บทที่สิบ หุบเขากระจก
อากาศในยามใกล้รุ่งช่างหนาวเหน็บจนทำให้ร่างกายแทบกลายเป็นน้ำแข็ง พีทลืมตาขึ้นมาท่ามกลางท้องฟ้าที่พระจันทร์ใกล้จะลาลับเพื่อเปิดทางให้พระอาทิตย์ขึ้นมาเป็นสัญญานการรับกับวันใหม่ ดวงตาสีทรายกระพริบเพื่อให้ปรับเข้ากับแสงของกองไฟตรงหน้าที่มีแวมป์นั่งปิ้งขนมปังกระเทียมส่งกลิ่นอบอวลไปทั่วทำให้ชายหนุ่มแทบอดใจไม่ไหวเพราะกลิ่นมันช่างเย้ายวนเหลือเกิน
“ ทำไมตื่นเร็วนักล่ะ ผลัดนี้ต้องเป็นของเดรโก้ไม่ใช่เหรอ ? ทำไมนายถึงได้มานั่งปิ้งขนมปังจนปลุกฉันขึ้นมาอย่างนี้ล่ะ” พีทถามด้วยความสงสัย “ หรือว่ามันปวดหลังนอนไม่สบายตัวแน่ๆเลยขอโทษนะ ที่พามาลำบากด้วยอย่างนี้” เขาก้มหน้าเพื่อหลบแววตาที่อ่อนแอของตนเอง
“ จะมาดราม่าอะไรเนี่ยฉันก็แค่นอนไม่หลับ” แวมป์เอ่ยพลางยื่นถ้วยกาแฟสีดำปี๋ให้กับชายหนุ่ม “ อีกอย่างนึงนะเราเป็นทีมเดียวกันลำบงลำบากอะไรกันคิดมาก รู้อะไรมั้ยตอนที่ฉันถ่ายหนังเหนื่อยกว่านี้อีก แค่นี้สบายมาก”
“ ขอบใจนะ สำหรับทุกเรื่อง กาแฟนี่ก็ด้วย อุ่นขึ้นเยอะเลย”
“ ถ้านายยังขอบคุณฉันอีกล่ะก็ฉันจะกลับล่ะนะ” แวมป์เอ่ยติดตลก “ ฉันว่าคนที่นายควรจะขอบคุณจริงๆนะควรจะเป็นคุณมิวส์มากกว่าเพราะจริงๆแล้วเขาไม่ควรมาเสี่ยงอันตรายอย่างนี้กับพวกเราด้วยซ้ำ แต่เขาก็มาเพราะว่าเขา”
“ ขนมปังไหม้แล้วครับ” เสียงของมิวส์ที่ลุกขึ้นมาขัดสิ่งที่แวมป์กำลังจะเอ่ยเพราะเขานอนฟังการสนทนามาสักพักแล้ว “ ขอกาแฟหน่อยได้ไหมครับคุณแวมป์” มิวส์ทำเสียงแข็งเพื่อพยายามส่งสันญาณว่าไม่ควรบอกในสิ่งที่เขากำลังจะพูด
“ นี่ขนมปังหอมฉุยกำลังน่ากินเชียวลองดูสิพีท” เขายื่นขนมปังกระเทียมที่สีคล้ำจนแทบไหม้มาให้ชายหนุ่ม “ กินไปก่อนนะฉันจะไปปลุกไซต์กับเดรโก้เสียหน่อย”
ความเงียบงันเข้ามาปกคลุมรอบกองไฟที่มีเพียงสองหนุ่มนั่งอยู่จนทำให้ใครบางคนถึงกับอึดอัดจึงเป็นฝ่ายเริ่มก่อน
“ แผลที่หัวคุณเป็นยังไงบ้างครับ หายดีหรือยัง? หนาวไหมคะ? หิวหรือเปล่า?” พีทรัวคำถามออกไปอย่างประหม่าจนชายหนุ่มตรงหน้าอมยิ้มในความไม่เป็นตัวเองของอีกฝ่าย “ หัวเราะอะไรเหรอ? ผมพูดอะไรผิดหรือเปล่าครับ?”
“ คุณไม่ได้พูดอะไรผิดหรอกครับ ผมก็แค่สงสัยว่าทำไมเช้านี้คุณถึงได้มีแต่คำถาม ไม่มีประโยคสนทนาอื่นบ้างเลย คิดว่าผมเป็นนักโทษเหรอถึงได้ถามมากมายขนาดนี้” มิวส์พูดอย่างไม่จริงจังอะไรมากแต่คนฟังนี่สิ
“ ก็ได้ถ้าคุณไม่ชอบให้ผมถาม ให้ผมคุยด้วยผมก็จะไม่คุย” พีททิ้งให้มิวส์นั่งกระพริบตาปริบๆอยู่หน้ากองไฟแล้วตัวเขาเองก็แสร้งไปจัดเตรียมของลงกระเป๋าด้วยท่าทีที่ไม่สบอารมณ์เสียเท่าไหร่นัก
“ ผมไปแป๊บเดียวทำไมพี่พีทถึงได้เป็นอย่างนั้นล่ะครับ” แวมป์ถามอย่างแซวๆ
“ จะอะไรอีกล่ะ นอกจากพี่มิวส์ของเราพูดอะไรไม่เข้าหูพ่อหนุ่มตาหวานพี่ชายผมอีกล่ะสิ” เดรโก้พูดพลางยัดขนมปังกระเทียมชิ้นโตเข้าปากแล้วตามด้วยกาแฟที่กำลังควันโชยออกมาพร้อมกลิ่นที่หอมฉุยแต่ความร้อนนั้นก็ไม่ทำให้ลูกครึ่งมังกรอย่างเขาสะทกสะท้านได้เพราะรวดเดียวกาแฟก็ไหลตามขนมปังเข้าไปจนหมดแก้เสียแล้ว
“ นี่แน่ะ” แวมป์ฟาดมือหนาลงไปที่ท้ายทอยของชายหนุ่ม “ ไม่ช่วยแล้วยังเป็นพวกตลกบริโภคอีก”
“ อะไรเนี่ย ทำไมต้องรุนแรงกันขนาดนี้ด้วยเนี่ย” เขาบ่นแล้วคว้าขนมปังสองชิ้นสุดท้ายในจานมาหวังจะใส่ปากแต่ก็
“ อันนี้ของไซต์” แวมป์กระชากขนมปังที่กำลังเข้าปากเดรโก้อย่างรวดเร็ว “ นายไปกินอาหารกระป๋องในกระเป๋าไปเพราะเห็นไซต์บ่นๆว่ามันไม่อร่อยถูกปากเขา”
“ อะไรกัน ทำไมผมต้องกินของไม่อร่อยด้วยล่ะลำเอียงจริงๆ” เดรโก้เดินตุปั๊ดตุป๊อดอย่างงอนๆไปที่กระเป๋าแล้วคว้าซุปข้าวโพดที่แสนเย็นและจืดสนิทเปิดแล้วเทเข้าปากรวดเดียวแล้วรีบเคี้ยวอย่างเสียไม่ได้
“ เมื่อไหร่มันจะโตนะ” ไซต์ทิ้งตัวลงนั่งที่โขดหินพร้อมกับยัดขนมปังเข้าปากแต่ก็ยังอดวิจารณ์น้องชายคนเล็กของบ้าน
“ เอาน่ะครับ เรารอดกันมาได้ก็เพราะเขาเลยนะครับ แล้วอีกอย่างผมคิดว่าเด็กคนนี้กำลังเก็บบางอย่าง บางอย่างที่แสนเจ็บปวดไว้ข้างใน แล้วเลือกที่จะเปิดเผยความสนุกสนานออกมาก็เท่านั้น” มิวส์เอ่ยแล้วลุกจากวงสนทนาไปช่วยเดรโก้ที่กำลังยัดอุปกรณ์การนอนลงกระเป๋า “ มาพี่ช่วย”
“ แน่ใจเหรอว่าจะมาช่วยผมไม่ได้มา” ยังไม่ทันสิ้นคำพูดขนมปังกระเทียมในส่วนของมิวส์ก็ยัดเข้าที่ปากของชายหนุ่มผู้พูดไม่หยุดไปหนึ่งอัน “ พี่เอานี่มาเผื่อด้วยเผื่อนายจะได้ไม่พูดเยอะเกินไป เก็บแรงไว้เดินทางเหอะ”
แสงของดวงอาทิตย์ในยามเช้าส่องเข้ามาภายในร่มไม้อันเป็นที่พักพิงของกลุ่มการเดินทางเพื่อตามหา เนตรแห่งมนตรา เป็นสันญาณว่าควรออกเดินทางได้แล้ว
“ เฮ้อ ! ได้สัมผัสพื้นที่เป็นปกติและแสงสว่างที่มองเห็นทุกอย่างสักที” เดรโก้ที่เดินตามหลังใกล้ๆพีทที่เหมือนจะพยายามปลีกตัวจากมิวส์เอ่ยขึ้น “ นึกว่าจะได้อยู่แต่ในที่ที่มองไม่เห็นอย่างเดียวเสียแล้วนะเนี่ย ว่ามั้ยพี่พีท” ชายหนุ่มหันไปถามพีทที่เดินไม่พูดไม่จาตั้งแต่ออกจากที่พักมา พร้อมทั้งสายตาของบุตรแห่งเมดูซ่าพิฆาตที่มองไปยังมิวส์อย่างเอาเรื่อง “ พี่พีท ได้ยินที่ผมพูดหรือเปล่าเนี่ย”
“ ว่าไงนะ เมื่อกี้พี่ไม่ทันได้ฟัง” พีทที่หลุดจากภวังค์หันกลับมาคุยกับคนถาม อย่างไร้ซึ่งคำตอบเพราะจะให้ตอบได้ยังไงตัวเขาไม่เคยสนใจคำพูดของเดรโก้เลยแม้แต่น้อยก็ในเมื่อสิ่งที่เขาสนใจเพียงอย่างเดียวคือคนคนนั้น
“ ผมว่าพี่อยากพูดกับใครก็ไปคุยกับคนนั้นเถอะนะผมไปเดินข้างหน้ากับพี่แวมป์ดีกว่า”
สถานการณ์ประหม่าของพีทเข้ามาเยือนอีกแล้ว ชายหนุ่มรีบเดินจ้ำตามเดรโก้โดยไม่เหลียวกันไปมองมิวส์เลยแม้แต่น้อยเพราะกลัวเหลือเกินกลัวใจตัวเองเหลือเกิน
“ ไม่คิดจะคุยกับผมเลยหรือไงวันนี้” เสียงเงียบฉี่ ไม่มีวี่แววของคำตอบ “ คุณเป็นอะไรของคุณเนี่ยมีอะไรก็พูดได้ไหมอย่ามาเงียบแบบนี้มันอึดอัดนะรู้มั้ย” มิวส์พูดอย่างเหลือดอดเพราะเขาเองก็สังเกตเห็นสายตาของพีทที่จ้องมาตลอดทางได้สักพักแล้ว
“ สองคนนั้นมีอะไรหรือเปล่า เราต้องรีบนะหยุดกันทำไม”
“ ไม่มีอะไรครับไปต่อเลย” พีทรีบวิ่งตามมาสมทบข้างหน้าแต่มือหนาคว้าแขนของเขาไว้ “ มีอะไร เขารีบกันอยูไม่รู้หรือไงตอนนี้เรากำลังถ่วงอยู่นะ”
“ ใช่ถ่วงแน่ถ้าไม่รีบๆเคลียร์ให้มันจบตอนนี้” มิวส์พูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “ ผมขอเวลาสักครู่ได้ไหมครับ” เขาหันไปยังไซต์ที่ยืนทำหน้าปลงตก
“ แป๊บเดียวนะ” เขาพูดอย่างเสียไม่ได้พราะหากไม่อนุญาตต้องมีปัญหากับการเดินทางอย่างแน่นอน “ โอ๊ยทำไมมีแต่เรื่องเนี่ย”
“ มีอะไรพูดมาตรงๆเลยได้ไหม” มิวส์เปิดการสนทนาทันทีที่แยกออกมาเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา
“ ไม่ได้เป็นอะไร แล้วก็ไม่มีอะไรจะคุยด้วย อีกอย่างพวกนั้นกำลังรอเราอยู่” พีทพูดพลางเดินเร่งฝีเท้าเดินออกห่างจากชายหนุ่ม
“ หยุดทำตัวเป็นเด็กๆได้ไหม มีอะไรก็พูดออกมาสิ” มิวส์เริ่มเหลืออด “ ผมมีอะไรก็พูดออกไปเกือบทั้งหมดถึงสิ่งที่ไม่พูดผมก็แสดงออกอย่างชัดเจนหรือจะให้พูดว่าเอ่อ” เขาเริ่มตะกุกตะกักเล็กน้อยเมื่อจะเอ่ยบางคำ “ ผมรักคุณ เข้าใจมั้ยว่าผมรักคุณ แล้วคุณล่ะเคยเห็นผมอยู่ในสายตาบ้างไหม บางครั้งก็ดูว่าใช่ในบางทีก็ไม่ใช่ผมสับสนไปหมดแล้วนะ”
คำพูดของคนตรงหน้าทำให้บุตรแห่งเมดูซ่ายืนนิ่งราวกับถูกไฟฟ้าช็อตเพราะร่างกายชาไปทั่วทั้งร่างแล้ว
“ คุณไม่เข้าใจหรอก ไม่เข้าใจหรอกว่ามันรักกันไม่ได้” เขาปล่อยโฮออกมาอย่างเสียไม่ได้ “ แค่คุณมาเดือดร้อนเพราะผมอย่างนี้มันก็ดูเห็นแก่ตัวมากเกินพอแล้ว” เขากลั้นสิ่งที่กำลังไหลรินไม่ให้ออกมาแล้วพยายามสบตา “ ฟังผมนะ หยุดเรื่องไว้แค่นี้เถอะ แล้วไม่ต้องพยายามหรอกนะเพราะมันเป็นไปไม่ได้ เพราะผมต้องจัดการเรื่องนี้ให้จบแค่ชิ้นแรกยังเดินทางไม่ถึงไหนเลย คุณก็มาเจ็บตัวเพราะผมอีกอย่างถ้าคุณเป็นอะไรขึ้นมาล่ะใครจะรับผิดชอบ ผมเหรอ !” น้ำใสๆเริ่มไหลอีกครั้ง “ คงไม่ไหวหรอก ผมคงเห็นคุณเป็นอะไรไม่ได้ ขอร้องล่ะนะออกไปจากชีวิตของผมซะ ส่วนการเดินทางครั้งนี้คุณก็ไม่ต้องไปต่อหรอกกลับไปเถอะนะ”
“ คุณหยุดสั่งโน่นสั่งนี่ได้ไหม” มิวส์เอื้อมไปเช็ดน้ำตาชายหนุ่มตรงหน้า “ ต่อให้คุณไล่ผมแค่ไหนผมก็ไม่ไปหรอกเพราะในเมื่อใจของผมมันรักคุณแล้ว ไม่ว่าผลมันจะออกมาเป็นยังไงผมพร้อม พร้อมที่จะรับผลนั้นแม้ว่ามันอาจถึงตายก็ตามเพราะอย่างน้อยผมก็ตายเพราะได้ปกป้องคนที่ผมรัก” เขาเลื่อนปลายนิ้วมาเชยคางให้นัยน์ตาสีทรายมาสบตากับตัวเอง “ เข้าใจไหม? แล้วอย่าบอกให้ผมไปไหนอีกเพราะผมจะไม่ไป ถ้ากลัวผมเป็นอะไรไปคุณก็อย่าทิ้งผมไปไหนสิอยู่กับผมอยู่ใกล้ๆผม เพราะผมก็อยากอยู่ใกล้ๆคุณ”
“ ไม่”
ยังไม่ทันจบบทสนทนาของทั้งคู่แผ่นดินที่เคยนิ่งปกติกลับสั่นราวกับเจ้าเข้าก็ไม่ปาน ต้นไม้ที่เคยให้ร่มเงากำลังจะเปลี่ยนรูปทรง ทั้งคู่พากันจับมือวิ่งไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆอย่างเร่งรีบเพราะดูเหมือนว่าป่าที่เคยสงบกำลังมีการเปลี่ยนแปลง ต้นไม้ที่คุ้นตากลับกลายเป็นป่าทึบไล่หลังมาอย่างไม่ลดละ
“ วิ่งเร็วต้นไม้กำลังจะกลืนพวกเราแล้ว วิ่ง!” เขาตะโกนอย่างสุดเสียง
“ เหวอ!” เดรโก้ร้องเสียงหลงเมื่อเห็นต้นไม้บีบเข้าหากันไล่หลังสองคนนั้นมา แผ่นดินที่กำลังเคลื่อนตัวใกล้เข้ามากเหมือนกำลังมีการบดทับซ้อนขึ้น “ อะไรวะเพิ่งได้พัก วิ่งอีกแล้วเหรอ”
“ อย่าบ่นมาก ไปเร็ว !” สิ้นคำแวมป์ก็จับไซต์และเดรโก้มาไว้ในมือแล้ววิ่งอย่างคิดชีวิตโดยมีมิวส์และพีทตามมาข้างหลัง
“ มันหยุดแล้ว” มิวส์เอ่ยหลังจากเท้าก้าวมาสัมผัสกับพื้นเรียบชัน
“ มันไม่ได้หยุดหรอก มันแค่ต้อนเรามา” ไซต์เอ่ย “ดูป้ายโน่นสิ” เขาชี้ไปยังป้ายไม้เก่าๆที่จะพังแหล่ไม่พังแหล่เขียนว่า
‘หุบเขากระจกฉันมีชีวิตที่ไม่มีชีวิตฉันโตเมื่อฉันไม่โต’
“ อะไรอีกวะเนี่ย” เดรโก้บ่นผสมหอบเมื่อมองท้องฟ้าที่เคยสว่างกลับดับมืดสนิท ที่ๆเคยมีพระอาทิตย์กลับกลายเป็นดวงจันทร์ “ เมื่อกี้ยังสว่างมืดอีกแล้วขอความสมดุลหน่อยได้ไหมเนี่ย”
ไฟในมือของเดรโก้จุดขึ้นมาเพื่อส่องสว่างเพื่อเดินทางต่อไปข้างหน้าเพราะหากพักตอนนี้ก็เท่ากับว่าพวกเขาเสียเวลาฟรีไปเกือบหนึ่งวันเต็มเลยทีเดียว
“ แวมป์ลองมองไปรอบๆทีซิว่าการที่เดรโก้จุดไฟอย่างนี้ปลอกภัยแน่หรือเปล่า” ไซต์สั่ง “ ส่วนนายดับไฟก่อนฉันไม่อย่างให้ซ้ำอีหรอบเดิม เข้าใจด้วยคนแก่เหนื่อยเว้ย !”
แสงสว่างจากมือของเดรโก้ดับลงทำให้ความหนาวเหน็บและเยือกเย็นของความมืดก็กลับมาเยือนอีกครั้ง
“ เห็นอะไรมั้ยพี่ถ้าไม่เห็นผมจะได้จุดไฟ รู้มั้ยว่ามันเย็นจนขนลุกไปทั้งตัวแล้ว” เดรโก้บ่นอุบกับอุณหภูมิที่ลดต่ำลงอย่างเห็นได้ชัดเพราะตอนนี้ที่พูดก็มีควันลอยออกจากปากมาเป็นระลอกๆ
“ ไม่มีอะไรเลยนายจุดไปเถอะ” แวมป์หันมาสั่ง” ดูสิมีคนหนาวจนอยู่ห่างหันไม่ได้เลย” ชายหนุ่มเปรยสายตาไปยังพีทกับมิวส์ที่กุมมือกันอย่างเหนี่ยวแน่น
“ พูดอะไรของนาย” พีทแหวใส่ก่อนจะคลายมือของตนที่จับแน่นกับมือมิวส์ออก
“ ครับผมคงตาฝาดไปครับ” แวมป์ตั้งใจออกเสียงประชดสุดชีวิต “ แล้วจะเดินไปไหนน่ะ”
“ ฉันหนาวฉันจะไปอยู่กับเดรโก้” พีทที่เดินจ้ำไม่รอใครหันมาตอบ “ แล้วนายมีปัญหาอะไรหรือเปล่าล่ะ จ้องจับผิดฉันจริงๆเลย”
“ ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะ มีแต่นายนั่นแหละที่ร้อนตัวอยู่คนเดียว” แวมป์เถียง
“ ขออยู่ด้วยนะเดรโก้ฉันหนาวๆยังไงก็ไม่รู้” พีทแสร้งเปลี่ยนคนคุยทันทีที่โดนแวมป์จับผิด แต่ก็คงคิดผิดเพราะคนที่พูดได้ทุกสถานการณ์อย่างเดรโก้น่ะเหรอที่จะยอมให้เรื่องสนุกๆจบลงได้ง่ายๆ
“ สงสัยพี่จะไม่สบายจริงๆแล้วล่ะ” เดรโก้ทำท่าทางเป็นห่วง “ เพราะหน้าพี่แดงเป็นสตรอเบอร์รีเลย” สิ้นเสียงของน้องเล็กของบ้านหน้าของชายหนุ่มก็ร้อนผ่าวขึ้นมาเหมือนกับว่าตอนนี้หลายเป็นเป้านิ่งไปแล้ว
“ พอๆหยุดเล่นกันได้แล้ว” ไซต์ที่อาวุโสสุดกล่าวทำให้พีทเดินก้าวเข้าไปชิดคนที่คิดว่าจะช่วยเธอได้ “ ดูสิพีทมันเขินตายอยู่แล้วนะ”
“ ไซต์ทำไมคุณพูดแบบนี้ล่ะ ฉันคิดว่าจะเข้าข้างฉันหรือห้ามพวกนั้นเสียอีกแต่นี่อะไรคล้อยตามกันได้” เขาบ่นอุบ
“ ก็จะให้ทำไงได้ล่ะ เดินทางอย่างนี้มันก็เครียดพออยู่แล้วถ้าจะให้ห้ามศึกสนุกๆอย่างนี้ มีหวังมันต้องน่าเบื่อไปตลอดทางแน่เลย” เขาให้เหตุผล “ นายก็ควรยอมรับได้แล้วนะว่าเขินจนหน้าแดงแล้ว”
พีทกระแทกเท้าลงบนพื้นอย่างหงุดหงิดที่ไม่สามารถเถียงอะไรได้ หงุดหงิดที่ตอบโต้อะไรได้เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะเรื่องที่เขาพูดกันทั้งหมดมันเป็นเรื่องจริงยังไงล่ะ เขินจริง หน้าแดงจริง แต่ที่เขาไม่พอใจมากๆตอนนี้คือทำไมคนที่เป็นต้นเหตุของการโดนล้อครั้งนี้ไม่ช่วยอะไรเลยได้แต่ยืนยิ้มอยู่ได้
“ หยุดก่อนครับ !” แวมป์ตะโกน
“ อะไรของนายอีกล่ะ” พีท ที่หลุดจากภวังค์เอ่ยถาม
“ ดูนั่น” แวมป์เอ่ยพลางชี้ไปยังต้นไม่ที่มีรอยกรีดของมีดไซต์ขีดอยู่เป็นการแสดงว่าพวกเขาได้เคยเดินผ่านทางนี้มาแล้ว “ ผมคิดว่าเรากลับมาที่เดิม”
“ พี่กำลังจะบอกว่าเราหลงอย่างนั้นเหรอ” เดรโก้เอ่ย “ ว่าแล้วไงทำมันไม่มีตัวอะไรออกมาขัดขวาง ทำไมมันดูโล่งๆจังที่แท้ก็ เฮ้อ” เดรโก้ถอนหายใจอย่างอ่อนล้าเพราะเขาเดินกันมาสักพักหนึ่งแล้ว
“ ก็ไม่ได้เชิงหลงหรอกก็แค่เดินวนกลับมาที่เดิม” มิวส์พยายามปลอบใจ
“ คำพูดพี่ทำให้ผมดีใจขึ้นมากเลยนะ” ชายหนุ่มเบนหน้าหนีอย่างอ่อนล้า “ แล้วจะเอาไงต่อดีไซต์”
“ คือเอ่อคือ” ที่พึ่งสุดท้ายอึกอักจะด้วยความประหม่าหรือแรงกดดันจากสายตาทุกคู่หรืออะไรก็ตามแต่คำตอบที่ได้คือ “ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำไงต่อไป เพราะเพิ่งเคยมาลุยอะไรที่ต้องใช้สมองอย่างนี้ปกติลุยอย่างเดียวฮันเตอร์เป็นสมอง ขอโทษนะ” ไซต์เอ่ยอย่างอ่อนใจไม่แพ้คนอื่นๆ
“ เอาน่ามันต้องมีทางออกถ้าเหนื่อยก็พักก่อน มีแรงค่อยเดินต่ออีกอย่างที่นี่ก็มืดมากลำพังไฟจากเดรโก้อย่างเดียวคงไม่พอเพราะพลังจะสูญเสียไปฟรีๆ” แวมป์เอ่ยเพราะรู้ดีว่าขีดจำกัดของพลังในตัวพวกเขามีไม่ค่อยคงที่นักเพราะไม่ได้สายเลือดมาร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มอย่างพวกปีศาจที่บุกโจมตี
“ อย่างนั้นเดี๋ยวใช้แสงจากไฟฉายของผมก่อนก็ได้” มิวส์ล้วงเข้าไปในกระเป๋าอย่างเร่งรีบ
“ มีแล้วทำไมไม่เอาออกมาตั้งแต่แรกล่ะ ปล่อยให้ผมปล่อยแสงอยู่ได้” คนที่กำลังหมดแรงหันหน้ามาถาม
“ เออโทษทีพอดีเพิ่งนึกออก” เขายิ้มแหยๆตอบกลับ
ก่อนที่ไซต์จะเอ่ยต่อ “ จะให้คิดเรื่องอื่นออกได้ยังไงเพราะก่อนหน้านี้มัวแต่”
“ เอาล่ะๆจะใช้อะไรก็ใช้เถอะ” พีทพูดตัดบทก่อนจะหันไปสั่งให้คนที่ยืนยิ้ม “ ยิ้มอะไรอยู่ล่ะเอาไฟฉายออกมาสิเดรโก้ไม่ไหวแล้วนะ”
“คะ..ครับ” คนโดนสั่งตอบอย่างตะกุกตะกักก่อนจะเปิดกระบอกไฟฉายแล้วส่งให้แวมป์ที่เป็นผู้นำทาง
แสงไฟจากกระบอกไฟฉายสาดส่องไปเป็นบริเวณกว้างทำให้พวกเขาค้นพบว่าสิ่งที่พวกเขาคิดว่ากำลังเดินวนไปมาซ้ำที่เดิมนั้นหาได้เป็นจริงไม่เพราะที่จริงแล้วเขาเดินเวียนไปมาบนทางตรงธรรมดาเท่านั้น
“ ทำไมรอยเท้าเรามันหันหน้ามันชี้ไปทางที่เราเดินล่ะทั้งๆที่มันควรจะชี้ไปทางโน้นไม่ใช่เหรอ?” เดรโก้พูดออกมาพลางชี้ไปทางตรงหน้าเพื่อหวังว่าสิ่งที่ตนพูดออกไปนั้นจะมีใครใจดีหรือมีความรู้ตอบคำถามได้แต่ก็หาเป็นอย่างที่เขาคิดไม่เพราะสิ่งที่เขาได้กลับมามีเพียงเสียงสายลมพัดผ่านและความเงียบฉี่ของทั้งหมด
“ เอาอย่างไงต่อล่ะคราวนี้มีใครจะเสนออะไรหรือเปล่าเรากำลังเสียเวลาเสียแรงเดินกันฟรีๆนะ” พีทเอ่ยเนือยๆเพราะทั้งแรงกายแรงใจของเขาเองก็แทบจะไม่มีเหลือแล้ว
“ เอาอย่างนี้แล้วกันเราพักกันแถวๆนี้ก่อนจะเอายังไงก็เดี๋ยวค่อยกันคิดค่อยกันช่วยแก้ไขปัญหา” ไซต์ที่ถือได้ว่าเป็นผู้อาวุโสที่สุดเสนอ
และก็ถือว่าคำสั่งของไซต์เองเป็นที่สิ้นสุดเพราะตอนนี้กองไฟสีแดงเพลิงถูกจุดขึ้นเพื่อให้ไออุ่นและป้องกันอันตรายได้วางอยู่ใจกลางวงสนทนาที่เต็มไปด้วยความเงียบและดูจากสีหน้าของแต่ละคนที่ที่เต็มไปด้วยความสงสัยประกอบกับเสียงลมถอนหายใจที่ผลัดกันพ่นออกมาอย่างไม่ขาดสาย
“ ไม่ทราบว่ามีใครเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมมีแต่เสียงถอนหายใจกันอย่างนี้? แล้วนี่ไม่ไปตามหาถ้ำกอร์กอนกันแล้วหรือไงถึงได้มานั่งอู้กันแบบนี้? นี่ฉันถามอยู่นะทำไมไม่มีใครสนใจเลยล่ะ” เสียงเจื้อยแจ้วของงูหนุ่มดังออกมาจากสร้อยคอของชายหนุ่ม
“ โอ๊ย ! ตื่นมาก็มีแต่คำถามเลยนะ” พีทบ่นใส่สร้อยคอที่ห้อยอยู่ก่อนจะค่อยๆปลดมันออกจากคอแล้ววางลงบนพื้นจึงทำให้เจ้าของต้นเสียงออกมามีรูปร่างอีกครั้ง “ หลับไปนานจนไม่รู้เลยสินะว่าอะไรเป็นอะไร”
“ แล้วไอ้ที่ว่าอะไรเป็นอะไรนั่นมันคืออะไรกันล่ะ” แจ็คถามอย่างไม่เข้าใจ
“ พี่พีทผมว่าเอางูพี่ไปปิ้งหรือผัดเผ็ดเลยดีมั้ยเนี่ยถามอยู่นั่นแหละ” เดรโก้ที่กำลังใช้ความคิดอยู่เอ่ยอย่างเหลืออดเพราะเสียงแหลมๆของแจ็คแทรกเข้าไปในโสตปราสาทของเขาจนแทบไม่มีสมาธิเลย
“ นายจะเอาอะไรกับงูล่ะ” แวมป์หันมาห้ามทัพก่อนที่จะมีสงครามน้ำลายเกิดขึ้นเพราะหากเป็นเช่นนั้นตรงที่นั่งอยู่คงจะเสียงดังไม่น้อย
“ ฉันก็แค่ถามนี่นายก็ตอบฉันดีๆไม่ได้เหรออย่าลืมสิว่าตระกูลฉันเคยเป็นงูเก่างูแก่ของเทพีเมดูซ่านะ” งูหนุ่มชูคออย่างภาคภูมิใจ
“ แล้วไอ้ที่ว่ารู้น่ะรู้เรื่องอะไรบ้างล่ะ” ไซต์ที่อยู่ห่างออกไปถามด้วยน้ำเสียงเรียบเป็นการปรามงูหนุ่มไปในตัว
“ ใจเย็นๆหน่อยสิ เพิ่งฟื้นนะเนี่ย” งูหนุ่มหันไปค่อนขอดคนที่เร่งเร้า
“ จะให้ใจเย็นได้ยังไงล่ะเดินจนปวดขาแล้วเนี่ย” เดรโก้พูด “ เอาไงจะรู้ไม่รู้”
“ รู้จ้ะรู้” พอแจ็คเห็นว่าไม่ควรเล่นต่อเพราะอาจโดนทุกคนรุมเอาได้ “ คือที่นี่มีชื่อ ว่าหุบเขากระจกก็เพราะว่าทุกอย่างที่นี่มันตรงกันข้ามกับความเป็นจริงอย่างตอนนี้กลางคืนแสดงว่าข้างนอกกลางวัน อะไรเป็นทางเข้านั่นคือทางออก”
“ ไม่อำกันเล่นใช่มั้ย” แวมป์ถามอย่างไม่แน่ใจเพราะกลัวว่าแจ็คจะหยอกอีก
“ จะอำไปทำไมกันล่ะ ฉันก็จริงจังเป็นเหมือนกันนะ” งูหนุ่มทำเสียงเข้มใส่ก่อนจะพูดต่อ “ ยังมีอีกอย่างนะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามอย่าวิ่งหนีเด็ดขาดเพราะจะเป็นการวิ่งเข้าหา”
“ นายกำลังจะบอกว่าถ้ามีตัวอะไรโผล่ออกมาให้วิ่งเข้าหามันเลยเหรอ” เดรโก้เอ่ยอย่างกล้าๆกลัว
“ ใช่ ฉันช่วยได้เท่านี้แหละเพราะถ้าเจออย่างอื่นฉันคงไม่รู้อีกแล้วเพราะบริวารของเทพีจะรับผิดชอบแค่ในส่วนของตัวเอง”
“ หมายความว่าถ้าพ้นจากไอ้หุบเขาบ้านี่ไปแล้วนายก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้วเหรอ” พีทถามอย่างไม่เข้าใจเสียเท่าไหร่
“ ใช่” แจ็คจำใจตอบไปตามไปตามความจริงอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
“ เข้าใจแล้ว อย่างนั้นวันนี้ก็พักกันตรงนี้แหละพรุ่งนี้เราจะเดินทางต่อเพราะไม่ว่าข้างหน้าจะเจออะไรเราต้องไปที่ถ้ำกอร์กอนแล้วเอาดวงตาของแม่เจ้ามาให้ได้” ไซต์เอ่ยก่อนจะเดินตรงไปยังพุ่มไม้ใกล้แล้วล้มตัวนอนลง
ทันทีที่แสงสว่างเจิดจ้าขึ้นทุกคนในทีมก็เตรียมจัดแจงสัมภาระเดินทางกันอย่างรวดเร็วเว้นเสียแต่หนุ่มน้อยเจ้าปัญหาอย่างเดรโก้
“ เฮ้ ! น้ำเราใกล้จะหมดแล้วนะผมว่าจะไปกรอกเสียหน่อย”
“ นายอยู่เกาะกลุ่มกันไว้นี่แหละเดี๋ยวถ้าหลงมันจะเสียเวลา” แวมป์เอ่ยเตือน “ ส่วนเรื่องน้ำเอาไว้ไปหาข้างหน้าก็ได้เพราะในกระเป๋าฉันเหลืออีกสองขวดน่าจะพอประทังไปได้ก่อน” เดรโก้เดินกลับเข้ามารวมกลุ่มอย่างจำยอม
“ ถ้าทางออกมันอยู่ทางที่แจ็คบอกจริงน่าจะไปทางนี้ครับ” มิวส์ชี้ไปทางที่พวกเขาเคยเดินผ่านมา
“ คอยดูนะถ้าหลงขึ้นมาฉันจะ” ยังไม่ทันทีเดรโก้บ่นจบแวมป์ก็ยกมือขึ้นมาปิดปากแล้วสาดสายตาออกไป
“ มีอะไรหรือเปล่า” ไซต์ถามอย่างสงสัยเพราะว่าท่าทีของแวมป์เป็นอย่างนี้ทีไรมักจะเจอเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยสู้ดี
“ ฉันรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกำลังตรงมาที่เรา”
“ แล้วไอ้อะไรบางอย่างของนายมันคืออะไร ตัวเล็กหรือตัวใหญ่ล่ะ” พีทถามพลางก้มลงหยิบปืนที่เอว
“ ฉันไม่แน่ใจมันเคลื่อนที่เร็วมาก” แวมป์ตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“ ให้มันได้อย่างนี้สิ ความวัวยังไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรกอีกแล้ว” ไซต์เอ่ยอย่างเสียไม่ได้
“ พุ่งเข้าใส่เลยอย่าคิดวิ่งหนีเชียว” เสียงของแจ็คเอ่ยเตือน
“ อะ…เออ วิ่งเข้าใส่ก็เข้าใส่” เดรโก้อย่างไม่ค่อยมั่นใจนักแต่สายตาก็ยังคงจับจ้องยังด้านหน้าอย่างไม่ลดละ
ความเงียบเข้ามาในกลุ่มของพีทอีกครั้งเพราะทุกสายตาจับจ้องไปยังสิ่งที่กำลังมาเยือนอย่างใจจดใจจ่อ
“ เตรียมตัว” แวมป์ให้สัญญาณ “ 1”
เสียงลมหายใจของทั้งห้าพ่นยาวออกมา
“2”
เหงื่อที่ไหลรินออกมาด้วยความกังวลหยดลงอาบแก้มทั้งสองข้างอย่างไม่ลดละ
“ วิ่ง” สิ้นเสียงของแวมป์ทั้งหมดวิ่งเข้าใส่แขกใหม่ที่มาเยือนที่มีลำตัวสูงมากกว่าตึกสิบชั้นซึ่งพร้อมจะจับพวกเขาขยี้อย่างไม่มีชิ้นดี แล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามที่คิดเพราะเมื่อยิ่งวิ่งเข้าหาปีศาจตัวนั้นกลับยิ่งไกลออกไป
ฝากด้วยน้าาาาาาาถ้าไม่ถูกจริตยังไงติชมกันได้นะคะ