมึง” มิวหน้าตาตื่นเต้นเหมือนไม่ได้เจอกันเป็นชาติ ทั้งที่เมื่ออาทิตย์ที่แล้วก็เพิ่งไปนอนบ้านผม เพื่อติวการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของที่นี่ แต่ก็ไม่ได้เรื่องได้ราวเพราะไปนั่งเล่นกับหมาผมมากกว่า

“เป็นกูหรือไงที่ไม่มีเวลามาเจอ มึงสละเวลาสโมมาเจอเพื่อได้แล้วหรือไง”

“แฮะ ๆ ก็มันเพิ่งเปิดเทอมนี่หว่า ต้องจัดการเรื่องปีหนึ่งในจบภายในเดือนนี้อะ”

“ไงมึง” พีทในชุดนักศึกษาหลุดลุ้ยไม่สมกับเป็นนักศึกษาแพทย์เลยสักนิดเอ่ยทักทายด้วยเสียงเอื่อย ๆ และหาวออกมาหนึ่งชุด

“ไงครับว่าที่คุณหมอ เพิ่งขึ้นปีสองมึงหนักเบอร์นี้แล้วหรอวะ”

“กูอ่านหนังสือเองยังไม่ยากเท่าติวแคลให้ไอ้เหี้ยมิว แม่งจะรอดปีสองหรือเปล่ากูยังไม่แน่ใจเลย”

คนถูกด่ายู่ปากใส่คนขี้บ่น ก็เห็นบ่นแบบนี้ทุกครั้งที่เจอกัน แต่มันก็ไม่เคยจะล้มเลิกการติวหนังสือให้มิวสักครั้ง ทั้งที่ตัวมันเองก็เรียนหนักแต่ก็ยังแบ่งเวลามาให้เพื่อนคนสำคัญของมันได้เสมอ ปากหนักไม่เลิก ยังไม่ทันขาดคำไอ้พีทก็เดินไปต่อคิวก๋วยจั๊บให้ไอ้มิว ทั้งที่ตัวเองไม่กินเครื่องใน เมื่อไหร่ไอ้มิวมันจะรู้ตัวก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ช่างเถอะเรื่องของพวกมันเถอะ ตัวผมเองก็ยังเอาไม่รอด

จู่ ๆ ในโรงอาหารก็เหมือนถูกหรี่เสียง ผมไม่รู้ว่าเป็นวัฒนธรรมการใช้โรงอาหารหรือเปล่า แต่เวลาใครเดินเข้ามาในโรงอาหารทีหลังมักจะถูกจับจ้อง คงเป็นเพราะมันคือแหล่งรวมของคนจำนวนมากในเวลาหนึ่งละมั้ง และต้นเหตุของเรื่องนี้คือมีผู้ชายสามสี่คนเดินเข้ามาในโรงอาหาร และใช่หนึ่งในนั้นมีคนที่ผมรู้จักดี

“ทะเลนี่หว่า” พีททักขึ้นหลังจากวางชามก๋วยจั๊บและข้าวกะเพราของตัวเองลงบนโต๊ะ

“มากับตะวันด้วยว่ะ” มิวพูดขึ้น สายสืบของผมก็คือมันสองคนนี่แหละ และวงในหน่อยก็เพื่อนทะเลอย่างก๋วยเตี๋ยว แต่พักหลังก็ไม่ค่อยได้คุยกันเนื่องจากอีกฝ่ายเรียนหนักขึ้น

“ก็เขาเรียนคณะเดียวกันไม่ใช่หรอ แปลกหรอวะที่เขาจะมากินข้าวด้วยกัน”

“มันก็ไม่แปลกหรอก แค่แปลกที่มาด้วยกันเวลานี้ ที่นี่ต่างหาก”

“อ้าวแล้วกินที่ไหน โรงอาหารนี้ก็ใกล้บริหารหนิ”

“ใช่ แต่บริหารอินเตอร์มีแคนทีนของตัวเอง แดกฟรี อาหารก็โคตรจะดีเหอะ”

“นั่นดิ จริง ๆ กูเคยเห็นมันมากินอยู่นะ ไม่กี่ครั้งหรอก แต่เป็นช่วงที่ไม่มีคนแล้ว ตอนนั้นกูโดดเรียนมากิน เพราะกลางวันจาจารย์สอนเกินเวลา”

“ทุกคนก็เลยฮือฮากันหรอ” ผมถามขึ้น สายตายังจับจ้องไปที่กลุ่มผู้ชายหน้าดีที่กำลังต่อคิวซื้อข้าวอยู่ เสียงซุบซิบที่พอคนจำนวนมากซุบซิบก็ดังเกินกว่าจะเรียกว่าซุบซิบได้

“ก็ตะวันแม่งเป็นเดือนบริหาร ส่วนไอ้แมนก็ประธานนักศึกษาปีที่แล้ว ไอ้นทีก็นักฟุตบอลมหาลัย ส่วนไอ้ทะเลก็อย่างที่มึงรู้” มิวสาธยายพลางเคี้ยวเส้นก๋วยจั๊บไปด้วย

“แก๊งค์หนุ่มป๊อปว่างั้น”

เพื่อนสนิทสองคนยักไหล่ตีความหมายว่าประมาณนั้น “แต่ที่กูว่ามันแปลกกว่านั้นนะเว้ย” มิวยังไม่เลิกพูด ทั้งที่ปากก็เคี้ยวอาหารตุ้ย ๆ

“ปกติทะเลมันไม่เคยอยู่รวมกลุ่มกับเพื่อนในที่สาธารณะเท่าไหร่ว่ะ”

“ทำไมวะ ก็เพื่อนกันทำไมอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่เข้าใจ” ผมถามด้วยความสงสัย และก็ยิ่งงงว่าทำไมเรื่องนี้ถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน

“คืองี้กูน่าจะลืมเล่าให้พวกมึงฟัง” พีทยื่นทิชชู่ให้มิวเช็ดคราบไข่แดงที่ติดปากมันออก เอาจริง ๆ เรื่องก็อยากฟัง แต่ภาพไอ้มิวก็อุบาทว์ตาเหลือเกิน

“ทะเลมันเคยมีประเด็นกับพี่ปีสูงของคณะมัน เพราะมันไม่ยอมเป็นเดือนทั้งที่ได้โหวตชนะ แต่ดันเสือกชนะป๊อปปูลาร์โหวตจากคนทั้งมอ ทั้งที่มันก็ไม่เคยร่วมกิจกรรมอะไรเลย ไอจีมันก็ไม่เล่นมึงก็เห็น”

“...”

“พี่ ๆ เขาก็เลยเขม่นมันอยู่พักหนึ่ง แต่ทะเลก็คือทะเลอะ มันไม่ได้ไปสนใจอะไรอยู่แล้ว แต่ก็มาพีคอีกครั้งก็ตอนที่ตะวันมันดันกลายมาเป็นเพื่อนทะเลอะดิ คือพวกพี่ ๆ ที่ดูแลดาวเดือนรักตะวันมากกก แล้วพวกนั้นก็ดันมีอิทธิพลกับสโมทุกคณะเลย”

“...”

“ปีที่แล้วมันมีงานประกวดวงดนตรี แน่นอนทะเลก็ลงอย่างที่มึงรู้นั่นแหละ แถมยังมีตะวันอยู่ในวงด้วย เล่นเบส แต่พวกพี่ ๆ ก็คือตัดสิทธิ์วงของทะเลเพราะบอกว่าผิดกติกา ห้ามคนที่เป็นมีประสบการณ์ในวงการดนตรีลงแข่ง ซึ่งก็คือตะวันว่ะ แต่จริง ๆ ใครก็รู้นะเว้ยว่าพวกพี่แม่งทำเพราะไม่ชอบทะเล”

“มึงทำไมไม่เห็นเล่าให้กูฟัง คือมันดูเป็นตุเป็นตะมาก ๆ” นี่คือสิ่งที่ผมสงสัยมากกว่าเรื่องทั้งหมดอีก ว่ามันลืมเล่าไปได้ยังไง

“ตอนนั้นกูคิดว่ามันไม่มีอะไร เพราะหลังจากเหตุการณ์นั้น ทะเลก็ไม่เคยไปไหนมาไหนกับเพื่อนอีก คงเพราะไม่อยากให้ใครเดือดร้อนด้วย แต่ก็มีหลายคนทีมทะเลนะเว้ย มึงก็รู้ว่ามอเราแอนตี้โซตัส การใช้อำนาจรุ่นพี่ข่มขู่คนอื่นไปเรื่อยไม่ใช่เรื่องปัญญาชนควรทำ พอวันนี้กูเห็นแก๊งค์นี้มาเดินในโรงอาหารก็ยิ่งแปลก”

“กูเจอทะเลแล้ว”

“ห้ะ!!” เพื่อนสองคนอุทานพร้อมกัน จริง ๆ ก็ยังไม่มีโอกาสได้เล่าให้ใครฟัง

“แล้วก็เจอตะวันแล้วด้วย”

“ห้ะ!!” พวกมันก็คือตกใจยิ่งกว่าสอบติดมหาลัยอีกมั้ง สุดเวอร์ไม่เปลี่ยนไอ้พวกนี้

“ถึงว่ามึงรู้ว่าเขาเรียนคณะเดียวกัน” พีทพูดขึ้น

ก่อนหน้าที่ผมเปิดเทอมก็แอบเป็นกังวลว่าจะเอายังไงดีเรื่องทะเล คิดกันหลายตลบเลยแหละ อย่างที่รู้ว่าทะเลไม่ใช่ทะเลเด็กเซนต์รอแยลที่พวกเรารู้จักอีกต่อไป การเข้าหาทะเลโต้ง ๆ ในโลกมหาลัยไม่ได้ทำได้ง่ายขนาดนั้น ก็ขวนขวายหาวิธีจนตอบตกลงทำกิจกรรมของคณะไปทั้งหมด เผื่อว่าจะมีโอกาสเจอเขาบ้างในงานใดงานหนึ่งก็เท่านั้น แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะรวดเร็วเหมือนอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืน

“ถึงว่ามึงไม่ตื่นเต้นเลยที่ได้เจอทะเล” มิวตบเข่าฉาดเหมือนในละครสมัยก่อน ผมได้แต่กรอกตาแล้วตักข้าวมันไก่คำแรกเข้าปาก แม้จะอยากมองว่าทะเลนั่งตรงไหนแต่ก็ไม่อยากให้เพื่อนถามรายละเอียดในการเจอมากนัก เพราะเต็มไปด้วยเรื่องน่าอาย และโคตรจะไม่เป็นตัวเองสุด ๆ เรื่องที่ผมต้องจีบทะเลนี่เลยเถิดไปไกลกว่าที่คิดกันไว้ “เล่าเลยมันมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เมาธ์มา!”

“มึงมีเรียนตอนเที่ยงครึ่งไอ้มิว นี่เที่ยงยี่สิบแล้ว” พ่อไอ้มิวที่กินกะเพราะหมดจานไปแล้ว เพราะไม่ได้เปิดปากพูดเลยเอาแต่ตั้งหน้าตั้งหน้ากินอย่างเดียว การเรียนหมอต้องทำให้เพื่อนผมสุขภาพแย่แน่ถ้ายังเป็นอย่างนี้

“ช่างแม่งแล้ววิชาแล็กเชอร์เดี๋ยวกูไปถามเพื่อนเอา จัดตารางเรียนห่าไรให้กูกินข้าวครึ่งชั่วโมง บ้าป่ะ เล่า ๆ”

“มึงได้ไปเรียนแน่มิวเพราะเรื่องของเรื่องคือไม่มีอะไร แค่ทะเลรู้ว่ากูมาเรียนที่นี่แค่นั้น”

“เห้ยได้ไง!! แค่นี้หรอ ไม่มีรำลึกความหวัง ไม่มีการอธิบายให้เข้าใจเลยหรอวะ”

ที่ผมตอบมิวไปแบบนั้นเพราะต้องการตัดบท พ่อมันส่งซิกมาไม่เลิกว่าไม่ต้องเล่า แสดงว่าวิชานี้ไอ้มิวไม่ตั้งใจเรียนและถ้ามันขาดมันก็จะยิ่งไม่เข้าใจไปกันใหญ่ จริง ๆ มิวมันไม่ใช่คนหัวไม่ดีนะ แค่สมาธิสั้น ยิ่งถ้าขาดเรียนคือกลวงเลย คาบนั้นก็โบ๋ทวนกันยาว

“ไว้ตอนเย็นไปกินชาบูกันกูเล่าให้ฟังหมดเลย กูก็มีเรียนตอนเที่ยงสี่สิบห้า”

“เออ ๆ ก็ได้วะ” มิวยอมแพ้และรีบเคี้ยวก๋วยจั๊บของมันไป พ่อมันยักคิ้วเชิงขอบคุณ เบื่อไอ้สองคนนี้จริง ๆ สักทีเหอะ

พวกเราเดินไปเก็บจานในที่ที่จัดไว้ สายตาดันหันไปสบตากับทะเลที่มองมาก่อนอยู่แล้ว อีกฝ่ายพยักหน้าให้เล็กน้อยส่วนผมก็ยิ้มให้ ตะวันที่นั่งข้างทะเลเห็นก็โบกมือใหญ่โต ทำไม่ร่าเริงขนาดนี้กันนะ

[Sea : กินข้าวกับอะไร]

[Summer : ข้าวมันไก่ ทะเลอะ]

[Sea : ข้าวผัดหมู เพิ่มผัก]

[Summer : อี๋ คะน้า]

[Sea : ยังไม่กินผักอีก?]

[Summer : กินบางอย่าง]

[Sea : แต่ส่วนใหญ่ไม่กิน]

ผมอมยิ้มกับโทรศัพท์ทั้งที่ยังเดินไม่พ้นโรงอาหารด้วยซ้ำ ทะเลยกยิ้มมุมปากก่อนจะเก็บมือถือเข้ากระเป๋าแล้วหันไปคุยกับเพื่อนเขา ผมไม่รู้หรอกว่าการเริ่มต้นแบบนี้มันจะจบแบบไหนในอนาคต จะลงเอยในแบบที่คาดหวังไว้หรือเปล่า หรือถ้าไม่ใช่ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะรับมือยังไง

ไม่รู้ว่าทะเลคิดกับตะวันแบบที่ตะวันคิดกับทะเลหรือเปล่า









“สวัสดีค่ะน้อง ๆ ตัวแทนทูตประชาสัมพันธ์จากทุกคณะนะคะ พี่จุ๊บแจงเป็นประธานในการจัดกิจกรรมในปีนี้ค่ะ” ทุกคนปรบมือและมีเสียงโห่ร้องจากเพื่อนของประธานกิจกรรมดังกึกก้องทั้งหอประชุม

“ในวันนี้พี่จะขอแนะนำพี่เลี้ยงที่จะมาคอยให้คำปรึกษาและดูแลน้องตลอดการประกวด ประหนึ่งเก็บตัวนางงาม แน่นอนดิฉันเป็นกะเทยงานปีนี้ก็คือไม่เล็กกว่า MU แน่” เสียงปรบมือระรอกสองที่บ่งบอกว่าชอบใจดังขึ้นอีกครั้ง

“ก่อนที่จะแนะนำพี่เลี้ยงปีนี้ พี่ต้องแจ้งให้น้องปีหนึ่งทุกคนทราบก่อนว่า โดยปกติแล้วทูตประชาสัมพันธ์ของเรานั้นจะได้รับคัดเลือกให้แสดงละครสถาปัตย์ในปีนั้น ๆ ด้วยนะคะ ซึ่งต้องบอกก่อนว่าละครสถาปัตย์ของเรานั้นชื่อเสียงเลื่องลือระบือไกล มักจะมีแมวมอง หรือเอเจนซี่ซื้อตั๋วมานั่งดูตลอดเลยน้า ชมรมละครสถาปัตย์จะมาเป็นแมวมองคอยสังเกตการณ์ตลอดช่วงเก็บตัวนะคะ ขอเสียงปรบมือให้ตัวแทนชมรมด้วยค้าาา”

รุ่นพี่ผู้ชายสามคนและผู้หญิงอีกสองคนยืนขึ้นในที่นั่งแถวหน้า ไฟสปอร์ตไลท์ส่องไปตรงนั้น และนั่นทำให้ผมปรับสายตามองเห็นว่าผู้ชายหนึ่งในนั้นมีตะวันอยู่ด้วย

“นอกจากนี้ พี่ตะวันคนดีคนน่ารักของจุ๊บแจงยังจะมาเป็นเมนเทอร์ให้น้อง ๆ ด้วยนะคะ”  เสียงปรบมือดังเกรียวกราวทั้งหอประชุมอีกครั้ง “ใจเย็น ๆ จ้ะลูกหลาว อย่ากรี๊ดดังเด้อ ของพี่จ้า ของพี่”

“เอาล่ะค่ะ มาเริ่มกันเลยดีกว่า และคณะแรกที่พี่จะจับฉลากขึ้นมา จะได้พี่ตะวันและพี่มายด์ไปเป็นพี่เลี้ยงนะคะ...และคณะนั้นได้แก่!!”


“ศิลปกรรมศาสตร์ค่าาาา!!”


ปังมากพี่จุ๊บแจง
มือหนึ่งเรื่องจักฉลากไปเลย!!!









#ฤดูร้อนของทะเล

-------------------------------------------------




เปิดตัวตะวันนี่เรียกสะไพ้หรือเปล่านะ555555555555
มันมีอะไรมากกว่าตะวันแอบชอบทะเลน้าพวกเทอว์
แต่เราบอกแล้วว่าไม่มีดราม่าหนัก ๆ อีก แต่นี่ถือว่าเล็ก ๆ แล้วกัน

เราขอโทษที่มาอัพช้าทั้งที่บอกจะอัพวันเสาร์
การ WFH ทำให้เราไม่มีสมาธิเขียนงานเท่าไหร่
ยังไงช่วงนี้อาจจะอัพช้าบ้างนะคะ ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ


เจอกันตอนหน้าค่า


@migengbeexx

หัวข้อ: Re: UP! | SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | 12_ตัวละครลับ [13-04-20]
เริ่มหัวข้อโดย: mifengbee ที่ 13-04-2020 21:32:07
“เฮ้ยคิม!!!” พักเที่ยงโรงอาหารกลางที่เต็มไปด้วยนักศึกษาหลายคณะมากินอาหารกลางวันที่นี่ และทุกคนหันมามองที่ไอ้มิวตะโกนตั้งแต่ประตูทางเข้า มาที่ร้านข้าวมันไก่ร้านที่สี่ ซึ่งไกลจากจุดที่มันยืนอยู่ร้อยเมตรได้ ปวดหัวกับความเล่นใหญ่ของมันจริง ๆ ให้ตาย

“มึงจะตะโกนทำไมเนี่ย กูอายเขาเป็นมั้ย”

“ดีใจนี่หว่า เปิดเทอมได้ตั้งเป็นอาทิตย์เพิ่งได้เจอมึง” มิวหน้าตาตื่นเต้นเหมือนไม่ได้เจอกันเป็นชาติ ทั้งที่เมื่ออาทิตย์ที่แล้วก็เพิ่งไปนอนบ้านผม เพื่อติวการใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยของที่นี่ แต่ก็ไม่ได้เรื่องได้ราวเพราะไปนั่งเล่นกับหมาผมมากกว่า

“เป็นกูหรือไงที่ไม่มีเวลามาเจอ มึงสละเวลาสโมมาเจอเพื่อได้แล้วหรือไง”

“แฮะ ๆ ก็มันเพิ่งเปิดเทอมนี่หว่า ต้องจัดการเรื่องปีหนึ่งในจบภายในเดือนนี้อะ”

“ไงมึง” พีทในชุดนักศึกษาหลุดลุ้ยไม่สมกับเป็นนักศึกษาแพทย์เลยสักนิดเอ่ยทักทายด้วยเสียงเอื่อย ๆ และหาวออกมาหนึ่งชุด

“ไงครับว่าที่คุณหมอ เพิ่งขึ้นปีสองมึงหนักเบอร์นี้แล้วหรอวะ”

“กูอ่านหนังสือเองยังไม่ยากเท่าติวแคลให้ไอ้เหี้ยมิว แม่งจะรอดปีสองหรือเปล่ากูยังไม่แน่ใจเลย”

คนถูกด่ายู่ปากใส่คนขี้บ่น ก็เห็นบ่นแบบนี้ทุกครั้งที่เจอกัน แต่มันก็ไม่เคยจะล้มเลิกการติวหนังสือให้มิวสักครั้ง ทั้งที่ตัวมันเองก็เรียนหนักแต่ก็ยังแบ่งเวลามาให้เพื่อนคนสำคัญของมันได้เสมอ ปากหนักไม่เลิก ยังไม่ทันขาดคำไอ้พีทก็เดินไปต่อคิวกวยจั๊บให้ไอ้มิว ทั้งที่ตัวเองไม่กินเครื่องใน เมื่อไหร่ไอ้มิวมันจะรู้ตัวก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ช่างเถอะเรื่องของพวกมันเถอะ ตัวผมเองก็ยังเอาไม่รอด

จู่ ๆ ในโรงอาหารก็เหมือนถูกหรี่เสียง ผมไม่รู้ว่าเป็นวัฒนธรรมการใช้โรงอาหารหรือเปล่า แต่เวลาใครเดินเข้ามาในโรงอาหารทีหลังมักจะถูกจับจ้อง คงเป็นเพราะมันคือแหล่งรวมของคนจำนวนมากในเวลาหนึ่งละมั้ง และต้นเหตุของเรื่องนี้คือมีผู้ชายสามสี่คนเดินเข้ามาในโรงอาหาร และใช่หนึ่งในนั้นมีคนที่ผมรู้จักดี

“ทะเลนี่หว่า” พีททักขึ้นหลังจากวางชามกวยจั๊บและข้าวกะเพราของตัวเองลงบนโต๊ะ

“มากับตะวันด้วยว่ะ” มิวพูดขึ้น สายสืบของผมก็คือมันสองคนนี่แหละ และวงในหน่อยก็เพื่อนทะเลอย่างกวยเตี๋ยว แต่พักหลังก็ไม่ค่อยได้คุยกันเนื่องจากอีกฝ่ายเรียนหนักขึ้น

“ก็เขาเรียนคณะเดียวกันไม่ใช่หรอ แปลกหรอวะที่เขาจะมากินข้าวด้วยกัน”

“มันก็ไม่แปลกหรอก แค่แปลกที่มาด้วยกันเวลานี้ ที่นี่ต่างหาก”

“อ้าวแล้วกินที่ไหน โรงอาหารนี้ก็ใกล้บริหารหนิ”

“ใช่ แต่บริหารอินเตอร์มีแคนทีนของตัวเอง แดกฟรี อาหารก็โคตรจะดีเหอะ”

“นั่นดิ จริง ๆ กูเคยเห็นมันมากินอยู่นะ ไม่กี่ครั้งหรอก แต่เป็นช่วงที่ไม่มีคนแล้ว ตอนนั้นกูโดดเรียนมากิน เพราะกลางวันจาจารย์สอนเกินเวลา”

“ทุกคนก็เลยฮือฮากันหรอ” ผมถามขึ้น สายตายังจับจ้องไปที่กลุ่มผู้ชายหน้าดีที่กำลังต่อคิวซื้อข้าวอยู่ เสียงซุบซิบที่พอคนจำนวนมากซุบซิบก็ดังเกินกว่าจะเรียกว่าซุบซิบได้

“ก็ตะวันแม่งเป็นเดือนบริหาร ส่วนไอ้แมนก็ประธานนักศึกษาปีที่แล้ว ไอ้นทีก็นักฟุตบอลมหาลัย ส่วนไอ้ทะเลก็อย่างที่มึงรู้” มิวสาธยายพลางเคี้ยวเส้นก๋วยจั๊บไปด้วย

“แก๊งหนุ่มป๊อปว่างั้น”

เพื่อนสนิทสองคนยักไหล่ตีความหมายว่าประมาณนั้น “แต่ที่กูว่ามันแปลกกว่านั้นนะเว้ย” มิวยังไม่เลิกพูด ทั้งที่ปากก็เคี้ยวอาหารตุ้ย ๆ

“ปกติทะเลมันไม่เคยอยู่รวมกลุ่มกับเพื่อนในที่สาธารณะเท่าไหร่ว่ะ”

“ทำไมวะ ก็เพื่อนกันทำไมอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่เข้าใจ” ผมถามด้วยความสงสัย และก็ยิ่งงงว่าทำไมเรื่องนี้ถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน

“คืองี้กูน่าจะลืมเล่าให้พวกมึงฟัง” พีทยื่นทิชชู่ให้มิวเช็ดคราบไข่แดงที่ติดปากมันออก เอาจริง ๆ เรื่องก็อยากฟัง แต่ภาพไอ้มิวก็อุบาทว์ตาเหลือเกิน

“ทะเลมันเคยมีประเด็นกับพี่ปีสูงของคณะมัน เพราะมันไม่ยอมเป็นเดือนทั้งที่ได้โหวตชนะ แต่ดันเสือกชนะป๊อปปูลาร์โหวตจากคนทั้งมอ ทั้งที่มันก็ไม่เคยร่วมกิจกรรมอะไรเลย ไอจีมันก็ไม่เล่นมึงก็เห็น”

“...”

“พี่ ๆ เขาก็เลยเขม่นมันอยู่พักหนึ่ง แต่ทะเลก็คือทะเลอะ มันไม่ได้ไปสนใจอะไรอยู่แล้ว แต่ก็มาพีคอีกครั้งก็ตอนที่ตะวันมันดันกลายมาเป็นเพื่อนทะเลอะดิ คือพวกพี่ ๆ ที่ดูแลดาวเดือนรักตะวันมากกก แล้วพวกนั้นก็ดันมีอิทธิพลกับสโมทุกคณะเลย”

“...”

“ปีที่แล้วมันมีงานประกวดวงดนตรี แน่นอนทะเลก็ลงอย่างที่มึงรู้นั่นแหละ แถมยังมีตะวันอยู่ในวงด้วย เล่นเบส แต่พวกพี่ ๆ ก็คือตัดสิทธิ์วงของทะเลเพราะบอกว่าผิดกติกา ห้ามคนที่เป็นมีประสบการณ์ในวงการดนตรีลงแข่ง ซึ่งก็คือตะวันว่ะ แต่จริง ๆ ใครก็รู้นะเว้ยว่าพวกพี่แม่งทำเพราะไม่ชอบทะเล”

“มึงทำไมไม่เห็นเล่าให้กูฟัง คือมันดูเป็นตุเป็นตะมาก ๆ” นี่คือสิ่งที่ผมสงสัยมากกว่าเรื่องทั้งหมดอีก ว่ามันลืมเล่าไปได้ยังไง

“ตอนนั้นกูคิดว่ามันไม่มีอะไร เพราะหลังจากเหตุการณ์นั้น ทะเลก็ไม่เคยไปไหนมาไหนกับเพื่อนอีก คงเพราะไม่อยากให้ใครเดือดร้อนด้วย แต่ก็มีหลายคนทีมทะเลนะเว้ย มึงก็รู้ว่ามอเราแอนตี้โซตัส การใช้อำนาจรุ่นพี่ข่มขู่คนอื่นไปเรื่อยไม่ใช่เรื่องปัญญาชนควรทำ พอวันนี้กูเห็นแก๊งนี้มาเดินในโรงอาหารก็ยิ่งแปลก”

“กูเจอทะเลแล้ว”

“ห้ะ!!” เพื่อนสองคนอุทานพร้อมกัน จริง ๆ ก็ยังไม่มีโอกาสได้เล่าให้ใครฟัง

“แล้วก็เจอตะวันแล้วด้วย”

“ห้ะ!!” พวกมันก็คือตกใจยิ่งกว่าสอบติดมหาลัยอีกมั้ง สุดเวอร์ไม่เปลี่ยนไอ้พวกนี้

“ถึงว่ามึงรู้ว่าเขาเรียนคณะเดียวกัน” พีทพูดขึ้น

ก่อนหน้าที่ผมเปิดเทอมก็แอบเป็นกังวลว่าจะเอายังไงดีเรื่องทะเล คิดกันหลายตลบเลยแหละ อย่างที่รู้ว่าทะเลไม่ใช่ทะเลเด็กเซนต์รอแยลที่พวกเรารู้จักอีกต่อไป การเข้าหาทะเลโต้ง ๆ ในโลกมหาลัยไม่ได้ทำได้ง่ายขนาดนั้น ก็ขวนขวายหาวิธีจนตอบตกลงทำกิจกรรมของคณะไปทั้งหมด เผื่อว่าจะมีโอกาสเจอเขาบ้างในงานใดงานหนึ่งก็เท่านั้น แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะรวดเร็วเหมือนอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืน

“ถึงว่ามึงไม่ตื่นเต้นเลยที่ได้เจอทะเล” มิวตบเข่าฉาดเหมือนในละครสมัยก่อน ผมได้แต่กรอกตาแล้วตักข้าวมันไก่คำแรกเข้าปาก แม้จะอยากมองว่าทะเลนั่งตรงไหนแต่ก็ไม่อยากให้เพื่อนถามรายละเอียดในการเจอมากนัก เพราะเต็มไปด้วยเรื่องน่าอาย และโคตรจะไม่เป็นตัวเองสุด ๆ เรื่องที่ผมต้องจีบทะเลนี่เลยเถิดไปไกลกว่าที่คิดกันไว้ “เล่าเลยมันมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เมาธ์มา!”

“มึงมีเรียนตอนเที่ยงครึ่งไอ้มิว นี่เที่ยงยี่สิบแล้ว” พ่อไอ้มิวที่กินกะเพราะหมดจานไปแล้ว เพราะไม่ได้เปิดปากพูดเลยเอาแต่ตั้งหน้าตั้งหน้ากินอย่างเดียว การเรียนหมอต้องทำให้เพื่อนผมสุขภาพแย่แน่ถ้ายังเป็นอย่างนี้

“ช่างแม่งแล้ววิชาแล็กเชอร์เดี๋ยวกูไปถามเพื่อนเอา จัดตารางเรียนห่าไรให้กูกินข้าวครึ่งชั่วโมง บ้าป่ะ เล่า ๆ”

“มึงได้ไปเรียนแน่มิวเพราะเรื่องของเรื่องคือไม่มีอะไร แค่ทะเลรู้ว่ากูมาเรียนที่นี่แค่นั้น”

“เห้ยได้ไง!! แค่นี้หรอ ไม่มีรำลึกความหวัง ไม่มีการอธิบายให้เข้าใจเลยหรอวะ”

ที่ผมตอบมิวไปแบบนั้นเพราะต้องการตัดบท พ่อมันส่งซิกมาไม่เลิกว่าไม่ต้องเล่า แสดงว่าวิชานี้ไอ้มิวไม่ตั้งใจเรียนและถ้ามันขาดมันก็จะยิ่งไม่เข้าใจไปกันใหญ่ จริง ๆ มิวมันไม่ใช่คนหัวไม่ดีนะ แค่สมาธิสั้น ยิ่งถ้าขาดเรียนคือกลวงเลย คาบนั้นก็โบ๋ทวนกันยาว

“ไว้ตอนเย็นไปกินชาบูกันกูเล่าให้ฟังหมดเลย กูก็มีเรียนตอนเที่ยงสี่สิบห้า”

“เออ ๆ ก็ได้วะ” มิวยอมแพ้และรีบเคี้ยวกวยจั๊บของมันไป พ่อมันยักคิ้วเชิงขอบคุณ เบื่อไอ้สองคนนี้จริง ๆ สักทีเหอะ

พวกเราเดินไปเก็บจานในที่ที่จัดไว้ สายตาดันหันไปสบตากับทะเลที่มองมาก่อนอยู่แล้ว อีกฝ่ายพยักหน้าให้เล็กน้อยส่วนผมก็ยิ้มให้ ตะวันที่นั่งข้างทะเลเห็นก็โบกมือใหญ่โต ทำไม่ร่าเริงขนาดนี้กันนะ

[Sea : กินข้าวกับอะไร]

[Summer : ข้าวมันไก่ ทะเลอะ]

[Sea : ข้าวผัดหมู เพิ่มผัก]

[Summer : อี๋ คะน้า]

[Sea : ยังไม่กินผักอีก?]

[Summer : กินบางอย่าง]

[Sea : แต่ส่วนใหญ่ไม่กิน]

ผมอมยิ้มกับโทรศัพท์ทั้งที่ยังเดินไม่พ้นโรงอาหารด้วยซ้ำ ทะเลยกยิ้มมุมปากก่อนจะเก็บมือถือเข้ากระเป๋าแล้วหันไปคุยกับเพื่อนเขา ผมไม่รู้หรอกว่าการเริ่มต้นแบบนี้มันจะจบแบบไหนในอนาคต จะลงเอยในแบบที่คาดหวังไว้หรือเปล่า หรือถ้าไม่ใช่ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะรับมือยังไง

ไม่รู้ว่าทะเลคิดกับตะวันแบบที่ตะวันคิดกับทะเลหรือเปล่า









“สวัสดีค่ะน้อง ๆ ตัวแทนทูตประชาสัมพันธ์จากทุกคณะนะคะ พี่จุ๊บแจงเป็นประธานในการจัดกิจกรรมในปีนี้ค่ะ” ทุกคนปรบมือและมีเสียงโห่ร้องจากเพื่อนของประธานกิจกรรมดังกึกก้องทั้งหอประชุม

“ในวันนี้พี่จะขอแนะนำพี่เลี้ยงที่จะมาคอยให้คำปรึกษาและดูแลน้องตลอดการประกวด ประหนึ่งเก็บตัวนางงาม แน่นอนดิฉันเป็นกะเทยงานปีนี้ก็คือไม่เล็กกว่า MU แน่” เสียงปรบมือระรอกสองที่บ่งบอกว่าชอบใจดังขึ้นอีกครั้ง

“ก่อนที่จะแนะนำพี่เลี้ยงปีนี้ พี่ต้องแจ้งให้น้องปีหนึ่งทุกคนทราบก่อนว่า โดยปกติแล้วทูตประชาสัมพันธ์ของเรานั้นจะได้รับคัดเลือกให้แสดงละครสถาปัตย์ในปีนั้น ๆ ด้วยนะคะ ซึ่งต้องบอกก่อนว่าละครสถาปัตย์ของเรานั้นชื่อเสียงเลื่องลือระบือไกล มักจะมีแมวมอง หรือเอเจนซี่ซื้อตั๋วมานั่งดูตลอดเลยน้า ชมรมละครสถาปัตย์จะมาเป็นแมวมองคอยสังเกตการณ์ตลอดช่วงเก็บตัวนะคะ ขอเสียงปรบมือให้ตัวแทนชมรมด้วยค้าาา”

รุ่นพี่ผู้ชายสามคนและผู้หญิงอีกสองคนยืนขึ้นในที่นั่งแถวหน้า ไฟสปอตไลท์ส่องไปตรงนั้น และนั่นทำให้ผมปรับสายตามองเห็นว่าผู้ชายหนึ่งในนั้นมีตะวันอยู่ด้วย

“นอกจากนี้ พี่ตะวันคนดีคนน่ารักของจุ๊บแจงยังจะมาเป็นเมนเทอร์ให้น้อง ๆ ด้วยนะคะ”  เสียงปรบมือดังเกรียวกราวทั้งหอประชุมอีกครั้ง “ใจเย็น ๆ จ้ะลูกหลาว อย่ากรี๊ดดังเด้อ ของพี่จ้า ของพี่”

“เอาล่ะค่ะ มาเริ่มกันเลยดีกว่า และคณะแรกที่พี่จะจับฉลากขึ้นมา จะได้พี่ตะวันและพี่มายด์ไปเป็นพี่เลี้ยงนะคะ...และคณะนั้นได้แก่!!”


“ศิลปกรรมศาสตร์ค่าาาา!!”


ปังมากพี่จุ๊บแจง
มือหนึ่งเรื่องจับฉลากไปเลย!!!








#ฤดูร้อนของทะเล

-------------------------------------------------




เปิดตัวตะวันนี่เรียกสะไพ้หรือเปล่านะ555555555555
มันมีอะไรมากกว่าตะวันแอบชอบทะเลน้าพวกเทอว์
แต่เราบอกแล้วว่าไม่มีดราม่าหนัก ๆ อีก แต่นี่ถือว่าเล็ก ๆ แล้วกัน

เราขอโทษที่มาอัพช้าทั้งที่บอกจะอัพวันเสาร์
การ WFH ทำให้เราไม่มีสมาธิเขียนงานเท่าไหร่
ยังไงช่วงนี้อาจจะอัพช้าบ้างนะคะ ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ


เจอกันตอนหน้าค่า


@migengbeexx

หัวข้อ: Re: UP! | SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | 13_นุ่มนิ่ม [21-04-20]
เริ่มหัวข้อโดย: mifengbee ที่ 21-04-2020 22:09:41
ตอนที่ 13
นุ่มนิ่ม
[/size]




“ทะเลลลลล๊ คนดีศรีกรุงเทพอมรรัตนใจดีจังเลยพ่อคุณพ่อยอดขนุนหนัง มาทันพอเวลาพอดีอย่างกับรู้ใจ ปีหน้าต้องได้เป็นทูตยูนิเซฟแล้วนะคะ” พี่จุ๊บแจงกำลังเยินยอประธานชมรมวิชาการที่คุ้นหน้าคุ้นตาอย่างดี ตอนแรกทุกคนก็งงว่าทำไมทะเลต้องมาดูซ้อมดาวเดือนด้วย

คำถามตอบ คือ ทะเลได้เป็นกรรมการในการประกวดด้วยไงล่ะ

“สาขาอะไรดีวะ” พี่กัสที่กำลังใช้กระดาษคิวบล็อกกิ้งพัดหน้าตัวเอง

“สาขามิตรภาพสานฝันกะเทย” และพี่มายด์พี่เลี้ยงของผมเองผู้หญิงตัวเล็กน่ารัก แต่ฝีปากกล้าตรงข้ามกับบุคลิกอย่างสิ้นเชิง

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ”

“อิเพื่อนชั่ว เดี๋ยวเถอะมึง ทะเลคนดีของกูอะเขาไม่ได้รังเกียจกะเทยหรอกใช่มั้ยคะ” ทะเลส่ายหัวก่อนจะยิ้มน้อย ๆ แล้วหยิบอาหารติดมือแล้วเดินผละตัวมาทางผม

“ไม่รังเกียจแต่เดินหนีว่ะ ฮ่า ๆ ๆ” ทุกคนดูจะมีความสุขกับการแกล้งพี่จุ๊บแจง เพราะประธานคนนี้ก็จะมีแค่ช่วงเวลาพักนี่แหละที่จะผ่อนคลาย ถ้าหากอยู่ในช่วงเวลาซ้อมเธอก็จะกลายเป็นคนเคร่งเครียดและจริงจังขนาดผมยังเคยโดนดุที่จำบล็อกกิ้งตัวเองไม่ได้

“นี่ข้าวผัดหมูกระเทียมของมึง”

เหมือนทุกวันที่ทะเลจะซื้อข้าวมาฝากตะวัน คนรับกล่องข้าวยิ้มให้ก่อนจะถอดแว่นใส่กระเป๋าเสื้อนักศึกษาและเริ่มกินข้าว “แล้วข้าวของคิมอะ เราฝากทะเลซื้อแล้วหนิ” 

“อยู่ในถุงรวมกับของคนอื่นอะ ข้าวผัดหมูไม่ผัก” ทะเลที่นั่งลงข้างตะวันพูดขึ้น ก่อนที่เขาจะยกน้ำเปล่าขึ้นจิบโดยไม่ได้ใส่ใจที่จะตอบสักเท่าไหร่

“ขอบคุณครับ” ผมทำได้แค่ตอบรับไป แล้วลุกเดินไปหยิบกล่องข้าวของตัวเองที่รวมอยู่ในถุงขนมและของกินเล่น แต่ว่ามันกลับเป็นข้าวที่บรรจุในกล่องทัปเปอร์แวร์อย่างดี ยังรู้สึกอุ่นอยู่ แถมยังอยู่ในถุงเก็บความร้อนอีกด้วย

‘อย่าเขี่ยแครอทออก แค่ชิ้นเล็ก ๆ เคี้ยวรวมกันไป คงไม่มีรสชาติอะไร’

ลายมือที่ผมคุ้นตาอย่างดี แม้จะเห็นล่าสุดก็ตอนม.6 ท่าทางที่เหมือนไม่แคร์ และไม่ได้สนใจผมขนาดนั้นก็พอจะมองออกว่าเพราะอะไร มีรุ่นพี่จับกลุ่มห่างออกไปมองมาทางนี้ด้วยสายตาที่ไม่ได้ยินดีที่ทะเลโผล่มาที่นี่บ่อย ๆ เขาเลยไม่พยายามตีสนิทกับใครนอกจากเพื่อนของตัวเอง

[Sea : อร่อยมากเลย ทำเองหรอ]

[Summer : อร่อยก็กินให้หมด]

[Sea : เห็นหรือเปล่าว่ายิ้มอยู่]

[Summer : ไม่ได้ตาบอด]

[Sea : อิอิ]
[Sea : ขอบคุณนะ พรุ่งนี้ขอเป็นกะเพราไข่ดาวสุกได้ป่าว]

[Summer : ได้คืบเอาศอก]


คนปากหนักเสมองมาทางผมก่อนจะยกคิ้วให้ทีหนึ่ง แล้วหันกลับไปคุยกับตะวันต่อ นี่เหมือนแอบเล่นชู้ยังไงพิกลแฮะ ทั้งที่หลายคนก็รู้ว่าผมและทะเลรู้จักกันมาก่อนแต่กลับไม่คิดว่าเราสนิทกัน และจุดประสงค์ที่ทะเลมาที่นี่ไม่ใช่เพราะมาในนามของกรรมการตัดสินดาวเดือน

แต่มาคุมความประพฤติผมต่างหาก

ใช่ ผมและทะเลตีกันไปรอบหนึ่งเพราะทะเลไม่อยากให้เข้าประกวดดาวเดือนอะไรนี่ ทั้งที่เจ้าตัวก็รู้ว่าผมได้รับคัดเลือกตั้งแต่ยังไม่เปิดเทอม ทะเลก็คือทะเลถ้าจะรั้นก็คือไม่ฟังอะไรทั้งนั้น อีกฝ่ายให้เหตุผลว่าไม่อยากให้เข้ามาเจอความวุ่นวายของเบื้องหลังการประกวด ผมเลยพลั้งปากพูดเรื่องที่เขามีปัญหากับรุ่นพี่ในกองประกวด กลายเป็นโดนทะเลทั้งซักทั้งฟอกว่าไปรู้มาจากไหน ก็เลยบอกชื่อแหล่งข่าวไปจนได้ ซอรี่นะมิวเพื่อนรัก

พอทะเลรู้ว่าผมรู้ เจ้าตัวก็เลยเล่าเหตุการณ์หลายอย่างที่เจอมาตลอดให้ฟัง และมันแย่กว่าที่มิวรู้มาก ๆ  ไม่ใช่แค่รุ่นพี่พวกนี้มีอิทธิพลแค่ในกองประกวด แต่แผ่อำนาจไปถึงอาจารย์ และศิษย์เก่าอีกหลายคน เพราะหนึ่งในนั้นมีลูกชายนักการเมืองอยู่ด้วย บ้าอำนาจเหมือนลุงข้างบ้านชะมัด ทะเลบอกว่าไม่รู้ว่าเพราะคะแนนสอบของทะเลมันสูงจนอีกคนไม่ติดฝุ่น หรือวันปฐมนิเทศที่พ่อตัวเองมาฟังแล้วทะเลเป็นคนได้เป็นตัวแทนนักศึกษาหรือเปล่า

คงรู้สึกเสียหน้า มีปมด้อยทะเลบอกแบบนั้น เขาเลยไม่ค่อยสนใจ ให้ผมเดาที่บอกจะมาคุมความประพฤติ ก็เพราะกลัวว่าผมจะโดนแกงค์ลูกนักการเมืองเพ่งเล็งมากกว่า เลยตามมาดูทุกวัน อีกฝ่ายคงสืบไม่ยากหรอกว่าผมและทะเลเคยรู้จักกันมาก่อน แต่ไม่แน่ใจว่าสืบไปถึงไหน ทะเลคงกำลังหยั่งเชิงกลัวฝ่ายนั้นคงพุ่งเป้ามาที่ผมแทน

เอาจริงผมไม่กลัวเท่าไหร่หรอก และจริง ๆ ทะเลก็ไม่ค่อยสนใจ คงแค่อยากมีชีวิตสงบ ๆ ในรั้วมหาวิทยาลัยมากกว่า

[Summer : เดี๋ยวรอที่รถนะ เสร็จแล้วไลน์มาบอก]

ทะเลทำผมเคยตัว หลายอาทิตย์มานี้เขาเทียวไปรับไปส่งใช้ข้ออ้างสารพัดบอกเดี๋ยวผมขับรถไปชนใคร อาจจะมีใครซวยบนท้องถนนเพราะผม หรือตัวเองอาจจะเดี้ยงไปตลอดจากหลับใน

แค่คำพูดง่าย ๆ อย่างเป็นห่วงไม่ยักจะหลุดจากปาก

ผมว่าผมเห็นอะไรที่มันชัดเจนมากขึ้นแล้วแหละ แม้ทะเลจะไม่เคยพูดหรือตกลงอะไร แต่สิ่งที่เขาทำทุกวันก็ยืนยันได้ว่าเขาก็ยินดีที่จะรับผมเข้ามาให้ชีวิตอีกครั้ง การเทคแคร์เล็ก ๆ น้อย ๆ หรือทำอะไรที่เพื่อนไม่ทำให้กันก็การันตีได้ระดับหนึ่งว่าผมไม่ได้พยายามจีบเขาอยู่ฝ่ายเดียว อีกฝ่ายเขาก็มีฟีดแบ็คเป็นการกระทำที่ดีตอบแทนเหมือนกัน

“วันนี้กวินมันมาที่กองกูไม่ไว้ใจ”

“ก็เห็นเขามาปกติหนิ เขาก็เป็นกรรมการเหมือนทะเลไม่ใช่หรอ”

ผมกลับบ้านดึก ๆ หลายวันติด แถมกลับไปยังต้องปั่นการบ้านต่ออีกกว่าจะได้นอนก็ตีสองตีสามตลอด เหตุนี้แหละสารถีเขาเลยขัดขาเวลาที่ผมปฏิเสธที่จะให้เขาไปรับไปส่ง เอาจริงตัวเองก็ไม่มั่นใจอย่างที่พูดหรอก แค่ขึ้นรถเจอแอร์เย็น ๆ ก็จะวูบแล้ว

“ก็ใช่ แต่วันนี้มันมองมึงตลอด”

“โอ้...หรอ รู้ได้ไงอะ” ผมทำตาโตใส่เขา

“ก็เห็น”

“ไม่ใช่ก็มองเราเหมือนกันหรอ”

“...” ทะเลที่กำลังดึงสายเบลท์มาคาด ถึงกับชะงัก แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรตามเคย

“นี่ทะเล”

“อะไรอีก พูดไปหาวไปไม่ปิดปากอีกแล้วนะ น่าเกลีดจริง ๆ”

“ก็คนมันง่วงอะ อย่าเพิ่งขัดสิ”

“แล้วรั้นจะขับรถเอง ไม่เจียมเลย” ทะเลยื่นมือมาผลักหัวผมเบา ๆ ก็เลยได้ทีคว้ามือใหญ่มาจับไว้

“สรุปตอนนี้เราจีบทะเล หรือว่าทะเลจีบเรา”

“ต้องเป็นมึงอยู่แล้วป่ะ กูจะไปจีบอะไรมึงยังไม่ได้ทำอะไรเลย”


“ก็ที่ไปรับไปส่ง ซื้อข้าวมาให้ ทำของอร่อย ๆ มาให้กิน แถมยังมาเฝ้ากลัวใครมาจีบอีก” มือใหญ่ไม่ได้ปัดป่ายที่ผมรวมมือเขามากุมไว้ และเท่าที่สังเกตทะเลจะไม่แตะต้องตัวผมเลยถ้าผมไม่เริ่มก่อน

“น้อย ๆ หน่อยคิมหันต์ ใครมาเฝ้าไม่ทราบ” สารถีเสหันออกไปมองนอกหน้าต่างรถแก้เก้อเขิน เขาแอบยิ้ม เห็นเพราะกระจกฟิล์มดำสนิทมันสะท้อนในความมืด

ผมสอดนิ้วเข้าไปประสานกับนิ้วเรียวยาว และอีกฝ่ายก็รวบนิ้วเข้ามาจนกลายเป็นเราประสานมือกัน “ก็ทะเลไงมาเฝ้าทุกวันเลย อ้างว่ากลัวกวินมาหาเรื่องบ้าง อ้างว่ากลัวรุ่นพี่จะแกล้งบ้าง ทั้งที่มาก็มานั่งดูเฉย ๆ ไม่เห็นจะได้คุยกัน แถมไม่เห็นทะเลมีหน้าที่ทำอะไรเลย อ้างเก่งอ้างไปเรื่อย”

“มาหาตะวันไง”


“...”

“...”

“อ่อ หรอ เราเข้าใจผิดเองหรอ อื้ม ๆ”

พยายามจะแกะมือที่กอบกุมกันอยู่ออก แต่เจ้าของมือใหญ่ดันบีบมันแน่นเข้าไปอีก เหงื่อเริ่มชื้นขึ้นที่ฝ่ามือของเราทั้งคู่ “เก่งจังบั่นทอนความรู้สึกคนอื่นเนี่ย”

“...”

“ทำไมตอนนั้นถึงได้ให้กำลังใจเราเก่งจัง แต่ตอนนี้เหมือนคนละกัน หรือจริง ๆ ตอนนั้นแค่สับสนกันแน่” ผมยังไม่ละความพยายามจะแกะมือใหญ่ที่เริ่มบีบแรงจนรู้สึกเจ็บออกจากการเกาะกุม

“เฮ้ มันไม่ใช่แบบนั้น นี่กำลังจะทะเลาะกันหรือเปล่า”

“แล้วใครเป็นคนเริ่ม”

“โอเค ๆ ขอโทษที่พูดเรื่องตะวัน”

“ไม่ต้องพูดชื่อได้ป่ะ”

“ไม่ชอบตะวันหรือไง”

“ก็ไม่ชอบตั้งแต่รู้ว่าตะวันชอบเธอนั่นแหละ”

“แต่…”

“แต่ก็ยังทำตัวปกติได้ ก็เรื่องที่เขาเป็นพี่เลี้ยงที่ดีมันคนละเรื่องกับที่ตะวันชอบเธอหนิ แค่ไม่มั่นใจว่าทะเลรู้สึกกับตะวันแบบไหนพอได้ยินแบบนี้ก็เริ่มคิดแล้วว่าจริง ๆ เราอาจจะเข้ามาไม่ถูกเวลาอีกแล้วก็ได้” ผมล้มเลิกการแกะมือตัวเองออกจากมือใหญ่ เลือกจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ แทน

จังหวะพอดีกับไฟแดงแยกสุดท้ายก่อนจะเลี้ยวเข้าหมู่บ้านของผม ทะเลเลยได้โอกาส 60 วินาทีใช้มืออีกข้างที่เคยจับพวงมาลัยมาจับมือผมที่พยายามจะแกะมือเขาออก

“ฟังก่อน”

“...”

“ตอนนั้นสาบานสิว่าไม่รู้ว่ากูรู้สึกยังไง ถ้าไม่รู้ทำไมตัวเองต้องเสียใจ ทำไมต้องพยายามที่จะกลับมา ก็เพราะแน่ใจไม่ใช่หรอว่ารู้สึกแบบเดียวกัน” ผมมองเข้าไปในดวงตาของเขา ตาคมกำลังสะกดให้ผู้ฟังคล้อยตามอย่างง่ายดาย

“กูไม่ได้สับสนในตัวเองที่จะยอมรับว่าตัวเองชอบผู้ชายไม่ได้ ยอมรับได้ตั้งแต่เห็นมึงในวิดีโอที่เรียนพิเศษแล้ว ส่วนเรื่องตะวันกูไม่เคยคิดอะไรกับเขา”

“แล้วรู้หรือเปล่าว่าตะวันคิด”

“รู้ แต่เขาไม่เคยล้ำเส้น และตะวันก็เป็นเพื่อนที่ดีมาตลอด กูเข้าใจดีความผิดหวังที่ถูกปฏิเสธมันเป็นยังไง กูยังทำไม่ลง”

ผมทำได้แค่ยู่ปากให้เขาไปทีกับความงี่เง่าที่ประเดประดังเข้ามา ราวกับเด็กมอต้นใส่ชุดคอซองที่อินเพลงขนมจีนยังไงอย่างงั้น ทะเลหันไปขับรถต่อทั้งที่ยังไม่ได้ปล่อยมืออีกข้างออกจากมือผม เขาถอนหายใจออกมาแรง ๆ เพราะต้องพูดประโยคยาว ๆ ทั้งที่ไม่ค่อยชอบพูดเท่าไหร่

“เข้าใจมั้ยเนี่ย”

“เข้าใจ”

“เข้าใจว่า”

“เข้าใจว่าทะเลก็คิดเหมือนกัน”

“ตอนนั้น”

“แล้วตอนนี้ล่ะ”

“ใกล้แล้ว”

สารถีหันมามองผมด้วยแววตาที่อ่อนโยน เป็นครั้งแรกที่เขาเผยความรู้สึกผ่านดวงตาคมคู่นี้ตั้งแต่กลับมาเจอกัน ความเรียบเฉยคือความปกติที่เขาแสดงออกเสมอ แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยที่เขาใช้สายตาแบบนี้มองกัน

จุ๊บ

“ขอบคุณนะ”

ผมยกหลังมือของทะเลขึ้นมาจุ๊บเบา ๆ เขาดูตกใจที่ผมทำแบบนั้น แต่ไม่ยักจะพูดอะไรเลยนอกจากยกยิ้มมุกปากเหมือนที่ชอบทำเวลาผมทำอะไรตลก ๆ รถหรูเลี้ยวเข้าหมู่บ้านที่ช่วงนี้ชักจะมาบ่อยจนยามไม่สอบถามอะไร เปิดประตูให้เข้าอย่างง่ายดาย ถ้าแฝงตัวเป็นโจรก็โดนยกเค้าทั้งหมู่บ้านแน่ ไว้ใจคนหล่อเก่งมากยามหมู่บ้านนี้

“ไม่ต้องมามองกันแบบนั้น”

“แบบไหน”

“สายตาสาวน้อยในการ์ตูนเล่มสามห้าบาท”

“งั้นก็รู้สึกว่าเป็นสายตาตกหลุมรัก”

ทะเลถึงกับถอนหายใจออกมายาว ๆ แล้วปลดล็อครถเพื่อเป็นสัญญะว่าผมควรลงจากรถเข้าบ้านได้แล้ว แต่มือผมยังไม่ยอมปล่อยมือเขาเลยน่ะสิ “ใจเต้นหรือเปล่า”

เขาเลิกคิ้วถามว่าแปลได้ว่าใจเต้นอะไร

“ตอนที่จุ๊บ”

“หึ ไม่อะ เฉย ๆ”

“แต่ทะเลยิ้ม”

“ถ้าจุ๊บที่อื่นอาจจะเต้นกว่านี้”

“หรอ ๆ ที่ไหนดีน้าคราวหน้า” ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ เขา ทำหน้ายียวนกวนประสาทแบบที่ชอบทำตอนล้อว่าเขาหน้าตาย

“อย่ามาแก่แดดแก่ลม ลงไปได้แล้วจะกลับไปนอน” เจ้าของเสียงทุ้มแกะมือตัวเองออกแล้วขยี้ผมก่อนจะผลักเบา ๆ แถมยังใจดีเอื้อมมือมาเปิดประตูให้อีก

ใจดีหรืออ่อยกันแน่ หน้าเขาห่างจากปลายจมูกผมไม่ถึงคืบ กลิ่น Chanel Bleu De ลอยเข้าจมูกอย่างจัง แค่นี้ก็ใจเต้นจนจะทะลุจากอกอยู่แล้ว หัวหน้าไอ้นี่มันร้ายนะคะ!

“ไปก็ได้ ขอบคุณนะที่มาส่ง พรุ่งนี้มารับด้วยตามตารางเรียน”

“พรุ่งนี้มึงเรียนบ่ายไม่ใช่หรอ ไปเองนะ เดี๋ยวเย็นว่ากันอีกที”

“ทะเลเรียนเช้านี่นา ว้าาาา กำลังคิดว่าพรุ่งนี้จะมอร์นิ่งคิสซะหน่อย”

“เพ้อเจ้อ”

“เขินหรอคะ ว้าย ๆ ๆ ๆ”

ทะเลปิดประตูใส่ผมเต็มแรง ก่อนจะเหยียบคันเร่งกลับรถแล้วออกจากหน้าบ้านไป อาการของคนเขินก็จะเป็นแบบนี้ล่ะครับ ไม่ค่อยยอมรับหรอกแต่แสดงออกชัดมาก น่ารักเป็นบ้า แต่เดี๋ยวนะ นี่เราแรดขึ้นหรือเปล่า แค่จีบผู้ชายคนเดียวเองทำไมรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองขนาดนี้

แล้วกลิ่นน้ำหอมนี่มันตีรวนในโสตประสาทได้นานขนาดที่หน้ายังร้อนอยู่เลย
เพราะกลิ่น Chanel หรือเพราะทะเลกันแน่










มีต่อ
หัวข้อ: Re: UP! | SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | 13_นุ่มนิ่ม [21-04-20]
เริ่มหัวข้อโดย: mifengbee ที่ 21-04-2020 22:12:05
และแล้ววันซ้อมใหญ่ก็มาถึง หอประชุมประจำวิทยาลัยเป็นสถานที่ในการในการจัดกิจกรรมสำคัญในวันพรุ่งนี้ รอบบริเวณมีทีมงานหลายฝ่ายทั้งทีมนักศึกษา และทีมออกาไนเซอร์ที่มหาวิทยาลัยจ้างมาเพื่ออำนวยความเป็นระเบียบเรียบร้อยของงาน แม้ขณะนี้จะล่วงเข้าวันใหม่อยู่แล้วแต่ก็ยังมีทีมงานกระจัดกระจายเต็มบริเวร

“น้อง ๆ คะพี่รู้ว่าทุกคนเหนื่อย แต่พี่ขออีกรอบเดียว ยังมีบางคนจำคิวตัวเองไม่ได้ ก้าวขาผิด เต้นผิด ถ้าหนูผิดอยู่แบบนี้เพื่อน ๆ ก็ต้องซ้อมใหม่กับหนูอีกรอบนะลูก และสิ่งที่เราทำกันมาทั้งหมดก็จบเลยนะคะ” พี่จุ๊บแจงพูดใส่ไมค์ลอยที่ถือในมือ บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาทันที ทุกคนทั้งเหนื่อยทั้งง่วง ไม่มีใครอยากซ้อมอีกแล้ว แต่ถ้ามันยังไม่ดีมันก็ไม่ควรถุกปล่อยผ่านอย่างที่พี่จุ๊บแจงบอกจริง ๆ

“พักสิบนาทีนะคะ เดี๋ยวกลับมาซ้อมรอบสุดท้ายค่ะ ฮึบหน่อยนะคะทุกโค้นนนนน” บรรยากาศก็กลับมาผ่อนคลายอีกครั้งจากคนเดิมเช่นกัน ผมว่าคนที่เหนื่อยกว่าพวกผมน่าจะเป็นพี่ ๆ ที่ที่มาดูแลมากกว่า หลายคนเริ่มเรียนหนักและมีสอบย่อยบ้างแล้ว ผมเห็นหลายคนเอาการบ้านมาทำตอนซ้อมบ่อย ๆ ใจเขาใจเรา พี่ ๆ ทุ่มเทขนาดนี้ผมและเพื่อน ๆ ก็ควรทุ่มเทเหมือนกันก็ถูกต้องแล้ว

“เหนื่อยมั้ยคิม”

“ไม่เท่าไหร่ครับ ชินแล้วแหละ” ตะวันเดินเข้ามาถามตามประสาพี่เลี้ยง ส่วนพี่มายด์ก็รับหน้าที่ดูแลปลายฝนดาวเคืองบ่าเคียงไหล่เดือนอย่างผม ปลายดูจะเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัดจากอาการไม่สบายมาหลายวัน แต่เธอก็ไม่ยอมหยุดซ้อม เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นลำบากไปด้วย

“ปลายโอเคมั้ย หน้าซีดมากเลย”

“เราโอเค แค่เหนื่อยนิดหน่อย” สาวเจ้าของผมสำดำขลับตอบด้วยเสียงแหบแห้ง และรอยยิ้มสุดฝืน “แค่คิมไม่แย่งเรากินของเบรกก็น่าจะดีขึ้นนะ”

“เห้ย เรากินเยอะขนาดนั้นเลยหรอ”

“ล้อเล่นน่า” ปลายฝนยิ้มตาหยีทั้งที่ใบหน้าเหนื่อยจนปิดไม่มิด

“เดี๋ยวขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บนะครับ จะรีบกลับมา” ผมเดินเลี่ยงออกมาเพื่อเข้าห้องน้ำที่อยู่นอกห้องประชุม ทางเดินมีสิ่งของวางระเระระกะจากการงานช่างไฟ และพร๊อพทำเวที รวมถึงอุปกรณ์เครื่องเสียงที่ต้องทำการติดตั้ง ทำให้ผมต้องเดินอ้อมมาในจุดที่ไม่มีไฟส่องถึง ขณะที่สายตากำลังปรับกับระดับความมืดเฉียบพลันที่เจอ จู่ ๆ ก็ถูกดึงแขนอย่างแรง

“เห้ย!!”

“...” ผมมองไม่เห็นว่าใครเป็นคนมาดึงแขนผม รู้แค่เป็นผู้ชายจากแรงกำที่ข้อมือ

“เดี๋ยวดิ ใครอะ!! จะไปไหน!” ผมพูดดังแต่คงไม่ไม่ใครได้ยินเสียงโวยวาย เพราะข้างในหอประชุมกำลังซาวด์เช็กพอดิบพอดี อย่างกับคนตรงหน้ารู้อย่างนั้น

แสงที่ลอดผ่านผ้าม่านทำให้ผมพอจะมองเห็นว่าเขาเป็นผู้ชายตัวค่อนข้างใหญ่ สวมเสื้อนักศึกษา และผมสีอ่อน

“กวิน! ใช่หรือเปล่า เห้ย ปล่อยนะเว้ยทำอะไรวะ!!”

อีกฝ่ายหยุดเดินเพราะผมเริ่มขัดขืนรุนแรง แม้ผมจะไม่ได้รูปร่างใหญ่ใกล้เคียงเขาเลย แต่ส่วนสูงเราไม่ได้ต่างกันมากทำให้ใบหน้าที่คุ้นตาปรากฏต่อสายตาแม้แสงจะเลือนลางก็จดจำดวงตาที่ไร้ความเป็นมิตร เย่อหยิ่ง และแข็งกร้าวได้ดี

กวินในเงามืดยิ่งดูน่ากลัวกว่าตอนปกติ อารมณ์ที่ปะทุออกมารอบตัวเขามันแผ่กระจายออกมาจนรู้สึกกลัว มือใหญ่อีกข้างบีบแก้มของผมจนเจ็บไปหมด “ต้องการอะไร เจ็บนะเว้ย!”

“มึงกับทะเลเป็นอะไรกัน”

“มันไม่ใช่เรื่องของมึง!” แม้ความกลัวจะเข้าครอบงำจิตใจของผมทุกที แต่ยิ่งเขารู้ว่าผมกลัว เขาก็จะยิ่งทำมากขึ้น เขาไม่กล้าทำอะไรมากที่นี่ไม่ใช่ที่ลับสายตาคนขนาดนั้น

“อย่าปากดี! มึงรู้ใช่มั้ยว่าที่นี่ใครก็ไม่มีสิทธิ์เป็นเพื่อนกับไอ้เหี้ยทะเล ถ้ากูไม่อนุญาต!!”

“มึงมันประสาท อยากทำเหี้ยอะไรก็ทำไปเถอะ กูไม่กลัวมึงหรอก!” กวินบีบแก้มผมแรงขึ้น มันรู้สึกเจ็บจนน้ำตาจะไหล มือใหญ่อีกข้างของเขาก็บีบข้อมือผมแน่นจนแสบไปหมด กวินต้องมีอาการทางจิตแน่ ๆ แต่ทำไมต้องเคียดแค้นทะเลขนาดนี้ด้วย

“ดี...ดี กูชอบกล้าแบบนี้ กูบอกมึงดี ๆ แล้วนะ เดี๋ยวมึงก็รู้ว่ากูทำอะไรได้บ้าง”

“...”

“ถ้ายังอยากเรียนที่ก็เลิกยุ่งกับมันซะ!!”

พรึ่บ!

แสงไฟตรงทางเดินสว่างขึ้น เดาว่าเมื่อครู่ทีมช่างกำลังเช็กไฟอยู่ กวินอาศัยจังหวะนี้ผละตัวออกและเดินเลี่ยงไปอย่างรวดเร็ว ทีมงานช่างไฟสองสามคนเดินเข้ามาหาผมที่ทรุดลงกับพื้นและหายใจหอบรุนแรง

“น้องเป็นอะไรทำไมมานั่งมืด ๆ” พี่ผู้ชายผิวแทนสำเนียงทองแดงถามผมขึ้น

“จะเป็นลมบ่ครับ มาอ้ายซอยหล้า” พี่ทีมงานอีกคนที่พูดภาษาอีสานช่วยพยังผมให้ลุกขึ้นยืน ก่อนจะพาไปนั่งที่ริมระเบียง “เหงื่อออกเต็มเลย บักบู ๆ มึงหาหยังมาพัดให้น้องเขาแน ไปนำนักศึกษาข้างในมานำเด้อ บอกว่ามีคนเป็นลม”

“พี่ ๆ ไม่ต้องครับ ผมไม่เป็นไรมาก ขอนั่งพักแป๊บเดียว”

“แต่หน้าน้องซีดมากเลยนะ ไหวแน่หรอ” พี่สำเนียงทองแดงคนเดิมถามขึ้น ผมได้แค่พยักหน้าแล้วหายใจเข้าปอดลึก ๆ ก่อนจะยืนขึ้นและยกมือไหว้พวกพี่เขา แล้วเดินกลับไปในหอประชุมราวกับก่อนหน้านี้ไม่ได้มีอะไรเกินขึ้น

ผมว่าเรื่องนี้มันต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังมากกว่าเด็กขี้อิจฉาคนหนึ่ง กวินดูแค้นทะเลจนน่ากลัว เมื่อครู่หากไฟไม่เปิดเขาอาจจะทำร้ายร่างกายผมมากกว่านี้ก็ได้ แววตาเขาดูไม่ปกติเลยสักนิดเดียว ต้องแน่ใจก่อนที่จะบอกทะเล ผมไม่อยากให้ทะเลเป็นเป้านิ่งให้เขาเล่นงานอีก





เลิกซ้อมประมาณตีหนึ่งสิบห้า หลังจากที่พวกพี่ ๆ เขาประเมินว่าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี มีนัดแนะเวลาและสถานที่สำหรับวันพรุ่งนี้อีกนิดหน่อย ผมเดินมาส่งปลายฝนที่รถของคุณแม่ที่มารอรับ เจ้าตัวดูอิดโรยพอสมควร ได้แต่ถามย้ำว่าไหวหรือเปล่า อีกฝ่ายที่ใจสู้เหลือเกินย้ำกลับมาตลอดว่าโอเคมาก ๆ ผมนี่สิตอบคำถามปลายไม่ได้ว่าทำไมแก้มแดงเป็นปื้ดขนาดนี้ ได้แต่เลี่ยงบาลีว่าแพ้ฝุ่น ทั้งที่มันเริ่มเห็นรอยช้ำชัดเจน

บรื้นนน บรื้นนน

“คิม!! ระวัง!!”

ผมส่งปลายฝนขึ้นรถแล้วกำลังจะเดินไปที่ลานจอดรถ ทะเลไลน์มาบอกว่ารออยู่ในรถแล้ว แต่ก็มีมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์คันหนึ่งขับตรงมาทางผมความเร็วสูง ด้วยความตกใจทำให้ผมรีบก้าวเท้าขึ้นมาบนฟุตบาธ ตัวหลบรถได้แต่ขาซ้ายดันไม่พ้นโดนช่วงตัวของรถและความเร็วเฉี่ยวไปเต็ม ๆ

“โอ้ยย”

“คิม!! เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมขับรถแบบนี้นะ!!”

“ม้า คิมเลือดออก พาไปโรงพยาบาลเถอะ”

“มาเร็วลูกขึ้นรถ ไหวหรือเปล่า อะไรกันเนี่ยทำไมดึกดื่นบบนี้ถึงขับรถเร็วจังเลย!” แม่ของปลายฝนรีบวิ่งมาช่วยพยุงผม ตอนนี้เหมือนขาที่โดนเฉี่ยวไม่รู้สึกอะไรเลย

“ลูกจำทะเบียนรถได้หรือเปล่า”

“เหมือนไม่ได้ติดทะเบียนนะคะ จงใจชัด ๆ!”

สองแม่ลูกพยายามพยุงผมขึ้นจากฟุตบาธ แต่ความเจ็บก็แล่นแปล๊บขึ้นมาบริเวณหัวเข่าเลย “โอ๊ะ จะ เจ็บครับ เจ็บมากเลย ผมว่าผมเดินไปที่รถไม่ไหวแน่เลย มันเจ็บมากครับ”

“งั้นเดี๋ยวม้าไปถอยรถมารับนะคะ น้องคิมอยู่นิ่ง ๆ นะลูก” คุณแม่ที่ดูตกใจพยายามจะช่วยเหลือทุกอย่าง แต่เธอก็คงไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ซึ่งหน้า ผมจะไม่มีวันลืมความใจดีของปลายฝนและแม่ของเธอเลย

“ม้า หรือว่าเราควรโทร 1669 ดีคะ อาจจะต้องปฐมพยาบาล ไม่รู้ว่าคิมขาหักหรือเปล่า”

“เอางั้นหรอคะ งั้นเดี๋ยวม้าโทรเลยดีกว่า”

“อย่าเพิ่งครับ! ผมไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ เดี๋ยวผมโทรให้เพื่อนมาช่วย เพื่อนผมพอรู้วิธี”







“ไม่ถึงกับหักนะครับ แค่มีรอยร้าวตรงช่วงหน้าขา ต้องขอบคุณคนปฐมพยาบาลนะ รู้วิธีที่ถูกต้องไม่งั้นอาจจะร้าวหนักกว่านี้ ส่วนอาการถลอกและฟกช้ำไม่น่าเป็นห่วง หมอจะให้ยาลดปวด และยาทา จะช่วยบรรเทาได้ ไม่เกินอาทิตย์น่าจะหาย ส่วนขาต้องดามเฝือกไปก่อนนะ”

“แล้วผมจะเดินได้มั้ยครับ”

“ลองดูสิ”

พอหมอพูดแบบนั้นก็เลยเอาเท้าเหยียบพื้น ปรากฏว่ามันเจ็บจี๊ดทั้งที่ยังไม่ได้ลงน้ำหนักเลยด้วยซ้ำ โอเคชัดเจนในคำตอบของคุณหมอ

“เจ็บใช่มั้ย นั่นเพราะอาการร้าวของกระดูกส่งผลต่อกล้ามเนื้อด้วย อาจจะต้องงดเดินในช่วงนี้ ถ้าพรุ่งนี้สะดวกหมอจะนัดให้ไปเจอหมอกายภาพ เขาจะสอนวิธีใช้ไม้เท้า การลงน้ำหนักว่าจะต้องพยุงตัวเองยังไงในระยะนี้ ถ้าเท้าอีกข้างไม่เจ็บหมอก็จะพอสาธิตให้ได้อยู่ แต่นิ้วก้อยคคนไข้เคล็ดด้วยอาจจะต้องไปเจอหมอกายภาพน่าจะดีกว่า”

“ครับ”

“มีเพื่อนมาใช่มั้ย เดี๋ยวหมอขอคุยกับเพื่อนด้วยสิ”

“พยาบาลครับตามญาติคนไข้ให้หน่อย ขอรถเข็นด้วยนะ”

พยาบาลเข็นรถเข็นพาผมออกมาที่หน้าห้องจ่ายยา ไม่ไกลจากห้องฉุกเฉินสักเท่าไหร่ คุณหมอคงอยากคุยเรื่องการดูแลคนขาเดี้ยงในช่วงนี้ล่ะมั้ง จากสีหน้าสุดเซ็งที่แสดงออกไป ก็คงเดาไม่ยากว่าความดื้อดันทุรังจะทำให้ผมเจ็บไม่หาย คงต้องอาศัยคนรอบข้างช่วยอีกแรง

“ไง เป๋ หงอยเป็นหมาป่วยเลยนะ” ทะเลใส่ชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นพร้อมนอน ซึ่งจริง ๆ เขาก็นอนไปแล้วจากที่รู้ แต่ตั้งนาฬิกาปลุกเพื่อตื่นมารับผมกลับ แต่ต้องพามาส่งโรงพยาบาลแทน

“ขอบคุณนะทะเล ถ้าทะเลไม่อยู่ตรงนั้นเราอาจจะเจ็บกว่านี้ หมอบอกแล้วใช่มั้ยว่าคนปฐมพยาบาลเก่งมาก”

เขาพยักหน้ารับ สายตาที่มองมาเต็มไปด้วยความห่วงใยอย่างเห็นได้ชัด คราวนี้ไม่ต้องตีความจากความหมายที่ส่งมาเลย มันชัดเจนซะจนอยากยิ้ม แต่ยิ้มไม่ออกเลยปวดตัวไปหมด “หมอบอกว่าพรุ่งนี้มึงต้องมาหาหมอกายภาพ”

“ไม่ได้ดิ พรุ่งนี้มีประกวด”

“สภาพแบบนี้จะคิดว่าตัวเองจะไปไหวหรือไง ฝันเถอะว่ากูจะให้ไป”

“เห้ยทะเล ไม่ได้ดิ แล้วที่ซ้อมมาตลอดล่ะ สงสารพี่ ๆ เขา ปลายฝนอีก”

“ถ้าพวกมันเห็นสภาพมึงเป็นแบบนี้ แล้วยังให้ขึ้นเวที กูจะแจ้งจับพวกมันข้อหาใช้แรงงานคนป่วย”

ผมยิ้มกับความฉุนเฉียวของเขา “มีหรือไงข้อหานี้”

ทะเลจ้องเข้ามาที่ตาของผมก่อนจะยกมือจับเส้นผมที่ปรกหน้าออกให้ “แค่นี้กูก็เป็นห่วงมึงจะแย่อยู่แล้ว อย่าทำอะไรให้กูเป็นห่วงกว่านี้เลยนุ่มนิ่ม”

“นุ่มนิ่ม?”

“ใช่ ตอนนี้มึงสภาพเหมือนมาร์ชเมลโล่โง่ ๆ โดนย่างไฟ เหลวเป๋วไปหมด ไม่เหลือเค้าเดือนศิลกรรมเลยสักนิด” มือของทะเลลูบหัวผมเบา ๆ “กูไม่ชอบเห็นมึงเจ็บเลย กูเจ็บแทนได้คงดีกว่า”

ผมได้แต่ยู่ปากกับคำพูดของเขา ใจเต้นระส่ำ ดีใจที่เขาพูดความรู้สึกของตัวเองออกมาบ้าง แต่ก็รู้ว่าไม่ใช่เวลาที่จะมาเขินอายเล่นใหญ่อย่างที่เคยทำ ถ้าทะเลรู้ว่าต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดมันมาจากใคร เขาจะรู้สึกผิดแค่ไหนที่ผมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ คนอย่างทะเลคงเอาแต่โทษตัวเองที่เป็นสาเหตุ



เราออกจากโรงพยาบาลก็ตีสามครึ่งไปแล้ว อีกนิดก็ไปรอตักบาตรเช้าได้เลย ก่อนออกมามีเจ้าหน้าประกันภัยมาถามผมเรื่องการแจ้งความ แต่ผมปฏิเสธเพราะจำเลขทะเบียนคนขับไม่ได้ พี่เขาก็บอกว่าไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเทคโนโลยีสมัยนี้ ผมได้แต่ส่ายหัวเพราะอยากให้มันเป็นอุบัติเหตุและคราวซวยของตัวเอง ทะเลมีท่าทีไม่เห็นด้วยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

“ทำไม่พามานี่อะ” ที่นี่ก็คือคอนโดสุดหรูหราหมาเห่าของคุณทะเลเขา ผมยังไม่เคยมาหรอกนะ ก็มีครั้งนั้นที่ทะเลทิ้งรถไว้ที่มอนั่นแหละผมก็เลยได้มารับตอนเช้า จากนั้นก็ไม่ได้ย่างกรายมาที่นี่อีกเลย

“คิดว่าถ้าพ่อแม่พี่สาวมึงเห็นลูกชายคนเดียวของบ้านสภาพนี้ในเวลาตีสามจะรู้สึกยังไง”

“ช็อกแน่” จินตนาการได้ไม่ยากเลย แค่ผมเหลาดินสอบาดมือพ่อยังเล่นใหญ่จะขับรถไปส่งโรงพยาบาล ที่สำคัญผมไม่เคยประสบอุบัติเหตุหนักหนาขนาดนี้มาก่อน

“เมสเสจไปบอกไว้ แล้วยังไงพรุ่งนี้หลังจากกลับโรงพยาบาลจะไปส่งบ้าน”

“อื้อ”

“อีกอย่างที่คอนโดมีระบบสำหรับรถเข็น น่าจะสะดวกเพราะมึงยังใช้ไม้เท้าไม่ได้”

“ขอบคุณนะ”

ร่างสูงพยักหน้ารับ เขาพยายามอุ้มผมลงจากเบาะที่นั่งข้างรถขับ โดยมีพี่ยามเข้าเวรมาช่วยจากการขอความช่วยเหลือของทะเล คำพูดติดปากของเขาตลอดไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาคือ เจ็บมั้ย ปวดแผลหรือเปล่า อดทนหน่อยนะ ใจมันฟูฟ่องขึ้นมาแม้จะรู้สึกผวาอยู่ก็ตาม

เจ้าบ้านขอบคุณพี่ยามก่อนจะเข็นรถเข็นมาที่ลิฟต์ ผมใช้มือสัมผัสกับมือที่จับแฮนด์รถเข็น อยากให้รู้ว่าอุ่นใจจริง ๆ ที่ตอนนี้มีเขาอยู่ตรงนี้ ทะเลเกี่ยวนิ้วชี้ของเขากับมือของผมไว้ เป็นภาษากายคล้ายจะบอกว่าเขาจะอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน ไม่ต้องกลัว

ใช่ ผมกลัวมากเลย แม้จะแสดงออกว่าไม่เป็นอะไรแต่ในใจกลัวจนสั่นไปหมด

ทะเลรับรู้เสมอ
ทะเลโอบกอดในเวลาที่ยากลำบาก
ทะเลยังเป็นทะเลเหมือนที่ผ่านมา


ถ้าไม่มีทะเลฤดูร้อนจะสมบูรณ์ได้ยังไง
คิดไม่ออกเลย










#ฤดูร้อนของทะเล
-------------------------------------------


บอกแล้วว่าอ่านไปยิ้มไป55555555555555 มั้ยนะ
ไม่มีอะไรร้ายแรงหรอกไม่ต้องห่วง แต่ใจเต้นได้ ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ
ทะเลซึนไม่ออกแล้วนะน้องนุ่มนิ่มเจ็บขนาดนี้
เดี๋ยวตอนนี้เสียอาการกว่านี้ เขินรอเรยยย


เจอกันตอนหน้าค่าาาา

เมนต์เป็นกำลังใจด้วยน้าาาา

@mifengbeexx
หัวข้อ: Re: UP! | SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | 13_นุ่มนิ่ม [21-04-20]
เริ่มหัวข้อโดย: lolli_candy99 ที่ 22-04-2020 02:38:45
เปนกำลังใจให้คนแต่งนะคะ
หัวข้อ: Re: UP! | SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | 13_นุ่มนิ่ม [21-04-20]
เริ่มหัวข้อโดย: mifengbee ที่ 27-04-2020 21:35:23
ตอนที่ 14
ปกป้อง
[/size]



ทะเลพามาโรงพยาบาลตั้งแต่ 9 โมงเช้า ความทุลักทะเลขอการดูแลคนป่วยทำเอาคนตัวโตหาววอดหลายครั้ง กำลังจะใกล้สว่างจู่ ๆ ผมก็รู้สึกว่าตัวเองมีไข้ วุ่นวายทะเลต้องมาเช็ดตัว หายาลดไข้ให้ทั้งที่ตัวเองก็ยังไม่ได้นอน เขาเพิ่งหลับไปเมื่อตอนเจ็ดโมงเช้าแต่ก็ต้องตื่นเพราะต้องพาผมมาหาหมอกายภาพ โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยมีคนไข้จำนวนมากและหมอเฉพาะทางก็เข้าเวรแค่เวลาทำการเท่านั้นเสียด้วย

“แม่บอกว่าจะมาหาที่นี่นะ” แม่ผมโทรมาหาตั้งแต่เช้า เลยต้องได้สารภาพว่าทำไมถึงไม่ได้กลับบ้าน ผมเป็นพวกโกหกไม่เก่งเลยโดยเฉพาะกับที่บ้าน คุณนายเลยจะมาหาที่นี่เพราะร้อนใจ ไม่อยากคิดสภาพเลยว่าถ้าพ่อแม่เห็นสภาพผมตอนนี้จะเป็นยังไง แต่อย่างน้อยก็มีทะเลอยู่ด้วยก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง

“เดี๋ยวเจอหมอกายภาพแล้วจะย้ายโรงพยาบาลเลยนะ”

“ทำไมล่ะ”

“ก็ถ้าต้องมานั่งรอตรวจไข้มึงอีกครึ่งวันก็ไม่ได้พักผ่อนสักที หน้าซีดเป็นกระดาษแล้ว”

ทะเลนั่งกอดอกพูดออกมาด้วยสีหน้านิ่งอย่างที่ชอบทำ แต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย ก็จริงของเขา มาโรงพยาบาลรัฐก็ต้องทำใจเรื่องเวลา

“คุณคิมหันต์ สหสวัสดิ์ค่ะ” พยาบาลเรียกให้ผมเข้าไปพบซะที

หมอกายภาพให้คำแนะนำวิธีการใช้ไม้ค้ำ และการลงน้ำหนัก รวมถึงแนะนำไม้ค้ำให้ด้วยว่าวัสดุแบบไหนดีกว่า เพราะอาจจะต้องใช้อุปกรณ์นี้อีกเป็นเดือน เลยเลือกอันที่เบาและปรับระดับได้ ทะเลดูจะตั้งใจฟังกว่าผมที่เป็นคนไข้เสียอีก เขาคอยถามคำถามต่าง ๆ ที่สงสัย และขอวิธีช่วยเหลือผมในช่วงนี้อย่างถูกต้อง ส่วนคนเจ็บอย่างผมคิดอะไรไม่ออกเลยเพราะปวดหัวไปหมด

“แม่ไลน์มาบอกว่าอยู่ตรงล็อบบี้ช่องจ่ายเงินอะ”

“โอเค”

ทะเลทำหน้าที่แทนบุรุษพยาบาลไปโดยปริยาย เพราะดูจากปริมาณคนไข้ถ้าทะเลไม่มาด้วยผมคงยังต้องนั่งรอบุรุษพยาบาลที่หน้าห้องกายภาพอยู่เลย อาการไม่สบายเริ่มจะทวีความรุนแรงขึ้น ไม่รู้ว่าเพราะมาโรงพยาบาลด้วยหรือเปล่า ป่วยอยู่แล้วเลยรู้สึกป่วยกว่าเดิม

“แม่มึงต้องช็อกแน่ ๆ เดี้ยงไม่พอ ป่วยอีก” ทะเลยื่นมือมาอังหน้าผากก่อนจะพูดประโยคนี้ เขาเข็นรถมาถึงช่องจ่ายเงิน ผมก็มองเห็นผู้หญิงคุ้นตาไกล ๆ

“คิม! เจ็บมากหรือเปล่าลูก แม่ใจคอไม่ดีเลยที่เห็นข้อความเมื่อคืน มันน่าตีจริง ๆ ที่เป็นอะไรแล้วไม่รีบบอกกันแบบนี้ แล้วดูซิถลอกปอกเปิกไปหมด หมดกันที่แม่ถนุถนอมมา” แม่ผมพูดจนไม่มีเว้นจังหวะให้แทรกอธิบาย มือไม้ก็จับหน้าจับแขนผมดูร่องรอยของความสึกหรอ และเธอก็มีสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด

“นั่นสิ พ่อเป็นห่วงมากเลยนะ แล้วดูเจ็บขนาดนี้ยังไม่มีรีบบอกอีก” พ่อยืนเท้าเอวหลังจากเห็นสภาพผม ท่านก็ดูเป็นกังวลไม่ต่างจากแม่สักเท่าไหร่

ตั้งแต่เด็กผมไม่ค่อยมีกิจกรรมที่ทำแล้วเสี่ยงอัตราย เป็นเด็กผู้ชายที่ชอบเข้าห้องสมุดมากกว่าเตะบอล ชอบวาดรูปมากกว่าไปวิ่งแย่งลูกบาส ชอบเล่นหมากรุกมากกว่าไปร่วมวิ่งมาราธอนอะไรแบบนั้น ก็เลยไม่เคยบาดเจ็บหรือประสบอุบัติเหตุอะไรรุนแรงสักเท่าไหร่ ครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำ

“คิมไม่เป็นไรมาก ทะเลพามาหาหมอตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว อ้อ พ่อแม่ครับนี่ทะเล เพื่อนคิม”

ทะเลยกมือไหว้ทักทาย ก่อนจะยิ้มให้ “กระดูกร้าวอาจจะต้องใช้ไม้ค้ำไปก่อนนะครับช่วงนี้ แล้วก็ฟกช้ำนิดหน่อย หมอบอกอีกไม่กี่วันน่าจะหาย แต่ขาต้องใส่เฝือกไปก่อนครับ”

“ขอบใจมากนะลูกที่เป็นธุระให้” ก่อนแม่จะพูดมีการมองหน้าผมแล้วยิ้มมุมปากให้อีกด้วย ก็เพราะรู้น่ะสิว่าทะเลคือคนที่ผมเล่าให้ฟังตลอด แม่นะแม่ เวลาแบบนี้ยังจะมาล้อกัน

“คิมจำทะเบียนรถที่ชนได้หรือเปล่า พ่อว่าเราต้องแจ้งความนะ ขนาดในมหาวิทยาลัยยังกล้าขับรถแบบนี้ แถมไม่มารับผิดชอบอะไรอีก” พ่อขมวดคิ้ว ดูจะหัวเสียจริง ๆ ไม่มีลุคพ่อสายตลกเลย

“ไม่ครับจำไม่ได้เลย มันมืดมากด้วยตรงนั้น ฟาดเคราะห์ไปดีกว่านะพ่อ คิมไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่” ผมรีบเอ่ยปากห้าม เพราะยังไม่อยากให้ทะเลรู้ว่าจริง ๆ ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดมาจากใคร ผมอยากรู้ก่อนว่าที่กวินดูแค้นทะเลขนาดนี้เป็นเพราะอะไร ถ้ารีบทำให้พวกนั้นรู้ตัวไม่รู้ว่ามันจะหาเรื่องเล่นงานทะเลอีกคนหรือเปล่า

“เฮ้อ จริง ๆ เลยนะ ดื้อมาก ดื้อมาก ๆ เหมือนแม่ไม่มีผิดเลย พ่อเจ็บหัว”

“อ้าวโยนมาหาแม่ทำไมล่ะคะ ไปเลยไปจ่ายค่ายาให้ลูกค่ะ” ผมส่ายหัวให้กับเหตุการณ์ตรงหน้า พ่อแม่มาเถียงกันต่อหน้าทะเลเฉยเลย

“เดี๋ยวกูจะพามึงไปหาหมอก่อนไปส่งบ้าน บอกพ่อกับแม่ด้วย” ทะเลก้มลงกระซิบ

“อ้าวแล้วทำไมทะเลไม่บอกเอง”

“ไม่กล้า”

“โถ่ คุณทะเล ทีกับเรื่องอื่นไม่เห็นจะกลัวเลย ก็แค่บอกพ่อแม่เราว่าจะพาลูกชายคนเดียวไปหาหมอทำไมป๊อด”

“อย่าปากดี”

ผมยกไหล่ใส่เขาไปที ก่อนจะบอกพวกท่านหลังจากที่พ่อเดินกลับมาจากการจ่ายค่ารักษาพยาบาล ว่าผมรู้สึกไม่ค่อยสบายอาจจะเพราะบาดแผล ทะเลเลยจะอาสาไปส่งหาหมออีกที่เพราะไม่อยากรอคิวนาน ซึ่งพ่อแม่ก็คัดค้านว่าท่านพาไปเองได้เกรงใจมากแล้ว ทะเลก็สามารถอ้างเหตุผลหมื่นพันอย่างมาต่อรองจนพ่อกับแม่ยอม แล้วขับรถกลับไปรอที่บ้านแทน

ใครที่บอกไม่อยากคุยกับพ่อแม่เองวะ งงนะ

หมดเวลาไปกับการเทียวไปเทียวมาโรงพยาบาลอยู่ค่อนวัน แต่ก็ไม่ยักจะได้ยินคนข้าง ๆ บ่นอะไร นอกจากตำหนิระบบการบริหารโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน จนบานปลายไปเป็นปัญหาความเหลื่อมล้ำ ซึ่งผมก็ทำได้แค่ฟังเฉย ๆ เวลาทะเลพูดอะไรแบบนี้แล้วน่าฟังชะมัด ยิ่งพอเขาเรียนบริหารมันทำให้หลักการที่มาซัพพอร์ตความคิดของเขาแน่นไปอีก ทำไมเท่ไปหมดเนี่ย

“ได้ไปส่งมึงที่บ้านซะที อยากแวะกินอะไรก่อนหรือเปล่า จะเที่ยงแล้ว”

“ไม่อยากกินอะไรเลย กลับบ้านเถอะ” สารถีพยักหน้าก่อนจะออกรถไปตามเส้นทาง ผมที่เพลียเหลือเกินตั้งท่าว่าจะงีบสักหน่อยแต่แล้วมือถือก็สั่นในกระเป๋ากางเกง

ครืดดด ครืดดด

“ฮัลโหลปลาย อื้อ เราไปไม่ไหวแน่เลย เป็นไข้ด้วยอะ อ้าว! จริงหรอ เป็นอะไรมากมั้ย แอดมิทเลยหรอ แย่จังเลยนะ นี่เราจะบอกพี่ตะวันกับพี่มายด์ยังไงดี ไหนจะพี่ที่คณะอีกอะ ป่านนี้คงตามตัวพวกเราให้วุ่นแล้ว อื้อ โทรมาสิบสายได้แล้วอะ ปลายพักผ่อนนะ เดี๋ยวเราจะบอกพี่เขาเอง อื้อ หายไว ๆ นะ บาย”

“...”

“ทะเล~”

“ว่า”

“แย่แน่เลย ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้พร้อมกันด้วย” ผมหลับตาพึมพำกับสิ่งที่ได้ยิน ประเดประดังเหมือนภูเขาไฟระเบิดลงตรงหน้า

“เรื่องอะไร”

“ปลายเป็นไข้หวัดใหญ่ ตอนนี้แอดมิทอยู่โรงพยาบาล จะทำไงดีอะ พี่ที่กองประกวดต้องหัวหมุนอยู่แน่ ๆ เลย”

“ก็ดีแล้ว ดีกว่าให้ปลายขึ้นเวทีคนเดียวไม่ใช่หรือไง” ทะเลพูดออกมาด้วยท่าทีสบาย ๆ เหมือนที่อย่างยังอยู่ในคอนโทรล ทั้งที่ผมประสาทจะแดกอยู่แดกอยู่แล้ว

“แต่…”

“ถ้าปลายไปได้พวกนั้นต้องให้ปลายขึ้นเวทีคนเดียวแน่ ๆ ปีที่แล้วมันเคยเกิดขึ้น มึงคิดภาพออกมั้ยว่ามันแย่ขนาดไหน เอาสปิริตมาอ้าง ทั้งที่ไม่ได้เห็นใจน้องที่ต้องขึ้นเวทีอย่างโดดเดี่ยว” ทะเลพูดเสียงดังขึ้น คงฝังใจเขาพอสมควร

“แล้วเราจะทำไงดี ยังไงก็ต้องบอกพวกพี่เขานะ”

“เดี๋ยวคุยให้ไม่ต้องไปใส่ใจมาก ใส่ใจตัวเองดีกว่าตอนนี้” ทะเลเอื้อมมือมาอังหน้าผาก ก่อนจะขยี้เส้นผมเบา ๆ

“จริงหรอ ทะเลต้องคุยกับพี่เขาดี ๆ นะ เราไม่อยากให้มีเรื่องอะ”

“เรื่องแค่นี้ไม่จำเป็นต้องมีเรื่องอะไร หรือมึงปิดบังอะไรกูอยู่ หื้ม”

“เปล่าซะหน่อย ไม่มีอะไรเถอะ ก็รู้ว่าทะเลไม่ได้สนิทกับพวกพี่เขาเท่าไหร่นี่”

“ก็ถ้าพวกมันไม่มีเหตุผลขนาดนั้น ก็จะให้มาดูสภาพมึงเองแล้วกัน”

“อื้อ ก็ได้ ๆ”

มือใหญ่ลูบมือผมเบา ๆ เป็นภาษากายที่บอกว่าไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกังวล พอคุณเขาจะโรแมนติกแค่นี้ก็ยิ้มได้แล้วอะ ไม่หรอก แค่เป็นทะเลเท่านั้นแหละที่จะทำให้รู้สึกแบบนี้




“คิมโดนรถเฉี่ยว อยู่บ้าน กูทะเล อืม มาอยู่เป็นเพื่อนมันสิ”

ผมได้ยินทะเลคุยโทรศัพท์กับใครสักคนแต่ไม่สามารถโฟกัสสิ่งที่เห็นได้เท่าไหร่ พอหัวถึงหมอนก็ทำท่าจะหลับอย่างเดียว กลับมาถึงบ้านคุณนายทำกับข้าวเตรียมไว้ให้ ทั้งผมและทะเลนั่งกินข้าวกันเงียบ ๆ เพราะเพลียทั้งคู่ แม่ชวนทะเลพักที่บ้านก่อนค่อยออกไปมหาวิทยาลัย แม้ทะเลจะมาช่วยดูแลผมแต่ภารกิจของเขาในวันนี้ก็ยังต้องทำอยู่เหมือนเดิม คือเป็นกรรมการตัดสินประกวดดาวเดือน

“คิม เดี๋ยวกูไปก่อนนะ” เขาโค้งตัวมากระซิบบอกผม แม่ให้นอนที่โซฟาแทนที่จะขึ้นไปนอนบนห้อง ด้วยความลำบากที่ต้องหนีบไม้ค้ำขึ้นไปด้วย อีกอย่างผมยังใช้ไม่ถนัดเท่าไหร่

“หื้อออ ไปไหนไม่นอนหรอ”


“มีเรื่องต้องไปทำ มึงนอนซะ”

ผมสัมผัสได้ถึงมือใหญ่ลูบหัวเบา ๆ แล้วการรับรู้ก็ขาดหายไป หวังว่าตื่นขึ้นมาแล้วไข้จะลดลง อย่างน้อย ๆ ก็ควรโทรไปขอโทษพวกพี่เขาด้วยตัวเอง ไม่ใช่ให้ทะเลแบกหน้าไปบอก การที่ตะวันโทรหาเป็นสิบสายแล้วไม่รับก็เหี้ยพอตัวแล้ว ช่างมันก่อนแล้วกัน ตอนนี้คิดอะไรไม่ออกเลยขอเติมพลังก่อน









----------------------------------------------








มีต่อ
หัวข้อ: Re: UP! | SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | 13_นุ่มนิ่ม [21-04-20]
เริ่มหัวข้อโดย: mifengbee ที่ 27-04-2020 21:37:08
“ลมอยู่มอหรือเปล่า มีเรื่องให้ช่วย อยากได้ภาพกล้องวงจรปิดหน้าหอประชุมเมื่อคืน ตอนตีหนึ่ง อย่าเพิ่งถามได้ป่ะ หามาให้ก่อน”

ร่างสูงโทรหาพี่ชายที่พอจะมีเส้นสายเป็นเพื่อนเป็นกรรมการนักศึกษาอยู่บ้าง เลยขอให้อีกฝ่ายช่วยหาต้นตอของอุบัติเหตุเมื่อคืน จากที่ทะเลเห็นที่เกิดเหตุมันไม่น่าใช่อุบัติเหตุได้ เพราะไม่มีรอยเบรกเลยที่พื้นถนน เป็นไปได้ว่าคู่กรณีจงใจที่จะทำให้มันเกิดขึ้น อีกอย่างคนบาดเจ็บดูจะอยากให้มันเป็นแค่อุบัติเหตุเสียจนน่าสงสัย

เขาไม่ใช่คนโง่ที่จะมองไม่ออกว่ารอยช้ำที่หน้าและข้อมือของคิมหันต์ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุ เพียงแค่ยังไม่อยากถามถึงต้นเหตุที่มา เพราะแค่นี้คนเจ็บก็บอบช้ำมามากแล้ว ภาพของคิมหันต์ตัวสั่นนั่งทำสีหน้าเจ็บปวดริมฟุตบาธเมื่อคืนทะเลยังจดจำมันได้ราวกับภาพติดตา ปากที่บอกว่าไม่เป็นอะไร ไม่เจ็บเท่าไหร่ ตรงกันข้ามกับสีหน้าที่ตื่นกลัวและหวาดหวั่น

เขาจะต้องรู้ให้ได้ว่าเหตุการณ์ร้าย ๆ ที่คิมหันต์เจอมันเกิดจากอะไร



ทะเลขับรถตรงมาที่มหาวิทยาลัยก่อนเวลาที่เขาจะต้องมาทำหน้าที่ ห้องแต่งตัวหลังหอประชุมคือจุดมุ่งหมายที่ทะเลต้องรีบไป เขาเห็นว่าทานตะวันโทรหาคิมหันต์ตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา และเป็นเขาเองที่บอกให้คนเจ็บไม่ต้องรับสาย เพราะจะจัดการให้ ไม่อยากให้เรื่องที่คิมหันต์โดนรถเฉี่ยวรู้เป็นวงกว้าง ฉะนั้นเขาจะต้องจัดการเรื่องนี้ให้เงียบจนกว่าจะรู้สาเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้น

ขออย่าให้เป็นไปอย่างที่คิดเลย

“ตะวัน”

“อ้าวทะเล ทำไมรีบมา” ทานตะวันในชุดนักศึกษาถูกระเบียบตั้งแต่หัวจรดเท้า ที่คอมีป้ายสตาฟท์ห้อยอยู่

“เรื่องคิม”

“ทำไมหรอ นี่เรายังติดต่อน้องไม่ได้เลยตั้งแต่เช้า”

“คิมโดนรถเฉี่ยวเมื่อคืน”

“ห้ะ!!” ผู้ชายร่างสูงหน้าตาดีตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน เขาคิดไว้อยู่เหมือนกันว่าคิมหันต์คงมีเรื่องอะไรบางอย่างที่ทำให้ติดต่อไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้จินตนาการถึงเรื่องอุบัติเหตุเลย

“ออกมาคุยกันหน่อยสิ”



“คิมโดนบิ๊กไบค์เฉี่ยวตรงลานจอดรถหน้าสถาปัตย์” ผู้ชายร่างสูงเท้าสะเอวก่อนจะพูดด้วยสีหน้าเครียด ๆ หลังจากเดินพ้นที่มีคนจอแจแล้ว

“จริงหรอ แล้วคิมเป็นอะไรมากหรือเปล่า ทำไมไม่มีใครรู้เลย” ทานตะวันสงสัย เพราะตัวเองก็กลับบ้านเวลานั้นแต่ทำไมไม่ได้ยินหรือเห็นอะไรผิดปกติเลย

“ก็เจ็บอยู่ ตรงนั้นตอนกลางคืนมืดมาก ปกติก็ไม่ค่อยมีคนไปแถวนั้นหรอก แต่คิดว่าน่าจะไปส่งปลายฝน แม่ปลายฝนคงหาที่จอดรถที่ยามไม่ไล่ละมั้ง” ทะเลเดาเหตุการณ์ความผีหลอกของระเบียบการมหาวิทยาลัยนี้ทำเอาคนตัวสูงคิดแล้วก็ได้แต่โกรธ

“แล้วทะเลรู้ได้ยังไง”

“เมื่อคืนมารอรับมัน”

“อ่อ” ทานตะวันรู้แค่สองคนนี้เป็นเพื่อนกันมาก่อน แต่ไม่รู้ว่าสนิทกันถึงขั้นมารอรับส่ง และผิดจากที่คาดหวังไปเยอะเหมือนกัน ตลอดเวลาที่ผ่านมาคิดว่าทะเลมาที่กองประกวดเพราะมาส่งข้าวส่งน้ำตัวเอง ความจริงที่รับรู้วันนี้ทำให้จิตใจห่อเหี่ยวลงกว่าเดิม ความคาดหวังที่จะให้อีกคนเห็นเขาอยู่ในสายตาบ้าง กลับต้องพับเก็บความรู้สึกไว้ที่เดิม จะได้ไม่ต้องเข้าใจผิดอีก

“อย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับใครนะ เพราะกูคิดว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุ บอกกองประกวดว่ามันไม่สบายทำให้มาไม่ได้”

“ดาวก็แอดมิทเข้าโรงพยาบาล เดือนก็มาป่วยอีก ศิลกรรมเล่นเราแน่เลย” ทานตะวันพยายามตัดสิ่งที่กำลังทำให้ตัวเองจมดิ่งออกไป และโฟกัสกับเรื่องตรงหน้า เพราะมันดูจะมีเบื้องหลังที่น่ากลัวอยู่เหมือนกัน

“ถ้าไม่งั้น เดี๋ยวกูจะไปคุยกับพวกมันเอง”

“เฮ้ย ๆ อย่าเพิ่ง เราว่าเราไปคุยเองดีกว่า จุ๊บแจงน่าจะฟังเราอยู่ ก็แค่คณะหนึ่งหายไปคงไม่ทำให้งานล่มหรอก แต่นางคงหัวเสียน่าดู”

“ฝากด้วยนะ”

“เออจะว่าไป เมื่อคืนตอนพักซ้อมคิมเดินออกไปเข้าห้องน้ำ แล้วตอนกลับเข้ามาคิมดูตื่น ๆ กลัว ๆ อะไรสักอย่าง มีรอยแดง ๆ ที่หน้าแต่คิมบอกแพ้ฝุ่น แต่มันช้ำนะ เหมือนโดนบีบแรง ๆ มากกว่า” ทานตะวันพยายามคิดถึงความไม่ปกติที่เห็น ทั้งเขาและมายด์ก็คิดเหมือนกันแต่อีกฝ่ายยืนยันว่าแค่แพ้ฝุ่นตอนที่เดินผ่านจุดที่กำลังติดตั้งป้ายของงานฝุ่นน่าจะเยอะ สิ่งที่น่าสงสัยกว่านั้นคือความเงียบและเหมือนคิดอะไรในใจตลอดเวลา ไม่เล่นไม่แหย่ปลายฝนเหมือนก่อนหน้าต่างหาก

“เมื่อคืนพวกกวินมันมาดูซ้อมด้วยหรือเปล่า”

“มาอยู่แล้ว พ่อของกวินเป็นคนจ่ายค่าโปรดักชั่นงานทั้งหมด เดี๋ยว! นี่ทะเลกำลังคิดว่า”

“ก็เป็นไปได้ไม่ใช่หรอวะ”

“มันแค้นอะไรทะเลวะ เรายังหาจุดที่มันจะทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้เลยนะ ทั้งเรื่องทะเลแล้วก็เรื่องคิม”

“จำตอนที่มึงเกือบจะกินน้ำผสมเศษแก้วไม่ได้หรือไง กูว่าคนอย่างมันทำเหี้ยอะไรก็ได้ ที่กูหงุดหงิดคือกูไม่รู้ว่ากูไปทำไรให้แม่งเกลียดขนาดนี้ ถึงกับจะทำให้คนรอบข้างกูเดือนร้อน” เมื่อปีที่แล้วหลังประกวดวงดนตรี มีคนเอาน้ำมาให้ทานตะวันบอกมาจากพี่ที่เป็นแฟนคลับ ดีที่ตรงนั้นมีไฟแอลอีดีหลายดวง ขณะที่ทานตะวันยกแก้วขึ้นดื่ม ทะเลก็สังเกตว่าก้นขวดเต็มไปด้วยเศษบางอย่างสะท้อนแสงไฟนอนอยู่ก้นแก้วเต็มไปหมด แล้วพอเทน้ำสีดำออกก็เห็นเป็นเศษแก้วสีใส แต่จับมือใครดมไม่ได้คนที่เอามาให้ก็ได้รับมาเป็นทอด ๆ อีกที

ทะเลพยายามนึกว่าตัวเองไปเหยียบเงากวินเรื่องอะไร ถึงแม้ว่าจะเป็นเด็กกิจกรรม แต่ก็ไม่เคยไปแข่งขันหรือพยายามจะทำตัวเหนือกว่าใครทั้งนั้น ความสงบคือสิ่งที่ทะเลยึดถือมาตลอด แต่คราวนี้เขาจะต้องคิดให้ออกว่าเผลอไปทำอะไรให้ลูกนักการเมืองคนนั้น ไม่เช่นนั้นคนรอบข้างก็จะเดือดร้อนแบบนี้ต่อไปอีก ครั้งนี้มันรุนแรงจนเกือบถึงชีวิต

คิมหันต์ต้องมาเจ็บตัวเพราะเขา
มันกล้าดียังไงถึงทำแบบนี้กับฤดูร้อนของเขาได้
ก็จะได้รู้ว่าเวลาทะเลมันคลั่งมันไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น







-----------------------------------------







ผมตื่นมาเกือบบ่ายสี่โมง ได้ยินเสียงเจี้ยวจ้าวในครัว คุ้น ๆ ว่าเป็นเสียงไอ้มิวและพีท มันมาที่บ้านได้ยังไงวะ หรือว่าที่ทะเลโทรคุยด้วยก่อนผมหลับจะคุยกับพวกมันสองคน

“มีคุ้กกี้ไว้กินตอนอ่านสือสอบแล้วโว้ย” ไอ้มิวยิ้มหน้าระรื่นออกจากครัว พร้อมถาดคุกกี้ใบใหญ่กว่าตัวมัน กลิ่นหอมวนิลาและช็อกโกแล็ตครุกรุ่นไปทั่วบ้าน แม่ผมจัดคอร์สสอนทำขนมอีกแล้วสินะ แม่มีงานอดิเรกคือทำขนมส่งขายตามร้านกาแฟใกล้ ๆ ชื่อแบรนด์ Bear With YOU โดยมีผมวาดโลโก้แบรนด์ให้ด้วยแหละ “ฮัลโหลคิม ตื่นแล้วหรอวะ แม่คร้าบบบ คิมตื่นแล้ว”

“ไงมึง ดีขึ้นป่ะวะ” เพื่อนตัวดีวางถาดคุ้กกี้ที่โต๊ะหน้าโซฟา ก่อนที่มันจะเดินเอามือเปื้อน ๆ ของมันมาอังหน้าผากของผม เลยได้ปัดมือมันออกทันที

“มึงยังไม่ล้างมือเลย ไอ้สกปรก”

“ไม่สกปรกสักหน่อยที่มือกูนี่มีแต่ความอร่อยนะ”

“ไอ้มิวกูบอกให้มึงล้างมือก่อนมาไง สันดานจริง ๆ เลย เข้าไปล้างมือเดี๋ยวนี้” คนโดนพ่อมันดุทำท่าทางกวนตีนก่อนจะรีบวิ่งเข้าครัวไปล้างมือ

“เดี๋ยวมึงตื่นมากินข้าวจะได้กินยา กูเห็นมียาที่มึงต้องกินก่อนกินข้าวด้วย” พีทใส่ผ้ากันเปื้อนลายหมีสามตัว มีเศษแป้งติดหน้า แถมเสื้อกันเปื้อนยังเละเทะแทบมองไม่เห็นความน่ารักของลายผ้าเลยด้วยซ้ำ รู้เลยว่าตีกับไอ้มิวในห้องครัวมาอีกตามเคย แม่ผมก็ตามใจไอ้มิวเกินเหตุ

“คร้าบหมอ ตอนนี้กูปวดขาว่ะ นวดให้หน่อยสิ”

“น้อย ๆ หน่อย อีกอย่างกูเป็นว่าที่หมอคนไม่ใช่หมอนวด”

“แล้วนี่พวกมึงมาได้ไงวะ”

“มิวโทรหามึงแล้วทะเลรับอะ มันไม่ได้บอกมึงหรอ” ผมส่ายหัวอย่างที่รู้ว่าตอนนั้นก็สะลึมสะลืมเต็มที

“จำไม่ได้ว่ะ น่าจะเมายาแก้ปวดอยู่ อะ โอ้ย เจ็บเชี่ย” ผมพยายามจะยกขาตัวเองลงจากโซฟา แค่ฝ่าเท้าแตะลงที่พรมเท่านั้นแหละ ความเจ็นแล่นสู่โสตประสาททันที น้ำตาแทบจะไหลออกมาเลย

“มึงเจ็บหนักนะเนี่ย ทำอิท่าไหนวะรถมันถึงเฉี่ยวมึงได้ ดึกดื่นขนาดนั้นแถมอยู่ในมหาลัยอีก”

“เดี๋ยวกูเล่าให้ฟังนะ ไม่อยากให้แม่รู้ว่ะ”

“กูว่าแล้วว่ามันไม่ใช่แค่อุบัติเหตุ ซื้อหวยคงถูกรางวัลที่หนึ่ง”

พีทส่ายหัวให้ทีก่อนที่มันจะเดินกลับเข้าห้องครัวเพื่อถอดผ้ากันเปื้อนและจัดการเพื่อนตัวดีของมันก่อนจะออกมาจัดคุกกี้ที่เย็นแล้วเข้าโหล แม่ผมบอกว่าจะออกไปตลาดและจะทำกับข้าวเผื่อสองแสบนี่ด้วย เป็นอันว่าพวกมันต้องอยู่กับผมอีกนาน

“มาไอ้คิม เล่ามาเดี๋ยวนี้ว่าเรื่องมันเป็นยังไง” พีทวางมือจากงานคหกรรมก่อนจะกอดอกซักไซ้ผมกับเรื่องที่ได้เวลาเปิดเผย

“เรื่องไรหรอพีท คิมมีเรื่องไรวะ ทำไมกูไม่รู้อะ”

“มึงห่วงแต่แดกจะไปรู้เหี้ยไร เป็นห่วงเพื่อนมั้ยเนี่ย”

“เห้ยอย่ามาพูดงี้นะ! กูไม่ได้ห่วงกินซะหน่อยก็คุ้กกี้แม่ไอ้คิมอร่อยที่สุดในโลก อีกอย่างกูก็มาหาไอ้คิมเพราะเป็นห่วงมาก่อนอันดับแรกเลยนะ”

“ตั้งแต่มึงมามึงยังไม่ได้มาดูไอ้คิมเลย มึงเดินเข้าครัว” พ่อไอ้มิวที่นั่งข้างกันผลักหัวมันไปที ข้อหาพูดปดต่อหน้าต่อตา

“พวกมึงจะฟังกูมั้ยสรุป หรือจะทะเลาะกันกูจะได้นอนต่อ”

“เออ ๆ ฟังก็ได้ พีทมึงอะแหละหาเรื่อง” ว่าที่คุณหมอทำท่าจะลงมะเหงกใส่อีกที ไอ้เด็กวิศวะเอามือป้องแทบไม่ทัน ถ้าวันหนึ่งพีทสารภาพว่าชอบมิวมันจะเชื่อมั้ยวะ

ผมเรียบเรียงเรื่องให้หัวแล้วพยายามเล่าให้พวกมันเห็นภาพ ทั้งที่นึกย้อนกลับไปหัวใจยังเต้นแรงและมีแต่ความหวาดกลัวปรากฏในความทรงจำ “เมื่อคืนกวินมาหาเรื่องกู มันบอกกูว่าไม่ให้ยุ่งกับทะเล”

เพื่อนสองคนทำหน้าตาตื่นหลังจากที่ได้ยินประโยคแรก มิวขมวดคิ้วหนักก่อนจะถามขึ้น “มันรู้ได้ไงวะ ที่มึงเล่าทะเลไม่เคยทำตัวสนิทกับมึงต่อหน้าใครเลยไม่ใช่หรอวะ”

“กูก็ไม่รู้ อาจจะมีให้ใครตามทะเลตลอดก็ได้ พูดแล้วน่ากลัวฉิบหายเลย มันอาศัยจังหวะที่กูพักซ้อมลากกูออกมา ขู่ไม่ให้กูยุ่งกับทะเลอีก บีบแก้มกูด้วย ไม่รู้ว่ามีรอยแค่ไหนว่ะ พอเลิกซ้อมกูเดินออกไปส่งปลายฝนแถวสถาปัตย์ กำลังจะเดินออกมาจากตรงนั้น รถบิ๊กไบค์ที่ไหนไม่รู้ขับมาทางกูแบบไม่เบรกเลย แต่ปลายฝนตะโกนบอกกูเร็ว เลยกระโดนขึ้นริมฟุตบาธ แต่ก็ยังไม่ทันอยู่ดี”

พีทยื่นหน้าเข้ามาสำรวจ สายตาคมกริบของว่าที่หมอพิจารณาแล้วก็พูดขึ้น “ชัดเจนนะ ถ้าดูใกล้ ๆ ก็ดูออกว่าไม่ใช่ผื่นหรือว่าคัน”

“ก็หวังว่าทะเลจะมองไม่ออก”

“นี่มึงยังไม่ได้บอกทะเล!” ไอ้มิวพูดเสียงดัง

“เออดิวะ กูอยากแน่ใจว่ามันทำแบบนี้ไปทำไม ถ้ากูเอาเรื่องนี้ไปบอกทะเลคิดหรอว่าทะเลจะอยู่เฉย จากที่รู้มาอีกฝั่งไม่ชอบทะเลโคตร ๆ เลยนะ แล้วเป็นลูกนักการเมืองด้วย ยิ่งทะเลไม่ยอมก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรบ้างอะ ก็เลยอยากสืบให้รู้ว่าอะไรที่ทำให้กวินโกรธแค้นทะเลขนาดนี้”

“Damn it!” ชายพีท

“OH MY GOD” ชายมิว

“พวกมึงช่วยกูหน่อยนะ”

“F*CK!!!!!!” สองคนประสาทเสียง

“น่านะ สืบให้หน่อยว่ากวินเคยมีเรื่องบาดหมางอะไรกับทะเล สองคนนี้เกี่ยวข้องกันยังไง นะ ๆ โดยเฉพาะมึงได้มิว ตัวเสือกของวงการมหาวิทยาลัย ไม่งั้นกูจะยึดคุ้กกี้ของแม่กู”

“ไอ้เหี้ย ใจไม้ไส้ระกำกับกูมาก มึงเอาปืนมายิงกูเลยดีกว่า” มิวทำท่าเบะเตรียมตัวจะร้องไห้ มันนั่งมองโหลคุ้กกี้ประมาณ 4 โหลตรงหน้าด้วยสายตาละห้อย “ให้สืบเรื่องใครก็ได้ในมอ แต่ทำไมต้องกวินวะเนี่ยยยยยย กูอยากตายยยย”

“เดี๋ยวกูจะลองดู” พีทพูดขึ้นด้วยท่าทีนิ่ง ๆ ว่าที่คุณหมอมีสีหน้าเป็นกังวลและขบคิดอะไรบางอย่าง “ที่คณะมีเพื่อนเคยไปแลกเปลี่ยนกับกวินที่ลอนดอน จะลองถามให้แล้ว แต่กูไม่รับปากนะว่าจะได้เรื่องอะไรมั้ย และกูแนะนำให้มึงบอกทะเลเรื่องนี้ ไม่งั้นเจ้าตัวก็จะไม่รู้เลยว่ามีเรื่องเลวร้ายแบบนี้เกิดขึ้นกับคนรอบข้าง มึงอาจจะไม่ใช่คนสุดท้าย”

“ที่สำคัญถ้าทะเลรู้ทีหลัง คะแนนมึงติดลบยันชาติหน้าแน่!” มิวเหมือนเอาคืนที่พูดอะไรแทงใจผม คิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกันว่าถ้าทะเลรู้ทีหลังคงไม่พอใจแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่พออาจจะโดนด่า โดนทำหน้าเฉยชา และกลับไปในจุดเริ่มต้น

แต่ผมยอมถ้าทะเลปลอดภัยและอยู่ให้ผมทำคะแนนอีกนาน ๆ
ถ้าการทำเพื่อเขาแล้วสุดท้ายเขาจะไม่ได้เห็นดีด้วย
ก็ถือว่าได้ทำแล้วล่ะนะ


ต้องปลอดภัยนะนายทะเล











#ฤดูร้อนของทะเล
---------------------------------







อยากรู้แล้วเนี่ยนายกวิน นายทำไรทะเลของเราอะ
อย่ามาหาทำกับลูกชายเราเลย เมื่อไหร่จะปล่อยให้สองคนรักกัน!
คนอ่านสาปแช่งอิชั้นแล้ว กรี๊ดดดดดด
ที่แน่ ๆ ชั้นบอกแล้วทานตะวันไม่ร้าย ชื่อออกจะน่ารักน่าเอ็นดู
แต่ที่ต้องเอาใจช่วยก็คงเป็นน้องนุ่มนิ่มที่แหละค่ะ
5555555 อาจหาญมากกก แต่เขาก็รักของเขาอะเนาะ

เจอกันตอนหน้าค่าาา
ขอเมนต์เป็นกำลังใจด้วยน้า

 @mifengbeexx
หัวข้อ: Re: UP! | SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | 15_ไม่เป็นไรนะ [03-05-20]
เริ่มหัวข้อโดย: mifengbee ที่ 03-05-2020 21:43:21
ตอนที่ 15
ไม่เป็นไรนะ
[/size]



ทะเลโทรมาหาตอนสองทุ่มเพื่อเตือนให้กินข้าวกินยา เสียงเครื่องเสียงและดนตรีดังทะลุผ่านลำโพงมือถือมา เขาคงออกมาไม่ไกลจากหอประชุม ผมก็ได้แต่ยืนยันว่ากินข้าวกินยาไปตั้งแต่หัวค่ำ เขาก็ถามอาการว่าดีขึ้นหรือเปล่า ผมก็ได้แต่เงียบ รู้สึกแย่เหมือนกันที่ชีวิตเฟรชชี่ปี 1 ไม่ได้เข้าร่วมงานปฐมนิเทศอย่างเป็นทางการ แถมยังถูกตัดสิทธิ์ประกวดดาวเดือนที่ซ้อมมาร่วมเดือนอีกต่างหาก

(เป็นอะไรทำไมเงียบ)

“แค่เสียดายที่ไม่ได้ไปงาน ที่งานสนุกมั้ย”

(อื้อ ก็ดี ไม่เป็นไร ปีหน้าค่อยมาใหม่)

“มันเหมือนกันที่ไหนล่ะ ช่างเถอะ แล้วนี่ทะเลกินข้าวยัง”

(ไม่มีเวลากิน เลิกงานค่อยว่ากัน มึงรีบนอนเถอะ)

“นอนข้างล่างนอนไม่หลับแน่เลย”

(หึ ไม่รีบนอนผีจะมาหลอกมึง)

“วางไปเลย!!”

(เดี๋ยวใกล้เที่ยงคืนจะโทรหาอีกรอบ มึงต้องกินยาอีก ตื่นมารับโทรศัพท์ด้วย ถ้าไม่ตื่นจะไปหลอกหลอนถึงบ้าน)

“ขอให้มาเหอะ ซันนี่กันตูดแน่!”

(จะกัดหรือจะเล่นด้วยกันแน่)

“นี่ทะเล...ดูแลตัวเองนะ” ผมพยายามพูดให้ดูเป็นปกติมากที่สุด

(ทำไม มีอะไรหรือเปล่า ชักจนะสงสัยแล้วนะนุ่มนิ่ม)

“เปล่า เอาว่าตามนั้นนะ บาย!”

เขาหัวเราะหึ ๆ แล้ววางสายไป ไม่วายยังไลน์มาเตือนให้ผมตั้งนาฬิกาปลุกไว้ด้วย เป็นคนเข้มงวดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ก็สัมผัสได้ถึงความห่วงใยที่เขาส่งผ่านน้ำเสียงทุ้มได้นะ แม้ว่าเรื่องที่เจอมันจะเลวร้ายและน่ากลัว พอรู้ว่ายังไงทะเลก็อยู่ด้วยมันก็วางใจไปหมดเลย แต่ถึงยังไงตัวเขาเองนั่นแหละที่น่าเป็นห่วง

“ไงมึง จะให้กูนอนเป็นเพื่อนมั้ย” มิวถามขึ้น พวกมันนั่ง ๆ นอน ๆ กับผมที่โซฟาในห้องรับแขกมาตั้งแต่เย็น หลังจากที่ตกลงว่าจะสืบเรื่องกวินให้

“ไม่เป็นไร พวกมึงมีเรียนพรุ่งนี้ กลับไปเหอะ กูอยู่ได้”

“กูว่าจะแวะไปที่มอหน่อย เผื่อกวินมันจะเคลื่อนไหวอะไร” พีทพูดขึ้น “แต่กูจะไปส่งมึงที่คอนโดก่อน ไม่ต้องมาหูตั้งว่าจะได้ไป”

“โหยยยย กูก็อยากไปดูลาดเลาอะ”

“มึงมีควิซพรุ่งนี้ อย่ามาเนียน อ่านจบแล้วหรือไง”

“กูไม่อยากให้มึงไปคนเดียวไง มีกูไปเป็นเพื่อนมันอุ่นใจกว่าเป็นไหน ๆ” มิวมันกำลังอ้อนพ่อมันอยู่

“มึงไปก็เป็นภาระกูเปล่า ๆ” และก็โดนไอ้พีทออลคิลจนได้

มิวเบะปากแต่ก็สุดจะต้านทานเมื่อเห็นสายตาจริงจังของมิว รู้หรอกว่าพีทมันเป็นห่วง ไอ้มิวเด๋อ ๆ ด๋า ๆ คงกลัวไปทำอะไรที่กะโตกกะตากแล้วเรื่องจะวิ่งเข้าตัวพวกมันแทน กวินน่ากลัวพวกมันน่าจะพอรู้อยู่บ้าง ยิ่งพอเรื่องเกิดขึ้นกับผม คนรอบครอบแบบพีทก็ต้องยิ่งระวังตัว

“มึงระวังตัวนะพีท”

“อืม มึงก็พักผ่อนนะ”

“พีท..”

“หื้อ”

“ฝากดูทะเลด้วยนะ”

“มันจะไม่เป็นไร”

ผมพยักหน้าและบอกลาพวกมัน ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนโซฟาตัวยาว แม่ขนผ้าห่มและเครื่องนอนที่ใช้ประจำมาให้แล้ว คุณนายเข้ามาดูผมเป็นระยะเพราะกลัวจะเบื่อ ยิ่งกว่าความเบื่อคือความกังวลที่มันรบกวนในใจนี่แหละ รู้สึกไม่ดียังไงก็ไม่รู้ ขอให้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเถอะนะ








(ทะเลอยู่โรงพยาบาลว่ะ)

“ห้ะ!!









---------------------------------------









3 ชั่วโมงก่อนหน้านี้



“ก่อนที่เราจะมาประกาศผลรางวัลทูตประชาสัมพันธ์มหาวิทยาลัยประจำปีนี้นะครับ จะขออนุญาตประกาศรางวัลป๊อปปูลาร์โหวตนี้ปีนี้ก่อน ซึ่งจะเป็นเสียงที่ได้จากน้อง ๆ ปีหนึ่งทุกคน ร่วมถึงการกดไลก์รูปผ่านผ่านแฟนเพจของเราด้วย และรางวัลได้แก่...”

เสียงซาวด์ดนตรีขึ้นขึ้นให้ตื่นเต้น แต่ละคณะตะโกนชื่อดาวเดือนที่ตัวเองเชียร์เสียงดัง “น้องคิม คิมหันต์ สหสวัสดิ์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ครับ!”

เสียงปรบมือดังเกรียวกราว แต่ทุกคนในที่นี้รู้อยู่แล้วว่าเจ้าของชื่อไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมคืนนี้ คนที่ขึ้นไปรับแทนจึงเป็นพี่เลี้ยง และเดือนคณะศิลปกรรมปีที่แล้ว ทานตะวันพูดขอบคุณแทนคิมหันต์สำหรับการโหวตและจะเอารางวัลไปมอบให้น้องถึงมือ

กลับเป็นทะเลที่นั่งโต๊ะคณะกรรมการที่รู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย เพราะการที่ทะเลได้รางวัลนี้ปีที่แล้วก็ทำให้ตัวเขาเองไม่ได้มีชีวิตปกติสุข คนทั้งมหาวิทยาลัยรู้จักเขาในข้ามคืน ไปไหนก็มีแต่คนมอง แถมยังมีคนเข้าหาทั้งเพื่อผลประโยชน์และความสัมพันธ์ เป็นไปได้ว่าคิมหันต์ก็คงประสบชะตากรรมไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก

ที่สำคัญคงเป็นที่เพ่งเล็งของคนขี้อิจฉาอย่างกวินไปอีก

ทะเลหันไปสบตากับลูกชายนักการเมืองที่นั่งห่างกันไปสองเก้าอี้ อีกฝ่ายยักคิ้วให้อย่างกวนประสาท แล้วลุกออกจากโต๊ะกรรมการก่อนที่จะประกาศรางวัลใหญ่ ทะเลเกือบจะไม่สนใจ ถ้าจู่ ๆ ไลน์จากพี่ชายไม่เด้งมาก่อน

[Wind : ดูคาติสีดำ ไม่ติดป้าย คนขับใส่ชุดนักแข่ง]
[Wind : sent a video]

[Sea : มีแค่นี้หรอ แทบไม่รู้อะไรเลยนะ]

[Wind : ใจเย็นไอ้สอง ระดับพี่มึง]
[Wind : เชนมันไปให้ลูกพ่อมันที่อยู่หน่วยสืบสวนดู บอกว่าคนที่จะเล่นรถรุ่นนี้มีไม่กี่คนในไทย เพราะนำเข้าแค่ 15 คัน]

[Sea : รีบพิมพ์ได้ป่ะวะ ไม่งั้นจะโทรไป]

[Wind : ใจร้อนฉิบหาย เออ ๆ โทรมา]

ทะเลเดินตามกวินออกไปติด ๆ เพราะอีกฝ่ายได้รับโทรศัพท์จากใครสักคน

“เร็วเลยลม”

(เชนมันบอกแค่รถราคาแพงไม่เท่าไหร่ แต่แต่งแบบนี้มีที่เดียวที่ทำว่ะ และเจ้าของอู่ก็คือนักการเมืองแถวฝั่งธน เจ้าของรถเป็นใครไม่ได้นอกจากลูกนักการเมือง)

“ไอ้สัส!”

(นี่มึงไปมีเรื่องกับใคร อย่าทำอะไรผลีผล่ามโดยไม่บอกกูกับเหนือนะเว้ย ถ้ามีเรื่องป๊าเล่นมึงแน่นะไอ้เล)

“งั้นมึงมามอด่วนเลย ลูกนักการเมืองคนนั้นคือกวิน”

(ไอ้เหี้ยนั่นยังไม่เลิกยุ่งกับมึงอีกหรอวะ)

“มันรู้แล้วแน่ ๆ ว่าเรารู้ สายพ่อมันทั้งนั้นตำรวจ”

(แล้วคนที่โดนชนคือใครวะ?)

“คิมหันต์ มึงจำได้มั้ย”

(เดี๋ยว เพื่อนมึงสมัยมอปลาย ที่มึงเคยชอบ มาเรียนที่นี่หรอวะ)

“เอออย่าเพิ่มถาม มึงรีบมาเหอะ”

ทะเลวางสายจากสายลมก่อนจะรีบเดินตามกวินออกไป โดยที่เขาไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายมีจุดมุ่งหมายที่ไหน บรรยากาศสงัดในมหาวิทยาลัยขนาดพันกว่าไร่ แม้คืนนี้จะมีกิจกรรมที่รวมนักศึกษาเกือบหมื่นอยู่ที่นี่ แต่ก็แค่ในส่วนของหอประชุมเท่านั้น ทะเลเดินตามกวินไปอยู่เงียบเชียบ ก่อนที่เห็นว่าอีกฝ่ายหยุดในมุมตึกของอาคารที่กำลังก่อสร้าง เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังคล่อมดูคาติคันเดียวกับในกล้องวงจรปิด

ทะเลส่งโลเคชั่นไปหาสายลม และถ่ายรูปภาพที่เห็นตรงหน้าเอาไว้เพื่อเป็นหลักฐานในการมัดตัว เรื่องนี้ถึงมือตำรวจและเขาจะไม่ยอมให้กวินทำอะไรไปมากกว่านี้ ระหว่างที่เขาแอบหลังต้นไม้ใหญ่ก็รู้สึกว่ามีของแข็งตีเข้าที่หัวอย่างแรง

“โอ้ย!!”

แต่ความแรงไม่ถึงกับทำให้ทะเลสลบไป แค่รู้สึกเจ็บที่ศีรษะมากเท่านั้น คนตัวสูงหันกลับไปก็เจอผู้ชายร่างสูงสองคนในชุดซาฟารีสีดำ คุ้นว่าเคยเห็นมารับส่งกวิน คงเป็นบอดี้การ์ดแน่ ๆ ทะเลใช้วิชาหมัดมวยที่ป๊าส่งเรียนมาตั้งแต่เด็กป้องกันตัวกลับไป ยังดีที่ทั้งสองคนไม่ได้ตั้งตัวว่าทะเลจะสามารถต่อสู้กลับได้ทันท่วงที ทะเลใช้โอกาสที่คนตัวสูงถลาตัวออกห่างเพราะแรงถีบ เข้าสวนหมัดใส่คนที่ตัวเล็กกว่า ก่อนที่อีกฝ่ายจะล้มลงพื้น

“เห้ย! มึงทำอะไร” เสียงผู้ชายที่คุ้นหูดังขึ้น กวินเร่งเท้าเดินเข้ามาในวงล้อมความชุลมุน

“คุณกวินมันมาด้อม ๆ มอง ๆ คุณ”

“อ๋อ ไอ้เหี้ยทะเล มึงมาแล้วหรอ”

ทะเลถอยหลังเพราะคิดว่าถ้ามีอีกคนคงสู้ไม่ไหว กวินก็เป็นนักกีฬาและมีพละกำลังมากพอตัว ถ้าอีกฝ่ายเป็นมวยเขามีสิทธิ์โดนรุม

“ปอดแหกหรอวะ กลัวหรอ มึงก็ทำได้แค่นี้ ทำเป็นเก่งแต่ก็แค่ไอ้กระจอกคนหนึ่ง”

“มึงแค้นอะไรกูกวิน กูไปทำอะไรให้”

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ” กวินหัวเราะรวน บอดี้การ์ดของเขาลุกขึ้นมาได้แล้ว และทำท่าจะพุ่งเข้ามาทำร้ายทะเลอีก แต่กวินยั้งไว้ก่อน “นี่ไงความกระจอกของมึง มึงทำเหี้ยกับใครไว้ยังจำไม่ได้เลย”

ตาของกวินแทบจะถลนออกมาตอนเขาหัวเราะ เสียงอันทรงพลังและเต็มไปด้วยความน่ากลัว มันสั่นประสาทคนที่ได้ยินอย่างมาก ท่าทางของกวินเต็มไปด้วยความสับสนราวกับว่าเขาควบคุมตัวเองไม่ได้ ทะเลสังเกตเห็นมือของกวินที่สั่น มือไม้ลอกแล่กเริ่มจัดระเบียบร่างกายตัวเองไม่ได้

“ถ้าล้มมันได้ กูได้พวกมึงคนแสน”

พอได้ยินคำสั่งทั้งสองคนก็กรูกันเข้ามาหาทะเลอีกรอบ ทะเลรู้สึกว่าหลังคอเปียกชื้น จึงเอามือจับที่บริเวณนั้น ปรากฏเลือดแดงฉานเต็มมือ และกำลังไหลลงมาที่หน้าผาก แย่แล้วทะเลคิดในใจ

คนตัวสูงเข้ามาสวนหมัดใส่หน้าทะเลแต่เจ้าตัวหลบได้ทัน เลือดที่ไหลลงมากำลังจะบดบังทัศนวิสัยเขา คนตัวเล็กเล่นทีเผลอเข้ามาจับตัวทะเลจากด้านหลัง คนตัวใหญ่ได้ทีต่อยท้องทะเลหลายครั้ง ถึงหมัดจะไม่ได้หนักเท่าครูมวยที่ทะเลเคยขึ้นสังเวียนด้วย แต่ก็ทำให้จุกได้เหมือนกัน

“ทะเล!!!!” เสียงพี่ชายที่คุ้นหูทำให้ทะเลถอนหายใจออกมา “ไอ้พวกเหี้ยทำอะไรน้องกู!”

ไม่ใช่แค่ทะเลที่ป๊าส่งไปเรียนมวย สายลมก็ได้คาราเต้สายดำและอดีตเยาวชนทีมชาติหวังว่าสนิมคงไม่ขึ้นหรอกนะ สายลมวิ่งมาถีบคนตัวเล็กที่จับน้องชายของเขาเต็มแรง จนอีกฝ่ายกระดอนออกไป ก่อนจะมาจัดการคนตัวสูงพยายามจะออกหมัดสกัดอดีตนักคาราเต้ แต่โดนฝ่ามือปัดและสันมือปัดเข้าที่ต้นคอ น้ำหนักและแรงกำลังยังไม่ต่างตอนที่ไปแข่ง อีกฝ่ายถอยกรูเพราะแทบจะหายใจขาดห้วง

ปัง!!

เสียงปืนจากด้านหลังดังขึ้นทำให้คนที่กำลังชุลมุนหยุด สายลมรีบเข้าไปประคองทะเลที่ล้มกุมหน้าท้อง

“เหอะ ขนาดนี้มึงก็ยังมีคนมาช่วยหรอวะ! ทำไมคนอย่างมึงต้องได้รับความช่วยเหลือ ได้รับทุกสิ่งทุกอย่างด้วย ในขณะที่กูโดนทิ้งขว้าง โดนปฏิเสธมาตลอด!” กวินถือปืนทิ้งลงข้างตัวด้วยมือที่สั่นคลอน เขาพยายามจะควบคุมสติอารมณ์แต่เหมือนกลับยิ่งปะทุนรุนแรง กวินพูดเร็วและรัวเสียคนแทบฟังไม่ทัน

“...”

“มึงทำให้ชีวิตกูพัง พัง!! มึงรู้ตัวมั้ย!!!” คนที่ดูสติวิปวาสเล็งปืนที่ทะเล

“มึงใจเย็น น้องกูไปทำอะไรให้มึง!” สายลมเอาตัวเองบังน้องชายไว้

“มึงจำไอ้เคลได้มั้ย มันยังเหลือในเศษเสี้ยวความทรงจำของมึงมั้ย”

“เคล?”

“เออไอ้เหี้ย เคลไอ้เด็กที่เคยถูกไล่ออกจากไฮสคูลเพราะมึงเอาเรื่องกัญชาไปโพทะนาไง ไอ้เหี้ย!! มึงมันเหี้ย มึงทำลายชีวิตกูแค่ไหนมึงรู้ไหม!!” กวินถือปืนไม่นิ่ง แถมสีหน้าของคนไร้สติยังราวกับจะร้องไห้ ไม่หลงเหลือมาดคุณชายลูกนักการเมืองที่เจิดจรัสอีกต่อไป เขาถอนหายใจ ก่อนจะกลืนน้ำลายและพยายามกลั่นคำพูดพยาบาทออกมา แต่แล้วก็ได้ยินเสียงเอะอะของคนจำนวนมากวิ่งมาทางนี้

“คุณกวินครับ เราไปกันก่อน ไปเถอะครับ ถ้าคุณพ่อรู้เราจะแย่นะครับ” บอดี้การ์ดพยายามพยุงตัวเองและรวบตัวเจ้านายของพวกมันไป ก่อนที่จะมีคนมาเห็นเหตุการณ์มากไปกว่านี้ ทั้งสองถูลู่ถูกังเจ้านายของพวกมันอย่างยากลำบากเพราะก็เจ็บตัวพอควร รถแวนสีดำตรงเข้ามารับอย่างรวดเร็วก่อนจะขับออกไป

มึงไม่รอดแน่ไอ้กวิน ทะเลคิดในใจ คราวนี้หลักฐานมัดตัวและตัวกวินก็ทำความผิดหลายกระทงที่สำคัญอยู่ในมหาวิทยาลัยด้วย

“ทะเลมึงเป็นไง เจ็บมากป่าววะ หัวแตกด้วยไอ้ห่าเอ้ย มึงเตรียมตอบคำถามป๊าได้เลย”

“เออเรื่องนี้กูไม่ผิดไม่ต้องห่วง พอจะรู้แล้วว่ามันแค้นอะไรหนักหนา”

“นักศึกษาตรงนั้น! เกิดอะไรขึ้น” ผู้ชายสวมสูทเดาว่าคงเป็นอาจารย์ และรปภ.สามคน รวมถึงนักศึกษาอีกสองสามคนกำลังวิ่งมาทางนี้

“น้องผมโดนทำร้ายครับ เรียกรถพยาบาลให้ที”

“ทะเล!” เสียงทานตะวันทะเลจำได้ “ทะ ไม ใครทำอะไร”

ทานตะวันรุดเข้ามาประคองคนเจ็บ น้ำเสียงสั่นเมื่อครู่คล้ายกับจะร้องไห้ แต่ทะเลไม่สามารถโฟกัสอะไรได้เท่าไหร่ เพราะเลือดกำลังไหลอาบที่หน้าที่สำคัญมันเข้าตา “ลมเช็ดเลือดให้หน่อยได้มั้ย มันเข้าตา”

“เชี่ยเลือดออกโคตรเยอะ เจ็บมากเปล่าวะ”

“ชามากกว่าไม่เจ็บเท่าตกจักรยานตอนเด็กหรอก”

“เลิกเอาเรื่องนี้มาทับถมพี่มึงสักที”

สายลมควานหาผ้าที่พอจะเอามาซับเลือดของน้องชาย แต่ก็ไม่เจอ ทานตะวันเลยถอดเนกไทด์ของตัวเองอย่างทุลักทะเลแล้วส่งให้สายลม “อาจจะไม่สะอาดเท่าไหร่ แต่ก็ดีกว่าให้เลือดไหลเยอะกว่านี้”

เสียงรถพยาบาลวิ่งเข้ามามหาวิทยาลัยอย่างรวดเร็ว เพราะโรงพยาบาลประจำมหาวิทยาลัยอยู่ห่างจากตรงนี้ไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร เสียงอาจารย์สั่งพี่รปภ.ให้รีบไปดูที่เกิดเหตุ และแจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั่วมหาวิทยาลัยให้ตรวจรถเข้าออกทุกคัน “นักศึกษาจำหน้าคนร้ายได้หรือเปล่า”

“ครับ จำได้แม่นเลย”







----------------------------------







มีต่อ
หัวข้อ: Re: UP! | SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | 15_ไม่เป็นไรนะ [03-05-20]
เริ่มหัวข้อโดย: mifengbee ที่ 03-05-2020 21:46:10
คิมสะดุ้งตัวตื่นเพราะได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่เปิดเสียงดังสุดไว้ เพราะกลัวว่าทะเลโทรมาแล้วตัวเองจะไม่ตื่น แต่พอเห็นชื่อปรากฎที่หน้าตาก็ได้แต่นิ่วหน้า พีทโทรมาทำไมนะ มีอะไรหรือเปล่า

“ฮัลโหลพีท มีไรหรอ” ผมพูดด้วยเสียงอู้อี้ ยังรู้สึกไม่ตื่นดี

(มึงคือ…)

“หื้ออ มีไรหรอ” เสียงงัวเงียของผม และความอำอึ้งของพีท วันนี้เราจะคุยกันรู้เรื่องไหม

(ทะเลอยู่โรงพยาบาลว่ะ)

“ห้ะ!!!” ผมสะดุ้งตัวขึ้นมาทันทีที่ได้ยินประโยคนี้

“มึงว่าไงนะพีท เกิดอะไรขึ้น”

(กูยังไม่รู้รายละเอียด ตอนนี้อยู่หน้าห้องฉุกเฉินว่ะ ออกมาทะเลก็ขึ้นรถพยาบาลไปแล้ว)

“มะ มึงมารับกูหน่อยได้มั้ย กูเป็นห่วงทะเล” รู้สึกตัวเองเสียงสั่น เพราะรู้สึกแย่กับสิ่งที่ได้ยิน พยายามจะควบคุมไม่ให้สติแตก แค่จินตนาการว่าทะเลต้องบาดเจ็บแม้แต่ถลอกนิดเดียวก็รู้สึกแย่จะตายอยู่แล้ว บาดแผลในวันจักรยานล้มที่ผมทำให้ทะเลเผชิญในอดีต มันเป็นความเจ็บปวดที่ผมฝังรากให้เขามาตลอด แล้ววันนี้ถ้าเขาต้องถูกทำร้ายและผมเป็นหนึ่งในสาเหตุอีก ผมคงรู้สึกไม่อยากให้อภัยตัวเองที่ทำให้เขาต้องเจ็บอีกแล้ว

“นะ พะ พีท มารับกูที ขอร้อง”

พีทรับปากว่าจะมารับแล้วก็วางสายตา ผมไม่สามารถจะบังคับให้ตัวเองไม่จิตตกได้เลย แค่เรื่องที่เกิดกับตัวเองก็หนักหนาพอแล้ว นี่ยังมาเกิดขึ้นกับทะเลติด ๆ กันแบบนี้ ให้ผมทำใจรับยังไงไหว

“อย่าเป็นอะไรเลยนะ”






“ญาติคุณทะเล ชัชวาลพิศกุลครับ”

“ทางนี้ครับ”

“เดี๋ยวตามผมมาเลยครับ”

พี่สายลมเดินตามบุรุษพยาบาลที่ออกจากห้องฉุกเฉินไป เขาบอกว่าทะเลเข้าไปในนั้นประมาณหนึ่งชั่วโมงแล้ว ไม่รู้ว่าอาการหนักหรือแจ็กพ็อตเจอเคสอุบัติเหตุรถชนพร้อมกันพอดี ผมภาวนาให้เขาไม่เป็นอะไร ไม่บาดเจ็บร้าย หรือถึงกับต้องผ่าตัด

ผมเจอพี่สายลมและทานตะวันในสภาพเสื้อผ้าเปื้อนเลือด และพี่สายลมก็มีรอยฟกช้ำตามตัวเล็กน้อย ผมทักทายเขาและเหมือนเขายังจำผมได้ดี พี่สายลมบอกว่าทะเลโดนบอดี้การ์ดของกวินทำร้ายจนหัวแตก และโดนซ้อม ผมมีสีหน้าตกใจและเป็นกังวล จนเขาต้องบอกว่าไม่น่าจะอาการหนักมาก ตอนนั่งรถพยาบาลมาถึงยังพูดคุยกันได้ปกติ

“พีทช่วยหน่อย”

“มึงจะไปไหน”

“อยากไปดูตรงนั้น เผื่อจะเห็นทะเล”

“ไม่เอาน่าคิม มึงก็รู้ว่าไม่เห็น กระจกมันขุ่นขนาดนั้น” พีทเดินมาประคองผม แต่อีกฝ่ายเห็นผมใช้ไม้ค้ำและสามารถยืนด้วยตัวเองได้ เขากอดอกด้วยสีหน้ากังวลแบบที่ชอบทำเวลามิวเถียงมัน

“พีท กูกลัว กลัวทะเลจะเป็นอะไรเยอะ”

พีทถอนหายใจก่อนจะพูดขึ้น “คิมมึงใจเย็น ๆ ทะเลมันไม่เป็นไรหรอก มันเข้มแข็ง อย่างน้อย ๆ มันก็ต้องมาให้มึงบอกชอบมันก่อนหรือเปล่าวะ จะให้เพื่อนกูค้างเติ่งแบบนี้ไม่ได้ป่ะ รอมันมากี่ปี”

“มึงยังพูดเล่นได้อีกนะ กูก็ทำเขาไว้เยอะ ทะเลอาจจะปฏิเสธกูก็ได้”

“กูเอาเกียรติของว่าที่หมออย่างกูเป็นประกันเลยว่าทะเลไม่มีทางปฏิเสธมึง”

“มึงมั่นกว่าตัวกูอีก”

“คิม พีท มายืนทำไมตรงนี้ทำไมไม่นั่งรอ” เสียงพี่สายลมที่เดินกลับมาจากที่บุรุษพยาบาลเรียกไปคุย

“เขาบอกว่าไงบ้างพี่สายลม” ผมพยุงตัวเองกลับมาที่ม้านั่ง

“เรียกพี่ลมเฉย ๆ ก็ได้ หมอบอกจะทำทีซีสแกนมันพรุ่งนี้ แต่โดยรวมมันไม่เป็นไรมาก หนักสุดคงหัวแตก เย็บไปยี่สิบกว่าเข็ม แล้วก็ฟกช้ำนิดหน่อย หมอกลัวมีเลือดคั่งในสมอง” ผมถอนหายใจออกมาทันทีที่ได้ฟังที่สายลมพูดถึงอาการของทะเล

“แล้วทำไมทะเลไม่ออกมาสักทีล่ะครับ”

“รอห้องพิเศษน่ะ มันอาจจะต้องนอนโรงพยาบาลสักคืน ถ้ามีห้องคงให้เราขึ้นไปข้างบนเลย”

ผมพยักหน้ารับ สายตายังมองไปที่ประตูห้องฉุกเฉิน แม้มันจะยังมองเห็นแค่ความขุ่นมัวของกระจก และเงาของบุคลากรการแพทย์เดินไปเดินมาโดยที่ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร แต่อยากส่งพลังจากตรงนี้ไปให้คนในนั้น คน ๆ เดียวที่ทำเอาผมพะว้าพะวง จิตใจห่อเหี่ยว จนกว่าจะได้เห็นว่าเขาปลอดภัยกับตาตัวเอง

ความเป็นห่วงที่มันเพิ่มทวีเพราะความคาดหวังที่ผมก่อขึ้นเองในหัวใจ ตลอดเวลาที่ผ่านมาทะเลใจดีมาก ๆ นอกจากจะให้โอกาสแล้ว ก็ยังไม่เคยปฏิเสธ หรือมีท่าทีว่าผมทำทุกอย่างด้วยความพยายามคนเดียว เขาก็ชัดเจนว่าที่ทำก็ไม่ได้ทำให้ใครนอกจากผมคนเดียวเหมือนกัน ยิ่งพอมาเจอเรื่องนี้ทะเลแสดงออกว่าเป็นห่วงเป็นใย จนผมหวังว่าถ้าจบเรื่องนี้ไปเราจะเขยิบความสัมพันธ์ไปได้มากกว่าที่เป็นอยู่

เรื่องทานตะวันที่ผมเอามาคิดวกวนเสียหลายวัน จากวันแรกที่ได้เจอเขา พอได้คุย ได้ใช้ชีวิตกับทานตะวัน ยิ่งได้รู้ว่าเขาเป็นผู้ชายที่น่ารักมาก ๆ เป็นคนที่ถ้าในโลกนี้ไม่มีแสงอาทิตย์ ก็คงเป็นแสงสว่างให้กับโลกนี้ได้ไม่ยาก และความรู้สึกของทานตะวันที่มีให้ทะเลก็ไม่เคยถูกเปิดเผยเสียจนทะเลอึดอัด ผมเลยเข้าใจว่าทำไมทะเลไม่เคยคิดที่จะปฏิเสธเขา เพราะไม่อยากทำร้ายจิตใจคนดี ๆ คนหนึ่ง อีกฝ่ายไม่เคยก้าวข้ามคำว่าแอบชอบ หรือพยายามให้ทะเลคิดแบบเดียวกันเลย

“ญาติคุณทะเล เชิญที่ชั้น 12 ห้อง 1204 นะครับ”

พี่บุรุษพยาบาลคนเดิมเดินมาบอก เราทั้งสี่คนที่นั่งรอเวลานี้อยู่ก็เดินกำลังจะขึ้นไปยังห้องที่หมาย

“มาพี่ช่วย”

“ขอบคุณครับพี่ตะวัน” ผมเรียกเขาพี่ ทั้งที่จะอายุเท่ากัน ให้เกียรติความเป็นรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัย เพราะคนอื่น ๆ ที่ซิ่วมาก็ทำแบบนี้

“ตะวันที่อยู่วงเดียวกับทะเลป่ะ” พีทที่เดินพยุงผมอีกฝั่งถามขึ้น จริง ๆ ตะวันคนเดียวก็พอแล้วนะ แต่มันขี้เวอร์

“อื้ม รู้จักด้วยหรอ”

“รู้ดิ เคยไปฟังที่ร้านให้เหล่ามันเล่า ไลน์เบสเจ๋งดีนะ”

“คิดว่าฟังที่งานมหาลัย เพราะอันนั้นเรายังเล่นได้ไม่ถึง 30 วิเลย”

สองคนหัวเราะในลำคอแล้วเดินไปที่ลิฟท์ ผมอยากเดินให้เร็วกว่านี้จะได้ขึ้นไปถึงชั้น 12 เร็ว ๆ อยากเห็นด้วยตาว่าทะเลสบายดีอย่างที่พี่สายลมบอก






“ถ้ามีอะไรก็กดเรียกพยาบาลได้เลยนะครับ พรุ่งนี้หมอเฉพาะทางจะมาพาไปสแกนสมอง รีบพักผ่อนนะครับ”

“ขอบคุณครับ”

ผมก้าวเข้ามาก้ได้ยินเสียงคุณหมอและคนไข้คุยกัน

“ไงน้องชาย พรุนเลยสิ”

“ทะเล!” ผมจับไม้ค้ำแน่นแล้วรีบพยุงตัวเองมาที่เตียงคนไข้ ตะวันและพีทคงตกใจพวกเขาอุทานเบา ๆ

“ค่อย ๆ เดี๋ยวก็ล้มได้เจ็บอีก”

“เป็นยังไงบ้าง เจ็บมากหรือเปล่า” ผมลนลานรีบเข้าไปดูเขาจนทำไม้ค้ำหลุดจากการแขน ดีที่ยังเกาะขอบเตียงไว้ทัน

“ถ้ามึงเจ็บกูจะโกรธมึงนะคิม”

“ระ เรากลัวทะเลเป็นอะไรนี่ ฮะ ฮึก แล้วเจ็บมากมั้ย ทำไมเขาพันแผลขนาดนี้ แผลใหญ่มากหรอ ฮึก”

“ใจเย็น ๆ ใครก็ได้เอาเก้าอี้มาให้มันนั่งหน่อยได้หรือเปล่า”

“ทะเลทำไมไม่ตอบเล่า! ทำไมถึงไม่พูดอะไร เป็นห่วงนะเว้ย จะบ้าตายอยู่แล้ว ไหนบอกจะไม่เป็นอะไรไง จะระวังตัว ฮืออ แล้วทำไมปล่อยให้ตัวเองเจ็บแบบนี้”

“ชู่ววว ใจเย็น ๆ นั่งลงก่อน แค่เห็นน้ำตามึงกูก็เจ็บกว่าเดิมแล้ว”

“...” ผมนั่งลงเก้าอี้ที่พีทยกมาให้ ส่วนคนอื่นก็ยืนตามมุม หรือไม่ก็นั่งที่โซฟาให้ห้อง แต่ผมไม่สามารถโฟกัสอะไรนอกจากผู้ชายตัวโตที่นอนบนเตียงคนไข้ หัวของเขาพันผ้าก๊อซก้อนโตเอาไว้ ใบหน้าฟกช้ำ และสีหน้าอิดโดยมาก ไหนจะสายน้ำเกลือนี่อีก

มันเทียบกับที่ผมโดนรถเฉี่ยวได้ที่ไหนวะ!

“มึงมากกว่าที่ไม่ยอมบอกอะไรกูเลย กลัวจะโกรธหรือไง หื้ม” ทะเลเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้ เขายังมาทำท่าทีไม่เป็นอะไรได้ยังไง เหอะ ทั้งที่เห็น ๆ อยู่ว่าเขาเจ็บมาก ๆ

“กลัวทะเลจะเป็นแบบนี้ต่างหาก แม่ง แต่ไม่ทันอยู่ดี” ผมเอื้อมมือไปจับใบหน้าเขาอย่างแผ่วเบา อีกฝ่ายไม่ได้ปฏิเสธหรือห้ามอะไร สายตาที่เขาส่งมาเต็มไปด้วยอ่อนล้า แต่ดันยิ้มที่มุมปากแบบที่ชอบทำ

“กูไม่เป็นอะไร คราวหน้าห้ามปิดบังอะไรอีกนะ เพราะกูไม่อยากเห็นมึงเจ็บอีก” ผมพยักหน้ารับ ไม่เอาแล้วจะไม่ผิดบังอะไรอีก ไอ้ความหวังดีที่จะช่วยปกป้องเขาน่ะดันทำให้เขาเจ็บนักกว่าเดิม และแล้วก็กลายเป็นผมที่ทำเขาเจ็บอีกครั้ง

“ไม่เอาแบบนี้แล้ว ทำไมทะเลต้องมาเจ็บตัวเพราะเราอีก ครั้งนั้นมันก็แย่มากพอแล้ว เรานี่แม่ง!”

“ไม่ต้องโทษตัวเองเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องของกูกับกวิน ไม่เกี่ยวอะไรกับมึง กูต่างหากที่ต้องขอโทษที่ทำให้มึงต้องมารับเคราะห์ไปด้วย กูจะหายเร็วมากถ้ามึงรีบหายก่อนกู โอเคมั้ย”

“อะ อื้อ”

“งั้นกูกลับก่อนดีกว่า อยู่ไปก็เหมือนเป็นคนล่องหนว่ะ” เสียงพี่สายลมดังขึ้นจากข้างหลังผม

“นั่นสิพี่” เสียงพีทสมทบด้วย

“ไว้พรุ่งนี้กูมาแต่เช้า คงต้องพาป๊ากับม้ามาด้วยนะ กูรับหน้าให้ได้นิดหน่อยนะไว้มึงอธิบายให้เขาฟังแล้วกัน”

“อืม ได้ ฝากไปส่งทานตะวันด้วย” ทะเลสบตากับคนที่ยืนปลายเตียง ก่อนที่อีกฝ่ายจะพยักหน้าและยิ้มให้บาง ๆ

พีทเดินมาแตะไหล่ “แล้วมึงเอาไง จะกลับเลยหรือเปล่า”

“จะอยู่เป็นเพื่อนทะเล ยังไม่กลับ” ผมตอบกลับเสียงหนักแน่น กลับไปก็คงนอนไม่หลับ ยิ่งได้มาเห็นสภาพของทะเลเป็นแบบนี้ด้วยแล้ว ไม่มีทางที่จะสงบจิตสงบใจโดยไม่คิดถึงสภาพแย่ ๆ ของเขาได้เลย

“กลับไปเถอะกูอยู่ได้ ไม่เป็นไร” ผมไม่พูดอะไร เอาแต่มองเขาแล้วเตรียมจะร้องไห้อีกรอบ “โอเค ๆ อยู่ก็อยู่”

ทุกคนในห้องบอกลาแล้วทยอยเดินออกจากห้องไป ทีนี้ก็เหลือผมกับเขาแค่สองคน เอื้อมมือไปจับมือที่มีรอยถลอกมาแนบที่แก้ม อยากให้รู้ว่าความเป็นห่วงที่มันจุกในอกตอนนี้จะส่งผ่านถึงเขาทั้งหมด ไม่รู้เลยว่าจะช่วยให้เขาหายเจ็บได้ยังไงอยากแบ่งเบาความเจ็บปวดเหล่านั้นมาบ้างจัง

“กินยาหรือยัง”

ผมส่ายหน้า จู่ ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาอีกแล้ว ไม่ใช่เป็นคนเปราะบางขนาดนี้ แต่พอเป็นเรื่องของคนที่ผมให้ความสำคัญมันก็อ่อนไหวไปหมด

“กอดมั้ย”

“ทะเลจะเจ็บ”

“ไม่เป็นไร” ดีที่เตียงเป็นระบบอัตโนมัติ เขาเลยกดรีโมตแล้วขอบเตียงก็ลดระดับลง ผมเขยิบตัวเข้าไปใกล้ก่อนจะโอบกอดร่างที่นอนอยู่อย่างเบาแรงที่สุดเพราะกลัวเขาเจ็บ

“เรากลัวมากเลยนะ ฮึก กลัวว่าทะเลจะเป็นอะไร”

“ไม่เป็นไร กูไม่เป็นไรนะ อยู่ตรงนี้ไง ไม่ได้เป็นผีกำลังหลอกมึงสักหน่อย” มือใหญ่กำลังลูบที่หัวผมเบา ๆ แม้มันจะไม่หนักแน่นอย่างที่เคย แต่ก็รับรู้ได้ว่านี่คือสัมผัสอันคุ้นเคยของเขา คนที่มีอิทธิพลกับผมมากเหลือเกิน

“ทะเล ตอนนี้น่ะ”

“....”

“เราว่า...เรารู้สึกกับทะเลมากกว่าเดิมอีก”

“...”

“...”

“อืม ทะเลก็เหมือนกัน”






End Summer’s Part












#ฤดูร้อนของทะเล


-------------------------------------------


ก้าวกระโดนทั้งเรื่องบาดแผลและความสัมพันธ์55555555555
นี่เป็นนิยายสืบสวนไปแล้วหรือเปล่า ไม่นะะะะะ
ตอนหน้าจะเฉลยแล้วว่านังกวินแค้นอะไรลูกชั้น!!
ตอนหน้าเจอกันค่า และตัวละครลับสุด ๆ big boss คือป๊าของทะเล
รอเลยนะ!!

เจอกันตอนหน้าค่า

อย่าลืมคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้กันนนน

@mifengbeexx
หัวข้อ: Re: UP! | SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | 16_เจอพ่อ [20-05-20]
เริ่มหัวข้อโดย: mifengbee ที่ 20-05-2020 21:51:07
ตอนที่ 16
เจอพ่อ




Sea’s Part


เมื่อคืนนอนก็เหมือนรู้สึกไม่ได้นอน พยาบาลเดินวัดความดันและวัดไข้ทุกสองชั่วโมง เพื่อรีเช็กให้แน่ใจว่าผมจะไม่ป่วยซ้ำซ้อนกว่าเดิม ผมไม่ได้อะไรกับการทำหน้าที่ของพี่พยาบาลเท่าไหร่ เพียงแต่คนที่นอนข้างเตียงคนป่วยและดึงดันจะจับมือกันตลอดพลอยตื่นไปด้วย ยังดีที่โซฟามีล้อลากไม่อย่างนั้นเขาคงได้ฟุบหลับข้างเตียงอย่างที่บอกตอนแรก อาศัยพี่พยาบาลอีกนั่นแหละที่มาช่วย คนเดี้ยงสองคนจะทำอะไรได้มาก ผมสังเกตเห็นเขาผวาที่ถูกปลุกกลางคันเป็นข้อบ่งชี้อีกหนึ่งอย่างว่าเขายังกลัวกับเรื่องที่เกิดขึ้น

ทำไมเขาต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เพราะผมด้วย

ท้องฟ้าที่เคยมืดสนิทด้านนอกกำลังถูกแต่งแต้มด้วยสีของวันใหม่ เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของคนที่นอนบนโซฟาทำให้ผมยิ่งคิดหลายสิ่งหลายอย่างในหัว เขาควรจะได้นอนสบาย ๆ ที่บ้านรักษาอาการป่วยของตัวเอง ไม่ใช่มานอนขดบนโซฟาแคบ ๆ เฝ้าผมที่แข็งแรงยิ่งกว่าม้า

“เราว่า...เรารู้สึกกับทะเลมากกว่าเดิมอีก”

“...”

“...”

“อืม ทะเลก็เหมือนกัน”

“ไม่เป็นไรจริง ๆ ใช่มั้ย เราเป็นห่วงมาก ๆ เลย”

“อื้ม ขอโทษนะที่ทำให้ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้”

“...”

“จะทำให้มันจบเร็วที่สุด จะได้ไม่ได้มาเจอเรื่องแบบนี้อีก และโอกาสที่เราเคยให้คิมไปเราจะขอคืน”

“ทะ ทำไมล่ะ คือจะไม่ให้เราทำแบบนี้ละหรอ”

“ไม่ใช่หรอก เราขอโอกาสคืน เพราะเราจะขอโอกาสจากคิมต่างหาก ถ้าดูแลไม่ได้ก็ไม่สมควรดูแล”


ผมมาทบทวนบทสนทนาเมื่อคืนการขอโอกาสจากเขาทั้งที่ตัวเองก็สภาพไม่น่าจะไปฟาดฟันใครได้ นี่มันค่อนข้างน่าไม่อายไปหน่อย แต่ในเมื่อเขาให้มาโดยไม่ต่อรองอะไรสักคำเหมือนที่ผมทำด้วยซ้ำ ก็ควรจะใช้ให้มันดีที่สุด ถ้าสุดท้ายแล้วผมก็ยังไม่มีปัญญาที่จะปกป้องหรือรักษาเขาไว้ได้อีก ที่ตรงนี้ก็ไม่ควรเป็นของผมแต่แรกแล้ว

แม้ความรู้สึกที่มีให้เขาจะไม่เคยลดลงสักวินาที



“เชี่ยทะเล มันเล่นมึงหนักสัส” แทนไทพูดขึ้นหลังจากมันทะเล่อทะล่าผลักประตูเข้ามาไม่เคาะสักแอะ ตามมาด้วยก๋วยเตี๋ยวในชุดไปรเวทสบาย ๆ  วันนี้วันหยุดพวกมันเลยมาหาผมตั้งแต่เช้า แต่พยาบาลพามาไปทำทีซีสแกนก่อน พวกมันเลยได้นั่งรอที่วอร์ดเพื่อความปลอดภัยของทรัพย์สินในห้องผู้ป่วย ส่วนคิมก็ติดสอยห้อยตามผมไปด้วยนั่นแหละ พี่บุรุษพยาบาลก็ใจดีเข็นรถเข็นให้ตลอด

“อืม บอดี้การ์ดสองคนเล่นกูจากข้างหลัง ถ้ารู้ก่อนหัวคงไม่แตก”

“แล้วนี่พอจะรู้ยังว่ามันทำไปทำไมอะ” ก๋วยเตี๋ยวถามขึ้น

“นี่รู้แล้วหรอว่าใครทำกู?” เพื่อนสองคนของผมพยักเพยิดไปที่คนขาเจ็บที่นั่งบนโฟซาตัวที่นอนเมื่อคืน ตอนนี้มันถูกดันไปชิดผนังเหมือนเดิมแล้ว คงคุยกันตอนรอที่หน้าห้องเอ็กซเรย์

“แต่ถึงคิมไม่บอกกู เขาก็ลือกันทั่วมหาลัยแล้วแหละ เรื่องมีคนยิงปืนในมหาลัยยังไงก็ต้องเป็นข่าว ตอนแรกกูคิดว่าอธิการจะพยายามปิดข่าว แต่ผิดคาดว่ะ เมื่อคืนรองอธิการสัมภาษณ์ว่าจะต้องหาคนมาผิดให้ได้” แทนไทพูดพลางกอดอกไปด้วย

“กลัวนักการเมืองกับกลัวปลดออกจากตำแหน่ง มึงว่าอันไหนน่ากลัวกว่ากัน” ก๋วยเตี๋ยวสมทบ

“หึ”

แม้จะผิดคาดนิดหน่อย แต่ก็พอจะเดาเรื่องราวเบื้องหลังความสัมพันธ์ที่แตกระแหงของอธิการบดีและนักการเมืองคนดังได้ ส.ส.สอบตกแต่อยู่ได้เพราะอิทธิพลของตระกูลนักการเมือง กับว่าที่นักการเมืองน้ำดีของพรรคที่ชนะการเลือกตั้งครั้งล่าสุด แน่นอนว่ายังไงการทิ้งคู่ค้าเก่าที่ด่างพล้อยก็ง่ายกว่าการเอาตำแหน่งหน้าที่ที่สดใสตรงหน้ามาแลก

“แล้วคิมเจ็บมากเปล่า” ก๋วยเตี๋ยวเดินเข้าไปหา สองคนนี้อยู่ด้วยกันแล้วเหมือนเด็กมัธยมไม่มีผิด

“ไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าไม่ใส่เฝือกก็น่าจะเจ็บมั้ง หมอบอกกระดูกร้าวอะ” เพื่อนตัวขาวของผมหยิบปากกาเมจิกด้ามสีชมพูออกมา ก่อนจะนั่งยอมแล้วเขียนอะไรบางอย่างลงบนเฝือก

‘Get well soon’ และรูปพระอาทิตย์หน้ายิ้ม

“เราเจิมให้ หายไวไวนะคิม ขอโทษแทนทะเลด้วยที่ทำให้ต้องมาเจ็บตัว”

“ขอบใจนะ เราไม่เป็นไร ทะเลขอโทษเราพันครั้งได้แล้วมั้ง” พูดเสร็จก็หันมายิ้มหวานให้ผมที

จริง ๆ ผมน่ะไม่ได้จะเต๊ะท่าหรือเก๊กเป็นเคร่งขรึมอะไรหรอก แต่ที่แสดงออกไปแบบนี้ก็เพราะส่วนหนึ่งพยายามจะปกป้องตัวเองจากความเจ็บปวดที่เคยเจอ ปฏิเสธความสัมพันธ์แทบจะทุกรูปแบบที่เข้ามาก่อนหน้า แค่คำว่าเพื่อนผมยังรู้สึกสนิทใจที่จะเรียกแค่ไม่กี่คน มันคงเป็นกลไกของร่างกายที่พยายามจะสร้างเกราะอะไรบางอย่าง การที่กลายเป็นคนพูดน้อย ยิ้มยาก และแทบไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกไป มันทำให้ผมไม่เป็นตัวเองเหมือนกัน แต่ก็ไม่แน่ใจว่าทำไมถึงต้องทำแบบนี้

อาจจะเพราะความกลัว
กลัวว่าจะผิดหวัง
กลัวถูกปฏิเสธ
กลัวที่จะต้องรู้สึก
เลยเลือกที่จะทำกับคนอื่นก่อนที่ตัวเองจะโดนกระทำกลับล่ะมั้ง

แต่พอได้กลับมาเจอคิมหันต์ ความรู้สึกเหล่านั้นมันเจือจางลงอย่างประหลาด ผมพูดเยอะขึ้นอย่างฉงนตัวเอง หัวเราะแม้จะขืน ๆ เพราะความโก๊ะกังของเขา และยิ้มกับเรื่องเล็กน้อยอย่างเขายิ้มกว้างให้ตอนนี้


ก๊อก ก๊อก


“ป๊า ม้า” คนเปิดประตูไม่ใช่คนที่ผมขานชื่อ แต่เป็นเลขาของป๊าที่อยู่มานานก่อนผมเกิดเสียอีก

“ไงน้องชาย เลือดคั่งในสมองหรือเปล่า”

“ลมอย่าพูดเป็นลาง ม้ายิ่งใจคอไม่ดีอยู่ ทะเลหมอว่ายังไงบ้างลูก” ผู้หญิงผมสั้นดัดลอนสวยและใบหน้าอิ่มเอิ่มเดินตรงมาหาผมที่เตียง เธอจับหน้าและใช้สายตาแห่งความห่วงใยทั้งหมดที่มีมองผมด้วยความอ่อนโยน “ม้าเป็นห่วงแทบแย่เลยนะ”

“ทะเลไม่เป็นไรม้า หมอบอกไม่มีอะไรกระทบกระเทือนสมองปกติดีครับ แค่หัวแตกเฉย ๆ”

“งั้นก็ค่อยยังชั่วค่ะ ตอนที่เหนือกับลมมาบอกป๊ากับม้า ม้าแทบเป็นลมหัวใจเกือบหยุดเต้นแหนะ”

“เหมือนจะล้อเล่นนะไอ้เล แต่ม้าเป็นงั้นจริงว่ะ” สายลมพูดขัดขึ้นมาก อีกฝ่ายยืนมองผมที่ปลายเตียง ด้วยสีหน้าเป็นกังวลเล็กน้อย

“ทำไมมีอะไรถึงไม่บอกป๊าเอง” พี่ชายทั้งสองคนยกมือสองข้างแล้วเดินหลบไปยืนมุมห้อง ส่วนม้าก็ถอยหลังให้ป๊าเดินมายืนใกล้เตียงมากขึ้น

ผู้ชายวัยแซยิดมีลักษณะของความเป็นคนจีนเต็มเปี่ยม ใบหน้าอาบไปด้วยความเมตตาและใจดี ตัวสูงใหญ่มีพุงพลุ้ยดูภูมิฐาน มองจากภายนอกก็คงไม่ต่างจากเศรษฐีนีมีตังค์ หรือเสี่ยเจ้าของกิจการ แต่ไม่ค่อยมีใครรู้เรื่องเส้นทางของการเป็นนักต่อสู้ของป๊าว่ากว่าจะมาถึงจุดที่ทุกคนให้เกียรติและเยินยออำนาจเงินนั้นเขาต้องผ่านสมรภูมิอะไรมาบ้าง

ผมยกมือไหว้ป๊าก่อนจะพูดคำเดียวที่นึกออก “ทะเลขอโทษครับ”

“ไม่ต้องขอโทษป๊า เพราะทะเลไม่ได้ทำผิดต่อป๊า แต่ทะเลควรขอโทษเพื่อนคนนั้นที่เขาให้เขาพลอยเดือดร้อนไปด้วย” คุณธาราพยักเพยิดใบหน้าไปที่ผู้ชายที่นั่งตัวเกร็งกับการที่ต้องมาเผชิญหน้ากับครอบครัวผมอย่างไม่ทันตั้งตัว แถมป๊ายังมาในมาดดุสุด ๆ

“เอ่อ...คุณลุงเรื่องนี้ทะเลไม่ผิดหรอกครับ ทะเลไม่รู้เรื่องจริง ๆ อีกอย่างเขาก็ขอโทษผมแล้ว ผะ ผมไม่เป็นอะไรมากคะ ครับ...”

ป๊าผมเดินเข้าไปหาคิม เขาจึงพยายามจะลุกขึ้นยืนด้วยการใช้ไม้ค้ำยันตัวเองขึ้นมา “ไม่ต้องลุก ๆ”

“ป๊าขอโทษหนูอีกครั้งแทนลูกป๊าที่ทำให้ต้องมาเจ็บตัว” ป๊าผมโค้งตัวก้มหัวให้กับคิม อีกฝ่ายดูตกใจอย่างมากกับสิ่งที่ป๊าทำ แน่นอนแทนไทและก๋วยเตี๋ยวก็ตะลึงงันไม่แพ้กัน พวกมันสองคนเคยเจอพ่อผมแล้วแต่คงไม่เคยเจอในมาดแบบนี้

มันคือวิธีการขอโทษในแบบสูงสุดที่พ่อผมจะทำให้กับทุกคน เพราะผมก็ถูกสอนมาแบบนี้เหมือนกัน

“เอ่อ ผะ ผม คุณลุงไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ครับ ผะ ผม” คิมพูดไปพลางยันตัวเองยืนขึ้น “ผมเป็นเด็กอย่าทำแบบนี้เลยนะครับ” ก่อนที่เขาจะยกมือไหว้ป๊าผมคืนแม้จะง่อนแง่นตามกำลังของคนไม่ปกติจะทำได้

“ป๊าสอนลูกทุกคนเสมอ เราต้องปกป้องคนที่เรารัก ไม่ว่าจะครอบครัว เพื่อน มนุษย์ร่วมโลก ถ้ากำลังเรามี ทะเลมีทุกอย่างที่ทำได้ แต่ทะเลก็พลาด การใช้ชีวิตอย่างไม่มีสติและประมาทจะทำให้ตัวเองเดือดร้อน แต่คราวนี้ไม่ใช่แค่ตัวเขา แต่เป็นคนอื่นที่มารับเคราะห์แทน”

“...”

“ที่สำคัญคิดเอาเองว่ากำลังที่มีมันมากพอที่จะตัดสินใจทำอะไรคนเดียว ไม่บอกพี่ ไม่บอกครอบครัว ป๊าเลยมีส่วนผิดเต็ม ๆ ที่ทำให้หนูต้องเจ็บตัว การก้มหัวขอโทษใครมันไม่เคยลดทอนศักดิ์ศรีของมนุษย์ มันคือความรับผิดชอบที่ทุกคนต้องมีและทำได้”

“...”

“ป๊าต้องขอโทษอีกครั้งนะ” ผู้ชายสูงวัยเอื้อมมือไปลูบผมของคิมหันต์ เขาเบิกตาขึ้นก่อนจะพยักหน้ารับ แล้วยกมือไหว้พ่อผมอีกแล้ว

“คมเดี๋ยวให้รถอีกคันมารับหนูคนนี้ด้วย หากระเช้ากับของฝากดี ๆ ผมจะไปหาพ่อกับแม่เขาที่บ้าน”

“คะ ครับ ไปหาพ่อแม่ผมหรอครับ”

“ให้ป๊ากับม้าไปหาเถอะนะ ม้าไม่สบายใจจริง ๆ” คิมหันมามองหน้าผมเสมือนถามความเห็น ผมพยักหน้าเบา ๆ ไปให้ เพราะออกจากโรงพยาบาลผมก็จะทำแบบนั้นอยู่แล้ว เรียนรู้แล้วว่าบางเรื่องก็จัดการด้วยกำลังตัวเองไม่ได้

“งั้นก็ได้ครับ”

“ทะเลไปด้วยนะป๊า หมอให้ออกจากโรงพยาบาลได้เลย น่าจะช่วงเที่ยงครับ”

“งั้นก็ดี มีหลายเรื่องที่ต้องรีบจัดการ ป๊าพยายามติดต่อกับทางนู้นแล้วแต่ยังเงียบ คงหนีนักข่าวอยู่ ทะเลพอจะรู้ต้นตอของเรื่องหรือยังว่าทำไมเขาถึงพยายามทำอะไรแบบนี้”

“พอจะนึกออกครับ”

“เหนือลองให้เพื่อนสืบดู มันมีประวัติการรักษาจิตเวชมาหลายปีแล้วตั้งแต่อยู่อังกฤษ ถ้าพวกมันจะเอาเรื่องนี้มาแก้ต่างเราจะทำยังไงดี” พี่ชายคนโตยังคงทำหน้าที่เป็นแบ็คอัพให้น้องเสมอ เขารู้ว่าจะต้องทำอะไร มีวิธีปกป้องน้องในแบบของตัวเองมาตลอด ผมคิดนะถ้าเรื่องนี้เหนือรู้เรื่องตั้งแต่เนิ่น ๆ อาจจะดีกว่านี้ก็ได้

“ก็คงว่ากันตามหลักฐาน เดี๋ยวทนายจะมาเย็นนี้ ทะเลก็บอกสิ่งที่รู้ให้เขาฟังแล้วกัน” ผมพยักหน้ารับกับสิ่งที่คนเป็นพ่อบอก

“หนูชื่ออะไรนะ คิมใช่มั้ย”

“คะ ครับ คิมหันต์ครับ”

“ฤดูร้อน ชื่อดีนะ ไปกินข้าวกับป๊าม้าสิ ปล่อยให้ทะเลมันกินข้าวโรงพยาบาลไป แทนกับเตี๋ยวด้วยป่ะ”

พ่อผมชักชวนเพื่อน ๆ ที่มาเยี่ยมให้ออกจากห้องพักไป คิมหันต์มองหน้าผมเล็กน้อยก่อนจะรอให้ทุกคนออกไปแล้วเขาจึงเดินเข้ามาใกล้เตียง ก่อนจะจับมือผมแล้วลูบที่ผิวเบา ๆ “เดี๋ยวมานะ”

“ไปเถอะ ไม่ต้องคิดมาก ทำตัวปกติแหละ ป๊าม้าใจดีกับเพื่อนกูทุกคน”

“เพราะตอนนี้เป็นเพื่อนกันใช่มั้ย” เขายู่ปากแบบที่ชอบทำ

“อีกเดี๋ยวจะไม่ได้เป็นละนะ ใช้ให้คุ้มหน่อย”

“เหอะ พูดดีไปเถอะ ถ้าป๊าม้ารู้คงไม่ใจดีกับเราแบบนี้ใช่หรือเปล่า”

“ให้ได้เป็นมากกว่าเพื่อนก่อนค่อยมาคิดมั้ยนุ่มนิ่ม”

“เบื่อทะเลว่ะ”

ผมเชื่อว่าเขาก็รับรู้มาโดยตลอดว่าผมก็รู้สึกแบบเดียวกัน ไม่ต่างจากที่เขารู้สึก อาจจะรู้สึกมากกว่าเขาก็ได้ เพราะการรออย่างไม่คาดหวัง พอมีหวังมันยิ่งทำให้รู้สึกมากกว่าเดิม การเป็นทะเลที่แสดงออกไม่เหมือนเดิม แต่ทะเลก็ยังเป็นคนเดิม ผมก็ยังเป็นผม และผมก็เชื่อว่าเราต่างเข้าใจในความรู้สึกที่มีต่อกันดี เพียงแต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาแจกแจง และถ้าผ่านเรื่องนี้ไป ความชัดเจนมันควรเกิดขึ้นกับความสัมพันธ์ของเราได้สักที

ต้องเข้มแข็ง และปกป้องเขาให้ได้ดีกว่าที่ผ่านมา











มีต่อ
หัวข้อ: Re: UP! | SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | 15_ไม่เป็นไรนะ [03-05-20]
เริ่มหัวข้อโดย: mifengbee ที่ 20-05-2020 21:54:14
“ขอบคุณคุณธารานะครับที่ให้เกียรติครอบครัวเราขนาดนี้” พ่อของคิมเดินออกมาส่งพวกเราที่หน้าบ้าน จริง ๆ ครอบครัวเราทำธุรกิจใกล้เคียงกัน เพียงแต่พ่อผมครองตลาดใหญ่กว่าเท่านั้น

“ไม่ได้หรอกครับ ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณที่ไม่เอาเรื่องที่ทำให้น้องคิมต้องเจ็บตัว” พ่อผมยืนหน้ารถเอามือประสานกัน โดยมีผมยืนขนาบข้างหลัง เหนือกับลมไม่ได้มาด้วย

“ไม่มีใครอยากให้เกิดหรอกครับ ทะเลก็ช่วยดูแลคิมมาตลอด พ่อขอบใจนะ” พ่อของคิมตบบ่าผมเบา ๆ

“ครับ ผมขอโทษอีกครั้งนะครับ” ผมยกมือไหว้พ่อของคิมอีกรอบ

“ยังไงเรื่องคดี เดี๋ยวจะให้ทนายติดต่อมาทางนี้อีกครั้งนะครับ”

“ได้ครับ ยังไงรบกวนด้วย ทางผมก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ อีกฝ่ายมีเส้นสายใหญ่โตด้วย”

“ไม่ต้องห่วง จะไม่กระทบกับคุณแน่นอน ทนายผมน่าจะมีวิธี อีกอย่างการไปศาลของผมเหมือนไปเดินเล่นอยู่แล้ว ฮ่า ๆ” ป๊าพูดติดตลก ก็เพราะธุรกิจที่พ่อผมทำมันเกี่ยงโยงกับพวกนายทุน นักการเมืองท้องถิ่น ข้าราชการ ก็ถ้าไม่มีคอนเน็กชั่นพวกนี้ก็ต้องใช้กฎหมายคุยกันอย่างเดียว

ผมบอกลาคุณพ่อของคิม พร้อมยิ้มให้กับคนที่ยืนหน้าบ้านก่อนจะขึ้นนั่งข้างหน้าข้างพี่คมคนขับ คิมอยากมาส่งที่รถแต่ป๊าห้ามไว้ซะก่อน ไม่งั้นอาการบาดเจ็บที่ขาคงไม่มีทางทุเลาถ้ายังขยันเดินแบบนี้

“รู้จักกันนานแล้วหรอ ทำไมไม่เคยพามาที่บ้านเลยล่ะทะเล” หม่าม้าถามขึ้นมาหลังจากรถเลี้ยวออกจากหมู่บ้าน

“ตั้งแต่มอปลาย ทะเลเคยติวให้เขาก่อนจะเข้ามหาลัย”

“อ้าว แล้วทำไมคิมอยู่ปีหนึ่งล่ะ ซิ่วมาหรอ”

“ตอนแรกคิมสอบติดบริหารอีกที่แต่ไม่ชอบเลยซิ่วมาเรียนศิลปกรมแทนน่ะม้า”

“เป็นคนที่ดูมีพรสวรรค์ แต่ก็ขยันไม่หยุดพัฒนา ดูฉลาด แถมมีมารยาทด้วย” ป๊าพูดขึ้น พ่อผมเป็นคนอ่านคนเก่งมาก ๆ ไม่ใช่พวกชอบดูโหงวเฮ้งหรืออะไร แต่ท่านมักจะสามารถมองคนได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ถ้าคิมได้ยินคงดีใจที่มีคนชมแม้จะเจอกันไม่กี่ชั่วโมง

แต่ก็คงคนละเรื่องกับการยอมรับในฐานะแฟนลูกชาย

“ไว้ชวนมาบ้านเราสิ”

“ครับป๊า”



“ท่านครับ ทนายฝั่งนู้นติดต่อมาว่าจะขอเจรจาก่อนที่คดีจะเดิน” ทนายประจำบ้านของผมรีบเดินมารับป๊าทั้งที่รถยังจอดไม่สนิทดีด้วยซ้ำ

“คุณพงษ์คิดว่ายังไงล่ะ”

“ผมยังไม่ได้ตกลงอะไรไป คิดว่าควรมาถามท่านและคุณทะเลก่อน”

“งั้นก็ลองคุยกับคนต้นเรื่องแล้วกัน ว่าเราควรจะตัดสินใจยังไงดี ผมก็ไม่ได้อยากมีเรื่องกับพวกนักการเมืองเท่าไหร่ เสียเวลาชีวิต”

“ครับ เดี๋ยวยังไงคุณทะเลเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผมฟังก่อน แล้วค่อยหาวิธีกันอีกที”








2 วันต่อมา

@มหาวิทยาลัย

เมื่อวานก่อนผมเล่าเรื่องให้คุณอาสมพงษ์ฟัง ท่านก็ให้คำแนะนำในการเจรจาก่อนจะมีการดำเนินคดี เพราะอีกฝ่ายวิ่งเต้นจนเรื่องเกิดมาสามวันแล้วก็ยังไม่มีการสืบคดีใด ๆ และข่าวก็เงียบหายไปราวกับว่าไม่เคยเกิดขึ้น การคุยกันในวันนี้จึงเกิดที่มหาวิทยาลัยและมีผู้บริหารมหาวิทยาลัยเข้าร่วมฟังด้วย ในฐานะเจ้าของสถานที่เกิดเหตุ และผมในฐานะว่าที่โจทย์ที่จะแจ้งความและฟ้องเอาผิด

ห้องประชุมภายในตึกอธิการบดี ตกแต่งหรูหรา ด้วยชุดเฟอร์นิเจอร์หลุยส์ยกเซต ผมไม่เคยเข้ามาในนี้แต่คิดว่าเกินความจำเป็นไปหน่อย ความเย็นต้อนรับผมจากการเปิดเครื่องปรับอากาศอุณหภูมิต่ำ ภายในห้องโล่งยังไม่มีใครมานอกจากทนายของฝั่งกวิน

ขณะที่นั่งรอไม่นานอธิการบดีและทนายประจำมหาวิทยาลัยก็เดินเข้ามา ทักทายกันเล็กน้อย ก็ได้ยินเสียงคนอีกกลุ่มเดินเข้ามาเหมือนกัน กวินในลุคที่ดูโตกว่าเดิม วันนี้เขาสวมสูทสีดำเข้าชุด ผมถูกตกแต่งด้วยเจลเรียบแปล้ สะอาดสะอ้าด สมเป็นคุณชายลูกนักการเมือง ต่างกับกวินที่ทำร้ายผมวันนั้นโดยสิ้นเชิง

“สวัสดีครับคุณธารา” นักการเมืองชื่อดังทักทายพ่อของผมด้วยใบหน้าเรียบเฉย ผู้หญิงที่นั่งถัดมาน่าจะเป็นแม่ของกวิน

“สวัสดีครับคุณกรณ์” พ่อผมเอ่ยทักทายกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเดียวกัน

“ผมสุธีทนายคุณกวินนะครับ ที่เปิดขอเจรจาวันนี้ก็เพราะคิดว่ามีหลายเรื่องที่น่าจะคุยกันได้โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาไปขึ้นศาลกันให้เมื่อย อย่างแรกเลยต้องเรียนแจ้งว่าคุณกวินไม่ภาวะทางจิตใจที่อ่อนไหว อาจจะทำอะไม่รู้ตัว ทางผมมีหลักฐานการรักษาเพื่อที่ให้ทางคุณธาราและคุณทะเลได้พิจารณาครับ”

“ผมสมพงษ์ทนายของคุณทะเล ขออนุญาตรับทราบหลักฐานดังกล่าว แต่ความผิดเกิดขึ้นไปแล้วแค่หลักฐานการรักษาไม่น่าจะใช้อ้างได้ อันนี้ผมต้องขออนุญาตส่งเรื่องขอตรวจสอบอาการของคุณกวิน เนื่องจากถ้าอาการทางจิตหนักและครอบครัวไม่สามารถดูแลรับผิดชอบได้ ก็จะเป็นอันตรายกับคนทั่วไปนะครับ ทางมหาวิทยาลัยเห็นว่ายังไงครับ”

“ฝั่งมหาวิทยาลัยเห็นด้วยครับ” ทนายของมหาวิทยาลัยพูดพลางขยับแว่นตา

“แต่ทางผมก็จะขอตรวจสอบเรื่องต้นเหตุขออาการทางจิตคุณกวินเช่นกันนะครับ ถ้าคุณทะเลยังจำเมื่อ 5 ปีที่แล้วได้ ว่าเคยกลั่นแกล้งเพื่อนคนหนึ่งจนเขาป่วยทางจิตนับแต่นั้น”

ผมได้ยินเสียงหายใจแรงขึ้นของกวิน ราวกับความทรงจำช่วงนั้นย้อนกลับไปหาเขาอย่างรุนแรง “ผมว่าผมพอจะจำได้ และค่อนข้างแน่ใจว่าไม่ได้ทำอะไรให้เควิลต้องป่วย นอกจากเขาทำตัวเอง”

“ไอ้ทะเลมึง!!!”

“กวิน! หยุด!!” พ่อของกวินตบโต๊ะเสียงดังเมื่อเห็นว่าลูกชายเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ และพอพ่อเขาปราบเช่นนี้ ตัวกวินดูกลัวและหวาดผวาขึ้นมาแต่ก็สงบลง

“คุณทะเลเล่าเรื่องตอนนั้นให้ฟังได้มั้ยครับ” อาสมพงษ์พูดขึ้น

“ครับ” ผมเล่าเรื่องนี้ให้ทุกคนที่บ้านฟังครั้งแรก เพราะไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่จนล่วงเลยมาหลายปีแล้วกลับต้องมาย้อนความทรงจำ เพื่อปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ผมไม่ได้เป็นคนผิดแม้แต่น้อย

“ตอนมอสี่ที่ผมไปแลกเปลี่ยนไฮสคูลที่อังกฤษ ตอนนั้นมีเด็กไทยประมาณสามสี่คน และหนึ่งในนั้นคือเด็กผู้ชายผอมสูงพูดน้อยและไม่ค่อยเข้าร่วมกิจกรรมกับคนอื่นเท่าไหร่ เควิลเขาแนะนำตัวกับเพื่อนในคลาสแบบนี้”

“...”

“เควิลไม่ใช่แค่พูดน้อยแต่เก็บตัว นาน ๆ ทีผมถึงจะเห็นเขาที่แคนทีนในตอนกลางวัน ตลอดปีการศึกษาผมเจอเขาแทบนับครั้งได้ จนวันหนึ่งมีเพื่อนคนไทยเจอถุงพลาสติกข้างในมีใบไม้แห้ง ๆ ในล็อกเกอร์ ซึ่งตอนนั้นเองผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร เลยบอกให้เพื่อนเอาไปทิ้ง จนไปเสิร์จในอินเทอร์เน็ตก็รู้ว่ามันคือกัญชา ตอนนั้นพวกเกรดสูง ๆ ชอบเล่นกัน”

“...”

“วันหนึ่งผมกลับบ้านช้าเพราะมีคัดเลือกนักกีฬาว่ายน้ำ เลยเห็นผู้ชายคุ้นตากำลังพยายามงัดล็อกเกอร์ของผมอยู่ และคน ๆ นั้นคือเควิล ผมพยายามพูดคุยและถามหาเหตุผลแต่แล้วเขาก็เลือกที่จะเดินหนี ผมไม่ได้เอาเรื่องนี้ไปบอกใคร”

“...”

“จนจู่ ๆ ก็มีประกาศเสียงตามสายเรียกเควิลเข้าพบ เพราะยามเห็นเขาพยายามงัดล็อกเกอร์ผมอีกครั้งในวันหยุด และพอออกจากห้องพักครูเขาก็มาชี้หน้าผมว่าผมเป็นคนฟ้อง
ครู” ผมมองหน้าเควิลที่กำลังสะกัดกลั้นอารมณ์โกรธไว้ เขาตัวสั่นและน้ำตาไหลออกมาอย่างพรั่งพรู แต่ไร้เสียงสะอื้น

“ผมไม่รู้ว่าหลังจากวันนั้นเควิลไปไหน เพื่อนพูดกันว่าเขาลาออกจากโรงเรียน”

“หึ กูถูกไล่ออกต่างหาก! ไม่ต้องมาตอแหลให้ตัวเองดูดี มึงนั่นแหละที่ทำลายชีวิตกู” กวินพูดเสียงสั่น แม่ของเขากอดเขาไว้ พยายามทำให้เขาสงบ แต่ลูกชายตัวโตกว่าเธอมาก กวินเลยลุกยืนขึ้นแล้วชี้หน้าผมด้วยแววตาวาวโรจน์ เขาเหมือนพยายามจะพูดอะไร แต่ก็ไม่มีเสียงออกมาจากลำคอ เพราะพ่อของเขามองด้วยสายตาโกรธจัด

“คำพูดไม่กี่คำของเธอมันพิสูจน์ความจริงไม่ได้หรอกนะ ไหนล่ะหลักฐาน แต่ลูกชั้นน่ะมีหลักฐานชัดเจน พวกคุณก็น่าจะเห็นนี่!!” พ่อของกวินพูดเสียงดัง

“ครูที่โรงเรียนยินดีจะให้ข้อมูลและบันทึกของโรงเรียนในช่วงนั้นครับ ผมได้ติดต่อไปแล้ว” คุณอาสมพงษ์ส่งสำเนาบันทึกของโรงเรียนให้ทนายอีกฝั่งได้ดู

“หึ รังแกได้แม้กระทั่งคนป่วย มันเป็นบ้าขนาดนี้ยังจะเอาเรื่องมันอีกหรอ ใจร้ายจริง ๆ” คำพูดของนักการเมืองชื่อดังเหมือนทำให้พ่อของผมที่นั่งเงียบมานานถึงกับต้องออกปากเอง

“คนบ้าที่คุณว่านั่นลูกชายคุณ ความรับผิดชอบของคุณ และอาการของเขาเกือบทำให้คนตาย ทนายผมสามารถยื่นฟ้องในข้อหาเจตนาฆ่าได้เลย แต่ที่มาวันนี้เพราะอยากให้คุณกรณ์และลูกชายแสดงความรับผิดชอบอย่างจริงใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น” ทุกคนในห้องเงียบ มีแต่เสียงสะอื้นของกวินที่คลอกับเสียงเครื่องปรับอากาศ

“ถ้าฝั่งคุณกรณ์จะสืบสานเรื่องราวทั้งหมดก็ได้ครับ ยินดี จะได้รู้ที่มาที่ไปด้วยว่าเรื่องมันเกิดจากอะไรกันแน่ ถ้าลูกผมผิดผมยินดีจะรับผิดชอบทุกอย่าง”

“ด้วยเงินเท่าไหร่ดีล่ะ ไม่ง่ายเลยนะที่จะเลี้ยงคนโรคจิตมาได้”

“ฮือออ ฮึก” กวินส่งเสียงร้องไห้ด้วยอาการฟูมฟาย ทั้งน้ำตา น้ำมูก และน้ำลายผสมปนเปกันไปหมด

“ชู่ว ลูกไม่เป็นไรนะครับ แม่อยู่ตรงนี้ คุณ!! พอสักทีเถอะค่ะ”

“กูเกลียดมึง!! กูเกลียด!!” กวินลุกขึ้นตะโกนใส่พ่อของเขาเสียงดัง และใช้กำปั้นทุบตามใบหน้าและร่างกายตัวเอง ทุกคนในห้องต่างตกใจกับปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น แม่ของเขาพยายามรั้งและห้ามไม่ให้กวินทำร้ายร่างกายตัวเอง แต่พลังที่น้อยกว่ามากเลยทำให้หมัดเหวี้ยงโดนไปด้วย จนตัวเองล้มลงกับพื้น

“มึงทำแม่ทำไม!!” พ่อของกวินเงื้อมือทำท่าจะตบเขา กวินยกมือป้องกันตัวเอง ก่อนจะวิ่งออกจากห้องไป

“คุณเจ็บหรือเปล่า”

“ปล่อยฉัน!! คุณมันบ้าอำนาจ บ้าเงิน ทำร้ายทุกคนเพื่อตัวเอง ทำกระทั่งลูกในไส้! ที่กวินเป็นแบบนี้ไม่ต้องไปโทษคนอื่นหรอกค่ะ คุณทั้งนั้นที่กดดันลูกสารพัด บีบบังคับราวกับเขาไม่ใช่คน ฉันน่าจะพาลูกหนีคุณไปตั้งนานแล้ว!”

คุณกรณ์เงื้อมือขึ้นอีกรอบทำท่าจะตบภรรยา แต่พ่อของผมมือไวกว่าจับแขนของเขาไว้พอดี

“พอเถอะครับ” พอแม่ของกวินเห็นจึงรีบวิ่งออกจากห้อง คงรีบไปตามลูกชายของเธอ

“อย่ามายุ่ง!” นักการเมืองปัดมือพ่อผมออก “ถ้าจะเล่นกับกูคิดดี ๆ แล้วกัน ไม่ได้ขู่ กลับ!”

อีกฝ่ายชี้หน้าพ่อผมเป็นฉนวนเปิดศึกครั้งนี้ ทนายฝั่งตรงข้ามหน้าถอดสีก่อนจะออกจากห้องไปเงียบ ๆ ส่วนอธิการบดีถอนหายใจเฮือกกับภาพที่เกิดขึ้น

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงนี้ก็ชัดเจนแล้วว่าสิ่งที่กวินเผชิญมาตลอดชีวิตไม่ใช่แค่โรคที่กัดกิดสุขภาพเขา แต่สิ่งแวดล้อมก็กัดกินจิตวิญญาณเขาราวกับเนื้อร้ายที่ชื่อว่าครอบครัว ผมไม่เคยเข้าใจว่าครอบครัวแย่ ๆ หรือพ่อแม่รังแกฉันเป็นยังไง เพราะไม่เคยเจอ แต่พอได้เห็นภาพเมื่อครู่กลับรู้สึกเห็นใจกวินจับหัวใจ การแสดงออกของเขามันคือผลพวงของการเลี้ยงดูมาตลอด

“พงษ์ดำเนินการตามที่ควรแล้วกัน ขอบคุณท่านนะครับที่ให้เกียรติมา” พ่อผมโค้งให้อธิการบดีเล็กน้อย

“มันเป็นหน้าที่อยู่แล้วครับ แล้วทะเลโอเคหรือยัง ยังรู้สึกเจ็บอยู่ไหม ยังไงเรื่องเคลมประกันเดี๋ยวทางมหาวิทยาลัยจะรับผิดชอบให้นะ”

“ขอบคุณครับ เอ่อ อาจารย์ครับ อย่าลืมของคิมหันต์ด้วยนะครับ”

“อ้อ ได้สิ รายงั้นดีขึ้นหรือยังล่ะ”

“ถ้าไม่ขยันเดินอีกสองสามอาทิตย์น่าจะหายครับ”

“ดี ๆ ยังไงเรื่องคดีเดี๋ยวให้ทางทนายคุยกันได้เลยนะครับ ผมไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้ผ่านไปเฉย ๆ ในวาระผมแน่”

“ได้ครับ” อาสมพงษ์รับปาก

ผมเดินมาส่งป๊าที่อาคารจอดรถ เพราะมีเรียนช่วงบ่ายต่อ บอกแล้วว่าไม่ได้เป็นอะไรมากหัวแตกแค่นี้ผมสบายมาก กลับกันคิมหันต์ต้องหยุดเรียนอีกประมาณอาทิตย์หนึ่ง ไม่ใช่หมอสั่ง แต่ผมสั่งเอง

“น่าสงสารเด็กคนนั้น ไม่รู้ต้องทนมือทนเท้าพ่อตัวเองมานานแค่ไหน ยังไงช่วงนี้อย่าเพิ่งไปไหนมาไหนเองแล้วกัน เดี๋ยวให้คนมารับส่ง ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”

“ครับ ขอบคุณนะป๊า”

“ถ้าวันนี้จะไปหาคิม ป๊าฝากชวนมาวาดรูปที่บ้านเรา ถ้าเขาเบื่อ ๆ”

“เดี๋ยวจะลองชวนให้ครับ”

“อืม ป๊าไปล่ะ”

ถ้ารู้ว่าคิมหันต์ไม่ใช่แค่เพื่อนใหม่ที่ป๊าถูกชะตา ป๊าจะยังเอ็นดูคน ๆ นี้อยู่หรือเปล่า
จะเข้าใจลูกเหมือนที่เคยเข้าใจมาตลอดได้ไหม
จะยอมรับรสนิยมของลูกแบบนี้ได้หรือเปล่า

แต่ไม่ว่ายังไงต่อจากนี้ทะเลก็จะไม่ให้ฤดูร้อนไปไหนอีกแล้วแหละ
จะปกป้องให้ได้ด้วยชีวิตที่มีเลย










-------------------------------------------

ขอโทษน้าที่หายไปสองอาทิตย์เต็ม ๆ เลย

กลับมาแล้ว ตอนนี้เขียนยากนิดหน่อย แฮะ ๆ หมดละค่ะดราม่าต่าง ๆ 

ต่อจากนี้มีแต่ความหวานจนมดขึ้นตา55555555 

ขอบคุณทุกคนที่รอน้าาา



รออ่านคอมเมนต์ค่า



@mifengbeexx
หัวข้อ: Re: UP! | SUMMER KISS THE SEA ☀ฤดูร้อนของทะเล☀ | 15_ไม่เป็นไรนะ [03-05-20]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 06-06-2020 18:45:03
 :pig4:
ขอให้คุณพ่อยอมรับได้ด้วยเน้ออ
 :3123: