✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 37 [The end] (update 22/11/2021)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ✁ ความลับของช่างตัดเสื้อ (BDSM) ✁ ตอน 37 [The end] (update 22/11/2021)  (อ่าน 24138 ครั้ง)

ออฟไลน์ Chomin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +146/-1
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

ความลับของช่างตัดเสื้อ
-chomin-

Status : BDSM / Feel good

หมายเหตุ : นิยายเรื่องนี้เป็น BDSM ที่อยู่ภายใต้หลัก 3 ประการ
คือ ความปลอดภัย สติ และความยินยอม

นิยายเรื่องนี้เขียนอ้างอิงจากเพจ Thailand BDSM : Let's Play and Learn นะคะ
ต้องขอขอบคุณสำหรับข้อมูลมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

--------------------------------------------------------

สิ้นคำถามในเชิงขอความคิดเห็นจากสาวสวยประดุจจูเลียตแห่งประเทศไทย
เจ้าของห้องหมายเลข 005 ก็ได้แต่งุนงง
ทว่าสุดท้ายก็ตอบกลับไปด้วยความสัตย์จริงว่า 'สวยครับ'
แต่ใครจะไปคิดว่าสาวสวยคนนั้นจะหน้าตาคล้ายคลึงกับชายหนุ่ม
ซึ่งมีสถานะเป็น 'ซับ' ที่ 'ดอม' อย่างเขาหมายตา

ร่วมติด Hashtag : #ความลับของช่างตัดเสื้อ ในทวิตได้นะคะ

--------------------------------------------------------

♥ ผลงานอื่นๆ ♥

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-11-2021 18:45:06 โดย Chomin »

ออฟไลน์ Chomin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +146/-1
บทนำ

ราตรีเงียบสงัดมีเพียงแสงจันทร์เล็ดลอดผ่านทอดตัวลงมายังชายหนุ่มรูปร่างเพรียวบางอย่างคนสุขภาพดี เขาจึงเดินไปยังตู้เสื้อผ้าสีขาวสไตล์วินเทจ พร้อมใช้ฝ่ามือละเสื้อผ้าที่แขวนเรียงรายอยู่ในนั้นอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหยุดนิ่งอยู่ที่ไม้แขวนเสื้ออันหนึ่งเป็นเวลาเนิ่นนาน จากนั้นฝ่ามือข้างดังกล่าวก็ทิ้งตัวลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก แต่เพียงไม่นานเดรสชุดนั้นก็ถูกเลือกสรร

สองเท้าก้าวเดินอย่างเชื่องช้า พร้อมหยุดการเคลื่อนไหวตรงหน้ากระจกบานใหญ่ ชายหนุ่มนำชุดดังกล่าวทาบลำตัว ขณะที่ดวงตาจ้องมองคนในกระจกเงานิ่งงัน จากนั้นจึงทรุดกายลงนั่งตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ‘วิกผม’ ใหม่เอี่ยมสำหรับหุ่นโชว์ประจำห้องเสื้อ ‘อิสระ’ ถูกสวมทับบนศีรษะมนสวย ขลับให้ใบหน้าของชายหนุ่ม ราวกับสาวน้อยวัยแรกแย้มก็ไม่ปาน

กระทั่งชุดนอนถูกแทนที่ด้วย ‘เดรสลูกไม้’ ประเภท ‘EYELET LACE’ ซึ่งใช้เทคนิคฉลุลายลงบนเนื้อผ้าคอตตอนสีขาวแบบเปิดไหล่ ประดับด้วยระบายขนาดไม่ใหญ่นักจากผ้าลูกไม้ชนิดเดียวกัน และเมื่อชายหนุ่มในคราบหญิงสาวกลับมายืนตรงหน้าบานกระจกอีกครั้ง ทำให้เริ่มมองเห็นความเบาสบายของเดรสยาวกรุยกรายที่มีความพลิ้วไหวไปตามการหมุนตัว

ทว่าเมื่อการเคลื่อนไหวหยุดนิ่ง

เงาสะท้อนของสาวสวยตรงหน้า ประดุจ ‘จูเลียต’ ในบทประพันธ์ชื่อดังส่วน ‘เดรส’ อันงดงามก็ไม่ต่างกับ ‘โรมิโอ’ คนรักของเธอ

ชายหนุ่มในคราบสาวสวยก้าวเดินไปยังประตูห้องพร้อมแทรกกายออกไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงเดินอย่างไม่รู้ทิศทาง จนกระทั่งยืนแน่นิ่งอยู่ตรงหน้าประตูห้อง 005 ฝ่ามือซุกซนเคาะลงบนเนื้อไม้อย่างแผ่วเบา

ทว่ากลับไร้การตอบรับ

‘บีม’ จึงยกข้อมือเคาะประตูอีกครั้ง โดยเพิ่มแรงอีกหน่อย จากนั้นไม่นานประตูบานดังกล่าวก็ถูกแทนที่ด้วยชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาอีกทั้งยังรูปร่างดี

“มาหาใครครับ ผมไม่ได้นัดใครไว้ คุณน่าจะมาผิดห้องแล้วล่ะ” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามอย่างสุภาพ แต่กระนั้นผู้มารบกวนยามวิกาลกลับไม่แสดงท่าทีใด ๆ

“คุณครับ..” ชายหนุ่มเจ้าของห้องกล่าว ก่อนจะตามมาด้วยเสียงของฝ่ายตรงข้ามว่า “สวยไหม ?”

“ครับ ?” เจ้าของห้องหมายเลข 005 ย้อนถามอย่างไม่เชื่อหู พร้อมทำหน้างุนงงอย่างเปิดเผย

“ชุดน่ะ.. สวยหรือเปล่า?” จูเลียตประจำประเทศไทยเอ่ยถาม พลางใช้ดวงตากลมใสจ้องมองอีกฝ่ายอย่างคาดหวังในคำตอบ

“สวยครับ เหมาะกับคุณมาก” ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจตอบด้วยความสุภาพ แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความงุนงงก็ตาม

ขณะที่ผู้ถามกลับแย้มยิ้มด้วยความดีใจ พร้อมดวงตาที่ค่อย ๆ เปล่งประกายระยิบระยับ ราวกับดวงดาราบนท้องนภา ก่อนจะเดินจากไปอย่างรวดเร็ว คล้ายกับเหตุการณ์เมื่อครู่เป็นเพียงห้วงเวลาหนึ่งของความฝัน



กระทั่งยามเช้ามาเยือน เครื่องเรือนภายในห้องสี่เหลี่ยมจึงถูกอาบไล้ด้วยแสงแดดอ่อน ๆ ซ้ำยังเล็ดลอดผ่านมายังเตียงนอน ชายหนุ่มที่กำลังหลับใหลจึงตื่นจากความฝัน และนั่งตกใจอยู่บนเตียงหลังกว้าง เมื่อกระจกตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งปรากฏภาพของ ‘จูเลียต’ คนงาม เขาจึงดึกวิกผมพร้อมก้มสำรวจตัวเองด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมเสื้อผ้าเหล่านี้จึงถูกหยิบออกมาสวมใส่

เพราะเขาไม่เคยคิดจะใส่มันอีกเลย

นับตั้งแต่วันนั้น..


--------------------------✁


บทความที่เกี่ยวข้อง
- ประเภทของผ้าลูกไม้ https://praewwedding.com/dresses-and-suits/115221/3


แอบมาเปิดเรื่องใหม่จ้า เป็นแนวที่เราอยากลองเขียนมานานแล้ว แต่อย่าคาดหวังมากนะคะ เพราะเราไม่ได้เขียนเลิฟซีนนานมาก ๆ แล้ว เรื่องนี้เราจะพยายามใส่ข้อมูลเกี่ยวกับ BDSM ไปบ้างตามความเหมาะสม และจะพยายามหาข้อมูลอื่น ๆ อย่างเช่น อาชีพดีไซเนอร์ ประเภทของผ้าลูกไม้ และอื่น ๆ ที่น่าสนใจใส่ไปด้วย หวังว่าจะชอบกันนะคะ เอาจริง ๆ เรื่องนี้เรากังวลมากนะ กลัวว่าจะเขียนไม่ถึง แต่ก็ถือซะว่ามันคือ BDSM สไตล์ฟีลกู๊ดแล้วกันค่ะ สบายใจได้ไม่มีปมซับซ้อนแน่นอน


ตัวอย่างผ้าลูกไม้แบบ EYELET LACE
https://imgur.com/CmiIDxQ
https://imgur.com/mXz4dzc
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2020 10:10:20 โดย Chomin »

ออฟไลน์ Chomin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +146/-1
ตอน 1

‘คาปูชิโน่ร้อน’ กับการประชุมไม่ว่าอย่างไรก็ดูเข้ากัน ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวจากผ้าลูกไม้ฉลุลวดลายหัวกะโหลกสีขาวออกครีม เข้าคู่กันดีกับกางเกงสแลคสีดำกำลังนั่งไขว้ขาอย่างใจเย็น ขณะที่บรรดาลูกทีมต่างทยอยเข้ามายังห้องประชุม

“เข้าเรื่องเลยแล้วกัน พี่คิดธีมสำหรับคอลเลกชันช่วงสปริงกับซัมเมอร์ปี 2020 เรียบร้อยแล้ว” ชายหนุ่มเจ้าของห้องเสื้อ ‘อิสระ’ พูดขึ้นพลางทิ้งตัวลงนั่งบนโต๊ะประชุม

“การโบยบินอันน่าตื่นเต้น” บีมเอ่ยชื่อธีมด้วยน้ำเสียงลุ่มลึกราวกับมีความนัยแอบแฝง

“กิมมิคของคอลเลกชันนี้ ควรเป็นผีเสื้อหรือว่านกดีคะ” รวินทราหรือน้องก้อยเอ่ยถาม พลางหันมองเพื่อนร่วมงานอย่างขอความคิดเห็น

“ผีเสื้อ!” แต่แล้วเสียงผสานของเจ้านายและพีระก็ดังขึ้นพร้อมกันเป็นอันว่าจบทุกอย่างเกี่ยวกับการคาดเดา

ทว่าเสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันก็ทำลายหัวข้อสนทนาจนหมดสิ้น ธาวินหรือบีมผู้เป็นเจ้าของห้องเสื้อจึงสั่งการอย่างรีบเร่ง โดยให้แต่ละคนดีไซน์เสื้อผ้าสัก 3 แบบ จากนั้นค่อยตัดสินใจอีกทีว่าแบบไหนที่เหมาะกับคอลเลกชันล่าสุด

‘ผมขอรูปของคุณหน่อยสิครับ’ ทันทีที่เปิดข้อความอ่าน หัวคิ้วเรียวสวยก็ขมวดมุ่นอย่างไม่เข้าใจ เรื่องของเรื่องเขามีรสนิยมที่ค่อนข้าง ‘พิเศษ’ มาก จึงต้องประกาศหา ‘ดอม’ มาคอยควบคุม ‘ซับ’ ระหว่างที่มีการเพลย์ และบางคู่อาจก็อาจจะมีการทรมานร่วมด้วย เพียงแต่มันจะต้องเกิดจากความยินยอมพร้อมใจทั้งสองฝ่าย และยังต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ตกลงกัน ดังนั้นหากซับไม่ยินยอมดอมก็ไม่มีสิทธิ์กระทำ

‘ส่งรูปของคุณมาด้วยครับ’ ชายหนุ่มส่งข้อความพร้อมรูปภาพของตนเองที่คิดว่าดูดีที่สุดไปให้ จากนั้นไม่นานอีกฝ่ายก็ส่งกลับมา บีมใช้เวลาพิจารณาอยู่นาน แน่นอนว่าคุณนัทมีความหล่อเหลาในมาดนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง เรียวคิ้วคมเข้ม จมูก ปากรับกันดีราวกับสวรรค์ปั้นแต่ง

แต่ทว่าธาวินมีบุคคลที่หมายตาอยู่ก่อนแล้ว เรียวนิ้วจึงปัดป่ายไปมาอย่างคิดไม่ตก ระหว่างชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาฉายแววขี้เล่นและมีดวงตาคมกริบสุดแสนดุดันกับชายหนุ่มคนเมื่อสักครู่ สุดท้ายบีมจึงตัดสินใจนัดเจอคุณนัท พร้อมย้ำเตือนเรื่องใบรับรองแพทย์อย่างเคร่งครัด




กระทั่งวันเวลาผ่านพ้นท่ามกลางความยุ่งวุ่นวายของการดีไซน์เสื้อผ้าคอลเลกชันใหม่ เพราะต้องออกแบบรูปทรง ลวดลาย และการตัดเย็บ รวมไปถึงเลือกวัตถุดิบจนหัวปั่น เจ้าของห้องเสื้ออิสระจึงเดินไปยังห้องอาหารบนชั้นดาดฟ้าของห้างสรรพสินค้าอย่างไม่รีบร้อน ราวกับปล่อยวางความวุ่นวายทั้งหมดไว้ที่โต๊ะทำงาน

“โต๊ะที่คุณคิมหันต์จองไว้ ไม่ทราบว่าอยู่ตรงไหนครับ” ธาวินเอ่ยถามพนักงาน จากนั้นจึงเดินตามการนำทางของเธอ พบว่าโต๊ะที่อีกฝ่ายจองไว้อยู่ติดริมหน้าต่าง สามารถมองเห็นตึกระฟ้ามากมายอย่างชัดเจน

“ขอโทษที่มาช้านะครับ ทานอะไรกันดี” ไม่นานคุณนัทก็เดินมานั่งตรงที่ว่างฝั่งตรงข้ามด้วยมาดที่มองอย่างไรก็ดูเหมือนนักธุรกิจ เพราะแม้แต่ตอนจะนั่งเขาก็ยังปลดกระดุมออกหนึ่งเม็ด เหมือนกับพวกผู้บริหารในละครหลังข่าวที่เคยดูเมื่อนานมาแล้ว

“หอยทอดกระทะร้อนแล้วกันครับ” บีมสั่งอาหารโดยไม่คิดจะเปิดดู เพราะห้องอาหารของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้คือสถานที่ประจำของเขา และไม่คิดจะสั่งอาหารเลิศหรูประหนึ่งตัวเองมากด้วยรสนิยม

เพราะวันนี้เขาอยากกินหอยทอด!

“สองที่ครับ” พนักงานรับคำสั่งด้วยความนอบน้อม ซึ่งบีมรู้สึกว่ามันออกจะนอบน้อมเกินไปหน่อย แต่ก็คร้านจะใส่ใจ

“เราสองคนเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าครับ?” นัทเอ่ยถามพลางหรี่ตามองคนตรงหน้าด้วยความสงสัย เพราะโครงหน้าเรียวสวยแบบนี้ หากสวมวิกผมคงปฏิเสธไม่ได้ว่างดงามมาก แต่พอไว้ผมสั้นแบบผู้ชายที่เอาใจใส่เรื่องการแต่งตัวก็ให้คำจำกัดความได้เพียงว่า ‘หล่อผสมน่ารัก’

“หากเจอกันตามข้างทางแล้วถูกคุณทักด้วยประโยคนี้ ผมคงจะคิดว่าคุณเป็นพวกหน้าม่อ” บีมกล่าวอย่างตรงไปตรงมาพลางหัวเราะอย่างมีจริตจะก้าน เพราะท่าทีของอีกฝ่ายดูจริงจังเกินกว่าจะถูกตราหน้าแบบนั้น
แต่ควรจะเรียกว่าสอบถามราวกับประชุมธุรกิจพันล้านเสียมากกว่า

“ถ้าอย่างนั้นผมคงจำคนผิด” อีกฝ่ายไหวไหล่พลางหัวเราะเล็กน้อย ซึ่งมันก็เล็กน้อยจริง ๆ บีมเลยอดจะรู้สึกว่าเขาช่างเหมือนมนุษย์หน้าเดียวไม่ได้

“คุณเริ่มเพลย์มานานหรือยังครับ” หลังจากอาหารมาเสิร์ฟได้สักพัก อีกฝ่ายก็เริ่มเข้าเรื่อง โดยเลือกถามคำถามทั่วไป ราวกับต้องการวัดประสบการณ์

“ประมาณ 2 ปีได้มั้งครับ” บีมนั่งนึกเพียงครู่ แล้วก็สรุประยะเวลาอย่างรวดเร็ว ขณะที่อีกฝ่ายก็พยักหน้ารับฟังอย่างตั้งใจ

“ของผมประมาณ 3 ปีเห็นจะได้ ถ้าอย่างนั้นขอบเขตของคุณประมาณไหนเหรอครับ แล้วก็มีซีนไหนที่ชอบเล่นบ้าง” อีกฝ่ายเริ่มทวนถามถึงรสนิยมการเพลย์อย่างต้องการความชัดเจน แม้ว่าประกาศในทวิตเตอร์จะบอกรายละเอียดแล้วก็ตาม

“ผมชอบถูกทำให้อับอายไม่ว่าจะในที่ลับหรือกลางแจ้ง ยิ่งเป็นคำพูดในเชิงเสียดสีหรือเหยียดหยามจะยิ่งชอบมากเป็นพิเศษ แล้วก็ชอบถูกทำให้เจ็บปวด แต่ไม่ถึงกับเลือดตกยางออก” บีมกล่าวพลางตัดหอยทอดอย่างระมัดระวัง เพราะเมื่อครู่เขาเผลอโดนน้ำมันร้อน ๆ กระเด็นใส่ โชคดีที่คุณนักธุรกิจส่งทิชชู่เปียกมาให้ ความแสบร้อนจึงเริ่มคลายลง

“คุณไม่ชอบให้มีรอยแผล ?” ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจเอ่ยถามเพียงสั้น ๆ โดยวิเคราะห์จากคำพูดก่อนหน้า พร้อมทานมื้อเที่ยงอย่างสุภาพ

“ตีได้ ตบได้ กัดได้ แต่ห้ามกรีดหรือเจาะ” บีมกล่าวพร้อมส่ายหัวประกอบคำพูดในประเด็นสุดท้าย

“ดีล เพราะผมก็ไม่ชอบกรีดกับเจาะเหมือนกัน มันออกจะรุนแรงเกินไปหน่อย หมายถึงสำหรับผมน่ะ” ชายหนุ่มตอบรับด้วยการดีดนิ้วอย่างเห็นด้วย ส่งเสริมความคิดของบีมได้เป็นอย่างดีว่าอีกฝ่ายช่างเหมาะกับภาพลักษณ์นักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง

“แล้วน้ำตาเทียน แส้ ไม้เรียว ไม้พาย เชือกคุณโอเคหรือเปล่า” นัทเริ่มเป็นฝ่ายตั้งคำถามอย่างเจาะลึกอีกครั้ง

“โอเคครับ แต่มัดนี่ผมขอไม่เอาห้อยหัว” เจ้าของห้องเสื้อตอบรับพลางยกยิ้มเล็กน้อยพร้อมเพิ่มเติมขอบเขตอย่างรัดกุม

“แล้วอุปกรณ์อื่น ๆ ล่ะครับ ?” ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจสอบถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ถ้าประมาณบอลล์แก๊ก ไม้หนีบ บัตต์ปลั๊ก ผมโอเค แต่ถ้าเป็นเตียงสูญญากาศ  ผมไม่โอเค แต่แบบอื่น ๆ ถ้าอยากลองผมว่าเราตกลงกันภายหลังได้” บีมกล่าวอย่างจริงจัง เพราะเขาเองก็เคยเล่นไม่กี่แบบ

“ดีล!” ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจยังคงดีดนิ้วอย่างเห็นด้วย ราวกับเป็นท่าประจำเวลาที่รู้สึกเห็นด้วยกับอะไรบางอย่าง

“ตามข้อตกลงห้ามมีเซ็กส์ แต่ยังไงก็ต้องขอใบรับรองแพทย์ เผื่อวันหน้าเกิดมีความเปลี่ยนแปลง” เจ้าของห้องเสื้ออิสระกล่าวพลางหยิบใบรับรองแพทย์จากกระเป๋ากางเกง แล้ววางลงตรงกลางโต๊ะพร้อมเลื่อนออกไปข้างหน้า จากนั้นจึงรับผลตรวจของอีกฝ่ายกลับมาเปิดดูอย่างละเอียดถึงค่อยเก็บเข้าประเป๋ากางเกงเช่นเดียวกับอีกฝ่าย

“อ้อ ของเสียอย่างอุจจาระ ปัสสาวะผมไม่โอเค แต่ถ้าให้กินอาหารตกพื้นยังพอไหว และแน่นอนว่าต้องไม่ใช่อาหารบูด” บีมกล่าวอย่างชัดเจนโดยไม่ต้องหวาดกลัวว่าการเจรจาในครั้งนี้จะถูกดักฟัง เพราะดูเหมือนรอบ ๆ บริเวณจะกลายเป็นห้องส่วนตัวของพวกเขาไปแล้ว ซึ่งถ้าหากมีคนมาบอกว่าคุณนัทเหมาโซนนี้ทั้งหมด บีมยังคิดว่าไม่น่าเกินจริง

“ถ้าหากระหว่างเพลย์มีการออรัลหรือว่าใช้ไวเบรเตอร์ร่วมด้วย คุณโอเคหรือเปล่า” ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจเอ่ยถาม เมื่อนึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้

“ได้หมดครับ ขอแค่ไม่มีเซ็กส์” บีมเอ่ยตอบอย่างฉะฉาน

“เซฟเวิร์ด  แดงหมายถึงหยุด เขียวหมายถึงเดินหน้าต่อ เหลืองหมายถึงลดระดับความรุนแรง” ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจเสนอความเห็น ซึ่งคำศัพท์ดังกล่าวอาจเป็นคำที่เขาคุ้นเคย

“ดีล!” บีมตอบรับอย่างเห็นด้วย เพราะเขาก็ใช้คำเหล่านี้เวลาเพลย์เหมือนกัน

“เมื่อไหร่ดีครับ?” สิ้นคำถามของชายหนุ่มตรงหน้า เจ้าของห้องเสื้อจึงครุ่นคิดอยู่นาน เพราะช่วงนี้เขาต้องเร่งออกแบบเสื้อผ้าคอลเลกชันใหม่ อาจจะต้องสละเวลาส่วนตัวทุ่มเทให้กับกิจการมากหน่อย เพราะนอกจากนี้ยังมีงานกองถ่ายเจ้าประจำที่เคยดีลกันไว้ตั้งแต่สมัยเริ่มเข้าวงการแฟชั่นว่าจะคอยหางานมาป้อนให้เรื่อยๆ

“สักเดือนหน้าได้ไหมครับ ช่วงนี้ผมยุ่ง ๆ เกี่ยวกับการดีไซน์เสื้อผ้าคอลเลกชันใหม่” บีมเอ่ยถามด้วยความเกรงใจ แววตาจึงฉายความกังวลอย่างชัดแจ้ง

“ไม่มีปัญหาครับ ผมเองก็ต้องเคลียร์สาขาใหม่เหมือนกัน ว่าแต่คุณออกแบบให้กับแบรนด์อะไรเหรอครับ” เมื่อพบช่องทางสอบถามเรื่องราวส่วนตัวเพื่อทำความรู้จักกันให้มากขึ้น นัทก็ไม่ลืมที่จะใช้โอกาสนี้

“ห้องเสื้ออิสระครับ” บีมตอบกลับสั้น ๆ โดยไม่คิดขยายความ

“ผมมีเพนท์เฮ้าส์ของห้างนี้ ยังไงเรานัดกันที่นั่นดีไหมครับ ?” สิ้นข้อเสนอ บีมก็อดประหลาดใจกับความบังเอิญไม่ได้

“ผมเองก็อยู่ที่นั่นเหมือนกันครับ ถ้าอย่างนั้นเปลี่ยนเป็นขอเบอร์ห้องของคุณจะดีกว่า” เจ้าของห้องเสื้อเป็นฝ่ายยื่นข้อเสนอบ้าง

“005 ครับ รับรองว่าเก็บเสียงแน่นอน เพราะผมสั่งให้ช่างมาทำเองกับมือ ว่าแต่คุณชอบทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ วันที่เรานัดกันผมจะได้เตรียมไว้” อีกฝ่ายให้เหตุผลของการนัดหมายในสถานที่ดังกล่าวด้วยการเลิกคิ้วข้างหนึ่งคล้ายกับแสดงความเหนือชั้น และยังเอ่ยถามอย่างใส่ใจ จนดูเหมือนว่าเขาติดนิสัยสุภาพบุรุษเต็มขั้น แต่ก็ยังมีการเตรียมความพร้อมให้กับรสนิยมของตัวเอง จึงเร่งเร้าให้ภาพลักษณ์ของอีกฝ่ายยิ่งน่าสนใจ แต่บีมก็ยังนึกไม่ออกว่าคนตรงหน้าจะแสดงท่าทางร้อนแรง ร้ายกาจ และเย่อหยิ่งได้ถึงใจมากสักแค่ไหน

แต่มานั่งกังวลเอาตอนนี้ก็คงจะไม่ทันการณ์

“เอาตามที่คุณสะดวกดีกว่าครับ” เจ้าของห้องเสื้อตอบกลับด้วยความเกรงใจพร้อมส่งยิ้มเป็นการปิดท้าย ซึ่งรอยยิ้มดังกล่าวทำให้นัทรู้สึกราวกับว่า..

ดารานางแบบชื่อดังก็ไม่อาจยิ้มสวยเท่ากับคนตรงหน้า

“เรื่องวันเวลา คุณไลน์มาบอกผมอีกทีนะครับ” เมื่อหมดเรื่องสนทนาทั้งคู่ก็เริ่มแยกย้าย แต่นัทก็ยังมิวายจะกล่าวย้ำ ราวกับรอคอยการเพลย์ในครั้งนี้อย่างใจจดจ่อ

“ไม่มีปัญหาครับ” สิ้นคำตอบรับก็เป็นอันยุติการพบเจอกันครั้งแรก




จากนั้นวันเวลาก็ผ่านพ้นไปโดยที่ธาวินผู้เป็นเจ้าของห้องเสื้อ ง่วนอยู่กับการนั่งจ้องผ้าลูกไม้ประเภทต่าง ๆ เพื่อพิจารณาว่าแบบที่เขาดีไซน์ควรจะใช้ผ้าลูกไม้แบบไหน ซึ่งตอนนี้เขากำลังหมายตาผ้าลูกไม้ประเภท ‘Corded Lace’ ที่มักจะดีไซน์เป็นรูปดอกไม้บนเนื้อผ้าซีทรูหรือผ้าตาข่าย เพราะลูกไม้ประเภทนี้มักจะทำจากเส้นด้ายมีน้ำหนัก ลวดลายจึงนูนเด่นราวกับสามมิติ

เหมาะกับเสื้อผ้าสไตล์เซ็กซี่ เปิดเปลือยแผ่นหลังเป็นอย่างมาก

กระทั่งการทำงานถูกรบกวนด้วยเสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันไลน์ บีมจึงละมือจากการงานตรงหน้า พบว่าบุคคลที่ส่งข้อความมาหา คือชายหนุ่มดวงตาดุดันที่ถูกตัดช้อยส์ไปนานแล้ว เวลานี้แม้จะแอบเสียดายหน่อย ๆ แต่การงานค่อนข้างรัดตัวเลยไม่เอื้ออำนวยให้ไปลองเพลย์เพื่อวัดความพึงพอใจ สุดท้ายจึงต้องปฏิเสธเหมือนคนอื่น แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าของห้องเสื้อก็ยังไม่วายจะให้ความหวังว่าถ้าหากคนที่เลือกไว้ไม่โอเค นัดครั้งต่อไปโอกาสย่อมเป็นของอีกฝ่าย

“ข้างนอกวุ่นวายอะไรกันเหรอ ?” บีมเอ่ยถามพลางเดินออกมายังนอกห้องทำงานที่แอบซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางผ้าลูกไม้หลากประเภท จึงพบกับสโตร์อันเรียบหรูสไตล์วินเทจ เข้ากันดีกับเสื้อผ้าแฟชั่นประเภทลูกไม้ที่วางขาย

“ดูเหมือนเจ้าของห้างสรรพสินค้าจะมาเดินตรวจงานมั้งคะ” น้องบีพนักงานขายเอ่ยตอบ ขณะที่เจ้าของห้องเสื้อกำลังชะโงกหน้าออกไป จึงทันเห็นแผ่นหลังกว้างในชุดสูทสีดำรายล้อมด้วยเหล่าพนักงานระดับสูง บีมเลยอดรู้สึกไม่ได้ว่า..

แผ่นหลังนั่น..

คุ้นตาชะมัด!




“เอ้อ พี่นัดโรงงานคุยเรื่องรายละเอียดของผ้าลูกไม้ไว้ ใกล้จะได้เวลาพอดี แล้วเจอกันนะ” เมื่อความเงียบสงบกลับคืนสู่ห้องเสื้ออิสระ บีมจึงก้มมองนาฬิกาข้อมือ พบว่าควรจะออกเดินทางเสียที จึงล่ำลาบุคคลในความดูแลทั้งหลายด้วยความรีบร้อน

กระทั่งเดินมายังหน้าลิฟต์พลางเฝ้ามองตัวเลขสีแดงเลือดนกขยับลงมาเรื่อย ๆ ไม่นานประตูสีเทาตรงหน้าก็เปิดกว้าง ชายหนุ่มจึงชะงักฝีเท้าเล็กน้อย เพราะคนที่อยู่ข้างในไม่ใช่คนอื่นไกล

“จะออกไปข้างนอกเหรอครับ?” คุณนัทเอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเองพร้อมกดเปิดประตูลิฟต์ค้างไว้ บีมจึงได้สติรีบก้าวเดินเข้าไปยังด้านใน โดยเลือกยืนตรงมุมขวามือพลางกดชั้นที่ต้องการอย่างรวดเร็วและไม่ลืมจะตอบคำถามด้วยความเรียบง่ายว่า “ครับ”

“ผมลืมถามไปเลยว่าคุณมีแฟนหรือยัง ?” สิ้นคำถามของชายหนุ่มมาดนักธุรกิจ ความเงียบเชียบก็โอบล้อมรอบกายอย่างแรงกล้า

“เราเจอกันตามข้างทางแบบนี้ คุณคงไม่คิดว่าผมหน้าม่อหรอกนะ” คุณนัทกล่าวติดตลก แต่ทว่าสีหน้าของเขายังคงเรียบนิ่ง คล้ายกับพรสวรรค์ด้านอารมณ์ขันมีความหลบในตามแบบฉบับของนักธุรกิจ

“ยังครับ” บีมตอบกลับอย่างไม่คิดมาก เพราะเขาก็มีกฎเหล็กอยู่หนึ่งข้อ ซึ่งก็คือไม่นิยมเพลย์กับบุคคลที่มีเจ้าของเป็นอันขาด แต่หากถามว่าเคยพลาดพลั้งหรือไม่ คงต้องบอกว่าเคย เนื่องจากคนที่มีรสนิยมแบบนี้ ค่อนข้างมีน้อย หรือถ้ามีมากก็คงจะเจอกันยาก เช่น อยู่คนละจังหวัด รสนิยมแยกย่อยไม่ค่อยคลิกกัน

“ขอตัวก่อนนะครับ” กระทั่งตัวลิฟต์เลื่อนลงมายังชั้นที่จอดรถไว้ ประตูสีเทาจึงเปิดกว้าง เจ้าของห้องเสื้อจึงกล่าวลาติดรอยยิ้มพร้อมก้าวเดินออกไป

แต่ในขณะที่ประตูกำลังจะปิดลง เสียงสุภาพของอีกฝ่ายก็ดังขึ้นว่า..

“ผมก็เหมือนกัน แล้วเจอกันครับ”


--------------------------✁


[1] Dominant (ดอม) คือผู้ที่มีอำนาจควบคุมความสัมพันธ์ ซีน หรือกิจกรรมในการเพลย์โดยได้รับความยินยอม

[2] Submission (ซับ) คือผู้ที่ยินยอมละทิ้งอำนาจในการควบคุมความสัมพันธ์ ซีน หรือกิจกรรมในการเพลย์

[3] เพลย์และซีน (Play and scene) คือช่วงเวลาที่มีกิจกรรม หรือบางทีอาจจะเรียกว่า Session ก็ได้

[4] เตียงสูญญากาศ (Vacuum bed) คือเตียงที่ถูกคลุมด้วยแผ่นยางลาเท็กซ์ พอผู้ใช้เข้าไปนอนก็จะสูบลมออกจนแผ่นยางลาเท็กซ์แนบติดลำตัว ไม่สามารถกระดิกไปไหนได้ มีแค่ส่วนจมูกและปากที่สามารถใช้หายใจ

[5] Safe words (คำปลอดภัย) คือคำหรือการแสดงสัญญาณที่ตกลงกับพาร์ทเนอร์ เพื่อเตือนให้ทราบถึงขีดจำกัดทางร่างกาย



มาลงอีกตอนจ้า ช่วงเปิดเรื่องยังไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ พวกอุปกรณ์ถ้าใครอยากรู้ว่ารูปร่างหน้าตาเป็นยังไงรบกวนเสิร์ชหาเอาเองเน้อ 555 ส่วนปมที่คุณเจ้าของห้องเสื้อลุกขึ้นมาแต่งหญิงนั้น โปรดติดตามตอนต่อไปจ้า

ปล. เรื่องคอลเลกชันเสื้อผ้า ปกติแล้วดีไซเนอร์จะทำงานล่วงหน้า 1 ปีนะคะ เท่ากับว่าสถานการณ์ในเรื่องคือปี 2019 แต่กำลังทำคอลเลกชันของปี 2020

 
ตัวอย่างผ้าลูกไม้แบบ Corded Lace
https://imgur.com/E423onQ
https://imgur.com/rO9xctP
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2020 10:24:07 โดย Chomin »

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
เผ็ชชชชชชช  :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ Chomin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +146/-1
ตอน 2


ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตจากผ้าลูกไม้ประเภทโครเชต์เนื้อนิ่มสีขาวลวดลายดอกไม้ ผูกเนคไทสีเหลืองจากผ้าลูกไม้ชนิดเดียวกัน เข้ากันดีกับกางเกงผ้ากำมะหยี่สีเขียวมรกต เพื่อเตรียมตัวไปเจอกับคุณนัท หลังจากส่งข้อความนัดหมายกัน

กระทั่งขึ้นลิฟต์มายังชั้นบนสุดพร้อมสับเท้าไปยังห้องเป้าหมาย เสียงกดกริ่งดังเพียงไม่นานก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี บีมจึงก้าวเข้าสู่อาณาบริเวณของเพนท์เฮ้าส์หมายเลข 005 ที่อยู่ชั้นบนสุดและดูเหมือนว่าจะมีความหรูหรามากที่สุด เพราะเมื่อถอดรองเท้าไว้ในตู้ ถัดมาก็เจอกับห้องครัวบิวท์อินลายหินอ่อน ใกล้กับห้องนั่งเล่นขนาดย่อมที่ใช้จัดงานปาร์ตี้เล็ก ๆ ได้สบาย และเมื่อเดินลึกเข้ามาอีกหน่อยจะพบกับห้องอาหารที่ถูกโอบล้อมด้วยตู้เก็บไวน์ชั้นดีสุดอลังการ

บีมจึงเข้าใจเป็นอย่างดีว่า อีกฝ่ายมีความชื่นชอบเครื่องดื่มประเภทนี้มาก จนอาจจะเทียบเท่ากับความคลั่งไคล้ผ้าลูกไม้ของตัวเองเลยก็ว่าได้

“รอหน่อยนะครับ ใกล้จะเสร็จแล้ว” คุณนัทในชุดเสื้อเชิ้ตพับแขนสวมทับด้วยผ้ากันเปื้อน กล่าวอย่างเกรงอกเกรงใจพร้อมวางน้ำดื่มเย็นๆ ลงบนโต๊ะหินอ่อนในห้องนั่งเล่น บีมจึงได้แต่ยิ้มรับแล้วมองสำรวจรอบห้องฆ่าเวลา

“เชิญครับ” ไม่นานนักมื้อเย็นสำหรับคนสองคนก็เสร็จสิ้น พ่อครัวมือฉมังจึงเดินถือเมนูสุดแสนจะภูมิใจนำเสนอลงบนโต๊ะอาหาร บีมจึงเดินไปนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่งพลางจ้องมองน้ำพริกปลาทูอย่างหิวโหย

“ไม่อร่อยอย่าว่ากันนะครับ” อีกฝ่ายวางจานข้าวสวยร้อน ๆ พร้อมรีบออกตัวอย่างรวดเร็ว

“ใครจะกล้าว่าคุณนัทได้ล่ะครับ ถ้าเกิดคุณโกรธที่ผมพูดจาไม่เข้าหูขึ้นมา ผมก็หิวแย่สิ นี่ผมอุตส่าห์หิ้วท้องรอมื้อเย็นจากคุณเลยนะ” เจ้าของห้องเสื้อกล่าวติดตลกทำเอาเชฟมือฉมังเริ่มยิ้มออก แต่ทว่าก็ยังเป็นรอยยิ้มอันน้อยนิดอีกตามเคย

“ไวน์ขาว ?” เมื่อเห็นอีกฝ่ายรินไวน์ขาวลงในแก้วทรงสูงจึงอดหยั่งเชิงด้วยความแปลกใจไม่ได้ เพราะวิเคราะห์อย่างไรก็ไม่น่าจะเข้ากับน้ำพริกปลาทู

“ลองดูครับแล้วคุณจะประหลาดใจว่ามันเข้ากันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ” คุณนัทกล่าวอย่างมาดมั่นสมกับความหลงใหลในรสชาติไวน์ เจ้าของห้องเสื้อจึงสังเกตวิธีการดื่มของอีกฝ่าย แล้วเอื้อมจับก้านแก้วยกส่องกับแสงสว่างพลางหมุนอย่างเชื่องช้า

“ไวน์ก็มีขาเหมือนกันนะครับ” ชายหนุ่มเจ้าของไวน์เริ่มเปรยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ บีมจึงสำรวจแก้วไวน์ของตัวเองอย่างตั้งใจ แต่คนไร้ความรู้ในเรื่องดังกล่าวก็ไม่อาจได้คำตอบ

“เส้นสายที่ไหลลงมาตามขอบแก้วนี่แหละครับคือขาของไวน์ และยังบอกถึงปริมาณแอลกอฮอล์ที่อยู่ในไวน์ด้วย ซึ่งไวน์ขาวนี่แหละครับมีแอลกอฮอล์ค่อนข้างสูง” เจ้าของห้องหมายเลข 005 อธิบายอย่างเชี่ยวชาญ และมันก็ดึงดูดความสนใจจากบีมได้เป็นอย่างดี เพราะรสนิยมการดื่มไวน์ของอีกฝ่ายค่อนข้างให้ความรู้สึกเซ็กซี่และน่าลุ่มหลง

“การหมุนไวน์ยังช่วยให้ไวน์ได้สัมผัสกับอากาศ เพราะการหายใจของไวน์จะช่วยให้รสชาติเข้มข้น” บีมยิ้มรับแม้จะฟังไม่ค่อยเข้าใจก็ตามที

“คุณลองสเวิร์ลแล้วจดขอบแก้วไว้ตรงปลายจมูกพร้อมกับหลับตาดูสิครับ” คุณนัทกล่าวพร้อมหมุนแก้วไวน์ทรงสูงก่อนจะดื่มด่ำกับความมีรสนิยมอย่างมีระดับ ซึ่งเดิมทีบีมไม่เข้าใจว่าการ ‘สเวิร์ล’ คืออะไร แต่อาศัยจากการแปลภาษาพร้อมสังเกตท่าทีของอีกฝ่ายก็เดาได้ไม่ยาก

“คุณได้กลิ่นอโรมาของไวน์หรือเปล่า” หลังจากดอมดมจนพอใจ อีกฝ่ายก็เริ่มเอ่ยถามคล้ายกับต้องการเปิดเผยความเป็นตัวเอง เพื่อที่จะได้ทำความรู้จักกันให้มากขึ้น

“ผมไม่รู้ว่าอโรมาไวน์คืออะไร แต่กลิ่นแรกที่สัมผัสได้ เหมือนกลิ่นอบเชยกับเมเปิลไซรัป” บีมตอบด้วยท่าทีขมวดคิ้วมุ่นอย่างใช้ความคิด จากนั้นก็พยักหน้าหงึกหงักราวกับมั่นใจในคำตอบ

“ส่วนผมคิดว่าไวน์ขวดนี้ น่าจะผลิตมาจากองุ่นเขียวพันธุ์มอสคาโต้” คุณนัทตอบสั้น ๆ จากนั้นก็เริ่มสเวิร์ลแก้วไวน์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้การสเวิร์ลกลับเต็มไปด้วยความรุนแรง บีมจึงเริ่มทำตามแล้วดอมดมอย่างใส่ใจ เพราะเริ่มสนุกไปกับการเรียนรู้เรื่องราวตรงหน้า

“ดมครั้งแรกเหมือนผมจะได้กลิ่นช็อกโกแลตอ่อนๆ แต่พอดมอีกทีเหมือนจะเป็นกลิ่นไม้โอ๊ค แล้วพอดมอีกครั้งเหมือนผมได้กลิ่นเครื่องเทศ” เจ้าของห้องเสื้อกล่าวอย่างสับสนเพราะเขาไม่ใช่นักชิมไวน์มืออาชีพ

“ผมว่าไวน์ขวดนี้มีกลิ่นบูเก้เหมือนกับถังไม้โอ๊ค” นักชิมไวน์มืออาชีพกล่าวปิดท้าย จากนั้นจึงเริ่มจิบไวน์ขาวอย่างละเมียดละไมด้วยการอมไว้ในปากแล้วค่อยกลืนลงคอ บีมจึงลองทำแบบนั้นบ้าง พบว่ารสชาติหวาน ๆ ของไวน์ขาวกำลังอบอวนอยู่ในปากครู่หนึ่ง บีมจึงเข้าใจว่านี่แหละคือความรู้สึกของ ‘อาฟเตอร์เทส’

“ดูสิผมทำคุณได้กินอาหารเย็นชืดซะแล้ว” ทันทีที่เจ้าของห้องลิ้มรสปลาทูทอดพร้อมด้วยน้ำพริกเสร็จสรรพก็รีบโอดครวญด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

“ไม่เป็นไรหรอกครับ เพราะถึงยังไงฝีมือการทำอาหารของคุณก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย อร่อยดีครับ” บีมเอ่ยชมอย่างออกนอกหน้า เพราะมันอร่อยจริงดังปากว่าจะให้ชมอย่างเหนียมอายก็ไม่ใช่

“คุณเป็นเชฟหรือเปล่าครับ?” บีมเอ่ยถามเรื่องราวส่วนตัวของอีกฝ่ายบ้าง เพราะทันทีที่ได้รับรู้อีกด้านหนึ่งก็ดูเหมือนว่ามาดนักธุรกิจจะเริ่มเจือจาง

“ถ้าอย่างนั้นคนทำอาหารเป็นก็คงเป็นเชฟกันหมดแล้วล่ะครับ” พอได้รับคำตอบกลับมาแบบนี้ ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของห้องเสื้อจึงนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายเคยพูดถึงสาขาใหม่ คาดว่าคงจะเกี่ยวกับกิจการทางธุรกิจเสียมากกว่า





กระทั่งมื้อเย็นเสร็จสิ้นเจ้าของห้องจึงขอตัวไปล้างจานพร้อมอาบน้ำ โดยให้แขกผู้มีเกียรติไปนั่งชมวิวที่ห้องนั่งเล่นใหญ่ติดระเบียง ซึ่งมีแกรนด์เปียโนวางตั้งอยู่ตรงขวามือ และด้วยความที่ไม่รู้จะทำอะไร บีมจึงนั่งอยู่บนโซฟาสีเทาอ่อนตรงจุดกึ่งกลางวงล้อมที่สร้างอาณาบริเวณของห้องรับรองแขก ขณะที่ดวงตากลมใสโฟกัสทิวทัศน์ด้านนอกจนเริ่มมองเห็นความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติทีละนิด เพราะเวลานี้ท้องฟ้าสีครามกำลังกลับกลายเป็นสีแดงอมส้ม ความมืดมิดจึงอาบไล้ไปทั่วห้องหมายเลข 005

“คนโสมมอย่างนายไม่ควรมานั่งชูคออยู่บนโซฟาของผม” สุ้มเสียงลุ่มลึกดังมาพร้อมกับคำพูดแสนดูถูก เป็นสัญญาณบ่งบอกช่วงเวลาที่กำลังรอคอย ขณะเดียวกันชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตพับแขนเข้าคู่กับกางเกงสแลคสีดำก็ใช้สายตาดุดันปราดมอง ราวกับต้องการกระชากแขนผู้มาเยือนอย่างไม่ไว้หน้า เล่นเอาหัวใจของบีมไหวระริกด้วยความตื่นเต้น อีกทั้งความสุขยังแล่นฉิวไปครึ่งปรอทจึงรีบลนลานย้ายตัวเองลงมานั่งบนพื้นพรม

“คลานตามผมมา” น้ำเสียงดุดันบ่งบอกถึงความไม่พอใจ ซ้ำยังออกคำสั่งพร้อมก้าวเดินอย่างรวดเร็วไปยังแกรนด์เปียโนใกล้กับห้อง ๆ หนึ่ง

“เร็ว!” อีกฝ่ายเอ่ยย้ำด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจโดยไม่มีการอ่อนข้อ

“ครับคุณ..” บีมเผลอตอบรับด้วยสรรพนามคุ้นชิน แต่แล้วก็ต้องรีบหุบปาก เมื่อถูกสายตาคมกริบปรายมองกลับมา

“ทาสอย่างนายไม่มีสิทธิ์มาเรียกชื่อผม เพราะฉะนั้นเรียกผมได้แค่นายท่าน” ชายผู้มีสถานะเป็น ‘ดอม’ ลั่นวาจาเฉียบขาด จากนั้นจึงเดินเข้าไปยังด้านในของห้องแต่งตัว

“คลานมาตรงนี้!” ชายหนุ่มผู้มีนัยน์ตาดุดันกล่าวพร้อมชี้มายังบริเวณแทบเท้า ซับอย่างบีมจึงรีบคลานสี่ขาเข้าไปหาด้วยความว่าง่าย มองดูแล้วไร้ซึ่งยางอายสิ้นดี

แต่กระนั้นมันก็คือรสนิยมที่คนทั้งคู่โปรดปราน

“ผ้าลูกไม้บนตัวนาย..” ชายหนุ่มร่างสูงโน้มตัวลงมาคว้าเนคไทสีเหลืองอย่างนุ่มนวลก่อนจะกระชากอย่างรุนแรง เพื่อปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบของอีกฝ่าย ซ้ำยังแสดงสีหน้าและแววตาแห่งความพึงพอใจ ตามมาด้วยสุ้มเสียงกระซิบลอดไรฟันราวกับอดรนทนไม่ไหวที่ได้เห็นอีกฝ่ายสวมใส่เสื้อผ้าอันงดงาม

“ไม่สูงค่าไปหน่อยเหรอ ?” สิ้นคำปรามาสแสนเหยียดหยามประกอบกับแววตาร้ายกาจ ความสุขของเจ้าของห้องเสื้อก็พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ถอดซะ มันไม่เหมาะกับทาสอย่างนายหรอก” นายท่านกล่าวพลางปลดปล่อยให้เป็นอิสระ ซ้ำยังแสดงท่าทีสะใจจนบีมได้แต่ลนลานปลดเปลื้องผ้าลูกไม้แสนรักด้วยฝ่ามืออันสั่นเทาเพราะความต้องการกำลังมาเยือน แต่ในทางกลับกันก็ฉายแววแห่งความหวาดกลัวได้อย่างแนบเนียน

นัยน์ตาของผู้ควบคุมจึงยิ่ง ‘ถูกใจ’

“ส่งมาให้ผม” นายท่านผู้สุดแสนดุดันยื่นมือออกมาตรงหน้า พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่ก็แฝงด้วยความไม่สบอารมณ์ เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำราวกับหวงแหนเสื้อเชิ้ตลูกไม้เสียเต็มประดา ลีลาการปลดเปลื้องถึงได้อ้อยอิ่งจนทำให้เลือดลมพลุ่งพล่านอย่างไม่อาจหักห้าม

กระทั่งทำลายภาพลักษณ์อันน่าสมเพชได้ ชายหนุ่มก็วางเสื้อเชิ้ตตัวดังกล่าวลงบนตู้เก็บนาฬิกาที่ตัวเองยืนพิงอยู่ จากนั้นจึงกดยิ้มลึกตรงบริเวณมุมปาก เมื่อสามารถทำให้อีกฝ่ายตกอยู่ในสภาพอันน่าอับอายสมใจ

“นายมันน่าไม่อายจริง ๆ ถอดกางเกงเสียเลยสิ” สายตาดูแคลนปราดมองจนทะลุสุดขั้วหัวใจ เลือดลมพลันสูบฉีดพลุ่งพล่านจนความต้องการของผู้ถูกปรามาสเริ่มสั่นระริก ส่งผลให้เจ้าตัวเผลอหลงลืมไปว่า ครั้งหนึ่งเคยกังวลว่าอีกฝ่ายจะทำให้ผิดหวัง

“ดูสิ ผมยังไม่ทันทำอะไร นายก็มีอารมณ์ซะแล้ว” ทันทีที่กางเกงผ้ากำมะหยี่กองลงตรงแทบเท้าอย่างเชื่องช้า ความต้องการอันมากล้นก็อวดโฉมให้อีกฝ่ายหยิบยกเอามาดูถูก แต่ทว่ายิ่งพูดกลับยิ่งสุขสม ขณะเดียวกันความหน้าไม่อายของฝ่ายซับก็ทำให้ความต้องการของผู้เป็นนายเริ่มจะร้อนระอุ

“ไปยืนหน้ากระจก” ผู้เป็นนายสั่งการด้วยน้ำเสียงราบเรียบคล้ายกับไร้ความรู้สึกอื่นใด แม้ว่าในใจคิดอยากจะฉีกกระชากร่างนั้นให้หนำใจ แต่ก็ไม่อาจทำได้

กระทั่งผิวกายเนียนละเอียดไร้สิ่งปกปิดปรากฏผ่านกระจกเงาบานใหญ่ที่เห็นตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ตามมาด้วยใบหน้าคมคายที่กระซิบชิดริมหูพร้อมเป่าลมอย่างยั่วเย้าว่า..

“ทาสอย่างนายผมไม่สัมผัสให้สกปรกหรอก” ถ้อยคำเหยียดหยามถึงใจดังมาพร้อมฝ่ามือหนาที่กำลังลากไล้ร่างกายของทาสผู้จงรักภักดีผ่านบานกระจก เริ่มตั้งแต่ลาดไหล่เนียนสวยเรื่อยมาจนถึงหน้าท้องแบนราบและปิดท้ายด้วยยอดอกชูชัน

ส่งผลให้ความต้องการอันมากล้นค้นหาหนทางระเบิดตัวอย่างหื่นกระหาย และทุกครั้งที่ฝ่ามือคู่นั้นไล้ผ่านหน้าท้องแบนราบบนกระจกเงา ลมหายใจของบีมก็มักจะติดขัดอย่างทุกข์ทรมาน แต่ก็ยังไม่ทรมานเท่าการลากไล้บดขยี้ยอดอกผ่านเงาสะท้อน จินตนาการอันเปิดกว้างจึงยิ่งพุ่งสูง ฝ่ามือที่เคยแนบชิดจึงเริ่มบดคลึงผิวกายของตนเองด้วยจังหวะเบาหนักตามการชักนำของผู้เป็นดอมในกระจกเงา

“อึก..อา..” ร่างกายของบีมบิดเร้าอย่างเสียวซ่าน พร้อมเปล่งเสียงอย่างไม่นึกเกรงกลัวว่าใครจะได้ยิน เพราะถึงอย่างไรเพนท์เฮ้าส์ห้องนี้ก็เก็บเสียง ต่อให้น้ำหนักมือถ่ายทอดความรัญจวนจนแทบขาดใจ ก็คงไม่มีใครได้ยินนอกจากเจ้าของห้องหมายเลข 005 ที่กำลังยิ้มกริ่มให้กับคนในกระจกเงา แต่ทว่าช่วงล่างอันคับแน่นกลับแสดงออกถึงความต้องการไม่แพ้กัน 

“สมกับเป็นทาสจริงๆ ไร้ยางอายยังไงก็ยังไร้ยางอายอยู่อย่างนั้น” อีกฝ่ายเอื้อนเอ่ยพร้อมตบบานกระจกที่คาดว่าอาจจะเป็นกระจกนิรภัยจนเสียงดังสนั่น เร่งเร้าให้เจ้าของห้องเสื้อเกิดความตกใจ กระทั่งมองเห็นสายตาแกมสมเพช อารมณ์ก็ยิ่งพลุ่งพล่านอย่างไม่อาจทานทน

“นายท่าน.. อึก.. สัมผัสผม.. อา.. ได้โปรด..” บีมตัดสินใจร้องขออย่างหน้าไม่อาย พลางก้าวเดินเข้าไปหาอย่างอ้อนวอน แววตาเต็มไปด้วยหยดน้ำแวววาว ขณะที่ช่วงล่างชื้นแฉะเพราะต้องการปลดปล่อย ดังนั้นเขาจึงอยากสัมผัสความเจ็บปวดที่ปลุกระดมให้เกิดความสุขสม แต่ทว่าผู้ควบคุมกลับไม่ยินยอม เขาจึงลงมือทำร้ายตัวเอง แต่ก็ไม่อาจถึงฝั่งฝัน

“ถอยไป” เมื่อฝ่ายซับเริ่มไม่เชื่อฟังและยังสร้างความเจ็บปวดให้กับตัวเองอย่างคลุ้มคลั่ง ผู้เป็นนายจึงออกคำสั่งด้วยสุ้มเสียงทรงอำนาจ แม้ว่าฝ่ามือเรียวแทบอยากจะฟาดลงบนผิวเนื้อเนียนสวยจนคุมแทบไม่อยู่

“ได้โปรด.. อึก.. ช่วยผมด้วย.. อา.. ผม..” เจ้าของห้องเสื้ออ้อนวอนด้วยน้ำเสียงติดขัด เพราะเขากำลังจะอกแตกตายจากความต้องการอันมากล้นที่แม้แต่สัมผัสของตัวเองก็ไม่อาจทุเลา

“เลียเท้าผมเหมือนกับลูกหมาตัวหนึ่งสิ เผื่อผมจะหาทางออกให้นายได้..” ชายหนุ่มผู้มีสถานะเป็นต่อยื่นข้อเสนอพร้อมจ้องมองด้วยสายตาแพรวพราว ขณะที่ในใจกำลังอดกลั้นจนถึงขีดสุด เบื้องล่างจึงถูกทรมานไปพร้อมกับใครอีกคนอย่างไม่ต้องสงสัย

“เลียสิ..” เมื่อถูกเร่งเร้าความหวามไหวในอกก็ยิ่งปั่นป่วน บีมจึงไม่รอช้าแลบลิ้นไล้เลียอย่างหิวกระหาย ก่อนจะเงยหน้ามองผู้ออกคำสั่งเป็นระยะ เมื่อยังไร้ปฏิกิริยาอื่นใด เรียวลิ้นเล็กพลิ้วไหวจึงสัมผัสปลายเท้าอย่างเอาใจ เสี้ยววินาทีแววตาของชายหนุ่มผู้ถูกปรนเปรอจึงหรี่ปรือด้วยความสุขสม ริมฝีปากข่มกลั้นสุ้มเสียงแห่งความพึงพอใจอย่างยากลำบาก ส่งผลให้ความฉ่ำชื้นในร่างกายเริ่มก่อตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ

“หึ” เสียงลมหายใจสุดเย้ยหยันดังมาพร้อมกับปลายเท้าที่เคลื่อนห่าง จากนั้นผู้เป็นนายก็คว้ากระดาษทิชชู่บนตู้เก็บนาฬิกามาเช็ดคราบน้ำลายออกจนหมด และเดินออกไปยังด้านนอกโดยไม่บอกกล่าว

บีมจึงได้แต่มองตามด้วยใจคาดหวัง ราวกับอดทนรอไม่ไหวว่าอีกฝ่ายจะ ‘ช่วยเหลือ’ อย่างไร เพราะดูเหมือนซีนในวันนี้ ทาสผู้ซื่อสัตย์ค่อนข้างสกปรกโสมมจนแม้แต่จะนั่งบนโซฟาก็ไม่ได้ ขนาดจะสัมผัสก็ยังนึกรังเกียจ

“ยืนขึ้น! ผมจะได้ช่วยปลดปล่อยความหน้าไม่อายของนายให้สมใจ” ชายผู้มาพร้อมกุหลาบแดงดอกหนึ่ง กล่าวพลางใช้กุหลาบดอกนั้นไล้ไปตามสีข้างเพื่อบังคับให้หยัดยืนตามคำพูด แต่ทว่ามันกลับปลุกเร้าห้วงแห่งอารมณ์ให้พุ่งสูง ผีเสื้อนับพันจึงบินว่อนไปทั่วสรรพางค์กายคล้ายกับได้รับอิสระ ขนอ่อนทั่วตัวพลันลุกชันอย่างหวามไหวเมื่อกลีบกุหลาบสัมผัสไปตามเนื้อตัวจนแทบจะรอบทิศทาง

“อึก.. นา..นายท่าน” สุ้มเสียงแห่งความสุขสันต์เปล่งประกายตามการชักนำของกลีบกุหลาบ ไม่ว่าจะเคล้าคลอยอดอกชูชันหรือว่าส่วนไวสัมผัสอันคับแน่นก็ล้วนแต่ได้รับการตอบสนอง แววตาแห่งความสนุกสนานจึงส่องสว่างจนผู้ควบคุมกดยิ้มลึกอย่างพึงพอใจ ไม่ต่างกับช่วงล่างที่กำลังชื้นแฉะ

แต่แล้วผีเสื้อเหล่านั้นก็ถูกตีแตกจนร่วงหล่น

เมื่อก้านกุหลาบปะปนหนามแหลม ประทับลงบนผิวเนื้อเนียนนุ่ม

“อึก..อ๊า..” ร่างกายของบีมสั่นพร่าอย่างรัญจวนใจจนถึงขีดสุดเมื่อได้รับความเจ็บปวด และทวีความหวามไหวมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อกุหลาบดอกนั้นลากไล้ลงมายังส่วนอ่อนไหวที่กำลังทุกข์ทรมาน ความฉ่ำเยิ้มอันกระจ่างแจ้งนำพาให้ผู้เป็นนายรู้สึกพึงพอใจอย่างเหลือล้น จึงฟาดก้านกุหลาบพร้อมหนามแหลมคมลงบนความไร้ยางอายของผู้เป็นทาส ส่งผลให้อีกฝ่ายสั่นสะท้านราวกับจะขาดใจ ขณะเดียวกันผู้เป็นนายก็แทบอยากจะปลดปล่อย แต่ก็ยังต้องอดทนไว้

“ทาสแสนไร้ยางอายอย่างนาย ตื่นกลัวเป็นด้วยเหรอ” สุ้มเสียงดูถูกดังลอยลมมาพร้อมสัมผัสเจ็บแสบจากหนามกุหลาบติดปลายก้าน แต่ทว่าสมองของบีมกลับเริ่มขาวโพลน ร่างกายจึงชาวาบเพราะความต้องการที่ยังไม่อาจปลดปล่อย ดังนั้นต่อให้อีกฝ่ายใช้ปลายเท้าเตะเรียวขาในเชิงออกคำสั่งให้อวดโฉมบั้นท้ายอย่างเปิดเปลือยก็นำพาให้ความต้องการอันมากล้นเร่งให้ปฏิบัติตามอย่างลนลาน จากนั้นผู้ควบคุมก็ดึงรั้งปราการชิ้นสุดท้ายกองลงตรงข้อเท้าอย่างไม่ปรานี พร้อมฟาดกุหลาบดอกงามลงบนสะโพกกลมกลึงอย่างไม่ออมแรง จนทำให้กลีบสีแดงร่วงหล่นปะปนกับละอองเกสรสีเหลือง

“อ๊า” ชายหนุ่มเจ้าของห้องเสื้อแทบจะยืนไม่อยู่ ดีที่ฝ่ามือยังคงสัมผัสพื้นไม้ปาร์เก้อันเย็นเฉียบ พร้อมครวญครางอย่างสุขสมเมื่อความเจ็บปวดกำลังเร่งเร้าอารมณ์จนถึงขีดสุด ไม่นานความฉ่ำเยิ้มก็รินรดกลีบกุหลาบสีแดงเลือดนกจนเต็มไปด้วยสีขาวบริสุทธิ์ราวกับหิมะแรกในฤดูหนาว ขณะเดียวกันปลายหางตาก็มองเห็นความสุขสมของอีกฝ่ายอวดโฉมอยู่บนกางเกงสแลคสีดำ

“ผมขอดูหน่อยครับ ไม่รู้เมื่อครู่เผลอทำคุณเป็นแผลหรือเปล่า” หลังจากจบซีนอย่างเป็นทางการก็เริ่มเข้าสู่ช่วงเวลาของการ ‘อาฟเตอร์แคร์’  มาดดุดันของอีกฝ่ายจึงหดหายไป หลงเหลือเพียงความห่วงใยผสมปนเปกับความรู้สึกผิด เพราะเจ้าตัวคงทราบดีว่าการหยามเหยียดผู้อื่นไม่ใช่เรื่องที่ควรกระทำ

“แค่แสบ ๆ นิดหน่อย ผมโอเคคุณไม่ต้องกังวล” บีมกล่าวพลางยืนให้อีกฝ่ายสำรวจทุกซอกทุกมุมอย่างละเอียด จากนั้นจึงส่งยิ้มให้คุณนัทสบายใจ

“ไปอาบน้ำเถอะครับ เดี๋ยวผมชงชาร้อน ๆ เตรียมไว้ให้” เจ้าของห้อง 005 แย้มยิ้มเพียงเล็กน้อย แต่ก็รับรู้ได้ว่ากำลังโล่งใจมากแค่ไหน พร้อมประคองร่างเพรียวบางของพาร์ทเนอร์ไปยังห้องอาบน้ำ แล้วจึงผละไปเตรียมชาร้อนตามความตั้งใจ บีมเลยได้แต่มองตามแผ่นหลังของคุณนัทด้วยรอยยิ้ม

พร้อมบอกกับตัวเองในใจว่า..

‘เมื่อครู่’ ก็ไม่แย่นะ..

ใช่ที่ไหนเล่า!

มันดีมากเลยต่างหากล่ะ!



--------------------------✁


[1] อาฟเตอร์แคร์ (After care) คือ ช่วงเวลาในการปรับตัวเองกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง และยังเป็นช่วงสำรวจความเสียหายของร่างกาย โดยรูปแบบการอาฟเตอร์แคร์ของแต่ละคนจะแตกต่างกัน เช่น ทานอาหารร่วมกัน กอดกัน หรือนั่งคุยกันก็ได้



บทความที่เกี่ยวข้อง

- Wine 101: จิบไวน์อย่างไรให้มีสไตล์? 3 วิธีง่ายๆ ที่ให้คุณดื่มไวน์ด้วยมาดกูรู http://foodiesjournie.com/wine-101/


มาต่อแล้วจ้า ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับ bdsm ไว้เราจะมาลงอีกทีนะคะ จริงๆ เราอ่านมาจากหลายแหล่งจนไม่รู้จะอ้างอิงจะแหล่งไหนบ้าง 555  อีกอย่างเราไม่ได้ลงลึกมากในช่วงต้นๆ เรื่อง แต่สิ่งสำคัญของการเพลย์คือความยินยอม สติ และความปลอดภัยค่ะ และทุกครั้งที่มีการเพลย์จะต้องมีการอาฟเตอร์แคร์เสมอ มันคือใจความสำคัญเลยค่ะ เราเคยอ่านเจอว่าช่วงเวลาแห่งการอาฟเตอร์ ทำให้เกิดความหวั่นไหวทางความรู้สึกได้เหมือนกัน จะเห็นได้ว่า BDSM คือรสนิยมอย่างหนึ่งของคนกลุ่มหนึ่ง อารมณ์เหมือนเราชอบกินเปรี้ยวประมาณนั้น แต่ในไทยรู้สึกว่านิยายแนว BDSM ส่วนใหญ่จะถูกนำเสนอด้วยความรุนแรงอย่างเช่น การมีเพศสัมพันธ์แบบเลือดสาด หรือการข่มขืน ความจริงมันคือการสร้างความเข้าใจที่ผิด

และที่เราหาข้อมูลมาการมีรสนิยมแบบ BDSM ไม่จำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์เสมอไปค่ะ และไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องเซ็กส์เสมอไป แค่มีการสั่งให้ซับทำตามคำสั่งก็ถือว่าเป็นการเพลย์อย่างหนึ่ง รวมถึงอุปกรณ์ไม่จำเป็นต้องมีมากมายก็ได้

ปล. ถ้าหากข้อมูลส่วนไหนมีใครเห็นแย้งบอกได้นะคะ เราเองก็มือใหม่เพิ่งไปศึกษาก่อนเขียนเหมือนกัน 555 ใครอ่านฉากเลิฟซีนแล้วช่วยบอกเราหน่อยนะคะว่ามันออกมาโอเคมั้ย เพราะส่วนใหญ่เราจะเขียนเลิฟซีนที่มีความรักเป็นส่วนสำคัญ อีกอย่างคือเราชอบการบรรยายแบบไม่ละเอียดมาก แต่เรื่องนี้เสน่ห์มันอยู่ที่ส่วนนี้เราเลยต้องปรับการเขียนให้ละเอียดกว่าเดิม แต่ก็พยายามจะใช้ภาษาที่ออกไปทางอีโรติกค่ะ


ตัวอย่างผ้าลูกไม้แบบโครเชต์
https://imgur.com/idwHDtI
https://imgur.com/Dvq0PcR
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2020 10:40:36 โดย Chomin »

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
อ่านเรื่องนี้จบ ฉันจะเป็นดีไซเนอร์และนักชิมไวน์ไปพร้อมๆกัน  :laugh:

ออฟไลน์ Chomin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +146/-1
ตอน 3

หลังจากวันนั้นบีมไม่เคยคาดคิดว่าตนเองจะหน้าไม่อายจนถึงขั้นจินตนาการเป็นตุเป็นตะว่าถ้าหากเจ้าของห้องหมายเลข 005 ใช้มือสัมผัสพร้อมฝากร่องรอยไว้บนผิวกายจะสุขสมมากแค่ไหน โชคดีที่นางเอกชื่อดังของเมืองไทยเดินส่งยิ้มมาแต่ไกล บีมที่กำลังนั่งรออยู่ตรงห้องรับรองของกองถ่ายจึงทักทายด้วยรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ แต่อีกฝ่ายกลับพุ่งเข้ามากอดอย่างแนบแน่น

“พี่มีนเดี๋ยวก็เป็นข่าวหรอก” เจ้าของห้องเสื้อรีบตักเตือนซ้ำยังผละกายออกห่างอย่างรวดเร็ว แต่ดูเหมือนว่าสาวเจ้าจะไม่ให้ความสนใจ

“เป็นข่าวกับน้องรักหน้าตาหล่อเหลาดีซะอีก” หญิงสาวเอ่ยอย่างไม่ยี่หระซ้ำยังยืนกอดอกหน้าระรื่น

“แต่ผมสิเดือดร้อน” เจ้าของห้องเสื้อยังคงบ่นต่อไป ขณะที่ฝ่ามือกำลังหยิบอุปกรณ์สำหรับการวัดตัวออกมาใช้

“อ้อ” นางเอกหน้าสวยแสร้งตอบรับด้วยสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แต่ก็เลิกถึงเนื้อถึงตัว เพราะเธอเข้าใจดีว่ารสนิยมของน้องชายผู้นี้ค่อนข้างเฉพาะตัว และยังไม่นิยมหาพาร์ทเนอร์ที่มีเจ้าของแล้ว

หากถามว่าทำไมพี่มีนถึงรู้ลึกรู้จริงขนาดนั้น คงเป็นเพราะความสนิทสนมสมัยเรียนเอกดีไซน์เมื่อนานมาแล้ว ตอนนั้นจำได้ว่าพี่มีนเพิ่งเริ่มเข้าสู่วงการบันเทิง จึงทำให้ไม่ค่อยมีเวลาเข้าเรียน จากที่ต้องจบตามหลักสูตรก็ทำให้ไม่เป็นไปตามนั้น เธอเลยต้องคอยสอบถามจากเพื่อนต่างวัยอยู่บ่อย ๆ ส่วนบีมลงเรียนควบสองคณะ เพราะพ่อกับแม่อยากให้เรียนบัญชีหรือไม่ก็การปกครองท้องถิ่นเพื่อมารับราชการมากกว่า แต่บีมอยากเรียนเอกดีไซน์ก็เลยต้องกระเสือกกระสนอย่างยากลำบาก โดยการเลือกเรียนบัญชีในหลักสูตรภาคพิเศษสำหรับคนทำงาน และคนที่คอยป้อนงานให้ห้องเสื้ออิสระในช่วงตั้งตัวก็คือนางเอกชื่อดังคนนี้

“ช่วงนี้อ้วนขึ้นแหละ” หญิงสาวเปรยขึ้นพร้อมยืนตัวตรง เมื่อเจ้าของห้องเสื้อเริ่มเอาสายวัดมาทาบตัว

“ก็พี่มีนกินแต่ชานมไข่มุก เดี๋ยวพอจะเปิดกล้องเรื่องใหม่ ต้องถูกสั่งลดน้ำหนักแน่” บีมเอ่ยแกมขู่จากนั้นจึงก้มลงไปจดตัวเลขในกระดาษ

“ไม่ต้องมาขู่ให้ยาก เพราะเสื้อผ้ากองนี้ก็แทบจะปริแล้ว” สาวเจ้าโอดครวญพลางลูบท้องให้ดูเป็นขวัญตา เล่นเอาบีมส่ายหัวให้กับความไม่รักษามาดนางเอก

“แต่ที่จริงพี่มีนก็ไม่ได้อ้วนนะ เพราะที่ผ่านมาพี่ผอมเกินไปต่างหาก” บีมกล่าวอย่างจริงจัง เพราะกลัวอีกฝ่ายจะโหมกระหน่ำลดน้ำหนักจนล้มพับคากองถ่ายเหมือนคราวก่อน

“นี่ไง~ พี่เลยขุนด้วยชานมไข่มุก” หญิงสาวลากเสียงยาวพร้อมยืนกางแขนไม่มีบ่น จนธุระเสร็จสิ้นก็รีบจากลา เพราะอีกฝ่ายไม่มีเวลามากนัก ยังต้องเร่งถ่ายละครให้เสร็จภายในสิ้นเดือนนี้




กระทั่งแอปพลิเคชันไลน์ดังขึ้น ปลายนิ้วที่กำลังควงกุญแจรถพร้อมจังหวะการก้าวเดินไปยังลานจอดก็หยุดนิ่งลง โทรศัพท์เครื่องสวยเลยได้รับความสนใจอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันริมฝีปากเรียวก็แย้มยิ้มโดยอัตโนมัติ เมื่อเห็นว่าคนที่ส่งข้อความมาถามไถ่คือคุณนัท โดยมีใจความว่า

‘พอดีผมแวะไปหาที่ร้าน แต่พวกเขาบอกว่าคุณไม่อยู่ จะกลับเมื่อไหร่ครับ ผมซื้อแคนเบอร์รี่มัฟฟินไปฝาก’

ชายหนุ่มเจ้าของห้องเสื้อก้าวเดินต่อ พร้อมก้มหน้าพิมพ์ข้อความส่งกลับไปว่า ‘เร่งทำคะแนนเหรอครับ ?’ ซึ่งแน่นอนว่าคำถามดังกล่าวไม่ได้หมายความในเชิงชู้สาว แต่หมายถึงการตอบรับที่จะสานสัมพันธ์ฉันท์เจ้านายและทาสผู้ซื่อสัตย์ที่ยังคงไม่ได้มีการตอบรับอย่างเป็นทางการ เพราะเรื่องราวในวันนั้นเป็นเพียงการ ‘ทดสอบ’ ความพึงพอใจ

จากนั้นไม่นานคุณนัทก็ส่งข้อความกลับมาว่า ‘ประมาณนั้นครับ เพราะหาคนที่คลิกกันไม่ใช่เรื่องง่าย’

จังหวะการก้าวเดินของบีมจึงค่อย ๆ ช้าลง เมื่อฝ่ามือและความคิดกำลังทำงานสัมพันธ์กัน จนกระทั่งข้อความอันยาวเหยียดถูกส่งออกไปว่า ‘ถ้าหากภายในสิบนาทีหลังจากนี้ คุณทำให้ผมรู้สึกดีได้..’ จากนั้นข้อความถัดมาก็โผล่ขึ้นว่า ‘ผมจะตอบตกลง’ แต่พออ่านรวมกันค่อนข้างให้อารมณ์ไว้ตัวและสุดแสนจะเย่อหยิ่ง

ถึงกระนั้นอีกฝ่ายก็ไม่ยี่หระซ้ำ แถมยังส่งข้อความตอบกลับมาว่า ‘อวดดีจริงๆ’ อารมณ์แห่งความพึงพอใจจึงถูกปลุกขึ้นในส่วนลึก จากนั้นไม่นานไลน์คอลก็ดังตามมาอย่างรวดเร็ว

บ่งบอกได้ว่าสัญญาณแห่งการรอคอยกำลังมาถึง

‘ผมขอดูรูปหน่อย วันนี้นายแต่งตัวได้น่าดึงดูดมากแค่ไหน’ น้ำเสียงเรียบนิ่งดังมาตามสายด้วยความเนิบช้า แต่กระนั้นก็เริ่มปลุกสัญชาตญาณดิบให้เปิดเปลือย คำตอบจึงมีได้เพียง “ได้สิครับนายท่าน”




บีมก้าวเดินอย่างเร่งรีบไปที่รถ พร้อมปลดล็อคและค้นหาขาตั้งโทรศัพท์เพื่อที่จะถ่ายรูปให้อีกฝ่ายเชยชมอย่างลนลาน

‘ทำไมถึงชักช้า กล้าขัดคำสั่งผมเหรอ’ น้ำเสียงลุ่มลึกราวกับเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธยิ่งพาให้ฝ่ามือสั่นพร่า พร้อมระล่ำระลักตอบกลับไปว่า “ม..ไม่ใช่ครับ ผมกำลังหาขาตั้งกล้องอยู่”

‘เร็ว ๆ หน่อย คนอย่างนายไม่คู่ควรกับการรอคอยของผมสักนิด’ ถ้อยคำปรามาสยังคงดังมาตามสาย ขณะที่บีมเริ่มกางขาตั้งกล้องอย่างรวดเร็ว เมื่อในที่สุดก็หาเจอได้เสียที จากนั้นรอเพียงไม่นานภาพถ่ายเต็มตัวก็ถูกส่งไปยังแอปพลิเคชันไลน์ ขณะที่บีมกำลังแนบโทรศัพท์ไว้ข้างหู พร้อมเก็บขาตั้งกล้องใส่ท้ายรถและเดินเข้าไปนั่งประจำที่ด้านคนขับ

‘ลับหลังผมเลยกล้าใส่เสื้อลูกไม้สินะ’ นายท่านเค้นเสียงลอดไรฟันอย่างเคืองขุ่น เมื่อเห็นบีมสวมใส่เสื้อตัวโคร่งทำจากผ้าลูกไม้ประเภท GUIPURE LACE ที่มีความพิเศษตรงที่จะมองเห็นลวดลายดอกไม้อย่างเด่นชัด เพราะสร้างจากด้ายที่มีความหนาและแข็งแรง

‘หน้าไม่อายจริง ๆ ตั้งใจแต่งตัวแบบนี้ไปอวดใครล่ะ แค่มองครู่เดียวก็ทะลุไปถึงไหนต่อไหนแล้ว’ ทันทีที่ประโยคเมื่อครู่ดังขึ้น มวลอากาศในช่องท้องก็ตีรวนไปมาอย่างรุนแรง เพราะบีมกำลังรู้สึกว่าร่างกายถูกโลมเลียอย่างเปิดเผย

‘ถอดออกเลยสิ ถ้าอยากโชว์นัก ขับกลับห้องเสื้อของนายทั้งแบบนั้นแหละ’ สิ้นคำสั่งความรู้สึกพลุ่งพล่านก็มาเยือน สายตาจึงกวาดมองรอบกายอย่างระมัดระวัง แต่กระนั้นก็ไม่ต้องหวาดหวั่นจนเกินเหตุ เพราะรถติดฟิล์มดำค่อนข้างหนา หรือถ้าหากมีใครบังเอิญมาเห็นก็ช่วยไม่ได้

“ผม.. ไม่กล้า” ปากพูดออกไปอย่างนั้น แต่ฝ่ามือเริ่มกระทำตามคำสั่งของเจ้านายอย่างเชื่อฟัง ‘ดื้อด้านขนาดนี้ อยากให้ผมตามไปกระชากนายแล้วบังคับให้ถอดกลางลานจอดรถสินะ’ ชายหนุ่มปลายสายเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดพลางคิดหาวิธีจัดการทาสผู้ซื่อสัตย์ที่กำลังริอาจเกเร

‘วีดิโอคอล รับสายด้วยอย่าแม้แต่จะคิดดื้อด้านกับผม’ สิ้นคำพูดนั้นสายก็ตัดไปแล้วตามมาด้วยวีดิโอคอล แต่ทันทีที่กดตอบรับความเป็นจริงก็ปรากฏ

‘อวดดี! ผมคงต้องลงโทษด้วยการกัดหน้าอกคุณแรงๆ สินะ’ ชายหนุ่มในวีดิโอคอลกล่าวพร้อมยื่นหน้าเข้าหาโทรศัพท์ เสริมสร้างให้ภาพในจินตนาการของบีมเริ่มตื่นตัว

“อ๊ะ” ฉับพลันบีมรู้สึกเจ็บแปลบบริเวณหน้าอกข้างซ้าย ขณะที่ชายในวีดิโอคอลกลับทำสีหน้าสะใจที่ทำให้อีกฝ่ายทุกข์ทรมานจากบทลงโทษ

และมันก็เริ่มทำให้ทุกฝ่ายหลงลืมข้อตกลง ’10 นาที’

‘คิดจะใส่ไปอวดใครล่ะ’ จู่ๆ นายท่านก็เอ่ยถาม พร้อมใช้สายตาไม่สบอารมณ์มองกลับมา

“ผมมาทำงานที่กองถ่าย ไม่ได้คิดใส่ไปอวดใครเลยนะครับนายท่าน” บีมระล่ำระลั่กตอบอย่างร้อนรน ราวกับหวาดกลัวว่าจะถูกลงโทษ

‘ทาสอย่างนายเชื่อถือไม่ได้ ขนาดผมบอกว่าผ้าลูกไม้มันสูงส่งเกินกว่าจะเอามาใส่โดยไม่ได้รับอนุญาตก็ยังจะดื้อด้านใส่มา แรงกัดเมื่อครู่คงยังไม่แรงพอสินะ ถึงได้กล้าเถียงข้าง ๆ คู ๆ’ ชายหนุ่มผู้มีนัยน์ตาดุดันยื่นหน้าเข้ามาใกล้โทรศัพท์อีกครั้ง และครั้งนี้จินตนาการได้เลยว่าเขาจะต้องกัดจมเขี้ยวยิ่งกว่าคราวก่อน และยังเหมือนจะกัดย้ำซ้ำ ๆ จนบีมต้องครวญครางเสียงสั่น

“ผมขอโทษ อึก.. ยกโทษให้.. อ๊า.. ผมเถอะครับ” บีมทำสีหน้าเจ็บปวดขณะครวญครางอย่างหวิวไหว พร้อมจิกผิวกายของตัวเองเพื่อให้รับรู้ถึงความเจ็บปวดที่อีกฝ่ายส่งมาตามสัญญาณ 4G

‘ดีมาก’ สิ้นคำชมความเก้อเขินก็นำพาให้ช่วงล่างคับแน่น และยังบ่งบอกถึงซีนที่เล่นกันในวันนี้ว่า เขาเป็นเพียงทาสที่ได้รับความโปรดปรานและยังเต็มไปด้วยความหวงแหนประมาณหนึ่ง

‘ผมจะปลอบโยนด้วยการทำให้ยอดอกของนายไร้ความเจ็บปวด’ เมื่ออีกฝ่ายใช้น้ำเสียงนุ่มนวลบ่งบอกถึงความพึงพอใจ ร่างกายของบีมก็ยิ่งบิดเร้าอย่างทรมาน เพราะใบหน้าของคนในวีดิโอคอลกำลังยื่นเข้ามาใกล้ คล้ายกับจะทำสิ่งที่ว่านั่นจริง ฝ่ามือเรียวสวยจึงตอบสนองจินตนาการอันสูงส่งด้วยการเค้นคลึงจนเริ่มแข็งขืน

“อ๊ะ..อ๊า..น..นายท่าน” บีมครางกระเส่าด้วยความหวามไหว เมื่อสัมผัสโลมไล้ยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง

‘หวาน.. นายหวานจริง ๆ หวานจนผมอยากจะกัด อยากจะขย้ำให้ตัวช้ำ หึ ไม่อยากจะเชื่อคนไร้ยางอายอย่างนาย จะทำให้ผมเป็นบ้าเป็นหลังได้มากขนาดนี้’  สิ้นคำชมอันเต็มไปด้วยความหลงใหล ทำเอาความปั่นป่วนแล่นพล่านไปทั่วสรรพางค์กาย กางเกงรัดรูปสีดำจึงเปิดเผยความคับแน่นอย่างกระจ่างแจ้ง

‘แต่ผมต้องไปประชุมแล้วล่ะ’ จู่ ๆ ความวูบโหวงในช่องท้องก็หายไปพร้อมกับการตัดสาย

ถือเป็นการปิดซีนที่ชวนค้างคามากที่สุด

“คุณแกล้งผม!” บีมรีบต่อสายหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วพร้อมลั่นวาจาอย่างมีน้ำโห

‘ผมไม่ได้แกล้งคุณจริง ๆ ครับ มีประชุมแล้วเพราะเกิน 10 นาที แต่คุณก็รู้สึกดีใช่ไหมล่ะ’ ปลายสายโต้กลับจนทำให้บีมถึงกับจนคำพูด

“ครั้งหน้าคุณต้องแก้ตัว!” บีมโต้กลับราวกับออกคำสั่ง ซึ่งเขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เพราะเวลานี้ไม่ได้อยู่ในซีน แต่ใครจะไปคิดว่าปลายสายจะเอ่ยชมโต้ง ๆ ว่า ‘เวลาคุณเขินน่ารักดีนะ ไว้ผมคงต้องคิดซีนรูปแบบใหม่ซะแล้วล่ะ’ จากนั้นคุณนัทก็ตอบรับข้อเสนอของบีมก่อนจะวางสายไป

เดือดร้อนให้คนอารมณ์ค้างคาจำต้องช่วยเหลือตัวเองให้ตลอดรอดฝั่ง




เมื่อกลับมาถึงห้องเสื้ออิสระก็เห็นกล่องมัฟฟินวางอยู่บนโต๊ะในห้องทำงาน บีมเลยบอกให้พนักงานในความดูแลนำไปแบ่งกันกิน โดยเก็บไว้ให้ตัวเองชิ้นหนึ่งเอาไว้กินคู่กับกาแฟยามบ่าย จากนั้นการทำงานก็เริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะบีมเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่ามีเสื้อผ้าคอลเลกชันหนึ่งที่เหมาะกับตัวละคร ‘ปรายฟ้า’ จึงตัดสินใจส่งแบบเสื้อไปให้ฝ่ายคอสตูมประจำกองถ่ายเพิ่มเติม
แต่ทว่าการค้นหาเสื้อผ้าคอลเลกชันเก่า คล้ายกับเป็นการเปิดเปลือยความทรงจำในวันวาน ตั้งแต่สเก็ตช์ภาพ ทำแพทเทิร์น ถักผ้าลูกไม้ ไปจนถึงการตัดเย็บ และลองสวมใส่ จากนั้นก็ถึงเวลาที่จูเลียตจะเดินออกมาจากบทประพันธ์

กระทั่งแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันไลน์ดังขึ้น บีมจึงหลุดออกจากช่วงเวลาแห่งความเศร้าสร้อย พบว่าตนเองถูกเจ้าของห้องหมายเลข 005 เชิญชวนไปนั่งดริงก์ที่ห้อง จึงอดถามกลับไปไม่ได้ว่า ‘นี่คือการอาฟเตอร์แคร์อันล่าช้าเหรอครับ’ ฝ่ายชักชวนจึงตอบกลับมาอย่างรวดเร็วว่า ‘จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ’ บีมจึงไหวไหล่พร้อมตอบตกลงโดยไม่ต้องคิด เพราะอย่างน้อยการมีเพื่อนพูดคุยก็คงจะดีกว่าการกลับไปนอนมองเพดานห้องท่ามกลางความเงียบเชียบที่เกิดจากอดีตอันแสนเศร้า




หลังเลิกงานบีมเลือกซื้ออาหารฟาสต์ฟู้ดจำพวกแฮมเบอร์เกอร์ เพราะเขาไม่รู้สึกอยากอาหารและไม่อยากใช้ชีวิตอยู่นอกบ้านนานนัก จึงกลับไปนอนจ้องเพดานท่ามกลางความเงียบ ซึ่งบีมยังจดจำได้ดีว่าวินาทีแรกที่แม่เห็นเขาให้ความสนใจเกี่ยวกับงานดีไซเนอร์ แม่มักจะคอยเตือนให้กลับไปอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย ทั้ง ๆ ที่ในตอนนั้นยังไม่ถึงเวลาจะสอบเข้าเลยด้วยซ้ำ

แต่ด้วยความดื้อดึงจึงมักจะแอบสเก็ตช์ภาพ ทำแพทเทิร์น  หลังจากที่ทุกคนในบ้านหลับกันหมด ทำให้การตัดเย็บจำเป็นต้องใช้สุ้มเสียงให้เบาที่สุด ดังนั้นจึงไม่อาจใช้จักรเย็บผ้า เลยไม่ต้องเก็บหอมรอมริบ บีมจึงอาศัยการเรียนรู้ผ่านอินเตอร์เน็ตและการซื้อหนังสือสำหรับถักผ้าลูกไม้มาใช้ประโยชน์ จนท้ายที่สุดก็สรรสร้างจนมันกลายเป็นเสื้อผ้าตัวแรกในชีวิต และแน่นอนว่าเสื้อผ้าที่ออกแบบจะต้องเป็น ‘เดรส’ สำหรับผู้หญิง พอถูกจับได้พ่อกับแม่จึงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ อาจเพราะคลางแคลงใจว่าลูกชายจะมีความเบี่ยงทางเพศ ซึ่งบีมไม่อยากจะคิดเลยว่า ‘รสนิยม’ ในปัจจุบันจะทำให้พวกท่านอกแตกตายมากแค่ไหน

กระทั่งเลยเวลานัดหมายชายหนุ่มเจ้าของห้องหมายเลข 005 จึงส่งข้อความมาเตือน บีมเลยจำต้องลุกไปอาบน้ำแต่งตัว โดยเลือกใส่ผ้าลูกไม้ประเภท ‘EMBROIDERED LACE’ ที่มีความประณีตและซับซ้อนจากการปักลูกไม้และประดับลูกปัดเม็ดเล็กจิ๋วลงบนเนื้อผ้าทูล ขลับให้ผ้าลูกไม้ชนิดนี้ดูมีมิติมากยิ่งขึ้น ดังนั้นเสื้อยืดสุดแสนธรรมดาจึงกลับกลายเป็นเนื้อผ้าซีทรูพอให้ดูเซ็กซี่ผสมปนเปไปกับความน่ารักของลวดลายดอกไม้ แต่หากมองลึกลงไปก็จะเปิดเปลือยแผงอกขาวผ่องได้อย่างไม่อุจาดตา




ทันทีที่ก้าวเข้ามายังอาณาบริเวณของคุณนัท บีมก็ถูกเชื้อเชิญไปยังระเบียงด้านนอกอีกฟากฝั่งหนึ่ง ที่มีศาลาในร่มประดับผ้าม่านสีขาวบางเบาไว้รอบทิศทาง และยังมีบาร์ขนาดเล็กติดกับสระว่ายน้ำที่มีไฟระย้าส่องสะท้อนเหนือผิวน้ำ จนทำให้ดูเหมือนมีเพชรเม็ดงามซุกซ่อนอยู่ตรงก้นสระ ส่วนทางขวามือติดระเบียงจะเป็นโซฟาสีเทาเข้ากันดีกับบรรยากาศด้านนอกในยามค่ำคืน

“อย่าบอกนะว่าคุณจะเป็นบาร์เทนเดอร์ให้ผม” หลังจากเจ้าของห้องเดินเข้าไปยังบาร์ขนาดเล็กพร้อมนำอุปกรณ์จำเป็นสำหรับการผสมค็อกเทลมาวางบนโต๊ะกระเบื้อง เพราะเดิมทีบีมคิดว่าอีกฝ่ายแค่ชวนมานั่งดื่มเบียร์เย็น ๆ หรือไวน์สักขวด

“มีอะไรที่คุณยังทำไม่ได้บ้างครับเนี่ย” หลังจากได้รับคำตอบเป็นการแย้มยิ้มที่มุมปากแทบจะไม่ขยับ บีมก็อดจะสอบถามไม่ได้ เพราะคนคนนี้กำลังทำให้เขารู้สึกแปลกใจแทบทุกครั้งที่ได้พบเจอ

และแน่นอนว่ามันต้องสร้างความประทับใจมากขึ้นเรื่อย ๆ

“เป็นดีไซเนอร์แบบคุณไงครับที่ผมยังทำไม่ได้ แล้วก็ยังมีอีกเยอะเลย แต่ผมยังนึกไม่ออก ให้ตายเถอะ คุณกำลังทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเก่งกาจเพราะคำชื่นชม หากกู่ไม่กลับขึ้นมา ผมแย่เลยนะ” ชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดสีขาวไร้ลวดลายเข้าคู่กับกางเกงขาสั้นกล่าวติดตลก

“จริง ๆ ผมเพิ่งฝึกผสมสูตรคอสโมโพลิแทนจากทางอินเตอร์เน็ต” เจ้าของห้องหมายเลข 005 กล่าวด้วยท่าทีสบาย ๆ ไร้มาดนักธุรกิจมากขึ้นทุกที คล้ายกับช่วงเวลาแบบนี้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกผ่อนคลายจนสามารถดึงตัวเองออกจากความเคร่งเครียด

“คุณชื่อจริงว่าอิสระเหรอครับ ถึงได้ตั้งชื่อแบรนด์แบบนั้น” คุณนัทเอ่ยถามพลางเทเลมอนวอดก้า เหล้าส้ม น้ำแครนเบอร์รี่ น้ำมะนาว และน้ำเชื่อมลงในถ้วยตวงก่อนจะใส่แก้วเชค

“ชื่อจริงของผมคือธาวินครับ แต่ที่ตั้งชื่อห้องเสื้อว่าอิสระ เพราะมันคืออิสระแรกในชีวิตที่ผมไขว่คว้ามาได้” ทันทีที่บีมตอบคำถามอย่างไม่คิดปิดบัง ชายหนุ่มมาดบาร์เทนเดอร์ก็หยุดการเคลื่อนไหวอย่างไม่รู้ตัว อาจเพราะคำตอบเมื่อครู่ให้ความรู้สึกหดหู่อย่างบอกไม่ถูก

“ฟังดูน่าเศร้าจังครับ แต่ถึงยังไงตอนนี้คุณก็ไขว่คว้าอิสระมาได้แล้ว ผมเชื่อว่ามันคือการตัดสินใจที่ถูกต้อง” อีกฝ่ายกล่าวพร้อมรินเครื่องดื่มสีชมพูอ่อนใส่แก้วทรงสูง

“คุณล่ะครับทำไมถึงเลือกทำงานด้านบริหาร” บีมเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นมาบ้าง พร้อมจิบค็อกเทลรสชาติเปรี้ยวหวานที่ไม่หนักแอลกอฮอล์จนเกินไป

ดังนั้นต่อให้ยกจิบทั้งคืนก็ไม่มีทางเมาแน่นอน

“ธุรกิจของครอบครัวน่ะครับ แต่ผมชอบนะ มันดูเหมาะกับตัวผมดี” คุณนัทที่กำลังตั้งท่าผสมเครื่องดื่มชนิดใหม่ละมือจากอุปกรณ์ตรงหน้า พร้อมตั้งข้อศอกกับโต๊ะกระจกและวางปลายคางลงบนหลังมือ

“คงเพราะถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็กด้วยแหละครับ” เจ้าของบาร์ขนาดย่อมกล่าวสำทับและหันไปให้ความสนใจกับการผสมค็อกเทล ขณะที่ในใจของบีมกลับไม่เห็นด้วย เพราะเขาเองก็ได้รับการปลูกฝังเรื่องการรับราชการมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็แค่ฟังหูซ้ายทะลุหูขวา บวกกับสังคมแถวบ้านที่ค่อนข้างเทิดทูนการรับราชการว่ามีเกียรติและน่ายกย่อง แต่ก็ไม่ได้ซึมซับแต่อย่างใด

“สำหรับผมถ้าไม่ชอบก็คงทำได้ไม่ดี หรืออาจจะทำได้ไม่เต็มที่” บีมแสดงความคิดเห็นในมุมมองของตัวเองบ้าง

“ก็จริงครับ ว่าแต่คุณหายโมโหผมเรื่องเมื่อกลางวันหรือยังน่ะ” ชายหนุ่มเจ้าของห้องพยักหน้าอย่างเห็นด้วย จากนั้นจึงเอ่ยถามถึงต้นเหตุที่ทำให้เกิดการอาฟเตอร์แคร์ในครั้งนี้

“อันที่จริงผมก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกครับ.. คือมันก็ตื่นเต้นและรู้สึกเหมือนโดนเหยียดหยามแถมยังถูกทำให้อับอายในแบบที่ชอบ” เจ้าของห้องเสื้อกล่าวพลางจิบเครื่องดื่มสีหวานลงลำคอ เล่นเอาชายหนุ่มฝ่ายตรงข้ามเผลอมองตั้งแต่ลูกกระเดือกอันน่าหลงใหลที่ขยับขึ้นลง ไล่มาจนถึงเสื้อผ้าอันวับแวมที่ให้ความรู้สึกซาบซ่าน เพราะถ้าหากสายตาไม่พร่าเบลอจนเกินไป นัทคิดว่าตัวเองมองเห็นเกสรสีชมพูหวานท่ามกลางความขาวผ่องของลวดลายดอกไม้และผิวกายเนียนนุ่ม


--------------------------✁


[1] การทำแพทเทิร์น คือ การแกะแบบที่สเก็ตช์ไว้ให้พอดีกับขนาดและรูปร่างของผู้สวมใส่ เพื่อที่จะได้นำไปวางทาบบนเนื้อผ้าและตัดตามขนาดแบบ ก่อนจะนำชิ้นส่วนดังกล่าวมาตัดเย็บในขั้นตอนต่อไป


ส่วนตอนนี้เริ่มเข้าสู่ปมเรื่องบ้างแล้ว แต่เราขอแจ้งก่อนนะคะ เรื่องปมของบีมเราขอไม่ระบุจังหวัดจะดีกว่า เพราะมันคือสังคมจริง ๆ ที่เกิดขึ้นในไทยนี่แหละ แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะเป็นแบบนั้นหมด เพียงแต่ในสังคมของคนที่เราฟังมามันเป็นแบบนี้จริง ๆ จุดนี้คือเมนหลักที่ทำให้เราตัดสินใจเขียนเรื่องนี้ค่ะ


ตัวอย่างผ้าลูกไม้แบบ EMBROIDERED LACE
https://imgur.com/JL9wPpY
https://imgur.com/jrkQp54

ตัวอย่างผ้าลูกไม้แบบ GUIPURE LACE
https://imgur.com/J3EzRoE
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2020 10:57:35 โดย Chomin »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
รอติดตามจ้า

ออฟไลน์ theindiez

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
ตื่นเต้นทุกครั้งที่เค้าเจอกันเลยว่าจะมาในซีนไหนอีกนะ 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Chomin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +146/-1
ตอน 4

วันทั้งวันเจ้าของห้องเสื้อได้แต่ง่วนอยู่กับการจัดทำเสื้อผ้าคอลเลกชันใหม่ เพราะหลังจากที่เลือกแบบได้แล้ว ขั้นตอนต่อมาก็จะมีช่างทำแพทเทิร์นมาช่วยวิเคราะห์ ว่าแต่ละแบบจะต้องใช้ผ้ากี่ชิ้น และการตัดเย็บที่กำหนดไว้เหมาะสมหรือเปล่า จากนั้นก็จะเริ่มสร้าง ‘ตัวอย่างแรก’ เพื่อให้เห็นของจริงแบบคร่าวๆ ส่งผลให้กว่าบีมจะรู้ตัวว่าห้างใกล้ปิดก็ตอนที่คุณนัทแวะมาหาที่ร้าน

“วันนี้ผมยุ่งมากเลยครับ” บีมเปิดบทสนทนาโดยไม่ยอมละมือออกจากผ้าลูกไม้ประเภท ‘CHANTILLY LACE’ ที่มีความโดดเด่นของลวดลายดอกไม้ผสมผสานกับเนื้อผ้าตาข่ายโปร่งแสงได้อย่างลงตัว ซึ่งตามธีมคอลเลกชันที่ตกลงกันไว้จะมีผีเสื้อเป็นจุดเด่น ดังนั้นห้องเสื้ออิสระจึงทุ่มงบสั่งทำผ้าลูกไม้ลวดลายดังกล่าว

“พอจะทราบอยู่ครับ” คุณนัทตอบรับด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มอันน้อยนิด ฝ่ายผู้ฟังจึงต้องเงยหน้ามองด้วยความสงสัยว่าอีกฝ่ายทราบได้อย่างไร เพราะบางทีเขาอาจจะเพิ่งยุ่งขึ้นมาก็ได้

“เมื่อกลางวันผมมาหาคุณรอบหนึ่งแล้ว ว่าจะชวนไปกินข้าว แต่เห็นพนักงานบอกว่าคุณกำลังคุยเรื่องแบบอยู่ ผมเลยไม่อยากรบกวน” ชายหนุ่มในชุดสูทมาดนักธุรกิจเต็มยศทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามพร้อมอธิบายอย่างใจเย็น

“คุณก็เลยมาหาผมตอนนี้ เพราะคิดว่างานของผมเสร็จแล้ว ?” บีมย้อนถาม ซึ่งคำตอบที่ได้รับก็คือการพยักหน้า

“ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ คุณมาเสียเที่ยวอีกแล้ว” บีมกล่าวพลางหัวเราะเพียงเล็กน้อย ขณะง่วนอยู่กับการทำตัวอย่างแรกอย่างตั้งใจ

“คุณดูมีความสุขเวลาที่ได้อยู่กับผ้าลูกไม้นะครับ” หลังจากความเงียบปกคลุม คุณนัทก็เปรยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ขณะที่สายตากลับมองจ้องผ้าลูกไม้ด้วยความสนใจ

“เพราะมันคือจุดเริ่มต้นของอิสระไงครับ” บีมกล่าวพลางยกยิ้ม

“ผ้าลูกไม้ที่ผมใช้คือ CHANTILLY LACE มีต้นกำเนิดมาจากเมืองแชนทิลีที่อยู่ทางตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศส” บีมอธิบายให้อีกฝ่ายฟังอย่างตั้งใจ เพราะการที่มีใครสักคนให้ความสนใจกับความชอบของตัวเอง มันทำให้ความรู้สึกดี ๆ เกิดขึ้นไม่ยาก

“ส่วนแบบนี้ผมใช้ผ้าลูกไม้ประเภท EMBROIDERED LACE เหมือนกับตัวที่ผมใส่ไปที่ห้องของคุณเมื่อวาน เน้นที่ความประณีตและความซับซ้อน ทำให้เสื้อผ้าดูมีมิติมากขึ้น” บีมเดินไปหยิบผ้าลูกไม้ชนิดดังกล่าวออกจากชั้น แล้ววางลงบนโต๊ะทำงานคู่กับแบบชุดที่เลือกไว้

“แล้วก็แบบนี้ใช้กับผ้าลูกไม้ประเภท POINT D’ESPRIT เป็นผ้าลูกไม้ที่มีน้ำหนักเบา โดดเด่นที่วงกลมหรือวงรี เหมาะกับการดีไซน์สไตล์โบฮีเมียนหรือไม่ก็วินเทจชิคๆ” เมื่อได้พูดถึงสิ่งที่ชอบ บีมก็เป็นฝ่ายพูดไม่หยุดเหมือนกับตอนที่คุณนัทพูดถึงไวน์ไม่หยุดเช่นกัน

“ผมเพิ่งจะรู้ก็วันนี้ว่าผ้าลูกไม้มีหลายประเภท แต่ถึงยังไงผมก็แยกไม่ออกอยู่ดี” คุณนัทแสดงความคิดเห็นอย่างคนมีอารมณ์ขัน พร้อมสัมผัสเนื้อผ้าราวกับจะค้นหาความแตกต่าง

“ผ้าลูกไม้มีความสำคัญกับคุณมาก” คุณนัทเปรยเบา ๆ จากนั้นก็เงยหน้ามองคู่สนทนา ก่อนจะตามมาด้วยคำพูดปิดท้ายว่า

“มากจนผมรู้สึกผิดที่เอาไปใช้กับเรื่องแบบนั้น ยิ่งเห็นคุณสวมใส่มันแม้กระทั่งตอนใกล้จะเข้านอน ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าคุณรักมันมาก”

“อันที่จริงผมรู้สึกดีนะครับ เพราะคุณทำให้ผมรู้สึกว่าเสื้อผ้าทุกชุดที่ผมตัดมันมีค่ามาก หรืออย่างน้อยแค่ในสายตาของคุณก็ยังดี” บีมกล่าวด้วยแววตาสั่นไหว แต่ทว่ากลับหลบซ่อนภายในชั่วพริบตา

“ไม่ใช่แค่ผมหรอกครับ ต้องรวมถึงลูกค้าของคุณด้วยสิ” ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจกล่าวอย่างเอาใจ แต่มันกลับทำให้เจ้าของห้องเสื้อหลุดยิ้มออกมาได้ และยังทำให้หัวใจที่เคยเงียบเหงาเริ่มมีชีวิตชีวามากขึ้น

“ถ้าร้านปิดแล้ว เราเดินกลับเพนท์เฮ้าส์พร้อมกันดีไหมครับ” จู่ ๆ อีกฝ่ายก็พูดขึ้นท่ามกลางความเงียบและมันก็ปลุกสติของบีมที่กำลังหลุดลอยให้กลับคืนมา

“คุณจะอยู่รอผม ?” บีมเอ่ยถามเป็นการหยั่งเชิง

“ครับ เพราะผมเริ่มจะชอบดูคุณตัดเสื้อผ้าซะแล้ว” คำตอบของอีกฝ่ายเล่นเอาหัวใจสั่นไหวจนวูบโหวง แต่กระนั้นบีมก็ยังตีหน้านิ่ง เพราะการกระทำของคุณนัทคือการทำความคุ้นเคย เพื่อที่เวลาเข้าซีนจะได้เข้าคู่กันมากขึ้น ซึ่งมันคือเรื่องปกติที่ดอมมักจะทำตัวเหมือนคนรัก แต่อันที่จริงไม่ใช่

“แบบนี้ผมคงไม่มีสมาธิทำงานแน่” บีมกล่าวด้วยน้ำเสียงยั่วเย้าคล้ายกับต้องการปัดเป่าความรู้สึกบางอย่าง พร้อมปรายตามองไปยังตู้ไม้สไตล์วินเทจที่บรรจุ ‘Lace Trim’ ที่ใช้สำหรับตกแต่งแขนเสื้อหรือไม่ก็ชายเสื้อเพื่อส่งสัญญาณบางอย่าง

“เพราะนายกำลังคิดเรื่องลามกใช่หรือเปล่าล่ะ” น้ำเสียงของคุณนัทยังคงราบเรียบ แต่ทว่าฝ่ามือกลับลากไล้โต๊ะทำงานของดีไซเนอร์มือฉมัง พร้อมก้าวเดินราวกับจะเข้ามาหา เล่นเอาลมหายใจของบีมติดขัด

“นายคงอยากให้ผมใช้พวกมันมัดแทนเชือกสินะ” นายท่านกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน เมื่อเห็นฝ่ายซับเริ่มมีปฏิกิริยาผิดหวัง ที่เป้าหมายกลับกลายเป็นตู้เก็บเทปลูกไม้

“นายมันหน้าไม่อายสิ้นดี แม้แต่ในที่สาธารณะก็ยังคิดแต่เรื่องลามก” วาจาปรามาสปลุกเร้าความต้องการให้พุ่งสูง โดยไม่คำนึงถึงสถานที่หรือแม้แต่ระยะเวลา

“ในฐานะเจ้านายที่ดี ผมควรตอบสนองใช่หรือเปล่าล่ะ ?” ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจเมียงมองเทปลูกไม้ด้วยความสนใจ คล้ายกับครุ่นคิดว่าจะใช้ลวดลายแบบไหน ซึ่งผ้าลูกไม้ค่อนข้างเต็มไปด้วยความอ่อนช้อยของธรรมชาติ และผู้ควบคุมอาจจะรู้สึกว่ามันไม่คู่ควร การเลือกสรรจึงดำเนินไปอย่างเนิ่นนาน แต่ทว่ามันกลับทำให้ผู้เป็นเจ้าของห้องเสื้อรู้สึกลุ้นระทึก

“หากพนักงานของนายหรือว่าลูกค้าของนายมาเห็นเข้าจะรู้สึกยังไงนะ แต่ผมว่าพวกเขาคงจะสมเพชนายน่าดู” นายท่านกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบพร้อมนำเทปลูกไม้ม้วนหนึ่งคล้องลำคอผู้เป็นเจ้าของ และออกแรงดึงรั้งไปข้างหลังด้วยความนุ่มนวล ราวกับลอบสังเกตปฏิกิริยา จากนั้นจึงกระชับเทปลูกไม้ให้แน่นขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตของความปลอดภัย เพราะบีมไม่ได้รู้สึกหายใจไม่ออกแต่อย่างใด

“รีบเก็บของดีกว่าครับ ห้างใกล้จะปิดแล้ว” สุ้มเสียงกระซิบชิดริมหูดังขึ้นพร้อมกับเทปลูกไม้ถูกนำไปเก็บยังชั้นวาง

“คุณแกล้งผมนี่!” บีมกล่าวพลางชี้ไปยังชายหนุ่มผู้มีใบหน้าสุดเรียบนิ่ง ขณะที่ฝ่ามือก็ลูบตรงบริเวณลำคอที่ได้รับการเสียดสี แต่กระนั้นบีมก็ยังเข้าใจดีว่าอีกฝ่ายไม่ได้อยากกลั่นแกล้ง เพียงแต่ไม่อยากจะใช้เทปลูกไม้เนื้อหยาบในการรัดคอเสียมากกว่า

“ก็คุณแกล้งยั่วผมก่อนนี่ครับ” อีกฝ่ายไหวไหล่ซ้ำยังกดยิ้มลึกตรงมุมปาก 

“ผมขอดูหน่อยครับ เป็นแผลหรือเปล่า” แต่แล้วความใส่ใจของคุณนัทก็ยังคงดีเยี่ยม เพราะทันทีที่สังเกตเห็นว่าเจ้าของห้องเสื้อดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บ ผู้มาเยือนก็ไม่ลืมจะตรวจตรา

“ไม่น่าจะเป็นนะครับ เพราะผมแค่แสบ ๆ คัน ๆ นิดหน่อย” เจ้าของลำคอระหงกล่าวพร้อมลูบไล้ผิวเนื้อของตัวเอง จึงทำให้ปลายนิ้วเผลอสัมผัสกันโดยไม่ตั้งใจ

“แต่ผมว่าทายาไว้ก่อนดีกว่าครับ” ทั้งสองผละตัวออกจากกัน โดยที่ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจเป็นฝ่ายแสดงความคิดเห็น จากนั้นจึงช่วยเจ้าของห้องเสื้อจัดเก็บผ้าลูกไม้เข้าชั้นวางให้เรียบร้อย แล้วทั้งคู่ก็เดินออกจากร้านพร้อมกัน

เพราะหน้าที่ปิดสโตร์เป็นของน้องพนักงานขาย





ชายหนุ่มทั้งสองเดินเคียงข้างกันตั้งแต่ในลิฟต์ของห้างสรรพสินค้ามาจนถึงทางเชื่อมไปยังเพนท์เฮ้าส์สุดหรู จังหวะการก้าวเดินจึงไม่ได้เป็นไปอย่างรีบร้อน คล้ายกับต้องการให้บรรยากาศในเวลา 5 ทุ่มปัดเป่าความเหนื่อยล้าจากการทำงาน

“ต่อไปผมคงต้องมานั่งเล่นที่ร้านของคุณจะได้กลับบ้านในเวลาแบบนี้ซะแล้วล่ะ คุณดูสิ ได้เห็นดาวบนดินและดาวบนฟ้าพร้อมกัน ต่อให้ทำงานจนหัวปั่นแค่ไหนก็ยังรู้สึกปลอดโปร่งเหมือนกับได้รับการร่ายเวทมนตร์จากนางฟ้า” คุณนัทพูดขึ้นพร้อมส่งยิ้มมาให้คล้ายกับต้องการสอบถามความคิดเห็น

“แล้วแต่คุณสิครับ เราเป็นเพื่อนกันจะไปมาหาสู่กันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก” บีมเอ่ยตอบอย่างฉะฉาน พร้อมเพิ่มสถานะของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

“ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยครับ” คุณนัทกล่าวพร้อมวาดฝ่ามือและโค้งตัวอย่างสุภาพ เพียงแต่มันออกจะสุภาพเกินไปหน่อย บีมจึงดูออกได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายกำลังล้อเล่นอย่างสนิทสนม

“เพลย์ครั้งต่อไปถ้าหากผมอยากลองเบร็ธเพลย์  คุณจะรับไหวหรือเปล่าครับ ผมทำ CPR เป็นรับรองว่าถ้าหากเกิดเหตุฉุกเฉิน ผมสามารถปฐมพยาบาลให้คุณได้ แต่ถ้าหากคุณไม่มั่นใจในตัวผมก็ไม่เป็นไรนะครับ” เมื่อสถานการณ์เริ่มกลับเข้าสู่ช่วงเวลาปกติ ชายหนุ่มเจ้าของห้อง 005 จึงเอ่ยถามคล้ายกับวางแผนสำหรับซีนต่อไป

“ไหวครับ เพราะผมเชื่อใจคุณ” บีมตอบกลับอย่างชัดเจน เพราะตั้งแต่ที่ได้รู้จักกับคุณนัท ดูเหมือนเรื่องความปลอดภัยจะได้รับความใส่ใจมากเป็นพิเศษ
 
“เซฟเวิร์ดเราควรกำหนดเป็นอะไรดีครับ” คุณนัทเอ่ยถามอย่างให้ความสำคัญ เพราะแน่นอนว่าการเบร็ธเพลย์จะส่งผลกระทบต่อการพูด ดังนั้นอาจจะต้องกำหนดเป็นท่าทางที่เข้าใจง่าย

“จับแขนของคุณไว้ดีไหมครับ ?” บีมเดินขมวดคิ้วสักพักจึงแสดงความคิดเห็น เพราะการเบร็ธเพลย์ส่งผลให้ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะวางแขนแนบลำตัว แต่ถ้าหากใช้วิธีจับแขน คุณนัทก็จะทราบถึงแรงบีบที่ค่อย ๆ ลดลง

“โอเคเลยครับ แต่คุณคงต้องเป็นทาสแสนพยศจนถึงที่สุด ผมจะได้สังเกตอาการของคุณได้ง่ายขึ้น” นัทเพิ่มขอบเขตของความชัดเจนให้รัดกุม เพื่อที่เวลาเพลย์จะได้ไม่เกิดความคลาดเคลื่อน

“ไม่มีปัญหาครับ” บีมกล่าวพลางไหวไหล่

“แล้ววันนั้นคุณอยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ” ผู้เป็นเจ้าบ้านตอบรับด้วยรอยยิ้ม และยังคงเอ่ยถามขณะที่จังหวะก้าวเดินเริ่มช้าลง

“สเต๊กดีไหมครับจะได้ทานคู่กับไวน์แดง” บีมยื่นข้อเสนออย่างไม่มีความเกรงใจ อาจเพราะเริ่มสนิทกันแล้ว และอีกนัยหนึ่งก็เพื่อทดสอบอะไรบางอย่าง

“แต่การเพลย์แบบนี้ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์นะครับ ผมว่าน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้ดีกว่า ส่วนสเต๊กเอาเป็นพริกไทยดำแล้วกัน แต่คงต้องกินหลังจากเพลย์เสร็จ หรือไม่ก็เพลย์หลังจากทานมื้อเย็นสักชั่วโมง หากเกิดเหตุฉุกเฉินเศษอาหารจะได้ไม่ไปอุดหลอดลม” คุณนัทแสดงความคิดเห็นอย่างละเอียดรอบคอบ ซึ่งบีมก็รู้สึกพึงพอใจต่อผลลัพธ์ของการทดสอบเป็นอย่างมาก และมันก็สร้างความประทับใจที่มีต่ออีกฝ่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ

“วันนั้นคุณเอาแถบผ้าลูกไม้มาด้วยนะครับ แต่ผมขอรีเควชเนื้อผ้านิ่ม ๆ หน่อยจะได้ไม่ระคายผิว” เมื่อไม่อาจประวิงเวลาได้อีก ทั้งคู่จึงก้าวเข้ามายังลิฟต์ประจำเพนท์เฮ้าส์ แต่ชายหนุ่มผู้เป็นต้นคิดก็ไม่ลืมบอกกล่าวเรื่องสำคัญ

“คุณหมายถึงเทปลูกไม้ที่เราเล่นกันเมื่อสักครู่เหรอครับ” บีมเอ่ยถามคล้ายกับไม่แน่ใจ

“ใช่ครับ ขายหน้าคุณจัง เรียกผิดจนได้” อีกฝ่ายกล่าวพลางลูบท้ายทอยแก้เก้อ จนบีมอดคิดไม่ได้ว่าตั้งแต่รู้จักกันมา ผู้ชายคนนี้มีมุมที่น่าค้นหาเยอะดีจัง

“จริง ๆ จะเรียกว่าแถบผ้าลูกไม้ก็ไม่ผิดนะครับ” บีมกล่าวพลางตั้งท่าจะเดินออกจากลิฟต์เมื่อถึงชั้นของตัวเอง

“พรุ่งนี้กลับด้วยกันอีกนะครับ” ก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดลง คุณนัทเอ่ยรั้งด้วยคำพูดนั้นและจากไปพร้อมกับรอยยิ้มถึงนัยน์ตา บีมจึงได้แต่ยืนแน่นิ่งราวกับสติยังไม่กลับเข้าที่ ขณะที่หัวใจกำลังเต้นระรัวอย่างห้ามไม่อยู่



เมื่อเข้ามาในห้องสิ่งแรกที่บีมให้ความสนใจคือการเลือกเสื้อผ้าสำหรับเพลย์ในครั้งต่อไป พร้อมผิวปากอย่างอารมณ์ดี จากนั้นจึงไปอาบน้ำแล้วนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียง โดยมีรูปของคุณนัทที่เคยส่งมาให้เอาไว้ดูต่างหน้า จากนั้นความคิดก็เริ่มเตลิด

‘พรุ่งนี้เราเพลย์กันเลยดีไหมครับ ?’ บีมส่งข้อความไปหาอีกฝ่ายอย่างคาดหวัง เพราะไม่อยากรอคอยให้ขั้นตอนการสร้างตัวอย่างแรกผ่านพ้นไป

‘ได้ครับ’ ทันทีที่ได้รับคำตอบสมใจ ริมฝีปากของบีมก็เริ่มคลี่ยิ้ม

‘นอกจากเบร็ธเพลย์แล้ว คุณตีผมด้วยได้หรือเปล่าครับ’ บีมยังคงยื่นข้อเสนอที่ดูเหมือนเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างต่อเนื่อง

‘มือหรืออุปกรณ์ดีครับ’ สิ้นคำถามคุณนัทก็รีบตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว บีมจึงใช้เวลาครุ่นคิดครู่หนึ่ง เพราะต้องจินตนาการเทียบระหว่างฝ่ามือคู่นั้นกับอุปกรณ์ทื่อ ๆ ชิ้นหนึ่ง

‘จริง ๆ ผมโอเคทั้งสองอย่างนะครับ แต่เทียบกันแล้วผมอยากให้คุณใช้มือตีผมมากกว่า’ เมื่อตกลงกับตัวเองแล้ว บีมจึงรีบตอบกลับอย่างรวดเร็วฉะฉาน เพราะเขามีความปรารถนาต่อสัมผัสของอีกฝ่าย และยังอยากรับรู้ถึงความสุขสมจากฝ่ามือคู่นั้น

‘คุณจะนอนหรือยังครับ’ เมื่ออีกฝ่ายเอ่ยถาม บีมจึงเหลือบมองนาฬิกาพบว่าตอนนี้เที่ยงคืนกว่าแล้ว แต่บีมยังตาสว่างอยู่

‘ใกล้แล้วล่ะครับ’ สุดท้ายก็ต้องยอมบอกสิ่งที่ตรงกันข้าม ขณะที่อีกฝ่ายนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงส่งข้อความตอบกลับมาว่า ‘ฝันดีนะครับ’ แต่มันกลับทำให้เจ้าของห้องเสื้อยิ่งตาสว่าง และสุดท้ายก็ต้องตัดใจอวยพรกลับไป เพื่อปิดจบบทสนทนาในวันนี้ว่า.. ‘ฝันดีเหมือนกับครับ’

และแล้วผีเสื้อในช่องท้องก็สยายปีกอย่างรวดเร็ว บีมเลยได้แต่นอนดิ้นไปมาอย่างห้ามไม่อยู่ เพียงเพราะรอยยิ้มน่ามองก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิดลง




เช้าวันนี้บีมเลยพิถีพิถันกับตัวเองมากเป็นพิเศษ มื้อเช้าที่เคยกินอย่างมักง่ายก็ปรับเปลี่ยนเป็นปรุงสดด้วยตัวเองอย่างอารมณ์ดี กระทั่งอิ่มหนำจึงลุกไปแต่งตัว แต่พอจะหยิบเสื้อผ้าตัวที่เลือกไว้เมื่อคืนมาใส่ก็นึกลังเล

เพราะนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณนัทจะขอกลับด้วย ถ้าหากใส่ชุดนี้ทั้งวันก็อาจจะตัวเหม็น หรือถ้าหากคุณนัทไม่อยากให้เสียเวลาก็อาจจะชวนขึ้นห้องพร้อมกัน แน่นอนว่าพอถึงเวลา บีมจะต้องใส่ชุดคลุมอาบน้ำเวลาเข้าซีน

สุดท้ายบีมจึงเลือกเสื้อผ้าอีกชุดใส่ไปทำงาน จะได้กลับมาเปลี่ยนที่ห้อง โดยวางแผนเอาไว้ว่าจะเลิกงานสัก 2 ทุ่ม เพราะกว่าห้างจะเปิดก็ 11 โมงแล้ว แต่จู่ ๆ ความลังเลใจก็บังเกิด จึงเปลี่ยนใจหยิบเสื้อผ้าอีกชุดยัดใส่กระเป๋า ราวกับเตรียมพร้อมทุกสถานการณ์




“พอคุณไม่ได้ใส่เสื้อลูกไม้ ดูแปลกตาไปเลยนะครับ” เมื่อประตูลิฟต์สีเทาเปิดกว้าง เจ้าของห้องหมายเลข 005 จึงกล่าวทักทายคนคุ้นเคยที่สวมใส่เสื้อเชิ้ตสีดำตัวโคร่ง ประดับเข็มกลัดลวดลายกระต่ายตัวเล็กเข้าคู่กับกางเกงสแลคสีดำ

“แต่ก็ยังมีผ้าลูกไม้อยู่นะครับ” บีมกล่าวพร้อมยื่นขาออกไปข้างหน้า เพื่อให้อีกฝ่ายมองเห็นว่ารองเท้าผ้าใบสีดำคู่นี้ ถูกประดับด้วยผ้าลูกไม้บางเบา

“แบบนี้ค่อยสมกับเป็นคุณหน่อย ทำเองเหรอครับ” ชายหนุ่มฝั่งตรงข้ามเอ่ยถามพร้อมจ้องมองด้วยความสนใจ จึงสังเกตเห็นแบรนด์รองเท้าอันแท้จริง

“ครับ” บีมตอบกลับอย่างภาคภูมิใจ

“หากไม่เป็นการรบกวน ผมอยากให้คุณทำให้ผมสักคู่” อีกฝ่ายร้องขอ แต่ก็ยังเจือปนด้วยความเกรงใจ

“เอาไว้ตั้งโชว์เหรอครับ ?” บีมย้อนถาม เพราะอีกฝ่ายไม่น่าจะมีโอกาสใส่รองเท้าลำลองมากนัก

“ถ้าคุณยอมทำให้ รับรองว่ามันจะไม่ใช่แค่ของตั้งโชว์” ชายหนุ่มในมาดนักธุรกิจกล่าวอย่างมาดมั่น

“คุณชอบสะสมรองเท้าเหรอครับ ?” บีมเริ่มคาดเดาทันทีที่อีกฝ่ายพูดประโยคเมื่อสักครู่จบ

“ครับ” ชายหนุ่มตรงหน้ายิ้มรับ แต่ยังคงเป็นรอยยิ้มที่ต้องคอยสังเกต

“สองทุ่มวันนี้ คุณจะเปิดตู้สะสมรองเท้าให้ผมเลือก ?” บีมเอ่ยถามเป็นการลองเชิง เพราะคนรักรองเท้า มักจะหวงแหนจนถึงขนาดที่ตัวเองสะดุดล้มไม่ว่า แต่รองเท้าจะต้องไม่เลอะ

“ไม่มีปัญหาครับ” เจ้าของรองเท้าเอ่ยตอบพร้อมไหวไหล่ ซึ่งมันทำให้บีมรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกปฏิบัติราวกับข้อยกเว้น

หัวใจจึงสั่นระรัวด้วยความหวั่นไหว


--------------------------✁


[1] Breath Play (เบร็ธเพลย์) คือ การเพลย์แบบจำกัดลมหายใจเพื่อลดปริมาณออกซิเจนที่ไปเลี้ยงสมอง แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ บีบคอ (Choking) ปิดปากหรือจมูก (Smothering) ด้วยการใช้มือหรืออุปกรณ์ และการรัดคอ (Strangulation) ด้วยการใช้อุปกรณ์จำพวก เชือก เข็มขัด

26/11/2019 ขออนุญาตแก้ไขข้อมูลตรงส่วนของเซฟเวิร์ดนะคะ พอดีทางเพจ Thailand BDSM : Let's play and learn แนะนำมาว่าการชูกำปั้นไม่สามารถใช้ได้จริง เพราะตอนที่กำลังเพลย์จะไม่มีเรี่ยวแรงชูกำปั้นค่ะ ส่วนคนที่อ่านไปบ้างแล้วเดี๋ยวเราจะแก้ความเข้าใจผิดในตอนถัดไปอีกทีค่ะ

สำหรับตอนนี้จะเป็นช่วงพัฒนาความสัมพันธ์เป็นส่วนใหญ่ และมีการพูดถึงเบร็ธเพลย์เล็กน้อย เดี๋ยวตอนต่อไปเราจะเอาอ้างอิงมาแปะให้ค่ะ รายละเอียดจะเยอะกว่าที่เราเขียนถึง อีกอย่างคือการเพลย์ในรูปแบบนี้อันตรายมาก เพราะอาจทำให้เสียชีวิตได้ ถ้าหากทำไม่เป็นไม่ควรทำอย่างเด็ดขาด ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการมีรสนิยมแบบนี้จะต้องเรียนรู้ให้ชำนาญ ไม่ใช่ว่าชอบแบบนี้ก็จะทำได้เลยค่ะ ทั้งนี้รวมถึงการตีด้วย เพราะมันจะมีส่วนต้องห้ามอยู่เหมือนกัน
ปล. ขอแก้จากบรีธเพลย์เป็นเบร็ธเพลย์ตามที่นักอ่านท่านนึงแนะนำมานะคะ

ตัวอย่างผ้าลูกไม้แบบ CHANTILLY LACE
https://imgur.com/6c5jag3
https://imgur.com/fI1zBkF

ตัวอย่างผ้าลูกไม้แบบ POINT D’ESPRIT
https://imgur.com/PFo013F
 https://imgur.com/u2lakHU

ตัวอย่าง Lace Trim (ในเรื่องเราขอเรียกว่าเทปลูกไม้ตามที่เสิร์ชเจอพวกร้านขายของแบบนี้ใช้กันนะคะ น่าจะเข้าใจง่ายกว่า)
https://imgur.com/ntqv15W

ปล. EMBROIDERED LACE เคยอัพไว้ตอนที่ 3 นะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2020 11:17:36 โดย Chomin »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ Chomin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +146/-1
ตอน 5

เมื่อเวลาเลิกงานมาเยือน บีมนึกขอบคุณตัวเองที่มีความรอบคอบ ไม่อย่างนั้นอาจได้ใส่เสื้อคลุมอาบน้ำตอนกำลังเพลย์จริง ๆ หากถามว่าทำไมถึงให้ความสำคัญเกี่ยวกับการแต่งตัวมากนัก เพราะถึงอย่างไรก็ต้อง ‘ถอด’ ออกอยู่ดี คงเพราะบีมอยากให้คุณนัทเลือกใช้ผ้าลูกไม้ในเชิงเสียดสีเพื่อสร้างความอับอาย

“คุณ.. เลือกได้หรือยังครับ ?” ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวเข้าคู่กับกางเกงสแลคสีดำ เดินล้วงกระเป๋าเข้ามายังห้องเก็บรองเท้าที่อยู่ตรงปากประตูทางเข้าใกล้กับชั้นวางรองเท้า หลังจากทานมื้อเย็นที่ค่อนไปทางดึกมากจนเสร็จสิ้น และต่างฝ่ายต่างแยกย้ายไปอาบน้ำ แล้วมาเจอกันที่ห้องสะสมรองเท้าเพื่อคัดเลือกตามสัญญา และอีกนัยหนึ่งก็เพื่อหากิจกรรมทำฆ่าเวลาระหว่างที่รอเวลาให้อาหารเริ่มย่อย เพื่อที่จะได้ไม่กระทบต่อความปลอดภัยของการเบร็ธเพลย์

“คู่นี้ครับ” บีมถือวิสาสะหยิบรองเท้ากีฬาแบรนด์ดังออกมาจากตู้โชว์ที่มีอยู่รอบทิศทาง โดยแบ่งออกเป็นแบรนด์ต่าง ๆ อย่างมีระเบียบ คล้ายกับหยั่งเชิงว่าอีกฝ่ายมีแนวโน้มจะเปลี่ยนใจหรือไม่

“เชิญครับ” ชายหนุ่มเจ้าของรองเท้านอกจากจะไม่เปลี่ยนใจแล้ว ยังเดินไปหากล่องใส่รองเท้ารุ่นดังกล่าวให้อีกด้วย

“ไม่เสียดายเหรอครับ ?” บีมเดินตามอีกฝ่ายพร้อมถามย้ำเพื่อความแน่ใจ และเปิดโอกาสให้ผู้เป็นเจ้าของตัดสินใจอีกครั้ง

“ถ้าหากคุณอยากจะผิดคำพูด ผมก็ไม่ถือโทษโกรธคุณหรอก” บีมยังคงกล่าวต่อไป พร้อมนั่งยองกับพื้นในระดับเดียวกัน

“ผมพูดจริง ๆ คุณไม่กลัวผมทำรองเท้าเสียหายเหรอ ?” บีมขมวดคิ้วเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่ยิ้มขำ โดยที่ใบหน้าแทบไม่ขยับสักเซ็น แต่ที่บีมรู้เพราะได้ยินเสียง ‘หึ’ หลุดออกมาเบา ๆ

“ถ้าหากผมกลัว คุณคงไม่มีโอกาสแม้แต่จะเหยียบเข้ามาในห้องนี้แล้วล่ะครับ” อีกฝ่ายประกาศก้องอย่างชัดแจ้ง พร้อมยื้อแย่งรองเท้าผ้าใบสีขาวแบรนด์ดังใส่กล่อง และหาถุงกระดาษจากแบรนด์เดียวกันมาสวมทับอีกที เพื่อที่ผู้รับจะได้ถืออย่างสะดวกสบาย

“คุณไว้ใจผมง่ายเกินไปแล้ว” บีมเอ่ยเสียงค่อยพร้อมเดินตามเจ้าของห้องออกมายังห้องนั่งเล่นติดกระจกบานใหญ่ โดยมีรองเท้าแบรนด์ดังวางอยู่บนโต๊ะสีดำ ขณะที่ชายผู้เป็นเจ้าของห้องกลับทิ้งตัวลงนั่งไขว้ขาบนโซฟาสีขาวออกครีมพร้อมกอดอกด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง ดวงตาคมกริบคู่นั้นไม่แม้แต่จะหันมองผู้มาเยือน ราวกับเห็นเป็นอากาศธาตุ

แค่นั้นบีมก็รับรู้ได้แล้วว่า..

การเพลย์ในซีนต่อไปกำลังจะเกิดขึ้น




“นั่งลง!” เมื่อซับในความครอบครองยังเอาแต่ยืนนิ่งอย่างไม่รู้ความ ทั้ง ๆ ที่การแต่งตัวด้วยผ้าลูกไม้สีขาวสไตล์ซีทรูที่มองเห็นไปถึงไหนต่อไหน ล้วนบ่งบอกว่าอีกฝ่ายช่ำชองในเรื่องอย่างว่า ผู้เป็นดอมจึงอดใช้น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดไม่ได้ บีมจึงลนลานนั่งในท่าเบญจางคประดิษฐ์ตรงแทบเท้าอย่างรวดเร็ว

“นายมันมีดีแค่หน้าสวยและแต่งตัวยั่วยวน แต่อย่างอื่นไม่ได้เรื่องสักนิด” สายตาเหยียดหยามส่งมาพร้อมคำพูดเสียดสี เล่นเอาหัวใจของผู้ฟังสั่นระริกด้วยความตื่นเต้น เพราะจากคำพูดของอีกฝ่ายประเมินได้ว่าร่างกายนี้คงจะถูกสำรวจทุกซอกทุกมุมแล้ว บีมจึงอดคิดไม่ได้ว่าโชคดีเหลือเกินที่หยิบเสื้อผ้านอกสายตาตัวนี้ใส่กระเป๋า

“ถามหน่อยว่าผมควรเสียเวลาหิ้วคนที่ไม่ได้เรื่องกลับมาด้วยหรือเปล่า ?” จากคำพูดของนายท่าน ทำให้บีมเริ่มเข้าใจว่าซีนสำหรับวันนี้คือการพบเจอกันข้างนอกและจบลงด้วยความถูกใจจึงหิ้วกลับมา แต่ปรากฏว่าฝ่ายซับเอาแต่ยืนแข็งทื่อราวกับไม่ประสีประสา ผู้เป็นดอมจึงเริ่มไม่สบอารมณ์

“ผ..ผมขอโทษ” บีมกล่าวเสียงสั่นซ้ำยังตัวสั่นพร่าคล้ายกับตกใจท่าทีของอีกฝ่าย ทำให้ผู้ควบคุมเริ่มแสยะยิ้มด้วยความพึงพอใจ

“ขอโทษแล้วมันทดแทนเวลาที่ผมเสียไปได้หรือเปล่า” นายท่านเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงลอดไรฟัน ซ้ำยังลุกขึ้นมาบีบริมฝีปากของบีมจนสร้างความเจ็บปวด แต่กระนั้นปรอทแห่งความสุขกลับพุ่งสูง เพียงแต่การแสดงออกกลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“ผ..ผม..ผมขอโทษ..อึก..จะลงโทษ..ผมยังไงก็ได้..ผม..” ชายหนุ่มผู้มีน้ำตานองหน้าระล่ำระลักอย่างทุกข์ทรมาน ขณะที่แรงบีบไม่ได้ลดน้อยลง จึงทำให้กว่าจะพูดจบก็เสียเวลาไปมาก

“ดี!” เมื่อผู้เป็นนายได้รับคำตอบที่พึงพอใจก็รีบปลดปล่อยอีกฝ่ายออกจากพันธนาการ จากนั้นจึงเดินไปยังห้อง ๆ หนึ่ง บีมเลยมองตามด้วยหัวใจลุ้นระทึกว่าอีกฝ่ายจะลงโทษอย่างไร เพราะก่อนหน้านี้ตกลงกันว่าจะลองเบร็ธเพลย์ ซึ่งการเพลย์ในลักษณะนี้ก็มีอยู่หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการบีบคอ การปิดจมูกหรือปาก รวมถึงการรัดคอ

อีกทั้งยังมีเงื่อนไขว่านายท่านจะต้องใช้มือตีแรง ๆ เพื่อเพิ่มความสุขสม แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะมีอุปกรณ์บางอย่างที่อยากเล่น บีมจึงไม่รอช้าที่จะทำตัวให้เจ้านายพึงพอใจด้วยการปลดเปลื้องอาภรณ์เบื้องล่างอวดโฉมผิวเนื้อเนียนสวย เพราะซีนสำหรับวันนี้คือ ‘ซับผู้ไม่ประสีประสา’ ที่กำลังจะโดนลงโทษ

“คนไม่ได้เรื่องอย่างนายเริ่มเป็นงานแล้วนี่” ทันทีที่ผู้เป็นนายออกมาเห็น น้ำเสียงฟังดูอารมณ์ดีขึ้นมาก แต่ทว่าการลงโทษยังคงเป็นไปตามนั้น บีมจึงใช้สายตาจ้องมองแส้ม้าเรียวยาวหรือที่เรียกกันอย่างแพร่หลายว่า ‘crop’ และไวเบรเตอร์แบบนวดเฉพาะจุดในมือของอีกฝ่ายด้วยสายตาเป็นประกาย แต่ในทางกลับกันก็สามารถแสดงออกถึงความหวาดกลัวได้อย่างลงตัว

“กลัวหรือไง แต่เปลี่ยนใจตอนนี้คงไม่ทันแล้ว” ชายหนุ่มผู้มากประสบการณ์กล่าวเย้ยหยัน พร้อมโยนอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ยังไม่จำเป็นไว้บนโซฟา

“หวังว่าหลังจากที่ผมลงโทษนายแล้ว คงจะไม่ทำให้ผมอารมณ์เสียอีก” นายท่านกล่าวพลางรั้งตัวฝ่ายซับให้ลุกขึ้นยืน

“เอามือกอดคอตัวเองไว้” นายท่านยังคงสั่งการอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ความเย็นของแส้ม้ากำลังลากไล้ไปทั่วผิวกาย เสริมสร้างความหวามไหวในช่องอก

“นายแต่งตัวยั่วยวนตาแบบนี้..” ผู้เป็นนายกล่าวพลางใช้แส้ม้าสะบัดลงบนยอดอกด้วยความเบามือ จากนั้นก็ลากไล้ไปตามแผ่นหลังขณะเดินวนรอบตัวเพื่อเสริมสร้างความกดดันผสมปนเปกับความตื่นเต้น

“แล้วยังขึ้นไปเต้นรูดเสาอย่างร้อนแรงตรงหน้าผม” น้ำเสียงราบเรียบยังคงดำเนินต่อไป แต่ทว่าแววตาของผู้พูดกลับนึกสนุกและแสดงออกถึงความขุ่นเคืองอยู่ในที

“อา..อ๊า” บีมเปล่งเสียงครวญหวานอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อจู่ ๆ แส้ม้าอันเยียบเย็นก็สะบัดลงบนหน้าท้องที่แอบซ่อนภายใต้เสื้อซีทรูอันเปิดเปลือย ลากไล้ไปยังสีข้างทันทีที่เจ้านายเดินวนรอบลำตัวอย่างน่าหวาดหวั่น แต่กระนั้นนายท่านก็จงใจละเว้นบริเวณบั้นเอวด้านหลัง เพราะมันคือที่ตั้งของไตจึงเป็นส่วนต้องห้าม

“อะไรกัน ผมลงโทษแค่นี้ คุณก็เริ่มมีอารมณ์แล้วเหรอ ช่างกระตุ้นง่ายเสียจริง” ชายหนุ่มกล่าวเย้ยหยันซ้ำยังหัวเราะอย่างขบขัน เล่นเอาใบหน้าของบีมร้อนผ่าว เพียงแต่ไม่ได้เกิดจากความเอียงอาย เพราะมันเกิดจากความต้องการที่พุ่งสูง

“อึก..อ๊า..” เสียงครวญครางยังคงไม่จบสิ้น เมื่อเจ้านายใช้แส้ม้าสัมผัสบริเวณส่วนอ่อนไหวเพียงบางเบา ราวกับจะตอกย้ำความไม่ประสีประสาของผู้เป็นเจ้าของ

“อย่าเพิ่งรีบร้อนสิ ฟังความผิดของนายให้หมดก่อน” นายท่านกล่าวพร้อมเชยคางของผู้ถูกลงโทษก่อนจะกระซิบเสียงแผ่วอย่างใจเย็น

“ท่าทางน่าขย้ำแบบนั้น เล่นเอาผมจินตนาการถึงตอนที่ได้จัดการนายแรง ๆ จนต้องร้องขอให้ผมหยุด” สิ้นคำพูดดังกล่าวแส้ม้าก็ประทับลงบนสะโพกเนียนนุ่มจนเกิดเป็นรอยแดงจ้ำ ส่งผลให้ผู้ต้องโทษร้องครวญครางจนเสียงหลง

“อ๊า!..อึก..ผ..ผมเจ็บ” ริมฝีปากสั่นระริกกว่าจะเอ่ยจบประโยคก็เล่นเอาอุปกรณ์ทรมานฟาดซ้ำๆ ลงบนร่างกายจนเกิดร่องรอยตั้งแต่ช่วงอกเรื่อยไปจนถึงสะโพกกลมกลึง เพราะคำว่า ‘เจ็บ’ ก็ไม่ต่างกับการยั่วยุให้รู้สึกสนุกสนาน และมันก็ไม่ได้แปลว่าฝ่ายซับต้องการให้ ‘หยุด’ อย่างที่พยายามแสดงออก

“เจ็บสิจะได้จำว่าไม่ควรมายั่วยวนผมแล้วมายืนแข็งทื่ออยู่ในห้องแบบนี้!” นายท่านกล่าวด้วยน้ำเสียงลอดไรฟันคล้ายกับเริ่มโมโห แส้ม้าจึงถูกโยนทิ้งอย่างไม่ไยดี จากนั้นลำคอของบีมก็ถูกบีบจนเริ่มหายใจไม่ออก แต่กระนั้นก็ยังถือว่าไม่อันตราย เพราะคุณนัทไม่ได้ลงน้ำหนักมือบริเวณลูกกระเดือกอันเป็นส่วนต้องห้าม แต่กลับใช้นิ้วโป้งออกแรงบีบบริเวณข้างลำคอ แทนที่จะใช้นิ้วมือทั้งสี่กดลงไป เพราะการจำกัดอากาศไม่ควรทำพร้อมกันทั้งห้านิ้ว ดังนั้นก่อนจะเกิดการเพลย์แบบนี้ได้ บีมคาดเดาว่าคุณนัทคงจะทดลองบีบคอตัวเองเพื่อคาดคะเนความหนักเบามาก่อนแล้ว

“อึก..ผม..ขอโทษ” บีมยังคงเอ่ยขอโทษไม่หยุดยั้ง ราวกับเกิดมาเพื่อพูดคำดังกล่าว ขณะที่ฝ่ามือพยายามจะแกะพันธนาการอันแข็งแรงออก แต่ในทางกลับกันมันคือการกระทำที่เป็นส่วนหนึ่งของเซฟเวิร์ด พร้อมใช้ริมฝีปากกอบโกยอากาศบริสุทธิ์อย่างสุดความสามารถ ส่วนน้ำตาก็เริ่มไหลริน ทว่าเรี่ยวแรงการเอาชีวิตรอดกลับไม่ได้ลดน้อยลง และยังเป็นการกระตุ้นความสุขสมของผู้เป็นดอมได้อย่างดีเยี่ยม

“นายรู้ตัวหรือเปล่า เวลาที่นายร้องไห้อย่างทุกข์ทรมาน ใบหน้าของนายดูน่ามองกว่าเวลาปกติเสียอีก” นายท่านกล่าวด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม เพียงแต่มันเป็นรอยยิ้มที่ค่อนข้างน่ากลัว บีมจึงยิ่งรู้สึกมีอารมณ์ร่วมกับซีนดังกล่าว แต่กระนั้นในหัวก็เริ่มมึนงง

“แค่ก!” บีมเกิดอาการไอออกมาอย่างไม่อาจกลั้น ส่งผลให้เรี่ยวแรงเริ่มหมดไป ฝ่ามือที่เคยกำรอบเรียวแขนของนายท่านจึงค่อย ๆ ผ่อนลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก ขณะที่ช่วงล่างกำลังฉ่ำเยิ้มไม่ต่างกับผู้ควบคุม

“ไม่ไหวแต่ก็ยังอวดดี! ทำไมไม่ขอร้องอย่างน่าสมเพชเพื่อให้ผมยกโทษให้นายล่ะ!” ชายหนุ่มเจ้าของห้อง 005 กล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน จากนั้นจึงดันร่างเพรียวออกห่างอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะการไอถือเป็นสัญญาณเตือนอย่างหนึ่งว่าอีกฝ่ายเริ่มจะรับไม่ไหว และยังเป็นสัญญาณเตือนว่าการเพลย์เมื่อสักครู่เกิดความผิดพลาด เพราะการดีดดิ้นของอีกฝ่ายทำให้จุดปลอดภัยเกิดความคลาดเคลื่อน อีกทั้งแรงบีบที่เคยสม่ำเสมอกลับค่อย ๆ ลดน้อยลง นัทจึงรับรู้ได้ทันทีว่าการเบร็ธเพลย์ควรจะหยุดลงเพียงแค่นี้

“เวลาไปเที่ยวในสถานเริงรมย์แบบนั้น นายพกเทปลูกไม้ไปด้วยเหรอ คงอยากจะให้ใครสักคนมัดนายสินะ ช่างใจกล้าแบบท่าดีทีเหลวเสียจริง” ชายหนุ่มผู้ถือวิสาสะเทกระเป๋าผู้อื่นกล่าวด้วยน้ำเสียงขบขัน แต่ทว่าฝ่ามือกลับเอาแต่ให้ความสนใจเทปลูกไม้แบบโครเชต์เนื้อนิ่มที่ไม่ส่งผลให้เกิดความระคายผิว แต่กระนั้นสัมผัสก็คงไม่อาจเทียบเท่าเชือกที่ผ่านกระบวนการกำจัดความหยาบกระด้างมาอย่างโชกโชน

“ผมคงต้องสนองนายสักหน่อยจะได้รู้ว่าไม่ควรพกของแบบนี้ถ้ายังอ่อนหัด” ผู้เป็นนายกล่าวอย่างอารมณ์ดี จากนั้นจึงย่อตัวลงพร้อมเอาเทปลูกไม้ตีตรงข้างแก้มของผู้เป็นเจ้าของด้วยความหยอกเย้า

“ผม..ไม่ได้พกมันเพื่อจะทำแบบนั้นเลยนะครับ” บีมรีบลนลานทักท้วงอย่างสมบทบาท แต่ก็ยังต้องลุกยืนตามความต้องการของอีกฝ่าย พร้อมเหลือบมองอย่างระแวดระวัง เมื่อความนุ่มนวลของเทปลูกไม้ บรรจงไล้สัมผัสบริเวณผิวกายที่โผล่พ้นเนื้อผ้าซีทรูบางเบา ขนอ่อนจึงลุกชันจนทั่วร่าง

แต่แล้วฝ่ามือทั้งสองข้างก็ถูกพันผูกด้วยเทปลูกไม้ขนาดยาวหลายเมตร การแสดงออกของบีมจึงเต็มไปด้วยความร้อนรนราวกับหวาดกลัวเสียเต็มประดา

“แล้วนายเก็บมันไว้ทำไมล่ะ ?” นายท่านยังคงเอ่ยถามพร้อมรั้งเทปลูกไม้มายังด้านหน้าในลักษณะสามเหลี่ยมราวกับรูปทรงของอันเดอร์แวร์อย่างเชี่ยวชาญ บ่งบอกถึงการได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดี อาการชาเหน็บจึงไม่อาจก้าวก่าย

“เพราะผมเป็นดีไซเนอร์” บีมตอบกลับด้วยเหตุผลอันเข้าท่าพร้อมกับพยายามขยับหนีจากการวิถีอันตราย แต่กลับถูกฝ่ามืออุ่นร้อนฟาดลงบนสะโพกเนียนสวยจนอาจจะเป็นรอยมือทั้งห้านิ้วเลยก็ได้ ดังนั้นความสุขสมที่บีมได้รับจึงอยู่ในขั้นแสบ ๆ คัน ๆ แต่ถ้าเมื่อใดเจ้านายเกร็งอุ้งมือขึ้นมา ความเจ็บปวดก็จะทวีความรุนแรงมากกว่าเดิม ดังนั้นผลลัพธ์ที่ได้ก็ย่อมแตกต่างกัน แต่หากถามว่าบีมชอบแบบไหนก็คงจะชอบทั้งสองแบบ เวลานี้บีมจึงแสดงความหวาดกลัวอย่างเต็มที่ เจ้านายจะได้รับรู้ว่าบีมมีความสุขต่อการกระทำดังกล่าวมากแค่ไหน

“อยู่เฉย ๆ” เจ้านายยังคงสั่งการด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง โดยใช้เทปลูกไม้ผูกคล้องไวเบรเตอร์ด้วยความแน่นหนา และยังใช้ผ้าลูกไม้เส้นเดิมโอบรอบเอวเพื่อกักขังไม่ให้ฝ่ายซับหลีกหนีจากการปลุกเร้า

“ผมพูด..อ๊ะ..จริง ๆ..อึก..นะครับ..อื้อ..” บีมยังคงยืนยันเหตุผล แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะไม่ยอมรับฟัง เพราะเวลานี้กำลังจ้องมองผลงานของตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ จากนั้นก็ออกคำสั่งให้ไวเบรเตอร์ทำงานโดยไม่บอกกล่าว ผู้ถูกกระตุ้นจึงได้แต่ร้องครวญครางอย่างไม่อาจอดกลั้น เนื่องจากก่อนหน้านี้บีมแทบจะปลดปล่อยเพราะวาจาเสียดสีและการถูกตีเสียให้ได้

“เหตุผลของนายผมเชื่อ แต่ว่าตอนนี้.. มันไม่สำคัญอีกแล้ว ดูสิ เพราะความช่วยเหลือของผม นายกำลังเป็นงานมากขึ้นอีกแล้วนะ” นายท่านกล่าวอย่างถูกอกถูกใจที่ได้ทรมานร่างกายนี้ให้สาสม ขณะที่ช่วงล่างกำลังคับแน่น คล้ายกับอยากจะหลอมรวมเป็นหนึ่งอยู่รอมร่อ แต่ด้วยข้อตกลงจึงต้องทนข่มกลั้น

“อื้อ..อ๊า..อา..นายท่าน..อึก..ตี..ตีผมด้วย..อา..มือของคุณ..อ๊า” บีมครวญครางพลางบิดเร้าอย่างเสียวซ่านเมื่ออารมณ์ถูกปลุกเร้าจนสมองพร่าเบลอ แต่กระนั้นความรู้สึกก็ยังเหมือนขาดอะไรไป เพราะบีมยังมีจุดประสงค์แท้จริงอยู่ในใจ

“คนที่ต้องเชื่อฟัง คือนายไม่ใช่เหรอ ?” ผู้เป็นนายกล่าวพลางกลั้วหัวเราะพร้อมทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ขณะทอดสายตามองร่างกายเย้ายวนที่กำลังถูกกระตุ้นจนบิดเร้าอย่างหน้าไม่อาย

“อะ..อา..ตี..ตีผม..” บีมขยับเข้าไปใกล้ด้วยความยากลำบาก เพราะทุกย่างก้าวมักจะตามมาด้วยการเพิ่มระดับความสั่นไหว ช่วงล่างจึงเริ่มฉ่ำเยิ้ม แต่ทว่ากลับไม่อาจสุขสมตามความปรารถนา เพราะบีมยังคงอยากให้อีกฝ่ายใช้ฝ่ามือสั่งสอนสะโพกไม่รักดีให้เนิ่นนานมากกว่านี้

“เวลานี้นายดูเหมือนลูกหมาตัวเชื่อง ๆ เลยนะ” ผู้เป็นดอมกล่าวด้วยน้ำเสียงยั่วเย้าและมันก็ทำให้อารมณ์ของบีมพุ่งสูงยิ่งกว่าเดิม

“แต่อย่าเพิ่งปลดปล่อยเสียล่ะ” เจ้าของห้องหมายเลข 005 กำชับ พลางรั้งเอวของอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ และพลิกตัวกลับหลังหันเพื่อมอบอิสรภาพกลับคืน จากนั้นร่างเนียนนุ่มก็ถึงคราวต้องพาดผ่านบริเวณหน้าตัก

“ที่นายเต้นยั่วยวนผม เพราะนายอยากให้ผมสัมผัสแล้วจบลงด้วยการตีแรง ๆ สินะ ถึงได้ทำเป็นไม่ประสีประสา ที่แท้นายก็รู้รสนิยมของผมดี” นายท่านยังคงกล่าวอย่างนึกสนุก แต่ก็ยังต้องข่มกลั้นความอ่อนไหวที่กำลังจะปะทุในไม่ช้า ขณะที่ฝ่ามือจำต้องยกสะโพกกลมสวยให้อวดโฉมในท่วงท่าที่เหมาะสม บีมจึงอาศัยจังหวะนั้นบดเบียดไปยังส่วนอ่อนไหวของอีกฝ่าย ฝ่ามืออันซุกซนจึงบดคลึงผิวเนื้อกลมกลึงของคนอวดดีราวกับต้องการจะประกาศศักดาอันเหนือกว่า

“แผนสูง!” ทันทีที่เอ่ยคำปรามาส ฝ่ามือหนาก็สะบัดลงบนสะโพกกลมกลึงด้วยความจงใจ พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงบริเวณก้นกบเพราะเป็นส่วนอันตราย

“อา..น..นายท่าน..ผมผิดไปแล้ว..อึก..ไม่ได้ตั้งใจ..จะหลอกลวงคุณเลย” บีมเริ่มแก้ตัวแต่ยังคงโดนฟาดด้วยสัมผัสไล่ระดับความรุนแรงจนช่วงล่างฉ่ำเยิ้มมากกว่าที่เคย เพราะการตีก็ไม่ต่างกับการกระตุ้นความต้องการในส่วนลึกให้เปิดเผย

“ถึงขนาดนี้แล้ว นายยังกล้าบอกผมว่าไม่ได้ตั้งใจอีกเหรอ ?” สิ้นคำถามนั้น สะโพกกลมสวยก็ถูกฟาดจนขึ้นร่องรอยไม่ซ้ำกัน ส่งผลให้ส่วนนั้นแดงปลั่งจนเริ่มแสบร้อน แต่กลับทำให้บีมยิ่งเข้าใกล้ฝั่งฝันมากขึ้น เพราะความสุขกำลังล้นอกเกินกว่าที่คาดหวัง ขณะเดียวกันผู้เป็นดอมกลับเริ่มปลดปล่อยเพราะถูกร่างเนียนนุ่มบดเบียดแนบชิดอย่างต่อเนื่อง

“อ๊า..อา” กระทั่งความสุขสมมาเยือน ร่างของบีมก็ถูกรวบกอดแทบทั้งตัว บ่งบอกได้ว่าช่วงเวลาแห่งการอาฟเตอร์แคร์กำลังจะเริ่มขึ้น

“ผมทำคุณช้ำหมดเลย” หลังจากความเงียบสงบโอบล้อมอยู่เนิ่นนาน คุณนัทก็เป็นฝ่ายทำลายเป็นคนแรก

“แอบเปิดกระเป๋าคุณด้วย” ชายหนุ่มผู้เป็นสุภาพบุรุษกล่าวเสียงแผ่วพร้อมวางปลายคางลงบนลาดไหล่ของอีกฝ่าย

“แต่วันนี้ผมมีความสุขมากนะครับ ส่วนเรื่องกระเป๋าคุณไม่ต้องกังวลหรอก ผมพอจะเดาออกว่าคุณคิดจะทำอะไร อีกอย่างกระเป๋าผมก็ไม่ได้มีอะไรสำคัญ ถ้าหากผมไม่พอใจคงจะพูดออกไปแล้ว เพราะการเพลย์ระหว่างเราต้องอาศัยการเรียนรู้และมันก็ไม่ได้เกิดจากการบังคับนี่ครับ” บีมกล่าวพลางนั่งนิ่ง ๆ ให้อีกฝ่ายโอบกอด เพราะรู้ดีว่าคุณนัทเป็นคนที่ค่อนข้างถูกสอนมาอย่างดี เพียงแต่รสนิยมดันขัดกับสิ่งที่รับรู้มาตั้งแต่เด็ก เจ้าตัวเลยมักจะไม่สบายใจที่ตอนเพลย์มีความสุขกับการทำร้ายร่างกายของผู้อื่น

“เตียงของผมนุ่ม รับรองว่านอนสบาย วันนี้คุณค้างกับผมนะครับ ผมจะคอยดูแลคุณเอง” คุณนัทยื่นข้อเสนอและยังโอบกอดไม่ห่าง

“คุณมักจะเทคแคร์คู่ของคุณแบบนี้เสมอเหรอครับ ?” บีมอดจะเอ่ยถามไม่ได้ เพราะทุกสิ่งที่อีกฝ่ายกระทำ มันทั้งอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความเอาใจใส่ แน่นอนว่าบีมกำลังหวั่นไหว แต่อีกใจก็นึกหวาดกลัวว่ามันจะเป็นแค่การ ‘อาฟเตอร์แคร์’ ที่ไม่มีอะไรแอบแฝง

“ผมไม่เคยให้ใครเข้าห้องนอน และไม่เคยกอดปลอบใคร..” คุณนัทนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง คล้ายกับคิดทบทวนพฤติกรรมของตัวเอง ก่อนจะบอกกล่าวให้บีมเข้าใจอย่างถูกต้อง

“คุณกำลังทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นพาร์ทเนอร์ที่พิเศษกว่าคนอื่น” บีมกล่าวคล้ายกับต้องการไล่ต้อน

“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ เอาล่ะ ผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่คุณทำเลอะก่อน แล้วค่อยไปเตรียมนมอุ่น ๆ ให้คุณดื่มก่อนเข้านอน” คุณนัทดันตัวบีมออกห่าง ก่อนจะขอตัวไปจัดการกับตัวเองและเตรียมข้าวของจำเป็นสำหรับแขกผู้มาเยือน ส่วนบีมได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกหลากหลาย

“อ้อ ส่วนชุดนอน คุณใส่ของผมแล้วกันครับ เพราะถ้าหากคุณใส่เสื้อลูกไม้ตัวนั้น แทบไม่ต่างกับคุณไม่ได้ใส่อะไรเลย..” แต่แล้วคุณนัทก็หันหน้ากลับมาโดยไม่บอกกล่าว เล่นเอาบีมสะดุ้งด้วยความตกใจ ก่อนจะหน้าแดงก่ำเพราะคำพูดและสายตาที่มองมายังเสื้อลูกไม้แบบซีทรูที่บีมสวมใส่

หัวใจไม่รักดีจึงเริ่มเต้นตึกตักอย่างมีอารมณ์ร่วม


--------------------------✁

บทความที่เกี่ยวข้อง
- เบร็ธเพลย์
http://bit.ly/2OrAK64 / http://bit.ly/2pUGv2S
- การตี http://bit.ly/2XTA8t3
- บทความเกี่ยวกับ BDSM
http://bit.ly/2qP8y4g / http://bit.ly/2DxTnzn / https://bbc.in/34qrLrt

เราแก้ตอนนี้ประมาณ 4-5 รอบได้ ถ้าหากยังมีอะไรที่ผิดพลาดต้องขออภัยด้วยค่ะ และคงต้องขอรบกวนผู้รู้ที่เข้ามาอ่านนิยายเรื่องนี้ให้คำแนะนำเหมือนเดิมนะคะ ส่วนตอนหน้าจะเข้าสู่ช่วงคลายปมที่เปิดไว้ตั้งแต่บทนำแล้วค่ะ เราเห็นมีคนสงสัยว่านัทเอะใจเรื่องที่บีมแต่งหญิงบ้างมั้ย ยังไงรอติดตามกันได้เลยค่ะ

ปล. เราขอขอบคุณและขอโทษทางเพจ Thailand BDSM : Let's play and learn อีกครั้งนะคะที่เราให้เครดิตช้าไป เพราะตามความตั้งใจของเราคือเราต้องการเขียนฉากนั้น ๆ ให้จบทั้งหมดก่อน จากนั้นจึงลงข้อมูลอ้างอิง เพราะเราทราบดีว่านักอ่านส่วนใหญ่ของเรามักจะตามไปอ่านบทความที่เราแปะทิ้งไว้ให้ และการอ่านในนิยายแล้วไปอ่านจากบทความจะช่วยให้เข้าใจมากขึ้นค่ะ เราเลยแจ้งเอาไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ตอนที่แล้วว่าเราจะลงอ้างอิงอีกที แต่ทางเพจอาจจะไม่เห็นว่าเราได้เขียนข้อความทิ้งไว้ เลยทำให้เหมือนเราเอาข้อมูลมาใช้แล้วไม่ให้เครดิต ทั้งนี้เราเองก็ไม่สบายใจมากค่ะ เพราะเราก็ซีเรียสกับการให้ข้อมูลอ้างอิงมาก ๆ ดังนั้นนิยายของเราทุกเรื่องจึงมีการลงบทความอ้างอิงที่เราใช้เสมอ แม้แต่ในนิยายที่เราออกกับทางสำนักพิมพ์เราก็ไม่เคยละเลย และก็ขอขอบคุณสำหรับข้อมูลเชิงลึกมาก ๆ เลยค่ะ เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์มาก และเราก็เชื่อว่าคนอ่านที่ไม่เคยรู้เกี่ยวกับ BDSM ก็จะได้ทราบเรื่องราวในเชิงลึกตามที่เราพยายามจะถ่ายทอดออกมาค่ะ เราเลยจำเป็นต้องใส่ข้อมูลต่าง ๆ ลงไป แทนที่จะเลือกเขียนแต่ฉากเลิฟซีนแบบเพียว ๆ เนื่องจากตัวเราเองก็มีปณิธานว่าอยากจะเขียนนิยายที่ให้อะไรกับผู้อ่านที่มากกว่าความบันเทิงค่ะ :)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2020 11:47:56 โดย Chomin »

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
เป็นกำลังใจให้นะคะ ชอบนิยายที่มีอ้างอิงเสริมมาให้เสมอค่ะ ดูทำการบ้านเยอะมากก


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
สนุกมากค่ะ ทั้งๆที่เข้าไม่ถึงก็เถอะ 5555 ไม่อยากลองเองแต่อ่านก็สนุกไปอีกแบบ

ออฟไลน์ Chomin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +146/-1
ตอน 6

ห้องนอนของคุณนัทอยู่ถัดจากห้องแต่งตัวเพียงเปิดประตูสีน้ำตาลแบบเดียวกับตู้เสื้อผ้าออกไปก็จะเจอกับห้องนอนที่ไม่ค่อยมีอะไรมากนัก นอกจากมุมนั่งเล่นติดกระจกบานใหญ่ และเตียงนอนสีขาวสะอาดที่มีเสาสี่ด้านไว้รูดม่านปิดกั้นความเป็นส่วนตัว

“ดูสิ เมื่อวานผมบอกให้คุณทาแผลก็ไม่ยอมทา ตรงนี้เป็นรอยนะครับ” คุณนัทเริ่มดุพร้อมชี้ไปยังลำคอด้านซ้าย เมื่อบีมล้มตัวลงนอนเป็นตุ๊กตารอรับการเอาใจใส่ ขณะที่คนถูกดุกลับพูดไม่ออก เพราะลืมไปเสียสนิทว่าจะต้องทายา มิหนำซ้ำเวลาอาบน้ำยังไม่มีอาการปวดแสบบีมเลยไม่ได้ใส่ใจ

“คุณเจ็บมากหรือเปล่าครับ” หลังจากทายาแก้ฟกช้ำตามเนื้อตัวได้สักพัก คุณนัทก็เริ่มถามไถ่ด้วยสีหน้าไม่สู้ดี

“ถ้าหากผมบอกว่าไม่เจ็บ คุณคงจะรู้ว่าผมโกหก” บีมกล่าวติดตลกจนในที่สุดคนที่กำลังเป็นกังวลก็เริ่มผ่อนคลาย

“แน่นอนสิครับก็ผมเป็นคนตีคุณเองกับมือ” อีกฝ่ายตอบรับด้วยน้ำเสียงเบาสบาย ขณะที่ปลายนิ้วยังคงบรรจงทายาบริเวณสะโพกอันบวมช้ำ

“แต่ถึงมันจะเจ็บ ผมก็ยังอยากให้คุณตีผมอีก” บีมกล่าวพร้อมเอี้ยวตัวหันมองผู้เป็นเจ้าของห้อง

“แต่ผมขอไม่ตีคุณหนักขนาดนี้แล้วนะครับ” สิ้นคำร้องขอบีมจึงรีบพยักหน้าตอบด้วยรอยยิ้ม

“คุณชอบดูดาวเหรอครับ ?” บีมเป็นฝ่ายเปลี่ยนเรื่องพลางชี้ไปยังเพดานห้องที่มีบางสิ่งไม่เข้าพวก

“เปล่าหรอกครับ พอดีผมชอบนอนมองเวลาที่มันเรืองแสง” คุณนัทกล่าวพลางกลั้วหัวเราะซ้ำยังเกาท้ายทอยแก้เก้อ

“ถ้าไม่ชอบดูดาว คุณชอบทำอะไรเหรอครับ ?” บีมยังคงเอ่ยถามด้วยความสนใจจนหลงลืมความเจ็บปวดเมื่อปลายนิ้วของอีกฝ่ายสัมผัสกับผิวเนื้อ

“ดำน้ำดูฉลามวาฬครับ” สิ้นคำตอบอันน่าสนใจ ทำให้บีมเอี้ยวตัวกลับไปมองหน้าผู้พูด

“บุคลิกผมดูไม่เข้ากับเรื่องแบบนี้เหรอครับ” คุณนัทย้อนถามแล้วลุกออกจากเตียงเพื่อไปล้างมือ ก่อนจะหายหน้าไปสักพักคาดว่าคงจะถือโอกาสทำความสะอาดอุปกรณ์ที่นำออกมาใช้ เพราะบีมสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายมักจะใส่อุปกรณ์ลงในถุงซิปล็อกเป็นอย่างดี

“ไม่ใช่หรอกครับ ผมแค่กำลังคิดว่าคุณนัทมีไลฟ์สไตล์ที่น่าสนใจ แต่ทำไมถึงยังไม่มีแฟน” เมื่ออีกฝ่ายเดินกลับมาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงเดียวกัน บีมจึงเอ่ยถามด้วยความพลั้งปาก แต่ทันทีที่รู้ตัวก็ทำเป็นตีหน้านิ่ง

“คุณน่าจะรู้ดีนะครับว่ารสนิยมอย่างเรา ๆ ต่อให้มีแฟนมันก็ไม่อาจเติมเต็ม ผมเลยอยู่เป็นโสดดีกว่า” คำตอบของอีกฝ่ายไม่ได้เกินไปจากความคิดมากนักเพราะบีมเองก็คิดแบบเดียวกัน 

“แต่คนอย่างคุณน่าจะได้เจอซับที่ถูกใจตั้งมากมายไม่ใช่เหรอครับ” บีมยังคงย้อนถามราวกับต้องการจะเก็บข้อมูล

“ถูกใจการเพลย์หรือการมีเซ็กส์ก็ใช่ว่าจะถูกใจเรื่องของความรู้สึกไม่ใช่เหรอครับ ?” สิ้นคำตอบของคุณนัท บีมจึงตระหนักถึงความเป็นจริงดังกล่าว แล้วจู่ ๆ หัวใจก็รู้สึกแห้งเหี่ยว

“คุณล่ะครับ เคยหวั่นไหวกับดอมของตัวเองบ้างหรือเปล่า” คำถามอันตรงไปตรงมาของอีกฝ่าย เล่นเอาสมองของบีมรู้สึกพร่าเบลอ คล้ายกับถูกปืนกลยิงเข้าที่จุดสำคัญ

“ก่อนหน้านี้.. ไม่เคยนะครับ” ยิ่งพูดเสียงของบีมก็ยิ่งเบาลง

“เรามาลองศึกษากันดีไหมครับ” สิ้นข้อเสนอของอีกฝ่าย บีมไม่อาจโฟกัสไปที่ดาวเรืองแสงบนเพดานอีกต่อไป

เพราะบีมไม่อยากเชื่อหูหรือบางทีอาจจะคิดว่าฝันไป

“เวลาที่คุณอยู่นอกซีน ผมรู้สึกว่าคุณน่ารักในแบบที่ผมชอบ ถ้าหากเราเข้ากันได้ก็คงดี” คำพูดของคุณนัทกำลังเขย่าหัวใจของบีมอย่างรุนแรง และมันก็ทำให้คนมากประสบการณ์ต่อการเพลย์รู้สึกหน้าแดงซ่าน

“ตอนนี้เราอาจจะแค่พอใจกับรูปลักษณ์ภายนอกก็ได้นี่ครับ” บีมอดจะหาข้ออ้างขึ้นมาไม่ได้ เพราะระยะเวลาที่รู้จักกันถือว่าสั้นมาก

“ผมถึงบอกว่าเราน่าจะลองศึกษากันให้มากกว่านี้ไงครับ” คุณนัทกล่าวย้ำพร้อมมองตรงมายังคนหน้าแดงแน่นิ่ง ซึ่งความชัดเจนดังกล่าวอาจจะมาจากความต้องการส่วนตัวของอีกฝ่ายที่อยากให้บีมแยกแยะว่าสิ่งที่บรรจงทำให้ไม่ใช่แค่เพียง ‘การอาฟเตอร์แคร์’ ที่เป็นส่วนสำคัญของการเพลย์เท่านั้น แต่ยังมีความรู้สึกในส่วนลึกปะปนออกไปด้วย

“ครับ” บีมเอ่ยตอบพลางใช้มือข้างหนึ่งบิดปลายหมอน ขณะที่สายตากำลังจ้องมองอีกฝ่ายที่กำลังยกยิ้มจนดวงตาของบีมใกล้จะพร่าเบลอ เพราะมันเป็นรอยยิ้มที่กว้างขวางมากที่สุดและยังอบอุ่นมากที่สุด แต่ทั้งหมดนั่นยังไม่เท่าฝ่ามือที่เลื่อนเข้ามากอบกุมกัน ราวกับจะห้ามปรามไม่ให้ทำลายข้าวของ



กระทั่งกลางดึกอันเงียบสงัด หลังจากที่ทุกคนก้าวเข้าสู่ห้วงแห่งนิทรา ฝ่ามือที่เคยกอบกุมกันก็จำต้องแยกห่าง เมื่อหนึ่งในสองคนที่กำลังหลับใหลลุกออกจากเตียงราวกับมีจุดหมายอื่นใดอยู่ในใจ

“บีม..?” ชายหนุ่มเจ้าของห้องเอ่ยเรียกอีกฝ่ายด้วยความงัวเงีย เพราะถูกปลุกให้ตื่นด้วยแรงสะบัดอันมากล้น

“จะกลับห้องเหรอครับ ?” นัทเอ่ยถามพร้อมลุกออกจากเตียง แต่ดูเหมือนการสอบถามจะไม่ได้รับความสนใจ เพราะเจ้าของชื่อยังคงก้าวเดินออกไปยังนอกห้องนอน

“คุณ..” เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังงุ่นง่านอยู่ในห้องแต่งตัวเพราะอะไรบางอย่าง นัทจึงเดินเข้าไปเรียกพร้อมรั้งข้อมือเอาไว้

“เดรสลูกไม้” บีมกล่าวเสียงเรียบ

“ผมเอาไปซักให้แล้วครับ” นัทตอบพร้อมชี้ไปยังเสื้อลูกไม้แบบซีทรูที่ตากอยู่บริเวณระเบียงสำหรับซักล้างในห้องอาบน้ำที่เชื่อมกับห้องแต่งตัว

“ไม่ใช่” บีมส่ายหัวพลางแกะข้อมือของชายหนุ่มเจ้าของห้องอย่างรีบร้อน ก่อนจะเดินเร็ว ๆ ด้วยความลนลาน คล้ายกับหวาดกลัวว่าอะไรบางอย่างจะหายไป นัทจึงต้องรีบวิ่งออกจากห้องพร้อมคว้ากระเป๋าสะพายของอีกฝ่าย โดยที่แม้แต่คีย์การ์ดของตัวเองก็ลืมหยิบมา ซ้ำร้ายประตูห้องยังเป็นระบบล็อกอัตโนมัติ

พรุ่งนี้คงต้องเสียเวลาเคลียร์ปัญหาอีกพักใหญ่



“รอผมด้วยครับ” นัทรีบวิ่งลงบันไดพลางร้องประท้วงด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่กระนั้นก็ยังไม่หยุดไล่ตามร่างเพรียวแต่อย่างใด

จนกระทั่งสองขาวิ่งระรัวลงมายังชั้นสาม เสียงหอบก็ดังระงมอย่างเหน็ดเหนื่อย แต่ทว่าบีมกลับพยายามเปิดประตูอย่างบ้าคลั่ง นัทจึงเริ่มสังเกตด้วยความสงสัย เพราะถึงจะงัวเงียมากแค่ไหนอีกฝ่ายก็น่าจะมีสติมากพอจะรับรู้ว่า ทุกห้องในเพนท์เฮ้าส์แห่งนี้จะต้องใช้คีย์การ์ดในการปลดล็อก

นัทจึงเพ่งมองไปยังแววตาของเจ้าของห้อง 303 ด้วยความคลางแคลงใจ พบว่าแววตาคู่นั้นไม่ได้สุกใสเหมือนยามปกติ และยังให้ความรู้สึกเหมือนหลุมดำอันน่าพิศวงคล้ายกับคนกำลังเดินละเมอ

นัทจึงไม่คิดจะพูดอะไรอีกนอกจากหยิบคีย์การ์ดของอีกฝ่ายมาเปิดประตูห้อง จากนั้นทั้งคู่ก็เดินอยู่ท่ามกลางความมืด โดยมีจุดหมายอยู่ที่ห้องนอน

เมื่อเข้ามายังด้านในสิ่งแรกที่ชายหนุ่มผู้มีใบหน้างดงามคิดจะทำ คือการเปิดประตูตู้เสื้อผ้าพร้อมถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นจึงใช้ฝ่ามือละเสื้อผ้าที่กักเก็บไว้ข้างในครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบออกมาทาบลำตัว และเมื่อเหตุการณ์ดำเนินมาถึงขั้นนี้ คำถามที่นัทเคยค้างคาใจก็ถึงคราวต้องเปิดเผย



บีมปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากร่างจนหลงเหลือเพียงชั้นในตัวเดียว ขณะที่นัทได้แต่มองรูปร่างของอีกฝ่ายด้วยความหลงใหล ซึ่งเขายอมรับว่าต่อให้เห็นอีกกี่ครั้งก็ไม่อาจลดทอนความน่าชื่นชมไปได้

ชายหนุ่มผู้มาเยือนเริ่มรู้สึกหายใจติดขัด อาจเพราะท่าทางที่กำลังสวมใส่เดรสลูกไม้เข้ารูปที่ได้รับเกียรติจากดวงจันทร์กลมโตอาบไล้ผิวกายให้ขาวผ่อง ทำให้นัทมองเห็นทรวดทรงของร่างตรงหน้าอย่างชัดแจ้ง

ความเงียบสงัดทำให้หัวใจของชายหนุ่มเจ้าของห้อง 005 เต้นระรัวอย่างรุนแรง จึงเผลอก้าวเข้าไปประชิดตัวจูเลียตคนงาม จากนั้นสองมืออันสั่นไหวก็ถือวิสาสะผูกโบว์ที่อยู่ตรงบริเวณหน้าอกอย่างเชื่องช้า

กระทั่งเสร็จสิ้นจูเลียตคนงามจึงเดินไปยังโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมสวมวิกผมสีดำขลับ ก่อนจะหันกลับมาเอ่ยถามชายหนุ่มอีกคนว่า..

“สวยไหม ?”

“สำหรับผมคุณสวยที่สุดเลยครับ” นัทเอ่ยตอบเหมือนทุกครั้งที่อีกฝ่ายเคยสอบถาม เพียงแต่วันนี้จำต้องสรรหาคำพูดชื่นชมมากกว่าเดิม

“ถ้าหากคุณจะแต่งตัวสวย ๆ ออกไปข้างนอก ทีหลังคุณต้องรูดซิปให้เรียบร้อยด้วยนะครับ” ชายหนุ่มผู้มาเยือนกล่าวอย่างนุ่มนวลพร้อมรูดซิปอันยาวเหยียดให้อีกฝ่ายด้วยความเต็มใจ แม้จะรู้ดีว่าหากผ่านพ้นคืนนี้ไป เจ้าตัวอาจจะจดจำไม่ได้อีกเลย

“จะนอนแล้วเหรอครับ” ชายหนุ่มยังคงเอ่ยถามสาวสวยด้วยความเอ็นดู เพราะทันทีที่ได้รับคำชื่นชมและคำตักเตือน ริมฝีปากของเธอก็คลี่เป็นรอยยิ้ม จากนั้นดวงตาคู่สวยก็ปิดสนิทและตามมาด้วยลมหายใจที่กำลังสม่ำเสมอ

นัทจึงได้แต่ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงนอนหลังกว้างพร้อมลูบศีรษะของอีกฝ่ายด้วยความเอ็นดูระคนเศร้าใจ เพราะรับรู้ได้ว่าลึก ๆ แล้ว อาจมีบางอย่างที่กระทบกระเทือนจิตใจของดีไซเนอร์ผู้นี้ และมันอาจจะเกี่ยวกับรสนิยมบางอย่างที่เพิ่งจะถูกเปิดเผย

“จริง ๆ แล้วคุณอยากใส่ชุดสวย ๆ พวกนี้ใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มยังคงเอ่ยถามคนที่กำลังหลับใหล ขณะที่ริมฝีปากกลับวาดเป็นรอยยิ้ม แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่ก็รับรู้ได้ว่าตัวเองกำลังยิ้มเพราะคนตรงหน้ามากแค่ไหน

“อะไรทำให้คนกล้าหาญอย่างคุณ ไม่กล้าทำตามความต้องการของตัวเองล่ะครับ” ผู้มาเยือนทิ้งตัวลงนอนเคียงข้างจูเลียตคนงามพลางโอบกอดอย่างแผ่วเบา

“ถ้าหากผมช่วยให้คุณมีความกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง คุณจะเห็นด้วยหรือเปล่าครับ” นัทเอื้อนเอ่ยพร้อมปัดปอยผมของอีกฝ่ายเล่น

“แต่คุณรู้ไหม การเดินละเมอของคุณมันอันตรายมากเลยนะ” ทันทีที่ประโยคดังกล่าวหลุดออกจากความคิด แววตาของชายหนุ่มผู้แสนอ่อนโยนก็ทอประกายแห่งความห่วงใยจนปิดไม่มิด

“ที่ผ่านมาคุณเคยไปค้างที่อื่นบ้างหรือเปล่าครับ ตอนนั้นคุณรีบนั่งแท็กซี่กลับมาที่เพนท์เฮ้าส์ หรือว่าคุณพาพวกเขามาเพลย์ที่นี่ การนอนละเมอถึงได้ไม่เป็นปัญหากับคุณ” นัทยังคงเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะเขานึกไม่ออกเลยว่าที่ผ่านมาอีกฝ่ายดูแลตัวเองยังไง

“หรือการเดินละเมอของคุณ เพิ่งจะทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงที่เราเจอกัน แต่ก็โชคดีนะครับที่เราสองคนบังเอิญมารู้จักกัน” นัทกล่าวพร้อมยกยิ้มก่อนจะหลับตาเพื่อเตรียมเข้าสู่ห้วงแห่งนิทรา

เพราะวันรุ่งขึ้นยังมีเรื่องราวอีกมากมายรอคอยอยู่



แสงอ่อน ๆ ยามเช้ารบกวนการหลับใหลยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด บีมจึงลืมตาสำรวจรอบกายอย่างงุนงงแล้วก็ต้องตกใจมากกว่าเดิม เมื่อพบว่าคุณนัทกำลังนอนโอบกอดตนเองที่สวมใส่เดรสลูกไม้ราวกับหญิงสาวชาวฝรั่งเศสในยุคก่อน

“ทำไม..” บีมขยับปากคล้ายกับจะพูดแต่ก็พูดไม่ออก อาจเพราะยังจับต้นชนปลายไม่ถูกที่จู่ ๆ ก็ย้ายมานอนอยู่ในห้องของตัวเอง

“ผมคิดว่าคำตอบที่คุณสงสัย น่าจะเป็นเพราะการเดินละเมอนะครับ” คุณนัทเฉลยราวกับรู้ใจ แต่กระนั้นก็ยังไม่หยุดโอบกอดจูเลียตคนงาม

“ผมเคยได้ยินมาว่าคนที่เป็นโรคนี้ บางทีอาจกระทบต่อการใช้ชีวิตนะครับ อย่างบางรายถึงขั้นกระโดดออกทางหน้าต่างโดยไม่รู้ตัว” ชายหนุ่มผู้มาเยือนยังคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“แบบนี้คุณคงต้องมีผมคอยดูแลตอนเข้านอนแล้วล่ะครับ” นัทถือโอกาสรีบทำคะแนนทันที ขณะที่หัวใจของบีมกำลังสั่นรัวด้วยความหวั่นไหว

“ที่คุณเคยถามผมว่าเราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า..” บีมเปรยขึ้นด้วยน้ำเสียงสับสน

“ใช่ครับ คุณมักจะไปเคาะประตูห้องผมอาทิตย์ละครั้งสองครั้ง แล้วถามว่าชุดที่คุณใส่สวยหรือเปล่า” นัทตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ขณะที่อ้อมกอดยังคงไม่ห่างหาย

“ผมนึกว่าตัวเองแค่เดินละเมอในห้องเสียอีก” บีมกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ อาจเพราะเริ่มคุ้นชินกับการตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองกำลังสวมใส่เดรสลูกไม้ อีกทั้งประตูห้องยังเป็นแบบล็อกอัตโนมัติก็เลยไม่คิดว่าตนเองจะเดินละเมอออกไปได้ไกลขนาดนั้น

“คุณพอจะบอกเหตุผลที่ทำให้คุณเดินละเมอจนลุกขึ้นมาใส่เดรสสวย ๆ พวกนี้ได้หรือเปล่าครับ บางทีการเพลย์ของเราอาจจะช่วยเติมเต็มให้คุณได้” ชายหนุ่มเจ้าของห้อง 005 เอ่ยถามอย่างจริงจัง ขณะที่เจ้าของห้องเสื้อกลับเงียบสนิท

“ถ้าคุณไม่สะดวกจะเล่าให้ผมฟังก็ไม่เป็นไรนะครับ” นัทกล่าวพลางยกยิ้ม จากนั้นจึงใช้ปลายนิ้วโป้งไล้ข้างแก้มของอีกฝ่ายเพียงแผ่ว เพราะรับรู้ได้ว่าจูเลียตตรงหน้ากำลังเคร่งเครียด

“ผมรู้ตัวว่าอยากจะเป็นดีไซเนอร์ตั้งแต่ ม.3” เจ้าของห้องเสื้อกล่าวพร้อมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

“พ่อกับแม่ไม่สนับสนุนผม เพราะพวกท่านอยากให้ผมเรียนการปกครองท้องถิ่นจะได้เข้ารับราชการเหมือนพวกท่าน คุณอาจจะไม่รู้ว่าคนต่างจังหวัดส่วนใหญ่มักจะเถิดทูนอาชีพนี้ว่ามีเกียรติ เป็นหน้าเป็นตาให้กับครอบครัว ที่สำคัญพ่อกับแม่ของผมคิดว่าอาชีพนี้มีความมั่นคงมากกว่าอาชีพอื่น เพราะสังคมแถวนั้นถ้าหากไม่รับราชการก็จะไปทำงานที่กรุงเทพด้วยอาชีพอื่น และมักจะกลับมาที่บ้านในช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์พร้อมสร้อยทองเต็มคอและข้อมือ เพื่อที่ผู้คนจะได้ชื่นชมในความสำเร็จ เพียงแต่เบื้องหลังของสร้อยทองเหล่านั้นแท้ที่จริงกลับสร้างหนี้สินมากมาย หรือบางครั้งก็แค่ซื้อมาแล้วขายไป ไม่มีอะไรเป็นของตัวเองสักอย่าง” บีมเล่าด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยหยดน้ำ

“แต่ตอนนี้ถ้าหากคุณอยากจะใส่สร้อยทอง..” นัทคิดอยากจะปลอบใจ แต่อีกฝ่ายกลับไม่เปิดโอกาสให้พูด

“พ่อกับแม่ของผมค่อนข้างเข้มงวด อะไรที่ท่านคิดว่าดีก็จะคอยวางแผนให้ ผมเองก็เข้าใจความห่วงใยของท่าน แต่ยิ่งโตขึ้นผมกลับยิ่งต้องการอิสระ พอรู้ว่าตัวเองชอบตัดเสื้อ ผมก็ไม่ลังเลที่จะไขว่คว้า แรก ๆ พวกท่านไม่ได้สั่งห้ามอย่างจริงจัง นอกจากคอยตักเตือนให้ผมอ่านหนังสือเตรียมสอบ”

“แต่พอพวกท่านเห็นผมใส่ชุดเดรสของผู้หญิงบ่อยเข้า ท่านก็เลยคลางแคลงใจ แล้วก็ตีผมจนขาลาย สุดท้ายผมเลยยอมเลือกเรียนตามที่พวกท่านต้องการ แต่ที่ตอนหลังได้มาเรียนบัญชี เพราะผมสอบเข้าคณะนั้นไม่ได้ แล้วก็โชคดีที่ช่วงนั้นมีคนในหมู่บ้านกลับมาพร้อมสร้อยทอง ดูมีหน้ามีตาแถมยังทำงานบัญชี พวกท่านก็เลยวางใจว่าผมจะไม่อดตาย ผมเลยสามารถเลือกเรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบควบคู่ไปกับคณะบัญชีได้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ลำบากมากเลยครับ เพราะผมไม่มีเงินเพียงพอที่จะเรียนดีไซเนอร์ สุดท้ายเลยต้องดรอปเพราะสู้ไม่ไหว ผมเลยอาศัยช่วงที่เพิ่งเรียนจบทำงานบัญชีควบคู่กับงานกองถ่ายเพื่อเก็บเงินสร้างแบรนด์อิสระและเรียนแฟชั่นดีไซน์ให้จบ โดยที่พวกท่านยังไม่รู้ความลับในเรื่องนี้ แต่พวกท่านอาจจะรู้แล้วว่างานบัญชีไม่ได้เงินดีขนาดนั้น เพราะเดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็ทราบแล้วครับว่าการใส่ทองกลับบ้านบางทีก็แค่ต้องการส่งเสริมคุณค่าของตัวเองให้คนที่บ้านภาคภูมิใจและไม่ต้องเป็นห่วงว่าเราจะอดตาย แต่กับเรื่องรสนิยมของผมพวกท่านยังรับไม่ได้” สิ้นการถ่ายทอดเหตุการณ์ในวันวาน หยดน้ำใสก็ไหลลงตรงหางตา

“คุณก็เลยต้องปิดบังพวกท่าน..” นัทเอ่ยถามพร้อมลูบศีรษะของอีกฝ่ายเป็นการปลอบใจ

“ครับ” บีมเอ่ยตอบเสียงแผ่วเพราะลึก ๆ ยังคงเป็นกังวลว่าพ่อกับแม่จะรู้ เนื่องจากความลับไม่เคยมีในโลก

“ที่คุณอยากใส่เดรสของผู้หญิงเป็นเพราะคุณชอบที่จะใส่มัน หรือว่าใจของคุณอยากจะเป็นแบบนั้นเหรอครับ” นัทเอ่ยถามอย่างจริงจัง เพราะอยากจะเข้าใจความคิดของอีกฝ่ายให้มากกว่านี้

“ผมไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงนะครับ แค่ชอบที่จะใส่ชุดสวย ๆ แบบนี้เท่านั้น แต่หลังจากที่โดนต่อว่าผมก็ไม่กล้าใส่อีกแล้วล่ะครับ” บีมกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย คล้ายกับมีบางอย่างที่เจ้าตัวไม่ได้เล่าออกไป แต่นัทก็ไม่คิดจะคาดคั้น เพราะเหตุผลดังกล่าวอาจเป็นเรื่องที่เจ้าตัวหวาดกลัวเกินกว่าจะพูดถึง

“ที่เพนส์เฮ้าส์มีแค่ผมกับคุณ ถ้าหากคุณอยากใส่มัน ผมสามารถช่วยคุณได้ เพียงแค่คุณอนุญาตให้ผมใช้มันตอนที่เราเพลย์กัน ส่วนคุณก็คิดเสียว่าเดรสลูกไม้พวกนี้ คือสิ่งที่นายท่านสั่งให้ทำ ซับอย่างคุณไม่มีสิทธิ์คัดค้าน” นัทกล่าวอย่างจริงจังพร้อมเอาเรื่องรสนิยมเข้ามาช่วย เพราะอย่างน้อยการเพลย์ก็ยังเกิดขึ้นเพราะการเคารพซึ่งกันและกัน

“ผมรับรองว่าความลับของคุณจะยังคงเป็นความลับอยู่อย่างนั้น” นัทกล่าวอย่างหนักแน่น พร้อมจ้องมองนัยน์ตาของอีกฝ่ายราวกับให้คำมั่นสัญญา

“ครับ” สิ้นคำตอบรับดังกล่าวก็เป็นอีกครั้งที่บีมคิดจะไขว่คว้าอิสระไว้ในกำมือ



--------------------------✁


บทความที่เกี่ยวข้อง
- ละเมอเดิน ความผิดปกติที่อันตรายกว่าที่ใครหลายคนคิด http://bit.ly/2qSIZPN
- ละเมอ (Sleep Walking) http://bit.ly/33pewpH

สำหรับตอนนี้เป็นตอนที่เผยปมของบีมออกมาบางส่วนนะคะ ซึ่งปมไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากค่ะ และเป็นที่มาของชื่อเรื่องด้วยส่วนหนึ่ง อีกอย่างตอนนี้น่าจะไขข้อข้องใจของทุกคนได้บ้างว่าทำไมบีมถึงตื่นขึ้นมาแล้วออกอาการงุนงงที่ตัวเองใส่ชุดเดรสของผู้หญิง เพราะคนที่เดินละเมอจะมีอาการสูญเสียความทรงจำบางส่วนหรือทั้งหมดไปค่ะ เดี๋ยวในเรื่องเราจะค่อย ๆ พูดถึงโรคนี้ไปเรื่อย ๆ ค่ะ เพราะมันคือปมสำคัญของตัวเรื่องเลยค่ะ

ปล. เราเห็นมีคนน่าจะยังข้องใจเกี่ยวกับการอาฟเตอร์แคร์ (หรือเปล่า อันนี้เราตีความเอาเองนะ) ประมาณว่าแบบนี้เราก็ไม่รู้เลยว่ามันคือความจริงใจหรือการเล่นละคร ตามความคิดเห็นของเราการอาฟเตอร์ก็คือการแสดงความจริงใจที่ดอมมีต่อซับแหละค่ะ แบบว่าคอยดูแล คอยปรนนิบัติด้วยความเอาใจใส่หลังจากที่ทำเค้าเจ็บตัวในช่วงที่กำลังเพลย์กันน่ะค่ะ มันคือการดึงตัวเองกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง เพียงแต่การกระทำต่าง ๆ เช่น กอด อาบน้ำ หรืออะไรต่าง ๆ จะไม่มีความรู้สึกลึกซึ้งเกี่ยวกับเรื่องชู้สาว ซึ่งมันก็ตรงกับที่เราเคยอ่านเจอมาว่าช่วงเวลานี้อาจทำให้เผลอมีใจให้กันจริง ๆ ในเรื่องเราเลยแต่งให้นัทแสดงความชัดเจนขึ้นมาอีกขั้น เพื่อที่บีมจะได้รับรู้โดยไม่ต้องคาดเดาว่าความสัมพันธ์ที่กำลังเป็นอยู่นี้มีให้กันแค่ในสถานะดอมกับซับใช่หรือเปล่า
ยังไงลองตามไปอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับการอาฟเตอร์แคร์ของทางเพจ Thailand BDSM ดูจ้า > http://bit.ly/2q3ZLv2 / http://bit.ly/2QX5QUT
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2020 12:08:27 โดย Chomin »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
ชอบคุณนัทตอนดูแลบีมทั้งตอนที่เป็นอาฟเตอร์แคร์และตอนปกติเลยค่ะ รู้สึกอ่อนโยนนุ่มนวลมากเลย  :o8:
ชอบคอลเลกชั่นชุดลูกไม้ของบีมด้วย ไม่เคยสังเกตเลยว่าชุดลูกไม้จะมีหลายแบบขนาดนี้

 :pig4:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
แบบนี้นี่เอง

ออฟไลน์ Chomin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +146/-1
ตอน 7


หลังจาก ‘ความลับ’ เป็นเรื่องของคนสองคน การเพลย์ในครั้งต่อไปยิ่งต้องระมัดระวังมากขึ้น เพราะมันค่อนข้างเกี่ยวข้องกับปมในใจ จึงกลับกลายเป็นว่าต่างฝ่ายต่างรอคอยสัญญาณแห่งการเริ่มต้น

วันเวลาจึงผ่านพ้นไปโดยที่บีมเนรมิต ‘ตัวอย่างแรก’ เสร็จสิ้น จึงมีการเรียก ‘ช่างเทคนิค’ เข้ามาช่วยคอมเมนต์ ว่าการตัดเย็บที่เลือกใช้เป็นอย่างไร และควรปรับเปลี่ยนอะไรอีกบ้าง เพราะขั้นตอนนี้จะมีนางแบบไซส์มาตราฐานมาฟิตติ้ง ทีมงานจึงมองเห็นภาพรวมได้ชัดเจนขึ้น อีกทั้งตัวนางแบบยังสามารถออกความคิดเห็นได้ว่า แน่นไปไหม อึดอัดไปไหม หรือแม้กระทั่งการสวมใส่ หากยากเกินไปก็สามารถบอกกล่าวกันได้

ด้วยเหตุนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้บีม ‘ชอบ’ ที่จะแต่งตัวเป็นหญิงสาวราวกับจูเลียตในบทประพันธ์

“จู่ ๆ ผมก็รู้สึกกลัว” ชายหนุ่มเจ้าของห้องเสื้อพูดขึ้นขณะเดินทางกลับที่พักในเวลา 5 ทุ่มเหมือนทุกวัน

“กลัวอะไรครับ” นัทย้อนถามด้วยความใส่ใจ

“กลัวว่าการเดินละเมอของตัวเองจะทำให้ความลับไม่ใช่ความลับ” บีมกล่าวด้วยสีหน้าเป็นกังวล เพราะนอนคิดมาหลายคืนแล้วว่าการเดินละเมอด้วยการลุกขึ้นมาแต่งตัวแบบนั้น แถมยังเดินไปหาคุณนัทที่อยู่ชั้นบนสุดของเพนท์เฮ้าส์ค่อนข้างบ้าบิ่น

“ระบบรักษาความปลอดภัยของเพนท์เฮ้าส์ดีมากเลยนะครับ คนนอกไม่มีทางเข้ามาได้ง่าย ๆ อีกอย่างคนที่มีเงินซื้อเพนท์เฮ้าส์ในระดับนี้ คงไม่เสียเวลามายุ่งเรื่องของคนอื่นหรอกครับ เพราะถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริง ผมกับคุณเราอาจจะคลิกกันเพราะรสนิยมไปนานแล้ว” ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจบอกกล่าวด้วยเหตุผล ซึ่งมันก็เป็นเหตุผลที่เข้าท่า

“คุณมักจะเดินมาเคาะประตูห้องผมในเวลาตีสอง และทุกครั้งที่ผมเปิดประตูออกไป ผมไม่เคยเจอใครเลยนอกจากคุณ ที่สำคัญผมได้แต่สงสัยว่าคุณกับเธอคนนั้นคือคนคนเดียวกันหรือเปล่า แต่พอคุณปฏิเสธว่าเราไม่เคยเจอกัน ผมก็ตัดความคิดนั้นออกไป แม้ว่ารูปหน้าของพวกคุณจะเหมือนกันมาก แต่เพราะไม่มีหลักฐานและไม่มีเหตุผลให้ผมต้องพิสูจน์ มันก็เป็นแค่เรื่องที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป เช่นเดียวกับกรณีที่คนอื่นพบเห็นคุณตอนกำลังเดินละเมอ ผมคิดว่าพวกเขาก็คงสงสัย แต่ไม่ได้เข้าไปก้าวก่ายชีวิตของคุณ” คำพูดของคุณนัทคล้ายกับทำให้บีมฉุกคิด และมันก็ทำให้สมองที่กำลังทำงานอย่างหนักค่อย ๆ ผ่อนคลาย

“ผมลองไปศึกษาเกี่ยวกับโรคเดินละเมอมาแล้วครับ ในเว็บไซต์บอกว่าผู้ใหญ่ประมาณ 1-15 % ที่เป็นโรคนี้จะเกิดจากความเครียดและความวิตกกังวล หรือบางทีก็อาจเกิดจากโรคประจำตัว หรือความผิดปกติทางด้านการนอนหลับ รวมถึงการอดนอนติดต่อกันเป็นเวลานาน แต่เท่าที่ผมสังเกตดูเหมือนว่าอิสระที่คุณไขว่คว้า มันอาจจะหนักเกินไปเลยทำให้คุณประสบกับปัญหานี้ อีกอย่างการดื่มกาแฟก็ไม่ดีนะครับ คุณน่าจะลดลงหน่อย” คุณนัทกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย แต่ทว่ากลับทำให้บีมรู้สึกอบอุ่น

“ผมเองก็ไม่ใช่หมอ ทางที่ดี..” สิ้นคำพูดของชายหนุ่มผู้เต็มไปด้วยความห่วงใย บีมกลับคว้าข้อมือของอีกฝ่ายไว้พร้อมส่ายหน้าปฏิเสธ ขณะที่แววตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว คล้ายกับการไปหาหมอคือเรื่องที่น่าหวาดหวั่น ซึ่งแน่นอนว่า ‘หมอ’ ที่ทั้งคู่กำลังพูดถึงจะต้องเป็นแพทย์เฉพาะทางเกี่ยวกับจิตเวช

“ตามความเห็นของผม การไปพบจิตแพทย์ก็เหมือนกับการที่เราไปหาหมอเวลาที่เจ็บป่วยทางร่างกาย เพียงแต่จิตแพทย์จะเป็นผู้เยียวยาจิตใจของเราด้วยการพูดคุยหรือจ่ายยาที่เหมาะสมนะครับ” นัทเริ่มอธิบายอย่างใจเย็น เพราะดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะมีมุมมองที่ไม่ดีต่อการเข้าพบจิตแพทย์ ซึ่งนัทก็ไม่แปลกใจนัก เนื่องจากสังคมไทยในปัจจุบันแม้ว่าจะให้การยอมรับเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็ยังมีคนบางกลุ่มที่มองว่าการไปพบจิตแพทย์เป็นเรื่องน่าอาย เพราะคนกลุ่มนั้นมักจะมองว่าผู้ป่วยที่ไปพบจิตแพทย์คือผู้ป่วยที่มีอาการหลอนประสาท แต่ในความเป็นจริงแค่รู้สึกเจ็บป่วยทางใจก็สามารถปรึกษาจิตแพทย์ได้

“เอาไว้ผมจะส่งข้อมูลในเว็บไซต์ให้คุณนะครับ ถ้าหากลองปฏิบัติตามแล้วการนอนหลับดีขึ้น คุณอาจจะไม่ต้องไปหาหมอ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่มันเกี่ยวข้องกับเรื่องอันตรายและยังมากกว่าสองครั้งต่อหนึ่งอาทิตย์ คุณต้องไปหาหมอแล้วนะครับและผมจะไปกับคุณเอง” นัทกล่าวอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะไม่อยากเร่งรัดให้อีกฝ่ายตัดสินใจจนรู้สึกเคร่งเครียด ซ้ำยังคว้าข้อมือไปกอบกุมไว้คล้ายกับให้คำมั่นสัญญา

“วันนี้ตอนที่นางแบบมาฟิตติ้งเสื้อผ้าทำให้ผมคิดถึงเรื่องในอดีต” บีมกล่าวอย่างไม่รีบร้อน ราวกับต้องการบอกเล่าความรู้สึกให้อีกฝ่ายฟัง และอีกนัยหนึ่งก็เพื่อปัดตกบทสนทนาเมื่อครู่

“ผมอยากเป็นนางแบบคนนั้น..” บีมกล่าวพร้อมแย้มยิ้มขณะที่ฝ่ามือแกว่งไกวเพียงเบา ๆ คล้ายกับเริ่มผ่อนคลายจากความตึงเครียด เมื่อพูดถึงเรื่องที่ตนเองสนใจ

“ผมหมายถึงอยากสวมใส่เสื้อผ้าสวย ๆ แบบนั้น ตอนที่ไม่ใช่การเดินละเมอ” น้ำเสียงของบีมเริ่มก้องกังวานมากขึ้น เมื่อเข้ามาอยู่ในลิฟต์ของเพนท์เฮ้าส์

“เราเพลย์กันวันนี้เลยดีไหมครับ” สิ้นคำถามความเงียบก็ปกคลุมรอบกาย ขณะที่ตัวเลขสีแดงกำลังจะหยุดนิ่งที่ชั้น 3 กระทั่งประตูลิฟต์เปิดออกหัวใจของบีมก็ยังคงเต้นรัวราวกับรอคอยคำตอบ

“ห้องของคุณเก็บเสียงหรือเปล่าครับ” ทันทีที่ปลายเท้าของบีมเคลื่อนห่างจากตัวลิฟต์ เสียงทุ้มนุ่มก็ดังตามมา

“ไม่ครับ” บีมตอบกลับพลางส่ายหัว ขณะที่อีกฝ่ายกำลังกดปุ่มสั่งการให้ประตูลิฟต์เปิดกว้าง

“ผมคงต้องขึ้นไปเอาตัวช่วย” สิ้นคำพูดนั้นประตูลิฟต์ก็ปิดลง ขณะที่บีมก้าวเดินไปยังห้องของตัวเองด้วยท่าทีสุดเชื่องช้า

เมื่อเข้ามายังด้านในสิ่งแรกที่คิดจะทำก็คือการอาบน้ำให้เร็วที่สุด แล้วใส่ชุดคลุมอาบน้ำรอคอยช่วงเวลาพิเศษ จากนั้นบีมจึงได้แต่นั่งไขว้ขาจ้องมองทิวทัศน์ในยามราตรีผ่านกระจกบานใหญ่ที่มองเห็นตึกสูงตระหง่านอันเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นของสังคมเมือง จากนั้นไม่นานคุณนัทก็มากดกริ่ง บีมจึงรีบเดินไปเปิดประตู

“พอเข้ามาในห้องของคุณแล้ว นึกถึงวันที่ผมรีบวิ่งตามคุณจนลืมคีย์การ์ดเลยครับ วันรุ่งขึ้นกว่าจะจัดการเสร็จก็วุ่นวายไปหมด เพราะผมดันมีประชุมเช้า” ชายหนุ่มกล่าวพลางกลั้วหัวเราะ ขณะที่มือข้างหนึ่งถือถุงกระดาษใบเล็ก

“พูดถึงเรื่องนี้ทีไร ผมรู้สึกผิดจริง ๆ นะครับ นึก ๆ แล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองเดินละเมอกลับเข้าห้องได้ยังไง” บีมกล่าวด้วยสีหน้าเกรงใจซ้ำหัวคิ้วยังลู่ลงอย่างน่าเอ็นดู

“ผมให้เจ้าหน้าที่เช็คจากกล้องวงจรปิดแล้วนะครับ ดูเหมือนว่าระบบล็อกอัตโนมัติของห้องคุณน่าจะเสีย พรุ่งนี้ช่างจะเข้ามาซ่อมให้ครับ ส่วนนี่รองเท้าครับผมว่าจะเอามาให้คุณแต่ก็ลืมทุกที” คุณนัทยื่นถุงกระดาษแบรนด์ดังส่งมาให้ ก่อนจะลองเช็คประตูห้องอย่างถี่ถ้วน จากนั้นจึงโทรสั่งการบางอย่าง บีมจึงพอจะทราบว่าเพนท์เฮ้าส์แห่งนี้อยู่ในความดูแลของคุณนัท ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจนักเพราะสถานที่แห่งนี้เชื่อมกับห้างสรรพสินค้าที่อีกฝ่ายบริหาร

“ผมนึกว่าคุณเกิดเปลี่ยนใจ เพราะกลัวว่าผมจะทำรองเท้าพังเสียอีก” บีมเอ่ยแกมหยอกเย้า แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่คิดจะปฏิเสธอีกต่อไป เพราะอีกฝ่ายดูมุ่งมั่นเกินกว่าจะถามย้ำ

“ห้องของคุณถ้าหากผมจำไม่ผิด คงมีแค่ตู้เสื้อผ้าสไตล์วินเทจที่เป็นสิ่งไม่เข้าพวกเหมือนกับดาวเรืองแสงของผม” คุณนัทเกริ่นนำจากนั้นจึงผายมือไปยังประตูห้องนอนของผู้เป็นเจ้าของห้องหมายเลข 303

“ยังมีโต๊ะเครื่องแป้งอีกนะครับ เพราะผมได้มาพร้อมกับตู้เสื้อผ้า” บีมเฉลยพลางเปิดไฟในห้องนอนจนสว่างจ้า ซึ่งการตกแต่งห้องชุดแบบนี้แทบไม่มีอะไรแตกต่างจากห้องของคุณนัทมากนัก เพราะมันกำหนดคอนเซ็ปต์ไว้หมดแล้ว แต่กระนั้นก็ไม่ได้กว้างขวางเท่ากับห้องของอีกฝ่าย

“ผมขอดูหน่อยนะครับ” คุณนัทขออนุญาตพลางเดินนำไปยังตู้เสื้อผ้าแห่งความลับที่อยู่ข้างเตียงนอนและโต๊ะเครื่องแป้ง ซึ่งมีวิกผมวางครอบอยู่บนที่เก็บวิก บีมจึงนั่งมองแผ่นหลังกว้างของคุณนัท ก่อนจะเหลือบมองของในถุงกระดาษใบเล็กอย่างใส่ใจ พบว่าคืนนี้คุณนัทนำบอลแก๊ก เจลหล่อลื่น ไวเบรเตอร์ขนาดเล็ก และสายไข่มุกแบบซิลิโคนมาด้วย แน่นอนว่าอุปกรณ์ทุกอย่างอยู่ในถุงซิปล็อกอย่างแน่นหนา บ่งบอกถึงความใส่ใจทางด้านสุขอนามัยเป็นอย่างดี

“ทำไมนายยังไม่ถอดอีก ?” ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวอันเป็นภาพลักษณ์ที่เคยเห็นอยู่บ่อยครั้ง เอ่ยถามด้วยความไม่สบอารมณ์ คล้ายกับการนั่งมองฟ้าดินของอีกฝ่ายกำลังทำให้เสียเวลา

“ขอ..ขอโทษครับนายท่าน” บีมกล่าวเสียงอ่อยพร้อมปลดชุดคลุมอาบน้ำกองลงตรงแทบเท้าจนหลงเหลือเพียงอันเดอร์แวร์สีขาวสะอาดตา

“มานี่สิ ผมจะให้นายลองบราตัวใหม่ของห้องเสื้ออิสระ” นายท่านเริ่มสั่งการด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ซับอย่างบีมจึงรีบกุลีกุจอเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายที่กำลังง่วนอยู่ตรงหน้าตู้เสื้อผ้าสไตล์วินเทจ พร้อมทำความเข้าใจซีนที่กำลังจะเล่นกันในวันนี้ คาดว่านายท่านอาจจะสวมบทบาทเป็นดีไซเนอร์ ส่วนซับอย่างบีมคงจะหนีไม่พ้นการสวมบทบาทเป็นนายแบบที่มาฟิตติ้ง ‘ตัวอย่างแรก’

การสวมใส่บราสำหรับผู้หญิงของเจ้านายดูช่ำชองมาก อาจเพราะการครอสเดรส คือเรื่องที่ค่อนข้างนิยม จากนั้นผู้เป็นนายก็หมุนตัวบีมไปมาราวกับจะตรวจดูว่าคับแน่นไปหรือเปล่า รูปทรงกระชับดีไหม เล่นเอาบีมรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง เนื่องจากสายตาของอีกฝ่ายกำลังโลมเลียบริเวณช่วงอกอย่างเปิดเผย

“หันหลังไป อย่ายุกยิก” ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจที่วันนี้กลับกลายเป็นดีไซเนอร์เพียงชั่วคราวสั่งการอย่างเข้มงวด บีมจึงได้แต่ลุ้นระทึกว่าอีกฝ่ายจะนำอุปกรณ์ชนิดใดออกมาใช้งาน

“ดูเหมือนจะหลวมไป ผมคงต้องหาอะไรมายัดให้รูปทรงมันสวยขึ้น” ดีไซเนอร์ชั่วคราวกระซิบด้วยน้ำเสียงแหบพร่า พร้อมเป่าลมร้อนใส่ใบหูของบีมอย่างยั่วเย้า เล่นเอาขนอ่อนทั่วร่างลุกชันด้วยความหวามไหว จากนั้นไวเบรเตอร์ขนาดเล็กที่มีประสิทธิภาพในการทำงานอย่างดีเยี่ยมก็ถูกหย่อนลงบริเวณหน้าอกข้างหนึ่ง

“ไปนั่ง ผมจะเลือกชุดให้นายฟิตติ้ง อย่าส่งเสียงดังล่ะ” ชายหนุ่มร่างสูงกล่าวอย่างไม่รีบร้อนและไม่ได้เกรี้ยวกราดแต่อย่างใด ทว่าข้อความในประโยคสุดท้ายคล้ายกับกระตุ้นให้ผู้เป็นซับออกอาการดื้อดึง
“นายท่านจะให้ผมใส่ชุดนี้เหรอครับ” บีมเอ่ยถามเมื่อเห็นชายหนุ่มอีกคนหยิบชุดเดรสแบบเปิดไหล่ที่มีริบบิ้นสีทองประดับไว้ข้างหลังออกมาจากตู้แห่งความลับ เพียงเท่านั้นสายตาของผู้เป็นนายก็เปลี่ยนไป บีมจึงรีบสงบปากสงบคำ แต่ดูเหมือนจะไม่ทันการณ์ เพราะไวเบรเตอร์กำลังเพิ่มแรงสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง

“อา..อึก” บีมพยายามอดกลั้นสุ้มเสียงของตัวเองอย่างสุดความสามารถและยิ่งลนลานมากขึ้น เมื่อผู้สวมบทดีไซเนอร์เริ่มหยุดการเคลื่อนไหว

“ผมบอกให้เงียบ!” สุ้มเสียงเฉียบขาดดังก้องอย่างน่าเกรงขาม ริมฝีปากคู่สวยจึงเม้มแน่น แม้ว่าความวาบหวามจะก่อตัวในช่องท้องจนเริ่มปั่นป่วน

“อา..อึก..อื้อ” หลังจากบีมพยายามอดกลั้นจนครบหนึ่งนาที สุ้มเสียงที่เคยกักเก็บก็ปลดปล่อยออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ส่งผลให้เจ้านายที่ต้องการสมาธิในการเลือกเสื้อผ้าสำหรับฟิตติ้ง เหวี่ยงเดรสตัวสวยลงบนเตียงด้วยความไม่สบอารมณ์ จากนั้นก็ตรงเข้ามาบีบริมฝีปากของบีมอย่างรุนแรง ทำให้ความเจ็บปวดแล่นพล่านสร้างความเสียวซ่านให้กับผู้ถูกกระทำจนถึงขีดสุด แต่แล้วก็ตามมาด้วยการสวมบอลแก๊กเพื่อแก้ปัญหา

ไม่นานดีไซเนอร์ผู้แสนหล่อเหลาก็ได้รับความเงียบสงบคืนกลับไป


 
ขณะที่บีมไม่อาจเปล่งเสียงออกมาได้ เพราะลูกบอลคับแน่นปิดกั้นริมฝีปากจนน้ำลายไหลเยิ้ม ซ้ำยังออกอาการกระสับกระส่ายเมื่อไวเบรเตอร์ยังคงกระตุ้นเร้าอย่างต่อเนื่อง ความโหยหาการถูกลงโทษจึงตีตื้นจนทนแทบไม่ไหว มิหนำซ้ำสภาพอันน่าอับอายยังทำให้อารมณ์หวามไหวแผ่กระจายอย่างรวดเร็ว

“เดินมาหาผม” ทันทีที่ได้รับคำสั่งบีมก็รีบเดินเข้าไปหาด้วยความกระตือรือร้น จากนั้นเสื้อแขนยาวแบบซีทรูลวดลายดอกไม้ลักษณะคล้ายเสื้อคอเต่าทำจากผ้าลูกไม้ประเภท ‘ALENÇON’  ที่มีความโดดเด่นด้วยเนื้อผ้าลวดลายตาข่ายก็ทาบทับลงบนลำตัว แต่ใครจะไปคิดว่านายท่านจะเน้นย้ำตรงบริเวณที่มีไวเบรเตอร์แอบซ่อนอยู่

“อือ..อึก..อือ” บีมจึงได้แต่ร้องครวญครางไม่เป็นภาษา ขณะที่แววตาของผู้เป็นนายกลับฉายความสนุกอย่างเต็มที่

“อย่าทำน้ำลายหกเลอะชุดสวย ๆ พวกนี้ล่ะ” ผู้เป็นนายกล่าวพลางตบแก้มไม่เบานัก คล้ายกับต้องการสั่งสอนและค่อนข้างมีความสุขที่ได้เห็นร่างตรงหน้าทุกข์ทรมานจากฝีมือกระตุ้นเร้าของตัวเอง

“บรานั่นผมว่าถอดออกดีกว่า ดูไม่เหมาะกับนายเท่าไหร่” กระทั่งเนื้อตัวกลับมาเปลือยเปล่า เดรสแขนยาวคลุมสะโพกอย่างหมิ่นเหม่ก็ถูกสวมทับลงบนผิวกาย ขณะที่สิ่งกระตุ้นกลับถูกโยนทิ้งบนเตียงนอนอย่างไม่ใยดี

“รูปร่างของนายถือว่าดี เหมาะกับการเอามาเป็นแบบฟิตติ้งเพราะได้มาตราฐาน” ชายหนุ่มร่างสูงยังคงวิพากษ์วิจารณ์ ขณะยืนกอดอกชื่นชมผลงานอย่างคนมีความรู้ ซึ่งทุกอย่างล้วนจดจำมาจากเจ้าของห้องเสื้อตัวจริงทั้งสิ้น เพียงเท่านั้นร่างกายของบีมก็เริ่มร้อนผ่าว เพราะสายตาร้อนแรงโลมไล้ตั้งแต่บริเวณลำคอมาจนถึงส่วนอ่อนไหวเบื้องล่างที่กำลังคับแน่น

“จำได้ว่าผมให้นายมาฟิตติ้ง ไม่ได้ให้มาคิดเรื่องลามก..” นายท่านยิ้มเยาะทันทีที่เห็นความชื้นแฉะปรากฏบนอันเดอร์แวร์

“แน่นไปหรือเปล่า” เจ้านายเอ่ยถามเมื่อสวมเสื้อลูกไม้แบบสายเดี่ยวครึ่งตัวพร้อมขยับปมเชือกที่มีลักษณะคล้ายกับการผูกเชือกรองเท้าให้แนบแน่น

“อือ” บีมเอ่ยตอบในลำคอไม่เป็นภาษาพร้อมทั้งส่ายหัว แต่ทว่ากลับได้รับการตอบสนองเป็นความอึดอัดบริเวณช่วงอก เมื่ออีกฝ่ายดึงปมเชือกให้แน่นขึ้น แต่กระนั้นช่วงล่างกลับตอบสนองอย่างรวดเร็ว

“นายไปยืนเท้าแขนกับโต๊ะเครื่องแป้ง ผมจะใส่วิกผมให้” ทันทีที่ได้รับคำสั่ง บีมก็รีบเดินไปยังโต๊ะเครื่องแป้งและยืนเท้าแขนอย่างเชื่อฟัง เพราะการครอสเดรสก็ไม่ต่างกับการได้ปลดปล่อยอารมณ์และความเคร่งเครียดจนกลายเป็นใครอีกคน แต่แล้วเบื้องล่างก็รู้สึกวูบไหวเมื่ออีกฝ่ายปลดเปลื้องปราการชิ้นสุดท้าย

“มันไม่เข้ากันน่ะ” เมื่อนายท่านสังเกตเห็นสีหน้าแห่งความสงสัย เสียงกระซิบสุดยั่วเย้าก็ทำให้อารมณ์ของบีมเริ่มพุ่งสูง สายตาจึงไล่มองร่างสูงราวกับสุภาพบุรุษในละครอย่างใจจดจ่อ ไม่นานวิกผมสีดำรัตติกาลก็ถูกสวมลงบนศีรษะ จากนั้นอีกฝ่ายก็เปิดลิ้นชักราวกับต้องการจะค้นหาอะไรบางอย่าง กระทั่งพบกิ๊บติดผมสีดำสำหรับจับยึดวิกผมไม่ให้ขยับเขยื้อน ความเงียบสงบจึงหวนกลับมา

“อือ..อืออ” บีมสะดุ้งจนสุดตัวเมื่อจู่ ๆ สัมผัสเยียบเย็นและความเหนอะหนะก็ประทับลงบนช่องทางด้านหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะผลุบหายไปอย่างเชื่องช้า แต่ทว่าการสอดใส่กลับไม่มีทีท่าจะหยุดลง เพราะบีมจดจำได้ว่าไข่มุกเหล่านั้นยังมีอีกหลายสิบลูกที่ร้อยต่อกัน

“อือออ” บีมได้แต่ครวญครางอย่างทุกข์ทรมาน เพราะไม่อาจเปล่งเสียงตามใจหมาย และยังถูกนายท่านตีสะโพกสั่งสอนอย่างไม่ปรานี ความสุขสมจึงจุกอกจนน่าอึดอัด

“นายนี่จริง ๆ เลย ผมอุตส่าห์หาอุปกรณ์ปิดปากมาใช้ แต่ก็ไม่ช่วยอะไรสักนิด ช่างไม่เก็บอารมณ์เสียบ้าง ลืมไปแล้วเหรอว่าห้องนี้ไม่เก็บเสียง” อีกฝ่ายเอ่ยเตือนก่อนจะเริ่มสอดใส่สร้อยไข่มุกพวงนั้นอย่างใจเย็น บีมจึงได้แต่ส่ายสะโพกไปมาด้วยความหวามไหว เพราะนายท่านไม่ได้ทำเพียงแค่นั้น แต่กลับบีบเค้นผิวเนื้อไม่หยุดหย่อน

“อ้อ นายเป็นพวกชอบโชว์นี่นะ แต่ก็อย่าลืมว่าตอนนี้นายกำลังฟิตติ้งเสื้อผ้าให้ผมอยู่” สิ้นประโยคดังกล่าวชายหนุ่มในเสื้อเชิ้ตสีขาวก็ประคองบีมให้ยืนตัวตรง จนมองเห็นใบหน้าหวามไหวของตนเองอย่างชัดแจ้ง แต่กระนั้นช่วงล่างกลับรับรู้ถึงความต้องการอันมากล้นของผู้ชักนำ

“นายเหมาะกับชุดนี้จริง ๆ ด้วย” ผู้เป็นนายกล่าวชื่นชมขณะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ลมหายใจจึงเป่าลดบริเวณลำคอระหงจนขนอ่อนลุกชันด้วยความวาบหวาม โดยที่ฝ่ายดอมแทบอยากจะฝากฝังคมเขี้ยวแสดงความเป็นเจ้าของให้ทั่วร่าง แต่ก็ต้องทนข่มกลั้น

“วันนี้ผมอารมณ์ดีจะพานายไปเต้นรำใต้แสงจันทร์” นายท่านกล่าวพร้อมกับปลดปล่อยพันธนาการ จนทำให้บีมจำต้องขยับปากขึ้นลงครู่หนึ่ง เพราะรู้สึกว่ามันจะเป็นตะคริวเข้าให้แล้ว

“คุณโอเคหรือเปล่าครับ” สิ้นคำถามคล้ายกับการเพลย์มีอันต้องขาดช่วงราวกับถูกผู้กำกับสั่งคัท เพราะผู้เป็นดอมกลับกลายเป็นคุณนัทผู้แสนอบอุ่น

“โอเคครับ คุณไม่ต้องห่วง” บีมตอบรับพร้อมยกยิ้มให้ จากนั้นชายหนุ่มผู้มาเยือนก็ประคองฝ่ามือของอีกฝ่ายเพื่อก้าวเดินไปยังห้องนั่งเล่น แต่เพราะความที่ช่วงล่างถูกเติมเต็มด้วยอุปกรณ์บางอย่าง บีมจึงไม่อาจก้าวเดินได้สะดวก สุ้มเสียงจึงพาลเปล่งประกายอย่างงดงาม

“คิดไม่ผิดที่ผมเลือกนายมาเป็นแบบฟิตติ้ง” ทันทีที่สองร่างถูกอาบไล้ด้วยแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามายังบริเวณหน้าต่างกระจกบานใหญ่ คำชื่นชมดังกล่าวทำให้บีมออกอาการขวยเขินและยังกระตุ้นเร้าให้ความต้องการจนกลายร่างเป็นคลื่นยักษ์ซ่านกระเซ็นในช่องท้อง

“อ๊ะ” บีมอดอุทานออกมาไม่ได้ เมื่อเจ้านายใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างสะบัดลงบนสะโพกกลมสวย อุปกรณ์ที่แอบซ่อนจึงกระทบกันจนเกิดความหวามไหว

“นายมันเต้นไม่ได้เรื่อง!” ดีไซเนอร์ชั่วคราวปรามาสด้วยความไม่สบอารมณ์ ซ้ำยังรั้งกายของอีกฝ่ายให้เข้ามาแนบชิด โดยที่ฝ่ามือทั้งสองข้างยังคงลูบไล้สะโพกกลมกลึงอย่างหลงใหล แต่แล้วก็ฟาดฝ่ามือลงบนความนุ่มนวลไม่เบานัก

“อา..อ๊า..ผ..ผม..” บีมเริ่มกล่าวไม่ได้ศัพท์เมื่อร่างกายกำลังถูกทักทายด้วยความเสียวซ่าน แต่กระนั้นผู้เป็นนายกลับไม่ได้สนใจ ยังคงใช้ฝ่ามือขยำผิวเนื้อบริเวณดังกล่าวด้วยความเพลิดเพลิน พร้อมชักนำให้ปลายเท้าโยกย้ายไปตามจังหวะของการลีลาศ แต่ทว่าเรียวขาของบีมกลับสั่นพร่า คล้ายกับจะทรงตัวไม่อยู่ จึงต้องคอยจับยึดช่วงแขนของอีกฝ่ายให้แนบแน่น

“สะโพกของนายคงจะผ่านมือใครต่อใครมาเยอะสินะถึงได้นุ่มนิ่มแบบนี้” นายท่านสบประมาทพร้อมบีบเค้นจนความชื้นแฉะบริเวณช่วงล่างจนเริ่มล้นปริ่ม ขณะที่เสื้อสายเดี่ยวตัวบนก็ถูกปลดเปลื้องอย่างรวดเร็ว ราวกับเวลานี้มันกำลังขวางหูขวางตา

“สมกับเป็นนาย พอได้โชว์ความหน้าไม่อายเข้าหน่อยก็เริ่มมีอารมณ์จนควบคุมไม่อยู่ คงอยากให้พวกที่เช่าคอนโดฝั่งตรงข้ามเห็นสินะ” ชายหนุ่มร่างสูงกล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม ขณะที่มุมปากเริ่มกดยิ้มลึก

“ได้สิผมจะสงเคราะห์ให้” น้ำเสียงลุ่มลึกแฝงด้วยพฤติกรรมสุดอันตรายกำลังทำให้บีมสั่นสะท้าน ขณะที่ปรอทแห่งความสุขพุ่งปรี๊ดจนเต็มแม๊กซ์

“อ๊ะ..อ๊า..น..นายท่าน” บีมผวากอดอีกฝ่ายอย่างไม่อาจทรงตัว เมื่อปลายนิ้วแข็งแกร่งผลักดันอุปกรณ์ด้านหลังให้ซึมลึกเข้ามายังด้านในมากยิ่งขึ้น ช่วงล่างของทั้งคู่จึงบดเบียดแนบชิดจนทำให้ชายหนุ่มผู้เป็นดอมจำต้องลอบสูดลมหายใจเพื่อเรียกคืนสติ

“อะไรกัน พอเจอของชอบเข้าหน่อย ถึงกับแข้งขาอ่อนแรงเชียวเหรอ” ชายหนุ่มผู้แสนเย่อหยิ่งกล่าวด้วยความขบขัน แต่ทว่าในอกกลับร้อนลุ่มยิ่งกว่าดวงไฟสุมทรวง

“อ๊า..อึก..อา” ขณะที่บีมดิ้นพล่านอย่างไม่อาจอดกลั้น เมื่อความกระสันตรงเข้ามาเล่นงานอย่างไม่ปรานี ส่งผลให้ลมหายใจติดขัด เพียงแต่มันกลับกลายเป็นความสนุกสนานของฝ่ายควบคุม

“นายอย่าเพิ่งใจร้อนสิ” สิ้นคำปลอบโยนอันแสนอบอุ่น ริมฝีปากของผู้เป็นนายก็จุมพิตลงบนกลีบปากของฝ่ายซับอย่างแผ่วเบา แต่มันกลับทำให้สติของบีมยิ่งเตลิด เพราะจูบเมื่อครู่กลับอยู่เหนือความคาดหมาย และบีมก็ไม่ทันคาดคิดว่าอีกฝ่ายจะร้ายกาจ

จนกระทั่ง..

“อ๊า” ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของห้อง 303 ครวญครางเสียงแหลม พลางแอ่นกายอย่างเสียวซ่าน เมื่อจู่ ๆ สร้อยไข่มุกก็ถูกกระชากออกภายในพริบตาเดียว ส่งผลให้ความรู้สึกล้นทะลักจนถึงฝั่งฝัน จากนั้นลมหายใจอันแสนเหนื่อยหอบก็ดังระงมไปทั่วห้อง 303 โดยที่ทั้งคู่ยังคงโอบกอดกันไม่ห่าง

“คุณจูบผม” บีมกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่กระนั้นหัวใจกลับสั่นไหวอย่างรุนแรง และเชื่อได้เลยว่าอีกฝ่ายคงจะได้ยินอย่างชัดเจน เพราะพวกเขากำลังโอบกอดกันด้วยสภาพที่ช่วงล่างแนบชิดจนรับรู้ได้เลยว่า การปลดปล่อยอันแสนสุขจบลงด้วยดีมากแค่ไหน

“ครับ ตอนนั้นผมจูบคุณ” ชายผู้มาเยือนตอบรับด้วยน้ำเสียงมั่นคง ขณะช้อนตัวอีกฝ่ายขึ้นอุ้มในท่าเจ้าหญิง

“ส่วนตอนนี้ผมก็ยังอยากจะจูบคุณ แต่เป็นในสถานะที่เรากำลังดูใจกัน” สิ้นคำสารภาพอันแสนหวาน หัวใจของบีมกลับเต้นระรัวขึ้นมาอีกครั้ง

เพียงแต่คราวนี้กลับเพิ่มความร้อนระอุบนใบหน้าเข้ามาด้วย


--------------------------✁

[1] การครอสเดรส (Crossdresser) คือ การที่ผู้ชายมีความสุขกับการแต่งตัวเป็นผู้หญิง แต่ไม่ได้หมายความว่าตัวตนของพวกเขาจะเปลี่ยนไปตามเสื้อผ้าที่สวมใส่
[2] ALENÇON เป็นอีกชื่อหนึ่งของผ้าลูกไม้ประเภท Corded Lace

บทความที่เกี่ยวข้อง
- การครอสเดรส http://bit.ly/2qKVUU1

มาต่อแล้วค่ะ ช่วงนี้ถ้าหากไม่ติดแก้ไขอะไร เราน่าจะอัพได้ทุกวันจนกว่าจะหมดสต๊อกนะคะ เรื่องนี้ฉากเพลย์ก็จะเยอะหน่อย แต่ไม่เยอะจนถึงขั้นทิ้งปมที่เคยเปิดไว้แน่นอนค่ะ เพราะเราไม่ได้ตั้งใจจะเล่นประเด็นนี้อย่างเดียว และบางตอนของนิยายเรื่องนี้อาจจะมีการแก้ไขตามที่มีคนแนะนำ เพื่อให้เรื่องมีความสมบูรณ์มากขึ้น เอาไว้ตอนไหนที่เรามีการแก้ไขหลังจากที่ลงไปบ้างแล้ว เราจะมาแจ้งตรงส่วนของทอล์คอีกทีค่ะ เพราะบางอย่างเราเองก็คาดไม่ถึงว่ามันจะต้องลงลึกขนาดไหน และมันสามารถมองในอีกแง่ได้ยังไงบ้าง คงต้องวอนผู้รู้ที่มาตามอ่านเรื่องนี้ช่วยแนะนำกันต่อไปค่า 555

ปล. ตอนที่ 6 มีการแก้ไขเกี่ยวกับการพูดถึงเรื่องรสนิยมแบบ BDSM ตามที่มีคนแนะนำมานะคะ เพื่อที่คำจำกัดความของการคบกับคนที่ต่างรสนิยมแตกกัน ตรงกับความรู้สึกของผู้ที่มีรสนิยมแบบ BDSM มากที่สุดค่ะ
“คุณน่าจะรู้ดีนะครับว่ารสนิยมอย่างเรา ๆ ต่อให้มีแฟนมันก็ไม่อาจเติมเต็ม ผมเลยอยู่เป็นโสดดีกว่า”
ที่ต้องแก้ตรงส่วนนี้เป็นเพราะว่าอันที่จริงรสนิยมแบบ BDSM ก็สามารถมีเซ็กส์แบบวนิลา (คนทั่วไป) ได้ค่ะ เพียงแต่มันอาจจะไม่สามารถเติมเต็มความรู้สึกมากเท่าไหร่ คำว่าสุขไม่สุดเลยอาจจะทำให้ความเข้าใจคลาดเคลื่อนไป ดังนั้นจึงแก้ไขเพื่อให้ถูกต้องมากที่สุดค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2020 12:24:34 โดย Chomin »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ เพียงเพื่อน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 175
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
ซีนวันนี้  :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :pighaun:

ออฟไลน์ Chomin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +146/-1
ตอน 8
   

       บีมได้แต่นั่งเป็นตุ๊กตากระเบื้องเคลือบอยู่บนโซฟาสีขาวออกครีม เมื่อชายหนุ่มผู้มาเยือนอุ้มมาวางทิ้งไว้ โดยที่ริมฝีปากไม่แม้แต่จะสัมผัสกัน เพราะบีมเอาแต่นิ่งเงียบเป็นเวลาเนิ่นนานเกินไป สถานการณ์ก็เลยยิ่งกระอักกระอ่วน

   “เสื้อผ้าที่ผมเลือกวันนี้ มีคอนเซ็ปต์ว่ายังไงเหรอครับ คุณพอจะเล่าให้ผมฟังได้หรือเปล่า” หลังจากคุณนัทเดินกลับมาพร้อมผ้าห่มผืนบางก็รีบเอ่ยถามราวกับจะหาเรื่องชวนคุย

   “โรมิโอกับจูเลียตครับ ผมน่าจะออกแบบตอนปี 2015 แต่เป็นคอลเลกชันของปี 2016 เพราะดีไซเนอร์มักจะทำงานล่วงหน้าก่อนวางขายจริง” บีมนั่งนึกอยู่นานกว่าจะได้คำตอบ เพราะเสื้อผ้าคอลเลกชันนี้เป็นผลงานชิ้นแรกในฐานะห้องเสื้ออิสระ

   “ผมได้ไอเดียมาจากการที่โรมิโอกับจูเลียตรักกัน แต่ว่าสุดท้ายก็ไม่อาจครองคู่กันได้ เพราะครอบครัวของทั้งสองฝ่ายไม่ถูกกัน เสื้อผ้าก็เลยเหมาะกับการสวมใส่เข้าคู่กับกางเกงยีน เพราะตอนออกแบบผมนึกถึงการกักขัง เครื่องแต่งกายเลยเป็นแบบที่เน้นใส่สบายมากกว่า” บีมอธิบายความเป็นมาอย่างเชื่องช้า ขณะใช้ผ้าห่มคลุมกายและนั่งชันเข่าอยู่บนโซฟา เพราะเรื่องดังกล่าวไม่ต่างกับความฝันที่บีมมีให้กับการเป็นดีไซเนอร์ และยังหมายรวมถึงรสนิยมส่วนตัว ซึ่ง ‘จูเลียต’ เปรียบได้กับตัวของบีมเอง ส่วน ‘โรมิโอ’ เปรียบได้กับความฝันและรสนิยม

   “แต่อย่างน้อยโรมิโอกับจูเลียตก็ได้แต่งงานกันไม่ใช่เหรอครับ” คุณนัทแสดงความคิดเห็น คล้ายกับเข้าใจความนัยของคอนเซ็ปต์นี้ ดังนั้นประโยคเมื่อครู่จึงหมายความว่าอย่างน้อยบีมก็ยังไขว่คว้าอิสระเอาไว้ได้

   “ครับ แต่ก็ต้องคอยหลบซ่อน แล้วสุดท้าย..” บีมกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาลงทุกที เพราะจุดจบของต้นแบบกลับกลายเป็นโศกนาฎกรรมอันแสนสะเทือนใจ

   “ผมเชื่อว่ามันจะต้องมีทางออก..” นัทคว้าข้อมือของอีกฝ่ายไปกอบกุมไว้พร้อมบีบกระชับเพียงเบา ๆ ราวกับต้องการให้กำลังใจ

   “หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะครับ เพราะผมไม่อยากถูกลากตัวไปโรงพยาบาล” บีมกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ขณะที่นัทเริ่มรับรู้ได้ว่าความกังวลของอีกฝ่ายดูเหมือนจะเป็นเรื่องของ ‘รสนิยม’ ที่ไม่ได้รับการยอมรับมากกว่า แต่สิ่งที่นัทยังไม่เข้าใจก็คือ โรงพยาบาลเกี่ยวข้องอะไรกับเหตุการณ์ในอดีตกันแน่

   “คุณอาจจะกำลังสงสัยว่าผมหวาดกลัวประสาอะไรถึงได้กล้าโบยบินออกมาไกลขนาดนี้” เจ้าของห้องเสื้อกล่าวพลางยกยิ้มเพียงเล็กน้อย

   “คงเป็นเพราะความอึดอัดมั้งครับ” บีมถามเองตอบเองโดยที่อีกฝ่ายก็ได้แต่รับฟัง

   “ผมคิดว่าคงไม่น่าจะใช่แค่ความอึดอัดอย่างเดียวหรอกครับ แต่น่าจะเป็นความสุขในเวลาที่คุณได้ตัดเสื้อผ้าและได้ลองฟิตติ้งด้วยตัวเองมากกว่า ส่วนเรื่องรสนิยมผมคิดว่ามันเป็นผลพลอยได้ที่คุ้มค่า คุณก็เลยใช้ชีวิตอย่างสนุกสุดเหวี่ยง เพราะคุณกลัวว่าถ้าหากอิสระหลุดลอยไป คุณอาจจะมานั่งเสียดายช่วงชีวิตที่ผ่านมา แต่ถึงอย่างนั้นลึก ๆ ในใจของคุณก็ยังหวาดกลัวว่าปัจจุบันจะถูกซ้อนทับด้วยอดีต คุณก็เลยคิดมากจนทำให้กลายเป็นโรคเดินละเมอ” นัทเริ่มคาดเดาอย่างเป็นเหตุเป็นผล เพราะความทุกข์ใจของอีกฝ่ายค่อนข้างสอดคล้องกับสาเหตุของโรค แต่กระนั้นนัทก็ไม่ใช่หมอ คงไม่อาจฟันธงได้ว่าสิ่งที่คาดเดาคือความถูกต้อง ความห่วงใยและความกังวลจึงผสมปนเปจนแทบแยกไม่ออก เนื่องจากปัญหาหนักดันอยู่ตรงที่อีกฝ่ายไม่ยอมไปหาหมอ

   “นี่คุณมีความสามารถในการอ่านความคิดของคนอื่นด้วยเหรอครับ” บีมกล่าวพลางกลั้วหัวเราะ และมันก็ทำให้นัทรับรู้ได้ว่าสิ่งที่ตัวเองพูดออกไปล้วนถูกต้องทุกประการ

   “เป็นเพราะผมกำลังเรียนรู้ความเป็นคุณมากกว่าครับ” ชายหนุ่มตอบรับด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ทว่าจริงจัง ส่งผลให้บีมหันมองอีกฝ่ายด้วยจิตใจหวิวไหว

   “คุณนัทบอกว่าจะจูบผมไม่ใช่เหรอครับ ?” บีมเอื้อนเอ่ยหลังจากจ้องมองอีกฝ่ายแน่นิ่งมาเนิ่นนาน จากนั้นดวงตาจึงปิดสนิท ราวกับเชิญชวนให้ทำตามความประสงค์

   ไม่นานริมฝีปากก็ถูกสัมผัสด้วยความนุ่มนวลดุจผ้าลูกไม้แบบโครเชต์เนื้อนิ่มที่ถูกถักทอด้วยความประณีต จนหยาดหยดแห่งความหอมหวานอบอวนอยู่รอบกาย พาลพาให้หัวใจของบีมใกล้จะหลอมละลายอยู่รอมร่อ

   “นอนกันเถอะครับ” บีมกล่าวพร้อมทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาโดยขดเป็นก้อนกลมอยู่อย่างนั้น เพราะไม่รู้จะหาทางออกให้กับสถานการณ์แบบนี้อย่างไร

   “ถ้าหากคุณจะนอนที่นี่ เราคงต้องนอนเบียดกันแล้วล่ะครับ” สิ้นคำพูดนั้นร่างของบีมก็ถูกโอบกอดด้วยความอบอุ่น ซ้ำยังถูกลมหายใจเป่าลดใบหน้า แต่ทว่าก็ไม่อาจหลีกหนีเพราะเป็นคนขุดหลุมฝังตัวเอง

   “ผมเพิ่งรู้ว่าคุณเต้นลีลาศเป็น” บีมนอนหลับตาคิดหาทางออกให้กับตนเองจนหัวแทบแตก และในที่สุดก็ค้นพบหัวข้อที่น่าสนใจ

   “สมัยมัธยมคุณครูก็สอนนะครับ” คุณนัทกล่าวสำทับ

   “ก็จริงครับ แต่ผมไม่เห็นจำได้” บีมยังคงกวาดต้อนคล้ายกับเรื่องราวดังกล่าวมันน่าสนใจยิ่งกว่าอะไร

   “คุณย่าของผมท่านชอบให้ลูกหลานมาเต้นลีลาศให้ดูครับ ยิ่งเพลงของสุนทราพรถือเป็นเพลงโปรดของครอบครัวผมเลย” อีกฝ่ายตอบคำถามด้วยแววตาเป็นประกาย คาดว่าช่วงเวลาเหล่านั้นคงจะเต็มไปด้วยความสุขมากแน่ ๆ

   “เอ้อ ผมเพิ่งจะนึกขึ้นได้ คุณชอบบ้านสวนไหมครับ” ชายหนุ่มผู้มาเยือนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่ทว่ากลับร้องเรียกความสนใจจากบีมได้ไม่ยาก

   “สนใจนะครับ แต่คงต้องเป็นหลังจากปิดจบคอลเลกชันนี้ก่อน น่าจะสักประมาณ 3 อาทิตย์หลังจากนี้” บีมตอบตกลงอย่างไม่ต้องคิด แต่ก็ยังต้องมีข้อแม้เอาไว้บ้าง เพราะการทำคอลเลกชันใหม่แต่ละครั้ง ใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 5 เดือน ซึ่งตอนนี้เหลือเพียงแค่เตรียมพรีเซนต์กับฝ่ายขาย จะได้ประเมินว่าแบบไหนน่าจะขายดี และควรสั่งผลิตแบบละเท่าไหร่ รวมถึงราคาควรจะตั้งเท่าไหร่

   “ได้สิครับ ระหว่างนี้คุณก็ฝึกเต้นลีลาศไปด้วย คราวหน้าคุณจะได้กลายเป็นจูเลียตที่เต้นรำได้เก่งที่สุด” ชายหนุ่มที่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าของบ้านสวนกล่าวอย่างจริงใจ และยังแอบชื่นชมความงดงามของอีกฝ่ายไปในตัว

   “ถ้าอย่างนั้นคงต้องรบกวนโรมิโออย่างคุณแล้วล่ะครับ” บีมตอบรับอย่างไม่คิดปฏิเสธ พร้อมกับหลงลืมบรรยากาศชวนเก้อเขินจนหมดสิ้น จากนั้นความเงียบสงบก็มาเยือน เมื่อคนสองคนเริ่มก้าวเข้าสู่ห้วงแห่งความฝัน และคืนนั้นก็เป็นคืนแรกที่จูเลียตตื่นขึ้นมา แล้วพบว่าตนเองสวมใส่เสื้อลูกไม้ตัวยาว เพียงแต่เป็นสภาพที่ค่อนข้างหลุดลุ่ย เธอจึงรีบซุกซบใบหน้ากับอ้อมอกแข็งแกร่งของโรมิโออย่างรวดเร็ว



   กระทั่งรุ่งเช้ามาเยือนแสงแดดจึงสาดส่องลงมายังเครื่องเรือนภายในห้องนอน ทำให้ผู้ที่กำลังหลับใหลจำต้องขุดตัวเองออกจากที่นอน โดยไม่ต้องคาดเดาว่าเพราะเหตุใดจึงมานอนอยู่ในที่แห่งนี้ เพราะคำตอบคงจะมีแค่จูเลียตกำลังเดินละเมอและผู้มาเยือนเป็นคนอุ้มมา

   บีมนั่งบิดขี้เกียจอยู่สองสามทีจึงตัดสินใจลุกออกจากเตียง แต่เป้าหมายไม่ใช่ห้องอาบน้ำเหมือนอย่างเคย เพราะต้องการเดินออกไปดูว่าอีกฝ่ายยังอยู่ในห้องหรือเปล่า ซึ่งบีมสัมผัสได้เพียงความเงียบงัน จนกระทั่งพบโน้ตแปะไว้บนโต๊ะทานข้าวว่า ‘อย่าลืมทานมื้อเช้านะครับ ผมเตรียมไว้ให้แล้ว แต่กว่าคุณจะตื่นก็น่าจะเย็นชืดหมด แล้วก็เมื่อเช้าช่างมาซ่อมประตูให้แล้วนะครับ’

   ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของห้องเปิดฝาครอบอาหารออก พบว่ามื้อเช้าที่อีกฝ่ายทำให้ เป็นเพียงอาหารเช้าง่าย ๆ บีมจึงนำไปอุ่นกับเตาไมโครเวฟ จากนั้นก็เดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อรินน้ำดื่ม แล้วกลับมานั่งสงบนิ่งบนเก้าอี้ พร้อมใช้ฝ่ามือลูบไล้ริมฝีปากอย่างเหม่อลอย ขณะที่ความคิดกำลังเตลิดไกล เพราะอยากรู้ว่ารสจูบที่แสนดุดันระหว่างการเพลย์อันดุเดือดจะทำให้เกิดความทุกข์ทรมานด้วยความสุขสมมากแค่ไหน แล้วถ้าหากสิ่งที่ว่าเกิดขึ้นพร้อมกับการฝากฝังรอยฝ่ามือไว้บนผิวกาย บีมจะสมองพร่าเบลอเพราะความสุขจุกอกเลยหรือเปล่า

   แต่แล้วความคิดอันแสนร้อนแรงก็ต้องหยุดลง เมื่อเสียงเตือนจากไมโครเวฟดังขึ้น ซึ่งบีมใช้เวลาจัดการมื้อเช้าไม่นานนัก เพราะที่นานสุดดูเหมือนจะเป็นการแต่งตัว เนื่องจากเจ้าของมื้อเช้าส่งข้อความมาว่า ‘วันนี้เลิกงานสัก 6 โมงนะครับ เพราะคนที่เป็นโรคเดินละเมอจะต้องพักผ่อนให้เพียงพอ แล้วก็ต้องเข้านอนกับตื่นนอนให้เป็นเวลา ที่สำคัญคุณยังต้องฝึกเต้นลีลาศกับผมนะ’ จากนั้นก็ตามมาด้วยลิงก์ข้อมูลเกี่ยวกับโรคดังกล่าว

   บีมจึงตอบกลับไปว่า ‘ถ้าหากผมคือทาสที่แสนดื้อดึง นายท่านอย่างคุณจะจัดการผมยังไงเหรอครับ’ ฝ่ายคนถูกถามจึงรีบตอบกลับมาอย่างรวดเร็วว่า ‘ปัญหานี้แก้ไขได้ง่ายดายมากครับ ก็แค่หาทาสใหม่ที่เชื่อฟัง’

   สิ้นคำตอบนั้นใจของบีมถึงกับหล่นวูบ เพราะไม่ทันคาดคิดว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมาอย่างไร้เยื่อใย จึงรีบพิมพ์ข้อความกลับไปอย่างร้อนรนว่า ‘ผมไม่ได้จะทำแบบนั้นจริง ๆ สักหน่อย รู้ทั้งรู้ว่าคุณเป็นห่วงเพราะการเดินละเมอมันอันตราย ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่ย้ายมานอนกับผมทันทีที่แน่ใจว่าผมมีอาการแบบนั้น เพราะคุณกลัวว่าผมจะเดินออกไปข้างนอกแล้วพลัดตกบันไดหรือกระโดดลงจากระเบียง แล้วผมก็รู้ดีว่าคุณอยากให้ผมไปหาหมอ แต่ผมกลัวเกินกว่าจะไป คุณก็เลยไม่คาดคั้น เพราะเป็นห่วงความรู้สึกของผม แน่นอนว่าเรื่องที่ผมกล้าดื้อดึงและเอามาล้อเล่นคงไม่ใช่เรื่องนี้’

   บีมได้แต่จ้องโทรศัพท์จนตาแทบถลน เพราะกำลังลุ้นระทึกว่าอีกฝ่ายจะยอมเชื่อคำพูดของตัวเองหรือเปล่า ซึ่งระยะเวลาเพียงไม่กี่นาทีที่คุณนัทเงียบหาย มันก็ทำให้บีมรู้สึกทรมาน เพียงแต่ไม่ใช่ความทรมานที่สุขสม

   จนกระทั่งคำถามของชายหนุ่มอีกผู้ส่งกลับมาว่า ‘ถ้าอย่างนั้นคุณต้องการดื้อดึงเพราะไม่อยากเต้นลีลาศสินะ’ ริมฝีปากของบีมรีบวาดเป็นรอยยิ้ม ซึ่งถ้าหากบีมอยู่ในโลกของการ์ตูน ตอนนี้อาจจะมีหูและหางโผล่ออกมาพร้อมสั่นระริกด้วยความดีใจก็เป็นได้

   ‘นายยังเป็นทาสที่ชอบทำอวดดีไม่เปลี่ยน’ สิ้นคำปรามาสจากนายท่าน หูและหางทิพย์ของบีมก็สั่นระรัวอย่างตื่นเต้น เนื่องจากข้อความดังกล่าวไม่มีความขุ่นเคืองหลงเหลืออยู่ จึงส่งผลให้ประโยคถัดมาปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็วว่า ‘กลับไปผมคงต้องลงโทษให้หลาบจำซะแล้วมั้ง’    



   วันทั้งวันบีมจึงนั่งทำงานด้วยสีหน้าชื่นมื่นและบอกกล่าวกับน้องพนักงานในความดูแลอย่างจริงจังว่าตนเองมีปัญหาทางด้านสุขภาพ อาจจะทำงานจนดึกดื่นแบบแต่ก่อนไม่ได้ ซึ่งน้อง ๆ ก็เข้าใจดี และยังบอกให้รีบพักผ่อน บีมจึงใช้โอกาสนี้อ่านลิงก์ข้อมูลเกี่ยวกับโรคเดินละเมอที่คุณนัทส่งมาให้อย่างละเอียด

   พบว่าการเดินละเมอเกิดจากความผิดปกติระหว่างการหลับลึกกับหลับตื้น โดยสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ตั้งแต่ ละเมอขับรถ ละเมอมีเพศสัมพันธ์ ละเมอแต่งตัว ละเมอทำอาหารหรือของว่าง ละเมอเล่นดนตรี ละเมอทำกิจกรรมเสี่ยงอันตราย แต่ถ้าหากปัจจัยกระตุ้นอาการดังกล่าวเกิดจากเรื่องราวในชีวิตกับความเครียด ส่วนมากจะเกิดขึ้นในช่วงหลับลึก

   แถมการหลับลึกยังแบ่งออกเป็นรอบ ๆ จึงทำให้มีอาการละเมอเกิดขึ้นต่อคืนไม่เกิน 1-2 ครั้ง แต่ก็มีบางคนที่มีอาการละเมอถึง 3 ครั้ง นับว่าอยู่ในเกณฑ์ที่อันตราย ซึ่งอัตราของความอันตรายจะเกิดจากปัจจัยกระตุ้นว่ามีความถี่มากแค่ไหน และผลกระทบของการละเมอจะทำให้คนกลุ่มนี้วิตกกังวลเวลาไปนอนที่อื่นที่ไม่ใช่บ้านของตัวเอง

   ซึ่งบีมก็เริ่มหวาดกลัวการไปพักผ่อนที่บ้านสวนแล้วเหมือนกัน เพราะบีมไม่รู้ว่าการเดินละเมอที่ผ่านมามีความปลอดภัยมากแค่ไหน เนื่องจากบาดแผลก็ไม่เคยเห็น แต่ก็เคยได้ยินพาร์ทเนอร์คนก่อนบอกว่า บีมชอบลุกขึ้นมานั่งตอนกลางคืน ซึ่งบีมยังคิดว่าถูกอีกฝ่ายอำเล่น แต่พอได้อ่านบทความและย้อนคิดไปถึงพฤติกรรมของตัวเอง มันก็อดจะหวาดกลัวไม่ได้

   “กลางวันนี้คุณว่างหรือเปล่าครับ ผมมีเรื่องอยากถาม” สุดท้ายบีมก็ตัดสินใจโทรหาเจ้าของห้อง 005 เพื่อสอบถามอาการอย่างละเอียด เพราะที่ผ่านมาบีมละเลยมันมากเกินไป

   ‘ว่างครับ เจอกันที่เดิมนะ’

   หลังจากนัดแนะกันแล้วบีมก็นั่งมองนาฬิกาอย่างใจจดจ่อ กระทั่งเวลาเที่ยงตรงมาถึง บีมรีบกระเด้งตัวออกจากห้องทำงานอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็เดินมาถึงห้องอาหารของห้างสรรพสินค้า พบว่าอีกฝ่ายมารออยู่ก่อนแล้ว

   “ผัดไทแล้วกันครับ” ทันทีที่ทิ้งตัวลงนั่ง พนักงานก็รีบเดินเข้ามารับออร์เดอร์ บีมจึงสั่งเมนูอย่างรวดเร็ว ขณะที่อีกฝ่ายสั่งเมนูที่ต้องการไว้ล่วงหน้าแล้ว

   “มีอะไรเหรอครับ หน้าเครียดเชียว”  คุณนัทเอ่ยถามพร้อมดื่มน้ำเปล่าแก้กระหาย

   “ผมอยากรู้ว่าเมื่อคืนผมยังเดินละเมออยู่หรือเปล่าครับ” บีมเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล

   “ไม่นะครับ เมื่อคืนจำได้ว่าผมนอนหลับสบายมาก ตื่นมาผมก็อุ้มคุณไปนอนในห้อง เป็นไปได้ว่าวิธีที่ผมอ่านมาจากในเน็ตอาจจะได้ผล” คุณนัทตอบพร้อมกับขมวดคิ้วเพียงเล็กน้อย

   “แล้วคืนก่อน ๆ หลังจากที่คุณรู้ว่าผมมีอาการเดินละเมอ ผมยังเป็นเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่าครับ เพราะช่วงนั้นผมยังไม่ได้ใส่เดรสลูกไม้ก่อนเข้านอน” บีมยังคงตั้งคำถามต่อไป ราวกับพอรู้ข้อมูลเกี่ยวกับโรคดังกล่าวมากขึ้นก็เริ่มจะตื่นตระหนก

   “ช่วงนั้นคุณยังเดินละเมออยู่นะครับ แต่คงเป็นเพราะผมอยู่กับคุณตรงนั้น พอได้รับคำชมคุณก็รีบเข้านอนเหมือนทุกที” คุณนัทตอบกลับอย่างฉะฉาน จากนั้นก็นิ่งเงียบไป เมื่อพนักงานนำอาหารมาเสิร์ฟ

   “ผมไม่ได้ทำอะไรแปลก ๆ นอกเหนือจากนี้ใช่ไหมครับ” บีมยังคงเอ่ยถามอย่างไม่ไว้ใจตัวเอง เพราะอ่านเจอว่าบางคนก็จะละเมอมีเพศสัมพันธ์

   “ไม่เลยครับ คุณสบายใจได้ อีกอย่างผมเอาโมบายไปแขวนไว้ที่ประตูห้องนอนของคุณ แล้วก็ประตูใหญ่และประตูระเบียงเรียบร้อยแล้วครับ ถึงแม้ผมจะหลับลึกแค่ไหน แต่ก็รับรองได้ว่าผมจะต้องได้ยิน เพราะผมเป็นคนรู้สึกตัวง่าย แค่บางทีคุณขยับตัวนิดหน่อยผมก็ตื่นแล้วครับ อ้อ เมื่อคืนจูเลียตอย่างคุณพอตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของโรมิโออย่างผมด้วยสภาพที่ค่อนข้างจะ..” ชายหนุ่มตรงหน้ากล่าวเรียบเรื่อย จากนั้นก็เริ่มใช้สายตากรุ้มกริ่มหยอกเย้า โดยที่ใบหน้ายังคงนิ่งขรึม พร้อมกับเว้นวรรคคำพูดราวกับต้องการให้ลุ้นระทึก แต่สุดท้ายก็ปล่อยให้ค้างคาอยู่อย่างนั้น โดยที่บีมไม่ต้องประมวลผลใด ๆ ก็เข้าใจ

   “คุณก็รีบก้มหน้าซุกอกผม แล้วเข้าสู่ห้วงแห่งความฝันไปเลย” บีมถึงกับพูดอะไรไม่ออก เพราะคิดไม่ถึงว่าแม้แต่ในสถานะของคนที่กำลังเดินละเมอก็ยังต้องแพ้พ่ายให้กับคนคนนี้

   “อ้อ ผมไปหาข้อมูลเพิ่มเติมมาจากอีกเว็บไซต์หนึ่งครับ เขาบอกว่าการละเมออาจจะนั่งอยู่บนเตียงแล้วลืมตาขึ้นมาก็ได้ หรือว่าอาจจะมีอาการสับสนงุนงงหลังจากตื่นนอนก็ได้ ที่สำคัญข้อนี้ตรงกับคุณเลยครับ มีภาวะเสียความทรงจำบางส่วนหรืออาจจะทั้งหมดของการเดินละเมอ ส่วนบางรายก็จะมีพฤติกรรมก้าวร้าวเมื่อถูกปลุกให้ตื่น นอกจากนี้สาเหตุยังไม่ได้เกิดจากความเครียดหรือวิตกกังวลเท่านั้นนะครับ แต่ยังเกิดจากความกระทบกระเทือนทางจิตใจในวัยเด็กก็ได้ รวมถึงอดนอนก็มีส่วน ทานยากระตุ้นประสาทหรือยากดประสาทก็มีส่วน ที่สำคัญตอนนี้มียารักษากลุ่มอาการแบบนี้แล้วนะครับ ถ้าหากคุณกังวลผมสามารถพาคุณไปหาจิตแพทย์ได้” นัทยังคงถือโอกาสตะล่อมให้อีกฝ่ายไปหาหมอ เพราะถ้าหากตนเองต้องไปดูงานที่ต่างจังหวัดก็จะไม่สามารถดูแลอีกฝ่ายได้ แถมยังไม่มีคนที่ไว้ใจมากพอให้ฝากฝัง

   “ผมกลัว” บีมกล่าวพร้อมนั่งก้มหน้า จากนั้นน้ำตาก็เริ่มรินไหลอย่างห้ามไม่อยู่ เล่นเอานัทตกใจมาก

   “กลัวอะไรครับ คุณบอกผมได้ไหม ?” นัทเอ่ยถามด้วยความใจเย็น พร้อมกุมฝ่ามือของอีกฝ่ายไว้ และยังลูบไล้ด้วยสัมผัสแผ่วเบา

   “พ่อกับแม่บอกว่าผมป่วยถึงได้อยากแต่งตัวเป็นผู้หญิง ท่านก็เลยจะพาผมไปหาหมอ เพราะทนเห็นผมเป็นบ้าไม่ได้ ผมเลยต้องเก็บซ่อนตัวตนของผมไว้และเกือบจะต้องละทิ้งความฝันของตัวเอง เพราะผมกลัวว่าพวกเขาจะยัดเยียดความผิดปกติให้ผม” บีมกล่าวทั้งน้ำตาพร้อมกอบกุมฝ่ามือของชายหนุ่มอีกคนอย่างแนบแน่น ก่อนจะส่ายหน้าไปมาอย่างร้องขอ เพราะเหตุการณ์ในวันวานที่ตนเองถูกลากถูลู่ถูกังยังคงแอบซ่อนอยู่ในความทรงจำ บีมจึงหวาดกลัวว่าการไปพบจิตแพทย์จะเป็นการตอกย้ำว่าตนเองเป็นบ้าตามที่พ่อกับแม่เคยกล่าวหา

   “ครับ.. ไม่เป็นไรนะ ผมจะคอยระวังให้คุณเอง” นัทรับปากอย่างจริงจัง ขณะที่ในอกกลับหนักอึ้ง เพราะไม่เคยคาดคิดว่าปมในใจของอีกฝ่ายจะพันผูกจนแน่นหนาขนาดนี้ ซึ่งบุคคลที่เป็นคนถักทอก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนในครอบครัวที่หวังดี แต่ทว่ากลับเป็นการทำร้ายจิตใจทางอ้อม

   โชคยังดีที่โรคเดินละเมอ หากไม่รุนแรงก็ยังไม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์และไม่จำเป็นต้องปลุกให้ตื่น เพียงแต่คนในบ้านจะต้องใช้วิธีเกลี้ยกล่อมให้กลับไปนอน แต่ถ้าเมื่อไหร่มันส่งผลกระทบต่อชีวิต นัทคงต้องนั่งเกลี้ยกล่อมโดยการชักแม่น้ำทั้งห้ามาอธิบายอีกครั้ง


--------------------------✁

มาต่อแล้วจ้า ตอนนี้พักเข้าสู่เนื้อเรื่องสักแป๊บ 555 ตอนต่อ ๆ ไปเตรียมตัวเป็นโคนันพร้อมกับคุณนัทได้เลย เพราะคอลเลกชันเสื้อผ้ามีความสอดคล้องกับอดีตของบีมด้วย แต่จริง ๆ ก็ไม่โคนันมากเท่าไหร่ เพราะเรื่องนี้ตั้งใจให้ปมไม่ซับซ้อนแบบเรื่องอื่น น่าจะอ่านง่ายขึ้น

ทุกคนเมื่อวานมีแก้ในตอนที่ 4 เพิ่มอีกแล้ว 555 พอดีมีคนแจ้งว่าเราควรจะต้องเพิ่มข้อตกลงที่รัดกุมอีกหน่อย เพราะในตอนที่ 5 เรามีเขียนให้จับแขนตามเซฟเวิร์ดที่ตกลงกัน แล้วบีมก็ออกอาการขัดขืนตอนเบร็ธเพลย์ ทีนี้มันอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนระหว่างดอมกับซับได้ เพราะการขัดขืนก็เหมือนบีมเป็นทาสที่พยศหรือต้องการให้เพิ่มระดับความรุนแรง ดังนั้นจึงเพิ่มประโยคด้านล่างเพื่อให้ครอบคลุมเกี่ยวกับเรื่องเซฟเวิร์ดมากขึ้น นัทจะได้ตีความการกระทำของบีมออกว่าแบบไหนหมายถึงอะไร ทั้งนี้ต้องขอบคุณคนแนะนำอีกแล้ว ไม่อย่างนั้นเราคงไม่ได้ข้อมูลเชิงลึกขนาดนี้ค่ะ

“จับแขนของคุณไว้ดีไหมครับ ?” บีมเดินขมวดคิ้วสักพักจึงแสดงความคิดเห็น เพราะการเบร็ธเพลย์ส่งผลให้ไม่มีแรงแม้แต่จะวางแขนแนบลำตัว แต่ถ้าหากใช้วิธีจับแขน คุณนัทก็จะทราบถึงแรงบีบที่ค่อย ๆ ลดลง

“โอเคเลยครับ แต่คุณคงต้องเป็นทาสแสนพยศจนถึงที่สุด ผมจะได้สังเกตอาการของคุณได้ง่ายขึ้น” นัทเพิ่มขอบเขตของความชัดเจนให้รัดกุม เพื่อที่เวลาเพลย์จะได้ไม่เกิดความคลาดเคลื่อน

“ไม่มีปัญหาครับ” บีมกล่าวพลางไหวไหล่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2020 12:38:18 โดย Chomin »

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
คู่นี้น่ารักดีอ่ะ มีมุมหวานๆด้วย

ออฟไลน์ Chomin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +146/-1
ตอน 9


บีมเป็นคนหัวไว หากตั้งใจทำสิ่งใดก็จะทำสำเร็จได้ไม่ยาก ดังนั้นการเต้นลีลาศด้วยจังหวะง่าย ๆ จึงพลิ้วไหวราวกับมืออาชีพ วันนี้เลยมีความพิเศษอยู่ตรงที่คุณนัทจะจัดการซุ่มซ้อมที่ผสมผสานไปกับการเพลย์

“วันนี้คุณอยากใส่ชุดไหนเหรอครับ ?” คุณนัทเปิดโอกาสให้บีมเลือกเดรสที่ต้องการสวมใส่ ทันทีที่มื้อเย็นอันเรียบง่ายสำหรับคนสองคนจบลงที่ห้องหมายเลข 303

บีมจึงต้องวางมือจากการประดิดประดอยรองเท้าที่อีกฝ่ายเคยร้องขอ ก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าตู้เสื้อผ้าสีขาวสไตล์วินเทจ พลางใช้ฝ่ามือละเสื้อผ้าแต่ละตัวอย่างตัดสินใจไม่ถูก

“วันนี้คุณต้องถูกมัดนะครับ อย่าเลือกชุดที่เป็นเนื้อผ้าแบบตาข่ายจะดีกว่า” คุณนัทกล่าวทิ้งท้ายจากนั้นก็เดินไปยังห้องแต่งตัว ซึ่งมีตู้บานหนึ่งเอาไว้เก็บอุปกรณ์จำเป็นสำหรับการเพลย์

กระทั่งบีมสังเกตเห็นอีกฝ่ายเดินถือเชือกคอตตอนกลับมา บีมจึงรับรู้ได้ทันทีว่าบทลงโทษในครั้งนี้ไม่ใช่การตบตี แต่เป็นการพันธนาการเพื่อความสวยงาม เพราะเชือกประเภทนี้มีความยืดหยุ่นค่อนข้างดีและยังมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มนวล ซึ่งไม่เหมาะกับการมัดแขวนอย่างโลดโผน

บีมจึงเลือกเดรสผ้าลูกไม้แบบ POINT D’ESPRIT ที่มีจุดเด่นอยู่ตรงลวดลายวงกลมขนาดเล็ก ประดับด้วยลวดลายจากเทปลูกไม้แบบโครเชต์เป็นรูปนกนางแอ่นโบยบินอย่างอิสระ โดยมีซับในสีตุ่นขลับให้การแต่งกายดูเรียบหรูมากขึ้น ส่งผลให้เนื้อผ้าแบบตาข่ายไม่อาจสร้างความระคายเคือง ขณะที่บริเวณชายกระโปรงกลับมีลูกเล่นไล่ระดับเป็นแนวเฉียง

“ชุดนี้คงต้องใส่รองเท้าส้นสูงด้วยครับถึงจะสวย” คุณนัทแสดงความคิดเห็นทันทีที่บีมนำเดรสตัวดังกล่าวออกมาทาบลำตัวแล้วพิจารณาผ่านกระจกเงา

“ผมเลือกให้คุณดีกว่า อย่าเพิ่งถอดนะครับ วันนี้ผมจะช่วยคุณแต่งตัว” คุณนัทกล่าวอย่างเร่งรีบแล้วก็เดินไปยังห้องแต่งตัว โดยเลือกเปิดตู้เก็บรองเท้า พร้อมยืนพิจารณาอยู่เนิ่นนาน กระทั่งได้รองเท้าส้นสูงสีดำประดับดอกไม้มาคู่หนึ่ง

“วันนี้ผมจะทำให้นายเป็นตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่งดงามที่สุด” ชายหนุ่มมาดนักธุรกิจเปรยขึ้น เป็นสัญญาณให้บีมรับรู้ว่าตอนนี้ถึงเวลาเริ่มซีนแล้ว ซึ่งบีมเป็นเพียงตุ๊กตาที่ได้รับความโปรดปรานจากนายท่าน ดังนั้นจึงไม่อาจพูดหรือแสดงอาการใด ๆ ออกมา นอกจากนั่งนิ่ง ๆ อยู่บนเตียงนอนหลังกว้าง

“สีผิวของนายเข้ากับชุดนี้อย่างไม่ต้องสงสัย” นายท่านกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบขณะปลดเปลื้องอาภรณ์ของบีมออกจากร่างกายจนหมดสิ้น แต่ทว่าฝ่ามือของเจ้านายกลับซุกซน คล้ายหวาดกลัวว่าตุ๊กตาตัวโปรดจะไม่อาจรับรู้ถึงความชื่นชอบดังกล่าว แผ่นอกของบีมจึงกระเพื่อมไหวอย่างเชื่องช้าตามจังหวะการลากไล้ของปลายนิ้ว ตั้งแต่บริเวณลำคอระหงเรื่อยมาจนถึงหน้าท้อง โดยไม่ลืมปัดผ่านยอดอกอันโดดเด่น

“ผมสวมรองเท้าให้นายก่อนดีกว่า” นายท่านพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบงัน จากนั้นจึงทรุดตัวลงนั่งพร้อมประคองเรียวเท้าที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีของตุ๊กตาตัวโปรดวางลงบนหัวเข่า แต่ทว่าสายตาของเจ้านายกลับลอบมองไปถึงไหนต่อไหน บีมจึงรู้สึกหวามไหวในช่องอกอย่างไม่ทันคาดคิด ว่าถึงแม้จะไม่มีถ้อยคำเสียดสีให้รู้สึกต่ำต้อยและการถูกลงโทษอันน่าหลงใหลก็ยังคงปลุกเร้าความต้องการให้แพร่กระจาย

“นายเล่นหอมไปทั้งตัวแบบนี้ คงอยากให้ผมหลงใหลใช่หรือเปล่า” สิ้นคำถามนั้น ผู้เป็นนายก็จุมพิตเรียวขาของบีมอย่างเชื่องช้า ก่อนจะลากไล้ไต่ระดับให้สูงขึ้น โดยที่ฝ่ามือก็ไม่วายจะสัมผัสอย่างเพลิดเพลิน ทำให้บีมรู้สึกว่าสัมผัสนุ่มนิ่มราวกับวานิลาในวันนี้ก็ไม่เลว

ผีเสื้อในช่องท้องจึงพลันโบยบินอย่างตื่นตระหนก เมื่อเจ้านายเริ่มฉุดรั้งให้ตุ๊กตาตัวโปรดนอนทอดกายอยู่บนเตียง โดยมีริมฝีปากอุ่นร้อนเฝ้าสัมผัสราวกับจะกลืนกิน เสียงหอบหายใจของบีมจึงดังขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อปลายลิ้นของอีกฝ่ายโลมไล้บริเวณยอดอกด้วยสัมผัสไม่เบานัก เนื่องจากนายท่านทั้งกัดและดูดดึงด้วยความหลงใหล

“อึก..อา” แต่แล้วสุ้มเสียงของบีมก็เริ่มเล็ดลอด เมื่อความต้องการกำลังพุ่งสูง แต่ดูเหมือนว่าเจ้านายจะไม่คิดถือโทษ เพราะอีกฝ่ายยังคงสนุกอยู่กับการปรนเปรอความชุ่มฉ่ำไม่แปรเปลี่ยน

“อืม..อา..น..นายท่าน” บีมเชิดหน้าด้วยความหวามไหว ทันทีที่ผู้เป็นนายเคลื่อนริมฝีปากเข้ามาเชยชมซอกคอหอมกรุ่น ซ้ำยังเล็มเลียจนชื้นแฉะ ผิวกายของบีมจึงเต็มไปด้วยความชาวาบ เมื่อได้รับสัมผัสเย้าหยอกที่เริ่มรุนแรง แต่กระนั้นบีมก็ยังมีสติพอจะรับรู้ได้ว่า อีกฝ่ายกำลังถูกครอบงำจากห้วงแห่งอารมณ์อันร้อนแรงไม่ต่างกัน เพราะเบื้องล่างของเจ้านายกำลังโอ้อวดผ่านเรียวขาที่แนบชิด

“นายเป็นตุ๊กตา” แต่แล้วน้ำเสียงดุดันก็ดังขึ้นพร้อมสัมผัสชวนวาบหวามที่ห่างหาย เพราะเวลานี้เจ้านายกำลังกางกั้นหนทางหลีกหนี ซ้ำยังใช้สายตาดุดันมองสบดวงตาของบีมอย่างต้องการสั่งสอน บีมจึงได้แต่เม้มปากแน่น จากนั้นการสวมเสื้อผ้าก็ดูเหมือนจะรวดเร็วทันใจ

“ถ้าหากคุณเริ่มชาตรงส่วนไหน ขอให้รีบบอกผม” เป็นอีกครั้งที่การเพลย์คล้ายกับถูกผู้กำกับสั่งคัท เพราะคุณนัทเอื้อนเอ่ยด้วยความห่วงใย เนื่องจากการใช้เชือกจะต้องอาศัยความชำนาญและการเรียนรู้ ไม่ใช่นึกอยากจะมัดก็มัดได้

“ครับ นายท่าน” สิ้นคำตกลงเชือกคอตตอนสีโอรสก็โอบล้อมบริเวณช่วงอกอย่างแน่นหนา โดยนายท่านจะทำการมัดเป็นบ่วงสายธนู พร้อมเว้นที่ว่างให้ปลายนิ้วลอดผ่านเพื่อความปลอดภัย ส่งผลให้ฝ่ามือของเจ้านายสัมผัสโดนยอดอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า สติของบีมจึงเริ่มเตลิดไกล

“อ..อา..” กระทั่งเชือกสีโอรสพาดผ่านบริเวณช่วงล่าง ฝ่ามือหนาจึงปลุกเร้าความคับแน่นด้วยความจงใจ สุ้มเสียงของตุ๊กตาตัวโปรดจึงไม่อาจกักเก็บได้อีกต่อไป ซึ่งเจ้านายก็ดูจะสนุกสนานอย่างเต็มที่ เพราะยิ่งสัมผัสบีมก็ยิ่งบิดเร้าจนเป็นเหตุให้ความฉ่ำชื้นค่อย ๆ เปิดเปลือย

“ตุ๊กตาอย่างนายทำไมถึงมีอารมณ์ขึ้นมาได้ล่ะ หน้าไม่อายจริงๆ” สุ้มเสียงแหบพร่าดังมาพร้อมกับสัมผัสชุ่มชื้นตรงข้างใบหู สร้างความเสียวซ่านให้กับบีมเป็นอย่างมาก เพราะวันนี้ร่างกายถูกเจ้านายสัมผัสแทบจะทุกสัดส่วน

ครั้นถูกตักเตือนบีมจึงต้องเก็บงำสุ้มเสียงไว้ แม้ใจอยากจะระเบิดออกมาอยู่ร่อมร่อ ขณะที่อีกฝ่ายดูเหมือนอยากจะทำให้บีมสติแตกมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะนอกจากเชือกสีโอรสจะพันเกี่ยวบริเวณความคับแน่นแล้ว ยังพาดผ่านช่องทางด้านหลังโดยที่ปลายนิ้วก็ปัดป่ายราวกับจะหยอกเอินครั้งแล้วครั้งเล่า เรียวขาของบีมจึงสั่นไหวด้วยความวาบหวาม ความต้องการพลันถาโถมจากทุกอณูความรู้สึก

“วันนี้ไปเต้นรำใต้แสงจันทร์กันเถอะ นายจะได้เห็นว่าแม้แต่ดวงจันทร์ก็ยังงดงามสู้นายไม่ได้” ชายหนุ่มผู้แสนหล่อเหลาเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลคล้ายกับหลงใหลตุ๊กตาตัวโปรดสุดหัวใจ พลางรั้งฝ่ามือของอีกฝ่ายมาคล้องแขน ราวกับทั้งคู่กำลังจะก้าวเข้าสู่ฟลอร์เต้นรำ

“อ๊ะ..อึก” แต่ทว่าทันทีที่ตุ๊กตากระเบื้องเคลือบตัวงามก้าวเดินไปตามการชักนำของผู้เป็นนาย เกลียวเชือกอันแสนอันตรายกลับรัดแน่นจนทำให้เกิดการเสียดสีและตามมาด้วยความหวามไหวทั่วสรรพางค์กาย

“อย่าล้มเสียก่อนล่ะ” เจ้านายปรายตามองแกมดุ เมื่อบีมกลับเอาแต่เดินอย่างกระมิดกระเมี้ยนจนทำให้ระยะทางเพียงสั้น ๆ กลับกลายเป็นยาวไกล

“ผมจะเริ่มที่จังหวะควิกสเต็ป” เมื่อก้าวเดินมาจนถึงหน้าต่างกระจกบานใหญ่ด้วยความยากลำบาก ชายหนุ่มผู้นำจึงเอื้อนเอ่ยแผนการต่อไป เล่นเอาบีมแทบอยากจะล้มทั้งยืน เพราะจังหวะควิกสเต็ปจะต้องหมุนตัวไปทั่วห้อง แล้วยังต้องก้าวขายาว ๆ ทุกย่างก้าว หรือต่อให้เต้นในจังหวะชะชะช่าที่การก้าวเท้าไม่ยาวนักก็คงจะลำบากไม่น้อย

“น..นายท่าน..” เป็นครั้งแรกที่บีมแสดงสีหน้าอ้อนวอนราวกับจะร้องขอความเห็นใจ เพราะการถูกพันธนาการไม่เอื้ออำนวยต่อการเต้นลีลาศสักนิด แต่กระนั้นในอกกลับเกิดอาการระริกระรี้ด้วยความชื่นชอบ เพราะทุกการขยับตัวคงจะทำให้บีมเปล่งเสียงร้องอันน่าอับอายออกมาไม่ขาดสาย

“นายเต้นเก่งอยู่แล้ว มั่นใจในตัวเองหน่อย” สิ้นคำชื่นชมบีมกลับแสดงสีหน้าราวกับพูดไม่ออก เพราะอีกฝ่ายเล่นเนียนตีความไปอีกทางหนึ่ง สมกับเป็นการลงโทษข้าทาสผู้แสนอวดดีและดื้อดึงตั้งแต่อาทิตย์ก่อน

“ผมขอควอเตอร์เทิร์น” บีมทำเป็นกัดฟันเจรจา แต่ทว่านัยน์ตากลับสุกสกาวยิ่งกว่าพระจันทร์ดวงงาม เพราะบีมหลงใหลต่อการถูกทำให้อับอายยิ่งกว่าสิ่งใด

“ผมไม่เห็นเคยรู้ว่าตุ๊กตากระเบื้องเคลือบก็มีฟังก์ชันพูดได้” สิ้นคำพูดแกมดุก็ตามมาด้วยการตั้งท่าเตรียมสำหรับการเข้าคู่เต้นรำ จากนั้นเท้าขวาของเจ้านายก็ก้าวตรงไปข้างหน้าด้วยส้นเท้าแล้ววางราบลงกับพื้น บ่งบอกได้ดีว่าอีกฝ่ายเลือกใช้ควอเตอร์เทิร์นตามที่ร้องขอ

“อ..อ๊ะ” แต่แล้วบีมก็จำต้องหลุดเสียงหน้าไม่อายออกมาอย่างสุดกลั้นเมื่อต้องเริ่มหมุนตัวไปทางขวาด้วยการย่างก้าวอันยาวไกล

“ถ้าอย่างนั้นผมขอทดสอบด้วยการให้ตุ๊กตาของผมเป็นคนนำจังหวะ” สิ้นคำพูดนั้นบีมก็รับรู้ได้ทันทีว่า อีกฝ่ายให้ความปรานีอย่างถึงที่สุดแล้ว เพราะการเพลย์ที่ผ่านมานายท่านจะค่อนข้างเข้มงวดมากกว่านี้ แต่กระนั้นความสุขสมของบีมกลับไม่ได้ลดน้อยลง เพราะการเป็นฝ่ายนำสเต็ปคือที่มาของความรู้สึกอับอายที่กำลังถูกปลุกเร้า

“เร็ว..อ๊า..เร็ว..” บีมเอ่ยเสียงกระเส่าพลางหมุนตัวไปทางขวาพร้อมแยกเท้าซ้ายไปข้าง ๆ เกลียวเชือกจึงคลอเคลียช่วงล่างไม่ห่าง อาจเพราะเจ้านายพันผูกในลักษณะที่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนไหว จึงส่งผลให้ความต้องการพุ่งทะลุปรอท เพราะบีมกำลังจะปลดปล่อยอย่างสุดกลั้น

“ช้า..อึก..อา..” กระทั่งจังหวะการเต้นเริ่มย้อนแนวเต้นรำ ลมหายใจของบีมก็ยิ่งติดขัด แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทุกข์ทรมานอยู่ฝ่ายเดียว เพราะบีมเริ่มทิ้งน้ำหนักตัวไปทางอีกฝ่ายจนหมดสิ้น พร้อมทั้งซุกซบใบหน้าอย่างหวามไหว ร่างกายของทั้งคู่จึงแนบชิด ส่งผลให้ความต้องการเริ่มบดเบียด

“นายเป็นตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่หน้าไม่อายจริง ๆ ขนาดผมกำลังสอนเต้นรำก็ยังมีอารมณ์ไม่เลิกรา” แม้จะเอ่ยคำปรามาสเช่นนั้น แต่ฝ่ามือหนากลับรั้งร่างของอีกฝ่ายเข้าแนบชิด ซ้ำยังบดคลึงสะโพกกลมกลึงด้วยความมันเขี้ยว สลับกับฝากฝังรอยฝ่ามือซ้ำ ๆ ลงบนสะโพกกลมสวยจนแดงปลั่ง

“น..นาย..อา..ท่าน..ผมเจ็บ..” บีมร้องครวญเสียงสั่นเพราะร่างกายคล้ายกับถูกพายุพัดพาจนปั่นป่วน ความฉ่ำชื้นจึงเข้ามาทักทายครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อเจ้านายยังคงให้ความสนใจสะโพกกลมสวยไม่แปรเปลี่ยน

“รู้ตัวไหมเสียงของนายมันน่ารำคาญที่สุด” สิ้นคำพูดนั้นริมฝีปากของบีมก็ถูกกลืนกินอย่างตะกละตะกลาม แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้บีมนึกรังเกียจ มีแต่จะไล่กวาดต้อนด้วยความหลงใหล เพราะคิดเฝ้าฝันมาเนิ่นนาน และวันนี้ก็ได้รับรู้แล้วว่า การถูกเจ้านายบดขยี้ริมฝีปากด้วยความรุนแรงขณะที่กำลังเพลย์กันอย่างเร่าร้อนมันสุขสมมากแค่ไหน สองเท้าพลันควานหากระจกบานใหญ่เป็นหลักยึด ซึ่งวินาทีนั้นบีมไม่ได้นึกถึงอันตรายใด ๆ อีกต่อไป เพราะสมองกำลังขาวโพลน ซ้ำยังถูกเรียวขาของอีกฝ่ายปลุกเร้าช่วงล่างอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดความชุ่มฉ่ำก็พร่างพรมอย่างงดงาม ทั้งคู่จึงผละออกจากกันพร้อมหอบหายใจอย่างหนักหน่วง

“วันนี้คุณทำให้ผมเสียสมาธิ..” คุณนัทเริ่มปรามาสขณะที่โอบกอดบีมไว้ ซ้ำยังวางปลายคางลงบนลาดไหล่ แต่ถึงอย่างนั้นบีมก็ยังมองไม่เห็นสีหน้าของอีกฝ่าย เพราะทั้งคู่ต่างมองเห็นภาพตรงหน้าคนละทิศทาง

“จนผมเริ่มสับสนว่าตอนนั้นผมกำลังอยู่ในซีนหรือว่านอกซีน” คำสารภาพอันแสนสับสน ทำให้หัวใจของบีมเต้นไม่เป็นจังหวะ อาจเพราะมันแทบไม่ต่างกับการสารภาพรัก

“คอนเซ็ปต์ของเสื้อผ้าชุดนี้คืออะไรเหรอครับ” แต่แล้วคุณนัทก็ปล่อยให้ผู้เป็นเจ้าของห้องกลับคืนสู่อิสรภาพ โดยที่ทั้งคู่ยังคงจ้องมองดาวบนดินที่เปล่งประกายระยิบระยับอย่างงดงามผ่านหน้าต่างกระจกบานใหญ่

“อิสรภาพอันหอมหวาน” บีมตอบกลับเพียงสั้น ๆ พลางนึกไปถึงช่วงเวลาของการออกแบบคอลเลกชันดังกล่าว

“เดาว่าชุดนี้คงจะเป็นผลงานชิ้นที่สองของคุณ” คุณนัทกล่าวพร้อมทั้งปลดเชือกสีโอรสอย่างค่อยเป็นค่อยไปด้วยรอยยิ้ม

“เจ็บไหมครับ” คุณนัทเอ่ยถาม หลังจากที่ปลดเปลื้องพันธนาการออกจนหมด สายตาจึงมองเห็นเส้นสายของเกลียวเชือกที่หลุดเลื่อนออกจากเนื้อผ้าจนฝากฝังร่องรอยไว้บนผิวเนื้อขาวนวลตรงบริเวณต้นขา บวกกับรอยแดงจ้ำที่ฝากไว้ตรงสะโพกกลมกลึงทำเอานัทเริ่มใจคอไม่ค่อยดี

“ถึงจะเจ็บ แต่ผมก็ชอบครับ” บีมก้มหน้ามองอีกฝ่ายที่กำลังคุกเข่าอยู่กับพื้นพร้อมเอ่ยตอบด้วยความสัตย์จริง คุณนัทจึงเริ่มแย้มยิ้มจากนั้นก็จัดชายกระโปรงของบีมให้เข้าที่

“ถอดรองเท้าเถอะครับ คุณไม่เคยใส่นานเดี๋ยวจะปวดเท้าเอา” คุณนัทกล่าวพร้อมทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นพรม จากนั้นก็บรรจงปลดตะขอที่คล้องเกี่ยวรอบข้อเท้าอย่างระมัดระวัง บีมที่กำลังเฝ้ามองภาพนั้นจึงเต็มไปด้วยความอ่อนไหว เพราะเขาไม่ใช่คนใจแข็ง และยังมีความปรารถนาให้ใครสักคนมาใส่ใจกัน ดังนั้นบีมจึงไม่คิดลังเลที่จะศึกษาดูใจกับอีกฝ่าย

แต่ขณะเดียวกันจิตใจของคนเรามันค่อนข้างซับซ้อน เพราะอันที่จริงบีมหวาดกลัวการมีความรัก เนื่องจากมันอาจจะตามมาด้วยการสูญเสีย เพราะครอบครัวของบีมไม่อาจรับได้กับรสนิยมแบบนี้ ดังนั้นหากคบหากันไปท้ายที่สุดคงต้องจบลงด้วยการเลิกรา บีมจึงเลือกที่จะเฝ้ามองอีกฝ่ายภายใต้ความสัมพันธ์อันคลุมเครืออยู่แบบนี้

แม้ว่าในใจจะถลำลึกจนสุดกู่

--------------------------✁


บทความที่เกี่ยวข้อง
- การพันธนาการ http://bit.ly/2qh872w
- การเต้นจังหวะ Quickstep (ใครนึกไม่ออกว่ามันเป็นการเต้นลีลาศแบบไหนลองกดดูจ้า) https://youtu.be/uf6xj2q1jvw

เมื่อวานเราปวดหัวเหมือนหัวจะระเบิดให้ได้ เลยไม่ได้เปิดคอมหรือตรวจนิยายสักอย่างก็เลยแอบเทการอัพนิยายไปหนึ่งวัน T^T
สำหรับตอนนี้ก็ไม่มีอะไรมากค่ะ นอกจากการเพลย์กระชับความสัมพันธ์ 555 ส่วนตอนหน้าเราจะไปเที่ยวบ้านสวนของคุณนัทกันค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ และเราอยากถามว่าแต่ละซีนดูจืดชืดไปมั้ยคะ หวังว่ามันจะออกมาไม่ซ้ำซากกันนะ บอกตรงๆ ว่าฉากเลิฟซีนแบบนี้งานหินมาก ๆ สำหรับเรา แต่ก็หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2020 13:58:29 โดย Chomin »

ออฟไลน์ Foggy Time

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 900
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-1
ภาษาดีมากเลยค่ะ อ่านเพลินมาก  :sad4: :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ Chomin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +146/-1
ตอน 10

หลังจากตรวจสอบวัสดุและชนิดของผ้าลูกไม้ในใบสั่งผลิตอย่างละเอียดยิบ เมื่อไม่มีสิ่งใดผิดพลาด บีมจึงติดต่อโรงงานอย่างรวดเร็ว เวลานี้ถึงได้เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเพื่อเดินทางไปยังบ้านสวนของคุณนัทที่อยู่แถวบ้านแพ้วในจังหวัดสมุทรสาคร โดยบีมจัดเตรียมทั้งเสื้อลูกไม้ของผู้ชาย และเดรสลูกไม้สำหรับผู้หญิงอย่างไม่ต้องกังวล เพราะคุณนัทบอกว่าที่บ้านสวนมีพื้นที่กว้างใหญ่ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็จะเห็นแต่สีเขียวของสวนผลไม้ และยังมีแผ่นกระจกของน่านน้ำที่สะท้อนน่านฟ้าอันกว้างใหญ่ โดยมีถนนดินตัดผ่านไปมา เพราะฉะนั้นความเป็นส่วนตัวจึงสูงลิบลิ่ว

เช้าวันนี้บีมจึงเลือกสวมใส่เสื้อลูกไม้สีขาวตัวโคร่งเข้าคู่กับกางเกงยีนขาสั้นสีดำที่ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิงก็สวมใส่ได้ ส่วนรองเท้าบีมเลือกใส่ผ้าใบคู่เดียวกับที่คุณนัทเคยเห็น เพราะอีกฝ่ายก็จะใส่ผ้าใบคู่ที่บีมทำให้เหมือนกัน

“คุณดูตื่นเต้นมาก” คุณนัทเปรยขึ้นขณะที่รถกำลังติดไฟแดง

“เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมเพิ่งจะได้รีแลกซ์อย่างจริง ๆ จัง ๆ” บีมให้เหตุผลสั้น ๆ และมันก็เรียกความสนใจจากสารถีหนุ่มได้เป็นอย่างดี

“พูดเป็นเล่นครับ ขนาดผมต้องอ่านเอกสารเพื่อเซ็นอนุมัติทุกวัน ผมยังหาเวลาให้ตัวเองรีแลกซ์ได้เลย” คุณนัทกล่าวด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อ ซึ่งบีมก็ไม่นึกแปลกใจ เพราะกิจกรรมที่อีกฝ่ายให้ความสนใจอย่างการดำน้ำดูฉลามวาฬในต่างประเทศ คงจะทำให้ไลฟ์สไตล์ของบีมออกจะคร่ำเคร่งเกินไปหน่อย

“ผมพูดจริง ๆ นะครับ นอกจากการทุ่มเทให้กับห้องเสื้อแล้วก็มีแค่การเพลย์ที่ช่วยให้ผมรีแลกซ์ เพราะหลังจากเคลียร์คอลเลกชันล่าสุดเสร็จ ผมก็จะต้องรีเสิร์ชข้อมูลสำหรับคอลเลกชันต่อไป ว่าตอนนี้เทรนไหนกำลังมาแรง เพราะผมจะต้องออกแบบผ้าลูกไม้ให้เข้ากับยุคสมัย แต่ส่วนใหญ่แล้วถ้ามีเวลาผมก็จะเก็บข้อมูลไปเรื่อย ๆ”  บีมอธิบายเนื้องานของตัวเองเป็นฉาก ๆ ว่าทำไมถึงไม่สามารถหยุดก้าวเดินแม้แต่ก้าวเดียว

“แสดงว่าที่ผมเคยคาดเดาความคิดของคุณก็ไม่ถูกซะทีเดียว เพราะคุณไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างสนุกสุดเหวี่ยงเหมือนที่ผมคิด แต่คุณกำลังเลือกใช้ชีวิตอย่างมีสติทุกย่างก้าว”  สารถีหนุ่มกล่าวอย่างเนิบช้า ขณะขับรถอย่างระมัดระวัง

“ผมก็ไม่ถึงกับใช้ชีวิตอย่างมีสติทุกย่างก้าวหรอกครับ เพราะส่วนใหญ่แล้วผมมักจะใช้ความรู้สึกนำพาความคิด อย่างการรีแลกซ์หากเป็นคนอื่นหรือแม้แต่คุณก็คงจะเลือกไปเที่ยวเพื่อความผ่อนคลาย แต่ผมกลับเลือกที่จะใช้รสนิยมของตัวเองให้เกิดประโยชน์ เพราะในช่วงเวลาอย่างนั้นผมทั้งสนุกและเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด แถมภาระทุกอย่างยังถูกปลดออกจนหมด” บีมกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งพลางละไว้ในใจว่า แม้แต่การได้อยู่กับอีกฝ่ายในช่วงเวลานอกซีนก็ถือเป็นการรีแลกซ์ที่ดีที่สุดที่เพิ่งจะค้นพบ

“คุณเริ่มรู้สึกหลงใหลความเป็นซับเพราะอะไรเหรอครับ” คุณนัทเริ่มตั้งคำถาม คล้ายกับการเดินทางในวันนี้คือโอกาสอันดีที่จะได้ศึกษากันให้มากขึ้น

“ตอนนั้นผมบังเอิญได้ดูหนังเกี่ยวกับ BDSM เรื่องหนึ่งแล้วเกิดคำถามว่า ถ้าหากผมคือนางเอกคนนั้นจะรู้สึกอย่างเธอหรือเปล่า แน่นอนว่าในตอนนั้นผมคงจะหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความสงสัยที่ติดอยู่ในใจผม และมันก็เพิ่มพูนความอยากรู้อยากลอง ผมเลยจินตนาการถึงฉากนั้น แล้วทำสิ่งเดียวกับที่นางเอกถูกกระทำ จากนั้นความต้องการของผมก็เริ่มปั่นป่วน ผมจึงเริ่มพัฒนาการมากขึ้นด้วยการลองใช้อุปกรณ์กับตัวเอง อย่างเช่น กุญแจมือกับไวเบรเตอร์ถึงค่อยจบลงที่การหาคู่สำหรับเพลย์ แต่กว่าจะเจอคนที่ถูกใจก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับ” บีมบอกเล่าด้วยท่าทีสบาย ๆ อาจเพราะเขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปิดบัง

“แล้วคุณนัทล่ะครับ หลงใหลความเป็นดอมเพราะอะไร” ในที่สุดบีมก็เป็นฝ่ายตั้งคำถามขึ้นมาบ้าง

“บางทีเราอาจจะดูหนังเรื่องเดียวกันก็ได้นะครับ” คุณนัทกล่าวพลางกลั้วหัวเราะทำเอาบีมหัวเราะตามไปด้วย เพราะหนังแนวนี้มีอยู่ไม่กี่เรื่อง

“แต่ของผมดูหนังแล้วก็ลองไปหาข้อมูลจากในอินเตอร์เน็ตครับ จากนั้นก็ลองไปศึกษาเกี่ยวกับศิลปะการมัดหรือไม่ก็ไปร่วมงานเกี่ยวกับ BDSM เลยทำให้ได้พบปะกับผู้คนในแวดวงนี้ ถึงได้มีโอกาสลองเพลย์แบบสวิทช์ ดูครับ คุณเคยไปร่วมงานเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้บ้างหรือเปล่าครับ” นัทบอกเล่าอย่างไม่คิดปิดบังจากนั้นจึงย้อนถามเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูล

“ยังเลยครับ คือผมค่อนข้างโชคดีที่นายท่านคนแรกเป็นคนที่ผมรู้จักโดยบังเอิญจากกองถ่ายละคร แต่พอเขาเริ่มคบหาดูใจกับคนอื่น ผมก็เลือกจบความสัมพันธ์ทั้งหมดลง เพราะไม่อยากมีปัญหายุ่งยากตามมา” บีมกล่าวอย่างจริงจัง เพราะอย่างเขาถือว่ามีประสบการณ์ในวงกว้างค่อนข้างน้อย และยังโชคดีที่บังเอิญเจอดอมที่เข้ากันได้ตั้งแต่ครั้งแรก ส่วนดอมคนที่สองก็คือคนที่มาก่อนหน้าคุณนัทไม่นานนัก และยังเป็นคนที่บีมคาดคะเนผิดพลาดไปมาก เพราะเขาไม่ใช่หนุ่มโสดอย่างที่กล่าวอ้าง ชีวิตช่วงหนึ่งของบีมจึงพลอยยุ่งเหยิงไปด้วย

“ถ้าหากไม่ขวนขวาย สำหรับผมความบังเอิญเกิดขึ้นได้ยากมากครับ” อีกฝ่ายแสดงความคิดเห็น ซึ่งบีมก็คิดว่าจริง เพราะพวกเขาต่างพักอยู่ที่เพนท์เฮ้าส์เดียวกัน และอาจจะเคยพบหน้ากันมาก่อน แต่กลับไม่เคยรับรู้ว่าต่างฝ่ายต่างมีรสนิยมที่คลิกกัน

“จริง ๆ ก็ไม่ใช่ความบังเอิญซะทีเดียวหรอกครับ ควรจะเรียกว่าความสะเพร่าของผมมากกว่าที่กล้าไปคล้องกุญแจมือในรถของตัวเอง แล้วจินตนาการว่ากำลังถูกใครสักคนพูดจาเสียดสี บวกกับมีคนเดินไปเดินมา อารมณ์ของผมก็เลยพลุ่งพล่าน ดอมคนนั้นก็เลยรู้ว่าเรามีรสนิยมตรงกัน” คุณนัทรับฟังเงียบ ๆ พร้อมรอยยิ้ม ซึ่งมันก็ทำให้บีมรู้สึกประทับใจที่อีกฝ่ายให้เกียรติกัน

“โอกาสหน้าเราสองคนลองไปงานปาร์ตี้เกี่ยวกับ BDSM ด้วยกันนะครับ แต่เราไม่จำเป็นต้องไปเพลย์กับคนอื่นก็ได้ ถือว่าไปศึกษาวิธีการเพลย์ของพวกเขาแล้วเอามาปรับใช้ก็ไม่เลวเหมือนกัน ผมรับรองได้ว่ามันคือปาร์ตี้ที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวและมีความปลอดภัย” คุณนัทกล่าวพลางหันมายิ้มให้

“ตกลงครับ ถ้ามีการจัดงานเมื่อไหร่ คุณช่วยส่งข่าวบอกผมที” บีมตอบกลับอย่างไม่ต้องคิด เพราะงานแบบนี้ค่อนข้างหายาก

“แต่สำหรับสองวันนี้ ผมจะพาคุณสนุกไปกับชีวิตบ้านสวนให้เต็มที่” กระทั่งรถติดไฟแดงเมื่อเข้าสู่ตัวเมืองของจังหวัดสมุทรสาคร ชายหนุ่มผู้เป็นสารถีจึงหันมองตุ๊กตาหน้ารถจนเต็มตา

“ผมเชื่อว่ามันจะต้องเป็นประสบการณ์รีแลกซ์ที่น่าจดจำแน่นอนครับ” บีมตอบอย่างเชื่อมั่น พร้อมแย้มยิ้มให้อีกฝ่ายด้วยความสดใส

“คุณยังจำจังหวะชะชะช่าได้หรือเปล่าครับ คืนนี้ต้องเตรียมตัวแสดงความสามารถแล้วนะครับ เพราะคุณย่าของผมท่านรอดูอยู่” สิ้นคำบอกกล่าวของคุณนัทก็เล่นเอาบีมถึงกับอยากให้ทวนคำพูดอีกสักรอบ เพราะเดิมทีบีมคิดว่าบ้านสวนหลังนี้เป็นบ้านพักตากอากาศของคุณนัทที่อาจจะถือโอกาสปลูกผลไม้ส่งให้กับห้างสรรพสินค้าในเครือของตัวเองไปด้วย

“ที่คุณให้ผมหัดเต้นลีลาศ..” บีมเอ่ยเพียงแค่นั้นแล้วก็นิ่งเงียบไป เพราะตอนนี้กำลังตื่นเต้นจนรู้สึกเกร็งไปหมด

“ฝึกไว้ไงครับ ผู้ใหญ่จะได้เอ็นดู” คุณนัทเอ่ยเพียงแค่นั้นแล้วก็ขับรถไปยิ้มไป แต่มันกลับทำให้บีมรู้สึกหน้าร้อนเห่อจนแทบจะตัวระเบิดเสียให้ได้ เพราะการกระทำของอีกฝ่ายแทบไม่ต่างกับการปูพรมเพื่อให้บีมก้าวเข้าไปในสถานะบางอย่าง

ซึ่งมันทำให้หัวใจที่เคยสั่นไหวจนกู่ไม่กลับ เกิดอาการถลำลึกมากกว่าที่เคย จึงทำให้ความรู้สึกเก้อเขินโอบล้อมรอบกายจนบีมทำตัวไม่ถูก รู้เพียงแต่ว่าไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายแม้แต่เสี้ยววินาที เพราะไม่อย่างนั้นใบหน้าจะร้อนวาบขึ้นมาทันที ซึ่งมันไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น เนื่องจากสถานะระหว่างเรา เรียกได้ว่าเกินกว่าจะมานั่งเขินอายด้วยเรื่องเล็กน้อย



กระทั่งถึงที่หมายตัวรถก็เคลื่อนผ่านทิวมะพร้าวน้ำหอมยาวไกลสุดลูกหูลูกตาที่มีลำน้ำขนาดเล็กขวางกั้นอยู่ คาดว่าน่าจะเอาไว้รดต้นมะพร้าว และเมื่อขับลึกเข้ามาอีกหน่อยก็จะพบกับบ้านไม้สองชั้นหลังหนึ่ง ซึ่งรูปลักษณ์ค่อนข้างธรรมดากว่าที่คิด แต่ก็ยังมีความร่มรื่นของผืนหญ้าสีเขียวกับต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกไว้เป็นร่มเงา และยังมีระเบียงยื่นออกมาจากทางด้านข้าง เวลานั่งคงจะได้กลิ่นหอมของดอกปีบตลอดเวลา

“น่าอยู่จังครับ” บีมกล่าวหลังจากลงมาหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าที่กระโปรงหลังรถ เนื่องจากสถานที่แห่งนี้คล้ายกับบ้านที่เคยอยู่มาตั้งแต่เกิด เพียงแต่ที่บ้านของบีมจะวุ่นวายกว่านี้มาก เพราะคุณพ่อเป็นถึงผู้ใหญ่บ้าน

“ถ้าหากคุณชอบ ผมสามารถพาคุณมาได้ทุกอาทิตย์เลยครับ ผมจะได้มีข้ออ้างมาช่วยพวกท่านดูแลบ้านสวนด้วย” คุณนัทกล่าวพร้อมถือกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองเดินนำไปยังตัวบ้าน

“ผมขอเก็บไว้พิจารณาก่อนแล้วกันครับ” ทันทีที่บีมตอบรับคุณนัทก็หันกลับมายิ้มให้ จากนั้นจึงเดินขึ้นสู่ชั้นสองเพื่อเอากระเป๋าไปเก็บ

“ดูเหมือนทุกคนน่าจะอยู่ที่โรงเก็บมะพร้าวนะครับ ตอนนี้คงกำลังยุ่งกันได้ที่ ผมว่าเราเปลี่ยนชุดแล้วลงไปช่วยพวกท่านดีกว่าครับ” คุณนัทเปิดหน้าต่างเพื่อให้อากาศภายในห้องได้ถ่ายเท พร้อมค้นหาเสื้อผ้าที่ค่อนข้างมอซอ ขณะที่บีมกำลังยืนมองบรรยากาศบ้านสวนจากทางหน้าต่าง จึงมองเห็นสวนมะพร้าวในมุมสูง เพียงแต่คูน้ำบางแห่งกลับเต็มไปด้วยจอกแหน

“ผมไม่ได้เอาเสื้อผ้าเก่า ๆ มาเลยครับ” บีมผละออกจากบรรยากาศภายนอกแล้วหันกลับมาสนใจผู้เป็นเจ้าของบ้าน

“ผมเตรียมมาเผื่อคุณแล้วครับ” คุณนัทกล่าวพร้อมสวมเสื้อตัวเก่าที่มันแทบไม่ต่างกับผ้าขี้ริ้ว คาดว่าอีกฝ่ายคงใช้งานอยู่ที่บ้านสวนเป็นประจำ สภาพก็เลยดูแทบไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นคนหน้าตาดีใส่อะไรก็ย่อมดูดีเสมอ

“ขอบคุณครับ” บีมรับมาอย่างว่าง่ายพร้อมจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้ากลางห้องอย่างรวดเร็ว เพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เคยเห็นเรือนร่างของบีมมานักต่อนัก

“เดี๋ยวผมลงไปหาเข็มขัดเก่า ๆ ของคุณพ่อให้ครับ” หลังจากชายหนุ่มในชุดมอซอนั่งมองภาพอันสวยงามตรงหน้าจนเพลิดเพลิน จึงสังเกตเห็นว่าช่วงเอวของร่างเพรียวตรงหน้ามีขนาดเล็กเกินกว่าจะสวมใส่กางเกงของเขาโดยไม่ต้องพึ่งเข็มขัดไม่ได้จึงขันอาสาไปหาให้

“ขอบคุณครับ” บีมตอบกลับพร้อมรอยยิ้มและทราบดีว่าเมื่อครู่ร่างกายของตัวเองถูกจ้องมองจนทะลุปรุโปร่งมากแค่ไหน

“ได้แล้วครับ” ไม่นานคุณนัทก็กลับมาพร้อมเข็มขัดเส้นหนึ่ง เพียงแต่อีกฝ่ายไม่ยอมส่งกลับมาให้ บีมเลยได้แต่ยืนขยุ้มกางเกงอยู่กลางห้อง

“รู้ไหมครับ ถ้าหากผมหักห้ามใจต่อสัญชาตญาณความเป็นดอมไม่ได้ คุณอาจจะโดนผมลงโทษเพราะความช่างยั่วไปแล้ว” ชายหนุ่มเจ้าของห้องกระซิบเสียงแผ่วจากข้างหลัง ขณะกำลังคาดเข็มขัดให้กับผู้มาเยือน

“ไม่ทราบว่านายท่านจะลงโทษผมยังไงเหรอครับ” บีมย้อนถามอย่างยั่วเย้า อาจเพราะกำลังนึกสนุกกับสถานการณ์อันน่าตื่นเต้น เพราะเวลานี้ที่บ้านหลังนี้ไม่มีใครอยู่และทั้งคู่ต่างก็อยู่ในที่โล่งแจ้ง ซึ่งถ้าหากมีใครรับรู้การมาถึงของคุณนัทก็อาจจะวิ่งขึ้นมายังชั้นสองได้ทุกเมื่อ

“ผมก็คงจะตีสะโพกของนายให้ลายพร้อยจะได้สาสมกับความระริกระรี้ของนาย” ผู้เป็นนายเอื้อนเอ่ยพร้อมลากไล้ฝ่ามือไปตามทรวดทรงของอีกฝ่ายอย่างเชื่องช้าจนถึงบริเวณสะโพก แล้วฝ่ามือคู่นั้นก็สะบัดดังเพี๊ยะอย่างรวดเร็ว

“เป็นเด็กดีหน่อย งานสวนไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าหากผมทรมานคุณ เกรงว่าจะกลายเป็นคุณที่ต้องคลานเข้ามาขอให้ผมหยุด” ชายหนุ่มมาดผู้นำกล่าวด้วยสีหน้าสุดเจ้าเล่ห์ พร้อมตบสะโพกของอีกฝ่ายราวกับเห็นเป็นเด็กน้อยที่กำลังดื้อดึง แล้วก็เดินออกจากห้องด้วยท่วงท่าที่ให้ความรู้สึกสูงส่งจนยากจะเอื้อมถึง บีมจึงได้แต่วิ่งตามพร้อมใส่รองเท้าแตะสุดทานทนที่อีกฝ่ายนำมาให้พร้อมเข็มขัด



ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าถิ่นเดินนำบีมไปยังขวามือของตัวบ้าน คาดว่าจะเป็นที่ตั้งของโรงเก็บมะพร้าว เมื่อมองออกไปยังทิวมะพร้าวอันมากมาย บีมก็เห็นเหล่าคนงานง่วนอยู่กับการสอยมะพร้าวน้ำหอมแปลงหนึ่ง

“สวัสดีครับ” เมื่อเดินมาจนถึงโรงงานมะพร้าวน้ำหอม คุณนัทก็รีบเดินเข้าไปกอดเอวหญิงชราคนหนึ่งที่กำลังยืนกำกับเหล่าคนงานให้ทำการแปรรูปมะพร้าวน้ำหอมเพื่อให้ขนาดของแต่ละผลมีความเท่ากัน

“มาถึงเมื่อไหร่เนี่ยไอ้ตัวแสบ” คุณย่าหันกลับมาตีหลานชายด้วยความมันเขี้ยว เล่นเอาบีมอดยิ้มให้กับภาพตรงหน้าไม่ได้ เพราะบีมไม่เคยเห็นคุณนัทในมุมที่น่ารักขนาดนี้มาก่อน

“เมื่อครู่เลยครับ นัทคิดถึงคุณย่าแทบแย่แน่ะ” ฝ่ายหลานชายได้ทีก็รีบออดอ้อนซ้ำยังโอบกอดหญิงชราผู้นั้นราวกับลูกลิง

“แล้วนั่น หนูบีมใช่หรือเปล่า ?” พอคุณย่าหันมาเห็น บีมจึงรีบยกมือไหว้อย่างรวดเร็ว เพราะช่วงที่ผ่านมาไม่มีช่องว่างให้แสดงตัว

“ครับ” ฝ่ายหลานชายได้แต่ตอบรับด้วยสีหน้ายิ้มแป้น ทำเอาบีมรู้สึกไม่ค่อยคุ้นตากับรอยยิ้มอันกว้างขวางในแบบฉบับของลูกหมาตัวโตที่อีกฝ่ายแสดงออกกับผู้หลักผู้ใหญ่สักเท่าไหร่

“ตามสบายนะบีม หากขาดเหลืออะไรก็บอกย่าได้” คุณย่าเอ่ยอย่างใจดีบีมจึงได้แต่ผงกหัวตอบรับด้วยความนอบน้อม จากนั้นสองย่าหลานก็พาบีมไปยังแปลงมะพร้าวที่เต็มไปด้วยผู้คนจำนวนหนึ่ง

“แม่นิดเจ้าเอก ไอ้ตัวแสบมาถึงแล้ว” คุณย่าร้องเรียกชายหญิงวัยกลางคนครู่หนึ่ง ซึ่งบีมคาดว่าน่าจะเป็นคุณพ่อกับคุณแม่ของคุณนัท บีมจึงเตรียมทักทายอย่างรวดเร็ว ซึ่งพวกท่านก็ยิ้มรับอย่างใจดี

“ทำไมเราไม่พาหนูบีมไปนอนพักผ่อนก่อนเล่า” คุณแม่ตีต้นแขนของคุณนัทไม่เบานักพลางพยักพเยิดหน้ามาทางผู้มาเยือน

“มาถึงบ้านสวน ผมก็ต้องทำให้เขาได้สัมผัสกับชีวิตของชาวสวนสิครับแม่” คุณนัทกล่าวอย่างมีเหตุผล ซึ่งคุณพ่อดูเหมือนจะเห็นด้วย บีมจึงได้แต่แจกยิ้มให้กับทุกฝ่าย เพราะไม่รู้จะปฏิบัติตัวอย่างไร

“ตรงนี้เดี๋ยวผมกับบีมช่วยกันเก็บเองครับ” คุณนัทอาสาพร้อมก้าวเดินลงคูน้ำ แล้วจึงยื่นมือออกมาหาบีม ราวกับจะให้ใช้ฝ่ามือเป็นหลักยึด บีมจึงได้แต่มองซ้ายขวา พบว่าตัวเองกำลังถูกรายล้อมด้วยครอบครัวของอีกฝ่ายอย่างอบอุ่น แต่ถึงอย่างนั้นมันกลับทำให้บีมรู้สึกเกร็ง ๆ เพราะกลัวว่าการกระทำที่สุดแสนเอาใจใส่ของคุณนัทจะทำให้พวกท่านรู้สึกขัดเคือง

“ข้างล่างเป็นขี้เลนนะครับ ใช้มือผมเป็นหลักยึดน่าจะดีกว่า” คุณนัทกล่าวอย่างไม่กริ่งเกรง บีมจึงหันซ้ายแลขวาอีกครั้ง พบว่าพวกท่านต่างพยักหน้าสนับสนุน บีมจึงต้องยอมใช้ฝ่ามือของอีกฝ่ายเป็นหลักยึด

“ไอ้ตัวแสบของเรามันร้ายนัก เร่งทำคะแนนเต็มที่เลยโว้ย” คุณพ่อเอ่ยแซวลูกชาย แต่ทว่ามันกลับทำให้บีมหน้าแดงซ่าน เพราะไม่เคยคาดคิดว่าพวกท่านจะทราบถึงรสนิยมของคุณนัท

“เหมือนแกไม่มีผิดเลยเจ้าเอก” คุณย่าสำทับลูกชายเป็นการปิดท้าย จากนั้นพวกท่านทั้งสามก็หัวเราะออกมาจนเสียงดังลั่น บีมจึงได้แต่ยกยิ้มให้กับภาพดังกล่าว จนกระทั่งพวกท่านแยกย้ายไปคุมงาน คนงานจำนวนสองคนก็เริ่มใช้ไม้สอยทลายมะพร้าวลงสู่คูน้ำ ทั้งบีมและคุณนัทจึงเปียกม่อลอกม่อแลก แต่กระนั้นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากทั้งคู่ก็ดังก้องไปทั่วสวนมะพร้าว

“ไม่ยักรู้ว่าครอบครัวของคุณ..” บีมเปรยขึ้นเมื่อทั้งคู่กำลังร้อยเชือกกับทลายมะพร้าวแต่ละอันเข้าด้วยกัน เพื่อที่เวลาขนย้ายจะได้ลากเข้าสู่โรงงานขนาดย่อมที่คงจะตั้งกระจัดกระจายกันออกไป เพราะแปลงมะพร้าวของครอบครัวคุณนัทดูเหมือนจะมีพื้นที่หลายร้อยไร่ หรือบางทีอาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำ

“กว่าจะมาถึงขั้นนี้ได้ ผมก็ผ่านอะไรมาเยอะเหมือนกันครับ” คุณนัทกล่าวพลางยิ้มเพียงนิด และคำพูดนั้นก็คล้ายกับจุดประกายความหวังในหัวใจของบีมโดยไม่รู้ตัว

“คุณนัททำยังไงเหรอครับ ?” บีมเอ่ยถามด้วยความสนใจพร้อมก้าวเดินไปตามคูน้ำแล้วช่วยกันลากขบวนทลายมะพร้าวอันยาวเยียดไปยังโรงงาน

“ผมก็แค่พิสูจน์ตัวเองว่า ถึงผมจะไม่ได้เป็นอย่างที่พวกท่านคาดหวัง หมายถึงด้านครอบครัวที่มีพ่อแม่ลูกสมบูรณ์พร้อม แต่ผมก็สามารถรับผิดชอบชีวิตของตัวเองแล้วก็บริษัทของพวกท่านได้ ที่สำคัญผมต้องแสดงให้พวกท่านเห็นว่าผมมีความสุขกับสิ่งที่ผมเลือก ถึงแม้ว่าตอนนั้นจะยังไม่เจอคนที่อยากจะคบหาด้วยก็เถอะ แต่ที่ยอมเปิดเผยคงเป็นเพราะผมไม่อยากปิดบังพวกท่าน” คุณนัทเล่าไปก็ยิ้มไป ซึ่งบีมเข้าใจดีว่าครอบครัวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้นวิธีการดังกล่าวอาจใช้ได้ผลกับครอบครัวหนึ่ง แต่อีกครอบครัวหนึ่งอาจจะใช้ไม่ได้ผลก็เป็นได้ แต่อย่างน้อยภาพที่เห็นและสิ่งที่ได้รับรู้ในวันนี้ ก็ทำให้บีมมีความหวังและกล้าที่จะรักมากขึ้น

“แต่กับเรื่องรสนิยมแบบ BDSM ผมไม่ได้บอกพวกท่านหรอกครับ เกรงว่าจะเข้าใจกันยาก เพราะมันก็ค่อนข้างเป็นเรื่องที่พูดยากอยู่เหมือนกัน” บีมยิ้มรับอย่างเข้าใจ เนื่องจากรสนิยมแบบนี้มันออกจะขัดกับธรรมชาติของผู้คนโดยทั่วไปอยู่มาก เช่น ชาววนิลา อาจจะรู้สึกหวาดกลัวเมื่อได้รับความเจ็บปวด แต่กลุ่มคนที่มีรสนิยมแบบ BDSM กลับชื่นชอบเป็นพิเศษ เพราะพวกเขาจะรับรู้ได้ถึงความรักความเอาใจใส่ของพาร์ทเนอร์ผ่านทางบาดแผล หรือแม้แต่เรื่องของเซ็กส์ ชาววนิลาก็มักจะโปรดปรานรสชาติในแบบที่เป็นไปตามบรรทัดฐานของสังคม แต่ในขณะที่ชาว BDSM อาจจะรู้สึกว่าเซ็กส์แบบวนิลามันอิ่มเอมแต่กลับไม่อาจเติมเต็มความรู้สึกในส่วนลึก

“คุณโกรธหรือเปล่าครับที่ผมเอาเรื่องของคุณไปเล่าให้คนที่บ้านฟัง ทั้ง ๆ ที่เราสองคนยังไม่ได้เป็นอะไรกันด้วยซ้ำ” คุณนัทเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล บีมจึงได้แต่ส่งยิ้มพลางส่ายหน้า

“จริง ๆ คุณกับผมกำลังศึกษากันอยู่ก็ไม่ถือว่าไม่เหมาะสมนะครับ เพราะที่ผมสามารถเป็นตัวของตัวเองในบ้านสวนของคุณได้ ก็เพราะการพูดคุยของคุณไม่ใช่เหรอครับ อีกอย่างผมควรต้องขอบคุณคุณนัทด้วยซ้ำที่ทำให้ผมไม่ต้องรู้สึกเกร็งเพราะวางตัวไม่ถูก” บีมกล่าวอย่างคนผ่านการวิเคราะห์เหตุและผลเป็นอย่างดี

“พวกท่านบอกกับผมว่า ถึงแม้จะไม่เข้าใจความรู้สึกของคุณมากนัก แต่ก็เข้าใจเหตุผลที่ทำให้คุณหลงใหลการสวมใส่เดรสลูกไม้พวกนั้น” คุณนัทกล่าวพร้อมแก้ปมเชือกแล้วโยนทลายมะพร้าวขึ้นสู่พื้นดิน เพื่อที่คนงานจะได้นำเข้าไปเก็บยังโรงเรือนที่อยู่ตรงหน้า

“คุณรู้อะไรไหมครับ คำตอบนี้เหมือนตอนที่พวกท่านบอกว่าเข้าใจความชอบของผม แต่ไม่เข้าใจว่ามันเป็นความรู้สึกแบบไหน แต่ดูเหมือนตอนนี้พวกท่านจะเข้าใจแล้วว่าความรู้สึกของการชอบเพศเดียวกันก็เป็นแค่ความรักในรูปแบบหนึ่งเท่านั้น” คุณนัทกล่าวเป็นการปิดท้ายพร้อมโยนทลายมะพร้าวขึ้นสู่ด้านบนอย่างต่อเนื่อง ขณะที่บีมได้แต่มองไปยังครอบครัวของคุณนัทที่กำลังยืนกำกับคนงานให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพด้วยความรู้สึกหลากหลาย โดยที่บีมก็เผลอแย้มยิ้มให้กับคำตอบของพวกท่านที่ทำให้บีมกล้าที่จะแสดงความชอบของตัวเองมากขึ้น

--------------------------✁


[1] Switch (สวิทช์) คือ การทำกิจกรรมหรือการเพลย์โดยเป็นดอมหรือซับก็ได้ แต่จะขึ้นอยู่กับอารมณ์ ความรู้สึก หรือสถานการณ์ในขณะนั้น

[2] Vanilla (วนิลา) หมายถึง คนหรือเพศสัมพันธ์ที่เป็นไปตามบรรทัดฐาน


ยังคงเข้าสู่เนื้อหากันต่อไปจ้า ความสัมพันธ์ของนัทกับบีมจะได้ชัดเจนขึ้น เพราะจริง ๆ บีมก็ถลำลึกมาก ๆ แล้วแหละ แต่ความกลัวกับความสิ้นหวังยังมีอยู่มาก

สำหรับตอนนี้ก็เปิดเผยเหตุผลที่เราเลือกเขียนฉากเลิฟซีนถี่กว่าเรื่องอื่นที่เคยเขียน เพราะการเพลย์สำหรับบีมคือการผ่อนคลายตัวเองจากชีวิตประจำวัน จะเห็นได้ว่าการเพลย์ส่วนใหญ่ของนัทกับบีมจะเป็นในรูปแบบโรลเพลย์ที่มีการกำหนดบทบาท ดังนั้นในช่วงเวลาแบบนี้ก็จะทำให้ทั้งคู่ละทิ้งตัวตนในชีวิตจริงออกไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2020 13:53:34 โดย Chomin »

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
สนุก น่าติดตาม อย่กอ่านต่อค่ะ

ออฟไลน์ Chomin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +146/-1
ตอน 11

หลังขึ้นจากคูน้ำสิ่งแรกที่คุณย่าบอกให้ทำคือการไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อรอทานมื้อเย็นพร้อมกัน บีมจึงเสียเวลาไปกับการเลือกเสื้อผ้าอยู่นาน อาจเพราะเดิมทีไม่ทันคาดคิดว่าบ้านสวนของคุณนัทจะเต็มไปด้วยผู้หลักผู้ใหญ่ จึงเตรียมมาแต่เดรสลูกไม้ที่ค่อนข้างเปิดโชว์เนื้อหนัง

บวกกับคุณย่าบอกว่าหลังจากทานมื้อเย็นเสร็จจะให้คุณพ่อกับคุณแม่เต้นลีลาศให้ดู ซึ่งคุณนัทก็สบโอกาสอวดอ้างความเก่งกาจของบีมอย่างภาคภูมิใจ คุณย่าก็เลยอยากเห็นบีมใส่เดรสกระโปรงบาน เวลาที่หมุนตัวจะได้พลิ้วไหว และทันทีที่บีมปรากฏตัวในชุดเดรสลูกไม้ประเภท POINT D’ESPRIT สไตล์วินเทจแขนยาวที่มีลักษณะเด่นคือวงกลมขนาดเล็กบนเนื้อผ้าบางเบา แต่กระนั้นก็ไม่ได้เปิดโชว์เนื้อหนังมากนัก เพราะช่วงอกประดับด้วยผ้าลูกไม้ประเภท EMBROIDERED LACE เพียงแต่ไม่ได้มีการประดับลูกปัดเหมือนกับตัวอื่น เพราะชุดนี้บีมใช้ริบบิ้นสีน้ำตาลอ่อนผูกเป็นโบว์ตรงบริเวณคอปกและข้อมือทั้งสองข้าง ส่วนช่วงเอวประดับด้วยเข็มกลัดประกายเพชรราวกับเข็มขัดเรียบหรู เข้ากันดีกับหมวกสไตล์ผู้ดีอังกฤษสีโอรสที่ต้องสวมในแนวเฉียง 45 องศา

คุณย่าดูจะชอบรูปลักษณ์แบบนี้ของบีมมาก เพราะท่านชมว่าสวยและยังชอบเสื้อผ้าจากห้องเสื้ออิสระ จูเลียตคนงามจึงได้แต่ยิ้มแก้มปริ กระทั่งการเต้นลีลาศในจังหวะชะชะช่าถูกประเดิมด้วยคุณพ่อกับคุณแม่ บรรยากาศหลังจากทานมื้อเย็นก็ดูสนุกสนานขึ้นทันตา

บีมจึงเหมือนกับหลงลืมไปแล้วว่าที่ผ่านมาไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้องเดรสสำหรับผู้หญิง เพราะการสั่งห้ามของพ่อกับแม่มานานแค่ไหน อิสระที่กำลังได้รับทำให้บีมกล้าโผบินบนฟลอร์เต้นรำอย่างงดงาม เรียกได้ว่ามีจริตเท่าไหร่ก็ใส่ไม่ยั้ง เพราะบีมรู้สึกว่าการเต้นลีลาศ ถ้าหากอยากให้เต็มไปด้วยความงดงามก็จะต้องแสดงจริตที่เข้ากันดีกับจังหวะเพลง

“คุณย่าดูเหมือนจะชอบลุคจูเลียตของคุณมาก แต่ผมก็ไม่แปลกใจนัก เพราะคุณในลุคแบบนี้งดงามจนใคร ๆ ก็ไม่อาจมองข้าม” นัทเอื้อนเอ่ยขณะหันหน้าไปทางด้านซ้ายแล้ววาดแขนออกไปทางด้านข้างตามจังหวะเพลง

“ยิ่งได้รู้จักกัน ผมยิ่งรู้สึกว่าคุณนัทเป็นคนปากหวาน” บีมกล่าวพลางกลั้วหัวเราะขณะย่ำเท้าไปตามสเต็ป ส่วนฝ่ายคุณพ่อกับคุณแม่ดูเหมือนจะเริ่มเหนื่อยแล้ว บนฟลอร์เต้นรำจึงมีเพียงคนวัยหนุ่มที่ยังคงหลงใหลไปกับบทสนทนาเคล้าเสียงเพลง

“แต่ผมพูดจริง ๆ นะครับ คุณไม่รู้สึกบ้างเหรอ ถ้าหากคนเราเลือกแต่งตัวเหมาะกับบุคลิกของตัวเองก็จะทำให้ทุกอย่างดูน่ามองไปหมด ซึ่งคุณเป็นคนแบบนั้นในสายตาผม คำคำนั้นจึงไม่ใช่คำเยินยอที่เกินจริง เพราะสำหรับผมทุกคนมีเสน่ห์แตกต่างกันครับ เพียงแต่เสน่ห์ของคุณคลิกกับใจของผมมากที่สุด” คุณนัทหัวเราะเพียงเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยสำทับความคิดของตัวเองอย่างจริงจัง

“คุณกำลังจีบผมด้วยสีหน้าเหมือนคุณกำลังเจรจาธุรกิจ” บีมเอ่ยแกมหยอกเย้าเป็นการแก้เขิน ขณะที่เรียวแขนก็วาดไปทางด้านข้าง เมื่อกำลังหมุนตัวไปทางด้านซ้าย ส่งผลให้ชายกระโปรงพลิ้วไหวอย่างงดงาม

“คุณล้อผมแบบนี้ก็เขินแย่สิครับ ต่อไปคงต้องฝึกยิ้มให้คุณบ่อย ๆ จะได้ไม่ถูกแซว” คุณนัทกล่าวพร้อมยกยิ้มกว้างเหมือนกับตอนที่อยู่ในลิฟต์เมื่อหลายวันก่อน ซึ่งมันทำให้บีมเต้นจนผิดจังหวะ ซ้ำยังข้อเท้าพลิกเพราะใส่ส้นสูง

“เดี๋ยวผมไปเอารองเท้าแตะมาให้คุณเปลี่ยนดีกว่าครับ” คุณนัทรีบขันอาสาแล้วก็ผละจากไปอย่างรีบร้อน มองดูก็รู้ว่าเป็นห่วงบีมมาก ฝ่ายผู้บาดเจ็บถึงได้มองตามร่างนั้นจนสุดสายตา

จากนั้นทั่วบริเวณก็เริ่มเงียบสงบ เมื่อคุณย่าปิดเพลงของสุนทราพรเพื่อเดินลงจากระเบียงมาหาบีมตรงโต๊ะหินอ่อนใต้ต้นปีบ ทำเอาบีมที่กำลังหมุนดอกไม้อันมีกลิ่นหอมเย็นถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ

“ย่าเอายาหม่องมาให้นวดเท้าแน่ะ” คุณย่าวางยาหม่องลงบนฝ่ามือของบีมพร้อมยกยิ้ม ขณะที่คุณพ่อกับคุณแม่ก็ตามมาดูอาการเช่นกัน

“ขอบคุณครับ” บีมเอ่ยแกมเขิน เพราะพูดคุยกับผู้หลักผู้ใหญ่ไม่ค่อยเก่ง

“หนูบีมคงจะชอบการตัดเสื้อมาก” คุณย่ากล่าวคล้ายกับจะหาเรื่องชวนคุย

“ใช่ครับ บีมก็เลยหาทางศึกษาด้วยตัวเอง จากนั้นพอเริ่มมีเงินเก็บก็เลยกลับไปเรียนทางด้านแฟชั่นดีไซน์ให้จบ เพราะก่อนหน้านี้บีมดรอปเรียนไว้ครับ” บีมกล่าวอย่างนอบน้อมพร้อมหันไปยิ้มให้กับทุกฝ่ายจนครบถ้วน

“เก่งนะเนี่ยยังหนุ่มยังแน่นแต่ก็สร้างแบรนด์ของตัวเองได้” คุณพ่อเอ่ยชมจนบีมต้องรีบขอบคุณ พร้อมทั้งปฏิเสธอย่างถ่อมตัวว่า “บีมยังต้องพัฒนาอีกไกลเลยครับ”

“เห็นเจ้านัทบอกว่าเราชอบผ้าลูกไม้มาก” คุณแม่เป็นฝ่ายเปิดประเด็นขึ้นมาบ้าง

“ที่บีมชอบผ้าลูกไม้เป็นเพราะมันคือก้าวแรกของห้องเสื้ออิสระครับ ตอนนั้นบีมอยู่ประมาณ ม.3 เริ่มถักผ้าลูกไม้ประเภทโครเชต์ตามหนังสือหรือไม่ก็ในอินเตอร์เน็ตครับ” บีมตอบกลับพลางยกยิ้ม แต่กระนั้นก็ไม่ได้คิดจะเล่ารายละเอียดมากนัก เพราะดูเหมือนพวกท่านจะทราบแค่เพียงว่า คุณนัทกำลังตามจีบบีมที่มีรสนิยมชอบแต่งหญิงเท่านั้น

“กับเจ้านัทรู้จักกันได้ยังไงเหรอจ้ะ” คุณแม่เริ่มตั้งคำถามเจาะลึก

“เราอยู่เพนท์เฮ้าส์เดียวกันครับ แล้วร้านของบีมก็เปิดสาขาอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าของคุณนัทเลยมีโอกาสได้รู้จักกัน” บีมเลือกตอบคำถามให้ออกมาดูดีที่สุด เพราะความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาค่อนข้างอธิบายยาก

“จริง ๆ น่าจะค้างพรุ่งนี้อีกสักคืนนะ” คุณย่าเอ่ยเสียงแผ่ว คล้ายกับอยากอยู่กับหลานชายให้นานกว่านี้

“บีมเองก็อยากอยู่ที่นี่ต่อครับ เพราะอากาศปลอดโปร่งให้ความรู้สึกสงบกว่าในกรุงเทพ แล้วบีมก็เพิ่งจะมีเวลาได้พักหลังจากที่โหมงานหนักมา 5 เดือน เพียงแต่บีมเป็นโรคเดินละเมอครับก็เลยกังวลว่าจะสร้างปัญหาให้กับทุกคน” บีมกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เพราะสิ่งหนึ่งที่ทำให้เกิดความลังเลว่าจะค้างมากกว่าหนึ่งคืนหรือไม่ก็คืออาการของโรคเดินละเมอ เนื่องจากบ้านหลังนี้เป็นบ้านไม้ที่ค่อนข้างเปิดโล่ง อีกทั้งยังมีคูน้ำอยู่ตรงหน้าบ้าน มิหนำซ้ำหน้าต่างก็ไม่ได้แน่นหนาเหมือนกับที่เพนท์เฮ้าส์และยังอยู่สูงกว่าพื้นดินมาก บีมเลยกลัวว่าตัวเองจะบ้าบิ่นกระโดดออกไปโดยที่คุณนัทไม่ทันตั้งตัว

“นัทให้ย่าเตรียมโมบายเอาไว้แล้ว รับรองว่าถ้าหากบีมเดินละเมอออกจากห้องหรือว่าลุกขึ้นมาเปิดหน้าต่างเมื่อไหร่ โมบายจะต้องส่งสัญญาณเตือนภัยให้นัทรับรู้แน่นอน” คุณย่ากล่าวพร้อมกอบกุมฝ่ามือของบีมไว้ หัวใจของบีมจึงรู้สึกอบอุ่นและมันก็ทำให้กระบอกตาร้อนผ่าวที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากทุกคนที่บ้านสวน

“อ้าวแล้วกัน ไอ้ตัวแสบมาปลอบหนูบีมที ย่าจะเข้านอนแล้ว พรุ่งนี้ยังต้องลุยงานแต่เช้า” พอคุณนัทเดินกลับมาที่สวนข้างบ้าน คุณย่าก็เลยขอตัวเข้านอน คุณพ่อกับคุณแม่จึงต้องประคองท่านขึ้นเรือน

“คุยอะไรกันอยู่เหรอครับ” นัทเอ่ยถามพร้อมทรุดตัวนั่งยองกับพื้นเพื่อนวดบริเวณฝ่าเท้าให้ผู้บาดเจ็บ

“เรื่องที่ผมเดินละเมอครับ” บีมตอบพลางยกยิ้มพร้อมปาดน้ำตาป้อยๆ

“ผมแขวนโมบายเรียบร้อยแล้วครับ ตอนที่เราเปลี่ยนเสื้อกัน คุณคงไม่ทันสังเกต ผมรับรองว่าคุณจะปลอดภัยเหมือนกับตอนที่อยู่เพนท์เฮ้าส์” คุณนัทกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมนวดฝ่าเท้าจนเส้นเริ่มคลาย เวลาทิ้งน้ำหนักตัวจึงไม่ค่อยเจ็บจี๊ดเหมือนทีแรก

“ถ้าอย่างนั้น เราสองคนค่อยกลับกรุงเทพเช้าวันจันทร์ดีไหมครับ” ทันทีที่บีมเอ่ยถามก็สร้างความแปลกใจให้กับอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก อาจเพราะกิตติศัพท์ด้านการโหมงานหนัก บ่งบอกถึงความเป็นบีมได้อย่างชัดเจน คุณนัทเลยไม่คาดคิดว่าวันหนึ่งบีมนึกอยากจะปล่อยวางหน้าที่การงานที่ไม่อาจหยุดก้าวเดินได้เพียงครู่

“ได้สิครับ ถ้าอย่างนั้นคืนนี้เราไปนั่งรถเล่นกันดีไหม” คุณนัทยื่นข้อเสนอพลางสวมรองเท้าให้ผู้บาดเจ็บ

“ครับ” สิ้นคำตอบคุณนัทก็อนุญาตให้บีมใช้วงแขนเป็นที่ยึดเหนี่ยว บีมจึงเดินตรงไปยังลานจอดรถเรียบแนวต้นมะพร้าวน้ำหอมที่อยู่ตรงปากทางเข้าของตัวบ้าน

“คุณนัทขี่มอเตอร์ไซค์เป็นด้วยเหรอครับ ?” บีมเอ่ยถามอย่างแปลกใจ เมื่ออีกฝ่ายเริ่มสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์ที่ค่อนข้างจะเก่ามากแล้ว เพราะด้วยภาพลักษณ์ของผู้บริหารที่มีผู้คนล้อมหน้าล้อมหลังดูจะเหมาะกับรถยนต์แบรนด์หรูเสียมากกว่า เลยไม่ทันคาดคิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นเศรษฐีที่ค่อนข้างติดดินและยังชอบใช้ชีวิตเรียบง่าย

“รับรองว่าปลอดภัยแน่นอนครับ แต่ถ้าหากคุณไม่มั่นใจฝีมือของผม คงต้องกอดเอวผมให้แน่น ๆ แล้วล่ะครับ” สิ้นคำกล่าวนั้นบีมก็ได้แต่ยกยิ้มพลางนั่งพาดขาซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์คันเก่า ขณะเดียวกันความมืดมิดก็ถูกแสงไฟจากหน้ารถสาดส่องจนมองเห็นเส้นทางดินขนาบข้างด้วยทิวมะพร้าวน้ำหอม

บีมจึงสูดลมหายใจเข้าจนสุดปอด เพราะอากาศในยามค่ำคืนให้ความรู้สึกเย็นฉ่ำ บวกกับกลิ่นดินและสุ้มเสียงจากธรรมชาติ ทำให้บีมเริ่มดำดิ่งลงสู่ความหลงใหล สองมือจึงกล้าที่จะโอบรอบเอวของคุณนัทอย่างเชื่องช้า

“ท้ายสวนมีบ่อน้ำขนาดใหญ่ สามารถมองเห็นพลุไฟจากงานวัดที่อยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยนะครับ” คุณนัทตะโกนแข่งกับเสียงลม

“ครับ” บีมเองก็ตะโกนตอบกลับไป เพียงแต่มันกลับเป็นช่วงเวลาสบาย ๆ ที่บีมรู้สึกชื่นชอบ สัมผัสโอบกอดที่เคยหละหลวมจึงเริ่มแนบแน่น

“คุณไม่เคยนั่งพาดขาแบบนี้ต้องระวังนะครับ” คุณนัทยังคงเอ่ยเตือนด้วยความเป็นห่วง บีมจึงเริ่มโอบกอดอีกฝ่ายยิ่งกว่าเดิม
 


กระทั่งบ่อน้ำอันกว้างใหญ่ที่คงจะเอาไว้ใช้สำหรับการเกษตรปรากฏอยู่ตรงหน้า บีมจึงคลายอ้อมกอดแล้วทิ้งน้ำหนักปลายเท้าลงบนพื้นดิน ขณะที่คุณนัทยังคงนั่งคร่อมอยู่บนมอเตอร์ไซค์คันเก่า

“ห้า” คุณนัทก้มมองนาฬิกาข้อมือ จากนั้นจึงเริ่มนับถอยหลัง

“สี่ สาม สอง..” บีมจึงเริ่มนับถอยหลังประสานเสียงกับคุณนัท

“ปัง!” ทันทีที่คุณนัทเอื้อนเอ่ยคำดังกล่าว พลุหลากสีก็ส่องสะท้อนอยู่บนฟากฟ้าจนอาบไล้ใบหน้าของบีมให้เต็มไปด้วยสีแดงบ้าง เหลืองบ้าง เขียวบ้าง ขณะที่สารถีหนุ่มกลับจ้องมองรอยยิ้มของคนข้างกายอย่างไม่ละสายตา

“คุณเคยมานั่งดูพลุแบบนี้ไหมครับ” นัทเริ่มตั้งคำถามขณะที่เสียงพลุยังคงดังระงมอย่างต่อเนื่อง

“ไม่เคยเลยครับ เพราะชีวิตของผมมีแต่ห้องเสื้ออิสระ” บีมเอ่ยตอบขณะที่ดวงตายังไม่ละจากงานศิลปะบนท้องฟ้า แต่ทว่าลำตัวของบีมกลับค่อย ๆ เอนเข้าหามอเตอร์ไซค์คันเก่าทำให้ระยะห่างระหว่างทั้งคู่เริ่มหมดไป

“ถ้าอย่างนั้นผมจะถือว่านี่คือเดทแรกของเรา” สิ้นคำพูดนั้นบีมจึงหันมองอีกฝ่ายพร้อมยกยิ้ม จากนั้นก็มองจ้องการแสดงพลุไฟอย่างเงียบเชียบ ฝ่ายสารถีจึงได้แต่ยิ้มแก้มปริ ขณะที่ฝ่ามือก็เอาแต่ละล้าละลังว่าจะกอบกุมกับอีกฝ่ายดีหรือไม่

“คุณนัทคิดว่าตอนนี้เราศึกษากันดีพอหรือยังครับ” บีมเป็นฝ่ายเปิดบทสนทนาพร้อมวางฝ่ามือลงบนเบาะมอเตอร์ไซค์ แต่ทว่าปลายนิ้วกลับซ้อนทับปลายนิ้วของอีกคน บีมจึงหายใจสะดุดไปช่วงหนึ่ง แต่ก็ยังไม่ยอมขยับฝ่ามือออกห่างแม้แต่องศาเดียว

“สำหรับผม มันนานพอที่จะรู้สึกชอบทุกอย่างที่เป็นคุณ” น้ำเสียงเรียบนิ่งแต่กลับทรงพลังต่อจิตใจของบีมอย่างมากล้น ใบหน้าของบีมจึงเริ่มแดงก่ำ ขณะที่หัวใจกำลังเต้นระรัวด้วยความหวั่นไหว

“สำหรับผม มันก็นานพอที่จะเริ่มถลำลึก” ในความรู้สึกของนัทคำสารภาพรักอันลึกซึ้งของบีมก็ไม่ต่างกับพลุไฟดวงสวยที่เมื่อพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าก็กระจายตัวออกเป็นรูปร่างอย่างงดงาม เพราะเวลานี้หัวใจของนัทกำลังเต็มไปด้วยความสุขที่ค่อย ๆ แพร่กระจายอย่างไม่มีจุดสิ้นสุด

สารถีหนุ่มจึงเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่ายอย่างเชื่องช้า ขณะที่บีมกลับหลับตาพริ้มอย่างเต็มใจ และในวินาทีที่ริมฝีปากของทั้งสองสัมผัสกัน พลุหลากสีก็เปล่งประกายอยู่บนฟากฟ้า อาบไล้ดวงหน้าของทั้งคู่ให้เต็มไปด้วยสีสัน



จนกระทั่งความเงียบสงบเริ่มมาเยือน บีมจึงรับรู้ถึงรสจูบอันแสนอ่อนหวานตามแบบฉบับของชาววนิลา ซึ่งในเวลานี้กำลังจะทำให้บีมหลอมละลายโดยไม่รู้ตัว เพราะคุณนัทเลือกใช้สัมผัสที่ค่อนข้างอ่อนโยน แต่ทว่ากลับตราตรึงในจิตใจอย่างบอกไม่ถูก

“อยากกลับหรือยังครับ ?” หลังจากผละออกจากกัน ทั้งคู่ก็จ้องมองท้องฟ้าในยามราตรีมาเนิ่นนาน คุณนัทเลยเอ่ยถาม บีมจึงส่ายหน้าเป็นคำตอบขณะกำลังเอนพิงช่วงตัวของผู้ถามแทนมอเตอร์ไซค์คันเก่า

“ถ้าอย่างนั้นผมคงต้องยอมให้คุณนอนดึกได้แค่วันนี้” นัทกล่าวพลางโอบช่วงเอวของบีมไว้

“แล้วถ้าหากผมดื้อดึง นายท่านจะทำยังไงเหรอครับ” บีมเอ่ยถามอย่างยั่วเย้า

“ผมก็คงต้องจับนายใส่ปลอกคอเพื่อควบคุมความประพฤติจนกว่าจะเลิกดื้อดึง” คุณนัทในมาดของนายท่านรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันก็ไม่ได้ทำให้บีมนึกหวาดกลัวแต่อย่างใด

“ถ้าอย่างนั้นนายท่านอาจจะต้องให้ผมใส่ปลอกคอจนกว่าจะกลับกรุงเทพแล้วล่ะครับ” บีมกล่าวพร้อมหันหน้าไปส่งสายตาให้อีกฝ่ายอย่างใจกล้า เพราะเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่บีมจะต้องขัดเขิน แต่กลับชอบและระริกระรี้อยากจะถูกสั่งสอนเสียมากกว่า

“ดูเหมือนนายจะไม่หวาดกลัวเลยสักนิด แถมยังอวดดีไม่เข้าท่า ผมคงต้องเพิ่มมาตราการอีกสักหน่อย” นายท่านกล่าวด้วยสีหน้าแกมเจ้าเล่ห์ ทำให้บีมเริ่มรู้สึกว่าการเพลย์ในครั้งต่อไปอาจจะเจอดีในแบบที่คาดไม่ถึง

“มาตราการอะไรเหรอครับนายท่าน” บีมเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“คนช่างดื้อดึงอย่างนาย ถ้าหากผมบอกก่อน เกรงว่าจะไม่รู้จักคำว่าอย่าอวดดี” นายท่านเอื้อนเอ่ยพร้อมแค่นยิ้มเพียงนิด ทำให้บีมรับรู้ว่าบทลงโทษในครั้งนี้จะต้องเต็มไปด้วยความสิเน่หาจากนายท่านเป็นแน่

--------------------------✁


อิอิ ตอนนี้หวาน ๆ ไปกับฉากสวย ๆ ของการสารภาพรักท่ามกลางพลุงานวัดที่ชวนให้รู้สึกโรแมนติกกันบ้าง
ส่วนตอนหน้ามาเข้าสู่การเพลย์และปมของบีมในระดับลึกขึ้นอีกนิดค่ะ
ช่วงนี้เหมือนจะมีคนมาอ่านเพิ่มขึ้นทุกเว็บที่เราลงไว้เลย ขอบคุณมากนะคะ หวังว่าจะชอบ BDSM ในแบบของนัทกับบีมค่ะ

ปล. ใครที่เล่นทวิตติดแท็ก #ความลับของช่างตัดเสื้อ กันได้นะคะ เราจะได้รีไปในแอคนิยายของเราค่ะ เพราะเหมือนว่าตอนนี้แอคนักเขียนจะโดนสแปมหรือเปล่าไม่แน่ใจ เพราะเราดูไม่เป็น 555 คือเราติดแท็กนิยายแล้วมันไม่ขึ้นในหน้ารวมแท็กเลยค่ะ แล้วเราก็ไม่รู้ว่าจะทวิตอะไรเพื่อให้มันดูไม่เหมือนบอทด้วย 555 เลยกะจะรีทวิตเผื่อมันจะทำให้เวลาเราอัพทวิตคนอื่นจะได้ผ่านเห็นนิยายของเรามากขึ้น ใครมีทางแก้บอกบุญทีนะคะ เรางมวิธีแก้มานานมากจริง ๆ ค่ะ 555
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-01-2020 14:07:44 โดย Chomin »

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ตื่นเต้นทุกครั้งที่เขาจะเพลย์กันค่ะ รอติดตามนะคะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ Chomin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 363
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +146/-1
ตอน 12

เช้าวันรุ่งขึ้นก่อนจะไปช่วยกิจการมะพร้าวน้ำหอมของครอบครัวคุณนัท บีมได้แต่นั่งคุกเข่าเปลือยกายอยู่ตรงหน้านายท่านหลังจากอาบน้ำชำระร่างกายเรียบร้อยแล้ว เพื่อทำพิธีรับมอบปลอกคออันงดงามที่มีลักษณะคล้ายสร้อยหนังสีดำแบบแฟชั่นเพราะตัวแม่กุญแจเหมือนกับจี้รูปหัวใจเสียมากกว่า ดังนั้นการสวมใส่ออกไปข้างนอกอาจจะไม่สะดุดตามากนัก

“วันนี้ผมจะพาสัตว์เลี้ยงอย่างนายไปเดินเล่น” สิ้นคำกล่าวนั้นนายท่านก็ลุกออกจากเก้าอี้ตรงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อไปหยิบอุปกรณ์จำเป็นบางอย่างในกระเป๋าเสื้อผ้า บีมจึงรับรู้ได้ทันทีว่าการเพลย์ในวันนี้มาในรูปแบบของ ‘Pet Play’ เพียงแต่ไม่ใช่บทลงโทษสำหรับทาสผู้แสนอวดดีในวันวาน

“เดิมทีผมจะพาสัตว์เลี้ยงอย่างนายไปนั่งรถเล่นก่อนจะกลับกรุงเทพ” นายท่านเปรยขึ้นอย่างไม่รีบร้อน จากนั้นจึงหยิบบัตต์ปลั๊กที่มีลักษณะนุ่มฟูคล้ายกับหางแมวออกมาจากถุงซิปล็อก บ่งบอกถึงการเก็บรักษาเป็นอย่างดี ซึ่งตัวหางดูเหมือนจะทำจากขนแท้จึงมีความนุ่มฟูน่าสัมผัส

“เจ้าเหมียวมานี่สิ” นายท่านเอ่ยเรียกพร้อมตบหน้าขาเพียงเบา ๆ เพื่อส่งสัญญาณให้แมวเหมียวอย่างบีมพาดกายให้เจ้านายยลโฉม

“เด็กดี.. วันนี้ผมจะพานายไปนั่งเล่นระหว่างที่ผมกำลังแปรรูปมะพร้าวน้ำหอม” นายท่านกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น บ่งบอกถึงภาพลักษณ์ของมนุษย์ทาสแมวได้เป็นอย่างดี จากนั้นฝ่ามือที่เคยกอบกุมกันตั้งแต่เมื่อค่ำคืนวานก็ลูบไล้เรือนผมเรื่อยมาจนถึงแผ่นหลังและปิดท้ายที่สะโพกกลมกลึง

“เจ้าเหมียวนายอยากไปเที่ยวหรือเปล่า” ผู้เป็นเจ้าของยื่นหน้าเข้ามาใกล้พร้อมเอ่ยถามด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม ขณะที่ฝ่ามือกลับแต่งแต้มความเย็นฉ่ำของเจลหล่อลื่นบริเวณช่องทางด้านหลังจนฉ่ำเยิ้ม เพราะการใช้บัตต์ปลั๊กไม่ใช่นึกอยากสอดใส่ก็ทำได้เลย เนื่องจากขนาดของมันอาจจะทำให้เกิดอาการฉีกขาดตรงบริเวณช่องทางด้านหลัง อีกทั้งฝ่ายซับอย่างบีมดูเหมือนจะไม่เคยรับมือกับการมีเซ็กส์มากนัก นัทจึงต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษ

“เหมี้ยว~” บีมขานรับเสียงเล็กเสียงน้อยขณะผงกศีรษะอย่างน่าเอ็นดู จากนั้นผู้เป็นนายจึงค่อย ๆ เสริมสร้างภาพลักษณ์ของเจ้าแมวเหมียวในความดูแลให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น จนบีมเริ่มรับรู้ได้ถึงความนุ่มนิ่มจากขนปุกปุยที่เคล้าคลอบริเวณต้นขาด้านใน

“เจ้าเหมียวหางของนายนุ่มมาก” นายท่านเอ่ยชมทันทีที่ความคับแน่นเข้ามาทักทาย บีมจึงหันไปสบสายตากับเจ้านายพร้อมเปล่งเสียงเล็ก ๆ ว่า “เหมี้ยว~”

“ผมชอบ อย่าทำหลุดเสียล่ะ” นายท่านเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มขณะกดปลายจมูกลงบนข้างแก้มของสัตว์เลี้ยงตัวโปรด แต่ทว่าฝ่ามือกลับไม่ได้อยู่นิ่ง

“ม..เหมี้ยว~” บีมครางเสียงกระเส่าเมื่อนายท่านแกล้งกระตุกปลายหางเพียงเบา ๆ แมวเหมียวตัวน้อยจึงต้องพยายามรักษาปลั๊กหางอันนุ่มฟูสุดชีวิต แต่กระนั้นการตอดรัดก็ทำให้ความหวามไหวอบอวนไปทั่วสรรพางค์กาย แผ่นหลังจึงโค้งงอราวกับแมวเหมียวกำลังยืนบิดขี้เกียจ

“แต่งตัวเถอะครับเริ่มสายแล้ว” พอเจ้านายอนุญาตบีมจึงเดินไปยังเตียงนอนเพื่อสวมใส่เสื้อยืดและกางเกงสุดมอซอที่อีกฝ่ายเตรียมไว้ เนื่องจากภารกิจในวันนี้คือการแปรรูปมะพร้าวน้ำหอมเพื่อเตรียมส่งออกไปยังห้างสรรพสินค้าในเครือของครอบครัวคุณนัทหรือพ่อค้าคนกลางทั้งในและนอกประเทศ

“เจ้าเหมียวหางของนายผมหวงมาก ซ่อนมันไว้ให้ดีล่ะ” กระทั่งบีมคาดเข็มขัดเรียบร้อย นายท่านก็เดินเข้ามาตรวจตรา พร้อมเก็บซ่อนพวงหางสีน้ำตาลปนเทาอย่างมิดชิด สะโพกของบีมจึงพองลมอย่างไม่เป็นธรรมชาติ จากนั้นคุณนัทจึงเดินไปล้างมือในห้องน้ำเพื่อเตรียมปฏิบัติงานอย่างจริงจัง



“มะพร้าวน้ำหอมที่บ้านของผมจะใช้พันธุ์ฟาร์มอ่างทองครับ เพราะให้ผลใหญ่และน้ำจะหอมกว่าพันธุ์อื่น ส่วนเวลาแปรรูปลงกล่องเพื่อส่งออกต่างประเทศจะให้รูปทรงที่สวยงามกว่า” คุณนัทอธิบายพลางใช้สายจูงเกี่ยวรั้งกับปลอกคอ ราวกับเจ้าของกำลังจะพาสัตว์เลี้ยงไปเดินเล่น

สองขาจึงก้าวเดินลงจากชั้นสองของตัวบ้านด้วยความตื่นเต้น เพราะสภาพของบีมในตอนนี้อาจจะสร้างความประหลาดใจให้กับผู้พบเห็น ส่งผลให้ยิ่งคิดยิ่งจินตนาการ บีมก็ยิ่งเบิกบานอย่างบอกไม่ถูก

“วันนี้ผมจะลองให้คุณสัมผัสกับชีวิตชาวสวนมะพร้าวอย่างแท้จริง” คุณนัทกล่าวพลางแย้มยิ้ม จากนั้นจึงพาบีมเดินลัดเลาะไปทางซ้ายมือของตัวบ้าน คาดว่าคงจะมีโรงเก็บมะพร้าวหรือจะเรียกว่าสถานที่แปรรูปอีกแห่งหนึ่งก็ย่อมได้

“ดูเหมือนฝนน่าจะตกนะครับ” บีมเงยหน้ามองท้องฟ้าที่โผล่พ้นทิวมะพร้าวน้ำหอมอันสูงลิบลิ่วก่อนจะเริ่มคาดเดา

“ตกก็ดีครับ คุณจะได้ไม่ร้อน” คุณนัทตอบกลับอย่างรวดเร็ว ทำเอาบีมอดจะแย้มยิ้มไม่ได้ จากนั้นไม่นานบีมก็เริ่มมองเห็นโรงเรือนสำหรับปฏิบัติงานที่มีทลายมะพร้าววางกองอยู่ เพียงแต่พื้นที่ดังกล่าวกลับไม่มีคนงานแม้แต่คนเดียว จึงไม่แปลกที่คุณนัทจะกล้าพาสัตว์เลี้ยงอย่างบีมออกมาเดินเล่นด้วยความประเจิดประเจ้อ

“หลังจากทานมื้อเช้า ผมร้องขอความเป็นส่วนตัวของเรากับคุณย่า” คุณนัทอธิบายด้วยถ้อยคำแสนเข้าใจง่าย บีมเลยได้แต่ยกยิ้ม เพราะการมาแปรรูปมะพร้าวก็ไม่ต่างกับการมาเดทที่แอบแฝงกิจกรรมการเพลย์ในที่สาธารณะ

“การแปรรูปมะพร้าวน้ำหอม ไม่ใช่การปรับเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ไปเป็นอย่างอื่นเหมือนกับผลไม้ทั่วไปนะครับ แต่เป็นการทำให้ลูกมะพร้าวมีความสวยงามและมีขนาดเท่ากัน” คุณนัทยังคงอธิบายอย่างคนมากความรู้พลางนั่งบนเก้าอี้ตัวสูงขนาดพอเหมาะกับเขียงไม้เพื่อเริ่มปฏิบัติงาน ขณะที่พวงหางของบีมก็โผล่พ้นออกมาจากร่มผ้าเป็นสัญญาณของการรับบทสัตว์เลี้ยงตัวโปรดของนายท่าน บีมจึงได้แต่มองอีกฝ่ายพันผูกสายจูงไว้กับขาเก้าอี้ด้วยดวงตาอันใสแจ๋ว

“ก่อนอื่นเราจะต้องร่อนเปลือกสีเขียวออก จากนั้นก็นำมาฟั่นเปลือกสีเขียวที่ยังเหลืออยู่ แล้วก็โหลดเปลือกให้ขนาดของมะพร้าวมีรูปทรงแบบเดียวกันและต้องมีขนาดเท่ากัน” นายท่านอธิบายพร้อมหยิบมีดเรียวยาวเลาะเปลือกเขียวออกอย่างชำนาญ บีมจึงมองหามีดแบบเดียวกันและลองทำตามอย่างตั้งใจ ราวกับแมวเหมียวพบเจอของเล่นที่แสนถูกใจ 

“อันที่จริงหน้าที่นี้ผมไม่ค่อยได้ทำบ่อยนัก แต่จะทำเฉพาะเวลาที่คนงานไม่เพียงพอ” นายท่านกล่าวพร้อมเลาะเปลือกสีเขียวของมะพร้าวน้ำหอมต่อไป ขณะที่บีมกำลังทำความเข้าใจเจตนาของอีกฝ่าย เพราะการใช้แรงงานในรูปแบบนี้ มันคือการเปิดหูเปิดตาอย่างหนึ่งและยังเป็นการเปิดโอกาสให้บีมได้เรียนรู้วิถีชีวิตของชาวสวนอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งก็น่าสนุกดีเหมือนกัน

ขณะที่ด้านนอกกำลังเต็มไปด้วยสายฝนโปรยปรายจนกลิ่นไอของธรรมชาติโอบล้อมคนทั้งคู่ นำพาให้ความรู้สึกสดชื่นประทับแน่นในจิตใจ ความเงียบสงบจึงเข้ามาทักทายอย่างรวดเร็ว แต่กระนั้นก็ไม่ได้น่าอึดอัดมากนัก อาจเพราะระหว่างทั้งคู่มันคือความพอดีที่ลงตัวอย่างไม่ต้องพยายาม

“เจ้าเหมียวนายเบื่อหรือเปล่า” นายท่านเอ่ยถามขณะที่มือยังคงง่วนอยู่กับการเลาะเปลือกมะพร้าว แต่ทว่าสายตากลับจับจ้องมายังสัตว์เลี้ยงที่กำลังเล่นซนกับอุปกรณ์ทำมาหากินไม่วางตา

“เหมี้ยว~” บีมเอ่ยตอบเสียงเล็กเสียงน้อยพร้อมส่ายหัวปฏิเสธ ซ้ำยังแสดงท่าทีบ่งบอกถึงความชื่นชอบให้เจ้านายรับรู้ เจ้านายจึงส่งมอบรอยยิ้มกลับมาให้ บีมเลยแสดงท่าทีดีอกดีใจราวกับได้รับของขวัญชิ้นพิเศษ

“นายชอบปลอกคอหรือเปล่าเจ้าเหมียว” สิ้นคำถามของนายท่าน บีมก็รีบส่งเสียงร้อง “เหมี้ยว~” พร้อมกับพยักหน้าระรัวอย่างกระตือรือร้น เพราะการสวมใส่ปลอกคอก็เหมือนกับการที่นายท่านแสดงความเป็นเจ้าของและยังทำให้ฝ่ายซับรับรู้ถึงความหวงแหนของผู้เป็นนาย

“ถ้าอย่างนั้นผมจะให้นายใส่จนกว่าจะกลับถึงกรุงเทพอย่างปลอดภัย ดีหรือเปล่า ?” นายท่านยังคงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มอย่างเอาใจ ขณะที่ใบหน้ากลับเปื้อนยิ้มไม่แปรเปลี่ยน ซึ่งบีมจดจำได้ดีว่า เมื่อค่ำคืนวานอีกฝ่ายเคยพูดว่าจะมอบรอยยิ้มให้บีมมากกว่าที่เคย วันนี้ทาสแมวอย่างคุณนัทจึงทำตามคำพูดอย่างเคร่งครัด และมันก็ทำให้บีมหวงแหนรอยยิ้มนั้นไม่แพ้กัน

“เหมี้ยว~” แมวเหมียวตัวน้อยจึงยิ่งบีบเสียงให้เล็กลงกว่าเดิม ซ้ำยังแสดงสีหน้าแห่งความถูกอกถูกใจไม่หยุดหย่อน จนทำให้ผู้เป็นนายจ้องมองด้วยความเพลินตา เพราะซับอย่างบีมไม่ว่าจะอยู่ในภาพลักษณ์ใดก็ล้วนน่ามอง
   


กระทั่งวันเวลาดำเนินมาถึงช่วงเที่ยง คุณย่าก็ให้คนมาส่งปิ่นโตสำหรับมื้อกลางวัน แรงงานชั่วคราวทั้งสองจึงหยุดการแปรรูปมะพร้าวน้ำหอมเพียงครู่ แต่ทว่าบรรยากาศของโรงเก็บมะพร้าวยังคงถูกโอบล้อมด้วยหยาดฝน ความเย็นสบายจึงทำให้บีมไม่รู้สึกเหนียวตัว แต่กลับออกอาการตื่นเต้นว่าคนงานจะมองเห็นพวงหางอันฟูฟ่องที่โผล่พ้นขอบกางเกงอันมอซอหรือเปล่า เพราะนายท่านไม่อนุญาตให้เอาเก็บ แต่ก็ไม่ยอมให้ใครเห็น แถมสายคล้องจูงก็ยังไม่อนุญาตให้เอาออก บีมจึงได้แต่นั่งหันหน้าไปทางอื่นด้วยความเหนียมอาย แต่ในอกกลับหลงใหลสถานการณ์แบบนี้เป็นที่สุด เพราะบีมรู้สึกว่ามันคือมนต์เสน่ห์ของการเพลย์

“แกงไก่ยอดมะพร้าวคุณกินได้หรือเปล่าครับ ?” กระทั่งสถานการณ์ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี คุณนัทจึงเอ่ยถามอย่างเอาใจใส่ เพราะตอนอยู่ที่กรุงเทพส่วนใหญ่บีมมักจะกินแต่อาหารฟาสต์ฟู้ด

“ไม่มีปัญหาครับ เดิมทีบ้านผมก็ไม่ได้ใช้ชีวิตเลิศหรูอะไร แต่พออยู่กรุงเทพผมกลับรู้สึกว่าเวลาทุกนาทีมันมีค่าก็เลยเลือกกินแต่อะไรที่มันง่ายๆ จะได้รีบกลับไปทำงาน” บีมให้เหตุผลพร้อมตักแกงไก่ยอดมะพร้าวใส่ถาดปิ่นโตในส่วนของตัวเอง

“ลงไปนั่งกินข้างล่างเถอะเจ้าเหมียว เพราะนายชอบกินเลอะเทอะ” นายท่านกล่าวพลางหยิบถาดปิ่นโตวางไว้บนพื้นดินที่ค่อนข้างชื้นแฉะ เพราะหยาดฝนซ่านกระเซ็นเข้ามายังด้านใน ซ้ำยังเอาช้อนวางไว้บนฝาปิ่นโตแถว ๆ เขียงทรงสูงที่รับกันดีกับเก้าอี้ประจำตำแหน่ง บ่งบอกได้ว่าเวลานี้นายท่านกำลังจะทรีตบีมเหมือนกับสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งอย่างจริงจัง

“เหมี้ยว~” บีมที่มีสถานะเป็นสัตว์เลี้ยงผู้แสนเชื่อฟังจึงส่งเสียงเล็กแหลมอย่างเอาใจ ก่อนจะลงไปนั่งยองกับพื้นเพื่อทานมื้อเที่ยงแสนอร่อย แต่กระนั้นการปฏิบัติตัวราวกับแมวเหมียวก็ยังสร้างความยากลำบาก เพราะพื้นดินมันชื้นแฉะจนเกือบจะกลายเป็นดินโคลน

“กินซะ” เจ้านายกล่าวพลางโยนเนื้อไก่ลงในถาดอาหาร โดยไม่ลืมลูบศีรษะของสัตว์เลี้ยงตัวโปรดอย่างแผ่วเบา แต่อีกนัยหนึ่งก็เป็นการออกคำสั่งให้บีมก้มหน้าทานมื้อเที่ยงด้วยท่วงท่าราวกับแมวเหมียวที่ต้องใช้สี่ขาพยุงตัวระหว่างโน้มตัวลงไปละเลียดข้าวให้ถนัดขึ้น ใบหน้าของบีมจึงมูมมามสมกับที่นายท่านคาดการณ์

“เหมี้ยว~” บีมร้องครางเสียงแผ่วด้วยความรู้สึกกระชุ่มกระชวย เพราะการสวมบทบาทเป็นสัตว์เลี้ยงก็ไม่ต่างกับการเป็นทาสผู้แสนต่ำต้อย เพียงแต่สัตว์เลี้ยงอย่างบีมมีภาษีดีหน่อยที่เจ้านายสวมบทเป็นทาสแมว บีมจึงแอบเห็นอีกฝ่ายลอบยิ้มด้วยความชอบใจอยู่หลายครั้ง

“เจ้าเหมียว” นายท่านเอ่ยเรียก บีมจึงละใบหน้าออกห่างจากถาดอาหาร พร้อมใช้ดวงตาใสแจ๋วจ้องมองไปยังต้นเสียง และยังนั่งเอียงคอด้วยความฉงนเหมือนกับแมวขี้สงสัย เล่นเอาผู้เป็นนายนึกอยากจะฟัดร่างนุ่มให้หนำใจ แต่ก็ต้องข่มใจไว้

“นายนี่มันน่ารักจริง ๆ” นายท่านกล่าวพลางส่ายหน้าอย่างยอมจำนนให้กับความน่าหลงใหลของสัตว์เลี้ยงตัวโปรด ก่อนจะยื่นมือมาลูบแผ่นหลังของบีมราวกับลูบขนอันฟูฟ่องของเจ้าแมวตัวจริง

“เหมี้ยว~ เหมี้ยว~” บีมจึงส่งเสียงออดอ้อนเสียยกใหญ่ ซ้ำยังเอาใบหน้าไปคลอเคลียเรียวขาอันแข็งแกร่งของเจ้านายอย่างใจกล้า ฝ่ามืออบอุ่นจึงลูบเรือนผมของสัตว์เลี้ยงตัวโปรดไม่หยุดหย่อน

บีมในคราบแมวเหมียวจึงหันหลังให้กับชามข้าวพร้อมเอนพิงเรียวขาของเจ้านายเป็นการออดอ้อนมากกว่าเดิม ส่งผลให้พวงหางที่เจ้านายหวงแหนอยู่ในวิถีที่ผู้คนนอกโรงเรือนจะมองเห็นและยังคลุกเคล้าดินโคลนจนมอมแมม

“ให้ตายสิเจ้าเหมียว ผมเข้าใจมาตลอดว่านายเป็นตัวผู้ ผมถึงได้นึกแปลกใจว่าทำไมนายเอาแต่ร้องเหมียว ๆ ไม่หยุด แล้วเวลาที่ผมลูบตัวด้วยความเอ็นดู นายก็เอาแต่โก่งก้นพร้อมซอยขาไปมาแบบเมื่อครู่” นายท่านกล่าวพลางใช้ดวงตาคมกริบราวกับมีดแหลมคม สำรวจเรือนร่างของบีมผ่านเนื้อผ้าอันมอซอ ความต้องการของบีมจึงถูกปลุกเร้าจากการหลับใหล

“เจ้าเหมียว..” คุณนัทเอ่ยเรียกพลางออกแรงฉุดรั้งให้บีมลุกขึ้นมานั่งจุมปุกอยู่บนตัก โดยไม่สนใจว่าเนื้อตัวของบีมจะมอมแมมมากแค่ไหน เวลานี้บีมจึงได้แต่เอี้ยวตัวมองผู้เป็นเจ้าของด้วยแววตาอันแสนบริสุทธิ์

“เธอโตเป็นสาวจนออกอาการติดสัดแล้วนะเจ้าแมวเหมียว” น้ำเสียงแหบพร่าของนายท่านเอื้อนเอ่ยถ้อยคำที่เล่นเอาบีมขนลุกซู่อย่างห้ามไม่อยู่ ช่วงล่างจึงพาลออกอาการราวกับตกอยู่ในช่วงฤดูผสมพันธุ์

“อ..อา..ม..เหมียว~” บีมครวญครางเสียงหวานราวกับไม่ประสีประสา เพราะบทบาทที่ได้รับเป็นเพียงแมวตัวน้อยที่เพิ่งจะก้าวเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ แต่กระนั้นเวลาที่ฝ่ามือของเจ้านายลูบไล้ไปทั่วผิวกาย แม้จะลากผ่านเนื้อผ้าอันมอซอโดยไม่ได้แตะต้องส่วนอ่อนไหว ร่างกายของสัตว์เลี้ยงตัวโปรดก็ยังตอบสนองต่อสัญชาตญาณสัตว์เป็นอย่างดี หัวใจของบีมจึงเต้นระรัวด้วยความหวามไหว

“แม้แต่หางของเธอ ผมยังหวงขนาดนี้..” นายท่านเอื้อนเอ่ยราวกับเสียงกระซิบ ซ้ำยังลูบไล้พวงหางให้ดูเป็นขวัญตา ลมหายใจของบีมจึงยิ่งติดขัด เพราะรับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายหวงแหนตนเองมากแค่ไหน ส่งผลให้ความร้อนระอุแผ่กำจายไปทั่วเรือนร่าง

“แล้วผมจะทนเห็นเธอไปผสมพันธุ์กับแมวตัวอื่นได้ยังไง หืม ?” นายท่านกล่าวพลางลิ้มชิมใบหูและลากไล้ฝ่ามือราวกับกำลังลูบไล้ขนนุ่มฟูของแมวตัวโปรด ก่อนจะผลุบหายไปยังช่วงล่างที่กำลังคับแน่นอย่างรวดเร็ว

“อา..น..นายท่าน.. ม..เหมียว~ อื้อ..ม..เหมียว~” บีมบิดเร้ากายด้วยความเสียวซ่าน ขณะเชิดหน้ามองตรงด้วยความหวามไหว แต่กระนั้นดวงตาก็คอยแต่จะกวาดมองรอบข้างอย่างระมัดระวังเหมือนกับแมวน้อยที่แสนขี้อาย เพราะตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่มื้อกลางวันจะถูกคนงานนำไปเก็บล้าง ริมฝีปากจึงพาลเปล่งเสียงอันสุกใส เพราะความตื่นเต้นต่อการเพลย์ในที่สาธารณะยังคงตีตื้นอยู่ในอก จนกัดกร่อนเป็นความสุขสมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ช่วงล่างของบีมจึงยิ่งชื้นแฉะ

“เธอคงอยากจะบอกผมว่า จะไม่ทำในสิ่งที่ผมไม่ชอบสินะ” เจ้านายเริ่มตีความภาษาแมวเหมียว บีมจึงพยักหน้าระรัวอย่างเอาใจ แต่กระนั้นสีหน้ากลับเต็มไปด้วยความเสียวกระสันอันยากจะลืมเลือน

“ดีมาก” นายท่านเอ่ยชมด้วยน้ำเสียงแห่งความพึงพอใจไม่ต่างกับช่วงล่างที่กำลังเปล่งประกาย แต่ทว่าฝีเท้าของใครสักคนกลับก้าวเดินมาทางนี้ จังหวะการปรนเปรอจึงยิ่งทวีความหวามไหวอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเสียงฝีเท้าเริ่มกระชั้นชิดมากขึ้นทุกที นายท่านจึงดันตัวบีมให้ลุกขึ้นยืนพร้อมปลดสายจูงออกอย่างรวดเร็ว โดยที่ช่วงล่างยังคงค้างคาอยู่อย่างนั้น


-อ่านต่อหน้าถัดไป-
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-12-2019 21:16:04 โดย Chomin »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด